เอกสารประกอบการอบรมเชิงปฏิบตั กิ ารเรือ่ งการพฒั นาเทคนิคการสอน ดว้ ยเทคโนโลยดี ิจทิ ลั ประเภท Live Video1สานกั เทคโนโลยเี พื่อการเรียนการสอน สานักงานคณะกรรมการศึกษาขั้นพ้ืนฐาน กระทรวงศกึ ษาธกิ าร
เอกสารประกอบการอบรมเชงิ ปฏบิ ตั ิการเรอ่ื งการพัฒนาเทคนคิ การสอน ด้วยเทคโนโลยีดจิ ิทลั ประเภท Live Video คานา กระทรวงศึกษาธิการได้จัดทาแผนการศึกษาแห่งชาติ พ.ศ. 2560-2574 และได้กาหนดกรอบยุทธศาสตร์ทิศทางการพัฒนาการศึกษาในมิติของการใช้เทคโนโลยีดิจิทัลเพื่อการศึกษา เพื่อพัฒนาประเทศไปสู่ไทยแลนด์ 4.0 โดยมปี ัจจัยท่ีจะสง่ ผลต่อการเตรยี มพัฒนากาลังคนโดยเฉพาะคุณครูยุคเก่าให้พร้อมกับการเขา้ สู่โลกดิจิทัลเพอ่ื สามารถพัฒนาผู้เรยี นใหเ้ กิดทักษะทจี่ าเป็นในศตวรรษที่ 21 ในมิติทางการศึกษาเทคโนโลยีดิจทิ ลั จึงเป็นแหลง่ องค์ความรมู้ หาศาลท่ีทาใหผ้ เู้ รียนเข้าถงึ ได้อย่างสะดวกรวดเร็ว ทาให้เกิดโลกของการเรียนรู้ท่ีมีความเชื่อมโยงกัน ซึ่งประเทศไทยได้ให้ความสาคัญกับการพัฒนาการศึกษาโดยให้มีการผลักดันนโยบายการปรับเปลี่ยนการศึกษาทเี่ นน้ การพฒั นาให้ผเู้ รียนเกิดนวัตกรรมและความคิดสร้างสรรค์ ดงั น้นั การเลือกใชเ้ ทคโนโลยีดจิ ทิ ัลทีม่ ีอยู่อย่างหลากหลาย จาเป็นต้องเลือกสิ่งที่ผู้เรียนให้ความสนใจง่ายต่อการนาไปใช้ และไม่เกิดค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมแก่ผู้สอน ซึ่งในปัจจุบัน Facebook เป็นเครือข่ายสังคมออนไลน์ทมี่ ีผู้คนใช้มากกว่า 1 พันล้านคน โดยเฉพาะในประเทศไทยมีผู้ใช้ Facebook กว่า 20 ล้านคน ซ่ึงในจานวนนี้รวมถึงคุณครูและนักเรียนด้วย ดังน้ันการเลือก Live Video เพ่ือเป็นเคร่ืองมือในการจัดการเรียนรู้ทาให้สามารถเข้าถึงตัวนักเรียนได้อย่างใกล้ชิด และสามารถออกอากาศสดพร้อมกับบันทึกวิดีโอ เพ่ือออกอากาศและดูซ้าได้อีก ซ่ึงทาให้ครูนาเสนอเนื้อหาผ่านช่องทางออนไลน์ นาไปสู่การเข้าถึงนักเรียนได้อย่างรวดเร็ว ง่ายและทว่ั ถงึ เพ่มิ โอกาสความเสมอภาคทางการเรยี นรู้ให้กบั นักเรียนทัว่ ประเทศ สานักเทคโนโลยีเพ่ือการเรียนการสอน สานักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพ้ืนฐาน จึงได้จัดทาเอกสารประกอบการอบรมเชิงปฏิบัติการเร่ือง พัฒนาเทคนิคการสอนด้วยเทคโนโลยีดิจิทัลประเภท Live Videoโดยมีวัตถุประสงค์เพื่อใช้เป็นคู่มือประกอบการอบรมพัฒนาครูและบุคลากรทางการศึกษาในสังกัดสานักงานคณะกรรมการการศึกษาข้นั พ้นื ฐาน ขอขอบคุณ วิทยากร คณะกรรมการ และผู้มีส่วนเกี่ยวข้องทุกท่านที่ได้ร่วมกันจัดทาเอกสารน้ีข้ึนมาซ่ึงหวังเป็นอย่างย่ิงว่า จะเป็นแนวทางให้กับครูและบุคลากรทางการศึกษาได้นาไปใช้ประโยชน์ในการจัดทาLive Video เพ่อื นาไปประยกุ ตใ์ ช้ในกระบวนการเรยี นรตู้ อ่ ไป กลุ่มเผยแพร่และพัฒนาบคุ ลากรด้านเทคโนโลยี สานักเทคโนโลยีเพ่ือการเรียนการสอน 6 มิถุนายน 2560 กสานักเทคโนโลยเี พือ่ การเรียนการสอน สานกั งานคณะกรรมการศกึ ษาขัน้ พื้นฐาน กระทรวงศึกษาธิการ
เอกสารประกอบการอบรมเชงิ ปฏิบัตกิ ารเรือ่ งการพฒั นาเทคนิคการสอน ดว้ ยเทคโนโลยดี ิจทิ ลั ประเภท Live Video สารบญั หน้า 1เรอ่ื ง 2บทนา 4การศกึ ษาไทยยุค 4.0 5 8 รปู แบบการเรยี นการสอน 19 แนวทางการจัดการทักษะการเรียนร้ใู นศตวรรษที่ 21 16 การจัดการเรียนรู้แบบใชโ้ ครงงานเป็นรากฐาน (PBL: Project-Based Learning) 18 กระบวนการเรียนรแู้ บบ Active Learning 22Facebook คอื อะไร 25ความรมู้ ลั ตมิ เี ดียขนั้ พืน้ ฐาน 29การใช้งานเฟซบ๊กุ Fanpage เบื้องต้นการใช้งาน Youtube และการใชง้ าน Streaming ใน Youtube 27 38 Youtube คืออะไร 40 การใชง้ านสตรมี ม่ิง (Streaming)การเตรียมตวั เองก่อนการถา่ ยทอดสด 42 15 วนิ าทกี ับการดงึ ความสนใจผ้ฟู งั 43 ศิลปะการพูดให้ประทับใจผู้ฟังภายใน 30 วนิ าที 10 เทคนิคข้ันเทพสาหรบั การพดู ในท่สี าธารณะ 47การเตรียมอปุ กรณก์ อ่ น Live Streaming Video 48 ขัน้ ตอนการ Live Streaming Video อุปกรณ์การ Live Streaming Video 48การถา่ ยทอดสด (Live) ผ่านมอื ถอื 53 สาหรบั ผู้ใชง้ านมือถอื ระบบปฏบิ ตั กิ ารแอนดรอยด์ (Android) 55 สาหรบั ผใู้ ชง้ านมือถือระบบ IOS 56การ Live ผ่านมือถอื โดยใชโ้ ปรแกรม Live:Air Solo สาหรบั iOS 59 วิธีการใชง้ าน Live:Air Solo สาหรบั iOS 63การใช้ประโยชน์จากการถา่ ยทอดสด (Live Streaming) 65การใชง้ าน Live Video ผ่านโปรแกรม OBS Studio 65 การดาวนโ์ หลดและตดิ ตั้ง OBS การใชง้ านโปรแกรม OBS 67บรรณานุกรม 70ภาคผนวก 71 vMix Wirecast การใช้งานโปรแกรม Wirecast การตัง้ คา่ Wirecast ในการ Streaming ผา่ นช่องทาง Facebook การเปลีย่ น Layer ในการออกอากาศ (On Air)ขสานกั เทคโนโลยีเพ่อื การเรียนการสอน สานักงานคณะกรรมการศกึ ษาขัน้ พ้ืนฐาน กระทรวงศึกษาธกิ าร
เอกสารประกอบการอบรมเชิงปฏิบตั ิการเร่อื งการพัฒนาเทคนคิ การสอน ด้วยเทคโนโลยีดจิ ิทลั ประเภท Live Video สารบญั (ตอ่ ) หนา้ 72เรอ่ื ง ลิขสทิ ธ์ิและทรัพยส์ นิ ทางปัญญา 74 แนวทางการแกไ้ ขปญั หาการถา่ ยทอดสด 75 แก้ปัญหาสตรมี แบบสดของ Youtube 78 แก้ปญั หาวิดีโอสาหรบั Facebook 86 จริยธรรมสื่อสารมวลชน 88 นิยามศพั ท์เฉพาะคณะกรรมการจัดทาหลักสตู รการพัฒนาเทคนคิ การสอนดว้ ยเทคโนโลยดี ิจทิ ัลประเภท Live Videoคสานกั เทคโนโลยีเพือ่ การเรียนการสอน สานักงานคณะกรรมการศกึ ษาขน้ั พน้ื ฐาน กระทรวงศึกษาธกิ าร
เอกสารประกอบการอบรมเชงิ ปฏิบัติการเรอ่ื งการพัฒนาเทคนิคการสอน ดว้ ยเทคโนโลยีดิจิทัลประเภท Live Video บทนำ โลกในยุคปจั จบุ ันเปลยี่ นแปลงไปอยา่ งรวดเร็วมาก ความรู้และข้อมูลต่าง ๆ มีอยู่อย่างมากมายและทุกคนสามารถเข้าถึงได้ง่ายขึ้น เน่ืองจากเทคโนโลยีที่ก้าวหน้าอย่างรวดเร็วน่ันเอง ในขณะที่การเรียนแบบเดิม เน้นให้เด็กท่องจา แต่การเรียนรู้ใหม่เน้นทักษะกระบวนการเรียนรู้ คิดแก้ปัญหา แยกแยะ วิเคราะห์ข้อมูล นาไปสู่การสร้างสรรค์นวัตกรรมใหม่ ๆ ท่ผี า่ นกระบวนการต่าง ๆ ดังที่กล่าวมา ซึ่งทักษะการเรียนรู้แบบนี้ จะต้องได้มาจากการสอนท่ีแตกต่างจากเดิม และต้องให้สอดคล้องกับพัฒนาการการเรียนรู้ของเด็กแต่ละวัย รวมถึงสภาพแวดล้อมและบรบิ ทในปัจจุบัน ซึ่งเป็นการเปลี่ยนแปลงการสอนที่เน้นผู้เรียนเป็นสาคัญ ต้องสอนให้เด็กสามารถคิดวิเคราะห์และครูก็สนุกสนานไปกับผู้เรียน ทาให้ผู้เรยี นมีความสขุ และสนใจใฝุรู้มากยิ่งขึน้ การใช้เทคโนโลยี Live Video เป็นอีกหนึ่งเคร่ืองมือท่ีมีความทันสมัย น่าสนใจ เพราะเด็กยุคนี้ชอบ Likeชอบ Share และชอบแสดงความคิดเห็น ผ่านการใช้เครื่องมือน้ีได้เกือบทุกคน หากครูได้นาไปประยุกต์ใช้กับเทคนิควิธีการสอนแบบเดิมที่มีอยู่แล้ว ก็จะทาให้การสอนของครูเป็นท่ีน่าสนใจสาหรับนักเรียน และเป็นการเพิ่มทางเลือกในการนาเทคโนโลยีในรูปแบบ Live Video มาประยุกต์ใช้ในกระบวนการเรียนการสอน ซ่ึงประโยชน์ของเทคโนโลยีประเภทนี้เป็นการทางานแบบ Content Real-time บน Social Media และยังเป็นส่ือสารสองทาง (Two wayCommunication) มปี ฏิสมั พันธต์ อ่ กันซ่ึงทั้งสองฝุายตอบโต้กันได้ทันทีเรียกได้ว่ามี Interactive ซึ่งนับเป็นโอกาสท่ีดีทจี่ ะดงึ ความสนใจใหน้ ักเรยี นได้เขา้ มารว่ มแลกเปลยี่ นความคดิ เหน็ กับครู และครูก็สามารถสอดแทรกความรู้ได้อีกด้วยแต่ทงั้ นก้ี ารใชเ้ ทคโนโลยี Live Video จาเป็นตอ้ งระมดั ระวงั ในเรอ่ื งการนาไปใช้แบบผิดวัตถุประสงค์ด้วย เนอ้ื หาของเอกสารในเลม่ นี้ ประกอบไปดว้ ย การศึกษาไทยยคุ 4.0 ตามแผนการศึกษาแห่งชาตติ พ.ศ. 2560-2579, รูปแบบการสอนในศตวรรษที่ 21 เช่น การสอนแบบ PBL (STEM) การสอนแบบ Active Learning, ความรู้มัลติมีเดียข้ันพื้นฐาน, การเตรียมอุปกรณ์ก่อน Live Streaming Video, การถ่ายทอดสด (Live) ผ่านมือถือโดยใช้แอปพลิเคชนั ต่าง ๆ รวมไปถงึ ความรู้เพมิ่ เตมิ ในเรือ่ งโปรแกรม vMix และ Wirecast, ลิขสิทธ์ิและทรัพย์สินทางปัญญา,แนวทางการแก้ปญั หาการถา่ ยทอดสด, จริยธรรมสอ่ื สารมวลชน และนยิ ามศพั ท์เฉพาะ เป็นตน้ เพื่อให้ครสู ามารถศึกษาเนื้อหา วธิ ีการ ความรทู้ ่ีได้จากค่มู อื ไปใช้การปฏิบัติจริง 1สานกั เทคโนโลยเี พือ่ การเรียนการสอน สานักงานคณะกรรมการศกึ ษาข้ันพ้ืนฐาน กระทรวงศกึ ษาธกิ าร
เอกสารประกอบการอบรมเชิงปฏบิ ตั ิการเรอ่ื งการพฒั นาเทคนิคการสอน ดว้ ยเทคโนโลยดี ิจิทลั ประเภท Live Videoการศึกษาไทยยุค 4.02สานกั เทคโนโลยีเพอ่ื การเรยี นการสอน สานกั งานคณะกรรมการศึกษาขน้ั พ้นื ฐาน กระทรวงศกึ ษาธิการ
เอกสารประกอบการอบรมเชิงปฏิบตั กิ ารเรือ่ งการพฒั นาเทคนิคการสอน ดว้ ยเทคโนโลยดี ิจทิ ลั ประเภท Live Video3สานกั เทคโนโลยเี พื่อการเรียนการสอน สานักงานคณะกรรมการศึกษาขั้นพ้ืนฐาน กระทรวงศึกษาธกิ าร
เอกสารประกอบการอบรมเชงิ ปฏบิ ตั ิการเรอ่ื งการพัฒนาเทคนคิ การสอน ดว้ ยเทคโนโลยดี ิจิทัลประเภท Live Video (สานักงานเลขาธิการสภาการศึกษา กระทรวงศึกษาธิการ, 2560)รูปแบบการเรยี นการสอน4สานกั เทคโนโลยเี พ่ือการเรียนการสอน สานักงานคณะกรรมการศึกษาขน้ั พ้นื ฐาน กระทรวงศึกษาธิการ
เอกสารประกอบการอบรมเชงิ ปฏบิ ัติการเรอื่ งการพฒั นาเทคนิคการสอน ดว้ ยเทคโนโลยดี ิจทิ ัลประเภท Live Video แนวทางการจัดการทักษะการเรยี นรใู้ นศตวรรษที่ 21 ภาพ 1 แสดงการเรยี นรใู้ นศตวรรษที่ 21 ภาพ 2 แสดงกระบวนการ 3Rs 8Cs ทกั ษะการเรียนร้แู ละนวัตกรรม 1. ความคดิ สร้างสรรค์และนวัตกรรม (Creativity and Innovation) 2. การคิดอยา่ งมวี ิจารณญาณและการแกป้ ญั หา (Critical Thinking and Problem Solving) 3. การส่ือสารและความร่วมมือ (Communication and Collaboration)5สานกั เทคโนโลยเี พอื่ การเรยี นการสอน สานักงานคณะกรรมการศกึ ษาขน้ั พื้นฐาน กระทรวงศึกษาธิการ
เอกสารประกอบการอบรมเชิงปฏิบตั ิการเร่อื งการพฒั นาเทคนิคการสอน ด้วยเทคโนโลยีดิจิทัลประเภท Live Video ภาพ 3 การเรยี นร้แู บบ STEM ภาพ 3 การวดั พฤติกรรม 3 ด้านคอื พุทธพิสยั ทักษะพิสัย และจติ พสิ ัย ในศตวรรษที่ 21 แนวทางการจดั ทักษะการเรียนรใู้ นศตวรรษที่ 21 ท่เี นน้ สมรรถนะทางสาขาวิชาชพี การจัดทาแนวทางการจดั ทักษะการเรียนรู้ในศตวรรษท่ี 21 ท่ีเน้นสมรรถนะทางสาขาวิชาชีพเพ่ือพัฒนาทักษะแห่งอนาคตในศตวรรษที่ 21 ยึดกรอบของระบบสนับสนุนการเรยี นรู้ในศตวรรษที่ 21 ดงั นี้ 1. ระบบมาตรฐานการเรยี นรู้ในศตวรรษท่ี 21 (21st Century Standards) 1.1 การใช้ข้อมูลความจริงจากกระบวนการสังเกตต้ังประเด็นคาถามจากแหล่งเรียนรู้ชุมชนเชือ่ มโยงไปสู่สาระการเรยี นร้รู ายวิชา 1.2 การบรู ณาการความรู้ และความซ้าซ้อนของเนื้อหาสาระ 1.3 การสรา้ งทกั ษะการสบื คน้ รวบรวมความรู้ 1.4 การสร้างความรู้ ความเข้าใจเชิงลึกมากกว่าแบบผิวเผนิ 1.5 การสรา้ งความเช่ียวชาญตามความถนัดและสนใจใหเ้ กิดกบั ผู้เรียน 1.6 การใช้หลักการวดั ประเมินผลท่ีมคี ุณภาพระดับสงู 6สานกั เทคโนโลยเี พ่อื การเรยี นการสอน สานกั งานคณะกรรมการศึกษาข้ันพืน้ ฐาน กระทรวงศกึ ษาธิการ
เอกสารประกอบการอบรมเชิงปฏบิ ัติการเร่ืองการพัฒนาเทคนิคการสอน ด้วยเทคโนโลยดี จิ ิทลั ประเภท Live Video 2. ระบบการประเมินทกั ษะในศตวรรษที่ 21 (Assessment of 21st Century Skills) 2.1 สร้างความสมดุลในการประเมินผลเชิงคุณภาพ (ความรู้ ความถนัดสาขาอาชีพ ทัศนคติต่อการทางานและอาชพี ) 2.2 นาประโยชน์ของผลสะท้อนจากการปฏิบัติของผู้เรียนมาปรับปรุงการแก้ไขงาน (เคร่ืองมือวัดผลตามสภาพจริงการปฏบิ ัติ ทัศนคติ และความรู)้ 2.3 ใช้เทคโนโลยีเพื่อยกระดับการทดสอบวัดและประเมินผลให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด (คลังข้อสอบระบุตวั ช้วี ดั มาตรฐานรายวิชา ระบรุ ะดบั ขน้ั พฤติกรรม) 2.4 สร้างและพัฒนาระบบแฟูมสะสมงาน (Portfolios) และเส้นทางการศึกษาต่อสู่การประกอบอาชีพ (Career Path) ของผู้เรียนใหเ้ ป็นมาตรฐานและมคี ุณภาพ 3. ระบบหลักสูตรและการสอนในศตวรรษที่ 21 (21st Century Curriculum & Instruction) 3.1 สอนให้เกิดทักษะการเรียนในศตวรรษที่ 21 มุ่งเน้นเชิงสหวิทยาการ (Interdisciplinary:ความรู้ทีไ่ ด้จากหลายสาขาวิชาประกอบกนั ) ของวชิ าแกนหลัก 3.2 สร้างโอกาสท่ีจะประยุกต์ทักษะเชิงบูรณาการข้ามสาระเนื้อหา และสร้างระบบการเรียนรู้ทเี่ น้นสมรรถนะเปน็ ฐาน (Competency-based) 3.3 สร้างนวัตกรรมและวิธีการเรียนรู้ในเชิงบูรณาการที่มีเทคโนโลยีเป็นตัวเก้ือหนุนการเรียนรู้แบบสืบคน้ และวิธีการเรียนจากการใช้ปญั หาเปน็ ฐาน (Problem-based) 3.4 บูรณาการแหล่งเรียนรู้ (Learning Resources) จากชุมชนเข้ามาใช้ในโรงเรียนตามกระบวนการเรียนรู้แบบ Project-Based Learning (PBL) 4. ระบบการพัฒนาทางวชิ าชพี ในศตวรรษท่ี 21 (21st Century Professional Development) 4.1 ฝกึ ฝนทกั ษะความรคู้ วามสามารถในเชงิ บูรณาการ 4.2 ใชม้ ิตขิ องการสอนด้วยเทคนคิ วธิ ีการสอนที่หลากหลาย 4.3 ฝึกฝนทกั ษะความรู้ความสามารถในเชิงลึกเกี่ยวกบั การแกป้ ญั หา การคดิ แบบวิจารณญาณ 4.4 สามารถวิเคราะห์ผู้เรียนได้ท้ังรูปแบบการเรียน สติปัญญา จุดอ่อน จุดแข็ง ในตัวผู้เรียนและสามารถวจิ ัยเชิงคุณภาพท่ีม่งุ ผลต่อคุณภาพของผู้เรียน 4.5 พัฒนาความสามารถให้สูงขึ้น นาไปใช้สาหรับการกาหนดกลยุทธ์และจัดประสบการณ์ทางการเรยี นได้เหมาะสมกับบริบททางการเรียนรู้ 4.6 ประเมนิ ผู้เรียนอยา่ งตอ่ เนื่อง เพ่ือสรา้ งทักษะและเกิดการพฒั นาการเรียนรู้ 4.7 แบง่ ปนั ความรู้ระหว่างชุมชนทางการเรียนรู้ โดยใชช้ ่องทางหลากหลายในการส่ือสารให้เกดิ ขึน้ 5. ระบบสภาพแวดลอ้ มทางการเรยี นรู้ในศตวรรษที่ 21 (21st Century Learning Environment) 5.1 สร้างสรรค์แนวปฏิบัติทางการเรียน การรับการสนับสนุนจากบุคลากรและสภาพแวดล้อมทางกายภาพท่ีเกอื้ หนุนหนนุ เพอื่ ชว่ ยใหก้ ารเรยี นการสอนบรรลผุ ล 5.2 สนับสนุนทางวิชาชีพแก่ชุมชนทั้งในด้านการให้การศึกษา การมีส่วนร่วม การแบ่งปันสิ่งปฏิบัตทิ เี่ ปน็ เลิศระหว่างกัน รวมทง้ั การบรู ณาการหลอมรวมทักษะหลากหลายสู่การปฏบิ ัติในชั้นเรยี น 7สานกั เทคโนโลยเี พอื่ การเรยี นการสอน สานกั งานคณะกรรมการศกึ ษาขน้ั พืน้ ฐาน กระทรวงศึกษาธิการ
เอกสารประกอบการอบรมเชิงปฏิบัตกิ ารเรอ่ื งการพฒั นาเทคนิคการสอน ดว้ ยเทคโนโลยดี จิ ทิ ัลประเภท Live Video5.3 สรา้ งผู้เรยี นเกิดการเรียนรู้จากสิ่งทปี่ ฏิบตั ิจริงตามบรบิ ท โดยเฉพาะการเรยี นแบบโครงงาน5.4 สรา้ งโอกาสในการเข้าถึงสื่อ เทคโนโลยี เคร่ืองมือ หรือแหลง่ การเรยี นรู้ที่มคี ณุ ภาพการจัดการเรยี นรแู้ บบใช้โครงงานเปน็ รากฐาน (PBL: Project-Based Learning) ครู นาความสนใจ เกิดจากตวั คน้ ควา้ , ฟัง ความรู้ สังเกต, ลงมือทาเป็นผู้กระตุน้ นกั เรยี น จากผู้เชยี่ วชาญ นามาสู่โครงงาน (Project) สรุปความรใู้ หม่ ทางานกลมุ่ เขียนกระบวนการจัดทาโครงงานลักษณะเด่นของการเรยี นผ่านกระบวนการ PBL 1. นักเรียนกาหนดการเรียนรู้ของตนเอง 2. เชอ่ื มโยงกบั ชวี ิตจริง ส่ิงแวดล้อมจรงิ 3. มรี ากฐานจากงานวจิ ัยหรือองค์ความรู้ท่ีเคยมี 4. ใชแ้ หลง่ ข้อมลู หลายแหล่ง 5. ฝงั ตรึงดว้ ยความร้แู ละทกั ษะบางอย่าง (Embedded with Knowledge and skills) 6. ใชเ้ วลามากพอในการสรา้ งผลงาน 7. มผี ลผลิตหรอื นวัตกรรมใหม่ การเตรียมการของครู....ก่อนการจัดการเรยี นรู้ ครู เนือ้ หา นกั เรยี น ส่งิ อานวยความสะดวกพร้อม + แม่ยา เกดิ การเรียนร้เู ตม็ ที่ ๆ สุดในขณะทากจิ กรรม ท่มี า: Huang et al., 2014: online ภาพ 4 มโนทัศน์ของหอ้ งเรยี นอจั ฉรยิ ะ (SMART Classroom)8สานักเทคโนโลยีเพอ่ื การเรยี นการสอน สานักงานคณะกรรมการศกึ ษาขน้ั พ้นื ฐาน กระทรวงศกึ ษาธกิ าร
เอกสารประกอบการอบรมเชิงปฏบิ ตั กิ ารเรอื่ งการพัฒนาเทคนิคการสอน ด้วยเทคโนโลยดี ิจทิ ลั ประเภท Live Video หอ้ งเรยี นอัจฉรยิ ะ (SMART Classroom) 1. Showing มิติของความสามารถในการนาเสนอข้อมูลสารสนเทศในการเรียนการสอนผ่านส่ือเทคโนโลยกี ารสอน เปน็ คณุ ลักษณะท่ีเรยี กวา่ “คุณลกั ษณะทางปญั ญา (Cognitive Characteristic)” 2. Manageable มิติด้านความสามารถในเชิงบริหารจัดการ ซ่ึงคุณลักษณะดังกล่าวนี้เป็นการบริหารจัดการด้านสื่อ วัสดุอุปกรณ์ การจัดระบบการสอนรวมท้ังแหล่งทรัพยากรและสภาพแวดล้อมของการใชห้ อ้ งเรียนอัจฉริยะ 3. Accessible มิติด้านความสามารถในการเข้าถึงแหล่งข้อมูลทางการเรียนรู้จากการใช้หอ้ งเรียนอัจฉรยิ ะผ่านสือ่ ทม่ี ีอยหู่ ลากหลาย 4. Real-time Interactive มิติในเชิงปฏิสัมพันธ์ในการสร้างประสบการณ์ทางการเรียนการสอนโดยครู รวมทั้งการเรียนร้ผู ่านสื่อเทคโนโลยีคอมพิวเตอร์เชิงโต้ตอบในห้องเรียนอจั ฉริยะดังกล่าว 5. Testing มิติด้านการทดสอบ ซ่ึงเป็นการตรวจสอบเชิงคุณภาพในการจัดกิจกรรมการเรียนหรือการตรวจสอบพฤติกรรมทางการเรียนจากการใชห้ ้องเรียนอัจฉริยะ กระดานอจั ฉรยิ ะ (Interactive Whiteboard) 1. สามารถใช้แทนกระดานไวท์บอรด์ ในแบบเดมิ ๆ ได้ สามารถช่วยครูผู้สอนใช้เทคโนโลยีได้อย่างสะดวกสบายในการสอนหนา้ ชน้ั เรียน 2. สะดวกสาหรับครูผู้สอนในการปรับปรุงเนื้อหาการนาเสนอโดยการรวมข้อมูลหลากหลายเขา้ ไปในบทเรียนไดอ้ ย่างง่าย ไมว่ ่าจะเป็นขอ้ มลู จากอนิ เทอรเ์ นต็ กราฟ รปู ภาพ วดิ ีโอ และข้อมูลจากไฟล์เวิร์ดทาใหก้ ารนาสอ่ื หลากหลายรูปแบบมาใช้ในการเรียนการสอน 3. ผูเ้ รยี นสามารถมสี ่วนรว่ มในการถกข้อมูลในกลุ่มโดยไม่ต้องมีการจดบันทึกเพราะสามารถบนั ทกึ ข้อมูลได้ 4. ผูเ้ รียนสามารถทางานรว่ มกันและแสดงความคิดเหน็ ผา่ นกระดานอัจฉริยะได้ 5. ทาให้การเรียนการสอนเป็นเรอ่ื งสนกุ 6. หมดปัญหาเร่อื งผงชอลก์ หรอื แพ้กลิ่นปากกาเคมี 7. ใช้รว่ มกบั โปรแกรมต่าง ๆ ของระบบวนิ โดว์ไดด้ ี 8. ใชร้ ะบบสมั ผสั รว่ มกบั เกมส์แฟลชสาหรับการศกึ ษาได้ดีหรอื ใช้นาเสนอผลงานได้อย่างเป็นมืออาชีพ 9สานกั เทคโนโลยเี พ่อื การเรียนการสอน สานกั งานคณะกรรมการศกึ ษาขน้ั พื้นฐาน กระทรวงศกึ ษาธิการ
เอกสารประกอบการอบรมเชงิ ปฏิบัติการเร่ืองการพฒั นาเทคนคิ การสอน ด้วยเทคโนโลยีดจิ ิทัลประเภท Live Video แนวทางในการจัดการจดั การเรียนรู้ 2 รปู แบบ 1. การจดั กิจกรรมตามความสนใจของผเู้ รียน เป็นกิจกรรมท่ีให้ผู้เรียนเลือกศึกษาโครงงานจากส่ิงที่สนใจ/อยากรู้ ท่ีมีอยู่ใน“ชวี ติ ประจาวัน” “สง่ิ แวดล้อม” “สงั คม” หรือจากประสบการต่าง ๆ ที่ยงั ต้องการคาตอบ/ข้อสรุป ซ่ึงอาจจะอยนู่ อกเหนอื จากสาระการเรยี นรใู้ นบทเรยี นของหลกั สตู ร กระบวนการจัดกจิ กรรมตามความสนใจ 1. ตรวจสอบ วิเคราะห์ พจิ ารณา รวบรวม ความสนใจของผ้เู รยี น 2. กาหนดเประเด็นปญั หา/หัวข้อเร่ือง 3. กาหนดวัตถปุ ระสงค์ 4. ตงั้ สมมตฐิ าน 5. กาหนดวิธกี ารศกึ ษาและแหล่งความรู้ 6. กาหนดเค้าโครงของโครงงาน 7. ตรวจสอบสมมตฐิ าน 8. สรปุ ผลการศกึ ษาและการนาไปใช้ 9. เขียนรายงานวจิ ยั แบบงา่ ย ๆ 10. จดั แสดงผลงาน 2. การจัดกจิ กรรมตามสาระการเรยี นรู้ เปน็ การจัดกิจกรรมการเรียนรู้ โดยยึดเนอ้ื หาสาระตามทห่ี ลกั สตู รกาหนด ผูเ้ รียนเลือกทาโครงงานตามท่สี าระการเรียนรู้ จากหน่วยเน้ือหาท่ีเรยี นในชัน้ เรียนนามาเปน็ หัวขอ้ โครงงาน 1. ศึกษาเอกสาร หลกั สูตร คมู่ อื ครู 2. วิเคราะหห์ ลกั สตู ร 3. วิเคราะหค์ าอธิบายรายวชิ า เพอ่ื แยกเนื้อหา จุดประสงค์และจัดกิจกรรมใหเ้ ด่นชดั 4. จดั ทากาหนดการสอน 5. เขยี นแผนการจดั การเรยี นรู้ 6. ผลติ สื่อ จดั หาแหล่งเรียนรแู้ ละภูมปิ ัญญาทอ้ งถิ่น 7. จัดกิจกรรมการเรียนรู้ โดยเริ่มตั้งแต่ แจ้งวัตถุประสงค์ กระตุ้นความสนใจของผู้เรียนจัดกลมุ่ ผู้เรียนตามความสนใจ การใช้คาถามกระต้นุ การมีสว่ นร่วมของผูเ้ รียน 8. จดั แหล่งเรียนรู้เพมิ่ เตมิ 9. บันทึกผลการจดั การเรยี นรู้ การจัดการเรียนรู้แบบใช้โครงงานเปน็ ฐานน้นั มีกระบวนการและขั้นตอนแตกต่างกันไปตามแต่ละทฤษฎี 1. การจัดการเรยี นร้แู บบใชโ้ ครงงาน ของสานกั งานเลขาธกิ ารสภาการศึกษาและกระทรวงศกึ ษาธกิ าร 2. การจัดการเรียนรตู้ ามโมเดล จักรยานแหง่ การเรยี นรู้แบบ PBL โดย ศ.นพ.วจิ ารย์ พาณิช 3. การจัดการเรียนรู้แบบใช้โครงงานเป็นฐาน ที่ได้จากโครงการสร้างชุดความรู้เพื่อสร้างเสริมทักษะแห่งศตวรรษที่ 21 ของเด็กและเยาวชน โดย รศ.ดุษฎี โยเหลา 10สานักเทคโนโลยเี พอ่ื การเรียนการสอน สานกั งานคณะกรรมการศึกษาขน้ั พนื้ ฐาน กระทรวงศึกษาธกิ าร
เอกสารประกอบการอบรมเชงิ ปฏบิ ตั ิการเรื่องการพัฒนาเทคนิคการสอน ดว้ ยเทคโนโลยดี จิ ิทัลประเภท Live Video1. Define คือ ข้ันตอนการทาให้สมาชิกของทีมงาน ร่วมทั้งครูด้วย มีความชัดเจนร่วมกันว่าคาถาม ปัญหา ประเดน็ ความท้าทายของโครงการคืออะไร และเพือ่ ให้เกิดการเรียนรู้อะไร2. Plan คือ การวางแผนการทางานในโครงการ ครูก็ต้องวางแผน กาหนดทางหนีทีไล่ในการทาหน้าท่ีโค้ช รวมท้ังเตรียมเคร่ืองอานวยความสะดวกในการทาโครงการของนักเรียน เตรียมคาถามไว้ถามทีมงานเพ่ือกระตุ้นให้คิดถึงประเด็นสาคัญบางประเด็นท่ีนักเรียนมองข้าม โดยถือหลักว่า ครูต้องไม่เข้าไปช่วยเหลือจนทีมงานขาดโอกาสคดิ เองแกป้ ัญหาเอง- นกั เรียนท่เี ปน็ ทีมงานก็ต้องวางแผนงานของตน- แบง่ หนา้ ท่กี ัรับผิดชอบ ยงิ่ ทาความเขา้ ใจร่วมกันไว้ชดั เจนเพยี งใด- การประชุมพบปะระหว่างทีมงาน- การแลกเปลย่ี นข้อคน้ พบแลกเปล่ียนคาถาม งานในข้นั Do ก็จะสะดวกเล่ือนไหลดเี พียงนนั้- แลกเปลยี่ นวธิ กี าร11สานักเทคโนโลยเี พื่อการเรียนการสอน สานักงานคณะกรรมการศึกษาขั้นพ้ืนฐาน กระทรวงศึกษาธิการ
เอกสารประกอบการอบรมเชงิ ปฏิบัติการเรื่องการพัฒนาเทคนิคการสอน ด้วยเทคโนโลยีดจิ ทิ ัลประเภท Live Video 3. Do คือ การลงมือทา มกั จะพบปัญหาท่ีไม่คาดคิดเสมอ นักเรียนจงึ จะได้เรยี นรู้ - ทกั ษะในการแก้ปญั หา การประสานงาน - ทักษะการทางานร่วมกันเป็นทีม - ทักษะการจัดการความขัดแย้ง - ทกั ษะในการทางานภายใต้ทรัพยากรจากดั - ทักษะในการค้นหาความรู้เพิ่มเติม - ทกั ษะในการทางานในสภาพทีท่ ีมงานมีความแตกต่างหลากหลาย - ทักษะการทางานในสภาพกดดัน - ทกั ษะในการบันทึกผลงาน - ทักษะในการวิเคราะหผ์ ล - ทักษะแลกเปลี่ยนข้อวิเคราะหก์ ับเพื่อนรว่ มทีม เปน็ ตน้ ในข้ันตอน Do นี้ ครูและศิษย์จะได้มีโอกาสสงั เกต ทาความรู้จัก และเข้าใจศิษย์เป็นรายคน และเรยี นรหู้ รือฝึกทาหน้าท่ีเป็น “วาทยากร” และ “โคช้ ” ด้วย 4. Review คือ การที่ทีมนักเรียนจะทบทวนการเรียนรู้ ท่ีไม่ใช่แค่ทบทวนว่า โครงการได้ผลตามความมงุ่ หมายหรือไม่ - แต่ต้องเน้นทบทวนวา่ งานหรือกิจกรรม หรือพฤติกรรมแต่ละข้นั ตอนไดใ้ หบ้ ทเรียนอะไรบ้าง - ท้ังข้นั ตอนทีเ่ ปน็ ความสาเร็จและความล้มเหลวมาทาความเข้าใจ - กาหนดวิธีทางานใหม่ท่ีถูกต้องเหมาะสมรวมทั้งเอาเหตุการณ์ระทึกใจ หรือเหตุการณ์ท่ีภาคภูมใิ จ ประทบั ใจ มาแลกเปล่ียนเรียนรกู้ นั ขน้ั ตอนน้ีเป็นการเรียนรู้แบบทบทวนไตรต่ รอง (reflection) หรือในภาษา KM เรียกว่า AAR (After Action Review) 5. Presentation คือการนาเสนอโครงการต่อชั้นเรียน เป็นข้ันตอนที่ให้การเรียนรู้ทักษะอีกชุดหนึ่งต่อเน่ืองกับขั้นตอน Review เป็นข้ันตอนท่ีทาให้เกิดการทบทวนขั้นตอนของงานและการเรียนรู้ท่ีเกิดข้ึนอย่างเข้มข้นแล้วเอามานาเสนอในรปู แบบทเ่ี รา้ ใจ ใหอ้ ารมณ์และให้ความรู้ (ปัญญา) ทีมงานของนักเรียนอาจสร้างนวัตกรรมในการนาเสนอก็ได้ โดยอาจเขียนเป็นรายงานและนาเสนอเปน็ การรายงานหน้าช้ัน มเี พาเวอร์พอยท์ (PowerPoint) ประกอบหรอื จัดทาวีดิทัศน์นาเสนอ หรือนาเสนอเป็นละคร ฯลฯ 12สานกั เทคโนโลยเี พอ่ื การเรียนการสอน สานักงานคณะกรรมการศกึ ษาขนั้ พ้นื ฐาน กระทรวงศึกษาธิการ
เอกสารประกอบการอบรมเชิงปฏบิ ตั ิการเรอื่ งการพฒั นาเทคนคิ การสอน ดว้ ยเทคโนโลยีดิจทิ ัลประเภท Live Video ภาพ 5 ขนั้ ตอนการจัดการเรียนรแู้ บบใช้โครงงานเป็นรากฐาน (ปรับปรุงจาก ดุษฎี โฮเหลา และคณะ, 2557: 20-23)13สานกั เทคโนโลยเี พือ่ การเรยี นการสอน สานกั งานคณะกรรมการศึกษาขัน้ พ้ืนฐาน กระทรวงศึกษาธกิ าร
เอกสารประกอบการอบรมเชงิ ปฏบิ ตั ิการเรอ่ื งการพฒั นาเทคนิคการสอน ด้วยเทคโนโลยดี จิ ทิ ลั ประเภท Live Video กระบวนการเรียนร้แู บบ Active Learning Active Learning เป็นกระบวนการเรียนการสอนอย่างหนึ่ง แปลตามตัวก็คือเป็นการเรียนรู้ผ่านการปฏิบัติหรือการลงมือทา “ควาามรู้” ท่ีเกิดขึ้นก็เป็นความรู้ท่ีได้จากประสบการณ์ กระบวนการในการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ที่ผู้เรียนต้องได้มีโอกาสลงมือกระทามากกว่าการฟังเพียงอย่างเดียว ต้องจัดกิจกรรมให้ผู้เรียนได้การเรียนรู้โดยการอ่าน, การเขียน, การโต้ตอบ, และการวิเคราะห์ปัญหา อีกท้ังให้ผู้เรียนได้ใช้กระบวนการคิดข้ันสูง ไดแ้ ก่ การวิเคราะห์, การสังเคราะห์, และการประเมนิ ค่า กระบวนการเรียนรู้ Active Learning ทาให้ผู้เรียนสามารถรักษาผลการเรียนรู้ให้อยู่คงทนได้มากและนานกว่ากระบวนการเรียนรู้ Passive Learning เพราะกระบวนการเรียนรู้ Active Learning สอดคล้องกับการทางานของสมองท่ีเกี่ยวข้องกับความจา โดยสามารถเก็บและจาสิ่งที่ผู้เรียนเรียนรู้อย่างมีส่วนร่วม มีปฏิสัมพันธ์กับเพื่อน ผู้สอน สิ่งแวดล้อม การเรียนรู้ได้ผ่านการปฏิบัติจริง จะสามารถเก็บจาในระบบความจาระยะยาว (LongTerm Memory) ทาให้ผลการเรยี นรู้ ยังคงอยไู่ ด้ในปริมาณท่ีมากกว่า ระยะยาวกว่า ซึ่งอธบิ ายไว้ ดังภาพ 6 ภาพ 6 ลาดับการเรยี นรู้ จากภาพ 6 จะเห็นได้ว่า กรวยแห่งการเรยี นรนู้ ี้ได้แบ่งเป็น 2 กระบวนการ คือ 14สานกั เทคโนโลยีเพอื่ การเรียนการสอน สานกั งานคณะกรรมการศึกษาขั้นพืน้ ฐาน กระทรวงศกึ ษาธกิ าร
เอกสารประกอบการอบรมเชงิ ปฏิบัตกิ ารเร่อื งการพัฒนาเทคนิคการสอน ด้วยเทคโนโลยีดจิ ทิ ัลประเภท Live Video กระบวนการเรยี นรู้ Passive Learning 1. กระบวนการเรียนรู้โดยการอ่านท่องจาผเู้ รียนจะจาไดใ้ นส่งิ ทเี่ รียนได้เพียง 10% 2. การเรียนรู้โดยการฟังบรรยายเพียงอย่างเดียวโดยที่ผู้เรียนไม่มีโอกาสได้มีส่วนร่วมในการเรยี นรูด้ ว้ ยกจิ กรรมอืน่ ในขณะที่อาจารย์สอนเม่ือเวลาผ่านไปผเู้ รียนจะจาไดเ้ พยี ง 20% 3. หากในการเรียนการสอนผู้เรียนมีโอกาสได้เห็นภาพประกอบด้วยก็จะทาให้ผลการเรียนรู้คงอยไู่ ด้เพิ่มขึ้นเป็น 30% 4. กระบวนการเรียนรู้ที่ผู้สอนจัดประสบการณ์ให้กับผู้เรียนเพ่ิมขึ้น เช่น การให้ดูภาพยนตร์การสาธิต จัดนิทรรศการให้ผู้เรียนได้ดู รวมท้ังการนาผู้เรียนไปทัศนศึกษา หรือดูงาน ก็ทาให้ผลการเรียนรู้เพ่ิมข้ึนเป็น 50% กระบวนการเรยี นรู้ Active Learning 1. การให้ผู้เรียนมีบทบาทในการแสวงหาความรู้และเรียนรู้อย่างมีปฏิสัมพันธ์จนเกิดความรู้ความเข้าใจนาไปประยุกต์ใช้สามารถวิเคราะห์ สังเคราะห์ ประเมินค่าหรือ สร้างสรรค์สิ่งต่าง ๆ และพัฒนาตนเองเต็มความสามารถ รวมถงึ การจัดประสบการณก์ ารเรยี นรูใ้ หเ้ ขาไดม้ ีโอกาสร่วมอภปิ รายให้มีโอกาส ฝึกทักษะการสื่อสารทาให้ผลการเรียนรเู้ พิม่ ข้นึ 70% 2. การนาเสนองานทางวิชาการ เรียนรู้ในสถานการณ์จาลอง ท้ังมีการฝึกปฏิบัติในสภาพจริงมกี ารเช่ือมโยงกับสถานการณ์ต่าง ๆ ซึง่ จะทาให้ผลการเรยี นรู้เกดิ ขึน้ ถึง 90% ลกั ษณะของ Active Learning (อา้ งองิ จาก :ไชยยศ เรอื งสวุ รรณ) 1. เป็นการเรียนการสอนที่พัฒนาศักยภาพทางสมอง ได้แก่ การคิด การแก้ปัญหา การนาความรไู้ ปประยุกตใ์ ช้ 2. เป็นการเรยี นการสอนทเี่ ปดิ โอกาสให้ผ้เู รียนมีสว่ นร่วมในการเรยี นรู้ 3. ผเู้ รียนสรา้ งองคค์ วามรูแ้ ละจัดระบบการเรียนร้ดู ้วยตนเอง 4. ผูเ้ รยี นมสี ่วนรว่ มในการเรียนการสอน มีการสร้างองค์ความรู้ การสร้างปฎิสัมพันธ์ร่วมกันและร่วมมือกนั มากกว่าการแขง่ ขัน 5. ผู้เรียนได้เรียนรู้ความรับผิดชอบร่วมกัน การมีวินัยในการทางาน และการแบ่งหน้ าที่ความรบั ผิดชอบ 6. เปน็ กระบวนการสรา้ งสถานการณใ์ หผ้ เู้ รยี นอ่าน พดู ฟัง คดิ 7. เป็นกจิ กรรมการเรียนการสอนเนน้ ทักษะการคิดขัน้ สงู 8. เป็นกิจกรรมที่เปิดโอกาสให้ผู้เรียนบูรณาการข้อมูล ข่าวสาร สารสนเทศ และหลักการสู่การสร้างความคิดรวบยอดความคิดรวบยอด 9. ผสู้ อนจะเป็นผู้อานวยความสะดวกในการจดั การเรยี นรู้ เพื่อใหผ้ ้เู รยี นเป็นผู้ปฏิบัตดิ ้วยตนเอง 10. ความร้เู กดิ จากประสบการณ์ การสร้างองคค์ วามรู้ และการสรปุ ทบทวนของผูเ้ รยี น 15สานกั เทคโนโลยีเพอื่ การเรียนการสอน สานกั งานคณะกรรมการศกึ ษาขนั้ พนื้ ฐาน กระทรวงศึกษาธิการ
เอกสารประกอบการอบรมเชงิ ปฏบิ ตั ิการเรื่องการพัฒนาเทคนคิ การสอน ด้วยเทคโนโลยดี จิ ทิ ัลประเภท Live Video บทบาทของครู กับ Active Learning ณัชนนั แกว้ ชัยเจริญกิจ (2550) ได้กล่าวถึงบทบาทของครผู สู้ อนในการจดั กิจกรรมการเรยี นรู้ตามแนวทางของ Active Learning ดงั น้ี 1. จัดให้ผู้เรียนเป็นศูนย์กลางของการเรียนการสอน กิจกรรมต้องสะท้อนความต้องการในการพัฒนาผู้เรยี นและเน้นการนาไปใชป้ ระโยชน์ในชวี ติ จริงของผ้เู รยี น 2. สร้างบรรยากาศของการมีส่วนร่วม และการเจรจาโต้ตอบท่ีส่งเสริมให้ผู้เรียนมีปฏิสัมพันธ์ที่ดีกับผ้สู อนและเพื่อนในชน้ั เรยี น 3. จัดกจิ กรรมการเรียนการสอนให้เป็นพลวัต ส่งเสริมให้ผู้เรียนมีส่วนร่วมในทุกกิจกรรม รวมท้ังกระตุ้นใหผ้ เู้ รยี นประสบความสาเร็จในการเรยี นรู้ 4. จดั สภาพการเรยี นรู้แบบร่วมมือ ส่งเสรมิ ใหเ้ กดิ การร่วมมือในกลุ่มผเู้ รียน 5. จัดกิจกรรมการเรยี นการสอนให้ทา้ ทาย และใหโ้ อกาสผูเ้ รียนได้รับวธิ กี ารสอนท่ีหลากหลาย 6. วางแผนเก่ียวกับเวลาในจัดการเรยี นการสอนอย่างชัดเจน ทั้งในสว่ นของเน้ือหาและกิจกรรม 7. ครผู ู้สอนต้องใจกวา้ ง ยอมรับในความสามารถในการแสดงออก และความคดิ เของทผ่ี ู้เรียนFacebook คอื อะไร“ข้อดีและข้อเสยี ของ facebook (เฟซบุ๊ค)” เพญ็ พมิ ล คงมนต์ ปัจจุบัน Facebook ได้รับความนิยมกันมากในหมู่วัยรุ่น และบุคคลที่ต้องการสื่อสารกัน แม้ว่าFacebook จะถูกสรา้ งข้ึนเพ่อื ให้สามารถติดต่อสัมพันธ์กันในทางบวก แต่ในทางกลับกัน Facebook ก็เป็นส่ือทก่ี ่อใหเ้ กิดอนั ตรายได้ในเวลาเดียวกนั Facebook คอื อะไร? Facebook เป็นเวบ็ ไซต์ที่ให้บริการเครือขา่ ยสังคมบนอินเทอร์เน็ต (social media) โดยผู้ใช้สามารถสร้างหนา้ โปรไฟล์, อัพโหลดรปู ถ่าย, อพั เดทสถานะ, แชร์ข้อมลู ตา่ ง ๆ และเชื่อมโยงตอ่ ไปหาผูใ้ ช้อน่ื ๆ ได้ Facebook ก่อต้ังเม่ือวันที่ 4 กุมภาพันธ์ ปี ค.ศ. 2004 โดย Mr. Mark Zuckerburg โดยขณะท่ีคิดค้นเวบไซต์น้ี Mark เป็นนักศึกษาแผนกจิตวิทยา ของมหาวิทยาลัยฮาร์เวิร์ด สหรัฐอเมริกา และเว็บไซต์เปิดให้บริการเฉพาะนักศึกษาของมหาวิทยาลัยฮาร์เวิร์ดในการเช่ือมโยงและติดต่อสื่อสารกันเท่าน้ัน ต่อมาได้ขยายเครือข่ายไปยังนักศึกษาในมหาวิทยาลัยอื่น ๆ ที่อยู่ใน Ivy League (เช่น โคลัมเบีย, สแตนฟอร์ด, และเยล) จนมีสมาชิกมาใช้บริการกันอย่างล้นหลาม จึงทาให้มีการขยายเครือข่ายมากข้ึนและพัฒนามาถึงหลายลา้ นคนในโลกปัจจบุ ัน เรามาดขู ้อดแี ละข้อเสียของ Facebook ดังนี้16สานกั เทคโนโลยีเพ่ือการเรยี นการสอน สานกั งานคณะกรรมการศึกษาข้ันพืน้ ฐาน กระทรวงศึกษาธิการ
เอกสารประกอบการอบรมเชิงปฏิบัตกิ ารเรือ่ งการพัฒนาเทคนิคการสอน ด้วยเทคโนโลยดี ิจทิ ัลประเภท Live Video ขอ้ ดี 1. เปน็ การสร้างเครอื ข่ายและจดุ ประกายดา้ นการศกึ ษาไดอ้ ยา่ งกวา้ งขวาง หากใชไ้ ด้อย่างถกู วธิ ี 2. ทาใหไ้ มต่ กข่าว ทราบความคืบหน้า เหตุการณข์ องบุคคลต่างๆ และผูท้ ่ใี กล้ชดิ 3. ผใู้ ชส้ ามารถสร้างเครอื ขา่ ยทางสังคม หรือผู้ทม่ี ีเปาู หมายเหมอื นกนั และทางานให้สาเร็จลุลว่ งไปได้ 4. สามารถสร้างมิตรแท้ หรอื เพอื่ นที่ร้ใู จท่แี ท้จรงิ ได้ 5. เป็นเว็บไซต์ท่ีเอื้อต่อผู้ที่มีปัญหาในการปรับตัวทางสังคม สร้างเครือข่ายที่ดี สร้างความเห็นอกเห็นใจและใหก้ าลงั ใจทดี่ แี กผ่ ้อู น่ื ได้ ขอ้ เสยี 1. เปน็ การขยายเครือขา่ ยทางสังคมในโลกอินเตอรเ์ นต็ การมีเพ่ือนเพ่ิมเครือข่ายท่ีไม่รู้จักดีพอจะทาให้เกิดการลกั ลอบขโมยข้อมลู หรอื การแฝงตวั ของขบวนการหลอกลวงต่างๆ ได้ 2. เพ่ือน ๆ ในเครือข่ายสามารถเขียนข้อความต่าง ๆ ลง Facebook ได้แต่หากเป็นข้อความท่เี ปน็ ความลับ การใสร่ า้ ยกัน จะทาให้ผอู้ า่ นทไ่ี ม่มวี ฒุ ภิ าวะหลงเชื่อ เกดิ ความขัดแย้ง และปัญหาตามมาในภายหลงั ได้ 3. เป็นช่องทางในการสร้างสังคมแห่งการนินทา หรือการยุ่งเรื่องส่วนตัวของผู้อ่ืนโดยใช่เหตุโดยเฉพาะสงั คมท่ชี อบสอดรูส้ อดเห็น 4. การเปิดเผยข้อมูลส่วนตัวทั้งหมดให้กับบุคคลภายนอกที่ไม่รู้จักดีพอ เช่น การลงรูปภาพของครอบครวั หรอื ลกู เกิดการปลอมตวั หรือการหลอกลวงอนื่ ๆ ทคี่ าดไมถ่ งึ ได้ 5. เดก็ ๆ ที่ใชเ้ วลาในการเล่น Facebook มากเกินไป จะทาใหเ้ สยี การเรยี น 6. ในการสร้างความผูกพันและการปรับตัวทางสังคมเป็นการพบปะกันในโลกของความจริงมากกว่าในโลกอนิ เทอร์เน็ต ดังน้ันผู้อยู่ในโลกของไซเบอร์มากเกินไปอาจทาให้มีปัญหาทางจิต หรือขาดการปรับตวั ทางสังคมที่ดี 7. เป็นแรงขับให้มีการพบปะทางสังคมในโลกแห่งความเป็นจริงท่ีน้อยลงได้เน่ืองจากทราบความเคลื่อนไหวของผ้ทู ี่อยใู่ นเครอื ข่ายอย่างตลอดเวลา 8. นโยบายของบางโรงเรียน บางมหาวิทยาลัย บางครอบครัวหรือในบางประเทศมีปัญหามากมายท่เี กิดจาก Facebook ทาใหไ้ มไ่ ดร้ ับการอนุญาตให้มใี นหลายพื้นท่ี 17สานกั เทคโนโลยเี พ่อื การเรียนการสอน สานักงานคณะกรรมการศกึ ษาขนั้ พน้ื ฐาน กระทรวงศกึ ษาธกิ าร
เอกสารประกอบการอบรมเชงิ ปฏิบตั กิ ารเร่อื งการพัฒนาเทคนิคการสอน ดว้ ยเทคโนโลยีดิจิทัลประเภท Live Videoความร้มู ัลตมิ เี ดียขัน้ พืน้ ฐาน มัลติมีเดียสามารถจาแนกองค์ประกอบของสื่อต่าง ๆ ได้เป็น 5 ชนิด ประกอบด้วย ข้อความหรือตวั อกั ษร (Text) ภาพนิ่ง (Still Image) ภาพเคล่ือนไหว (Animation) เสียง (Sound) และภาพวิดีโอ (Video)แล้วนามาผสมผสานเข้าด้วยกันเพื่อใช้สาหรับการปฏิสัมพันธ์หรือโต้ตอบ (Interaction) ระหว่างคอมพิวเตอร์กบั ผูใ้ ชซ้ ง่ึ ถือไดว้ า่ เปน็ กิจกรรมทผ่ี ใู้ ช้สามารถเลอื กกระทาตอ่ มัลตมิ เี ดียได้ตามต้องการ 1. ข้อความหรือตวั อักษร (Text) ข้อความหรือตัวอักษรถือว่าเป็นองค์ประกอบพื้นฐานท่ีสาคัญของมัลติมีเดีย ระบบมัลติมีเดียท่ีนาเสนอผ่านจอภาพของเคร่ืองคอมพิวเตอร์ นอกจากจะมีรูปแบบและสีของตัวอักษรให้เลือกมากมาย ยังสามารถกาหนดลักษณะของการปฏิสัมพันธ์ (โต้ตอบ) ในระหว่างการนาเสนอได้อีกด้วยข้อความเป็นส่วนที่เก่ียวกับเนื้อหาของมัลติมเี ดีย ใชแ้ สดงรายละเอียดหรือเน้ือหาของเรื่องท่ีนาเสนอมีหลายรูปแบบ ได้แก่ 1.1 ข้อความที่ได้จากการพิมพ์ เป็นข้อความปกติที่พบได้ทั่วไป ได้จากการพิมพ์ด้วย โปรแกรมประมวลผลงาน (Word Processor) เช่น NotePad, Text Editor, Microsoft Word เป็นต้น โดยตัวอักษรแต่ละตัวเก็บในรหสั เช่น ASCII เป็นตน้ 1.2 ข้อความจากการสแกน เป็นข้อความในลักษณะภาพ (Image) ได้จากการนาเอกสารท่ีพิมพ์ไว้แล้ว (เอกสารต้นฉบับ) มาทาการสแกนด้วยเคร่ืองสแกน ซ่ึงจะได้ผลออกมาเป็นภาพ 1 ภาพ ปัจจุบันสามารถแปลงข้อความภาพ เปน็ ข้อความปกติได้ โดยอาศัยโปรแกรม OCR 1.3 ขอ้ ความอิเลก็ ทรอนิกส์ เป็นขอ้ ความทพี่ ฒั นาใหอ้ ยใู่ นรปู ของสื่อที่ใชป้ ระมวลผลได้ 1.4 ข้อความไฮเปอร์เท็กซ์ (HyperText) เป็นรูปแบบของข้อความที่ได้รับความนิยมสูงมากในปัจจุบัน โดยเฉพาะการเผยแพร่เอกสารในรูปของเอกสารเว็บ เนื่องจากสามารถใช้เทคนิคการลิงก์หรือเช่ือมข้อความไปยังข้อความหรือจดุ อนื่ ๆ ได้ ภาพ 7 ตัวอยา่ งของรูปแบบข้อความ 2. ภาพนง่ิ (Still Image) ภาพน่ิงเป็นภาพท่ีไม่มีการเคล่ือนไหว เช่น ภาพถ่าย ภาพวาด และภาพลายเส้น เป็นต้น ภาพนิ่งนับว่ามีบทบาทต่อระบบงานมัลติมีเดียมากกว่าข้อความหรือตัวอักษร เน่ืองจากภาพจะให้ผลในเชิงการเรียนรู้หรือรับรู้ด้วยการมองเห็นได้ดีกว่า นอกจากน้ียังสามารถถ่ายทอดความหมายได้ลึกซึ้งมากกว่าข้อความหรือตัวอักษรนั่นเอง ซ่ึงข้อความหรือตัวอักษรจะมีข้อจากัดทางด้านความแตกต่างของแต่ละภาษา แต่ภาพน้ันสามารถสื่อ 18สานกั เทคโนโลยเี พ่อื การเรยี นการสอน สานกั งานคณะกรรมการศึกษาข้ันพ้ืนฐาน กระทรวงศกึ ษาธิการ
เอกสารประกอบการอบรมเชิงปฏบิ ตั ิการเรอ่ื งการพฒั นาเทคนคิ การสอน ด้วยเทคโนโลยดี จิ ทิ ัลประเภท Live Videoความหมายได้กับทุกชนชาติ ภาพน่ิงมักจะแสดงอยู่บนส่ือชนิดต่าง ๆ เช่น โทรทัศน์ หนังสือพิมพ์หรือวารสารวิชาการ เปน็ ตน้ ภาพกราฟิก (Graphics) เป็นสื่อในการนาเสนอท่ีดี เนื่องจากมีสีสันและรูปแบบท่ีน่าสนใจสามารถสอ่ื ความหมายได้กวา้ ง ประกอบดว้ ย 2.1 ภาพบิตแมพ (Bitmap) เป็นภาพท่ีมีการเก็บข้อมูลแบบพิกเซล หรือจุดเล็ก ๆ ที่แสดงค่าสี ดังนั้นภาพหนึ่ง ๆ จึงเกิดจากจุดเล็ก ๆ หลาย ๆ จุดประกอบกัน (คล้าย ๆ กับการปักผ้าครอสติก) ทาให้รูปภาพแต่ละรปู เกบ็ ข้อมูลจานวนมาก เม่ือจะนามาใช้จึงมีเทคนิคการบีบอัดข้อมูล นามสกุลของภาพบิตแมพที่รู้จักกันดี ไดแ้ ก่ *.bmp, *.pcx, *.gif, *.jpg, *.jpeg, *.tif เปน็ ตน้ 2.2 ภาพเวกเตอร์ (Vector) เป็นภาพท่ีสร้างด้วยส่วนประกอบของเส้นลักษณะต่าง ๆและคุณสมบัติเก่ียวกับสีของเส้นนั้น ๆ ซ่ึงสร้างจากการคานวณทางคณิตศาสตร์ เช่น ภาพของคน ก็จะถูกสร้างด้วยจุดของเส้นหลาย ๆ จุด เป็นลักษณะของโครงร่าง (Outline) และสีของคนก็เกิดจากสีของเส้นโครงร่างน้ัน ๆกับพ้ืนที่ผิวภายในนั่นเอง เมื่อมีการแก้ไขภาพ ก็จะเป็นการแก้ไขคุณสมบัติของเส้ น ทาให้ภาพไม่สูญเสียความละเอียดเมื่อมีการขยายภาพน่ันเอง ภาพแบบ Vector ที่หลาย ๆ ท่านคุ้นเคยก็คือภาพ *.wmf ซ่ึงเป็น clipartใน Microsoft Office น่ันเอง นอกจากน้ี จะพบในโปรแกรม Adobe Illustrator Macromedia Freehandคลิปอาร์ต (Clipart) เป็นรูปแบบของการจัดเก็บภาพ จานวนมาก ๆ ในลักษณะของตารางภาพ ห้องสมุดภาพ หรือคลงั ภาพ เพอ่ื ให้เรียกใช้และสบื ค้นไดง้ า่ ย สะดวก และรวดเรว็ 2.3 Hyper Picture มักจะเป็นภาพชนิดพิเศษ ท่ีพบได้บนส่ือมัลติมีเดีย มีความสามารถเช่ือมโยงไปยังเนื้อหา หรือรายละเอียดอ่ืน ๆ มีการกระทา เช่น คลิก (Click) หรือเอาเมาส์มาวางไว้เหนือตาแหน่งที่ระบุ (Over) สาหรับการจัดหาภาพ หรือเตรียมภาพ ก็มีหลายวิธี เช่น การสร้างภาพเอง ด้วยโปรแกรมสร้างภาพเช่น Adobe Photoshop, Corel PhotoImpact, CorelDraw หรือการนาภาพจากอุปกรณ์ เช่น กล้องถ่ายภาพดจิ ติ อล กล้องวิดโี อดิจติ อล หรอื เคร่ืองสแกน ภาพ 8 ตัวอย่างภาพนง่ิ ท่ีมา: www.freepik.com 3. ภาพเคลือ่ นไหว (Animation) ภาพเคล่ือนไหว หมายถงึ ภาพกราฟิกท่ีมีการเคล่ือนไหวเพื่อแสดงข้ันตอนหรือปรากฏการณ์ต่าง ๆ ที่เกิดข้ึนอย่างต่อเนื่อง เช่น การเคลื่อนท่ีของอะตอมในโมเลกุล หรือการเคลื่อนที่ของลูกสูบของเคร่ืองยนต์ เปน็ ต้น ทัง้ นีเ้ พื่อสร้างสรรค์จินตนาการให้เกิดแรงจูงใจจากผู้ชม การผลิตภาพเคล่ือนไหวจะต้องใช้ 19สานกั เทคโนโลยเี พื่อการเรียนการสอน สานักงานคณะกรรมการศกึ ษาขัน้ พื้นฐาน กระทรวงศึกษาธิการ
เอกสารประกอบการอบรมเชงิ ปฏบิ ตั กิ ารเรอ่ื งการพัฒนาเทคนิคการสอน ดว้ ยเทคโนโลยีดจิ ิทัลประเภท Live Videoโปรแกรมท่ีมีคุณสมบัติเฉพาะทางซ่ึงอาจมีปัญหาเกิดข้ึนอยู่บ้างเก่ียวกับขนาดของไฟล์ท่ีต้องใช้พ้ืนท่ีในการจดั เก็บมากกว่าภาพนง่ิ หลายเท่านนั่ เอง ภาพ 9 ตัวอยา่ งภาพเคลื่อนไหว ทมี่ า: https://giphy.com/ 4. เสยี ง (Sound) เสียง เป็นองค์ประกอบหน่ึงที่สาคัญของมัลติมีเดีย โดยจะถูกจัดเก็บอยู่ในรูปของสัญญาณดิจิตอล ซึ่งสามารถเล่นซ้ากลับไปกลับมาได้ โดยใช้โปรแกรมที่ออกแบบมาโดยเฉพาะสาหรับทางานด้านเสียงหากในงานมัลติมีเดียมีการใช้เสียงที่เร้าใจและสอดคล้องกับเน้ือหาในการนาเสนอ จะช่วยให้ระบบมัลติมีเดียน้นั เกิดความสมบูรณแ์ บบมากยงิ่ ขึน้ นอกจากนี้ ยงั ช่วยสร้างความน่าสนใจและน่าติดตามในเร่ืองราวต่าง ๆ ได้เป็นอย่างดี ท้ังน้ีเนื่องจากเสียงมีอิทธิพลต่อผู้ใช้มากกว่าข้อความหรือภาพน่ิงน่ันเอง ดังน้ันเสียงจึงเป็นองคป์ ระกอบทจ่ี าเปน็ สาหรับมลั ตมิ ีเดียซง่ึ สามารถนาเขา้ เสยี งผา่ นทางไมโครโฟนแผ่นซดี ี ดวี ีดี เทป วทิ ยุ ฯลฯ ลักษณะของเสียง ประกอบดว้ ย 1 คลื่นเสียงแบบออดิโอ (Audio) ซ่ึงมีนามสกุลเป็น *.wav, *.au การบันทึกจะบันทึกตามลกู คล่นื เสียง โดยมกี ารแปลงสัญญาณใหเ้ ป็นดจิ ทิ ลั และใช้เทคโนโลยีการบีบอัดเสียงให้เล็กลง (ซ่ึงคุณภาพก็ต่าลงดว้ ย) 2 เสยี ง CD เปน็ รปู แบบการบันทึกท่ีมีคุณภาพสูง ไดแ้ ก่ เสียงที่บนั ทกึ ลงแผน่ ซดี ีเพลง 3 MIDI (Musical Instrument Digital Interface) เป็นรูปแบบของเสียงที่แทนเคร่ืองดนตรีชนิดต่าง ๆ สามารถเก็บข้อมูล และให้วงจรอิเล็กทรอนิกส์ สร้างเสียงตามตัวโน้ตเสมือนการเล่นของเคร่ืองเล่นดนตรีนั้น ๆ เทคโนโลยีเก่ียวกับเสียง ประกอบด้วย การบันทึกข้อมูลเสียง เสียงท่ีทางานผ่านคอมพวิ เตอร์ เป็นสญั ญาณดิจิตอล ซ่งึ มี 2 รปู แบบคือ 3.1 Synthesize Sound เป็นเสยี งท่ีเกิดจากตวั วเิ คราะหเ์ สยี ง ทเี่ รียกว่า MIDI โดยเม่ือตัวโน้ตทางาน คาสงั่ MIDI จะถกู ส่งไปยงั Synthesize Chip เพื่อทาการแยกเสียงว่าเป็นเสียงดนตรีชนิดใดขนาดไฟล์ MIDI จะมขี นาดเล็ก เน่ืองจากเกบ็ คาสงั่ ในรปู แบบง่าย ๆ 20สานักเทคโนโลยีเพือ่ การเรยี นการสอน สานักงานคณะกรรมการศกึ ษาข้นั พื้นฐาน กระทรวงศึกษาธกิ าร
เอกสารประกอบการอบรมเชงิ ปฏิบตั ิการเรือ่ งการพัฒนาเทคนคิ การสอน ดว้ ยเทคโนโลยีดิจิทลั ประเภท Live Video 3.2 Sound Data เป็นเสียงจากที่มีการแปลงจากสัญญาณ analog เป็นสัญญาณdigital โดยจะมีการบันทึกตัวอย่างคลื่น (Sample) ให้อยู่ท่ีใด ท่ีหนึ่งในช่วงของเสียงน้ัน ๆ และการบันทึกตัวอย่างคล่ืนเรียงกันเป็นจานวนมาก เพ่ือให้มีคุณภาพท่ีดี ก็จะทาให้ขนาดของไฟล์โตตามไปด้วย SampleRate จะแทนด้วย kHz ใช้อธิบายคุณภาพของเสียง อัตรามาตรฐานของ sample rate เท่ากับ 11kHz,22kHz, 44kHz และ Sample Size แทนค่าด้วย bits คือ 8 และ 16 บิท ใช้อธิบายจานวนของข้อมูลท่ีใช้จดั เกบ็ ในคอมพวิ เตอร์ คุณภาพเสยี งทดี่ ที ีส่ ดุ ได้แก่ Auido-CD ทีเ่ ท่ากับ 44kHz ระบบ 16 บิท เป็นตน้ มาตรฐานการบบี อัดขอ้ มูล เสียงที่มีคุณภาพดี มักจะมีขนาดโต จึงต้องมีการบีบอัดข้อมูลให้มีขนาดเลก็ ลง มาตรฐานการบีบอดั ขอ้ มลู ได้แก่ 1. ADPCM-Adaptive Differential Pulse Code Modulation โดยจะทาการบีบอดั ขอ้ มลู ทมี่ กี ารบนั ทึกแบบ 8 หรอื 16 บทิ โดยมอี ัตราการบีบอัดประมาณ 4 : 1 หรอื 2 : 1 2. -law, A-law เปน็ มาตรฐานท่กี าหนดโดย CCITT สามารถบีบอัดเสียง 16 บิท ได้ในอัตรา 2 : 1 3. MACE มีจดุ เด่นคือ บีบอัดและขยายข้อมูลให้มีขนาดเท่าเดิมได้ จึงใช้ได้เฉพาะข้อมูลเสียง 8 บิต อตั ราการบบี อดั คือ 3 : 1 และ 6 : 1 อย่างไรกต็ ามคุณภาพเสียงไม่ดีเท่าที่ควรและทางานได้เฉพาะกับ Mac เท่านนั้ 4. MPEG เป็นมาตรฐานการบีบอัดข้อมูลท่ีนิยมมากในปัจจุบัน โดยชื่อนี้ เป็นช่ือย่อของทมี งานพฒั นา Moving Picture Export Group โดยปจั จบุ ันมีนามสกลุ ท่ีนยิ มคอื *.mp3 (MPEG 1 Audio Layer 3)ซึ่งก็คือเทคโนโลยีการบีบอัดข้อมูลเสียงของมาตรฐาน MPEG 1 นั่นเอง เป็นไฟล์ท่ีนิยมใช้กับเครือข่ายอินเทอร์เน็ตด้วย 5. วดี โี อ (Video) วิดีโอ เป็นองค์ประกอบของมัลติมีเดียท่ีมีความสาคัญเป็นอย่างมาก เนื่องจากวิดีโอในระบบดจิ ิตอล สามารถนาเสนอข้อความหรือรูปภาพ (ภาพน่ิง/ภาพเคล่ือนไหว) ประกอบกับเสียงได้สมบูรณ์มากกว่าองค์ประกอบชนิดอ่ืน ๆ อย่างไรก็ตาม ปัญหาหลักของการใช้วิดีโอในระบบมัลติมีเดียก็คือ การส้ินเปลืองทรพั ยากรของพนื้ ที่บนหน่วยความจาเป็นจานวนมาก เนื่องจากการนาเสนอวิดีโอด้วยเวลาท่ีเกิดขึ้นจริง (Real-Time) จะต้องประกอบด้วยจานวนภาพไม่ต่ากว่า 30 ภาพ/วินาที (Frame/Second) ถ้าหากการประมวลผลภาพดังกล่าวไมไ่ ด้ผ่านกระบวนการบีบอัดขนาดของสัญญาณมาก่อน การนาเสนอภาพเพียง 1 นาทีอาจต้องใช้หน่วยความจามากกว่า 100 MB ซ่ึงจะทาให้ไฟล์มีขนาดใหญ่เกินขนาดและมีประสิทธิภาพในการทางานที่ดอ้ ยลง ซึ่งเมื่อมีการพัฒนาเทคโนโลยีท่ีสามารถบีบอัดขนาดของภาพอย่างต่อเน่ืองจนทาให้ภาพวิดีโอสามารถทางานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้นและกลายเป็นส่ือที่มีบทบาทสาคัญต่อระบบมัลติมีเดีย (MultimediaSystem) 21สานักเทคโนโลยีเพอ่ื การเรยี นการสอน สานกั งานคณะกรรมการศกึ ษาข้ันพ้ืนฐาน กระทรวงศึกษาธกิ าร
เอกสารประกอบการอบรมเชงิ ปฏิบัติการเรื่องการพัฒนาเทคนคิ การสอน ดว้ ยเทคโนโลยดี จิ ิทัลประเภท Live Video Video file format เป็นรปู แบบที่ใช้บันทึกภาพและเสียงท่ีสามารถทางานกับคอมพิวเตอร์ได้เลย มีหลายรูปแบบได้แก่ 1. AVI (Audio/Video Interleave) พัฒนาโดยบริษัทไมโครซอฟต์ เรียกว่า Video forWindows มีนามสกุลเป็น .avi ปัจจุบันมีโปรแกรมแสดงผลติดต้ังมาพร้อมกับชุด Microsoft Windows คือWindows Media Player 2. MPEG (Moving Pictures Experts Group) เป็นรูปแบบของไฟล์ที่มีการบีบอัดไฟล์เพื่อให้มีขนาดเล็กลง โดยใช้เทคนิคการบีบข้อมูลแบบ Inter Frame หมายถึง การนาความแตกต่างของข้อมูลในแต่ละภาพมาบีบและเก็บ โดยสามารถบีบข้อมูลได้ถึง 200 : 1 หรือเหลือข้อมูลเพียง 100 kbps โดยคุณภาพยังดีอยู่ มกี ารพฒั นาอย่างต่อเน่ือง โดย MPEG-1 มีนามสกลุ คือ *.mpg 3. Quick Time พัฒนาโดยบริษัท Apple นิยมใช้นาเสนอข้อมูลไฟล์ผ่านอินเทอร์เน็ตมีนามสกลุ เปน็ *.movการใชง้ านเฟซบกุ๊ Fanpage เบือ้ งต้น วธิ ีการทา FanPage หนึ่งใน Social Network ที่ได้รับความนิยมอย่างต่อเนื่องและมีอิทธิพลต่อการติดต่อส่ือสารในโลกออนไลน์อย่างย่ิง ก็คือ Facebook นั่นเอง นอกจากเราจะใช้ Facebook ในการติดต่อกับกลุ่มเพ่ือนหรอื คนรจู้ กั ในลกั ษณะของเฟซบกุ๊ Profile สว่ นตัวแล้ว ปัจจุบันกลุ่มธุรกิจและองค์กรต่าง ๆ ก็หันมาใช้เฟซบุ๊กเปน็ ช่องทางในการสอื่ สารและการปฎิสมั พนั ธ์ระหวา่ งธรุ กจิ กับลกู คา้ เพ่ือรักษาและเสริมสร้างความสัมพันธ์ที่ดีและยังเปน็ ช่องทางสร้างยอดขายและผลกาไรให้มากขึน้ ได้อีกด้วย ซึ่งเฟซบุ๊กสาหรับธุรกิจ องค์กร สมาคม หรือกลุ่มคนท่ีมีความสนใจเร่ืองใดเรื่องหน่ึงเหมือนกันจะสามารถสร้างในลักษณะท่ีเรียกว่า Facebook Fanpage ซึ่งจะแตกต่างจากเฟซบุ๊กส่วนตัวในส่วนท่ีลูกค้าหรอื ผูท้ ่สี นใจสามารถมาคลิก Like Fanpage (แทนการคลิกเพ่ิมเพื่อน) เพื่อการติดตามข่าวสาร กิจกรรม หรือความเคล่ือนไหวที่ธุรกิจได้ประกาศผ่านทาง Facebook Fanpage ได้ทันที ซึ่ง Tips & Tricks มีวิธีการสร้างFacebook Fanpage ที่สามารถทาได้ง่าย ๆ เพียงใช้แอคเคาท์สมาชิก Facebook ส่วนตัวของท่านมาทาการสมัครตามขั้นตอน ดังน้ี 1. เบื้องต้นให้ล็อกอินเข้าใช้งานเว็บไซต์ www.facebook.com โดยเข้าระบบของตนเองตามปกติจากน้ันให้ไปที่ https://www.facebook.com/pages/create.php จะเข้าสู่หน้า Create a Page และปรากฎประเภทของ Page ให้เลือกใช้ได้ 6 ประเภท ซ่ึงในกรณีที่ท่านจะสร้างเฟซบุ๊ก Fanpage ของธุรกิจหรือองค์กรแนะนาให้เลือก 1 ใน 3 ประเภท จาก Local Business or Place, Company, Organization or Institution หรือBrand or Product ตามความเหมาะสม (ภาพ 10) 22สานกั เทคโนโลยเี พอื่ การเรียนการสอน สานกั งานคณะกรรมการศึกษาขั้นพื้นฐาน กระทรวงศึกษาธกิ าร
เอกสารประกอบการอบรมเชงิ ปฏิบตั ิการเรอื่ งการพฒั นาเทคนคิ การสอน ด้วยเทคโนโลยดี ิจิทลั ประเภท Live Video ภาพ 10 2. เม่ือคลิกเลือกหมวดหมู่ของ Page ที่เหมาะสมแล้ว ให้ประเภทเลือกกลุ่มท่ีเก่ียวข้องกับธุรกิจหรือองค์กรของทา่ น จากน้ัน ใสช่ ื่อธรุ กจิ หรือองค์กรของทา่ น แลว้ คลกิ ปุม \"Get Started\" (ภาพ 11) ภาพ 11 3. จากนั้นใส่รูปโปรไฟล์และภาพปกของ Fanpage โดยสามารถเลือกอัพโหลดรูปจากคอมพิวเตอร์หรอื จะใส่ URL รปู ภาพท่ีอัพโหลดไวท้ ่เี ว็บไซตอ์ ื่น ๆ แล้ว (ภาพ 12) ภาพ 12 การ upload ภาพโปรไฟลแ์ ละหนา้ ปก Fanpage 23สานักเทคโนโลยเี พือ่ การเรียนการสอน สานกั งานคณะกรรมการศกึ ษาขน้ั พืน้ ฐาน กระทรวงศึกษาธกิ าร
เอกสารประกอบการอบรมเชงิ ปฏิบัตกิ ารเรื่องการพัฒนาเทคนคิ การสอน ด้วยเทคโนโลยดี จิ ทิ ลั ประเภท Live Video 6. แสดงผลหน้าเฟซบุ๊ก Fanpage ของท่าน โดยจะมีเคร่ืองมือสาหรับผู้ดูแล Fanpage ได้จัดการขอ้ มลู และปรับการตงั้ ค่าต่าง ๆ ของ Fanpage ได้ (ผเู้ ข้าชมทม่ี ากด Like Page จะมองไมเ่ ห็นเครื่องมือเหล่าน้ี)โดยมีหวั ข้อการจดั การท่ีสาคญั (ภาพ 13) เชน่ ภาพ 13 แสดงแผงควบคมุ การทางานของ Fanpage Page: เป็นสว่ นสาหรบั แสดงช้อมูลทโ่ี พสตใ์ นหน้า Fanpage Message: เป็นฟังกช์ ั่นท่ี Admin สามารถดูว่า ผู้เขา้ ชม Fanpage ส่งขอ้ ความอะไรมาบ้าง Notifications: ส่วนแจ้งข้อมูลว่ามีใครมา Likes หรือ Comments หรือ Shares บนหน้าเฟสบุ๊กFanpage ของเราบา้ ง Insights: แสดงสถิตกิ ารเขา้ ชมเฟซบุ๊ก Fanpage เป็นรายวนั รายสปั ดาห์ และรายเดือน Publishing Tools: ดูขอ้ มลู การโพสต์หนา้ Fanpage Settings: การตงั้ ค่าต่าง ๆ ใน Fanpage เช่น การกาหนด Admin ในสว่ นของ Page Roles Help: แนะนาวิธีการใชง้ านเพม่ิ เติมจากทาง Facebook ภาพ 14 แสดงการต้งั ค่า (Settings) ของ Fanpage 7. สาหรับการโพสต์ข้อมูลต่าง ๆ ให้แสดงผลบนหน้าเฟซบุ๊ก Fanpage น้ัน มีข้ันตอนการใช้งานที่คล้ายกับ Facebook Profile ส่วนตัว เช่น สามารถโพสต์ข้อความ ข่าวสาร รูปภาพกิจกรรม บนหน้าเฟซบุ๊กFanpage ไดเ้ ลย 24สานกั เทคโนโลยเี พอ่ื การเรยี นการสอน สานกั งานคณะกรรมการศกึ ษาขนั้ พน้ื ฐาน กระทรวงศกึ ษาธกิ าร
เอกสารประกอบการอบรมเชิงปฏบิ ัติการเรื่องการพฒั นาเทคนิคการสอน ดว้ ยเทคโนโลยีดจิ ิทลั ประเภท Live Videoการใช้งาน Youtube และการใช้งาน Streaming ใน Youtube ภาพ 15 25สานักเทคโนโลยเี พื่อการเรยี นการสอน สานักงานคณะกรรมการศกึ ษาข้นั พนื้ ฐาน กระทรวงศึกษาธกิ าร
เอกสารประกอบการอบรมเชงิ ปฏิบัติการเร่ืองการพัฒนาเทคนคิ การสอน ดว้ ยเทคโนโลยดี จิ ทิ ลั ประเภท Live Video ภาพ 16 ภาพ 1726สานกั เทคโนโลยีเพ่อื การเรยี นการสอน สานกั งานคณะกรรมการศกึ ษาขัน้ พืน้ ฐาน กระทรวงศึกษาธิการ
เอกสารประกอบการอบรมเชิงปฏบิ ตั ิการเร่ืองการพัฒนาเทคนิคการสอน ดว้ ยเทคโนโลยดี ิจทิ ัลประเภท Live Video ภาพ 18 ภาพ 1927สานกั เทคโนโลยเี พ่อื การเรยี นการสอน สานักงานคณะกรรมการศึกษาขั้นพน้ื ฐาน กระทรวงศึกษาธกิ าร
เอกสารประกอบการอบรมเชงิ ปฏิบตั กิ ารเร่อื งการพัฒนาเทคนคิ การสอน ดว้ ยเทคโนโลยดี จิ ิทลั ประเภท Live Video ภาพ 2028สานกั เทคโนโลยีเพ่อื การเรยี นการสอน สานกั งานคณะกรรมการศึกษาขน้ั พ้นื ฐาน กระทรวงศึกษาธกิ าร
เอกสารประกอบการอบรมเชิงปฏิบตั กิ ารเรอื่ งการพฒั นาเทคนิคการสอน ดว้ ยเทคโนโลยีดจิ ทิ ัลประเภท Live Video (Streaming) ภาพ 21 ภาพ 2229สานักเทคโนโลยีเพ่อื การเรียนการสอน สานักงานคณะกรรมการศึกษาข้นั พ้ืนฐาน กระทรวงศึกษาธกิ าร
เอกสารประกอบการอบรมเชงิ ปฏิบตั กิ ารเร่อื งการพัฒนาเทคนคิ การสอน ดว้ ยเทคโนโลยดี จิ ิทลั ประเภท Live Video ภาพ 2330สานกั เทคโนโลยีเพ่อื การเรยี นการสอน สานกั งานคณะกรรมการศึกษาขน้ั พ้นื ฐาน กระทรวงศึกษาธกิ าร
เอกสารประกอบการอบรมเชิงปฏบิ ตั ิการเร่ืองการพัฒนาเทคนิคการสอน ดว้ ยเทคโนโลยดี ิจทิ ัลประเภท Live Video ภาพ 24 ภาพ 2531สานกั เทคโนโลยเี พ่อื การเรยี นการสอน สานักงานคณะกรรมการศึกษาขั้นพน้ื ฐาน กระทรวงศึกษาธิการ
เอกสารประกอบการอบรมเชิงปฏบิ ตั ิการเร่ืองการพัฒนาเทคนิคการสอน ดว้ ยเทคโนโลยดี ิจทิ ัลประเภท Live Video ภาพ 26 ภาพ 2732สานกั เทคโนโลยเี พ่อื การเรยี นการสอน สานักงานคณะกรรมการศึกษาขั้นพน้ื ฐาน กระทรวงศึกษาธกิ าร
เอกสารประกอบการอบรมเชงิ ปฏิบตั กิ ารเร่อื งการพัฒนาเทคนคิ การสอน ดว้ ยเทคโนโลยดี จิ ิทลั ประเภท Live Video ภาพ 2833สานกั เทคโนโลยีเพ่อื การเรยี นการสอน สานกั งานคณะกรรมการศึกษาขน้ั พ้นื ฐาน กระทรวงศึกษาธกิ าร
เอกสารประกอบการอบรมเชิงปฏิบัตกิ ารเรื่องการพฒั นาเทคนคิ การสอน ดว้ ยเทคโนโลยดี ิจทิ ัลประเภท Live Video ภาพ 29 ภาพ 3034สานกั เทคโนโลยเี พื่อการเรยี นการสอน สานกั งานคณะกรรมการศึกษาขั้นพน้ื ฐาน กระทรวงศึกษาธิการ
เอกสารประกอบการอบรมเชงิ ปฏบิ ัตกิ ารเรอ่ื งการพัฒนาเทคนคิ การสอน ด้วยเทคโนโลยดี ิจทิ ัลประเภท Live Video ภาพ 3135สานกั เทคโนโลยีเพ่อื การเรยี นการสอน สานกั งานคณะกรรมการศกึ ษาข้ันพ้ืนฐาน กระทรวงศกึ ษาธกิ าร
เอกสารประกอบการอบรมเชงิ ปฏิบัติการเรอ่ื งการพฒั นาเทคนคิ การสอน ด้วยเทคโนโลยีดิจิทลั ประเภท Live Video ภาพ 3236สานกั เทคโนโลยีเพ่อื การเรยี นการสอน สานกั งานคณะกรรมการศกึ ษาขั้นพ้ืนฐาน กระทรวงศึกษาธกิ าร
เอกสารประกอบการอบรมเชงิ ปฏิบตั ิการเรอ่ื งการพัฒนาเทคนิคการสอน ดว้ ยเทคโนโลยดี จิ ิทัลประเภท Live Video ภาพ 33การเตรียมตวั เองก่อนการถ่ายทอดสด (Live) 15 วินาทีกับการดึงความสนใจผู้ฟัง โดยมากแล้วผู้คนที่ฟังการบรรยายจะใช้เวลาตัดสินใน 15 วินาทีแรก ในการนาเสนอของคุณ ส่ิงเหล่าน้ีอาจจะพอชว่ ยเหลือได้ในช่วงเร่มิ ต้นของการนาเสนองานของคณุ 1. อย่าเสียเวลาไปกับการแนะนาว่าคุณคือใคร และมาทาอะไรที่น่ี มากจนเกินไป การบอกถึงประวัติของคุณให้ลองเตรียมเฉพาะสิ่งที่จาเป็นต้องบอก ซึ่งไม่ควรเกินประมาณ 100 คา รวมไปถึงเตรียม 50คาโดยประมาณสาหรับเกริ่น อธบิ ายสิ่งที่คณุ จะต้องพูดในขณะน้นั 37สานกั เทคโนโลยเี พ่อื การเรียนการสอน สานักงานคณะกรรมการศกึ ษาขั้นพื้นฐาน กระทรวงศึกษาธิการ
เอกสารประกอบการอบรมเชิงปฏบิ ตั ิการเร่อื งการพฒั นาเทคนิคการสอน ดว้ ยเทคโนโลยีดจิ ทิ ัลประเภท Live Video 2. ไมค่ วรอ่นุ เครื่องโดยเร่ิมเรื่องขา ๆ ในการอุ่นเครื่องก่อนที่จะเข้าสู่เนื้อหา เรื่องตลกเป็นเร่ืองที่อาจจะต้องใช้เวลามากเกินไป อาจจะทาใหผ้ ฟู้ งั ที่ไม่ขาเริ่มหมดความอดทน 3. ไม่จาเป็นต้องเร่ิมเรื่องด้วยภูมิหลังหรือประวัติต่าง ๆ บางครั้งข้อมูลเหล่านี้ไม่มีใครสนใจอย่ายัดเยยี ดข้อมลู ทีไ่ ม่เก่ยี วข้องกับหัวข้อทจี่ ะพูด 4. เริ่มต้นด้วยข้อเท็จจริงที่น่าตกใจหรือสร้างความสงสัยกระหายใคร่รู้ให้กับผู้ฟัง จะช่วยดึงความสนใจใหผ้ ฟู้ งั จดจอ่ กับสง่ิ ทก่ี าลังจะนาเสนอได้ดีกวา่ (ดัดแปลง: พจน์ ใจชาญสุขกจิ . 15 วนิ าทกี บั การดึงความสนใจผฟู้ งั , 2560) ศลิ ปะการพดู ให้ประทบั ใจผู้ฟงั ภายใน 30 วินาที “การพูด” เป็นสิ่งที่มนุษย์ผู้มีร่างกายปกติพูดได้ทุกคน แต่การพูดท่ีจะทาให้ผู้ฟังประทับใจน้ันน้อยคนนกั ทีจ่ ะสามารถพดู ใหป้ ระสบผลสาเร็จได้ โดยเฉพาะ “การพูดใหป้ ระทับใจผู้ฟัง ภายใน 30 วนิ าที” “เวลา 30 วินาที” เป็นเวลาท่ีเหมือนว่าสั้นมาก แต่ในทางตรงข้าง 30 วินาทีกลับเป็นเวลานานนานพอท่ีเราจะสามารถพูดในสิ่งท่ีต้องการได้ นานพอที่จะดึงดูดความสนใจจากผู้ฟัง และทาให้ผู้ฟังเกิดความรู้สึกคล้อยตามได้ ซงึ่ เวลาเพียง 30 วนิ าทนี ี้ อาจจะมคี ่ามากกว่า3 นาที หรือ 3 ชว่ั โมงกเ็ ปน็ ได้ หลาย ๆ คนอาจจะคิดว่า 30 วินาที ไมน่ ่ามคี วามสาคัญ แตห่ ากเราลองพิจารณาดูแล้ว 30 วินาทีอาจเปน็ ชว่ งเวลาแหง่ การเปลี่ยนแปลงชวี ติ ของเราก็เป็นได้ เช่น โฆษณาทางโทรทัศน์ ส่วนมากก็จะนาเสนอกันเพียง 30 วินาทเี ท่าน้นั หากประทบั ใจผชู้ ม กจ็ ะทาให้ยอดขายทะลุเปูา แต่หากไม่เป็นท่ีประทับใจ ธุรกิจก็แทบจะล้มละลายลงได้ และการพูดให้ประทับใจผู้ฟังภายใน 30 วินาที ก็ไม่ใช่เร่ืองท่ีอยู่เหนือความสามารถของทกุ ๆ คนทจ่ี ะทาได้ ซ่งึ การพดู ใหป้ ระทับใจผู้ฟังภายใน 30 วินาที ก็มหี ลกั การพน้ื ฐานง่าย ๆ 3 ขอ้ ดงั นี้ 1. มีจุดประสงค์ท่ีชัดเจนเพียงข้อเดียว คือ เราต้องมีเปูาหมายที่ต้ังไว้อย่างแน่นอน รู้ว่าตัวเราต้องการอะไร รู้ว่าทาไมเราถึงต้องไปอยู่ที่นั่น เพราะการท่ีมีจุดประสงค์ในการพูดที่ชัดเจน จะทาให้เราพูดไม่วกวน ไม่หลงทางหรือหลงประเด็น เช่น เซลล์แมน ก็มีจุดประสงค์ในการพูด คือ ต้องการขายสินค้า หรือลกู คา้ กม็ ีจุดประสงคใ์ นการพดู เพื่อซ้ือสนิ ค้าไดใ้ นราคาที่ถกู ลง เป็นตน้ 2. เราต้องร้จู กั ผฟู้ งั และรู้ว่าผู้ฟังต้องการอะไร เป็นการนาใจเขามาใส่ใจเรา เพราะการรู้จักคนทเ่ี ราจะไปพูดดว้ ยวา่ เป็นใคร เป็นคนอย่างไร และต้องการอะไรจากการฟังในครั้งน้ี จะทาให้เราพูดในสิ่งที่ผู้ฟังสนใจ และชว่ ยใหเ้ ราสามารถวางแผนในการพูดได้งา่ ยข้นึ 3. มีวิธีการและเทคนิคท่ีถูกต้อง คือ เราต้องรู้จักการใช้กลวิธีต่าง ๆ ในการพูดเพ่ือให้บรรลุวัตถุประสงค์ วิธีการและวัตถุประสงค์นั้นมีความจาเป็นเท่า ๆ กัน การมีวัตถุประสงค์ที่แน่นอนจะมีอิทธิพลต่อการเลือกใช้วิธีการที่ถูกต้อง เช่น ลูกค้าที่ต้องการซ้ือของให้ได้ราคาถูก ลูกค้าก็จะใช้วิธีพูดว่า ฉันชอบสินค้าของคุณ 38สานักเทคโนโลยเี พอื่ การเรียนการสอน สานกั งานคณะกรรมการศกึ ษาข้นั พืน้ ฐาน กระทรวงศึกษาธกิ าร
เอกสารประกอบการอบรมเชิงปฏิบตั กิ ารเรื่องการพฒั นาเทคนิคการสอน ดว้ ยเทคโนโลยดี ิจทิ ัลประเภท Live Videoแต่ฉันมีเงินจากัด เป็นต้น นอกจากน้ันการมีวิธีการพูดท่ีถูกต้องจะทาให้เราสนองความต้องการและความสนใจของผ้ฟู งั ได้ ทัง้ ยงั ช่วยใหเ้ ราพูดไดถ้ ูกจุดไม่ออกนอกลนู่ อกทางของจุดประสงค์ที่ได้ต้ังไวอ้ ีกดว้ ย จากข้างต้น การรู้ว่าตนเองต้องการอะไร ใครจะให้ส่ิงน้ันกับเราได้ และทาอย่างไรจึงจะได้สิ่งนั้นมาอาจกล่าวได้ว่าเป็นกฎพ้ืนฐาน 3 ข้อของการพูด 30 วินาที แต่นอกเหนือจากน้ัน ก็ยังมีกลวิธีอื่น ๆ ที่ทาให้การพดู 30 วนิ าที มปี ระสิทธภิ าพมาก นา่ สนใจ และไดผ้ ลดีมากยิง่ ขึ้นอีก ดงั น้ี การจูงใจ การชักนา ความรู้สึกประทับใจ การดึงดูดใจ ส่ิงเหล่านี้จะทาให้ผู้ฟังจดจาเราและเนื้อเร่ืองได้เป็นอย่างดี อาจกล่าวได้ว่าส่ิงเหล่านี้เป็นเหย่ือล่อชั้นเย่ียม ซ่ึงเหยื่อล่อก็คือ ประโยค หรือเนื้อหาท่ีใช้ เพื่อดึงดูดใจผู้ฟังโดยเฉพาะ เช่น ในหนังสือพิมพ์ก็จะมีพาดหัวข้อข่าว เป็นเหย่ือล่อ หรือในภาพยนตร์ก็จะนาฉากที่ต่ืนเต้นที่สุดของหนังเรื่องนั้น ๆ มาฉายให้เราดูก่อนเพื่อโฆษณาหนังให้เราสนใจ เป็นต้น เพราะฉะนั้นสิ่งแรกท่ีเราจะพูดกับใครสักคน ไม่ว่าจะเป็นเพ่ือน อาจารย์ หรือผู้ปกครอง เราก็ต้องทาให้เขาสนใจ ทาให้เขาจาคาพูดของเราโดยใช้เหย่ือล่อเมื่อเร่ิมพูด ซ่ึงเราก็สามารถทาได้โดยการถามคาถามเหล่านี้กับตัวเอง “อะไรคือส่วนท่ีแปลกท่ีสุดของเร่ืองส่วนไหนน่าสนใจ ตื่นเต้น ตลก มากท่ีสุดของเร่ือง และส่วนไหนท่ีน่าประทับใจมากที่สุดของเรื่อง” แล้วนามาตัดตอนให้ได้ประโยคใจความสาคัญท่ีสุดเพียงใจความเดียว เพียงเท่านี้เราก็จะได้เหย่ือล่อในการพูดแต่ละคร้ังซ่ึงเหยื่อล่ออาจจะเป็นคาพูดแบบจริงจัง หรือตลกขบขันก็ได้ แต่ต้องสามารถดึงดูดความสนใจจากผู้ฟังได้หากนา่ เบ่ือ ผฟู้ ังไมส่ นใจก็แสดงว่า เราไมส่ ามารถท่จี ะบรรลุเปูาหมายที่ต้องการจะเรียกร้องความสนใจได้ การพูดให้รัดกุมและเข้าใจง่าย ก็เป็นอีกสิ่งหน่ึงที่มีความสาคัญต่อการพูดให้ผู้ฟังประทับใจภายใน30 วินาที เพราะหากเยิ่นเย้อก็จะทาให้ผู้ฟังเบ่ือ ท่ีสาคัญคือ ไม่มีใครสนใจสิ่งที่เข้าใจยาก เพราะฉะนั้นเราสามารถพดู ใหร้ ัดกมุ และเข้าใจไดง้ ่ายโดยการตอบคาถาม 6 ข้อนี้ คือ - ใคร - ทาอะไร - ทไ่ี หน - เมือ่ ไหร่ - อยา่ งไร - ทาไม เพราะเป็นส่งิ ท่จี ะทาใหผ้ ูฟ้ งั เขา้ ใจไดร้ วดเร็ว เป็นประเด็นมากยง่ิ ขน้ึ การจบ ก็เป็นส่ิงท่ีสาคัญมากเช่นกัน ก่อนจะจบการพูด 30 วินาที เราต้องขอในสิ่งท่ีเราต้องการซ่ึงมีคากล่าวไว้ว่า “คาพูดที่ปราศจากการขอร้อง เป็นการปล่อยให้โอกาสเสียเปล่า ถ้าคุณไม่ขออะไร ผลก็คือคุณจะไม่ได้อะไรเลย” เพราะฉะนั้นเราต้องถามตัวเองเสมอว่าเราต้องการอะไรจากผู้ฟัง แล้วจึงคิดถึงประโยคท่ีเหมาะกับสถานการณ์มากที่สุด ประโยคที่ว่าน้ีมี 2 ประเภทคือ ประโยคที่ต้องการการกระทา เช่น ขอให้ทุกคนช่วยเขียนแสดงความคิดเห็น และคาแนะนาในเรื่องที่เราคุยกันหลังจากท่ีเราพักดื่มกาแฟกันนะครับเป็นต้น อีกประเภทคือ ประโยคที่ต้องการให้ผู้ฟังมีปฏิกิริยาโต้ตอบ ก็คือการพูดแบบนุ่มนวล เพื่อให้ผู้ฟังมีปฏิกิริยาตอบกลับมาว่าเห็นด้วย ต้องการฟังต่อ และนาไปยึดถือ เป็นต้น เพียงเท่านี้เราก็จะสามารถสรุปได้อยา่ งประทบั ใจผฟู้ งั แล้ว 39สานักเทคโนโลยเี พือ่ การเรียนการสอน สานกั งานคณะกรรมการศึกษาขั้นพ้ืนฐาน กระทรวงศกึ ษาธกิ าร
เอกสารประกอบการอบรมเชงิ ปฏิบตั ิการเร่อื งการพัฒนาเทคนคิ การสอน ด้วยเทคโนโลยดี ิจทิ ัลประเภท Live Video 10 เทคนิคขน้ั เทพสาหรบั การพดู ในทส่ี าธารณะ การสื่อสารด้วยการพูด อาจไม่ใช่เรื่องยากเย็นอะไร แต่เมื่อต้องพูดต่อหน้าคนเป็นจานวนมากคุณต้องทาอย่างไรจึงจะสามารถสื่อสารในสิ่งที่คุณต้องการได้ดังใจ และทาอย่างไรทุกคนจึงจะสนใจการพูดของคณุ มเี ทคนิคดี ๆ ในการเตรยี มตัวพูดเพือ่ ดึงดูดความสนใจของผู้ฟังทุกคนให้น่ังฟังคุณต้ังแต่ต้นจนจบสาหรับนกั พูดมอื ใหม่ที่ต้องการจะเปน็ นกั พดู ขน้ั เทพ ภาพ 34 แสดง 10 เทคนคิ ขัน้ เทพสาหรลั การพดู ในที่สาธารณะ 1. ให้ความสนใจกับเร่ืองที่คุณจะพูด ทุกคนล้วนต้องการได้ยินได้ฟังแต่เร่ืองราวดี ๆ มีประโยชน์และน่าสนใจ นอกจากเร่ืองท่ีคุณจะพูดจะต้องมีคุณค่าแล้ว เรื่องนั้น ๆ จะต้องสร้างผลกระทบที่ดีต่อกลุ่มผู้ฟังได้ เช่นเป็นเร่ืองท่ีเป็นบทเรยี นชวี ิต หรือสามารถนาไปประยุกต์ใช้กับชีวิตประจาวันได้ ที่สาคัญคุณต้องรู้ว่ากลุ่มผู้ฟังของคุณเป็นใคร และพยายามพูดเรือ่ งท่ีพวกเขาจะเขา้ ใจไดแ้ ละเชอื่ มโยงกบั ตัวของพวกเขาเองได้ 2. อยา่ อา่ นสคริปต์ คณุ จะรสู้ กึ อยา่ งไรถ้าคณุ ต้องน่ังฟังคนบนเวทีอ่านหนังสือให้คุณฟัง แม้การพูดต่อหน้าคนเยอะ ๆ จะเป็นเร่ืองที่กดดัน แต่คุณก็สามารถเตรียมตัวล่วงหน้าได้ ถ้าคุณทาการบ้านมาดีและเข้าใจในสิ่งที่คุณจะพูดอย่างลึกซึ้ง ไม่จาเป็นต้องมีสคริปต์ คุณก็สามารถพูดได้อย่างมั่นใจ และคนฟังจะสามารถสัมผัสได้ถึงความน่าเชอื่ ถือ 40สานักเทคโนโลยีเพอ่ื การเรียนการสอน สานกั งานคณะกรรมการศึกษาขน้ั พื้นฐาน กระทรวงศึกษาธิการ
เอกสารประกอบการอบรมเชงิ ปฏิบตั ิการเรอื่ งการพฒั นาเทคนิคการสอน ดว้ ยเทคโนโลยดี จิ ทิ ัลประเภท Live Video 3. ซ้อมด้วยการอัดวิดีโอแล้วดูตัวเองพูด เราจะได้เห็นทุกอย่างจากการสังเกตการพูดของตัวเอง ไม่ว่าจะเป็นสีหน้า ท่าทาง การใช้ถ้อยคา น้าเสียง และจังหวะจะโคน คุณจะได้เห็นข้อดีและข้อเสียของตัวเองก่อนใคร ๆและสามารถปรับปรุงการพดู ของคณุ ได้ทนั ก่อนการพูดจริงจะมาถึง 4. อย่าอ้างแต่สถิติและคาคมของคนอ่ืน ถึงแม้ตัวเลขสถิติจะน่าเช่ือถือ และคาคมจะลึกซึ้งกินใจขนาดไหน แตถ่ ้าคุณอ้างถงึ สิง่ เหลา่ นัน้ มากเกินไป คนฟังจะไม่สนใจในสิ่งที่คุณพูดอีกต่อไป เพราะเขาจะรู้สึกว่าคุณไม่มีความคิดเป็นของตัวเอง คุณต้องแสดงความคิดเห็นของคุณเองบ้าง เพราะคนฟังอยากได้ยินสิ่งท่ีคุณอยากพูด การแบ่งปันประสบการณต์ รงและมุมมองจากตัวคุณเอง จะทาให้ผู้ฟังสนใจกับการได้รับข้อมูลใหม่ ๆทพ่ี วกเขาไมเ่ คยรมู้ าก่อน 5. ใช้รูปภาพเสริมความเข้าใจ หากเป็นการพูดที่ต้องมีการนาเสนอข้อมูลจานวนมาก การทาสไลด์การนาเสนอควรใช้รูปเยอะ ๆ ใช้ฟอนต์ตัวใหญ่ ๆ สาหรับคาพูดสาคัญที่คุณต้องการเน้น และอย่าใส่ข้อความยาวเหยยี ด เพราะคนจะไมฟ่ ังทคี่ ุณพดู เพราะพวกเขาสามารถอา่ นเองได้ 6. แสดงความกระตอื รือร้นในการพูด ใหอ้ อกมาทางสีหน้า ท่าทาง การเคลื่อนไหวของเรา อย่าลืมว่าทุกส่ิงท่ีเราแสดงออก จะถูกจับจ้องจากสายตาของผู้ฟังทุกคน ถ้าแสดงออกถึงความตั้งใจในการพูด คนฟังก็จะตั้งใจฟังคุณเชน่ กนั 7. อย่าฝืนเล่าเร่ืองตลก ถ้าคุณไม่ถนัด การสร้างบรรยากาศที่เป็นกันเองในการพูดเป็นสิ่งท่ีดี แต่ถ้าปกติคุณไม่เก่งในการเล่าเร่ืองตลกในวงเพื่อนฝูงของคุณอยู่แล้ว ยิ่งเป็นสิ่งท่ีไม่ควรทาในการพูดต่อหน้าคนจานวนมากเพราะมกุ ของคณุ อาจทาลายเรือ่ งราวดี ๆ ทคี่ ณุ พูดมาท้งั ชั่วโมง และเร่อื งบางเรอื่ งอาจไปกระทบจิตใจผูฟ้ งั บางกลุม่ ได้ 8. ให้ผฟู้ งั มสี ว่ นรว่ มบ้าง แจ้งให้ผู้ฟังทราบต้ังแต่ช่วงเร่ิมต้นของการพูดว่าจะเปิดให้มีการถาม-ตอบปัญหาเพิ่มเติมเก่ียวกับเรื่องท่ีคุณพูด เม่ือผู้ฟังรู้ว่าคุณเปิดโอกาสให้พวกเขามีส่วนร่วมในการตั้งคาถาม พวกเขาจะเตรียมคิดคาถามระหวา่ งท่ีฟงั คุณพูด และนน่ั จะทาให้ผู้ฟังตัง้ ใจฟงั คณุ พดู มากย่งิ ข้ึน เพ่อื จะไดร้ ู้วา่ พวกเขาควรจะถามอะไร 9. ตอบคาถามนอกรอบ ถ้าคุณเป็นนักพูดมือใหม่ การตอบคาถามจากผู้ฟังไม่ได้อาจสร้างความลาบากและส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่นท้ังของตัวคุณเองและความเช่ือม่ันของผู้ฟังที่มีต่อตัวคุณ ถ้าคุณยังไม่มั่นใจว่าจะตอบได้ทุกคาถาม คุณควรจัดให้มีการตอบคาถามแบบตัวต่อตัวนอกรอบ เพื่อให้ข้อมูลเพ่ิมเติม สาหรับผู้ฟังท่ีสนใจในเร่ืองท่ีคณุ เพิง่ พูดไป 10. เป็นตัวของตัวเอง ส่ิงที่สาคัญท่ีสุดในการพูดคือ ความเช่ือม่ันในตัวของคุณเอง เช่ือมั่นในส่ิงท่ีคุณเป็นและเชื่อม่ันในส่ิงท่ีตัวเองจะบอกเล่าให้แก่ผู้ฟัง ความม่ันใจน้ีจะถูกสะท้อนออกมาผ่านน้าเสียงในการพูดของคุณ ผู้ฟังจะเกดิ ความประทับใจและจดจาได้ทง้ั ตัวคณุ และเร่ืองราวดี ๆ ทีค่ ณุ พดู 41สานักเทคโนโลยีเพ่ือการเรียนการสอน สานักงานคณะกรรมการศกึ ษาข้ันพนื้ ฐาน กระทรวงศกึ ษาธกิ าร
เอกสารประกอบการอบรมเชิงปฏิบตั กิ ารเรือ่ งการพฒั นาเทคนคิ การสอน ด้วยเทคโนโลยีดิจิทัลประเภท Live Videoการเตรียมอปุ กรณก์ อ่ น Live Streaming Video Live Streaming คอื การส่งข้อมลู ภาพและเสียงผ่านอุปกรณ์เคลื่อนท่ีหรืออุปกรณ์ดิจิทัลต่าง ๆเพือ่ ใหผ้ ู้ชมสามารถดแู ละโตต้ อบกันได้ในแบบ Real-time ภาพ 35 แผนภาพการทางาน Live Streaming Video ขั้นตอนการ Live Streaming Video 1. Capture แหล่งขอ้ มูลการให้กาเนิดภาพและเสียง ไม่ว่าจะเปน็ การมาจากกลอ้ งหรือไมโครโฟน 2. Encode เป็นการนาแหล่งข้อมูลทั้งภาพและเสียงมาบีบอัด แล้วแปลงสัญญาณให้เหมาะสมเพอื่ เตรียมพร้อมการส่งข้อมูล ซง่ึ ตัวอยา่ งของ Encode ตา่ ง ๆ เช่น Software (OBS Studio, vMix, Wirecast) 3. Process เป็นขั้นตอนในการนาข้อมูล จากการบีบอัด มาเปล่ียนแปลงให้มีขนาดท่ีแตกต่างกันเพ่ือเตรียมรองรับให้ผู้รับชมท่ีมีความแตกต่างกันใน Bandwidth สามารถรับชมได้ โดยทาบนพื้นฐานโปรโตคอล HLS 4. Deliver เป็นจุดจ่ายข้อมูลให้กับผู้ชม ผ่าน CDN (Content Distribution Network) CDN คือจดุ นาจ่ายข้อมูลของผใู้ ห้บริการเว็บไซต์ ในกรณีนี้เราจะพูดถึง CDN ของ Facebook และ Youtube ซ่ึงหน้าที่ของ CDN น้ันก็คือ ช่วยให้รับส่งข้อมูลได้เร็วยิ่งข้ึน ในกรณีของประเทศไทย เราจะใช้ CDN ของ Facebookและ Youtube ท่ีอยู่ประเทศสิงคโปร์เป็นหลัก (การไปรับข้อมูลมาจากสิงคโปร์ จะรวดเร็วกว่าไปรับมาจากประเทศสหรฐั อเมรกิ า เนอื่ งจากระยะทางส้นั กว่ามาก) 5. Consumer (ผู้ชม) คอื คนที่รบั ชม Live ผา่ นอุปกรณต์ ่าง ๆ ไมว่ า่ จะเปน็ มือถือ หรอื Laptop 42สานกั เทคโนโลยีเพื่อการเรียนการสอน สานกั งานคณะกรรมการศกึ ษาขั้นพืน้ ฐาน กระทรวงศึกษาธิการ
เอกสารประกอบการอบรมเชิงปฏบิ ตั กิ ารเรื่องการพัฒนาเทคนคิ การสอน ดว้ ยเทคโนโลยีดิจิทลั ประเภท Live Video อุปกรณก์ าร Live Streaming Video Facebook Live เป็นช่องทางใหม่ที่กาลังมาแรงมากในสังคมออนไลน์ ทาได้ง่าย ๆ เพียงแค่กด Live จากApp Facebook ในมือถือ ลืมการทาถ่ายทอดสดในรูปแบบเก่า ๆ อันแสนยุ่งยากไปได้เลย ใคร ๆ ก็สามารถถ่ายทอดสดไปยังผู้ชมท่ัวโลกได้ทันที เหมือนกับว่าทุกคนมีช่องทีวีเป็นของตัวเอง เพื่อให้ผู้ชมได้อรรถรสในการรับชมที่ดี เรามาดูวิธีทา Facebook Live บน Smart Phone ว่าจะทายังไงเพ่ือท่ีจะให้ผู้ชมทางบ้านรับชมภาพและเสยี งทมี่ ีคณุ ภาพ การถา่ ยทอดสดไหลล่นื ตัง้ แต่ตน้ จนจบจะตอ้ งควบคมุ ปจั จัยอะไรบา้ ง 1. ภาพ สิ่งแรกท่ีเราต้องคานึงถึงในการทา Live Streaming นั่นก็คือ ภาพ เพ่ือให้ได้ภาพที่สวยงามคมชดั จะต้องนาหลักการถ่ายภาพเบ้ืองตน้ มาประยุกต์ใช้ เชน่ การจัดองค์ประกอบภาพ การจัดแสง เปน็ ต้น การทา Facebook live โดยท่ัวไปจะใช้มือถือยกมาถ่ายกันง่าย ๆ ถ้าหากไม่ระวังก็อาจจะทาใหภ้ าพสั่นไหว ทาให้ผู้ชมหงุดหงิดหรือเวียนหัวเอาได้ ถ้ามีขาตั้งมือถือหรือตัวยึดมือถือมายึดมือถือให้มั่นคงก็จะช่วยให้ภาพนิ่งขึ้น ไม่สั่นไหว หรือถ้าหากจะเดินแล้ว Live ไปด้วย ก็ควรจะหา stabilizer สาหรับมือถือ เช่น DJIOSMO Mobile, Steadicam หรือจะเป็น Camera Rigs มาช่วยเสริมในการประคองมือถือให้น่ิง Smoothอยตู่ ลอดเวลาแม้จะยืนเดินหรือวิ่งอยกู่ ็ตาม ภาพ 36 ตัวอยา่ งกลอ้ งท่สี ามารถใช้ในการถ่ายทอดสด 2. เสยี ง เรือ่ งเสียงก็เป็นเรื่องที่สาคัญ รายการท่ีเน้นการพูดคุยกัน ถ้าหากภาพไม่ชัดอาจจะยังไม่ขัดใจเท่าเสียงไม่ดีซึ่งตอ้ งใช้เสยี งเปน็ หลกั ถา้ หากเสียงไมด่ ีไมช่ ดั ขาด ๆ หาย ๆ ก็สร้างความหงุดหงิดให้กับผู้ชมได้ ถ้าเป็นรายการดนตรี ต้องการให้ผู้ชมได้รับฟังรายละเอียดเสียงเครื่องดนตรีท่ีชัดเจนก็จะต้องหาอุปกรณ์เสริม เช่นไมค์โครโฟนมาใช้งานดว้ ย ไมโครโฟนก็มีให้เลือกใช้หลายรูปแบบ ไมค์จากหูฟัง Small Talk เป็นไมค์เสริมท่ีหาง่ายท่ีสุดและประหยัดที่สุด มือถือส่วนมากก็จะแถม Small Talk ท่ีมีไมค์ให้มาในกล่องอยู่แล้ว เสียงท่ีได้จากไมค์ Small Talk เป็นเสียงท่ีเหมาะกับการคุย 43สานกั เทคโนโลยเี พือ่ การเรยี นการสอน สานักงานคณะกรรมการศึกษาขน้ั พืน้ ฐาน กระทรวงศึกษาธกิ าร
เอกสารประกอบการอบรมเชิงปฏบิ ตั ิการเร่ืองการพฒั นาเทคนคิ การสอน ดว้ ยเทคโนโลยีดิจิทลั ประเภท Live Videoโทรศัพท์อาจจะเก็บรายละเอียดเสียงได้ไม่ดีเท่าไมโครโฟนอื่น ๆ แต่ก็ถือว่าสามารถตัดเสียงรบกวนภายนอกได้ดีพอสมควร Lavalier microphone หรือ ไมค์ติดปกเส้ือ เป็นไมโครโฟนเล็ก ๆ ท่ีเหมาะสาหรับการรับเสียงพูด เก็บรายละเอยี ดเสียงพูดได้ชดั เจน ลดเสียงรบกวนรอบข้างได้ดี มีให้เลือกทั้งแบบสายส้ัน ๆ และแบบที่เป็นWireless microphone กจ็ ะมรี าคาทีค่ ่อนข้างสูง Shotgun microphone เป็นไมค์ที่เน้นรับเสียงจากด้านหน้า เหมาะสาหรับการเดินถ่ายเก็บท้งั เสียงบรรยากาศและเสยี งพดู ใกล้ ๆ แต่อาจจะตัดเสยี งรบกวนได้ไมด่ ีเท่าไมค์ Lavalier Stereo Condenser เป็นไมค์ท่ีเน้นเก็บรายละเอียดเสียงรอบข้าง เหมาะกับการเก็บบรรยากาศ การแสดง ดนตรสี ด หรือเหมาะกับการถ่าย Cover เพลงเป็นอย่างมาก ภาพ 37 ตัวอยา่ งไมโครโฟนชนิดต่าง ๆ 3. อินเทอร์เน็ต เพ่ือให้การ Live ไม่ติดขัด ภาพเสียงคมชัด ไม่กระตุก ก่อนจะทา Facebook Live ก็ควรจะทา Speed Test เพื่อตรวจเช็คดูก่อนว่าอินเทอร์เน็ตเพียงพอต่อการ Live หรือไม่ แนะนาว่าควรจะมีค่า Uploadไดข้ น้ั ตา่ ตั้งแต่ 2–5 mbps ขึน้ ไปก็เพยี งพอต่อการ Live กน็ าไปปรับใชไ้ ด้ ภาพ 38 ตวั อยา่ งอุปกรณท์ ่เี กย่ี วข้องกับอินเทอร์เนต็ และความเรว็ เน็ต 44สานักเทคโนโลยีเพื่อการเรยี นการสอน สานกั งานคณะกรรมการศึกษาขน้ั พนื้ ฐาน กระทรวงศึกษาธิการ
เอกสารประกอบการอบรมเชิงปฏบิ ตั ิการเร่ืองการพฒั นาเทคนิคการสอน ดว้ ยเทคโนโลยดี จิ ทิ ัลประเภท Live Video ถ้าหากมีโอกาสได้เฟซบุ๊ก Live คร้ังต่อไป ควรคานึงถึง 3 ข้อท่ีกล่าวมา เพื่อให้ผู้ชมได้อรรถรสในการรับชมอย่างจุใจ ไม่ใช่แค่การทาเฟซบุ๊ก Live เท่าน้ัน ยังสามารถประยุกต์ใช้กับการถ่ายคลิปวิดีโอบน Smartphone ให้ไดค้ ณุ ภาพทด่ี ีได้อีกด้วย นอกจากเร่ืองไมโครโฟนและเว็บแคมแล้ว การ Live ให้ราบร่ืน จาเป็นต้องใช้ความเร็วของอินเทอร์เน็ตที่มีความเสถียร มีค่า Upload สูง ๆ อาจจะใช้ 3G/4G มือถือต่อ Tethering HotSpot กับคอมพิวเตอร์ หรือใช้ Wi-Fiจากอนิ เทอร์เน็ตบ้าน ร้านกาแฟ ทดสอบความเร็วก่อนทาการ Live เพราะผู้ชมอาจจะหงุดหงิดถ้าอินเทอร์เน็ตกระตุกเสียงขาด ๆ หาย ๆ ความเร็วไมต่ า่ กว่า 3 Mbps แต่ถ้าเปน็ 10 Mbps ข้นึ ไปจะดีมากเลย ตอนนี้ 4G หรือ Wi-Fi บ้านก็เร็ว ค่า Upload 10-50 Mbps สบาย ๆ ยิ่งถ้าใช้โปรเน็ตมือถือ 4 Mbpsใช้ไดเ้ ลย แตอ่ ย่าให้ความเร็วต่ากวา่ นี้ ถ้าอยู่บ้านหรือที่ทางาน ต่อสาย LAN ได้ก็ต่อเลย เพราะใช้คอม Live เราไม่ต้องเครื่องไปไหนอยแู่ ล้ว เน็ตแรง เสถยี รและไม่ลดทอนความเร็ว เพราะ Wi-Fi อาจถกู รบกวนคลน่ื ได้ ส่วนขาต้ัง จาเป็นมากครับ อย่างเราไปงานแถลงข่าว ถ้าเป็นโต๊ะ เราอยากจะวางให้กล้องนิ่ง ๆใช้ Live ถา่ ยทอดสดได้ หรืออกี ทีกเ็ อาไม้เซลฟ่ี ที่ฐานมเี กลียวให้ใส่ขาต้ัง กต็ ง้ั กลอ้ งถา่ ยทอดสดได้เช่นกัน ภาพ 39 ตวั อยา่ งขาตง้ั แบบต่าง ๆ 4. แหล่งกาเนิดแสง การ Live หากมีความรู้เรื่องแสงเบ้ืองต้นจะทาให้สามารถประยุกต์ใช้กับการทางานในสถานการณต์ า่ ง ๆ ได้ และงานท่ีออกมาจะสวยงามมากขึ้น โดยเฉพาะงานถ่ายภาพและวิดีโอบุคคล โดยสิ่งหลักที่ต้องคานึงเสมอในการจัดแสง คือ “มิติ” ในท่ีนี้หมายถึงความมีมิติของภาพ เพราะปกตินั้นตาของมนุษย์จะมองภาพเป็น 3 มิติ แต่เมื่อเราถ่ายภาพผลงานที่ออกมาจะอยู่ในรูปแบบ 2 มิติ ถ้าหากขาดแสงเงาที่ดีจะทาให้ภาพไร้มิติหรือท่ีเรียกกันสั้น ๆ ว่า “ภาพแบน” ดังน้ันการคานึงถึงแสงเงาท่ีเกิดข้ึน หรือการจัดไฟให้เกิดแสงเงาท่ีดี จะทาให้งานท่ีออกมามมี ิติ น่าสนใจ “ความโดดเด่น” หมายถึง การดูทิศทางของแสงหรือจัดแสงเพ่ือให้ตัวแบบโดดเด่นออกมาจากฉากหลัง เพราะจะทาให้คนท่ดี ูงานเข้าใจไดง้ ่ายขึ้นวา่ เราต้องการถ่ายเน้นไปที่ใด Light Source แหล่งกาเนดิ แสงสาหรับการถ่ายภาพ กล้องถ่ายรูปจะไร้ความหมายทันทีหากปราศจากแสง เพราะว่ากล้องต้องใช้แสงในการสร้างเป็นภาพถ่ายข้ึนมา เปรียบเทียบกันง่าย ๆ ก็เหมือนกับดวงตาของคนเรา ท่ีต้องพึ่งพาแสงสว่างสาหรับการมองเห็น แสงมีทั้งแสงที่เกิดขึ้นเองตามธรรมชาติ และแสงท่ีเกิดข้ึนจากอุปกรณ์ที่คนสร้างขึ้น ถึงแม้จะมีแหล่งกาเนิดแสงมากมาย แตม่ ีเพียงไมก่ ่ีชนิดท่ีเก่ียวข้องกับการถ่ายภาพ 45สานกั เทคโนโลยีเพอ่ื การเรียนการสอน สานักงานคณะกรรมการศกึ ษาข้ันพน้ื ฐาน กระทรวงศกึ ษาธิการ
เอกสารประกอบการอบรมเชิงปฏิบตั กิ ารเรื่องการพฒั นาเทคนิคการสอน ด้วยเทคโนโลยดี จิ ิทลั ประเภท Live Video แสงจากธรรมชาติ (Natural Light) แสงจากธรรมชาติก็คือแสงที่มีอยู่ตามธรรมชาติอยู่แล้ว ท่ีสาคัญท่ีสุดก็คือ แสงของดวงอาทิตย์ ทันทีทีดวงอาทิตย์เร่ิมทางานตอนเช้า ก็จะทาให้เกิดสภาพแสงแบบต่าง ๆ ตามมามากมาย เช่น แสงจากท้องฟูา ซ่ึงก็คือแสงที่ผ่านกลุ่มก้อนเมฆหรือช้ันบรรยากาศเข้ามา ทาให้แสงเกิดการกระจายเป็นวงกว้าง แสงดวงอาทติ ยท์ ี่สอ่ งผา่ นหน้าต่างหรือประตูเข้ามา ก็เรียกว่า Window Light หรือแสงจากริมหน้าต่าง แสงดวงอาทิตย์ท่ีส่องไปโดนอาคารหรือส่ิงของต่าง ๆ ก็จะมีการสะท้อนแสงกลับออกมา แสงท่ีสะท้อนกลับออกมา ก็เรียกว่าReflect Light แสงจากธรรมชาติมีข้อดีคือคุณสามารถใช้ได้ฟรี แต่ก็มีข้อเสียตรงท่ีคุณไม่สามารถไปควบคุมทิศทางหรือกาหนดเวลาการเกิดแสงได้ การใช้แสงธรรมชาติสาหรับถ่ายภาพ จึงต้องเข้าใจธรรมชาติช่วงเวลาไหนแสงมีทิศทาง มีความสว่างมากน้อยอย่างไร ฤดูกาลก็มีส่วนสาคัญ หน้าฝนเจอมรสุม มีฝนมีเมฆมืดคร้ึมทง้ั วนั แสงแดดไม่เล็ดลอดมาได้ แสงจากจากหลอดไฟ ท่ีถูกนามาใช้เป็นแสงสว่างในการถ่ายภาพก็จะมี หลอดไฟแบบทังสเตน และหลอดแบบฟลูออเรสเซนต์ และยังมีหลอดแบบ LED ซึ่งเป็นหลอดชนิดใหม่ ท่ีเริ่มนามาผลิตเป็นไฟสาหรับถ่ายวิดีโอหรือภาพนิ่งกันบ้างแล้ว ลักษณะของแสงท่ีได้จากหลอดไฟเหล่านี้ แสงสว่างจะเกิดขึ้นตลอดเวลาท่ีเปิดไฟท้ิงเอาไว้จึงเรยี กว่า Continuous Light ข้อดี ของแสงจากหลอดไฟเหล่านี้คือ ราคาไม่แพง มีแสงสว่างเกิดขึ้นตลอดเวลาทาให้ง่ายในการจัดแสง เพราะสามารถเห็นทิศทางของแสงที่เกิดข้ึน ส่วนข้อเสียก็ข้ึนอยู่กับชนิดของหลอดไฟท่ีใช้เช่น ไฟทังสเตนก็จะมีแสงท่ีออกมาเป็นสีส้มและมีความร้อน เกิดขึ้นเมื่อใช้งานนาน ๆ ส่วนแสงจากไฟฟลูออเรส-เซนต์ก็จะมีปัญหาเร่ืองความสว่างที่ค่อนข้างน้อย การทาให้สีของภาพออกมาเป็นโทนสีเขียวหรือฟูา อย่างไรก็ตามไฟฟลูออเรสเซนต์ก็มีแบบท่ีทาขึ้นมาสาหรับใช้ถ่ายภาพโดยเฉพาะ เช่น ไฟถ่ายสินค้า หรือไฟถ่าย ภาพแฟช่ัน(ในบ้านเราอาจไม่มีนาเข้ามา) แฟลชและไฟสตูดโิ อ ทงั้ แฟลชและไฟสตูดโิ อ เป็นแหล่งกาเนิดแสงที่ถูกสร้างขึ้นมาเพ่ือใช้กับการถ่ายภาพโดยเฉพาะ ลักษณะของแฟลชหรือไฟสตูดิโอ จะมีหลอดไฟท่ีจะทาให้เกิดแสงสว่างข้ึนมาแค่ช่วงสั้น ๆ คือ สว่างแวบขึ้นมาแล้วก็หายไป ซ่ึงหากจะเรียกให้ถูกต้องก็ต้องเรียก อุปกรณ์เหล่าน้ีว่า Flash เพราะลักษณะของแสงสว่างที่เกิดขึ้น จะสว่างแวบขึ้นมาแล้วก็ดับไป และไม่ว่าจะเป็นแฟลชตัวเล็ก ๆ ที่ติดอยู่บนกล้องหรือตัวใหญ่ท่ีแยกออกจากกล้อง ต่างก็มีเทคโนโลยีการทางานเหมือนกัน เน่ืองจากแสงจากแฟลชหรือไฟสตูดิโอ ที่สว่างแวบขึ้นมาเพียงชว่ งสน้ั ๆ อปุ กรณเ์ หล่านจี้ ึงมชี อ่ื เรียกอีกอยา่ งวา่ Strobe Light อย่างไรก็ตามไฟสตูดิโอ ไม่ได้มีเพียงเฉพาะแบบ Strobe เท่านั้น ยังมีไฟท่ีใช้หลอดฟลูออเรสเซนต์ ไฟทังสเตน และไฟแบบ HMI อีก การเรียกว่า ไฟสตูดิโอ จึงเป็นการเรียกตามลักษณะการใช้งานโดยส่วนใหญใ่ ช้ในสตดู ิโอถา่ ยภาพ สว่ นประเภทของไฟที่ใช้ก็แตกต่างกันออกไป และการใช้งานก็ไม่ได้จากัดอยู่เพียง 46สานกั เทคโนโลยเี พอ่ื การเรียนการสอน สานักงานคณะกรรมการศกึ ษาขน้ั พื้นฐาน กระทรวงศึกษาธกิ าร
Search