Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore การปลูกองุ่น

Description: การปลูกองุ่น.

Search

Read the Text Version

ก า ร ป ลู ก อ งุ น โดย : วฒั นา สวรรยาธิปติ สาํ นกั สงเสริมและฝกอบรม มหาวทิ ยาลยั เกษตรศาสตร จดั ทาํ เอกสารอิเล็กทรอนิกสโดย : สาํ นกั สง เสรมิ และฝก อบรม มหาวทิ ยาลยั เกษตรศาสตร ❦ ความเปน มาของการปลกู องนุ ❦ ความรทู ว่ั ไปเกย่ี วกบั องนุ ❦ สภาพดนิ ฟา อากาศ ❦ การขยายพนั ธุ ❦ หลักท่ัวไปในการปรบั ปรงุ คณุ ภาพของผลองนุ ❦ พนั ธอุ งนุ ❦ การปลกู และการดแู ลรกั ษา ❦ การตัดแตง กง่ิ เพอ่ื ใหอ อกดอก ❦ การปฏบิ ตั จิ ากตดั แตง กง่ิ ❦ การเกบ็ ผลองนุ ❦ การพกั ตวั ของตน องนุ ❦ โรคองุน ❦ โรคทส่ี ําคญั และการปอ งกําจดั ❦ แมลงและการปอ งกนั กาํ จดั

การปลูกองุน 2 ก า ร ป ลู ก อ งุ น วัฒนา สวรรยาธปิ ต ิ ความเปน มาของการปลกู องนุ ในเมอื งไทย ไดถูกนํามาปลกู ในประเทศไทยนานหลายสบิ ปแ ลว แตส มยั แรกๆนน้ั ไมไ ดป ลกู กนั องุน อยางจริงจังหรือปลูกเปนการคา ทง้ั นอ้ี าจเปน เพราะความรสู กึ ทว่ี า องนุ เปน ไม เมืองหนาวคงไมสามารถใหผลไดดีการปลูกในสมัยกอนจึงปลูกเปนไมประดับตาม บาน โดยทําเปน เรอื นตน ไมห รอื ซมุ ใหต น องนุ เลอ้ื ยขน้ึ ไปปกคลมุ ขา งลา งอาจตง้ั มา นง่ั ทาํ เปนที่พักผอน ไปในตัว ตนองนุ กใ็ หผ ลบา ง แตไ มม ากนกั ผูปลูกก็ไมไดหวังที่จะปลูกกินผลแตอยางไร คงเพียงดูผล สวยๆ งามๆ เทา นน้ั การปลกู องนุ กอ็ ยใู นวงจํากัด ไมอ ยใู นความสนใจท่ีจะทาํ เปน การคา แตอ ยา งใด องุนที่นํามาปลกู ในระยะแรก นน้ั มกั เปน พนั ธทุ ม่ี สี อี น่ื ๆ เขา มาปลกู ปรากฏวา ประชาชนไมย อม เช่ือวาเปนองุน ถงึ กบั ไมย อมซอ้ื กวา จะเปลย่ี นความรสู กึ ไดว า องนุ นน้ั มอี ยดู ว ยกนั หลายสี กใ็ ชเ วลานาน พอสมควร สําหรบั ราคาของผลองนุ ในสมยั กอ นนน้ั นบั วา แพงมาก เมอ่ื เทยี บกบั คา ครองชพี ของประชา ชนจนถึงกับมคี าํ กลาวที่วา “คนซอ้ื ไมไ ดก นิ คนกนิ ไมไ ดซ อ้ื ” เพราะมกั จะซอ้ื เปน ของฝากใหเ จา นาย มากกวา สว นคนซอ้ื เองไมก ลา กนิ หลักฐานเกย่ี วกบั การปลกู องนุ ในประเทศไทยเขา ใจวา คงจะเรม่ิ จากสมยั รชั การท่ี 5 โดยเรม่ิ นํา องุนเขามาปลูก เมอ่ื มกี ารตดิ ตอ คา ขายกบั ตา งประเทศ หรอื การเสดจ็ เยอื นตา งประเทศมกี ารสง ผลองนุ จากจีนมาขายเน่ืองจากองนุ เปน ผลไมท ห่ี วานอรอ ย รปู รา งและสขี องผลสวยงาม คงจะเปน แรงจงู ใจให ต่ืนตัว คิดจะปลกู องนุ กนั ขน้ึ และดวยความรูสึกที่วา องนุ เปน ไมผ ลเมอื งหนาว ในระยะแรกๆ จึงนาํ ไป ปลูกทางภาคเหนือกอน เชน จังหวัดเชียงใหม จังหวัดเชียงราย แตเ นอ่ื งจากากรคมนาคมในสมยั นน้ั ยงั ไมดี ตนองนุ ทน่ี ําไปจึงมักจะตายเสียหายมาก ทาํ ใหค วามสนใจทจ่ี ะปลกู องนุ ลดลง หนั มาปลกู กนั ใน กรุงเทพฯ และจังหวัดใกลเคียง แตก ย็ งั คงปลกู กนั ในวงจํากดั ตามบา นผใู หญ หรือพอคาคหบดี เทา นน้ั องุนท่ีนํามาปลูกในระยะแรกๆ มักเปนพันธุจากฝร่ังเศษ เชนพันธุม ัสแคท เฮมเบอรก (Muscat Hamburge) ซึ่งเปนพันธุที่อรอย รสหวานจดั แตผ ลมขี นาดเลก็ สําหรับหลกั ฐานหรอื รอ งรอยเกย่ี วกับตน องนุ เกา ๆ ที่เคยปลูกกันในกรุงเทพและจังหวัดใกลเคียงปจจุบันหาไดยากเพราะนํ้าทวมใหญป 2575 ทําใหตนองุนตายเกือบหมด และหลังจากน้ําทวมใหญแลวก็ไมมีประวัติเกี่ยวกับการปลูกองุนอีกเลย ประกอบกับตนองุนเรม่ิ มโี รคแมลงรบกวนมากขน้ึ คนสว นใหญจ งึ ลมื เรอ่ื งทจ่ี ะปลกู องนุ ไปหมด การปลูกองุนยุคใหม เรม่ิ มารอ้ื ฟน ตอนสมยั คณุ หลวงสมานวนกจิ เปน คณบดคี ณะเกษตร มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร ไดสั่งพันธุองุนเขามาทดลองปลูกในเมืองไทย ในชวงเวลาเดียวกัน ศาสตราจารยปวณิ ปณุ ศรี จบการศึกษาจากสหรัฐอเมริกา ไดเริ่มทาํ งานดา นองนุ อยา งจรงิ จงั โดยนาํ พันธอุ งนุ มาจากคารล ฟิ อเนยี ขณะเดียวกัน ทางกรมกสกิ รรม (กรมวิชาการปจจุบัน) โดยศาสตราจารยด ร.พิศ ปญญาลกั ษณ ก็ไดเร่ิมงานทดลองเกย่ี วกบั องนุ เขา มาปลกู เชน เดยี วกนั เชน คณุ สมพงษ ตนั เศรษฐี ไดส ง่ั พนั ธคุ ารด ิ

การปลูกองุน 3 นานเขามาปลูก และยงั คงปลกู กนั อยจู นถงึ ปจ จบุ นั น้ี ทางดา นกสกิ ร กเ็ รม่ิ ตน่ื ตวั ทดลองปลกู กนั บา ง และ เร่ิมแพรห ลายประมาณป 2503-4 องนุ พนั ธเุ กา ๆ ทเ่ี คยปลกู กนั มานานเชน Black Rose, Ribier, Queen, Muscat Hamburge ก็คอยๆ หมดไป องนุ พนั ธใุ หมๆ เรม่ิ เขา มาแทนท่ี จากการศึกษาทดลอง ท้ังของหนวยราชการและเอกชนทําใหประเทศไทยเปนประเทศแรกใน เขตรอนท่ีสามารถปลูกองุนเปนการคาไดสําเร็จ และยงั มขี อ ไดเ ปรยี บการปลกู องนุ ในเขตหนาวอกี ดว ย กลาวคือการปลูกองุนในประเทศแถบหนาว สามารถใหผลผลิตไดเพียงปละครั้งเดียว และองุนจะแก เฉพาะในชวงฤดูรอนเทานั้น สว นตน องนุ ทป่ี ลกู ในประเทศไทย สามารถใหผ ลผลติ มากกวา 1 ครง้ั ตอ ป และยังสามารถบงั คบั ใหผ ลแกใ นชว งฤดใู ดของปก ไ็ ด ในดา นคณุ ภาพของผลนน้ั ถา ผูปลูกไดบาํ รงุ ดแู ล อยางเต็มที่แลว คณุ ภาพกไ็ มแ พข องตา งประเทศแตอ ยา งใด ปจ จบุ นั จะเหน็ วา ราคาของผลองนุ ถกู กวา สมัยกอนมาก เมื่อเทียบกับคาครองชีพประชาชนทั่วไปสามารถซื้อหามาบริโภคได และยงั สามารถสง เปนสินคา ออกไปขายยงั ประเทศใกลเ คยี ง เชน ฮอ งกง สงิ คโ ปร มาเลเซีย อกี ดว ย อยา งไรกต็ ามการปลกู องุนในประเทศไทย ก็ยังมีปญหาและขอจาํ กดั อีกหลายประการ จาํ เปน จะตอ งศกึ ษาทดลองกนั ตอ ไป ทั้ง ในดานการดูแลรักษา การตลาด เปน ตน ตลอดจนการทดลองศกึ ษาพนั ธใุ หมๆ เพอ่ื ใหว งการองนุ ใน บา นเราเจรญิ ยง่ิ ขน้ึ ความรทู ว่ั ไปเกย่ี วกบั องนุ องุน (Vitis vinifera) เปนพืชท่ีข้ึนไดด ที ง้ั ในเขตหนาว เขตกง่ึ รอ น และแถบเมอื งรอ น โดยใน เขตอากาศหนาวนน้ั องนุ วจะมลี กั ษณะเปน พชื ผลดั ใบ จะผลัด ใบในฤดูใบไมรวง พกั ตวั ในฤดหู นาว แตกตา แตกใบ ในฤดู ใบไมผลิ และเจรญิ เตบิ โตไปจนผลแกใ นฤดรู อ น สว นองนุ ทน่ี าํ มาปลูกในเขตรอ นจะมลี กั ษณะมใี บเขยี วตลอดป ไมม กี ารพกั ตวั ตามธรรมชาติ จึงตองใชการตัดแตงเพ่ือใหตน ไดพ กั ตวั และ แตกตาดอกตาใบได แตอ ยา งไรกต็ าม โดยทั่วไปๆ ไปแลว คณุ ภาพขององุนในเขตรอนมักสูองุนทางแถบเมืองหนาวไมได เพราะในเขตหนาวในฤดูรอนซึ่งองนุ แกน้ัน ความชน้ื ในอากาศ จะต่ําทําใหตนเติบโตไดดี โรคแมลงไมคอยรบกวนการสกุ ของ ผลจะเปนไปอยางชาๆ การสรางรสชาติและลักษณะเฉพาะตัวของผลเปนไปไดอยางเต็มที่สัดสวนของ สวนประกอบตางๆ ในผลพอเหมาะ ทาํ ใหค ณุ ภาพของผลดี สวนในเขตรอน ความชน้ื ในอากาศจะสงู ตลอดป ซึ่งเปนผลทาํ ใหต น องนุ เตบิ โตไดด กี จ็ รงิ แตโรค และแมลงศตั รกู ร็ ะบาดแพรห ลายไดก วา งขวางรวดเรว็ เชน กนั นอกจากนฝ้ี นทต่ี กชกุ ก็ทาํ ความเสยี กาย อยางมากแกดอก อาจทาํ ใหด อกรว ง ทาํ ใหผลแตกเสียหาย และคณุ ภาพของผลองนุ ในเขตรอ นไมด ี ขาด ความละเมียดละไมในรสชาติ ทง้ั ทเ่ี ปน องนุ พนั ธเุ ดยี วกนั เพราะขบวนการสกุ เปน ไปอยา งรวดเรว็ และไม แนน อน สภาพฟาอากาศมอี ทิ ธพิ ลตอ อตั ราการเปลย่ี นแปลงของสว นประกอบในผล ในชว งระยะเวลาท่ี ผลกําลังเติบโต มอี ทิ ธพิ ลตอ การเปลย่ี นแปลงของสารตา งๆ ในตอนผลสกุ ไดแก นา้ํ ตาล กรด Tannin

การปลูกองุน 4 (ทําใหเกดิ รดฝาด) กลน่ิ ของผลและอน่ื ๆ ซง่ึ เปน ตวั กําหนดคณุ ภาพของผลองนุ สภาพฟาอากาศจึงเปน ตัวจํากัดเขตการปลกู องนุ และลกั ษณะการใชป ระโยชนข ององนุ เชน ในประเทศสามารถปลกู องนุ ทใ่ี ชร บั ประทานสดไดด ี โดยเฉพาะองนุ ทแ่ี กใ นฤดรู อ น ฤดหู นาว นบั วา คณุ ภาพอยใู นเกณฑด ี แตการที่จะปลูก องุนใหไดคุณภาพดี ๆ สาํ หรับทาํ เหลา องนุ เชน ในยโุ รป คงเปน เรอ่ื งทต่ี อ งใชเ วลาศกึ ษาอกี นาน สภาพ ฟาอากาศมีผลตอ คณุ ภาพของผลเปน สง่ิ สําคญั สว นการเจรญิ เตบิ โตของตน ไมเ ปน ปญ หามากนกั นอก จากเขตท่ีรอนจดั หรือหนาวจัดเกินไป ตน องนุ อาจตายได จงึ จะเหน็ วา สภาพทอ งทท่ี ป่ี ลกู องนุ ของโลก กวางขวางมากระดบั ความสงู ของพน้ื ทก่ี ป็ ลกู ไดต ง้ั แตร ะดบั นา้ํ ทะเลจนถงึ ระดบั สงู 6,000 ฟุต เชน บาง แหงในอาฟริกาใตแ ตแ หลง ทป่ี ลกู องนุ เปน การคา ไดด มี กั อยใู นระดบั ความสงู ประมาณ 1,000-4,000 ฟุต และสว นมากมรี ะดบั ความสงู ตา่ํ กวา 1,000 ฟุต กลา ววา แหลง ปลกู ยง่ิ เขา ไปใกลศ นู ยส ตู รเทา ไร ระดับความสงู ของพน้ื ทก่ี ย็ ง่ิ สงู ขน้ึ การทําสวนองนุ จงึ ตอ งคํานงึ ถงึ สภาพฟา อากาศ สภาพพื้นที่ ชนดิ ของ พันธุ การปฏิบัติดูแลรักษา และอน่ื ๆ จงึ จะมสี ว นเกย่ี วขอ งกบั การลงทนุ เปน อยา งมาก องุนท่ปี ลกู กันอยูท วั่ ไปอาจแบง ออกไดเ ปน 3 พวกใหญ ๆ คอื 1. องนุ ยโุ รป และ Asiaminor (vitis vinifera) 2. องุนพน้ื เมอื งอเมรกิ า 3. องุนลกู ผสม ซง่ึ แบง เปน 3 พวก คอื 3.1 ลูกผสมของพวกองนุ ยโุ รป (Vinifera Hybride) 3.2 ลกู ผสมฝรง่ั เศส (French Hybride) 3.3 ลูกผสมอเมรกิ า (American Hybride) 1. องุนพันธุยุโรป (Vitis vinifera) เปนชนดิ ทม่ี คี วามสาํ คัญที่สุดในแงบริโภค ใชประโยชนไดทุกอยาง มที ง้ั พนั ธทุ ม่ี เี มลด็ และไมม ี เมล็ดมีควมแตกตา งในเรอ่ื งพนั ธมุ ากมาย องนุ ยโุ รป (Vinifera) น้ี เปน ชนดิ เดยี วทม่ี ถี น่ิ กาํ เนดิ ในตะวนั ออกกลางและปลูกกันมานานแลว ตามประวตั แิ ลว องนุ ชนดิ นเ้ี ปน ทร่ี จู กั กนั กอ นประวตั ศิ าสตรเ สยี อกี แลวแพรไ ปยงั ถน่ิ ตา งๆ ทั่วโลก และไดม กี ารปรบั ปรงุ พนั ธุ วธิ กี ารปลกู รกั ษาดแู ลตา งๆ เปน ลําดบั มา เชน ในสมยั โรมนั นอกจากจะใชร บั ประทานผลสดแลว ยังใชทาํ เหลา ทําลกู เกตุ โดยแยกชนดิ ขององนุ ท่ี จะใชประโยชนเ ปน อยา งๆ ไป แตก ารปรบั ปรงุ พนั ธใุ นสมยั นน้ั กค็ งยงั เปน วธิ ตี ามธรรมชาตมิ ากกวา โดย การสังเกตและรวบรวมพนั ธทุ ด่ี ี ไวจ นสมยั หลงั ๆ เมอ่ื การใชอ งนุ มมี ากขน้ึ จงึ ไดม กี ารผสมพนั ธุ ทําใหได พันธุใหมๆ ขน้ึ มามากมาย เทา ทีป่ ระมาณกนั ไว มพี นั ธอุ งนุ อยเู ปน หมน่ื พนั ธุ คดั ทง้ิ ไปกม็ าก ที่เหลืออยู ก็มาก เชน เฉพาะพันธุที่ใชรับประทานผลสดก็มีอยูกวา 100 พันธุ นอกจากการผสมพนั ธเุ พือ่ ใหได พันธุใหม ๆ แลว ยงั มกี ารปรบั ปรงุ พนั ธโุ ดยวธิ ตี า ง ๆ อกี ดว ย เชน การใชร งั สี เพอื่ ใหใครโมโซมเปล่ยี น แปลงไปเปน ตน ลักษณะทด่ี ขี ององนุ ยโุ รปน้ี คือ ผลดก คุณภาพดี ชอผลใหญ ผลใหญ รปู รา งของผลมหี ลายแบบ รสหวานมากกวา เปร้ียว เมลด็ ไมแ ขง็ มเี มลด็ นอ ย ผลมสี ตี า ง ๆ หลายสี ทนทานตอ การขนสง และท่ี สําคัญคือ เปลอื กของผลไมเ หนยี ว ไมแยกจากเนื้อ สามารถรบั ประทานไดท ง้ั เปลอื กและเนอ้ื ในพรอ มๆ กัน ผลสามารถเกบ็ ไดน าน ซง่ึ ถา เกบ็ ใหถ กู ตอ งตามวธิ กี ารจะเกบ็ ไดเ ปน เดอื นๆ ในสภาพคงสดอยู บาง

การปลูกองุน 5 พันธุอาจเก็บไดน าน เกอื บป ในเมอื งไทยอากาศรอ นเกบ็ ในอณุ หภมู หิ อ งไดน าน 5-10 วัน เนอ่ื งจาก ลักษณะดีตา งๆ ดงั กลา วแลว ขององนุ ชนดิ น้ี จึงทาํ ใหอ งนุ ยโุ รป (vinkfera) เปนทน่ี ยิ มปลกู กนั มากทส่ี ดุ ทั่วโลก นอกจากที่ซึ่ง ไมส ามารถปลกู องนุ ชนดิ นไ้ี ดจ รงิ จงึ จะหนั ไปปลกู องนุ ชนดิ อน่ื เพราะองนุ ชนดิ นม้ี ี ขอเยตรงท่ีออนแอตอศัตรูพืชตางๆ โดยเฉพาะศัตรูในดิน เชนตัวแมลงท่ีเรียกวา ฟลลอกเซอรา (phylloxera)ซ่ึงเปน เพลย้ี ออ น (Aphid) ชนิดหน่ึงอาศยั อยใู นดนิ เปน ศตั รทู ส่ี าํ คญั ของรากองนุ ชนดิ น้ี ทองทใ่ี ดมแี มลงชนดิ น้ีอยูจะไมสามารถปลกู องนุ ชนดิ นไ้ี ดเ ลย ทนทานแมลงชนดิ นไ้ี ดพ อสมควร นกจาก ตัวแมลงฟลลอ กเซอรา (phylloxeral)น้ีแลว องนุ ชนดิ นย้ี งั ออ นแอตอ โรคทเ่ี กดิ กบั ใบ เชน โรครานา้ํ คา ง โรคใบจดุ และอน่ื ๆ รวมทง้ั ไสเ ดอื นฝอย ดว ย 2. องนุ พน้ื เมอื งอเมรกิ า (Vitis rotudifolia และอน่ื ๆ) ในทวีปอเมริกามอี งนุ พน้ื เมอื ง หรอื องนุ ปา อยมู ากมายหลายชนดิ (Species) แตส ว นมากใช ประโยชนในการบริโภคไมได มอี ยูไมกช่ี นดิ ทีบ่ รโิ ภคได แตค ณุ ภาพของผลสพู วกองนุ ยโุ รป (Vinifera) ไมไดกลาว คือ ชอ ผลเลก็ รปู รา งของผลมนี อ ยไมก แ่ี บบ ความแตกตา งของสมี นี อ ย รสไมคอ ยหวาน สวน มาก รสอมเปรี้ยว เมล็ดแข็งมาก ชนิดที่ไมมีเมล็ดหาไดยาก การเก็บ การขนสง สพู วกองนุ ยโุ รป (vinifera) ไมไดสวนที่สําคัญคือ เปลอื กเหนยี วมาก เวลาเคย้ี วเปลอื กจะลน่ื หลดุ ออกไปจากเนอ้ื ซง่ึ เปน ลักษณะที่เรียกวา “slip skin” นอกจากนย้ี งั มกี ลน่ิ เฉพาะตวั ซง่ึ หลายคนไมช อบ มกั รงั เกยี จกลน่ิ ของ องุนพวกน้ี แตก ม็ ขี อ ดคี อื ทนตอ แมลงฟลลอ กเซอรา (phylloxera) ทนตอไสเ ดอื นฝอย และโรคที่เกิดกับ ใบไดดี และยงั ทนตอ อากาศทห่ี นาวเยน็ ไดด อี กี ดว ย ทอ งทใ่ี ดปลกู พวกองนุ ยโุ รป (vinifera) ไมไ ด จะใช พวกนี้ปลูกแทน หรืออาจใหทาํ เปน ตน ตอ 3. พวกลกู ผสมตา ง ๆ แบงได 3 พวก คอื 3.1 ลูกผสมขององุนยุโรป (French Hybrids) หมายถึง ลูกผสมทเ่ี กดิ จากพนั ธตุ า งๆ ขององนุ ยุโรป (vinifera) มีเลอื ดองนุ ยโุ รป 100% ไมมีชนิดอืน่ ปน ลกั ษณะทว่ั ไปของลกู ผสมเหลา น้ี ยังคง เหมือนเดิม เชน ความออ นแอตอ โรค หรอื ลกั ษณะดตี า ง ๆ ดงั กลา วแลว พวกลกู ผสมเหลานี้ นบั วา เปน พวกทก่ี วา งขวางมาก เพราะโดยปกติพวกองุนยุโรป (Vinifera) ก็มีพันธตุ า งๆ มากมายอยแู ลว เมอ่ื นํา มาผสมกันก็มีใหไ ดพ นั ธลุ กู ผสมทแ่ี ตกตา งกนั ออกไปอกี มากมาย เชน ลกั ษณะของสกี ม็ ที กุ สตี ง้ั แตส ใี ส จนมองเห็นเมล็ด จนถงึ สดี าํ สนทิ ลกั ษณะของผลกม็ ตี ง้ั แตก ลมจนถงึ ยาวเรยี ว รวมทง้ั กลน่ิ รส และคุณ ภาพ อ่ืนๆ กแ็ ตกตา งกนั ออกไปมากมาย นับวาเปนพวกที่ปลูกกันอยางแพรหลายที่สุด ใชประโยชนใน ลักษณะตางๆ กนั ไดอ ยา งเตม็ ทเ่ี พราะมคี ณุ สมบตั ติ ามทต่ี อ งการ 3.2 ลูกผสมฝรั่งเศส (French Hybrids) ลูกผสมของฝรง่ั เศส หมายถึงลูกผสมที่เกิดจากการ ผสมกนั ขององนุ ยโุ รป (vinifera) กับองุนพื้นเมืองอเมริกา หรอื ลกู ผสมพน้ื เมอื งอเมรกิ าดว ยกนั แตไ มม ี เลือดองนุ ยโุ รป โดยเจาะจงวาทาํ การผสมขน้ึ โดยชาวฝรง่ั เศส 3.3 ลกู ผสมอเมรกิ า (American Hybrids) คาํ จาํ กดั ความกเ็ ชน เดยี วกบั ลกู ผสมฝรง่ั เศส แต ผสมขึ้นมาโดยชาวอเมริกัน นน่ั เอง ประวตั ขิ องลกู ผสม 2 พวกนี้ เกิดจากจุดเดียวกัน กลา วคอื เมอ่ื ยโุ รป และอเมริกา เริ่มติดตอคาขายกันก็ไมมีการนา้ํ เอาองนุ พน้ื เมอื งของอเมรกิ าดว ย และเนอ่ื งจากความรู เรื่องการปองกันโรคและศัตรูพืชยังไมเจริญนัก ดงั นน้ั ตน องนุ ทม่ี าจากอเมรกิ าจงึ นําศตั รมู าระบาดใน

การปลูกองุน 6 ยุโรป เนื่องจากองุนพื้นเมืองอเมริกาคงทนตอโรคตางๆ โดยเฉพาะตัวเพลี้ยออนที่ชื่อฟลลอกเซอรา (phylloxera) และโรคตา งๆ จงึ ไดร ะบาด ทําความเสยี หายตอ องนุ ยโุ รป (vinifera) เปน อยา งมาก ไม สามารถปอ งกนั กาํ จดั ได หลายแหงตองเลิกกิจการไป จึงไดมีการแกไขโดยการทําลกู ผสมระหวา งองนุ ทง้ั 2 ชนิดข้ึนมา อนั เปน จดุ กาํ เนนิ ขององนุ พวกลกู ผสมฝรง่ั เศสหรอื ลกู ผสมอเมรกิ าทม่ี คี ณุ ภาพดเี ทา ๆ กับ องนุ ยโุ รป (vinifera) แท ๆ ดงั นน้ั จงึ ยงั คงนยิ มปลกู องนุ ยโุ รป (vinifera) กันโดยทั่วไป นอกจากท่ีซึ่งไม สามารถปลูกไดจริงๆ หรอื ใชต น ตอพนั ธตุ า งๆ ชวยโดยคุณภาพขององนุ ยโุ รป (vinifera) น้ันไมเ ปลย่ี น แปลง สภาพดนิ ฟา อากาศ ปกติองุนเปนพืชที่ปลูกไดงายอยางหนึ่ง อาจกลาวไดวาขึ้นไดดีในดินฟาอากาศเกือบทุกชนิด สวนคุณภาพของผลองนุ ทไ่ี ด แลว แตช นดิ พนั ธทุ จ่ี ะชอบดนิ ฟา อากาศแตกตา งกนั ออกไป กอ นการปลกู ควรไดศึกษาใหด เี สยี กอ น เพอ่ื ทจ่ี ะไดเ ปน ขอ สงั เกตในการเลอื กทป่ี ลกู เลอื กพนั ธุ หรอื ดดั แปลงสภาพท่ี ปลูกใหเหมาะสมกบั นสิ ยั ขององนุ พนั ธนุ น้ั ๆ ดงั จะเหน็ วา แหลง ปลกู องนุ ทด่ี ๆี ของไทยมักอยูแถวจังหวัด ราชบุรี นครปฐม เพชรบุรี โดยเฉพาะจังหวัดราชบุรี อาํ เภอดําเนนิ สะดวก ไดช อ่ื วา เปน แหลง ผลติ องนุ ท่ี มีคุณภาพดีทส่ี ดุ องนุ จากอาํ เภอนจ้ี ึงมีราคาแพง อาจเปน เพราะดนิ ดี ฟา อากาศเหมาะสม และกสิกรผู ปลูกมีความรคู วามชํานาญดี และมกั ไดย นิ เสมอวา องนุ พนั ธเุ ดยี วกนั นาํ ไปปลกู ในทบ่ี างแหง แลว มรี ส เปรย้ี วจนไมน า รบั ประทาน กลาวโดยทั่วๆ ไปที่ ๆ เหมาะสมตอ การปลกู องนุ ควรประกอบดว ย สง่ิ สาํ คญั 3 อยา ง คอื 1.! ฟา อากาศ 2.! ดนิ ดี 3.! โรคแมลงรบกวนนอ ย ฟาอากาศ ปกติ องุนชอบท่ี ๆ มอี ณุ หภมู คิ อ นขา งสงู แดดจัด และความชน้ื ในอากาศตา่ํ แดดที่จัด อณุ หภูมิ ท่ีสูงจะชวยทําใหผ ลองนุ สกุ เตม็ ท่ี ทําใหค ณุ ภาพของผลดี หวานอรอ ย และความชื้นที่สูงจะทาํ ใหโรค แมลงระบาดได อยา งรวดเรว็ ตอ งเสยี คา ใชจ า ยในการปอ งกนั กาํ จดั สงู ดงั นน้ั เมอ่ื พจิ ารณาตามนแ้ี ลว จะ เห็นวาประเทศไทยไมเหมาะทจี่ ะปลูกองนุ เลย เพราะมฝี นตกชกุ หลายเดอื น ความชน้ื ในอากาศสงู คลอด ป โรคแมลงศตั รขู ององนุ จึงมมี าก โดยเฉพาะโรคที่เกิดกับใบ และผล เปนปญหาที่สาํ คญั มาก ชาวสวน องุนในปจจุบันตองฉดี ยากนั ทุก 5-7 วัน และบางแหง ตอ งฉดี ยาทกุ ครง้ั หลังฝนตก ซง่ึ สน้ิ เปลอื งคา ใช จายสูงมาก จนบางแหง ไดผ ลไมค มุ คา กบั ทล่ี งทนุ รวมทง้ั ปญ หาอน่ื ๆ เชน ฝนตก ทําใหผลแตก คุณภาพ ของผลไมดี หรอื ไมส ามารถบงั คบั การออกดอกขององนุ ไดเ ปน ตน ดนิ องุนที่ปลูกในประเทศไทย สว นมากปลกุ ในดนิ เหนยี ว ซง่ึ เดมิ เปน นาขา วหรอื สวนผลไมอ ยา งอน่ื แลวทําการยกรอ ง ซง่ึ กส็ ามารถผลติ องนุ ทม่ี คี ณุ ภาพดไี ด โดยปกตริ ากองนุ พวกองนุ ยโุ รป (viniferra)

การปลูกองุน 7 หรือที่กําลังปลกู กนั อยทู กุ วนั นไ้ี มต อ งการดนิ ทม่ี หี นา ดนิ ลกึ นกั เพราะรากจะแผขยายไปตามระดับผิวดิน เสียมากกวา การยกรอ ง นอกจากไมทาํ ใหร ากองนุ แชน ้าํ แลว การปลอ ยนา้ํ เขา รอ งสวน และการถา ยน้าํ ออกยังชวยใหมีการถายเทอากาศในดินอีกดวย ทาํ ใหร ากเจรญิ เตบิ โตไดด ี ในทอ งทอ่ี น่ื ทเ่ี ปน ทด่ี อน หรือ ท่ีสูงๆ เชน ไหลเ ขา ควรใหด นิ มหี นา ดนิ ลกึ พอสมควร ไมค วรนอ ยกวา 2 ฟุต ดนิ ทม่ี ดี นิ ดาน หรือหินแข็ง ต้ืนกวาน้ีจะใหต น องนุ เตบิ โตไมด ี แคระแกร็น และไมควรปลูกในดินที่เหนียวหนักหรือทรายจัด ความ อุดมสมบูรณของดินและธาตอุ าหารตางๆ มคี วามจาํ เปน สาํ หรบั การเจรญิ เตบิ โตของตน องนุ มาก เพราะ องุนที่ปลูกในเขตรอน จะมกี ารเจรญิ เตบิ โตตลอดทง้ั ป จึงจาํ เปน ตอ งใชธ าตอุ าหารตา งๆ มาก ประกอบ กับองุนมาก เพราะองนุ ทป่ี ลกู ในเขตรอ น จะมกี ารเจรญิ เตบิ โตตลอดทง้ั ป จึงจาํ เปน ตอ งใชธ าตอุ าหาร ตาง ๆ มาก ประกอบกบั องนุ เปน พชื ทใ่ี หผ ลผลติ มาก การเพม่ิ ธาตอุ าหารลงไปในดนิ ในแตล ะฤดเู กบ็ เกี่ยวจึงเปนสิ่งจาํ เปน โดยเฉพาะธาตุโปรแตสเซี่ยม นบั วา มคี วามสาํ คญั ตอ การปรบั ปรงุ คณุ ภาพของผล มาก ทั้งน้ีควรนาํ ดนิ มาวเิ คราะหเ พอ่ื ประกอบการพจิ ารณาการใสป ยุ ดว ยจะไดผ ลดี และรวดเรว็ ยง่ิ ขน้ึ ใน ทองท่ีท่ีปลูกองุนแลว ผลองนุ มรี สเปรย้ี ว เขา ใจวา เปน เพราะตน องนุ ไดร บั ธาตอุ าหารไมเ พยี งพอและไมไ ด สัดสว นมากกวา เปนผลจากปจจัยอื่น สําหรับท่ีปลกู ซง่ึ เปน ทด่ี อน ดนิ อาจเปน ดนิ ทราย ดนิ รว น หรือที่มีกรวดปน ถา มคี วามอดุ ม สมบูรณเพียงพอ มนี า้ํ ทจ่ี ะใหแ กต น องนุ ในเวลาทต่ี อ งการแลว ตน องนุ กส็ ามารถเจรญิ เตบิ โตใหผ ลดี ได เชนเดียวกัน ทั้งตนอาจใหญโต อายยุ นื กวา การปลกู ในทล่ี มุ อกี ดว ย สว นคณุ ภาพของผลนน้ั ก็สามารถจะ ปรับปรงุ ใหด ขี น้ึ ได ขอควรคาํ นงึ คอื แปลงปลกู องนุ ตอ งน้าํ ไมทวม เพราะถา นา้ํ ทว มตน องนุ เพยี ง 2-3 วัน ตน องนุ จะตายหมด และการเลอื กทป่ี ลกู ทเ่ี หมาะสมตง้ั แตแ รก ยอ มจะลดคา ใชจ า ยในการปรบั ปรงุ ดนิ ไดม าก การขยายพนั ธุ องุนเปนพืชท่ขี ยายพนั ธุไดง า ยและรวดเร็ว และสามารถทาํ ไดหลายวิธี เชน เพาะเมลด็ ปกชาํ ติดตาตอ กง่ิ หรือทับกิ่ง เปน ตน 1.$ การขยายพนั ธดุ ว ยเมลด็ วิธีน้ีทําไดง า ยแตไ มค อ ยนยิ ม เนอ่ื งจากเสยี เวลานาน และอาจกลายพนั ธไุ ดง า ย และพนั ธทุ ไ่ี มม ี เมล็ดก็ไมสามารถใชว ธิ นี ไ้ี ด การเพาะเมล็ดทาํ ไดโ ดยการเกบ็ เมลด็ มาลา งใหส ะอาด และตอ งทาํ ลายการ ฟกตัวของเมลด็ กอ นโดยเกบ็ ไวใ นตเู ยน็ 2-3 เดอื น แลว จงึ นาํ ไปเพาะ เมลด็ จะงอกงา ยและเตบิ โตเรว็ ตนองุนที่ไดจากการเพาะเมล็ดในอายุ 1 ป ควรมเี ถายาว 3 ฟุต เปน อยา งนอ ยและปลกู ชาํ เสยี กอ นเปน เวลาประมาณ 7 เดอื นเปน อยางนอ ย เมื่อทาํ การตดั เถาแลว จงึ ยา ยปลกู ในแปลงถาวรตอ ไป เพ่ือสะดวก ในการดูแลรักษาใหทั่วถึง เพราะเน้ือท่ีในการดแู ลไมก วา งขวางเหมอื นนาํ ไปปลกู ในแปลงถาวรโดยตรง และยังเปน การลดคา แรงงานและคา ใชจ า ยตา ง ๆ ดว ย 2. การขยายพนั ธแุ บบทบั กง่ิ การขยายพันธุวิธีนี้ทาํ ไดโ ดยโนม กง่ิ ทแ่ี กล งวางกบั ดนิ แลว ใชด นิ กลบ หรอื ขดุ ดนิ กลบ บางทกี ข็ ดุ ดินเปนรางลึกประมาณ 5 นว้ิ โนม กง่ิ ใหท อดยาวไปตามราง แลวใชดินท่ีช้ืนกลบไว ไมน านกจ็ ะเหน็ วา มี

การปลูกองุน 8 ตนองุนเกิดขึ้นมาหลายตนจากก่งิ ดงั กลาว ควรพนู ดนิ ขน้ึ มาสกั หนอ ยเพอ่ื ลอ ราก ทง้ิ ไวจ นตน โตพอควร ก็ตัดออกจากกนั นาํ ไปปลกู ได การทับก่ิงนี้ถึงแมจะเปนวิธีท่ีใหผลแนนอน และงายแตก็ไมสะดวกเหมือนการปก ชําและถาทาํ เปนจํานวนมาก ๆ ก็มักจะเกะกะกีดขวางการทาํ งานในสวน อยา งไรกด็ ี วธิ นี ก้ี เ็ หมาะสําหรบั ใชก บั องนุ ท่ี ขยายพันธุไดยากดวยวิธีอื่น 3. การตอน เปนวิธีการที่ดีและเหมาะสม เพราะองนุ ออกรากงา ย ใชเ วลา 3-4 สปั ดาหก อ็ อกราก โดยไม ตองใชสารฮอรโ มนชว ยในการออกราก วธิ กี ารตอนจะไดผ ลถงึ 100% แตก ม็ ขี อ เสยี คอื เปลอื งกง่ิ เพราะ ก่ิงหนง่ึ เราตอนไดเ พยี ง 1 ตน ผิดกับการปกชาํ ซง่ึ กง่ิ องนุ หนง่ึ กง่ิ เราจะปก ชาํ ไดห ลายตน เม่ือก่ิงท่ีเราตอนออกรากดแี ลว จะตัดไปปลูกเลยหรอื จะนาํ ไปปลกู ในแปลงกลา ออ นกอ นกไ็ ด 4.การปกชาํ เปนวิธีการขยายพันธุที่เหมาะสมอีกวิธีหนึ่ง กง่ิ องนุ ทเ่ี หมาะสมสาํ หรับการปกชาํ และออกรากดี ควรเปนกง่ิ ทม่ี สี นี ้าํ ตาล อายปุ ระมาณ 7 เดอื นขน้ึ ไป แตไ มค วรเกนิ 1 ป กง่ิ ทแ่ี กห รอื ออ นเกนิ ไป การอก รากก็ไมคอยดี และควรเลอื กกง่ิ ขนาดกลางๆ ไมใหญหรือไมเ ล็กเกินไป กง่ิ ทม่ี ขี อ ถๆ่ี จะออกรากดีกวา กิ่ง ที่ขอหางๆ เวลาจะทาํ การปกชาํ ใหต ดั กง่ิ องนุ เปน ทอ นๆ ทอนหนึ่งยาว 6-9 นว้ิ หรือ 1 ฟุต โดย ประมาณหลังจากที่เราเริ่มทาํ การปกชาํ ประมาณ 15 ถึง 20 วัน กิ่งที่ปกชาํ ก็จะแตกราก การขยายพันธุ โดยการปกชาํ นจ้ี ะใหผ ลประมาณ 80% ทั้งนี้ข้ึนอยกู ับการดูแลรกั ษาดว ย ขอ ดขี องการปก ชาํ คอื องนุ กง่ิ หนง่ึ เราอาจนํามาตดั เปน ทอ นสาํ หรับปกชาํ ไดถ งึ 2-4 กิ่ง ทาํ ใหไ มเ ปลอื งกง่ิ วิธกี ารปก ชํา การปกชํา ทาํ ไดใ น 2 ลกั ษณะ คอื ก. การปกชาํ ในกระบะชาํ ขนาดของกระบะชําแลวแตความสะดวกในการดแู ลรกั ษา อาจใชไ ม กระดานตอกเปน กระบะหรอื ทาํ เปน ลงั เลก็ ๆ หรอื ใชล งั ไมท ม่ี อี ยแู ลว กไ็ ด วัสดุที่ใชชาํ ประกอบดวยทราย หยาบ ข้ีเถา แกลบ ผสมกนั ในอตั รา 1 ตอ 1 ถา ใชท รายมากรากจะส้นั ไมแผก วางนกั และถา ใชข เ้ี ถา แกลบมาก รากจะยาวเกะกะทาํ ใหย า ยลําบาก แปลงชาํ ควรอยใู นทร่ี ม รําไร หรือใชทางมะพราวทํารมใหก็ ได นาํ กิ่งที่จะปกชาํ จมุ ในนา้ํ ยาฮอรโ มนชว ยในการออกรากวจะทาํ ใหอ อกรากไดม าก และแขง็ แรง แลวจึง ปกกิ่งที่เตรียมไวลงไปในวัสดุปกชาํ ลกึ 1 ใน 3 ของกง่ิ หลกั จากปก กง่ิ ไมน านใบจะรว งจนหมด กง่ิ มี ลักษณะเหมอื นไมแ หง ประมาณ 15-20 วนั จงึ จะเรม่ิ แตกราก และแตกตาใหม การยายกิ่งชาํ ควรทาํ ใน ระยะทม่ี รี ากมากพอสมควร และถาปลอยไวจนแตกรากฝอยแลว รากจะแข็งแรง ไมหักไมชํ้างา ยเมอ่ื ทาํ การยาย แตอ ยา ทง้ิ ไวน านเกนิ ไปเพราะ ในวัสดปุ ก ชาํ ไมม อี าหารทจ่ี ะใหอ ยา งเพียงพอ ดงั นน้ั เมอ่ื ราก แข็งแรงดีแลวจะนาํ ไปปลูกเลยก็ไดแตอาจจะตายมากหรอื ชะงกั การเตบิ โตไมส ม่าํ เสมอ ทางทีด่ ีควรได ยายไปปลูกในแปลงกลา ออ น หรอื ปลกู ในภาชนะทม่ี ดี นิ สักพักหนึ่ง จนกวา ตน แขง็ แรงดจี งึ นําไปปลกู ในแปลงจรงิ ข. การปกชาํ ในแปลงปลกู ใตตนองุนในแปลงมักจะรมรําไรอยเู สมอจงึ สามารถใชเ ปน แปลง ปกชําก่ิงองุนไดโดยไมตองสรา งเรอื นเพาะชําใหม เพยี งแตป รบั ปรงุ ดนิ ใตต น ใหร ว นซยุ เหมาะตอ การใส ปุยคอกแลวยกเปนแปลงเลก็ ๆ หรือใชไมตีเปนกระบะแลวบรรจุวัสดุปกชาํ ลงไป วัสดุปกชาํ ใชเ ชน เดยี ว กับที่กลาวแลวคือ ขี้เถาแกลบและทรายหยาบอยางละเทาๆ กัน โดยวิธีการปกชาํ ดงั กลา วขา งตน

การปลูกองุน 9 การทาํ แปลงกลา ออ น ก่ิงที่ไดจ ากการตอน จากการปกชาํ ทอ่ี อกรากดแี ลว ควรนาํ มาปลกู ใน แปลงไมออน หรอื ในภาชนะจะดแู ลรกั ษางา ย การใหปุยใหนํ้าเปน ไปอยา งทว่ั ถงึ การปลกู ในแปลงไม ออนหรือในภาชนะกอนท่ีจะนําไปปลูกในแปลงจริง ตนจะเจริญเติบโตแข็งแรงรวดเร็วและสม่ําเสมอดี กวา การเอากง่ิ ปก ชําหรอื กง่ิ ตอนไปปลกู ในแปลงจรงิ เลยทเี ดยี ว แปลงกลาออน คือ แปลงดนิ ธรรมดาเหมอื นกบั แปลงจรงิ อยูก ลางแจง ดนิ ในแปลงกลา ออ นน้ี ควรปรับปรุงใหร ว นซยุ โดยการใสป ยุ คอก ปุยหมัก ขนาดของแปลงแลว แตค วามสะดวกในการปฏบิ ตั งิ าน เม่ือเตรยี มดนิ เสรจ็ แลว ใหน ํากิ่งที่ไดจากการปกชาํ หรอื กง่ิ ตอน มาปลกู ในแปลงใหถ ห่ี นอ ย ดแู ลรดนา้ํ ฉีดยา ใหปุย จนกระทง่ั เนอ้ื ไมข องกง่ิ นน้ั แกจ งึ ตดั ใหเ หลอื แตต อ หรอื เหลอื ตาไวป ระมาณ 2-3 ตาแลวจึง ขุดไปปลกู ในแปลงจรงิ ตอ ไป สวนการปลูกในภาชนะก็เชนเดียวกัน ดนิ ทใ่ี ชค วรเปน ดนิ ทร่ี ว นซยุ เมอ่ื ปลกู กง่ิ ลงไปแลว ใหน าํ มาวางเรียงกันเปนแถวเปนแนเพื่อสะดวกในการดูแล ปลกู ไวจ นเหน็ วา เนอ้ื ไมข องกง่ิ แกแ ลว จงึ ตดั ยอดให สั้นเหลือเพยี ง 2-3 ตา กน็ ําไปปลกู ในแปลงจรงิ ได 5. การตดิ ตาองนุ ตนองุนมีเปลือกไมท่ีลอกออกยาก ดังน้ันการติดตาดวยวิธีตางๆ ที่จําเปนตองสอดตาไวใน ระหวางเปลือก และเน้ือไมจ งึ ไดผ ลไมด ี วิธีที่ใชกันอยูมากก็คือวิธีที่เรียกวา วิธีติดตาแบบชิบหรือวิบ (Chip budding) ซึ่งทําไดโดยเฉอื นตาจากกง่ิ พนั ธดุ ใี หล กึ เขา ไปในเนอ้ื ไม บากตน ตอใหเ ปน รปู อยา ง เดียวกับที่เฉือนตาพันธุไว เอาตาใสเ ขา ไปในรอยบากนแ้ี ลว มดั ใหแ นน อาจจะมดั ดว ยวธิ เี ปด ตาหรอื ปด ตาก็ได อยา ใหน า้ํ เขา ไปขา งในได จุดประสงคของการตดิ ตาองนุ น้ี ก็เพื่อใหไดตนที่ใหผลดี แตมีรากแข็งแรงทนทาน องนุ พนั ธดุ ี อาจออนแอหรือถูกรบกวนดวยศัตรูในดินไดงาย แตองุนพันธุปาบางพันธุอาจมีรากแข็งแรงทนตอโรค แมลงในดินไดดี เรากเ็ อาพนั ธนุ น้ั เปน ราก (ตน ตอ) แลว เอาตาพนั ธดุ มี าตดิ ใหเ ปน สว นยอด 6. การตอ กง่ิ องนุ ความมุงหมายในประการหนง่ึ ของการตอ กง่ิ องนุ กเ็ ชน เดยี วกบั การตดิ ตา นอกจากนน้ั ยงั ทาํ เพื่อ เปลี่ยนพันธุอีกดวย ในกรณีท่ีมีพันธุหน่ึงใดปลกู ไวแ ลว และประสงคจ ะเปลย่ี นใหด ขี น้ึ โดยใชต อเดมิ เปน รากฐาน ไมต อ งปลกู ใหมอ กี การตอกิ่งองุนทําไดห ลายวธิ นี ้ี อาจแบง ออกไดเ ปน 2 อยา งกวา งๆ คอื การตอ กง่ิ ในแปลง และ การตอ กง่ิ นอกแปลง 1. การตอ กง่ิ ในแปลง (vineyard grafting) หมายถงึ การทเ่ี อากง่ิ พนั ธุ (scion) ไปตอ บนตน ตอ (stock) ที่ปลูกไวในแปลง หรอื เปน การเปลย่ี นพนั ธใุ หเ ปน รปู ลม่ิ แลว เอาเสยี บลงในชอ งทผ่ี า ไวข อง ตนตอ ถาเปน ตน เลก็ กใ็ ชผ า ขผ้ี ง้ึ เชอื ก หรือผา พลาสติกรดั ใหแนน ถา เปน ตอใหญก ไ็ มจ ําเปน ตอ งผกู รดั เพราะกงิ่ พนั ธจุ ะถกู บีบแนนอยแู ลว เพียงแตใชสีหรือขี้ผึ้งทาปดรอยแผลก็เพียงพอ ในตางประเทศมักใชก ง่ิ พนั ธุทีม่ ีตา 2 ตา แตเทาที่ทดลองทาํ ในเมอื งเราแลว ปรากฏวา กง่ิ พนั ธุ ที่มี 2 ตานแ้ี หง งา ย สใู ชก ง่ิ พนั ธทุ ม่ี ตี าเดยี วไมไ ด 2. การตอ กง่ิ นอกแปลง (bench grafting) การตอกง่ิ นอกแปลงนค้ี อื การเอากง่ิ พนั ธ(ุ scion) ตอหรือเสยี บกบั กง่ิ หรอื รากของตน ตอ (stock)แลว จงึ นําไปปกชาํ หรอื ปลกู ตอ ไป วธิ นี เ้ี หมาะสมสาํ หรับ สวนใหญ ๆ เพราะทาํ ไดส ะดวกและรวดเรว็ ดกี วา การตอ กง่ิ ในแปลงมาก

การปลูกองุน 10 การตอ กง่ิ นอกแปลงนท้ี ําไดหลายวิธี ที่ทํากนั มากคอื แบบ ชิบ Cleft graft และแบบวิบ หรือ ปากฉลาม whip graft แบบแรกคือแบบชิบ (cleft graft) น้ันทําเชน เดยี วกบั ทก่ี ลา วมาแลว ในเรอ่ื ง การตอก่ิงในแปลงแตใ ชก ง่ิ พนั ธุ และตน ตอทม่ี ขี นาดเทา ๆ กัน เสมอไป สวนแบบวิบ หรอื ปากฉลาม (whip graft) น้ัน ก็ใชก ง่ิ พนั ธแุ ละตน ตอทม่ี ขี นาดเดยี วกนั เชน กนั เฉือนโคนกิ่งพันธุเปนปากฉลาม แลว ผา ออกใหเ ปน ลม่ิ ทําการเฉอื นและผา สว นปลายของกง่ิ หรอื ราก ของตนตอใหเหมือนกับท่ีทํากับกิ่งพันธุ แลวเอาพันธุและตนตอน้ีเสียบเขาใหแนน ใชเชือกหรือผา พลาสตกิ ฯลฯ ผูกเพื่อมิใหขยับเขยื่อน และนาํ ไปปกชาํ หรอื ปลกู ตอ ไป 7. การเสรมิ ขาองนุ เปนวิธีที่นิยมอีกวิธีหนึ่ง ใชใ นกรณที ป่ี ลกู องนุ พนั ธดุ อี ยแู ลว แตต อ งการใหม รี ะบบรากทแ่ี ขง็ แรง หาอาหารไดเกง ตน องนุ ทจ่ี ะนาํ มาเสรมิ มกั ใชต น องนุ ปา วิธีทําคอื ปลกู ตน องนุ ปา ใกลๆ กบั ตน พนั ธดุ ที ม่ี ี อยูแลว เม่ือตน องนุ ปา เตบิ โตแขง็ แรงดแี ลว กบ็ ากทต่ี น องนุ พนั ธุ และเสย้ี มปลายกง่ิ องนุ ปา แลวนาํ มา ประกอบกันใหสนิทพันดวยพลาสติกเหนียวใหแนน กจ็ ะไดต น องนุ ทม่ี ี 2 ขา หรอื มี 2 โคน ถา ตอ งการ ใหมี 3 ขาก็ตอดา นตรงขา มอกี ตน หนง่ึ ขนาดของตน องนุ พนั ธแุ ละองนุ ปา ทน่ี าํ มาเสียบไมจาํ เปน ตอ งเทา กันก็ได เมอ่ื อยูไปหลายๆ ป โคนทง้ั สองจะเตบิ โตเทา ๆ กนั เอง 8. ตน ตอองนุ ตามท่ีกลาวไวแลในเร่ืองการติดตาองุนวา การติดตาวตอกิ่งองุนพันธุดีบนตนตอก็เพื่อใหองุน พันธุดีมีรากท่ีแข็งแรงทนทาน ไมถูกศัตรูในดินรบกวน ศัตรูในดนิ ขององนุ ทส่ี าํ คัญคือ ไสเ ดอื นฝอย (nematode) และแมลงชนิดหน่ึงมีช่ือวา ฟวลอ กเซอรา (phylloxera) องุน พันธดุ ีพวก องนุ ยโุ รป (vinifera) ไมมีความทนทานตอ ตวั นจ้ี งึ ทาํ ใหเ ราสามารถนํามาใชป ระโยชน ในดา นเปน ตน ตอปอ งกนั ศัตรูท่ีรายแรงดังกลา วไดผ ลดี นอกจากเรอ่ื งการปอ งกนั โรคแมลงแลว ตน ตอยงั อาจใชป ระโยชนใ นการ ปลูกในทด่ี นิ ตา ง ๆ กนั อกี ดว ย เพื่อใหตนเจริญเติบโตดีที่สุด สําหรับตนตอองนุ น้ี ในตา งประเทศไดศ กึ ษาคน ควา กนั อยา งกวา งขวาง จนกลา วไดว า มตี น ตอท่ี เหมาะสมกับสภาพตา งๆ ทุกอยาง เชน ตน ตอ ทท่ี นโรค ทนแมลง ตน ตอสาํ หรบั ปลกู ในดนิ ทราย ตน ตอ สําหรบั ปลกู ในดนิ เหนยี ว เปน ตน สวนตนตอท่ีใชก นั อยใู นประเทศไทยนน้ั เปน ตน ตอองนุ ปา หรอื องนุ เปรย้ี ว ซง่ึ ใชส ําหรบั เปน ตน ตอสําหรับตดิ ตา องนุ พนั ธดุ ตี า งๆ หรอื ใชเ สรมิ ขา (เสรมิ ราก) องนุ พนั ธทุ ด่ี ปี ลกู อยกู อ นแลว หลักทว่ั ไปในการปรบั ปรงุ คณุ ภาพของผลองนุ ผูซื้อองุนอาจจะสังเกตไดว า องนุ ทม่ี ขี ายตามทอ งตลาด ทั่วไป คุณภาพไมคอยจะดีนัก กลา วคอื ผลเลก็ ชอ ผลเลก็ ผลนม่ิ ไมกรอบ ผิวไมสวย มรี สเปรย้ี ว รสฝาด ไมช วนช้อื ไมน า รบั ประทาน การท่ีองุนมคี ณุ ภาพไมค อ ยดดี งั กลา วมสี าเหตมุ าจาก หลายประการและอาจแกไ ขปรบั ปรงุ ใหค ณุ ภาพดขี น้ึ ได แตท ง้ั น้ี ไมไดหมายความวา องนุ ทป่ี ลกู ในเมอื งไทยทง้ั หมดคณุ ภาพไมด ี ในทองที่บางแหงสามารถผลิตองุนที่มีคุณภาพเทียบเทาหรือดี

การปลูกองุน 11 กวาองุนตางประเทศเสียอีก ท้ังน้ีเพราะชาวสวนมคี วามรคู วามชาํ นาญในการปรบั ปรงุ คณุ ภาพขององนุ น้ันเอง แตท่ีเรามกั ไมค อ ยพบในตลาดทว่ั ไปเพราะพอ คา เลอื กทม่ี คี ณุ ภาพดๆี สง ไปขายตา งประเทศ เชน มาเลเซยี สงิ คโปร ปน ัง เปนตน ตลาดในประเทศกม็ ขี ายเปน บางตลาดเทา นน้ั หรอื ในเทศกาลเปน ครง้ั คราว องุนที่มีคุณภาพดีๆ จะไดร าคาดกี วา องนุ ทค่ี ณุ ภาพไมด ี 2-3 เทา และยงั สง ขายตา งประเทศได อีกดวย การปรบั ปรงุ คณุ ภาพของผลองนุ จงึ เปน สง่ิ จาํ เปนที่ควรกระทาํ อยา งยง่ิ คุณภาพของผลองุนรวมความถงึ ขนาดของผล ขนาดของชอ ผล สขี องผล ความสมา่ํ เสมอของสี ความกรอบ รสชาติ คุณภาพในการเก็บรักษา และคณุ ภาพในการขนสง เปน ตน การปรบั ปรงุ คณุ ภาพของผลองนุ อาจทาํ ไดโ ดย 1.$ การบาํ รุงตนองุนใหแข็งแรง สมบูรณเต็มที่ หลังการเกบ็ ผลควรปลอ ยใหต น องนุ พกั ตวั ระยะหนง่ึ โดยทั่วไปประมาณ 2 เดอื น จากการ สังเกตถาใหตน องนุ พกั ตวั นอั ยในฤดวู ตอ ไปผลผลติ และคณุ ภาพจะไมด ี ทง้ั นเ้ี พราะอาหารสะสมในตน มี ไมเพียงพอและไมค วรปลอ ยใหต น พกั ตวั นานเกนิ ไป เพราะตน องนุ จะแตกกง่ิ เลก็ ๆ ออกมาเองโดยไมไ ด ตัดแตง กง่ิ พวกนจ้ี ะใชอ าหารสะสมในตน ไปโดยเปลา ประโยชน เมื่อทาํ การตัดแตงจะทาํ ใหต น องนุ ใหผ ล ผลิตนอยลงและคุณภาพไมคอยดีเชนกัน ระยะเวลาในการปลอ ยใหพ กั ตวั นานกวา ตน ทใ่ี หผ ลผลติ นอ ย เปนตน รวมท้ังฤดกู าลดว ย เพราะขณะทต่ี น องนุ พกั ตวั ถา ฝนตกองนุ จะแตกกง่ิ กา นเลก็ ๆ ออกมาเอง ผู ปลูกก็จาํ เปน ตอ งตดั แตง กอ นกาํ หนด 2.$ การไวชอผล และการไวผลในชอ ปกติองุนท่ีปลกู ในบา นเราทกุ วนั น้ี มนี สิ ยั ทจ่ี ะใหช อดอกมาก และจาํ นวนผลในชอ กม็ าก จนตอ ง ชวยปลิดดอก ชอผล ปลดิ ผลในชอ ออกเสยี บา ง ถา ปลอยผลไวัท้งั หมดจะเกินกาํ ลงั ของตน ทําใหผ ลมคี ณุ ภาพไมด ี ผลเลก็ และผลกเ็ บยี ดเสยี ดกนั แนน มากเกนิ ไป การปลดิ ดอกปลดิ ผลมี 3 วิธีคอื ก. การปลดิ ชอ ดอก โดยการปลดิ ชอ ดอกทม่ี ขี นาดเลก็ ดอกไมส มา่ํ เสมอทง้ิ ไปเสยี บา ง ข. การปลดิ ชอ ผล นิยมปฏบิ ตั มิ ากกวา วธิ แี รก เพราะวาทราบจาํ นวนทแ่ี นน อน เพราะการ ปลิดชอดอกนน้ั ชอ ดอกทเ่ี หลอื อาจไมต ดิ ผลกไ็ ด ท้ังการปลดิ ชอ ดอก ชอผล ควรใหชอ ดอก ชอผล ที่เหลือกระจายอยูทั่ว ๆ ไปในตน จะทาํ ใหผลที่ คงไวมีคุณภาพดี แตท ง้ั นต้ี อ งคาํ นงึ ถงึ ราคาขายดว ย การปลดิ ชอ ดอก ชอ ผลออกมากๆ แมคุณภาพผลจะ ดีแตผลผลิตจะลดลงมากเหมอื นกนั รวมทง้ั ความสมบรู ณข องตน ดว ย ค. การปลดิ ผลในชอ อาจทาํ โดยการตดั ชอ ดอกออกบางสว น แตไ มน ยิ มปฏบิ ตั กิ นั มักจะใชวิธี ตัดผลในชอออกมากกวา โดยการใชกรรไกรเล็ก ๆ สอดเขา ไปตดั ขว้ั ของผล การตัดผลจะทาํ 1-2 ครง้ั จนชอผลโปรงพอเหมาะ ผลองนุ ไมเ บยี ดเสยี ดกนั ผลเลก็ ๆ ที่ตัดออกก็ขายไดโดยทาํ เปน องนุ ดอง 3.$ ปลอยใหผ ลองนุ แกเ ตม็ ท่ี จะทําใหไ ดผ ลองนุ ทม่ี คี ณุ ภาพดี รสหวานจัด แตใ นทางปฏบิ ตั จิ รงิ ๆ แลว บางครง้ั กจ็ าํ ตอ งเกบ็ กอนท่ีผลองนุ จะแกเ ตม็ ท่ี เชน ฝนตกถาทิ้งไวจะทําใหผ ลแตกเสยี หายหรอื พอ คา บอกใหต ดั กอ นเนอ่ื งจาก

การปลูกองุน 12 องุนขาดตลาด เปน ตน องนุ ทต่ี ดั กอ นจะมผี ลสเี ขยี วจดั (พนั ธขุ าว) รสเปร้ียว ฝาด เกบ็ ไวไ ดไ มน าน จะเหย่ี วรว งหลน งา ยเปลอื กเหนยี ว และไมค วรปลอ ยใหอ งนุ แกจ ดั เกนิ ไป เพราะจะทาํ ใหผ ลรว งหลน เสยี หายงา ย รสหวานจดั เกนิ ไป เกบ็ ไวไ มไ ดน าน การดูวาองุนจะแกจดั เม่อื ใด อาจดจู ากสขี องผล ความหวานของผล จาํ นวนวนั ตง้ั แตอ อกดอกจน ถึงผลแก และอน่ื ๆ ประกอบกนั 4.$ ควรงดการใหน า้ํ กอ นเกบ็ ผล ชาวสวนบางแหง จะใหน้ําแกต น องนุ กอ นเกบ็ ทง้ั นเ้ี พอ่ื ใหไ ดน ้าํ หนกั เพม่ิ ขน้ึ แตก ารใหนา้ํ กอ นเกบ็ จะทําใหคณุ ภาพของผลองนุ ลดลง กลาวคอื ไมหวานเทาท่คี วร เนอ้ื ไมก รอบ ผลเกบ็ ไวไ ดไ มน าน ปกตจิ ะงดการใหน ้ําอยา งนอ ยประมาณ 7 วัน กอนที่วจะทาํ การเก็บผล จะทาํ ใหไ ดผ ลองนุ ทไ่ี ดม ี รสหวานจัด คุณภาพของผลดี ขณะเดียวกนั ระยะนก้ี ใ็ หง ดการใชย าฆา แมลง ยากนั ราดว ยเพอ่ื ความ ปลอดภยั ของผบู รโิ ภค 5. การทรมานพชื การทรมานพืชดวยวิธีตางๆ เชน การควน่ั กง่ิ การรดั กง่ิ หรอื รดั ตน ดว ยลวด การบากกิ่ง บางครง้ั การทรมานพืชใชเพื่อบังคับใหพืชออกดอกหรือติดผล ในกรณที พ่ี ชื นน้ั ออกดอกยาก หรอื ออกดอกแลว ไมคอยติดผล แตบ างครง้ั กใ็ ชก ารทรมานพชื เพื่อใหผลดีมีคุณภาพดี ในองนุ มีการทรมานพชื ดว ยวตั ถุ ประสงคทั้งสองอยางแตสําหรบั องนุ ทป่ี ลกู ในเมอื งไทยในปจ จบุ นั มนี สิ ยั ออกดอกงา ย ตดิ ผลมากอยแู ลว จึงไมจําเปนตองทรมานเพ่ือใหออกดอกและติดผล แตการปรับปรุงคุณภาพอาจจะจําเปนในบางสวน หรือบางพนั ธซุ ง่ึ ตอ งพจิ ารณาเปน กรณๆี ไป การควั่นกิ่งหรือรดั กงิ่ ทาํ ใหอ าหารตา งๆ ทพ่ี ชื ปรงุ ไดไ มเ คลอ่ื นทม่ี าลงสว นลา งคงสะสมอยสู ว น บนทาํ ใหผ ลไดร บั อาหารอดุ มสมบรู ณ ทาํ ใหค ณุ ภาพของผลดขี น้ึ แตท่ีไมค อ ยนยิ ม เพราะตอ งมคี วามชาํ นาญในการทาํ งาน รอยควน่ั จะตอ งไมใ หญเ กนิ ไป ไมล กึ เกินไปตองกะเวลาใหร อยควน่ั ตอ เชอ่ื มกนั ในเวลาอนั รวดเรว็ เพราะถาชาเกินไปตนจะโทรม และมกั ไม ทําตดิ ตอ กนั ทกุ ป การขาดความชาํ นาญอาจทาํ ใหก ง่ิ องนุ หรอื ตน องนุ ตายได 6.$ การใสป ยุ จากการศึกษาพบวา องนุ เปน พชื ชนดิ ทต่ี อ งการธาตอุ าหารตา ง ๆ หรอื ปยุ เปน ปรมิ าณคอ นขา ง มาก เพื่อบาํ รงุ ตน ใหแ ขง็ แรง บาํ รงุ ผลใหม คี ณุ ภาพดี ชาวสวนบางแหง จะใสป ยุ ถงึ ฤดลู ะ 3 ครง้ั หลงั เกบ็ ผลแลวกใ็ สปยุ คร้งั หนึ่ง ซง่ึ เรยี กปยุ รองพน้ื สาํ หรับบาํ รงุ ตน พรอ มกบั ปยุ มลู สตั วต า ง ๆ เพื่อบาํ รงุ ตน ดว ย คร้ังท่ีสองจะใหห ลงั ตดั แตง ประมาณ 7-15 วัน เปน การบาํ รงุ ยอด ใบ และดอก ทผ่ี ลติ ขน้ึ มาใหมแ ละ ครั้งที่ 3 จะใสป ระมาณ 45 วนั หลงั ตดั แตง เปน การบาํ รงุ คณุ ภาพของผลองนุ รวมแลว จะประมาณ 1.5 กก. ตอตนแลวแตค วามอดุ มสมบรณู ข องดนิ สตู รปยุ กต็ า งๆ กนั ออกไป แลว แตค วามอดุ มสมบรู ณข อง ดินเชนกัน ทั้งนกี้ อนการใสป ุยควรจะไดศ กึ ษาสงั เกตการเจรญิ เติบโต ผลผลติ และคณุ ภาพของผลในฤดู กอน และจะใหด คี วรไดน ําดินมาวิเคราะหเสียกอนจะชวยใหใชปุยที่ถูกสูตร และในปรมิ าณทถ่ี กู ตอ งซง่ึ จะ เปน การประหยัดและไดผลดกี วา ตัวอยางจากการทดลองปยุ เพอ่ื ปรบั ปรงุ คณุ ภาพของผลองนุ อําเภอสามพราน จังหวัดนครปฐม พบวาท่ีมธี าตอุ าหารฟอสฟอรสั และโปรแตสเซียมสูง จะชว ยใหผลองุนมีคณุ ภาพดี โดยเฉพาะธาตุโปร

การปลูกองุน 13 แตสเซียมจะทาํ ใหผ ลองนุ เขา สสี มา่ํ เสมอ สีสวย ผลกรอบ รสหวานจัด สตู รทใ่ี หผ ลดใี นการทดลองดงั กลาวคือ 6-24-36 ใชใ นอตั รา 1 กก. ตอ ตน โดยการแบง ใส 2 ครง้ั คอื 7 วนั หลงั ตดั แตง และ 45 วัน หลงั ตดั แตง เปน ตน 7.$ การใชฮอรโมน ปจจุบันการใชสารฮอรโมนเม่ือปรับปรุงคุณภาพของผลองุนกําลังเปน ทน่ี ยิ มอยา งกวา งขวางของ ชาวสวนองุน เพราะสารฮอรโมนมีคุณสมบัติทําใหผลองนุ มรี ปู รา งยาวขน้ึ ชอ ผลยาว สวยงามเปน ท่ี ตองการของผูซื้อ คณุ ภาพของผลกด็ กี วา กลา วคอื ผลกรอบ เปลอื กไมเ หนยี ว รสหวาน และการใชส าร ฮอรโมน ยังทําใหผ ลองนุ แกเ รว็ ขน้ึ อกี ดว ย ฮอรโมนท่ีใชม ขี ายเปน การคา ในชอ่ื ทต่ี า ง ๆ กนั ออกไป แตตวั ยามกั เหมอื น ๆ กัน ทน่ี ยิ มมาก ชนดิ หนง่ึ คอื “จิบเบอรเลนลดิ เอซดิ “ หรือ จี.เอ. (G.A.)ซึ่งทาํ ใหผ ลองนุ มคี ณุ ภาพดดี งั กลา ว การใช อาจโดยการพน นา้ํ ยานไ้ี ปยงั ชอ องนุ แตช าวสวนบางแหง นยิ มวธิ ชี บุ ชอ องนุ มากกวา เพราะทาํ ไดร วดเรว็ และประหยัดนาํ้ ยาโดยเอานา้ํ ยาใสใ นถงุ พลาสตกิ แลว เอาชอ องนุ จมุ ลงไปประมาณ 2-3 วินาที การใช วิธีน้ีมีขอเสยี ในแงที่อาจแพรเ ช้อื โรคจากชอ หนึง่ ไปยงั อีกชอหนง่ึ ได ถาเปนระยะที่โรคกาํ ลงั ระบาด ควร ผสมยากันราลงไปดวย อตั ราของสารฮอรโ มนทใ่ี ชป ระมาณ 35-50 พ.ี พี.เอ็ม. (35-50 สว นของตวั ยา ในนํ้าลา นสว น) ผปู ลกู อาจซอ้ื ตวั ยามาผสมเองหรอื ทผ่ี สมไวเ สรจ็ แลว กไ็ ด สารฮอรโ มน ชว ยใหอ งนุ มคี ณุ ภาพดดี งั กลา ว แตม ขี อ เสยี เชน เดยี วกนั กลา วคอื จะทาํ ใหขั้วผล องุนเปราะ รวงหลดุ ไดง า ย เวลาขนสง ผลองนุ จะรว งมาก การขนสง ตอ งทาํ ดว ยความระมดั ระวงั ทง้ั นต้ี อ ง ศึกษาผลของฮอรโมนใหดีเสียกอนวาใชในอัตราใดจึงจะไดผลท่ีคุณภาพดีและไมรวงงาย เพราะย่ิงใช อัตราเขม ขน มากจะยง่ิ ทําใหร ว งมาก จากการศึกษาเร่ืองความสมั พนั ธข องการรว งของผล เนอ่ื งจากการใชฮ อรโ มนตวั น้ี และการใช ปุยพบวาปุยที่มีสูตรโปรแตสเซี่ยมสูง เชน 6-12-36 , 6-24-36 จะชว ยลดการรว งของผลใหน อ ยลง ได 1. พนั ธไุ วทม าลากา เปนพันธุที่ปลูกเปนการคามากที่สุดในปจจุบัน เปนที่นิยมของผูบริโภคโดยทั่วไป ลักษณะผล คอนขางยาวเมอ่ื แกผ ลเปน สเี หลอื งอมเขยี ว เหลอื งนวลสวยงาม ชวนซื้อ รสหวานกรอบ ชอผลยาวรูป ทรงสวยงามดีไหตอกดก ตดิ ผลมากจนตอ งปลดิ ผลทง้ิ บา ง สามารถใหผ ลไดป ล ะ 2 ครง้ั 2. พนั ธไุ วทม าลากาลกู ยาว ลักษณะทว่ั ไปเหมอื นกบั พนั ธไุ วทม าลากา แตผลยาวกวา ทาํ ใหด สู วยงามชวนซอ้ื ยง่ิ ขน้ึ ปจจุบัน เปนที่ยอมรับกันวา เปฯ อกี พนั ธุหนง่ึ ตางหากจากพนั ธไุ วทมาลากาเดิม ผปู ลกู องนุ หนั มาสนใจปลกู พนั ธุ น้ีมากขน้ึ ใหผ ลผลติ ไดป ล ะ 2 ครง้ั เชน กนั 2.$ พันธคุ ารด นิ าล ผลสีแดงหรือสีมว งอมแดง เปน พนั ธทุ ป่ี ลกู เปน การคา มานานแลว แตปจจุบันไมคอยนยิ มปลูก กันมากนัก เพราะมขี อ เสยี หลายประการ เชน ผลแตกเสยี งา ยเมอ่ื โดนฝน ราคาปจจุบันถูกกวาพันธุไวท มาลากามาก ชอเลก็ กวา รสออกเปรย้ี วมากกวา เปน ตน แตก ม็ ขี อ ดเี ปน พนั ธเุ บา คอื สามารถใหผ ลผลติ ไดปละ ถึง 3 ครง้ั ลกั ษณะทว่ั ไปของพนั ธนุ ค้ี อื ผลกลมคอ นขา งใหญ เมอ่ื แกจ ะเปน สมี ว งแดง หรอื มว ง

การปลูกองุน 14 ดํา รสหวานอมเปรย้ี วเลก็ นอ ย ชอ ผลคอ นขา งกลม ชอไมใหญ ตดิ ผลกําลงั ดไี มเ บยี ดเสยี ดกนั มาก ไม ตองปลิดผลท้ิงมากความจรงิ แลว พนั ธหุ นง่ึ โดยเฉพาะพวกที่ชอบผลไมที่ออกรสเปรี้ยวเล็กนอย อยา งไร ก็ตามพันธุนม้ี ผี ปู ลกู ลดลงเรอ่ื ยๆ และมีโอกาสทีจ่ ะเลกิ ปลกู ไปในท่ีสดุ 3.$ พนั ธลุ ูสเพอรเ ลท เปนพันธุไมมีเมลด็ ผลแกส เี หลอื งสวยงามดี ผลคอ นขา งกลม ขนาดปานกลาง รสหวานกรอบ อรอยเม่ือใชส ารฮอรโ มนชว ยทาํ ใหช อ ผลยืดยาวขึน้ ผลยาวขน้ึ เลก็ นอ ยสวยงามดี ใหด อกดก ตดิ ผลมาก พอสมควรตองปลิดผลทิง้ บา งไมใ หเบยี ดเสียดกัน ชอ ผลคอ นขา งยาวแบบเดยี วกบั พนั ธไุ วทม าลากา แต ขนาดเล็กกวา ใหผ ลไดป ล ะ 2 ครง้ั พนั ธลุ สู เพอรเ ลท นบั วา เปน พนั ธไุ มม เี มลด็ ทน่ี า สนใจ เพราะจาก การทดลองมแี นวโนม ทจ่ี ะเปน พนั ธปุ ลกู เปน การคา ได ทั้งสําหรบั รบั ประทานผลสด และบรรจกุ ระปอ ง สําหรับในรอ งสวนเกา ที่ยกรองไวแลว หรอื เคยปลกู พชื อยา งอน่ื มาแลว ดนิ อยใู นสภาพท่ีเหมาะ สมพอสมควร ไมเ หนยี วเกนิ ไป การเตรยี มดนิ ใหก ําจัดวัชพืชตาง ๆ ออกใหห มด ลอกเลนในทองขน้ึ มาไว บนหลังแปลง เพอ่ื ใหแ ปลงปลกู สงู ขน้ึ และรอ งนา้ํ ลกึ พอเหมาะกบั การระบายนา้ํ ปลอ ยใหเ ลนทล่ี อกขน้ึ มาตากแดดจนแหง สนทิ จงึ ขดุ ดว ยจอบหรอื ซอ นขดุ ดนิ ใหล กึ 1 หนา จอบ เปน กอ นโต ตากดนิ จนแหง สนิทแลว โรยปนู ขาว ใสป ยุ คอก ปุยหมัก ยอ ยดนิ ใหล ะเอยี ด รว นซยุ รดน้าํ ใหด นิ ยบุ ตวั แตกเปน กอ น เลก็ ๆ การขดุ หลมุ ปลกู หลังจากการเตรียมดินแปลงปลูกเรียบรอยแลวจึงขุดหลุมปลูกขนาด กวาง-ยาว-ลึก 50 เซนติเมตร จะเปน หลมุ สเ่ี หลย่ี มหรอื หลมุ กลมกไ็ ด ขนาดของหลมุ ขน้ึ อยกู บั สภาพของดนิ ดว ย กลา วคอื ถาดินรวนซุย หลมุ ปลกู ขนาดเลก็ กไ็ ด แตถาดินยังอยูในสภาพที่ไมคอยดีพอ หลมุ ปลกู ควรมขี นาดใหญ เพ่ือจะไดปรับปรงุ สภาพของดนิ ในหลมุ ปลกู ใหด ขี น้ึ ดนิ ทข่ี ดุ ขน้ึ มานน้ั ใหตากแดดไวจนแหงสนิท แลว ยอมใหเปนกอ นเลก็ ๆ ผสมดนิ ทข่ี ดุ ขน้ึ มาดว ยปยุ คอก ปุยหมัก เศษใบไมผุๆ แลว จึงกลบดนิ ลงไปในหลมุ ตามเดิม รดน้าํ จนดนิ ยบุ ดแี ลว กพ็ รอ มทจ่ี ะปลกู ได ระยะของหลุมปลกู แบบน้ี คอื ระหวา งหลมุ หา งกนั 3-3.5 เมตร โดยขดุ หลมุ กลางแปลงเปน แถว เดียวไปตลอดความยามของแปลง การปลกู ในทด่ี อน การปลูกในทด่ี อนหรอื การปลกู แบบไร ทป่ี ลกู อาจเปน ไรห รอื สวนเกา หรือที่บุกเบิกใหม การ เตรียมท่ีปลูกตอ งทําที่ใหโลงเตียน ขดุ ตอไมอ อกใหห มด ไถพรวนดนิ อยา งนอ ย 2 ครง้ั โดยครง้ั แรกไถดนิ เปนกอนโตๆ หรือไถดะ ตากดินไวระยะหนึ่งจนแหงดีแลวจึงไถพรวนหรือไถแปร ใหด นิ ยอ ยละเอยี ดลง กอนการไถคร้ังสองนถ้ี า ดนิ ไมค อ ยดี ขาดอนิ ทรยี ว ตั ถุ ควรใสป ยุ อนิ ทรยี ต า งๆ เศษใบไมผุ เปลอื กถว่ั หรือวัสดุตางๆ ท่พี อหาไดในทองทเี่ พอ่ื ใหดนิ ขน้ึ หรอื อาจปรบั ปรงุ ดนิ โดยการปลกู พชื ตระกลู ถว่ั สักระยะ หนึ่งกอนจนดินอยูใ นสภาพรว นซยุ ดีแลว จงึ ลงมอื ปลกู องนุ นอกจากนอ้ี าจตอ งทาํ ระดบั ทําทางสง นา้ํ หรืออื่นๆ ซึ่งขึ้นอยูกับสภาพของพื้นที่และวิธีการปฏิบัติการดูแลรักษา

การปลูกองุน 15 การเตรียมหลุมปลูก เม่ือเตรียมดินจนอยใู นสภาพดแี ละจงึ ขดุ หลมุ ปลกู โดยหลมุ ปลกู มขี นาด กวาง-ยาว-ลกึ 50- 100 เซนติเมตร แลว แตค วามอดุ มสมบรู ณแ ละสภาพของดนิ ถา ดนิ ดรี ว นซยุ หลมุ กข็ ดุ ขนาดเลก็ ได ถา สภาพดินไมดีขาดธาตอุ าหารตา ง ๆ กค็ วรขดุ หลมุ ปลกู ใหโ ตเพอ่ื จะไดป รบั ปรงุ สภาพดนิ ในหลมุ ปลกู ใหด ี ข้ึน ดินที่ขุดขึ้นมา ใหแ ยกเปน สองกองคอื ดนิ ชน้ั บนกองหนง่ึ ดนิ ชน้ั ลา งอกี กองหนง่ึ ตากดนิ ใหแหงแลว ผสมดินดวยปุยอินทรยี ต า ง ๆ แลว จงึ กลบลงในหลมุ ตามเดมิ โดยเอาดนิ ชน้ั บนกลบลงกน หลมุ และดนิ ช้ันลางกลบไวด านบนเสร็จแลว รดนา้ํ ใหด นิ ยบุ ตวั เสยี กอ นจงึ ลงมอื ปลกู การปลูกแบบท่ีดอนน้ี การขุดหลุมปลูกใหขุดเปนแนวเสน ตรงไปตลอดแนวความยาวของพน้ื ท่ี ระยะระหวา งหลุม 3.00-3.50 เมตร และระยะระหวางแถวใหเวนหางพอสมควร เพอ่ื ความสะดวกใน การเขา ไปปฏบิ ตั งิ านตา งๆ คอื ประมาณ 4.00-5.00 เมตร วิธปี ลกู เม่ือเตรียมหลมุ ปลกู เสรจ็ แลว ทาํ หลมุ เลก็ ๆในหลมุ นน้ั นาํ กง่ิ ลงปลกู กลบดนิ โดยรอบใหแ นน รดน้ําใหช ุม ปก ไมร วกตดิ ๆ ตน ผกู กิง่ องุน กบั หลกั ไมรวกใหแ นน หลงั จากปลกู ใหมๆ ถา ฝนไมต กใหร ด น้ําทุกวันและฉีดยาปอ งกนั โรคแมลงเปน ครง้ั คราว ในชว งทต่ี น องนุ ยงั เลก็ อยนู ้ี ควรปลูกพืชพวกลมลุก เปนพืชแซม เพื่อหารายได และชว ยปรบั ปรงุ สภาพของดนิ ใหด ขี น้ึ ดว ย เชน พวกผักตางๆ ถว่ั ตา งๆ ถา ปลอยทิ้งไวเฉย ๆจะเสียเวลาที่จะตองคอยดายหญาอยูเสมอ ในชว งนอ้ี งนุ สงู ขน้ึ เรอ่ื ยๆ ตอ งคอยผกู ตน ให ติดกบั กลกั อยเู สมอ การทําคา ง การทําคางจะทาํ หลงั จากทป่ี ลกู องนุ แลว ประมาณ 1 ป ซง่ึ ตน องนุ จะสงู พอดที จ่ี ะขน้ึ คา งไดค า ง ตนองุนมีหลานแบบดวยกัน และแบบที่นิยมทาํ กนั มากคอื คา งแบบเสาคู แลว ใชล วดขงึ มวี ธิ กี ารและขน้ั ตอนดงั น้ี คอื 1. การเลือกเสาคา ง เสาคา งอาจใชเ สาซเี มนตห นา 3 นว้ิ หรอื 4 นว้ิ กไ็ ด เสาคา งซเี มนตจ ะแขง็ แรงทนทานอยไู ดน านหลายป แตก็ราคาแพงและหนัก เวลาทาํ คา งตอ งเสยี แรงงานมาก ถาใชเสาไมให ใชไมเ นอ้ื แขง็ ขนาดหนา 2x3 นว้ิ หรือหนา 2x4 น้ิว หรอื เสากลมกไ็ ด เสาควรยาวประมาณ 2.5-3 เมตร หรือกวา น้ี ซง่ึ เมอ่ื ปก ลงดนิ เรยี บรอ ยแลว ใหเ หลอื สว นทอ่ี ยเู หนอื ดนิ ประมาณ 1.20-1.50 เมตร 2. การปกเสา ใหป ก เสาเปน คๆู สองขา งของแปลง ในแนวเดยี วกนั โดยเสาแตละคูหางเทากัน คือประมาณ 1.5-2 เมตร ตดิ คานทห่ี วั เสาแตล ะคู โดยเหลอื หวั ไมย น่ื ออกไปทง้ั สองขา ง หรือปกเสาหาง กัน 3 เมตร เมอ่ื ตดิ คานบนแลว จะพอดหี วั ไม (ตามภาพ) การตดิ คานเชอ่ื มระหวา งเสาแตล ะคใู หใ ชน อ ต เหล็กเปฯตวั ยดึ ไมค วรยดึ ดว ยตะปู เพราะจะไมแข็งแรงพอ ระยะหา งระหวา งเสาแตล ะคปู ระมาณ 10- 20 เมตร ยิง่ ปก เสาถ่ีจะย่ิงแข็งแรงทนทาน แตก ส็ น้ิ เปลอื งมาก บางแหงจึงปกเสาเพียง 3 คู คอื หวั แปลง กลางแปลง และทายแปลง และระหวา งเสาแตล ะคใู ชค า งไมร วก ชวยคํา้ ไวเ ปน ระยะๆ ซง่ึ กส็ ามารถใชไ ด และประหยัดดี แตต อ งคอยเปลย่ี นคา งไมร วกกนั บอ ยๆ 4. การขงึ ลวด ลวดที่จะนาํ มาขงึ ทาํ คา งใหใ ชล วดขนาดใหญพ อสมควรคอื ลวดเบอร 11 ซง่ึ ลวดเบอร 11 น้ี หนัก 1 กิโลกรัมจะยาวประมาณ 18 เมตร ใหข งึ ลวดพาดไปตามคานแตล ะคตู ลอดความยาวของแปลง โดยใชล วด 4-6 เสน เวนระยะลวดใหหางเทา ๆ กัน ที่หัวแปลงและทายแปลงใหใชหลักไมขนาดใหญ

การปลูกองุน 16 ตอกฝงลงไปในดินใหแ นน แลว ใชล วดโยงจากคา งมามดั ไวท ห่ี ลกั น้ี เพอ่ื ใหล วดตงึ หลงั จากขงึ ลวดเสรจ็ แลว ใหตรวจดวู า ลวดหยอ นตกทอ งชา งหรอื ไม ถา หยอ นมากใหใ ชไ มร วกขนาดใหญป ก เปน คๆู ตามแนว เสาคาง แลว ใชไ มร วกอกี อนั หนง่ึ พาดผกู ดา นบนในลกั ษณะเดยี วกบั คา ง เพื่อชวยรับนาํ หนกั เปน ระยะๆ ไปตลอดทั้งแปลง เพราะเมอ่ื ตน องนุ ขน้ึ คา งจนเตม็ แลว จะมนี า้ํ หนกั มาก จาํ เปน ตอ งชว ยรองรบั นา้ํ หนกั หรอื คา้ํ ไวไมใหคางหยอน การแตงทรงตน ในตอนปลูกตนองุนนน้ั จะมไี มร วกปก ขนาบกบั กง่ิ และคอยผกู เชอื กใหต น แนบไมอ ยตู ลอดเวลา ทั้งน้ีเพ่ือบังคับใหตน ตัง้ ตรง เมอ่ื ตน องนุ เตบิ โตจนยอดสงู ถงึ ระดบั คา งหรอื เสมอระดบั ลวดทข่ี งึ ไว จึงทาํ การแตงทรงตน วิธีทําคอื เดด็ ยอดองนุ ทส่ี งู กวา ระดบั ลวด หลงั จากนน้ั ตน องนุ จะแตกตาออกมา 2 ตา ตรงขามกน ซึ่งจะเอาไวทั้ง 2 กิ่ง หรอื กงิ่ เดียวกไ็ ด ถา เอาไวส องกง่ิ ใหจ ดั กง่ิ ทง้ั สองอยตู รงขา มกนั การไว 2 กิ่ง มักพบปญหาวา กง่ิ ทง้ั สองเตบิ โตไมเ ทา กนั ทําใหก ารกระจายของผลไมส ม่าํ เสมอกนั จึงมักนิยมไว ก่ิงเพียงกิ่งเดยี ว คอื หลงั จากทเ่ี ดด็ ออก กิ่งที่คงไวทุกตนใหจัดกิ่งใหหันไปทางเดียวกันคือหันไปทางหัว แปลงหรือทางทายแปลงในทิศทางเดียวกันเหมือนๆ กัน ทุกตน ซง่ึ เมอ่ื ตน เตบิ โตเตม็ ท่ี กง่ิ ของตน หนง่ึ จะไปจรดโคนกง่ิ ของตน ถดั ไปพอดี หรือเกยทับกันบาง หลังจากทจี่ ัดกิ่งใหห นั ไปในทศิ ทตี่ อ งการแลว พอกง่ิ นน้ั ยาวประมาณ 50 เซนตเิ มตร ใหเด็ด ยอดออกก่ิงจะแตกตาใหม เตบิ โตเปน กง่ิ ใหม 2 กิ่ง ใหค งเหลอื ไวท ง้ั สองกง่ิ และเมอ่ื กง่ิ ใหมย าวประมาณ 50 เซนตเิ มตร กเ็ ดด็ ยอดอกี และเหลือไวทั้ง 2 ก่ิงเชน เดียวกัน ทําเชน นไ้ี ปเรอ่ื ยๆ จนกระทง่ั กง่ิ องนุ เตม็ คางจึงหยุดการตัดยอด ในระหวางที่เด็ดยอดใหกิ่งแตกใหมนั้น จะตอ งจดั กง่ิ ใหก ระจายใหเ ตม็ คา งอยา งทว่ั ถงึ อยาใหทับ กันหรือซอนกันมาก จดั ใหก ง่ิ อยบู นคา งเสมอ อยาใหก่ิงตงั้ ชีฟ้ า หรอื หอ ยยอ ยลงดา นกลา ว การจัดกิ่งให อยูในท่ี ๆ ตองการมักใหว ธิ ีผกู ดวยเชือกกลวย เพราะเชอื กกลว ยวจะผเุ ปอ ยในเวลาไมน านนกั ทําใหการ ตัดแตง กง่ิ ในครง้ั ตอ ๆ ไป ทําไดส ะดวก ชวงการเติบโตของตน องนุ นบั ตง้ั แตป ลกู ชว งแตง ทรงตน จนถงึ ระยะทม่ี อี ายพุ อจะตดั แตง ไดน ้ี เรียกวาระยะ “เลย้ี งเถา” ซง่ึ ใชเ วลาประมาณ 8-12 เดอื น ในชว งเวลา “เลย้ี งเถา”ควรปฏบิ ตั ดิ งั ตอ ไปน้ี คอื 1. ใหน ้าํ อยา งสมา่ํ เสมอ อยาใหดนิ แหงได ถา ขาดนา้ํ ตน องนุ จะชะงกั การเตบิ โต ไมส มบรู ณแ ขง็ แรงทําใหข น้ึ คา งไดช า ถา ฝนไมต ก ควรรดนา้ํ ใหทุกวัน 2. ฉีดยาปอ งกนั โรคแมลง เปน ระยะตามความเหมาะสม อยา ปลอ ยใหโ รคแมลงเขา ทําลาย เพราะจะทาํ ใหชะงักการเติบโต ตน ออ นแอ ไมส ามารถใหด อกใหผ ลในเวลาทก่ี าํ หนดได 3. การใสปยุ เพอ่ื ใหต น องนุ สมบรู ณแ ขง็ แรง เตบิ โตอยา งรวดเรว็ จาํ เปน ตอ งบาํ รงุ ตน ดว ยการใส ปุย โดยใสท ้ังปุยอินทรียและปุยเคมี ประมาณ 2-3 ครง้ั (ในชว งเลย้ี งเถาน)้ี อาจใสพ รอ มกนั ทง้ั สอง อยางในคราวเดยี วกนั เพอ่ื ประหยดั แรงงานดงั น้ี คอื - การใสป ยุ ครง้ั แรกประมาณตน ละ 1 บงุ ก้ี สว นปยุ เคมใี ชค รง้ั ละ 1 กํามอื ตอ ตน โดยใชปุยยูเรีย หรือ แอมโนเนยี มซัลเฟตหรอื แอมโมฟอส เพอ่ื เรง การเจรญิ เตบิ โตของตน การใสค รง้ั แรกมกั ใสห ลงั จาก ปลูกได 1 เดอื น วธิ ใี สใ หห วา นปยุ คอกลงไปกอ นรอบ ๆ ตน แลว จงึ หวา นปยุ เคมตี ามลงไป พรอ มพรวน ดินรอบ ๆ ตน บาง ๆ รดน้าํ ใหชุม

การปลูกองุน 17 - เมื่อตนองุนมีอายุ 3-4 เดือน ใหใสปุยเคมีที่มีธาตุอาหารครบทุกตัว คือ ธาตุ ไนโตรเจนฟอสผอรัสและโปแตสเซียม วิธีใสก็แบบเดียวกัน และวงกวา งขน้ึ ใชป ยุ มากขน้ึ จนกระท่ังเถา องุนเจริญเติบโตเตม็ คา ง การใสปยุ ก็ใชวิธีหวา นท้งั แปลง ขอ ควรระวงั คอื เมอ่ื หวา นปยุ แลว เวลาพรวน ดินใหพรวนเพียงบางๆ อยา งระมดั ระวงั เพราะรากองนุ สว นใหญจ ะอยตู น้ื ๆ และเมอ่ื พรวนดนิ แลว หรือ หวานปุยแลวควรรดนาํ้ ทนั ทใี หป ยุ ละลายซมึ ลงในดนิ และอยารดจนโชกจนนาํ้ ไหลออกจากแปลง จะชะ พาปยุ ออกไปจากแปลงหมด - กอนการตดั แตง กง่ิ เพอ่ื ใหเ กดิ ดอกเกดิ ผล ประมาณ 7-10 วัน ควรใสป ยุ เรง การแตกตาแตก ก่ิงอีกครง้ั หนง่ึ โดยใชป ยุ แอมโมฟอส (ปุยสูตร 16-20-0)ประมาณ 1-2 กํามอื ตอ ตนั หวานปุยใหทั่ว แปลงรดนา้ํ ใหชุม หลงั จากนน้ั จะไมร ดนา้ํ อกี เลยจนกวา จะตดั แตง กง่ิ การตัดแตงกิ่งเพอ่ื ใหอ อกดอก ตนองุนที่นํามาปลกู ในบา นเรานน้ั ถา ไมต ดั แตง แลว จะไมอ อกดอกหรอื ออกเพยี งเลก็ นอ ย ใหผล ท่ีไมสมบูรณ การจะใหอ งนุ ออกดอกไดต อ งตดั แตง กง่ิ กลงั จากทใ่ี หต น องนุ พกั ตวั อยา งเตม็ ทแ่ี ลว อายกุ าร ตัดแตงใหออกดอกครง้ั แรก หรอื มดี แรก ขน้ึ อยกู บั ความสมบรู ณข องตน อายขุ องตน และพันธ เปน ตน เชน องุนพันธุ คารดินาล ตัดแตงไดเม่อื อายุ 9-10 เดอื น หลงั จากปลกู ในแปลงจรงิ องนุ พนั ธไุ วท ม าละกา ตัดแตงไดเมือ่ อายุ 11-12 เดอื น หลงั จากปลกู ในแปลงจรงิ ก่ิงท่ีจะตัดแตงเพ่อื ใหออกดอก จะตองเปนกิ่งที่แกจัด กง่ิ เปน สนี า้ํ ตาล ใบแกจัด ตงั นน้ั กอ นการ ตัดแตงจะตอ งงดใหน า้ํ 1-2 สปั ดาหเ พอ่ื ใหต น องนุ พกั ตวั อยา งเตม็ ท่ี การตดั แตง ใหใ ชก รรไกรตดั กง่ิ ให สั้นลง ความยาวของกง่ิ ทเ่ี หลอื ขน้ึ อยกู บั พนั ธอุ งนุ ดว ยเชน พนั ธคุ ารด นิ าล ใหต ัดสน้ั เหลือเพยี ง 3-4 ตา พนั ธไุ วทม าละกา ใหต ดั สน้ั เหลอื 5-6 ตา พนั ธลุ ูสเพอเรส ตัดใหส น้ั เหลอื 7-12 ตา ก่ิงท่ีตัดออกใหร ีบนําออกจากแปลงปลกู ไปเผาท้งิ หรือฝงเสีย อยา ปลอ ยทง้ิ ไวใ ตต น จะเปนที่อยู อาศัยของโรคแมลงตา ง ๆ ที่จะเขาทาํ ลายองนุ ได เม่ือตัดแตงกง่ิ จนหมดทง้ั แปลงแลว จึงใหน้ําแกต น องนุ จะเรม่ิ แตกกง่ิ ใหม ซง่ึ กง่ิ ใหมท แ่ี ตกออก มาน้ีจะมี 2 พวก คอื พวกหนง่ึ มชี อ ดอกอยดู ว ย อกี พวกหนง่ึ มแี ตใ บอยา งเดยี ว ซง่ึ ลกั ษณะดงั กลา วจะ สามารถสังเกตไดตั้งแตในระยะแรกๆ คอื ถา กง่ิ ไมม ชี อ ดอกออกมาดว ย กแ็ สดงวา กง่ิ นน้ั จะมแี ตใ บอยา ง เดียวเพราะชอดอกจะปรากฏอยูแถวๆ โคนกง่ิ ทแ่ี ตกออกมาใหมน เ้ี ทา นน้ั การปฏบิ ตั หิ ลงั จากตดั แตง กง่ิ 1.$ การตบแตง กง่ิ และการจดั กง่ิ หลังการตัดแตง กง่ิ องนุ จะแตกกง่ิ ใหมอ อกมามากมาย มที ง้ั กง่ิ ทม่ี ชี อ ดอก ก่งิ ทม่ี ีแตใ บอยางเดียว และกิ่งแขนงเล็กๆ อกี มากมาย พวกกง่ิ แขนงเลก็ ใหเ ดด็ ออกใหห มดเหลอื ไวเ ฉพาะกง่ิ ทม่ี ชี อ ดอก และกิ่ง

การปลูกองุน 18 ท่ีมีแตใบอยา งเดยี วทเ่ี ปน กง่ิ ขนาดใหญเ ทา นน้ั นอกจากนใ้ี บทอ่ี ยโู คนๆ กง่ิ กใ็ หเ ดด็ ออกดว ย เพื่อใหโปรง ไมทึบเกินไป เมื่อตบแตงกิ่งแลว และเหน็ วา ก่ิงยาวพอสมควร ใหจ ดั ใหก ง่ิ อยบู นคา งอยา งเปน ระเบยี บกระจาย กันอยูเต็มคาง ไมท ับซอ นกนั หรอื กา ยกนั ไปมา เพราะกง่ิ ทแ่ี ตกออกมาใหมจ ะแตกออกทุกทศิ ทกุ ทาง เกะกะไปหมด วิธีจัดกิ่งคอื โนม กง่ิ ใหม าพาดอยบู นลวด แลวผูกมัดดวยเชือกกลวย หรอื ใบกลว ย แหงที่ ฉีดเปนริ้ว ๆ ไมใ หม กี ง่ิ ทช่ี ข้ี น้ึ มาดา นบน หรือหอยยอยลงขา งลา ง เพราะจะไมส ะดวกในการปฏบิ ตั งิ าน เวลาจัดกิ่งตองระมัดระวังอยาใหกระทบกระเทือนชอดอก เพราะจะฉีกขาดเสียหายไดงาย พยายามจัดให ชอดอกหอยลงใตค า งเสมอ เพอ่ื สะดวกในการปฏบิ ตั งิ านตา งๆในสวน 2. การปลดิ ชอ หลังจากจัดก่ิงเรยี บรอยแลว ชอ ดอกจะเตบิ โตขน้ึ เรอ่ื ย ๆ บางครง้ั ตน องนุ อาจใหชอ ดอกมากเกนิ ไปถาปลอยไวทั้งหมด ตน จะเลย้ี งไมไ หว ทําใหตนโทรมเร็ว คุณภาพของผลไมด เี ทาท่คี วร ฉะนน้ั ถา เหน็ วามีชอดอกมากเกินไปใหปลิดออกเสียบา ง การปลดิ ชอ อาจทาํ ตง้ั แตก ําลงั เปน ดอกอยกู ไ็ ด แตไ มค อ ย นิยมเพราะไมแนวาชอท่ีเหลือจะติดผลดีหรือไม ทางท่ีดีควรปลิดชอที่ติดเปนผลเล็กๆ แลว โดย เลือกปลิดชอทเ่ี หน็ วา มขี นาดเลก็ รปู ทรงของชอ ไมส วย ตดิ ผลไมส มา่ํ เสมอ มแี มลงทาํ ลาย เปน ตน และ ใหชอดี ๆ ที่เหลือไวกระจายอยูทั่วทุกกิ่งอยางสมํ่าเสมอ ไมม ากหรอื นอ ยทด่ี า นใดดา นหนง่ึ ของตน 3. การปลดิ ผล องุนที่ปลูกกันอยูปจ จุบนั ในบา นเรามกั ตดิ ผลแนน มาก ถา ไมช ว ยปลดิ ผลออกเสยี บา ง ผลในชอ จะแนน เกนิ ไป ทําใหผ ลทไ่ี ดม ขี นาดเลก็ ๆ คุณภาพไมดีเทาที่ควร หรือเบียดเสียดกันจนผลบิดเบี้ยวทาํ ใหดูไมสวยงาม ไมช วนซอ้ื จาํ เปน ตอ งชว ยปลดิ ผลในชอ ออกบา งใหเ หลอื พอดๆี ไมแ นเ กนิ ไปหรอื โปรง เกินไป การปลดิ ผลออกจากชอ มกั ทาํ 1-2 ครง้ั เมอ่ื ผลโตพอสมควร ผลองนุ ออ นทต่ี ดั ออกมาเอาไปดอง ไวขายได วธิ ปี ลดิ ผลใหใ ชก รรไกรขนาดเลก็ สอดเขา ไปตดั ทข่ี ว้ั ผล อยา ใชม อื เดด็ หรอื ดงึ เพราะจะทาํ ให ชอผลชาํ้ เสียหาย ฉกี ขาด และมสี ว นของเนอ้ื ผลผลติ อยทู ข่ี ว้ั ทําใหโรคเขาทาํ ลายไดง า ย ขอควรระวงั เม่ือองุนติดผลแลว ผทู ี่จะเขา ไปปฏิบัติงานในสวนตองสวมหมวกหรอื โพกศรษี ะ เสมออยาใหเสนผมไปโดนผลองุน จะทาํ ใหผ ลองนุ เนา เสยี หายได 4.$ การใชสารฮอรโมน สารฮอรโมนที่ใชมีวัตถุประสงคเพื่อจะชวยใหชอดอกยืดยาวขึ้นทาํ ใหชอโปรง ผลไมเ บยี ดกนั มาก ทุนแรงในการปลิดผล นอกจากนี้ยังชวยใหผลยาว ผลโตขน้ึ สวยงามชวนซอ้ื รสชาตขิ องผลดี สสี วยงามดี หวานกรอบ ผลองนุ ทช่ี บุ ดว ยฮอรโ มน จงึ ขายไดร าคาดี สําหรบั พนั ธอุ งนุ ทป่ี ลกู กนั มากปจ จบุ นั คอื ไวทม าละกากบั คารด นิ าลน้ัน พนั ธวุ คารด นิ าลมกั ไม คอยใชฮอรโมนท้ังนี้เพราะ พันธุคารดินาลติดผลไมคอยดกมากนัก และผลไมเบียดกันแนน ถาใช ฮอรโมน จะทําใหชอองุนดูโหรงเหรงไมน า ดู สว นผลองนุ กใ็ หญพ อสมควรอยแู ลว และเปน ผลทรงกลม สว นพนั ธไุ วทมาละกาจะใชส ารฮอรโ มนชว ย ในการยดื ชอ และยดื ผล เพราะพนั ธไุ วทมาละกาตดิ ผลดก มาก จนตองปลดิ ผลทิ้งเปน จาํ นวนมาก การใชฮ อรโ มนจงึ ชว ยผลยดื ยาวขน้ึ ไมต อ งปลดิ ผลทง้ิ มาก และ ชวยใหผลขยายใหญยาวขึ้นดวยทาํ ใหด สู วยงาม สว นพนั ธอุ น่ื ๆ ทท่ี ดลองปลกู กม็ กั ใชส ารฮอรโ มนชว ย เชน พนั ธลุ ูสเพอรเลส ซง่ึ ชอ ผลสน้ั ผลดกเบยี ดเสยี ดกนั มาก ผลขนาดเลก็ สารฮอรโ มนกช็ ว ยใหช อ ผลยาว โปรงขึ้น ผลมขี นาดใหญข น้ึ สว นพนั ธทุ อมสนั ซดี เลส น้ัน โดยธรรมชาตทิ ป่ี ลกู ในบา นเรา ผลมขี นาด

การปลูกองุน 19 เลก็ มาก แมจะใชสารฮดรโมนชวยก็ทาํ ใหผ ลโตขน้ึ อกี เพยี งเลก็ นอ ยเทา นน้ั ทาํ ใหไมเหมาะที่จะผลิตเปน การคา นกั สารฮอรโมนทใ่ี ชใ นการยดื ชอ ผลขยายขนาดของผล คอื สาร “จิบเบอรเ รลลคิ ” ซง่ึ มขี ายในทอ ง ตลาดในช่ือตาง ๆ กัน การใชส ารนใ้ี นแตล ะแหง ถา ยงั ไมเ คยใช ควรใดท ดลองในจาํ นวนนอ ยกอ นปอ งกนั การเสียหายอัตราทเ่ี คยทดลองไดผ ลดใี นองนุ พนั ธไุ วทม าละกาและพนั ธลุ สู เพอรเ ลส คอื 50 พีพีเอ็ม (หมายถึงมีตัวยา 50 สว นในนา้ํ 1 ลา นสว น) หรอื ทดลองใชใ นอตั ราทก่ี ําหนดไวใ นฉลาก ขณะเดียวกนั อาจทดลองใชใ นอตั ราทม่ี ากกวา และนอ ยกวา ทก่ี ําหนดไว กบั องนุ จาํ นวนไมม ากนกั เพื่อเปรียบเทียบกัน วาอัตราใดจะเหมาะสมทส่ี ดุ ในแปลงปลกู ของเรา เวลาใช การใชฮอรโมนมกั ใช 1-2 ครง้ั คอื ครง้ั แรกหลงั จากดอกบาน 3-7 วัน (ดอกบาน หมายถงึ ดอกบาน 80 เปอรเซนตข องทง้ั หมด โดยดอกองนุ จะบานจากโคนชอ ไปหาปลายชอ เมอ่ื เหน็ วา ดอกบานไปจนเกือบจะสุดปลายชอ หรอื ประมาณ 4 ใน 5 ของความยาวของชอ ) สว นครง้ั ท่ี 2 อาจให หลังจากครง้ั แรกประมาณ 7 วัน วธิ ใี ช การใชสารฮอรโ มนน้ี อาจใชว ธิ ฉี ีดพน ไปท่ชี อดอก ชอผล ซง่ึ แมจ ะโดนใบกไ็ มม ผี ลแต อยางไรแตว ธิ นี จ้ี ะสน้ิ เปลอื งนา้ํ ยามาก และอาจโดนชอ องนุ ไมท ว่ั ถงึ ทง้ั ชอ วธิ ที น่ี ยิ มกนั คอื วธิ ชี บุ ชอ ดอก ชอผลซง่ึ ประหยดั นา้ํ ยาไดมากกวา วิธีการก็ทาํ งา ยๆ แตอ าจเสยี แรงงานมากกวา อปุ กรณง า ยๆ สําหรับ การชุบฮอรโมนคอื หาถงุ พลาสตกิ ขนาดโตพอทจ่ี ะสวมชอ องนุ ไดม า 2 ใบ ใบทห่ี นง่ึ ใสน า้ํ ธรรมดาลงไป ประมาณ ครึ่งถุง เอาถงุ ใบทม่ี ฮี อรโ มนสวมลงไปในถงุ ใบทม่ี นี า้ํ จดั ปากถงุ ใหเ สมอกนั แลวพับตลบปาก ถุงใหกวาง แลว สวมเขา ไปทช่ี อ องนุ บบี ฝา มอื นา้ํ ยากจ็ ะทะลกั ขน้ึ มาดา นบนทาํ ใหเปยกทั้งชอ แลว เปลีย่ น ไปชุบชอตอ ๆ ไป เวลาทีใ่ ชในการชบุ ชอแตล ะชอเพยี งอดึ ใจเดียว คอื เมอ่ื บบี ถงุ น้าํ ยาทะลกั ขน้ึ ไปโดนชอ แลว กค็ ลายมอื ทบ่ี บี แลว นําถงุ นา้ํ ยาออกทนั ทฉี นน้ั คนทช่ี าํ นาญจะทาํ ไดร วดเรว็ มาก เมอ่ื ชบุ ชอ ไปไดส กั พักนํ้ายาในถุงจะพรอ งลงกเ็ ตมิ ลงไปใหมใ หไ ดร ะดบั เดมิ คอื ประมาณครง่ึ ถงุ ตลอดเวลา การบบี ตอ งระวงั อยาใหแรงมาก เพราะน้าํ ยาจะทะลกั ลน ออกนอกถงุ เสยี ไปโดยเปลา ประโยชน ขอ ทค่ี วรระวงั ของการใช ฮอรโมนแบบชุบชอนี้ก็คือ เปนโอกาสทาํ ใหโ รคตา งๆ ทช่ี อ ระบาดจากชอ หนง่ึ ไปยงั ชอ อน่ื ๆ ไดง า ย ถา เปนชวงที่โรคกาํ ลงั ระบาดอยคู วรเตมิ ยากนั ราลงไปในน้าํ ยาฮอรโ มนนน้ั ดว ย 5.$ การใสป ยุ ปุยนบั วา สาํ คัญสาํ หรบั การปลกู องนุ มาก ทงั นเ้ี พราะองนุ เจรญิ เตบิ โตทง้ั ป และที่สําคัญคือ องนุ ใหผลผลิตมาก ดงั นน้ั จงึ ตอ งใชธ าตอุ าหารตา งๆ มาก ปุยที่ใชมีทั้งปุยอินทรีย เชน มลู สตั วต า งๆ ปุยหมัก และปุยเคมี ปยุ อนิ ทรยี น น้ั ถงึ แมจ ะมธี าตอุ าหารทพ่ี ชื ตอ งการจาํ นวนนอ ย แตก็ชวยปรับสภาพของดินให ดีข้ึน ชวยใหด นิ ระบายนา้ํ ดี ระบายอากาศดี ทําใหร ากเตบิ โตแขง็ แรง ชว ยลดความเปน กรดเปน ดา งของ ดิน เหมาะตอการเจรญิ เตบิ โตขององนุ และที่สําคญั อกี ประการหนง่ึ คอื ชวยใหปุยเคมีที่ใสลงไปเปน ประโยชนตอตน องนุ อยา งเตม็ ท่ี ดงั นน้ั จงึ ตอ งใสป ยุ อนิ ทรยี ท กุ ๆ ป เพือ่ ใหส ภาพของดนิ ดขี น้ึ เรอ่ื ย ๆ สําหรับปุย เคมี หรือปยุ วทิ ยาศาสตรนน้ั หลงั จากทต่ี ดั แตง เพอ่ื ใหอ อกดอกดงั กลา ว ในตอนตน แลวนน้ั ควรใหปุยอีก 1-2 ครง้ั ปยุ ทใ่ี หใ นชว งออกดอกแลว น้ี ก็เพื่อบํารงุ ตน และทาํ ใหผ ลเตบิ โตดี คณุ ภาพของผลดีปุยที่ใหจาํ ตอ งเปน ปยุ ทม่ี ธี าตอุ าหารหลกั ครบทง้ั 3 ตวั ธาตไุ นโตรเจน ฟอสฟอรสั และ โป แตสเซี่ยม และควรมธี าตฟุ อสฟอรสั และโปแตสเซย่ี มสงู กวา ไนโตรเจนดว ย เชน สตู ร 6-12-12, 6- 12-24 หรืออน่ื ๆ ทม่ี ขี ายตามทอ งตลาด การใสใ หใ สต น ละ 1 กิโลกรัม โดยแบง ใสส องครง้ั ครง้ั ละ

การปลูกองุน 20 ครึ่งกิโลกรัม โดยครง้ั แรกใหใ สใ นระยะทผ่ี ลองนุ มขี นาดประมาณเมลด็ ถว่ั เขยี ว และอกี ครง้ั หนง่ึ เมอ่ื ผลโต เต็มท่ี เร่ิมจะเปลย่ี นสี การใสป ยุ ในชว งนไ้ี มค วรพรวนดนิ เพราะจะไปกระทบกระเทือนรากองุน เพราะ วารากอยูต น้ื มาก ถา ตอ งการพรวนเพอ่ื ใหป ยุ คลกุ เคลา กบั ดนิ ปอ งกนั การสญู เสยี ปยุ ใหพรวนเพียง บางๆ ดว ยความระมดั ระวงั หรอื ใสพรอ มกับปุยอินทรียก ไ็ ด 6. การใหน า้ํ หลังจากการตดั แตง แลว ตอ งใหน า้ํ อยา งสมา่ํ เสมอ อยา ใหด ินแหงได โดยเฉพาะชว งวตัดแตง ใหม ๆ ตนองุนจะไมม ใี บเหลอื อยเู ลย แดดจะสอ งถงึ โคนตน โดยตรงทาํ ใหดินแหงเร็ว ในชว งน้ี ถา ฝนไมต ก ตองรดนา้ํ ใหทุกวัน หลงั จากทอ่ี งนุ เรม่ิ แตกใบหนาแนน ขน้ึ การใหน า้ํ กห็ า งออกไปได ไมตองใหทาํ ทุกวัน โดยสังเกตจากดนิ ในแปลงอยา ใหด นิ แหง มากเปน ใชไ ด การใหน า้ํ จงึ เปน งานประจาํ ทาํ อยา งเพยี งพอและ สมํ่าเสมอ จนถึงระยะผลที่จะแกจึงงดใหนํ้า แตผ ลองุนท่ีไดจ ะมคี ุณภาพไมด ี เนา เสยี เรว็ เกบ็ ไวไ ดไ มน าน จงึ ไมควรทาํ อยา งยง่ิ 7. การปอ งกนั กําจดั โรคแมลง องุนเปนพืชที่มีโรคแมลงศตั รเู ขา ทาํ ลายมาก การปอ งกนั กาํ จดั เปน ปญ หาหนกั อยา งหนง่ึ ของผู ปลูก ตองเสียทั้งเวลาและทุนทรัพยเปนจาํ นวนมาก การปอ งกนั กาํ จดั ตอ งกระทําอยเู สมอ การปลกู องนุ จึงจะไดผล การปอ งกนั กาํ จดั ศตั รตู า ง ๆ เปน ปญ หาใหญจ งึ จะไดก ลา วโดยละเอยี ดในตอนตอ ไป การเกบ็ ผลองนุ การเก็บผลองุน เปน ขน้ั ตอนทส่ี าํ คญั อกี อนั หนง่ึ ทง้ั นเ้ี พราะองนุ เปน ผลไมท เ่ี รยี กวา บม ไมไ ด กลาวคือ เม่ือเกบ็ มาจากตน เปน อยา งไร ก็จะยังคงสภาพอยูเชนนั้น ไมห วานขน้ึ อกี ไมส กุ มากขน้ึ อกี แลว การเก็บผลองุนจงึ ตองเก็บในชวงทเ่ี หมาะสม ผลแกเต็มที่ และไมแกเกินไป ผลองนุ ทย่ี งั ไมแ กเ ตม็ ทจ่ี ะมี รสเปร้ียว ฝาด คุณภาพ ของผลไมด ี สไี มส วย สว นผลองนุ ทแ่ี กเ กนิ ไปจะหวานจดั เกนิ ไป เนา งา ย เก็บไว ไมไดนาน ผลหลดุ รว งงา ย วิธีดูผลองุนที่แกจัดอาจทาํ ไดห ลายอยา งเชน การนบั อายุ ตง้ั แตต ดั แตง จนถงึ แกจ ดั ซง่ึ แตกตา ง กนั ไปแลว แตพ นั ธุ เชน พันธุคารดินาล ประมาณ 3 เดอื น ถึง 3 เดอื นครง่ึ เปน ตน อยา งไรกต็ าม กําหนดการแกของผล โดยการนบั อายตุ ง้ั แตต ดั แตง น้ี มขี อ ทน่ี า สงั เกตบางประการเชน ผลองนุ ทช่ี บุ สาร ฮอรโมนจะสุกเรว็ กวา ผลทไ่ี มไ ดช บุ สารฮอรโ มนหลายวนั และฤดกู าลมสี ว นเกย่ี วขอ งดว ย เชน หนา แล ผลจะสุกเร็วกวา หนา ฝน เปน ตน จงึ ตอ งอาศยั อยา งอน่ื ประกอบดว ย เชน สขี องผลท่แี กจ ดั จะเปลยี่ นจากสี เขียว (ทุก ๆ พนั ธตุ อนแรกจะเปน สเี ขยี ว) ไมเ ปน สตี ามพนั ธุ เชน พนั ธไุ วทม าละกา พันธุลูสเพอเรส เมอ่ื แกจะมสี เี หลอื งออ น เหลอื งใส สว นพนั ธคุ ารด นิ าลเปนสมี ว งดาํ หรอื ดาํ อมแดง เปน ตน นอกจากสขี องผล อาจดูจากความหวานของผลโดยการทดลองชมิ ดู หรอื ใชเ ครอ่ื งวดั เปอรเ ซนตค วามหวาน (น้าํ ตาล) หรือ อาจดูจากขั้วชอผล ถาผลแกจัด ขว้ั ของชอ ผลจะเปลย่ี นจากสเี ขยี ว เปน สนี า้ํ ตาลดงั นเ้ี ปน ตน ดงั นน้ั การจะ เก็บผลองนุ ทแ่ี กจ ดั ควรอาศยั หลาย ๆ อยา งประกอบกันเพ่อื ใหแ นใจและทสี่ ําคญั อยา งยง่ิ คอื ควรงดการ ใหน้ําแกตน องนุ สกั ระยะหนง่ึ กอ นการตดั ผลเพอ่ื ใหอ งนุ มคี ณุ ภาพดี ดงั ไดก ลา วถงึ แลว อยางไรก็ตาม บางครง้ั ผปู ลกู อาจจาํ เปน ตอ งเกบ็ ผลองนุ กอ นทจ่ี ะแกจ ดั ดว ยเหตผุ ลหลายประการ เชนอาจเต็มทก่ี อ น และทยอยเก็บไปเรื่อยๆ จนหมด การเกบ็ ใหใ ชก รรไกรตดั ทข่ี ว้ั ชอ ผลบรรจลุ งเขง หรือ

การปลูกองุน 21 ลังไมที่บุหรอื รองดว ยกระดาษฝอย ใบตอง ปอ งกนั การชอกชา้ํ ในขณะขนสง การขนสง กค็ วรทําดว ยความ ระมดั ระวงั อยา ใหช อกชา้ํ มาก การพกั ตวั ของตน องนุ หลังจากท่ีเก็บผลองนุ จนหมดแลว จะตอ งปลอ ยใหต น องนุ พกั ตวั ระยะเวลาหนง่ึ ประมาณ 1-2 เดือน เพ่ือใหตนองนุ ไดส รา งอาหารสะสมไวใ นตน เพอ่ื ใหด อกใหผ ลในครง้ั ตอ ไป ชว งทใ่ี หต น องนุ พกั ตวั นี้ไมตองปฏิบัติงานมากนัก เพียงใหนํา้ เปน ครง้ั คราวไมใ หด นิ แหง เกนิ ไป การพกั ตวั ของตน องนุ นบั วา เปนชวงท่ีสําคญั อีกชวงหน่ึง มผี ลตอ การใหด อกใหผ ลในคราวตอ ไปมาก ถา ใหพ กั ตวั นอ ยหรอื ในชว งสน้ั ผลผลิตในคราวตอ ไปกจ็ ะนอ ยลง ตน จะทรดุ โทรมเรว็ ระยะเวลาในการพกั ตวั กแ็ ตกตา งกนั ออกไปตาม พันธุ เชน พนั ธไุ วทมาละกา พนั ธลุ ูสเพอรเ ลส ควรใหพักตัว 1-2 เดอื น สว นพนั ธคุ ารด นิ าล ใหพักตัว นอ ยกวา นไ้ี ด แตไ มค วรตา่ํ กวา 15-20 วัน เปน ตน เม่ือตนไดพ กั ตวั เตม็ ทจ่ี ะสงั เกตไดจ ากกง่ิ องนุ ชว งสดุ ทา ย (คอื ชว งทต่ี ดั ผลออกไปแลว ) เปน สนี า้ํ ตาลใบแกจัด ในกรอบ กส็ ามารถตดั แตง ครง้ั ตอ ไป หรือ”มดี สอง” ไดโ ดยกอ นการตดั แตง ใหป ฏบิ ตั เิ ชน เดียวกับคร้ังแรกหรอื “มดี แรก” คอื งดใหน า้ํ อยา งนอ ย 7 วัน แลว จงึ ตดั แตง กง่ิ ออกไปทง้ั หมด หลงั จาก ตัดก่ิงออกหมดแลว กร็ ดน้ํา ใหปุย เชน เดยี วกบั ครง้ั แรก โดยใหปุยเพิ่มมากขึ้น เพราะตน องนุ เตบิ โตขน้ึ ทุกป ในการตดั แตง ครง้ั ตอ ไปกป็ ฏบิ ตั เิ ชน เดยี วกนั เปน วงจรอยเู ชน นต้ี ลอดไป ดงั ภาพประกอบ ปลูก ตนพกั ตัว ตัดแตง ใหผ ล “มีดแรก” เก็บผล ตน พกั ตวั ใหผ ล ตดั แตง พกั ตวั เก็บผล “มดี สอง” จะเห็นวาจุดสาํ คัญที่จะทาํ ใหองนุ ออกดอกออกผลคอื การตดั แตง ดงั นน้ั จงึ สามารถคาํ นวณระยะ เวลาใหองุนออกดอกตอนไหนก็ได ผลแกชวงไหนก็ได แลว แตค วามตอ งการของผปู ลกู ทําใหมอี งนุ ขาย อยูในทองตลาดตลอดท้งั ป ผปู ลกู หลายรายเจาะจงทจ่ี ะใหอ งนุ ของตนแกต ดั ไดใ นชว งเทศการตา งๆ เชน ปใหม ตรุษจีน เปน ตน ซง่ึ เปน ชว งทต่ี ลาดตอ งการองนุ มากทาํ ใหไ ดร าคาดี หลายรายพอคาจะเปนผู กําหนดวาสวนใครควรจะตัดแตงชวงไหน เพื่อใหพอคาประจาํ มอี งนุ สง ตลาดไดท ง้ั ป เปน ตน จะเห็นวา การท่ีสามารถบังคับใหองุนออกผลตามเวลาที่ตองการไดเปนขอไดเปรียบที่สําคัญประการหน่ึงซึ่งการ ปลูกองนุ ในเขตหนาวไมส ามารถทาํ ได การทําหลังคาพลาสติก ไดมีการทดลองทําหลงั คาพลาสตกิ ครอ มแปลงปลกู องนุ พนั ธลุ ูสเพอรเ ลส เพอ่ื หาความเปน ไป ไดท่ีจะนําวิทยาการใหมๆ มาใชใ นการปลกู องนุ โดยมวี ตั ถปุ ระสงคใ หห ลงั คาพลาสตกิ นป้ี อ งกนั ฝน ซึ่ง จะทําใหผ ลแตกและลดคา ใชจ า ยในการใชย าปอ งกนั กาํ จดั โรคตา งๆ ทร่ี ะบาดมากในชว งฝนตกชกุ

การปลูกองุน 22 จากการสังเกตปรากฏวา หลงั คาพลาสตกิ ใหผ ลในทางปอ งกนั ดอกรว ง เพราะโดนฝนไดเ ปน อยางดี เพราะปกตถิ า เกดิ มฝี นตกในชว งทอ่ี งนุ กาํ ลงั ออกดอก ดอกเรม่ิ บานแลว ดอกองนุ จะรว งเสยี หาย มาก การใชหลังคาพลาสตกิ จงึ ปอ งกนั ได นอกจากนย้ี งั ปอ งกนั ผลแตกเนอ่ื งจากโดนฝนไดเ ปน อยา งดี เพราะองุนที่กําลังจะแก ถาโดนฝนจะแตกเสียหายมาก หลงั คาพลาสตกิ ยงั ชว ยลดคา ใชจ า ยในการปอ ง กันโรคตางๆ ในฤดฝู นไดม ากพอสมควร กลา วคอื จากการเปรยี บเทยี บในเรอ่ื งการใชย าปอ งกนั กําจัด ศัตรูน้ัน เม่ือปลกู ภายใตห ลงั คาพลาสตกิ จะฉดี ยาปอ งกนั กาํ จดั เชอ้ื รา 7-8 ครง้ั ตลอดฤดปู ลกู (หนา ฝน) ในขณะทก่ี ารปลกู แบบธรรมดาฉดี พน ยากนั ราถงึ 20-30 ครง้ั หรอื วนั เวน วนั หรือทุกวันที่ฝนตก เปน ตน สว นยาปอ งกนั กาํ จัดแมลงใชเพียง 5 ครง้ั ซง่ึ ปกตไิ มต ํากวา 10 ครง้ั ก็นับวาประหยัดคาใชจาย และแรงงานในการปอ งกนั กาํ จดั ศตั รตู า งๆ ไปไดม าก ผูปลูกก็ปลอดภัยจากยาที่ตนใช ผูบริโภคก็ปลอด ภัยมากย่ิงข้ึน แตก ม็ จี ดุ ออ นหลายประการเชน ตองลงทุนคาทาํ หลงั คาสงู พอสมควร อุณหภูมภิ ายใตหลัง คาจะสูงกวาปกติ 2-3 องศา ทาํ ใหต น องนุ เตบิ โตเรว็ กวา ปกติ และยงั เปน สาเหตใุ หพ วกแมงมุมแดง ไร ขาว ระบาดไดม ากขน้ึ แตก ไ็ มเ ปน ปญ หามากนกั สามารรถปอ งกนั กาํ จดั ได สิ่งที่สําคญั อยา งหนง่ึ สาํ หรับ สภาพการปจจบุ ันคอื การปลกู องนุ ใตห ลงั คาพลาสตกิ น้ี ควรปลกู พนั ธทุ ไ่ี ดร าคาสงู กวา ปกติ 1-2 เทา ข้ึนไป จึงจะใหผลตอบแทนแกผูปลูกได เชน การปลกู พนั ธไุ มม เี มลด็ เปน ตน ความคิดที่จะทาํ หลงั คาพลาสตกิ คอ มแปลงปลกู องนุ น้ี นบั วา นา สนใจมาก อาจจะเปนประโยชน ในการพัฒนาการปลกู องนุ ของบา นเราในโอกาสตอ ไปตอ ไป เพราะในหลายประเทศก็ไดใชหลังคา พลาสติกในการปลูกพืชผักตางๆ กันอยางแพรหลายอยูแลว ถา ไดท ดลองและพฒั นาแบบของหลงั คาท่ี ถูกตอง ประหยัด ถอดเกบ็ ไดง า ย ใชง า นสะดวก ใชแผนพลาสติกที่ทนทาน ฯลฯ ก็จะเปนหนทางหนึ่งที่ จะชว ยพฒั นาการปลกู องนุ ใหเ จรญิ กา วหนา ตอ ไป หลังคาพลาสตกิ ทไ่ี ดท ดลองทําดนู น้ั ทําเปน รปู หนา จว่ั สงู 2.30 เมตร (ตามภาพ) ความกวา ง ของหลังคาแตละดา น 2.5เมตร ชายคาคลมุ แปลงองนุ ทง้ั หมดทาํ ใหน ้าํ ฝนไมโ ดนตน องนุ เลย หลังคาใชพลาสตกิ อยา งหนาปซู อ นกนั เชน เดยี วกบั การมงุ หลงั คาทว่ั ไป และจะเก็บราบ พลาสติกไปไวบนยอดจว่ั ในชว งทไ่ี มม ฝี นตก เพอ่ื ใหม อี ายกุ ารใชง านนานขน้ึ ซง่ึ ตามทท่ี ดลอง ดูนั้นอยูไดนาน 2-3 ป ตอ งเปลย่ี นพลาสตกิ ใหม เพราะกราบและฉกี ขาด สิ่งที่ทาํ ใหพ ลาสตกิ ฉกี ขาด เสียหายเร็วก็คือ ลม ดงั นน้ั แปลงปลกู ควรมตี น ไมก นั ลมชว ย รวมทง้ั การออกแบหลงั คาทถ่ี กู ตอ ง การใช พลาสติกคุณภาพดีจะชวยแกปญหาตาง ๆ ไดม าก การดูแลการปฏิบัติงานสวนทั่วไปก็เหมือนกับการปลูกแบบปกติ งานทเ่ี พม่ิ มากขน้ึ คอื การรดนา้ํ ถึงแมวาจะเปน ฤดฝู นแตก ต็ อ งรดนา้ํ ให 2-3 วนั ตอ ครง้ั เพราะฝนทต่ี กลงมาไมถ กู ดนิ ปลกู เลย หรือถกู เพียงเล็กนอยไมพ อเพยี งตอ การเจรญิ เตบิ โตของตน องนุ และจะตอ งคอยตรวจดคู วามเรยี บรอ ยของ พลาสติกอยเู สมอๆ บางครง้ั จะขงั นา้ํ ฝนไว หรอื ฉกี ขาดจากลมจากฝน เปน ตน โรคองุน ปญหาท่ีสาํ คญั ประการหนง่ึ ของการปลกู องนุ ในประเทศไทย คอื ปญ หาเรอ่ื งโรคตา งๆ ระบาด ทําคามเสยี หายอยางมาก ผปู ลกู ตอ งลงทนุ สงู ในการปอ งกนั กาํ จัด เสยี เวลาและคา ใชจ า ยมาก จนบาง แหงตองเลกิ ปลกู องนุ หันไปปลูกพืชอยางอื่นแทน สาเหตุที่โรคระบาดทาํ ความเสยี หายมากและการปอ ง กนั กาํ จัดไมคอยไดผล เพราะ

การปลูกองุน 23 1. การปลูกองนุ ในบา นเราปลกู ทง้ั ป ทําใหโ รคตา งๆ ระบาดไดก วา งขวางตลอดป เชนเดียวกัน แมจะมีระยะหนง่ึ คอื ชว งตดั แตง ใหแ ตกใบใหม แตก เ็ ปน ชว งเวลาสน้ั ๆ และไมไดทาํ พรอมเพรียงกนั ทุก แหง ทําใหโ รคหมนุ เวยี นไปมาระหวา งสวนได 2. สภาพดินฟา อากาศของบา นเรา เหมาะสมตอ การเจรญิ เตบิ โต แพรเ ชอ้ื ของโรคหลายชนดิ ความช้ืนในอากาศทส่ี งู ตลอดป ฤดฝู นทย่ี าวนานชว ยใหโ รคระบาดตลอดทง้ั ป 3. ผปู ลกู มกั ใชย าปอ งกนั กาํ จดั ไมต รงกบั โรคทเ่ี ปน ทําใหก ารปอ งกนั กาํ จดั ไมไ ดผ ลละยงั เสยี เงนิ โดยใชเหตอุ กี ดว ย บางครง้ั ยาทต่ี รงกบั โรคทเ่ี ปน อาจจะราคาสงู กวา แตกย็ งั ดีกวาใชยาไมต รงกับโรค เพราะไมเ กดิ ประโยชนใ นทางปอ งกนั กําจดั เลย 4. การใชย าปอ งกันกาํ จดั โรคโดยเฉพาะในฤดฝู นควรเตมิ ยาจบั ใบลงไปดว ย แมจะเพิ่มคาใชจาย ข้ึนอีกแตไดผลในทางปอ งกันกาํ จัดมากกวา และลดตน ทนุ ในดา นคา จา งแรงงาน ยาจับใบจะชวยใหยา ปองกันกําจดั โรคทฉ่ี ดี พน ไปนน้ั จบั ตดิ ใบไดแ นน กวา ไมต อ งฉดี ยาทกุ ครง้ั หลงั ฝนตกดงั ทป่ี ฏบิ ตั กิ นั อยู ปจจุบัน 5. วธิ กี ารปอ งกนั กาํ จัดโรคโดยทั่วไป เชน เมื่อทาํ การตดั แตง กง่ิ เพอ่ื ใหอ อกดอกนน้ั ควรนํากิ่งทั้ง หมดไปเผาทิ้งในที่หางไกลจากตน อยา ปลอ ยใหก ง่ิ ใบรว งหลน อยโู คนตน จะเปน แหลง แพรเ ชอ้ื โรค การ ฉีดพนยา ไมควรฉีดจนโชกไหลทิ้ง จะเสียตัวยาโดยเปลาประโยชน หรอื การรดนา้ํ อยา ใหโ ดนใบ การตดั แตงก่ิงใหโปรง ลมถา ยเทไดส ะดวกไมอ บั ชน้ื การทําความสะอาดสวน เปน ตน จะชว ยลดการระบาดของ โรคได โรคทส่ี าํ คญั และการปอ งกนั กาํ จัด 1.$ โรครานาํ้ คา ง (Doeny mildew) – Pladmopara Viticola โรครานาํ้ คา งนบั วา เปน โรคทส่ี าํ คัญที่สุด สําหรบั การปลกู องนุ ในบา นเรา เปน โรคทร่ี ะบาดรนุ แรง ทําความเสยี หายมากตอ งเสยี คา ใชจ า ยในการปอ งกนั กาํ จัดสูง เปน โรคทร่ี ะบาดไดท ง้ั ป โดยเฉพาะ อยางย่ิงในฤดูฝนจะระบาดอยา งรนุ แรง เพราะความชน้ื ในอากาศมสี งู เปนโรคที่เจริญพันธุขยายลูก หลานอยูบนสวนขององนุ ทย่ี งั สดอยู และสามารถแพรร ะบาดไปยงั ทอ่ี น่ื ๆ โดยปลวิ ไปกบั ลม จงึ ปอ งกนั การระบาดไดค อ นขา งยาก อาการของโรค โรคน้ีเกิดไดก บั สว นตา ง ๆ ของตน องนุ ทง้ั ใบ ดอก ยอดออ น เถา และผล โดยมี อาการทส่ี งั เกตได คอื - อาการบนใบองนุ ใบที่ไดรับเช้อื โรคตอนแรกจะเหน็ เปน เพียงจุดเล็กๆ สเี หลอื งปนเขยี ว ทาง ดานบนของใบ ตอมาจะขยายเปนแผลโตขึ้น ขนาดไมแ นน อน ในระยะนถ้ี า ผลกิ ดดู า นลา งของใบตรงท่ี เปนผลจะพบเชอ้ื ราสขี าวอยเู ปน กลมุ เหไ็ ดช ดั ซง่ึ ตรงกลมุ นเ้ี องทจ่ี ะเจรญิ แพรพ นั ธตุ ดิ ตอ ไปยงั ใบอน่ื ๆ หรือแปลงอื่นๆ โดยปลวิ ไปกบั ลม อาการของโรคจะสงั เกตไดก ต็ อ เมอ่ื เชอ้ื ราเขา ทาํ ลายแลว 4-6 วัน - อาการทย่ี อดออ น ยอดออ นทโ่ี รคเขา ทาํ ลายจะแคระแกรน ยอดสน้ั มเี ชอ้ื ราสขี าวขน้ึ ปกคลมุ ยอด เหน็ ไดช ดั เจน ยอดออ นเปลย่ี นเปน สนี า้ํ ตาล และแหงตายในที่สุด

การปลูกองุน 24 - อาการทช่ี อ ดอก ชอดอกทไ่ี ดร บั เชอ้ื จะคอ ย ๆ เปลย่ี นเปน สเี หลอื งเปน หยอ มๆ อกี 2-3 วัน ตอมาจะเห็นเชอ้ื ราสขี าวขน้ึ ทช่ี อ ดอกเหน็ ไดช ดั ชอ ดอกเปลย่ี นเปน สนี า้ํ ตาล และแหงติดเถา โดยชอ ดอก อาจแหง จากโคนชอ ปลายชอ หรอื กลางชอ กไ็ ด - อาการทผ่ี ล จะเกิดกบั ผลออ น โดยครัง้ แรกจะมีลักษณะเปนจุดหรอื ลายทางๆ สนี า้ํ ตาลทผ่ี ล ผลเริ่มแหง เปลอื กผลเหย่ี ว เปลย่ี นเปน สเี ทาปนนา้ํ เงนิ หรอื นา้ํ ตาลแก ถาเปนมากผลจะเหี่ยวหมดทั้งชอ - อาการทเ่ี ถา-ที่มือ อาการท่ีมือหรือทห่ี นวดนน้ั เรม่ิ จากมอื เปลย่ี นเปน สเี หลอื งปนเขยี ว และ เปล่ียนเปน สนี า้ํ ตาลแหง ตดิ เถา สําหรบั อาการทเ่ี ถาองนุ ผวิ เปลอื กจะเปลย่ี นเปน สดี าํ หรอื นา้ํ ตาล มอง เห็นเชอ้ื ราสขี าวตรงกลางแผลไดช ดั เจน ทาํ ใหยอกแคระแกรน ขอแนะนําในการปอ งกนั กาํ จดั 1. การทาํ ความสะอาดสวน อยา ใหร กรงุ รงั กง่ิ ตา งๆ รวมทง้ั ใบทต่ี ดั ออกจากตน ใหน าํ ใปเผาทิ้ง หรือฝง อยา ปลอ ยทง้ิ ไวใ นสวนจะเปน แหลง แพรเ ชอ้ื โรค 2. หลังจากทต่ี น องนุ แตกกง่ิ ใบใหมแลวควรจัดกิ่งเถาใหกระจายทั่ว ๆ คา ง อยาใหทับซอนกัน มากก่ิงท่ีไมต อ งการใหต ัดแตงออกใหโ ปรง อยาใหกิ่งหอยยอยลงจากคาง ใหอากาศถายเทสะดวก จะ ชวยลดความชน้ื ลง ชว ยลดการระบาดของโรค 3. การฉดี ยาปอ งกนั กําจัด ทาํ เปน ระยะๆ ตามความเหมาะสม ตามฤดกู าล ฤดฝู นอาจตอ งฉดี ยาบอย ในฤดูแลง อาจฉดี ยาหา งออกไปไดบ า ง โดยเรม่ิ ฉดี ครง้ั แรกเมอ่ื เรม่ิ แตกยอดออ น ครง้ั ทส่ี องเมอ่ื มี ใบออน 3-4 ใบ ครง้ั ตอ ๆ ไปกฉ็ ดี ตามความเหมาะสมเปน ระยะๆ ยาทใี่ ชป องกันกําจดั โรคนไ้ี ดด ี เชน 1.! ตัวยาทม่ี สี ว นผสมของ ไซเนบ – มาเนบ (ตวั ยาทม่ี ธี าตสุ งั กะสี และแมลงกานสี เปน สวนประกอบ) เชนยา ไดเทน เอ็ม-45,แมนเซท-ดี เปน ตน 2.! ตัวยาทม่ี สี ว นผสมของธาตทุ องแดง และไซเนบ เชน ยาคโู ปรซาน ซเู ปอร- ดี 3.! ยาทม่ี สี ว นผสมของเหลก็ เชน เฟอรแ บม เปน ตน การใชยาปอ งกนั โรคราตา ง ๆ ควรเตมิ นา้ํ ยาชวยจับใบลงไปดวย โดยเฉพาะในฤดูฝนจะชวยให ยาจับใบไดดี ไมโ ดนชะลา งอยา งรวดเรว็ 2.$ โรคชอแหง (Bacterial Blight) โรคชอดอกแหง เปน ไดท ง้ั ชอ ดอก ใบ และยอกออ น อาการทช่ี อ ดอก เมอ่ื เปน โรคนจ้ี ะเนา แหง ติดกับเถา เชน เดยี วกบั ชอ ดอกทเ่ี นา เนอ่ื งจากโรครานา้ํ คา ง แตท ีจ่ ะสงั เกตเหน็ แตกตา งกนั คอื ถา เกดิ จากโรครานา้ํ คา งจะเนา แบบเนา แหง แตถาเกิดจากโรคชอดอกแหง จะเนา เปย กหรอื เนา เละ - อาการทช่ี อ ดอก จะเร่ิมแสดงอาการทป่ี ลายชอ ดอกกอ น ทําใหป ลายชอ ดอกเรม่ิ เปลย่ี นเปน สีน้ําตาล แผลจะลกุ ลามเขา มาหาโคนชอ และชอ ดอกจะเปลย่ี นเปน สนี า้ํ ตาลทง้ั หมด แหงตายตดิ เถา - อาการทย่ี อดออ น ยอดออนทไ่ี ดรับเชอื้ จะมอี าการซีดเหลืองผดิ ปกติ ตอ มาเปลย่ี นเปน สเี ทา อมดําและเกิดเปนแถบสีนาํ้ ตาลดา นขา ง เปลอื กจะแตกตามยามมองเหน็ เนอ้ื ไมข า งใน ยอดแคระแกรน และตายในทสี่ ุด - อาการทใ่ี บ ใบจะเปล่ียนจากสเี ขยี วเปน สเี หลอื งปนแดงและเปลย่ี นเปน สนี า้ํ ตาล ตอ มาใบจะ แหง ตาย แลวลุกลามไปยังยอดทาํ ใหยอดแหงตายดวย

การปลูกองุน 25 โรคที่เกิดจากเชื้อแบคทีเรีย เชน โรคชอ ดอกเนา น้ี เชือ้ โรคจะเขาสพู ชื ไดโดยทางบาดแผลตางๆ ทางรเู ปด สาํ หรับหายใจและคายนํ้าของพชื หรือจากรอยแผลที่เกิดจากแมลงทาํ ลาย เปน ตน ตงั นน้ั การ ปฏิบัติงานสวนตอ งทาํ ดว ยความระมดั ระวงั เชอ้ื โรคอาจตดิ มากบั กรรไกรทใ่ี ชต ดั แตง กง่ิ ตดั แตง ชอ ก็ได สําหรับการแพรร ะบาดของโรคชอ ดอกแหง น้ี เชื้อโรคสามารถเจรญิ เติบโตแพรพ นั ธไุ ดท้ังบนสว น ที่ยังสดอยู และสวนที่แหงตายไปแลว ดงั นน้ั พวกกง่ิ ใบ สว นตา ง ๆ ทต่ี กหลน อยใู นสวนจงึ เปน แหลง แพร เช้ือโรคได ควรเก็บกวาดออกไปทิ้งหรือเผาใหหมด ไมใ หเปนทสี่ ะสมโรค ยง่ิ แปลงปลกู ชน้ื แฉะโรคนก้ี จ็ ะ ย่ิงระบาดไดร วดเรว็ แมลงตางๆ ที่ทําลายกดั กนิ องนุ กอ็ าจเปน พาหะนาํ โรคจากทอ่ี น่ื มาสตู น องนุ ได การปอ งกนั กําจดั 1. ทําความสะอาดสวนอยา ใหร กรงุ รงั กง่ิ เถาตา งๆ ตดั แตง ใหโ ปรง อยาใหแนนทึบ กิ่งใบท่รี ว ง หลนอยูใตตนใหเก็บกวาดไปเผาทิง้ ใหหมด 2. ระมัดระวงั อยา ใหเ กดิ บาดแผลบนตน ในทอ งทห่ี รอื ชว งทโ่ี รคนร้ี ะบาดมาก การตัดแตงใหทาํ ดวยความระมดั ระวงั โดยทําความสะอาดเครอ่ื งมอื ทใ่ี ชต ดั แตง บอ ยๆ 3.! ปองกนั แมลงตา ง ๆ ที่เขาทําลายองนุ 4.! การใชย าปอ งกนั กาํ จัด เชน 1.! ยาพวกปฏิชีวนะ เชน แอกกริมัยซิน สเตรปโตมัยซิน เปน ตน 2.! ยาแนทริฟน (ซิเดียม ออโรเฟนินฟเนท) ใชใ นอตั รา 2 ชอ นโตะ ตอ นา้ํ 3 ปบหรือ 15 กรัมตอน้ํา 60 ลติ ร โดยฉดี ครง้ั แรกเมอ่ื เรม่ิ เหน็ อาการชอ แหง ครง้ั ตอ ไป อกี 2 ครง้ั หา งกนั ครง้ั ละ 1 สัปดาหก็เพียงพอ เพราะเมอ่ื องนุ ตดิ ผลดแี ลว ความรนุ แรงของโรคจะลดลง 3. โรคแอนแทรกโนส หรอื โรคผลเนา หรอื โรคแบลคสปอต (Antracnose or black spot)- Gloeasporium ampelephagum โรคผลเนา หรือโรคแอนแทรกโนสนี้ ชาวบา นมกั เรยี ก โรคอบี บุ หรือ โรคลกู บบุ เพราะอาการที่ เกิดกับผลนั้น จะเปน แผลลกึ ลงไปในเนอ้ื โรคนเ้ี ปน โรคทร่ี ะบาดอยา งชา ๆ แตก็รุนแรง และรักษายาก บางทองที่บางฤดู ก็เปนปญหาสําหรบั การปลกู องนุ มากเชน กนั โรคนี้นอกจากจะเปนที่ผลซึ่งพบไดทั่วๆ ไปแลวยังเปน กบั เถาและใบองนุ ไดด ว ย โดยเชอ้ื โรคสามารถแพรร ะบาดไปกบั ลมและน้ํา ปกติแลว โรค แอนแทรกโนสน้ีจะระบาดทําความเสยี หายกบั ทกุ สว นขององนุ โดยเฉพาะสว นทย่ี งั ออ นอยู เชน ยอด ออน กิ่งออน ใบออ น สว นทผ่ี ลเปน ไดท ง้ั ในระยะผลออ นจนจงึ ผลโต - อาการทผ่ี ล โรคผลเนานี้สามารถเขาทาํ ลายผลองนุ ไดท กขนาด ตง้ั แตเ ลก็ จนโต ในผลออ นท่ี เปนโรคจะเหน็ จดุ สนี า้ํ ตาลออ น ถงึ นา้ํ ตาลเขม บมุ ลงไปเลก็ นอ ย ขอบแผลสเี ขม ถา อากาศชน้ื ๆ จะเห็น จุดสีชมพู สีสม ตรงกลางแผล สว นในผลแกใ นระยะผลองนุ เรม่ิ เขา สี จะเหน็ บรเิ วณเนา เปน สนี า้ํ ตาล มี จุดสีชมพู สีสม เกดิ ขน้ึ บรเิ วณตรงกลางแผลเตม็ ไปหมด ถา ยงั คงเปน ตอ ไป ผลจะแหง เปลือกเหี่ยวยน ติดกับชอไมร ว งหลน เมอ่ื โดนน้าํ หรอื นา้ํ คา ง เชอ้ื โรคกจ็ ะระบาดจากลูกที่เปนแผลไปยงั ลูกอื่นๆ ในชอ จนกระทั้งเนาเสียหมดทั้งชอ - อาการทใ่ี บ ในระยะแรกที่เปนโรค จะเห็นท่ีใบเปนจดุ เล็กๆ สนี า้ํ ตาลเปน แผลมรี ปู รา งไมแ น นอนตรงกลางแผลมีสีนาํ้ ตาลออ น หรือสีเทา ขอบแผลสนี า้ํ ตาลเขม ถาอากาศแหง ตรงที่เปนแผลจะ

การปลูกองุน 26 หลุดหายไป ทําใหใ บเปน รู บางครง้ั ใบกม็ ว นงอลงมาดา นลา ง แตไ มร ว งในทนั ที ใบทเ่ี ปน โรคจะไมเติบโต ตอไป เมอ่ื เปน โรคมากขน้ึ ใบจึงจะรวง - ยอดออ น จะเปนจุดเลก็ ๆ สนี า้ํ ตาลเขม ตอ มาขอบแผลจะขยายออกตามความยาวของกง่ิ คอื รอยแผลหัวแหลมทายแหลม ของแผลเปน สนี า้ํ ตาลแกถ งึ สดี ํา กลางแผลสดี ําขรขุ ระในชว งฤดฝู นทอ่ี ากาศ มีความช้ืนมาก จะเห็นเปนจุดเล็กๆ สชี มพแู ตต รงกลางๆ แผล ถา เปน แผลมากๆ ยอดจะแคระแกรน มี การแตกยอดออ นมาก แตแตกออกมาแลวแคระแกรน ไมเ ตบิ โต ใบทแ่ี ตกออกมาใหมน ก้ี จ็ ะมขี นาดเลก็ และสีซีดผิดปกติ และก่ิงน้ันจะแหงตายไปในที่สดุ เชือ้ โรคแอนแทรกโนสน้ีจะขยายแพรพ ันธสุ รา งลกู หลานไดจ าํ นวนมากมายบน ใบ ยอด หรือกิ่ง หรือผลองุนที่กาํ ลงั เปน โรค และพบวา บนผลองนุ นน้ั การขยายแพรพ นั ธขุ องโรคเปน ไปอยา งรวดเรว็ ทส่ี ดุ และเชื้อนี้ยังคงเจรญิ เตบิ โตไปไดเรือ่ ยๆ ทง้ั บนสว นขององนุ ทย่ี งั ไมต าย และสว นตา งๆ ขององนุ ทต่ี าย หรือเนา ทบั ถมกนั อยใู ตต น การปอ งกนั กําจดั 1. การทําความสะอาดสวน เก็บกวาดกิ่ง ใบองนุ ทง้ั สดและแหง ทต่ี กอยใู ตต น ไปเผาทง้ิ หรอื ฝง ให หมดเพราะสว นตา งๆ เหลานี้เปนแหลงขยายแพรพนั ธโุ รคได 2. เม่ือพบวา เปน โรคนท้ี ผ่ี ลหรอื ยอด หรือใบ ใหต ดั แตง สว นทเ่ี ปน โรคออกกอ น และจึงฉีดพน ดว ยยากาํ จดั เชอ้ื รา จะชวยทาํ ลายเชอ้ื โรคทห่ี ลงเหลอื อยไู ดม าก 3. คอยตดั แตง กง่ิ จัดกิ่งใหโปรง อยาใหอับทึบ จะชว ยลดอนั ตรายไดม าก โดยเฉพาะในชวงที่ โรคระบาดมาก 4. การปอ งกนั กาํ จัดโดยฉัดพนดวยยากาํ จดั เชอ้ื ราตา งๆ เปน ระยะๆ คอื ฉีดพนยาคร้งั แรกหลัง จากตัดแตงเรยี บรอยแลว เพื่อทาํ ลายเชอ้ื โรคทอ่ี าจตดิ อยกู ับกงิ่ ที่เหลือ และครง้ั ทส่ี องเมอ่ื เรม่ิ แตกใบออ น และครั้งตอๆ ไปดูตามความเหมาะสม เชน ในฤดฝู นอาจฉดี ถก่ี วา ในฤดแู ลง เปน ตน เมอ่ื เรม่ิ ตดิ ผลดแี ลว อาจเวนระยะไดช วงหน่ึง จนถงึ ระยะผลแกใ กลจ ะเขา สจี งึ เรม่ิ ฉดี อกี ครง้ั หนง่ึ เพื่อปองกันโรคที่จะเกิดกับ ผล ยาปอ งกนั กําจดั เชอ้ื ราทใ่ี ชไ ดผ ลดกี บั โรคนค้ี อื ก. ยาบีโนมีล หรือเบนเลท ยาน้ีปอ งกนั กาํ จดั โรคผลองนุ เนา ไดด กี วา ยาอน่ื ๆ เนอ่ื งจาก เปนยาประเภทดูดซึม ทาํ ใหย ดื เวลาการฉดี ออกไปได 10-15 วนั ตอ ครง้ั แตย านี้คอนขา งจะแพง ข.! ยาแคปแทนหรือออโธไซด ค.! ยาท่ีมสี ว นผสมของธาตสุ งั กะสี เชน คโู ปรซาน ซเู ปอร- ดี ไซเนบ เปน ตน ง.! ยาทม่ี สี ว นผสมของ ไซเนบ-มาเนบ เชน ไดเทน เอ็ม.45 หรือแมนเซท-ดี ยาดังกลา ว ยกเวน เบนเลท ใหใ ชต ามอตั รากําหนดทฉ่ี ลาก กส็ ามารถปอ งกนั กาํ จดั ไดใ นเมอ่ื โรคระบาดไมร นุ แรงมากนกั โดยเวน ระยะหา งประมาณ 5-7 วนั ตอ ครง้ั สวน เบนเลท สามารถท้งิ ระยะ หางไดน านกวา 4. โรคราแปง ขาว(Powdery mildew) – Oidium tuckeri โรคราแปงขาวหรืออีกชื่อหนึ่ง คอื โรคราขเ้ี ถา เพราะบรเิ วณทเ่ี ปน โรคมกั จะพบสปอรข องเชอ้ื รา เปนสีเทาคลายขี้เถาอยูเต็มไปหมด โรคนส้ี ามารถเปน ไดท ง้ั บนใบ ที่เถา ดอกและผล และมกั ระบาดใน

การปลูกองุน 27 ชวงอากาศคอนขา งแหงแลง คอื หลงั ฤดฝู น และในฤดหู นาวเทา นน้ั จึงทาํ ใหดเู หมอื นโรคนไ้ี มค อ ยมี ความสําคญั มากนกั เมอ่ื เทยี บกบั โรคอน่ื ๆ ที่ระบาดไดทั้งป - อาการทใ่ี บ ใบองุนที่เปน โรคน้ี ในระยะแรกจะพบวา ตรงสว นทเ่ี ปน โรคเปน สเี ทาขน้ึ มากอ น ตอ มาจงึ พบสปอรคลายผลแปง ขาวๆ เทาๆ บนสว นทเ่ี ปน โรคนน้ั ซง่ึ กค็ อื สว นของเชอ้ื ราของโรคนน้ี น่ั เอง เชื้อราของโรคนี้จะเจริญเติบโตอยูเฉพาะที่ผิวใบเทานั้น เปน ไดท ง้ั ดา นบนใบและดา นลา งใบ แลวจะสง สวนท่ีคลาย ๆ รากของตน ไม(มองดว ยตาเปลา ไมเ หน็ ) เขา ไปดดู กนิ อาหารจากใบองนุ อกี ทหี นง่ึ ดงั นน้ั เม่ือเอามือลูบตรงทเ่ี ปน โรคจะเหน็ มเี ชอ้ื ราตดิ มอื มาไดงา ย แตไมหมด ยงั มอี กี สว นทต่ี ดิ อยกู บั ใบ ถาเชื้อ โรคเขาทําลายตง้ั แตร ะยะใบออ น ใบนน้ั จะบดิ เบย้ี ว เปน คลน่ื และแหง ตายในทส่ี ดุ - อาการทเ่ี ถาออ น จะพบเปน รอยสเี ทาถงึ สนี า้ํ ตาลปนดาํ และสว นของเชอ้ื ราทเ่ี ปน สขี าวๆ เทาๆ ตรงกลางแผล ตอ มาเปลอื กจะลอก ถา เปน มากรกั ษาไมท นั เถาน้นั จะแหง ตายไป - อาการทด่ี อกและผล อาการทช่ี อ ดอกไมค อ ยพบบอ ยนกั อาการที่พบในระยะแรก คอื บาง สวนของชอดอกจะเริ่มมีสีเหลือง ขณะเดยี วกนั กม็ องเหน็ สว นของเชอ้ื ราสขี าวๆ เทาๆ เกาะตดิ อยู ตอ มา พบรอยแผลเปนสีเทา ๆ เปน เสน ลายเลก็ ๆ ชอ ดอกทเ่ี ปน โรคนม้ี กั ไมค อ ยใหผ ล - อาการทเ่ี กดิ กบั ผล พบไดทง้ั ในผลออ นและผลแก ซง่ึ อาการมกั คลา ยคลงึ กนั คอื จะสังเกต เห็นไดก็ตอเมื่อมเี ชือ้ ราเขา ทาํ ลายบรเิ วณผวิ นอกเทา นน้ั โดยจะเหน็ เปน เสน ลายเลก็ ๆ สขี าวเกาะอยเู ปน กลุมและแตกออกรอบทศิ ทาง ตอ มาผวิ เปลอื กบรเิ วณนน้ั จะเปลย่ี นเปน สเี ทา เห็นไดชัดเจน ผวิ เปลอื ก วจะแหงกระดาง ถา เปน มากๆ ผเิ ปลอื กจะแตกออก โรคที่เกิดที่ผลนี้จะพบอาการแผลสีเทาที่ผลแมจะฉีด ยาทาํ ลายเชอ้ื โรคจนตายหมดแลว กต็ ามแตร อยแผสสเี ทานน้ั จะไมหายไป ยังคงติดอยูที่ผิวทาํ ใหผวิ ไม สวย ไมเปนทต่ี อ งการของตลาด ดงั นน้ั การปอ งกนั กาํ จดั โรคนจ้ี งึ ตอ งทาํ แตเ นน่ิ ๆ เมอ่ื เรม่ิ พบอาการของ โรคเพียงเลก็ นอ ย ใหล งมอื ปอ งกนั กําจัดทันที การเจริญเตบิ โตและแพรข ยายพนั ธขุ องโรคน้ี จะสามารถมีชวี ติ และแพรพ นั ธไุ ดเฉพาะบนสว น ขององุนที่ยังสดอยูเ ทา น้นั ดงั นน้ั เมอ่ื เชอ้ื เขา ทาํ ลายสว นตา งๆ ขององนุ และมนั จะเจรญิ เตบิ โตสรา งลกู หลาน แพรพ นั ธอุ ยา งรวดเรว็ บนสว นทเ่ี ปน โรคตลอดเวลา จึงตอ งทําการกําจัดทันทีที่พบกอนที่จะลุก ลามไปมากและเช้ือโรคตวั นีส้ ามารถแพรระบาดไปยังท่อี ืน่ ๆ ไดโดยลมพันพาไป การปอ งกนั กําจดั เน่ืองจากโรคนร้ี ะบาดเฉพาะชว งแลง เทา นน้ั และกไ็ มร นุ แรงมากนกั การปอ งกนั กาํ จดั ไมค อ ย เปนปญหานกั ที่สําคญั คอื ตอ งหมน่ั ตรวจตาตน องนุ อยเู สมอ เมอ่ื พบอาการเพยี งเล็กนอ ยกใ็ หทาํ การปอ ง กันกําจัดทันที อยา ปลอ ยใหร ะบาดมาก หรอื ตดั สว นทเ่ี ปน โรคทง้ิ ไป สว นการปอ งกนั โดยใชส ารเคมี ตาง ๆ นน้ั มอี ยู หลายชนดิ ทส่ี ามารถปอ งกนั กาํ จดั โรคนไ้ี ดด ี เชน 1. กํามะถนั ผง เปน ผงสเี หลอื ง อาจใชแบบพนเปนผง หรอื แบบผสมนาํ้ กไ็ ด โดยการพนแบบผง ควรทาํ ตอนเชา มดื ในขณะทน่ี า้ํ คา งยงั จบั ใบอยู จะทาํ ใหผลกาํ มะถนั เกาะตดิ ใบและสว นตา งๆ ไดด ี สวน การพน แบบผสมน้าํ จะพน ตอนไหนกไ็ ด แตค วรหลีกเลี่ยงที่จะฉดี พน ตอนแดดจัดๆ เพราะจะทาํ ใหใ บองนุ ไหมได 2. ยาทม่ี สี ว นประกอบของกาํ มะถนั เชน คาราเทน ใชผ สมน้าํ ฉดี จะสะดวกกวาวิธีพนเปนผง 3. ยาพวกทม่ี สี ารทองแดงเปน สว นประกอบ เชน คปู าวิต กใ็ ชป อ งกนั กาํ จดั ไดผ ลดเี ชน กนั

การปลูกองุน 28 ถาพบวา หลงั จากฉดี พน ดว ยยาดงั กลา วแลว ยงั ไมส ามารถปอ งกนั กาํ จดั ได ควรใชย าแบนเลท ซ่ึงใหผ ลในทางปอ งกนั กําจดั โรคนไ้ี ดด ที ส่ี ดุ แตมีราคาแพงกวา 5. โรคกง่ิ แหง (ทเ่ี กดิ จากเชอ้ื รา Melaconium furiginium) เปนโรคทพ่ี บระบาดไมม ากนกั นานๆ จะพบสักครั้ง อาการทพ่ี บคอื ตอนแรกๆ จะเกดิ จดุ สนี ํ้า ตาลเล็กๆ ท่ีก่ิงองนุ แลว ลกุ ลามขยายวงกวา งออกไปรอบกง่ิ รอยแผลเปลย่ี นเปน สนี า้ํ ตาลดาํ เมอ่ื แผลเกดิ รอบกิ่งจะทําใหก ง่ิ นน้ั แหง ตาย เพราะไมส ามารถสง นา้ํ ไปเลย้ี งตน ได นอกจากเกิดที่กิ่งแลวยังเกิดที่กาน ชอผลดวย อาการคลา ยกนั คอื เรม่ิ จากจดุ สนี า้ํ ตาลเลก็ ๆ แลว ลกุ ลามไปจนรอบขว้ั ของชอ ผล เมือ่ แผล ขยายไปจนรอบขว้ั ทําใหขั้วแหง ชอผลแหง และยังพบโรคนี้ที่ผลแกดวย โดยเปลอื กของผลจะเปน จดุ สนี า้ํ ตาลแลว ลกุ ลามไปเรอ่ื ย ทําใหผ ลเนา เปน สดี ํา การปอ งกนั กําจดั เนื่องจาก โรคนย้ี งั ไมค อ ยพบบอ ยนกั การปอ งกนั กาํ จัดทาํ ควบคไู ปกบั การปอ งกนั โรคอน่ื ๆ กลาวคือ การฉดี ยาปอ งกนั กาํ จดั โรคตา งๆ ทก่ี ลา วมาแลว จะเปน การปอ งกนั กาํ จดั โรคนไ้ี ปดว ยในตวั และ เม่ือพบอาการทส่ี ว นใดขององนุ ใหต ดั ไปเผาทง้ิ เสยี อยา ปลอ ยใหร ะบาดไปยงั สว นอน่ื ๆ แมลงและการปองกันกําจัด 1.$ ตก๊ั แตน ต๊ักแตนชอบกัดกนิ สว นยอดขององนุ ในระยะกาํ ลงั แตกใบออ น พอใบองนุ เรม่ิ แกจ ะไมค อ ยเขา ทาํ ลาย การปอ งกนั กาํ จัดโดยใชยาฆาแมลงประเภทดูดซึม 2.$ ดวงปกแขง็ ดวยปก แขง็ หรอื ดว งกหุ ลาบตวั สนี า้ํ ตาล ชอบทาํ ลายพืชหลายชนิด รวมทง้ั องนุ ดว ย โดยจะกัดกิน ท้ังใบออนและใบแก โดยออกทาํ ลายพชื ในเวลากลางคนื บางครง้ั จะกดั กนิ จนใบองนุ พรนุ ไปหมด โดย เฉพาะตน องนุ ทอ่ี ยแู ถวนอก ๆ รมิ แปลงปลกู มกั จะโดนทาํ ลายมากกวา พวกทอ่ี ยใู นๆ 3.$ พวกหนอนผีเสื้อตางๆ มหี นอนอยู 2-3 ชนิดที่คอยทาํ ลายองนุ เชน เจาะทาํ ลายผล กัดกินใบองุน ยอดออ นขององนุ เปน ตน โดยทั่วไปแลวไมคอยมีปญหา มากนกั การปอ งกนั กาํ จดั โดยใชส ารเคมี เพื่อกาํ จดั ตก๊ั แตนและดว งปก แข็ง ก็จะทาํ ลายหนอนพวกนไ้ี ปดว ยในตวั 4.$ เพลี้ยไฟ เปนแมลงขนาดเลก็ ตวั สนี า้ํ ตาลแก หรอื สดี ํา อยกู นั เปน กลมุ ขยายพนั ธอุ าศยั อยใู ตใ บ และดูด กินนํ้าเล้ียงจากใบองนุ ยอดออ นองนุ ทําใหใ บเปน จดุ ลาย ซดี เหลอื ง ยอดหงิกงอ การปองกันโดยไหยา ประเภทดูดซึม หรือถาพบไมมากนักอาจตัดสวนที่พบเพลี้ยไฟไปเผาทิ้งเสีย 5.$ แมงมุมแดง เปนแมงมุมตัวสีแดง ขนาดเลก็ มาก ประมาณปลายเขม็ หมดุ ถาอยูต ัวเดยี วจะสงั เกตไดย ากแมง มุมพวกน้ีจะอาศยั และขยายพนั ธอุ ยใู ตใ บองนุ ดดู กนิ น้าํ เลย้ี งจากใบองนุ ใบทโ่ี ดนแมงมมุ แดงทําลายจะมี

การปลูกองุน 29 สีเหลืองซีด และใบรว ง ตนที่ถูกทาํ ลายมากๆ จะทรุดโทรม แมงมมุ แดงจะระบาดมากในชว งแลง อากาศ รอน เม่ือฝนตกจะคอ ยๆ หายไป การปอ งกนั กาํ จดั โดยการดแู ลอยเู สมอ ถา พบวา ระบาดไมม ากใหเ ดด็ ใบทพ่ี บแมงมมุ แดงนาํ ไปเผาทิ้ง สว นการปอ งกนั กาํ จดั โดยสารเคมอี าจใชก ํามะถนผง กํามะถนั แบบ ละลายนํ้าถา ใชกาํ มะถนั ผงควรหลกี เลย่ี งการใชใ นชว งทม่ี อี ากาศรอ น แดดจัดเพราะจะทาํ ใหใบองนุ ไหม ได หรอื ใชย าทม่ี สี ว นผสมของกาํ มะถนั เชน เดนเทน กป็ อ งกนั กําจดั ไดผ ลดี 6.$ ไรขาว เปนพวกแมงมมุ เชนเดียวกับไรแดง แตต วั ขนาดเลก็ สขี าวๆ ทาํ ลายองนุ โดยการดดู กนิ นา้ํ เลย้ี ง ที่ใบยอด และผลออ น อาการทใ่ี บคอื ใบจะหงิก แตกยอดออ นมาก ใตใ บลายสนี า้ํ ตาล ถาทาํ ลายที่ผลผิว จะขรุขระเปน ขก้ี ลาก ผลเลก็ บิดเบี้ยว การปอ งกนั เชนเดียวกับไรแดง ยาที่ใชไดผลดี คอื เคนเทน ประมาณ 15 วนั ตอ ครง้ั นอกจากนี้ยังพบศัตรูอื่นๆ อกี เชน ไสเ ดอื นฝอย เปนศัตรูท่ีทําลายรากองนุ พบในแปลงทเ่ี ปน ดนิ ทราย ในแปลงทเ่ี ปน ดนิ เหนยี วจะไมพ บไสเ ดอื น ฝอย ตนที่โดนไสเดือนฝอยทาํ ลาย รากจะเปน ปมุ ปม เตม็ ไปหมด ถา เปน มากๆ รากจะบวมเปน ปลอ ง คลายลูกปด ตนที่ถูกทาํ ลายจะโตชาและตายไปในที่สุด การปอ งอกานกาํ จัดทาํ ไดย ากมาก คาใชจายสูง จึง ควรหลกี เลย่ี งทซ่ี ง่ึ มไี สเ ดอื นฝอยระบาด ตนที่ถูกทาํ ลายใหขุดทิ้งทาํ ลายทง้ั ตน นกและคางคาว จะเขารบกวน กดั กนิ ผลองนุ ในตอนผลใกลๆ จะแก ทาํ ใหรวงหลนเสียหายบางแหงก็พบปญหานี้ มากเหมือนกัน การปองกนั ทาํ ไดหลายวิธี แตท น่ี ยิ มคอื ใชต าขา ยไนลอ นขงึ รอบๆ คา งองนุ ตารางการพน ยาปอ งกนั กาํ จดั โรคและแมลงขององนุ ระยะของพืช โรค แมลงทเ่ี ปน สาเหตุ อาการทแ่ี สดงกบั ตน พชื การปอ งกนั กําจดั 1.กอ นตดั แตง กง่ิ (2-4 สปั ดาห) 1. โรคราน้าํ คา ง 1. เหน็ สปอรส ขี าวใตใ บ ใบมี 1. ใชยาไดเทน เอม็ 45 (Downy Mildew) สเี หลอื ง น้าํ ตาล แหงกรอบ หรือ โลนาโคล หรือ และไหมในที่สุด คปู ราวติ 2. โรคราแปง ขาว(ราขเ้ี ถา ) 2. แหงกรอบ กา นใบและกง่ิ 2. ใชกาํ มะถันผง ละลายนา้ํ (Powdery Mildew) มีเชื้อราจับมีสเี ทา หรือคาราเทน 3. โรคผลเนา (อบี บุ ) 3. ไหมเ ปน จดุ ๆ ตามกง่ิ 3. ใชค ปู ราวติ หรือเคลเทน (Anthracnose) ออ น มรี อยแหง สนี า้ํ ตาล 50 หรือ ออรโ ธไซด หรือ เบนแลท 4. โรคไรสนมิ (Rust) 4. ใบมสี เี หลอื ง ใตใ บมเี ชอ้ื 4. ใชยาคปู ราวติ ราสเี หลอื งๆ เปน จดุ ๆ 5. แมงมุมแดง(ไรแดง)(Mite) 5. ใบจะแสดงอาการกรา น 5. ใชยาเคลเทน 6. เพลี้ยไฟ(Thrip) 6. ยอดจะหงกิ งอ 6. ใชย าประเภทดดู ซมึ ตา งๆ เชน ยามาลาไธออน

การปลูกองุน 30 ระยะของพืช โรค แมลงทเ่ี ปน สาเหตุ อาการทแ่ี สดงกบั ตน พชื การปอ งกนั กําจดั 2. ตดั แตง กง่ิ แลว 1. โรคราตา ง ๆ 1. โรคราเกาะตามลําตน และ 1. ใชย าคปู ราวติ ความเขม ขนสงู ๆ พนใหถูกเฉพาะตน 2. แมงมมุ แดง เถา และเถา 3. เพลี้ยไฟ 2. ใชยาเคลเทน 2. เกาะตามเปลอื กและเถา 3. ใชย ามาลาไธออน 3. เกาะตามเปลอื กและเถา 3. เรม่ิ แตกยอด 1. โรครานา้ํ คา ง 1. ใตใ บเปน ขุยสขี าว 1. ใชย าโลนาโคลใหม คี วาม ออ นและชอดอก 2. หนอนและแมลงปก แขง็ เขม ขน สงู ๆ(1 ชอนพูน น้าํ 4. ชอ ดอกบาน 1. โรครานา้ํ คา ง 2. โรคแบคทีเรีย 1 ปบ หรือ 20 กรมั น้าํ 1 ปบ) เมื่อตอนใกลต อกบาน ใชไ ดเทนเอม็ 45 2. กดั กนิ ใบและชอ ดอกชอ 2. ควรใชยาเลนเนท เพื่อ ผล ทาํ ลายไขจ ะใหผ ลดมี ากเปน การตดั ไฟแตต น ลม โอกาส เกดิ เปน หนอนมาทาํ ลายใบ ก็มีนอ ย สว นแมลงปก แข็งใช ยาเซฟวิน 85 ไดผ ลดี 1. จะเหน็ เชอ้ื ราเปน เสน ใยสี 1. ใชยาไดเทน เอม็ 45 ขาวใตใ บ ดานบนของใบมสี ี เหลอื ง 2. ชอ ดอกจะเนา แตเนา แบบ 2. ใชยาพวกแนต ทราฟน เปยก (Nathraphine) หรือยา กาํ จัดเชื้อแบคทีเรีย 5. ตดิ ผล 1. โรครานา้ํ คา ง 1. ใตใบออ นมเี สน ใยสขี าว 1. ใชย าไดเทนเอม็ 45 ดานบนมสี เี หลอื งแตใ บแกท ่ี 2. ราแปง ขาว (ราขเ้ี ถา ) สีเขียวเขม จดั จะลดความเปน 2. ใชก ํามะถนั ผงละลายนา้ํ 3. หนอนเจาะผล โรคลง 3. ใชย าเลนเนท หรือ 2. บนผลมสี เี ทาๆ ทําใหผล เอนดรนิ แตส ําหรบั เอนดรนิ แตกจนเห็นเมลด็ จะทาํ ใหป ลาในทอ งรอ งตาย 3. เจาะผลทาํ ใหผ ลรว ง ดว ย

การปลูกองุน 31 ระยะของพชื โรค แมลงทเ่ี ปน สาเหตุ อาการทแ่ี สดงกบั ตน พชื การปอ งกนั กําจดั 6. ผลเร่มิ นมิ่ จนถงึ 1. ใชแคปแทน หรือ เก็บผลลกู แมว 1. โรคผลเนา หรอื ผลบบุ หรือ 1. ผลจะเนาเปน ทีละผล ให ออรโธไซ หรอื เบนเลท หนอนไอแกว เตา เผา หรือ แอนเทรคโนส ชอ หนง่ึ อาจเปน โรคหลายผล 2. ใชยาเซฟวิน 85 หรือ ฟอสดรนิ ไดไ มใ ชเ ปน ทง้ั ชอ ผล 3. ใชย าเลนเนท หรือ ฟาสดรนิ 2. แมลงปกแขง็ 2. กดั กนิ ใบ 4. ถา ใชเ ลนเนท ฉีดตง้ั แต เรม่ิ มไี ขท าํ ลายไดผ ลดมี าก 3. หนอนเจาะผล 3. กดั กินผลทาํ ใหผ ลเนา แตเมอ่ื เปน ตวั หนอนก็ ทาํ ลายไดผ ลดี เชน กนั ถา 4. หนอนกินใบ มหี นอนใย 4. กัดกนิ ใบและยอดออ น เปนตวั หนอนตวั โตควรใชย า หนอนเขยี ว หนอนลกู แมว เอนดรวิ หรอื ฟอสดรนิ หนอนไอแ กว จดั ทําเอกสารอเิ ลก็ ทรอนกิ สโ ดย : สาํ นกั สง เสรมิ และฝก อบรม มหาวทิ ยาลยั เกษตรศาสตร


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook