Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore 2.งานนำเสนอ บทที่ 8 Reproduction 2565

2.งานนำเสนอ บทที่ 8 Reproduction 2565

Published by กชพรรณ บุญกัน, 2022-08-27 10:57:23

Description: 2.งานนำเสนอ บทที่ 8 Reproduction 2565

Search

Read the Text Version

52 วฏั จกั รชีวติ แบบสลับของพชื ดอก (เอม็ บริโอ) (เมลด็ ) (ไซโกต) (อบั เรณ)ู (รงั ไข)่ (ปฏิสนธิ) (ไมโอซสิ ) (สปอร)์ (ไมโทซสิ ) (ละอองเรณ)ู (สเปรม์ิ ) (ไมโทซิส) (ไมโครสปอร)์ (เซลล์ไข)่ (เมกะสปอร)์

53 Alternation of Generation หรือ Diplohaplontic life cycle คือ ประกอบด้วยช่วงชีวิตท0ีเ่ ปน็ >> สปอโรไฟต์ (sporophyte)ทาหน้าทสี่ รา้ ง สปอร์(spore) สลับกบั ชว่ งชวี ติ ท่ีเปน็ ..แกมีโทไฟต์ (gametophyte) ทาหน้าท่ีสรา้ งแกมีต (gamete) ไดแ้ ก่ เซลลส์ ืบพนั ธ์ุเพศผู้หรือสเปิรม์ (sperm) และเซลลส์ ืบพันธเ์ุ พศเมยี หรอื ไข่ (egg)

54 การสรา้ งไมโครสปอร์ เกดิ ข้ึนท่ีอบั เรณภู ายในมอี ับไมโครสปอรม์ ีเนอื้ เย่อื พเิ ศษท่แี บง่ เซลลไ์ ดเ้ นอ้ื เยือ่ สองชัน้ ซ่งึ เนื้อเยอื่ ชน้ั หน่งึ จะพฒั นาเปน็ ไมโครสปอร์มาเทอร์เซลล์ (microspore mother cell) และแบ่งเซลล์แบบไมโอซิสเพื่อสร้างไมโครสปอร์ จานวน 4 กลมุ่ การสร้างไมโครสปอร์ Microspore (n) (Microsporogenesis) Microspore mother cell Microspore Pollen grain Sperm cells ไมโครสปอร์มาเทอรเ์ ซลล์ ไมโครสปอร์ ละอองเรณู (2n) (n) Tube nucleus Antipodals Megaspore mother cell Megaspore แอนตโิ พแดล เมกะสปอร์มาเทอรเ์ ซลล์ เมกะสปอร์ (2n) (n) Central cell Polar nuclei(โพลารน์ วิ คลไี อด์) การสรา้ งเมกะสปอร์ Synergids (ซนิ เนอรจ์ ิด) (Megasporogenesis) Micropyle (ไมโครไพล)์ Egg cell (เซลลไ์ ข่) การสร้างเมกะสปอร์ เกิดขึ้นที่รงั ไข่ภายในมอี อวลุ (ovule) ประกอบด้วยเนื้อเย่ือท่เี รียกวา่ นิวเซลลสั (nucellus) ทถ่ี ูกหุม้ ด้วยผนัง ออวลุ ภายในนิวเซลลัส (nucellus) จะพบเมกะสปอร์มาเทอรเ์ ซลล์ (megaspore mother cell) 1 เซลล์ ทม่ี ีขนาดใหญ่และแบง่ เซลล์แบบ ไมโอซสิ เพื่อสรา้ งเมกะสปอร์ (megaspore)

Microsporangium ภายในอบั เรณู มกี ล่มุ เซลล์ เรยี กวา่ ไมโครสปอร์มาเทอรเ์ ซลล์ 55 Anther 20 m (micro spore mother cell) (2n) Young pollen sac Ragweed pollen grain With microsporocytes (colorized SEM) Microsporocyte Sporophyte ไมโครสปอรม์ าเทอร์เซลล์ (2n) แตล่ ะเซลล์จะแบ่งเซลล์แบบไมโอซสิ (Microspore mother cell) (2n) หลังการแบง่ เซลล์แบบไมโอซสิ จะได้เซลลใ์ หม่ เรยี กวา่ ไมโครสปอร์ (microspore) (n) 4 Microspores Meiosis จานวน 4 ไมโครสปอร์ แต่ละไมโครสปอรจ์ ะแบ่งนวิ เคลียส Pollen grain Gametophyte (n) แบบไมโทซิส 1 ครัง้ ได้ 2 เซลล์ คอื เจเนอเรทฟิ เซลล์ และ ทิวบเ์ ซลล์ Mitosis หลังการแบ่งเซลลจ์ ะไดเ้ รณู (pollen) Generative cell หรอื แกมีโทไฟตเ์ พศผู้ (male gametophyte) Tube cell ซ่ึงเม่อื เรณูแก่เตม็ ท่ี อับเรณูจะแตกออกทาให้เรณกู ระจายออกไป เมือ่ ทิวบเ์ ซลล์ (tube cell) จะงอกหลอดเรณู และเจเนอเรทิฟ เซลล์ (generative cell) จะแบง่ เซลล์แบบไมโทซสิ ได้ เซลลส์ ืบพันธ์ุเพศผู้ 2 เซลล์ (Sperm cells) ในขณะเดียวกันเซลล์ก็จะมีการเปลีย่ นแปลงรูปรา่ งให้มีขน หรอื มหี นาม เรยี กเซลล์เหลา่ นวี้ ่า ละอองเรณู (pollen grain) หรือ Male Gametophyte

56

Mega gametogenesis Embryo sac ออวุล แอนติโพแดล ภายในรงั ไข่มีออวุล และภายในออวุล มเี ซลล์ เรยี กว่า 57 (Female gametophyte) เมกะสปอรม์ าเทอร์เซลล์ (megaspore mother cell)(2n) Megasporangium Meiosis เมกะสปอรม์ าเทอรเ์ ซลล์แบ่งเซลลแ์ บบ ไมโอซสิ ไดเ้ มกะสปอร์ Young ovule Central cell (megaspore) (n) จานวน 4 เซลล์ Megasporocyte Mitosis 3 times (Megaspore mother cell) เมกะสปอรจ์ ะสลายไป 3 เซลล์ เหลือเพียง 1 เซลลท์ ่สี มบูรณ์ทส่ี ดุ ไมโครไพล์ Sporophyte (2n) เมกะสปอรท์ เี่ หลอื 1 เซลล์ จะขยายขนาดแลว้ แบง่ นวิ เคลียสแบบไมโทซิส 3 megaspores สลายไป 7 cells 3 ครง้ั ได้ 8 นิวเคลยี ส และคอ่ ย ๆ สร้างเย่ือห้มุ มาลอ้ มนิวเคลยี ส 8 nucleus เหลอื 1 megaspore 3 เซลล์ แตล่ ะเซลลม์ ี 1 นิวเคลียสอยตู่ รงข้ามกบั รูไมโครไพล์ Gametophyte (n) โพลารน์ วิ คลีไอด์ (micropyle) เรียกวา่ แอนติโพแดล (Antipodals) ซินเนอรจ์ ดิ 3 เซลล์ แตล่ ะเซลล์มี 1 นวิ เคลียสอยู่ดา้ นเดียวกับไมโครไพล์ Antipodals เซลลไ์ ข่ โดย 1 เซลล์ ทาหน้าที่เปน็ เซลล์ไข่ (egg cell) ส่วนอีก 2 Polar nuclei เซลลจ์ ะอยดู่ า้ นข้างของเซลล์ไข่ เรียกวา่ ซนิ เนอร์จิด (synergids) Synergids 2 นวิ เคลียสทีเ่ หลอื อยู่ตรงกลาง เกิดสภาพนวิ เคลยี สคู่ เรยี กว่า โพลาร์นวิ คลไี อ (polar nuclei) Gamete (n) Egg โครงสรา้ งทัง้ หมดนี้ เรยี กว่า ถุงเอ็มบรโิ อ Female gametophyte คอื ถุงเอม็ บริโอ (Embryo sac) (embryo sac) หรือ female gametophyte

58

20 m 59 Anther pollen grain Pollen sac (colorized SEM) Pollen grain ละอองเรณู หรือ Pollen grain ถูกนาพามาโดย Stigma นา้ ลม แมลง สัตว์ มนษุ ย์ ฯลฯ Style Ovary ลอยมาตกทีย่ อดเกสรเพศเมียทีม่ นี า้ หวานเหนียวๆ Embryo sac ทาใหย้ ึดเกาะได้ดี Antipodals หลอดเรณู (Tube nucleus) ของละอองเรณู งอกหลอดแทงลงไปตามกา้ นชเู กสรเพศเมยี Polar nuclei สเปริ์ม (n) ตัวท่สี องเข้าผสมกับ Egg cell โพลาร์นิวคลีไอด์ (n + n) ระหวา่ งน้ัน เจเนอเรทฟี นิวเคลยี ส Synergids ได้ เอนโดสเปร์มิ (3n) (Generative nucleus) อาหารเลี้ยงต้นอ่อน II Sperm cell (n) แบ่งเซลล์ได้ 2 sperm cell I Sperm cell (n) เสิปร์ม เข้าสู่ ถงุ เอม็ บรโิ อ ทางรูไมโครไพล์ สเปรมิ์ (n) ตัวแรกเข้าผสมกบั เซลล์ไข่ (n) ได้ ไซโกต (2n)

60 “ การปฏสิ นธิซ้อน (Double fertilization) ” Stigma Style Ovary II Sperm cell (n) โดยสเปริ ม์ ตวั หน่ึงจะเข้าไปผสมกับเซลล์ไขไ่ ด้เปน็ ไซโกต Embryo sac I Sperm cell (n) (zygote) ซึง่ มโี ครโมโซมจานวน 2 ชุด (2n) แล้วพฒั นาต่อไปเป็น เอม็ บริโอ (Embryo) Sperm cell (n) ส่วนสเปริ ม์ อีกตวั หนง่ึ จะเขา้ ไปผสมกับโพลารน์ วิ คลไี อได้เปน็ เอนโด Antipodal สเปิรม์ (endosperm)ซึ่งมีจานวนโครไมโชม 3 ชุด เรยี กการปฏิสนธิ Polars nuclei แบบน้ีวา่ Synergids พืชดอก จะสืบพันธ(์ุ อ.ึ .) กอ่ นแลว้ ค่อย..โต Egg cell คน จะโตก่อนแล้วค่อย สบื พนั ธ(์ุ อ.ึ .) ภาพแสดงภารปฏิสนธซิ อ้ นของพชื ดอก

61 การถ่ายเรณู (pollination) มี 2 แบบ คอื 1. การถา่ ยเรณูภายในดอกหรอื ตน้ เดยี วกัน 2. การถ่ายเรณูข้ามต้น (cross-pollination) เป็นการ (self-pollination) เป็นการถา่ ยเรณูไปยงั ยอดเกสรเพศเมยี ถ่ายเรณูไปยังยอดเกสรเพศเมียของพืช อีกต้นหน่ึงหลอดเรณู ภายในดอกเดียวกนั หรือคนละดอกแตเ่ ป็นพชื ตน้ เดยี วกนั (pollen tube) จะงอกผ่านยอดเกสรเพศเมียลงไปจนถึงรังไข่และ งอกยาวต่อไปจนถึงออวุล เพื่อให้สเปิร์มเคลื่อนที่เข้าไปในถุง เอ็มบริโอและเกิดการปฏิสนธกิ ารงอกของหลอดเรณูในพืชแต่ละชนิด จะใช้เวลาต่างกัน ซึ่งเกิดจากปัจจัยต่าง ๆ เช่น แสง อุณหภูมิ พนั ธุกรรม ความเป็นกรด-เบส นา้ ตาล

79

การเปล่ยี นแปลงหลงั การปฏิสนธขิ องพชื ดอก 62 - กลีบเลย้ี ง จะเหยี่ วแห้งและหลดุ ไปเป็นสว่ นใหญ่ มพี ชื บางชนิดยังคงมตี ิดอยู่ เชน่ มังคุด พรกิ มะเขือเทศ - กลบี ดอก จะเหยี่ วแห้ง - เกสรตวั ผู้ และร่วงหลุดไป - ยอดเกสรตัวเมยี , ก้านเกสรตัวเมยี - รังไข่ (Ovary) จะเจรญิ ไปเปน็ ผล (fruit) - ผนังรงั ไข่ (Ovary wall) จะเจริญไปเปน็ เปลือกและเน้อื ของผล - ออวลุ (Ovule) จะเจริญไปเป็นเมลด็ (seed) - เยอ่ื หุ้มออวลุ (Integument) จะเจรญิ ไปเปน็ เปลอื กหุ้มเมลด็ (seed coat) - ไข่ (Egg) จะเจรญิ ไปเป็นตน้ ออ่ น (embryo) อยูภ่ ายในเมลด็ - โพลาร์นิวคลโี อ (Polar nuclei) จะเจริญไปเป็นเอนโดสเปริ ์ม (Endosperm) อาหารเลย้ี งต้นอ่อนอยู่ภายในเมล็ด

63 แตม่ ีผลบางชนดิ ทภ่ี ายในผลไม่มีเมล็ด เกดิ เน่อื งจากผลเจรญิ เปลยี่ นแปลงมาจากรังไขท่ ีไ่ ม่ได้ผา่ นการปฏสิ นธิ หรือมกี ารปฏิสนธิเกดิ ข้ึนแตอ่ อวลุ ไมเ่ จรญิ และพฒั นาตอ่ ไปเป็นเมล็ดเรยี ก ผลลม (parthenocarpic fruit) เชน่ กล้วย องนุ่ ไร้เมลด็ ผลบางชนดิ สามารถเจริญจาก ฐานรองดอก เช่น แอปเปิล ฝรั่ง ชมพู่ สาลี่

คาถาม 64 การปฏิสนธิของพืชดอกเกดิ ข้ึนภายใน 1.อ..อ..ว..ุล... ทาให้ Endosperm เกิดไซโกต (Zygote) และเอนโดสเปริ ์มนวิ เคลียส Embryo จากนั้นไซโกตจะแบง่ เซลลเ์ พ่มิ จานวนมากขน้ึ เพื่อพฒั นา เมล็ดและเอม็ บรโิ อ เป็นเอม็ บรโิ อ (Embryo) ตอ่ ไป Vacuole Endosperm ออวุลจะพัฒนาไปเป็น 2.เ.ม..ล..ด็ .... อยู่ภายในผลซึ่งพัฒนามาจาก Endosperm nucleus Embryo รงั ไข่ ผนงั ออวุลจะเปลีย่ นไปเป็นเปลอื ก3เ.ม..ล..ด็.....(.s..e.e..d....c..o..at) Zygote ซึ่งหุ้มล้อมรอบเอนโดสเปิร์มและเอ็มบริโอที่ยู่ภายในเอาไว้ ส่วนเนื้อเย่ือนิวเซลสัสจะหมดไปในระหว่างการพัฒนาของเมล็ด Seed coat เน่อื งจากนวิ เซลลสั จะใหอ้ าหารกบั เซลลอ์ ื่น Endosperm Embryo

38 หลงั การปฏิสนธิ รังไข่จะเจรญิ ไปเป็นผลซึ่งประกอบดว้ ยผนงั ผลและเมลด็ ผนงั ผล (pericarp) เป็นส่วนทเี่ ปลี่ยนแปลมาจากผนังรังไข่ มลี ักษณะตา่ ง ๆ ซึง่ ผนงั ผลประกอบด้วยเน้ือเยอ่ื 3 ช้ัน ดงั นี้ ผนังชน้ั นอก (exocarp) ผนงั ชน้ั ใน (endocarp) เรียกวา่ เปลอื ก ซึง่ มีลักษณะตา่ งกัน แข็งเหมอื นเน้อื ไม้ เชน่ ผิวเรยี บ ผิวมนั ผวิ ขรุขระ หรอื อาจมีหนาม มขี น เรียกอีกอยา่ งว่ากะลามะพรา้ ว ผนังชน้ั กลาง (mesocarp) ผนงั ชั้นกลาง (mesocarp) ผลบางชนิดมผี นงั ชนั้ กลางหนา ออ่ นนุ่ม มีเสน้ ใย บางชนิดบางมาก และบางชนิดเปน็ เน้อื อ่อนน่มุ ซึ่งใชร้ ับประทานได้ ผนงั ชน้ั นอก (exocarp) มลี กั ษณะเปน็ สเี ขียวในผลสด ผนงั ชน้ั ใน (endocarp) ประกอบดว้ ยเน้ือเย่ือชนั้ เดียว หรอื และสนี า้ ตาลในผลแก่ หลายช้นั จนมีลักษณะหนามาก และ บางชนดิ เปน็ เนือ้ น่มุ ซึ่งรับประทานได้

67 เปลือกเมล็ด (seed co0t) เมลด็ มสี ่วนประกอบ (radidle) เอนโดสเปริ ม์ รากแรกเกดิ แรดิเคลิ (Endosperm) ประกอบด้วย ลาต้นแรกเกดิ เอม็ บรโิ อ ยอดแรกเกิด (plumule) (embryo) ใบเลยี้ ง (cotuledons) - เหนือใบเลีย้ ง(เอพคิ อทลิ ) - ใต้ใบเล้ียง(ไฮโพคอทลิ )

65 พฒั นามาจากออวุล โดยพชื ดอกแต่ละชนดิ มลี ักษณะและรปู ร่าง ไฮลัม (hilum) ของเมลด็ ที่แตกต่างกัน ซงึ่ โครงสร้างของเมลด็ ประกอบด้วย 3 ส่วน รอยแผลเป็นเลก็ ๆ ทเ่ี กิดจาก ดังนี้ ก้านออวลุ (Ovule) ท่หี ลดุ ออกไป 1. เปลอื กเมล็ด (Seed coat) 2. เอ็มบริโอ/ตน้ ออ่ น (Embryo) ไมโครไพล์ (micropyle) 3. เอนโดสเปิร์ม (Endosperm) รูเล็ก ๆ ใกล้รอยแผลเปน็ ซึ่งเป็นส่วน แรกท่เี มล็ดเร่ิมงอก แรดิเคิล 1. เปลอื กหุ้มเมลด็ (seed co0t) : เป็นเนื้อเยือ่ 2 ชน้ั (Radicle) จะงอกออกมาทางไมโครไพล์ ช้นั นอกแข็งหนา ชั้นในเป็นเยอื่ บาง ๆ ดา้ นข้างมขี ้วั เมลด็ (hium) เกิดจากสว่ นทห่ี ลดุ ออกจากรงั ไข่ ขา้ ง ๆ มรี ู microphyte เพื่อใหร้ ากแรกเกิดงอกออกมาได้ หนา้ ท่ี : หอ่ หุ้มเมลด็ ปอ้ งกันอันตราย ป้องกันการ สญู เสียนา้ และป้องกนั การผ่านเข้า-ออกของสาร

66 2. เอ็มบริโอ (embryo) : ส่วนที่อยภู่ ายในเมลด็ ท้ังหมด เอพิคอทิล ไฮโพคอทิล เจรญิ เติบโตไปเปน็ ตน้ แรดิเคลิ ใบเล้ียง (cotuledons) : พืชใบเลี้ยงคู่ มีใบเลย้ี ง 2 ใบ หนา อวบ เอาไว้สะสมอาหาร พชื ใบเล้ียงเดยี ว มีใบ ใบเลีย้ ง เล้ยี ง 1 ใบ บาง เล็ก ไมม่ กี ารสะสมอาหาร(มีเอน็ โด เอนโดสเปิร์ม (Endosperm) สเบริ ม์ แทน) เอพคิ อทลิ (Epicotyl) ส่วนเหนือใบเลย้ี ง(epicoty) : เจรญิ ไปเป็นลาต้น ผนงั ผลและเปลอื กเมล็ด ไฮโพคอทลิ (Hypocotyl) ใบเลย้ี ง (Cotyledon) แรดิเคิล (Radicle) ใบ และดอก โคลอี อพไทล์ (Coleoptile) สว่ นใตใ้ บเล้ียง(hypocoty): เจริญไปเป็นสว่ นหนึ่ง (ปลายหมุ้ ยอดแรกเกิด) ของตัน : สว่ นปลายสุดของ epicotyl โคลโี อไรซา (Coleorhiza) ยอดแรกเกิด(plumule) รากแรกเกดิ (radidle) : สว่ นแรกท่ีงอกออกจากเมล็ด เมอ่ื โตเตม็ ทเี่ จริญไปเปน็ รากแกว้

68 Seed coat Epicotyl Radicle Hypocotyl Cotyledons (a) Common garden bean, a eudicot with thick cotyledons ถว่ั (Bean) มไี ฮโพคอทิล (Hypocotyl) มลี กั ษณะเปน็ ลาตน้ ส้ันๆ ใต้ใบเลย้ี ง เมล็ดท่ี เร่ิมงอกจะเห็นลาต้นท่อี ยู่เหนอื ใบเลี้ยง เรียกวา่ เอพิคอทลิ (epicotyl) และที่สว่ นปลายอาจมใี บแท้ เกดิ ขึ้นแลว้

69 Seed coat Endosperm Cotyledons Epicotyl Hypocotyl Radicle Radicle (b) Castor bean, a eudicot with thin cotyledons ละหงุ่ โคนเมล็ดมเี นอ้ื เยื่อคลา้ ยฟองนา้ ซ่งึ เกดิ จากกา้ นออวุล ตาแหนง่ ท่ตี ดิ กบั รงั ไข่ เรยี กวา่ คารังเคิล (caruncle) ทาหน้าท่ดี ดู น้าหรอื ใหน้ ้าผา่ นเข้าไปสเู่ อม็ บรโิ อขณะท่ีเมล็ดงอก

70 Scutellum Pericarp fused (cotyledon) with seed coat Coleoptile Endosperm Coleorhiza Epicotyl Hypocotyl Radicle (c) Maize, a monocot ขา้ วโพด (Corn) มีเนอื้ เยื่อหุ้มยอดแรกเกดิ เรยี กว่า โคลีออพไทล์ (coleoptile) เจริญคลุมปลายยอดของเอม็ บรโิ อและมเี นอื้ เย่อื หมุ้ รากแรกเกิดเรียกวา่ โคลีโอไรซา (coleorhiza)

71 Seed coat Epicotyl Plumule Hypocotyl Radicle Cotyledon Cotyledon Endosperm Radicle ส่วนประกอบของเมลด็ ถั่ว Coleoptile Plumule Coleorhiza Seed coat Endosperm สว่ นประกอบของเมลด็ ขา้ วโพด Cotyledon Hypocotyl Radicle สว่ นประกอบของเมล็ดละหุ่ง

72 ข้อเปรยี บเทยี บ ถั่ว ละหงุ่ ข้าวโพด 1. เป็นส่วนทเี่ ปล่ยี นแปลงมาจาก ออวุล ออวุล ออวุลและรงั ไข่ 2. ส่วนท่ีห่อหุ้ม มีเปลอื กห้มุ เมล็ด มีเปลือกห้มุ เมลด็ มีเปลือกหมุ้ เมล็ดและ 3. เอนโดสเปิรม์ 1 ชน้ั 2 ชั้น เปลือกห้มุ เมล็ด 4. จานวนใบเลยี้ ง ไมม่ ี มี มี 5. บริเวณที่สะสมอาหาร 2 ใบ 2 ใบ 1 ใบ ใบเลย้ี ง เอนโดสเปิร์ม เอนโดสเปิรม์

73 อาหาร สารอินทรยี ท์ ส่ี ะสมในผลหรือเมล็ดถกู นามาใชเ้ ป็นอาหารของมนษุ ย์ เชน่ คารโ์ บไฮเดรต เน้อื ผลไม้ท่ีนามารบั ประทานนน้ั เปน็ สว่ นของผนงั ผล ซึ่งช้ันของผนงั ผลทรี่ ับประทานไดน้ ั้นขึ้นกับชนดิ ของพืช ในผลมเี นื้อที่ผนงั ผลชนั้ กลางและ/หรอื ชั้นในเป็นเนือ้ ออ่ นนุ่มรบั ประทานได้**เช่น มะละกอ กีวี และมะมว่ ง รับประทาน เฉพาะผนังผลชั้นกลาง ไมร่ บั ประทานผนังผลช้นั นอกซึ่งเปน็ เปลอื ก***หรอื ผลทรี่ ับประทานผนงั ผลท้งั 3 ชั้น เช่น มะเฟือง แตงกวา และมะเขอื

74 ผลบางชนดิ มเี น้อื ท่ีไมไ่ ด้เปน็ ผนงั ผล แต่เป็นเนอื้ ทเ่ี กิดจากสว่ นของเมลด็ หุ้มอยู่รอบนอกของเมล็ด เรยี กวา่ เยอ่ื ห้มุ เมลด็ (aril) ซึ่งเป็นส่วนทร่ี บั ประทานได้ อย่างไรก็ตามจะมีความแตกต่างของเยื่อหมุ้ เมลด็ กลา่ วคือในผลบาง ชนดิ ส่วนเยอื่ หุม้ เมลด็ ที่แยกออกจากเมลด็ ไดง้ า่ ย เน่อื งจากเย่ือหมุ้ เมล็ดเจรญิ มาจากสว่ นก้านเมลด็ (funiculus) เช่น ลาไย ลนิ้ จี่ และทเุ รียน แตใ่ นผลบางชนิดสว่ นเยือ่ หุ้มเมล็ดท่ตี ดิ กบั เปลอื กเมล็ดแยกออกจากกันไมไ่ ด้ เน่ืองจากเยอื่ หุ้ม เมลด็ เจริญมาจากเปลือกเมล็ด เชน่ เงาะ มงั คุด กระท้อน และลางสาด

75 มนษุ ยน์ าเมลด็ มาใชเ้ ป็นอาหาร โดยเมล็ดพชื ท่สี ะสมแป้งอาจจะนามารับประทาน ท้งั เมล็ด เชน่ ขา้ วเจ้าและข้าวเหนยี ว หรอื อาจนาเมลด็ ไปบดให้ละเอียดจนกลายเป็นแปง้ เชน่ แป้งสาลีใช้ใน การทาขนมปงั สว่ นเมล็ดพชื ทส่ี ะสมลิพิดไว้จะนามาสกดั เพือ่ ผลติ น้ามนั เช่น น้ามันถ่ัวเหลอื ง น้ามนั มะพร้าว

76 ผลและเมลด็ พืชบางชนดิ ทีม่ ีกลน่ิ สามารถนามาใชเ้ ปน็ เคร่ืองเทศได้ กลิน่ นน้ั เกดิ จากน้ามันหอมระเหย รวมท้ังสารอื่นๆ ท่ีพชื สรา้ งขึน้ ทาใหพ้ ชื แตล่ ะชนิดมีกล่นิ เฉพาะตวั นยิ มทาให้แหง้ เพ่อื ใชป้ รุงอาหาร เช่น ผลโป๊ยก๊ักใชท้ าพะโล้ เมลด็ พรกิ ไทยใชป้ รุงอาหาร และเมล็ดจนั ทนเ์ ทศ นอกจากนี้ผลของพชื บางชนิดทีผ่ นงั ผลชั้นนอกจะมตี อ่ มน้ามนั ท่มี นี ้ามันหอมระเหย เชน่ มะกรูดและ มะนาว ซงึ่ นามาใชป้ รงุ อาหารรวมทั้งสามารถนามาสกัดน้ามันหอมระเหยเพ่อื ใช้ประโยชนด์ ้านอ่นื ๆ ได้

77 เมลด็ พชื บางชนิดมีส่วนที่เป็นเส้นใยเซลลูโลส เช่น เสน้ ใยฝ้ายทีเ่ ปน็ ส่วนของเมลด็ ท่ีอย่ภู ายในผล ซึง่ เส้นใยน้ีมี ลกั ษณะแบนค่อนข้างตนั และมผี นังเซลล์หนา เสน้ ใยเกาะพันกนั ทาใหม้ คี วามเหนียวและแข็งแรง นิยมนาไปป่นั เป็นเสน้ ด้าย เพอื่ ใช้ทอผ้า **สว่ นเสน้ ใยของนนุ่ นนั้ มลี กั ษณะสั้นเซลลส์ ัน้ ไมเ่ หนียว ไม่สามารถนามาป่ันเป็นเสน้ ยาวได้ ไมส่ ามารถ นามาใช้ทาสิ่งทอได้ จึงนาไปใช้ประโยชน์ดา้ นอน่ื เช่น ใส่ในหมอนหรอื ท่ีนอน ผลฝา้ ย ผลน่นุ และหมอนนุ่น เสน้ ใยฝา้ ยและผา้ ฝา้ ย

78 อาหาร เช่นผลไม้ตา่ งๆ เครื่องเทศปรุงอาหาร เช่น เมล็ดพรกิ ไทย เมลด็ จันทร์เทศ เส้นใย เชน่ ฝ้าย นุ่น ผลติ แป้ง จาก เมลด็ พชื เช่น ข้าวเจา้ ข้าวโพด ข้าวสาลี ผลติ น้ามัน เชน่ เมล็ดงา เมล็ดถว่ั เหลือง เมล็ดทานตะวัน

79

80

81

82


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook