Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore คลังความรู้เกษตรจังหวัดตราด

คลังความรู้เกษตรจังหวัดตราด

Description: คลังความรู้เกษตรจังหวัดตราด Trat Agriculture Knowledge Base.

Search

Read the Text Version

ค�ำน�ำ งานหลกั ของสำ� นกั งานเกษตรและสหกรณ์ คอื การถา่ ยทอดเทคโนโลยีส่เู กษตรกร ด้วยวธิ ีการที่ แตกตา่ งหลากหลาย องคค์ วามรตู้ า่ งๆในดา้ นเกษตร เปน็ วธิ กี ารหนง่ึ ทสี่ ามารถใชเ้ พอ่ื แลกเปลย่ี นประสบกา รณก์ ารทาํ งานกบั บคุ คลเปา้ หมาย เพอื่ นรว่ มงานได้ องคค์ วามรทู้ างดา้ นเกษตรนนั้ จะสามารถตอ่ ยอด และ เป็นประโยชนต์ ่อประชาชนชาวตราด รวมทง้ั เกดิ ประโยชน์กับสังคมในการพัฒนา ปรับปรงุ งาน ต่อยอด การทํางานใหด้ ียง่ิ ขน้ึ ได้ ในปัจจุบันมีนักสง่ เสริมการเกษตร หลายทา่ นท่ีให้ความรูแ้ ละรว่ มกันพัฒนาการ ถ่ายทอดเคล็คลบั เกษตรกร ใน คมู่ ือเลม่ น้ี แนะนาํ เคลด็ ไมล่ บั ในการทำ� เกษตรต้นแบบ สาํ หรบั เกษตรกร จงั หวัดตราดมือใหม่ ดังคําพดู ท่ีว่า “ไม่มีอะไร ภายใตด้ วงอาทิตยน์ ีท้ เ่ี กษตรกรจังหวัดตราดทาํ ไมไ่ ด”้ การ ท�ำการเกษตรก็คงไม่ยากเกินกําลังความสามารถของเราไปได้ ส�ำนักงานเกษตรและสหกรณ์จังหวัดตราด หวังเป็นอย่างยิ่งว่าหนังสือฉบับน้ีจะช่วยให้ประชาชนและเกษตรกรจังหวัดตราด มีไฟในการที่จะท�ำการ ท�ำการเกษตร และหนังสือฉบับนี้จะมีประโยชน์ก็ต่อเม่ือผู้อ่านได้นําเคล็ดลับเหล่าน้ี ไปใช้ในการเร่ิมต้นท่ี ดี และขอให้ทกุ คนประสบความสำ� เร็จ สำ� นกั งานเกษตรและสหกรณจ์ งั หวดั ตราด



ค�ำนยิ ม จงั หวัดตราดเป็นจังหวดั ทมี่ ีการท�ำการเกษตรกรรมคอ่ นข้างมาก ไมว่ ่าจะเปน็ เรื่องของการทำ� สวนผล ไม้ ไดแ้ ก่ การปลกู ทเุ รียน เงาะ มงั คุด ลองกอง ปศุสัตว์ ประมง เพราะจังหวัดตราดเปน็ จงั หวัดที่มีความ อุดมสมบรู ณ์ของแหลง่ ธรรมชาติตา่ งๆ และมเี กษตรกรทีม่ คี วามรูค้ วามสามารถทงั้ น้ีส�ำนกั งานเกษตรและ สหกรณ์จังหวัดตราดได้จัดท�ำหนังสือเผยแพร่ความรู้ ซึ่งมีองค์ความรู้ต่างๆ เพื่อให้พ่ีน้องชาวเกษตรกร จังหวดั ตราดได้นำ� ความรู้ในการจัดการกระบวนการผลติ การเพาะเลย้ี งสัตวก์ ารปลกู พชื ผลทางการเกษตร โดยมี เกษตรกรต้นแบบท่ีประสบความสำ� เรจ็ ในการปลูกผลไม้ ปศสุ ัตว์ และประมง มาเลา่ ถึงเคลด็ ลบั ใน การเพาะเลยี้ งหรอื ปลกู ผลไมใ้ หอ้ อกดอกออกผลและทำ� ใหม้ รี ายไดเ้ พม่ิ ขน้ึ เพอื่ เปน็ การตอ่ ยอดใหพ้ นี่ อ้ งชาว เกษตรกรจงั หวัดตราดมคี วามเปน็ อยู่ทดี่ ขี ึน้ ดงั นน้ั ขา้ พเจ้าจงึ เชื่อว่า หนังสอื เผยแพร่ความรูเ้ ลม่ นจ้ี ะทำ� ชาวเกษตรกรจงั หวัดตราดได้นำ� ไปใชใ้ ห้เกิด ประโยชน์แก่ตนเองและประเทศชาติต่อไป นายณรงค์ ธีรจนั ทรางกรู ผูว้ า่ ราชการจงั หวดั ตราด



สารบัญ 1 - 18 19 - 22 การเล้ยี งกุง้ ในระบบตราด โมเดล 23 - 26 เทคนิคการผลิตมงั คุตเงินล้าน 27 - 34 เงาะล่า ลา่ เงินลา้ น 35 - 38 ตามรอยทเุ รยี นตราด 39 - 42 เซียนสบั ปะรด ตราดสีทอง 43 - 45 การเลีย้ งชนั โรงของจังหวัดตราด 46 - 48 การทำ� สวนปาลม์ น�ำ้ มนั 49 - 53 การท�ำสวนผกั ฉบับลุงเอย่ี มสนู 54 - 61 องค์ประกอบพน้ื ฐานของการนำ� เสนอบทเรียน Smart Farmer ต้นแบบ 62 - 63 โครงการพัฒนาสถานที่จ�ำหน่ายเนื้อสตั วผ์ ลติ อาหารปลอดภัยเพอ่ื รองรับ AEC 64 - 65 แปรรูปก้งุ แห้ง (กลมุ่ แหลมทองหลาง) 66 - 67 การจดั ทำ� ตรารบั รองสนิ คา้ คุณภาพสินคา้ จงั หวดั ตราด 68 - 81 ความหมายของสญั ลักษณม์ าตรฐานสนิ ค้า 82 - 95 โครงการตลาดเกษตรกร 96 - 100 การตดิ ตามและประเมินผลการดำ� เนินงานโครงการตลาดเกษตรกร รายช่อื หวั หน้าส่วนราชการในสังกดั กระทรวงเกษตรและสหกรณ์จงั หวดั ตราด



การเลย้ี งกุ้งขาวให้รอดและยั่งยนื คุณบุญเลศิ ช้างงาม เปน็ เกษตรกรผ้เู ลีย้ งกุ้ง ทปี่ ระสบความสา� เรจ็ รายหนง่ึ ของจงั หวดั ตราด พรอ้ มทงั้ ไดม้ กี ารศกึ ษารปู แบบวธิ กี ารตา่ งมาใช้ ในการปรบั ลดตน้ ทนุ ในการเลยี้ งกงุ้ ของตนเอง 1

หัวใจของการเล้ียงกงุ้ อยู่ทกี ารเตรยี มบ่อ การเตรยี มบอ่ หลงั จากจบั กุ้งแล้วทำ� การฉีดเลนเอาขี้กุ้งออกใหห้ มดและตากบ่อไว้ประมาณ 7-10 วัน หลงั จากนน้ั จะน�ำปยุ๋ หมกั โบกาฉิ ท่ีได้ท�ำการหมักเตรียมไว้หวา่ นให้ท่วั บอ่ ในอตั ราไร่ละ 200 กโิ ลกรัม ตามดว้ ย น้ำ� หมัก EM ฉีดพน่ ใหท้ ว่ั บอ่ อีกครง้ั ในอตั รา 250 ลิตร/ไร่ แล้วน�ำน้�ำเข้าบ่อทนั ที โดยเตมิ นำ้� ใหม้ คี วามลกึ ประมาณ 100 - 150 เซนตเิ มตร ทิ้งไวป้ ระมาณ 5 - 10 วนั เพมิ่ อากาศเล็กน้อยสงั เกตสนี �้ำจะเปลย่ี นเปน็ สนี ำ้� ตาลอ่อน และสงั เกตรอบๆบอ่ จะเหน็ ลูกน�ำ้ ไรแดงและรงั หนอนแดงเกดิ ข้นึ เปน็ จำ� นวนมาก หลงั จาก นนั้ ก็ปลอ่ ยลกู ก้งุ ลงเลยี้ ง 2

ปัจจัยส�ำคญั อย่ทู ีก่ ารปรุงแต่งน้ำ� ในระหว่างการเล้ียงจะตอ้ งหมน่ั ตรวจดคู ณุ ภาพน�้ำ และสนี ้ำ� โดยจะเน้นท่แี คลเซยี มและแมกนีเซียม ให้ค่า ของแร่ธาตุทงั้ สองอยู่ในอัตราส่วนระหว่างกันที่ 1 ต่อ 3 คือ แคลเซียม 1 ส่วน ต่อแมกนีเซียม 3 สว่ น ค่าอัลคาไลน์ 90 - 150 มลิ ลิกรมั ตอ่ ลติ ร PH 7.5-8.5 ในรอบวนั ไนไตรท์ 0.1 มลิ ลกิ รมั ต่อลติ ร ความ เคม็ จะอย่ปู ระมาณ 5-30 ppt แล้วแต่ฤดูการผลิต สว่ นค่าอืน่ ๆจะอยตู่ ามเกณฑ์อยแู่ ล้ว ขอ้ สำ� คญั ในระหวา่ งการเลยี้ ง เราจะตอ้ งควบคมุ สนี ำ้� ใหเ้ ขยี วตลอดระยะเวลาการเลยี้ ง หากเหน็ วา่ นำ้� เรม่ิ ใส เติมปยุ๋ โบกาฉิ กับจลุ ินทรยี ์ EM โดยแขวนไว้หนา้ เครอ่ื งตนี �ำ้ หรอื อาจใชส้ ูตรนำ�้ กไ็ ด้ การหมักสตู รนำ้� จะท�ำ ดังน้ี นำ�้ สะอาด 150 ลติ ร กากน้ำ� ตาล 2 ลติ ร ปยุ๋ หมกั โบคาฉิ 50 กโิ ลกรมั คนใหเ้ ข้ากนั แลว้ ทิง้ ไวห้ นงึ่ คนื แลว้ น�ำไปใสล่ งบ่อเลี้ยงก้งุ ประมาณ 20 ลติ ร / ไร่ ทง้ั นตี้ อ้ งสังเกตสขี องน้ำ� เปน็ หลกั การเปลย่ี นถา่ ยนำ�้ ถา่ ยนำ�้ เมอื่ จำ� เปน็ เชน่ เมอื่ สนี ำ้� เขม้ เกนิ หรอื ตอ้ งการเพมิ่ ความเคม็ จะเนน้ การนำ� ของเสยี ออกจากกน้ บอ่ มากกวา่ โดยจะนำ� นำ�้ กลางบอ่ ออกแลว้ เตมิ นำ�้ ใหมเ่ ขา้ ประมาณสปั ดาหล์ ะครง้ั หรอื ขน้ึ อยกู่ บั ความเขม้ ของสีนำ�้ ในแตล่ ะครงั้ จะถา่ ยน้�ำออกประมาณ 10-15 เซนตเิ มตร แลว้ นำ� นำ�้ ใหม่เข้าให้เท่าเดมิ และปจั จบุ นั นที้ างฟารม์ ใชน้ ำ�้ ในระบบการเลยี้ งแบบพงึ่ พา หรอื การเลยี้ งแบบจบั คบู่ อ่ พเี่ ลย้ี ง จะเปน็ ลกั ษณะ บ่อกงุ้ อายุน้อยจบั คู่กับบอ่ กงุ้ แกเ่ ดือน มกี ารถา่ ยเทน้ำ� ขา้ มไปมาเชน่ ถ้าบ่อกงุ้ อายนุ อ้ ยน้�ำใสก็จะนำ� น�ำ้ บ่อกุง้ ใหญท่ มี่ สี เี ขยี วเขม้ ไปผสม หรอื ถา้ บอ่ กงุ้ ใหญส่ นี ำ้� เขม้ มากใชน้ ำ้� จากบอ่ กงุ้ เลก็ ลงไปเตมิ วธิ นี เี้ ปน็ การลดตน้ ทนุ แหล่งลกู พนั ธุต์ ้องคณุ ภาพดีเช่อื ถอื ได้ แหลง่ ลกู พนั ธ์ คณุ บญุ เลศิ จะใชล้ กู พนั ธจ์ุ ากแหลง่ ทเี่ ชอ่ื ถอื ได้ ซงึ่ มคี วามคนุ้ เคยกนั เปน็ อยา่ งดจี นเปน็ ท่ีไวใ้ จ ซ่ึงกนั และกัน แหล่งน�ำ้ ท่ใี ช้เล้ียงต้องม่นั ใจใช้ได้ นำ้� ท่ีใชใ้ นการเลย้ี งกงุ้ นน้ั นำ� มาจากบอ่ พกั นำ�้ ในฟารม์ ทมี่ กี จ่ี ดั เตรยี มไวแ้ ลว้ ในปรมิ าณทเี่ พยี งพอตลอดระยะ เวลาการเลย้ี ง และมคี ุณสมบัติของน�ำ้ ทด่ี ีต่อการเลี้ยง อัตราการปลอ่ ยทเ่ี หมาะสมเพ่อื ผลผลติ ทีค่ ุม้ ค่า หลังจากที่เราเตรยี มบ่อเตรยี มนำ้� เรยี บรอ้ ยร้อย เราสงั เกตเห็นหนอนแดง ลูกน�ำ้ และไรแดงเกดิ แล้ว โดย สังเกตจากการเดินส่องไฟในตอนกลางคนื พบหนอนแดงอย่ตู ามขอบบอ่ เราจะปลอ่ ยกุ้งในอัตรา 120,000 -150,000 ตัว/ไร่ ขนาดก้งุ P 12 - P 15 หนอนแดงจะเป็นอาหารลกู กงุ้ ในชว่ งแรกเม่ือลกู กงุ้ กินแลว้ จะ ทำ� ให้กุ้งแข็งแรงทำ� ใหอ้ ตั ราการรอดสูงขึน้ ด้วย เปน็ การประหยัดค่าอาหารลงดว้ ย 3

การใหอ้ าหาร เม่ือเราสังเกตเห็นว่าหนอนแดงเร่ิมน้อยลงเราจะให้อาหารส�าหรับกุ้งเล็ก พอกุ้งเร่ิมเข้ายอเราจะให้อาหาร เบอร์ 2 ในการเลี้ยงได้เลย ในช่วงแรกจะใหอ้ าหารเช้า-เยน็ เม่ืออาหารธรรมชาติหมดแล้วจะปรับการให้ อาหารเปน็ 3 มอื้ และ 4 ม้อื จนกวา่ จะจบั ขาย ขนาดประมาณ 50 -100 ตวั ตอ่ กิโลกรัมปรับตามความ ตอ้ งการของตลาด กลยทุ ธ์การลดตน้ ทนุ ด้วยโบกาฉิ การเตรียมโบกาฉิ ปุ๋ยข้ีไกแ่ ห้ง 50 กโิ ลกรัม กากน้�าตาล 2 ชอ้ นโตะ๊ ตอ่ น�า้ 5 ลิตร เชือ้ จรุ นิ ทรีย์ EM 2 ชอ้ นโตะ๊ ตอ่ นา้� 5 ลิตร ร�าละเอยี ด 10 กิโลกรัม วธิ ีท�า นา� ปยุ๋ ขี้ไกแ่ หง้ มาผสมกบั รา� ระเอยี ดจากนน้ั นา� กากนา้� ตาลมาผสมลงไปคลกุ เคลา้ ใหท้ วั่ เมอ่ื เขา้ กนั ดแี ลว้ ใส่ เช้อื จุลินทรีย์ ลงไป คลุกเคล้าใหเ้ ขา้ กัน หลังจากนน้ั น�าผา้ ใบมาคลุมกองปุ๋ยให้สนทิ ท้ิงไว้หนงึ่ คนื แล้วเปดิ ผ้าคลุมออกดลุกเขลา้ กองปยุ๋ ให้ทวั่ อกี ครัง้ เพอื่ ระบายความรอ้ น เสรจ็ แล้วนา� ผ้าใบมาคลุมให้สนิทเหมือน เดิม ทา� อยา่ งนีเ้ ปน็ เวลา 7 วนั จากนน้ั น�าไปใชส้ า� หรับเตรียมบอ่ เล้ยี งก้งุ ได้ การเตรียมจลุ ินทรีย์ EM แบบน้า� เน่อื งจาก EM เป็นจุลินทรยี ท์ ี่ไม่ใชอ้ อกซิเจน และมี มากกว่า 50 ชนิด ข้ึนไป เพราะฉะนนั้ ในการหมกั EM จะต้องมีชอ่ งว่างในถงั หมกั ประมาณ 10 เปอรเ์ ซน็ ต์ โดยในช่วงหมัก จะมฟี องเกดิ ขนึ้ และมกี ารสรา้ งฟลิ มส์ ขี าว ซง่ึ ฟองและฟลิ มจ์ ะไมส่ มั ผสั กบั พลาสตกิ ทป่ี ดิ ปากถงั ระยะเวลา ในการหมัก 7 วนั สามารถน�าไปใช้ไดเ้ ลย ใช้บอ่ ละ 2 ถัง อัตราส่วนในการหมัก ครั้งท่ี 1 EM 1 ลิตร กากน�้าตาล 1 ลติ ร น้�า 20 ลติ ร คร้งั ที่ 2 EM 1 ลิตร กากน้�าตาล 0.5 ลติ ร น�้า 20 ลติ ร 4

สาเหตุเนื่องจากไม่น�าส่วนเกินของน้�าตาลที่ท�าให้เพ่ิมก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ในบ่อหรือสูตรการหมัก สับประรด ใช้อตั ราสว่ น : สบั ประรด 2 กก. EM 20 ลติ ร กากน้า� ตาล 20 ลิตร ต่อจากนนั้ นา� น้า� หมัก สับประรด 200 ลิตร มาขยายในน้า� 400 ลิตร ท้งิ ไว้ 3-4 วนั กส็ ามารถนา� ไปใชไ้ ด้ การใชป้ ุ๋ยหมักโบคาฉิ ในการเลี้ยงกงุ้ ขาว เพ่อื สรา้ งอาหารธรรมชาติ ให้แกล่ กู ก้งุ เชน่ หนอนแดง สาหร่าย ไส้ไก่ เป็นต้น นอกจากนีก้ ารใสโ่ บคาฉิยงั เปน็ การเพิม่ ธาตอุ าหารให้แหล่งนา้� เช่น แคลเซีย่ ม แมกนิเซยี ม อีกดว้ ย ทงั้ นย้ี งั ช่วยลดมลภาวะและเปน็ มติ รกบั ส่ิงแวดล้อมดงั นัน้ จงึ ควรใส่เป็นประจ�าตลอดระยะเวลาการ เลีย้ ง กุง้ จะไดม้ ภี ูมคิ มุ้ กันแข็งแรง ตวั สวย ขนาดใหญ่ หัวใจของการเล้ยี งอยู่ทกี่ ารตอี ากาศที่ละลายในน้�า ออกซิเจนมีความจ�าเป็นอย่างย่ิงต่อการเจริญ เติบโตของสัตว์น้�า ดังนั้นการเล้ียงกุ้งการเพ่ิม ออกซเิ จนจงึ เปน็ หวั ใจของการเพาะเลย้ี ง ระดบั ออกซเิ จนทล่ี ะลายในนา้� ทเ่ี หมาะสมตอ่ การเลยี้ ง กุ้งขาวตอ้ งไม่นอ้ ยกวา่ 5 มก./ลิตร การขาด ออกซิเจนจะส่งผลต่ออัตราการเจริญเติบโต ของกุ้งเพราะจะท�าให้กุ้งกินอาหารน้อยลง จึง ท�าให้กุ้งโตช้า คุณบุญเลิศ จึงเน้นการติดตั้ง เครื่องเพม่ิ ออกซิเจนเปน็ พิเศษ โดยเพมิ่ เครอื่ ง เพิ่มอากาศ แบบโบลเวอร์ รูธ ติดตั้งในบ่อ เลย้ี งกุง้ อกี บ่อละ 1 ชุด บอ่ เล้ยี งกงุ้ ขนาด 4 ไร่ ตดิ ตงั้ เคร่อื งตีนา�้ เพมิ่ ออกซิเจน 4 ชุด ดา้ นละชุด แตล่ ะชุดมีใบพดั 12- ใบ ความเร็ว รอบ 100 รอบตอ่ วนิ าที ให้ออกซิเจนตลอด 24 ชว่ั โมง นอกจากนย้ี งั ตดิ ตั้งเคร่ืองเพมิ่ อากาศแบบโบลเวอร์ รธู คอื ตดิ ตัง้ โบลเวอร์ รูธ 150 จ�านวน 1 ตวั ติดกบั มอเตอรข์ นาด 10 แรงม้า 13 แอม 1 ตัว เดินทอ่ เมนกลางบอ่ แล้วตอ่ กับ แอร์ริป อกี 6 ตวั เพอื่ เพิ่มปรมิ าณออกซิเจนให้มีประสิทธภิ าพมากข้ึน สง่ ผลให้ก้งุ กนิ อาหารดีขึ้น เปน็ ผลทา� ใหก้ ุง้ เจริญเตบิ โตเร็วขึน้ 5

แนวคดิ ในการประกอบอาชพี การเล้ียงก้งุ คุณบุญเลิศ ได้ให้แนวคิดในการประกอบอาชีพการเล้ียงกุ้งว่าผู้เลี้ยงต้องหม่ันตรวจสอบคุณภาพน�้าอย่าง สม�่าเสมอ โดยเฉพาะในช่วงการเตรียมบ่อจะต้องเตรียมบ่อและเตรียมน้�าให้ได้ดีก่อนที่จะปล่อยกุ้ง การ ปรึกษาแลกเปลี่ยนความคิดกับบุคคลอ่ืน การเข้าร่วมสัมมนาต่างๆ จะท�าให้เรามีการพัฒนาศักยภาพการ เลยี้ งกงุ้ ของเราเพมิ่ มากขนึ้ หรอื หาทางแกป้ ญั หา พรอ้ มกบั ไดร้ บั เทคนคิ ตา่ งๆ แลว้ นา� มาปรบั ใชก้ บั การจดั การ ปญั หาในการเลยี้ งกงุ้ ของเราไดด้ ขี น้ึ ทงั้ นที้ งั้ นนั้ กต็ อ้ งขน้ึ อยกู่ บั การเอาใจใส่ในการดแู ลจดั การฟารม์ เพอ่ื การ พัฒนาที่ไม่หยดุ นิง่ เราจึงต้องคดิ หาวิธกี ารเพ่อื ปรับใชก้ บั สภาพการเลี้ยงกุง้ ในแต่ละพนื้ ทีต่ ่อไป เกษตรกรผเู ลีย้ งกุงทา นไดม ี ความสนใจและตองการความรูแ ละ เทคนคิ วธิ ีการเพม่ิ เติม สามารถตดิ ตอ สอบถามกบั คณุ บุญเลิศ ชางงาม บา นเลขที่ 108 หมทู ่ี 4 ตาํ บล ชาํ ราก อําเภอ เมอื งตราด จังหวัดตราด โทรศพั ท 083-1176-973 อ�นๆ... 6

การเล้ยี งกุ้งในระบบตราด โมเดล การเตรยี ม บอและการ วางระบบ เคร�องให อากาศ การเลี้ยงกุ้งให้ประสบความส�าเร็จนั้น ไม่ได้หมายความว่าการน�าเอาแนวทางตราดโมเดลไปปฏิบัติและจะ เลยี้ งกุง้ ได้ มันมตี วั แปรอื่นๆ ที่อาจจะท�าให้ตอ้ งแกไ้ ขไปตามสถานการณ์ ปัจจยั ท่ีเปน็ ตวั แปรมากที่สดุ คือ จุลินทรีย์ การเรียนรูใ้ นระยะเวลาสั้นๆ นั้นจะได้เฉพาะแนวทาง แต่การปฏบิ ตั ิจรงิ ๆ ตอ้ งคุยกนั หรือเรยี นรู้ กนั นานเปน็ รนุ่ ๆ การเลย้ี งกงุ้ รปู แบบตราดโมเดลเนน้ การใชจ้ ลุ นิ ทรยี ย์ อ่ ยสลายสารอนิ ทรยี ์ โดยใชจ้ ลุ นิ ทรยี ์ ตัวท่ีดีคมุ หรอื ยดึ พน้ื ที่จลุ นิ ทรียต์ วั ร้ายในบ่อเลี้ยง การเลยี้ งในรูปแบบนีต้ อ้ งมกี ารหมักพ้นื 3 - 5 วนั หลัง จากนน้ั ทา� การลากโซ่ โดยจลุ นิ ทรียท์ ีด่ ีมีคุณภาพสงู สามารถอยู่ลกึ จากผวิ ดินได้ถึง 6 เมตร 7

การหมักจุลนิ ทรียเ พ�อนําไปใชในบอเล้ยี ง การเตรียมบ่อและน�า้ กรณีท่ี1 ยงั ไมม่ นี า�้ ในบ่อ (มบี ่อพกั นา้� ) นา� นา้� เขา้ บอ่ ผ่านการกรองพอท่วมพนื้ บอ่ ใชจ้ ลุ นิ ทรยี ท์ ่ีสามารถย่อย สารอนิ ทรีย์ในดินได้แช่ไว้ 2 – 3 วนั (ลากโซท่ ุกวนั ) จากนนั้ เติมนา้� เตม็ ระบบ ลงจุลินทรยี ์อีกครั้งพร้อมตี น้า� ตลอด วันท่ี 7 ลงรา� ละเอียดหมักจุลินทรยี ์/ยีตส์ เพอ่ื สร้างแพลงตอนสตั ว์ ตรวจเชค็ คณุ ภาพน�้า กรณที ี่ 2 มนี ้�าในบ่อเตม็ แล้ว ลงจลุ นิ ทรยี ์กลุ่มยอ่ ยสารอินทรยี ใ์ นดนิ ได้ ลากโซ่ 5 วนั ลงจุลนิ ทรีย์อีกคร้ัง ซงึ่ การเตรยี มน�้าแบบนจี้ ะสร้างอาหารธรรมชาตจิ า� นวนมาก หลายชนิด เมือ่ ปลอ่ ยกงุ้ แลว้ ไม่ตอ้ งให้อาหาร 10 – 15 วัน และจะลงรา� หมักทุก 3 – 5 วัน เพื่อสรา้ งอาหารธรรมชาติตอ่ เน่อื ง และลงจลุ ินทรีย์เปน็ โปรแกรมต่อเนอื่ ง ซ่ึงจุลินทรีย์คุณภาพสูงๆสามารถลงไปยอ่ ยสารอนิ ทรยี ใ์ นดินไดก้ ็ไม่ตอ้ งลากโซ่ (การ ลากโซ่เป็นการเปดิ หนา้ ดนิ ใหจ้ ลุ นิ ทรียล์ งไปในดนิ และปลดปลอ่ ยกา๊ ซพษิ บางชนิด 8

ข้อเสนอแนะในการวัดค่าน�ำ้ 1. คา่ แอมโมเนียท่ีเหมาะสม 0.5 - 1 ppm 2. ไนไตร 0.5 - 1 ppm 3. ไนเตรท 10 ppm ข้ึนไป 4. อลั คาไลท์ เกิน 100 ข้นึ ไป 5. DOต�่ำสุดไม่ควรเกิน 4 6. pHเช้า 7.4 - 7.5 บา่ ย 7.8 - 8.00 7. ความเค็มมีผลต่อค่า แมค็ นีเซยี ม แคลเซยี ม โปรแตสเซียม 8. ค่าแม็คนเี ซียม37 - 40 เท่าของความเคม็ 9. แคลเซยี ม 15 - 16 เท่าของความเค็ม 10. โปรแตสเซยี ม8 -12เท่าของความเค็ม การขาดแอมโมเนยี ไนไตรไนเตรท จะท�ำใหว้ ัฏจกั รไนโตรเจนไมเ่ กดิ จะทำ� ใหก้ งุ้ เป็นโรค EMS ได้ การขาด DO หรอื ออกซเิ จนจะทำ� ให้กุ้งเครยี ดเป็นโรคไดง้ ่าย กินอาหารไมด่ ี โตชา้ ขาดมากกงุ้ อาจลอยหัว ลอกคราบตายได้ pH ต่ำ� ท�ำให้กุง้ ลอกคราบบอ่ ย และยังท�ำใหไ้ นไตรตเป็นพิษ pHสงู ทำ� ให้กงุ้ ลอกคราบช้า และทำ� ใหแ้ อมโมเนียเป็นพษิ ความเคม็ นอ้ ยแรธ่ าตมุ ักจะขาด ต้องหมั่นเชค็ และเตมิ แร่ธาตุ ความเค็มสงู แรธ่ าตมุ ักจะสงู โปรแตสเซยี มมักจะขาด การขาดแร่ธาตุแมก็ นเี ซยี มกุง้ ลอกคราบเปลอื กจะแขง็ ช้า การขาดแคลเซยี มกุ้งจะเปลือกบาง การขาดโปรแตสเซียมกุ้งจะปน็ ตะคริว กลา้ มเนอ้ื ขาวขุ่น ตัวงอง่าย การเปลีย่ นถา่ ยนำ้� น้�ำที่ใชใ้ นการเล้ยี งกงุ้ นน้ั ต้องมีอัตราสว่ น 1 : 1 โดทบี่ อ่ พักน้ำ� และบ่อเล้ียงควรอยู่ใกล้ กนั เพราะตอ้ งใชน้ ำ�้ หมนุ เวยี นในระบบใหพ้ อเพยี ง และในบอ่ พกั นำ�้ ปลอ่ ยปลาลงเลยี้ งเพอื่ ชว่ ยบำ� บดั นำ�้ และ กำ� จดั พาหะ บอ่ พกั นำ�้ แรกจะใชป้ ลานวลจนั ทรห์ รอื ปลาหมอเทศเปน็ หลกั บอ่ พกั นำ�้ ทสี่ อง อาจเปน็ ปลากะพง ขาวหรือปลาเกา๋ ก็ได้ เน่ืองจากสภาพนำ�้ จะดกี ว่าบอ่ พักน้ำ� แรก คณุ ภาพน้ำ� ในบอ่ ตอ้ งมี pH 7.4 ไม่เกนิ 7.7 คา่ อลั คาไลน์ควรอยู่ที่ 100 กว่าจงึ จะดี 9

การจดั การระหว่างการเล้ียง การเลี้ยงในรูปแบบของตราดโมเดล เรอ่ื งคณุ ภาพน้ำ� ในบอ่ เลีย้ งเนน้ การท�ำใหเ้ กิดวัฏจักรไนโตรเจน แตต่ อ้ งไม่ใหใ้ นบอ่ เกดิ แกส๊ ไขเ่ นา่ เพราะแกส๊ ตวั นจี้ ะไปบลอ็ กการทำ� งานของจลุ นิ ทรยี ต์ วั ทด่ี ี การลงจลุ นิ ทรยี ์ ควรลงในชว่ งเวลากลางคนื 2 ทุ่ม ความถี่ในการลงจุลนิ ทรียถ์ ้าเปน็ ไปได้ควรลงทุกวนั และท�ำการเปดิ หนา้ ดนิ หลงั จากนนั้ คอ่ ยเพมิ่ เปน็ 2 เทา่ หรอื อาจนำ� จลุ ลนิ ทรยี ท์ ่ีไม่ใชอ้ อกซเิ จน กำ� จดั ของเสยี ในบอ่ โดยการใช้ ทอ่ PVC ขนาด 1 น้ิว น�ำไปปกั ในบ่อเจาะรใู ห้สงู กว่าระดบั พ้ืนดนิ ประมาณ 10 – 12 เซนติเมตร การท�ำใน ลักษณะนค้ี วรน�ำทอ่ PVCไปปกั รอบกองเลนจำ� นวนท่อ PVC ที่ใช้ ข้ึนอย่กู ับพ้ืนทบ่ี ่อ หลงั จากที่ทำ� การบำ� บดั เลนกลางบ่อดว้ ยจลุ นิ ทรยี ท์ ี่ไม่ใชอ้ อกซเิ จนประมาณ 6 วัน จากนัน้ ท�ำการดดู น้�ำกลางบอ่ ออก การเลีย้ งรูป แบบตราดโมเดลมกี ารใชน้ ำ�้ ปลาหมกั เขา้ รว่ มในการเลยี้ งดว้ ย และมกี ารใชน้ ำ�้ เกลอื เคลา้ กบั อาหาร เปน็ การ เพม่ิ แรธ่ าตใุ นนำ�้ และตวั ลกู กงุ้ และในระหวา่ งการเลย้ี งพบวา่ คา่ pH สงู ใชก้ รดมะนาวหรอื กรดอะซติ กิ ใชน้ ำ้� 500 ลติ ร กรดอะซิติก 1 กิโลกรัม pH ลงมา 2 ควรสาดลงบอ่ ในชว่ งท่ีไมม่ แี สงแดด นอกจากการควบคุม คณุ ภาพนำ้� แล้วตอ้ งเนน้ ดคู ุณภาพกุง้ ทางกายภาพดว้ ย ทางฟาร์มท�ำการเช็คสุขภาพกงุ้ ทุก 7 - 10 วัน 10

การตรวจคณุ ภาพของกุ้ง การสงั เกตลกั ษณะของกงุ้ นน้ั ดลู กั ษณะความสมบรู ณข์ องกงุ้ ภายนอก ดวู า่ กรตี รง หนวดยาว สขี องเปลอื ก กงุ้ ความสมบรู ณแ์ ละสขี องตบั ลกั ษณะของขก้ี งุ้ ถา้ พบขขี้ าวตอ้ งสงั เกตวุ า่ ขกี้ งุ้ วา่ เรยี บเปน็ แทง่ หรอื เปน็ หยกั เพราะถา้ เรียบเป็นแท่งนัน้ จะเกดิ จากเช้ือแบคทีเรยี แตถ่ ้าเป็นหยักเกิดจากพยาธกิ รีการีน การใหอ้ าหารกุ้ง การใหอ้ าหารกุ้งมีผลต่อการเกิดของเสียในบอ่ ทางฟารม์ จึงให้อาหารด้วยวิธกี ารหว่านมอื ในชว่ ง 20 วันแรก หลังจากน้นั จะใช้เคร่ืองออโต้ฟดี สามารถเชค็ ปริมาณอาหารท่เี หลือได้แมน่ ยา� อุณหภมู ขิ องน�้าก็มีผลกบั ก้งุ เช่นกนั เคยพบว่าทอี่ ณุ หภูมิ 33 – 34 องศา กุง้ จะตบั แตกลักษณะของตับคลา้ ย กุ้งปว่ ยเป็น EMS และการท่อี ณุ หภูมสิ งู มากในขณะท่ีความเคม็ กส็ งู ออกซเิ จนจะละลายในน�้าไดน้ ้อย ทา� ให้ กุ้งขาดออกซิเจนได้ถ้าเคร่ืองให้อากาศไม่พอ และส่งผลต่อการบูมของแพลงก์ตอนการดูดน้�ากลางบ่อจะ ช่วยได้ในระดับหนึ่ง ณ ปัจจุบันน้ีควรมีบ่อพักเพื่อการกักเก็บน�้าเพื่อใช้เลี้ยงให้มาก และควรมีเคร่ืองตีน้�า เพอื่ ใหน้ ้า� มกี ารหมุนเวียน ถ้ามบี ่อพักน�า้ น้อย ภายในบอ่ พกั น้า� อาจใช้ PE ก้ันเปน็ ช่องๆ เพอื่ เพม่ิ ระยะทาง ใหน้ า�้ มีการหมุนเวยี นมากข้ึน 11

การเลค้ียณุ งกว้งุ ัฒทีป่นราะสวบานคิชวาวมริ ยิสก�าเิจรจ็ ของ คณุ วัฒนา ได้ด�าเนนิ การเล้ยี งกุ้งมาต้งั แตป่ ี 2530 โดยในชว่ งน้นั ไดเ้ ล้ยี งก้งุ กลุ าด�าเชน่ เดียวกบั เกษตรกร รายอืน่ และได้ปรบั เปลีย่ นมาเล้ยี งกุ้งขาวในปี 2547 สาเหตเุ พราะว่ากุ้งกลุ าด�าเลี้ยงยาก และเกิดโรคง่าย และไม่โต ปัจจุบนั มีพ้นื ท่ีเลีย้ งกุง้ จ�านวน 54.5 ไรบ่ อ่ เล้ียงท้งั หมด 16 บ่อ 12

01 การเตรียมบอ่ และทา� ฉดี เลนลา้ งทา� ความ การเตรยี มบอ่ นนั้ หลงั จากจบั กงุ้ ดา� เนนิ การเกบ็ อปุ กรณต์ า่ งขนึ้ จากบอ่ สะอาดพ้ืนบ่อ โดยจะตรวจสอบดูถ้าพบมีดินเลนสีด�าตกค้างในบ่อก็จะท�าการฉีดล้างบ่อใหม่ จนแน่ใจว่า ไมม่ ีดินเลนขก้ี งุ้ ตกค้างในบ่อ และจะตากบ่อนานอย่างน้อยหนง่ึ เดือน เพอื่ ก�าจัดของเสยี และแก็สพษิ ตา่ งๆ ทีส่ ะสมอยู่ในดนิ หลังจากฉดี เลนเสร็จแลว้ จะด�าเนินการเตรยี มกระชังอนบุ าลลกู ก้งุ และจัดวางเครอ่ื งตนี ้า� จา� นวน 10 แขน กระชังอนุบาลลกู กงุ 02 การเตรยี มน�า้ การสบู น้�าจากแหลง่ น�า้ ธรรมชาติมาพักในพักน้า� ท่ีมีการปล่อยพันธุ์ นา้� ท่เี ลี้ยงกงุ้ ของฟาร์มเป็นนา้� ปลานิล หรือปลานวลจันทร์ ช่วยในการกา� จดั พาหะท่ีมากบั น้า� โดยสบู นา้� เคม็ จากบ่อพักท่ีใส่ เข้าสูบ่ อ่ ทรีต ฆ่าเชอื้ ผสมกบั น�้าจืดให้มีความเคม็ ทีร่ ะดับ 20 – 25 ppt. ทรตี ฆ่าเช้อื และพาหะด้วยไตรโคฟอน และ คลอรนี ความเข้มขน้ 50 ppm. ทิ้งไว้ 5–7 วัน จึงสูบนา�้ เข้าสูบ่ ่อเลย้ี งโดยผา่ นถุงกรองให้ได้ความลกึ เฉลย่ี 1.30 เมตร นาน 15 วนั ก่อนปล่อยลกู กุ้งเล้ยี ง ตรวจสอบคุณภาพน้า� ให้มคี ่า pH อลั คาไลนแ์ อมโมเนยี และไนไตร โดยให้คา่ pH ชว่ งเชา้ ของการเลย้ี งกงุ้ เล็ก อยู่ท่ี 7.8 ถ้าคุณภาพน�า้ ไม่เหมาะสมกม็ กี ารเติม ปนู ขาว และพบแอมโมเนีย ไนไตรสงู ใช้จุลนิ ทรีย์ย่อยสลายสารอินทรียท์ ี่ตกคา้ งอยู่ ใช้สีน้า� เทียมสร้างสีนา้� 13

การสูบเติมบอ เลี้ยง การปองกนั พาหะและเช้อื โรคจากภายนอก ผา่ นถงุ กรอง ผ่านถงุ กรอง ผ่านถุงกรอง ดิพเทอรเ์ ร็ก์ 2 ppm. แหล่งนา�้ ธรรมชาติ บ่อตกตะกอน บ่อรดี น้า� บอ่ น�า้ พร้อมใช้ บอ่ เลยี้ ง ผา่ นถุงกรอง ดิพเทอร์เรก็ ซ์ 3 ppm. คลอรนี 90 % เขม้ ข้น 10 ppm. สีน้�าเทียม 2 ซอง/ไร่ ข้ันตอนในการเตรยี มน�้าเล้ยี งก้งุ 14

03 การเลือกลูกกุ้งและอตั ราการปล่อย ฟารม์ มีนโยบายซ้ือลูกกุ้งท่ีมขี นาดโต P18 ซ่ึงไมร่ อดกระชงั อนบุ าล และจากโรงเพาะฟักที่มีความ นา่ เชอื่ ถอื และอยู่ใกลฟ้ ารม์ เลยี้ ง ซงึ่ ทา� ใหล้ กู กงุ้ มคี วามบอบชา�้ นอ้ ย สง่ ผลใหอ้ ตั รารอดตายสงู ดว้ ย หลงั จาก เตรยี มนา�้ ได้ 12 วนั จะนา� ลกู กงุ้ มาทดสอบนา�้ และดคู วามแขง็ แรงของลกู กงุ้ โดยนา�้ ลกู กงุ้ ปลอ่ ยในนา�้ จดื นาน 30 นาที จากนนั้ กน็ �าไปปลอ่ ยในน�า้ เค็มอกี 30 นาที เพื่อดกู ารตายของลูกกุ้ง ถ้ามากกวา่ 5% กจ็ ะไมซ่ ื้อ กุง้ ชดุ นัน้ ปลอ่ ยในอตั รา 100ตัว/ตารางเมตร หรอื จา� นวน 800,000 ตวั /บอ่ 5 ไร่ โดยปล่อยลกู ก้งุ ท่ีผ่าน การทดสอบแล้วอนบุ าลในกระชงั ขนาด 15 * 22 * 1.2 เมตร ใช้เวลาในการอนุบาลในกระชัง 16 – 20 วัน 04 การให้อาหาร ให้อาหารวัน ช่วงอนุบาลลูกกุ้งในกระชัง ละ 8 มื้อ โดยการหว่านด้วยมือทกุ 2 ชว่ั โมง จนถึง เวลา 20.00 น. หลังจากปล่อยลูกกุ้งจากกระชังอนุบาลสู่บ่อเลี้ยง ชว่ งแรกยงั ใชว้ ธิ กี ารใหอ้ าหารโดยการหวา่ นดว้ ยมอื ทวั่ บอ่ พรอ้ มกบั ใหอ้ าหารดว้ ยเครอื่ ง Auto feed แต่ จะให้ในปริมาณท่ีน้อย และท�าการลดพื้นที่การให้ อาหารดว้ ยมอื ลงมาเรอ่ื ยๆ จนถงึ เครอ่ื ง Auto feed 15

05 การจดั การระหวา่ งเลย้ี ง ชว่ งท่อี นุบาลลูกกุ้งในกระชงั จะลา้ งทา� ความสะอาดกระชงั ทกุ วันเช่นกันเพอ่ื ใหน้ ้�ามีการถา่ ยเทและ พาเอาของเสียทตี่ กค้างในกระชังออกไปสู่ดา้ นนอก พร้อมท้งั สบู น้า� พ่นสเปรยใ์ นกระชงั ตลอดเวลา ท�าการลากโซ่พน้ื บ่อเปน็ เวลา 5 – 7 วนั โดยทยอยคราดโซท่ ี่ด้านสลบั กนั เช้าบา่ ย เพื่อให้พ้นื บอ่ สะอาด มากทีส่ ุด ก่อนปลอ่ ยลกู กงุ้ สบู่ ่อเลยี้ งหลังปล่อยกงุ้ สู่บอ่ แลว้ ก็จะหยดุ ทา� การลากโซ่ และจะดูดนา�้ กลางบ่อที่ มเี ลนออกทกุ วัน โดยสบู ออกด้วยท่อขนาด 3 นวิ้ ในตอนกลางคืนเป็นเวลา 4 – 5 ชว่ั โมง และเตมิ น�้าใหม่ ทผ่ี า่ นการบา� บดั และฆา่ เชอื้ ดแี ลว้ ในอยู่ในระดบั เดมิ ตรวจวเิ คราะหค์ ณุ ภาพนา้� ทุกวนั พบวา่ pH ในกงุ้ โตเกนิ 7.6 จะในจลุ นิ ทรีย์ลงไปช่วยย่อยสลายสารอนิ ทรยี ์ และ pH ต�่ากวา่ 7.6 ก็จะเตมิ ปูนขาว และพบว่านา้� มี ฟองหรือแพลงก์ตอนเรม่ิ ดรอป จะใสส่ นี า�้ เทยี มช่วยคุ้มสีน้า� เนน้ ให้น้�ามคี วามขนุ่ ใสอยู่ประมาณ 30 – 40 เซนตเิ มตร ซง่ึ ทา� ใหค้ ณุ ภาพนา้� ไมค่ อ่ ยเปลยี่ นแปลงมาก ในการใสส่ นี า้� เทยี มเพอ่ื พรางแสงไม่ใหแ้ พลงกต์ อน เติบโตมากเกินไป 16

06 การจดั การน้�าทิง้ น�้าที่สูบออกจากบ่อเลี้ยงเข้าสู่รางระบายน้�าเพื่อให้เลนตกตะกอนในรางก่อนปล่อยน้�าท่ีใส่สู่แหล่ง น�า้ ธรรมชาติ 07 การแกไ้ ขปญั หาน้�า กุ้ง โรค เน่ืองจากทางฟาร์มเน้นในเรื่องของความ ปัญหาของน้�า หรือโรคกุ้ง ทางฟาร์มไม่ค่อยพบปัญหา สะอาดของพนื้ บอ่ เปน็ สา� คญั และสงั เกตความผดิ ปกตขิ องสนี า้� เมอื่ เหน็ นา้� มฟี อง หรอื ซากแพลงกต์ อนตาย จะใส่สนี า�้ เทียมอตั รา 1 กโิ ลกรัม/5 ไร่ และในจุลินทรยี ล์ งไปยอ่ ยสารอนิ ทรียใ์ นบ่อ 08 เทคนิคเพิม่ เตมิ ทางฟาร์มจะขยาย 1. การขยายจุลินทรีย์ โดยการใช้น้�าตาลทรายแดงแทนกากน้�าตาล และ ใสจ่ ลุ นิ ทรยี ์ตามโปรแกรมใส่ในอัตรา 1,000 ลิตร ของจลุ นิ ทรยี ท์ ท่ี า� การขยาย โดยวธิ กี ารลกั นา้� ปลอ่ ย บริเวณหนา้ ใบตนี า้� 2. ต้องล้างบอ่ ใหส้ ะอาด ตอ้ งไม่พบดนิ เลนสี ดา� คา้ งในบ่อถ้าพบกจ็ ะท�าการฉีดลา้ งบ่อใหม่ 3. พักตากบ่อให้นานอย่างน้อย 1 เดือน 4. ไม่เลีย้ งกุ้งซา�้ บอ่ เดมิ ตลอด 5. อนุบาลลูกกุ้งในกระชังเพื่อให้ลูกกุ้งกิน อาหารสา� เรจ็ รปู ใหไ้ ด้ 6. การเลย้ี งนน้ั เนน้ ทยอยปลอ่ ยสลับบอ่ 17

เกษตรกรผเู ลยี้ งกงุ ทา น ไดสนใจในรปู แบบการเลี้ยงกุง ของคณุ วฒั นา วานิชวิริยกจิ สามารถตดิ ตอ สอบถามไดท่ี 081-7818130 เพอ� เขา ทราบ ถามขอ มูลเพิ่มเติม 18

เทคนคิ การผลิตมงั คุดเงนิ ล้าน ฉบับลุงเทียน รู้งาน ลงุ เทยี น รงู้ าน นักสจู้ ากที่ราบสงู เกษตรกรคนเกง่ แห่งบา้ น ปะอา หมู่ท่ี 2 ตำ� บลบ่อพลอย อ�ำเภอบอ่ ไร่ จงั หวดั ตราด เป็นเกษตรกรที่ประสบความส�ำเร็จในการประกอบอาชีพ “ท�ำสวนมังคุด” ในพ้ืนที่ 30 ไร่ โดยเร่ิมปลูกมาตั้งแต่ปี 2540 จ�ำนวน 997 ตน้ ระยะปลกู คอื 7 x 7 เมตร ปจั จบุ ัน ต้นมงั คุดของลงุ เทยี นมอี ายุกวา่ 18 ปี ให้ผลผลิตดีทุกตน้ เทคนคิ การทำ� มงั คดุ เงนิ ลา้ นของลงุ เทยี น คอื เนน้ ทำ� ใหม้ งั คดุ ออกช่วงต้นฤดู ซ่ึงเป็นช่วงท่ีมุงคุดมีราคาแพงและจะเก็บ เก่ยี วเพยี ง 1 รอบเท่าน้ัน จงึ ท�ำใหล้ ุงเทยี นมีรายได้จากการ ขายมงั คุดนับลา้ นบาทต่อปี (เฉลย่ี 1 ไร่ 1 แสน) 19

เทคนคิ การผลิตมังคดุ เงนิ ลา้ น ฉบับลุงเทียน รู้งาน 01 การตดั แต่งกิง่ 05 การกระตุ้น การออกดอก จะใช้การฉีด ชว่ งเดือน มถิ ุนายน มังคุดรุ่นทีเ่ หลอื จะไม่ การกระตุ้นการออกดอก เอาสอยทงิ้ ทง้ั หมด เพอื่ ใหท้ นั การเตรยี มตน้ ในปถี ดั พ่นก�ำมะถันซ่ึงมีคุณสมบัติเป็นยาร้อนท�ำให้มังคุด ไป หลังจากเก็บเก่ียวผลผลิตเสร็จเรียบร้อยแล้ว เครียด แทนการงดให้น้�ำ และไม่เปิดโคนเพื่อให้ จะตัดแต่งก่ิงให้ภายในทรงพุ่มโปร่ง มีการตัดยอด ดินแห้ง แต่จะเน้นให้ทรงพุ่มโปร่งเพ่ือให้อากาศ มงั คุดปีละคร้ัง (เปดิ กลางทรงพุม่ ) ถ่ายเทสะดวก การก�ำจดั วชั พืช การฉดี พน่ สารกำ� จดั ศตั รพู ชื 02 การก�ำจัดวัชพืชบริเวณโคนจะใช้วิธีการ 06 สารเคมีกำ� จดั ศัตรพู ชื ต้องมีการใชอ้ ยู่อยา่ ง ถอน โดยใชแ้ รงคน สว่ นบรเิ วณนอกทรงพมุ่ จะใช้ สม�่ำเสมอ คือ ไซเพอร์เมทรินและอะบาเม็กติก สารก�ำจดั วชั พืชฉีดพน่ ผสมกบั ปุ๋ยน�ำ้ big one เพ่อื เพื่อป้องกันแมลงและเพลี้ยไฟเข้าไปท�ำลายใบ บ�ำรุงดิน และผล โดยใช้ร่วมกับปุ๋ยเกล็ดหรือสารสกัดจาก การใส่ปยุ๋ สาหร่ายทะเล 03 การใส่ปุ๋ย เน้นใช้ปุ๋ยอินทรีย์หลังการเก็บ การเกบ็ เกี่ยวผลผลิต 07 เนน้ การเกบ็ เกีย่ วผลผลิตเพยี งร่นุ เดยี ว ให้ เกี่ยว และเพ่ิมอินทรียวัตถุในดินโดยใช้ใบและลูก จากการตัดแต่งกิ่งและมีการใช้ปุ๋ยเคมีสูตรเสมอ เสร็จส้ินภายในเดือนเมษายน หลังจากน้ันจะสอย เช่น สูตร 16 -16 -16 ในช่วงกอ่ นการออกดอก ผลผลติ บนต้นทง้ิ ท้งั หมด การให้น้�ำ 04 ก่อนออกดอกจะเน้นให้น�้ำจนชุ่มทั่วโคน หลังจากออกดอกเนน้ แบบโชยน�้ำ และเม่ือผลผลิต เรมิ่ จะสกุ จะงดให้นำ้� เพ่ือใหผ้ ลผลิตสุกเรว็ 20

ปฏทิ นิ การดูแลรกั ษามงั คดุ ลงุ เทียน รู้งาน (มงั คุดกิโลละร้อย ทะลุเงินลา้ น) มกราคม กุมภาพันธ์ มีนาคม เมษายน พฤษภาคม มถิ ุนายน บา� รงุ ดอก บา� รุงผล เกบ็ เกี่ยวผลผลติ เกบ็ เกยี่ วผลผลติ ตดั แตง่ กง่ิ แบบ ดูแลใบอ่อน แตล่ ะตันเพียง แต่ละตนั เพยี ง หนัก 1 รนุ่ 1 ร่นุ ตดั ยอดเปิด กลางทรงพุม่ เกบ็ ลกู ทีเ่ หลอื ทงิ้ ทัง้ หมด ใส่ปุ๋ยอนิ ทรีย์ ใช้สารเคมี ปุ๋ยเกล็ดตราหวี ใส่ป๋ยุ อนิ ทรยี ์ 3 หากพบการ เช่นเดยี วกับ ทอง 100 cc + กิโลกรัมต่อตัน เขา้ ทา� ลายของ เดือนธันวาคม เมกกา 100 cc + เกอมาร์XL กิง่ ใบ ลูกท่ี แมลงใหใ้ ช้ 100 cc ตอ่ น้า� ตัดแตง่ ใหใ้ ช้คลมุ สารเคมี เมกกา 200 ลติ ร โคนต้นยอ่ ยสลาย 100 cc + เมกกา เป็นปยุ๋ หา้ มน�า เอ 100 cc รว่ ม ไปทง้ิ หรือเกล่ยี กบั คือฮอร์โมน ออกนอกโคน ตราหวีทอง 100 cc ตอ่ น้�า 200 ลติ ร ฉีดพน่ ท�าใบอ่อนใหไ้ ด้ 2 - 3 รนุ่ ปฏิบัตเิ ชน่ เดยี ว ฉีดพน่ ใหช้ มุ่ ใช้ใบสุม่ ที่โคนตน้ กับเดือนธนั วาคม โดยจะฉีดพน่ มังคดุ 3 ครงั้ ห่างกัน 10-15 วนั 21

กรกฎาคม สิงหาคม กนั ยายน ตลุ าคม พฤศจิกายน ธนั วาคม ดูแลใบอ่อน ดแู ลใบออ่ น ดแู ลใบออ่ น ดูแลใบอ่อน ฉีดพน่ สารเคมี ใส่ปยุ๋ สตู รเสมอ กา� จัดแมลง บ�ารุงดอก กระตนุ้ การออกดอก หากพบการเขา้ ทา� ลายของแมลงใหใ้ ชส้ ารเคมี เมกกา 100 cc + เมกกา เอ ฮอร์โมนตราหวี ปุ๋ยสตู ร 100 cc ร่วมกับคือฮอร์โมนตราหวที อง 100 cc ต่อนา้� 200 ลิตร ฉีดพ่น ทอง 100 cc + 15 -15 -15 เมกกา 100 cc + อัตรา 1 กิโลกรมั ทา� ใบอ่อนให้ได้ 2 - 3 รุ่น เมกกา เอ 100 cc ตอ่ ตันจ�านวน กา� มะถนั 50 กรมั 1 คร้งั ต่อน�า้ 200 ลิตร ปุ๋ยเกล็ดตรา หวที อง 100 cc เมกกา 100 cc เมกกา เอ 100 cc + เกอรมาร์ นาโน 100 cc ตอ่ น�า้ 200 ลติ ร ฉีดพน่ ให้ชมุ่ โดย จะฉีดพน่ 2 ครั้ง หา่ งกนั 10 – 15 วัน 22

เฉลา สัทยาสยั “เงาะล่า ลา่ เงนิ ล้าน” นายเฉลา สัทยาสัย หรือที่ส่วนใหญ่ รู้จักกันในช่ือ “เสี่ยเภา” เป็นเกษตรกรคนเก่งจากต�ำบลแสนตุ้ง อ�ำเภอเขาสมิง จังหวัดตราด ซ่ึงประสบความส�ำเร็จ ในการประกอบอาชีพเกษตรกรรม โดยเฉพาะการ ท�ำเงาะล่าหรือเงาะหลังฤดูปกติ ท�ำให้สามารถขาย ผลผลิตได้ราคาที่ดีกว่าขายในช่วงฤดูปกติ ซ่ึงสาเหตุ หนึง่ ทีค่ ณุ เฉลา ทำ� เงาะล่า นอกจากเรือ่ งราคาทจี่ ูงใจ แลว้ ปญั หาดา้ นแรงงานในการเกบ็ เกย่ี วผลผลติ กเ็ ปน็ อีกปัจจัยหนึ่ง ด้วยสวนคุณเฉลามีการปลูกพืชหลัก นอกจากเงาะแลว้ กค็ อื มงั คดุ ดงั นน้ั การจดั การแรงงาน จึงมีความส�ำคัญการท�ำเงาะล่าจะช่วยให้มีเวลาเก็บ เกีย่ วผลผลิตมังคดุ ได้แลว้ เสร็จ 23

เทคนิคการผลติ เงาะลา่ เงินลา้ น ฉบับเฉลา สทั ยาสยั 01 การวางแผนการผลติ 04 การจดั การผลผลิตในชว่ งฤดฝู น การวางแผนการผลติ ของคณุ เฉลา จะเนน้ การท�ำเงาะล่าจะมีความเสี่ยงต่อผลผลิต เสียหายในช่วงฤดูฝนโดยเฉพาะช่วงที่ฝนตกติดต่อ การสังเกตจากสวนที่ผลิตตามปกติ โดยจะรอให้ กันหลายวันไม่มีแสงแดด มีโอกาสท่ีผลจะร่วง สวนท่ีผลิตปกติดอกบานแล้วจึงจะเพิ่มการให้น�้ำ เพอื่ กระต้นุ ใหอ้ อกดอก ซึ่งจะทำ� ใหผ้ ลผลิตออกชา้ เกษตรกรต้องฉีดพ่นน�้ำตาลทางด่วนพร้อมเฟอรัส ซลั เฟตอาทติ ยล์ ะ 1 ครง้ั เพอื่ ชว่ ยใหผ้ ลผลติ ทเี่ หลอื กว่า เกษตรกรรายอื่นๆ อยา่ งน้อย 15 วัน อยู่ไดร้ บั อาหารเพยี งพอ การตัดแตง่ ก่ิง 02 การตัดแต่งกิ่งควรเน้นให้โปร่ง เหลือไว้ 05 การใชป้ ยุ๋ ผสมเองเพ่ือลดต้นทุน การผสมปุ๋ยใช้เองเป็นวิธีหนึ่งท่ีช่วยลด เฉพาะกง่ิ ทสี่ ามารถใหผ้ ลผลติ กง่ิ ทเ่ี หลอื กา้ นนอ้ ยๆ ต้นทุนการผลิตของเกษตรกร และจะได้ปุ๋ยท่ีมี ควรตัดออกไปเพ่ือไม่ให้แย่งอาหาร รวมถึงควรมี การก�ำจัดอีแปะและกาฝากท่ีติดอยู่ตามต้นออกให้ คุณภาพสามารถก�ำหนดสูตรให้ตรงตามความ ตอ้ งการของพืช หมด เพอื่ ไม่ใหเ้ ป็นทอ่ี าศยั ของศตั รูพืชแยง่ อาหาร โดยเทคนิคของคุณเฉลาคือใช้พาราควอท ฉีดพ่น ในวันท่ีไม่มลี ม ด้วย เครอื่ งพ่นสะพายหลงั ซ่งึ ลด การใชแ้ รงงานลงได้ โดยจะฉดี พน่ ประมาณ 2 ครง้ั การยดื อายุการเก็บเกี่ยว 03 การท�ำเงาะล่า จะมีช่วงท่ีใช้ยืดเวลาอยู่ 2 ช่วง คือ ช่วงออกดอก ท�ำการยดื ระยะเวลาให้ ออกดอกชา้ โดยการบงั คบั นำ้� และชว่ งทเี่ ปน็ เงาะ 3 สี จะท�ำการยืดเวลาการเก็บเกี่ยวผลผลิตโดยการ ใช้เฟอรัสซลั เฟต ฉีดพน่ เพอื่ ยดื ระยะเวลาการเกบ็ เก่ยี วไปได้ถึง 15 - 30 วนั 24

มกราคม กมุ ภาพนั ธ์ มนี าคม เมษายน พฤษภาคม มถิ นุ ายน ควบคมุ การใหน้ า�้ เรม่ิ เพม่ิ นา�้ ฉีดสารป้องกัน และใหน้ �า้ อย่าง ทา� การเปล่ียน ฉีดสารปอ้ งกัน ฉีดพน่ น้า� ตาล ฉดี พ่นฮอรโ์ มน กา� จดั เพล้ียไฟ สม่า� เสมอ เพศดอก กา� จดั เพล้ยี ไฟ ทางด่วน และเฟอรสั ซลั เฟต ฉดี พ่นสารไซเพ และราแปง้ ฉีดพน่ ปุ๋ยเกล็ด ฉดี พน่ สาร อรเ์ มทรนิ /อมิ อดา สตู รเสมอ ปอ้ งกันผลเนา่ คลอพริดและสาร กลมุ่ คอปเปอร์ ใชแ้ พลนโน ฉดี พ่นสาร ฉดี พน่ น�า้ ตาล กอ่ นสกุ 45 ฟกิ ซ์ 1 CC/ น้า� ก�ามะถัน+สาร ทางดว่ น ช่วง วัน (ระยะสร้าง สงั เกตวา่ 1 ลติ รฉดี พน่ เปน็ ไซเพอรเ์ มทริน ออกขน (ลกู เท่า เนือ้ ) ฉีดพ่น สว่ นใหญด่ อก จดุ ๆ 3 กิโลกรัม ตอ่ ปลายตะเกียบ) สารสกดั จาก เรม่ิ บานแลว้ สาหร่ายทะเลและ น้�า 1000 ลิตร เฟอรัสซัลเฟค ฉดี พน่ 3 คร้ัง (เหลก็ 15%) 2-3 ครั้ง (10 วนั ครั้ง) ใชส้ าร โพรคลอราช ฉีดพ่น 2 คร้ัง 25

กรกฎาคม สิงหาคม กนั ยายน ตุลาคม พฤศจิกายน ธันวาคม เกบ็ เกีย่ ว ผลผลติ ตดั แตง่ ก่ิง ใสป่ ยุ๋ ครัง้ ที่ 2 พ่นป๋ยุ ทางใบ ควบคมุ การ ควบคุมการ ใสป่ ยุ๋ คร้ังที่ 1 ฉดี สาร-ปอ้ งกัน ฉดี สารปอ้ งกัน ใหน้ ้�า ให้น�า้ กา� จดั แมลงและ ก�าจดั หนอน/ เชื้อรา แมลงและเชือ่ รา ฉีดสารป้องกัน ฉีดสารปอ้ งกนั ก�าจัดหนอน/ กา� จัดเพลยี้ ไฟ ฉีดพน่ อาหาร แมลงและเช้ือรา และราแปง้ เสรมิ ใชป้ ยุ๋ สูตร ใช้ปุ๋ยสูตร 18- ปุ๋ยสูตร ฉดี พน่ สารไซ ฉีดพ่นสาร 18-10-8 10-8 (ผสมเอง) 30-10-10 เพอรเ์ มทรนิ / ไซเพอรเ์ มทริน (ผสมเอง) ใส่ปุ๋ยธาตุรอง ฉีดพ่นสาร และสารกล่มุ อมิ ดิ าคลอพริด (Mg CI) ไซเพอร์เมทริน/ คอปเปอร์ และสารกลุ่ม ใสป่ ุย๋ ธาตรุ อง ฉดี พน่ สาร และสารกลุ่ม คอปเปอร์ (Mg CI) ไซเพอร์เมทริน/ คอปเปอร์ ฉีดพ่นเม่ือพบ และสารกลมุ่ สารสกดั จาก การเขา้ ทา� ลาย คอปเปอร์ สาหรา่ ยทะเล แล้ว ตัดแต่งกง่ิ ให้ โปร่ง กงิ่ ทเ่ี หลอื ก้านน้อยๆ เอาออก 26

ไพฑรู ย์ วานชิ ศรี นายไพฑรู ย์ วานชิ ศรี หรอื พฑี่ รู ยข์ องพนี่ อ้ งชาวเกษตร เกษตรกรต�ำบลทุ่งนนทรี อ�ำเภอเขาสมิง จังหวัด ตราด เป็นเกษตรกรชาวสวนทุเรียนอีกท่าหนึ่งของ จังหวัดตราดที่ได้รับการยอมรับจากเกษตรกรท่ัวไป ว่าเป็นผู้ที่มีความสามารถในการผลิตทุเรียนคุณภาพ ดีเพ่ือการส่งออก ผลผลิตเกรดส่งออก (Premium) ทั้งหมดจากสวนจะถูกซื้อโดยบริษัท C.P.เพ่ือส่งออก ไปยังประเทศจีนส่วนผลผลิตที่ไม่ได้คุณภาพจะเข้าสู่ กระบวนการแปรรูปเพ่ือเพ่ิมมูลค่าผลผลิต นอกจาก นนั้ ยงั เปดิ สวนใหเ้ ปน็ แหลง่ ทอ่ งเทยี่ วเชงิ เกษตรกร ซงึ่ มนี ักทอ่ งเทย่ี วแวะมาเย่ยี มชมสวนกวา่ 2,000 คนตอ่ ปี และใน ปี 2557 ไดร้ บั คดั เลือกให้เป็น เกษตรดีเด่น ของจงั หวัดตราดอกี ด้วย 27

จุดเด่นของสวนคุณไพฑรู ย์ 01 การชกั นา� การออกดอกและการเพม่ิ การตดิ ผล โดยใชส้ ารแพคโคบวิ ทาโซล เปน็ สารยบั ยง้ั การเจรญิ เตบิ โต ถา้ ฉดี พน่ ในระยะกอ่ นออกดอก จะเพม่ิ และกระตนุ้ การเกดิ ตาดอกและถา้ ฉดี ในรยะกอ่ นกอ่ น ดอกบาน จะเพิ่มปรมิ าณการตดิ ผลได้ 5 -10 % มีการปลูกไม้ยืนต้น (กระถินเทพา) เป็นไม้บังลมเพื่อป้องกันความเสียหายเกิดจากลมแรง โดย 02 เฉพาะในช่วงก่อนเก็บเกย่ี ว 03 การอนรุ กั ษ์แมลงธรรมชาติ เชน่ ผง้ึ และชันโรง เพอื่ ชว่ ยเพิ่มประสิทธิภาพในการผสมเกสร และ ลดการใช้สารเคมี เน้นการป้องกนั โรค และแมลงแบบผสมผสาน มากกวา่ การใชส้ ารเคมเี พยี งอย่างเดยี ว เชน่ มกี าร 04 ป้องกันโรครากเน่าโคนเน่าโดยใช้ต้นตอพันธุ์ท่ีมีความต้านทาง การใช้เชื้อราไตรโคเดอร์ม่าเพ่ือ ปอ้ งกนั และลดเช้ือราไฟ ทอปเทอรา่ ภายในแปลง มีการตัดแต่งกิง่ ให้โปรง่ เพ่อื ลดปญั หาโรคใบตดิ และจะ พิจารณาใช้สารเคมีเปน็ วธิ ีสุดท้าย มกี ารตรวจวเิ คราะหด์ นิ เพอื่ นา� ผลการวเิ คราะหม์ าใชใ้ นการปรบั สภาพดนิ และการใสป่ ยุ๋ ใหเ้ หมาะสม 05 เปน็ การลดต้นทนุ การผลติ คุณไพฑูรย์ วานิชศรี ได้รับโอกาสจากบริษัท C.P. ซ่ึงมีธุรกิจส่งออกทุเรียนไปจ�าหน่ายยัง ประเทศจีนไปศึกษาดูงานการตลาดทุเรียน อย่างครบวงจรท้ังด้านการจัดจ�าหน่าย การ แปรรูป ระบบโลจิสติกส์และลู่ทางการตลาด ของผลไม้ชนิดอื่นๆที่มีศักยภาพในการแข่งขัน ซ่ึงเป็นโอกาสดีท่ีจะได้น�าเรื่องราวๆต่างเหล่านี้ มาถา่ ยทอดใหพ้ นี่ อ้ งเกษตรกรไดร้ บั ทราบตอ่ ไป 28

ตามรอยทุเรยี นตราดในตลาดแดนมงั กร คุณไพฑูรย์ วานิชศรี ไดม้ ีโอกาสตามรอยทเุ รยี นตราด ไปถงึ ประเทศจีน เมื่อตน้ เดือนพฤษภาคม 2557 ที่ ผา่ นมา โดยไดร้ ว่ มคณะไปกบั เจา้ หนา้ ทกี่ ารตลาดของบรษิ ทั C.P. ซง่ึ ในการไปในครง้ั น้ีไดม้ โี อกาสไปศกึ ษา ดงู านเกย่ี วกับทุเรยี นอยา่ งครบวงจร ทัง้ ในเรอ่ื งการจดั จ�ำหนา่ ยทเุ รยี นมหี า้ งสรรพสินค้า ตลาดค้าสง่ และ ตลาดคา้ ปลกี รูปแบบการจ�ำหนา่ ย สินค้าและผลติ ภัณฑ์ที่เกยี่ วขอ้ งกบั ทุเรียนในทอ้ งตลาด ซ่งึ มีผลิตภัณฑ์ หลากหลายเกยี่ วกับทุเรยี น เชน่ ทุเรยี นทอด ทุเรยี น Freeze Dry หรือแม้กระทัง่ แยมทเุ รียน ท่ผี ลิตใน ประเทศมาเลเซยี และอนิ โดนเี ซีย ก็ได้รบั ความนยิ มจากชาวจีนเป็นอยา่ งสงู ส�ำหรบั ทเุ รยี นผลสดทชี่ าวจนี นิยมรับประทานคือ ทเุ รยี นพนั ธุ์หมอนทอง ซึง่ มเี นื้อมากและต้องเป็นทุเรยี น ทส่ี ดุ จดั มกี ลน่ิ หอม ซงึ่ ลกั ษณะเดน่ ของทเุ รยี นพนั ธห์ มอนทองทด่ี ตี อ่ ผบู้ รโิ ภคคอื คณุ ภาพเนอ้ื และรสชาตจิ ะ แปรปรวนนอ้ ย นอกจากนย้ี ังมอี ายุการเกบ็ เกย่ี วทีค่ อ่ นข้างกว้าง และสามารถเขา้ สกู่ ระบวนการแปรปรวน ร้อย นอกจากนี้ ยังมีอายุการเก็บเก่ยี วที่ค่อนขา้ งกว้าง และสามารถเขา้ สู่กระบวนการแปรรปู ได้หลายคน อาจจะยังเช่ือว่าทุเรียนที่ส่งออกไปจีนจะต้องตัดที่ความสุกแก่ประมาณ 70 % ซ่ึงคุณไพฑูรย์ได้บอกว่า ทุเรยี นท่ีสวนของตนเองซึ่งเปน็ สินคา้ Premium Grade (เกรดพเิ ศษ) ของบรษิ ัท C.P. จะตัดท่ีความสุก แก่ประมาณ 80 % หรือตดั ทอี่ ายุ 120 วันเตม็ ซึง่ ไปถึงปลายทางกย็ ังอยู่ในสภาพดี อาจจะมีผลผลิตเสยี หายบ้างแต่ไม่เกนิ 5 % ในสว่ นของกลมุ่ ลกู คา้ ทมี่ กี ำ� ลงั ซอ้ื ผลผลติ ทเุ รยี นจากประเทศไทยนน้ั มอี ยปู่ ระมาณ 400- 500 ลา้ นคน สว่ น ราคาขายในตลาดจีนราคาจะสูงกวา่ ตลาดต้นทาง 2.5 – 3 เท่า ทุเรียนจึงนับเป็นผลไม้ราคาแพงในตลาด ประเทศจีน สำ� หรบั ตลาดคา้ ส่งท่ีคุณไพฑรู ย์ได้มีโอกาสไปดูคือ ตลาดเจียงหนาน เมืองกวางโจวมณฑณกวางตุ้ง ซึ่งเปน็ ตลาดค้าส่งผลไม้ท่ีใหญ่ที่สุดในประเทศจีน มีรัฐบาลจีนเป็นผู้ถือหุ้นอยู่ 35% และมีพ่อค้าชาวจีนเป็นผู้ถือ หนุ้ ร่วงในตลาดเจยี งหนานแห่งนี้จะมีผลไมจ้ ากทวั่ โลกหลง่ั ไหลเขา้ สตู่ ลาดกวา่ 60,000 ต้คู อนเทนเนอร์ตอ่ ปี การขนสง่ สนิ คา้ จากไทย ไปยังตลาดเจยี งหนานโดยทางเรืออยู่ท่ี 5 - 7 วนั ซึง่ หากเปน็ ตลาดเซ่ยี งไฮอ้ าจ จะต้องใชเ้ วลาเดนิ ทางเรือถึง 10 วัน 29

การขนส่งสินค้าประเภทผลไม้ส่วนใหญ่ใช้วิธีการขนส่งทางเรือถือเป็นเส้นทางหลัก อาจจะมีเส้นทางการ ขนส่งรถยนต์ ไมว่ า่ จะเปน็ เสน้ ทาง R3A (คุณหมงิ – กรุงเทพ) ระยะทาง 1,887 กโิ ลเมตรออกจากไทย ที่ดา่ นเชยี งของจงั หวัดเชยี งราย หรือเส้นทางอื่นๆ ทอี่ อกไปทางภาคตะวันออกเฉยี งเหนอื ของประเทศไทย ส่วนใหญจ่ ะขนสง่ สินค้าไปทมี่ ณฑลทางใตแ้ ละทางตะวันตกของจีนเปน็ หลกั หากนับมูลค่าการจ�ำหน่ายผลไม้ไทยในจีนแล้วจะพบว่าทุเรียนเป็นพืชที่มีมูลค่าการจ�ำหน่ายเป็นอันดับท่ี 2 รองจากล�ำไย โดยมีมงั คดุ มาเป็นอนั ดบั ท่ี 3 ซงึ่ นอกจากผลไม้ 3 ชนิดนแ้ี ลว้ ยังมีผลไมท้ ่เี ป็นท่ีตอ้ งการของ ตลาด อีก 3 ชนิด คอื กลว้ ยไข่ ขนนุ ทองประเสรฐิ และมะพร้าวน�ำ้ หอม ซ่ึงคณุ ไพฑูรย์ ไดฝ้ ากขอ้ คิดในการจดั การสวนทุเรียนในยุดเขา้ สปู่ ระชาคมอาเซียน ไว้ดังน้ี 1. การปลูกทุเรียนควรปลูกระบบใหม่ โดยปรับพื้นท่ีให้เป็นลอนคลื่น หรือแบบฝาชีคว�่ำเพ่ือป้องกันโรค รากเน่าโคนเนา่ ทุเรียนจากเช้ือราไพท๊อปเทอร่า 2. ควบคุมทรงพุ่มเพ่ือให้งา่ ยตอ่ การจัดการ 3. สวนขนาดใหญค่ วรจดั การแบบเกษตรอตุ สาหกรรม ซึ่งจะท�ำให้ได้ผลผลิตท่ีได้มาตรฐานเดียวกนั 4. สวนขนาดเลก็ ควรจัดการแบบเกษตรประณตี เพ่ือให้ไดผ้ ลผลิตคณุ ภาพดี 5. ควรค�ำนึงถึงความปลอดภยั ดา้ นอาหารเนน้ อาหารสขุ ภาพและอาหารปลอดภัย 6. คุณภาพต้องดี ไมต่ ัดทุเรียนอ่อน เป็นมาตรฐานเดยี วกนั ทุกผล 30

บรรจง บุญวาที นายบรรจง บุญวาที หรอื “ป๋าอิด๊ คันนา” เกษตรกรคน เก่งแห่งบ้าน คันนา หมู่ที่ 5 ต�ำบลห้วงนำ้� ขาว อำ� เภอเมือง จงั หวดั ตราด เปน็ เกษตรกรทปี่ ระสบความสำ� เรจ็ ในการปลกู ท่ีเรียนที่ได้ราคาสูง โดยวิธีการพูนโคนให้สูงขึ้นในระหว่าง แถวปลกู ใหร้ ะบายนำ�้ ไดด้ แี ละเรว็ ทสี่ ดุ เพอ่ื บงั คบั ใหอ้ อกดอก ตามท่ีต้องการ และลดการเกดิ โรครากเนา่ โคนเนา่ จากเชื้อ ราไพท๊อปเทอรา่ นอกจากน้ยี ังมีเทคนคิ การตดั แต่งช่อดอก และผลเพอ่ื ใหไ้ ดร้ ะยะเวลาการเกบ็ เกย่ี วทส่ี น้ั ทสี่ ดุ โดยปกติ จะใชร้ ะยะเวลาเกบ็ เกีย่ วผลผลิตเพยี ง 5 วนั และอยู่ในช่วง ท่ีผลผลิตทุเรียนอยู่ในระดับราคาท่ีค่อนข้างสูง (เกิน 100 บาท) ทำ� ใหม้ รี ายไดน้ บั 10 ล้านบาทตอ่ ปี ซึง่ ทุเรยี นของลุง บรรจงมอี ย่หู ลายแปลงทง้ั การปลุกระบบเก่าที่ไม่ได้พูนโคน และระบบใหม่ทย่ี กโคนใหส้ ูง 31

เทคนคิ 3 ค ในการผลติ ทเุ รยี นเงนิ ลา้ น ฉบบั ลงุ บรรจง บญุ วาที ค1 : โคก การปลกู ทเุ รยี นระบบใหมจ่ ำ� เปน็ มากทจ่ี ะตอ้ งยกโคกใหส้ งู และมรี ะบบการระบายนำ้� ทด่ี ี โดยจะการพนู โคน สูงกวา่ พ้นื ดนิ เดิมประมาณ 50 เซนตเิ มตร ลักษณะเป็นลูกระนาดโดยระหว่างแถวจะเปน็ เหมอื นรางระบาย น�้ำอย่างดแี ละส่วนทา้ ยสวนจะมีการขดุ ร่องเพือ่ ระบายนำ้� ค2 : โคน มกี ารเสริมรากโดยใช้ทุเรยี นปา่ เปน็ ตน้ ตอทาบตน้ ท่ีปลูกภายใน 1 ปี ดงั นนั้ จะพบว่าทุเรยี น 1 ตน้ จะมี 2 โคน ขอ้ ดขี องการเสริมราก นอกจากจะช่วยการยึดลำ� ตน้ ปอ้ งกนั ลมพายุแลว้ จะช่วยหาอาหารไดด้ อี กี ด้วย ท�ำให้สามารถไวล้ กู ได้มากกวา่ ปกติ 20 -30 % (อายตุ น้ 10 ปี ไว้ลกู ได้ประมาณ 80 ผล / ต้น) แตต่ น้ ที่ เสรมิ รากจะได้ 100 – 110 ผล/ตน้ ) นอกจากการเสรมิ รากแลว้ ยงั มกี ารเปลยี่ นยอดโดยใชต้ น้ ตอทเ่ี ปน็ พนั ธ์ุ ชะนแี ละกระดุมเดิม โดยตัดแต่งให้แตกยอดใหมแ่ ล้วทาบพนั ธ์หุ มอนทองต้นใหม่บนตอเก่า ท�ำใหส้ ามารถ หาอาหารได้มากกิง่ ท่ีทายจะเจริญเตบิ โตเรว็ ภายใน 3 ปี จะสามารถให้ผลผลิตได้ ค3 : คมุ มีการควบคุมทรงพุ่มไม่ให้สูงเกินไป และตัดแต่งกิ่งให้โปร่งท้ังด้านบน (เปิดกลางทรงพุ่ม) และด้านซ้าย (ปลายกงิ่ ) เน้นก่งิ ท่ีใหผ้ ลผลิตไว้ ก่งิ ทเ่ี ปน็ ก่ิงกระโดงจะเอาออก ซ่งึ การตดั แต่งกง่ิ ใหโ้ ปร่งจะท�ำให้ง่ายตอ่ การบรหิ ารจัดการ โดยเฉพาะการฉีดพ่นสารเคมี ซึ่งจะสามารถท�ำได้ท่ัวถึง นอกจากเทคนคิ 3 ค เบ้อื ต้นแล้ว อกี หนง่ึ เคลด็ ลบั ของลงุ บรรจงคอื การแตง่ ช่อดอกและผล ซงึ่ ลุงบรรจงจะ แตง่ ช่อดอกและผลให้เป็นกลุ่ม โดยในแตล่ ะกลมุ่ จะเนน้ เปน็ ดอกร่นุ เดียวกันมากที่สุดเพอ่ื ใหร้ ะยะเวลาการ เกบ็ เกย่ี วส้นั ประมาณ 5 วัน รวมท้ังสวน ไม่เกนิ 2 รุน่ ไมเ่ กิน 15 วัน เพราะจะมีผลต่อราคาขาย นอกจาก นสี้ ง่ิ ทลี่ งุ บรรจงใหค้ วามสำ� คญั อกี อยา่ งหนง่ึ คอื ความสมบรู ณข์ องใบ ตอ้ งเนน้ ใหใ้ บมคี วามสมบรู ณส์ งู ทำ� ใบ ออ่ นใหไ้ ด้ 2 รนุ่ เพอ่ื ช่วยในการสรา้ งอาหารเล้ยี งผลผลติ 32

ปฏทิ นิ การปฏิบตั ิดูแลรักษาทุเรยี น สวนลุงบรรจง บญุ วาที (ทเุ รียน 1 ต้น 1 แสน) มกราคม กมุ ภาพนั ธ์ มีนาคม เมษายน พฤษภาคม มถิ นุ ายน ตดั แต่งผล ตัดแตง่ ผล เก็บเกี่ยว ตัดแตง่ กง่ิ เปดิ ใสป่ ุ๋ยสูตร ใส่ปยุ๋ สตู ร โยงเชือก ฉดี พน่ สารเคมี ผลผลิต (ระยะ กลางทรงพมุ่ 16-16-16 16-16-16 ฉีดพน่ อาหาร ก�าจดั แมลง เวลาการเกบ็ ครัง้ ที่ 2 ครัง้ ท่ี 3 เสรมิ จา� พวกสาร ฉดี พ่นปุย๋ ทาง เกีย่ วประมาณ ใสป่ ยุ๋ สตู ร สกดั จากสาหร่าย ใบ (ปยุ๋ เกลด็ ) 5 วัน แตไ่ ม่เกนิ 16-16-16 ฉดี พน่ สารเคมี ฉดี พ่นสารเคมี ทะเล 15 วนั ) คร้ังท่ี 1 กา� จดั แมลง ก�าจัดแมลง ตัดแต่งผล จะใส่ป๋ยุ ทุก 15 นาที โดยคร้ังท่ี 1 ใส่ 1.5-2 กิโลกรมั อย่างนอ้ ย 3 รอบ ตอ่ ตัน และคร้งั ที่ 2, 3 ใส่ ครง้ั ละ 1 กโิ ลกรมั ต่อตนั + คร้งั สดุ ท้ายเมอ่ื ปุย๋ อินทรีย์ ทุเรียนมผี ลขนาด 1.5 กโิ ลกรมั ฉีดพ่นสารก�าจดั แมลง (อะบาเม็กตนิ หรอื คลอไพรีฟอส) 3 ครง้ั ตอ่ ใบ 1 ชดุ ฉีดพ่นสารกา� จัดเชอ้ื รา (สารกลมุ่ คอปเปอร์ หรือ คารเ์ บนดาซิม) ฉดี พน่ ตอ่ เมือพบการระบาด ไวผ้ ลทุเรยี น จะใช้สารเคมีแตล่ ะชนิดไม่เกิน 2 คร้ัง ครัง้ ที่ 3 จะตอ้ ง เผอ่ื ไว้ไม่เกนิ เปลีย่ นชนดิ เพ่อื ป้องกนั แมลงด้อื ยา 5 ผลต่อตนั จากเป้าหมาย 33

กรกฎาคม สงิ หาคม กนั ยายน ตลุ าคม พฤศจิกายน ธนั วาคม ฉดี พน่ สารเคมี ฉดี พน่ ใสป่ ยุ๋ สตู ร กา� จดั วชั พชื ตดั แตง่ ดอก ผสมเกสร กา� จดั แมลง แพคโคบวิ ทาโซน 8-24-24 จา� นวน ตดั แตง่ ดอก 20 % 2 ครง้ั ฉดี พน่ สารเคมี กา� จดั ไรแดง จะใสป่ ุย๋ ทุก ใชส้ าร ครง้ั ท่ี 1 ใส่ 1.5 ฉดี พน่ ดว้ ยสาร เรมิ่ ตดั แตง่ ใน ฉดี พน่ สาร 15 นาที โดยคร้งั แพคโคบวิ ทาโซน กโิ ลกรมั ครง้ั ที่ พาราควอท ระยะมะเขอื พวง โพรพาไกตห์ รอื ท่ี 1 ใส่ 1.5-2 ชนดิ ครมี 800 cc 2 ใส่ 1 กโิ ลกรมั ใหญ่ โอไบรอน ฉดี พน่ กิโลกรัมตอ่ ตัน ตอ่ นา�้ 200 ลติ ร หา่ งกนั 15 วนั 2-3 ครงั้ หา่ งกนั และคร้งั ท่ี 2, ฉดี พอ่ เมอื่ ใบชดุ 15 วนั เพอื่ กา� จดั 3 ใส่ คร้ังละ 1 ท่ี 2 อย่ใู นระยะ ไรแดง กโิ ลกรัมต่อตัน + กอ่ นเพสลาด ปุ๋ยอนิ ทรยี ์ ฉดี พ่นสาร ก�าจดั แมลง (อะบาเมก็ ตนิ หรอื คลอไพรฟี อส) 3 ครัง้ ต่อใบ 1 ชดุ ฉดี พ่นสาร ก�าจัดเชอื้ รา (สารกลมุ่ คอปเปอร์ หรือ คาร์เบนดาซิม) ฉีดพ่นต่อเมือพบ การระบาด จะใชส้ ารเคมี หา้ มใชส้ าร แตง่ ใหเ้ ปน็ ดอก แต่ละชนิดไม่เกนิ ไกลโฟเลท รนุ่ เดยี วกนั มาก 2 ครง้ั คร้ังท่ี 3 ทสี่ ดุ จะต้องเปล่ยี น ชนิดเพอื่ ป้องกนั แมลงดือ้ ยา 34

บรรจง บญุ วาที นายพรี ะพงษ์ ครองธรรม เกษตรกรชาวสวนสบั ปะรดรนุ่ ใหม่ของจังหวดั ตราด อย่บู ้านเลขท่ี 147/1 หมู่ที่ 1 ตำ� บล ท่าโสน อ�ำเภอเขาสมิง จังหวัดตราด จบการศึกษาระดับ ปรญิ ญาตรี สาขาพชื ศาสตร์ และระดบั ปรญิ ญาโท จากคณะ เทคโนโลยีการผลิตพืช จากมหาวิทยาลัยราชภัฎร�ำไพพร รณณี เม่ือ พ.ศ. 2552 ชว่ งที่ทำ� วจิ ัยไดเ้ ลือกทีจ่ ะศึกษาเรื่อง การผลิตสับปะรดตราดสีทองให้ประหยัดและได้คุณภาพ เมอื่ จบแลว้ จงึ นำ� มาปฏบิ ตั จิ รงิ จากประสบการณก์ ารทำ� งาน ประมาณ 10 ปี ปลกู สบั ปะรดตราดสที อง ให้บรษิ ัท บาง กอกแอร์เวย์ จ�ำกัด ซ่งึ ใช้ช่ือวา่ บรษิ ัท ตราดสีทอง จำ� กดั พื้นที่ขนาด 400 ไร่ มีผลผลติ ที่ไดร้ บั รองระบบเกษตรดี ที่ เหมาะสม (GAP)สง่ ขายญป่ี นุ่ และเปน็ ท่ีรจู้ กั ของลกู คา้ ที่ใช้ บริการสายการบินเป็นอย่างดีซ่ึงสับปะรดพันธุ์ตราดสีทอง ไดร้ ับรางวลั อันดบั 1- 3 มาตลอด ปี 2557 คุณพีรพงษ์ ได้ รับคดั เลือกจากสำ� นักงานเกษตรจังหวัดตราด เป็น Smart Farmer เพอ่ื สรา้ งเครือขา่ ย 35

เทคนคิ การปลกู สบั ปะรดตราดสที องให้ไดค้ ณุ ภาพดี 01 การคัดสายพันธุ์ หรือคัดหน่อท่ี จะน�ามาปลูกควรเป็นหน่อจากต้น ท่ีมีอายุ 1 ปี เพราะสับปะรดปีแรกผล สบั ปะรดมีขนาดใหญ่ ตลอดจน เพอ่ื ความ สะดวกในการดูแล ควรมีการคัดขนาดของ หนอ่ ใหญ-่ เลก็ เพราะหนอ่ ใหญจ่ ะโตเรว็ กวา่ การยกร่องปลูกต้องก�าหนดระยะ 02 หา่ งระหวา่ งรอ่ งกบั ระยะหา่ งระหวา่ งตน้ ในแถวเดยี วกนั เพอ่ื การจดั การใหป้ ยุ๋ การหยอดสารเรง่ หรอื การเกบ็ ผล จะทา� ไดส้ ะดวกและทส่ี า� คญั การบรหิ ารจดั การทจี่ ะทา� ใหผ้ ลผลติ มคี ณุ ภาพ จะตอ้ งปลกู เปน็ แถวคู่ เวน้ ระยะหา่ งใหเ้ หมาะสม เพอื่ รองรบั กบั การเจรญิ เตบิ โตโดยเฉพาะการปลกู แซมระหวา่ งรอ่ งของยางพารา จะกวา้ ง 5-6 เมตรและควรเว้นระยะหา่ งระหว่างตน้ ตน้ ยางถึงแถวของสบั ปะรดประมาณ 1.50 เมตร จะ ปลกู ได้ 3 แถวคู่ คหู่ นึ่งตอ้ งเวน้ ทางเดนิ ระหวา่ งร่องแถวคู่ไว้ประมาณ 1-1.2 เมตร ส่วนระยะห่างระหวา่ ง ตน้ ในแถวและระหวา่ งแถวหา่ ง 50 เซนตเิ มตร การเตรียมดินยกร่องปลกู มีขน้ั ตอน คอื 2.1 ไถดะ เพือ่ พลิกดนิ และตากดินไวใ้ ห้กรอบเพือ่ เปน็ การฆ่าเชื้อรา 2.2 ไถพรวนเป็นการพรวนดนิ อกี ครั้งใหด้ นิ ละเอียดเพ่อื ใหร้ ากสบั ปะรดเจรญิ เติบโตให้สะดวก 2.3 ขุดหลุมปลกู ลึก 10-15 ซม. หากหลมุ ลึกมากไปน�า้ ขังรากและโคนเน่า การปลกู ชว่ งเวลาทค่ี วรปลกู คือฤดูฝนจะเป็นช่วงเดือนมนี าคม-เมษายน หรือ ปลายฝนชว่ งเดือน 03 กันยายน – ตลุ าคม เพอ่ื ให้ผลผลติ ออกกลางปีไปถึงปลายปี จะไม่ตรงชว่ งพคี (Peak) หากผลลติ ออกมากจะไม่มีปัญหาเร่อื งราคา การกา� จดั วชั พชื ตอ้ งเอาวชั พชื ออกใหห้ มดเชน่ หญา้ คา ตน้ ออ้ เพราะจะทา� ใหต้ น้ สบั ปะรดไมโ่ ตหรอื 04 ถ้าฉีดพน่ สารก�าจัดวชั พืชภายหลงั จะมสี ารตกค้างมผี ลใหต้ น้ ชะงกั การเจรญิ เติบโต 05 การให้ปยุ๋ หากปลกู หนอ่ ใหญ่จะโตเร็วจะใหป้ ๋ยุ เพียง 2 คร้งั หากปลูกด้วยหน่อเล็กโตช้าจะให้ปยุ๋ 3 ครง้ั เรม่ิ ให้คร้ังท่ี 1 เมอ่ื ปลูกได้ 2 เดือน ชว่ งความชืน้ เหมาะสม ไมแ่ ล้งมาก โดยให้ปยุ๋ สูตรเสมอ 15-15-15 หรอื 16-16-16 เพอื่ บ�ารงุ ตน้ ใบ ราก อตั รา 20-30 กรมั /ตน้ (ประมาณ 1 กา� มือ ใส่ 3 ต้น) ครัง้ ท่ี 2 เมอื่ ปลกู ได้ 4 เดอื นและครง้ั ท่ี 3 เม่ือปลกู ได้ 6 เดอื นใหป้ ๋ยุ น้�า + ปุ๋ยปลาหมกั โดยให้ทางใบเพอ่ื เรง่ ใหส้ ะโพกใหญ่ ตน้ โต แข็งแรง พร้อมออกดอกออกผล โดยผสมปุย๋ ในอัตรา 500 ซีซี หรือ 1,000 ซี ซี ตอ่ น�้า 1,000 ลิตร 36

06 การเรง่ ดอกคือ การบงั คบั ออกดอกใหผ้ ลเรว็ และพร้อมกัน จะใช้สารเนง่ ในชว่ งเดือนท่ี 7-8 เพยี ง ครัง้ เดียว โดยตอ้ งให้โคนตน้ ใหญ่ (สะโพก) และตน้ สูง โดยใชส้ ารเคมี เอทธลิ นี (Ethylene) เป็น สารเรง่ ดอก โยผสมในอัตราส่วน 200 ซีซี ต่อนำ�้ 200 ลติ ร ฉดี พ่นได้ 3,000 - 3,500 ต้น หรือ 1 ไร)่ หลงั พน่ สเปรย์ 40-45 วนั จะเหน็ ผลออ่ นออกภายในยอด การพอ่ ฮอรโ์ มน อาหารเสรมิ จบิ เบอรเ์ รลลนิ (Gibberellin) เปน็ สารสงั เคราะหช์ ว่ ยยดื ผลออ่ น โดย 07 จะพ่น 2 คร้ัง ครัง้ แรกหลงั จากการใช้สารเร่งดอก 60 -70 วนั หลงั จากพน่ ครงั้ แรกอกี 7 ถงึ 10 วัน โดยใช้จิบเบอเรลลนิ 2 เมด็ ผสมนำ�้ 200 ลิตร สามารถพ่นไดป้ ระมาณ 3,000 ต้น ช่วยให้ผลมีขนาด ใหญ่ตอ่ จากน้ันอกี ประมาณ 135 – 145 วนั ผลสบั ปะรดจะเริม่ สกุ การเกบ็ เก่ยี วผลผลิตจะเกบ็ หลงั จากใช้ฮอร์โมนไปแล้ว 135 วัน หรือ 4เดอื นครึง่ หรอื 4 เดอื น 08 5-10 วนั โดยแบ่งตัดเป็น 3 รุ่น หน่ึงดัดแปลง 3 ครั้ง ครงั้ แรกสงั เกตสับประรดตาสกุ 20% ขน้ึ ไปเมือ่ เก็บเก่ยี วแล้วจะคัดไซดเ์ พอื่ จ�ำหน่ายตามขนาดใหญ่ - เล็ก การเตรยี มหนอ่ เพื่อบงั คบั เรง่ ผลผลติ ในปตี อ่ ไป เมอื่ ตดั ผลสบั ปะรดต้นแมไ่ ปตอ้ งตดั ใบ เหลือหนอ่ 09 ไว้ 2 หนอ่ ใหเ้ ตบิ โตเพ่อื เกบ็ ผลผลิตในปที ี่ 2 ในปีท่ี 3-4 หนอ่ เล็กใชเ้ วลา อีก2-3 เดอื นหน่อจะ โตขนาด 50-70 เซนตเิ มตร ซงึ่ เกษตรกรต้องเตรยี มบำ� รุงรกั ษาตามข้ันตอนดังกล่าวข้างต้นเพื่อเอาไว้ให้ ผลผลิตปตี อ่ ไป ปีท่ี 2 ตน้ สับปะรดจะเพ่มิ จาก 1ตนั เป็น 2 ตน้ และปีท่ี 3-4 จะมี 4 และ 8 ตน้ ตามล�ำดับ ขัน้ ตอนดังกล่าวข้างตน้ เพ่ือเอาไว้ใหผ้ ลผลิตปตี ่อไป ปีที่ 2 ตน้ สบั ปะรดจะเพ่มิ ขึน้ จาก 1 ต้นเปน็ 2 ต้น และ ปีท่ี 3-4 จะมี 4 และ 8 ต้น ตามลำ� ดับ 37

ตารางการปฏิบัตดิ ูแลรกั ษา ข้ันตอน เดอื น วิธกี าร จดุ ประสงค์ 1. ปลกู (ตน้ ฝน) มนี าคม – เมษายน เตรยี มดนิ ปลกู ฆา่ เชอ้ื รา/ราก/เดนิ สะดวก/ ปอ้ งกนั รากเนา่ 2. กา� จดั วชั พชื มนี าคม – เมษายน ยกรอ่ ง ควบคมุ วชั พชื ขดุ หลมุ บา� รงุ ตน้ /ใบ/ราก 3. การใหป้ ยุ๋ (2-3 ครง้ั ) เมษายน – พฤษภาคม ฉดี พน่ สารไกลโฟเสต สะโพกใหญ่ ดนิ แขง็ แรง (Glyphosate) กรกฎาคม-กนั ยายน ครง้ั ที่ 1 ปยุ๋ สตู รเสมอ เรง่ การออกดอก 15 -15 - 15 4. การเรง่ ดอก ตลุ าคม-พฤศจกิ ายน (20-30 G/ตน้ ) ชว่ ยยดื ผลออ่ น ครง้ั ที่ 2 และ ครงั้ ท่ี 3 ขยายขนาดใหญ่ 5. อาหารเสรมิ พฤศจกิ ายน-ธนั วาคม ปยุ๋ นา้� –ปยุ๋ หมกั ชว่ ยใหผ้ ลสกุ เรว็ (500-1,000 ลติ ร) ตดั ผลสง่ จา� หนา่ ย 6. การเกบ็ เกย่ี ว กมุ ภาพนั ธ-์ มนี าคม ใชส้ ารเรง่ เอทธลิ นี (Ethylene) 200 cc นา�้ 200 ลติ ร ฉดี ฮอรโ์ มน ครงั้ ที่ 1 จบิ เบอเรลลนี (Gibberelin) ครงั้ ท่ี 2 หลงั ครง้ั ที่ 1 ประมาณ 7 – 10 วนั สงั เกตตา เปน็ สเี หลอื ง 20 % รอ่ งตาลกึ หลงั ตดั ผล แลว้ ตดั หนอ่ ใหเ้ หลอื ไว้ 2 หนอ่ 38

มานติ คเรศตรี คุณมานติ คเรศตรี หรอื ลุงหมู เกษตรกรแหง่ บา้ นอ่าวขาม หมทู่ ี่ 5 ต�ำบลอา่ วใหญ่ อำ� เภอเมอื ง จังหวัดตราด เป็นเกษตรกร รุ่นบุกเบิก การเลยี้ งชนั โรงของจงั หวดั ตราด โดยลงุ หมเู ปน็ เกษตรกรชาวสวนเงาะ ที่ได้รับการฝึกอบรมการเล้ียงชันโรงเพ่ือเพิ่มผลผลิตเงาะจากส�ำนัก เกษตรจังหวัดตราดและศูนย์ส่งเสริมและพัฒนาอาชีพการเกษตร จังหวดั จันทบุรี (ศูนย์ผึ้ง) เมือ่ ประมาณปี 2547 ซง่ึ เมอื่ ไดร้ บั การฝกึ อบรมแลว้ กเ็ กดิ ความชอบ จงึ ศกึ ษาหาความรทู้ ง้ั จากการ ไปฝกึ อบรม ตลอดจนหาหนงั สอื เกี่ยวกบั ชนั โรงมาอ่าน รวมถึงออกหาชนั โรงพนั ธุ์ ตา่ งๆ ตามธรรมชาตมิ าเลย้ี งศกึ ษาวงจรชวี ติ และพฤตกิ รรมการหากนิ ของชนั โรง ทำ� ใหเ้ กดิ ความชำ� นาญทงั้ ในเรอ่ื งของการขยายพนั ธ์ุ และ การจัดการเพือ่ ให้ไดน้ ำ�้ ชนั โรงคุณภาพดี 39

ความรพู้ น้ื ฐานเรอื่ งชนั โรง ชนั โรงเปน็ ชอื่ สามญั ของผง้ึ ท่ีไมม่ เี หลก็ ใน ชนั โรงมบี ทบาทสำ� คญั ในการชว่ ยผสม เกสรพืชโดยเฉพาะพืชปา่ และพชื พ้นื เมือง ชันโรงเป็นแมลงท่ีอยรู่ วมกนั เปน็ สงั คม มกี ารสร้างรัง โดยแบ่ง เป็นสัดสว่ น เป็นเซลล์หรือกระเปาะระหวา่ งกระเปาะเกบ็ เกสรกระเปาะเกบ็ น้ำ� หวาน และกระเปาะส�ำหรบั วางไขแ่ ละเลย้ี งดตู วั ออ่ นชนั โรงมกี ารเกบ็ รกั ษาอาหารไวใ้ ช้ ในยามทข่ี าดแคลนอาหารตามธรรมชาติ ภายใน รงั ชนั โรงจะประกอบไปดว้ ย ชนั โรง 3 วรรณะ วรรณะชนั โรงนางพญา วรรณะชนั โรงตวั ผู้และวรรณะชนั โรงงาน ชันโรงมวี งจรชีวติ เชน่ เดียวกับผึง้ คอื ไข่ หนอน ดกั แด้ และตัวเต็มวัย ชนั โรงนางพญา มหี น้าท่ีในการวางไข่ และควบคุมรงั ไข่ของนางพญาจะมีขนาดใหญ่กวา่ ไขข่ องชันโรงงาน และจะถกู สร้างขนึ้ มาเปน็ ระยะๆ โดยเฉพาะในชว่ งท่มี ีอาหารอดุ มสมบูรณ์ เชน่ ฤดูดอกไม้บาน ซง่ึ ถอื ได้วา่ เป็นช่วงสำ� หรบั การขยายพันธ์ุของชนั โรง ชนั โรงตวั ผู้ มหี น้าทผ่ี สมพนั ธ์กุ ับชันโรงนางพญา เหมือนกบั ผึง้ ตวั ผู้ การสรา้ งชนั โรงเพศผู้ของจรงิ จะสรา้ ง เฉพาะฤดผู สมพันธ์ุเท่านัน้ เมอื่ ชันโรงตัวผู้บนิ ออกจาก รงั ไปแลว้ จะไมก่ ลบั เข้ารงั อีก เนือ่ งจากชันโรงงานท่ี ทำ� หน้าที่รกั ษารังจะไมย่ อมให้ชนั โรงตัวผกู้ ลบั เข้ารัง ชนั โรงงาน เปน็ วรรณะทม่ี มี ากทส่ี ดุ ภายในรงั และมหี นา้ ทภี่ ายในรงั เชน่ เดยี วกบั ผงึ้ งานโดยมกี ารแบง่ หนา้ ที่ ตามชว่ งอายุ เช่น เมอ่ื มี อายนุ อ้ ยจะมหี น้าทท่ี ำ� ความสะอาดรงั สร้างและซอ่ มแซมรงั เลย้ี งดตู วั ออ่ นปอ้ น อาหารให้ชันโรงนางพญาและป้องกันรักษารังตามล�ำดับ ส่วนพวกที่มีอายุมากจะท�ำหน้าท่ีบินออกไปหา อาหารเพอื่ น�ำมาเกบ็ สะสมไว้ภายในรงั ตอ่ ไป การสรา้ งรงั ของชนั โรง 1. การสรา้ งรงั ในโพรงตน้ ไมท้ ่ีมชี ีวติ เนื่องจากตน้ ไมอ้ าจถกู ทำ� ลายจากศัตรู เช่น หนอนเจาะล�ำตน้ ทำ� ให้ เกิดโพรงไมพ้ บมากในปา่ ดงดิบชื้นทีม่ ีความอุดมสมบูรณ์ ชนั โรงท่พี บไดแ้ ก่ ขย้ี ้าแดง 2. สรา้ งรงั ใต้ดนิ โดยอาศยั จอมปลวกเก่าหรอื โพรงใตด้ ินโดยทำ� ปลอ่ งหรอื ปากทางเขา้ ออกเป็นทอ่ 3. สรา้ งรงั ในโพรงตน้ ไมท้ ี่ไมม่ ชี วี ติ เปน็ ชนั โรงชนดิ ทพ่ี บไดท้ ว่ั ไปและเปน็ ชนดิ ทปี่ รบั ตวั ใหเ้ ขา้ กบั สง่ิ แวดลอ้ ม ไดด้ ี 4. สร้างรงั ในโพรงเทยี น เช่น ในไห กระบอก ไม้ไผ่ ทอ่ น�ำ้ หรือรอยแตกของผนงั บา้ น ฯลฯ เปน็ ชนั โรงที่ อยู่ใกล้ชิดมนุษย์ 5. สรา้ งรังในลกั ษณะเปิดโล่ง โดยเขา้ ไปแยง่ รังมดในการอาศยั มเี พียงนดิ เดยี วท่ีทำ� รังในลักษณะนี้ 40

การเลอื กชนดิ ของชนั โรงทจ่ี ะนา� มาเลย้ี ง 1. ชนิดท่ปี รบั ตัวและทนตอ่ การเปลยี่ นแปลงสภาพแวดลอ้ มได้ดสี ามารถอย่รู ่วมกับมนษุ ย์ได้ 2. ไมด่ ุร้ายมากและไม่รบกวน มคี วามกระตอื รือร้น 3. ขยายพนั ธุ์ไดง้ า่ ย 4. นางพญามีประสิทธิภาพในการวางไข่ได้ปริมาณมาก และทนต่อสภาพแวดล้อมเขา้ กบั ทอี่ ยู่ใหม่ไดด้ ี 5. ลักษณะขนาดของรังชันโรงต้องไม่ใหญ่เกินไปและสามารถท�าการแยกขยายได้ง่าย สะดวกในการ ปฏบิ ตั ิงาน 6. มีประสิทธภิ าพทนตอ่ ตัวเมีย (ศตั รูของชันโรง) ได้ดี วธิ กี ารแยกขยายชนั โรง เราสามารถขยายพันธุ์ได้โดยอาศัยวิธีการเลียนแบบธรรมชาติโดยต้องอาศัยประสบการณ์ของผู้เลี้ยงเป็น ส�าคัญ และท�าในช่วงจงั หวะเวลาทีเ่ หมาะสม 1. จัดเตรยี มวัสดอุ ปุ กรณท์ ี่จะใชใ้ นการขยายชันโรง รงั ทจี่ ะท�าการแยกขยาย เหลก็ งดั รงั ชนดิ เดียวท่ีใชใ้ นการเลีย้ งผงึ้ หมวกตาขา่ ย เคร่ืองพน่ ควนั กระบอกพน่ น�้าชนิดพ่นฝอย 2. คดั เลอื กรงั ชนั โรงทส่ี มบรู ณแ์ ขง็ แรง มปี ระชากรชนั โรงหนาแนน่ มกี ารสะสมอาหารและนา�้ หวานไวภ้ ายใน รังจา� นวนมาก มีการสร้างเซลล์นางพญาและเซลลต์ วั ออ่ น 41

3. ตัดแบ่งกระเปาะเกสร กระเปาะน�้ำหวาน กระเปาะตัวอ่อน ประมาณ 1 ใน 3 ของรังเดิมถ้าพบ ไขน่ างพญาให้ตดั มาด้วย และให้มตี วั เตม็ วัยของชนั โรงติดมาด้วย เพอื่ ทำ� หนา้ ทต่ี ่างๆ ในรงั ทแ่ี ยกใหม่ 4. ควรตรวจเช็คสว่ นที่แยกใส่รงั ใหม่ ใหแ้ น่ใจว่าไมม่ ีตัวนางพญาชนั โรงเต็มตวั ออกมาดว้ ย 5. หลังจากน้ันจะเกิดขบวนการสร้างนางพญาชันโรงตัวใหม่ ตามธรรมชาติ โดยจะมีโอกาสท่ีจะประสบ ความส�ำเร็จในการแยกขยายรงั ชันโรงประมาณ 30 – 40 % 6. ช่วงเวลาท่ีแยกขยายรงั ชนั โรง คอื ช่วงฤดดู อกไมบ้ าน มีการสะสมอาหารไวภ้ ายในรังเป็นจำ� นวนมาก และภายในรังได้มกี ารสรา้ งชนั โรงตัวผู้จำ� นวนมากส�ำหรบั การผสมพนั ธก์ุ ับนางพญาชันโรงตวั ใหม่ การเลอื กรงั หรอื กลอ่ งเลยี้ งชนั โรง 1. หาง่าย ราคาไม่แพง ใช้ประโยชน์ไดด้ ี สะดวกในการปฏบิ ัตงิ าน 2. รกั ษาอุณภมู ไิ ด้คงที่และคงทนต่อสภาพแวดลอ้ มภมู ิอากาศ 3. ชนั โรงแต่ละชนดิ มีการสร้างรังขนาดแตกต่างกนั จ�ำเป็นต้องมีขนาดรังตามชนดิ ของชนั โรง 4. สามารถทำ� การแยกขยายได้งา่ ย สะดวกในการปฏบิ ัติงาน 5. สามารถสังเกตดพู ฤตกิ รรมของชนั โรงได้ง่ายและสะดวก การจดั การรงั นอกจากจะตอ้ งสำ� รวจดคู วามเหมาะสม สถานทต่ี ง้ั รงั บรเิ วณรอบๆ สถานทพ่ี ชื อาหาร ศตั รขู องชนั โรง ความ ปลอดภยั จากสารเคมี รวมทง้ั สภาพลมและการจดั การรงั ควรดำ� เนินการดงั น้ี 1. ควรมีขาตัง้ รังเพือ่ ปอ้ งกนั มดได้ โดยทาน้�ำมันข้ีโล้ที่ขาตัง้ หรอื ท�ำท่แี ขวน 2. บรเิ วณทีต่ ัง้ ควรมีพืชอาหารเพยี งพอ และสมดุลกับปริมาณของชันโรง 3. วางรังชนั โรงใหก้ ระจายครอบคลมุ พนื้ ท่ี เพอื่ ประสทิ ธภิ าพในการหาอาหารและผสมเกสร 4. ควรตรวจสภาพรังอยา่ งนอ้ ยเดือนละ 1 คร้งั เพ่ือตรวจดูปริมาณการเจรญิ เติบโต สภาพความสมบรู ณ์ ของอาหารและศัตรูชันโรงกรณีการเจริญเติบโต สภาพความสมบูรณ์ของอาหารและศัตรูชันโรงกรณี ถ้าอาหารไมเ่ พียงพอตอ้ งเคลื่อนยา้ ยไปในทีท่ เี่ หมาะสม 42

คะนงึ โพธิกจิ นายคะนึง โพธิกิจ เป็นเกษตรกรจากต�ำบลแสนตุ้งอ�ำเภอเขาสมิง จังหวัดตราด เจ้าของสวนปาล์ม 1,760ต้น เร่ิมปลูกปาล์มน้�ำมัน ตั้งแต่ปี 2549 ประสบความส�ำเร็จในการท�ำสวนปาล์มน�้ำมันด้วย ความคิดท่ีว่า “อยากลองเป็นเกษตรกรที่มีเงินเดือน” จึงลองผิด ลองถกู คน้ คว้าศึกษาดว้ ยตัวเองและหม่นั หาความรูเ้ พ่ิมเตมิ อย่เู สมอ พ่ีคะนึงกล่าวว่าการปลูกปาล์มใช่เร่ืองยากแต่การให้ผลผลิตต่อ ทะลายน�้ำหนักได้ยากกว่า ซ่ึงผลผลิตจะส่งไปขายยังบริษัทสุข สมบูรณน์ �ำ้ มนั ปาลม์ และไทยอิสเทริ น์ ปจั จุบนั รายได้ของพค่ี ะนงึ อยู่ ท่ี 200,000 บาท ตอ่ เดอื น 43