Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore 2.งานนำเสนอ บทที่ 8 Reproduction 2565

2.งานนำเสนอ บทที่ 8 Reproduction 2565

Published by กชพรรณ บุญกัน, 2022-08-27 10:57:23

Description: 2.งานนำเสนอ บทที่ 8 Reproduction 2565

Search

Read the Text Version

ตามหลักสตู รแกนกลางการศกึ ษาข้ันพื้นฐาน พทุ ธศกั ราช 2551 (ฉบับปรับปรงุ พุทธศกั ราช 2560)

1. อธบิ ายวัฏจักรชีวติ แบบสลบั ของพืชดอก 2. อธิบายและเปรียบเทยี บกระบวนการสรา้ งเซลล์สืบพนั ธ์เุ พศผ้แู ละเพศเมียของพชื ดอก 3. อธิบายการเกิดเมลด็ และการเกดิ ผลของพชื ดอกโครงสรา้ งของเมลด็ และผล และยกตัวอย่างการใชป้ ระโยชน์จากโครงสร้างตา่ งๆของเมลด็ และผลการปฏสิ นธิของพืชดอก

2 ขอ้ ตกลงในช้นั เรยี น 1. รักษาความสะอาดในห้องเรียนทาเวรทุกครั้งหลังเลิกเรียน 2. มมี ารยาทในชน้ั เรยี น (งดพดู คยุ ขณะครสู อน) 3. เม่ือครพู ูดนักเรยี นฟัง เมือ่ ครถู ามนักเรยี นตอบ การมสี ่วนรว่ มในช้นั เรียน 4. หา้ มเลน่ โทรศัพทใ์ นห้องเรยี นขณะครูสอน (หากพบจะยึดโทรศพั ท)์ 5. ยกมือถามเมื่อมขี อ้ สงสยั หรือเพอื่ ตอบคาถาม 6. ใหส้ ง่ สมดุ ทกุ ครัง้ ทา้ ยคาบเรยี น หรือเม่อื ครูเรียกเก็บ

3 ว 30243 ชีววทิ ยา 3 จานวน 1.0 หน่วยกติ 2 ชม/สปั ดาห์ 40 ชว่ั โมง/ภาคเรยี น เนื้อหา บทท่ี 1 : การสบื พนั ธขุ์ องพชื ดอก บทท่ี 2 : โครงสรา้ งและการเจรญิ เตบิ โตของพชื บทท่ี 3 : การลาเลยี งของพชื บทที่ 4 : การสงั เคราะหด์ ว้ ยแสง บทท่ี 5 : การควบคมุ การเจรญิ เตบิ โตและตอบสนองของพชื

4 เนือ้ หาสาระ : การสืบพนั ธขุ์ องพชื ดอก หนว่ ยการเรยี นรทู้ ่ี 1 : โครงสรา้ งของดอกและชนดิ ของผล หนว่ ยการเรยี นรทู้ ี่ 2 : วฏั จกั รชวี ติ แบบสลบั ของพชื ดอก หน่วยการเรียนรทู้ ่ี 3 : การสบื พนั ธแ์ุ บบอาศยั เพศของพชื ดอก หน่วยการเรยี นรทู้ ่ี 4 : การใชป้ ระโยชนจ์ ากโครงสรา้ งตา่ งๆ ของผลและเมลด็ : สรปุ เนอื้ หาภายในบท : แบบฝกึ หดั ทา้ ยบทที่ 8

หนงั สือเรยี นชวี วทิ ยาเลม่ 3 5 ผลการเรยี นรู้ 1. อธบิ ายวฏั จักรชีวติ แบบสลับของพืชดอก 2. อธิบายและเปรยี บเทยี บกระบวนการ สร้างเซลล์สืบพนั ธุ์เพศผ้แู ละเพศเมียของพชื ดอกและอธิบายการปฏสิ นธขิ องพืชดอก 3. อธิบายการเกิดเมล็ดและการเกดิ ผลของ พชื ดอก โครงสร้างของเมลด็ และผล และ ยกตวั อย่าง 4. การใช้ประโยชนจ์ ากโครงสร้างต่างๆ ของเมลด็ และผล

6 เกณฑก์ ารวัดผลและประเมนิ ผล ♥การวดั ผลประเมนิ ผล ♥ วิธีการเกบ็ คะแนน *อตั ราสว่ นคะแนนระหวา่ งภาคและปลายภาค 70 : 30 *คะแนนระหวา่ งภาค 40 คะแนน แบง่ เปน็ - ใบงาน /เอกสารประกอบการสอน 5 คะแนน - ทดสอบยอ่ ย / เด่ยี ว 20 คะแนน - นาเสนอกลมุ่ / เดีย่ ว 5 คะแนน - Lap / จัดทาสอ่ื 10 คะแนน * (ประเมนิ สมดุ & พฤตกิ รรม) 10 คะแนน แบง่ เปน็ - ตรวจนบั ลายเซน็ 5 คะแนน – การเขา้ เรยี น 5 คะแนน *คะแนนสอบกลางภาค 20 คะแนน (ไมส่ อบตดิ ร) *คะแนนสอบปลายภาค 30 คะแนน (ไมส่ อบตดิ ร) ♥ การตดิ 0 คะแนนรวมไมถ่ งึ 50 คะแนน ♥ การตดิ ร ไมส่ อบกลางภาค/ปลายภาค(คาแนนรวมไมถ่ งึ 50+ส่งสมดุ ในวนั สอบปลายภาค) ♥ การตดิ มส ห้ามขาดเกนิ 8 ช่ัวโมง (4 ครง้ั ) (ขาดเกนิ 20% ของเวลาเรยี นทงั้ หมด)

7 ตรวจสอบความรกู้ อ่ นเรยี น ให้นกั เรยี นใสเ่ ครอื่ งหมาย / หรอื ผิด x หนา้ ขอ้ ความตามความเขา้ ใจของนกั เรยี น 1. ดอกโดยทวั่ ไปประกอบดว้ ยกลบี เลย้ี ง กลบี ดอก เกสรเพศ ผู้ และเกสรเพศเมยี 2. ดอกแตล่ ะชนดิ อาจมสี ว่ นประกอบตา่ งๆ แตกตา่ งกนั 3. พืชดอกสามารถสบื พนั ธแ์ุ บบอาศยั เพศได้ 4. ถา้ เกสรเพศผแู้ ละเกสรเพศเมยี อยตู่ า่ งดอกหรอื ตา่ งตน้ กนั จาเปน็ ตอ้ งมพี าหะชว่ ยในการถา่ ยเรณู 5. ในการถา่ ยเรณแู ตล่ ะครงั้ จะมเี รณจู านวนมากตกลงบนยอด เกสรเพศเมยี 6. การปฏสิ นธใิ นพชื ดอกเปน็ การปฏสิ นธคิ ู่ 7. หลังการปฏสิ นธขิ องพชื ดอก รังไขจ่ ะพฒั นาไปเปน็ ผลและ ออวลุ จะพฒั นาไปเปน็ เมลด็ 8. ดอกทกุ ดอกจะพฒั นาไปเปน็ ผลเสมอ 9. เมลด็ ของพชื ดอกอาจมหี รอื ไมม่ ผี ลหอ่ หมุ้ 10.แหลง่ อาหารสาหรบั เอม็ บรโิ อ คอื ใบเลยี้ งและเนอ้ื ของผล

8

9

10



11



13

14

15

16

17

18

19

20

21

ดอกสมบรู ณ์เพศ ดอกเพศผู้ 22 (Perfect flower) (Staminate) Stamen ภาพแสดงโครงสรา้ งดอก Pistil ดอกเพศเมยี แตล่ ะชนดิ จาแนกตาม (Pistillate) องค์ประกอบของดอก Petal Sepal ดอกไมส่ มบรู ณเ์ พศ (Imperfect flower) ดอกสมบรู ณเ์ พศ (Perfect flower) ดอกสมบรู ณ์ (Complete flower)

23 

24

25 

26

27 

28 

29 

30 

31

32

ดอกย่อยวงนอก 33 ยอดเกสรเพศเมีย เกสรเพศผู้ ดอกยอ่ ยวงใน ใบประดบั กลบี ดอก ฐานดอกร่วม รังไข่ ก้านชอ่ ดอก ดอกยอ่ ยวงนอก ดอกยอ่ ยวงใน ก. ดอกเด่ยี ว (Solitary flower) ข. ดอกช่อ (Inflorescence flower)

34 Superior Ovary Half-Inferior Ovary Inferior Ovary (Hypogynous flower) (Perigynous flower) (Epigynous flower) เม่อื พิจารณาจากตาแหน่งของรงั ไข่เทยี บกับตาแหน่งของวงกลบี สามารถจาแนกประเภทของดอกไม้ ดังน้ี 1) ดอกที่มีรังไขอ่ ย่เู หนอื วงกลบี (Hypogynous 2) ดอกทมี่ รี ังไขอ่ ยใู่ ต้วงกลบี (Epigenous flower) flower) คอื ดอกทีร่ ังไขต่ ดิ อยูบ่ นฐานดอกในตาแหน่ง คือ ดอกทม่ี ีรังไขต่ ดิ อยบู่ นฐานดอก ในตาแหนง่ ต่ากว่ากลบี สูงกว่าวงกลีบ (Superior ovary) เช่น มะเขอื จาปี เลี้ยง (Inferior ovary) โดยผนังรังไข่จะเชอื่ มติดเป็นเนือ้ บัว มะละกอ พรกิ บานบุรี ยห่ี ุบ เป็นตน้ เดียวกับสว่ นของฐานรองดอกทล่ี ้อมรอบรงั ไขเ่ อาไว้ เช่น ตาลึง ฟักทอง แตงกวา บวบ กลว้ ย ฝรั่ง เป็นตัน

35

36

37

38

รงั ไขข่ องดอกย่อยท่ี 40 ผลอาจแบ่ไดเ้ ปน็ 3 ประเภท ตามกาเนดิ ของผล ลักษณะ เจรญิ ไปเป็นผล Exocarp ดอก และจานวนรังไข่ คือ ผลเดยี่ ว (simple fruit) ผลกลมุ่ Mesocarp (aggregate fruit) และผลรวม (multiple fruit) ดงั นี้ Sarcotesta Endocarp เปน็ ผลท่เี จรญิ มาจากดอก 1 ดอกทมี่ รี งั ไข่ 1 รงั ไข่ (เยอ่ื หมุ้ เมล็ด) จะเป็นดอกเด่ียวหรอื ดอกช่อก็ได้ ผลเด่ยี วทีเ่ กดิ จากดอก Pericarp ผลเด่ียวจากดอกเดี่ยว เช่น ตะขบ ส้ม ทเุ รียน มะเขอื ย่อยของชอ่ ดอก และต้อยติ่ง แต่ถา้ เป็นผลเดย่ี วจากดอกชอ่ รังไขข่ องดอกย่อย แต่ละดอกเมอ่ื เจริญเป็นผลจะเจริญแยกจากกนั เชน่ กระถิน องนุ่ มะมว่ ง และมะพรา้ ว Aril (เย่อื หุ้มเมล็ด)

เป็นผลกลุ่มท่ีเกิดจาก Receptacle 41 ดอกเด่ยี วหลายรงั ไข่ (ฐานรองดอก) เป็นผลที่เกิดมาจากดอก 1 ดอกท่ีมีจานวน Fruitlet เกสรเพศเมยี มากกว่า 1 อัน อยู่บนฐานดอกเดียวกนั จงึ มีรงั ไขม่ ากกวา่ 1 รงั ไข่ เม่ือแตล่ ะรังไข่เจรญิ เปน็ ผลกลมุ่ ท่ีเกดิ จากดอก (ผลย่อย) ผลยอ่ ย 1 ผล ทาให้แต่ละผลตดิ อยู่บนฐานดอก เดยี วกัน เดีย่ วทม่ี หี ลายรงั ไข่ Receptacle (ฐานรองดอก) ผลย่อยอาจแยกจากกนั เช่น จาปี จาปา การเวก และกระดงั งา หรือผลย่อยอาจเช่อื มติดกัน คลา้ ยผลเดีย่ วเชน่ นอ้ ยหนา่ บัวหลวง และสตรอเบอร่ี Fruitlet (ผลย่อย)

ดอกย่อยเจรญิ เบียดกันทาใหผ้ นงั รงั ไขเ่ จริญไป 42 เปน็ เนื้อผลที่เช่ือมกันคล้ายเปน็ ผลเดยี ว Fruitlet (ผลย่อย) เป็นผลทีเ่ กดิ มาจากดอกชอ่ ซ่ึงมีดอกยอ่ ยจานวนมากและ อยเู่ บียดชิดตดิ กินในช่อดอกเดยี วกัน และรังไข่ของดอกยอ่ ย แต่ละดอกเจรญิ ไปเปน็ ผลย่อยทีอ่ ยเู่ บียดกันบนแกนของดอก จนดูคลา้ ยเปน็ หน่งึ ผล เช่น หมอ่ น สาเก ขนุน สับปะรด เป็นต้น ดอกยอ่ ยเจรญิ เบยี ดกันทาให้ผนงั รงั ไข่เจริญไป Rachis (แกนกลางช่อดอก) สบั ปะรด เป็นเนือ้ ผลทเี่ ชอื่ มกันคลา้ ยเป็นผลเดียว Fruitlet (ผลย่อย) ขนุน มะเด่ือ ยอ Rachis Perianth (แกนกลางช่อดอก) (วงกลบี รวม)

43

44 พืชดอกแตล่ ะชนดิ มีจานวนรังไขท่ ่แี ตกต่างกัน ทาให้สามารถแบง่ ลกั ษณะการเกิดผลออกเปน็ 3 ประเภท 1.ตผอลบเดคี่ยาถวาม • เมอ่ื เกสรเพศเมยี ของแตล่ ะดอกยอ่ ย (แต่ละดอกย่อยจะมีเพยี ง 1 รังไข่) หรือ 1 ดอก 1 รังไข่ ได้รบั การผสมจะเจรญิ เปน็ ผลเดีย่ วอสิ ระ เชน่ ถ่วั ลนั เตา มะม่วง ตะขบ ส้ม ลาไย 3.ผตลอบกคลาุ่มถาม • เมอ่ื ดอก 1 ดอกทีม่ เี กสรเพศเมียมากกว่า 1 อนั ได้รับการผสมจะเจริญ 2.ตผอลบรความถาม เปน็ ผลกลมุ่ ตดิ อยบู่ นฐานรองดอกเดยี วกัน ซ่ึงแตล่ ะผลอาจเบียดชิดแนน่ กนั อย่บู นฐานดอกเดยี วกนั ทาใหด้ คู ล้ายเปน็ 1 ผล เชน่ น้อยหนา่ สตรอวเ์ บอร์รี ราสเบอรร์ ี • เมอื่ ดอกย่อยแต่ละดอกได้รับการผสมจะเจรญิ เปน็ ผล ขณะทเี่ จรญิ เปน็ ผล รังไข่ของดอกย่อยอาจเชอ่ื มเป็นเน้อื เดียวกนั ทาใหม้ องดคู ล้ายเป็น 1 ผล เช่น สบั ปะรด ยอ ขนุน หมอ่ น สาเก

45 สม้ สตอเบอรี่ ขนนุ

46 ผลทเ่ี กิดจากดอกช่อ (หลายดอก รงั ไข่ของดอกย่อย หลายรังไขร่ ังไข่เช่ือมหลอมรวมกนั ) รังไขเ่ หล่านี้ กลายเปน็ ผลยอ่ ยทเ่ี ชอื่ มต่อแลว้ รวมกันแนน่ เหมอื นเป็นผลเดีย่ ว เชน่ ขนุน สาเก สบั ปะรด มะเดือ่ หม่อน สน ลกู ยอ บีท เปน็ ต้น สบั ปะรด

47  

48 ผล ราสเบอรร์ ี

51 - เปน็ พชื ท่มี ีววิ ฒั นาการสงู สุดในอาณาจกั รพชื Shoot Flower - พืชมดี อกในปัจจบุ นั มีจานวนมากกว่า 200,000 สปีชีส์ Auxiliary bud Leaves - คาดว่าพืชดอกเร่ิมปรากฏในโลกเมอื่ ประมาณ 135 ลา้ นปีมาแลว้ - ดอกเปน็ โครงสร้างทเ่ี ปลย่ี นแปลงมาจากกง่ิ และใบของพชื มกี ารสบื พนั ธุ์ แบบ การสืบพันธ์แุ บบอาศัยเพศ การสบื พันธแุ์ บบไมอ่ าศยั เพศ พืชทกุ ชนิดสร้าง spore ได้ แต่มเี พยี งพชื ดอกเท่าน้ัน Stem ทสี่ รา้ ง spore ในดอก โดยสปอร์ที่สร้างได้มี 2 แบบ ไดแ้ ก่ - Microspore (ไมโครสปอร์) Root (จะเจรญิ ไปเปน็ เซลลส์ บื พนั ธ์ุเพศผู้) ภาพแสดงโครงสรา้ งของพืชดอก - Megaspore (เมกะสปอร์) (จะเจรญิ ไปเป็นเซลล์สบื พนั ธเ์ุ พศเมยี )


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook