Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore สินไช

Description: วรรณกรรมพื้นบ้าน ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ.

Search

Read the Text Version

ห้า ปริศนาธรรม ใกล้ค่ำลงแล้ว ดวงอาทิตย์ทอแสงสีแดงฉานท่ัวฟ้า กำพร้านึกถึงการสู้ รบของเหล่ายักษ์กับสินไช แล้วพานคิดว่านั่นอาจเป็นสีเลือดของเหล่ายักษ์ผู้ พา่ ยแพก้ ็ได้ ในใจหน่ึงกำพร้านกึ สงสารกมุ ภณั ฑ์ แต่อีกใจหนงึ่ กอ็ ยากรเู้ รอื่ งราว ต่อจากน้ัน เพราะตนเพ่ิงจะอ่านถึงตอนนกี้ อ่ นทีห่ นงั สือจะหายไป กำพร้าน่ังเล่นอยู่กับไอ้ขาวหมาวัดท่ีศาลาสักครู่หน่ึงแล้วจึงลุกเดินขึ้น กุฏิหลวงตา ว่าจะไปน่ังเขียนเรียงความที่คุณครูส่ังไว้ เจอหลวงตากำลังอ่าน หนงั สืออยใู่ นกุฏิ “เอ้า! กำพร้า มาพอดี เด๋ียวน้ีเบิ่งซังๆ นะ เป็นหยังจ่ังซึม หนังสือท่ี หลวงตาให้ไปอ่านมว่ นบ่” น่ีแหละครับประเด็นที่ผมเซ็ง...กำพร้าคิดในใจ...จะบอกหลวงตายังไง ดหี วา่ “แตค่ งบ่มว่ นคอื ไปร้อื กฏุ ิหลวงพอ่ เขา แมน่ บ”่ “หลวงตา...” กำพร้าได้ยินก็ตกใจ พลางเห็นรอยยิ้มอย่างรู้ทันของ หลวงตา “เออ...หลวงตาฮู้แลว้ หลวงพ่อมาเล่าให้หลวงตาฟัง เอ็ง...มานั่งใกล้ๆ”

52 สนิ ไช หลวงตาเรียกพลางกวักมือให้กำพร้าเข้าไปใกล้ๆ “เอ็งใจเย็นๆ ค่อยๆ หาไป หนงั สือมันบห่ ายไปไสดอก...วา่ จงั่ ได๋ อ่านไปถงึ ไสแลว้ ” กำพรา้ เหน็ หลวงตาใจเยน็ อยา่ งนก้ี ค็ อ่ ยสบายใจ แลว้ จงึ เลา่ ตอนกมุ ภณั ฑ์ รบกับสนิ ไช เพอ่ื ชงิ นางสมนุ ทาคนื แตส่ ุดทา้ ยตอ้ งตาย กำพร้ามโี อกาสไดค้ ยุ กบั หลวงตาอย่างนกี้ ็ดีเหมือนกัน จะไดถ้ อื โอกาสถามเรอ่ื งท่ตี นสงสยั ด้วยเลย “หลวงตาครบั เปน็ หยงั สนิ ไชคอื จง่ั ใจฮา้ ยแท้ แมน่ บต่ อ้ งมารบมาฆา่ กนั ” หลวงตาเห็นวา่ กำพร้ามจี ิตใจเมตตาดีกย็ ม้ิ ใหเ้ ล็กนอ้ ย แลว้ ตอบ “กำพรา้ เอย๊ คนเฮาแตล่ ะคนนน้ั มที ง้ั ดา้ นดแี ละดา้ นฮา้ ยปนกนั อยู่ สนิ ไช ฆ่ายักษ์กุมภัณฑ์ เพราะว่าต้องทำหน้าที่ของตนคือพานางสมุนทากลับไปเมือง เปงจาล แต่เอ็งฮู้แล้วแม่นบ่ว่าการทำหน้าที่ของตนโดยบ่สนใจจิตใจของผู้อื่น มันก็นำความทุกข์มาให้คือกัน...เอาล่ะ...เอ็งเห็นแล้วว่าสินไชแม้นจะมีฤทธิ์ หลายแต่ก็ยังเด็ก และยังต้องเรียนรู้อีกหลายอย่าง ทั้งยังต้องเรียนรู้จากความ ผิดพลาดดว้ ย เดี๋ยวอ่านตอนจบแลว้ เอง็ สิเข้าใจ” แหม...หลวงตาพูดอยา่ งนี้ กำพร้ากย็ ่ิงอยากอา่ นต่อเร็วๆ “แต่สินไชก็บ่ได้ใจฮ้ายกับยักษ์เสมอตลอดดอก ถ้าเขาบ่จำเป็นต้องฆ่า เขาก็บฆ่ า่ ดอก แถมยังสอนธรรมะใหอ้ กี ดว้ ยแน่ะ” “เปน็ จ่ังได๋ล่ะครบั เว้าให้ผมฟงั แน่ะครบั ” หลวงตาเห็นกำพร้าท่าทางกระตือรือร้นอยากจะฟังก็หัวเราะเอ็นดู “เรอ่ื งมนั เปน็ จ่ังซ่”ี “พระเจา้ อารอหลานอยทู่ ป่ี ราสาทมรกตนนี่ ะ ศรนหี้ ลานใหไ้ วใ้ ชป้ อ้ งกนั ตวั หลานจะไปรับสดี าจันทร์ก่อน แลว้ จะกลบั มารบั พระเจา้ อา” สินไชวา่ พลางยนื่ ศรให้นางสมนุ ทา นางตอบว่า “ก่อนไปอาจะเล่าให้หลานฟัง เมื่อครั้งท่ีเสด็จพี่กุมภัณฑ์ได้ไปท้าเล่น สกากับเจ้าเมืองนาค แต่แพ้พนันจึงจำใจต้องยอมยกลูกสาวให้เป็นมเหสีของ เจ้าเมืองนาคตั้งแต่นั้นมา ที่เมืองน้ันมีเพียงเจ้าเมืองที่เล่นสกาได้ เจ้าจงไปท้า เจา้ เมืองนาคเล่นสกาแล้วเอาชนะใหไ้ ดเ้ ถดิ จะได้พาน้องกลบั มา”

ปรศิ นาธรรม 53 นางสมุนทามอบลูกบาศก์สกาของยักษ์กุมภัณฑ์ให้สินไชนำติดตัวไป ด้วย สินไชรับมา แล้วข้ึนสังข์ทองเหาะมาถึงฝั่งน้ำแล้วดำน้ำลงไปจนถึงเมือง นาค ระหว่างทาง สินไชได้ช่ืนชมทิวทัศน์ของเมืองใต้บาดาลท่ีล้วนแต่เป็นแก้ว เตม็ ไปด้วยเรอื นร้านบา้ นช่องทเี่ ป็นระเบียบเรยี บรอ้ ยสวยงาม สังข์ทองล่องไปตามถนนแก้วถนนทอง ยังได้เห็นตำหนักตามรายทาง ท่ีล้วนแต่แพรวพราวอร่ามสุกใส สินไชขี่สังข์ทองมาหยุดตรงลานโล่งกว้างที่มี ร้านค้ามากมายคล้ายตลาด ฝูงนาคในวังหลวงต่างนิมิตกายเป็นมนุษย์ออกมา เดนิ เทยี่ วกนั อยา่ งสำราญใจ จนไปพบนาคเสนาแตง่ กายดว้ ยชดุ ทหาร จงึ กระโดด ลงจากหลงั สังข์ทองแลว้ แกลง้ เข้าไปถามว่า “นี่ท่าน ข้าอยากเล่นพนันสกา ไม่ทราบว่าในเมืองน้ีจะมีใครเล่นเป็น ไหม” “เจ้าเมอื งของเราโปรดปรานการเลน่ สกามาก ท่านจงรออยทู่ น่ี ีก่ อ่ น เรา จะเข้าไปกราบทูลใหพ้ ระองค์ท่านทราบ” แล้วนาคเสนาก็เดินกลับเข้าเขตพระนคร กราบทูลแก่ท่านเจ้าเมืองว่า บัดนี้มีหนุ่มน้อยมาท้าเล่นสกา ท่านเจ้าเมืองนาคย้ิมพอใจเพราะกำลังหาคู่เล่น ด้วยมานานแลว้ จงึ ใหน้ าคเสนาพาหนมุ่ นอ้ ยคนนั้นเข้ามาเฝ้า แล้วถามวา่ “เจ้าหนุ่มน้อย เจ้าเป็นใครมาแตไ่ หนหรือ” “ข้าช่ือสินไชเป็นหลานของนางสมุนทา มารับนางกลับบ้านเมืองและได้ ปราบยักษ์กุมภัณฑ์เรียบร้อยแล้ว บัดนี้ข้าจะมาท้าเล่นพนันสกากับท่านเพื่อรับ ตัวนางสีดาจันทร์กลับไปด้วย” สินไชพูดจบก็ย่ืนลูกบาศก์ของยักษ์กุมภัณฑ์ให้ เจา้ เมอื งนาคดเู ป็นหลักฐานวา่ ไดป้ ราบขุนยักษไ์ ปแล้ว “หนอยเจา้ ...เปน็ เดก็ เล็กนักกล้าดียงั ไง ไหนเจา้ มีอะไรมาเดิมพนั ” สินไชชูพระขรรค์ข้ึนแล้วร้องตะโกนว่า “หากว่าข้าแพ้ ข้าจะขอมอบ พระขรรคน์ ซ้ี ่งึ มฤี ทธ์มิ าก ใชต้ ่อสู้กบั ยักษ์มารและพญาครฑุ ได้...” เจ้าเมืองนาคเห็นพระขรรค์เกิดอยากไดไ้ วต้ ่อสู้กับพญาครุฑ “...แต่ถ้าชนะ ข้าขอนำตวั นางสีดาจนั ทรก์ ลบั ไป” สนิ ไชพดู ตอ่

54 สนิ ไช เจ้าเมืองนาคคิดว่าอยา่ งไรพระขรรคจ์ ะตกตอ้ งเป็นของตนแนน่ อน และ จะได้โอกาสสง่ั สอนเจ้าเดก็ โอหังน่ดี ว้ ยจึงรบั คำท้า “ข้ารบั คำท้า ถ้าข้าแพ้ ข้าจะยกบ้านเมืองใหเ้ จ้า” เจ้าเมืองนาคสั่งให้นาคเสนายกกระดานสกาออกมาตั้ง ทั้งสองตา่ งผลดั กันทอดลูกบาศก์สกาและเดินหมากไปตามแต้มท่ีทอดได้ ปรากฏว่าเจ้าเมือง นาคแพ้ตลอด จึงต้องยอมยกบ้านเมืองให้แก่สินไช แต่สินไชได้ถวายบ้านเมือง คืน เพราะต้ังใจมารับนางสีดาจันทร์เท่านั้น เจ้าเมืองนาคไม่ยอม ส่ังให้บริวาร รกุ เขา้ จับตวั สินไช แล้วการตอ่ สกู้ ็เริ่มขน้ึ สินไชเรียกพระยาครุฑและบริวารท่ียอมมอบตัวเป็นทาส ตั้งแต่เมื่อ คร้ังที่อยู่ท่ีเมืองนครศิลป์ให้มารบกับเจ้าเมืองนาค ฝูงนาคบริวารที่หมายรุมเข้า ทำร้ายสินไชถูกพระยาครุฑและบริวารไล่จิกตีจนนอนตายกองกัน เจ้าเมืองนาค เงื้อพระขรรค์ขึ้นมาจะสู้กับสินไช แต่เจ้าเมืองนาคนั้นมีฤทธิ์เดชเพียงน้อยนิด เม่ือเทียบกับยักษ์กุมภัณฑ์ สินไชจึงประมือด้วยโดยแทบไม่ต้องออกแรง เพียง ไมน่ านเจ้าเมอื งนาคกเ็ สยี หลักสะดุดร่างนาคเสนาท่ีกองตายกบั พ้ืนจนหงายหลัง ลม้ ลง สินไชเอาปลายพระขรรค์จ่อทค่ี อเจา้ เมอื งนาคทนั ที “ก่อนจะจากไป ข้าขอฝากใหเ้ จ้าดแู ลไพรพ่ ลเมืองของเจา้ ให้ด ี “หากจะเปรียบบ้านเมืองกับต้นไม้ ราษฎรหญิงชายก็เปรียบเสมือน รากไม้ท่ีมั่นคง ข้าราชการคนดีคนเก่งเปรียบเหมือนลำต้น กษัตริย์เป็นยอดไม้ รู้จักคัดเลือกก่ิงก้านสาขาคือ เสนาบดีคนดีผู้รับผิดชอบด้านต่างๆ เม่ือถึงฤด ู ที่ต้นไม้ออกดอกออกผล กล่ินหอมของต้นไม้ย่อมเชิญชวนเหล่าสัตว์ให้มา เยีย่ มเยียนพกั พงิ หากรากไม้เน่าเสยี แลว้ ย่อมจะทำให้ตน้ ไมท้ ง้ั ต้นตายได้

ปริศนาธรรม 55 “อนั วา่ โยเธสทา้ ว ทั่วทกุ แดนดิน ใหร้ ำ่ ภปิ รายเหมือน รากรองพายพื้น ฝูงหมเู่ สนาหนา้ มีคณุ คองประเสรฐิ เลอื กผู้แกว้ ปนู ไว้ดง่ั ลำ แทเ้ นอ้ ฝูงหนงึ่ อำมาตยน์ อ้ ย เอาแอบต่างตา ปนู ดง่ั เปน็ สาขา ง่างามระวงั ไว ้ องค์กษตั รยิ ไ์ ท ้ เปน็ จอมยงั ยอด ระดูแผ่ผง้ ผลลน้ ลมุ่ เทิง รสแผเ่ ท้า ตลบท่วั แดนดนิ พึงคณาสตั ว ์ ชอบชุมชนเรา้ อนั นี้ยถาแท้ ทำเนียมปุนเบียบ ค้นวา่ รากบห่ ม้นั พาตน้ ตุ่มตาย แท้แล้ว “เจา้ ตอ้ งนกึ ถงึ เสมอวา่ พลเมอื งเปน็ ลกู เปน็ หลาน ใครทำผดิ จารตี ฮตี คอง ทเ่ี คยทำกนั มา เจ้าต้องอบรมสงั่ สอนด้วยเมตตา อยา่ นิง่ ดดู าย “มคี นอยสู่ ่ีประเภทท่ีพึงหลีกเลย่ี งไมค่ วรคบค้าสมาคม ไดแ้ ก่ คนมัวเมา คนหลับ คนโลภ และคนเอาแต่เทีย่ วเลน่ ไม่สร้างหลกั ปักฐาน “คนหนึง่ โมหงั บา้ เมามัวมิสวา่ ง คนหนึ่งหลบั ลืน่ ล้น บม่ สิ คู้ ำ่ วนั คนหน่ึงแรงเคียดแก้ โลภจา่ ยลวงสิน คนหนึง่ ปนู เปน็ เลง บม่ เี ฮอื นญ้าว ฝูงน้ีคนเฮาเลยี ง เลงิ เปน็ ไปมาก เยียวจกั ก้ัวแกน่ ตน้ แพงล้านลกู เฮานะเอย...” ในที่สดุ เจา้ เมอื งนาคกย็ อมแพ้ แต่สินไชต้องการเพยี งตัวนางสีดาจันทร์ เท่าน้ันจึงแต่งต้ังให้เจ้าเมืองนาคเป็นเจ้าเมืองดังเดิม แล้วอบรมส่ังสอนเจ้าเมือง นาคพร้อมทงั้ ไพร่พล

56 สินไช เจ้าเมืองนาคพร้อมไพร่พลเมื่อได้ฟังคำสอนของสินไชแล้วต่างพากัน มากราบไหว้ และยอมมอบตัวนางสีดาจันทร์ให้ท้ังที่ยังรักและอาลัยอาวรณ์นาง สินไชส่ังลาเจ้าเมืองนาคและไพร่พลแล้ว จึงพานางสีดาจันทร์ขึ้นสังข์ทองเหาะ กลบั ไป ระหว่างทางนางสีดาจันทร์มีท่าทางขัดขืนเพราะไม่รู้จักว่าสินไชเป็น ใคร “ท่านมาจับตวั ขา้ ไปทำไม ปล่อยข้า ข้าจะกลบั ไปอยู่กบั สามีข้า” สินไชจึงตอบว่า “ใจเย็นๆ เถิด เด๋ียวสักครู่ท่านก็จะรู้แล้วว่าข้าจับตัว ทา่ นมาทำไม” สินไชพานางสีดาจันทร์มาถึงปราสาทมรกต มารดาได้วิ่งโผเข้ามากอด ด้วยความคิดถึง ต่างฝ่ายต่างถามข่าวคราวซึ่งกันและกัน นางสีดาจันทร์ตกใจ เมื่อทราบวา่ บดิ าตายแลว้ นางเสยี ใจร้องไหซ้ บอกมารดาอย่นู าน และเมอื่ ไดร้ ู้ว่า สินไชเป็นคนฆ่าบิดาของตนก็โกรธเคือง ฝ่ายสินไชจึงรับปากว่าจะจัดการเรื่อง พิธีศพให้ และอธิบายว่าตนต้องรับนางสมุนทาไปให้พระบิดา นางสีดาจันทร์ เห็นแก่มารดาจึงสงบลง จากน้ันสินไชเรียกเสนาไพร่พลและญาติพี่น้องของ กุมภัณฑ์มาพร้อมกันเพ่ือจัดงานศพ ยักษ์วัณณุราช พี่ชายของกุมภัณฑ์ต่ืนข้ึน จากหลับใหลพอดี เม่อื ทราบขา่ วน้องชายจึงเดนิ ทางมาร่วมพิธดี ว้ ยความเสียใจ พลเมืองท้ังเมืองยักษ์และเมืองนาคได้เดินทางมาร่วมงานศพของยักษ์ กมุ ภณั ฑท์ ่จี ดั อยา่ งใหญโ่ ต สมเกียรตยิ ศ เสร็จงานแลว้ สินไชนำกระดกู ไปบรรจุ ไวใ้ นเจดยี น์ อกเมือง พร้อมจารกึ ชื่อกมุ ภณั ฑ์บนแผน่ ศิลา เมื่อสินไชจัดงานศพเสร็จเรียบร้อยแล้ว จึงพิจารณาหาผู้เหมาะสมให้ เป็นผู้ครองเมืองยักษ์ต่อไป สินไชเลือกให้ยักษ์วัณณุราชข้ึนปกครองเมืองยักษ์ แทนน้องชาย แลว้ อบรมให้รกู้ ฎเกณฑข์ องผู้ปกครอง

ปรศิ นาธรรม 57 “เจ้าจงอย่าฆ่าสัตว์ อย่าลักทรัพย์ อย่าผิดลูกผิดเมียเขา อย่าพูดปด อย่าด่มื กนิ สรุ าเมรยั ศีลทั้งห้าข้อนี้ เจา้ ตอ้ งปฏิบตั อิ ย่าได้ขาด “อน่ึง การบ้านการเรือนจะเรียบร้อยเพราะเมียดี บ้านเมืองจะเจริญ รุ่งเรืองเพราะเจ้านายมีศีลธรรมเคารพในกฎบ้านเมือง และอย่าคิดว่าตนเป็น ใหญไ่ ม่กลัวเกรงใคร การศกึ สงครามเป็นความฉิบหาย จงหาทางป้องกันไว”้ “ชายใดมเี มยี แกว้ การเฮอื นเฮียงฮาบ ดีดาย ขุนใดอำนาจกล้า เมอื งบา้ นก็จง่ิ เฮือง ทา่ นเอย...” สินไชสั่งสอนเจ้าเมืองยักษ์คนใหม่ แล้วอำลายักษ์พร้อมบริวารและ เจา้ เมอื งนาค จากนน้ั เดินทางกลบั คืนเมืองเปงจาล “คันเจ้าได้ข่ีช้างก้ังฮ่มสัปทน อย่าลืมคนจนผู้ข่ีควายคอนกล้า อย่าลืม คนขา้ งหลัง ข้อนส้ี ำคัญนะกำพร้าเอ๊ย” หลวงตาพดู เม่อื เล่าจบ “ครับ หลวงตา” กำพร้าตอบรับ พลางนึกถึงวัยรุ่นในหมู่บ้านที่เข้าไป หางานทำในกรุงเทพฯ แลว้ ก็หายไปเลย ไม่เคยกลบั มาเยี่ยมบา้ น “ถา้ เอ็งโต ตอ้ งจากบ้านจากเมอื งคอื นางสมนุ ทาออกจากเมอื งยักษ์ เอง็ ต้องอย่าลืมพระคุณคนที่นี่ ที่เขาซ่อยเหลือมานะ” กำพร้าย้ิมให้หลวงตาแทน คำตอบวา่ ตนจะไม่ลืมหลวงตาหรอก “เปน็ จั่งได๋ ตอนน้มี ว่ นบ”่ “ม่วนครับ ผมว่าสินไชเว้าถึงเรื่องธรรมะในการปกครองบ้านเมืองมาก เป็นพเิ ศษ ผดิ กับเร่อื งอน่ื ๆทม่ี ีแตก่ ารรบกนั ” กำพร้าคิดว่าตอนทหี่ ลวงตาเลา่ ให้ ฟังนใ้ี ห้รสชาติสนกุ ไปอีกแบบ “แมน่ แล้วละ่ เพราะคนทจี่ ะเป็นเจ้าเมอื งทด่ี นี ะ่ นอกจากจะตอ้ งมคี วาม สามารถในการรบแลว้ จะตอ้ งมคี ณุ ธรรมรจู้ กั ปกครองบา้ นเมอื งใหพ้ ลเมอื งอยเู่ ยน็ เป็นสขุ ด้วย”

58 สินไช “คือจ่ังเรื่องต้นไม้กับก่ิงไม้รากไม้...อะไรจ่ังซั่นแม่นบ่ ผมยังบ่เข้าใจ ครบั ” “เร่ืองนี้น่ะ ในหลวงของเราท่านทรงเป็นตัวอย่างท่ีดีให้เอ็งเห็นอยู่แล้ว ว่า คนที่เป็นใหญ่เป็นโต เป็นผู้นำของประเทศจะต้องคำนึงถึงความอยู่ดีมีสุข ของคนทุกระดบั ชน้ั ไปจนถึงคนยากคนจนดว้ ย บ้านเมอื งจึงจะรม่ เยน็ เป็นสขุ ได้ เหมอื นต้นไม้ที่มรี ม่ เงาครึ้มให้นกหนอู าศยั เพราะกงิ่ ก้าน ใบ ลำตน้ และรากไม้ ทั้งหมดนี้รวมกันถึงจะเรียกว่าเป็นต้นไม้หน่ึงต้น ก็เหมือนกับคนทุกระดับช้ัน ทงั้ หมดนนั้ ถึงจะรวมกนั เรียกว่าเป็นชาติ คนท่เี ปน็ ผู้นำบริหารประเทศจะตอ้ งให้ ความยุติธรรมแก่ทุกชนชั้นโดยเท่าเทียมกัน มิใช่ว่าจะให้ประโยชน์แก่ชนช้ันสูง คนรวย ผู้มีอทิ ธพิ ลและมปี ระโยชน์ร่วมกันเท่านัน้ “...เอ็งเคยเห็นต้นไมท้ คี่ นเลีย้ งให้ปุ๋ยบำรงุ ใบ ฉีดยาฆา่ แมลงไม่ใหเ้ พลย้ี ไรแทะกิน แตล่ ืมรดนำ้ ใหร้ ากมันไดด้ ูดซบั ความชืน่ ฉ่ำไปด้วยบ่...เอ็งคิดวา่ ตน้ ไม้ มันสริ อดบ่” “บค่ รบั ” กำพรา้ ตอบชดั เจนโดยไมล่ ังเล พอหลวงตาอธบิ ายอยา่ งนี้ เขา ก็เข้าใจแจ่มแจ๋ว เร่ิมเห็นแนวทางในการเขียนเรียงความภาษาไทยเรื่องการแก้ ปัญหาของนายกรฐั มนตรที ่ีครูพรทิพยส์ งั่ ไวแ้ ลว้ สองวันถัดมาจากวันที่นักเรียนส่งการบ้าน ครูพรทิพย์เข้ามาสอนวิชา ภาษาไทยอีกครัง้ ดว้ ยสหี นา้ พอใจ “ครูได้อ่านการบ้านของพวกเธอแล้วนะ ครูพอใจผลงานของพวกเธอ มาก พวกเธอมีความพยายามดี ครูได้คัดเลือกเรียงความที่ดีเพ่ือให้รางวัลเป็น กำลังใจแก่ผู้เขียนด้วยนะ ตอนนี้ขอให้นักเรียนท่ีมีรายช่ือต่อไปน้ีออกมารับ รางวัลแลว้ เอาผลงานไปอา่ นให้เพือ่ นๆฟงั หน้าห้องด้วยนะจะ๊ ” นกั เรยี นพากนั หนั มองหนา้ กนั ไปมา พลางคดิ วา่ จะมใี ครบา้ งนะ กำพรา้ คิดว่าเขาเองก็เขียนได้ดีพอสมควร แต่คงไม่ถึงขั้นครูเรียกให้ไปอ่านให้เพ่ือนฟัง หรอก “ก้อยจ้ะ...ออกมาหน้าห้องเร็ว”

ปริศนาธรรม 59 ครูพรทิพย์ว่าพลางหยิบดินสอลวดลายสวยงามหนึ่งกล่อง ก้อยลุกข้ึน จากที่น่ังแล้วลุกเดินผ่านโต๊ะของกำพร้าไปรับของรางวัลและเรียงความคืนจาก ครู โดยมีเสียงโห่ร้องดีใจจากบักอ้วนและพรรคพวกดังจากด้านหลังห้อง ก้อย เองเป็นเด็กเรียนเกง่ และครูกเ็ รยี กไปหน้าหอ้ งบอ่ ยๆ อย่แู ลว้ ก้อยจึงไมม่ ที ่าทาง แปลกใจเท่าไหร่นัก เพียงแต่วันนี้ดูเธอไม่ค่อยมั่นใจเหมือนวันก่อนๆ ...มีอะไร ผดิ ปกติหรือเปล่า “อา่ นเลยจ้ะ” ก้อยหันไปพยักหน้ากับครูแล้วหันกลับมามองเพ่ือน กำพร้ารู้สึกแวบ หนึ่งวา่ ก้อยมองมาทต่ี นเองแล้วหลบตาลงอ่านขอ้ ความบนกระดาษในมือเธอ “ถ้าหนูได้เป็นนายกรัฐมนตรี หนูจะเลือกแก้ไขปัญหาความยากจนใน ท้องท่ีต่างจังหวัดก่อน อย่างเช่นในหมู่บ้านของเรา หนูอยากจะให้มีการพัฒนา ที่ทำกินให้ชาวบ้านมีท่ีดิน มีอาชีพเล้ียงตัวเองได้ จะได้ไม่ต้องเข้าไปหางานทำ ในเมือง หนูอยากให้รัฐบาลจัดอบรมเร่ืองเกษตรกรรมและการประกอบอาชีพให้ ชาวบ้านมีความรู้ จะได้นำเงินทุนหมู่บ้านไปใช้ให้เกิดประโยชน์ ถ้าหนูได้เป็น นายกฯ หนูจะแก้ปัญหาเรื่องความยากจนของชาวบ้านก่อนเร่ืองการพัฒนาใน เมอื ง เพราะชาวบา้ นจะไดพ้ งึ่ ตนเองได้ ถา้ เปรียบประเทศเป็นตน้ ไม้ รากไมซ้ ง่ึ ก็ คือชาวบ้านอย่างพวกเราๆ ต้องแข็งแรง พ่ึงตนเองให้ได้ ในทางกลับกัน ถ้า ตน้ ไมป้ ราศจากรากไม้ก็จะไม่สามารถเตบิ โตใหร้ ่มเงาแก่ฝูงนกและหนไู ด้...” กำพร้าฟังถึงตอนนี้ก็อ้าปากค้าง เพราะเขาจำประโยคน้ีได้ดีและไม่คิด ว่าก้อยจะเคยไดย้ นิ หรืออา่ นมาเหมอื นกนั



หก เมือ่ ต้องตัดสินใจ กำพร้ายืนรอบักอ้วนอยู่หลังตึกเรียนต้ังแต่เลิกเรียนแล้ว ในมือของเขา กำกระดาษสีชมพแู ผ่นน้นั ไว้ พลางคิดวา่ เรื่องนี้จะปลอ่ ยไว้ไมไ่ ดแ้ ลว้ บักอ้วนเดินมาพอดี กำพร้านัดเขามาคนเดียวโดยบอกแค่ว่ามีเร่ืองลับ ต้องคุยกนั พวกสมุนบกั อว้ นจงึ กลบั บ้านไปกอ่ น “เฮ้ย มีหยังบอกมา ถ้าบ่อยากโดนอัด” บักอ้วนรีบเปิดบทสนทนา เพราะรู้สึกไม่ค่อยดีกับบรรยากาศแบบนี้ กำพร้าพยักหน้าแล้วค่อยคล่ีกระดาษ ในมอื ให้บักอว้ นดหู ่างๆแต่ยงั จบั มนั ไว้แน่น “เฮ้ย เอ็ง...เอามาจากไหน เอาคนื เฮามา” บกั อ้วนเหน็ ก็รทู้ ันทวี ่าน่นั คือ จดหมายที่เขียนไว้จะให้ก้อย...แล้วทำไมมันมาอยู่ในมือกำพร้าได้...บักอ้วน พยายามแย่งมันคืนมา พลางตวัดสายตามองดูรอบๆ อย่างระแวงว่าจะมีใคร มองเห็น “ใจเย็นๆ สิ บักอ้วน เดี๋ยวเฮาเอาคืนให้ แต่ก่อนคืน เฮาขอถามอีหยัง จักอยา่ ง” ...แต่ถ้าไม่ตอบเฮาตามจริงละก็ เฮาจะเอากระดาษไปให้ก้อย หรือถึง เอ็งจะแย่งมันไปไดแ้ ละต่อยเฮาให้น่วม เฮาก็ยังจำข้อความในนั้นได้อยู่ แล้วเฮา กย็ ังบอกกอ้ ยไดอ้ ยดู่ ”ี

62 สินไช “เอ็งนี่...” นี่เป็นครั้งแรกที่บักอ้วนรู้สึกว่าถูกกำพร้าต้อนจนมุม “เอ็ง อยากรเู้ รื่องอะไร...วา่ มา” “เฮาอยากรู้ว่าหนังสือสินไชมันไปอยู่กับก้อยได้จั่งได๋” กำพร้ามองหน้า บกั อว้ นดว้ ยสายตาจริงจงั “เอง็ รตู้ ้ี เฮาขโมยเอง็ มาเองแหละ อยากแกลง้ เอง็ เลน่ แลว้ มือ้ หนง่ึ เฮาก็ เอามานั่งอ่านเบ่ิงใต้ต้นไม้ พอดีเฮาเห็นเอ็งเดินมากับก้อย เฮาเลยหลบไปก่อน พอเอ็งไปแล้วค่อยออกมานั่งเล่นคือเก่า ก้อยเขาเดินมากับพ่อแม่ กำลังจะกลับ บ้านกนั พอดี เฮาเลยตะโกนทกั ทายเขา กอ้ ยเห็นเฮาถอื หนังสอื นั่นอยกู่ ด็ ีใจใหญ่ ขอเฮาไปอา่ น เฮาบร่ วู้ า่ หนงั สอื นน่ั สำคญั จงั่ ไดเ๋ ลยใหเ้ ขาไป เปน็ หยงั ละ่ ...หนงั สอื นน่ั สำคัญจง่ั ได”๋ “สำคญั ส.ิ ..หลวงตาให้เฮายมื ” ดว้ ยความแคน้ ใจทก่ี ้อยหาหนงั สือพบแต่ ไม่บอกเขาสักคำ กลับเอาไปเองอย่างน้ีทำให้กำพร้าลืมตัว พานมีแรงกระชาก คอเสื้อบักอ้วนเขา้ มาใกล้ จนบกั อ้วนเองยังตกใจ “เอง็ ตอ้ งซอ่ ยเฮา” กำพรา้ จอ้ งตาบกั อว้ น แลว้ พดู แผนทค่ี ดิ ไวใ้ หบ้ กั อว้ น ฟังระหว่างทางเดินกลบั วัดดว้ ยกัน “เฮาขอโทษเอ็งด้วยว่ะ ไอ้กำพร้า” บักอ้วนเพิ่งจะพูดดีกับกำพร้าเป็น ครั้งแรก เพราะท่ีผ่านมาเขามองกำพร้าเป็นแค่คนที่มีไว้คอยแกล้งให้สนุกสนาน เท่านั้น แต่เหตุการณ์เมื่อเย็นน้ีทำให้เขาเพิ่งรู้สึกว่าตัวเขาไม่ได้เหนือไปกว่า กำพรา้ เลย “อือ” กำพร้าตอบไปท้ังที่ยังแปลกใจ แต่ยินดีท่ีได้เป็นเพื่อนกับบักอ้วน เพราะคนอย่างนถ้ี งึ รา้ ยก็แสดงออกมาชดั เจน ...ต่างกับคนรา้ ยใกลต้ ัวทีแ่ กลง้ ทำให้ไวใ้ จ กำพร้ากับบักอ้วนเดินกลับมาถึงวัดแล้ว ต่างคนต่างแยกย้ายไปท่ีกุฏ ิ ที่ตนอยู่ กำพร้าเก็บกระเป๋าหนังสือแล้วเปลี่ยนชุดลงมากวาดในวัดและถูพ้ืน โบสถต์ ามหนา้ ที่ สว่ นบกั อว้ นแยกไปขดั ถหู อ้ งนำ้ เมอ่ื กำพรา้ ยกถงั นำ้ และผา้ ขรี้ ว้ิ เขา้ มาในโบสถ์ เห็นหลวงตาน่ังสมาธิอย ู่

เมือ่ ตอ้ งตัดสนิ ใจ 63 หลวงตาไดย้ ินเสียงถังนำ้ ยกมาดังกรอ๊ งแกร๊งกล็ ืมตาข้นึ ชา้ ๆ “เป็นหยงั หอื จ่ังกลับมาเรว็ แท”้ กำพรา้ วางถงั น้ำแล้วคลานเขา่ เข้าไปคุยกับหลวงตา “ครบั ผม...หลวงตาครับ ผมรแู้ ลว้ วา่ หนังสือของหลวงตาอยู่กบั ผไู้ ด”๋ กำพร้าพูดแลว้ กเ็ งยี บไป ส่วนหลวงตารอฟังต่อ “อยทู่ ก่ี อ้ ยครบั เขาเอาไปจากบักอว้ นอีกเทอื่ หนงึ่ ” กำพรา้ พูดเสยี งเบา ทา่ ทางอดึ อดั หลวงตาฟงั นำ้ เสียงกร็ ู้ว่ากำพรา้ รสู้ กึ ไมด่ ีกับเร่ืองนี้เลย จึงแกลง้ พูดว่า “เฮย้ บ่เอาน่า อยา่ ทำเสยี งเศรา้ ขนาดน้ัน มา...หลวงตากำลังว่างสเิ วา้ เรื่องสินไชใหฟ้ งั ต่อ” จริงๆ แล้ว หลวงตาคิดว่าเรื่องสินไชตอนท่ีกำลังจะเล่าต่อไปน้ีเข้ากับ สถานการณข์ องกำพร้าไมน่ ้อย ฝ่ายสินไชเมื่อพานางสมุนทาและลูกสาวออกมาจากเมืองยักษ์ ก็พา พวกนางกลบั มาท่ีรมิ ฝ่ังนำ้ ที่เหล่าโอรสทัง้ หกคอยอยู่ เหล่าโอรสท้งั หก เม่อื เห็น สังขท์ องล่องมาตามน้ำกโ็ บกมอื ดใี จใหญ่ สังข์ทองหยุดท่ีริมตล่ิง เหลา่ โอรสก็โผ เข้ากอดสินไชแสดงความดีใจที่พาพวกนางกลับมาได้สำเร็จ พร้อมกับซักถาม เรื่องราวการเดินทางโดยตลอด สินไชจึงเล่าการผจญภัยในป่าเขา พบยักษ์ พญาช้าง และจนสุดท้ายได้ปราบขุนยักษ์กุมภัณฑ์ให้พวกพี่ชายฟัง จากนั้นก็ ขอลากลับเมืองนครศิลป์พร้อมกับสังข์ทองและสีโหโดยฝากให้เหล่าพ่ีชายพา นางสมนุ ทาและนางสีดาจันทร์กลับเมืองเปงจาล “เดี๋ยวสิ อย่าเพิ่งไป เจ้าเดินทางมาไกล หนทางก็ลำบาก อยู่พักผ่อน ด้วยกันสักครู่หนึ่งก่อน แล้วค่อยแยกย้ายกันกลับเมือง” ศรีสันท์ โอรสองค์โต กล่าวกับสินไชด้วยนำ้ เสียงออ่ นโยน สินไชมองตาศรีสันท์แล้วเห็นแววตาเป็นมิตรจึงย้ิมตอบ นางสมุนทา ก็เหน็ ด้วยวา่ สินไชควรจะพกั ผอ่ นเสยี หนอ่ ย กอ่ นจะออกเดนิ ทางอีกคร้งั

64 สินไช ศรีสันท์เดินนำทางสินไชไปน้ำตกใกล้ๆ เพ่ือเล่นน้ำให้ผ่อนคลาย ส่วน โอรสที่เหลือก็มาเดินเล่นข้างๆ พลางซักถามสินไชเรื่องนารีผลและนางกินรีด้วย ความสนใจ ส่วนสโี หและสังข์ทองน่ังรอเปน็ เพ่ือนนางสมนุ ทาและนางสีดาจันทร์ อยู่ท่ีเดิม จนเวลาล่วงไปนานโข รอนานแล้วไม่เห็นเหล่าโอรสกับสินไชกลับมา สักที จงึ รสู้ ึกสังหรณใ์ จกนั ทง้ั คู่ สังข์ทองหันมามองหนา้ สีโห สีโหก็พยกั หนา้ ตอบ ท้งั สองจึงขอลาจากนางสมนุ ทาแล้วตามเหลา่ โอรสกับสินไชไป เวลาผ่านไปเน่ินนานจนตกเย็นแล้ว นางสมุนทาและนางสีดาจันทร์ ได้ยินเสียงฝีเท้ากลุ่มคนเดินกลับมาจากน้ำตกก็ผุดลุกขึ้นและชะเง้อมองไปทาง ตน้ เสยี ง จนเมอื่ เหน็ เหลา่ โอรสทง้ั หกองคเ์ ดนิ คอตกหนา้ สลดกลบั มา จงึ แปลกใจ ท่ไี มเ่ ห็นสนิ ไชกลบั มาด้วย “เกิดอะไรข้นึ ทำไมสนิ ไชไม่กลับมาด้วย สีโหกบั สังข์ทองละ่ ไปอยไู่ หน” นางสมุนทาย่งิ กงั วลใจมากข้ึนเมอื่ เห็นเหลา่ โอรสเรม่ิ นำ้ ตาคลอเบา้ “สินไชตกหน้าผาไปแล้วพระเจ้าอา พวกเราเตือนแล้วว่าอย่าไปเล่น ตรงน้ำเชีย่ ว สินไชก็ไม่เชื่อ จงึ ถูกกระแสน้ำพัดไปจนตกหนา้ ผา หน้าผานีส้ งู ชนั มากเสยี ด้วย ไมแ่ น่วา่ สินไชจะมชี ีวติ รอดหรือไม่” เหล่าโอรสวา่ พลางรอ้ งไห้ นาง สมุนทารีบดึงมือลูกสาวไปเดินตามหาร่องรอยของสินไชด้วยกัน ฝ่ายเหล่าโอรส เดนิ ตามไป ย้อนกลับไปเม่ือสีโหและสังข์ทองติดตามเหล่าโอรสและสินไชมาถึง ริมฝั่งน้ำ แอบซ่อนตัวอยู่หลังพุ่มไม้คอยเฝ้าดูเหตุการณ์ พอมองเห็นศรและ พระขรรค์ของสินไชวางอยู่ริมน้ำก็เร่ิมใจคอไม่ดี จากน้ันจึงได้ยินเสียงเหล่าโอรส ท้ังหกหัวเราะดีใจกันเสียงดังขณะเดินกลับมาจากทางที่น้ำตกไหลลงสู่หน้าผา ด้านหนา้ “ไม่เห็นมันจะมีฤทธิ์เดชตรงไหนเลย โธ่! ทีน้ีเราก็จะได้พานางทั้งสอง กลบั ไปหาเสดจ็ พอ่ ไดอ้ ยา่ งสบายใจ และเสดจ็ พอ่ กจ็ ะตอ้ งมอบความดคี วามชอบ ใหพ้ วกเราเทา่ นั้น”

เมือ่ ต้องตดั สนิ ใจ 65 ทั้งสีโหและสังข์ทองได้ยินดังนั้นก็ตกใจ พอจะเดาเร่ืองท่ีเกิดข้ึนได้ จึง รีบแหวกพุ่มไม้ออกมาหยิบศรและพระขรรค์ก่อนที่พวกโอรสจะทันเห็น และ กลับไปบอกข่าวแก่นางจนั ทาและนางลุนทีเ่ มอื งนครศลิ ป ์ ทางฝ่ายนางสมนุ ทาและนางสีดาจันทรเ์ มือ่ เดนิ มาถึงน้ำตกแล้วกพ็ ากัน รีบเดินหาสนิ ไช แต่ไมพ่ บรอ่ งรอยอันใด นางสมนุ ทาคดิ อยู่ในใจวา่ เรอ่ื งนจ้ี ะตอ้ ง มีเบื้องหน้าเบื้องหลังแน่นอน เพราะคนอย่างสินไชน่ันหรือจะตกหน้าผาง่ายๆ ขนาดยักษ์เป็นหม่ืนเป็นแสนยังสู้รบจนชนะมาแล้ว แม้แต่กุมภัณฑ์ที่มีฤทธ์ิเดช มากก็ยงั พา่ ยแพต้ ่อสนิ ไช นางสมนุ ทามองมาทเ่ี หลา่ โอรสทนั ทโี ดยเฉพาะศรสี นั ทท์ เี่ รมิ่ มาเกาะแกะ ลูกสาว นางคิดเดาเร่ืองท้ังหมดได้ แต่ไม่มีหลักฐานจะปรักปรำใคร ส่วนเหล่า โอรสก็เร่งรัดให้พวกนางเดินทางกลับเมืองเปงจาลก่อนจะมืดค่ำ นางจึงได้แต ่ ต้ังจิตอธิษฐานฝากผ้าสไบ ปิ่น และช้อง แขวนไว้ท่ีต้นไม้แล้วขอส่ิงศักด์ิสิทธ์ิว่า หากสินไชยังมีชวี ิตอยู่ ขอใหน้ างไดร้ ับของสามสิ่งน้ีคืนในภายหลัง กล่าวถึงพระยากุศราชประทับน่ังอยู่ในปราสาท แวดล้อมด้วยไพร่พล พลันก็ได้ยินเสียงการ้องว่า นางมา...มา...มา...มา รู้สึกตาเขม่น แมลงภู่บินมา ตกลงข้างหน้า จ้ิงจกไต่ข้ึนบนบ่าขวา พระยากุศราชจึงเรียกโหรหลวงให้มา ทำนาย โหรทำนายว่าที่การ้องว่านางมาๆ นั่นเพราะจะมีญาติฝ่ายหญิงที่พลัด พรากจากกันไปคืนมา แมลงภู่บินตกลงข้างหน้าเพราะหญิงท่ีกลับคืนมาจะได ้ คู่ครอง ส่วนจิ้งจกไต่บนบ่าขวา จะมีลางร้ายเกิดแก่เชื้อสายของพระองค์และ ตาเขมน่ เบอื้ งขวาจะมีโชคลาภเกิดแตช่ ายที่มฤี ทธ์ิ เมื่อพระยากุศราชได้ฟังแล้วก็คิดว่านางสมุนทาน้องรักกำลังจะกลับ มาแล้วแน่แท้ จึงเฝ้ารอด้วยความยินดี สั่งให้เสนาอำมาตย์ไปจัดแต่งปราสาท เตรยี มมโหรปี พ่ี าทย์ ฆอ้ ง กลอง ท้งั มโหรสพ งว้ิ หนุ่ โขน หนงั ไวใ้ ห้พร้อมกอ่ น เจด็ วนั เพื่อจะได้รบั ขวัญ แต่ทว่าคำทำนายเร่ืองอื่นๆ นั้น พระองค์ยังไม่เข้าใจ และไม่สามารถ คาดเดาได้

66 สนิ ไช ทางด้านเมืองนครศิลป์ สีโหและสังข์ทองเดินทางกลับมาถึงปราสาท แล้วก็เข้าไปบอกข่าวแก่นางจันทาและนางลุนทันที นางท้ังสองต่างตกใจไม่เชื่อ สังข์ทองจึงนำพระขรรค์และศรออกมาให้นางดู เม่ือได้เห็นแล้วนางท้ังสองก็ต่าง รอ้ งไห้ “โถ...ลูกรัก แม่บอกแล้วว่าเจ้าพวกโอรสทั้งหกนั้นไว้ใจไม่ได้ มันจะ ทำร้ายลกู เพ่อื เอาหนา้ วา่ เป็นคนชว่ ยพระเจา้ อา คงเพราะเจา้ เผลอไวใ้ จมนั ถึงได้ ถูกทำรา้ ยเอาอย่างนี้” คิดแลว้ พวกนางแค้นใจจนไมอ่ าจทนได้ ต่อเม่ือไดส้ ติ จึงคิดวา่ ปราสาท และเมืองนครศิลป์เกิดข้ึนได้ก็เพราะบุญญาธิการของสินไช เทวดาจึงมาสร้างไว้ ให้ และตอนนป้ี ราสาทราชวังยังคงสภาพดีอยู่เหมือนเดมิ ไมเ่ ปลย่ี นแปลงสกั นิด น่ันน่าจะแปลว่าสินไชยังมีชีวิตปลอดภัยอยู่ที่ไหนสักแห่ง พวกนางจึงเช็ดน้ำตา และรอสนิ ไชกลบั มาอย่างมีความหวัง ณ ริมธารน้ำตกในหุบเหว พระอินทร์หันมาถามสินไชหลังจากให้เวลา แก่สินไชไดค้ ดิ ทบทวนเรื่องราวชวี ิตของตน “เจ้าคดิ ได้หรอื ยังล่ะ ว่าจะทำอยา่ งไรต่อไป” ส่วนสินไชหลังจากได้ใช้สติคิดพิจารณาแล้ว พบว่าเรื่องราวอันสับสน โกลาหลในชวี ติ ของตนทผี่ า่ นมาเกดิ จากจติ ของมนษุ ยท์ คี่ ดิ รา้ ยตอ่ กนั นเ่ี อง ตงั้ แต่ ครง้ั ทม่ี เหสที ง้ั หกอจิ ฉานางลนุ และนางจนั ทาจนขบั ไลพ่ วกนางออกจากวงั ทำให้ ตนไมเ่ คยไดพ้ บหน้าพระบดิ าเลยสักครั้ง จนถงึ คร้งั น้ีท่ีเหล่าโอรสทงั้ หกมาอจิ ฉา จนคิดฆา่ แกงกนั อกี “วา่ อย่างไรล่ะ เจา้ จะทำอย่างไรกับเหล่าโอรสนัน่ ต่อไป” พระอินทรถ์ ามต่อ สนิ ไชนิ่งคิดแล้วตอบอยา่ งมนั่ ใจ “ข้าจะใหอ้ ภยั พวกเขา...ขา้ จะกลบั เมืองของขา้ ”

เมือ่ ต้องตดั สนิ ใจ 67 กำพร้าฟังเร่ืองสินไชอย่างตั้งใจ แต่คราวน้ีเขาไม่ได้ยิ้มหรือตื่นเต้นไป กบั เรอื่ งราว เพราะกำลงั ใชค้ วามคดิ พจิ ารณาเหตกุ ารณต์ า่ งๆ ทงั้ เรอ่ื งของสนิ ไช และเร่อื งของตนเอง “กำพร้า...เอ็งเข้าใจไหมว่าเป็นหยังสินไชคนที่ชนะยักษ์มารมาได้อย่าง งา่ ยดาย แต่กลับมาแพ้พวกโอรสท้งั หกท่ีบม่ ฤี ทธ์”ิ หลวงตาถาม “คงเพราะเขาไว้ใจจึงบ่ไดร้ ะวังมั้งครับ” “เออ...คงสิแม่น หลวงตาสิบอกเอ็งเด้อ...ภัยอันตรายจากการต่อสู้กับ ยักษ์มารทั้งหลายยังบ่น่ากลัวคือการต่อสู้กับจิตใจของมนุษย์ด้วยกัน เพราะเฮา มีแต่ความอิจฉาริษยาและมุ่งร้ายกัน สินไชน่ะเก่งแต่ภายนอก หลงเชื่อคนง่าย ก็เลยถูกหลอก ที่จริง...คนเฮาทุกคนควรจะแข็งแกร่งทั้งภายนอกและภายใน หมายความว่ามีร่างกายท่ีอดทนกับความลำบาก สามารถฝ่าฟันอุปสรรคไปได้ และตอ้ งมจี ิตใจภายในทีเ่ ขม้ แขง็ บห่ ว่ันไหวตามคำพูดคำเว้าของผู้อน่ื ด้วย” “หมายความจง่ั ได๋ครับ หลวงตา” “ก็หมายความว่าอย่าหลงเช่ือคนง่ายๆ เพราะเห็นว่าเฮาน่ำดีๆ แล้วก ็ บห่ วนั่ ไหวกบั คนทม่ี าทำรา้ ยเฮา หากวา่ เฮายงิ่ โกรธตอบกจ็ ะมแี ตย่ ง่ิ ทำรา้ ยกนั ไป บ่จบบส่ ้นิ ” “คนเฒา่ คนแก่เขาสอนกันมาว่า ความดีฝงั ไว้เกา้ ศอก ความช่วั ชกั ออก เก้าวา หมายความว่า ให้รักษาความดีเอาไว้ ให้ผลักความช่ัวห่างไปไกลๆ ความหมองความผู้เคยี ด เขยี ดฮอ้ งถกึ ใจงู งูดใี จเมื่อได้ยนิ เขาว่ากันว่า เอาเร่ือง ทเ่ี ป็นโทษไปปรึกษากบั คนท่ีเกลียดเรา ก็เหมอื นเขียดรอ้ ง เข้าใจแม่นบ่” กำพร้าน่ิงคิดสักครู่หนึ่งแล้วย้ิมน้อยๆ ให้หลวงตา เขากำลังคิดถึงการ ตดั สินใจของสนิ ไช “ครับ หลวงตา” เขาพดู พลางนกึ ถึงก้อย รู้แล้วว่าจะทำอย่างไรตอ่ ไป



เจ็ด ความจริงปรากฏ ฝ่ายโอรสท้ังหกพานางสมุนทาและนางสีดาจันทร์เดินทางรอนแรมมา กลางป่าเป็นเวลาหลายวันยังไม่ถึงเมืองเปงจาล เย็นวันหนึ่งพากันหยุดนอนใน ป่ากว้าง เมื่อสุมไฟเสร็จแล้ว นางสมุนทาพาลูกสาวไปหักใบไม้มารองนอนใต้ ต้นไทร ก่อนนอนได้ภาวนาขอให้เทวดามาช่วยคุ้มครองให้ปลอดภัยแล้วเคล้ิม หลบั ไป ส่วนศรีสันท์เตรียมท่ีนอนของตนเสร็จแล้วก็ยังข่มตาไม่หลับ ลุกขึ้น จากที่นอนหลังจากท่ีน้องหลับกันหมดแล้ว เขาค่อยๆ ย่องเบาๆ พยายามไม่ให ้ มีเสียงเหยียบใบไม้จนมาถึงข้างที่นอนของสีดาจันทร์ ศรีสันท์คุกเข่าลงข้างนาง แล้วโน้มตัวก้มหน้าลงไปชมนางใกล้ๆ ปลายจมูกศรีสันท์ใกล้จะสัมผัสแก้มนาง แล้ว แตส่ ีดาจนั ทรร์ ูส้ ึกถงึ ลมหายใจรอ้ นผา่ วทรี่ ดลงมาบนแกม้ เสียก่อน “วา้ ย! ออกไปนะ ไอศ้ รสี นั ท์ คนเลวชาตชิ ่ัวตัวอัปลกั ษณ์ ออกไป!” “เกดิ อะไรขึน้ หรือลูก” นางสมุนทาไดย้ ินเสียงลกู สาวร้องลน่ั กต็ กใจตื่น

70 สินไช “เจ้าออกไปเดี๋ยวนี้เลย อย่ามายุ่งกับลูกสาวข้า ไม่รู้จักเจียมตัว” นาง สมุนทาด่าศรีสันท์เสียงดังลั่นป่า ศรีสันท์พยายามปิดปากทั้งลูกท้ังแม่ให้เงียบ เกรงวา่ น้องๆจะต่นื แล้วตนจะเสียหนา้ “ใจเยน็ ๆ น่ีฉนั มาอยตู่ รงน้ีได้อย่างไร ฉนั ยงั ไมร่ ู้ตวั เลย สงสยั ผปี า่ จะอ้มุ เอาตัวมา นางเองก็เหมือนกันคงจะถูกผีหยอกเข้าแล้วจึงพากันเข้าใจไปเองว่า เปน็ ฉัน อยา่ ด่าทอให้อื้อองึ ไปเลย” นางสมุนทาย้ิมเยาะหยันแล้วว่า “ศรีสันท์เจ้าน่ีชั่วช้าแล้วยังหน้าด้าน โทษผีสาง เดี๋ยวเถอะผีป่าจะลงโทษ เจ้าอย่ามายุ่งกับพวกข้าอีก” ว่าแล้วนางก็ เปลยี่ นทีน่ อนกบั ลกู สาว ฝ่ายโอรสท่ีเหลือตกใจต่ืนข้ึนตั้งแต่นางสีดาจันทร์เริ่มตะโกนโวยวาย แลว้ เมอื่ เหน็ พช่ี ายเดินหนา้ จ๋อยกลบั มาก็ไดท้ สี ัพยอก “ตัวพีก่ ห็ นกั อย่นู ะ ผีสางยังอตุ ส่าห์อมุ้ ไหวไปถงึ ตรงโนน้ …” พลั่ก! ศรีสันท์ตบหัวน้องชายเสียงดังสน่ันจนอีกฝ่ายต้องเดินหลบไป ท่นี อนตวั เอง “หนอย...เล่นตัวนักนะ คอยดูเถอะสีดาจันทร์ เจ้าไม่พ้นมือข้าหรอก” ศรีสันท์ยังพูดอยู่คนเดียว ในขณะท่ีบรรดาน้องชายคิดว่าศรีสันท์ท่าจะบ้าจริง อย่างทนี่ างสมนุ ทาว่า รงุ่ เชา้ ทงั้ หมดเดนิ ทางตอ่ ไปจนถงึ เมอื งเปงจาล พวกเสนาอำมาตยแ์ ละ นางสนมออกมาต้อนรับเป็นจำนวนมาก เสียงโห่ร้องดีใจประกอบประโคมเสียง ดนตรีดังไปทั่ว ทุกคนต่างดีใจท่ีเห็นนางสมุนทากลับมาและย่ิงดีใจเมื่อได้เห็นว่า นางมีลูกสาวรูปโฉมงดงามไม่แพ้กันติดตามมาด้วย นางท้ังสองข้ึนวอทอง ส่วน โอรสทั้งหกทำทา่ อวดเบ่งขม่ี า้ ตามมาโดยมเี สนาขา้ เฝ้าแห่แหนเข้าเมอื ง กลับมาคราวน้ี นางสมนุ ทาร้สู กึ ไม่คุ้นเคยกบั บ้านเมอื งเหมือนเกา่ แต่ก็ ยงั ยนิ ดที เ่ี หน็ บรรดาไพรฟ่ า้ ประชาชนตา่ งออกมาชมพระบารมกี นั อยา่ งเนอื งแนน่ สองฝง่ั ถนน นางจึงโบกมือให้พลางคิดในใจว่าอกี ไม่นานจะไดพ้ บเสดจ็ พี่แลว้

ความจรงิ ปรากฏ 71 ฝ่ายพระยากุศราชเฝ้ารอเวลาด้วยใจต่ืนเต้นจนประทับน่ังไม่ติด ไม่ถึง อึดใจ กระบวนก็แห่แหนมาถึงท้องพระโรง เมื่อพระยากุศราชเห็นน้องสาวลง จากวอก็เข้าไปสวมกอดด้วยความดีใจ เหล่านางกำนัล ข้าหลวงพลอยปล้ืมใจ จนร้องไห้ไปด้วย นางสีดาจันทร์ก้าวลงจากวอตามมา พระยากุศราชเห็นจึงย้ิม ให้แล้วพดู กบั นางสมุนทา “พ่ีดีใจเหลือเกินที่ได้พบน้องอีกครั้ง ตั้งแต่วันที่ยักษ์ลักน้องไป พี่ก็ไม่ เคยเป็นสุขใจอีกเลย ต้องขอบใจโอรสทั้งหกซึ่งเป็นผู้มีฤทธิ์เดชอาสาไปรับตัว น้องมา เราจึงได้พบกัน แล้วหญิงคนน้ีเป็นใครรูปร่างหน้าตาละม้ายคล้ายน้อง มาก ไหนลองเลา่ เร่ืองราวที่เกดิ ขึน้ ให้พ่ีฟงั ซ”ิ นางสมุนทาหมั่นไส้โอรสทั้งหก ตั้งแต่ท่ีพระยากุศราชเข้าใจผิดว่าเป็น คนช่วยตนมาแล้ว ย่ิงหม่ันไส้หนักขึ้นไปอีกเม่ือศรีสันท์แย่งนางเล่าเร่ืองท่ีเกิด ข้นึ ซ่งึ ลว้ นแลว้ แตเ่ ป็นเรอ่ื งโกหกทงั้ สิน้ “นางช่ือสีดาจันทร์เป็นธิดาของพระเจ้าอากับยักษ์กุมภัณฑ์ ตอนแรก ลูกไปรับเสด็จอาท่ีปราสาทของขุนยักษ์ในป่าหิมพานต์แล้วก็ได้แผลงศรปราบ มันพร้อมเหล่าบริวารตายกลาดเกล่ือน จากนั้นจึงไปรับนางสีดาจันทร์ที่เมือง นาคซ่ึงได้ตกเป็นชายาของเจ้าเมืองนาค เพราะยักษ์กุมภัณฑ์แพ้พนันสกากับ เจ้าเมืองนาคเมอ่ื ครัง้ ก่อน คร้ังนล้ี กู จงึ ไปทา้ เลน่ สกากับเจา้ เมืองนาคจนชนะและ นำตวั นางมาได”้ “โอโ้ ห! ลูกข้านเี่ กง่ จริง ไม่เสียแรงที่เล้ียงดเู จ้ามา ดีแล้ว ทกุ วันนข้ี ้าก็มี แต่จะแก่ลงทุกที ข้าจะได้วางใจมอบราชสมบัติให้เจ้า” พระยากุศราชว่าแล้วก็ หนั มาทกั ทายหลานสาว “แลว้ เจ้าละ่ อายเุ ท่าไหร่แลว้ เข้ามาหาลุงซิ” นางสีดาจันทร์คลานก้มหน้าเข้าไปหาพระยากุศราช และไม่พอใจ ศรีสันท์ แต่จะโต้เถียงต่อหน้านางกำนัลและเสนาอำมาตย์ก็เกรงใจพระเจ้าลุง จึงได้แต่เก็บความในใจเอาไว ้

72 สินไช พระยากุศราชลูบหลังรับขวัญหลานสาวแล้วจึงบอกให้นางทั้งสองไป พักผ่อน เมื่อนางท้ังสองมีโอกาสอยู่ด้วยกันสองคนก็ระบายความแค้นใจท ี ่ ศรีสันท์ชิงทูลเร่ืองเท็จตัดหน้านางอย่างไม่เกรงใจ นางท้ังสองอยากจะบอก ความจริงกับพระยากุศราช แต่ยังไม่มีหลักฐานอะไรก็เกรงว่าจะถูกมองว่าตน กล่าวเรื่องเทจ็ เสยี เอง จึงต้องทนนงิ่ ถอนใจไม่พูด ก้อยน่ังอยู่คนเดยี วในหอ้ งเรยี นช่วงพักกลางวัน พลางอ่านหนังสือเรื่อง สินไชจนใกล้ถึงตอนจบแล้ว เธอคิดว่าจะรีบอ่านให้จบเสียทีจะได้เอาไปคืนให้ หลวงตา กำพร้าจะได้ไม่รู้ว่าใครเอาไป เธอรู้สึกผิดเหมือนกันท่ีเอาหนังสือของ กำพร้ามาจากบักอว้ นโดยไมบ่ อกเขาสกั คำ แต่เธอเปน็ คนใจรอ้ นอยากได้อะไรก็ ต้องได้เด๋ียวน้ัน พ่อแม่ยังตามใจเธอแบบนี้มาตลอด กำพร้าก็เป็นเพื่อนเธอมา นานคงไม่ว่าอะไรหรอกนะ หรือถึงจะว่าอะไร กำพร้าก็ไม่มีหลักฐานอะไรท่ีจะ เอาผิดเธอ ระหว่างทกี่ ้อยกำลังอ่านหนังสืออย่างสนุกสนานอยนู่ นั้ บักอว้ นเดนิ เขา้ ห้องมาพอดจี ึงถามก้อยว่า “อ้าว! ก้อย อ่านหนังสืออยตู่ ้ี สนกุ บ่” ก้อยเห็นบักอ้วนก็ย้ิมให้เจ่ือนๆ แล้วตอบว่า “สนุก” พลางพับหนังสือ เก็บไวใ้ นล้ินชกั “ดี อา่ นถึงไส เปิดให้เฮาเบิง่ น่ำแหน่” บักอว้ นเดินเข้าไปใกล้เกา้ อีท้ กี่ ้อย นง่ั อยูแ่ ลว้ นงั่ ลงขา้ งๆ “อมื ...กไ็ ด้ เดย๋ี วเดอ้ ” กอ้ ยหยบิ หนงั สอื ขน้ึ มาใหม่ แตร่ สู้ กึ อดึ อดั เลก็ นอ้ ย ท่ีบักอ้วนเข้ามาใกล้ขนาดนีข้ ณะอยใู่ นหอ้ งท่ไี มม่ ีใครอื่น พอกอ้ ยหยิบหนังสือข้นึ มากางบนโตะ๊ แลว้ บักอ้วนกจ็ ับปลายหนังสืออีกด้านไว ้ ทันใดนั้น กำพร้าก็เดินเข้าห้องมาพอดี จึงเห็นภาพก้อยจับหนังสือไว้ ดา้ นหนึง่ และบักอ้วนอีกดา้ นหน่งึ กอ้ ยตกใจรีบปลอ่ ยหนังสือแล้วลกุ พรวดขนึ้ จากเกา้ อ้ีทนั ที สว่ นบักอว้ น ก็นงั่ นงิ่ สบายใจอยทู่ ี่เดิมพลางขยบิ ตาให้กำพรา้

ความจรงิ ปรากฏ 73 “ก้อย เฮารู้จากบักอ้วนแล้วล่ะว่าเธอเอาหนังสือไป เมื่อก้ีเฮาตกลงกับ บักอว้ นไวแ้ ล้ววา่ ให้ซอ่ ยร่วมมือกบั เฮา...ทีจ่ รงิ ถา้ เธออยากจะยมื อ่าน เฮากบ็ ว่ า่ อหี ยงั ดอก...” กำพรา้ เดนิ เขา้ ไปหยบิ หนงั สอื นนั้ จากโตะ๊ แลว้ คอ่ ยยนื่ ใหก้ อ้ ย กอ้ ยไมร่ บั เพราะยังรสู้ ึกผดิ “...แค่คราวหลังขอให้เธอบอกเฮาก่อนก็เท่านั้นเอง...” กำพร้าพูดเสียง เรียบแต่จริงจัง พลางสบตาก้อยเพ่ือส่ือสารว่าเขายอมอภัยให้เธอ แต่เธอต้อง ร้ตู วั วา่ ทำผิดไป และเขาจะไมย่ อมให้เธอทำแบบนัน้ อกี “...อา่ นเสรจ็ แลว้ เอามาคนื เฮาเดอ้ ” กำพรา้ วางหนงั สอื นนั้ ลงกบั โตะ๊ แลว้ หันหลังกลับเดินออกจากห้องไป บักอ้วนลุกขึ้นเดินตามกำพร้าออกไป พลาง หันมาโบกมอื ให้กอ้ ยก่อนเดินพ้นประตู ก้อยค่อยๆ หยิบหนังสือเล่มน้ันข้ึนมากอดกับอก แล้วพูดเสียงสั่นเบา ราวกระซบิ “ขอบใจเดอ้ กำพร้า” ตกเยน็ กำพรา้ เขา้ ไปคยุ กบั หลวงตาตอ่ เพราะหลวงตาบอกกำพรา้ แลว้ ว่า ต่อไปน้จี ะเลา่ เรอ่ื งสินไชให้ฟงั ทกุ วนั จนจบ เพราะจะไดถ้ ือโอกาสสอนธรรมะ ใหก้ ำพรา้ ไปด้วยในตัว หลวงตาเลา่ ต่อจากตอนทแ่ี ลว้ ถงึ ตอนทีน่ างสมุนทาและ นางสีดาจันทร์ได้กลับเข้าวังท่ีเมืองเปงจาลแล้วรู้สึกร้อนใจที่ไม่ได้ข่าวคราวของ สนิ ไชเลย และศรสี นั ท์ยงั ชงิ ทลู ความเท็จให้พระยากศุ ราชเข้าใจผดิ อีกวา่ ตนเปน็ คนช่วยพวกนางมา ฝา่ ยพระยากศุ ราชเหน็ ว่าต้ังแต่นางสมนุ ทาและลกู สาวกลับเข้าเมืองมา หน้าตาท่าทางไม่สบายใจ คิดว่ายังคงเศร้าท่ีสามีตายไป จึงควรปล่อยไว้สักพัก แล้วค่อยมาปลอบขวญั ขณะนั้นเสนาอำมาตย์เข้ามาบอกว่ามีนายเรือมาขอเข้าเฝ้าพระยา- กุศราช เพราะต้องการนำของมาถวายเพ่ือร่วมความแสดงความยินดีในโอกาสท่ี

74 สินไช นางสมุนทาได้กลับเมืองเปงจาล พระยากุศราชอนุญาตให้นายเรือคนน้ันมาเข้า เฝ้า แล้วนายเรอื ก็เดนิ ตามหลงั เสนาอำมาตยเ์ ข้ามาทท่ี ้องพระโรง ในมือถือผ้าสไบ ปิ่น และช้องสวยงามจบั ตามาด้วย! ท่ีแท้แล้วมีชาวบ้านที่อยู่ใกล้น้ำตกน่ันเดินไปพบของสามส่ิงนี้เห็นว่ามี ค่า จึงนำมาขายต่อให้นายเรือสินค้าท่ีแวะมาจอดที่ท่าน้ำใกล้กันนั้น ทันทีท่ี เหล่าโอรสท้ังหกเห็นข้าวของของนางสมุนทาก็รีบเข้าไปดักนายเรือคนนั้นแล้ว ฉวยเอาของมา พระยากศุ ราชเข้ามาเห็นพอดีจงึ ถามว่า “นัน่ อะไรนะ่ ” “อ๋อ ไมม่ ีอะไรหรอกเสด็จพ่อ นายเรอื มันบงั อาจเอาของไมด่ มี าใหเ้ สด็จ พอ่ ลกู จะเอาไปเผาทิ้ง” “อะไรกันลูก ปกตินายเรือคนนี้เอาของดีมาถวายให้เป็นประจำทุกปี ทำไมไปว่าเขาอย่างนน้ั เอามานี่ เดย๋ี วพ่อดูเอง” เหลา่ โอรสจึงตอ้ งยอมมอบของ ท้งั สามใหพ้ ระยากุศราช พระยากุศราชเห็นว่าเป็นของดีจึงนำเอาไปเป็นของปลอบขวัญให้นาง สมุนทาและนางสีดาจันทร์ทันที เมื่อนางสมุนทาและนางสีดาจันทร์ได้เห็นของ สามสง่ิ กพ็ ากนั รอ้ งไหด้ ใี จ เพราะคดิ วา่ สนิ ไชยงั มชี วี ติ อยู่ พระยากศุ ราชเหน็ ดงั นน้ั กต็ กใจจึงถามถงึ สาเหตุ นางทั้งสองได้โอกาสจงึ เลา่ ใหฟ้ งั ท้ังนำ้ ตาวา่ “คนท่ีช่วยน้องท่ีจริงแล้วไม่ใช่โอรสทั้งหกของเสด็จพี่ แต่เป็นสินไช โอรสทพ่ี ขี่ บั ไลอ่ อกจากวงั ไปพรอ้ มกบั นางลนุ กบั นางจนั ทาตา่ งหาก ทง้ั สนิ ไช สโี ห และสังข์ทองได้ฝ่าฟันอุปสรรคนานามาจนพาน้องกับลูกกลับมาพบหลานทั้งหก ที่ริมฝ่ังน้ำไม่ไกลจากเมืองเปงจาลนัก หลานทั้งหกนั่นไม่ได้ช่วยอะไรน้องเลย ซ้ำร้ายยังพาสินไชไปเล่นน้ำแล้วเดินกลับมาบอกว่าสินไชตกหน้าผาไปแล้ว แต่ น้องเชื่อว่าจะต้องเป็นฝีมือของพวกโอรสท้ังหกเพราะต้องการความดีความชอบ จากเสด็จพี่เป็นแน่ ส่วนน้องเองได้ตั้งจิตอธิษฐานไว้ว่าหากสินไชยังมีชีวิตอยู่ ขอให้ของสามสิ่งนี้ที่น้องท้ิงไว้ใกล้น้ำตกนั้นกลับมาหาน้อง แล้ววันน้ีของสามส่ิง น้ีกก็ ลบั มาหานอ้ งจริงๆน้องเชือ่ วา่ สนิ ไชจะตอ้ งปลอดภยั อยู่ที่ไหนสกั แห่งแน่ๆ”

ความจรงิ ปรากฏ 75 พระยากุศราชได้ฟังแล้วย่ิงโกรธแค้นนักที่ถูกลูกโกหกหลอกลวงเอาได้ จึงส่ังให้ทหารคุมขังเหล่าโอรสพร้อมมารดาและบุคคลท่ีร่วมกันกระทำความผิด แล้วรำลึกถึงความหลังที่ได้ทำผิดไว้กับนางจันทา นางลุน และโอรสทั้งสาม จึง ส่งั ใหจ้ ัดขบวนใหญ่โตออกไปรบั ท้ังหา้ กลับเขา้ วงั ก่อนออกจากวัง พระยากุศราชสั่งให้ทำพิธีบวงสรวงเจ้าที่เจ้าทาง เปน็ การใหญ่โต เจ้าทจี่ ึงบนั ดาลให้พระยากศุ ราชทราบว่าทั้งห้ากษัตริย์อาศยั อยู่ ที่เมืองนครศิลป์และเจ้าที่ยังช่วยบอกเส้นทางจนพระยากุศราชเดินทางไปถึง นครศิลป์ได้ในทสี่ ดุ ส่วนสินไชน้ันได้กราบลาพระอินทร์ และกลับมาถึงเมืองนครศิลป์ได้ หลายวันแล้ว มาอยู่กับพระมารดา นางจันทา และพ่ีทั้งสองอย่างมีความสุข จนวันหน่ึงเห็นกระบวนแห่แหนใหญ่โตเข้ามาในบริเวณเมืองของตนก็แปลกใจ จึงวง่ิ ไปดูพรอ้ มทงั้ สงั ข์ทองและสีโห



แปด วันพบผู้ปกครอง “กำพรา้ ๆ” เพ่ือนที่นงั่ เรยี นข้างๆกำพรา้ สะกดิ กำพรา้ กำลังตั้งใจฟงั ครู พรทิพย์พูดอยู่หน้าห้องจึงต้องหันมามอง เพ่ือนคนน้ันย่ืนหนังสือให้ พร้อมท้ัง ช้นี ว้ิ ไปวา่ กอ้ ยฝากส่งมา กำพร้ารับมาดูก็เห็นว่าเป็นหนังสือเรื่องสินไชนั่นเอง แล้วจึงค่อยพลิก ปกเปิดดูดา้ นใน พบกระดาษแผน่ เล็กๆ สอดเอาไว้และมีขอ้ ความสนั้ ๆวา่ “ขอโทษนะกำพรา้ ” กำพร้าอ่านแล้วก็หันไปมองก้อย ผ่านมาสองวันจากเหตุการณ์วันน้ัน เขาไม่ได้คุยกับก้อยอีกเลย ไม่รู้ว่าเพราะก้อยยังอ่านหนังสือไม่จบหรือไม่กล้า สูห้ น้าเขากันแน่ แตว่ ันนีก้ ้อยยอมขอโทษเขาแลว้ เขาไม่มเี หตุผลต้องเฉยชากบั ก้อยอกี เขาจงึ ย้มิ ใหเ้ ธอเล็กนอ้ ย “เอ้า กำพร้าหันมาทางน้ีก่อน ครูกำลังจะประกาศให้ทุกคนในห้องได้ ทราบว่างานวันเด็กปีนี้ ครูอยากให้นักเรียนชั้นป.6 เลือกวรรณคดีสักเร่ืองมา แสดงเป็นละครเวทีสั้นๆ เรื่องไหนก็ได้ เอาตอนที่ให้คติสอนใจดีๆ ล่ะ แล้วครูจะ เชิญผู้ปกครองของทกุ คนมาชมการแสดงดว้ ย เพราะฉะน้ันขอให้แสดงกันเต็มท่ี เลยนะจะ๊ ”

78 สนิ ไช ครูพรทิพย์พูดแล้วก็สอนหนังสือต่อจนหมดคาบเรียน แล้วจึงปล่อย นักเรียนกลับบ้าน นักเรียนบางคนก็บ่นว่าครูให้การบ้านยากอีกแล้ว แต่บางคน ย้ิมแย้มเพราะชอบแสดงออกบนเวที กำพร้ากำลังจะเดินผ่านหน้าครูพรทิพย์ เธอดงึ ตัวกำพรา้ ไว้กอ่ น แล้วพูดพลางลูบหวั กำพรา้ เบาๆ “เธอเองก็เหมือนกันนะ แสดงให้เต็มท่ีแล้วครูจะทำหน้าที่ผู้ปกครอง คอยให้กำลังใจเอง” กำพร้าหันมาย้ิมให้ครูพลางพยักหน้าแล้วก็เดินค้อมตัวผ่านครูไป ส่วน บกั อ้วนเดินตามมาพลางวางท่าว่าจะไดเ้ ป็นพระเอกแน่แลว้ งานน้ี ครูพรทิพย์ดึง ไหล่เขาไว้เชน่ กัน “ให้กำพร้าเขาเล่นละครด้วยนะ ครูอยากให้เขาฝึกความกล้าแสดงออก มากกวา่ น”้ี “ครบั ผม” บกั อว้ นทำท่าตะเบะ๊ ให้ครูแลว้ กว็ ิ่งตามกำพรา้ ไป พอทนั แล้ว บกั อว้ นก็ตบไหล่เพอ่ื นดังผัวะแลว้ ถามนำ้ เสียงกวน “เฮย้ เปน็ หยงั จงึ เศร้า” กำพร้ากลับนิ่งไปไม่พูดจา...ความรู้สึกแบบน้ีมักจะมาเย่ียมเยียนทุกที เมื่อวันพบผู้ปกครองมาถึง...กำพร้าตอบบักอ้วนเสียงแผ่วเบาจนเหมือนพูดกับ ตัวเองแลว้ เดินนำหนา้ ไป “เฮาอยากเจอหน้าพอ่ แมม่ ่งั ว่ะ” สินไชข่ีสังข์ทองนำสีโหจนมาถึงกระบวนแห่ เห็นนางสมุนทาและนาง สีดาจันทร์ก็ดีใจที่ได้พบหน้ากันอีกคร้ัง คร้ันพอนางท้ังสองลงมาจากราชรถแล้ว ก็เห็นชายอีกผู้หน่ึงแต่งตัวสง่างามอย่างกษัตริย์ลงมาจากหลังช้างในกระบวน ด้วย สนิ ไชไม่คุน้ หน้าชายผู้นี้ นางสมุนทาจึงบอกว่า “น่ีไงจ๊ะ เสด็จพ่ีของอา แล้วก็เป็นเสด็จพ่อของหลานรักไง พระองค์รู้ เร่ืองราวทั้งหมดแล้วว่าหลานเป็นคนสู้รบกับยักษ์จนช่วยอามาได้ อาก็เลยพา เขามารับหลานและแมก่ ลบั เขา้ วงั ด้วยกัน” สินไชมองหน้านางสมุนทาแล้วก็หันไปมองหน้าชายผู้นั้นอีกคร้ัง...คนน้ี น่ะหรือ พระบิดาที่เขาอยากจะพบมานาน สินไชเผลอย้ิมดีใจแต่ก็คิดได้ว่าชาย

วนั พบผปู้ กครอง 79 คนนี้น่ีเองได้ทำร้ายจิตใจพระมารดาและขับไล่ให้นางออกมาพบความลำบาก สินไชคิดน้อยใจพระบิดาท่ีทำไม่ดีกับพระมารดาไว้ จึงหันหลังกลับวิ่งหนีจากมา พระยากศุ ราชวง่ิ ตามไปกอด “หนั มาพดู กบั พ่อบ้างเถดิ พอ่ ผิดไปแลว้ แมเ่ จ้าอยทู่ ไี่ หน พ่อต้งั ใจว่าจะ มาขอโทษแล้วจะพากลบั วังไปด้วยกนั ” สนิ ไชไดฟ้ งั แต่ยังหันหลงั ให ้ “เสด็จพ่อกลับไปเถิด เสด็จแม่คงไม่มีทางให้อภัยท่าน ขอท่านจงกลับ ไปหามเหสีทั้งหกเถิด เสด็จพ่อมีรัชทายาทอยู่แล้วท้ังหกองค์ ลูกเป็นลูกคน สุดทา้ ยทพ่ี ่อไม่พึงประสงค”์ พระยากุศราชได้ยินดังนั้นก็เข่าอ่อนร้องไห้ เหล่าไพร่พลบริวารต่างก็ ล้มลงร้องไห้แทบจะสลบไป นางสมุนทาเห็นสินไชใจแข็งก็ช่วยพูดว่าอย่าโกรธ พระบิดาเลย “ไหนๆ เขาก็มางอนง้อแล้ว อารับรองว่าจะไม่มีเหตุการณ์ท่ีทำให้ สินไชต้องเดือดร้อนอีก” สีดาจันทร์ก็ตัดพ้อว่า “พ่ีสินไชจากมาอย่างนี้ทำให ้ ศรีสันท์ข่มเหงเอาได้” สินไชจึงบอกว่า “พ่ีไม่ได้คิดหนีจากมา แต่โอรสทั้งหก ผลกั พีต่ กนำ้ โชคดีท่ไี ดพ้ ระอนิ ทรม์ าช่วยไว้” ฝ่ายพระยากุศราชได้ยินดังนั้นจึงบอกว่าจะกลับไปจัดการโอรสท้ังหก กับเหล่ามเหสีอย่างแน่นอน “ตอนนี้ขอให้สินไชช่วยพูดกับเสด็จแม่และคนท่ี เหลอื ด้วยเถิด แล้วเสดจ็ พอ่ จะรบั กลบั วังไปทุกคน” สินไชไดฟ้ ังแล้วก็คิดว่าจะทำ เพ่ือให้พระมารดาได้เป็นอยู่สุขสบาย ฉะน้ันจะยอมลดทิฐิมานะแล้วไปพูดกับ พระมารดาให้ สนิ ไชเรียกสีโหมาให้ไปชว่ ยพดู กบั นางจันทา ส่วนตนกับสงั ขท์ อง จะไปพดู กบั นางลุนเอง เม่ือนางท้ังสองได้ทราบข่าวว่าพระยากุศราชจะมารับกลับวังก็ร้องไห้ นอ้ ยใจวา่ ทำไมถงึ ปลอ่ ยใหเ้ วลาผา่ นมาเนนิ่ นานถงึ เพยี งนี้ พวกนางขออยทู่ เี่ มอื ง นครศิลป์น้ี ดีกว่าต้องไปทนอยู่กับคนใจร้าย พระยากุศราชแอบเดินตามสินไช เข้าไปในปราสาท เมื่อเห็นว่าพวกนางไม่มีท่าทีว่าจะยอมกลับจึงปรากฏตัวเข้า สวมกอดและพูดจาออ้ นวอนวา่ ตอ่ ไปนพี้ จี่ ะทำดกี บั เจ้า ท่ีผา่ นมาขอใหย้ กโทษให้ ด้วยเถดิ พวกนางเหน็ แก่ลกู ท่ีขาดพ่อจึงยอมตกลงกลับเมืองเปงจาล

80 สินไช ในท่ีสุด สินไชวิ่งไปบอกข่าวดีกับนางสมุนทาและไพร่พลบริวาร เมื่อ ทุกคนทราบต่างก็พากันช่ืนชมยินดี ตลอดไปจนถึงสวรรค์ชั้นฟ้า เทวดาก็มา ร่วมแสดงความดใี จ พระยาครฑุ เจา้ เมอื งนาค และเจา้ เมอื งยกั ษซ์ ึง่ ลว้ นแตเ่ ป็น บริวารของสนิ ไชก็พากันมาต้งั ขบวนสง่ สินไชกลับเมืองเปงจาล ก่อนจากไป สินไชหันมามองดูสัตว์ป่าซึ่งเป็นเพื่อนเล่นกันมาต้ังแต่เล็ก แต่น้อย แล้วร่ำลาเพื่อแสดงไมตรีจิตมิตรภาพโดยฝากให้สัตว์ปา่ ท้ังหลายรักใคร่ ปรองดองกัน ช่วยเหลือเก้ือกูล และแบ่งปันอาหารให้แก่กันในยามยาก เม่ือสั่ง ลาเสร็จแล้ว สินไชก็มองปราสาทที่พระอินทร์ประทานให้ได้อยู่อย่างสุขสบาย เป็นคร้ังสุดท้ายด้วยความอาลัย แล้วจึงข้ึนเสล่ียงคำออกนำหน้าขบวนกลับ เมอื งเปงจาล ระหว่างที่ขบวนแห่หยุดพักแรมกลางทาง เหล่าสนมและบริวารต่างพา กันมาเล่นมหรสพให้เจ้าเมืองทั้งหมดได้พักผ่อนสบายใจ ส่วนเจ้าเมืองนาคท่ียัง มีใจผูกพันให้นางสีดาจันทร์ไม่เส่ือมคลายก็แอบเฝ้ามองนางอยู่ตลอด แตเ่ พราะ เกรงใจสินไชจึงไม่อาจเข้าไปพูดจาด้วย ส่วนนางเองเม่ือได้พบเจ้าเมืองนาค อีกครั้ง ความรกั ก็หวนกลับมาและรับรูว้ ่าอดตี คนรกั ยังคอยสง่ ใจมาให ้ รุ่งเช้าขบวนแห่เดินทางต่อไป จนถึงเมืองเปงจาล ชาวเมืองเปงจาล จัดการต้อนรับอย่างใหญ่โตสมพระเกียรติ จากน้ัน พระยากุศราชเห็นว่าเป็น นิมิตหมายอันดีที่มเหสีท้ังสองและโอรสผู้มีบุญญาธิการได้กลับเข้าวังแล้ว จึงได้ ประกาศต่อหน้าไพรฟ่ ้าประชาชนในงานเฉลมิ ฉลองวา่ “บัดนี้ ถึงเวลาแล้วที่ข้าจะสละราชบัลลังก์ให้แก่โอรสผู้มีความสามารถ เหมาะสมจะปกครองเมืองเปงจาลแทนข้าต่อไป ข้าจึงขอประกาศให้สินไชเป็น เจ้าเมืองเปงจาลนับจากวันนี้เป็นตน้ ไป” เหล่าไพร่พลบริวารทั้งหมดต่างโห่ร้องยินดี จนเสียงแห่งความปีติดัง เข้าไปถึงคุกที่เหล่าโอรสและหกมเหสีถูกคุมขังอยู่ แผนทั้งหมดต้องมาล่มลง เพราะสินไชไม่ตายไปตามที่คาดคิดไว้ นอกจากจะไม่ได้เสวยสุขแล้วยังต้องนับ

วนั พบผปู้ กครอง 81 วนั รอถกู ประหารอยใู่ นคกุ อนั อับทบึ ศรสี ันทโ์ กรธเปน็ ไฟกวา่ ใคร คนที่จะได้เปน็ เจ้าเมืองเปงจาลต่อไปควรจะเป็นเขา...ไม่ใช่สินไช ยิ่งคิดศรีสันท์ก็ยิ่งคลุ้มคลั่ง เอามือเขย่าลูกกรงจนหมดแรง ทรุดลงไปกับพ้ืน มือยังจับลูกกรงน้ันอยู่ แล้ว รอ้ งไห้ว่า...ปล่อยขา้ ออกไป ทางฝ่ายสนิ ไชเมือ่ ได้ปกครองบ้านเมือง ก็ได้แตง่ ตง้ั ใหส้ งั ข์ทองและสโี ห เป็นอำมาตย์สูงสุดช่วยตนปกครองบ้านเมืองด้วย เม่ือเหตุการณ์ทุกอย่างสงบ เรียบร้อยดีแล้ว สินไชก็หวนนึกถึงนางเจียงคำ นางกินรีซ่ึงตนได้พบรักระหว่าง เดินทางไปชว่ ยนางสมุนทา จงึ อยากจะรบั นางมาอยู่ด้วยกนั ในวัง สินไชเล่าเร่อื ง ให้พระยากุศราชฟัง จากนั้นข่ีสังข์ทองเหาะไปรับตัวนางมา แล้วพระยากุศราช กจ็ ดั พธิ อี ภเิ ษกสมรสใหอ้ ยา่ งสมเกยี รต ิ เมื่อเสร็จส้ินพิธีทุกอย่างแล้ว พระยาครุฑ เจ้าเมืองยักษ์ เจ้าเมืองนาค และไพร่พลจึงอำลาสินไชแล้วเดินทางกลับสู่เมืองของตน ฝ่ายเจ้าเมืองนาคยัง อาลัยอาวรณ์นางสีดาจันทร์แต่จำต้องกลับบ้านเมือง เม่ือไปถึงเมืองบาดาลแล้ว ยังเฝ้าแต่คิดถึงนาง ไม่เป็นอันกินอันนอน ในท่ีสุดก็ทนฝืนหัวใจตัวเองไม่ไหว ออกเดินทางกลับมายังเมืองเปงจาลอกี ครง้ั ฝ่ายสินไชยืนเคียงคู่กับนางเจียงคำอยู่ที่ระเบียง มองเห็นเจ้าเมืองนาค ยกขบวนกลับมาอีกคร้ังก็เขา้ ใจทนั ที เพราะตนได้เฝา้ สงั เกตทา่ ทางเศรา้ ซึมของ นางสีดาจันทร์อยู่เช่นกัน สักครู่หน่ึงนางสีดาจันทร์ก็วิ่งมาท่ีระเบียงปราสาทที่ สินไชยืนอยู่ สีหน้าปีติยินดีอย่างยิ่ง สินไชเห็นน้องส่งยิ้มให้เจ้าเมืองนาคที่พา ขบวนมาหยุดอยู่ด้านหน้าปราสาท จึงลงไปเพื่อเจรจาด้วย นางสีดาจันทร์ว่ิง ตามลงมากเ็ ห็นพช่ี ายกับสามกี ำลงั คุยกนั “ข้าขอนำเคร่ืองบรรณาการมาสู่ขอนางสีดาจันทร์คืน ท่านโปรดเห็นใจ ข้าด้วยเถดิ ”

82 สินไช สนิ ไชรสู้ กึ ยนิ ดที น่ี อ้ งมคี นทร่ี กั จรงิ จวบกบั เขาไดย้ นิ เสยี งนางสดี าจนั ทร์ ว่ิงมาถึงด้านหลัง จึงถามนางแทนท่ีจะตัดสินใจเองว่านางต้องการอย่างไร นาง สีดาจันทร์ได้ยินดังน้ันก็ดีใจ เดินเข้าไปหาเจ้าเมืองนาคบอกว่าจะไปลาเสด็จแม่ ก่อน เม่ือนางสมุนทาได้ฟังเร่ืองราวแล้วก็เข้าใจลูกดี เพราะตนก็เคยพลัดพราก จากคนรกั มาเช่นกัน จึงบอกลกู วา่ “เม่ือครั้งแรกท่ีแม่บอกให้สินไชไปนำตัวลูกมาก็เพราะเป็นห่วงลูก และ เสด็จพ่อฝากฝังให้ดูแลลูกให้ดี แต่ตอนน้ีแม่เห็นแล้วว่าเจ้าเมืองนาคมีความ จงรกั ต่อลกู แม่ก็เบาใจ ลกู ไปแลว้ กลบั มาเย่ยี มแมบ่ ้างนะ” นางสมุนทาโอบกอดนางสีดาจันทร์พร้อมท้ังให้โอวาท ก่อนท่ีนางจะ เดินทางกลบั เมอื งบาดาลไปพรอ้ มกับเจ้าเมอื งนาค เจด็ ปตี ่อมา ทางฝ่ายพระยาเวสสวุ ัณ ซงึ่ เป็นเจ้าปกครองผีทั้งปวง เมอ่ื ไม่เห็นยักษ์กุมภัณฑ์มาส่งส่วยให้ดังเคย จึงลงมาเมืองยักษ์แล้วถามวัณณุราช เจ้าเมืองยักษ์ตนใหม่ จึงได้ทราบว่ากุมภัณฑ์ถูกสินไชฆ่าตายเพราะกุมภัณฑ์ ลักพาตวั นางสมุนทามาเป็นมเหส ี พระยาเวสสุวัณจึงไปดูเจดีย์ที่บรรจุกระดูกของกุมภัณฑ์แล้วปลุกเสก มนต์ใหฟ้ ้นื คืนชีพมา กระดกู ของกุมภณั ฑท์ ก่ี องอย่ใู นเจดยี เ์ กิดเป็นควนั ฟุ้ง เม่ือ ควันจางลงก็ปรากฏเปน็ ยักษก์ มุ ภณั ฑ์ ขนุ ยกั ษ์กม้ ลงกราบพระยาเวสสวุ ณั ที่ชบุ ชวี ติ ใหมใ่ ห้ และขอใหพ้ ระยาเวสสวุ ณั ไปสขู่ อนางสมนุ ทา แตท่ วา่ พระยาเวสสวุ ณั กลบั ปฏเิ สธ แลว้ กลบั ไปนครของตนดังเดมิ ยักษ์กุมภัณฑ์จึงเศร้าเสียใจ กลับไปพักท่ีปราสาทมรกต เพ่ือคิดหา หนทางที่จะนำตัวนางสมุนทากลับมาให้ได้ เม่ือมาถึงปราสาททุกส่ิงทุกอย่างที่ ขุนยักษ์มองเห็นก็ล้วนแล้วแต่ทำให้คิดถึงนางสมุนทาทั้งสิ้น ท้ังสระบัวที่เคยมา เดินเล่นชมดอกบัวดว้ ยกัน หรอื ห้องหับในปราสาททีเ่ คยอย่ดู ว้ ยกนั ทกุ วัน ยักษ์ กุมภัณฑ์เอนกายลงบนแท่นในห้องบรรทมก็คิดถึงนางท่ีเคยนอนเคียงข้างและ ไดแ้ ต่รำพึงรำพนั จนในทส่ี ดุ กต็ ดั สนิ ใจบกุ เขา้ เมอื งเปงจาล

วันพบผู้ปกครอง 83 ในคืนนั้น สังข์สินไชมหาจักรฝันว่าราหูอมจันทร์อุ้มเอานางสมุนทาไป สีโหกับสังข์ทองตามไปเอาคืน แล้วฝันว่าเทวดามาช่วย ฝันว่าปราสาทพัง ฝัน ว่าราหูสรา้ งสะพาน ฝันว่าแก้วมรกตแตก สินไชตื่นตกใจเหงื่อท่วมตัวกลางดึก หันรอบตัวเห็นแต่นางเจียงคำ นอนหลับอย่ขู า้ งๆในหอ้ งบรรทมมดื สลัวสงบเช่นทุกคืน คิดกงั วลในใจ...ฝนั นน้ั หมายความว่าอย่างไร



เก้า ตอนจบ...เพิง่ เริม่ ต้น ที่ลานอเนกประสงค์ใต้ตึกเรียน ยามนี้แดดร่มลมตก ลมหนาวพัดพา ใบไม้แห้งปลิวเข้ามาในลาน กำพร้าน่ังก้มหน้าใจลอยมองใบไม้ที่ปลิวผ่านเท้า ในขณะทีเ่ พื่อนๆ ช้นั ป.6 กำลงั ถกเถียงกันอยวู่ า่ จะเล่นละครเร่อื งอะไรดี บางคน เสนอให้เล่นพระอภัยมณีจะได้แกล้งให้เพ่ือนเล่นเป็นผีเส้ือสมุทร บางคนเสนอ ขุนช้างขุนแผนเพราะอยากเล่นเป็นขุนแผนเจ้าเสน่ห์ แล้วให้บักอ้วนเล่นเป็น ขนุ ชา้ ง แตเ่ กอื บโดนบกั อว้ นซดั เอาเลยเงยี บไป สดุ ทา้ ยบกั อว้ นกเ็ สนอเรอื่ งสนิ ไช เพราะอยากเอาใจก้อยท่ีชอบเร่ืองนี้ และหลังจากที่กำพร้าเคยเล่าเร่ืองน้ีให้เขา ฟงั บกั อว้ นกเ็ หน็ วา่ เรอื่ งนมี้ ตี วั ละครมากดดี ว้ ย ทนี เี้ ลยไมม่ ใี ครกลา้ ขดั ใจบกั อว้ น และพอก้อยถ่ายเอกสารเน้ือเรื่องบางตอนให้เพ่ือนๆ อ่านก็เห็นตรงกันว่าสนุกดี โดยเฉพาะตอนจบ...สนุกและได้ขอ้ คิดดดี ว้ ย ก้อยเป็นคนคัดเลือกนักแสดงเองโดยได้ตัวละครครบ ท้ังสินไช สีโห สังข์ทอง นางสมุนทา ยักษ์กุมภัณฑ์ พระอินทร์ และตัวประกอบอื่นๆ คนไหน ท่ีชอบงานศิลปะ ก็แบ่งไปทำฉากและหาเส้ือผ้า อุปกรณ์ ก้อยบอกให้เพื่อนๆ ทุกคนกลับไปอ่านเน้ือเร่ืองตอนจบ วันต่อมาจะนัดมาซ้อมท่ีลานอเนกประสงค์ ตอนเลิกเรียน

86 สนิ ไช ก่อนกำพร้าจะกลับ ก้อยซ่งึ ดเู หมอื นจะกลายเป็นผ้กู ำกบั ไปโดยปริยาย แล้ว หันมาแซวว่า “อ่านบทมาดๆี นะ พอ่ สินไช” บกั อว้ นซงึ่ เดินไปดว้ ยกันเลยรอ้ งตอบกลับไปวา่ “โธ่! ทียักษ์กุมภัณฑ์ล่ะไม่เห็นเชียร์บ้างเลย ตอนนี้บทเป็นต่อสินไช ต้งั เยอะ” เม่ือคืน สินไชฝันร้ายจนทำให้นอนไม่หลับ พอรุ่งเช้าจึงรีบปรึกษาโหร โหรทำนายออกมาว่าพระองค์จะถูกขังกรงเหล็ก แล้วสีโหกับสังข์ทองจะมาช่วย ต่อไปจะมีต่างเมืองทำสะพานมาถึง และจะไปมาหาสู่กับเมืองนั้นได้สะดวก ‘สบายดี’ สินไชน่ิงคิดอยู่ในใจ... ‘ก่อนอื่นเราจะถูกจับไปขังกรงเหล็ก...ด้วยฝีมือ ใครกนั ละ่ ’ ระหว่างท่ีสินไชนั่งคิดอยู่น้ัน แมลงวันตัวใหญ่ตัวหน่ึงบินผ่านมา นึก แปลกใจเพราะไม่เคยเห็นแมลงวันตัวใหญ่อย่างน้ีมาก่อน แต่ก็ปล่อยให้บินผ่าน ไป โดยไม่ได้สนใจอะไร แมลงวันตัวน้ันบินเข้าไปในห้องนางสมุนทาแล้วเกาะ บนไหล่นาง นางพยายามปัดมันออกไปแต่แมลงวันตัวน้ันยังคงเกาะอยู่อย่าง เหนียวแน่น ทันใดน้ันแมลงวันตัวน้ันก็แสดงฤทธิ์ยกตัวนางลอยขึ้นแล้วพาเหาะ ออกไปนอกหน้าต่าง บินฉิวออกนอกเมืองไปอย่างรวดเร็วจนไม่มีใครทันเห็น หรอื ได้ยนิ เสียงนางร้องเรียกเลย เมอื่ พน้ เขตเมอื ง แมลงวนั ค่อยๆ กลายรา่ งเปน็ ยักษ์กุมภัณฑ์แล้วอุ้มนางไว้ในอ้อมแขน นางสมุนทาเห็นหน้ายักษ์กุมภัณฑ์ก็ ตกใจจนสลบไป ไม่ทราบว่าเพราะดีใจหรือตกใจว่าผีหลอกกันแน่ แต่ยักษ ์ กมุ ภัณฑก์ ็อมุ้ นางกลบั ไปถึงปราสาทของตน สินไชรู้สึกสังหรณ์ใจจึงเดินตรวจตามห้องหับต่างๆ จนมาถึงห้องนาง สมนุ ทากพ็ บกบั ความวา่ งเปลา่ เมอ่ื ไปสอบถามพระยากศุ ราชและนางสดี าจนั ทร์ ก็ไม่มีใครพบ สินไชจึงคิดจะออกไปตามหาในป่ารอบๆ ตัวเมืองโดยฝากให้สีโห และสงั ข์ทองอยดู่ แู ลความปลอดภยั ทีป่ ราสาท

ตอนจบ...เพิ่งเร่มิ ตน้ 87 สนิ ไชเดนิ ออกมาไมไ่ กลกเ็ จอแมลงวนั อกี แมลงวนั บนิ ไปเกาะหลงั สนิ ไช แล้วอุ้มเอาสินไชไปเช่นกัน สินไชตกใจไม่รู้ว่าศัตรูเป็นใคร ท้ังยังมองไม่เห็นตัว เพราะแมลงวนั เกาะอยดู่ า้ นหลงั พยายามดนิ้ เทา่ ไรกด็ นิ้ ไมห่ ลดุ แตไ่ มน่ านสนิ ไช พอจะเดาได้ว่าเป็นใคร เน่ืองจากเส้นทางท่ีพาไปน้ันเป็นทางไปปราสาทมรกต แต่...จะเป็นไปได้อยา่ งไรในเม่อื กมุ ภณั ฑต์ ายแลว้ แมลงวันตวั นั้นอุ้มสินไชไปขังไว้ที่คอกเหลก็ นานหลายวัน ฝ่ายทางสีโห และสังข์ทองไม่เห็นสินไชกลับมาจึงตั้งจิตอธิษฐานถามสิ่งศักดิ์สิทธิ์ว่าสินไชอยู่ ท่ไี หน เม่ือได้คำตอบแลว้ กม็ ุง่ หนา้ ไปเมอื งยักษ์ทนั ที ผ่านไปไม่นาน สีโหและสังข์ทองก็มาถึงบริเวณนอกปราสาท สังข์ทอง อาสาเหาะขึ้นไปดูลาดเลาแล้วจึงเห็นว่าที่ลานกว้างหน้าปราสาทน้ัน มียักษ์ บริวารอยู่มากมาย บางตนกำลังต้มน้ำในหม้อยักษ์ และขา้ งๆกนั นัน้ มีกรงเหลก็ แน่นหนา นั่นไง...สินไชยืนอยู่ในกรงเหล็กนั้น และน่ัน...ยักษ์กุมภัณฑ์ยังมีชีวิต อยู่น่ี มันกำลังทำท่าทางพูดจาเยาะเย้ยสินไช สังข์ทองเห็นแล้วจึงกลับมานอก ปราสาทปรกึ ษากบั สโี ห สีโหแปลงกายเป็นเขียดแอบอยู่แถวริมน้ำ ที่ที่ยักษ์ทหารมาตักน้ำนำ เข้าไปในปราสาทแล้วกระโดดเกาะติดกระออมเข้าไปด้วย ส่วนสังข์ทองคอยดู สถานการณ์จากด้านบน เม่ือยักษ์ทหารเทน้ำลงหม้อ สีโหก็รออยู่ในหม้อจน กระท่ังน้ำเดือด แล้วด้ินให้หม้อยักษ์คว่ำ น้ำเดือดหกลวกฝูงยักษ์ตาย ต่างว่ิง แตกต่ืนสับสนอลหม่าน ระหว่างน้ันสังข์ทองเข้ามายื่นศรให้สินไชแผลงศร ทำลายกรงไดอ้ ยา่ งง่ายดาย เมื่อออกจากกรงเหล็ก สินไชเง้ือศรข้ึนยิงใส่กุมภัณฑ์ให้ตายอีก ฝ่าย กุมภัณฑ์เมื่อฟ้ืนคืนชีพมาแล้ว กลับมีพละกำลังมากข้ึนอย่างน่าตกใจ ทั้งสอง เขา้ ปะทะกัน ทันใดนน้ั ทัว่ บรเิ วณเกดิ แสงสวา่ งวาบข้นึ ท้ังสองชะงัก เม่ือเห็นพระอินทร์ปรากฏกายข้ึน ต่างวางอาวุธและก้ม ลงกราบ

88 สนิ ไช “ท้ังคู่ อย่ารบกันอีกเลย จงตั้งม่ันในศีลธรรม อย่ายึดมั่นในความโลภ โกรธ หลง และกอ่ กรรมทำสงคราม ส่งิ เหลา่ นเ้ี ปน็ บาป ทำใหต้ กนรกหมกไหม้” ท้งั สนิ ไชและยกั ษ์กมุ ภณั ฑจ์ งึ หนั มามองหนา้ กนั “หันหน้ามาผูกมิตรกันนั่นแหละดี อันการคบหาสมาคมกับนักปราชญ์ จะทำให้เรากลายเป็นปราชญ์ไปด้วยเหมือนใบตองห่อจันทน์ พลอยมีกล่ินหอม ไปด้วย ส่วนการคบหาสมาคมกับคนพาลทำให้เรากลายเป็นคนพาลไปด้วย เหมือนใบกล้วยท่ีห่อปลาเน่า พลอยมีกลิ่นเหม็นไปด้วย...เจ้าทั้งคู่ต่างเป็นผู้มี ฤทธิ์เดชหาใครเทียบได้ยากและมีจิตใจดีมีคุณธรรม จึงควรจะหันหน้ามาคบหา กันไว้และทำประโยชน์แก่ไพร่พลบริวารร่วมกันจึงจะถูกต้อง เปรียบเหมือน พระจนั ทรข์ ้างขน้ึ ยอ่ มใสแจง้ เป็นดง่ั จันทร์ขา้ งข้นึ ใสแจง้ บ่มัว” สินไชและยักษ์กมุ ภัณฑก์ ม้ ลงกราบพระอินทรร์ บั คำสอน แต่พระอินทร์ มองหนา้ ทง้ั ครู่ วู้ ่ายังมเี รื่องคา้ งใจ “ส่วนเรื่องนางสมุนทา กุมภัณฑ์เจ้าจงส่งนางคืนให้แก่สินไชเขาก่อน แล้วค่อยสู่ขอนางในภายหลัง ข้ารู้ว่าเจ้ารักนางมากก็จริง แต่ควรทำให้ถูกต้อง ตามธรรมเนียมประเพณ”ี กุมภัณฑ์จึงยอมมอบนางสมุนทาคืนให้แก่สินไช แต่ได้สัญญากับนาง สมุนทาไว้ว่าจะไปขอ ท้ังสินไช สีโห สังข์ทองและนางสมุนทาจึงเดินทางกลับ เมอื งเปงจาลอยา่ งปลอดภยั นับต้ังแต่นางจากไป กุมภัณฑ์เฝ้าคิดถึงนางสมุนทามากจึงให้ไวยุเวก หลานชายนำเคร่ืองบรรณาการไปสู่ขอนางจากสินไช สินไชไม่ขัดข้อง เพียงแต่ ขอให้ยักษ์กุมภัณฑ์สร้างถนนที่ปูด้วยเงินและทองจากเมืองยักษ์มาถึงเมือง เปงจาล สองข้างทางให้ปลูกกล้วย อ้อย และจัดตลาดสินค้านานาชนิด ทาง ยกั ษก์ มุ ภณั ฑ์ตอบตกลงทันที

ตอนจบ...เพ่ิงเร่มิ ต้น 89 ต่อมาไม่นานมีการจัดงานอภิเษกสมรสขึ้นท่ีเมืองเปงจาล สินไชเชิญ เจ้าเมอื งนาค พระยาครุฑ และพระยาวณั ณรุ าชซึ่งเปน็ เจ้าเมืองยักษ์มาร่วมเป็น สักขีพยานดว้ ย จากน้ันเป็นต้นมา เมืองเปงจาลและเมืองยักษ์ก็ติดต่อไปมาหาสู่กัน ดว้ ยถนนทส่ี ะดวกสบายเรื่อยมา หลังเลิกเรียน ครูพรทิพย์เข้ามาดูนักเรียนซ้อมการแสดงอย่างสบายใจ แล้วเขา้ มาพดู คุยกบั กอ้ ย “พวกเธอจะเล่นเรอื่ งสนิ ไชตอนนกี้ นั เหรอ น่าสนใจนะ เพราะสินไชเปน็ วรรณกรรมพ้ืนบา้ นของอีสานบา้ นเรา ใครทีม่ าดูจะได้เขา้ ใจง่าย” พดู พลางขำทบ่ี กั อว้ นซง่ึ เลน่ เปน็ ยกั ษก์ มุ ภณั ฑ์ กำลงั ทำทา่ เปน็ แมลงวนั มาจบั ตัวนางสมุนทาไป นิดซง่ึ เลน่ เป็นนางสมนุ ทาขำบักอว้ นจนเล่นต่อไมไ่ ด้ “ค่ะคณุ ครู แล้วคุณครูคอยดวู ันท่ีแสดงนะคะ” “จ้ะ ครูไม่พลาดหรอก” ครูพรทิพย์รับปากแล้วมองไปเห็นกำพร้าที่มี ท่าทางร่าเริงขึ้นเม่ือไดท้ ำกิจกรรมร่วมกับเพอื่ นๆ งานวันเด็ก เวทีสำหรับการแสดงจัดไว้อย่างสวยงามเรียบร้อย พ่อแม ่ ผู้ปกครองนั่งเต็มเก้าอี้ท่ีวางเรียงอยู่หลายแถวหน้าเวที พลางส่งเสียงปรบมือให้ กำลังใจเดก็ ๆ เริ่มจากน้อง ป.1–ป.3 เต้นโชว์เพลงลกู ทุง่ ท่ีกำลงั ฮติ น้อง ป.4 – ป.5 เซ้ิงได้อย่างสวยงาม ส่วนนักเรียน ป.6 กำลังแต่งตัวเตรียมแสดงอยู่หลัง เวที กำพร้าเห็นบางคนมีผู้ปกครองมาช่วยจัดชุดทำผมให้ที่หลังเวทีจึงเข้าไป ไหว้ ผู้ปกครองคนน้ันจึงถามลูกว่าเด็กคนน้ีน่ะหรือเด็กวัดท่ีอยู่กับหลวงตาท่ีวัด ชายป่า ท่าทางเรียบร้อยดี กำพร้ายิ้มขอบคุณแล้วกลับมาจัดเสื้อและอุปกรณ์ เอง ในใจเร่ิมคิดถงึ หลวงตา ในตอนน้ัน เสยี งพธิ กี รประกาศวา่ “ต่อไปน้ีจะเป็นการแสดงละครเรื่องสินไชโดยนักเรียนชั้นป.6 ขอให้ ทุกคนช่วยปรบมือเป็นกำลังใจดว้ ยครับ”

90 สินไช จากนน้ั กอ้ ยเกรน่ิ นำเรอื่ งวา่ สนิ ไชไดฆ้ า่ ยกั ษก์ มุ ภณั ฑเ์ พอื่ รบั นางสมนุ ทา ซ่ึงเป็นพระเจ้าอากลับวัง แต่ต่อมายักษ์กุมภัณฑ์ฟื้นคืนชีพจึงมาท้ารบด้วยใหม่ แลว้ ก้อยกแ็ นะนำตัวละครส้ันๆ จากนัน้ จึงเรมิ่ การแสดง การแสดงดำเนินไปอย่างสนุกสนานโดยมีบักอ้วนและพรรคพวกคอย เรียกเสียงฮาได้อยู่เสมอ ฉากสีโหดิน้ ในหมอ้ น้ำจนลม้ คว่ำ ยักษ์วิ่งหนกี นั วุ่นวาย และสินไชทำลายกรงเหล็กก็ทำได้ต่ืนเต้นดี จนถึงฉากท่ีพระอินทร์กำลังสอน ธรรมะในการคบมิตรให้สินไชกับยักษ์กุมภัณฑ์ฟัง กำพร้าซ่ึงเล่นเป็นสินไชและ บักอว้ นซ่งึ เลน่ เปน็ กมุ ภัณฑ์ก็อยู่ในท่าหมอบกราบหนั หน้าเขา้ หาผชู้ ม ขณะที่กำพร้ากำลังเงยหน้าข้ึน เขาเห็นหลวงตายืนชมการแสดงอยู่ ด้านหลังสุด กำพร้าเผลอย้ิมกว้างดีใจจนบักอ้วนต้องสะกิด ทั้งหมดแสดงต่อ จนจบ ผู้ชมปรบมือให้เสียงดังเกรียวกราวด้วยความพอใจ ส่วนนักแสดงและ นักเรียนที่ช่วยงานทุกคนออกมายืนเรียงแถวไหว้ขอบคุณผู้ชมแล้วทยอยเดินลง จากเวทไี ป กำพร้าเดินลงจากเวทีมาแล้วก็ตรงร่ีไปไหว้หลวงตาท่ีอุตส่าห์เดินมาท่ี โรงเรยี น เพือ่ มาดกู ารแสดง หลวงตาไม่ว่ากระไรเพยี งแตย่ มิ้ ตอบ แลว้ กำพรา้ ก็ ขอตัวไปเก็บข้าวของ ช่วยเพ่ือนเก็บฉากแล้วก็ลาเพื่อนๆ และคุณครูทั้งหลาย ครพู รทพิ ย์ยังร้องบอกกำพรา้ อกี ดว้ ยวา่ “เหน็ เงียบๆอยา่ งนี้ มแี ววพระเอกเหมือนกันนะกำพรา้ ” ครูที่น่ังอยู่ด้วยกันพากันหัวเราะอย่างร่าเริง กำพร้าไหว้ครูทุกคนแล้ว เดินตามหลังหลวงตากลับวัดพร้อมกับบักอ้วนอย่างอุ่นใจ เพราะอย่างน้อยวันนี้ ถึงแม้เขาจะไม่มที ั้งพ่อและแม ่ ...แตเ่ ขากไ็ ม่ไดอ้ ยู่โดดเด่ียวตามลำพัง ท้ายท่ีสุดแล้ว สินไชได้อยู่กับคนที่เขารักพร้อมหน้าพร้อมตา ท้ังพ่อ ทั้งแม่ นางเจียงคำ นางลุน และสังข์ทอง ส่วนสีโหขอลาสินไชไปใช้ชีวิตสงบ ในปา่ ดา้ นการปกครองบา้ นเมอื ง สนิ ไชไดใ้ ชท้ ศพธิ ราชธรรมปกครองประชาชน

ตอนจบ...เพิ่งเรม่ิ ตน้ 91 ใหม้ คี วามสขุ เรอ่ื ยมา โดยมเี มอื งยกั ษ์ เมอื งนาค และเมอื งครฑุ คอยสง่ บรรณาการ ให้ทกุ ปดี ว้ ยความเคารพในคณุ ธรรมของสินไช ใครจะรู้ว่า...น่ีอาจเป็นเพียงจุดเริ่มต้นของตำนานเรื่องใหม่แห่งเมือง เปงจาลก็ได ้ แต่ที่แน่ๆ ส่ิงที่เรารู้ก็คือจากวันท่ีกำพร้าได้หนังสือมาจากหลวงตา จนมาถึงวันน้ี เขาเองได้เรยี นรู้อะไรมากมายไปพร้อมๆกบั สินไชเชน่ กนั “หลวงตาครับ....น่คี รบั หนงั สือเรื่องสนิ ไช” กำพร้าหยิบหนังสือเรื่องสินไชท่ีได้คืนจากก้อยมาแล้วให้หลวงตา แล้ว หันมาขยบิ ตาใหบ้ กั อ้วน “หลวงตา...มีหนงั สือสนกุ ๆให้ผมอา่ นอีกบ่ครบั ”



ภาคผนวก

94 อธิบายศัพท์ กระบอง ไมส้ ัน้ สาํ หรบั ใช้ตี มรี ูปกลมบา้ ง เหลยี่ มบา้ ง คล้ายพลอง แตส่ ้ันกว่า กลอง เครอ่ื งตีทาํ ด้วยไมเ้ ป็นตน้ มลี ักษณะกลม กลวง ขงึ ด้วยหนงั มหี ลายชนิด, ถ้าข้นึ หนงั หนา้ เดยี ว มีรูปยาวมาก ใชส้ ะพายใน เวลาตี เรียกว่า กลองยาว หรอื เถดิ เทงิ , ถา้ ขน้ึ หนงั หนา้ เดยี ว มรี ปู กลม แบนและตนื้ เรยี กวา่ กลองราํ มะนา, ถา้ ข้นึ หนังทั้ง 2 หนา้ รอ้ ยโยงเขา้ ดว้ ยกนั ดว้ ยหนงั เรยี ด เรยี กวา่ กลองมลาย,ู ถ้าร้อยโยงด้วยหวาย เรยี กวา่ กลองแขก กลองชนะ, ถ้าขึน้ หนงั ตรงึ แนน่ ทั้ง 2 หน้า เรียกว่า กลองทดั ก้งั กาง โขน การเลน่ อย่างหนึง่ คลา้ ยละครราํ มักเลน่ เรือ่ งรามเกยี รต์ิ โดย ผู้แสดงสวมหัวจาํ ลองตา่ งๆ ทเี่ รียกว่า หวั โขน คชสีห ์ สตั ว์ในนยิ าย มีกายเปน็ ราชสีห์ มีชว่ งหัวเป็นช้าง ตามตำรา กลา่ ววา่ คชสหี ม์ พี ลงั เทยี บเทา่ ชา้ งและสงิ หร์ วมกนั ซงึ่ นบั ไดว้ า่ เปน็ สตั วท์ ี่นา่ เกรงขาม คนั ถ้า แคน เครอ่ื งดนตรที างถน่ิ อสี าน ทาํ ดว้ ยไมซ้ างผกู เรยี งตอ่ กบั เตา้ แคน สําหรับเป่าเปน็ เพลง ฆอ้ ง เคร่อื งตใี ห้เกดิ เสยี งอย่างหน่งึ ทําดว้ ยโลหะผสม รูปร่างเป็น แผ่นวงกลม มขี อบยน่ื ลงมารอบตวั เรียกวา่ ใบฉตั ร มปี ่มุ กลม ตรงกลางสาํ หรับตี มีหลายชนดิ เชน่ ฆอ้ งกระแต ฆ้องชยั ฆ้องวง งา้ ว อาวธุ ชนิดหนงึ่ คล้ายดาบ มีด้ามยาว, ถา้ ใต้คอของดา้ ม มีขอ สำหรับสับบังคบั ชา้ งได้ เรียกว่า ของา้ ว ง้วิ ละครจนี แบบโบราณ งซู วง งูมีพษิ รา้ ย

95 จัก สัก จัง่ จริง จงั จงึ จัง่ ซ่ ี อย่างนี้ เหตนุ ้ ี จง่ั ได ๋ อยา่ งไร ชอ้ ง ผมสาํ หรบั เสรมิ ผมใหใ้ หญห่ รือยาว ซอ่ ย ชว่ ย ซือ่ ๆ เฉยๆ เซ่า หยดุ ตอด กัด เท่ือ ที น่ำแหน่ ด้วย หน่อยส ิ บ ่ ไม่ บรรณาการ สิ่งที่ส่งไปให้ด้วยความเคารพนับถอื หรือด้วยไมตรี บาทบริจาริกา หญงิ ทีม่ ีหน้าทร่ี บั ใชป้ ฏิบตั พิ ระเจา้ แผ่นดนิ เบง่ิ ด ู ไปไส ไปไหน ไผ ใคร พระขรรค์ ศสั ตราวุธชนิดหนึ่ง มีคม 2 ขา้ ง ที่กลางใบมดี ทงั้ หน้าและหลัง เป็นสันเล็กคลา้ ยคมรูปหอก ดา้ มสน้ั พ่อ พบ ฟา่ ว รบี มว่ น สนกุ แม่น ถูกต้อง ย่าน กลวั เกรง ลกั ขโมย วอ ยานทม่ี ลี กั ษณะเปน็ รปู เรอื นหลงั คาทรงจวั่ สาํ หรบั เจา้ นายหรอื ขา้ ราชการฝา่ ยในนั่ง มีคานรับอยู่ข้างใตค้ ู่หนง่ึ ใชค้ นหาม

96 เว้า เล่า พูด สกา เครอ่ื งเลน่ การพนนั อยา่ งหนง่ึ ใชล้ กู บาศกท์ อด แลว้ เดนิ ตวั สกา ตามแต้มที่ปรากฏอยบู่ นดา้ นลกู บาศก์ สปั ทน รม่ ผ้าหรือแพรสีแดง มคี ันยาว เปน็ เครอ่ื งยศสำหรับขุนนาง เสลีย่ ง ท่ีน่งั มคี านหามคู่หนงึ่ สอดรบั เป็นเคร่อื งแสดงอสิ รยิ ยศ หม่องน ี่ ทีน่ ่ี ตรงน ้ี หยัง, อีหยงั อะไร ฮม่ รม่ ฮอ้ ง ร้อง ฮา้ ย รา้ ย ฮตี คอง ขนบธรรมเนียม แบบแผนทเ่ี คยประพฤติกันมาจนกลายเปน็ ประเพณี ฮ ู้ ร ู้ เฮด็ ทำ เฮา ฉัน

97 เกร็ดนา่ รู้ ตำนานครฑุ เป็นพญานกที่มีรูปคร่ึงมนุษย์ คร่ึงนกอินทรี ในคัมภีร์ปุราณะกล่าวถึง กำเนิดครุฑไวว้ า่ ครุฑ เปน็ โอรสของพระกศั ยปมุนีกบั นางวนิ ตา พระกัศยปมุนมี ีมเหสี 2 องค์คือ นางกัทรุกับนางวินตา ทั้งสองได้รับพรจากพระกัศยป โดยนางกัทรุได้ ขอพรจากสามีให้มีลูกจำนวนมาก และต่อมาก็ได้ให้กำเนิดนาค 1,000 ตัว อาศัยอยใู่ นแดนบาดาล สว่ นนางวินตาขอลกู เพยี ง 2 องค์ และขอใหล้ กู มอี ำนาจ เวลาผ่านไป 500 ปี ลูกของนางวินตา ซึ่งเป็นไข่ ยังไม่แตกออกสักที นางวนิ ตาร้อนใจจึงไปทบุ ไขใ่ บหน่ึง ทำให้ลกู มรี ่างกายเพยี งครงึ่ ตัว ชายผู้น้ีมีชื่อ ว่า อรณุ เทพบตุ ร ซึ่งตอ่ มาไดไ้ ปเปน็ สารถขี องพระอาทิตย ์ อรุณเทพบุตรโกรธนางวินตามากที่ทำให้ตนเป็นเช่นน้ีจึงแช่งแม่ให้เป็น ทาสของนางกทั รเุ ปน็ เวลา 500 ปี และบอกตอ่ อกี ว่าลกู คนที่ 2 จะเป็นผมู้ าชว่ ย ใหน้ างพ้นจากการเป็นทาส ซงึ่ คำสาปของอรุณเทพบุตรก็เป็นจริง อยู่มาวันหนึ่ง นางกัทรุและนางวินตาได้พนันกันถึงสีของม้าอุจชัยศวร ซงึ่ เปน็ มา้ แหง่ สวรรค์ โดยมขี อ้ แมว้ า่ ใครแพต้ อ้ งเปน็ ทาสอกี ฝา่ ย นางวนิ ตาทายวา่ ม้าสีขาว แต่นางกัทรุทายว่าสีดำ ซึ่งความจริงม้าเป็นสีขาวดังที่นางวินตาทาย แต่นางกัทรุกลัวตกเป็นทาสจึงใช้อุบายให้นาคลูกของตน แปลงเป็นขนสีดำ เข้าไปแทรกอยู่เตม็ ตัวมา้ นางวินตาไม่ทราบในอุบายเลยแพ้นางกทั ร ุ ต่อมาไข่ฟองท่ี 2 ซึ่งเป็นลูกของนางวินตาก็แตกออก มีรูปร่างใหญ่โต มีศีรษะ จะงอยปากและปีกเหมือนนก ร่างกายแขนขาเหมือนมนุษย์ หน้าขาว ปกี แดง ลำตัวเปน็ สีทอง นามวา่ ครฑุ ครั้นต่อมาครุฑได้ทราบความจริงถึงอุบายของนางกัทรุจึงไปทำความ ตกลงกับพวกนาคว่าจะนำน้ำอมฤตท่ีอยู่กับพระจันทร์มาไถ่ตัวแม่ ว่าแล้วก็บิน ไปถึงพระจันทร์ คว้าพระจันทร์มาซ่อนไว้ใต้ปีก แต่ถูกพระอินทร์และทวยเทพ ติดตามมาเพราะรู้ว่าน้ำอมฤตถูกขโมย จึงเกิดต่อสู้กันข้ึน ทวยเทพท้ังหมดแพ้ ครฑุ ร้อนถึงพระวิษณตุ อ้ งเข้ามาชว่ ย แต่ก็ไม่มีใครแพ้ใครชนะ จงึ ตกลงหยา่ ศึก

98 โดยมีข้อแม้ว่า เวลานั่งพญาครุฑต้องนั่งสูงกว่าพระวิษณุ แต่เวลาเดินทางต้อง ให้พระวษิ ณุหรอื พระนารายณข์ ี่ครุฑไป ส่วนหม้อน้ำอมฤตน้ัน พระอินทร์ได้ตามมาขอคืน ครุฑบอกว่าตนต้อง รักษาสตั ย์ นำนำ้ น้ีไปใหน้ าคเพ่อื ไถ่แม่ให้พน้ จากการเปน็ ทาส และใหพ้ ระอินทร์ ตามไปเอาคืนเอง พระอินทร์ตอบตกลงและยังได้ให้พรแก่ครุฑอีกว่า ขอให้นาค เป็นอาหารของครุฑตลอดไป ส่วนนาคเม่ือเห็นน้ำอมฤตก็ดีใจ ปลดปล่อยนางวินตาให้พ้นจากความ เป็นทาส ขณะท่ีพวกนาคพากันไปสรงน้ำชำระกาย ก่อนที่จะมากินน้ำอมฤต น่นั เอง พระอนิ ทรก์ น็ ำหมอ้ น้ำอมฤตกลบั ไป ทำให้นาคไม่ไดก้ ินน้ำอมฤต ต้ังแต่ น้นั มาครุฑกับนาคก็เปน็ ศตั รกู นั ในปัณฑรชาดกเล่าว่า ตอนแรกครุฑยังไม่รู้วิธีจับนาคกิน มักจับท่ีหัว พวกนาคจึงหาวิธีป้องกัน โดยพากันอมก้อนหินใหญ่ไว้ พอครุฑจับท่ีหัวก็ห้ิว ไมข่ น้ึ กวา่ จะหวิ้ ขน้ึ พวกครฑุ กโ็ ดนนำ้ ซดั ตายไปกอ่ น พวกครฑุ หาทางแกป้ ญั หา อยู่นาน ในท่ีสุดก็ส่งสายลับไปสืบในหมู่นาคได้ความว่า ถ้าจะจับนาคต้องจับท่ี หาง ปล่อยให้หัวห้อยลง เมื่อน้ันนาคก็จะสำรอกหินออกมา ครุฑจึงหาวิธีจับ นาคได้ตงั้ แตน่ ้นั มา ครุฑอาศัยอยู่ในดงง้ิว คุณลักษณะของครุฑบางอรรถกถากล่าวไว้ว่า ครฑุ เปน็ นกท่ีใหญ่ทสี่ ดุ อาศยั อยู่ทเ่ี ขาสเิ นรุ ภขู าสิเนรุมีอยู่ 5 ช้ัน พญาครุฑอยู่ ที่ช้ัน 2 ในชั้น 2 น้ีมีป่าง้ิวอยู่ เจ้าพญาครุฑมีร่างกายสูง 150 โยชน์ ปีกทั้ง 2 ข้างกว้างขา้ งละ 50 โยชน์ หางยาว 10 โยชน์ คอยาว 30 โยชน์ ปากกวา้ ง 9 โยชน์ ขายาว 12 โยชน์ ครฑุ กระพอื ปีกทง้ั 2 ข้าง ทำให้เกิดลมพัดไกลถงึ 700- 800 โยชน์ สำหรับประเทศไทย รูปพญาครุฑเป็นธงเคร่ืองหมายแทนพระมหา- กษตั รยิ ์ เรียกว่า “ธงมหาราช” เร่มิ ใช้เมอื่ ปี พ.ศ. 2399 สมัยรัชกาลท่ี 4 (เรียบเรยี งจากหนังสืออมนุษยนยิ าย โดย ส.พลายน้อย)

99 ประติมากรรมรปู นารายณท์ รงครฑุ ในหนา้ บนั วดั ป่าสุทธาวาส จ.สกลนคร


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook