Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore การไม่คบคนพาลและการคบบัณฑิต

การไม่คบคนพาลและการคบบัณฑิต

Description: การไม่คบคนพาลและการคบบัณฑิต.

Search

Read the Text Version

แกลาะรกไมาร่คคบบคบนัณพฑาลิต หนังสือสอนพระพทุ ธศาสนาแกเ่ ด็ก ร.ท. วชั ระ คงอดิศักด์ิ แต่ง ได้รับพระราชทานรางวัล ชั้นที่ ๑ ในการประกวดประจำ�พทุ ธศักราช ๒๕๐๓

“…การศกึ ษานบั เปน็ กระบวนการอนั ส�ำ คญั ยง่ิ ในการสรา้ ง และพัฒนาเยาวชนให้เติบโตข้ึน เป็นทรัพยากรบุคคลที่มีคุณภาพ ของบ้านเมือง ทั้งนี้ เพราะการจัดการศึกษาที่ดีนั้น นอกจากจะ ท�ำ ใหบ้ คุ คลมวี ชิ าความรเู้ พยี งพอทจี่ ะออกไปประกอบอาชพี การงาน แล้ว ยังช่วยพัฒนาคุณสมบัติที่สำ�คัญ ด้านอื่น ๆ ไม่ว่าจะเป็น คณุ ธรรมความประพฤติ ความฉลาดรใู้ นเหตผุ ล ความมวี จิ ารณญาณ ตลอดจน ความรบั ผดิ ชอบตอ่ ตนเองและสว่ นรวม ซง่ึ เปน็ คณุ สมบตั ิ ท่ีจำ�เป็นสำ�หรับการพัฒนาบ้านเมืองด้วย ผู้มีหน้าที่จัดการศึกษา ทกุ ฝา่ ยทกุ ระดบั จงึ ตอ้ งตระหนกั ถงึ ความสำ�คญั ในหนา้ ทแ่ี ละความ

รับผิดชอบของตนให้มาก แล้วมุ่งจัดการเรียนการสอนที่สามารถ พฒั นาเยาวชนใหม้ คี ณุ สมบตั ิที่ดพี รอ้ มทุกดา้ น…” พระราโชวาท สมเดจ็ พระเทพรัตนราชสดุ า ฯ สยามบรมราชกมุ ารี พระราชทานแก่นักเรียน นักศึกษา และผู้แทนสถานศึกษาท่ไี ดร้ ับ รางวลั พระราชทาน ประจำ�ปีการศึกษา ๒๕๕๔ ณ ศาลาดสุ ดิ าลัย วนั จนั ทร์ ท่ี ๒๓ กรกฎาคม ๒๕๕๕

พระพทุ ธรูปปางมารวิชยั สมัยสุโขทยั ในพระระเบียงพระอโุ บสถ วัดเบญจมบพติ รดสุ ิตวนาราม ราชวรวหิ าร กรงุ เทพมหานคร

คำ�นำ� สมเดจ็ พระเทพรตั นราชสดุ า ฯ สยามบรมราชกมุ ารี มพี ระ- ราชประสงค์ที่จะให้เด็กไทยสนใจศึกษาพระพุทธศาสนาให้มากขึ้น จึงมีพระราชบัญชาให้คัดเลือกหนังสือท่ีชนะการประกวดหนังสือ สอนพระพุทธศาสนาแก่เด็ก ท่ีพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรง พระกรุณาโปรดเกล้า ฯ ให้พิมพ์พระราชทานในงานพระราชพิธี วิสาขบูชา นับต้ังแต่ปีพุทธศักราช ๒๔๗๒ มาจัดพิมพ์ใหม่ เพ่ือ พระราชทานให้แกโ่ รงเรียนและหอ้ งสมุดตา่ ง ๆ สำ�นักงานโครงการสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา ฯ สยาม- บรมราชกมุ ารี ไดค้ ดั เลอื กหนงั สอื ทไ่ี ดร้ บั พระราชทานรางวลั ชน้ั ท่ี ๑ พุทธศักราช ๒๕๐๓ เร่ือง การไม่คบคนพาลและการคบบัณฑิต ซง่ึ แตง่ โดย ร.ท. วชั ระ คงอดศิ กั ด์ิ มาจดั พมิ พใ์ หม่ โดยมกี ารปรบั ปรงุ รูปแบบการพิมพ์เพ่ือให้น่าสนใจและเหมาะสมต่อเด็กและเยาวชน มากยิ่งขึ้น แต่ยังคงเน้ือหาสาระตามต้นฉบับเดิม และหวังเป็น อยา่ งยิ่งวา่ หนงั สือน้จี ะเป็นประโยชน์ตอ่ เดก็ เยาวชน และผสู้ นใจ ทว่ั ไป สมตามพระราชประสงคข์ องสมเดจ็ พระเทพรตั นราชสุดา ฯ สยามบรมราชกมุ ารี ส�ำ นกั งานโครงการ สมเดจ็ พระเทพรัตนราชสุดา ฯ สยามบรมราชกมุ ารี พุทธศักราช ๒๕๕๗

6

สารบญั บทน�ำ ๙ บทที่ ๑ ลกั ษณะคนพาล ๑๙ บทที่ ๒ การไม่คบคนพาล ๓๕ บทที่ ๓ ลกั ษณะของบัณฑิต ๔๗ บทที่ ๔ การคบบัณฑิต ๖๕ บทส่งท้าย ๗๙ 7

8

การ ไม่คบแคลนะพาล การคบบัณฑติ บทน�ำ เยน็ วนั อาทติ ยว์ นั หนง่ึ ขณะทน่ี ายเพม่ิ รกั วชิ า ก�ำ ลงั นง่ั อา่ น หนังสือพิมพ์อยู่ท่ีสนามหญ้าหน้าบ้าน เด็กชายเพียรผู้เป็นบุตร ได้นำ�นำ้�ส้มคั้นมาให้ นายเพิ่มรับแก้วนำ้�ส้มจากมือบุตรพร้อมกับ กล่าวคำ�ขอบใจ แล้วถามบุตรว่า “ที่พ่อส่ังเจ้าให้ย้ายต้นมะละกอ หลังครัว ไปปลูกข้างริมรั้วหลังบา้ น เจา้ ทำ�เสรจ็ แลว้ หรือ” 9

เดก็ ชายเพยี รตอบวา่ “ผมท�ำ เสรจ็ แลว้ ครบั พอยา้ ยมะละกอ ไปปลกู แลว้ ผมกม็ าชว่ ยคณุ แมล่ า้ งชาม เสรจ็ จากลา้ งชามกอ็ าบน�ำ้ แล้วคุณแมก่ ็ไดใ้ หผ้ มนำ�น�ำ้ สม้ มาให้คณุ พอ่ นี่แหละครับ” “เจ้าทำ�งานดมี าก พอ่ ขอชมเชย เจ้าท�ำ ใหพ้ อ่ แมท่ ้งั เบาแรง และเบาใจ ทว่ี า่ ทำ�ใหเ้ บาแรง คอื ได้ชว่ ยท�ำ งานบ้านเลก็ ๆ นอ้ ย ๆ เชน่ ถบู า้ นบ้าง ล้างชามบ้าง ทำ�ใหแ้ มข่ องเจา้ ไดเ้ บาแรง เพราะแม่ของเจ้า ทำ�งานหนักมาก ดีมากเลยลกู ไหนจะตอ้ งหุงข้าว ภูมิใจจงั ทำ�กับข้าว ไหนจะตอ้ ง เยบ็ ผ้ารบั จา้ งเขา ไหนจะตอ้ งเลย้ี งนอ้ ง ของเจ้าอีกคนหนึ่งซง่ึ ยังเล็กอยู่ เม่ือได้เจ้าช่วยทำ�งานบ้านบ้าง ก็เบาแรง นอกจากนี้เจ้ายัง ได้ช่วยพ่อทำ�สวนครัวปลูกผักรดนำ้�ผัก และทำ�สวนดอกไม้ ทำ�ให้ พ่อเบาแรงอกี ด้วย ลกู เอ๋ย บา้ นเรามีอยดู่ ้วยกันเพยี ง ๔ คน คอื พอ่ แม่ ตัวเจา้ และน้องของเจ้า ฐานะของเราก็ไม่ร่ำ�รวย พ่อทำ�งานเพียงแค่เป็น เสมียน เงินเดอื นก็ไมม่ าก เราจำ�เปน็ ตอ้ งช่วยกนั ท�ำ งาน 10

ดูแม่ของเจ้าซิ เวลากลางคืน ต้องอดตาหลับขับตานอน เยบ็ ผ้ารบั จ้างเขา เพอ่ื หารายไดเ้ ปน็ พิเศษ เราจำ�เปน็ ตอ้ งประหยดั การใชจ้ ่ายอย่างทสี่ ุด ที่เราต้องท�ำ สวนครัวปลกู ขา่ ตะไคร้ มะเขือไว้ ก็เพือ่ นำ�มา ใช้ทำ�กับข้าว ไม่ต้องไปซ้ือเขา และดอกไม้ท่ีเราปลูกไว้อย่างดอก กหุ ลาบ ดอกมะลิ กพ็ อขายได้เป็นเงนิ ชว่ ยค่ากบั ข้าวเหมือนกัน เพราะฉะน้ัน เจ้าอย่าได้คิดว่า การทำ�งานบ้านเป็นงานตำ่� ส่ิงไหนพอทำ�ได้ เราก็ท�ำ ชว่ ยตัวเราเอง ไมต่ ้องไปจ้างคนมาทำ�ช่วย ใหเ้ ปน็ การส้นิ เปลอื งโดยใชเ่ หตุ ทว่ี า่ เจา้ ท�ำ ใหพ้ อ่ แมเ่ บาใจ เพราะเจา้ เปน็ คนวา่ นอนสอนงา่ ย และไม่เป็นคนเกเร พ่อแม่จึงรู้สึกเบาใจ ขอให้เจ้ารักษาความดีนี้ ไว้ตลอดไปเถิดลูกเอ๋ย แล้วงานบ้านที่ทางโรงเรียนให้มาล่ะ เจ้าทำ� เสร็จแล้วหรอื ” “ผมท�ำ เสรจ็ เรยี บรอ้ ยแลว้ ตง้ั แตเ่ มอ่ื เยน็ วานนค้ี รบั ” เดก็ ชาย เพยี รตอบ “ถา้ อยา่ งนน้ั กด็ แี ลว้ เวลาน้ีเจา้ ก�ำ ลงั ว่าง น่งั คุยกบั พ่อกอ่ น ก็แล้วกัน” นายเพ่ิมพูด แล้วเด็กชายเพียรก็ทรุดตัวลงนั่งท่ีพ้ืน สนามหญา้ ใกล้ ๆ บิดา เม่อื บตุ รนงั่ ลงเรียบร้อยแล้ว นายเพ่มิ ถาม ข้นึ ว่า “เจ้ามเี ร่อื งสงสยั อะไร ทจ่ี ะถามพอ่ บ้างหรือไม”่ 11

ทํำ�ไมตอ้ งยา้ ย เด็กชายเพยี รตอบว่า ตน้ มะละกอครับ “มคี รบั คุณพ่อ ท�ำ ไมคุณพอ่ จงึ ใหผ้ ม ยา้ ยต้นมะละกอ จากหลังครัวละ่ ครบั มันขนึ้ ของมันเอง กำ�ลังงามทีเดียว ไม่ต้องย้ายมัน ไมไ่ ดห้ รือครับ” นายเพิ่มยิ้มด้วยอารมณ์ดีและพูดว่า “เจ้าสงสัยอย่างนี้ ก็ดีแล้ว เพราะพ่อเองตอนสั่งให้เจ้าย้ายต้นมะละกอ ก็ลืมอธิบาย เหตุผลให้เจ้าฟัง เราเป็นเด็ก เม่ือผู้ใหญ่ใช้ทำ�อะไร เมื่อไม่เข้าใจ เหตผุ ล กค็ วรไตถ่ าม เพ่อื จะไดเ้ ขา้ ใจเหตผุ ล มีเหมือนกัน เด็กบางคน ยังไม่ทันได้ถามเหตุผล ก็หาว่า ผู้ใหญ่ส่ังทำ�งานผิด หรือว่าผู้ใหญ่สั่งทำ�งานตามอารมณ์อย่างนี้ก็มี ขอให้เจ้าจำ�ไว้ว่า ผ้ใู หญ่สงั่ ท�ำ อะไร ท่านมักจะมีเหตุผล ไมไ่ ดส้ ั่งท�ำ อะไรตามอารมณ์ ทพ่ี อ่ สง่ั ใหเ้ จา้ ยา้ ยตน้ มะละกอหลงั ครวั เหตผุ ลกค็ อื มะละกอต้นน้ี ถ้าขืนปล่อยไว้ท่ีเดิมของมัน ตามที่มันเกิดมาเอง นับวันแต่มันจะได้รับอันตราย ไม่ช้ามันก็จะเฉาตาย เราก็จะไม่ได้ กินลูกมนั 12

เพราะอะไร ? เพราะอากาศกอ็ ับช้นื ได้แสงแดดไม่พอ และมหิ น�ำ ซ�ำ้ บางครัง้ ยงั ถูกนำ�้ รอ้ นหรอื ถา่ นไฟ ทเ่ี ทลงจากครัวอกี พ่อมีเหตุผลอยา่ งน้ี จึงได้บอกลกู ย้ายตน้ มะละกอ ไปปลูกทร่ี มิ ร้ัว เพราะที่ตรงนั้นไม่มีอันตรายสำ�หรับต้นมะละกอ มันจะ ได้รับอากาศสดช่ืน ได้รับแสงแดดเพียงพอ และที่ดินตรงน้ันก็เป็น ปยุ๋ ดี เจา้ คอยดกู แ็ ลว้ กนั อกี ไมก่ ว่ี นั มะละกอตน้ น้ี จะเตบิ โตผดิ กวา่ แต่ก่อนมากทีเดียว เจ้าเข้าใจเหตุผลที่พ่อให้ย้ายต้นมะละกอดีแล้ว ไมใ่ ชห่ รือ” “ครับคุณพ่อ ผมเข้าใจเหตุผลดีแล้ว และต้นไม้อ่ืนล่ะครับ จะเป็นเหมือนต้นมะละกอไหมครับ สมมติว่า ต้นมะขามเกิดขึ้น ทีห่ ลงั ครัวบา้ ง มันจะเฉาตายอยา่ งต้นมะละกอไหมครบั ” เด็กชาย เพยี รถาม “เหมือนกันแหละลูก จำ�พวกพืชทุกอย่าง ไม่ว่าจะเป็น ต้นมะละกอ ต้นมะขาม ต้นดอกไม้หรือหญ้า ถ้าเกิดมาแล้ว ได้ สง่ิ แวดลอ้ มไมด่ ี เช่น ได้อากาศไมด่ ี ได้แสงแดดไมด่ ี ไดพ้ ้นื ทีไ่ ม่งาม 13

หรือได้รบั อันตราย เชน่ ถูกนำ้�รอ้ นลวก หรอื ถูกถ่านไฟสาดใส่ กจ็ ะ ไม่เจรญิ เตบิ โต หรอื อาจจะเฉาตายก็ได้ รวมความวา่ สง่ิ แวดลอ้ มมคี วามจ�ำ เปน็ มากส�ำ หรบั พชื ถา้ ได้ ส่ิงแวดล้อมดี พืชก็จะเจริญเติบโต ตรงกันข้าม ถ้าได้ส่ิงแวดล้อม ไม่ดี พืชกจ็ ะเฉาและไมเ่ จรญิ เติบโต สง่ิ แวดลอ้ มไมใ่ ชม่ อี ทิ ธพิ ลเฉพาะแตก่ บั พชื เทา่ นน้ั แมค้ นเรา สิ่งแวดล้อมก็มีอิทธิพลอยู่มากเหมือนกัน แต่สิ่งแวดล้อมของคน กับพืชไมใ่ ช่อย่างเดียวกนั สง่ิ แวดล้อมของคน ไม่ใชแ่ สงแดด ไม่ใชป่ ยุ๋ ดี ดินดี แต่หมายถงึ คนดว้ ยกนั เอง เพราะคนเราจะอยู่ ในทา่ มกลางความแวดล้อม ของคนตลอดเวลา ตัง้ แตเ่ กิดจนตาย ไม่มีใครสามารถอยู่คนเดียวโดดเดี่ยวในโลกได้ เม่ือเล็ก ๆ อยู่ เราอยู่ในความแวดล้อมของพ่อแม่ และในความแวดล้อมของ คนทอ่ี ยู่ในบ้าน เชน่ พ่ีนอ้ ง หรือป่ยู ่า ตายาย เมอ่ื เติบโตขนึ้ มากม็ ี เพ่ือนเลน่ ไปเขา้ โรงเรียนกม็ เี พือ่ นทโ่ี รงเรยี น เมื่อเป็นผ้ใู หญ่ท�ำ งาน อาชีพ กม็ เี พื่อนร่วมงานร่วมอาชพี 14

คนท่ีแวดล้อมเราอยู่น้ีมีอิทธิพลต่อชีวิตของเรามาก เพราะ อาจจะท�ำ ใหเ้ ราเสยี คนกไ็ ด้ หรอื อาจจะท�ำ ใหเ้ ราเปน็ คนดกี ไ็ ด้ ขอให้ สงั เกตดู บางคนเมอ่ื กอ่ นเคยเปน็ คนดี เอาใจใสก่ ารเลา่ เรยี นดี ความ ประพฤติดี เป็นคนว่านอนสอนง่าย แต่พอไปคบเพ่ือนเข้า ก็เลย กลายเปน็ คนเสยี การเลา่ เรยี นกไ็ มส่ นใจ ความประพฤตไิ มด่ ี เปน็ คน ว่ายากสอนยาก น่ันเป็นเพราะถูกเพ่ือนชักจูงให้กลายเป็นคนเสีย เจ้าคงจะรู้ข่าวเรื่องประเสริฐลูกของลุงประสิทธ์ิ เมื่อก่อนอยู่ท่ีบ้าน เป็นเด็กดีไม่มีใครสู้ได้ เรียนหนังสือก็เก่ง สอบได้ท่ีหนึ่งทุกคร้ัง ความประพฤติก็เรยี บรอ้ ย ใคร ๆ กร็ ักและชมเชย ไปเทยี่ วดกี วา่ ประเสริฐ แตพ่ อไปอยทู่ กี่ รงุ เทพฯ ไดย้ งั ไมถ่ งึ ปเี ลยกลายเปน็ คนละคน ไมใ่ ชป่ ระเสรฐิ คนเดมิ เสยี แลว้ แมแ้ ตส่ อบซอ่ มกส็ อบตก เขาไมส่ นใจ เร่ืองเรยี น เอาแตเ่ ทย่ี วเตร่ 15

เมื่อวานนี้ลุงประสิทธ์ิมาเล่าให้ฟังว่า เวลาน้ี ประเสริฐถูก เจ้าหน้าที่ตำ�รวจจับเข้าค่ายคุมขังเด็กแล้ว เพราะสมคบกับเพื่อน วิ่งราวสร้อยคอของเด็กหญิงคนหน่ึง ท่ีประเสริฐกลายเป็นคนเสีย อย่างน้ี ก็เพราะได้ส่ิงแวดล้อมไม่ดี คือไปคบเพ่ือนไม่ดีเข้า จึงถูก เพอ่ื นชกั น�ำ ไปในทางผดิ ถา้ ประเสรฐิ ไดส้ ง่ิ แวดลอ้ มดี คอื คบเพอ่ื นดี แล้ว จะไม่เสียคนอยา่ งนัน้ เลย ขอ้ นท้ี ำํ�อยา่ งนน้ี ะ เชดิ ดูบุญเชิดลูกของคุณชิตเป็นไร ไปอยู่กรุงเทพฯ พร้อมกับ ประเสริฐ ไปไดเ้ พอ่ื นดี เพ่ือนคอยช่วยเหลอื สนับสนนุ เหน็ บุญเชิด อ่อนวิชาไหนก็ช่วยสอนให้ และความประพฤติของเพื่อนแต่ละคน 16

ล้วนแต่ดีท้ังน้ัน บุญเชิดจึงกลายเป็นคนดี และเรียนเก่งกว่าอยู่ท่ี บ้านมาก คุณชิตภมู ใิ จกบั ลูกชายคนน้ีมาก เจา้ คงเห็นแล้วว่า การคบคนมีท้ังผลดีผลเสีย เพราะฉะน้นั ในทางพระพุทธศาสนา พระพุทธเจ้าสอนให้เลือกคบคน คือไม่ให้ คบคนช่ัว ให้คบแต่คนดี ดังท่ีตรัสไว้ว่า “การไม่คบคนพาล และ การคบบณั ฑิต เป็นมงคล” ทว่ี า่ ไมค่ บคนพาล คอื ไมค่ บคนชว่ั คบบณั ฑติ คอื คบคนดี เปน็ มงคล คอื เปน็ ความเจรญิ กา้ วหนา้ เพราะฉะนน้ั หากใครท�ำ ตาม ท่พี ระพทุ ธเจ้าสอนได้ คอื ไมค่ บคนพาล คบแตบ่ ณั ฑิต จะประสบ ความเจรญิ ก้าวหน้าไม่ตกตำ�่ เลย พอ่ จะอธบิ ายเรอื่ งการไมค่ บคนพาลและคบบณั ฑติ ใหเ้ จา้ ฟงั วนั หลงั ถงึ เวลารบั ประทานอาหารแลว้ เราไปรบั ประทานอาหารกนั เถอะ เด๋ยี วแมเ่ จ้าจะคอย” แลว้ บดิ ากเ็ ดนิ น�ำ บตุ รขน้ึ เรอื น เขา้ หอ้ งรบั ประทานอาหาร 17

ค�ำ ถามประจ�ำ บท ๑. พชื จะเจรญิ เตบิ โตได้ ต้องอาศัย อะไรบา้ ง ? ๒. ๓. สงิ่ แวดลอ้ ม การคบหาสมาคมกบั สำ�หรับคนเรา คนอนื่ มคี วามจ�ำ เปน็ คอื อะไร ? อย่างไรบ้าง ? ๔. ๕. พระพุทธเจา้ สอนให้ การเลอื กคบ คนอยา่ งนนั้ ให้ผลดแี ก่ คบคนชนดิ ใด ตวั เราอยา่ งไร ? ไม่ใหค้ บคนชนิดใด ? 18

บท๑ท่ี คลนักพษณาะล เยน็ วนั อาทติ ยต์ อ่ มา ขณะทน่ี ายเพม่ิ ก�ำ ลงั นง่ั เลน่ อยทู่ ร่ี ะเบยี ง เรอื น เด็กชายเพียรคอ่ ย ๆ คลานเข้าไปนง่ั อยูใ่ กลบ้ ิดา ถามว่า “คณุ พอ่ ครบั ผมมเี รอ่ื งอยากถามคณุ พอ่ จะเปน็ การรบกวน คณุ พ่อเวลานี้ไหมครบั ” “มีเรื่องอะไร ถามพ่อเถอะ เวลาน้ีพ่อกำ�ลังว่างพอดี” นายเพ่มิ ตอบดว้ ยอารมณด์ ี “เม่ือเช้าน้ี ผมได้ยินวิทยุประกาศว่า ท่านนายกรัฐมนตรี จะจัดให้มีการแสดงโขนของกรมศิลปากร ถวายเจ้าหญิงอังกฤษ ท่ีเสด็จมาเย่ียมประเทศไทยชม ผมสงสัยว่า เจ้าหญิงท่านจะ ทอดพระเนตรโขนไทยเรารเู้ รื่องหรือครับ” เด็กชายเพยี รถามบดิ า 19

“เออ เจ้าเป็นคนช่างคิดช่างสงสัยดีมาก ท่ีทางการจัดให้มี การแสดงโขนถวายเจ้าหญิงอังกฤษชม พ่อว่าดีมาก เพราะเท่ากับ ได้อวดนาฏศิลป์ ซึ่งเป็นวัฒนธรรมของไทยให้คนต่างชาติได้เห็น เป็นการเผยแผ่วฒั นธรรมของเรา เจ้าไม่ต้องกลัวว่าเจ้าหญิงจะทอดพระเนตรโขนไม่รู้เรื่อง แม้จะทอดพระเนตรไม่ออกหมดทุกบททุกตอนอย่างคนไทยเรา แต่ก็จะรู้เรื่องอยู่มากทีเดียว เพราะเขาพิมพ์เรื่องท่ีโขนแสดงเป็น ภาษาองั กฤษ เล่าเรื่องยอ่ ๆ ทกุ ฉากทแ่ี สดง และกริ ิยาทา่ ทาง ของโขนแตล่ ะตัว ทแ่ี สดงน้ันแหละ จะท�ำ ใหเ้ จ้าหญิง เขา้ ใจเรื่องราวได้ แมจ้ ะไม่มใี คร กราบทลู ก็ตาม พอเหน็ หนา้ ตาเขา้ จะรทู้ เี ดยี ววา่ ตวั ไหนเปน็ ตวั โกง ตวั ไหน เปน็ ตวั พระตวั นาง อยา่ งพอเหน็ พวกยกั ษซ์ ง่ึ หนา้ ตาดรุ า้ ย จะรทู้ เี ดยี ว ว่าพวกน้ีเป็นตัวโกง พอเห็นพวกมนุษย์อย่างพระรามพระลักษมณ์ จะรู้ทีเดียวว่าเป็นตัวพระ ย่ิงทอดพระเนตรการฟ้อนรำ�ประกอบ ทา่ ทาง จะร้ทู เี ดียววา่ ตอนไหนเปน็ บทโศก บทรกั บทรบ เพราะฉะน้ัน เจ้าไม่ต้องเป็นห่วงว่าเจ้าหญิงอังกฤษจะ ทอดพระเนตรโขนไมอ่ อกดอก พดู ถงึ เรอ่ื งการแสดงโขนแลว้ ท�ำ ใหพ้ อ่ นกึ ถงึ เรอ่ื งทพ่ี ดู กบั เจา้ เมือ่ วันอาทิตยท์ ่ีแล้ว เจา้ จำ�ได้หรือไม่ พ่อพูดเรอ่ื งอะไรค้างไว้” 20

“เรอ่ื งการไมค่ บคนพาล และการคบบณั ฑติ ครบั คณุ พอ่ วา่ จะเล่าเรื่องนี้ให้ผมฟัง ผมก็กำ�ลังอยากฟังเร่ืองน้ีต่ออยู่ทีเดียวครับ พดู ถงึ เรอ่ื งโขน ท�ำ ไมคณุ พอ่ ไปนกึ ถงึ เรอ่ื งนน้ั ละ่ ครบั มนั เกย่ี วกนั ได้ อยา่ งไรครับ” เดก็ ชายเพยี รถามบดิ า “เกย่ี วกนั ไดอ้ ยา่ งดที เี ดยี วลกู เอย๋ คอื คนชว่ั ทเ่ี รยี กวา่ คนพาล จะมีลักษณะท่าทางบอกว่าเป็นพาล แม้ไม่มีใครบอก เราก็รู้เอง เหมอื นตัวยักษ์ ส่วนคนดี ทเ่ี รยี กวา่ บัณฑิต ก็มลี กั ษณะท่าทางบอกว่าเปน็ บณั ฑติ เหมอื นพระลกั ษมณพ์ ระรามในเรอ่ื งโขน ในชน้ั แรกน้ี พอ่ จะ พดู เรอ่ื งลกั ษณะของคนพาลเสียกอ่ น การดูคนว่าใคร เอาเลม่ น้ดี กี วา่ เปน็ คนพาล หรือคนไมด่ ี เปน็ เรอ่ื งยากมาก ดยู ากกว่าส่ิงของ เพราะส่งิ ของต่าง ๆ นั้น ถา้ เปน็ ของเสียหรือของไมด่ ี เราดงู ่าย เพราะมที างสังเกตได้งา่ ย อยา่ งเราไปซอ้ื สมดุ สมดุ เลม่ ไหนไมด่ ี จะมรี อยขาดหรอื มรี อย เปรอะเปื้อนให้เราเห็น ถ้าเราเห็นเล่มไหนไม่ดี เราก็ไม่ซื้อ ขนมก็ เหมือนกัน ขนมท่ไี ม่ดี กล่นิ บูดของมันจะออกมา ดินสอปากกาก็ เหมอื นกนั เราจะรวู้ า่ อนั ไหนไมด่ ี กด็ ทู ย่ี ห่ี อ้ ของมนั กจ็ ะรวู้ า่ อนั ไหน ปลอม 21

สว่ นการดคู นไมด่ ี ยากกวา่ ดสู ง่ิ ของทไ่ี มด่ เี ปน็ ไหน ๆ ทว่ี า่ ยาก กเ็ พราะลกั ษณะของคนไมด่ นี น้ั เราจะดเู พยี งผวิ เผนิ เฉพาะแตภ่ ายนอก ไม่ได้ คอื จะดเู ฉพาะการแต่งตวั เหน็ ใครแตง่ ตวั ไม่สวย เจา้ คงเจบ็ มากสินะ ใช้เสื้อผ้าไม่ดรี าคาถกู จะวา่ เป็นคนไมด่ ยี งั ไม่ได้ เพราะคนแต่งตวั ไม่ดนี ั้น เป็นคนดีก็มีมาก หรือจะดูท่ีรูปร่างหน้าตา เห็นใครรูปร่างหน้าตาไม่ดี เช่น หน้าตา ขี้ร้ิวข้ีเหร่ แขนขาพิการ จะถือว่าเขาเป็นคนไม่ดียังไม่ได้ เพราะ คนรูปร่างหน้าตาไม่ดี เป็นคนดีก็มีอยู่มากเหมือนกัน ไม่เหมือน ตัวโขนที่เราเห็น เพราะโขนน้ัน ใครจะแสดงเป็นตัวผู้ร้าย เขาก็มี หวั ยกั ษ์ท่หี น้าตาดรุ า้ ยใหส้ วม สว่ นคนเรา ใครเปน็ คนพาล เขาไมม่ ปี า้ ยตดิ บอก เพยี งแตด่ ู ลักษณะหน้าตารูปร่าง ก็ดูกันไม่ออก เพราะการดูคนไม่ออกนี่เอง จึงทำ�ให้เสยี คนกันมาก บางคนเหน็ วา่ เขาเปน็ คนเหมอื นกบั เรา หนา้ ตาเขากด็ ี การ แต่งตัวกด็ ี กเ็ ลยหลงคบเขา ในทีส่ ดุ ก็เสียคนเพราะหลงคบคนผิด เพราะฉะนน้ั จงึ วา่ การดคู นพาล เปน็ เรอ่ื งยาก จะดแู ตเ่ พยี ง ผวิ เผนิ คอื ดแู ตเ่ พยี งภายนอก เชน่ ดกู ารแตง่ ตวั หรอื รปู รา่ งหนา้ ตา จะไม่ทำ�ใหเ้ รารวู้ า่ ใครเปน็ คนพาล ต้องใช้หลักของพระพทุ ธเจา้ จงึ จะดรู วู้ ่าใครเป็นคนพาล 22

เสร็จเราแน่ คือ พระพทุ ธเจ้า ท่านสอนให้ดูท่ี ความประพฤตขิ องเขา คนไหนมีความประพฤติช่วั ถึงแม้รปู รา่ งหนา้ ตาดี แต่งตวั ดอี ยา่ งไร ทางศาสนากถ็ อื วา่ เป็นคนพาลท้ังนั้น ความประพฤตชิ ว่ั ของคนพาล จะแสดงออกมาในรปู ลกั ษณะ ๓ อย่าง คอื ๑. ท�ำ ช่ัว ๒. พดู ช่ัว ๓. คิดช่วั ที่ว่าทำ�ชวั่ คอื ท�ำ ทุจรติ ผดิ ศีลธรรม ๓ อยา่ ง ๑. ฆา่ สตั ว์ ๒. ลักทรัพย์ ๓. ท�ำ ผดิ ประเวณี ทำ�ช่ัวข้อที่ ๑ ฆ่าสัตว์ คือ ทำ�ลายชีวิตของผู้อ่ืน ท้ังสัตว์ เดรัจฉานและมนุษย์ การฆ่าผู้อื่นเป็นการผิดศีลธรรม เพราะทาง ศาสนาสอนคนไมใ่ หฆ้ า่ กนั ใหเ้ คารพชวี ติ ของกนั โดยค�ำ นงึ วา่ ไมว่ า่ คนหรือสัตว์ รักชีวิตมากท่ีสุด กลัวความตายมากที่สุด เพราะ คนเรารกั ชวี ติ มากนเ่ี อง จงึ พยายามบ�ำ รงุ รกั ษาชวี ติ เชน่ หาอาหาร รบั ประทานบา้ ง หาเครอ่ื งนงุ่ หม่ มาปกปดิ รา่ งกายบา้ ง หาบา้ นเรอื น อยู่บ้าง และเพราะกลัวความตาย คนเราจึงพยายามหาทางต่อสู้ กับความตาย เช่น เจ็บป่วยก็หายากิน หรือไปหาหมอให้ตรวจ รักษาโรค เพราะฉะน้ัน คนที่ไปทำ�ลายชีวิตเขา จึงเรียกว่าทำ�ช่ัว เพราะขาดความเมตตากรณุ า และกอ่ ความเดือดร้อนแกผ่ ู้อ่นื 23

ทางศาสนาไม่ห้ามแต่เพียงฆ่าเท่าน้ัน ยังห้ามไปถึงการ กระทำ�ต่าง ๆ ท่ีเป็นไปเพื่อเบียดเบียนชีวิตเขา เช่น ข่มเหงคนท่ี ส้ไู มไ่ ด้ หรอื ข่มเหงสัตว์เดรจั ฉาน ทรมานสัตว์โดยวิธตี ่าง ๆ เชน่ กดั ปลาบ้าง ชนไกบ่ ้าง กัดจ้งิ หรดี บา้ ง กกั ขังสตั วบ์ ้าง ใช้งานสตั วเ์ กนิ ก�ำ ลังบ้าง คนทเี่ บยี ดเบยี นผู้อน่ื อยา่ งนี้ เรยี กว่า ทำ�ชว่ั เหมือนกนั ทำ�ช่ัวข้อที่ ๒ ลักทรัพย์ หมายถึง การแสวงหาทรัพย์ใน ทางทจุ ริตทกุ อย่าง เช่น ขโมยทรัพยเ์ ขาบ้าง โดนขโมยหมดเลยน่ะ ปลน้ ทรพั ยบ์ า้ ง โกงบ้าง การลักทรพั ย์ เปน็ การท�ำ ชั่ว เพราะทำ�ผิดหลักศาสนาท่สี อนคนไม่ให้ลักทรัพย์กัน เพราะทุกคน รักทรัพยส์ มบตั ขิ องตน ไมอ่ ยากให้ใครมาขโมยเอาไป เม่อื ถกู ขโมย ทรพั ยก์ เ็ สยี ใจ ให้สงั เกตดูเดก็ ๆ เมอื่ ถกู ขโมยทรัพย์ เชน่ ถูกขโมย ปากกา ดินสอ จะรู้สึกเสียใจและนึกเสียดายของ บางทีถึงกับ ร้องไหก้ ม็ ี เพราะฉะน้นั คนทข่ี โมยทรพั ย์ จึงเรียกวา่ ทำ�ชั่ว 24

ทำ�ชั่วข้อที่ ๓ ทำ�ผิดประเวณี คือ ทำ�ผิดในเรื่องความรัก เช่นเป็นชายไปทำ�ชู้ผิดลูกเมียเขา เป็นหญิง ก็ไปทำ�ชู้ผิดลูกผัวเขา การท�ำ ผดิ ประเวณอี ยา่ งน้ี เปน็ การท�ำ ชว่ั เพราะผดิ หลกั ในทางศาสนา ที่สอนให้คนเคารพผัวเมียคนอื่น ไม่ให้ทำ�ลายน้ำ�ใจเขา เพราะการ ผิดผัวผิดเมียเป็นการทำ�ลายนำ้�ใจกัน เด็ก ๆ เวลานี้ยังไม่รู้ดอกว่า คนท่ีเป็นผัวเมียกันน้ัน เขารักกันมากเพียงใด แต่เม่ือเติบโตเป็น ผู้ใหญ่ภายหนา้ ไปมผี วั มีเมยี จึงจะรู้ ถา้ จะเปรยี บใหเ้ หน็ ง่าย ๆ ความรักระหวา่ งผวั เมยี เหมอื นเรามี ตุก๊ ตาซ่ึงรักมาก เวลาใครมา ยื้อแยง่ เอาไป จะทำ�ให้เราไมพ่ อใจ บางทีถึงกับวิ่งไปตบตีคนท่ีมาแย่ง คนที่เป็นผัวเมียกันก็ เหมอื นกนั เขารกั ผวั รกั เมยี ของเขามาก เมอ่ื ถกู ใครยอ้ื แยง่ ความรกั ไป จะเกดิ ความไมพ่ อใจ บางทีถงึ กบั เกิดเรื่องวิวาทฆ่าตีกัน เพราะฉะนัน้ คนทท่ี �ำ ผิดประเวณจี งึ เรียกว่าทำ�ช่วั เจ้าจงรู้ไว้เถิดว่า คนที่ทำ�ชั่วผิดศีลธรรม ๓ อย่างนี้ ทาง ศาสนาก็เรียกว่า เป็นคนพาล นอกจากคนเราจะเป็นพาลเพราะ การกระท�ำ ชว่ั แลว้ ยงั เปน็ คนพาลเพราะพดู ชัว่ อกี ดว้ ย ท่ีวา่ พูดชว่ั คือ พูดผิดศลี ธรรม ๔ อยา่ ง ๑. พดู โกหก ๒. พดู สอ่ เสยี ด ๓. พูดคำ�หยาบ ๔. พูดเพอ้ เจอ้ 25

พดู ชว่ั ขอ้ ท่ี ๑ คอื พดู โกหก ไดแ้ ก่ พดู ไมต่ รงความจรงิ เชน่ ไมป่ ่วยก็บอกวา่ ปว่ ย สอบไม่ได้ ก็เอาใบสทุ ธปิ ลอมไปอา้ งว่าสอบได้ ไม่มกี ็บอกวา่ มี เหลา่ นี้เป็นตน้ คนพูดโกหก เรยี กวา่ พดู ชัว่ เพราะ พดู ผดิ หลกั ศาสนาทส่ี อนคนไมใ่ หพ้ ดู โกหกกนั ใหพ้ ดู ความจรงิ ตอ่ กนั คนพดู โกหกจะได้รับความเสยี หาย คอื มวี าจาไมน่ ่าเชอ่ื จรงิ อยู่ เมอื่ ไปพูดโกหก คะแนนผม ดีม้ัยครบั พอ่ ตอนแรก ๆ คนอาจจะเชือ่ แต่เมื่อเขาร้ภู ายหลงั ว่าไปโกหกเขา เขาจะ ไม่ยอมเชอื่ ถืออีกตอ่ ไป และจะประณามคนพูดโกหก วา่ เปน็ คนเหลาะแหละหลอกลวง อย่างคนท่ีไปยืมเงินเขา กำ�หนดว่าใช้วันน้ันวันน้ี แต่พอถึง ก�ำ หนดกไ็ มย่ อมใชใ้ ห้ ผดั ไปวนั โนน้ วนั น้ี คนอยา่ งนเ้ี ปน็ คนเหลวไหล มวี าจาเชอ่ื ไมไ่ ด้ เจา้ ของเงนิ จะใหย้ มื เงนิ เพยี งครง้ั เดยี ว ตอ่ ไปเขาจะ ไมย่ อมใหย้ มื อกี หรอื อยา่ งพอ่ คา้ แมค่ า้ ทพ่ี ดู โกหกขายของ ของไมด่ ี โกหกวา่ เปน็ ของดี พอลกู คา้ รคู้ วามจรงิ ภายหลงั จะไมย่ อมเขา้ รา้ นอกี เป็นครั้งที่สอง การพูดโกหกนน้ั แม้คนอ่นื จะจบั ได้หรอื ไม่ได้ก็ตาม คนพูด เปน็ ฝ่ายเสียทั้งนัน้ คอื เป็นคนเสยี สตั ย์ เพราะฉะนน้ั ค�ำ ขวัญของ ลกู เสือจงึ มีว่า “เสยี ชพี อยา่ เสยี สัตย์” เพอื่ เตอื นเดก็ ๆ ไม่ให้โกหก หลอกลวง และใหม้ คี วามสตั ยใ์ นตวั ฉะนน้ั คนพดู โกหก จงึ เรยี กวา่ พดู ชัว่ 26

พูดช่ัวข้อท่ี ๒ คือ พูดส่อเสียด ได้แก่ พูดยุแหย่ให้คน สองฝา่ ยแตกกนั เช่น เหน็ เพื่อนสองคนรกั ใครป่ รองดองกนั ดี กไ็ ป ยุแหย่คนโน้นว่าคนน้ีนินทา แล้วก็ไปยุแหย่คนน้ีว่าคนโน้นนินทา ในที่สดุ เพ่ือนสองคนกแ็ ตกกัน คนพดู สอ่ เสียด อย่างน้ี เรียกวา่ พูดช่ัว เพราะ พูดผดิ หลักศาสนา ทหี่ ้ามไมใ่ หพ้ ูดสอ่ เสียดกัน ให้พูดแต่ถ้อยคำ�ที่ทำ�ให้คนอ่ืนรักใคร่ปรองดองกัน คนพูดส่อเสียด ไม่เกิดประโยชน์อะไรแก่ตนเลย มีแตเ่ กิดความเสียหายแก่หมู่คณะ ขอให้คิดดูเถิด สมมติว่า โรงเรียนแห่งหน่ึงนักเรียนมีความ รกั ใครส่ ามคั คกี ันดี แต่มนี ักเรยี นคนหนง่ึ เที่ยวยุแหย่ใหเ้ ขาเหลา่ น้นั เกลียดชังกัน แบ่งเป็นพรรคพวกขึ้น ผลเสียหายอะไรจะเกิดข้ึน ก็คือ ความแตกแยกกันของนักเรียน เป็นผลเสียหายโดยตรงต่อ โรงเรียน หรอื อยา่ งประเทศไทยเราเวลานี้ คณะผูป้ กครองประเทศ รักใคร่กลมเกลียวกันดี แต่ถ้ามีคนไทยคนหนึ่งไปพูดยุแหย่ให้เกิด แตกกัน ผลเสียหายก็จะเกิดขึ้นแก่ชาติไทยที่รักของเรานี่เอง เพราะฉะนน้ั คนทพี่ ดู สอ่ เสยี ด จงึ เรยี กว่า พดู ชวั่ เชน่ ใชค้ พ�ำ สดู รชรว่ั พขนอ้ าทมี่แ๓ทนพตดู วั คต�ำ�ำ่ หๆยาพบดู วไาด่ แ้ กกู ่มพงึ ูดหครำ�อืหดยา่าวบา่ คคานยอตน่ื า่ ดงว้ ๆย ถอ้ ยค�ำ หยาบคายตา่ ง ๆ ตลอดถงึ พดู กระโชกโฮกฮาก ซง่ึ ฟงั ไมเ่ พราะหู คนพูดคำ�หยาบเรียกว่า พูดช่ัว เพราะพูดผิดหลักศาสนาที่สอนให้ พดู ไพเราะอ่อนหวาน 27

คนพดู ค�ำ หยาบ ทํำ�อะไร ไม่ได้ดงั่ ใจเลย ไมไ่ ด้ประโยชนอ์ ะไร แกต่ วั เองเลย ไดแ้ ต่ความเสยี หายแก่ตวั คือท�ำ ใหค้ นอนื่ เกลยี ดชงั ไมม่ ีเสนห่ ์ในตวั สมมติว่า เรามีเพื่อนอยู่สองคน คนหนึ่งพูดจาหยาบคาย ส่วนอีกคนหน่ึงพูดจาอ่อนหวานนิ่มนวล เราต้องรักคนที่พูดจา อ่อนหวานมากกว่า เพราะคำ�พูดหยาบคายฟังแล้วระคายหู ส่วน คำ�พูดอ่อนหวานฟังไพเราะหู ฟังแล้วอยากฟังอีก เพราะฉะน้ัน คนพูดคำ�หยาบ จึงเรยี กว่า พดู ชั่ว พูดช่ัวข้อที่ ๔ พูดเพ้อเจ้อ คือ พูดพล่อย ๆ หาสาระใน คำ�พูดไม่ค่อยได้ เช่น แทนท่ีจะพูดหรือเล่าแต่เรื่องที่มีเหตุผล มคี วามจรงิ อยา่ งพดู เรอ่ื งวชิ าทเ่ี รยี นในโรงเรยี น แตก่ ลบั น�ำ แตเ่ รอ่ื ง ประเภทเพ้อฝันซ่ึงเป็นเร่ืองเป็นไปไม่ได้มาพูด หรือไม่ก็พูดไม่ถูก กาลเทศะ คอื เรอื่ งไมค่ วรพดู กพ็ ดู อย่างนำ�เรอ่ื งคนอ่ืนมานินทาบา้ ง นำ�ความลับทางราชการมาพูดบา้ ง คำ�พดู ต่าง ๆ เหลา่ น้ี เป็นค�ำ พดู เพ้อเจ้อท้ังนัน้ คนพูดเพ้อเจ้อ เรียกว่า พูดชั่ว เพราะพูดผิดหลักศาสนา ท่สี อนคนใหพ้ ดู แตค่ ำ�ที่เป็นประโยชน์ 28

แมวท่ีบา้ นเรา พูดอะไรของเขาเนี้ยะ ออกลกู เป็นไข่ การพูดเพ้อเจอ้ ไม่เกดิ ประโยชน์ แกต่ ัวผู้พดู เลย มีแต่ทำ�ให้คนอื่น ดูถกู เหยียดหยาม เพราะคำ�พูดไม่มนี ้�ำ หนกั นา่ สนใจ ขอใหเ้ ราสงั เกตดเู ถดิ ถา้ มเี พอ่ื นคนหนง่ึ มาคยุ กบั เรา น�ำ แต่ เรอ่ื งเหลวไหลไรส้ าระมาเลา่ ใหเ้ ราฟงั เราจะรสู้ กึ อยา่ งไร คงนกึ ต�ำ หนิ อยใู่ นใจว่า เพ่ือนคนน้ีช่างเป็นคนพดู พลา่ มเหลอื เกนิ เพราะฉะนั้น คนพูดเพ้อเจอ้ จึงเรยี กว่า พดู ช่วั เจ้าจงรู้เถิดว่า ใครก็ตามท่ีพูดช่ัว ๔ อย่างน้ี เป็นคนพาล ไม่ควรคบ คนพาล นอกจากแสดงความชั่วออกมาทางการกระทำ� และค�ำ พูดดังกลา่ วแลว้ ยังแสดงความชั่วออกมาทางใจอีกดว้ ย การสงั เกตการณก์ ระท�ำ และค�ำ พดู ของคนอน่ื เราสงั เกตงา่ ย เพราะเปน็ เร่อื งภายนอก เห็นได้งา่ ย เพราะกายของเขาจะทำ�ชั่วให้ เราเห็น วาจาของเขาจะพดู ชัว่ ออกมาใหเ้ ราไดย้ ิน แต่ใจเปน็ เรื่องความคดิ ของเขา ใครจะคิดอะไร รู้แตเ่ ฉพาะ ตัวผู้คดิ เท่านนั้ คนอน่ื ไม่มีโอกาสจะรูไ้ ด้ ถงึ อยา่ งน้นั เราก็มีทางทจ่ี ะเรยี นรจู้ ติ ใจคนอ่นื ได้ดว้ ยสงั เกต ท่กี ารกระทำ�และคำ�พูดของเขา เพราะคนเราน้นั เม่อื คิดช่วั ก็แสดง ความคิดชว่ั ออกมาให้คนเหน็ ทางการกระทำ�และคำ�พูดของเขาเอง 29

เชน่ ไฟ เมอื่ มีไฟแล้ว กจ็ ะมคี วนั ไฟออกมาใหค้ นเห็น อยา่ งเวลาเกิดไฟไหม้ ไฟไหม้น่ี เราจะเหน็ ควนั พุง่ ขนึ้ ส่ทู ้องฟ้าเป็นกลมุ่ ใหญ่ แม้มองไม่เหน็ ไฟ เรากร็ ู้ทเี ดยี ววา่ ไฟไหม้ เพราะถ้าไมม่ ีไฟไหม้ ควนั จะมขี ึน้ ไม่ได้ คนเราก็เหมือนกัน แม้เรามองไม่เห็นใจของเขา แต่เมื่อเรา สงั เกตทก่ี ารกระท�ำ และค�ำ พดู ของเขากจ็ ะรทู้ เี ดยี ววา่ คนนน้ั มจี ติ ใจ เปน็ อยา่ งไร คนพาลนัน้ ใจของเขาจะคิดชวั่ ๓ อยา่ ง คอื ๑. คดิ อยาก ไดท้ รพั ย์ของคนอื่น ๒. คดิ พยาบาทปองรา้ ยคนอ่นื ๓. เห็นผดิ คิดอยากได้ทรพั ย์ของคนอน่ื น้นั คอื คิดอยากได้ทรัพย์แต่ ในทางทุจรติ เช่น คิดขโมย คดิ ปลน้ ขโมยเอาดกี วา่ คดิ โกง คนที่มคี วามคดิ อย่างน้จี ะแสดง อาการออกมา ใหเ้ รารจู้ าก คำ�พดู ของเขา คอื เวลาพูดคุยกบั ใคร จะพดู แตเ่ รอ่ื งการขโมย เรือ่ งปลน้ 30

และแสดงความนิยมชมชอบต่ออาชีพทุจริตเหล่านั้น ว่าดี อย่างนั้นอยา่ งนี้ นอกจากแสดงออกมาทางคำ�พูดแล้ว ยังแสดงออกมาทาง การกระทำ� เช่น ชอบคบค้าสมาคมกับพวกมิจฉาชีพ และศึกษา สนใจอย่กู ับงานของพวกมิจฉาชีพ เพอ่ื จำ�ตัวอยา่ งมาใช้ คดิ พยาบาทปองรา้ ยคนอน่ื คอื คดิ มงุ่ รา้ ยใหค้ นอน่ื ประสบ ความพนิ าศตา่ ง ๆ เชน่ มงุ่ ใหเ้ ขาฉบิ หาย มงุ่ ใหค้ นทเ่ี ขารกั เชน่ ลกู เมยี ฉบิ หาย มงุ่ ใหท้ รพั ยส์ มบตั ขิ องเขาฉบิ หาย อยา่ งนเ้ี รยี กวา่ คดิ มงุ่ รา้ ย ต่อผ้อู ่ืน คนทคี่ ดิ พยาบาทนี้ ไอ้นี่มนั ขเี้ ก๊ก จะแสดงลักษณะ ความพยาบาทออกมา ใหเ้ ราเหน็ จากคำ�พูด หรอื การกระทำ�ของเขา คอื เวลาพดู คยุ มักจะพูดใส่รา้ ยป้ายสี คนอนื่ ตลอดเวลา บางครั้งก็กล่าวคำ�สบถ คือ สาปแช่งคนอื่นออกมาให้เรา ได้ยิน และการกระทำ�ของคนมีพยาบาท จะเป็นไปในทางทำ�ลาย ผอู้ น่ื เชน่ ฆา่ ทำ�ร้าย ข่มเหง เหลา่ นี้เป็นต้น เห็นผิด คือ เหน็ ผดิ ท�ำ นองคลองธรรม ควรทำ�ความเขา้ ใจ คำ�วา่ “เหน็ ” เสียก่อน 31

ค�ำ ว่า เหน็ เปน็ กิริยาของตา ภาษาไทยเราใช้คำ�วา่ มองเห็น เช่น มองเหน็ สมดุ ดินสอ อยา่ งน้ีเรียกว่า ตาเราเห็น แต่คำ�ว่า เห็น ไม่ใช่ใช้เฉพาะเป็นกิริยาของตาอย่างเดียว ใช้เป็นกิริยาของใจก็ได้ ภาษาไทยเราใช้ว่า คิดเห็น อย่างพูดว่า มคี วามคดิ เหน็ อยา่ งนั้นอยา่ งน้ี เพราะฉะนั้น ทวี่ ่าคนเห็นผิด กค็ อื ใจคดิ เหน็ ผดิ คือเห็นผิด ไปวา่ บาปบญุ ไมม่ ี คณุ ของพอ่ แมค่ รอู าจารยไ์ มม่ ี ตลอดจนเหน็ ไปวา่ พระพทุ ธศาสนาไมม่ ีประโยชนอ์ ะไร ความเห็นอย่างนี้ เป็นความเห็นท่ีผิดแบบแผนประเพณี เพราะคนไทยเราส่วนมาก เห็นว่าบาปบุญมี ใครทำ�ดีก็เป็นบุญ ใแคลระทพ�ำ รชะ่ัวพกทุ เ็ ปธศ็นาบสานปาคกณุ ม็ ขปี อรงะพโย่อชแนมอ์ ค่ ยรา่ ูองาลจ�ำ้ าครา่ ย์มเพมี ราากะชจว่ึงยเคใาหรค้ พนทไทา่ นย เป็นคนมศี ีลธรรม อยูร่ ม่ เย็นเปน็ สขุ ตลอดมา คนที่มีความเห็นผดิ อย่างนี้จะแสดง ความเห็นผิดออกมา ทํำ�ดไี ดด้ ี ทํำ�ชว่ั ไดช้ ่ัวจรงิ ให้เราเหน็ ทางค�ำ พดู เฮอ้ ...น่าเบือ่ หรือการกระท�ำ ของเขา เช่น เวลาพดู มกั จะ แสดงความเห็นนอกลนู่ อกทาง 32

และการกระท�ำ กจ็ ะทำ�ในลักษณะทีน่ อกรตี นอกรอย เช่น ไมเ่ คารพต่อศาสนา ไมเ่ คารพพ่อแม่ ครูอาจารย์ ลูกรัก พ่อได้ช้ีแจงลักษณะของคนพาลหรือคนชั่วให้เจ้าฟัง แล้ว เมื่อสรุปแล้ว ลักษณะของคนพาลมีอยู่ ๑๐ อย่าง ทำ�ชั่ว ๓ อยา่ ง คือ ฆา่ สัตว์ ลกั ทรพั ย์ ท�ำ ผดิ ประเวณี พูดช่วั ๔ อยา่ ง คือ พดู โกหก พดู ส่อเสียด พดู ค�ำ หยาบ พูดเพ้อเจ้อ คดิ ชั่ว ๓ อย่าง คือ คดิ อยากไดท้ รพั ย์ของคนอ่ืน คดิ พยาบาทปองรา้ ย เห็นผิด เจ้าจะคบใคร ถ้าเห็นเขามีลักษณะ ๑๐ อย่างนี้อย่างใด อยา่ งหนง่ึ จงรเู้ ถดิ วา่ เขาเปน็ คนพาล จงหลกี เวน้ คนเหลา่ นใ้ี หห้ า่ งไกล อยา่ ไดค้ บค้าสมาคมด้วยเปน็ อนั ขาด เอาละลูก วันนี้เราหยุดคุยกันเสียที ดึกนักเดี๋ยวลูกจะง่วง ในหอ้ งเรยี น พอ่ มเี วลาวา่ งจะพดู เรอ่ื งทค่ี า้ งไวใ้ หเ้ จา้ ฟงั จนจบ” แลว้ บิดากับบตุ รกส็ วดมนตไ์ หว้พระ แยกกันเขา้ หอ้ งนอน 33

คำ�ถามประจ�ำ บท ๑. จะสงั เกตทตี่ รงไหน จงึ จะรวู้ า่ ใครเปน็ คนพาล ? ๒. ๓. สงิ่ ของไม่ดี กับคนไมด่ ี ทำ�อยา่ งไรทเ่ี รียกว่า อยา่ งไหนสงั เกตยากกวา่ ทำ�อย่างคนพาล ? กัน เพราะเหตไุ ร ? ๔. ๕. คนทช่ี อบพูดยแุ หย่ให้ คนท่มี ีความเห็นผดิ คนอน่ื แตกกนั จดั เข้าใน ทำ�นองคลองธรรมจัดเขา้ ลกั ษณะของคนพาล ในลักษณะของ ขอ้ ไหน ? คนพาลขอ้ ไหน ? 34

บท๒ท่ี คไนมกพค่ารบาล เยน็ วนั อาทติ ยต์ อ่ มา บงั เอญิ ตรงกบั วนั พระ นายเพม่ิ ไดเ้ รยี ก เด็กชายเพียรมาน่ังใกล้ ๆ เปิดวิทยุฟังเทศน์ ท้ังสองน่ังประนมมือ ฟงั เทศนจ์ นจบ เมื่อพระเทศน์จบแล้ว นายเพม่ิ ปิดวทิ ยุ แล้วพูดกับ บตุ รว่า “เจ้ามเี รือ่ งสงสยั อยากถามพอ่ บา้ งหรือไม”่ “มคี รบั คณุ พอ่ คอื ผมสงสยั เรอ่ื งคนพาลทค่ี ณุ พอ่ เคยพดู ให้ ฟงั ตง้ั แตเ่ มอ่ื วนั อาทติ ยท์ แ่ี ลว้ ผมไดใ้ ชห้ ลกั ๑๐ อยา่ งนน้ั ไปทดสอบ เพื่อนในช้ันเรียนเดียวกัน ในชั้นของผมมีเพื่อนนักเรียนคนหน่ึงชื่อ แก่น เปน็ พาลเกเรมาก ลักษณะเปน็ พาลเกือบครบ ๑๐ อยา่ ง เช่น มนี สิ ยั โหดรา้ ย ชอบขม่ เหงทะเลาะกบั คนอน่ื วาจากไ็ มส่ ภุ าพ คณุ พอ่ สอนผมไมใ่ ห้คบคนพาล แต่เมื่อมคี นพาลมาอย่รู ่วมชั้นเรยี นอยา่ งนี้ ผมกต็ อ้ งอยชู่ ้นั รวมกับเขา เท่ากบั คบกบั เขาใชไ่ หมครบั ” 35

“เจ้ายังเข้าใจเร่ืองการคบคนไม่ถูกต้อง เพราะพ่อเพียงแต่ ได้อธิบายลักษณะของคนพาลให้เจ้าฟัง แต่เร่ืองการคบคนพาล พ่อยังไม่ไดอ้ ธบิ าย พ่อจะอธิบายให้เจา้ ฟังเสยี เลยในวันน้ี พระพทุ ธเจา้ ทา่ นสอนไมใ่ หค้ บคนพาลทม่ี ลี กั ษณะชวั่ ประจ�ำ ตัว ๑๐ อย่าง ที่พ่ออธิบายให้เจ้าฟังแล้ว เจ้าควรทำ�ความเข้าใจ เรอ่ื งคบกบั ไมค่ บ เสียให้ถูกตอ้ ง การคบคนน้ัน หมายความว่า คบกันอยา่ งชนิดเป็นเพอื่ นท่ี รว่ มกนิ รว่ มนอน รว่ มเทย่ี วเตรด่ ว้ ยกนั อยา่ งเจา้ เรยี นหนงั สอื รว่ มชน้ั กับเจา้ แกน่ ท่ีเปน็ พาลเกเร ไมเ่ รียกวา่ คบกบั เขา เพราะไม่ไดค้ บกนั อยา่ งเพอ่ื น จึงไมเ่ รียกวา่ คบคนพาล แตเ่ รยี กวา่ อยใู่ กลค้ นพาล การอยู่ใกล้คนพาลอย่างนี้ ทางศาสนาไม่ห้าม เพราะไม่มี ขอ้ เสยี หายอะไรแกเ่ รา เราอาจจะพดู คยุ กบั คนพาลได้ ในฐานะทเ่ี ปน็ นักเรียนด้วยกัน แต่ข้อสำ�คัญอย่าเอาเขามาเป็นเพื่อน ดูแต่รัฐบาล ท่านยังช่วยเหลือคนพาล คือท่านส่งั จับพวกอันธพาลท่ปี ระพฤติตัว เกะกะนำ�มาไว้รวมกัน แล้วอบรมสั่งสอนให้เขาประพฤติตัวเป็น พลเมอื งดตี อ่ ไป ผ้ทู ่ีไปอบรมคนอันธพาล มีหลายประเภท เชน่ เปน็ พระ ไปสอนศลี ธรรมบ้าง เป็นขา้ ราชการชั้นผใู้ หญ่ ไปสอนแนะน�ำ เรื่องการทำ�มาหากนิ บา้ ง คนทไ่ี ปอบรมคนอันธพาลอยา่ งน้ี ไมเ่ รียกว่า คบคนพาล แตไ่ ปอย่ใู กล้คนพาลเพ่ือชว่ ยเหลอื เขา 36

พระพทุ ธเจา้ ของเรา ยงั เคยสง่ั สอนมหาโจรทด่ี รุ า้ ย เพอ่ื ชว่ ย ให้เขากลับตัวเป็นคนดี แม้พระไทยเรา ก็ไปเทศน์สอนนักโทษใน เรือนจำ� อยา่ งนี้ไมเ่ รียกวา่ คบคนพาล ท่พี ระพทุ ธเจา้ ทรงสอนไมใ่ ห้ คบคนพาลเปน็ เพอ่ื น หรอื ท�ำ ความสนทิ สนมกบั คนพาลนน้ั เพราะ การคบคนพาล ไม่เป็นสิริมงคลแก่ตัวเราเลย มีแต่จะเกิดความ เสอ่ื มเสยี คอื จะถ่ายทอดนสิ ยั ทไี่ ม่ดจี ากตัวคนพาล และไดร้ ับความ เดือดร้อนจากคนพาลตลอดเวลา ความเสียหายข้อแรก ที่ว่าคบคนพาลทำ�ให้ได้รับการ ถ่ายทอดนิสัยช่ัวจากคนพาลนั้น หมายความว่า ใครที่ไปหลงคบ คนพาล คอื เอาคนพาลเปน็ เพอ่ื น ไปมาหาสอู่ ยรู่ ว่ มกนั บอ่ ย ๆ ไมช่ า้ กถ็ ่ายทอดนิสัยของคนพาลเข้ามาไวใ้ นตัว ตอ้ งเอาให้ตาย ไมเ่ คยทำ�ชวั่ ไมเ่ คยพูดชวั่ ไม่เคยคิดชั่วมากอ่ น แต่พอไปเหน็ ตวั อย่าง คนพาลซ่งึ ท�ำ ชวั่ พดู ชวั่ คิดชัว่ เป็นพื้นนสิ ยั ผู้ท่ไี ปคบคนพาล ก็กลายเปน็ คนช่วั ตาม เพราะความชว่ั คนเราจ�ำ ไดง้ า่ ย เพยี งแตเ่ หน็ เขาท�ำ ชว่ั ไมก่ ค่ี รง้ั เช่น เห็นเขาฆ่าสัตว์ ลักทรัพย์ ทำ�ผิดประเวณี หรือเห็นเขาทำ�ชั่ว อยา่ งอน่ื ไมช่ า้ คนทเ่ี หน็ เขาท�ำ ชว่ั นน้ั จะตอ้ งท�ำ ชว่ั ตามเขา โดยเฉพาะ 37

สำ�หรับเด็ก ๆ แล้ว จะทำ�ชัว่ ตามเขางา่ ยมาก เพราะวยั ของเดก็ เปน็ วยั ทีก่ �ำ ลงั เลยี นแบบคนอน่ื อยา่ งเร่ืองลูกนกแขกเต้าเปน็ ตวั อยา่ ง นานมาแล้ว มีนกแขกเต้าสองตัวผัวเมียทำ�รังอยู่ในป่าใหญ่ แห่งหน่ึง มลี กู อยู่ ๒ ตวั บังเอญิ มีลมพัดใหญ่ ท�ำ ใหต้ น้ ไม้ในปา่ ลม้ ระเนระนาด รังนกแขกเต้าก็พลอยถูกลมพัด หอบเอาลูกสองตัวที่ ยงั เลก็ ไปคนละทศิ ละทาง ตวั หนง่ึ ตกไปอยใู่ นหมู่โจร พวกโจรเลี้ยงไว้ ตวั หน่ึงตกไปอยู่ ในหมฤู่ ๅษี ฤๅษเี ล้ยี งไว้ เม่ือเติบโตขน้ึ มา ลกู นกพน่ี อ้ งกันค่นู ี้ กลบั มีลักษณะตรงกันขา้ ม คือ ตัวท่ีไปอยู่ในหมู่โจรเห็นโจรทำ�ชั่วบ่อย ๆ และถูกโจร เสย้ี มสอนแตเ่ รอ่ื งชว่ั กเ็ ลยมนี สิ ยั โหดรา้ ยกลายเปน็ โจรไป สว่ นลกู นก ตวั ท่ีไปอยใู่ นหมู่ฤๅษี ไปเห็นแตค่ วามประพฤติดีของฤๅษี และไดร้ บั การอบรมใหม้ ศี ีลธรรม กเ็ ลยกลายเป็นสัตวน์ สิ ัยดี ตัวอย่างน้ีจะเห็นแล้วว่า คนที่เห็นคนอ่ืนทำ�ชั่วบ่อย ๆ จะ กลายเป็นคนมีนิสัยช่ัวตามเขา อย่างลูกนกแขกเต้าท่ีตกไปอยู่ใน หม่โู จรทเ่ี ลา่ มาแล้ว นอกจากเหน็ เขาท�ำ ชว่ั แลว้ แมไ้ ดย้ นิ เขาพดู ชว่ั บอ่ ย ๆ กท็ �ำ ให้ เราเลียนแบบ กลายเป็นคนมีนิสัยชั่วตามเขาได้เหมือนกัน อย่าง ไดย้ นิ เขาพดู ค�ำ หยาบบอ่ ย ๆ ไมช่ า้ เรากพ็ ดู ค�ำ หยาบบา้ ง หรอื ไดย้ นิ 38

เขาพดู โกหก พดู ส่อเสยี ด พดู เพอ้ เจ้อบ่อย ๆ ก็ทำ�ใหเ้ รากลายเป็น คนพดู โกหก พดู สอ่ เสียด และพูดเพ้อเจ้ออย่างเขา ไม่ตอ้ งดูอ่ืนไกล ดแู ต่ตัวเจา้ เองเป็นไร ทงั้ ๆ ที่พอ่ คอยห้าม แลว้ หา้ มอกี ไมใ่ หพ้ ดู ค�ำ ทไ่ี มด่ ี เจา้ ยงั อดพดู ไมไ่ ด้ เพราะไปคบเพอ่ื น ทพ่ี ดู ไมด่ ี จงึ พลอยพดู ไมด่ ตี ดิ ปากไปดว้ ย นอกจากน้ี ค�ำ พดู ของคน ทชี่ ักนำ�ในทางไม่ดบี ่อย ๆ ก็พลอยให้เราเสียคนไดเ้ หมอื นกัน อยา่ ง เรื่องช้างของพระราชาเป็นตวั อย่าง นานมาแลว้ พระราชาองคห์ นง่ึ ในเมอื งพาราณสี มชี า้ งทรง เชอื กหนง่ึ เปน็ ชา้ งตระกลู ดี ชา้ งเชอื กนม้ี คี วามประพฤตดิ มี าก ไมเ่ คย ดรุ า้ ยเกะกะระราน อยมู่ าวนั หนง่ึ มพี วกโจรหมหู่ นง่ึ มานดั ประชมุ กนั ทข่ี า้ งโรงชา้ ง วางแผนการทจ่ี ะเขา้ ปลน้ ทต่ี า่ ง ๆ ในค�ำ พดู ของโจรนน้ั มีแต่คำ�ดรุ ้าย เช่น ใหฆ้ ่าเจ้าของทรัพย์อยา่ งทารุณโหดรา้ ย ช้างได้ฟงั คำ�พูด ของพวกโจรบอ่ ย ๆ ซ่งึ มีแตเ่ ร่อื งฆ่าเรือ่ งตี ต้องฆา่ มนั ล้วนแตเ่ ปน็ เรอ่ื ง โหดร้ายท้ังสน้ิ เลยทำ�ใหช้ ้าง กลายเปน็ สตั วด์ รุ า้ ย เพราะคดิ ว่า พวกโจรสอนตน ให้ท�ำ ความชวั่ ต่าง ๆ 39

พอรงุ่ เชา้ ชา้ งกเ็ รม่ิ อาละวาดทนั ที เอางวงจบั คนเลย้ี งคนหนง่ึ ฟาดกับพืน้ ขาดใจตาย รา่ งแหลกละเอยี ด พระราชาพอไดท้ รงทราบขา่ ววา่ ชา้ งดรุ า้ ยไปอยา่ งนนั้ กท็ รง ปรวิ ติ ก เพราะไมเ่ คยเหน็ ชา้ งเปน็ อยา่ งนม้ี ากอ่ น จงึ รบั สง่ั ใหป้ โุ รหติ ไปตรวจ ปุโรหิตของพระราชา เป็นคนมีปัญญาเฉลียวฉลาดมาก ตรวจดูร่างกาย ไม่เห็นมีโรคภัยไข้เจ็บ จึงคิดอยู่ในใจว่า “ชะรอย ช้างจะได้ยินคำ�พูดที่ไม่ดีจากที่ใดที่หนึ่ง” จึงถามคนเล้ียงช้างว่า “ตอนกลางคืน ท่ีขา้ งโรงช้าง มใี ครมาพูดคยุ กันบ้าง” พวกคนเลย้ี งช้างตอบวา่ มพี วกโจรมาประชมุ กนั เสมอ เมอื่ ปุโรหิตทราบมูลเหตุที่ทำ�ให้ช้างดุร้ายแล้ว ก็นำ�ความไปกราบทูล พระราชาให้ทรงทราบ และกราบทลู แนะนำ�ใหห้ าทางแก้ไข คอื ใหเ้ ชญิ นักบวชทมี่ ี ศลี ธรรมมาท่โี รงช้าง ใหพ้ ดู แตถ่ ้อยค�ำ คนเรามันตอ้ งมีเมตตา เปน็ สริ ิมงคล ไมช่ ้าช้างไดย้ ิน ถ้อยค�ำ ท่ีดเี สมอ จะหายดุรา้ ย และกลายเปน็ ชา้ งดีอย่างเดิม พระราชาก็ทรงทำ�ตามที่ปุโรหิตแนะนำ�ทุกอย่าง ช้างที่เคย มีนสิ ัยดรุ า้ ย เมื่อไดย้ ินค�ำ พดู ของนกั บวชท่ีแนะน�ำ ให้มีเมตตากรุณา บอ่ ย ๆ เขา้ กห็ ายดุร้าย 40

เรอ่ื งนช้ี ใ้ี หเ้ หน็ วา่ ค�ำ พดู ทไ่ี มด่ ี เมอ่ื ฟงั บอ่ ย ๆ เขา้ กจ็ งู ใจให้ คนประพฤตไิ ม่ดีได้ อยา่ งเร่อื งชา้ งทรงของพระราชาทีเ่ ล่ามาแลว้ เพราะฉะนั้น การกระทำ�และคำ�พูดทุกอย่างของคนพาล จึงเป็นตัวอย่างท่ีไม่ดี ใครไปคบคนพาล จะได้รับความเสียหายคือ ถ่ายทอดนสิ ยั ทไ่ี มด่ ขี องเขาเขา้ สูต่ ัวกลายเปน็ คนพาลอยา่ งเขาดว้ ย ความเสียหายข้อที่ ๒ ท่ีว่า คบคนพาลทำ�ให้ได้รับความ เดือดร้อนน้ัน คือ คนพาลจะนำ�ความเดือดร้อนมาให้แก่ผู้ท่ีเข้าไป คบหาสมาคมตลอดเวลา เช่น อย่างแรงอาจได้รับโทษจากทาง บ้านเมือง เพราะเม่ือไปคบกับคนพาลจะถูกเขาชักชวนให้ทำ�ผิด กฎหมายบา้ นเมอื งตา่ ง ๆ ไปขโมยทรพั ยบ์ า้ ง ท�ำ ตวั เกะกะอาละวาด ชกตอ่ ยกับคนอื่นบ้าง เมื่อไปทำ�ผิดอย่างน้ี จะต้องถูกเจ้าหน้าท่ีจับตัวไปลงโทษ ตวั เองไดร้ บั ความเดอื ดรอ้ นแลว้ มหิ น�ำ ยงั ท�ำ ใหผ้ อู้ น่ื ทม่ี สี ว่ นเกย่ี วขอ้ ง เชน่ ผู้ปกครองต้องพลอยไดร้ ับความเดอื ดร้อนดว้ ย การคบคนพาลนน้ั แมบ้ างคร้งั อาจจะไมไ่ ด้รับโทษจากทาง บ้านเมืองดังกล่าวแล้ว ก็จะได้รับโทษอย่างอ่ืนอีกหลายอย่าง เช่น ทำ�ให้เสียชื่อเสียง เพราะแม้เราจะไม่ได้ทำ�ความผิดร่วมกับคนพาล แตเ่ มอ่ื เขาไปท�ำ ผดิ มา กพ็ ลอยพาใหเ้ ราเสยี ชอ่ื เสยี ง เพราะไปคบคา้ สมาคมกับเขา เหมือนปลาร่วมข้องเดียวกัน เม่ือปลาตัวหนึ่งเน่า กท็ ำ�ใหป้ ลาตวั อื่นท่ีอยรู่ ่วมกัน พลอยมีกลน่ิ เหม็นไปดว้ ย 41

ยกตัวอย่าง ใจรเึ ปลา่ พ่ี เราไปไหนมาไหน กับคนพาลบอ่ ย ๆ บงั เอิญเกิดมีเร่อื งราว ที่คนพาลเปน็ คนกอ่ ขึ้น แม้ตัวเราเองไมไ่ ดท้ �ำ ผิด ก็ท�ำ ใหเ้ ราพลอยเสียช่ือด้วย อย่างเรื่องพระเจา้ อชาตศัตรเู ป็นตัวอยา่ ง ครง้ั เมอ่ื พระพทุ ธเจา้ ยงั ทรงพระชนมอ์ ยู่ มพี ระราชาองคห์ นง่ึ ทรงพระนามวา่ พระเจา้ พมิ พสิ าร ครองราชสมบตั ใิ นเมอื งราชคฤห์ มโี อรสองค์หนง่ึ ทรงพระนามว่า อชาตศัตรู ต่อมา เจ้าชายอชาตศัตรูไปคบค้ากับพระเทวทัตซึ่งเป็น คนช่ัว ถูกพระเทวทัตชกั น�ำ ใหท้ �ำ ผิด คือใหป้ ลงพระชนม์ พระราชบดิ าเสียแลว้ เปน็ กษัตรยิ ์แทน เจ้าชายอชาตศัตรู ก็หลงเชือ่ และ ยอมทำ�ตาม ส่วนพระเทวทัตนั้น ก็พยายามฆ่าพระพุทธเจ้าหลายคร้ัง หลายหน เพ่ือเป็นพระพุทธเจ้าเอง คือ ได้จ้างพวกมีฝมี ือทางยิงธนู 42

ไปยิงพระพุทธเจ้า แต่ก็ไม่สามารถยิงพระองค์ได้ พระเทวทัตจึงได้ กล้ิงหนิ เพอื่ ใหท้ บั แตห่ นิ กท็ �ำ อนั ตรายพระพุทธเจ้าไม่ได้ ครงั้ สุดท้าย พระเทวทัต ได้สมคบกบั พระเจา้ อชาตศตั รู ปล่อยชา้ งตกมนั ดรุ า้ ยใหไ้ ปฆ่า แตช่ ้างก็ไมท่ ำ� อันตรายพระพุทธเจ้า เรื่องท่ีพระเทวทัต ปล่อยช้างทำ�ร้ายพระพุทธเจ้าน่ีเอง เป็นข่าวแพร่สะพัดไปทั่วเมืองราชคฤห์ ทำ�ให้ชาวเมืองเกลียดชัง พระเทวทัตอย่างมาก และติเตียนพระเจ้าอชาตศัตรู ที่ไปคบกับ คนเลวทรามอยา่ งน้ัน พระเจา้ อชาตศตั รู ทนเสยี งต�ำ หนจิ ากชาวเมอื งไมไ่ ด้ จงึ เลกิ คบกบั พระเทวทัต เรอ่ื งนแ้ี สดงวา่ พระเจา้ อชาตศตั รู ตอ้ งพลอยเสยี ชอ่ื เสยี งดว้ ย เพราะไปคบกบั พระเทวทตั แมพ้ ระองคจ์ ะไมไ่ ดท้ �ำ รา้ ยพระพทุ ธเจา้ แตก่ ไ็ ปคบกบั พระเทวทตั ซง่ึ ท�ำ บาปหนกั คอื พยายามฆา่ พระพทุ ธเจา้ กพ็ ลอยทำ�ให้เสียชอื่ เสียงไปด้วย เพราะการคบคนพาล ไมเ่ ปน็ สริ มิ งคล มแี ตเ่ กดิ ความเสอ่ื มเสยี แกผ่ คู้ บดงั กลา่ วแลว้ พระพทุ ธเจา้ จงึ สอนไมใ่ หค้ บคนพาล ใครทเ่ี ชอ่ื 43

พระพุทธเจ้า ไม่ยอมคบหาสมาคมกับคนพาล จะเกิดสิริมงคลแก่ ตัวเอง คือประสบความเจริญก้าวหน้า จะไม่ได้รับความเสียหายที่ คนพาลนำ�มาให้ เหมือนเราเดินไปพบงมู ีพิษรา้ ย อา้ ว..! งูนี่ หนีให้ไกลเลย ถา้ เราหลีกมันเสยี ใหไ้ กล ไม่เข้าไปใกล้มันกจ็ ะ ทำ�อันตรายเราไมไ่ ด้ หรือไปพบของโสโครก เชน่ อจุ จาระ เราเดินออก หา่ งมันเสยี ไมเ่ หยยี บมัน อจุ จาระกเ็ ป้อื นเราไมไ่ ด้ คนพาล เปรยี บเทยี บเหมอื นงมู พี ษิ รา้ ย เพราะเปน็ อนั ตราย แก่ผู้คบตลอดเวลา และเปรียบเหมือนของโสโครก เพราะความ ประพฤติสกปรก เพราะฉะนน้ั เมอ่ื เราไมค่ บคนพาล พยายามปลกี ตวั ออกหา่ ง จากคนพาลเสีย ก็จะไม่ได้รับอันตราย และจะไม่มีความประพฤติ สกปรกอยา่ งคนพาล ตามที่พ่อเล่ามานี้ เจ้าคงเห็นแล้วว่า การคบคนพาลไม่ดี อย่างไร การคบบัณฑิตดีอย่างไร หรือเจ้ามีข้อสงสัยอะไรอกี ” “ผมเขา้ ใจดตี ลอด ไมม่ ขี อ้ สงสยั เลยครบั ” เดก็ ชายเพยี รตอบ “ถา้ อย่างน้ัน เจ้าลองสรุปเรือ่ งไมค่ บคนพาลทพ่ี อ่ เล่าให้ฟงั วนั นี้ซิ สมมติวา่ เจา้ น�ำ เรื่องนไ้ี ปเลา่ ให้เพ่ือนฟงั อยา่ งสน้ั ๆ” 44

“ผมจะเลา่ เรอ่ื งใหเ้ พอ่ื นฟงั อยา่ งน้ี ‘เพอ่ื นรกั เมอ่ื วนั อาทติ ย์ ท่ีแล้ว คุณพ่อของผมได้เล่าเรื่องการไม่คบคนพาลให้ผมฟัง เป็น เร่อื งจับใจมาก ทา่ นพดู ว่า การคบคนพาลนั้น หมายถงึ การเข้าไปคุ้นเคย สนิทสนมกับคนพาล การคบคนพาล เป็นอัปมงคล ไม่กลัวบาปเลยนะ เรากว็ ่างั้น แกต่ วั เราเอง คือ มแี ต่จะเกิด ความเสียหาย เชน่ ท�ำ ใหไ้ ด้รับถา่ ยทอดนสิ ัยที่ไม่ดจี ากคนพาล และไดร้ บั ความเดือดรอ้ น เช่น ตอ้ งถกู ลงโทษทางบ้านเมอื งบ้าง เสยี ชอื่ เสยี ง บ้าง ส่วนการไม่คบคนพาลเป็นสิริมงคลแก่ตัวเอง คือตัวเราจะ ไม่ได้รับความเสียหายท่ีจะเกิดจากคนพาล เหมือนเราไปพบงูมี พษิ รา้ ย เราหลกี มนั ใหไ้ กล งจู ะท�ำ อนั ตรายเราไมไ่ ด’้ ” “เจา้ ยอ่ ความไดด้ มี าก แสดงวา่ เจา้ เขา้ ใจเรอ่ื งทพ่ี อ่ พดู ตลอด เลิกคุยกันเถอะเดี๋ยวจะดึกมากไป” แล้วบิดากับบุตรก็ไปสวดมนต์ ไหว้พระเข้าหอ้ งนอน 45

คำ�ถามประจ�ำ บท ๑. ค�ำ ว่า “คบ” กบั “ไม่คบ” หมายความว่า อยา่ งไร ? ๒. ๓. คนท่คี บคนพาล การไม่คบคนพาล ได้รับความเสยี หาย ดีอยา่ งไร ? อยา่ งไร ? ๔. ๕. เพราะเหตไุ ร เขาจงึ เปรยี บ มีสุภาษติ บทหนึง่ วา่ คนพาลว่าเหมือนงูมีพิษ “คบคนช่วั พาตวั อัปรีย”์ บา้ ง ของโสโครกบา้ ง ? หมายความวา่ 46 อยา่ งไร ?

บท๓ท่ี ลบกั ณัษณฑะขอิตง วนั นั้น ตรงกับวันที่ ๒๓ ตลุ าคม เป็นวนั ปิยมหาราช และ วันหยุดราชการ นายเพิ่มได้พาบุตรเดินทางจากจังหวัดอยุธยา ไปถวายบงั คมพระบรมรปู ทรงมา้ ในจงั หวดั พระนครแตเ่ ชา้ เมอื่ เสรจ็ ธุระแล้วก็กลับบ้าน หลังจากอาบนำ้�แล้ว นายเพ่ิมก็ออกไปอ่าน หนังสือพิมพ์อยู่ที่ระเบียงเรือน สักครู่หนึ่งเด็กชายเพียรก็เข้าไปน่ัง ใกล้ ๆ นายเพิม่ วางหนงั สือไว้ที่โตะ๊ หันมามองดูบตุ รถามว่า “เจ้าไป ถวายบงั คมพระบรมรูปวันนี้รสู้ ึกเป็นอย่างไรบา้ ง” “คุณพ่อครับ ผมเกิดความรู้สึกต้ืนตันใจจนบอกไม่ถูก ผม สงั เกตดคู นทก่ี �ำ ลงั ถวายบงั คมพระบรมรปู หลายคน รสู้ กึ วา่ เขาแสดง ความเคารพออกมาด้วยใจจริง บางคนถึงกบั นำ�้ ตาไหล คร้งั แรกผม มองดเู ขาด้วยความสงสัยและประหลาดใจ 47

แต่พอถึงคราวผมถวายบังคมบ้าง ขณะท่ีผมทรุดตัวลงน่ัง มองเห็นพวงดอกไม้ที่คนนำ�มาถวายบูชาลานตาไปหมด และมอง ขน้ึ ไปดูพระพักตร์ของในหลวงที่ประทบั อยบู่ นหลังม้า คุณพอ่ ครับ ดูเหมอื นท่าน ช่างมีชวี ติ จิตใจ และก�ำ ลงั ทรงย้มิ อย่างปรานีตอ่ ผม ผมขนลกุ ซู่โดยไมร่ ู้สึกตัว ท�ำ ใหร้ ะลกึ ถงึ ความดขี องทา่ นตา่ ง ๆ และน�ำ้ ตาผมไหลออก มาโดยไมร่ ู้สึกตัว ทำ�ไมจงึ เป็นอยา่ งน้คี รับ” “ลูกรัก ความรู้สึกท่ีเจ้าว่าน้ัน ไม่ใช่เฉพาะแต่เจ้าคนเดียว ทเ่ี ปน็ พอ่ กเ็ ปน็ เหมอื นกนั คนอน่ื หลายคน พอ่ ลองสอบถามดู กเ็ กดิ ความรู้สึกอย่างน้ีเหมือนกัน เจ้ารู้หรือไม่ว่าทำ�ไมจึงเกิดความรู้สึก อยา่ งน้”ี “ผมไม่ทราบครับ คุณพ่อช่วยอธิบายให้ผมฟังหน่อยเถอะ ครับ” “พ่อว่าไม่ใช่อ่ืนไกล เป็นเพราะพระพุทธเจ้าหลวงท่านทำ� ความดีไว้มากน่ีเอง จึงทำ�ให้เราต้องร้องไห้ระลึกถึงพระองค์ คนท่ี ทำ�ความดีอย่างพระพุทธเจ้าหลวงน่ีแหละ เรียกว่า เป็นบัณฑิต พอดเี รื่องทเี่ ราคยุ กันวนั น้ี เข้ากับเรอื่ งท่ีพอ่ พูดคา้ งไว้จากวันก่อน คราวก่อนพ่อได้พูดเร่ืองการไม่คบคนพาล ให้เจ้าฟังอย่าง ละเอียดแล้ว ต่อไปน้ีพ่อจะพูดเร่ืองการคบบัณฑิตบ้าง จะพูดเร่ือง ลักษณะของบัณฑิตเสียก่อน พ่อเคยอธิบายลักษณะของคนพาล 48