Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore JOURNAL-BW-MRC15-002

JOURNAL-BW-MRC15-002

Published by pollajan.y, 2019-11-12 03:38:30

Description: JOURNAL-BW-MRC15-002

Search

Read the Text Version

เจา้ ของ: กองส่งเสรมิ การวจิ ยั และบริการวิชาการ มหาวิทยาลยั มหาสารคาม ท่ปี รกึ ษา: 1) ผู้ชว่ ยศาสตราจารย์ธรี ยุทธ ชาติชนะยนื ยง 2) ผชู้ ่วยศาสตราจารย์ ดร.ฉันทนา เวชโอสถศกั ดา 3) ผูช้ ว่ ยศาสตราจารย์ ดร.กนกพร รัตนสธุ ีระกลุ 4) ผชู้ ่วยศาสตราจารย์ ดร.จินดาพร จำ�รสั เลิศลักษณ ์ 5) ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.วภิ าวี ไทเมืองพล 6) อาจารย์ ดร.สมุ ลวรรณ ชุ่มเชอ้ื 7) อาจารยก์ นกกลุ มาเวียง 8) อาจารย์ศกั ดเิ์ จริญ ภวภตู านนท์ 9) อาจารยส์ นั ทนา ภริ มยเ์ กียรติ 10) อาจารย์วรรณา คำ�ปวนบตุ ร 11) อาจารยพ์ ิมพ์พร ภูครองเพชร 12) อาจารย์ ดร.ธายุกร พระบำ�รงุ 13) อาจารย์ ดร.ฤทธิไกร ไชยงาม 14) อาจารย์วชริ วัตติ์ อาริยะสริ ิโชติ 15) นางฉวีวรรณ อรรคะเศรษฐัง เรยี บเรยี ง: นางวัชญา ออ่ นนางใย คณะท�ำ งาน: นายสถาพร กนิ ณรินทร์ ออกแบบรปู เล่ม: นายปรชี า ศรบี ุญเศษ คณะทำ�งาน: คณะกรรมการบรหิ ารงานบริการทางวิชาการ มหาวทิ ยาลัยมหาสารคาม กองสง่ เสริมการวจิ ยั และบรกิ ารวิชาการ

คำ�นำ� เอกสารประกอบการนำ�เสนอผลงานฉบับน้ีเป็นส่วนหน่ึงของงานประชุมวิชาการมหาวิทยาลัย มหาสารคามวิจัย ครั้งที่ 15 “51 ปี มหาวิทยาลัยมหาสารคาม ‘ผู้มีปัญญา พึงเป็นอยู่เพ่ือมหาชน’” “51 years Mahasarakham University: Public Devotion is a Virtue of the Learned” “สาขา บรกิ ารวชิ าการ” จดั ท�ำ ขน้ึ เพ่ือเป็นเอกสารประกอบการนำ�เสนอผลงานและเผยแพร่ผลงานโครงการทไี่ ด้ รบั ทนุ สนบั สนนุ จากมหาวทิ ยาลยั มหาสารคาม ในปงี บประมาณ พ.ศ. 2562 และเพอ่ื เปน็ การแลกเปลย่ี น เรยี นรคู้ วามคดิ เหน็ ประเดน็ ปญั หา และหาวธิ กี ารพฒั นาปรบั ปรงุ แกไ้ ขการบรกิ ารวชิ าการของมหาวทิ ยาลยั มหาสารคามให้มปี ระสทิ ธภิ าพเพิ่มมากข้นึ ท้ังนี้ หากมขี อ้ ผิดพลาดประการใด ทางกองส่งเสรมิ การวจิ ยั และบริการวชิ าการ มหาวิทยาลัย มหาสารคาม พรอ้ มท่จี ะนอ้ มรบั ขอ้ เสนอแนะดงั กลา่ วทกุ ประการ กองส่งเสริมการวิจยั และบริการวิชาการ มหาวทิ ยาลัยมหาสารคาม กนั ยายน 2562

สารบญั การพฒั นาศักยภาพชมุ ชนด้วยทุนทางวฒั นธรรมและกระบวนการออกแบบสร้างสรรค์อยา่ งบูรณาการบ้านหนองโนใต้ ต�ำ บลนาดูน อำ�เภอนาดนู จังหวมั หาสารคาม 7 สนุ ทรยี ์ ถูกจิตต์ และคณะ คณะวศิ วกรรมศาสตร์ มหาวทิ ยาลยั มหาสารคาม การถา่ ยทอดองค์ความรเู้ รือ่ งรปู แบบการแสดงกลองยาวและเกณฑก์ ารตัดสินการประกวดกลองยาว 14 ศราวุธ โชตจิ �ำ รัส และคณะ วิทยาลยั ดรุ ิยางคศลิ ป์ และ คณะศลิ ปกรรมศาสตร์ มหาวทิ ยาลยั มหาสารคาม การพฒั นากระบวนการจัดการขยะมูลฝอยและของเสียชุมชนโดยใหป้ ระชาชนมีส่วนร่วม 23 อภพิ งษ์ พุฒค�ำ , ยุวดี ไชยเชษฐ์, นพิ นธ์ ตนั ไพบูลย์กลุ , กนกวรรณ ศุกรนันทน์ และ ธรพร บศุ ยน์ �ำ้ เพชร คณะส่งิ แวดลอ้ มและทรัพยากรศาสตร์ มหาวทิ ยาลยั มหาสารคาม การพฒั นาสมรรถนะการช่วยฟื้นคืนชพี ขั้นพ้นื ฐาน ในกล่มุ ครูห้องปฐมพยาบาลโรงเรียนมัธยมศกึ ษา เขตพ้นื ที่จังหวดั มหาสารคาม 31 นนั ทวรรณ ทพิ ยเนตร และคณะ คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหาสารคาม การพฒั นาทกั ษะ องค์ความรู้ใหม่ และบรหิ ารการจดั การทางด้านวิศวกรรมของผปู้ ระกอบการส่ิงก่อสร้าง รายยอ่ ยในพน้ื ทีภ่ าคตะวนั ออกเฉียงเหนอื 37 ศิวา แกว้ ปลั่ง และคณะ คณะวศิ วกรรมศาสตร์ มหาวทิ ยาลยั มหาสารคาม การพฒั นาศกั ยภาพการเรียนการสอนทางวิทยาศาสตรโ์ ดยการฝกึ ปฏิบตั ิจริง ระยะท่ี 2 อิสราภรณ์ สมบญุ วฒั นกุล และคณะ คณะเทคโนโลยี มหาวทิ ยาลัยมหาสารคาม การส�ำ รวจทรัพยากรฐานรากชุมชนบา้ นปา่ โพธ์สิ ำ�หรบั วางแนวทางการพัฒนาแหล่งทอ่ งเท่ยี ววิถชี ุมชน 47 อนวุ ัฒน์ วนั ทอง, วิญญา ดงุ แก้ว, อรอนงค์ ชีระโรจน,์ กานต์ศริ ิ ปกั เคธาต,ิ คงวิทย์ ประสทิ ธนิ์ อก, วราภรณ์ สทุ ธสิ า, สจุ ริ า มณรี ัตน์, ปัทมาวดี ปาสาจะ, ญาณวฒุ ิ อุทรักษ,์ ภูวดล โกมณเฑียร, อฤุ ทธิ์ เจรญิ อินทร์, วุฒิศาสตร์ โชคเกือ้ , นติ ศิ ักด์ิ ปาสาจะ คณะวทิ ยาศาสตร์ มหาวทิ ยาลัยมหาสารคาม การบรู ณาการการสหวทิ ยาเพอื่ การพัฒนาชมุ ชนคำ�แคนอย่างย่งั ยืน 52 วุฒิศาสตร์ โชคเก้ือ และคณะ คณะวิทยาศาสตร์ มหาวทิ ยาลัยมหาสารคาม การบรกิ ารวิชาการเพ่ือบรู ณาการนวัตกรรมการผลิตขา้ วฮางงอกอนิ ทรยี ส์ กู่ ารยกระดบั ขา้ วคุณภาพสงู และสงั คมที่ยั่งยืนในกลุ่มจงั หวัดรอ้ ยแก่นสารสนิ ธ์ ุ 58 สุพรรณ ย่ังยนื , มีศักดธ์ิ นา พวั พิทธยาธร, ตรีญาภทั ร แสงตา, สวุ ิทย์ เสนาลาด, ธวชั กองสี และสมนกึ พนั เสนา คณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหาสารคาม น้�ำ นมปลอดภัย สร้างเสรมิ สุขภาพชุมชน 65 มนกานต์ อินทรกำ�แหง และคณะ คณะสัตวแพทยศาสตร์ มหาวทิ ยาลัยมหาสารคาม ศนู ยก์ ารเรียนรดู้ า้ นการจัดการขยะ 72 สนุ นั ทา เลาวัณย์ศิริ และคณะ คณะส่งิ แวดลอ้ มและทรพั ยากรศาสตร์ มหาวทิ ยาลยั มหาสารคาม การพัฒนาเยาวชนจติ อาสาด้านเกษตรอนิ ทรียแ์ ละการอนรุ ักษส์ ่งิ แวดลอ้ ม 79 วุฒศิ กั ดิ์ บญุ แน่น, พนมพงศ์ สวุ รรณสิงห์ และคณะ โรงเรยี นสาธติ มหาวิทยาลยั มหาสารคาม (ฝ่ายมัธยม)

การแปรรปู ผลติ ภณั ฑ์จากธรรมชาติและภูมิปัญญาท้องถน่ิ ในตำ�บลเหลา่ ดอกไมเ้ พอ่ื สง่ เสริมชอ่ งทาการตลาด 85 ในการพฒั นาปา่ โคกขา่ วและการสรา้ งมูลค่าเพ่ิมใหช้ มุ ชนเพื่อเปน็ แหล่งเรยี นรูเ้ ชิงนเิ วศของจงั หวดั มหาสารคาม 90 พลาญ จนั ทรจตุรภทั ร และคณะ คณะการบัญชแี ละการจัดการ มหาวิทยาลยั มหาสารคาม การสรา้ งเครือขา่ ยและพัฒนายวุ ชนผลติ ภัณฑห์ วาย ผลิตภัณฑ์ผักตบชวาผลติ ภณั ฑ์กก และผลิตภัณฑจ์ ักสาน ในจังหวัดมหาสารคาม สุมิตรา จริ ะวฒุ นิ ันท์ และคณะ คณะการบัญชีและการจดั การ มหาวทิ ยาลยั มหาสารคาม



การพฒั นาศักยภาพชุมชนด้วยทุนทางวัฒนธรรมและกระบวนการออกแบบสรา้ งสรรค์อยา่ ง บูรณาการบ้านหนองโนใต้ ตาบลนาดูน อาเภอนาดนู จังหวัดมหาสารคาม สุนทรยี ์ ถกู จิตต์ และคณะ คณะวศิ วกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหาสารคาม 1. ความเปน็ มาของปัญหา บ้านหนองโนใต้ ตาบลนาดูน อาเภอนาดูน จังหวัดมหาสารคาม เป็นหมู่บ้านที่มีศักยภาพเชิง พ้ืนท่ี มีเร่ืองราวทางวัฒนธรรมและวิถีชนบทอีสาน คติความเช่ือด้ังเดิมของชุมชน ทรัพยากรธรรมชาติ ได้แก่พืชพรรณประจาถ่ินและทรัพยากรทางวัฒนธรรม บ้านหนองโนใต้ได้เร่ิมมีชื่อเป็นท่ีรู้จักแก่สังคม ภายนอกดว้ ยหมอลาหุ่นคณะเด็กเทวดา ได้ไปแสดงละครหมอลาหุ่นในเวทีต่างๆหลายครั้ง มีการเผยแพร่ ทางสื่อสาธารณะตา่ งๆมากมาย จนมชี ่ือเสยี งในระดับชาติ และระดับสากล ทาใหม้ คี นจานวนมากเดนิ ทาง ม า เย่ี ย ม ช ม ห มู่ บ้ า น ห น อ ง โน ใ ต้ เพื่ อ ชมหมลาหุ่นกระต๊ิบข้าวคณะนี้ หมู่บ้าน ชนบทอีสานแห่งน้จี ึงกลายเปน็ จดุ หมาย ปลายทางของผู้มาเยี่ยมชมเป็นหมู่คณะ และผู้เดินทางผ่านเส้นทางมาแวะเย่ียม ชมเป็นคร้ังคราว ทาให้กลุ่มผู้ดาเนิน กิจกรรมได้แก่กลุ่มหมอลาหุ่นคณะเด็ก เทวดา และกลุ่มหัตถกรรมจักสานและ ท อ ผ้ า บ้ า น ห น อ ง โ น ใต้ ไ ด้ เรี ย น รู้ ก า ร ต้อ น รับ ผู้ม าเยื อน แ ละเกิด ค วาม ต้องการนาเสนอส่ิงท่ีมีคุณค่าเป็นของที่ ร ะ ลึ ก แ ล ะ ผ ลิ ต ภั ณ ฑ์ ข อ ง ชุ ม ชุ น เพื่ อ จาหน่ายแก่ผู้มาเท่ียว จึงได้เกิดการหา แ น ว ท า งส ร้ า ง ผ ลิ ต ภั ณ ฑ์ แ ล ะ สิ น ค้ า ที่ สะท้อนอัตลักษณ์ของบ้านหนองโนใต้ โดยน าความ รู้ ภู มิ ปั ญ ญ าท้ องถิ่น วัฒนธรรม และวิถีชีวิตชาวบ้าน มาต่อ ยอดและผสมผสานกับความโดดเด่น ของหมอลาหุ่น รวมท้ังการจัดเตรียมห้องพักรับรองสาหรับพักค้างคืนให้แก่นักท่องเท่ียว เพื่อเป็นการ ตอบสนองความตอ้ งการของผ้มู าเท่ียว และเป็นการสร้างรายไดเ้ พม่ิ อกี ด้วย

8 เอกสารประกอบการนำ�เสนอผลงาน ในงานการประชุมวิชาการมหาวทิ ยาลยั มหาสารคามวิจยั ครั้งที่ 15 : สาขาบรกิ ารวชิ าการ” ในการดาเนินการของชาวบ้านหนองโนใต้ดังกล่าว เกิดขึ้นโดยปัจจัยความต้องการของตลาด เป็นแรงจูงใจให้กลุ่มชาวบ้านที่รวมตัวกันในกลุ่มหัตถกรรมจักสานและทอผ้าพยายามตอบสนองความ ต้องการน้ัน ด้วยการนาเสนอสิง่ ที่มีอยู่เป็นสินค้าประเภทต่างๆที่เชื่อมโยงกับเรื่องราวของหมอลาหุ่น แต่ กลุ่มหัตถกรรมได้มคี วามต้องการให้นักวิชาการเข้าไปร่วมมีส่วนในการดาเนินการด้วย ในโครงการบูรณา การหลักสูตรเพ่ือชุมชนนี้จึงได้เกิดข้ึน โดยเป็นการบูรณาการความรู้หลายหลักสูตรของคณะ สถาปัตยกรรมศาสตร์ ผังเมืองและนฤมิตศิลป์ มหาวิทยาลัยมหาสารคาม เพื่อถ่ายทอดให้ชาวบ้านหนอง โนใต้ไดม้ ีแนวทางในการพัฒนาต่อยอดจากทรัพยากรท่ีมอี ยู่ในชุมชน สามารถสรา้ งมลู คา่ ทางเศรษฐกิจได้ อยา่ งเหมาะสมกับสภาพการณ์ปัจจุบัน โดยการบูรณาการเข้ากบั การเรยี นการสอนในหลายสาขาวชิ า เช่น สถาปัตยกรรม ภูมิสถาปัตยกรรม สถาปัตยกรรมภายใน นฤมิตศิลป์ และการจัดการงานก่อสร้าง จึง สามารถนาความรู้มาถ่ายทอดในลักษณะการบูรณาการให้เกิดประโยชน์สูงสุดแก่ชุมชนได้เป็นอย่างดี ปัจจุบันวิถีชีวิตเดิมท่ีสงบเรียบง่าย กาลังปรับเปล่ึยนตัวเองสู่การพัฒนาเป็นชุมชนสร้างสรรค์ที่นาทุนทาง วัฒนธรรมมาสร้างมูลค่าเพิ่ม โดยยังคงมีความต้องการดารงรักษาอัตลักษณ์ของชุมชนไว้ให้ม่ันคง เป็น ความเข้มแข็งของกลุ่มท่ีดาเนินกิจกรรมอย่างมีพลัง และมีความต้องการที่จะพัฒนาต่อไปในแนวทางของ การท่องเทีย่ วทางวัฒนธรรม 2. วัตถปุ ระสงค์โครงการ 1. เพอื่ ศึกษาทนุ ทางวฒั นธรรมของชุมชนบ้านหนองโนใต้ 2. เพื่อพัฒนาศกั ยภาพชมุ ชนผ่านทนุ ทางวฒั นธรรม 3. กระบวนการดาเนนิ การ การบูรณาการหลักสูตร ได้แก่ หลกั สูตรนฤมิต ศิลป์ หลักสูตรสถาปัตยกรรม หลักสูตรสถาปัตยกรรม เมืองและชุมชน หลักสูตรสถาปัตยกรรมภายใน หลักสูตรภูมิสถาปัตยกรรม และหลักสูตรการจัดการ งานก่อสร้าง ทุกหลักสูตรมีส่วนร่วมในกระบวนการ แบบองค์รวมเพื่อให้บรรลุเป้าหมายโครงการ โดยมีการ ดาเนนิ งานดา้ นตา่ งๆท่ีสอดคลอ้ งกับหลกั สูตรดงั น้ี 3.1 การออกแบบผลิตภัณ ฑ์ บูรณ าการ หลกั สูตรนฤมิตศลิ ป์ หลักสูตรสถาปตั ยกรรมภายใน 3.2 การจัดทาศูนย์การเรียนรู้ชุมชน บูรณา การหลักสูตรนฤมิตศิลป์ หลักสูตรสถาปัตยกรรม หลักสูตรสถาปตั ยกรรมภายใน หลักสูตรสถาปัตยกรรม เมืองและชมุ ชน หลักสตู รการจัดการงานก่อสรา้ ง

เอกสารประกอบการนำ�เสนอผลงาน 9 ในงานการประชุมวชิ าการมหาวทิ ยาลยั มหาสารคามวจิ ัย คร้งั ที่ 15 : สาขาบริการวชิ าการ” 3.3 การจัดการท่อี ย่อู าศัยเพื่อรองรับการทอ่ งเท่ียวเชงิ วัฒนธรรม บูรณาการหลักสตู รนฤมิตศิลป์ หลักสตู รสถาปตั ยกรรมภายใน หลักสตู รการจดั การงานกอ่ สร้าง 3.4 การปรับปรุงภูมิทัศน์และพื้นท่ีเพื่อการทอ่ งเที่ยวเชิงวัฒนธรรม บูรณาการหลกั สูตรภูมิ สถาปตั ยกรรม หลักสูตรการจดั การงานก่อสร้าง ตารางที่ 1.1 การดาเนินงานตามเป้าหมายดา้ นผลผลติ ของโครงการ เปา้ หมายการ ขอบเขตงาน วิธดี าเนนิ งาน ดาเนนิ งาน/ผลผลติ ผลติ ภณั ฑ์ ออกแบบพฒั นาผลิตภณั ฑจ์ ากผา้ ศึกษาส่งิ ที่มีอยู่ และศักยภาพของคน ความรู้ ศนู ยก์ ารเรยี นรู้ชมุ ชน ฝ้ายทอมอื ย้อมสธี รรมชาติเป็นชดุ ทรพั ยากร/สรุป กาหนดรายการผลิตภณั ฑ/์ จดั การท่อี ยู่อาศัยเพ่อื เครอ่ื งนอน ผ้ามา่ น และของใชใ้ น รว่ มกันคดิ สรา้ งสรรค์ออกแบบ/ชาวบ้าน โฮมสเตย์ การปรบั ภมู ทิ ศั น์ บ้าน อาจารย์ นสิ ติ รว่ มกันผลติ ต้นแบบ ออกแบบส่ือส่งิ พิมพแ์ ละสง่ิ จดั แสดง เกบ็ รวบรวมข้อมลู ประวัติ เรื่องราวต่างๆ/ ขอ้ มลู ชมุ ชน เพ่ือการเรยี นรู้ ทบทวน ตรวจสอบร่วมกัน/ออกแบบ และจัดทา สอ่ื จดั แสดง ให้ความร้เู รอ่ื งการจัดบา้ นเพ่ือเป็น สารวจบ้านสมาชิกที่เข้ารว่ ม/กาหนดใช้ ท่พี โั ฮมสเตย์ ตามแนวทางของ มาตรฐานโฮมสเตยไ์ ทยเปน็ แนวทางการจัด มาตรฐานโฮมสเตยไ์ ทย หอ้ งพกั /นาผลติ ภณั ฑ์ที่ทาขน้ึ มาจดั ตกแตง่ บ้าน ปรับปรงุ ภูมิทัศนบ์ รเิ วณภายนอก สารวจพืน้ ที่/มอบหมายงานให้นสิ ติ ออกแบบ/ ศนู ยเ์ รยี นรู้ใหส้ วยงามเหมาะสม นาเสนอตอ่ ชมุ ชน/สรุปรูปแบบ/ชมุ ชนร่วมกัน เพอ่ื เปน็ จดุ เย่ียมชม จัดทาการปรบั ภูมทิ ัศน์ 4. การบูรณาการกบั ภารกจิ หลกั ดา้ นอ่นื ๆ 4.1 บูรณาการกับการเรียนการสอน ได้ใช้ กระบวนการทางานแบบมสี ว่ นรว่ มระหว่างชมุ ชนและ คณะทางาน ชุมชนนาโดยสมาชิกกลุ่มหัตถกรรมจัก สานและทอผ้า และสมาชิกท่ีมีความสนใจเข้าร่วม คณะทางานประกอบด้วยคณาจารย์ และนิสิตในแต่ ละหลักสูตรที่ร่วมโครงการ โดยอาจารย์นานิสิตใน รายวชิ าท่ีเกย่ี วขอ้ งมาร่วมกิจกรรม ไดแ้ ก่ 4.1.1 นิสิตสาขาภูมิสถาปัตยกรรม ได้นาวิชา Landscape Design โดยกาหนดโจทย์ โครงการออกแบบปรับภูมิทัศน์บริเวณศูนย์เรียนรู้ให้นิสิตทาการศึกษาข้อมูลพื้นท่ี ชุมชน และปัจจัยที่ เก่ียวข้อง และออกแบบภูมิทัศน์เปน็ รูปแบบ Lay Out Plan อาจารย์ทาการคัดเลือกแบบมาจานวนหนึ่ง

10 เอกสารประกอบการน�ำ เสนอผลงาน ในงานการประชุมวิชาการมหาวทิ ยาลัยมหาสารคามวิจยั ครงั้ ท่ี 15 : สาขาบรกิ ารวชิ าการ” นาแบบมาเสนอต่อชุมชน เมื่อชุมชนได้พิจารณาแล้ว สรุปความต้องการแป็นแบบขั้นสุดท้าย แล้วนาไปใช้ใน กระบวนการวางแผนจัดการงานก่อสร้าง เพื่อทาแผน ดาเนินงาน กาหนดความรับผิดชอบ กรอบระบะเวลา และค่าใช้จ่ายในการดาเนนิ งาน และดาเนินงานร่วมกับ ชุมชน นิสิตได้เรียนรู้การศึกษาข้อมูลเบื้องต้นในพื้นที่ ชุมชน การวิเคราะห์ข้อมูลพื้นที่ การออกแบบและจัด วาง และการนาเสนอ 4.1.2 นิสิตสาขานฤมิตศิลป์ ช้ันปีท่ี 3 ได้ นาวิชาการออกแบบหัตถอุตสาหกรรมเพื่อพ้ืนท่ีอยู่ อาศัย โดยกาหนดโจทย์ให้ศกึ ษาขอ้ มูลชมุ ชน ภูมิปญั ญา และหัตถกรรมท้องถ่ิน ค้นหาวัสดุและเทคนิคที่ เหมาะสม นิสิตได้ร่วมลงพื้นที่ศึกษาชุมชน เก็บข้อมูล ด้านต่างๆ แล้วนาไปคิดวิเคราะห์เพื่อสร้างงานออกแบบผลิตภัณฑ์ จากวัตถุดิบท่ีมีในชุมชนโดยใช้กระบวนการออกแบบ กลับไป ประชุมร่วมกับชุมชน นาเสนอแนวความคิด รับฟังความเห็น และ นามาพัฒนาตอ่ เป็นตน้ แบบผลิตภณั ฑ์ 4.2 บูรณาการกับการวิจัย ศึกษากระบวนการพัฒนา ผลิตภัณฑ์ร่วมกบั ชุมชนอย่างบูรณาการ อย่รู ะหวา่ งดาเนินการ 4.3 บูรณาการกับการทานุบารุงศิลปวัฒนธรรม ยังไม่มี ในโครงการนี้ แต่จากการลงพื้นท่ศี ึกษาพบประเดน็ ที่นา่ สนใจในการ ทานุบารุงศิลปวัฒนธรรมคือ การสืบทอดศิลปวัฒนธรรมต่อไปใน อนาคต ซึ่งยังไม่มีการดาเนินการ ส่วนการแสดงหมอลาหุ่นน้ันเป็น กลุ่มเยาวชนที่ถือเป็นคนรุ่นใหม่ที่ได้ร้ือฟื้นและสร้างสรรค์งานหมอ ลาหุน่ ขนึ้ มาบจนมีช่อื เสียง แต่ก็ยังไมม่ รี ะบบการถา่ ยทอดสรู่ ุ่นตอ่ ไป 5. ผลลัพธจ์ ากการดาเนินงานโครงการ 5.1 ขอ้ ค้นพบตามวตั ถปุ ระสงค์ 5.1.1. เพื่อศึกษาทุนทางวฒั นธรรมของชมุ ชนบ้านหนองโนใต้ ทุนทางวัฒนธรรม คือ มรดกภูมิปัญญาทางวัฒนธรรมของชาติซึ่งกรมส่งเสริมวัฒนธรรม ของกระทรวงวัฒนธรรมกาหนดไว้มี 7 สาขา คือ 1) ภาษา 2) วรรณกรรมพ้ืนบ้าน 3) ศิลปะการแสดง 4) แนวทางปฏิบัติทางสังคม พิธีกรรม และงานเทศกาล 5) งานช่างฝีมือด้ังเดิม 6) ความรู้และแนว

เอกสารประกอบการน�ำ เสนอผลงาน 11 ในงานการประชุมวิชาการมหาวทิ ยาลยั มหาสารคามวจิ ยั คร้งั ที่ 15 : สาขาบริการวิชาการ” ปฏบิ ัติเกยี่ วกับธรรมชาตแิ ละจกั รวาล 7) กฬี า ภมู ปิ ัญญาไทย บา้ นหนองโนใต้มีทนุ ทางวัฒนธรรมท่ียังคง ปรากฏอยู่ในปัจจุบันได้แก่ งานช้างฝ่มือดั้งเดิม หรืองานศิลปหัตถกรรมทอผ้า และงานจักสาน การทา หนังบักตื้อ ซ่ึงกลุ่มหัตถกรรมยังคงทาเป็นอาชีพสร้างรายได้เสริม ส่วนทุนทางวัฒนธรรมท่ีเป็นนามธรรม น้นั ยังคงดารงอยู่ในผู้สูงอายุเช่น การร้องทานองสรภัญญะ พิธีกรรมเสีย่ งทายมอกะโป๋ เป็นต้น จะมีการ ปฏิบัติในวาระโอกาสทางศาสนา และจดั ข้ึนตามฤดูกาลเท่านั้น และมีการถ่ายทอดให้เยาวชนรนุ่ หลงั โดย การมาขอเรียนรู้ในชว่ งเวลาส้นั ๆ ตามวตั ถุประสงค์เฉพาะเทา่ นน้ั ยงั ไม่มีการจดั รูปแบบการถ่ายทอดอยา่ ง เป็นระบบ ซ่ึงในส่วนน้ีเป็นประเด็นที่น่าสนใจในการทาการวิจัยต่อไป ในโครงการน้ีจีงได้นามรดกภูมิ ปัญญาด้านงานช่างฝีมือดั้งเดิมมาเป็นเป้าหมายในการพัฒนาศักยภาพของชุมชนโดยใช้กระบวนการ ออกแบบสรา้ งสรรค์และบูรณาการหลักสูตรด้านการออกแบบสร้างสรรค์ของคณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ ผังเมอื งและนฤมิตศลิ ป์ 5.1.2. เพื่อพฒั นาศักยภาพชมุ ชนผ่านทุนทางวัฒนธรรม ศักยภาพ แปลว่า ความสามารถที่ยังไม่พัฒนา หรือยงั ไม่พัฒนาเต็มที่ ศักยภาพของชุมชน คอื การท่ีชุมชนมี คน ความรู้ และทรัพยากร แต่ขาดโอกาสในการเรยี นรู้และพัฒนาศักยภาพของตนเอง ไม่มีความร้ใู นการจัดการทรัพยากรใหเ้ กิดประโยชนแ์ กช่ ุมชนอย่างยัง่ ยืน (เสรี พงศพ์ ิศ 2548 : 115) ชาวบ้านหนองโนใต้ท่ีร่วมกันเป็นกลุ่มหัตกรรมจักสานและทอผ้า มีความชานาญในงาน หตั ถกรรมจักสาน และกระบวนการผลิตของผา้ ไหม ผา้ ฝ้าย เปน็ อย่างดี ในการพัฒนาศักยภาพของชมุ ชน ในดา้ นน้ีเพือ่ ให้ชาวบา้ นผู้ผลิตงานสามารถมีรายไดเ้ พ่ิมมากขนึ้ ด้วยการผลติ งานท่ีมีคณุ ภาพดี มีประโยชน์ และสวยงามตรงตามความต้องการของตลาด และมีรูปแบบที่ใหม่และหลากหลายมากกว่าเดิม มีความ สอดคล้องกับกระแสความนิยมและรูปแบบการใช้ชีวิตของคนท่ัวไปในปัจจุบัน นอกจากน้ีได้พบว่า ชาวบ้านมีความต้องการจัดตั้งกลุ่มโฮมสเตย์ขึ้นเพ่ือรองรับนักท่องเที่ยว จึงมีความต้องการดาเนินการ ท่องเท่ียวแบบโฮมสเตย์ โครงการจึงมีแนวทางการพัฒนาศักยภาพชุมชนท่ีเน้นผลลัพธ์ด้านการสร้าง มูลค่าเพม่ิ ทางเศรษฐกิจ ดังนี้ 1) สร้างรปู แบบสนิ ค้าใหม่ทีต่ อบสนองวถิ ชี วี ิตของคนทัว่ ไป 2) สนับสนุนการจัดแผนกาลงั คนดา้ นการผลิตเพื่อให้เกิดความมน่ั คง 3) การให้คาแนะนาในการปรบั ปรงุ บ้านเป็นทีพ่ ักโฮมสเตย์ตามแนวทางมาตรฐานโฮม สเตย์ไทย

12 เอกสารประกอบการน�ำ เสนอผลงาน ในงานการประชมุ วชิ าการมหาวิทยาลัยมหาสารคามวจิ ัย ครง้ั ท่ี 15 : สาขาบรกิ ารวชิ าการ” 4) ส่งเสริมความตระหนักรู้ในทุนทางวัฒนธรรมของชุมชนด้วยการจัดแสดงศูนย์การ เรยี นรู้วัฒนธรรมชุมชน 5.2 ข้อคน้ พบอนื่ ๆ 5.2.1. กลุ่มหัตกรรมจักสานและทอผ้ามีสมาชิกจานวน 15 คน คิดเป็นจานวนน้อยกว่า ร้อยละ 10 ของคนในชมุ ชน และสมาชกิ เปน็ ผูส้ งู วยั จงึ เป็นอปุ สรรคต่อการพัฒนาศกั ยภาพการผลิตสินคา้ ภูมิปัญญาทางวฒั นธรรม 5.2.2. ความต้องการปรับปรุงบ้านให้เป็นบ้านโฮมสเตย์ เป็นกระแสที่ชาวบ้านตอบรบั มีผู้ ตอ้ งการเข้ารว่ มจานวนมากและมีความสอดคล้องกบั การสนับสนุนของหน่วยงานทอ้ งถน่ิ ทจ่ี ะส่งเสริมให้มี การทอ่ งเทยี่ วแบบโฮมสเตยใ์ นท้องถนิ่ แต่ชุมชนยังไม่มีความรูใ้ นการดาเนินการโฮมสเตย์เพียงพอ 5.2.3. ยังไม่มีระบบการจัดการความรภู้ ูมิปัญญาทางวัฒนธรรมของชุมชน ซึ่งเป็นส่ิงที่ควร ดาเนินการอย่างเร่งด่วนและครบวงจร เพื่อให้เกิดการพัฒนาอย่างย่ังยืนบนฐานของภูมิปัญญาทาง วฒั นธรรม 5.3 การขยายผลไปสูห่ นว่ ยงานอน่ื ๆ ทีเ่ กีย่ วข้อง 5.3.1. หน่วยงานระดับท้องถ่ิน ได้แก่ เทศบาลตาบล พัฒนาการชุมชน ฯลฯ ที่สามารถ เข้าถึงและใกล้ชิดชุมชน ควรได้เข้ามาร่วมกันวางแผนและดาเนินงานเพื่อให้ตอบเป้าหมายกลยุทธ์การ พฒั นาระดบั จังหวดั 5.3.2. หน่วยงานของรัฐ ที่สามารถสนับสนุนเงินทุน ความรู้ เทคโนโลยี เพื่อพัฒนา โครงการให้พัฒนาในเชิงลกึ มากขึ้น เช่น ดา้ นการใหท้ นุ การส่งเสริมตลาด เทคโนโลยี เปน็ ต้น

เอกสารประกอบการน�ำ เสนอผลงาน 13 ในงานการประชมุ วิชาการมหาวทิ ยาลัยมหาสารคามวิจยั ครงั้ ท่ี 15 : สาขาบริการวิชาการ” 5.3.3.หนว่ ยงานเอกชน สามารถมสี ่วนรว่ มไดท้ ้งั ด้านการสนับสนนุ เงินทนุ องค์ความรู้ การ สนับสนุนตลาด เป็นต้น 6. บทสรปุ โครงการ การร่วมกับชุมชนในการดาเนินโครงการลักษณะนี้ในระยะเริ่มต้นสามารถใช้กลุ่ มเป้าหมายท่ีมี ความพร้อม มีความกระตือรือร้น มีความต้ังใจและความร่วมมือในการทางาน โครงการนี้ได้ร่วมงานกับ กลุ่มหัตถกรรมจกั สานและทอผ้า ซ่ึงเป็นกล่มุ หตั ถกรรมขนาดเลก็ มีจานวนสมาชกิ ไม่มาก แตม่ ผี นู้ ากล่มุ ท่ี เข้มแข็งมีความต้ังใจ และมีความสามารถในการประสานงานระหว่างสมาชิก ส่ิงนี้เป็นปัจจัยแห่ง ความสาเร็จที่สาคัญของโครงการ ส่วนความสาเร็จที่ต่อเนื่องในอนาคตนั้นจาเป็นต้องมีการขยายฐาน ความร่วมมือให้ผู้ที่ยังไม่เคยมีส่วนร่วมในชุมนได้เข้ามามีส่วนร่วมมากขึ้น โดยมีความสาเรจ็ ที่ผ่านมาเป็น แรงจูงใจ การบริการวิชาการแกช่ ุมชนโดยใช้หลายหลักสูตรเป็นฐานในการดาเนนิ งานเป็นกรอบท่ีมีความ ยืดหยนุ่ มากขึ้น ทาให้เกิดการผสมผสานองค์ความรู้ และได้ผลผลิต ผลลัพธ์ท่ีหลากหลาย และทาให้การ พัฒนาชุมชนสามารถทาได้พร้อมกันในหลายมิติ จึงเป็นรูปแบบท่ีควรสนับสนุนให้เกิดการทางานใน ลกั ษณะน้ตี อ่ ไป 7. บรรณานุกรม กองบรรณาธิการและสานักมรดกภูมิปัญญาทางวัฒนธรรม กรมส่งเสริมวัฒนธรรม, “ 9 ส่ิงควรรู้กับมรดกภูมิ ปญั ญาทางวัฒนธรรม”, วฒั นธรรม, 51, 3 (ต.ค. – ธ.ค. 2555), หนา้ 66 – 67. เสรี พงศพ์ ศิ . (2548). ฐานคดิ : จากแผนแม่บทสู่วสิ าหกิจชมุ ชน. กรงุ เทพฯ : พลังปัญญา.

การถา่ ยทอดองค์ความรู้เร่ืองรูปแบบการแสดงกลองยาวและเกณฑ์การตัดสิน การประกวดกลองยาว ศราวุธ โชตจิ ารสั และคณะ วิทยาลยั ดรุ ยิ างคศลิ ป์ และ คณะศลิ ปกรรมศาสตร์ มหาวทิ ยาลัยมหาสารคาม 1. ความเป็นมาของปัญหา วิทยาลัยดรุ ยิ างคศลิ ป์ มหาวทิ ยาลัยมหาสารคาม ไดจ้ ัดการเรยี นการสอนดา้ นดนตรีและสง่ เสริม ศิลปวฒั นธรรม ซึ่งในปัจจุบันได้มีการจัดการเรียนการสอนและผลติ บัณฑติ ในระดับ ปริญญาตรี ปริญญา โท และปริญญาเอก ท้ังยังสนับสนุนและให้ความรู้แก่ชุมชนในด้านต่างๆ ส่งเสริมให้นิสิตถ่ายทอดองค์ ความรู้ในการปฏิบัติให้แก่ผู้อ่ืน ซึ่งเป็นส่ิงสาคัญของท่ีทาให้ผู้เรียนเกิดทักษะการคิด การส่ือสารและ เสริมสร้างการเป็นสมาชิกท่ีดีของสังคม นับแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน ดนตรีและศิลปะการแสดงพ้ืนบ้านถูก นามาใช้ในพิธีกรรมต่างๆ ทั้งงานบุญประเพณี งานร่ืนเริงต่างๆ หรืออื่นๆ ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งในกิจกรรมท่ี เกิดขึ้นระหว่างคนในชุมชน บทบาทของดนตรีและศิลปะการแสดงจึงมีผลในการเชื่อมความสัมพันธข์ อง คนในชุมชนให้มีความสามัคคี สร้างความสนุกสนานตามแบบประเพณีนิยม วิทยาลัยดุริยางคศิลป์ มหาวิทยาลัยมหาสารคาม เคยได้รับการสนับสนุน โครงการหน่ึงหลักสูตรหนึ่งศิลปวัฒนธรรม ประจาปี พ.ศ.2555 ภายใต้ชื่อโครงการ “การถ่ายทอดการบรรเลงดนตรีและศิลปวัฒนธรรม วงโปงลาง เพื่อ อนุรกั ษ์และพัฒนาภูมิปัญญาพ้ืนบ้านอีสาน” ผลจากการดาเนินโครงการเป็นการบูรณาการกับการเรียน การสอนและกิจกรรมนิสิตในรายวิชาการปฏิบัติดนตรีพ้ืนบ้าน 1-7 และรายวิชาการปฏิบัติรวมวงดนตรี พ้ืนบ้าน 1-7 ถ่ายทอดผ่านโรงเรียนในเขตตาบลนาข่า และตาบลหวาย อาเภอวาปีปทุม จังหวัด มหาสารคาม พร้อมทั้งการนาองค์ความรู้ด้านการเรียนการสอนดนตรีพื้นบ้าน วงโปงลาง ไปใช้ถ่ายทอด แก่เยาวชน เพอ่ื เป็นประโยชน์และต่อยอดอย่างย่งั ยืนในการจัดกิจกรรมดา้ นดนตรีและศลิ ปวฒั นธรรมของ โรงเรียนและชมุ ชนให้มคี วามเปน็ เลิศด้านการบรรเลงและการแสดงวงดนตรพี ืน้ บา้ นโปงลาง (ศราวธุ โชติ จารัส, 2555) และในปีงบประมาณ พ.ศ.2556 วิทยาลัยดุริยางคศิลป์ มหาวิทยาลัยมหาสารคาม ได้รับ การสนับสนุน โครงการทานุบารุงศิลปวัฒนธรรม” ภายใต้ชื่อโครงการ “การถ่ายทอดการบรรเลงดนตรี และศิลปวัฒนธรรม วงโปงลาง สู่โรงเรียนบ้านหวาย ตาบลหวาย อาเภอวาปีปทุม จังหวัดมหาสารคาม เพื่ออนุรักษ์และพัฒนาภูมิปัญญาพื้นบ้านอีสาน” เป็นการต่อยอดจากโครงการปีงบประมาณ พ.ศ.2555 ผลการดาเนินโครงการ เป็นการบูรณาการการเรียนการสอนรายวิชาปฏิบัติดนตรีพ้ืนบ้าน และกิจกรรม นิสิตในรายวิชาการปฏิบัติดนตรีพื้นบ้าน ในการถ่ายทอดทักษะการบรรเลงดนตรีและการแสดงพ้ืนบ้าน อีสานวงโปงลางให้กับโรงเรียนบ้านหวาย ซึ่งเป็นโรงเรียนในระดับประถมศึกษา จนทาให้โรงเรียนบ้าน หวายได้รับรางวัลด้านการบรรเลงเดี่ยวเครื่องดนตรีพ้ืนบ้านอีสาน และประเภทวงดนตรีพื้นบ้านอีสาน โปงลางในระดับประเทศ พร้อมท้ังน้ียังได้รับทุนสนับสนุนโครงการจากหน่วยงานภายนอก คือ มูลนิธิ

เอกสารประกอบการนำ�เสนอผลงาน 15 ในงานการประชุมวิชาการมหาวทิ ยาลยั มหาสารคามวิจยั ครัง้ ที่ 15 : สาขาบรกิ ารวชิ าการ” อายิโนะโมะโต๊ะได้เห็นถงึ ความสาคญั ในด้านศิลปวัฒนธรรม สนับสนุนทุนจัดสร้างอาคารศูนย์การเรียนรู้ ศิลปวัฒนธรรมประจาท้องถ่ิน ณ โรงเรียนบ้านหวาย ตาบลหวาย อาเภอวาปีปทุม จังหวัดมหาสารคาม เปน็ จานวนเงนิ ทัง้ สิ้น 500,000 บาททาให้ ครู นักเรยี นและชาวบ้านได้เรียนรู้และอนรุ ักษ์ศิลปวัฒนธรรม ท้องถิ่นของชุมชนเพื่อให้ลูกหลานสืบไป (ศราวุธ โชติจารัส, 2556) ต่อมาวิทยาลัยดุริยางคศิลป์ มหาวทิ ยาลยั มหาสารคาม ไดร้ ับการสนับสนนุ โครงการทานุบารงุ ศิลปวฒั นธรรม” ประจาปีงบประมาณ พ.ศ.2560 ภายใต้ช่ือโครงการ ภายใต้โครงการช่ือ “การพัฒนาเกณฑ์มาตรฐานกลองยาว: มหกรรมกลอง ยาวเฉลิมพระเกียรติเทิดไท้ องค์มหาจักรีสิรินธร” ผลจากโครงการดังกลา่ ว ได้ศึกษารวบรวมองค์ความรู้ ข้อมูลของกลองยาวในด้านต่างๆ และมีการจัดทาเกณฑ์การตัดสินกลองยาวในการประกวด เพ่ือให้เป็น มาตรฐานเดียวกันในการแข่งขนั และองค์ความรู้จากงานวจิ ัย เร่ืองการพัฒนารูปแบบการแสดงกลองยาว ในจังหวัดมหาสารคาม (คมกรชิ การินทร,์ 2559) โดยได้รบั ทุนสนบั สนนุ จาก สานักงานกองทนุ สนบั สนุน การวิจยั (สกว.) ปีงบประมาณ พ.ศ.2559 ซง่ึ องค์ความรู้ทงั้ สองดา้ นนี้ ทางวทิ ยาลยั ฯ เห็นวา่ เป็นสิ่งท่ีตอ้ ง ถ่ายทอดลงสู่ผู้ปฏิบัติ หรือชุมชน เพ่ือให้เกิดการสืบต่อองค์ความรู้ดังกล่าว จากองค์ความรู้ท่ีได้กล่าวมา ประกอบกับจากการลงพื้นท่ีประชุมร่วมกับประธานฝ่ายจัดการแข่งขันกลองยาว ของหน่วย ศลิ ปวัฒนธรรม อาเภอวาปปี ทมุ พบวา่ ในการแข่งขนั ทุกปี จะมปี ัญหาเร่ืองเกณฑก์ ารประกวดและตดั สิน กลองยาว ท่ียังไม่มีความชัดเจนในด้านต่างๆ ทางวิทยาลัยดุริยางคศิลป์ จึงเห็นความจาเป็นอย่างย่ิง ใน การที่ต้องเผยแพร่องค์ความรู้น้ีสู่ชุมชน จึงนาเสนอ การถ่ายทอดองค์ความรู้เรื่องรูปแบบการแสดงกลอง ยาวและเกณฑ์การตัดสินการประกวดกลองยาว ให้กับชุมชน เพื่อสร้างความเข้าใจเร่อื งเกณฑ์การตดั สิน กลองยาว และจะสามารถขยายผลในวงกว้าง เพ่อื ได้นาองค์ความร้ดู ังกลา่ วไปใช้ในการพฒั นาสร้างสรรค์ การแสดงกลองยาว และท้ังเป็นการรักษาและส่งเสริมให้การแสดงกลองยาวยังคงเป็นเอกลักษณ์ของ มหาสารคาม และประเทศชาติต่อไป ดังนั้น วิทยาลัยฯ จึงเห็นความสาคัญที่จะให้ชุมชนในตาบลหวาย อาเภอกันทรวิชัย จังหวัดมหาสารคาม ซึ่งตาบลหวายเป็นแหล่งผลิตกลองยาวอีสานท่ีมีชื่อเสียงในภาค อีสาน และตาบลหวาย อาเภอวาปีปทุม จังหวัดมหาสารคาม ได้ส่งวงกลองยาวประจาตาบลเข้าร่วมการ ประกวดกลองยาว ในงานประเพณีออนซอนกลองยาวชาววาปี ของดีพ้ืนบ้าน ชิงถ้วยพระราชทานทุกปี แต่ยังขาดองค์ความรู้ด้านรูปแบบการแสดงกลองยาว ให้ได้รับการถ่ายทอดองค์ความรู้เรื่องรูปแบบการ แสดงกลองยาวและเกณฑ์การตดั สินการประกวดกลองยาว และสง่ เสริมกิจกรรมภายในชุมชนเองหรือนา ความรู้ไปประกอบอาชีพได้ จึงเห็นควรให้มีการจัดโครงการบูรณาการหลักสูตรเพ่ือชุมชน ประจาปี งบประมาณ พ.ศ.2562 ภายใต้ชื่อ การถ่ายทอดองค์ความรู้เร่ืองรูปแบบการแสดงกลองยาวและเกณฑ์ การตัดสินการประกวดกลองยาว ณ ชุมชนตาบลบ้านหวาย อาเภอกันทรวิชัย จังหวัดมหาสารคาม โดย บูรณาการจากการเรียนการสอนภายในมหาวิทยาลัยสู่ชุมชน โดยใช้หลักสูตร (ดศ.บ.) (ดศ.ม.) (ปร.ด.) ของวิทยาลัยดุริยางคศิลป์ และองค์ความรู้ของภาคีอื่นเช่น การแสดงพื้นบ้าน จากหลักสูตร (ศป.บ.) ศิลปะการแสดง คณะศิลปกรรมศาสตร์ ในเร่ืองของการแสดง ชว่ ยถ่ายทอดองค์ความรู้ รูปแบบการฟ้อน วงกลองยาวเพื่อส่งเสริมให้ชุมชนเป็นแหล่งการเรียนรู้ต้นแบบด้านดนตรีและศิลปะการแสดงพื้นบ้าน

16 เอกสารประกอบการนำ�เสนอผลงาน ในงานการประชุมวิชาการมหาวิทยาลยั มหาสารคามวิจยั คร้ังที่ 15 : สาขาบรกิ ารวิชาการ” ตลอดจนอนุรักษ์ฟ้ืนฟู ทานุบารุงศิลปวัฒนธรรมให้คงอยู่กับชุมชน สนับสนุนให้เกิดอาชีพสร้างรายได้ ให้กับชุมชนต่อไป ทั้งนี้ เพ่ือให้โครงการดาเนินการบรรลุตามวัตถุประสงค์ จึงได้จัดให้มีกิจกรรมย่อย ออกเป็นหัวข้อในการฝึกอบรมเชิงปฏิบัติการให้กับชุมชน โดยเริ่มให้ชุมชนสามรถดูแลรักษา ซ่อมบารุง เครอื่ งดนตรใี ห้มยี นื ยาวมากขึ้น พรอ้ มสาหรบั ใช้งาน ให้ชุมชนสามารถช่วยเหลือตนเองไดต้ ่อไปในอนาคต และฝึกอบรมทักษะและเทคนิคการตีกลองการรวมวงและการแสดง (ฟ้อนกลองยาว) ให้ชุมชนมีความรู้ ความสามรถนาไปประกอบอาชีพและเป็นการรักษาไว้ซ่ึงศิลปวัฒนธรรมประเพณีพื้นบ้าน โดยบูรณาการ จากการเรียนการสอนภายในมหาวทิ ยาลยั สชู่ มุ ชน โดยใช้หลกั สตู ร (ดศ.บ.) (ดศ.ม.) (ปร.ด.) ของวทิ ยาลัย ดุริยางคศิลป์ และองค์ความรู้ของภาคีอื่นเช่น การแสดงพื้นบ้าน จากหลักสูตร (ศป.บ.) ศิลปะการแสดง คณะศิลปกรรมศาสตร์ ในเรื่องของการแสดง ช่วยถ่ายทอดองค์ความรู้ เพ่ือส่งเสริมให้ชุมชนเป็นแหล่ง การเรียนรู้ต้นแบบด้านดนตรีและศิลปะการแสดงพ้ืนบ้าน ตลอดจนอนุรักษ์ฟ้ืนฟู ทานุบารุง ศิลปวัฒนธรรมให้คงอยู่กับชุมชน สนับสนุนให้เกิดอาชีพสร้างรายได้ให้กับชุมชนต่อไป ทั้งนี้ เพื่อให้ โครงการดาเนินการบรรลุตามวัตถุประสงค์ จึงได้มีการประชุมเตรียมความพร้อม และอภิปรายเพ่ือวาง แนวทางการดาเนินงานตามวตั ถปุ ระสงคข์ องโครงการดงั น้ี 2. วัตถุประสงคโ์ ครงการ 1) เพอื่ ถ่ายทอดความรเู้ รอ่ื งการพัฒนารูปแบบการแสดงกลองยาว 2) เพอื่ ถา่ ยทอดเกณฑ์การตัดสนิ การประกวดกลองยาว 3. กระบวนการและข้ันตอนการดาเนนิ งาน 1. จัดการประชมุ วางแผนการดาเนินงานของคณะกรรมหลักสตู รวิทยาลยั ดุริยางคศิลป์และคณะ ศิลปกรรมศาสตร์ การประชุมวางแผนการดาเนินงาน และแผนการดาเนินงานบริการวิชาการกับชุมชน พน้ื ท่ีและกลุ่มเป้าหมาย ซง่ึ วันที่ 19 พฤศจิกายน 2562 ได้จดั ประชมุ เตรียมความพร้อม วิทยาลัยดุริยางค ศิลป์ กาหนดเป้าหมาย วิเคราะห์ สังเคราะห์ หาวิธีการและกระบวนการให้บรรลุเป้าหมาย และกาหนด ตัวบงช้กี ากบั ไว้ เพอื่ จะได้นาไปใช้ในการประเมนิ ผลการดาเนินงาน 2. ประชุมหารือเตรียมความพร้อมและกาหนดขอบเขตการดาเนินงานร่วมกับชุมชน ประชุม หารอื จัดทาแผนการดาเนินงานร่วมกับชุมชนในตาบลบ้านหวายเรื่องเน้ือหา ขอบเขต สาระรายวิชาที่ใช้ ในหลักสูตรแผนการดาเนินงาน 18-19 พฤษภาคม 2562 ณ ศาลากลางบ้าน ตาบลหวาย อาเภอวาปี ปทุม จังหวัดมหาสารคาม กาหนดเป้าหมาย วิเคราะห์ สังเคราะห์ หาวิธีการและกระบวนการให้บรรลุ เปา้ หมาย และกาหนดตวั บงชก้ี ากบั ไว้ เพ่อื จะได้นาไปใชใ้ นการประเมินผลการดาเนนิ งาน 3. ลงพ้ืนทดี่ าเนินงานประชุมเตรียมความพร้อม จดั อบรมเชิงปฏิบัติการรูปแบบการแสดงกลอง ยาว จัดเวทีถ่ายทอดผลงานการแสดงและผลการดาเนินงานของชุมชนต้นแบบตาบลบ้านหวาย อาเภอ วาปีปทุม จังหวัดมหาสารคาม และที่ว่าการอาเภอวาปีปทุม จังหวัดมหาสารคาม มีผลการดาเนินงาน

เอกสารประกอบการนำ�เสนอผลงาน 17 ในงานการประชมุ วชิ าการมหาวทิ ยาลัยมหาสารคามวจิ ัย ครัง้ ที่ 15 : สาขาบรกิ ารวชิ าการ” ชุมชนต้นแบบ มีวงกลองยาว 1 วง สามารถดาเนนิ งานด้วยตนเองและชุมชนสามารถถ่ายทอดองคค์ วามรู้ ให้กับชมุ ชนอน่ื ได้ 4. สรุปผลรายงานการดาเนนิ งานต่อคณะ/หนว่ ยงานและมหาวิทยาลยั o วันท่ี 15-18 มิถุนายน พ.ศ.2562 การอบรมคร้ังท่ี 1 หัวข้อการอบรมเชิงปฏิบัติการ “องค์ความรูร้ ูปแบบและการพฒั นาการตกี ลองยาว o วันท่ี 22-23 มิถุนายน พ.ศ.2562 การอบรมครั้งท่ี 2 หัวข้อการอบรมเชิงปฏิบัติการ “องค์ความร้รู ปู แบบและการพัฒนาการฟ้อนกลองยาว” o-

18 เอกสารประกอบการน�ำ เสนอผลงาน ในงานการประชมุ วิชาการมหาวทิ ยาลยั มหาสารคามวิจัย ครงั้ ที่ 15 : สาขาบริการวชิ าการ” o วันท่ี 29-30 มิถุนายน พ.ศ.2562 การอบรมคร้ังที่ 3 หัวข้อการอบรมเชิงปฏิบัติการ “การดูแลเครอ่ื งดนตรกี ลอง o วันที่ 6-7 กรกฎาคม พ.ศ.2562 การอบรมครัง้ ท่ี 4 หัวข้อการอบรมเชิงปฏิบัติการ “การ เปลีย่ นหน้ากลองยาวและวธิ กี ารทากลองยาว” o วนั ท่ี 8-9 กรกฎาคม พ.ศ.2562 จัดโครงการถ่ายทอดเกณฑ์การประกวดกลองยาว และ ถ่ายทอดองคค์ วามรโู้ ดยชุมชนตน้ แบบ(บ้านหวาย) ณ อาเภอวาปปี ทมุ จงั หวัดมหาสารคาม

เอกสารประกอบการนำ�เสนอผลงาน 19 ในงานการประชุมวชิ าการมหาวทิ ยาลยั มหาสารคามวิจัย ครงั้ ที่ 15 : สาขาบริการวิชาการ” 4. การบูรณาการกับภารกจิ หลักดา้ นอื่นๆ 4.1 บูรณาการกบั การเรียนการสอน โครงการบูรณาการหลักสูตรเพ่ือชุมชน ภายใต้ชื่อ “โครงการถ่ายทอดองค์ความรู้เรื่องรูปแบบ การแสดงกลองยาวและเกณฑ์การตัดสินการประกวดกลองยาว” โดยหลักสูตร ดศ.บ.ดุริยางคศาสตร บัณฑิต มีรายวิชาปฏิบัติรวมวงกลองยาว หลักสูตร ศป.บ.ศิลปะการแสดง คณะศิลปกรรมศาสตร์ มี รายวิชาทักษะนาฏศิลป์พื้นฐาน หลักสูตรระดับบัณฑิตศึกษา มีรายวิชา ดนตรีวิทยา ลงพ้ืนท่ีภาคสนาม โดยมีนิสิตในระดับปริญญาตรี ที่เรียนรายวิชาปฏิบัติรวมวงกลองยาว และทักษะนาฏยศิลป์พื้นฐาน เข้า รว่ มถ่ายทอดและฝึกปฏบิ ัตริ ว่ มกบั ชุมชนโดยการแลกเปล่ยี นเรียนร้ดู ้านการบรรเลงวงกลองยาว และฟ้อน กลองยาว ระหว่างนิสิตกับชุมชน ส่วนนิสิตระดับบัณฑิตศึกษาเข้าร่วมสังเกตการณ์ พร้อมทั้งเก็บข้อมูล ของชุมชน สถานท่ี เกี่ยวกับดนตรีและศิลปวัฒนธรรมท้องถิ่น เพื่อต่อยอดต่อกระบวนการวิจัยในการทา วจิ ัยกับชุมชน เกดิ การเรยี นรู้ด้านการถ่ายทอดและเปลี่ยนเรียนร้เู รียนการตีกลองยาวและการฟอ้ นกลอง ยาวในรูปแบบโบราณ รูปแบบประยุกต์ และรูปแบบการประกวด เกิดแหล่งเรียนรู้เพ่ือต่อยอดสู่งานวิจัย การข้ันตอนการผลิตกลองยาวอสี านของชมุ ชน 4.2 บูรณาการกับการวิจัย โครงการบูรณาการหลักสูตรเพ่ือชุมชน ภายใต้ช่ือ “โครงการถ่ายทอดองค์ความรู้เรื่องรูปแบบ การแสดงกลองยาวและเกณฑ์การตัดสินการประกวดกลองยาว” ได้ศึกษาพัฒนาการของวงกลองยาวใน อาเภอวาปีปทุม จังหวัดมหาสารคาม พบว่า พัฒนาการต้ังแต่อดีตจนถึงปัจจุบันของกลองยาวในเขต อาเภอวาปีปทุม จังหวัดมหาสารคามพบว่ากลองยาวท่ีมีช่ือเสียง มี 1.คณะกลองยาวเทพนิมิต 2.คณะ กลองยาวจอกขวางคา 3.คณะกลองยาวลูกน้าเค็ม มีผลงานการประกวดรางวัลชนะเลศิ จากการประกวด วงกลองยาวชิงถ้วยพระราชทานสมเด็จพระเทพฯ และมีการสบื ทอดร่นุ ต่อรุ่นกันมาเป็นเวลาอันยาวนาน มรี ปู แบบการแสดงของวงกลองยาว คือ 1) รูปแบบการแสดงกลองยาวแบบโบราณ 2) แบบประยุกต์ และ 3) แบบเข้าร่วมการประกวด ซ่งึ นามาบูรณาการกับงานวิจัย ในด้านรูปแบบการแสดงวงกลองยาวท้ังด้าน

20 เอกสารประกอบการนำ�เสนอผลงาน ในงานการประชุมวชิ าการมหาวทิ ยาลัยมหาสารคามวิจยั ครัง้ ท่ี 15 : สาขาบริการวิชาการ” ดนตรีและการแสดงฟ้อนกลองยาว บริบทของชุมชนในการสร้างและผลิตกลองยาวที่มีช่ือเสียงในภาค อีสาน 4.3 บรู ณาการกบั การทานบุ ารุงศลิ ปวัฒนธรรม โครงการบูรณาการหลกั สตู รเพอ่ื ชุมชน ภายใต้ช่ือโครงการถ่ายทอดองค์ความรู้เร่อื งรูปแบบการ แสดงกลองยาวและเกณฑ์การตัดสนิ การประกวดกลองยาว เป็นการสร้างชุมชนต้นแบบในการทานุบารุง ศิลปวัฒนธรรม ประเพณี 12 เดือนของชุมชนชาวอีสานในการแสดงขบวนแห่ต่างๆ เป็นการทานุงบารุง ศิลปวัฒนธรรม ในบุญประเพณีของหมู่บ้าน ชุมชน เพ่ือให้เกิดการเชื่อมโยงระหว่างคนในชุมชน วิถีชีวิต ของคนในชุมชน ดนตรีและศลิ ปวัฒนธรรมอสี าน 5. ผลลัพธ์จากการดาเนนิ งานโครงการ 5.1 ขอ้ คน้ พบตามวตั ถปุ ระสงค์ จดุ ประสงค์ท่ี 1 การถ่ายทอดรูปแบบการแสดงกลองยาว ค้นพบว่า ในตาบลหวาย อาเภอวาปี ปทุม จงั หวัดมหาสารคาม จากการศึกษาลงพ้ืนท่ีไม่มีวงกลองยาวในการเข้าร่วมบญุ ประเพณี ของชมุ ชน แม้กระท้ังการประกวดวงกลองยาวในทุกๆ ปี ตาบลหวายต้องจัดหาวงกลองยาวพ้ืนบ้านอีสานจากท่ีอ่ืน เขา้ มาร่วมขบวนแห่ในบุญประเพณี แมก้ ระท้ังการประกวดก็ได้ว่าจา้ งวงกลองยาวจากทอี่ ื่นมาประกวดใน นานตาบลหวาย อาเภอวาปีปทุม จังหวัดมหาสารคาม แต่สิ่งที่ขึ้นชื่อของตาบลคือการผลิตกลองยาวที่มี คุณภาพ จุดประสงค์ที่ 2 ถ่ายทอดเกณฑ์การตัดสินการประกวด อาเภอวาปีปทุม จังหวัดมหาสารคาม จะมีการจัดงานการประกวดวงกลองยาวอาเภอวาปีปทุมเป็นประจาทุกปี ในแต่ละปีน้ันจะมีปัญหาเร่ือง เกณฑก์ ารตัดสินการประกวดทุกๆ ปี ดังนัน้ จึงจดั โครงการสัมมนาเรื่องเกณฑ์การตดั สินการประกวดกลอง ยาว โดยไดเ้ ชิญผูจ้ ัดงาน คณะกรรมวทิ ยากร ผนู้ าชุมชน กานนั ผู้ใหญ่บ้าน หวั หนา้ คระวงกลองยาวในเขต อาเภอวาปีปทุม จังหวัดมหาสารคาม เข้าร่วมสัมมนาในเร่ืองเกณฑ์การประกวดเพื่อเป็นการทาความ เข้าใจและถ่ายทอดองคค์ วามรู้เรื่องเกณฑ์การตดั สินการประกวดเดอื นธนั วาคม พ.ศ.2562 และปตี อ่ ๆ ไป 5.2 ข้อค้นพบอื่นๆ ที่นอกเหนือจากวัตถุประสงค์ (Impact) ในแต่ละระดับ เช่น ระดับ กลุ่มเป้าหมายตามโครงการ กลุ่มองคก์ รในชุมชน กลุม่ เป้าหมาย กลุ่มผ้คู น ชมุ ชนที่เข้าร่วมโครงการมีพลังความสามคั คใี นการรับการถ่ายทอดการ ตีและการฟ้อนกลองยาว ซ่ึงคนในชุมชนหลากหลายช่วงอายุทั้งเด็ก เยาวชน คนหนุ่มสาว ผู้เฒ่าผู้แก่ ให้ ความสาคัญกับการท่ีจะมีวงกลองยาวประจาตาบลหวาย อาเภอวาปีปทุม และ ด้านองค์กรในชุมชน คือ องค์การบริหารส่วนตาบลหวาย กานัน ครูโรงเรียนบ้านหวาย ให้การสนับสนุนสานต่อโครงการซ่ึงทาให้ เกดิ ผลในด้านบวกกับชุมชนในการสร้างชมุ ชนต้นแบบ และ การทานุบารุงศลิ ปวัฒนธรรมด้านดนตรีและ การแสดงพน้ื บ้านอีสานไวค้ ู่กับชุมชนสืบไป

เอกสารประกอบการนำ�เสนอผลงาน 21 ในงานการประชมุ วชิ าการมหาวทิ ยาลยั มหาสารคามวิจยั ครง้ั ที่ 15 : สาขาบริการวิชาการ” 6. บทสรุปโครงการ ผลที่เกิดจากชมุ ชน 1) ชุมชนมีส่วนร่วมในการฝึกอบรมและกิจกรรมตลอดโครงการ คิดเป็นร้อยละ 100 ของ กลมุ่ เป้าหมาย 2) ชมุ ชนมีการกากับติดตามการดาเนินงานของตนเอง มีการดาเนนิ งานตามแผนกิจกรรม โดยมี สว่ นรว่ มกับหน่วยงานในการเสนอแนะปัญญาท่เี กิดข้นึ ระหวา่ งจดั โครงการกจิ กรรม 3) ชุมชนมีพื้นฐานด้านการแสดงกลองยาวในรุ่นกลุ่มเดก็ เยาวชน หนุ่มสาว ผู้ใหญ่ ผูส้ งู วัยแตย่ ัง ขาดการถ่ายทอดไปยังกลุ่มผู้ด้อยโอกาสทางสังคมในชุมชน ซ่ึงในผลการดาเนินงานในครั้งนี้ ชุมชน สามารถพฒั นาวงกลองยาว ตั้งวงกลองยาวประจาตาบล ในชือ่ “หวายทองกลองยาว” และมีการกาหนด เปา้ หมายให้วงเข้าร่วมการประกวดในงานประจาปี งานออนซอนกลองยาววาปี 4) ชุมชนมีศักยภาพในการบริหารจัดการตนเอง มีศักยภาพในการถ่ายทอดองค์ความรู้และการ แสดงวงกลองยาว ซ่ึงชุมชนเล็งเห็นว่าตนเองสามารถพัฒนาเป็นศูนย์การเรียนรู้ด้านการแสดงกลองยาว เนื่องจากชุมชนเป็นแหล่งผลิตกลองยาวท่ีมีคุณภาพ การพัฒนาทักษะการตีกลองยาวและรูปแบบการ แสดงกลองยาวจึงทาใหช้ มุ ชนมีความพร้อมมากยิ่งข้นึ 5) ชมุ ชนมีความพงึ พอใจต่อผลการดาเนินงาน คดิ เปน็ คา่ คะแนน 4.81 6) ชุมชนมีความพร้อมในการรับการแสดงและสามรถนาวงกลองยาวไปพัฒนาต่อสตร้าง มลู ค่าเพิ่มให้กบั ชมุ ชนได้ 7) ชุมชนสามารถถ่ายทอดองค์ความรู้ที่ได้รับจากการฝึกอบรมให้แก่ชุมชนอื่น โดยมีการ ถ่ายทอดองค์ความร้แู ละแสดงผลงานในวันท่ี 9 กรกฎาคม 2562 ณ ที่ว่าการอาเภอวาปีปทุม อาเภอวาปี ปทุม จังหวัดมหาสารคาม โดยมชี มุ ชนจากตาบลตา่ งๆ เข้าร่วมไม่น้อยกวา่ 50 คน 8) ชุมชนสามารถถ่ายทอดองค์ความรู้ท่ีได้รับจากการฝึกอบรม โดยการแสดงโชว์ โดยมีการ ถ่ายทอดองค์ความรู้และแสดงผลงาน ในงานมหาสารคามวิจัย ในวันท่ี 5 กันยายน 2562 ณ โรงเรียน สยามธารา อาเภอเมือง จังหวัดมหาสารคาม โดยมีผู้บริหาร นักวิชาการ นักวิจัย ทังในประเทศและ ต่างประเทศ ชุมชนโครงการตา่ งๆ เขา้ ร่วมไมน่ อ้ ยกว่า 50 คน ผลทเี่ กดิ กับหลักสูตร/คณะ/หน่วยงาน 1) หลักสูตรฯ มีการบรู ณาการรว่ มกันอยา่ งนอ้ ย 3 หลกั สตู ร โดยนาเอาความรูท้ ักษะรายวิชา มา ใชใ้ นการบรู ณาการร่วมกนั เพ่อื ปรับใช้ในการฝกึ อบรมองค์คงามรบู้ รกิ ารวชิ าการสู่สงั คมชุมชน 2) อาจารย์และนิสติ มสี ่วนรว่ มในบรกิ ารวิชาการสู่ชมุ ชน นาเอาเอาความรู้ ทกั ษะวชิ าชพี ตามอัต ลักษณ์ถ่ายทอดให้แก่ชุมชน โดยนิสิตร่วมเป็นผู้ฝึกสอน/สาธิตให้กับชุมชน ส่งเสริมการพัฒนาศักยภาพ อาจารย์ผู้สอนประจาหลักสตู รและพฒั นานารายวชิ าให้มีความทันสมัยสอดคลอ้ งกบั เหตกุ ารณป์ ัจจุบัน

22 เอกสารประกอบการน�ำ เสนอผลงาน ในงานการประชมุ วชิ าการมหาวิทยาลัยมหาสารคามวจิ ยั ครงั้ ท่ี 15 : สาขาบรกิ ารวิชาการ” 3) นิสิตได้รับประสบการณ์ มีทักษะในการดาเนินงานแบบ PDCA การเสริมสร้างทักษะปัญญา ทักษะด้านวิชาชีพ การมีส่วนร่วมในการช่วยเหลือชุมชน การมีจิตสาธารณะ การฝึกความรับผิดชอบ ระหวา่ งบคุ คล 4) คณะ/หน่วยงานมีเครือข่ายความร่วมมือด้านศิลปวัฒนธรรมชุมชน ได้แก่ เครือข่ายชุมชน กลองยาววาปี สภาวัฒนธรรมอาเภอวาปีปทุม เป็นต้น ซึ่งจักเป็นประโยชน์แนวทางในการสร้างความ ร่วมมือด้านศิลวัฒนธรรม การเผยแพร่ประชาสัมพันธ์หลักสูตรการเรียนการสอน ประชาสัมพันธ์ มหาวิทยาลัยมหาสารคาม 5) หลักสูตรมีส่วนร่วมในการบริการวิชาการ ฟ้นื ฟูทานบุ ารงุ ศลิ ปวัฒนธรรม โดยสง่ เสริมพันธกิจ ปรชั ญาของมหาวทิ ยาลัยมหาสารคาม “ผู้มปี ัญญาพงึ เปน็ อย่เู พื่อมหาชน” 7. บรรณานุกรม คมกริช การินทร์. (2559). การพัฒนารูปแบบการแสดงกลองยาวในจังหวัดมหาสารคาม.สานักงาน กองทนุ สนับสนนุ การวิจัย (สกว.) วิทยาลัยดุรยิ างคศลิ ป.์ มหาวทิ ยาลยั มหาสารคาม. ศราวุธ โชติจารัส. (2555). พัฒนาการของวงกลองยาว อาเภอวาปีปทุม จังหวัดมหาสารคาม.วทิ ยาลยั ดุรยิ างคศลิ ป์. มหาวิทยาลัยมหาสารคาม. ศราวุธ โชติจารัส. (2555). โครงการหน่ึงคณะหน่ึงศิลปวัฒนธรรม “การถ่ายทอดการบรรเลงดนตรีและ ศิลปวัฒนธรรม วงโปลาง เพ่ืออนุรักษ์และพัฒนาภูมิปัญญาพ้ืนบ้านอีสาน ”. หลักสูตร ศิลปกรรมศาสตรบัณฑิต. สาขาวิชาดุริยางคศิลป์. วิทยาลัยดุริยางคศิลป์. มหาวิทยาลัย มหาสารคาม. ศราวุธ โชติจารัส. (2556). โครงการหน่ึงคณะหน่ึงศิลปวัฒนธรรม “การถ่ายทอดการบรรเลงดนตรีและ ศิลปวัฒนธรรม วงโปลาง สู่โรงเรียนบ้านหวาย ตาบลหวาย อาเภอวาปีปทุม จังหวัด มหาสารคาม เพื่ออนุรักษ์และพัฒนาภูมิปัญญาพ้ืนบ้านอีสาน”. หลักสูตรศิลปกรรมศาสตร บัณฑติ . สาขาวชิ าดรุ ิยางคศลิ ป์. วทิ ยาลยั ดุริยางคศิลป.์ มหาวทิ ยาลัยมหาสารคาม.

การพัฒนากระบวนการจัดการขยะมูลฝอยและของเสียชุมชนโดยให้ประชาชนมีสว่ นรว่ ม อภิพงษ์ พฒุ คา, ยุวดี ไชยเชษฐ์, นพิ นธ์ ตนั ไพบลู ย์กลุ กนกวรรณ ศกุ รนันทน์ และ ธรพร บศุ ยน์ า้ เพชร คณะสิง่ แวดล้อมและทรพั ยากรศาสตร์ มหาวทิ ยาลัยมหาสารคาม 1. ความเปน็ มาของปญั หา องค์การบริหารส่วนตาบลแพงต้ังอยู่หมู่ที่ 14 บ้านแพง อาเภอโกสุมพิสัย จังหวัดมหาสารคาม ต้งั อยูท่ ี่ราบภาคตะวันออกเฉยี งเหนือของประเทศไทยห่างจากกรงุ เทพฯ ประมาณ 550 กโิ ลเมตร อยทู่ าง ทิศตะวันตกของอาเภอ ห่างจากอาเภอโกสุมพิสัย 10 กิโลเมตร ห่างจากมหาวิทยาลัยมหาสารคาม 40 กิโลเมตร ตาบลแพงมีเน้ือที่ทั้งหมดประมาณ 42 ตารางกิโลเมตร หรือประมาณ 26,190 ไร่ แบ่งเป็น พ้ืนที่สาธารณประโยชน์ 770 ไร่ พ้ืนท่ีอาศัย 1,310 ไร่ พื้นที่น้า คลอง บึง 2,859 ไร่ พื้นท่ีทาเกษตร 21,251 ไร่ โดยแยกพืชท่ีเกษตรออกเปน็ 3 สว่ น คอื พ้ืนที่ทานาข้าว จานวน 16,013 ไร่ พื้นท่ีทาพืชสวน จานวน 418 ไร่ พ้ืนที่ทาไร่ 4,820 ไร่ มีหมู่บ้านทั้งหมด 16 หมู่บ้าน ประชากรรวม 9,218 คน และ 2,321 ครัวเรอื น จากการสารวจองค์การบริหารส่วนตาบลแพง เบื้องต้น พบว่า อบต.ไม่มีข้อมูลพ้ืนฐานในเร่ืองปริมาณ องค์ประกอบขยะและของเสียท่ีเกิดข้ึนในพื้นที่ ประชาชน ในพ้ืนที่ท้ิงของเสียอันตรายรวมกับขยะท่ัวไป (เช่น หลอดไฟ ถ่ายไฟฉาย ถงั สารเคมี-ยาปราบศัตรูพชื เปน็ ตน้ ) เน่ืองจากไม่ทราบว่าเป็นของเสียอันตราย อีกทั้งไม่ทราบ ว่าหากแยกของเสียอันตรายมาแล้วจะนาไปเก็บหรือ จดั การต่ออย่างไร ขยะรวมทเี่ กิดขึ้นน้ี อบต.จะเก็บขนและนาไปทง้ิ ท่ีสถานทง้ิ ขยะโดยใช้วธิ ีเทกองและเผา โดยไม่มีการบรหิ ารจดั การท่ีเป็นระบบ ขยะที่เหลอื บางส่วน (รวมถึงของเสียอันตราย) ประชาชนในพ้ืนที่ จะนามาเผาหรือท้ิงตามพื้นที่ทางการเกษตร นอกจากนี้ในพื้นท่ี อบต. มีกลุ่มวิสาหกิจฃุมชนเสื่อกกซ่ึง ต้องใช้สารเคมใี นการย้อมผลิตภัณฑ์ หากพิจารณาตามคาอธบิ ายคณุ สมบตั ิสารของเคมขี องสีน้ีแล้วพบว่า เป็นจัดเป็นสารเคมีที่มีความเป็นพิษ (Poisonous substance) บรรจุภัณฑ์สารเคมีที่เป็นถุงที่เกิดข้ึนน้ี ประชาชนกน็ ามาทงิ้ รวมกบั ขยะทั่วไป ส่วนบรรจุภณั ฑ์สารเคมที ีเ่ ปน็ ถงั ประชาชนบางสว่ นนามาใชเ้ ป็นถัง บรรจุน้าดื่ม จากข้อมูลข้างต้นจะเห็นได้ว่าในพื้นท่ีไม่มีกระบวนการจัดการขยะมูลฝอยและของเสีย อันตรายท่ีเป็นระบบ และทั้งเจ้าหน้าที่ท่ีเก่ียวข้องและประชาชนยังขาดความเข้าใจในเร่ืองของเสีย อันตรายชุมชน ซ่ึงอาจส่งผลให้ของเสียอันตรายเกิดการปนเป้ือนสู่ส่ิงแวดล้อมและประชาชนก็มีความ เส่ียงสูงทจี่ ะได้รับผลกระทบทางสุขภาพ ดงั นนั้ อบต.และตวั แทนชมุ ชนจงึ มคี วามต้องการท่จี ะแก้ปัญหาที่ เกิดขึน้

24 เอกสารประกอบการนำ�เสนอผลงาน ในงานการประชมุ วิชาการมหาวทิ ยาลยั มหาสารคามวจิ ัย ครัง้ ท่ี 15 : สาขาบรกิ ารวชิ าการ” 2. วัตถุประสงค์โครงการ 1) เพือ่ ศกึ ษาบรบิ ทชุมชนและสถานการณก์ ารจดั การขยะมลู ฝอยและของเสียภายในชุมชน 2) เพ่ือพฒั นาแนวทางในการบริหารจดั การของขยะมลู ฝอยและของเสยี แบบมสี ่วนรว่ มของชมุ ชน 3) เพ่ือพฒั นาชุมชนตน้ แบบในการจดั การบรหิ ารขยะมูลฝอยและของเสียชมุ ชน 3. กระบวนการดาเนินการ 3.1 ขัน้ ตอนดาเนนิ งาน การดาเนินงานแบง่ ออกเปน็ สองสว่ น คือ ส่วนท่ี 1) การติดตามผลการดาเนินงานใน พน้ื ทหี่ มูบ่ ้านหนองโก หมู่ท่ี 6 หมู่ที่ 10 และหมู่ท่ี 16 ซ่ึง ท างโค รงก ารเค ย ล งพื้ น ท่ี ด าเนิ น โค รงก ารเม่ื อ ปีงบประมาณ พ.ศ.2561 สว่ นการ ส่วนที่ 2) เป็นการดาเนินงานในพ้ืนท่ีใหม่ คือ พ้นื ทบ่ี ้านแพง หมทู่ ี่ 1 หมู่ที่ 9 หมทู่ ่ี 13 และหม่ทู ี่ 14 สาหรับการติดตามผลการดาเนินงานในพื้นที่ หมู่บ้านหนองโก หมู่ท่ี 6 หมู่ท่ี 10 และหมู่ท่ี 16 ผู้ดาเนินโครงการได้ลงพื้นที่ติดตามผลการดาเนินงาน ฝ่ายสาธารณสุขส่ิงแวดล้อม อบต.แพงได้รายงานว่า ประชาชนในพื้นท่ีได้มีการคัดแยกขยะตามหลัก 3Rs ทา ให้ปริมาณขยะในพื้นท่ีลดลงกว่าร้อยละห้าสิบ ทาให้ลด ภาระการเก็บขนขยะของ อบต อีกทั้งยังช่วยลด งบประมาณในการเก็บขนขยะ นอกจากนี้ทางคณะ ดาเนินงานได้ลงทาการสารวจโดยทาแบบสอบถาม ประชาชนในหมู่ที่ 6 หมู่ 10 และ หมู่ 16 บ้านหนองโก การดาเนินการเพือ่ คัดแยกขยะ ของเสียอนั ตราย รวมถึง การนาไปใช้ประโยชน์ ไดผ้ ลการศกึ ษาดังน้ี ประชาชนใน หมู่ท่ี 6 หมู่ 10 และ หมู่ 16 บ้านหนองโก ร้อยละ 91.7 มีการจัดถุงหรือถังเพื่อใช้ในการแยกขยะ และ ร้อยละ 85.4 จะมีท่อปูนเพ่ือใช้แยกขยะอินทรีย์โดยได้มาจาก ทสจ มหาสารคาม โดยเมื่อขยะอินทรีย์ หมักได้สองถึงสามเดือน ชาวบ้านจะนาไปใช้เป็นปุ๋ยสาหรับต้นไม้ นอกจากนี้ยังพบว่าร้อยละ 93.8 ของ ครัวเรอื น มีถุงแยกขยะรีไซเคิล โดยการแยกขยะรีไซเคิลนี้ทาให้กว่าร้อยละ 72.9 ของครัวเรือน มีรายได้ เพมิ่ ข้ึน 100-500 บาทต่อเดือน ในส่วนของการแยกของเสยี อนั ตรายนน้ั พบวา่ รอ้ ยละ77.1 ของครัวเรอื น ไดท้ าการแยกของเสียอนั ตรายออกจากขยะทั่วไป สรปุ ในภาพรวมแลว้ กว่าร้อยละ 87.5 ของครัวเรือน มี

เอกสารประกอบการน�ำ เสนอผลงาน 25 ในงานการประชมุ วิชาการมหาวิทยาลัยมหาสารคามวิจัย คร้งั ท่ี 15 : สาขาบรกิ ารวชิ าการ” กิจกรรม 3Rs การที่ชุมชนมีกิจกรรม 3Rs น้ีน่าจะเป็น สาเหตุหลักทาให้ปริมาณขยะและของเสียอันตรายในพื้นที่ ลดลงกว่าร้อยละ 50 ซึ่ง การส่งเสริมจากทั้งภายนอกและ จาก อบต.แพง เอง อย่างตอ่ เน่ือง เชน่ การให้ความรู้ความ เข้าใจ ในการจดั การขยะ การส่งเสริมดว้ ยการให้อุปกรณ์ที่ เกี่ยวข้องกับการจัดการขยะ เช่น ท่อหมักปุ๋ย และถุงแยก ขยะ รวมถึงความกระตือรือร้นของผู้นาชุมชน และผู้นา ทางศาสนาในท้องถิ่นทาให้ประชาชนมีความตืนตัวในการ จดั การขยะเป็นอย่างมาก และท่ีสาคัญเมอื่ ประชาชนได้ลง เมือปฏิบัติ พบว่าการแยกขยะก่อให้เกิดประโยชน์ท้ังใน เรอื่ งรายได้ ปุ๋ยท่ีเกิดจากการหมัก รวมถึงปริมาณขยะหน้า บ้านท่ีลดลง ทาให้ประชาชนเห็นประโยชน์อยา่ งชัดเจนจึง ได้ลงมือปฏบิ ัติกนั อยา่ งแพร่หลาย นอกจากนี้ บริเวณศาลา กองทุนหมู่บ้านหมู่ที่ 6 ยังใช้เป็นแหล่งในการถ่ายทอด ความรคู้ วามเขา้ ใจในการจัดการขยะกับผเู้ ยย่ี มชมอีกด้วย สาหรับการดาเนินงานในพ้ืนที่ใหม่ คือ พื้นทบี่ ้าน แพง หมู่ท่ี 1 หมู่ท่ี 9 หมู่ที่ 13 และหมู่ท่ี 14 มี ข้ันตอน หลักในการดาเนนิ การ ดังน้คี ือ  ในปี พ.ศ.2562 ทางผู้ดาเนินโครงการ ได้ทาการขยายพ้ืนที่ให้ความรู้ความเข้าใจในการจัดการ ขยะและของเสยี โดยได้เลือกพื้นที่ทางตอนเหนอื ของ อบต แพง ซ่ึงมีโครงสร้างเป็นชุมชนกึ่งเมือง ได้แก่ หมู่ 1 หมู่ 9 หมู่ 13 และหมู่ 14 และมีวัดชัยประสิทธ์ิเป็นแหล่งให้การ อบรม ทางผู้ดาเนินโครงการได้นาข้อมูล บริบท ปัญหาใน พ้ื น ท่ี ม า วิ เค ร า ะ ห์ เพ่ื อ เต รี ย ม เส น อ ใน ก า ร ป ร ะ ชุ ม ร่ ว ม ระหวา่ งตัวแทนชุมชนต้นแบบทง้ั 4 หมู่บ้าน ผู้บริหารอบต. เจ้าอาวาทวดั ชัยประสิทธิ์ รวมถึงตวั แทนส่วน สิ่งแวดลอ้ มสานักงานทรัพยากรและสง่ิ แวดล้อม จงั หวัดมหาสารคาม และตวั แทนโรงงานน้าตาลวังขนาย  วันประชุมร่วมผู้ดาเนินโครงการได้นาข้อมูลแนวนโยบายของรัฐ รวมถึงทฤษฎีเชิง วิชาการ รวมถึงข้อมูลที่วิเคราะห์ได้จากพ้ืนท่ี เสนอให้ผู้ร่วมประชุม พิจารณาหาแนวทางเลือกการ แก้ปัญหาขยะและของเสียอันตราย ตัวแทนโรงงานน้าตาลวังขนายได้กล่าวถึงแนวทางในการขอเถ้าชาน

26 เอกสารประกอบการน�ำ เสนอผลงาน ในงานการประชมุ วิชาการมหาวทิ ยาลัยมหาสารคามวจิ ยั ครัง้ ท่ี 15 : สาขาบรกิ ารวิชาการ” อ้อยและข้ีหมอ้ กรองซงึ่ เปน็ ของเหลือจากกระบวนการผลติ น้าตาล สามารถนามาใชเ้ ปน็ ส่วนผสมการผลิต ปยุ๋ จากเศษใบไมห้ รอื ปุ๋ยอินทรียไ์ ด้ ซ่ึงจะสง่ ผลต่อการลดตนุ้ ทุนการเกษตร  ในการประชุม ได้เปิดโอกาศให้ผู้นา ชุมชนบ้านหนองโก้ ซึ่งประสบความสาเร็จในการ จัดการขยะมูลฝอยและสิ่งปฏิกูล ได้เข้ามาพูดคุยและ แลกเปล่ียนเรียนรู้กับคนในชุมชน นอกจากนี้ทาง โครงการยังจัดกลุ่มเรียนรเู้ ปน็ 5 ฐาน เพื่อเสรมิ ความ เข้าใจของคนชุมชนในชุมชนให้ ตระหนักเร่ืองผู้ก่อ มลพิษเป็นผู้รับผิดชอบ และแนวทางในการแก้ไช พร้อมจะปรับเปลี่ยนพฤติกรรม โดยประชาคมท่ีร่วมประชุมมีประชามติ ร่วมลงมือ เพื่อแก้ไขปัญหาที่ ตน้ เหตุและ ถูกหลักวิชาการ โดยมแี นวทางในการดาเนนิ การดงั น้ีคอื สาหรบั การแก้ปญั หาท่ตี น้ เหตุ หรือ การลดขยะที่ตน้ ทางทาได้โดยการดาเนนิ การอาศัยประชาชนเป็นหลัก ซึ่งใช้หลัก 3Rs สาหรับขยะ เพือ่ ให้ มกี ารแยกขยะรไี ซเคิลได้นาไปขาย พร้อมท้ังทาการลดและเพ่ิมการใช้ซ้าบรรจุภัณฑ์เพ่ือลดปริมาณขยะที่ จะเกิดข้ึน ส่วนการแก้ปัญหาท่ีปลายเหตุ มีสองแนวทางคือสาหรับขยะเศษอาหารอาจมีการนาไปทาปุ๋ย หรือปุ๋ยน้า สาหรับของเสียอนั ตรายนั้น มคี วามคดิ เห็นรว่ มกนั ว่าจะในแต่ละครัวเรื่อนจะต้องมีการคัดแยก ขยะอันตรายออกจากขยะท่ัวไป จากน้ันจึงนาขยะอันตรายท่ีรวบรวมไว้ในแต่ละครัวเรือนไปทิ้ง ณ จุด รวบรวมของหมู่บา้ น จากนน้ั อบต.จะทาการรวบรวมและสง่ กาจัดท่ีจังหวดั ตอ่ ไป 3.2 ขัน้ ตอนการติดตามและสรุปผลการดาเนินงาน หลักจากได้มีฉันทานุมัติร่วมกันของชาวบ้าน ผู้นาจากสามหมู่บ้านต้นแบบแล้ว ชาวบ้านจะได้ นาไปประกาศและเรมิ่ ดาเนินการ หลังจากดาเนนิ การเปน็ ระยะเวลาสองเดอื นแลว้ ผูด้ าเนนิ โครงการไดล้ ง ไปติดตามผลการดาเนินการ โดยแบง่ เป็นสองประเด็น คอื 1) การดาเนินการแก้ปัญหาขยะมูลฝอย ชุมชน โดยชุมชน และวัด ทางคณะดาเนินงานได้ลงทา การสารวจโดยทาแบบสอบถามประชาชนในหมู่ 1 หมู่ 9 หมู่ 13 และหมู่ 14 การดาเนินการเพื่อคัดแยกขยะ ของ เสียอันตราย รวมถึงการนาไปใช้ประโยชน์ ได้ผล การศึกษาดังน้ี พบว่า ปัญหาส่ิงแวดล้อมในพ้ืนที่ได้แก่ ปญั หาฝุ่นควันจากการเผาวัสดุการเกษตร ปญั หาขยะและ น้าเสีย เน่ืองจากในพ้ืนท่ีน้ีมีวิสาหกิจชุมชนในการย้อมกก ทาเสื่อและวัสดุอื่นๆจากกก เพื่อจาหน่าย คิดเป็นร้อยละ 70 ของครัวเรือนดังภาพท่ี 10 หมู่ 1 หมู่ 9 หมู่ 13 และ

เอกสารประกอบการนำ�เสนอผลงาน 27 ในงานการประชุมวชิ าการมหาวทิ ยาลัยมหาสารคามวจิ ยั ครั้งที่ 15 : สาขาบรกิ ารวิชาการ” หมู่ 14 ร้อยละ 85.5 มีการจัดถุงหรือถังเพ่ือใช้ในการแยกขยะ ร้อยละ 72.7 โดยส่วนใหญ่แยกโดยใส่ถุง หรอื ถงั ของตนเอง ยงั ไม่มกี ารสนบั สนุนจาก อบต.หรอื หน่วยงานภายนอก โดยเมอื่ ขยะอนิ ทรยี ์ทแ่ี ยกจะใช้ เป็นอาหารสตั ว์ นอกจากนี้ยังพบว่า รอ้ ยละ 90.8 ของครวั เรือนมีถุง แยกขยะรไี ซเคิล โดยการแยกขยะรี ไซเคิลน้ีทาให้กว่าร้อยละ 90.9 ของครัวเรือน มีรายไดเ้ พิ่มข้ึน 100-500 บาทตอ่ เดอื น โดยจะรอคนมารับ ซื้อที่บ้าน อย่างไรก็ตามการแยกขยะรีไซเคิลน้ันเนื่องพบว่าชาวบ้านมักนามากองไว้หน้าบ้าน อาจทาให้ ชุมชนไม่น่ามอง การส่งเสริมโดยการให้ถุงตาข่าย หรือให้ ชาวบ้านจัดหาถุงปุ๋ยเพื่อใส่ขยะรีไซเคิลน่าจะช่วยแก้ปัญหา ส่วนน้ีได้ สาหรับวัดชัยประสิทธ์ินั้นได้มีการจัดพ้ืนที่เพื่อการ คัดแยกขยะในพ้ืนท่ีวัดเพื่อเป็นแบบอย่างให้กับชุมชน ให้ ชุมชนได้เรียนนรู้ขณะเข้ามาทากิจกรรมในวัด ในส่วนของ การแยกของเสียอันตรายน้ันพบว่า ร้อยละ 60.0 ของ ครัวเรือน ได้ทาการแยกของเสียอันตรายออกจากขยะทั่วไป สรุปในภาพรวมแล้วกวา่ ร้อยละ 69.1 ขอ้ มลู น้ีเป็นตัวบง่ ชไ้ี ด้ ว่า ทาง อบต. ควรลงพื้นทหี่ รือหาความรว่ มมอื จากภายนอก เพ่ือทาการส่งเสริมอย่างต่อเน่ือง เช่น การให้ความรู้ความ เข้าใจ ในการจัดการขยะ การส่งเสริมด้วยการให้อุปกรณ์ท่ี เก่ียวข้องกับการจัดการขยะ เช่น ท่อหมักปุ๋ย และถุงแยก ขยะ รวมถึงความกระตือรอื รน้ ของผู้นาชุมชน และผู้นาทาง ศาสนาในท้องถน่ิ ทาใหป้ ระชาชนมคี วามตน่ื ตวั ในการจัดการ ขยะเป็นอย่างมาก และท่ีสาคัญเม่ือประชาชนได้ลงเมือ ปฏิบัติ พบว่าการแยกขยะก่อให้เกิดประโยชน์ท้ังในเร่ือง รายได้ ปุ๋ยที่เกิดจากการหมัก รวมถึงปริมาณขยะหน้าบ้านที่ลดลง ทาให้ ประชาชนเหน็ ประโยชน์อย่างชัดเจนจงึ ไดล้ งมอื ปฏิบัติกันอยา่ งแพร่หลาย 2) การดาเนินการแก้ปัญหาของเสียอันตรายชุมชน มีการ แยกของเสียอันตรายใส่ถุงก่อนนาไปรวบรวมไว้ในถังแดง ณ ศาลากองทุน หมู่บา้ น อยา่ งไรก็ตามการจัดถังเก็บยังไม่ถกู หลักความปลอดภัยเน่ืองจากไม่ มีฝาปิด ทาให้น้าฝนลงไปบนกับของเสียอันตรายได้ จากการลงพ้ืนที่พบว่า ประชาชนกว่าร้อยละ 43.6 ไม่ทราบว่ามีถงั ใช้แยกท้ิงของเสียอนั ตราย ดงั น้ัน ทาง อบต.แพง และผู้นาชุมชนควรมีกิจกรรมเพื่อเสริมสร้างความเข้าใจและ ให้ขอ้ มูลแนวทางการการแยกและกาจัดของเสียอันตรายต่อชุมชนเพิ่มเติม

28 เอกสารประกอบการนำ�เสนอผลงาน ในงานการประชมุ วิชาการมหาวิทยาลยั มหาสารคามวิจัย คร้ังที่ 15 : สาขาบรกิ ารวิชาการ” 4. การบูรณาการกับภารกิจหลักดา้ นอื่นๆ 4.1 การนาไปใชก้ ับการเรียนการสอน โครงการพัฒนากระบวนการจัดการขยะมูลฝอย และของเสียชุมชนโดยให้ประชาชนมสี ว่ นรว่ มเปน็ โครงการท่ี ใช้ชุมชุนเป็นฐานการเรียนรู้ของนิสิตท่ีลงทะเบียนเรียนวิชา หน่ึงหลักสูตรหนึ่งชุมชน ให้นิสิตได้เรียนรู้กระบวนการลง พื้นท่ีชุมชน การหาและวิเคราะห์ข้อมูลบริบท สถานการณ์ การจดั การขยะและของเสยี วอันตรายชุมชน แนวทางในการ พัฒนากระบวนการทางานแบบมีส่วนร่วมของชุมชน รวมถึง แนวทางการแก้ไข/ลดความขัดแย้งอันเนอื่ งมาจากผลกระทบ ดา้ นขยะและของเสียอันตราย 4.2 การนาไปใชก้ ับการวจิ ยั ในการดาเนินงานโครงการได้มีการลงพื้นท่ีเพ่ือให้ ชาวบ้านตอบแบบสอบถามเพ่ือประเมินความตระหนักใน อันตรายจากของเสียอันตราย ประเมินเข้าใจในจัดการขยะ และของเสียอันตราย รวมถึงประเมินความความพึงพอใจ ของประชาชนต่อการจัดการของเสียอันตราย ซึ่งทางผู้ ดาเนนิ โครงการคาดว่าจะนาไปตีพิมพ์เผยแพรต่ อ่ ไป 4.3 การนาไปใช้กบั การทานุบารงุ ศลิ ปวัฒนธรรม การดาเนินงานโครงการครั้งน้ีพบว่าการนาเอา พ้ืนฐานทางวัฒนธรรม ความเช่ือความศัทธาทั้งในท้องถ่ิน และระดบั ชาตมิ าเป็นแรงกระตนุ้ ให้มีผู้รว่ มดาเนินการในการ จัดการขยะและของเสียอันตรายน้ันจะส่งผลให้มีผู้เข้าร่วม ดาเนินงานมากข้ึน จะเหน็ ไดจ้ ากการที่ อบต ประชาสมั พนั ธ์ จัดงานร่วมกับจังหวัดมหาสารคาม ทาให้ชาวบ้านร่วมกัน แยกของเสียอัตรายและนามาทิ้งตามจุดท้ิงที่จัดไว้ในแต่ละ หมู่บ้าน รวมถึงมีการดาเนินงานโครงการจติ อาสาพัฒนาบ่อ ฝังกลบมลู ฝอย ขณะที่ทางเจ้าอาวาสวดั วัดชยั ประสทิ ธ์ิทา่ นมี ความเข้าใจในปัญหา และคอยกระตุ้นเตือน การจดั การด้าน ขยะมลู ฝอยของชุมชน นอกจากน้ใี นการดาเนินงานต่อไป จะได้จดั ให้มกี ารนัดวันท้ิงของเสียอันตรายตาม วันสาคญั ทางศาสนาและของชาติตอ่ ไป

เอกสารประกอบการน�ำ เสนอผลงาน 29 ในงานการประชุมวิชาการมหาวิทยาลัยมหาสารคามวจิ ัย ครั้งที่ 15 : สาขาบรกิ ารวชิ าการ” 5. ผลลัพธจ์ ากการดาเนนิ งานโครงการ เม่ือเปรียบเทียบผลการดาเนินงานระหว่างสองกลุม่ หมู่บา้ นคือ กลุ่มหมบู่ ้านหนองโก หมู่ 6 หมู่ 10 และหมู่ 16 เทีบบกับ กลุ่มบ้านแพง หมู่ 1 หมู่ 9 หมู่ 13 และหมู่ 14 พบว่าแม้จะมีการดาเนินงาน เหมือนกัน แต่ในกล่มุ บ้านแพงมพี ัฒนาการของการจัดการขยะและของเสยี ชา้ กวา่ กลุม่ บา้ นหนองโก ท้งั น้ี อาจเป็นเน่ืองจากลักษณะชมุ ชนท่ีแตกต่างกัน คือ บ้านแพงจะเป็นชุมชนเมืองมากกว่าบ้านหนองโก ซ่ึงมี อาชีพอ่ืนๆ นอกเหนือจากเกษตรกร เช่น การค้าขาย การให้เวลากับการจัดการขยะและของเสียอาจมี นอ้ ยกว่า อยา่ งไรกต็ ามปัจจยั หลกั น่าจะเกดิ จาก การส่งเสรมิ จากหนว่ ยงานภายนอก ต่อกลมุ่ หมูบ่ ้านแพง ซึ่งขาดกิจกรรมส่งเสริมมให้เกิดความต่อเนื่อง ต่างจากพื้นท่ีบ้านหนองโก ซ่ึงมีกิจกรรมจากภายนอก ส่งเสริมอย่างต่อเน่ือง เช่น มีการลงพื้นท่ีทั้งจากของมหาวิทยาลัยมหาสารคาม ส่วนทรัพยากรและ ส่ิงแวดล้อม จังหวัดมหาสารคาม อบต.แพง รวมถึงมหาวิทยาลัยราชภัฎมหาสารคาม โดยแต่ละ หน่วยงาน ลักษณะการส่งเสริมเปน็ ท้ังในด้านให้ความรู้ ความเขา้ ใจ และการมอบวสั ดุดาเนินงาน เชน่ ถุง ตาข่าย ถัง/บ่อซีเมนต์ใช้หมกั เศษอาหาร ถังรวบรวมของเสียอันตราย รวมถึงป้ายความรู้ความเข้าใจด้าน การ จัดการขยะและของเสียอันตรายซ่ึงแต่ละหมู่บ้านสามารถนาไปติดท่ีศาลาชุมชนเพ่ือใช้เป็นแหล่ง เรยี นเรียนใหก้ ับแตล่ ะหมู่บ้าน แรงผลักดันจากภายนอกมีส่วนต่อการทาให้กลไกการจัดการ ของเสียโดยให้ประชาชนมสี ่วนรว่ มเกดิ การขบั เคล่ือน สรปุ ไดด้ งั นี้ - มหาวิทยาลัย ทาหน้าที่ประสานงาน ส่งเสริมความรู้ความ เขา้ ใจ ขับเคลอ่ื นใหเ้ กิดกลไกบวรขึน้ - หน่วยงานราชการ อบต. สร้างกลไกเชิงกฏหมาย งบประมาณ วัสดุอปุ กรณ์ ส่งเสรมิ ความเขา้ ใจ - สทจ.มหาสารคาม ส่งเสริมความเข้าใจ ด้านงบประมาณ วัสดุ อปุ กรณ์ - หมบู่ า้ นตน้ แบบ เปน็ แรงบลั ดาลใจ - โรงงานอุตสาหกรรมในพ้ืนที่ อาจมีการสนับสนุนวัสดุ เช่น เถ้าชานอ้อย เพ่ือให้ชุมชนนาไปใช้กับ การหมักของเสียช่วยลดต้นทุน ในการจดั การของเสีย 6. บทสรปุ โครงการ จะเห็นได้ว่า อบต. องค์กรเดียวไม่สามารถแก้ปัญหาน้ีได้ จาเป็นต้องได้รับความร่วมมือจาก ประชาชนในชมุ ชน การใหป้ ระชาชนมีส่วนร่วมในการแก้ปัญหามผี ลดีหลายประการเชน่ คณุ ภาพของการ ตัดสินใจดขี ้นึ คอื สาธารณชนจะชว่ ยสร้างความกระจ่างใหก้ ับวตั ถุประสงคแ์ ละความต้องการของโครงการ หรือนโยบาย และบ่อยครงั้ ท่กี ารมีส่วนร่วมของประชาชนนามาสู่การพจิ ารณาทางเลือกใหม่ๆ ทนี่ า่ จะเป็น

30 เอกสารประกอบการน�ำ เสนอผลงาน ในงานการประชมุ วิชาการมหาวทิ ยาลยั มหาสารคามวจิ ยั คร้งั ที่ 15 : สาขาบริการวชิ าการ” คาตอบที่มีประสิทธผิ ลที่สุดได้ใช้ต้นทุนน้อยและลดความล่าช้าลง รวมถึงก่อให้เกิดการสร้างฉันทามติลด ความขัดแย้งในชุมชนเป็นต้น อย่างไรก็ตามการส่งเสริมให้คนในชุมชนเข้าใจหลักการผู้ก่อมลพิษเป็นผู้ รว่ มกับผิดชอบและเข้ามามีสว่ นร่วมในการแก้ปญั หา จาเป็นจะต้องอาศัยต้นทุนทางสังคมและวัฒนธรรม พื้นถน่ิ ใชเ้ ป็นสงิ่ หลอมรวมใหเ้ กิดสังคมทีเ่ กื้อกูลขนึ้ 7. บรรณานกุ รม โกวิทย์ พวงงาม. คู่มือประชาชนสาหรับการรับรู้ข่าวสารและการมีส่วนร่วมในการบริหารกิจการองค์กร ปกครองส่วนท้องถ่ิน.โครงการพัฒนาแหงสหประชาชาติและกรมสงเสริมการปกครองทองถิ่น. กรุงเทพฯ. 2552. สานกั งานขับเคลือนการพัฒนาตามปรัชญาเศรษฐกจิ พอเพียง. คมู่ ือและแนวทางการดาเนนิ งานโครงการ ขับเคล่ือนการพัฒนาตามปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง.ปลัดสานักนายกรัฐมนตรี. กรุงเทพฯ. 2556. สานักจัดการกากของเสียและสารอันตราย. คู่มือการจัดทาโครงการศึกษาความเหมาะสมและออกแบบ รายละเอียดระบบจัดการมูลฝอยแบบครบวงจรสาหรับองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น. กรมควบคุม มลพิษ.กรงุ เทพฯ. 2555. สานกั จดั การกากของเสียและสารอันตราย. แผนแม่บทการบริหารจดั การขยะมลู ฝอยของประเทศ (พ.ศ. 2559 – 2564). กรมควบคมุ มลพิษ.กรงุ เทพฯ. 2555

การพฒั นาสมรรถนะการช่วยฟ้ืนคืนชพี ขน้ั พืน้ ฐาน ในกลุ่มครูห้องปฐมพยาบาล โรงเรียนมัธยมศึกษาเขตพ้นื ทจ่ี ังหวดั มหาสารคาม นนั ทวรรณ ทิพยเนตร และคณะ คณะแพทยศาสตร์ มหาวทิ ยาลยั มหาสารคาม 1. ความเป็นมาของปญั หา ภาวะหัวใจหยุดเต้น ส่วนใหญ่เกิดนอกรพ.( ¾ ของท้ังหมด) การช่วยฟ้ืนคืนชีพเป็นการช่วยให้ ระบบหัวใจและหายใจกลับมาทางานอีกครั้ง ด้วยมาตรฐานของการบริการการแพทย์ฉุกเฉินสามารถ เข้าถึงพื้นที่อย่างเร็วที่สุดภายใน 8 นาทีแต่โดยเฉล่ียสมองสามารถทนภาวะการขาดเลือดได้ ภายในเวลา ไม่เกิน 4 นาที ดังนั้น ผ้พู บเหน็ ท่ีใกล้ชิดจึงเป็นตัวแปรสาคัญในการเพมิ่ อัตรารอดชีวิตของผูท้ ่มี ีภาวะหวั ใจ หยุดเต้นนอกโรงพยาบาล โดยเพ่มิ อตั ราการรอดชวี ิตได้ถึง 4 เท่า 2. วตั ถปุ ระสงคโ์ ครงการ เพอื่ การพัฒนาคณุ ภาพระบบการดแู ลผู้เจบ็ ปว่ ยฉกุ เฉินในชมุ ชนในอนาคต ใหป้ ระชาชนมีความรู้ และมีทักษะท่ีถกู ตอ้ งในการช่วยฟ้นื คืนชีพ และสามารถชว่ ยเหลือผูเ้ จบ็ ปว่ ยฉุกเฉนิ วกิ ฤตได้อย่างทันทว่ งที ก่อนทมี กชู้ ีพขัน้ สงู ไปถึง 3. กระบวนการดาเนนิ การ ในต่างประเทศ โดยเฉพาะ ประเทศท่ีพัฒนาแล้ว มีการจัดการเรียนการสอนให้มีการอบรมการ ช่วยฟ้นื คืนชีพขั้นพ้ืนฐานเป็นภาคบังคบั เม่ือนักเรียนจบการศึกษาภาคบังคบั จะได้รับใบรัยรองวา่ ผ่าการ อบรมการชว่ ยฟื้นคนื ชีพขัน้ พนื้ ฐาน สาหรบั ประเทศไทย เดิมการอบรมใหค้ วามร้เู รืองการช่วยฟนื้ คืนชีพข้นั พน้ื ฐาน ทาเฉพาะในกลุ่ม บุคลากรทางการแพทย์ ดังน้ันสาขาปฏบิ ตั กิ ารฉกุ เฉินการแพทย์ คณะแพทยศาสตร์ ม.มหาสารคาม ท่ีเปน็ ทีเรียนทแ่ี รกทเ่ี ปดิ หลกั สูตรนี้ ของไทย และเล็งเห็นความสาคัญของการช่วยฟนื้ คนื ชีพของประชาชน ก่อน ทมี กู้ชพี จะไปถึง สาขาปฏิบัติการฉุกเฉินการแพทย์ คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหาสารคาม จงึ เป็น ท่ีเรมิ่ แรกในการจัดอบรมการช่วยฟืน้ คืนชีพขัน้ พ้ืนฐานในกลุ่มประชาชน ทงั้ น้กี ารให้บริการวิชาการการอบรมการช่วยฟ้นื คืนชีพขนั้ พื้นฐาน ได้เรมิ่ ดาเนินการคร้ังแรกในปี พ.ศ.2558 ในกลุ่มนักเรียน ในโรงเรียนมัธยมศึกษาใน 3 อาเภอ ของจังหวัดมหาสารคาม ได้แก่ อาเภอ เมือง อาเภอโกสุมพิสัย อาเภอบรบือ อาเภอละ 2 โรงเรียนๆละ 5 คน รวม 30 คน มีการจัดการอบรม โดยให้ความรู้ เรือ่ ง การชว่ ยฟ้ืนคืนชีพขน้ั พื้นฐาน การชว่ ยทาให้สาลกั เพ่อื เปดิ ทางเดินหายใจ มกี ารจัดให้ มีการฝึกปฏิบัติการช่วยฟ้ืนคืนชีพข้ันพื้นฐานและสอบปฏิบัติ โดยทาจนกว่าจะสอบผ่านตามเกณฑ์

32 เอกสารประกอบการนำ�เสนอผลงาน ในงานการประชุมวิชาการมหาวทิ ยาลัยมหาสารคามวจิ ัย ครงั้ ท่ี 15 : สาขาบริการวชิ าการ” ร้อยละ 60 ซ่ึงนกั เรยี นสนกุ สนานและร่วมมอื ในการฝึกอบรมดมี ากแตด่ ว้ ยงบประมาณจากัดจงึ ทาไดเ้ พยี ง 3 อาเภอ ต่อมา ในปี พ.ศ.2559-2561 ภายใต้งบประมาณ “โครงการหนึ่งหลักสูตรหนึ่งชุมชน” มหาวิทยาลัยมหาสารคาม ร่วมกับ โครงการวิจัยงบประมาณรายได้ คณะแพทยศาสตร์ มีการขยายพื้นที่ การอบรมไปใน โรงเรยี นมัธยมอาเภออ่ืนๆ ได้แก่ อาเภอแกดา อาเภอนาดูน อาเภอเชียงยืน อีกท้ัง เพิ่ม พืน้ ที่เป้าหมายลงใน กลุ่มนิสิตมหาวิทยาลยั ท่ีเป็นอาสาสมัครสาธารณสุขนักเรียน กลุ่มนิสติ มหาวทิ ยาลัย สายวทิ ยาศาสตรส์ ขุ ภาพ กลุ่ม รปภ.ของมหาวิทยาลัยมหาสารคาม กลมุ่ คนงานโรงงานอุตสาหกรรม และ กล่มุ อสม.เขตพน้ื ท่รี อบ รพ.สุทธาเวช อย่างไรก็ตามจากการดาเนินการที่ผ่านมา ยังพบปัญหาว่าหากจะติดตามประเมินความรู้ และ ประสบการณ์ของผู้ท่ีได้รับการอบรมได้อย่างไร จึงเป็นที่มาของการพัฒนาแนวทางการจัดอบรม เพื่อ พัฒนา สมรรถนะครูก.ด้านการช่วยฟื้นคืนชีพขั้นพ้ืนฐานและการปฐมพยาบาล ในกลุ่มครูห้องปฐม พยาบาลของโรงเรียนมัธยมศึกษา ในเขตพ้ืนที่จังหวัดมหาสารคาม เน่ืองจากเชื่อว่า ความรู้และทักษะน้ี หากมีอยู่ในครูหอ้ งปฐมพยาบาลของแตล่ ะโรงเรียน น่าจะไดร้ ับการถา่ ยทอดไปยังนกั เรยี นทุกๆ รุ่น ต่อไป นอกจากนี้ ยังสามารถไปตดิ ตามประเมนิ ความรู้รวมถึงทบทวนหรืออบรมพฒั นาความรู้ที่ทันสมยั ไดเ้ รอ่ื ยๆ โดยเริ่มข้ันตอนจากการเข้าหารือ ผอ.เขตพื้นท่ีการศึกษาโรงเรียนมัธยมศึกษา จังหวัดมหาสารคาม และ เข้านาเสนอในท่ีประชมุ ประจาเดือนของ ผอ.โรงเรยี นมัธยมศึกษา เพ่ือเชญิ ชวนโรงเรียนที่สนใจ สง่ ครูห้อง ปฐมพยาบาลเข้าร่วมกิจกรรมการพัฒนา ครู ก. ด้านการช่วยฟื้นคืนชีพขั้นพ้ืนฐานและการปฐมพยาบาล ซ่ึงจากการเข้าเสนอในท่ีประชุม และ ทาหนังสือไปยังแต่ละโรงเรียน พบว่า มีโรงเรียนตอบรับเข้าร่วม กิจกรรม จานวน 9 โรงเรียน และได้จัดการอบรม ในเฟส1 คือ อบรมครูห้องปฐมพยาบาล และเฟส 2 คือ ติดตามกิจกรรมการสอนของครูห้องปฐมพยาบาล ในการเป็น ครู ก. สอนเร่ืองการช่วยฟ้ืนคืนชีพขั้น พนื้ ฐานและการปฐมพยาบาลให้แกน่ กั เรยี นในโรงเรยี นของตนเอง 4. การบรู ณาการกับภารกจิ หลกั ด้านอนื่ ๆ 4.1 บรู ณาการกบั การเรยี นการสอน กิจกรรมบรกิ ารวชิ าการนี้ ไดบ้ รู ณาการเขา้ กบั การเรียนการ สอนในรายวิชา basic life support ของนิสิตช้ันปีท่ี 3 ในภาค การศึกษาท่ี 1 จากการท่ีนิสิต ได้เรียนและฝึกในทักษะการช่วยฟื้น คืนชีพขั้นพื้นฐาน และการปฐมพยาบาลแล้ว อาจารย์ประจาสาขา จะจัดใหม้ ีกจิ กรรมการสอน/อบรมการชว่ ยฟืน้ คืนชพี ข้นั พื้นฐาน โดย นิสิตมีส่วนร่วมในการเป็นวิทยากรกลุ่ม สามารถสาธิตและสอน เทคนิคการชว่ ยฟน้ื คืนชีพข้นั พ้ืนฐาน และการปฐมพยาบาลทถ่ี ูกตอ้ ง ใหก้ ับกลมุ่ ครู ก. ในเฟส 1 และกลุม่ นกั เรยี นมัธยม ในเฟส 2

เอกสารประกอบการนำ�เสนอผลงาน 33 ในงานการประชุมวชิ าการมหาวิทยาลัยมหาสารคามวจิ ัย ครงั้ ท่ี 15 : สาขาบรกิ ารวชิ าการ” 4.2 บรู ณาการกับการวจิ ัย กิจกรรมบริการวิชาการนี้ ได้บูรณาการเข้ากับการวิจัย ภายใต้ช่ือโครงการ “ผลของการพัฒนา สมรรถนะการช่วยฟื้นคืนชีพและการปฐมพยาบาล ในกลุ่มครหู อ้ งปฐมพยาบาล โรงเรียนมัธยมศึกษา เขต พน้ื ทจ่ี ังหวัดมหาสารคาม” 5. ผลลพั ธ์จากการดาเนนิ งานโครงการ 5.1 ขอ้ คน้ พบตามวัตถปุ ระสงค์ จากผลของการบริการวิชาการและการวิจยั นี้ ในเฟส 1 ช่วงเดือนพฤษภาคม พ.ศ.2562 คือ การให้ความรู้และ พัฒนาทักษะการช่วยฟื้นคืนชีพ มีครูห้องปฐมพยาบาลจาก โรงเรียนในเครือ สพม. มหาสารคาม เข้าร่วมรับการอบรม 14 โรงเรียน รวม 30 คน และจากโรงเรียนสาธิตมหาวิทยาลัย มหาสารคาม (ประถมศึกษา) รวม 60 คน ท้ังนี้ อบรม ณ ห้อง สมาร์ทคลาสรูม คณะพยาบาลศาสตร์ โดยมีส่วนร่วมของ อาจารย์คณะพยาบาลศาสตร์ ด้วย 2 ท่าน เรื่องท่ีอบรม คือ 1)-แนวทางประเมินอาการฉุกเฉินและการโทรการแจ้งเหตุ 1669 2)-แนวทางใหม่ในการปฐมพยาบาลเบ้ืองต้น 3)-การช่วยทาให้ สาลักเพ่ือทาให้ทาเดินหายใจโล่ง กรณีมีส่ิงอุดก้ันทางเดินหายใจ และ 4)-การช่วยฟื้นคืนชีพข้ันพื้นฐาน และในเฟสท่ี 2 ช่วงเดือนสิงหาคม พ.ศ.2562 เพอื่ ตดิ ตาม นเิ ทศ ครู ก. ที่ ผา่ นการอบรม ในการสอบสอน เร่ืองที่ได้รับการอบรมมา มีครูจาก 3 โรงเรียน เข้ารับการสอบสอน ได้แก่ โรงเรียนสารคามพิทยาคม มีครูร่วมคุมฝึกกจิ กรรมภาคปฏิบัติ 1 คน โรงเรียนนาเชือกพิทยาสรรค์ มีครูร่วมสอน 1 เร่ือง คือ เร่ืองการ

34 เอกสารประกอบการน�ำ เสนอผลงาน ในงานการประชุมวิชาการมหาวิทยาลยั มหาสารคามวจิ ยั ครง้ั ท่ี 15 : สาขาบริการวชิ าการ” ปฐมพยาบาล อีกทั้งร่วมคุมฝึกปฏิบัติ และโรงเรียนบรบือ มีครูร่วมสอน 5 คน กลา่ วคือ มีผรู้ บั ผดิ ชอบสอน ในทกุ เรอ่ื งที่ไดใ้ หก้ ารอบรมไป อยา่ งไรก็ตาม ยังพบว่า การมีส่วนร่วมในการสอนยังมีปัญหา ดังนี้ 1)ความม่ันในของครูใน การสอน โดยเฉพาะทักษะการปฏิบัติ ได้แก่ การช่วยฟื้น คืนชีพ การปฐม พยาบาล การทาให้สาลัก 2) การฝึกจัดการเวลาในการทากิจกรรม ไม่ ครอบคลุมประสบการณ์ท่ไี ด้รับ อย่างไรก็ตาม ครู ผูส้ อนแตล่ ะคน มสี ่วนรว่ ม ในการลงฐาน จึงได้ทบทวน และมีความมน่ั ใจ จนสามารถถา่ ยทอดได้ดีย่ิงข้ึน ส่วนเวลาในการฝึกปฏิบัติของนิสิต ท่ีมีน้อยเกินไป อาจทาให้นักเรียนเกิด ความสับสนวิธีการปฏิบัติ เช่น การทาให้สาลัก และการช่วยฟื้นคืนชีพ จึง ประสานงาน ชี้แนะให้ครู พานิสิตฝึกเพิ่มเติม หรือหากมีโอกาสที่จะให้ลงฝึก ประสบการณ์ให้นักเรียนอีกครั้งค่อยจัดสรรเวลาในโอกาสต่อไป 5.2 ข้อค้นพบอน่ื ๆ เนื่องจาก วัตถุประสงค์ของการพัฒนาชุมชนในท่ีนี้น้ัน เป็นไปเพ่ือการพัฒนาคุณภาพระบบการดูแลผู้เจ็บป่วยฉุกเฉินใน ชุมชนในอนาคต ให้ประชาชนสามารถช่วยเหลือผู้เจ็บป่วยฉุกเฉิน วิกฤตได้อย่างทันท่วงทีก่อนทีมกู้ชีพข้ันสูงไปถึง จากความมุ่งมั่นใน การดาเนินการที่ผ่านมาเริ่มตั้งแต่ปี พ.ศ.2558 จึงมีผลกระทบที่ เกี่ยวขอ้ ง ดังนี้ 1. เกิดงานวิจัยอ่ืนๆทเ่ี กย่ี วข้องกับการพฒั นาสมรรถนะการชว่ ยฟ้ืนคืนชีพในชุมชน 1.1 ผู้วิจัยอ่ืนสามารถต่อยอดงานวิจัยจากงานนี้ เนื่องจากการริเร่ิมเป็นผู้วิจัยหลักด้านการ พฒั นาสมรรถนะการช่วยฟน้ื คนื ชีพขน้ั พ้นื ฐาน ในประชาชน และใหบ้ รกิ ารวิชาการทางด้านการอบรมเพื่อ พัฒนาสมรรถนะการช่วยฟ้ืนคืนชีพขั้นพ้ืนฐานในกลุ่มนักเรียนมัธยม ในปี พ.ศ.2558 และได้นาเสนอ ใน เวที สถาบันการแพทย์ฉุกเฉิน เป็นผลให้มีคณาจารย์ คณะพยาบาลศาสตร์ มาปรึกษา และขอเชิญเป็นท่ี ปรึกษา งานวจิ ัยนิสิต ป.โท คณะพยาบาลศาสตร์ มข. จึงการพฒั นางานวิจยั อ่ืนๆ ที่เกี่ยวขอ้ ง ตามมาอีก สองเร่ือง คอื 1) การพัฒนาหลักสูตรการเรียนการสอนเพอ่ื พัฒนาสมรรถนะการช่วยฟ้ืนคืนชีพข้ันพ้ืนฐาน ของ นิสิต ป.โท คณะพยาบาลศาสตร์ ม.ขอนแก่น ในปี พ.ศ.2559-2560 (เพ็ญพักตร์ ไชยสงเมือง, ชัคเนย์ แพรขาว, 2560) และต่อมาสถาบันการแพทยฉ์ ุกเฉินไดส้ นบั สนุนทุนวิจยั เพ่ือพฒั นาหลกั สตู รนใ้ี น นักเรียนบนดอย เพอ่ื ต่อยอดจากการใช้เคร่ืองมือของงานวจิ ัยป.โท (เพญ็ พักตร์ ไชยสงเมือง, ชัคเนย์ แพร ขาว, 2560) จึงเกิดงานวิจัยช้ินต่อมา คือ 2) การพัฒนารูปแบบการสอนด้านการแพทย์ฉุกเฉินในวิชาสุข

เอกสารประกอบการน�ำ เสนอผลงาน 35 ในงานการประชมุ วชิ าการมหาวทิ ยาลยั มหาสารคามวจิ ัย ครง้ั ที่ 15 : สาขาบริการวชิ าการ” ศึกษาสาหรับนักเรียนในเขตพื้นท่ีบนภูเขา ในปี พ.ศ.2560 (เกรียงศักด์ิ ยุทโท และคณะ, 2561) นอกจากนี้ เกิดงานวิจัยท่ีเกี่ยวข้องกับการพัฒนาสมรรถนะการช่วยฟื้นคืนชีพที่ทาในกลุ่มประชากรอ่ืน/ พื้นท่ีอ่ืนอีกมากมาย อาทิ เช่น ผลงานวิจัย ป.ตรี นิสิตปฏิบัติการฉุกเฉินการแพทย์ มหาวิทยาลัย มหาสารคาม รุ่นท่ี 6 ปีการศึกษา 2561 เรื่อง ผลของการพัฒนาสมรรถนะการช่วยฟ้ืนคืนชีพในกลุ่ม นักเรียนมัธยมศึกษา เขตพ้ืนท่ี จังหวัด นครราชสีมา และ งานวิจัย นิสิต ป.โท ในการทาวิจัย เรื่อง ผล ของการพฒั นาสมรรถนะ การชว่ ยฟน้ื คืนชพี ในกลุม่ อสม. ในปกี ารศึกษา 2562 1.2 ผู้รับผิดชอบโครงการ ได้ทาการต่อยอดงานวิจัยท่ีเก่ียวข้อง เน่ืองจากประสบการณ์ใน การทาวิจัยเพื่อพัฒนาสมรรถนะการช่วยฟื้นคืนชีพในกลุ่มนักเรียนมัธยม ปัญหาที่พบคือ ไม่สามารถ ติดตามประเมิน ความรู้ และทักษะหลังการอบรมในระยะยาวได้ จึงมีความคิดที่จะพัฒนาความรู้และ ทกั ษะน้ี ในครูห้องปฐมพยาบาล เพ่ือให้ความรู้ และทกั ษะ อยู่ในครหู ้องปฐมพยาบาลดา้ นการชว่ ยฟื้นคืน ชีพ และสามารถถ่ายทอดให้นักเรียนเองได้อีกท้ังสามารถติดตามประเมินได้ต่อเน่ืองในโอกาสต่อไป จึง เกิดงานวิจัยเร่ือง การพัฒนาครูก.ด้านการปฐมพยาบาลและการช่วยฟื้นคืนชีพข้ันพ้ืนฐานในกลุ่มครหู ้อง ปฐมพยาบาล โรงเรยี นมัธยมศกึ ษา จังหวัดมหาสารคาม (ปี พ.ศ.2562) 2. มกี ารจดั บริการวชิ าการ โดยอาจารย์สาขารว่ มกับนิสติ ลงใหค้ วามร้ปู ระชาชนเรือ่ งการชว่ ยฟน้ื คืนชีพขั้นพื้นฐาน และการปฐมพยาบาล ในงานวันวิทยาศาสตร์มหาวิทยาลัยมหาสารคาม วันกาชาด จังหวดั มหาสารคาม และงานวันเดก็ ของทุกปี 5.3 การขยายผลไปสู่หน่วยงานอืน่ ๆ ท่เี กย่ี วขอ้ ง มีการกระจายการอบรมการช่วยฟ้ืนคืนชีพขั้นพื้นฐานแก่ประชาชนไปในหลายๆ พื้นที่ ท้ังจาก องค์กร/หน่วยงานท่ีเป็น รพ.ในภาครัฐ และสถาบันการเรียนการสอนในวิชาชีพด้านแพทย์/พาราเมดิค จนกระท่ัง กระทรวงสาธารณสุข ได้ประกาศ แผนเพ่ือการฝึกอบรมการช่วยชีวิตข้ันพื้นฐานแก่ประชาชน โดยต้งั เปา้ คนไทย 10 ล้านคน ในปี พ.ศ.2562 6. บทสรปุ จากกิจกรรมน้ี มีการถ่ายทอดองค์ความรู้ใหม่ ให้แก่ ครูห้องปฐมพยาบาลในเร่ืองการช่วยฟ้ืนคืนชีพข้ัน พ้ืนฐาน รวมทั้งมีการพัฒนาอัพเดตความรู้เดิมในเรื่องการ ปฐมพยาบาล อีกทัง้ ยังสร้างความม่นั ใจ ในการฝึกการสอน เป็น ครู ก.ห้องปฐมพยาบาล เรื่องการช่วยฟ้ืนคืนชีพขั้นพื้นฐานและการปฐมพยาบาล คาดว่าน่าจะเป็น ประโยชน์ และเกิดความย่ังยืนแก่คนในชุมชนเนื่องจากผู้ท่ีได้รับบริการวิชาการเพื่อพัฒนาน้ี มีบทบาท หน้าท่ีในการให้ความรู้และอยู่ในพื้นท่ีของตนเอง นอกจากน้ียังมีตัวตนในพื้นท่ีๆสามารถติดตามเป็นพี่ เล้ยี ง และถา่ ยทอดความร้ใู หม่ ได้ต่อเน่อื งทุกปี หรอื ตามแต่โอกาสอานวยในครัง้ ต่อๆ ไป

36 เอกสารประกอบการนำ�เสนอผลงาน ในงานการประชมุ วชิ าการมหาวิทยาลัยมหาสารคามวจิ ยั ครง้ั ท่ี 15 : สาขาบรกิ ารวชิ าการ” 7. บรรณานุกรม ผลงานวจิ ยั ป.โท คณะพยาบาลในปี 2560 ทอ่ี า้ งถงึ งานวจิ ยั ท่ีเรม่ิ ทาการพัฒนาสมรรถนะ การชว่ ยฟื้นคืน ชีพขน้ั พืน้ ฐานในปี 2558 (เพญ็ พักตร์ ไชยสงเมอื ง, ชัคเนย์ แพรขาว, 2560) ผลงานวิจัยพัฒนาหลักสูตรการช่วยฟ้ืนคืนชีพขั้นพ้ืนฐานในพื้นท่ีเขาสูง 2560 (เกรียงศักด์ิ ยุทโท และ คณะ, 2561) เล่มผลงานวิจัย นิสติ ป.ตรี การอบรม CPR (ธมลวรรณ 2561) หนงั สือโครงรา่ งวจิ ยั ป.โท ปีการศกึ ษา 2562 (เบญ 2562) เล่มผลงานบริการวิชาการท่ีเก่ยี วข้อง รปู ภาพกิจกรรมการวจิ ยั ทเี่ กี่ยวขอ้ ง

การพัฒนาทกั ษะ องค์ความรใู้ หม่ และบริหารการจัดการทางด้านวิศวกรรมของ ผปู้ ระกอบการสิง่ ก่อสร้างรายย่อยในพื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนอื ศิวา แก้วปลง่ั และคณะ คณะวศิ วกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลยั มหาสารคาม 1. ความเป็นมาของปัญหา แนวโน้มธุรกิจ รับเหมาก่อสร้าง ในปี พ.ศ.2562 มีคาดการณ์ว่าจะเติบโตมากข้ึนโดยมี Mega Project ของภาครัฐเป็นปัจจัยสาคัญอย่างหน่ึง โดยปีน้ีคาดการณ์ว่าโครงการต่างๆของภาครัฐมีแนวโน้ม เตบิ โต 7% และในภาคเอกชนเติบโตถงึ 3-4% จากภาพรวมพบว่ามีแนวโน้มทีเ่ ตบิ โตไปในทิศทางเชงิ บวก ท้งั ภาครัฐและภาคเอกชน ภาพรวมของโครงการก่อสร้างในธุรกิจพาณิชยกรรมปีนี้ เชื่อว่ามกี ารแข่งขันใน ตลาดกว่า 70% ยังคงเกิดจากผู้ประกอบการรายใหญ่ที่มีความพร้อมทางด้านการเงิน และทรัพยากร บุคคล จากปัจจัยหนุนก่อสร้างภาครัฐ ในเรื่องของการดาเนินงานของ Mega Projects และ การพัฒนา โครงการพ้ืนฐาน ส่งผลให้ผู้ประกอบการรายย่อยได้รับผลดีจากการรับเหมาช่วงเพ่ิมข้ึนจากกลุ่มเอกชน ขนาดใหญ่ท่ีเปน็ ผ้ชู นะจากการประกวดราคา และในโครงการภาครัฐขนาดเลก็ มกี ารขยายตวั จากนโยบาย ไทยนิยมยั่งยืนท่ีมีมูลค่าโครงการไม่มากนักจึงเป็นโอกาสท่ีดีมากท่ีจะเข้าไปรับงาน ก่อสร้างด้วยตนเอง โดยเฉพาะพนื้ ทีท่ อ้ งถนิ่ หรือใกล้เคยี ง แต่อย่างไรก็ตามปัญหาท่ีสาคัญอย่างหนึ่งของผู้ประกอบการรายย่อยก็คือ ความรู้ความเข้าใจ ของช่างก่อสร้าง โดยองค์ความรู้ และแนวทางการบริหารจัดการทางด้านวิศวกรรมของผู้ประกอบการ สิ่งกอ่ สรา้ งรายยอ่ ยเป็นส่วนประกอบท่สี าคัญยงิ่ ในมิติกาลังคนเพ่ือการพฒั นาประเทศ และเพอื่ ให้ได้ ผลิต ภาพแรงงานท่ีมีคุณภาพตรงกับความต้องการของตลาดแรงงาน จึงควรให้การส่งเสริมการมีงานทาเพื่อ ยกระดบั และพัฒนาคณุ ภาพชีวิต จึงจาเป็นต้องเตรียมความพร้อมแก่กาลังแรงงาน เพื่อพัฒนามาตรฐาน อาชีพให้มีความถูกต้องและทันสมัยอยู่เสมอ ซ่ึงเป็นกระบวนการที่สาคัญท่ีทาให้คนร้ศู ักยภาพของตนเอง มีความรู้เร่ืองของอาชีพและทิศทางตลาดแรงงานเพ่ือให้มีความสามารถในการวางแผนการศึกษาหรือ ประกอบอาชีพได้อย่างถูกต้องและเหมาะสม เป็นกระบวนการสาคัญท่ีจะสามารถช่วยแก้ไขปัญหาการ ผลิตกาลังแรงงานที่ไม่ตรงกับความต้องการของตลาดแรงงาน การขาดแคลนแรงงาน และลดปัญหาการ ว่างงานได้ การดาเนินการเตรียมความพร้อมแก่กาลังแรงงานจึงมีความสาคัญและจาเป็นอย่างย่ิงที่จะ สนับสนุนผลิตภาพแรงงานเพอ่ื ป้อนเข้าสู่ตลาดแรงงานและเพื่อการพัฒนาประเทศ ในการเตรียมคนให้มี ความพร้อมในด้านความรู้ ความสามารถ และทักษะท่ีตรงกับความถนัดและความสนใจของตนเอง ลด ปัญหาการเปล่ียนงานหรือออกจากงาน มีงานทาที่ยั่งยืน มีความก้าวหน้าในอาชีพ มีรายได้ท่ีเหมาะสม สอดคลอ้ งกับความต้องการของตลาดแรงงาน

38 เอกสารประกอบการนำ�เสนอผลงาน ในงานการประชมุ วิชาการมหาวทิ ยาลยั มหาสารคามวจิ ัย ครัง้ ที่ 15 : สาขาบรกิ ารวิชาการ” ดังน้ันโครงการนี้ต้องการท่ีจะพัฒนาทักษะ องค์ความรู้ใหม่ และบริหารการจัดการทางด้าน วิศวกรรมของผู้ประกอบการส่ิงก่อสร้างรายย่อยในพ้ืนท่ีภาคตะวันออกเฉียงเหนือ เพ่ือรองรับตลาดแรง แรงและโครงการกอ่ สร้างที่จะเกิดขน้ึ โดยจะให้ความรูใ้ นหัวขอ้ ประมาณราคาค่าก่อสร้าง การติดต้งั และ ตรวจสอบงานระบบไฟฟ้า งานตรวจสอบและการควบคุมคุณภาพงานโครงสร้าง งานสารวจในงาน ก่อสร้างและการทาแผนที่ภูมิประเทศ และงานระบบประปาและสุขาภิบาล ให้แก่กลุ่ม วิศวกร ช่าง ก่อสร้าง และผู้สนใจทั่วไป ท่ีอยู่ในพื้นท่ีกลุ่มจังหวัดร้อยแก่นสารสินธ์ุ ผู้ประกอบการรายย่อยใน จ.มหาสารคาม จ.ขอนแก่น จ.รอ้ ยเอ็ด และ จ.กาฬสินธ์ุ 2. วตั ถุประสงคโ์ ครงการ 1) เพือ่ พฒั นาทักษะ องคค์ วามรู้ใหม่ และวิธบี รหิ ารการจดั การของผ้ปู ระกอบการส่ิงกอ่ สร้างราย ยอ่ ย 2) ฝึกอบรมหลักสูตรระยะสั้นและฝึกประสบการณ์วิชาชีพของนิสิตทางด้านวิศวกรรมร่วมกับ ผูป้ ระกอบการในพื้นท่จี ริง 3. กระบวนการดาเนนิ การ แผนงาน/ วตั ถปุ ระสงค์ กลมุ่ วธิ ีการ/ขัน้ ตอน ตวั ช้วี ดั ความสาเร็จ ระยะ กิจกรรม กจิ กรรม เปา้ หมาย (ทง้ั เชงิ ปริมาณ/ เวลา คุณภาพ) 1. ขน้ั เตรยี มการ ให้คาปรกึ ษาถงึ กลุ่ม ประชุมและหารอื สร้างหลักสตู รการอบรม 2 เดอื น อุปสรรค ปญั หา จงั หวัด ความต้องการองค์ ระยะสน้ั ภายใต้กรอบ แรก 1.1 ประชุมและ ขอ้ จากัด ความ รอ้ ยแกน่ ความรู้ของ ความตอ้ งการ 5 หารอื ตอ้ งการองคค์ วามรู้ สารสินธุ์ ผูป้ ระกอบการ หลกั สตู ร ไดแ้ ก่ การฝกึ ของผ้ปู ระกอบการ สิ่งก่อสรา้ งรายย่อย อบรมเชงิ ปฏิบตั ิการ กอ่ สรา้ งรายย่อยกับ กบั ปัญหาการ เทคโนโลยี และการ ปัญหาการทางาน ทางานกอ่ สรา้ ง ก่อสร้างของผู้ประกอบ กอ่ สร้าง การกอ่ สรา้ งรายยอ่ ยใน สว่ น 1) การประมาณ ราคาคา่ กอ่ สรา้ ง 2) การ สารวจในงานกอ่ สรา้ ง 3) งานโครงสรา้ ง 4) งาน ระบบไฟฟา้ และ 5) งาน ระบบประปาและ

เอกสารประกอบการน�ำ เสนอผลงาน 39 ในงานการประชมุ วิชาการมหาวิทยาลัยมหาสารคามวิจัย ครง้ั ที่ 15 : สาขาบรกิ ารวชิ าการ” แผนงาน/ วตั ถุประสงค์ กลุ่ม วธิ ีการ/ข้นั ตอน ตัวชว้ี ัดความสาเร็จ ระยะ กิจกรรม กจิ กรรม เปา้ หมาย (ทั้งเชงิ ปริมาณ/ เวลา ฝึกอบรมเชิง 5 เดือน 2. ขั้นดาเนนิ การ กลุ่ม ปฏบิ ตั ิการ คุณภาพ) จงั หวดั ผปู้ ระกอบการ สุขาภิบาลในเขตกลุ่ม 1 เดอื น 2.1 ฝึกอบรมเชงิ ผู้ประกอบการ รอ้ ยแก่น กอ่ สรา้ งรายย่อย ทั้ง จังหวัดร้อยแก่นสารสนิ ธุ์ สารสินธ์ุ 5 ดา้ น 1.การ เพ่ิมผู้ประกอบการ ปฏบิ ตั กิ าร กอ่ สร้างรายย่อยมี ประมาณราคาคา่ ก่อสรา้ งรายย่อยจานวน กล่มุ กอ่ สร้าง 2. การ 100 คน ในพนื้ ทจ่ี งั หวดั เทคโนโลยี และ ความรดู้ ้าน จงั หวดั สารวจในงาน มหาสารคาม ขอนแก่น ร้อยแก่น กอ่ สรา้ ง 3.งาน ร้อยเอด็ และ กาฬสินธุ์ การกอ่ สร้างของ 1) การประมาณ สารสินธ์ุ โครงสร้าง 4.งาน ระบบไฟฟา้ และ ไดก้ ลมุ่ ผูป้ ระกอบการ ผูป้ ระกอบการ ราคาคา่ ก่อสร้าง 5. งานระบบประปา กอ่ สร้างรายย่อยตน้ แบบ สขุ าภิบาล ในเขต ท่ีจะเป็นแม่แบบสาหรับ รายยอ่ ยในส่วน 2) การสารวจในงาน กลมุ่ จงั หวัดร้อยแกน่ ผ้ปู ระกอบการงาน สารสนธ์ุ กอ่ สรา้ งทมี่ คี ณุ ภาพ 1) การประมาณ ก่อสร้าง ผู้ประกอบการ ราคาค่ากอ่ สร้าง 3) งานโครงสร้าง กอ่ สรา้ งรายย่อย เปน็ ผู้ประกอบการท่ี 2) การสารวจใน 4) งานระบบไฟฟา้ มคี ุณภาพในพ้ืนท่ี สามารถนาความรทู้ ี่ งานก่อสรา้ ง และ ได้รับไปประยกุ ตใ์ ช้ งานก่อสรา้ ง 3) งานโครงสรา้ ง 5) งานระบบประปา 4)งานระบบไฟฟา้ สขุ าภิบาล ในเชงิ และ 5) งานระบบ ทฤษฎีและปฏบิ ตั ิ ประปาและ สามารถนาไปพัฒนา สขุ าภิบาลในเขต อาชพี และคุณภาพ กลุ่มจังหวัดรอ้ ย การทางานได้ แกน่ สารสนิ ธุ์ 3. ขนั้ ติดตามและสรุปผล 3.1 จดั ทา ได้กลมุ่ ทะเบียนและ ผปู้ ระกอบการ จดั ทาฐานข้อมูล ก่อสร้างรายย่อย กลมุ่ เป้าหมายท่ี และภาคส่วนตา่ งๆ เขา้ ร่วมกจิ กรรม เขา้ รว่ มมือกันในการ แลกเปลย่ี นเรยี นรู้ ประสบการณ์

40 เอกสารประกอบการน�ำ เสนอผลงาน ในงานการประชุมวิชาการมหาวทิ ยาลัยมหาสารคามวจิ ัย ครง้ั ท่ี 15 : สาขาบริการวิชาการ” 4. การบรู ณาการกบั ภารกิจหลกั ด้านอืน่ ๆ ทาการบูรณาการกับการเรียนการสอน โดยทาการ จัดการเรยี นรู้โดยการเช่ือมโยงเน้ือหาความรู้มาใช้ในการจัดการ เรียนรู้ในวิชาสัมมนาทางวิศวกรรมโยธาโดยให้นิสิตเข้าร่วม โครงการ ไปดูงานในพ้ืนที่ก่อสร้างจริง เพ่ือให้นิสิตสามารถนา ความคิดรวบยอดมาใช้ในชีวิตจริงได้ โดยมีกระบวนการจัด ประสบการณ์การเรียนรู้ตามความสนใจ ความสามารถ โดย เช่ือมโยงเนื้อหาสาระของศาสตร์ต่างๆ ท่ีเก่ียวข้องสัมพันธ์กันให้ ผู้เรียนเปล่ียนแปลงพฤติกรรม สามารถนาความรู้ ทักษะและ เจตคติไปสร้างงาน แก้ปัญหาและใช้ในชีวิตประจาวันได้ด้วย ตนเอง โดยจะมีการประเมินความรู้ความเข้าใจโดยวิธีการ สมั ภาษณ์ในเนื้อหาความรตู้ า่ งๆ ทเี่ ก่ยี วขอ้ ง โดยพบว่า วิธีให้ความรู้เพ่ือพัฒนาสมรรถนะทักษะเชิง ช่าง การให้ความรู้ทักษะเชิงชา่ งนั้นไม่สามารถบอกได้ว่า วิธใี ดดี ที่สุด ซ่ึงโดยธรรมชาติวิชาช่าง ส่วนใหญ่จะเป็นวิชาทางด้าน ปฏิบัติและมีวิชาทางด้านทฤษฎีประกอบด้วย ดังน้ันการเรียน การสอนจึงต้องเลอื กวิธีสอนที่เหมาะสมทสี่ ุด บางครั้งอาจตอ้ งใช้ หลายๆ วิธี ประกอบกนั ซ่ึงมกั นิยมใช้ 5 วธิ ดี ว้ ยกนั คอื 1.การสอนให้ความรู้แบบบรรยาย เป็นวิธีการสอนให้ ความรู้ซ่ึงยึดกิจกรรมของผู้สอนเป็นหลัก โดยท่ีผู้เรียนจะเป็น ผู้รบั แต่เพียงอยา่ งเดียว ในบางครั้งอาจจะเปดิ โอกาสให้ผเู้ รยี นได้ ซกั ถามปญั หาบา้ ง แตม่ ักจะทาในตอนท้าย 2. การสอนให้ความรแู้ บบถามตอบ เปน็ วธิ ีการที่ผสู้ อน และผู้เรียน จะมีกิจกรรมร่วมกันด้วยการถามและตอบ ในระหว่างบทเรียน การถามตอบจะช่วยให้ วตั ถุประสงค์ในการสอนสาเร็จผลไดอ้ ย่างดี 3. การสอนให้ความรู้แบบอภิปราย เป็นการสอนให้ความรู้ที่ส่งเสริม ให้ผู้เรียนได้แลกเปล่ียน ความคิดเห็นตอ่ กนั ระหว่างผู้เรียนกบั ผู้เรยี น ระหวา่ งผู้เรยี นกับผ้สู อน เปน็ การให้ผู้เรียนได้รูจ้ กั ใช้ความคิด วเิ คราะห์ วพิ ากษ์วิจารณ์ ประยุกต์และผสมผสานความรู้หรือสิง่ ท่ีเรยี นต่างๆ เขา้ ดว้ ยกัน 4. การให้ศึกษาค้นคว้าด้วยตนเอง วิธีน้ีเป็นอีกวิธีหน่ึงที่เหมาะในการสอนความรู้วิชาชีพ โดยท่ี ผู้เรียนจะศกึ ษาจากเอกสารตารา และวัสดฝุ กึ ท่สี อนจัดเตรยี มไว้ให้ผเู้ รยี น 5. การสอนทักษะปฏิบัติ คือการให้ผู้เรียนได้ลงมือปฏิบัติในสิ่งที่เรียน การเรียนรู้จะเกิดขึ้นจาก การลงมอื ปฏิบัติ

เอกสารประกอบการน�ำ เสนอผลงาน 41 ในงานการประชุมวิชาการมหาวทิ ยาลัยมหาสารคามวจิ ัย คร้ังท่ี 15 : สาขาบริการวิชาการ” 5. ผลลพั ธ์จากการดาเนินงานโครงการ 5.1 ขอ้ ค้นพบตามวัตถุประสงค์ ผเู้ ข้าร่วมโครงการบรรลุวตั ถปุ ระสงคข์ องโครงการ ในการพฒั นาทักษะ องค์ความรู้ใหม่ เพมิ่ เติม ความรู้ความเข้าใจ ทัง้ ทฤษฎีและปฎบิ ตั ิ และวิธบี ริหารการจดั การของผ้ปู ระกอบการส่ิงก่อสรา้ งรายยอ่ ย โดยทาการประเมินจากแบบประเมนิ ความคดิ เหน็ 5.2 ขอ้ ค้นพบอนื่ ๆ ผลกระทบของโครงการ ผลลัพธ์ที่เกดิ ข้ึนจริง เชิงปริมาณ: 1. ใหบ้ รกิ ารวชิ าการแก่เผ้ปู ระกอบการส่งิ กอ่ สรา้ ง สามารถให้บรกิ ารวชิ าการแก่ผูป้ ระกอบการ รายยอ่ ย ประชาชนทว่ั ไป และนกั ศกึ ษา สงิ่ ก่อสร้างรายย่อย ตามความตอ้ งการทแ่ี ท้จริง และ บคุ ลากรทีเ่ ข้าร่วมโครงการฯ เกดิ เครอื ข่ายความ เชิงคุณภาพ : ร่วมมือ 1. โครงการฯ ได้รับการยอมรบั จากเผู้ ประกอบการสงิ่ กอ่ สรา้ งรายย่อย 1. หลกั สูตรฝึกอบรมไดร้ บั ความพงึ พอใจจาก 2. ผู้รบั การฝึกอบรมจากโครงการ สามารถนา ผ้เู ข้าร่วมโครงการฯในระดบั ดมี าก ความรสู้ ูก่ ารปฏบิ ัตงิ านจรงิ 2. เกิดการเปลี่ยนแปลงทีด่ ีด้านทกั ษะ ความรู้ และ เกดิ เครื่อขา่ ยแกผ่ ปู้ ระกอบการสง่ิ กอ่ สร้างรายย่อย 6. บทสรปุ จากการดาเนินการโครงการ นับเป็นอีกโครงการหนึ่งที่ส่งเสริมให้ผู้ประกอบการในชุมชนเกิด ความยั่งยืนในการประกอบอาชีพของผู้ประกอบการสิง่ ก่อสรา้ งรายย่อยในพื้นทภี่ าคตะวันออกเฉยี งเหนือ เป็นการเติมเต็มความรู้ที่ผู้ประกอบการในชุมชน พัฒนาทักษะการประกอบอาชีพ องค์ความรู้ใหม่ให้ ผ้เู ข้าร่วมโครงการ และเพิ่มทกั ษะการบริหารจัดการทางด้านวิศวกรรมของผู้ประกอบการสิ่งก่อสร้างราย ย่อยในพื้นท่ีภาคตะวันออกเฉียงเหนือ เพ่ือรองรับตลาดแรงแรงและโครงการก่อสร้างท่ีจะเกิดข้ึน และ เห็นสมควรให้มีการดาเนินการในลักษณะเดียวกันน้ี ต่อยอดโครงการหรือขยายผลไปสู่ชุมชนอื่นๆ ให้ สามารถจัดการตนเองได้ต่อไป

การพฒั นาศกั ยภาพการเรียนการสอนทางวิทยาศาสตร์โดยการฝกึ ปฏิบตั จิ ริง ระยะที่ 2 อิสราภรณ์ สมบญุ วฒั นกุล และคณะ คณะเทคโนโลยี มหาวทิ ยาลยั มหาสารคาม 1. ความเป็นมาของปญั หา ปัญหาสาคัญประการหน่ึงของระบบการศึกษาไทยในปัจจุบัน คือเร่ืองการคิดวิเคราะห์ของ เด็กไทย ที่ยังต่ากว่าเกณฑ์มาตรฐานมาก จากการวิจัย พบว่า สาเหตุสาคัญส่วนใหญ่มาจากระบบ การศึกษาที่ยงั ไม่เออื้ ให้เดก็ ทดลองสบื ค้นหาคาตอบด้วยตัวเอง แต่มกั จะใช้วิธีใหเ้ ด็กเรียนรู้ข้อเท็จจริงจาก กิจกรรมสาเร็จรูป จนทาให้เด็กไม่ต้องคิดอะไรเพิ่มเติมโดยเฉพาะการเรียนการสอนในวิชาวิทยาศาสตร์ ซึ่งจาเป็นจะต้องใช้การทดลอง สืบค้น สารวจหลักฐาน และใช้หลักเหตุผลมาสรุป เพื่อให้ได้คาตอบด้วย ตวั เอง และยังขาดโอกาสในการได้ลงมอื ปฏิบตั ิการจริงในการเรียนวิทยาศาสตร์ อันเกิดข้นึ เน่อื งจากการ ขาดแคลนเครือ่ งมอื และอุปกรณ์ การขาดแคลนครูทมี่ ีความรใู้ นการจัดการเรยี นการสอนท่ีเน้นปฏิบตั กิ าร การขาดทักษะท่ถี ูกต้องในการปฏิบตั กิ าร และขาดความรู้เก่ียวกบั การใช้ การเตรยี ม และการเก็บสารเคมี ใหถ้ กู วธิ ี เหตนุ ้ีอาจกอ่ ให้เกดิ อนั ตรายตอ่ ผ้ทู าปฏบิ ตั กิ ารได้ และอาจเกดิ การระเบิดจากการนาสารเคมที ่ที า ปฏิกิริยากันไปเก็บไว้ใกล้กัน นอกจากน้ีปัญหาสาคัญอีกอย่างของการเรียนการสอนวิทยาศาสตร์ ก็คือ นักเรียนยังขาดทักษะในการอ่านช่ือสารเคมี คาศัพท์ทางวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี การอ่านชื่อทาง วิทยาศาสตร์ของส่ิงมีชีวติ เป็นต้น จึงมีความจาเปน็ อยา่ งยิ่งในการพัฒนา การอา่ น การเขียน ช่อื สารเคมี ศัพท์เทคนิคพื้นฐาน รวมถึงการอ่านช่ือสิ่งมีชีวิต เพื่อป้องกันอันตราย หรือความผิดพลาดจากการใช้ สารเคมีพืช ผิดชนิด รวมถึงการใช้คู่มือที่มีศัพท์เทคนิคทางวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีผิดวิธี ซึ่งอาจ กอ่ ให้เกดิ ความเสยี หาย และอันตรายได้ ดังนั้นโครงการน้ีจึงมีวัตถุประสงค์เพ่ือพัฒ น าการเรียนการสอนของครูโดยการอบรมการใช้ สารเคมี การให้ความรู้เกี่ยวกับการใช้ และการดูแลรักษา อุปกรณ์ และเคร่ืองมือทางวิทยาศาสตร์ต่างๆ ความปลอดภัยในการใช้เครือ่ งมือ อปุ กรณ์ และสารเคมใี นหอ้ งปฏบิ ตั กิ ารใหแ้ ก่ครู และถ่ายทอดความรู้สู่ นักเรียน ให้นักเรียนได้ลงมือปฏิบัติการจริงโดยการประยุกต์ใช้อุปกรณ์ และเครื่องมือท่ีมีอยู่ในโรงเรียน ท้องถ่ิน ให้นักเรียนทราบคาศัพท์วิทยาศาสตร์เบ้ืองต้น การเรียกชื่อสิ่งมีชีวิต ช่ือวิทยาศาสตร์ และ สามารถเขียนได้ถูกต้อง ให้นักเรียนสามารถใช้เคร่ืองมือ และอุปกรณ์ทางวิทยาศาสตร์ ได้อย่างถูกต้อง รวมถึงการรว่ มกนั ใช้ทรัพยากรเครอื่ งมือ อปุ กรณ์ ในโรงเรียนเครือขา่ ยให้เกิดประโยชน์สงู สุดรว่ มกัน เพื่อ การพัฒนาศักยภาพการสอนปฏิบัติการ และคัดเลือกโรงเรียนต้นแบบท่ีมีความพร้อมของอุปกรณ์ และ บุคลากร เพ่ือเป็นตัวอย่าง และให้ความอนุเคราะห์แก่โรงเรียนอ่ืนๆ ได้ไปศึกษาดูงานเพื่อการนาไป พัฒนาท่ีโรงเรียนของตนต่อไป ซ่ึงแต่ละโรงเรียนอาจมีความโดดเด่น และความพร้อมของอุปกรณ์

เอกสารประกอบการนำ�เสนอผลงาน 43 ในงานการประชมุ วชิ าการมหาวิทยาลยั มหาสารคามวิจยั ครงั้ ที่ 15 : สาขาบริการวชิ าการ” เคร่ืองมือและบุคลากรแตกต่างกันไป ดังนั้นเมื่อมีเครือข่ายโรงเรียนที่เข้าร่วมโครงการเพ่ิมข้ึน ทาให้ สามารถแบ่งปนั ความรู้ และประสบการณใ์ ห้แกก่ นั และกนั ได้ 2. วัตถปุ ระสงคโ์ ครงการ 1) เพ่ือพัฒนาครูผู้สอนให้สามารถบูรณการองค์ความรู้ เทคโนโลยี และนวัตกรรมด้านการ จดั การเรียนการสอนโดยเฉพาะด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี เพื่อยกระดับการศึกษาข้ันพื้นฐาน โดย คณาจารยใ์ นมหาวทิ ยาลัยเป็นพเ่ี ล้ยี ง 2) เพื่อพัฒนานักเรียนให้มีความรู้ความสามารถทางด้านวิชาการ ด้านการอ่านการเขียน ชื่อ วทิ ยาศาสตร์ ชื่อสารเคมี ชื่ออุปกรณ์ และเครื่องทางวิทยาศาสตร์ และสามารถใช้ได้อย่างถูกวิธี เพ่ือเพิ่ม ศักยภาพในการผลิตผลิตภัณฑ์ เพื่อลดความเสียหาย และลดอันตรายท่ีอาจเกิดข้ึนจากการทาบท ปฏิบัติการ 3) เพ่ือสรา้ งเครือข่ายความร่วมมือในการใช้อุปกรณ์ และเคร่อื งมอื วทิ ยาศาสตร์ ของโรงเรียนให้ เป็นแหล่งพัฒนาองค์ความรู้ของครแู ละนักเรียน และสง่ เสรมิ ให้มีการผลิตสอ่ื การเรียนรดู้ ้านวิทยาศาสตร์ ที่หลากหลาย เพ่ือเรียนรู้ และแลกเปล่ียนองค์ความรู้ ซ่ึงกันและกัน เพ่ือการยกระดับการเรียนการสอน วทิ ยาศาสตร์ 3. กระบวนการดาเนนิ การ 1) ตดิ ต่อประสานงานโรงเรียนท่ีเขา้ ร่วมโครงการ 2) ชแี้ จงขน้ั ตอนการดาเนนิ โครงการใหแ้ ก่โรงเรยี นผู้ รว่ มโครงการ 3) จัดประชุม SWOT หาจุดอ่อน จุดแข็ง โอกาส ของห้องปฏิบัติการของโรงเรียนที่เข้าร่วมโครงการ สรุป จดุ อ่อน จุดแขง็ โอกาส ของโรงเรียนท่ีเข้าร่วมโครงการ 4) สารวจความเข้มแข็งของห้องปฏิบัติการของ โรงเรยี นทเ่ี ขา้ ร่วมโครงการ 5) จัดทาเอกสารคู่มือการจัดอบรม และจัดทาสื่อ สาหรบั การถา่ ยทอด โดยมนี ิสติ ชว่ ยในการจัดเตรียม 6) จัดอบรม โดยมีนิสิตช่วยในการจัดอบรม โดยใช้ ความรูท้ ไี่ ดเ้ รียนมา เกย่ี วกับ - คาศัพท์เทคนิคพ้ืนฐานวิทยาศาสตร์ท่ีควรรู้ การเรียกช่ือวิทยาศาสตร์ การอ่านชื่อสารเคมี และการเขียน ให้ถกู ต้อง

44 เอกสารประกอบการน�ำ เสนอผลงาน ในงานการประชุมวิชาการมหาวิทยาลัยมหาสารคามวจิ ัย ครงั้ ที่ 15 : สาขาบริการวิชาการ” - ความปลอดภยั ในการใช้สารเคมี วธิ กี ารเตรยี ม การเกบ็ รักษา - การอบรมการใช้อปุ กรณ์ เคร่อื งมือพืน้ ฐานทางวทิ ยาศาสตรแ์ ละเคร่ืองมอื ทางวทิ ยาศาสตร์ ท่ไี ดร้ ับการสนบั สนนุ จากรัฐบาล - การสอนบทปฏิบตั ิการทางวทิ ยาศาสตร์โดยการประยกุ ต์ใช้วัสดุท่ีมใี นท้องถ่ิน - การสอนโดยใช้ส่อื เทคโนโลยีสารสนเทศ 7) ตดิ ตามผลการฝึกอบรม - ทาการวดั ผลนักเรยี นกอ่ นการเรยี น - ทาการวัดผลนักเรียนหลังการเรียน 8) สรุปและรายงาน ผลการดาเนินงาน ผลสัมฤทธ์ิ และข้อบกพร่องท่ีเกิดข้ึน เพื่อเป็นแนว ทางแก้ไขการดาเนนิ โครงการในปีตอ่ ๆ ไป 4. การบรู ณาการกับภารกิจหลกั ด้านอ่นื ๆ บูรณาการกับการเรียนการสอน นิสิตเข้ามาร่วม ถ่ายทอดความรู้ที่ได้เรียนในรายวิชา ในการทาโยเกิร์ต ไอศกรีม และในรายวิชา ในการสกัดดีเอ็นเออย่างง่าย ให้แก่น้องๆ นักเรียน เกิดการเรียนรู้ ในการถ่ายทอดความรู้ สู่ น้องนกั เรยี น การบริการวชิ าการ การเขา้ สังคม เรยี นรทู้ ีจ่ ะ ประยุกต์ใช้อปุ กรณ์ และเคร่ืองมือง่ายๆ ที่มใี นโรงเรยี น เพ่ือ สร้างบทปฏิบัติการให้นักเรียนได้เรียนรู้ เพื่อสร้างความสนใจในการเรียนวิทยาศาสตร์ให้แก่นักเรียนมาก ยิง่ ขน้ึ 5. ผลลัพธจ์ ากการดาเนนิ งานโครงการ 5.1 ข้อค้นพบตามวตั ถุประสงค์ จากผลการทาแบบทดสอบ ก่อนอบรมและหลังอบรม พบว่า คะแนนของนกั เรียนหลังเขา้ รับการ อบรม มีคะแนนที่สูงข้ึน คือ ก่อนอบรม มีคะแนนอยู่ในช่วง 7-21 คะแนน ส่วนคะแนนหลังอบรม อยู่ ในช่วง 12-24 คะแนน ซ่ึงเป็นผลคะแนนที่สูงขึ้น อาจกล่าวได้ว่า การอบรมมีส่วนช่วยให้นักเรียนมีความ เข้าใจด้านวิทยาศาสตร์มากข้ึน แต่อย่างไรก็ตาม ส่วนหนึ่งที่นักเรียนมีคะแนนน้อยมากในการทดสอบ

เอกสารประกอบการน�ำ เสนอผลงาน 45 ในงานการประชุมวชิ าการมหาวทิ ยาลัยมหาสารคามวิจัย ครั้งที่ 15 : สาขาบรกิ ารวิชาการ” ก่อนเรียน เน่ืองมากจากเด็กเข้ารับการทดสอบสาย ทาให้ทาข้อสอบได้ไม่ครบจึงเป็นเหตุให้มีคะแนน ทดสอบกอ่ นอบรมนอ้ ย เกิดเครือข่ายความร่วมมือในการใช้อุปกรณ์ และเคร่ืองมือวิทยาศาสตร์ ของโรงเรียนให้เป็น แหล่งพัฒนาองค์ความรู้ของครูและนักเรียน และส่งเสริมให้มีการผลิตส่ือการเรียนรู้ด้านวิทยาศาสตร์ที่ หลากหลาย เพื่อเรียนรู้ และแลกเปลี่ยนองค์ความรู้ ซ่ึงกันและกัน เพื่อการยกระดับการเรียนการสอน วทิ ยาศาสตร์ 5.2 ข้อค้นพบอ่นื ๆ นักเรียนมีความสนใจในกิจกรรมบทปฏิบัติการท่ีจัดให้ ในการโยเกิร์ต และไอศกรีม สนใจที่จะ ผลิตเป็นอาชีพเพ่ือให้เกิดรายได้เสริม สนใจสอบถามถึงผลิตภัณฑ์อ่ืนๆ ท่ีผลิตโดยภาควิชา เทคโนโลยีชีวภาพ อยากให้มีการจัดอบรมโดยนาผลติ ภณั ฑ์อื่นๆ ที่อยู่ในบทปฏิบัติการอ่ืนๆ ของภาควิชา มาถา่ ยทอดในโอกาสต่อไป และสนใจสอบถามถงึ การรบั นสิ ติ ของภาควิชาฯ นอกจากน้ยี ังเหน็ ว่านักเรียน มีความสนใจและกระตือรือร้นในการทาปฏิบัติการ เน่ืองจากได้เรียนรู้อะไรใหม่ๆ และได้ทาการทดลอง ดว้ ยตนเอง และได้ชิมผลติ ภณั ฑ์ที่ทาด้วยตนเอง ส่วนครูกใ็ ห้ความสนใจการทาปฏบิ ัตกิ ารทปี่ ระยุกต์ใช้เคร่ืองมือทร่ี าคาไมแ่ พง สามารถจัดหาได้ และนักเรยี นให้ความสนใจเป็นอยา่ งมาก ครจู ึงมแี นวคดิ ทจ่ี ะพฒั นาบทปฏบิ ตั ิการอ่ืนๆ เพอื่ สอนนักเรียน โดยการขอคาปรกึ ษาจากทีมวิจยั โครงการนี้ ซึ่งจะได้มกี ารหารอื กนั ต่อไป 5.3 การขยายผลไปสู่หนว่ ยงานอนื่ ๆ ท่ีเกย่ี วขอ้ ง หลังจากการดาเนินโครงการแล้วเสร็จ และติดตามผล พบว่า นักเรียนมีความสนใจสอบถาม เกี่ยวกับการเรียน การทาปฏิบัติการ รวมถึงท่านผ้อานวยการ และครู หลายท่านก็มีความสนใจในการ ออกแบบบทปฏบิ ตั ิการ และมคี วามสนใจทจี่ ะเขา้ มาศึกษาเพมิ่ เติมท่ภี าควชิ า และต้องการให้ทางภาควิชา จดั โครงการลักษณะนี้อกี เพื่อให้ความรู้ แก่นักเรียนและครู ท่ีสนใจ ทางท่านผู้อานวยการเล็งเห็นว่า บท ปฏิบัติการเร่ืองการทาโยเกิร์ต และไอศกรีม นอกจากให้ความรู้ทางวิทยาศาสตร์แล้ว ยังสามารถนาไป ประกอบอาชีพได้อีกด้วย ท่านจึงมีแนวคิดที่จะให้นักเรียนได้มาเรียนรู้ ร่วมกับทางภาควิชาเพิ่มเติม โดย อาจจัดกจิ กรรมลักษณะน้ี และขอเข้ามาศึกษาเพ่ิมเติมท่ีภาควิชา เช่น การทาไวน์ การทาแหนม การทา แป้งข้าวหมาก การทาผลิตภัณฑ์เบเกอรี่ และการเพาะเลี้ยงเนื้อเยื่อพืช เป็นต้น ซึ่งจากความสนใจ ดังกล่าว สามารถกล่าวได้ว่า หากได้มีการขยายพ้ืนท่ีในการอบรมให้ความรู้ แก่นักเรียนในโรงเรียนอ่ืนๆ ทีย่ งั ขาดโอกาสในการเขา้ มาอบรม หรอื ศึกษาดงู านทีภ่ าควิชา กน็ ่าจะมสี ว่ นชว่ ยให้ความรู้ และสร้างความ สนใจในการเรยี นวิทยาศาสตรใ์ ห้แก่นักเรยี นอกี จานวนไม่น้อยให้สนใจทจ่ี ะเลือกเรียนในสาขาวชิ าทางดา้ น วทิ ยาศาสตรม์ ากขน้ึ

46 เอกสารประกอบการน�ำ เสนอผลงาน ในงานการประชุมวิชาการมหาวิทยาลยั มหาสารคามวิจัย ครั้งท่ี 15 : สาขาบริการวชิ าการ” 6. บทสรุป การให้ความรู แก่นักเรียน และครู ในโรงเรียน นอกจากทาให้นักเรียนมีความสนใจเรียนบท ปฏิบัติการมากข้ึนแล้ว ครูยังสามารถนาบทปฏิบัติการ และเอกสารเกี่ยวกับคาศัพท์ภาษาอังกฤษ และ วิธีการปฏิบัติตนให้ปลอดภัยในห้องปฏิบัติการ ดังกล่าวไปประยุกต์สอนนักเรียนในรุ่นต่อๆ ไปได้ โดยใช้ คู่มือที่ได้ร่วมกันจัดทาไว้ และหนังสือคาศัพท์ที่มอบไว้ ซึ่งจะเกิดความย่ังยืนในการถ่ายทอดความรู้ ด้าน วิทยาศาสตร์ ผ่านบทปฏิบัติการให้แก่นักเรียนเพ่ือเป็นแนวทาง และแรงบันดาลใจให้นักเรียนชอบเรียน ดา้ นวทิ ยาศาสตร์ต่อไป

การสารวจทรพั ยากรฐานรากชมุ ชนบ้านปา่ โพธส์ิ าหรบั วางแนวทางการพฒั นา แหล่งท่องเที่ยววถิ ีชุมชน อนวุ ัฒน์ วนั ทอง, วิญญา ดงุ แกว้ , อรอนงค์ ชีระโรจน,์ กานตศ์ ิริ ปักเคธาติ คงวิทย์ ประสทิ ธ์นิ อก, วราภรณ์ สุทธิสา, สจุ ิรา มณรี ตั น,์ ปทั มาวดี ปาสาจะ ญาณวฒุ ิ อุทรักษ,์ ภูวดล โกมณเฑียร, อุฤทธ์ิ เจริญอินทร์ วุฒิศาสตร์ โชคเก้อื และ นติ ศิ ักดิ์ ปาสาจะ คณะวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลยั มหาสารคาม 1. ความเป็นมาของปญั หา อาเภอยางสีสุราช จังหวัดมหาสารคาม มีท่ีต้ังอยู่ทางทิศใต้ของจังหวัดมหาสารคาม อยู่ห่างจาก อาเภอเมืองมหาสารคามประมาณ 85 กิโลเมตร โดยมีอาณาเขตติดกับจังหวัดบุรีรัมย์ แบ่งส่วนการ ปกครองออกเป็น 7 ตาบล 91 หมูบ่ ้าน มจี านวนประชากรราว 35,000 คนเศษ อาชีพของประชาชนสว่ น ใหญ่คอื เกษตรกรรม ได้แก่ ทานาข้าว ปลกู พืชไร่ และ เลย้ี งโคเน้อื อาเภอยางสีสุราชเป็นอาเภอตัวอยา่ งที่ มีการดาเนินการด้านการพัฒนาความเข้มแข็งของชุมชนอย่างจริงจัง ด้วยนโยบายการเป็นอาเภอปลอด ขยะและพยายามผลกั ดันให้เกดิ การพฒั นาระบบการจัดการขยะในชุมชนอย่างเป็นรปู ธรรม ชุมชนบ้านป่าโพธ์ิ ตั้งอยู่ในตาบลนาภู ซึ่งเป็นตาบลหน่ึงของอาเภอยางสีสุราช ภายในชุมชนมี ความโดดเด่นในด้านการบริหารจัดการขยะแบบมีส่วนร่วมของชาวบ้านในชุมชน จนถือเป็นหมู่บ้าน ตน้ แบบและเป็นแหล่งศึกษาดงู านดา้ นการบริหารจดั การขยะในชุมชน นอกจากนี้ ในชุมชนยังมที รพั ยากร ท่ีน่าสนใจและมีความโดดเด่นท่ีรอการพัฒนาอีกหลายด้าน ได้แก่ ป่าชุมชน กู่ขนาดเล็ก และทรัพยากร บุคคลที่มีคุณภาพรวมท้ังผู้นาชุมชนที่มีวิสัยทัศน์ เพื่อยกระดับการพัฒนาคุณภาพชีวิตของชาวบ้านใน ชมุ ชนบ้านป่าโพธิ์ให้ดีขึ้นอยา่ งต่อเน่ือง ดังจะเห็นได้จากการสง่ เสริมให้ชาวบ้านมีการจัดต้ังกลมุ่ วิสาหกิจ ในการทาการเกษตรตามความสนใจ ได้แก่ กลมุ่ วสิ าหกิจโคเนื้อ กลมุ่ วสิ าหกจิ ไหม และกลุม่ ประมง ซ่ึงใน ปีที่ผ่านมา ชุมชนบ้านป่าโพธ์ิได้เข้าร่วมดาเนินการและได้รับงบประมาณสนับสนุนในการพัฒนาแหล่ง ท่องเที่ยวเชิงนวัตวิถี ตามนโยบายของจังหวดั มหาสารคาม อย่างไรก็ตาม การดาเนินงานของชุมชนยังมี ปัญหาและอุปสรรค ตลอดจนความต้องการของชุมชนในหลายด้านท่ีรอให้หน่วยงานต่างๆ เข้าช่วย สนบั สนุนหรอื ดาเนินการแก้ไข เชน่ ด้านการประชาสมั พันธ์ ด้านการพฒั นาผลติ ภัณฑช์ ุมชน และอนื่ ๆ 2. วัตถุประสงค์โครงการ 1) เพื่อสารวจข้อมูลทรัพยากรท้องถ่ินที่เอื้อต่อการวางแนวทางในการพัฒนาแหล่งท่องเท่ียว เชงิ วฒั นธรรมและวิถีชุมชน 2) เพอื่ ศกึ ษาแนวทางการพฒั นาแหลง่ ท่องเทยี่ วเชงิ วฒั นธรรมและวถิ ีชมุ ชน บ้านป่าโพธิ์

48 เอกสารประกอบการนำ�เสนอผลงาน ในงานการประชุมวิชาการมหาวิทยาลัยมหาสารคามวิจยั ครัง้ ท่ี 15 : สาขาบรกิ ารวิชาการ” 3. กระบวนการดาเนินการ 3.1 การดาเนนิ การของโครงการภาพรวม การดาเนินการประชุมกาหนดแนวทางการดาเนินงานของโครงการแบบมีสว่ นร่วมระหวา่ งผ้แู ทน คณาจารยท์ ุกหลักสูตรในโครงการ รว่ มกับผนู้ าชุมชนและตวั แทนประชาชนชุมชนบา้ นป่าโพธิ์ โดยผลการ ประชุมกาหนดแนวทางการจัดกิจกรรมได้แก่ การสารวจข้อมูลชุมชน การฝึกอบรมการผลิตเย่ือกระดาษ สาจากต้นกล้วย การอบรมการพัฒนาผลิตภัณฑช์ มุ ชน ได้แก่ การผลติ ไวน์ผลไม้ การผลิตวัสดุส่งเสริมการ เจริญเติบโตของพืชจากมูลโคและปุ๋ยหมักอัดเม็ด การผลิตปุ๋ยกระถางจากมูลโค โดยมีบุคลากรและนิสิต คณะวิทยาศาสตร์เป็นวิทยากรและผู้ช่วยวทิ ยากรในการดาเนินการสารวจและถ่ายทอดองค์ความรู้ และ ทาการประเมินผลสัมฤทธิ์โครงการตามดชั นชี วี้ ดั ความสาเร็จของโครงการ 3.2 การสารวจข้อมูลชมุ ชน การดาเนินการสารวจข้อมูลชุมชน ได้ดาเนินการเก็บข้อมูลแหล่งทรัพยากรธรรมชาติท่ีมีอยู่ใน ชมุ ชน การประกอบอาชีพของประชาชนในชุมชน รวมทงั้ ผลติ ผลิตภัณฑ์ทสี่ าคัญของชมุ ชนบา้ นปา่ โพธ์ิ 3.3 การฝึกอบรมการพัฒนาผลติ ภณั ฑช์ ุมชน 3.3.1 การผลิตเย่ือกระดาษสาจากตน้ กลว้ ย วัสดุที่ใช้ในการผลิตเย่ือกระดาษสาจากต้น กล้วย ประกอบด้วยต้นกล้วยสับหยาบ สารละลายโซเดียมไฮ โปคลอไรต์ น้าข้ีเถ้า สีผสมอาหาร แผ่นตะแกรง โดยขั้นตอน การผลิตเย่ือกระดาษจากต้นกล้วยทาได้โดยการแยกเส้นใย ธรรมชาติจากต้นกล้วย โดยนาต้นกล้วยมาฉีกหรือหั่นเป็นช้ิน และหมักในน้า 2-3 วัน ฟอกสีและปรับสภาพเส้นใยโดยใช้โซเดียมไฮโปคลอไรต์ (ไฮเตอร์) และน้าขี้เถ้า แยกสว่ นของเสน้ ใยไปย้อมสีและวางแผอ่ อกเปน็ แผน่ บางลงในตะแกรงในนา้ เมอื่ เสน้ ใยกระจายตัวดแี ละมี ความหนาตามต้องการใหน้ าขนึ้ มาผ่ึงแหง้ และปลอ่ ยให้แห้งสนิทจะไดเ้ ย่อื กระดาษท่ีสามารถนาไปเป็นวสั ดุ สาหรบั ทาบรรจภุ ัณฑ์หรือผลติ ผลิตภณั ฑ์อืน่ 3.3.2 การผลิตไวน์ผลไม้ วัตถุดิบสาหรับผลิตไวน์ผลไม้ประกอบด้วย ผลไม้ที่ต้องการ ยีสต์หมักไวน์ ภาชนะปิดสนิทสาหรบั หมักไวน์ นา้ ตาล ขั้นตอนการผลิตไวน์ผลไมท้ าได้โดยนาผลไมท้ ่ีมีนา้ ตาล สูงตามต้องการ เช่น สัปปะรด หมากเม่า ผลหม่อน ฯลฯ นามานวดผสมกับหัวเชื้อยีสต์ น้าและน้าตาลในสัดส่วนที่ เหมาะสม บรรจุลงภาชนะปิดสนิทเพ่ือป้องกันแมลงและบ่มท้ิงไว้ประมาณ 3 วัน กรองแยกกากออกเอา เฉพาะส่วนน้าไปทาการหมักต่อ โดยเติมน้าตาลเพิ่มทกุ 5 วันจนกว่ากระบวนการหมกั จะสน้ิ สดุ ซ่ึงอาจใช้ เวลา 1-2 เดือน จะได้สว่ นไวนท์ ีใ่ สและมสี ีอ่อนลงจึงแยกตะกอนทงิ้ ไป

เอกสารประกอบการนำ�เสนอผลงาน 49 ในงานการประชุมวิชาการมหาวิทยาลยั มหาสารคามวิจยั ครงั้ ที่ 15 : สาขาบรกิ ารวิชาการ” 3.3.3 การผลิตวสั ดุสง่ เสรมิ การเจรญิ เติบโตของพชื จากมลู โคและปุ๋ยหมกั อัดเม็ด วัตถุดิบสาหรับผลิตวัสดุส่งเสริมการเจริญเติบโตของพืช จากมูลโคและปุ๋ยหมักอัดเม็ด ประกอบด้วย มูลโคแห้ง น้าหมักและกาก เหลือจากบ่อก๊าซชีวภาพ แกลบเผาบดละเอียด ปุ๋ยหมักบดละเอียด เครื่องอัดเม็ด โดยข้ันตอนการผลิตทาได้โดย นามูลโคแห้ง (หรือกาก เหลือจากบ่อก๊าซชีวภาพ) คลุกเคล้าร่วมกับแกลบเผา และปุ๋ยหมักจาก เศษพืช ในอัตราส่วน 1:1:1 โดยปริมาตร และเติมน้าลงไปเล็กน้อยเพ่ือ ปรับความช้ืนในระดับท่ีเหมาะสม นามาขึ้นรูปอัดเม็ด และนาวิเคราะห์ ปริมาณธาตุอาหารหลักในวัสดุอัดเม็ด ได้แก่ ไนโตรเจน (โดยเทคนิค Kjeldahl) ฟอสฟอรัส (โดยเทคนิค UV-vis spectro) และโพแทสเซียม (โดยเทคนิค AAS) เพ่ือหาศักยภาพด้านการเกษตรต่อไป ซ่ึงจะได้ วัสดุสง่ เสริมการเจรญิ เตบิ โตของพชื ท่ีมีแร่ธาตุอาหารหลักของพชื และความคงตวั สูง 3.3.4 การผลิตป๋ยุ กระถางจากมลู โค วัตถุดิบสาหรับผลิตปุ๋ยกระถางจากมูลโคประกอบด้วย มูลโคแห้ง กาบมะพร้าว แป้งมัน โดยข้ันตอนการผลิตเริ่มจากเตรียม กาวแป้งเปียกสาหรับใช้เป็นตัวประสานโดยละลายแป้งมันในน้าและ ตม้ ให้ความรอ้ นจนแป้งละลายเป็นกาว นามูลโคแห้งมาผสมคลุกเคล้า รว่ มกับเส้นใยจากกาบมะพรา้ ว และเติมกาวแปง้ เปียกลงไปผสมใหเ้ ข้า กนั นาไปอัดลงแบบพิมพ์ขึ้นรูปเป็นกระถางและทิ้งไว้จนแห้งสนิท จะได้กระถางสาหรับเพาะชากล้าไม้ที่ สามารถยอ่ ยสลายเปน็ ปุย๋ ตามธรรมชาตไิ ด้ 3.4 การตรวจวิเคราะห์การปนเป้ือนเชื้อจุลินทรีย์และการรักษาสุขลักษณะของผู้ปฏิบัติงาน ประกอบอาหาร ทาการเก็บตัวอย่างโดยใช้ก้านสาลีป้าย (swab) มือผู้ปฏิบัติงานด้านการประกอบอาหารของ ชาวบ้านในชุมชนบ้านป่าโพธ์ิจานวน 25 คน และนากลับมาวิเคราะห์เชื้อปนเปื้อนในห้องปฏิบัติการ จุลชวี วิทยา คณะวทิ ยาศาสตร์ มหาวิทยาลยั มหาสารคาม 4. การบูรณาการกบั ภารกจิ หลกั ด้านอืน่ ๆ 4.1 บรู ณาการกับการเรยี นการสอน โครงการนี้มีการบูรณาการด้านการจัดโครงการเข้ากับการจัดการเรียนการสอนโดยเฉพาะวิชา หนึ่งหลักสูตรหน่ึงชุมชนของนิสิตทุกหลักสูตร รวมท้ังมีการบูรณาการเข้ากับรายวิชาเฉพาะสาขา เช่น จุลชีววิทยาด้านการสุขาภิบาลและสาธารณสุข (Microbiology of Sanitation and Public Health) และจลุ ชวี วิทยาทางอาหาร (Food Microbiology) โดยนิสติ ไดล้ งพื้นทเ่ี ก็บตวั อยา่ งเพื่อนามาวิเคราะหใ์ น หอ้ งปฏิบัตกิ าร รวมทั้งดาเนินการเป็นผ้ชู ่วยวิทยากรในการสาธิตการอบรมการผลิตไวน์ผลไม้ นอกจากน้ี

50 เอกสารประกอบการนำ�เสนอผลงาน ในงานการประชมุ วชิ าการมหาวทิ ยาลยั มหาสารคามวจิ ัย ครั้งท่ี 15 : สาขาบรกิ ารวชิ าการ” ยังมีการบูรณาการเข้ากับรายวิชาโครงงานนิสิตทางเคมี ของนิสิตช้ันปีท่ี 4 หลักสูตร วท.บ.เคมี ในการ ผลติ และวเิ คราะหธ์ าตุอาหารพชื จากวัสดุสง่ เสรมิ การเจริญเติบโตของพืชจากมลู โคและปยุ๋ หมักอัดเมด็ 4.2 บรู ณาการกับการวิจัย การบูรณาการกบั งานวจิ ัย การผลิตและวิเคราะหธ์ าตอุ าหารพชื จากวัสดุส่งเสรมิ การเจริญเติบโต ของพชื จากมลู โคและป๋ยุ หมกั อดั เมด็ ซงึ่ เปน็ โครงงานวิจยั ของนสิ ติ ชน้ั ปีท่ี 4 หลกั สูตร วท.บ.เคมี 4.3 บรู ณาการกบั การทานุบารุงศิลปวฒั นธรรม การดาเนินงานของโครงการในครงั้ นี้ไมไ่ ด้ทาใหเ้ กดิ การเปลีย่ นแปลงของวิถีชวี ิตของประชาชนใน ชุมชนแต่เป็นการส่งเสริมและสนับสนุนข้อมูลด้านวิชาการเข้าไปสู่การพัฒนาการดาเนินงานของชุมชน โดยการใช้ประโยชน์สร้างทางเลือกและต่อยอดในการพัฒนาผลิตภัณฑ์ชุมชนจากทรัพยากรท่ีมีอยู่ ซ่ึงใน อนาคตอาจมีการขยายผลด้านการส่งเสริมการผลิตผลิตภัณฑ์อาหารพ้ืนบ้านท่ีสะอาดและปลอดภัย จาก วตั ถุดิบและทรัพยากรทม่ี ีศักยภาพสูงท่ีมีอยใู่ นชุมชน เช่น ผลิตภัณฑ์จากเนื้อโค และการทาประมงน้าจืด เปน็ ต้น 5. ผลลัพธจ์ ากการดาเนนิ งานโครงการ 5.1 ขอ้ คน้ พบตามวัตถุประสงค์ การดาเนินงานด้านการสารวจทรัพยากรที่มีอยู่ในชุมชนบ้านป่าโพธิ์ พบว่าบ้านป่าโพธิ์มี ทรัพยากรทางธรมมชาตทิ ่ีสาคัญได้แกป่ ่าชุมชน รวมท้ังทรัพยากรที่มนษุ ย์สร้างขึ้น ได้แก่ กู่โบราณ ซึ่งยัง ไม่ได้รับการบูรณะ อย่างไรก็ตาม ทั้งป่าชุมชนและกู่อาจยังมีข้อจากัดในด้านการใช้ประโยชน์ในการ ส่งเสริมหรือพัฒนาให้เป็นแหล่งท่องเที่ยวยังทาได้ยาก ดังนั้น ปัจจัยเก้ือหนุนสาคัญของในการพัฒนาให้ บ้านป่าโพธิ์เป็นแหล่งท่องเที่ยวท่ีน่าสนใจคือทรัพยากรบุคคล โดยในปัจจุบันชุมชนบ้านป่าโพธิ์ได้มีการ ดาเนนิ การรว่ มกบั จังหวัดมหาสารคาม เข้ารว่ มเป็นหนึง่ ในแหล่งท่องเท่ียวนวัตวิถีของจงั หวัดมหาสารคาม โดยมีทรพั ยากรที่น่าสนใจและมีศักยภาพที่อาจพัฒนาและส่งเสริมด้านการดาเนินงานด้านการท่องเที่ยว ได้แก่ การรวมกลมุ่ อาชพี ของประชาชนในหมู่บ้าน โดยพบวา่ มีกลุ่มอาชีพทัง้ สิ้น 3 กลมุ่ คือ กลุ่มวสิ าหกิจ โคเนื้อ มีสมาชิก 42 ราย กลุ่มวิสาหกิจไหม มีสมาชิก 40 ราย กลุ่มประมง มีสมาชิก 52 ราย ซ่ึงทาให้ ชุมชนบ้านป่าโพธ์ิมีแหล่งทรัพยากรจากการประกอบอาชีพที่มีศักยภาพรอการพัฒนาต่อยอดได้ หลากหลาย เชน่ ผลติ ภัณฑ์จากเนือ้ โค ผลิตภณั ฑป์ ระมงน้าจืด และผลิตภัณฑ์ผา้ ไหม 5.2 ขอ้ ค้นพบอ่นื ๆ การดาเนินโครงการในคร้ังน้ีได้จัดฝึกอบรมการพัฒนาผลิตภัณฑ์จากทรัพยากรที่มีอยู่ในท้องถิ่น 4 ชนิด ได้แก่ ไวนผ์ ลไม้ (ภาพท่ี 1) กระดาษสาจากตน้ กล้วย (ภาพที่ 2) วัสดุส่งเสริมการเจริญเติบโตของ พืชจากมูลโคและปุ๋ยหมักอัดเม็ด (ภาพที่ 3) ปุ๋ยกระถาง (ภาพท่ี 4) ซ่ึงประชาชนที่เข้าร่วมโครงการให้ ความสนใจและบางครัวเรือนได้มีการนาความรู้ท่ีได้จากการอบรมไปทดลองผลิตข้ึนใช้เองและได้รับผล


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook