Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore โรค-แมลงศัตรูไม้ดอกไม้ประดับ และการป้องกันกำจัด

โรค-แมลงศัตรูไม้ดอกไม้ประดับ และการป้องกันกำจัด

Description: โรค-แมลงศัตรูไม้ดอกไม้ประดับ และการป้องกันกำจัด.

Search

Read the Text Version

สารบัญ หนา้ หนา้ หนา้ 43 กล้วยไม้ ดาวเรือง 25 มะลิ 45 โรคเนา่ ด�ำหรอื โรคเน่าเขา้ ไสก้ ล้วยไม้ 1 โรคดอกเน่าดาวเรือง โรครากเนา่ มะลิ 47 โรคใบจดุ ด�ำกลว้ ยไม้ 3 โรคใบจุดดาวเรอื ง 27 หนอนเจาะดอกมะลิ 49 โรคใบป้นื เหลืองกล้วยไม้ 5 หนอนกระทหู้ อมเจาะดอกดาวเรอื ง 29 51 โรคราด�ำกล้วยไม้ 7 หนอนเจาะสมอฝา้ ยดาวเรือง 31 เยอบรี า่ 53 บว่ั กลว้ ยไม้ 9 แมลงวันหนอนชอนใบดาวเรอื ง 33 โรคดอกสีเขียวเยอบีร่า 55 เพลี้ยไฟกล้วยไม้ 11 บัว เพลย้ี ไฟเยอบีร่า เพลยี้ หอยกล้วยไม้ 13 โรคใบจุดบวั 35 กุหลาบ เบญจมาศ ลีลาวดี โรคใบจดุ ดำ� กหุ ลาบ 15 โรคดอกเน่าเบญจมาศ 37 โรคราสนมิ ลลี าวดี โรคราแป้งกหุ ลาบ 17 โรคราสนมิ เบญจมาศ 39 เพลยี้ แป้งลีลาวดี โรคราสนมิ กุหลาบ 19 ปทมุ มา หนา้ ววั โรคเนา่ ดำ� หน้าวัว เพลย้ี ไฟกุหลาบ 21 โรคราจดุ สนิมปทมุ มา 41 แมลงหว่ีขาวกหุ ลาบ 23

โรคเน่าด�ำหรือโรคเน่าเขา้ ไส้กลว้ ยไม้ เช้ือสาเหตุ โคนเนา่ ดำ� เปน็ แผลยาว แผลขยายลกุ ลาม เชือ้ รา Phytophthora palmivora 1โรค-แมลงศตั รูไมด้ อกไมป้ ระดับ และการปอ้ งกนั ก�ำจัด ลักษณะอาการ กรมส่งเสริมการเกษตร ที่โคนต้นแสดงอาการเน่าดำ� เป็นแผลยาว ใบบางส่วน เป็นสีเหลืองและร่วง โรคน้ีพบมากในช่วงที่อากาศเย็น มีความช้ืนสูง ถ้าเป็นบริเวณรากจะเป็นแผลสีด�ำเน่าแห้ง ยุบตัวแห้ง หรือเนา่ ดำ� ในท่สี ุด 1. อาการเริ่มแรกจะเกิดท่ีบริเวณยอด ลักษณะจะ เป็นจุดใส มีน�้ำสีเหลืองอยู่ภายใน และเปล่ียนเป็นสีน�้ำตาล และด�ำในท่ีสุด แผลจะขยายลุกลามอย่างรวดเร็ว และ แพร่กระจายไปยงั ต้นอน่ื ท่อี ย่ใู กล้เคียง

2. เช้ือสาเหตุจะเข้าท�ำลายยอดลงมาหรือบริเวณโคนต้น เม่ือดมดูจะได้กล่ินเปร้ียว คล้ายกล่ินน้�ำส้มสายชู ใบจะเหลืองและเน่าด�ำหลุดจากต้นได้ง่ายหรือใบเร่ิมเหี่ยวย่น อย่าง เหน็ ไดช้ ดั การป้องกนั และกำ� จดั 1. ปรับสภาพโรงเรอื นให้โปร่ง ไม่ควรปลูกกล้วยไมแ้ น่นเกนิ ไป 2. ใช้ต้นพนั ธุห์ รอื ส่วนขยายพันธท์ุ ่สี ะอาด ปราศจากโรค 3. ตรวจและท�ำความสะอาดโรงเรือนสม�่ำเสมอ เม่ือพบโรคระบาดให้รีบน�ำออกจากโรงเรือน กำ� จดั โดยการเผาท�ำลายทันที 4. ชว่ งฤดูฝนควรทำ� หลงั คาพลาสติก และงดใหน้ ้ำ� ในช่วงเย็น 5. เมื่อพบการระบาดของโรคควรใช้สารป้องกันก�ำจัดโรคพืช เช่น ฟอสฟอรัส เอซิด หรือ เมทาแลกซลิ หรือฟอสอที ลิ อะลมู ิเนยี ม 2โรค-แมลงศัตรูไมด้ อกไม้ประดับ และการปอ้ งกนั ก�ำจัด กรมส่งเสรมิ การเกษตร

โรคใบจดุ ดำ� กล้วยไม้ เช้อื สาเหตุ แผลเป็นจุดกลมเขม้ สีดำ� ลักษณะอาการ เชอ้ื รา Phyllostictina psriformis 3โรค-แมลงศตั รไู ม้ดอกไม้ประดบั และการปอ้ งกนั กำ� จัด ลักษณะอาการ กรมส่งเสริมการเกษตร พบมากในกล้วยไม้สกุลแวนด้า และสกุลหวาย ถ้าโรคนี้เกิดในกล้วยไม้สกุลแวนด้าแผลเป็นรูปยาวรี คล้ายกระสวย ถ้าเป็นมากแผลอาจรวมกันเป็นแผ่น บริเวณตรงกลางแผลมีตุ่มนูนสีน�้ำตาลด�ำ เม่ือลูบดู จะรู้สึกสากมือ ต่อมาตุ่มนูนนี้จะแตกออกมีสปอร์ จ�ำนวนมาก ระบาดในช่วงฤดูฝนถึงฤดูหนาวแต่ถ้า โรคนี้เกิดกับกล้วยไม้สกุลหวาย แผลเป็นจุดกลม

สีน�้ำตาลเข้มหรือด�ำ ขอบแผลสีน้�ำตาลอ่อน ขนาดแผลมีได้ตั้งแต่เท่าปลายเข็มหมุดจนถึง ขนาดใหญ่ประมาณ 1 เซนติเมตร บางคร้ังแผลจะบุ๋มลึกลงไป หรืออาจนูนขึ้นมาเล็กน้อย หรือเป็นสะเก็ดสีด�ำ เกิดได้ท้ังด้านบนใบ และหลังใบ บางทีอาจมีลักษณะแตกต่างออกไป เล็กน้อย คือ บนใบจะมีอาการเป็นจุดกลมสีเหลืองบางจุดมีสีด�ำตรงกลาง แล้วขยายเป็น จดุ กลมดำ� ท้งั หมด ระบาดได้ตลอดปี การป้องกันและกำ� จดั 1. หมน่ั สำ� รวจโรงเรอื น หากพบการระบาดใหเ้ กบ็ ใบมาเผาท�ำลาย 2. หากเกิดการระบาดรุนแรง พ่นด้วยสารป้องกันก�ำจัดโรคพืช ได้แก่ คาร์เบนดาซิม หรอื โคลโรทาโลนิล หรอื แมนโคแซบ 4โรค-แมลงศตั รไู มด้ อกไม้ประดบั และการปอ้ งกันกำ� จัด กรมส่งเสริมการเกษตร

โรคใบปืน้ เหลืองกลว้ ยไม้ เชอ้ื สาเหตุ ใบเกดิ วงแผลสีเหลือง เกิดในชว่ งอากาศมีความช้ืน เช้อื รา Pseudocercospora dendrobii 5โรค-แมลงศัตรูไมด้ อกไม้ประดบั และการปอ้ งกันก�ำจัด ลักษณะอาการ กรมสง่ เสรมิ การเกษตร ส่วนมากจะเกิดกับใบกล้วยไม้ที่อยู่บริเวณโคนต้น ก่อน โดยใบจะเป็นจุดกลมสีเหลือง ถ้าเป็นปริมาณ มากๆ จะขยายติดต่อกันเป็นปื้นสีเหลืองตามแนวยาว ของใบ ถ้าพลิกด้านใบจะพบกลุ่มผงสีด�ำข้ึนอยู่ และ ใบจะเปล่ียนเป็นสีน้�ำตาล พร้อมทั้งหลุดร่วงจากต้น ทำ� ให้ต้นกลว้ ยไม้ท้งิ ใบหมด

การป้องกันและกำ� จดั 1. เก็บรวบรวมใบที่เป็นโรค โดยเฉพาะใต้โต๊ะกล้วยไม้ควรเผาท�ำลายเพ่ือเป็นการ กำ� จัดเชื้อ และลดปรมิ าณของเชอ้ื ให้เหลอื น้อยท่ีสดุ 2. พน่ ดว้ ยสารป้องกนั กำ� จดั โรคพชื ดังนี้ ✤ ประเภทดดู ซึม ในกลุ่มคาร์เบนดาซิม หรอื เบนโนมลิ ✤ ประเภทสัมผัส ในกลุ่มแมนโคเซบ + คาร์เบนดาซิม โดยพ่นสารให้ถูกกับ เน้อื ใต้ผิวใบซ่ึงมสี ปอร์ของเชอ้ื ใหม้ ากท่สี ุด 6โรค-แมลงศัตรูไม้ดอกไม้ประดับ และการปอ้ งกนั กำ� จดั กรมส่งเสริมการเกษตร

โรคราดำ� กลว้ ยไม้ เชอื้ สาเหตุ ลกั ษณะอาการ ชะงักการเจริญเติบโต เช้ือรา Cladosporium sp. 7โรค-แมลงศตั รูไม้ดอกไมป้ ระดับ และการปอ้ งกนั กำ� จัด ลักษณะอาการ กรมสง่ เสรมิ การเกษตร บริเวณใบและล�ำลูกกล้วยไม้จะปกคลุมด้วยผง สีด�ำๆ ของเส้นใยและสปอร์ของเช้ือรา มองดูคล้าย ผงเขม่าเกาะติดบนส่วนผิวของกล้วยไม้ ท�ำให้กล้วยไม้ สกปรก ซีดเหลือง ชะงักการเจริญเติบโต เกิดการ แคระแกรน ขนาดของดอก จ�ำนวนดอก และช่อดอก ลดลงได้ เนื่องจากพ้ืนที่สังเคราะห์แสง หรือปรุงอาหาร นอ้ ยลง มกั จะเกิดในชว่ งปลายฤดฝู นเข้าฤดูหนาว

การป้องกนั และกำ� จดั 1. แยกหรอื ท�ำลายตน้ กลว้ ยไม้ หรอื ส่วนที่เปน็ โรค 2. ก�ำจัดแมลงท่ีขับถ่ายน�้ำหวานมาเลี้ยงเช้ือราด�ำ ได้แก่ แมลงพวกเพล้ียโดยพ่น สารกำ� จัดแมลง มาลาไธออน และคาร์บารลิ 3. พ่นด้วยสารป้องกันกำ� จดั เชอ้ื รา แมนโคเซบ และเบนโนมิล บรเิ วณทีเ่ ปน็ โรค 8โรค-แมลงศตั รไู มด้ อกไม้ประดบั และการป้องกนั ก�ำจดั กรมส่งเสริมการเกษตร

บ่ัวกลว้ ยไม้ ดอกตมู ถูกท�ำลาย ลกั ษณะการท�ำลาย ชอื่ วทิ ยาศาสตร์ 9โรค-แมลงศตั รไู ม้ดอกไมป้ ระดับ และการป้องกันก�ำจดั Contarinia sp. กรมส่งเสริมการเกษตร รูปร่างลกั ษณะ บั่วกล้วยไม้เป็นแมลงวันชนิดหนึ่ง ตัวเต็มวัย มีล�ำตัวสีด�ำ มีปีก 1 คู่สีขาวใส ตัวเต็มวัยจะวางไข่ ในเน้ือเยื่อของก้านช่อดอก หนอนท่ีฟักออกมามี ลักษณะสีขาว รูปร่างค่อนข้างแบน หนอนโตเต็มท่ี มีสีเหลืองขนาดประมาณ 2 มิลลิเมตร ระยะหนอน ประมาณ 15-20 วัน เข้าดักแด้ในบริเวณดอก ดักแด้ มีสีนำ้� ตาล ระยะดกั แด้ 7-14 วัน

ลกั ษณะการทำ� ลาย บ่ัวกล้วยไม้เป็นศัตรูตัวฉกาจของกล้วยไม้ตัดดอก หรือที่ชาวสวนกล้วยไม้เรียกว่า “ไอ้ฮวบ” หรือ “แมลงวนั ดอกกลว้ ยไม”้ ตวั หนอนจะกดั กินกลบี ดอกด้านในใกล้บริเวณเกสร ท�ำให้เกิดอาการผิดปกติ ดอกตูมชะงักการเจริญเติบโต บิดเบี้ยวหงิกงอ ต่อมาจะมีอาการ เน่าเหลือง ฉ่�ำน�้ำและหลุดร่วง อาการเริ่มแรกจะเห็นไม่ชัดเจน โดยบริเวณเดือยจะเปลี่ยน จากสีเขียวกลายเป็นสีขาว ซ่ึงอาการดังกล่าวน้ีจะเกิดขึ้นเร็วมาก หากเป็นมากดอกตูมก็จะ เกิดการหลุดร่วงหมดจนเหลอื แต่กา้ น การป้องกันและก�ำจดั หมั่นตรวจดูกลว้ ยไมใ้ นแปลงปลกู หากพบการแพรร่ ะบาดใหร้ ีบตดั ท�ำลายท้ิง ควรระวงั หนอนในดอกตูมเน่ืองจากตัวหนอนจะดีดตัวออกเพื่อหลบเลี่ยงการท�ำลาย และควรใช้ สารก�ำจัดแมลงที่มีประสิทธิภาพต่อบ่ัวกล้วยไม้ ได้แก่ อิมิดาโคลพริด หรืออะเซททามิพริด หรือคารโ์ บซัลแฟน 10โรค-แมลงศตั รไู มด้ อกไมป้ ระดับ และการปอ้ งกนั ก�ำจัด กรมส่งเสรมิ การเกษตร

เพลีย้ ไฟกล้วยไม้ ชอ่ื วทิ ยาศาสตร์ เพลย้ี ไฟกลว้ ยไม้ การทำ� ลายชอ่ ดอกออ่ น Thrips palmi 11โรค-แมลงศตั รไู มด้ อกไมป้ ระดับ และการปอ้ งกนั ก�ำจัด รปู ร่างลกั ษณะ กรมสง่ เสริมการเกษตร เป็นแมลงปากดูดท่ีมีขนาดเล็กมาก มีความยาว ประมาณ 0.5 – 2 มิลลิเมตร รปู ร่างเรียว ระยะตัวอ่อน ไม่มีปีก มีสีเหลืองอ่อนหรือสีน้�ำตาลอ่อน หรือสีด�ำ ตัวเต็มวัยมีปีก แคบยาว มักจะพบเห็นตัวอ่อนเกาะ บนกล้วยไม้ เพลี้ยไฟมีการเคลื่อนไหวรวดเร็วมาก ถ้าไม่สังเกตจะมองไม่เห็นตัว ต้องใช้แว่นขยายส่อง จึงเห็นชัดเจน

ลกั ษณะการทำ� ลาย เพล้ียไฟเป็นศัตรูตัวส�ำคัญของกล้วยไม้ โดยเฉพาะวงการกล้วยไม้ตัดดอก จัดเป็น แมลงปากดูดขนาดเล็ก วางไข่ไว้ในเน้ือเย่ือโดยเฉพาะดอกกล้วยไม้ เม่ือเกิดเป็น ตัวอ่อนก็จะเริ่มท�ำลายดอก หรือส่วนอื่นท่ีวางไข่ไว้ ตัวอ่อนจะมีขนาดเล็กสีออกเหลือง เคล่ือนที่ไวมาก ชอบอยู่ตามซอกกลีบดอกท่ีซ้อนทับกัน ระบาดหนักหลังฤดูฝน สังเกต อาการด่างตามขอบกลีบดอก เน่ืองจากถูกตัวอ่อนดูด เพล้ียไฟเข้าท�ำลายท่ีช่อดอกอ่อน โดยดูดกินน้�ำเล้ียงจนท�ำให้ดอกแห้งฝ่อ พบระบาดในกล้วยไม้ประเภทหวาย แอสโค และช้าง การปอ้ งกันและกำ� จัด พ่นด้วยสารก�ำจัดแมลง อิมิดาโคลพริด หรืออะเซททามิพริด หรือฟิโปรนิล หรือ ไซเพอรเ์ มทรนิ โฟซาโลน หรอื ใชส้ ารชวี ภาพ ได้แก่ สะเดา และน�ำ้ สม้ ควันไม้ 12โรค-แมลงศัตรไู ม้ดอกไมป้ ระดบั และการป้องกนั ก�ำจัด กรมส่งเสริมการเกษตร

เพล้ยี หอยกลว้ ยไม้ ชอ่ื วิทยาศาสตร์ เพล้ียหอยดดู กินน�้ำเลยี้ ง ลกั ษณะการท�ำลาย Tenuipalpus pacificus Baker 13โรค-แมลงศัตรูไมด้ อกไมป้ ระดบั และการป้องกนั กำ� จัด รปู รา่ งลักษณะ กรมส่งเสริมการเกษตร ตัวเมียจะวางไข่ได้หลายร้อยฟองแล้วแต่ชนิดไข่ อาจจะวางใต้เกราะหรือวางภายนอก มีลักษณะเป็นกลุ่มสีขาว อยู่ใต้ใบ ตัวเมียวางไข่ได้โดยไม่ต้องผสมพันธุ์ ดังน้ัน ตัวผู้จึง มีน้อยหรือในเพล้ียหอยบางชนิดยังไม่พบตัวผู้ ตัวผู้มีอายุส้ัน และตายหลังจากมีการผสมพันธุ์ ตัวอ่อนเมื่อฟักออกจากไข่ ที่อยู่ในท้องของตัวเมียจะเดินไปยังแหล่งอาหารเพื่อเกาะดูด น้�ำเล้ียงพืช เพล้ียหอยชนิดมีเกราะหุ้มจะไม่มีขาและหนวด ส่วนพวกท่ีไมม่ ีเกราะตวั เมยี จะเดินไดแ้ ตช่ า้ มาก

ลักษณะการท�ำลาย เพลีย้ หอยดดู กินนำ้� เลย้ี งตามใบกลว้ ยไม้ ทำ� ใหก้ ลว้ ยไมม้ ลี กั ษณะเป็นจุด การป้องกนั และก�ำจดั 1. กอ่ นน�ำพืชจากทอี่ ืน่ เขา้ มาปลกู ในสวน ควรตรวจดไู มใ่ ห้มีเพลย้ี หอยติดไป 2. หม่ันส�ำรวจตรวจแปลงโดยเฉพาะในสวน ถ้าพบเพลี้ยหอยให้แยกออกมาท�ำลาย หรือถา้ เปน็ มากๆ กค็ วรเผาทำ� ลายทง้ิ 3. ใช้สารก�ำจัดมดเพ่ือไม่ให้มีการเคลื่อนย้ายของเพล้ียหอย เช่น สารพวกคาร์บาริล หรอื ไดอะซินอน พน่ หรือราดตามรงั มด 4. ถ้าพบการระบาดไม่มากนัก ให้รูดเพล้ียหอยออกจากพืชแล้วท�ำลาย จากนั้น พ่นสารก�ำจัดแมลง หรือถ้ามีการระบาดท�ำลายค่อนข้างมากให้ใช้ มาลาไธออน หรอื คลอไพริฟอส พน่ ให้ท่วั 14โรค-แมลงศัตรไู มด้ อกไมป้ ระดับ และการปอ้ งกนั ก�ำจัด กรมส่งเสรมิ การเกษตร

โรคใบจุดด�ำกุหลาบ เช้ือสาเหตุ ใบกหุ ลาบเป็นจุดด�ำ ใบจะเปลยี่ นเปน็ สีเหลือง เชื้อรา Diplocapon rosae 15โรค-แมลงศัตรูไมด้ อกไม้ประดับ และการปอ้ งกนั กำ� จัด ลักษณะอาการ กรมสง่ เสริมการเกษตร ใบกุหลาบท่ีเกิดโรคจะเป็นจุดด�ำบริเวณผิว ด้านบนใบ ขนาดจุดประมาณ ¼ นิ้ว ในแต่ละจุดจะ เห็นเส้นใยเป็นขุย ต้นกุหลาบจะชะงักการเจริญเติบโต สปอร์ของราที่อยู่บนใบแก่ท่ีร่วงตามพื้นดิน หรือที่อยู่ ตามงามกงิ่ จะปลวิ ไปติดใบทไ่ี ม่มโี รค เม่อื ได้รบั ความชื้น ติดต่อกันประมาณ 6-8 ช่ัวโมง สปอร์จะงอกเข้าไป

ในต้น หลังจากนัน้ ประมาณ 1 สัปดาห์ อาการ ก็จะปรากฏข้ึน โรคน้ีเกิดได้ตลอดทั้งปีแต่ จะรุนแรงมากในช่วงฤดูฝน หรือฤดูหนาว ที่มนี ้�ำคา้ งมาก การป้องกนั และก�ำจดั ก�ำจัดใบหรือต้นที่เป็นโรคโดยน�ำไป เผาทิ้ง หลีกเล่ียงการรดน้�ำท่ีท�ำให้ต้นและ ใบเปียก เนื่องจากใบที่เปียกจะท�ำให้เช้ือรา เจริญได้ดี ควรพ่นสารป้องกันก�ำจัดเชื้อราท่ีใบ และตน้ เพอ่ื เป็นการป้องกนั กอ่ นเกิดโรค 16โรค-แมลงศตั รไู มด้ อกไม้ประดับ และการปอ้ งกันก�ำจัด กรมสง่ เสริมการเกษตร

โรคราแปง้ กุหลาบ เชื้อสาเหตุ โรคราแป้งกหุ ลาบ อาการเกดิ จากเช้ือรา เชอื้ รา Oidium sp. 17โรค-แมลงศตั รูไม้ดอกไมป้ ระดับ และการป้องกันกำ� จัด ลกั ษณะอาการ กรมสง่ เสรมิ การเกษตร ระยะแรก เกิดแผลจุดสีแดงบนผิวบนของใบ ต่อมาบริเวณดังกล่าวพบกลุ่มเส้นใยและสปอร์ของ เช้ือราลักษณะคล้ายผงแป้งเกิดข้ึนเป็นหย่อมๆ ผงแป้ง ขยายวงออก และกระจายไป อาการรุนแรงพบผงแป้ง บนก้านใบ กิ่ง ดอก ก้านดอก ใบอ่อน กลีบดอก และ ล�ำต้น ท�ำให้ใบบิดเบี้ยวเสียรูปใบเหลือง แล้วเปล่ียน เป็นสีน�้ำตาล แห้ง กรอบ และใบร่วง ถ้าเป็นท่ีดอกตูม

ดอกจะไม่บาน โรคน้ีระบาดรุนแรงในช่วงที่อุณหภูมิค่อนข้างต่�ำ โดยเฉพาะฤดูหนาวที่มี นำ้� คา้ งตกบนใบมากในชว่ งเช้า การป้องกนั และก�ำจดั ก�ำจัดใบที่เกิดโรครวมทั้งใบท่ีร่วงตามพ้ืนดินท้ิง พ่นด้วยสารป้องกันก�ำจัดโรคพืช เช่น เบโนมิล หรือไดโนแคป ไพราโวฟอส หรือก�ำมะถันผง ส�ำหรับก�ำมะถันผงควรพ่น ในช่วงเช้าหรือเยน็ ไม่ควรใชใ้ นวนั ท่ีอากาศรอ้ นจัดจะท�ำให้ใบไหม้ 18โรค-แมลงศัตรูไม้ดอกไมป้ ระดับ และการป้องกนั กำ� จัด กรมสง่ เสริมการเกษตร

โรคราสนิมกุหลาบ เช้ือสาเหต ุ อาการของโรคราสนิมกหุ ลาบ ใต้ใบคลา้ ยมีผงสีส้มเกาะอยู่ เชื้อรา Coleosporium sp. 19โรค-แมลงศตั รไู ม้ดอกไมป้ ระดับ และการปอ้ งกันก�ำจัด ลกั ษณะอาการ กรมสง่ เสริมการเกษตร ต้นท่ีเป็นโรค บริเวณใต้ใบจะพบผงสีส้ม คล้ายสีสนิม ส่วนด้านบนใบจะเกิดจุดสีเหลืองหรือ สีน�้ำตาลข้ึน อาการของโรคมักเกิดท่ีใบแก่ และ สามารถแพร่กระจายได้ดีในสภาพอากาศชื้น โดยเฉพาะ ในชว่ งฤดูฝน

เกดิ กับใบแก่ การปอ้ งกนั และก�ำจดั เด็ดใบท่ีเกิดโรครวมทั้งเก็บใบที่ร่วงตามพื้นดินออกไปท�ำลายท้ิงด้วย หลีกเลี่ยง การรดน�้ำท่ีใบเพราะเชื้อราจะแพร่กระจายได้ดีในใบท่ีเปียก หากจ�ำเป็นอาจพ่นด้วย สารป้องกันกำ� จัดโรคพชื ท่มี สี ่วนประกอบของก�ำมะถนั 20โรค-แมลงศัตรไู ม้ดอกไมป้ ระดบั และการป้องกันก�ำจัด กรมส่งเสริมการเกษตร

เพลี้ยไฟกหุ ลาบ ชือ่ วิทยาศาสตร์ ลกั ษณะการท�ำลาย ตวั อ่อนและตวั แกเ่ พลีย้ ไฟกหุ ลาบ เพล้ยี ไฟกุหลาบมี 2 ชนิด Scirtothrips dorsalis, Thrips coloratus 21โรค-แมลงศัตรไู มด้ อกไม้ประดับ และการปอ้ งกันกำ� จัด กรมส่งเสรมิ การเกษตร รูปรา่ งลักษณะ เพลยี้ ไฟเปน็ แมลงขนาดเล็กมากประมาณ 2 มิลลเิ มตร ตวั ออ่ นและตัวเต็มวัยมลี ักษณะคล้ายกัน ตัวเต็มวยั มสี นี ำ้� ตาล หรือสีน้�ำตาลด�ำ มีทั้งชนิดปีกและไม่มีปีก ชนิดที่มีปีกจะ มีปีก 2 คู่ลักษณะคล้ายขนนก ตัวอ่อนมีสีครีมเหลือง หรือ เหลืองอ่อน ท้ังตัวอ่อนและตัวเต็มวัยเคล่ือนไหวได้รวดเร็วมาก เม่ือถูกรบกวนมักซ่อนตัว หรือกระโดด โดยการบินหนีไป อย่างรวดเรว็

ลักษณะการทำ� ลาย เพลี้ยไฟกุหลาบท้ังตัวอ่อนและตัวเต็มวัย จะดูดกินน้�ำเลี้ยงตามส่วนอ่อนของพืช เช่น ยอดอ่อน ตาดอก ท�ำให้ดอกมสี ซี ดี เปน็ ทางขาวๆ หรอื มสี นี ำ้� ตาลด�ำ และเห่ยี วแหง้ ใบหงิกงอเป็นคล่ืน มรี อยสีนำ�้ ตาลดำ� และแห้งตาย หรือดอกและใบบิดเบ้ียวเสียรูปทรง ดอกไม่บานตามปกติ ท�ำให้เสียคุณภาพ ขายไม่ได้ราคา มักระบาดรุนแรงมากในฤดูร้อนช่วงท่ีมีอากาศแห้งแล้ง แพร่กระจายโดยลมและส่วนมากจะเคลื่อนไหว ในเวลากลางวัน ช่วงเวลา 08.00 - 12.00 น. การปอ้ งกันและก�ำจดั 1. ใชก้ ับดกั กาวเหนยี ว เพื่อเป็นการพยากรณ์การแพรร่ ะบาด และลดปริมาณเพลีย้ ไฟ 2. หากเริ่มพบดอกที่ถกู ท�ำลายให้เด็ดดอกทีเ่ สียหายทิ้ง 3. ใช้สารก�ำจัดแมลง เช่น คาร์บาริล เอ็นโดซัลแฟน มาลาไธออน เมทธิโอคาร์บ คาร์โบซัลแฟน อะบาเมคทิน เบนฟูราคาร์บ ฟิโพรบิล เป็นต้น โดยการใช้สารก�ำจัดแมลงให้พิจารณาถึงปริมาณ เพล้ียไฟว่ามีความรุนแรงขนาดไหน หลังพ่นแล้วให้ตรวจสอบดูอีกครั้งว่าจะปริมาณลดลงหรือไม่ ตลอดจนพืชอาศยั บริเวณใกลเ้ คียงซึง่ เป็นแหลง่ สะสมดว้ ย 22โรค-แมลงศตั รไู ม้ดอกไมป้ ระดับ และการปอ้ งกันกำ� จดั กรมส่งเสรมิ การเกษตร

แมลงหวขี่ าวกุหลาบ ช่ือวทิ ยาศาสตร์ ไขแ่ ละตวั ออ่ นของแมลงหว่ีขาว แมลงหวีข่ าวเกาะดอก Bemisia tabaci 23โรค-แมลงศัตรูไมด้ อกไมป้ ระดบั และการปอ้ งกนั ก�ำจัด รูปรา่ งลักษณะ กรมส่งเสรมิ การเกษตร แมลงหวี่ขาววางไข่เป็นกลุ่มใต้ใบพืช ก้านไข่ จะติดอยู่กับเนื้อเยื่อของพืช รูปร่างยาวรีสีเหลืองอ่อน ไข่มีขนาด 0.1 - 1.3 มลิ ลเิ มตร ตัวอ่อนมีลกั ษณะแบน ราบติดกับผิวใบ ลอกคราบ 3 คร้ัง ระยะตัวอ่อน 11 - 18 วนั ดกั แดม้ ขี นาด 0.6 - 0.8 มลิ ลิเมตร ระยะ ดักแด้ 5 - 7 วัน ตัวเต็มวัยจะออกจากดักแด้ตรง รอยแตกที่ส่วนอก เพศเมียวางไข่ได้สูงสุดมากกว่า

100 ฟอง ตัวเต็มวัย มีอายุ 2 - 11 วัน การสืบพันธุ์จะออกเป็นตัวโดยไม่มีการผสมพันธุ์ (pathanogenesis) ลกั ษณะการท�ำลาย ตัวอ่อนและตัวเต็มวัยจะดูดน�้ำเล้ียงส่วนมากบริเวณใต้ใบ พบมากในเขตร้อน แต่พบ ทง้ั ในเขตกึ่งรอ้ นและเขตอบอุ่นเช่นกัน การป้องกันและก�ำจัด 1. หมั่นส�ำรวจแปลงและท�ำความสะอาดแปลงอยา่ งสมำ่� เสมอ 2. หากพบการระบาดใช้สารกำ� จัดแมลงประเภทดูดซึม เชน่ อมิ ิดาคลอพรดิ คาร์โบวัลแพน เปน็ ตน้ 24โรค-แมลงศัตรไู มด้ อกไม้ประดับ และการปอ้ งกันกำ� จัด กรมส่งเสริมการเกษตร

โรคดอกเนา่ ดาวเรือง เชือ้ สาเหตุ ดอกเนา่ เกดิ จากเชื้อรา ดอกตูมเน่าเปน็ สีน้�ำตาล เช้ือรา Colletotrichum sp. 25โรค-แมลงศัตรไู มด้ อกไม้ประดบั และการป้องกนั ก�ำจัด ลักษณะอาการ กรมส่งเสรมิ การเกษตร ดอกที่เกิดโรคเน่าเป็นสีน้�ำตาล หากเกิดในระยะ ท่ีดอกก�ำลังเริ่มเป็นดอกตูมจะท�ำให้ดอกไม่สามารถ บานได้ แต่ถ้าเช้ือเข้าท�ำลายในระยะท่ีดอกบานแล้ว กลีบดอกจะมีสีน�้ำตาลด�ำ เช้ือสาเหตุเข้าท�ำลายจากดอก ลามสู่ล�ำต้น มักระบาดในช่วงฤดูฝนและในสภาพอากาศ ทมี่ คี วามชนื้ สงู

การป้องกนั และกำ� จดั 1. หากพบอาการของโรคในแปลงปลูกให้รีบท�ำลาย เพ่ือป้องกันการระบาดไปยัง ตน้ อนื่ ๆ 2. ให้ระมัดระวังการให้น�้ำ อย่าชุ่มมากจนเกินไป โดยเฉพาะในฤดูฝน หรือในช่วง ท่ีมีอากาศรอ้ น 3. สารป้องกันก�ำจัดโรคพืชท่ีแนะน�ำ ได้แก่ คลอโรธาโลนิล ไซเนบ คาร์เบนดาซิม อย่างใดอย่างหนึ่ง อัตราตามค�ำแนะน�ำในฉลาก ช่วงท่ีเหมาะต่อการพ่น คือ ชว่ งเชา้ กอ่ นเวลา 08.00 น. เพอ่ื หลกี เลยี่ งอากาศรอ้ น 26โรค-แมลงศัตรูไม้ดอกไมป้ ระดบั และการปอ้ งกนั กำ� จดั กรมสง่ เสรมิ การเกษตร

โรคใบจุดดาวเรอื ง เช้อื สาเหตุ โรคใบจุดดาวเรอื ง แสดงอาการใบจุด เชอื้ รา Alternaria sp. 27โรค-แมลงศตั รูไมด้ อกไมป้ ระดบั และการปอ้ งกนั ก�ำจัด ลกั ษณะอาการ กรมส่งเสริมการเกษตร ใบของดาวเรืองเป็นจุดค่อนข้างกลมภายนอก จุดสีม่วงเข้ม ภายในจุดสีน�้ำตาลอ่อน หากระบาดมาก จะท�ำให้พืชสังเคราะห์แสงได้น้อยลงส่งผลให้ต้นโทรม อย่างรวดเร็ว ท�ำให้ดอกเจริญเติบโตไม่สมบูรณ์ และ พบว่าเชื้อสาเหตุ สามารถเข้าท�ำลายส่วนของล�ำต้นได้ อีกด้วย โดยลักษณะอาการจะคล้ายกับท่ีเกิดในใบ คือ เป็นจดุ ภายนอกคอ่ นข้างกลมภายในจดุ สีน�ำ้ ตาลออ่ น

การป้องกนั และกำ� จดั ควรบ�ำรุงรักษาต้นดาวเรืองให้มีความแข็งแรงอยู่สม่�ำเสมอ เมื่อพบอาการของโรค ให้รีบตัดแต่งส่วนของใบดาวเรืองที่เป็นโรคออกจากแปลงปลูก แล้วน�ำไปเผาท�ำลาย และ ควรท�ำความสะอาดแปลงอยูเ่ สมอ เพอื่ ไม่ให้เปน็ แหลง่ สะสมโรค สำ� หรบั การใช้สารป้องกนั ก�ำจัดโรคพชื ได้แก่ คลอโรทาโลนิล แมนโคเซบ ไทโอฟาเนต ไอโพไดโอน ไดฟโี นโคนาโซล เป็นตน้ 28โรค-แมลงศัตรูไมด้ อกไม้ประดับ และการปอ้ งกนั กำ� จดั กรมส่งเสรมิ การเกษตร

หนอนกระทหู้ อมเจาะดอกดาวเรอื ง ชอื่ วิทยาศาสตร์ หนอนกระทหู้ อม การทำ� ลายดอก Spodoptera exigua 29โรค-แมลงศตั รูไม้ดอกไมป้ ระดับ และการปอ้ งกันกำ� จัด รูปรา่ งลกั ษณะ กรมสง่ เสริมการเกษตร ตัวเต็มวัยเพศเมียวางไข่ครั้งละประมาณ 20-80 ฟอง มีใยสีขาวคลุม เมื่อไข่ฟักจะเป็นหนอน ซึ่งมี 6 วัย โดยหนอนมีรูปร่างล�ำตัวตรงราบเรียบ เท่ากันตลอดต้ังแต่หัวถึงท้ายล�ำตัว มีแถบสีขาว ข้างล�ำตัว แถบสีมีได้หลายสีด้วยกัน หนอนโตเต็มที่ ยาว 2.5 เซนติเมตร ระยะหนอน 14 - 17 วัน

เข้าดักแด้ในดิน 5 - 7 วัน ก็เป็นผีเส้ือขนาดกลาง ปีกคู่หน้ามีสีน�้ำตาลแก่ปนเทา มีจุด สนี ำ้� ตาลออ่ น 2 จดุ ตรงกลางปกี ปกี คหู่ ลังมสี ขี าวข่นุ ลกั ษณะการท�ำลาย ตัวหนอนกัดกินได้ทั้งท่ีใบและเจาะเข้าไปกินในดอก ท�ำความเสียหายมาก การระบาด ของหนอนจะมากในชว่ งที่อากาศรอ้ นระยะฝนท้ิงช่วง หรอื ฤดูแล้ง การปอ้ งกนั และก�ำจดั 1. หมั่นตรวจแปลงปลกู ทกุ วัน สังเกตกลุม่ ไข่ หนอน และการท�ำลายท่ีดอก 2. ใช้เชือ้ ไวรสั เอน็ พวี ี (NPV) ฉดี พ่นในช่วงเยน็ หรือเช้าตรู่ 3. หากจ�ำเป็นต้องใช้สารก�ำจัดแมลง ต้องพิจารณาอย่างถี่ถ้วน และตรวจสอบ ประสิทธิภาพของสารก�ำจัดแมลงทุกคร้ัง เนื่องจากหนอนชนิดน้ีมีการต้านทาน สารก�ำจดั แมลงเกือบทกุ ชนดิ 30โรค-แมลงศตั รไู มด้ อกไม้ประดับ และการปอ้ งกนั กำ� จัด กรมส่งเสริมการเกษตร

หนอนเจาะสมอฝ้ายดาวเรอื ง ชือ่ วทิ ยาศาสตร์ หนอนเจาะสมอฝา้ ย การท�ำลายดอก Helicoverpa armigera 31โรค-แมลงศัตรไู ม้ดอกไมป้ ระดบั และการป้องกันกำ� จัด รปู ร่างลักษณะ กรมสง่ เสริมการเกษตร ตวั เต็มวัยเพศเมียวางไขเ่ ปน็ ฟองเด่ยี วๆ ตามส่วนอ่อน ของพืช เช่น ใบ ก้านใบ ไข่มีลักษณะกลมคล้ายฝาชี มีสี ขาวนวลเป็นมัน ระยะไข่ 2-3 วนั จึงฟักออกเปน็ ตวั หนอน หนอนมีด้วยกันท้ังหมด 5 วัย โดยวัยแรกจะเป็นสีขาวนวล เมอื่ เขา้ สวู่ ยั ทส่ี องสขี องลายลำ� ตวั จะเขม้ ขนึ้ เปน็ สนี ำ้� ตาลออ่ น มีตุ่มขนสีน�้ำตาลเข้ม เส้นขนด�ำ หนอนวัยท่ีสามมีสีน้�ำตาล ปนเขียว เมื่อเข้าสู่วัยที่สี่ล�ำตัวจะเปลี่ยนเป็นสีด�ำปนเขียว หนอนวัยท่ีห้าล�ำตัวจะเปล่ียนเป็นสีส้มแก่แล้วจึงเข้าดักแด้

ระยะดักแดว้ ันมสี ีน้ำ� ตาลไหม้ ขนาด 1.8 เซนตเิ มตร ตัวเตม็ วยั เมื่อกางปกี วดั ได้ 3-4 เซนติเมตร ตัวเมียปีกคู่หน้ามีสีน้�ำตาลปนแดง ส่วนตัวผู้มีสีน้�ำตาลอมเขียว เลยกึ่งกลางปีกคู่หน้าไปข้างหน้า เล็กน้อยมีจุดสีน�้ำตาลเข้ม ขนาดโตกว่าหัวเข็มหมุดปีกละจุด ปีกคู่หลังมีแถบสีน้�ำตาลที่ปลายปีก พาดต่อกนั กบั ปกี คู่หนา้ สีของปกี คู่หน้าเข้มกว่าปีกคหู่ ลงั ลักษณะการท�ำลาย ตวั หนอนกัดกนิ กลีบดอกท่ีก�ำลงั ตมู และสามารถกัดกนิ ใบไดใ้ นกรณีไมม่ ีดอกให้เจาะกิน การปอ้ งกันและกำ� จัด 1. การปลกู ไมม่ ากให้ใช้มือจบั เกบ็ ตวั หนอนมาท�ำลาย 2. การปลูกเป็นแปลงหรือสวนขนาดใหญ่ หากส�ำรวจพบมีการระบาดรุนแรง และพบ ศัตรูธรรมชาติน้อย พ่นด้วยแบคทีเรียบาซิลลัส ทูริงเจนซิส (Bt) ในเวลาเย็น และถ้า จ�ำเป็นต้องใช้สารก�ำจัดแมลง ใช้สารก�ำจัดแมลงกลุ่มไพรีทรอยด์ เพ่ือระงับการลอกคาบ เช่น แลมบ์ดา ไซฮาโลทริน โปรฟีโนฟอส เป็นต้น โดยใช้อัตราตามค�ำแนะน�ำในฉลาก หลงั พน่ แล้วใหส้ �ำรวจแปลงดูทุกครง้ั วา่ การระบาดลดลงหรอื ไม่ 32โรค-แมลงศตั รูไมด้ อกไมป้ ระดบั และการปอ้ งกันกำ� จดั กรมส่งเสริมการเกษตร

แมลงวันหนอนชอนใบดาวเรือง ช่ือวิทยาศาสตร์ กดั กนิ ผิวใบด้านในเป็นทางสีขาว ลกั ษณะการท�ำลาย Liriomyza brassicae 33โรค-แมลงศตั รูไมด้ อกไม้ประดบั และการปอ้ งกันกำ� จัด รปู ร่างลกั ษณะ กรมสง่ เสริมการเกษตร แมลงวันหนอนชอนใบ เป็นแมลงขนาดเลก็ มีลำ� ตัวสีด�ำ มีแต้มสีเหลืองหน้าข้างอกและส่วนอกด้านบน ปีกใสมีขนาด 10-20 มิลลิเมตร ตัวเต็มวัยเพศเมียวางไข่ขนาดเล็ก ไว้ใต้ เนื้อเย่ือบางๆ ของพืช เม่ือฝักเป็นตัวหนอนจะมีลักษณะ หัวแหลมท้ายป้าน ชอนไชอยู่ในใบพืช ใบที่ถูกท�ำลายจะ ร่วงหล่นลงดิน หนอนเข้าดักแด้รูปร่างคล้ายเมล็ดข้าวสาร ขนาดดักแด้ยาว 8-10 มิลลิเมตร ในระยะดักแด้ใช้เวลา ประมาณ 5-7 วัน จึงออกเปน็ ตัวเต็มวยั

ลกั ษณะการทำ� ลาย หนอนชอนใบเป็นศัตรูดาวเรืองท่ีส�ำคัญที่สุดชนิดหน่ึง เป็นแมลงวันขนาดเล็กกัดกินผิวใบ ด้านใน รอยท�ำลายจะเห็นเป็นทางเดินสีขาวของหนอนภายในใบ เล็กบ้างใหญ่บ้างตามขนาดและ ระยะการเจริญเติบโตของหนอน หากปล่อยไว้จะเสียหายมาก และท�ำให้โรคใบจุดทวีความรุนแรง มากข้นึ เนอ่ื งจากแผลที่หนอนกดั กินจะทำ� ให้โรคเข้าทำ� ลายได้ง่าย การปอ้ งกนั และกำ� จัด 1. เผาท�ำลายใบพืชที่หล่นตามพื้น เพื่อท�ำลายดักแด้ท่ีอยู่ตามเศษใบพืช จะสามารถช่วย ลดการระบาดได้ 2. ใช้สารสกดั สะเดาความเข้มข้น 100 พพี ีเอ็ม 3. ใช้สารก�ำจัดแมลง ได้แก่ เบตาไซฟลูทริน อัตรา 20-30 ซีซีต่อน�้ำ 20 ลิตร หรือ ฟิโปรนิล อัตรา 20 ซีซีต่อน�้ำ 20 ลิตร หรืออะบาเม็กติน สามารถป้องกันและก�ำจัด แมลงวันหนอนชอนใบได้ 34โรค-แมลงศตั รไู ม้ดอกไม้ประดบั และการป้องกันก�ำจัด กรมส่งเสริมการเกษตร

โรคใบจดุ บัว โรคใบจุดบวั ลกั ษณะอาการ เชอื้ สาเหตุ 35โรค-แมลงศตั รไู ม้ดอกไมป้ ระดับ และการปอ้ งกนั กำ� จัด เชือ้ รา Cercospora nymphaeacea กรมสง่ เสริมการเกษตร ลกั ษณะอาการ ใบจะเป็นแผลหรือมีจุดวงกลมสีเหลืองและเม่ือ แผลขยายกว้างจะเปล่ียนเป็นสีน้�ำตาลและแห้งโดย จะมีกลุ่มเชื้อราสีด�ำเป็นกระจุก ระบาดมากในช่วง ฤดูฝนหรือช่วงที่อากาศชื้น มักเกิดกับบัวที่เจริญเติบโต เตม็ ทห่ี รอื ใบแก่

การป้องกันและกำ� จัด 1. หม่ันสํารวจสระบัวอยางสม่�ำเสมอ ถาพบใบที่เปนโรคควรตัดใบทิ้งออกเผาทําลาย นอกสระ 2. ใชสารปองกันกําจัดโรคพืช เช่น แคปแทน ไซเนบ มาเนบ ไดโฟลาแทน เบนเลท อะซ็อกซีสโตรบิน คารเบนดาซิม โปรฟโคลนาโซล คลอโรทาโลนิล เลือกใช อยางใดอยางหนึง่ อตั ราตามคำ� แนะนําในฉลาก 36โรค-แมลงศตั รไู ม้ดอกไม้ประดับ และการปอ้ งกันกำ� จัด กรมสง่ เสรมิ การเกษตร

โรคดอกเน่าเบญจมาศ เช้อื สาเหตุ โรคดอกเนา่ เบญจมาศ 37โรค-แมลงศตั รไู มด้ อกไม้ประดับ และการป้องกนั กำ� จัด เชื้อรา Choanephora cucurbitarum กรมสง่ เสรมิ การเกษตร ลกั ษณะอาการ กลีบดอกจะเน่าช�้ำเหมือนน�้ำร้อนลวก เร่ิมกลางดอก หรือกลีบดอกรอบนอกแล้วลุกลามเข้าไปกลางดอก ดอกตูม หรือดอกก�ำลังบาน มักพบว่าดอกบานแสดง อาการของโรคมากกว่า การปลูกเบญจมาศนอกโรงเรือน เมื่อฝนตกชุก เม็ดฝนจะกระแทกสัมผัสบนกลีบดอก เมื่อความชน้ื สงู มากๆ พบว่าบนแผลสีน�ำ้ ตาลนั้นมีเส้นใย สขี าวของเชอ้ื ราสาเหตุขน้ึ ฟูท�ำให้ดอกเน่า

การปอ้ งกันและก�ำจัด 1. เกบ็ ดอกท่ีเปน็ โรคเผาทำ� ลายทงิ้ 2. ระยะปลูกเบญจมาศไม่ควรชิดกันเกินไป เพราะจะท�ำให้ต้นใบหนาแน่น มีความ ชนื้ สงู เหมาะต่อการเข้าทำ� ลายของเชอ้ื โรค 3. การให้น�้ำอย่าชมุ่ เกินไปหรอื ท�ำให้กลีบดอกชำ้� 4. พน่ สารป้องกันก�ำจัดโรคพชื ในกลุ่มไทอะเบนดาโซล อตั รา 40 กรมั ตอ่ นำ้� 20 ลติ ร ก่อนฝนตกหรอื ในช่วงฤดูฝน 38โรค-แมลงศัตรูไม้ดอกไม้ประดบั และการปอ้ งกนั กำ� จัด กรมสง่ เสรมิ การเกษตร

โรคราสนิมเบญจมาศ เชอ้ื สาเหตุ โรคราสนิมเบญจมาศ เช้อื รา Puccinia chrysanthemi ลกั ษณะอาการ สังเกตจากจะพบสปอร์ของเชื้อราเป็นสีเหลือง ที่บริเวณใบ กลีบดอก และก้านดอก ท�ำให้ใบแห้งเป็น สีน้ำ� ตาล มกั เปน็ กับเบญจมาศทป่ี ลกู ทางภาคเหนอื ลักษณะอาการ 39โรค-แมลงศตั รูไม้ดอกไมป้ ระดบั และการป้องกันก�ำจัด กรมส่งเสริมการเกษตร

การป้องกนั และก�ำจดั 1. ดแู ลแปลงปลูกให้สะอาด เก็บดอกที่เป็นโรคเผาท�ำลายท้ิง 2. เมือ่ พบโรคพน่ ดว้ ยเพลนทแ์ วกซ์ ทกุ 7 วันในชว่ งทมี่ กี ารระบาด อตั ราตามคำ� แนะนำ� ในฉลาก 40โรค-แมลงศัตรไู ม้ดอกไมป้ ระดับ และการปอ้ งกนั กำ� จัด กรมส่งเสริมการเกษตร

โรคราจดุ สนมิ ปทุมมา เชอื้ สาเหตุ โรคราจุดสนมิ ปทมุ มา 41โรค-แมลงศัตรูไมด้ อกไมป้ ระดับ และการป้องกนั กำ� จัด เชอ้ื รา Sphaceloma sp. กรมส่งเสรมิ การเกษตร ลักษณะอาการ จุดแผลสีน้�ำตาลคล้ายสีสนิมยุบตัวเล็กน้อย ขนาดเสน้ ผ่าศนู ย์กลาง 0.5 - 1 มลิ ลเิ มตร กระจายอยู่ ท่วั ใบทงั้ ใบประดับ บางครัง้ พบบนก้านดอก และดอกออ่ น ที่ยังไม่บาน ถ้าสภาพแวดล้อมเหมาะสม แผลจะ เช่ือมต่อถึงกัน ท�ำให้ใบประดับแข็งและช่อดอกปทุมมา แหง้ ตายในเวลาต่อมา

การปอ้ งกันและกำ� จัด 1. รักษาความสะอาดแปลงปลูก หม่ันส�ำรวจแปลงปลูก หากพบต้นที่เป็นโรค ให้รีบ นำ� ออกมาจากแปลงแล้วเผาทำ� ลาย 2. ปลูกพืชหมุนเวียน เป็นการปลูกพืชหลายชนิดไม่ซ้�ำกันในแต่ละฤดูปลูก จะช่วย ลดปรมิ าณเช้ือโรคในแปลงปลกู ได้ 3. ใชห้ วั พนั ธุจ์ ากแหล่งทไี่ มเ่ คยพบการระบาดของโรคชนดิ นี้ 4. เม่ือพบการระบาดของโรค พ่นสารป้องกันก�ำจัดโรคพืช เช่น โปรคลอราช (50% ดับบลวิ พี) 20-40 กรมั ต่อน�ำ้ 20 ลิตร ทุก 7-10 วนั เมอ่ื เรม่ิ พบอาการ 42โรค-แมลงศตั รูไมด้ อกไมป้ ระดบั และการปอ้ งกันก�ำจัด กรมส่งเสริมการเกษตร

โรครากเนา่ มะลิ เชือ้ สาเหตุ ลักษณะอาการ ตน้ มะลแิ ห้งตาย เช้ือรา Sclerotium rolfsii 43โรค-แมลงศัตรไู ม้ดอกไมป้ ระดับ และการปอ้ งกันก�ำจัด ลกั ษณะอาการ กรมส่งเสรมิ การเกษตร โรคน้ีมักเกิดกับมะลิท่ีมีอายุมากกว่า 1 ปีขึ้นไป โดยจะมอี าการใบเหลอื ง เห่ียวและทง้ิ ใบ ต้นจะแหง้ ตาย เมื่อขุดดูจะพบว่ารากเน่าเปื่อย โคนต้นจะพบเส้นใย สีขาวและเม็ดราเป็นก้อนกลมสีขาวหรือสีน้�ำตาลหรือ สีด�ำ จับอยู่ตามโคนต้นและแทรกอยู่ในระหว่างก้อนดิน โคนต้น มักระบาดในสภาพดินท่ีเป็นกรด และพ้ืนที่ ทีป่ ลกู ซ้�ำติดต่อกนั เป็นเวลานาน

การแพร่ระบาด เชื้อราแพร่ระบาดโดยเส้นใยเจริญไปในดิน นอกจากน้ีเช้ือราสามารถติดไปกับท่อนพันธุ์ หรือเคร่อื งมือทีใ่ ช้ เชน่ จอบ เสยี ม หรอื ติดไปกบั เท้าคนหรือสัตว์ทย่ี �่ำเขา้ ไปในแปลง การปอ้ งกนั และก�ำจัด ถ้าพบต้นเป็นโรคควรถอนเผาไฟท�ำลายเสีย ดินในหลุมที่เป็นโรค ควรขุดเผาไฟแล้ว ใช้ปูนขาวหรือสารป้องกันก�ำจัดโรคพืชเทอราคลอผสมน้�ำรดดิน ถ้าระบาดท่ัวสวน ให้เปล่ียนไปปลูกพืชชนิดอื่นๆ ก่อนประมาณ 4-5 ปี ถ้าต้องการปลูกซ้�ำเดิม ควรมีการ ปรบั สภาพดินด้วยการใสป่ ุ๋ยคอกและปนู ขาว 44โรค-แมลงศัตรูไมด้ อกไมป้ ระดับ และการปอ้ งกันก�ำจดั กรมสง่ เสรมิ การเกษตร

หนอนเจาะดอกมะลิ ช่ือวิทยาศาสตร์ หนอนเจาะดอกมะลิ การเขา้ ทำ� ลายของหนอน Hendacasis duplifascialis 45โรค-แมลงศตั รไู มด้ อกไม้ประดบั และการป้องกันก�ำจดั รปู ร่างลกั ษณะ กรมสง่ เสรมิ การเกษตร ตัวเต็มวัยวางไข่เป็นฟองเด่ียวขนาดเล็กสีเหลือง ค่อนข้างรี บริเวณใต้ใบ ยอดอ่อน กลีบดอก และก้าน กลีบเลี้ยง จากนั้นจะฟักออกมาเป็นตัวหนอนสีเหลือง เม่ือหนอนโตเต็มที่เปลี่ยนเป็นสีเขียว และเข้าดักแด้บริเวณ เศษใบมะลิที่ร่วงหล่นตามพ้ืน หนอนเจาะดอกมะลิ เป็น แมลงศัตรูทีส่ ำ� คัญที่สุด และสร้างความเสียหายอย่างรนุ แรง ใหก้ ับมะลิ พบมกี ารระบาดมากในช่วงฤดฝู น

ลักษณะการทำ� ลาย ตัวหนอนเข้าไปกัดกินอยู่ภายในดอกมะลิ ท�ำให้ดอกเป็นรูหรือมีรูปร่างผิดปกติ และ หากตัวหนอนดูดกินน้ำ� เลยี้ งจากดอก ก็จะท�ำใหก้ ลบี ดอกเปล่ียนเปน็ สีชมพูอมม่วง การป้องกนั และก�ำจัด 1. เก็บเศษพืชบริเวณใต้ต้นมะลิไปเผาท�ำลายท้ิง เพื่อท�ำลายสภาพแวดล้อมที่เหมาะสม ตอ่ การเจรญิ ของดกั แดห้ นอนเจาะดอกมะลิ 2. ใชก้ บั ดักแสงไฟสมี ่วงหรือสฟี ้า เพื่อดักจับผเี สอื้ หนอนเจาะดอกมะลิ 3. ใช้ศัตรูธรรมชาติ เชน่ มวนพิฆาต มวนเพชฌฆาต 4. พ่นดว้ ยสารสกัดสะเดา 5. หากพบการระบาดรุนแรงให้พ่นด้วยสารก�ำจัดแมลงได้แก่ ไซฟลูทริน หรือ เดลตาเมทริน หรือคลอฟลูอะซูรอน โดยพ่นติดต่อกันไม่เกิน 3 ครั้ง เพ่ือป้องกัน หนอนสร้างความตา้ นทานสารก�ำจัดแมลงที่ใช้ 46โรค-แมลงศตั รไู ม้ดอกไม้ประดบั และการปอ้ งกันก�ำจัด กรมสง่ เสริมการเกษตร

โรคดอกสเี ขียวเยอบีรา่ เชื้อสาเหตุ โรคดอกสีเขยี วเยอบรี า่ 47โรค-แมลงศัตรไู ม้ดอกไม้ประดับ และการปอ้ งกนั ก�ำจดั Phytoplasma กรมสง่ เสริมการเกษตร ลักษณะอาการ โรคน้ีไม่แสดงอาการจนกว่าจะออกดอก เร่ิมแรก ต้นจะแคระแกร็น ใบซีดเหลืองด่าง ดอกมีขนาดเล็กลง ก้านดอกสั้น กลีบดอกเปลี่ยนเป็นสีเขียวรูปร่างเหมือน กลีบเล้ียงของดอก หรือเหมือนใบท่ีแตกเป็นฝอย และ เจริญเป็นยอดหรือต้นเล็กๆ อยู่บนช่อดอกดอก หาก เป็นโรคน้ีอาจจะเห็นว่ามีต้นเล็กๆ ขึ้นอยู่บริเวณโคนต้น จ�ำนวนมาก โรคนมี้ เี พล้ยี จกั จัน่ เปน็ พาหะ

การป้องกันและก�ำจัด 1. เมื่อพบตน้ ทีเ่ ปน็ โรคควรเก็บมาเผาทำ� ลายทง้ิ 2. ควรพ่นสารกำ� จัดแมลงเมือ่ พบแมลงทเ่ี ปน็ พาหะนำ� โรค เชน่ เพลย้ี จักจ่ัน 48โรค-แมลงศัตรูไมด้ อกไมป้ ระดับ และการปอ้ งกันก�ำจัด กรมสง่ เสรมิ การเกษตร