Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore สินไช

Description: วรรณกรรมพื้นบ้าน ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ.

Search

Read the Text Version

วรร³กรรมเยาวªนพื้นบ้าน ภาคตะวันออกเ©ียงเหนือ สินäª เรอื่ ง อริสา สุมามาลย์ ภาพประกอบ ปรีดา ปัญญาจนั ทร์

ผเู้ ชี่ยวชาญทป่ี รึกษาคณะบรรณาธิการ ศ.ดร.ฉวีลักษณ์ บุณยะกาญจน ผศ.วีณา วีสะเพญ็ คณะบรรณาธกิ ารอำนวยการ นางทศั นัย วงศพ์ เิ ศษกลุ นางสาวเฉียดฉัตรโฉม ปรพิ นธพ์ จนพิสทุ ธ์ิ นายวฒั นชยั วนิ ิจจะกลู นางสาวนันธนา เจริญภกั ดี คณะบรรณาธิการตน้ ฉบบั รศ.สุกญั ญา สจุ ฉายา ผศ.ดร.ชลภสั ส์ วงษป์ ระเสริฐ นายเรืองศกั ดิ์ ป่ินประทปี นายณฐั พร ศรมี ุกด ์ พสิ ูจนอ์ ักษร นันท์ธนตั ถ์ จติ ประภสั สร อารีณะ วีระวัฒน ์ สนิ ไช เรอ่ื ง อริสา สุมามาลย์ ภาพประกอบ ปรดี า ปัญญาจนั ทร์ เหมาะสำหรับเดก็ และเยาวชนอายุ 9 ปี ขน้ึ ไป พิมพ์ครั้งท่ี 1 พฤศจกิ ายน พ.ศ. 2551 จำนวนพมิ พ์ 3,000 เลม่ ราคา 145 บาท เลขมาตรฐานสากลประจำหนงั สอื 978-974-287-775-0 เจ้าของโครงการและดำเนินการจดั พิมพ์ สำนักงานอุทยานการเรยี นร ู้ สำนกั งานบรหิ ารและพฒั นาองค์ความรู้ (องค์การมหาชน) สงั กดั สำนักนายกรฐั มนตร ี ส่วนบรกิ าร อาคารเซน็ ทรลั เวิลด์ ชั้น 8 Dazzle Zone โทรศัพท์ 0-2257-4300 โทรสาร ต่อ 125 ส่วนสำนักงาน 999/9 อาคารสำนกั งานเซ็นทรัลเวลิ ด์ ชน้ั 17 ถนนพระราม 1 โทรศัพท์ 0-2264-5963-65 โทรสาร 0-2264-5966 www.tkpark.or.th ดำเนนิ การจดั ทำตน้ ฉบับ มูลนธิ หิ นงั สือเพอื่ เดก็ โทรศัพท์ 0-2805-0202 โทรสาร 0-2805-1308 www.thaibby.in.th ออกแบบรูปเล่ม จัดพมิ พ์ และจดั จำหน่าย บรษิ ัท แปลน ฟอร์ คดิ ส์ จำกดั 1/999 ถนนกำแพงเพชร 6 (โลคัลโรด) แขวงสกี นั เขตดอนเมอื ง กรงุ เทพมหานคร 10210 โทรศัพท์ 0-2575-2828 โทรสาร 0-2575-2558 www.planforkids.com

คำนำ ในการจดั ตง้ั อทุ ยานการเรยี นรภู้ มู ภิ าคตน้ แบบแตล่ ะภาคนน้ั สำนกั งาน อทุ ยานการเรียนรู้ (TK Park) ไดม้ กี ารเตรยี มการคขู่ นานกนั ไปทั้งดา้ นกายภาพ และเนอื้ หาสาระ กลา่ วคอื ในระหวา่ งทอ่ี งคก์ รปกครองสว่ นทอ้ งถน่ิ กำลงั ปรบั ปรงุ หรือก่อสร้างอาคารสถานที่สำหรับห้องสมุดมีชีวิตในรูปแบบอุทยานการเรียนรู้ สำนักงานอุทยานการเรียนรู้ก็ประชุมหารือกับบุคลากรในท้องถ่ินและร่วมกัน คัดเลือกหนังสือ ดนตรี และกิจกรรมต่างๆ ไปพร้อมกัน เพื่อเตรียมการด้าน หนังสือและสือ่ ต่างๆซึ่งถอื เสมือนเปน็ จิตวิญญาณของห้องสมดุ โครงการนิทานพื้นบ้าน เป็นส่วนหน่ึงของการเตรียมการทางด้าน เนื้อหาสาระ ด้วยเล็งเห็นว่าเรื่องเล่าในแต่ละชุมชน มีทั้งสาระ ความสนุกสนาน และจินตนาการ สืบทอดกันมาจากภมู ิปัญญาท้องถิ่นอันล้ำลกึ มีความหมายต่อ การเช่ือมโยงวิถีชีวิต วัฒนธรรม และการดำรงอยู่ร่วมกันระหว่างมนุษย์กับ มนุษย์ และมนุษย์กับธรรมชาติ แม้จะเป็นเรื่องเล่าเฉพาะกลุ่มชนในพ้ืนท่ี แต่ สาระทแี่ ฝงอยูใ่ นเนือ้ หาเร่ืองราวของนทิ านน้ันคือคติสอนใจ ซึ่งเป็นความรูส้ ากล ทสี่ ามารถนำไปประยกุ ต์ใช้ได้ทกุ หนแห่ง สำนักงานอุทยานการเรียนรู้ จึงมอบให้มูลนิธิหนังสือเพ่ือเด็ก เป็นผู้ ดำเนนิ การประสานงานกบั ปราชญช์ าวบา้ น นกั วชิ าการ และผทู้ รงคณุ วฒุ ิ รว่ มกนั คัดเลือกนิทานเร่ืองเล่าพื้นบ้านที่มีคุณค่า มีอิทธิพลต่อความคิดและจินตนาการ ของเยาวชนในทางสร้างสรรค์ นำมาเรียบเรียงและจัดทำภาพวาดประกอบ ข้ึนใหม่ เพื่อจัดพิมพ์เป็นหนังสือท่ีมุ่งเสริมสร้างจินตนาการให้อ่านง่ายและ เพลิดเพลิน โดยหวังว่าจะเป็นส่ือจูงใจให้เด็กและเยาวชนทั่วไปสนใจและรัก การอ่านมากยิ่งข้ึน ทั้งยังสามารถนำไปประกอบการเล่านิทานในครอบครัว โรงเรียน และแหล่งเรียนรู้ต่างๆ เป็นการสืบทอดภูมิปัญญาท้องถิ่นให้คงอยู่ สืบไป

หวังเป็นอย่างย่ิงว่า นอกเหนือจากบทบาทในฐานะผู้จุดประกาย แนวคดิ หอ้ งสมดุ มชี วี ติ ในประเทศไทย ใหเ้ ปน็ พนื้ ทแี่ สวงหาความรใู้ นบรรยากาศ การเรียนรู้อย่างสร้างสรรค์และทันสมัยแล้ว สำนักงานอุทยานการเรียนรู้ยังจะ ได้ทำหน้าที่ปลูกฝังและส่งเสริมนิสัยรักการอ่านแก่เด็กและเยาวชน บนพ้ืนฐาน ของความเคารพและภาคภูมิใจในภูมิปัญญาของแต่ละท้องถิ่น เสริมสร้างการ ยอมรับความแตกต่างหลากหลายและใช้สติปัญญาแก้ไขปัญหา อันจะนำไปสู่ สังคมสนั ติสมานฉันท์ในทสี่ ดุ สำนกั งานอทุ ยานการเรียนร ู้

สารบัญ 7 15 ≤ หนงั สือของหลวงตา 25 ≤ เร่มิ ต้นเดนิ ทางคร้งั ใหม่ 35 ≤ เรื่องเลา่ ของกำพร้า 51 ≤ เหตเุ พราะรัก 61 ≤ ปรศิ นาธรรม 69 ≤ เมอื่ ตอ้ งตัดสนิ ใจ 77 ≤ ความจริงปรากฏ 85 ≤ วนั พบผู้ปกครอง ≤ ตอนจบ...เพ่งิ เรมิ่ ตน้



หนึ่ง หนังสือของหลวงตา แมล้ มหนาวปนี จี้ ะพดั มาเรว็ กวา่ ทกุ ปี แตบ่ รรยากาศในลานกลางหมบู่ า้ น วันนี้ช่างอบอุ่นสนุกสนาน ชาวบ้านมารวมตัวกันมากเป็นพิเศษ เพราะมีงาน ทำบุญแจกข้าว พอตกเย็นก็ถึงเวลาแห่งความสุขที่หลายคนรอคอย บรรดา พอ่ คา้ แมค่ า้ เรม่ิ ตงั้ แผงขนม ลกู ชนิ้ ปงิ้ และอาหารตา่ งๆ ในลานโลง่ ใกลต้ น้ มะมว่ ง ใหญ่ ท่ีเวทีหมอลำ มุมหนึ่งของวงกำลังจัดฉากสำหรับหมอลำชื่อดังที่เจ้าของ งานไปติดตอ่ มาเล่นในงาน กำพร้าน้อยผู้คอยรับใช้หลวงตาที่วัดป่า ได้ข่าวว่ามีหมอลำมาแสดง ก็อยากดู ตกเย็นพอกลับมาจากโรงเรียนแล้ว เขาจึงรีบถูพื้นโบสถ์และศาลา กวาดใบไม้แห้งตามลานหญ้า ทำความสะอาดกุฏิหลวงตาเสร็จต้ังแต่ห้าโมง จึง ไปอาบนำ้ แต่งตวั หล่อ แล้วไปเดินเท่ียวกบั เขาบา้ ง...งานบญุ อยา่ งน้นี านๆ จะจดั สักครั้งหนง่ึ จะพลาดได้อย่างไร กำพร้าแต่งตัวหล่อกว่าทุกวัน พลันสายตาเหลือบไปเห็นรถเข็นขาย ไอศกรีมกะทิของโปรดผ่านมา เขาเก็บเงินไว้ซ้ือขนมสำหรับวันพิเศษอย่างนี้ โดยเฉพาะอยู่แล้ว จึงไม่ลังเลเลยท่ีจะเดินเข้าไปซ้ือไอศกรีมสักหน่ึงโคน...ขอ อย่าให้เจอพวกบักอ้วนเลยได้โปรดเถอะเจ้าประคู้น ไม่อย่างนั้นเวลาดๆี อย่างน้ี อาจจะหายไป เพราะเจา้ บกั อ้วนเด็กวัดร่างทว้ มจอมเกเรน่นั ก็ได ้

สนิ ไช นั่นไง...ตายยากจริงๆ บักอ้วนกับสมุนอีกห้าคนกำลังเดินฝ่าผู้คน ตรงมาทางกำพร้าพอดี พวกนั้นกำลังช้ีชวนกันดูคณะหมอลำท่ีกำลังแต่งตัว แต่งหน้าแต่งตาแล้วพากันหัวเราะ บักอ้วนหัวโจกเด็กวัดเดินนำหน้าขบวนมา อยา่ งไมต่ อ้ งสงสัย เขาเปน็ หลานของหลวงตาทพี่ ่อแมฝ่ ากใหเ้ ลี้ยงดู จึงให้มาอยู่ เป็นเด็กวัดด้วยกันสองคนกับกำพร้า เวลาอยู่ท่ีวัด บักอ้วนมักจะแกล้งกำพร้า เสมอ เพราะถือว่าตัวเองแก่กว่า เม่ือไปโรงเรียนก็ยังไม่วายไปวางก้ามข่มเด็ก คนอน่ื จนได้พรรคพวกมาเป็นโขยง สว่ นใหญร่ กึ ็เป็นพวกทไ่ี มอ่ ยากโดนบกั อ้วน ซัดเอาท้งั นัน้ แหละ กำพร้าเห็นพวกบักอ้วนเข้ามาใกล้ จึงรีบมองหาช่องทางหลบลี้ แต่ ดูเหมือนเขาจะช้าไปเพียงเสี้ยววินาที จึงหลบสายตาบักอ้วนไม่ทัน นั่น...มาน่ัน แลว้ พวกมนั เดินตรงรม่ี าหากำพรา้ เลยทเี ดียว “เฮ้ย! จะรีบไปไสวะ ฮ่ันแน่! กินไอติมซะด้วย น่าอร่อยนะเอ็ง ขอเฮา กนิ มงั่ ” บกั อ้วนทำนสิ ยั เดมิ ๆ กับกำพรา้ ทุกทีทเ่ี จอหนา้ กำพรา้ ทำท่าจะถอยหนี แต่ถูกลูกน้องบักอ้วนล้อมไว้ บักอ้วนคว้าหมับเข้าท่ีข้อมือกำพร้าที่ถือไอศกรีม กะว่าจะแย่งมันทั้งโคนนั้นเลย แต่กำพร้าไม่ยอม ฝืนข้อมือตัวเองไว้ ไอศกรีม เลยลงไปนอนแอ้งแม้งอยู่กบั พนื้ “โธเ่ ว้ย! เอง็ น่ี เฮาขอดๆี กบ็ ่ให”้ บกั อว้ นไมส่ บอารมณ์ เลยผลกั กำพรา้ จนเสียหลักหน้าคว่ำ ล้มลงเข่ากระแทกพ้ืน กำพร้าก้มลงค่อยๆ ปัดทรายออก มองเห็นแผลถลอกซ้ำทับรอยถลอกเก่า ซ่ึงเกิดจากบักอ้วนเจ้าเดิมน่ันแหละ ครั้นพอหันหลังแหงนหน้าข้ึนมองบักอ้วน ก็เห็นว่าพวกมันเดินกลับกันไปแล้ว กำพร้าได้แต่กำมือแน่น แค้นใจที่ไม่เคยสู้พวกมันได้เลย แม้แต่จะมีปากมีเสียง กย็ งั ไมก่ ล้าสักที แต่อย่างไร วันนี้ก็ยังเป็นวันพิเศษของกำพร้า เขาไม่อยากเสียอารมณ์ กับเร่ืองน้ีสักเท่าไหร่จึงเดินเล่นต่อไป แล้วไปหยุดยืนดูหมอลำท่ีกำลังจะเริ่มเล่น อยู่พอดี หมอลำคณะนี้กำพร้าเคยได้ยินช่ือเสียงมานานว่า เล่นเรื่องพ้ืนบ้านได้ สนุกสนานถึงใจ เพราะมีหมอลำหลายคนเสียงดี แถมยังมีหมอแคนมือดีเล่น

หนังสอื ของหลวงตา  แคนได้ถึงใจ กำพร้ามองหาพ้ืนท่ีว่างแล้วน่ังลงกับพ้ืน ชมฉากเวทีด้านหลังท่ี วาดเป็นภาพปา่ รกคร้ึม พลางคิดว่าวนั นหี้ มอลำคณะนจ้ี ะเล่นเร่อื งอะไร ขอกราบเรียนพ่ีนอ้ งพ่อแม่ผูม้ าฟงั อหงั ขอวันทาผ้มู าในงานน้ ี ลำบด่ ีขอไหวว้ นั ทาเจ้าสากอ่ น แมน่ แทเ้ ดอ้ บาดฟ้อนแขนขอ่ ยแกวง่ บง่ าม บม่ ว่ นซ่ำน่ำลำกะบ่มีกลอน เสยี งหมาหอนยงั ดีกวา่ ลำหลานซ่ำ มื่อน่ีลำในหอ้ งคลองธรรมพระเจา้ ส่ัง นิทานมีแตค่ รั้งโบราณมนั เลา่ มา ยงั มที า้ วพระยาชอ่ื นามว่า สนิ ไซ... คณะหมอลำออกมาเล่าว่า สินไชช่วยนางสมุนทาและนางสีดาจันทร์ กลบั มาจากเมอื งยกั ษ์ไดแ้ ล้วก็พาไปพบหกกมุ าร แล้วบอกให้พานางทั้งสองกลับ เมืองเปงจาล ส่วนตน สังข์ทอง และสีโหจะแยกทางกลับไปเย่ียมมารดาท่ีเมือง นครศิลป์ แต่หกกุมารกลับลวงสินไชไปฆ่า โดยชวนไปเล่นน้ำแล้วผลักสินไช ตกเหวลงไป กำพร้าติดตามเรื่องราวด้วยจิตใจลุ้นระทึกว่า สินไชจะรอดชีวิตหรือไม่ จนมารู้ตัวอีกทีก็เร่ิมดึกเสียแล้ว เขาอยากจะดูหมอลำต่อให้จบ แต่สงสัยว่า หมอลำจะเล่นกันถึงเช้าจึงต้องตัดใจเดินกลับวัด ปกติแล้วกำพร้าอาศัยอยู่ในกุฏิ หลวงตาและคอยอยู่รับใชต้ ามแต่หลวงตาจะเรียก แต่ดึกดืน่ ปา่ นน้ีหลวงตาคงจะ จำวัดแล้ว ระหว่างทาง กำพร้าหวนนึกถึงสินไชท่ีถูกหกกุมารผลักตกเหว แล้ว มาคิดถึงตัวเอง ตนยังโชคดีกว่าสินไชมาก คิดได้อย่างน้ีแล้ว กำพร้าก็พอจะยิ้ม กบั ตวั เองไดห้ นอ่ ย แตเ่ มอื่ เดนิ มาถงึ กฏุ หิ ลวงตากต็ อ้ งหบุ ยมิ้ ทนั ที เพราะหลวงตา นง่ั รออย่ทู ร่ี ะเบยี ง “คอื ฟ่าวกลบั หมอลำสนุกบ”่

10 สินไช กำพร้าพยักหน้ายิ้มๆ แต่ยังไม่กล้าพูดอะไรมาก กลัวหลวงตาจะดุที่ กลบั ชา้ สว่ นหลวงตาเหลือบเหน็ รอยถลอกที่หัวเข่ากำพร้าจึงถามต่อ “อา้ ว แล้วนั่นไปโดนอะไรมาละ่ ไปโดนไผแกลง้ มาต”ิ คราวน้ีกำพร้าพยักหน้าจ๋อย แล้วก็แกล้งกลบเกล่ือนถามเรื่องอื่นด้วย เสยี งใส “หลวงตาเคยเบงิ่ หมอลำเรอื่ งสนิ ไชบค่ รบั ” กำพรา้ อยากจะถามเรอ่ื งราว ต่อจากตอนที่ตนไดด้ ู “เคยสิ ออ้ ...หมอลำเขาเลน่ เรื่องน้ีกนั นเ่ี อง แล้วเล่นตอนไหนละ่ ” กำพร้ารบี ถามตอ่ ทนั ท ี “สินไชตกเขา แลว้ ตายจริงบค่ รบั ผมบ่อยากให้สินไชตายเลยหลวงตา” หลวงตาเห็นลูกศิษย์กระตือรือร้นอยากรู้เร่ืองราวขนาดน้ันก็หัวเราะ อยา่ งเอ็นดู แล้วจึงไปหยบิ หนังสือเรื่องสินไชในกฏุ มิ าส่งใหก้ ำพร้า “ถ้าอยากรู้เร่ืองต่อก็ต้องอ่านเอง เอ้า...นี่หนังสือของหลวงตา รักษาให้ ดีละ่ ” กำพร้ารับคำแล้วกล่าวขอบคุณ ส่วนหลวงตาก็ตักเตือนเรื่องที่กำพร้า กลับดึก กำพร้าเห็นหลวงตาหันหลังกลับจะเข้ามุ้งแล้ว ก็รีบกางหนังสืออ่าน ทันทีด้วยใจจดจ่อ หลวงตาหันมาเห็นจึงบอกให้รีบนอน เพราะพรุ่งนี้ต้องไป โรงเรียน แต่ก่อนหลวงตาจะปดิ ไฟ ยงั อตุ ส่าหห์ ยอดเน้ือเรื่องไว้นดิ หนงึ่ “ใจเย็นๆ สนิ ไชบ่ตายดอก...คนดีพระทา่ นคุม้ ครอง” บนโขดหนิ ริมธารนำ้ ตก สินไชคอ่ ยๆ ลืมตา มองเหน็ แสงรำไรท่ีลอดลง มาจากกิง่ ใบของต้นไมอ้ ันรกคร้มึ เขาพยายามยนั ตัวลกุ ขน้ึ ชา้ ๆแต่แลว้ ก็ทรุดตวั ลงไปใหม่ เนอ้ื ตวั เปยี กโชก เตม็ ไปดว้ ยรอยชำ้ และบาดแผล ทง้ั มอื ไมไ้ รเ้ รย่ี วแรง และปวดศีรษะจนแทบทนไม่ไหว สินไชฟื้นคืนสติ แต่สับสนว่าตนอยู่ที่ไหน พยายามนึกย้อน เหตุการณ์สุดท้ายท่ีจำได้คือ ใบหน้าช่ัวร้ายของเหล่าพ่ีชาย ลอยมาในความคดิ

หนังสือของหลวงตา 11 สินไชจำได้ว่ากำลังเล่นน้ำอยู่กับพี่ชายต่างมารดาทั้งหกคน แล้วถูก ผลักตกลงไปในกระแสน้ำเช่ียวกรากท่ีไหลลงหน้าผา จากนั้นก็หมดสติไป กระแสน้ำคงพัดพามาหยุดท่ีน่ี แล้วน่ีจะกลับเมืองนครศิลป์ได้อย่างไร สังข์ทอง และสีโหจะเป็นอย่างไร ย่ิงคิดสินไชก็ย่ิงปวดหัวยิ่งกว่าเก่า ท้ังสับสน ทั้งน้อยใจ และแคน้ ใจ ...พนี่ ้องกันแท้ๆ ทำไมถึงทำกนั ได ้ พระอนิ ทรม์ องเหน็ เหตกุ ารณ์ท้ังหมดจากเบ้ืองบน จงึ ลงมาปรากฏกาย อย่เู บอื้ งหนา้ สนิ ไช แล้วใช้น้ำทิพย์ชโลมบาดแผล สินไชร้สู ึกเรีย่ วแรงฟื้นคนื กลบั มาทันที เน้ือตัวและเส้ือผ้าที่สกปรกกลับสะอาดสะอ้านขึ้นทันตา แต่ทว่าจิตใจ เขายงั สบั สนและไมร่ ้จู ะทำอย่างไรตอ่ ไป พระอนิ ทร์จึงพดู ดว้ ยนำ้ เสียงออ่ นโยน ทำให้สินไชใจเย็นลง “สินไช เจ้าก็ฟันฝ่าอุปสรรคมามากมาย เอาชนะยักษ์มารจนช่วยเหลือ อาของเจ้ามาได้ แล้วเหตใุ ดเจา้ จงึ พา่ ยต่อกลอุบายของเหล่าพีช่ ายได้ ลองตง้ั สติ ให้ได้แล้วคิดดูให้ดี ในสถานท่ีอันเงียบสงบเช่นน้ีถือเป็นโอกาสดีที่เจ้าจะได้คิด ทบทวนเรื่องราวท่ีผ่านมาในชีวิต แล้วเจ้าจงค่อยๆ คิดดูว่าจะจัดการพี่ชายของ เจ้าอยา่ งไร เม่ือคิดได้แล้วจงบอกขา้ ” สินไชก้มลงกราบพระอินทร์ที่ได้ช่วยชีวิตตน แล้วนั่งหลับตาตั้งสมาธิ คดิ ทบทวนชีวิตของตน กำพร้านั่งอ่านเร่ืองราวชีวิตของสินไชต่อจากน้ันอย่างสนุกสนาน จน วางหนังสือไม่ลง แต่แล้วต้องรีบปิดหนังสือดังพร่ึบ เมื่อคุณครูเดินเข้ามาใน ห้องเรียน กำพร้ารีบสอดหนังสือเก็บไว้ในโต๊ะเรียนและหยิบเอาหนังสือวิชา คณิตศาสตร์ข้ึนมาแทน กำพร้ารู้สึกแปลกๆ เหมือนมีใครกำลังจ้องมองเขาอย ู่ แตก่ ็ไมไ่ ด้สนใจอะไร

12 สนิ ไช ระหว่างพักกลางวัน กำพร้ากินข้าวกับเพื่อนๆ แล้วไปว่ิงเล่นกันต่อ ทุกอย่างเป็นไปอย่างปกติ เพยี งแตก่ ำพร้าสงสัยอยู่นิดหนอ่ ยว่า ทำไมวันนพี้ วก บกั อ้วนถงึ ไมม่ ากวนใจเหมอื นเชน่ ทุกวัน บ่ายสามโมงคร่งึ เสยี งระฆังเลกิ เรยี นดงั ข้นึ นักเรยี นลกุ ขนึ้ เกบ็ ข้าวของ กลับบ้าน คุณครูส่ังว่าอย่าลืมทำการบ้าน ขณะที่นักเรียนเร่ิมวิ่งออกจากห้อง ทีละคน กำพร้าล้วงหนังสือจากล้ินชักใส่กระเป๋าจนครบหมดทุกเล่ม ถึงเพ่ิง สังเกตว่าหนังสือเร่ืองสินไชหายไป กำพร้าตกใจและพยายามควานล้วงล้ินชัก น้ันให้ทว่ั อกี คร้ังแตก่ ไ็ ม่พบ เขานกึ ถงึ หนา้ หลวงตาแล้วกลุ้มใจ ไมเ้ รียวอยไู่ มไ่ กล เกินรอ “เฮย้ เอามาเบง่ิ นำ่ แหน”่ บกั อ้วนแย่งหนงั สือทข่ี โมยกำพรา้ มาตอนพกั เที่ยงจากมอื ลกู สมนุ “ไหน ไอ้กำพร้ามันอ่านอะไรของมัน” พอบักอ้วนได้หนังสือมาแล้วก็ เปิดอ่านดู พลางเดินนำขบวนเพ่ือนๆกลบั หม่บู ้าน ส่วนกำพร้าเฝ้าหาหนังสือเล่มนั้นจนทั่วก็หาไม่เจอ จนเวลาล่วงมามาก แลว้ ก็ยังไม่ได้กลบั วัด เขาเริม่ แนใ่ จว่าตอ้ งเปน็ ฝีมอื พวกบกั อว้ นแน่ๆ ไมม่ ีใครอืน่ เพราะพวกบักอ้วนชอบแกล้งเขาอยู่เสมอ คงเห็นว่ากำพร้าเป็นเด็กเงียบ เวลา ถูกแกล้งกไ็ มฟ่ อ้ งครู พวกบักอ้วนจงึ ยิ่งไดใ้ จ กำพร้าคิดเท่าไหร่ก็คิดไม่ออกว่า พวกของบักอ้วนเอาหนังสือไปซ่อน ไว้ที่ไหน จึงต้องเดินหน้าจ๋อย คอตกกลับวัด พลางคิดว่าพรุ่งนี้ค่อยมาหาใหม่ ระหว่างเดนิ ทางกลบั วัดน้ัน เขานึกถงึ ตอนทเ่ี พิง่ อา่ นจบแลว้ กย็ ิง่ เสยี ดาย ...แหมกำลงั สนกุ อย่เู ชยี ว

13



สอง เริม่ ต้นเดินทางครั้งใหม่ กำพร้านั่งนึกถึงเร่ืองราวของสินไช...ยิ่งคิดย่ิงชอบ...ย่ิงคิดย่ิงกังวล เพราะจนบัดนี้หนังสือเร่ืองสินไชของหลวงตาที่หายไปยังหาไม่พบ...กำพร้า ค่อยๆ หลับตา เหน็ หนา้ พระเอกหมอลำที่เล่นเปน็ สนิ ไชแลว้ ผลอ็ ยหลับไป สินไชต้ังสมาธิทบทวนเหตุการณ์ในชีวิตของตน ต้ังแต่จำความได้ พระมารดาเลา่ วา่ พวกตนถกู ขบั ไลอ่ อกจากวงั ตอ้ งระเหจ็ เรร่ อ่ นจากเมอื งเปงจาล เพราะความอิจฉารษิ ยาของเหลา่ มเหสที ั้งหกของพระบิดา เดิมทีพระยากุศราช ผู้ครองเมืองเปงจาล มีพระมเหสีชื่อนางจันทา และพระขนิษฐานามว่า นางสมุนทา นางสมุนทานี้งดงามโสภาอย่างไม่อาจหา ใครเทียบ แต่แล้ววันหน่ึงนางออกไปชมดอกบัวในสวนนอกเขตวังกับขบวน บริวารแล้วถูกยักษ์กุมภัณฑ์ลักตัวไป ไพร่พลและเหล่าสนมได้แต่ต่ืนตกใจ ไม่มี ใครช่วยนางไว้ได้ เม่ือพระยากุศราชได้ทราบเร่ืองก็เศร้าโศกเสียใจมาก จนไม่เป็นอัน ปกครองบ้านเมือง จึงมอบเมืองให้นางจันทามเหสีปกครองแทน ส่วนตน ออกบวชเป็นพระภกิ ษแุ ล้วเดนิ ทางไปเมืองจำปา

16 สินไช วันหน่ึง ระหว่างบิณฑบาต พระยากุศราชไปพบลูกสาวนันทเศรษฐี เจด็ คนก็ถูกใจ จึงลาสกิ ขาแล้วไปสขู่ อมาเปน็ มเหสีที่เมอื งเปงจาล พระยากุศราช จึงมีมเหสีแปดองค์ มีนางจันทาเป็นมเหสีเอก และมเหสีใหม่คนท่ีเจ็ดช่ือนางลุน เป็นมเหสีเล็ก พระยากุศราชวาดหวังต้ังใจไว้ว่า หากโอรสของมเหสีองค์ใดเป็น ผู้มีบุญญาธิการ เติบโตข้ึนมาแล้วสามารถออกไปรบกับยักษ์กุมภัณฑ์ แล้วนำ ตัวนางสมุนทากลับมาได้ จะยกราชสมบตั ิให้เปน็ เจ้าครองเมืองตอ่ ไป ต่อมามเหสีท้ังหมดได้ให้กำเนิดโอรสพร้อมกัน นางจันทามเหสีเอก ประสูติโอรสเป็นคชสีห์ มีหัวเป็นช้างกายเป็นสิงห์ มีสีสวยสดงดงามและมีงวง อันวิจิตร ชื่อว่าสีโห ส่วนนางลุนประสูติโอรสองค์แรกเป็นหอยสังข์สีทอง ต้ังช่ือ วา่ สงั ขท์ อง องคท์ ่สี องเปน็ มนุษยช์ ่ือ สินไช รปู ร่างงดงามดังเทพ มีธนูศลิ ปแ์ ละ ศรติดมือมาดว้ ยแต่เกดิ สว่ นมเหสอี กี หกองค์ประสูติโอรสเป็นคนสามญั ธรรมดา พระยากุศราชพึงพอใจย่ิงนักท่ีได้โอรสงดงามอย่างสินไช แต่กังวล พระทัยว่า มีโอรสองค์หน่ึงเป็นหอยสังข์ อีกองค์หน่ึงเป็นคชสีห์ จึงปรึกษา โหราจารย์ มเหสีท้ังหกเห็นเป็นโอกาสท่ีจะกำจัดนางจันทาและนางลุนได้ จึง ติดสินบนขุนโหรให้ปดเท็จว่ากุมารท้ังสามน้ันเป็นกาลกิณีจะนำภัยพิบัติมาให้ พระยากศุ ราชหเู บาเช่อื ตามนน้ั จงึ ขับไล่นางจนั ทาและนางลนุ ออกจากวงั มเหสี ท้ังสองนางจงึ ตอ้ งหอบลูกออกจากวังมาพบความลำบากในป่า เรื่องนีร้ อ้ นถึงพระอินทรจ์ งึ สัง่ ให้วิสสุกรรมเทพบตุ ร ลงมาสร้างปราสาท ใหพ้ รอ้ ม ทงั้ เครอื่ งใชไ้ มส้ อยและอาหารการกนิ ตง้ั ชอื่ เมอื งวา่ นครศลิ ป์ นางจนั ทา และนางลุนจึงเล้ียงดูสินไช สังข์ทอง และสีโหจนเติบโตอย่างสุขสบายอยู่ใน ปราสาทน้ี ฝ่ายมเหสีท้ังหกก็เล้ียงดูโอรสทั้งหกจนเติบใหญ่เช่นกัน วันหนึ่ง พระยากุศราชเห็นว่าสมควรแก่เวลาแล้วท่ีจะส่งโอรสไปตามพระขนิษฐาสมุนทา หกกุมารจึงขอเขา้ ปา่ ไปเรียนมนต์ใหม้ ฤี ทธิ์เดชเสยี กอ่ น หกกุมารหลงทางอยู่ในป่าจนค่อนวัน เจ้าป่าจึงดลบันดาลให้หกกุมาร เดินทางมาถงึ เมืองนครศลิ ป ์

เรมิ่ ตน้ เดินทางคร้งั ใหม่ 17 “พวกเราอยู่ท่ีไหนกันน่ี เดินวนอยู่ในป่ามาตั้งนาน แล้วทำไมไม่เห็นมี สำนักพระฤาษีสักสำนักเลย แล้วจะกลับไปพบหน้าพระบิดาได้อย่างไรกัน” หก กุมารเร่ิมพากันโอดครวญเพราะความเหนื่อยล้า ศรีสันท์โอรสองค์โตบอกให้ นอ้ งใจเย็นๆแล้วช้นี ว้ิ ไปทป่ี ราสาทอันงดงามทเี่ ห็นอยูไ่ กลๆ “พวกเจ้าเห็นปราสาทนนั่ ไหมละ่ ขา้ วา่ จะตอ้ งมอี ะไรดๆี ซ่อนอยแู่ น”่ แล้วหกกุมารก็มุ่งหน้าเดินกันต่อ ฝ่ายสินไช เมื่อเห็นบรรดาเด็กหนุ่ม แปลกหน้าเดินเขา้ ประตูวงั มา จงึ วงิ่ เขา้ ไปขวางไว้ “พวกท่านเป็นใคร มาทำอะไรทีป่ ราสาทของเรา” ศรีสนั ท์วางมาดอยา่ งไม่กลวั เกรงแล้วตอบกลบั “พวกเราเป็นโอรสของพระยากศุ ราช กษตั รยิ เ์ มืองเปงจาล แลว้ ท่านละ่ เป็นใคร มาขวางพวกเราทำไม” สินไชได้ยินดังน้ันก็ตกใจรำพึงกับตนเองในใจว่า น่ีหรือลูกของเหล่า มเหสีท่ีขับไล่พระมารดาของเราออกจากวัง แต่ด้วยความท่ีสินไชเป็นคนจิตใจดี มเี มตตา ไมค่ ิดพยาบาทใคร เมือ่ เหน็ พ่ีชายเดอื ดร้อนจงึ คดิ ช่วยเหลอื “เราเปน็ โอรสของนางลนุ มพี ระบดิ าชอ่ื พระยากศุ ราช แตเ่ ราพลดั พราก จากพระบิดามาต้ังแต่เล็กและมาอาศัยอยู่ท่ีปราสาทแห่งนี้ ขอเชิญพวกท่านเข้า มาพกั ผ่อนก่อนเถดิ ” ฝา่ ยหกกมุ ารไดย้ นิ ดงั นนั้ ตกใจยงิ่ กวา่ เพราะคดิ เอาวา่ นางจนั ทา นางลนุ และสามกุมารน่าจะตายไปหมดแล้วเพราะความลำบาก ไม่คิดว่าจะยังมีชีวิต และอาศัยอยู่ในปราสาทหลังใหญ่สวยงามเช่นน้ี ย่ิงคิดแล้วย่ิงอิจฉา ถ้าได้กลับ วงั แลว้ จะตอ้ งรบี ไปทลู เสดจ็ แม่ แตต่ อนนห้ี กกมุ ารแกลง้ ทำเปน็ พดู จาดดี ว้ ย เพอ่ื หลอกใหส้ ินไชตายใจ “สินไชน้องรักของพ่ี นับต้ังแต่ที่น้องจากพ่ีมา พี่ไม่ทราบข่าวคราวของ น้องเลย พอเห็นหน้าน้องแล้วพี่รู้สึกดีใจเป็นท่ีสุด พระเจ้าน้า แม่ของน้องอยู่ ท่ไี หนหรอื พวกพ่ีอยากจะขอไปกราบพระบาทท่านสกั หน่อยจะได้ไหม”

18 สนิ ไช สินไชบอกให้เหล่าพ่ีชายรอก่อน แล้วรีบเข้าปราสาทไปเล่าเรื่องให้นาง จนั ทาและนางลนุ ฟัง “พ่ีชายที่ไหนกัน อย่าไปฟังมัน! มันโกหกท้ังนั้น! ไว้ใจไม่ได้ แม่ของ พวกมนั ยยุ งเสด็จพ่อของลกู ใหข้ บั ไลพ่ วกเราออกจากเมือง แมไ่ ม่อยากเหน็ หน้า มัน ไมต่ ้องพาเขา้ มาพบแม่!” เว้กเว้กฮ้องอยา่ ฟา่ ววา่ เสียงกบ ย่านแต่แนวทำท่าตอดตาย ไผสฮิ ู้ (ไดย้ นิ เสียงอ๊บๆอย่าเพ่ิงไปคดิ ว่าเป็นเสียงกบ เกรงวา่ จะเป็นงสู ามเหล่ยี มมีพิษกดั ตาย) นางลนุ ตะโกนเสียงดังเพราะรเู้ บอ้ื งลกึ เบ้อื งหลังของพวกพๆ่ี ตนดตี ้งั แต่ คร้ังที่ถูกใส่ความ น้ำตาของนางค่อยๆ ซึมที่ขอบตาทั้งด้วยความโกรธและเป็น กังวลวา่ เรอ่ื งรา้ ยจะกลับมาเกดิ ข้นึ กับตนและลูกอกี คร้งั ส่วนสินไชไม่ติดใจเคืองแค้นกับเร่ืองราวท่ีผ่านมา เพราะความรักจาก พระมารดาไดเ้ ตมิ เตม็ หวั ใจแทนสง่ิ ทข่ี าดหายไปทงั้ หมดแลว้ จงึ ทลู ใหพ้ ระมารดา ใจเยน็ ลงวา่ “ลูกเข้าใจแม่ดี แต่ลูกไม่กลัวหรอกจ้ะ เพราะลูกไม่คิดพยาบาทจองเวร ผู้ใด หากใครมาทำอะไรเรา เขาคงจะแพ้ภัยตัวเอง ลูกจะออกไปพูดจาดีๆ กับ พวกพี่ๆ และจะไปกับพวกเขาโดยเก็บความขมข่ืนไว้ในใจ แม่อย่าได้เป็นห่วง เลยจ้ะ” ว่าแล้วสินไชก็ออกมาเล่นกับพี่ๆ ท้ังยังแผลงศรต้อนนกต้อนปลามาให้ ชมอยา่ งสำราญใจ ฝา่ ยหกกมุ ารเห็นฤทธ์ิของสนิ ไชจึงคดิ แผนการในใจ แลว้ โกหกอกี วา่

เร่มิ ต้นเดินทางครง้ั ใหม่ 19 “น้องรู้ไหมว่า พระบิดาเป็นห่วงน้องและพระเจ้าน้ามาก จึงให้พๆ่ี ออก ตามหา เมอ่ื เหน็ วา่ นอ้ งและแมส่ บายดี พรงุ่ นพ้ี จี่ ะกลบั เขา้ วงั ขอใหน้ อ้ งสง่ สตั วป์ า่ ไปถวายพระบิดาของเราดว้ ย” สนิ ไชรบั ปากว่าจะจดั การให้ หกกมุ ารจึงออกเดินทางกลบั วงั ดว้ ยความ สบายใจ เมือ่ หกกุมารกลับถึงวัง พระยากศุ ราชจงึ ถามถงึ การฝึกวชิ า “วา่ ไงละ่ ลกู เจา้ ไปได้วชิ าอะไรมาบา้ ง ไดว้ ิชาเปา่ ปเ่ี หมอื นพระอภยั มณี หรือจะเป็นวชิ ากระบ่กี ระบอง” หกกมุ ารไมร่ อชา้ รบี ตอบไปตามแผนทีว่ างไว ้ “ลูกนั้นได้ไปเรียนวิชาเรียกสัตว์ให้มาได้เหมือนใจปรารถนา ถ้าเสด็จ พ่อจะใคร่ชมนก ลกู จะตอ้ นเขา้ มาในวงั ถ้าเสด็จพ่อจะชมปลา ลูกกจ็ ะให้ฝงู ปลา พากันมาแน่นฝ่ังนำ้ ทหี่ นา้ วัง หรือจะชมสิงสาราสัตว์ ละม่ัง กวางทราย ควายป่า หรือจะยกกันมาท้ังปา่ ก็ยังไดเ้ ลยนะ เสดจ็ พ่อ” พระยากศุ ราชได้ฟังดงั นัน้ ก็พอใจตบเข่าดงั ฉาด! “ให้มันได้อย่างนี้สิลูกพ่อ ถ้าเป็นอย่างน้ันจริง พรุ่งน้ีพ่อขอชมฤทธิ์เดช ของพวกเจา้ ใหเ้ ป็นบุญตาไดห้ รือไม่” “ได้เลย เสด็จพ่อ พรุ่งน้ีลูกจะเรียกสัตว์ป่าทุกชนิดเข้ามาในเมือง ป่าว ประกาศให้ไพรพ่ ลพากันมาดูด้วยนะพ่ะยะ่ ค่ะ” หกกมุ ารว่าแล้วก็แอบยิ้มมมุ ปาก แววตาเจา้ เลห่ ์ เช้าวันต่อมา สินไชยิงศรส่ังสัตว์ให้เข้าไปในวังตามที่รับปากไว้ ฝูงสัตว์ มากมาย ทั้งช้าง ม้า เสือ สิงห์ กระทิง แรด วิ่งเข้ามาในเขตวังจนแผ่นดิน สะเทือน เหตุการณ์ที่เกิดข้ึนทำให้ฝูงชนพากันลือว่าโอรสท้ังหกมีความสามารถ มาก สมควรท่ีจะได้ปกครองบ้านเมืองต่อไป พระยากุศราชก็หลงเช่ือตามน้ัน โดยไมส่ งสัยใดๆเลย

20 สนิ ไช ยิ่งเห็นโอรสทั้งหกมีความสามารถเลิศล้ำเท่าใด พระยากุศราชก็ย่ิง สบายใจ และเห็นว่าสมควรแก่เวลาเสียทีท่ีจะส่งเหล่าโอรสไปตามพระเจ้าอา กลบั วัง วันต่อมา เหล่าโอรสทั้งหกได้ฟังคำสั่งจากพระยากุศราช ทำให้หัวใจ ตกไปอยทู่ ่ตี าตมุ่ เดินคอตกกลับมาร่ำลาเหล่าพระมารดาทปี่ ราสาทของตน ฝา่ ย บรรดาแม่ แมจ้ ะสงสารลกู แต่จะใหไ้ ปบอกพระยากศุ ราชวา่ ไม่ใหส้ ง่ ลกู ไป กเ็ กรง ว่าจะถกู จบั ได้วา่ ไม่มีฝีมือ ระหวา่ งนัน้ นางตรีสุนทร หนึง่ ในมเหสที ง้ั หกจงึ เสนอ ข้ึนมาว่า “จะไปยากอะไรเล่าลูก ก็เรามีน้องสินไชผู้เก่งกล้าสามารถอยู่มิใช่หรือ ลวงสนิ ไชนแ่ี หละ ใชใ้ หไ้ ปตามนางสมนุ ทาพระเจา้ อา โดยบอกวา่ เสดจ็ พอ่ ทรงใช้ มันคงจะยอมไป เมอ่ื เสรจ็ ภารกิจแล้วลูกจงหาทางฆ่ามันเสยี ” พูดจบแล้วนางก็หัวเราะเป็นต้นเสียงให้เหล่ามเหสีและโอรส ทั้งหมด พากันหัวเราะประสานเสียงจนบรรยากาศแห่งความอิจฉาริษยาอัดแน่นอยู่ใน หอ้ งนน้ั ครั้นรุ่งเช้า โอรสทั้งหกชวนกันไปกราบลาพระบิดา แล้วมุ่งหน้าสู่เมือง นครศิลป์ เม่ือเห็นหน้าสินไช จึงโกหกว่าพระบิดาส่ังให้มาตามน้องไปพาตัวนาง สมนุ ทาผู้เป็นพระเจ้าอามาจากยักษ์กุมภัณฑ์ ถ้าได้พระเจ้าอากลับมา พระบิดา จะมาเชญิ นอ้ งใหเ้ ขา้ ไปเป็นเจ้าผคู้ รองนครเปงจาล สินไชเห็นว่ามีโอกาสทจ่ี ะไดต้ อบแทนพระคุณมารดาให้ไดเ้ สดจ็ กลับคนื พระนคร จึงตอบตกลง แต่ขอเวลากลบั ไปไหวล้ าพระมารดาก่อน นางลนุ เมื่อได้ ฟังว่าลูกจะออกเดินทางไปกับหกกุมารจึงไม่พอใจยิ่ง พยายามคัดค้าน เพราะ เกรงวา่ ลกู จะเป็นอนั ตราย แต่ไม่สามารถห้ามสินไชได้ จึงเตือนใหม้ ีสติระวังภัย “ถ้าอย่างน้ันเจ้าจงระวังตัวให้ดี โดยเฉพาะพี่ทั้งหกน้ันเป็นคนไม่รู้จัก คุณคน ระหว่างทางไปเมืองยักษ์อันตรายนะลูก แม่ได้ยินมาว่ามีภูเขาเจ็ดช้ัน และแม่น้ำขวางทางอยู่ อีกทั้งยังมีผีป่าท่ีจะมาใช้เล่ห์กลมารยาหลอกล่อสารพัด ลูกจงอย่าได้หลงเชื่อใครง่ายๆ ย่ิงไปกว่านั้นยักษ์กุมภัณฑ์น้ันมีฤทธ์ิมาก ส่วน

เริ่มตน้ เดินทางครง้ั ใหม่ 21 นางสมุนทาถึงจะเป็นเลือดเน้ือเช้ือไขกับเราก็จริง แต่นางได้อยู่กินกับยักษ์เป็น ผัวเมียกันมานาน ลูกจะเชื่อลมปากเขาไม่ได้ เพราะใจคอผู้หญิงมักไม่แน่นอน สว่ นสังข์ทองกด็ ี สีโหก็ดี มีอะไรใหช้ ว่ ยเหลือกันนะ อย่าละทงิ้ กนั นะลูกนะ” พอสนิ ไชรบั คำพระมารดา กห็ ยบิ พระขรรคแ์ ละศรมา แลว้ ขห่ี ลงั สโี หออก เดนิ ทาง โดยใหส้ ังขท์ องนำทาง สว่ นโอรสทง้ั หกให้ข้ึนม้าตามไปอย่างกระชน้ั ชดิ ทั้งหมดบุกป่าฝ่าดงจนมาถึงปลายด่านของเมืองยักษ์แห่งหน่ึง มีงูซวงตัวใหญ่ เท่าภเู ขาคอยเฝ้ารักษาประตเู มอื งอย ู่ เม่ืองูร้ายเห็นผู้บุกรุกจึงแผ่พังพานแผลงฤทธ์ิและเลื้อยมาขวางทางไว้ อ้าปากกว้างแยกเข้ียวพร้อมจะฉกได้ทุกเมื่อ โอรสท้ังหกขาส่ันพ่ับๆ ชักม้าถอย มาหลบอยู่หลังสินไช สินไชกระโจนลงจากหลังสีโห แล้วร้องถามงูยักษ์อย่างไม่ เกรงกลวั “เฮย้ ! ไอง้ ูร้าย มาขวางทางพวกขา้ ทำไม ถอยไปซะ” งูร้ายพ่นพิษออกมาเป็นควันพวยพุ่งแทนคำตอบ โอรสท้ังหกหลบได้ ทนั พิษนน้ั จึงกลบั ไปถกู ภูเขาดา้ นหลัง หินถล่มลงมาครืนใหญ่ เหลา่ โอรสพากนั หลบพัลวัน สีโหเห็นเช่นน้ันจึงกระโจนเข้าไปตะปบที่คอของคู่ต่อสู้ งูร้ายชูคอข้ึน แลว้ ฟาดลงกับพ้นื เพื่อกระแทกสีโหลงกับหนิ กอ้ นใหญ่ สโี หไหวตัวทัน กระโดด หลบออกมาอีกด้านหน่ึง ก่อนที่หินก้อนนั้นจะแตกกระจุยกระจาย เศษหิน กระเด็นกระดอนไปทุกทิศทาง ฝุ่นคลุ้งเป็นหมอกทึบไปหมด สีโหถอยออกมา ตง้ั หลัก ครั้นเมื่อฝุ่นจางลง มองเห็นงูร้ายนอนซมอยู่ โอรสท้ังหกจึงถอนหายใจ เฮอื กใหญ่ รีบปดั เน้อื ปัดตัวแลว้ วางมาดดังเดมิ ทันใดนั้น งูร้ายชูหัวขึ้นมาอีกครั้งด้านหลังเหล่าโอรสที่ไม่ทันระวังตัว แตส่ โี หไหวตัวทนั จึงรีบตรงเขา้ ตะปบและกดั ซ้ำจนงูร้ายนั้นขาดใจตาย สินไชกล่าวขอบใจสีโห แล้วทั้งหมดก็พากันเดินทางต่อ จนพ้นเขตป่า มาถึงฝั่งน้ำแห่งหนึ่ง ซึ่งท้ังลึกและกว้างมากขนาดแลจนสุดลูกหูลูกตา จระเข้

22 สินไช หลายตวั วา่ ยนำ้ คอยเหยอ่ื อนั โอชะ บางตวั อา้ ปากรออยแู่ ลว้ ทรี่ มิ ฝงั่ ปลาใหญน่ อ้ ย วนว่ายอยเู่ ป็นจำนวนมาก สินไชถามโอรสทัง้ หกวา่ จะขา้ มฝง่ั น้ำอนั กวา้ งใหญ่ไปด้วยกนั ไหม โอรส ท้ังหกดูท่าแล้วไม่ไหว ขืนข้ามไป คงกลับมาเป็นช้ินๆ แน่ จึงตอบว่าสุดปัญญา ท่ีจะข้ามไปเพราะไม่มีฤทธ์ิ สินไชจึงให้พี่ๆ รออยู่ที่ฝั่งน้ำด้านน้ีก่อน เม่ือรับ พระเจ้าอามาได้แลว้ จึงจะกลับมารับ โดยให้สีโหอยคู่ อยคมุ้ ครอง แตก่ ่อนจะออกเดินทาง สนิ ไชพาสโี หหลบมากระซบิ กนั สองคนเบาๆ “พอี่ ย่าเขา้ ไปใกลพ้ วกน้ันมากนะ ไวใ้ จไม่ได”้ สโี หรับคำเตอื นจากนอ้ ง และเตือนกลับไปด้วยความเปน็ หว่ งเชน่ กนั “เจา้ เองก็อย่าทะนงว่ามีฤทธิ์ จำไว้นะว่าส่ีเท้ายังรพู้ ลาด นักปราชญย์ งั รู้ พลั้ง การท่ีเราเข้าไปอยู่ในถิ่นของศัตรูน้ันต้องระมัดระวังและมีสติอยู่ตลอดเวลา พระขรรค์และศรอย่าวางไว้ไกลตัวเด็ดขาด ทางน้ีไม่ต้องเป็นห่วง พ่ีจัดการเอง ถ้ามีเหตุด่วนต้องการความช่วยเหลือ ให้ยิงศรเป็นสัญญาณเรียกพี่ แล้วพ่ีจะไป ชว่ ย” สินไชรับคำสีโห แล้วตรงไปลาพ่ีทั้งหก พลางสะพายศรถือพระขรรค์ แลว้ ขี่สังข์ทองลอ่ งฉวิ ปลวิ ไปกลางสายน้ำ มุง่ หนา้ ไปส่ภู ูผาใหญเ่ บ้อื งหนา้

23



สาม เรือ่ งเล่าของกำพร้า วันนี้วันเสาร์ กำพร้าล้างจานที่พระฉันเพลเสร็จ แล้วน่ังพักอยู่บนแคร่ ใตต้ น้ มะมว่ งใหญ่ใกล้โบสถ์ ไดย้ นิ เสียงใสๆของเด็กผหู้ ญิงเรยี กหาเขามาแตไ่ กล “กำพรา้ ” กำพร้าหันไปเห็นเพื่อนสนิท ก้อยนี่เอง...กำลังว่ิงมาหา สงสัยว่าวันนี้ ก้อยจะว่างเลยมาชวนไปเล่นด้วย ก้อยเป็นเด็กหน้าตาน่ารัก เรียนเก่งและเพ่ิง จะมาเปน็ เพ่ือนเรียนหอ้ งเดยี วกบั กำพรา้ ตอนช้ันป.6 นเ่ี อง กอ้ ยเปน็ ลกู สาวพอ่ คา้ รา้ นขายของชำในหมบู่ า้ น วนั เสารอ์ าทติ ย์ พอ่ แม่ มักจะพาเธอและน้องสาวคนเล็กมาทำบุญท่ีวัดบ่อยๆ ก้อยจึงได้มาอยู่เล่นเป็น เพื่อนกำพร้า บางคร้ังก็ช่วยกันทำการบ้าน บางคร้ังก็ชวนกันออกไปเดินเล่น ท่ที างเดินรมิ นำ้ หลังวัดอยา่ งเชน่ วนั น ้ี

26 สนิ ไช ก้อยคะยั้นคะยอให้กำพร้าออกมาเดินเล่นกับเธอ ในขณะท่ีใจของ กำพร้ายังกังวลถึงหนังสือของหลวงตาที่หายไป เกือบสัปดาห์หน่ึงแล้วก็ยัง หาไม่เจอ ก้อยมักจะเล่าถึงวันหยุดท่ีพ่อแม่พาไปเที่ยวต่างจังหวัด หรือไปเย่ียม ญาติที่กรุงเทพฯ ให้กำพร้าฟัง ทำให้กำพร้าซึ่งไม่เคยไปเที่ยวไหนเลยตื่นเต้น อยู่เสมอ หรือไม่บางคร้ังก็บ่นเร่ืองน้องสาวของเธอที่เอาแต่ใจและชอบงอแง จนเธอปวดหัว แต่ไม่ว่าวันนี้ก้อยจะเล่าเร่ืองอะไรก็ดูเหมือนกำพร้าจะเงียบไป จนผดิ ปกต ิ “เปน็ อะไรไปหรือกำพรา้ เจ้าบม่ กั เร่ืองทข่ี อ้ ยเว้าให้ฟงั ตี้” “เปล่าหรอก เฮา...มีเร่ืองกลุ้มใจนิดหน่อย” กำพร้าก้มหน้าตอบ ไม่ อยากให้กอ้ ยเป็นห่วง “มเี รอื่ งอหี ยงั บอกขอ้ ยมาสิ เผอื่ ขอ้ ยซอ่ ยได”้ กอ้ ยตบไหลก่ ำพรา้ เบาๆ “หนงั สือเรอื่ งสนิ ไชของหลวงตาหาย...” “ออ๋ เจา้ ก็เบิ่งหนังสือเรอ่ื งน้ตี ้ี...วนั น้นั ข้อยได้เบ่งิ ” ก้อยต่นื เต้นจนลืมตวั ว่าเพื่อนกำลังเศร้า เมื่อนึกไดจ้ ึงเงียบไปแล้วคอ่ ยพูดต่อ “เอาเถอะ...แลว้ ขอ้ ยสซิ อ่ ยหา เจา้ อา่ นไปถงึ ไหนแลว้ เวา้ ใหฟ้ งั นำ่ แหน”่ กำพร้าจึงเงยหน้าข้ึนมามองก้อยและยิ้ม แล้วก็เลือกเล่าตอนที่คิดว่า ต่นื เตน้ ท่สี ดุ ให้ก้อยฟงั สินไชขี่สังข์ทองข้ามฝั่งอันกว้างใหญ่ไพศาลมาถึงเขตป่ารกทึบท่ีเล่า ขานกนั มาวา่ เตม็ ไปดว้ ยบรรดาภตู ผี และยกั ษม์ าร ผทู้ ่ผี า่ นปา่ น้ีไปได้เทา่ นัน้ จึง จะไปถึงเมืองของยักษ์กุมภัณฑ์ได้ สินไชไม่รอช้า ลงจากสังข์ทองแล้วก้าวเดิน ไปตามทางคดเค้ียวเข้าไปในป่า สักพักทั้งสองรู้สึกถึงแผ่นดินสะเทือนเป็น จังหวะกา้ วเทา้ ตึง! ตงึ ! แลว้ ยักษ์ตนหน่งึ กป็ รากฏตัว “เจ้าเป็นใคร กล้ามาเหยียบถ่ินของข้า เจ้าเด็กน้อยปากยังไม่ส้ินกลิ่น นำ้ นม ถา้ ไมอ่ ยากตายจงกลับไปซะ” ยักษ์ตนนั้นเอากระบองขว้างออกมา แต่ไม่ถูกสินไชเนื่องจากสังข์ทอง ช่วยป้องกันไว้ กระบองตกถึงพ้นื ดนิ เกิดเสยี งดังสนัน่ หวัน่ ไหว ฝูงสตั วน์ ้อยใหญ่

เรอื่ งเลา่ ของกำพรา้ 27 ตกใจพากันว่ิงหนีอย่างสับสนอลหม่าน สินไชจึงใช้พระขรรค์สู้กับยักษ์จนยักษ์ ลม้ ลง แต่ก็ยังลุกขึ้นมาได้ใหม ่ ยกั ษ์รอ้ งถามวา่ “อ้ายเด็กนอ้ ย เจา้ จะไปไหน บอกข้ามาซ”ิ สินไชตอบ “ไมใ่ ช่เรื่องของเจา้ เราจะฆา่ เจ้าเสีย” วา่ แล้วก็แผลงศรออกไปทนั ที ยกั ษล์ ม้ ลงพรอ้ มกบั รอ้ งกอ่ นตายวา่ “ถึงแม้ข้าจะตาย แต่ก็ยังมีพญาช้างกับขุนยักษ์ท้ังสี่คอยล้างผลาญชีวิต เจ้าตอ่ ไป เจา้ ไม่รอดแน”่ สินไชไม่กลัวเลยสักนิด ใช้พระขรรค์ตัดศีรษะยักษ์จนขาดใจ แล้วรีบ ข่ีสังข์ทองแล่นไปกลางน้ำจนมาถึงอีกฝ่ังหนึ่ง จากน้ันจึงเดินทางต่อไป พลาง เกบ็ ผลไมใ้ นปา่ ประทงั ชวี ติ จนมาถงึ เขาเงนิ ยวงซง่ึ มสี ขี าวบรสิ ทุ ธ์ิ สนิ ไชคอ่ ยๆปนี จนไปถึงยอดเขา แล้วเดินข้ามยอดเขาลงมายังเชิงเขา ชมนกชมไม้ตลอดทาง โดยมีสงั ข์ทองลอยนำหน้า หลายวันผ่านไป จนมาถึงเขตแดนของพญาคชกุญชร ซึ่งเป็นช้าง ตัวใหญ่มีฤทธ์ิมาก เพราะมีเทวดาคอยปกป้องรักษา วันนั้น พญาคชกุญชรกับ บริวารกำลงั หากินอยใู่ นปา่ เมือ่ แลเห็นสนิ ไชกห็ ยุดยืนจอ้ งดู คิดวา่ ใครหนอ ช่าง กล้าบุกมาถึงเขตแดนของตน แล้วจึงยกหางกางหูแผดร้องเสียงดังก้องไปท่ัวป่า พร้อมท้ังวิ่งออกมาขวางหน้าสินไช บรรดาเหล่าบริวารต่างพากันมารุมล้อม หมายจะเอาชีวติ ของหนุม่ น้อย สินไชจึงแผลงศรออกไป เกิดเสียงดังสนั่นหว่ันไหวกึกก้องดังฟ้าผ่า ช้างบริวารต่างตกใจว่ิงหนีกระเจิดกระเจิง ส่วนพญาคชกุญชรเห็นดังนั้นก็รู้ว่า เด็กหนุ่มคนน้ีมีบุญญาธิการไม่น้อย จึงยอมเป็นทาสรับใช้ สินไชบอกพญา คชกุญชรว่า กำลงั ตดิ ตามหาพระเจา้ อาท่ีถูกยักษ์จับตัวไป เพอื่ นำกลบั ไปถวาย พระบดิ า พญาคชกุญชรจงึ เตือนสนิ ไชว่า “ในป่านี้ มียกั ษร์ า้ ยด้วยกันถึงสตี่ น ทา่ นจะเขา้ ไปแนห่ รือ” สนิ ไชยิ้มตอบว่า “ขา้ ไมก่ ลวั ”

28 สินไช ว่าแล้วจงึ ข้นึ พญาคชกุญชรเดินทางต่อไป โดยมีบริวารช้างมาห้อมลอ้ ม ดูแล เดินทางผ่านป่ากว้าง ข้ามห้วงเหวใหญ่ไปด้วยความเหน็ดเหน่ือยเมื่อยล้า สินไชให้สังข์ทองไขน้ำเป็นลำธารไหลเย็นให้บริวารช้างท้ังห้าร้อยเชือกได้เล่น น้ำกันสนุกสนานเพลินใจ จากน้ันสินไชจึงเดินทางต่อไปจนมาถึงป่าหิมวันต์ และได้ชื่นชมพรรณไม้ดอกไม้นานาพันธ์ุที่ส่งกลิ่นหอมขจรขจาย ทั้งดอกพิกุล บุนนาค ตะแบก ลำเจียก การะเกด และมากมายอีกหลายพันธุ์ ในระหว่างท ี ่ สินไชชมดอกไม้อยู่น้ันก็หวนคิดถงึ พระมารดา อยากจะพาให้มาชมด้วยกัน สินไชยังเดินทางต่อไปไม่ลดละ จนไปพบยักษ์ทั้งสี่ตนท่ีพญาคชกุญชร ได้กล่าวถึงไว้ พวกมันคือ จติ ยักษ์ วิจติ ยกั ษ์ ชัยยกั ษ์ และวชิ ัยยกั ษ์ สีย่ กั ษร์ า้ ย สมุนของยกั ษ์กมุ ภณั ฑ์ แมแ้ ต่เทวดาเจา้ ปา่ ยังไมก่ ลา้ ตอ่ กรด้วย ยกั ษท์ ง้ั สน่ี น้ั จึง หย่ิงผยอง เมื่อมองเห็นสินไชยังเด็กเล็กนักจึงหมายจะจับกิน ต่างชิงกันว่ิงเข้า ไปหาสนิ ไชทันที สนิ ไชร้องตะโกนกลับไป “เฮย้ เจา้ ยกั ษ์ อยา่ มาทำเปน็ ใหญ่ คิดหรือวา่ ข้าจะกลัว” คำพูดของสินไชย่ิงทำให้ยักษ์ท้ังส่ีโกรธหนัก เข้าล้อมสินไชกันคนละ ทิศแต่ก็จับไม่ได้ เพราะสินไชรวดเร็วว่องไว หลบหลีกไปมาจนขุนยักษ์ตาม ไม่ทัน ทันใดนั้น ด้วยฤทธิ์ของสังข์ทำให้เกิดห่าฝนซัดกระหน่ำและลมแรง พัด จนตน้ ไมใ้ หญล่ ม้ ครนื ยกั ษไ์ มอ่ าจตา้ นฝนื พายนุ น้ั ทง้ั คอ ตนี และมอื ของขนุ ยกั ษ์ ขาดกระเด็นกระจายออกจากรา่ ง ลม้ ลงขาดใจทุกตน สินไชเดินทางต่อไปจนมาถึงภูเขาสุวรรณซึ่งมีสีเหลืองด่ังทองคำ ส่ง รัศมีไปต้องสิ่งใด ส่ิงนั้นก็แลดูสุกใสเป็นทองไปหมดทุกอย่าง ไม่ว่าสิงสาราสัตว์ ตน้ ไม้ ดอกไม้ในปา่ น้ัน เมอ่ื ถึงยอดเขา มีผหี ้วย ผเี ขาตดิ ตามมาชวนพดู คยุ ดว้ ยตลอดทาง แต่ สินไชไม่สนใจพูดด้วย จนมาถึงยอดเขาแก้ว ท่ีนั่น มีต้นนารีผลออกลูกย้อย ห้อยลงมาเป็นสตรีร่างย่อส่วน รูปงามด่ังนางฟ้า สัดส่วนต้องตา ใบหน้าต้องใจ ผวิ พรรณผดุ ผ่อง หากชายใดทเี่ ดนิ ผ่านปา่ น้ี แลว้ ไมต่ กหลุมรักเหลา่ นารผี ลก็ถอื ไดว้ ่าไมใ่ ชช่ าย

เรอื่ งเล่าของกำพรา้ 29 แม้แต่สินไชเองยังเผลอร่วมอภิรมย์กับนารีผลเหล่านี้อยู่นานสองนาน จนเทวดาช้ันต่ำท่ีหลงใหลนารีผลมาพบเข้า เกิดความโกรธแค้นจึงร้องท้ารบ ด้วย เพราะคิดว่าสินไชคิดจะแย่งชิงเมียของตน ว่าแล้วก็กวัดแกว่งพระขรรค์ เขา้ รุกไล่สินไช ฝ่ายสินไชจึงชักพระขรรค์ข้ึนตอบโต้จนเทวดาน้ันแตกพา่ ยไป สินไชรีบเดินทางต่อไปถึงเขาวงเวระบาท อันเป็นสถานท่ีที่พระอินทร์ สร้างไว้ ด้านในล้วนมีแต่ของทิพย์ ผู้มีบุญเท่าน้ันที่จะได้เห็นของทิพย์เหล่าน้ัน ไดแ้ ก่ ผ้านงุ่ อย่างดี บ่อแกว้ บอ่ เงนิ บ่อคำ และเป็นสถานทเี่ กิดของนางกินรี สินไชได้พบนางเจียงคำซึ่งเป็นนางกินรีรูปงามก็หลงชื่นชม จนการ เดินทางล่าช้าไปเจ็ดวัน แล้วสินไชก็ตัดสินใจเดินทางต่อไป เมืองยักษ์กุมภัณฑ์ อยอู่ ีกไมไ่ กลนักแลว้ เบ้ืองหน้าสินไช ปรากฏปราสาทที่แลล้วนไปด้วยเพชรตั้งตระหง่านอยู่ กลางป่า แสงวบู วาบของเพชรท่ปี ระดบั ประดานั้น สอ่ งประกายสะท้อนแสงแดด โดดเดน่ งามตา นม่ี นั ปราสาทของผใู้ ดกนั สินไชสาวเท้าก้าวเร็วเข้าไปในปราสาทน้ัน พอพ้นประตูเมืองเข้าไป เห็นสระบัวมีบัวนานาพรรณกำลังออกดอกบานสะพรั่งไปทั่วบริเวณ ปราสาท น้ันต้ังอยู่กลางสระบัวอันสวยสงบร่มรื่น สินไชข่ีสังข์ทองข้ามสระบัวท่ีพระแกล แล้วกระโดดข้ามพระแกลเข้าปราสาท กวาดสายตาไม่พบผู้ใด ได้ยินเพียงเสียง กรนของยกั ษต์ นหนึง่ ดงั ล่ัน สินไชค่อยๆ ย่องเข้าไปในห้องต่างๆ จนถึงห้องหนึ่ง พบยักษ์นอนแผ่ หราอยู่บนแท่นกลางห้อง ยักษ์ตนน้ันคือ วัณณุราช พ่ีชายของยักษ์กุมภัณฑ์ น่ันเอง ยักษ์วัณณุราชเพิ่งกลับจากการออกหาอาหารกินอย่างสำราญบานใจ เมื่อกลบั มาถึงปราสาทจงึ เอนกายพกั ผอ่ นนอนหลับไป การนอนของพญายกั ษน์ นั้ จะหลบั เปน็ เวลาหลายวนั ใครจะปลกุ อยา่ งไร กไ็ มต่ น่ื ตกใจงา่ ยๆ ขนาดชา้ งเปน็ รอ้ ยเปน็ พนั มารอ้ งทขี่ า้ งหกู ไ็ มไ่ ดย้ นิ เสยี งกรน ของพญายักษ์น้ันดังกว่าเสียงฟ้าร้องอีก อย่างไรก็ตามถ้าพักผ่อนเพียงพอแล้ว พญายกั ษจ์ ะตน่ื ขนึ้ มาเอง

30 สินไช เมื่อสินไชพบยักษ์วัณณุราชนอนหลับอยู่อย่างนั้นเพียงลำพัง ไม่มี บาทบริจาริกาคอยรับใช้ ก็เข้าไปปลุก แต่ปลุกอย่างไรก็ไม่ตื่น สินไชจึงขึ้นไป เหยียบจนทว่ั ตวั ยกั ษว์ ณั ณรุ าชยงั ไมร่ ู้สึกตัวสกั นิด จงึ เดนิ ออกจากปราสาท ไป น่ังพักชมดอกบัวและนึกใคร่จะได้นั่งรถ ทันใดน้ัน เทวดาก็นำรถเทียมม้ามารับ ขึ้นรถเหาะไป โดยมีเหล่าเทวดานางฟ้าแห่แหนกันมาเต็มท้องฟ้าจนไปถึงเมือง ยักษ์กมุ ภณั ฑ ์ “สมุนทานอ้ งรกั จ๊ะ วันนี้พ่ีจะเขา้ ไปเกบ็ ดอกไม้ในปา่ มาใหเ้ จ้านะจะ๊ ” ยักษก์ มุ ภณั ฑห์ นั หน้ามาบอกเมีย ขณะก้าวพน้ ประตหู อ้ ง “เดี๋ยวสิจ๊ะ พ่ี...” นางสมุนทาอยากจะร้องห้าม แต่ไม่รู้จะพูดอย่างไร เมอื่ คนื นางฝนั รา้ ยวา่ มผี มู้ าควกั เอาดวงใจของนางไป เลอื ดของนางไหลเปน็ ทาง นางสงั หรณ์ใจ คดิ เปน็ ห่วงสาม ี “มีอะไรหรือจ๊ะ เจ้าอยู่วัง จงปิดประตูหน้าต่างไว้ให้แน่นหนาด้วยนะ พ่ีเกรงวา่ จะมีพวกมนษุ ย์ ครฑุ นาค มาลักพาตวั เจา้ ไป พีเ่ ปน็ ห่วงเจ้านะ” นางสมุนทารู้สึกแปลกใจจึงตอบไปว่า “แต่ก่อนแต่ไรมา ไม่เห็นพ่ีพูด อยา่ งนี้เลย ถ้าพีเ่ ป็นห่วงน้องจริง พ่ีจะไปเก็บดอกไมท้ ำไมล่ะ อยู่เป็นเพือ่ นนอ้ ง ทีว่ ังดกี วา่ ” “พี่ไปชั่วประเดี๋ยวเดียวเอง เดี๋ยวก็กลับมาอยู่เป็นเพื่อนเจ้าแล้วนะ เจ้า ไม่อยากชมดอกไม้หรือ” ขุนยักษ์หันหลังกลับไป เตรียมก้าวออกจากวัง นาง สมุนทาวิง่ มาดา้ นหลังแล้วดงึ ข้อมือไว้ “ถ้าอย่างนั้นให้น้องไปด้วย น้องจะได้ไปชมนกชมไม้ด้วยไงจ๊ะ” นาง สมนุ ทาพูดเสยี งใส พยายามปกปดิ ความกังวล ยักษ์หันมามองหน้าเมีย เห็นแววตาอ้อนวอนแล้วเกือบใจอ่อน จึงต้อง รีบพูดตดั บท “เจ้าคงไปด้วยไม่ได้หรอก ใครรู้เข้าจะนินทาเอาว่าพี่นั้นไม่เมตตาเมีย ของตน ให้ออกไปลำบากเดินย่ำอยู่ในป่า ขอเจ้าจงอยู่แต่ในปราสาทเถอะนะ ถ้ามชี ายใดมาพดู ด้วย จงอยา่ พดู ดว้ ยนะ ดูแลตวั เองใหด้ ”ี ยกั ษก์ ุมภณั ฑไ์ ม่รู้เลยว่านี่อาจเป็นครั้งสุดท้ายแลว้ ท่เี ขาจะได้สัง่ ลานาง

เรอ่ื งเล่าของกำพร้า 31 รถเทียมม้าของเทวดาเหาะลอยมากลางฟ้าถึงยอดปราสาท สินไชก้ม ลงมองเบ้ืองล่างเห็นปราสาทมรกตงดงาม มีอัญมณีประดับระยิบระยับแพรวตา อาณาบรเิ วณกว้างขวาง พวกเทวดาบอกว่านแ่ี หละ ปราสาทของยกั ษ์กมุ ภณั ฑ์ สินไชจึงกระโดดจากรถขึ้นหลังสังข์ทอง แล้วเหาะร่อนลงที่ลานกว้างหน้า ปราสาท สังข์ทองขออาสาเข้าไปสำรวจพ้ืนที่ก่อน และให้สินไชรออยู่ด้านนอก สังข์ทองเหาะวนอยู่รอบปราสาท เห็นว่าเงียบเชียบไม่มียักษ์ตนใดอยู่ มีเพียง นางสมุนทา จึงกลับมาบอกสินไชว่าทางสะดวก ให้สินไชเข้าไปได้ ส่วนตนจะ เฝ้าตน้ ทางอยู่ดา้ นนอก สินไชเอามือเคาะประตู ถามว่าใครอยู่ข้างใน เป็นชายหรือหญิง เม่ือ ไม่ได้ยินเสียงตอบ สินไชก็พูดต่ออีกว่า “ข้าเดินทางมาแสนไกล เหน็ดเหน่ือย เหลือเกนิ อยากจะขอเขา้ ไปพักในปราสาทของทา่ นจะได้ไหม” นางสมนุ ทานกึ ถึงคำเตอื นของยกั ษ์กมุ ภณั ฑ์จงึ ตอบปฏิเสธวา่ “เจ้าน่ังพักผ่อนตามสบายอยู่ด้านนอกเถิด เราเป็นหญิงไม่ควรอยู่กับ ชายใดตามลำพัง เทวดาจะติฉินนินทาเรา และเจ้าเองจะไม่ปลอดภัย เมื่อยักษ์ ผัวข้ากลบั มา” “ข้าได้เดินชมปราสาทของท่าน เห็นว่าสวยงามย่ิงนัก ถ้าข้าจะขอเข้า ไปชมปราสาทภายในจะได้หรอื ไม่” “ไมไ่ ด้หรอก เพราะลกู ผวั เรามี มนั ไม่เหมาะสม” นางสมนุ ทาเรม่ิ อดึ อัด ใจ ไมร่ ้จู ะปฏเิ สธอย่างไร “ชมภายในนน้ั คอื ชมปราสาทตา่ งหาก ไมเ่ กีย่ วกับทที่ ่านมลี กู ผวั หรือไม่ ขา้ ไมไ่ ด้คิดอะไรอย่างอื่น” นางสมุนทาฟงั เสียงคสู่ นทนา นา่ จะเปน็ เด็กหนมุ่ อายุ ยังน้อย แต่พูดจาฉลาดนกั จงึ เรม่ิ อยากจะเหน็ หนา้ “ข้าอยู่ไม่นานหรอก ขอเพียงแต่ได้เปิดหน้าต่างให้ได้เห็นหน้าเห็นตา ก็พอ” สินไชพูดต่อ “เจา้ ตอ้ งสญั ญาว่าจะไม่ทำรา้ ยเรา แล้วเราจะเปิดหนา้ ตา่ งออกไป” “ขา้ สญั ญา”

32 สนิ ไช นางสมุนทาตัดสินใจเปิดหน้าต่างออกมา เมื่อได้เห็นเด็กน้อยหน้าตา น่าเอน็ ดจู งึ ถามไปวา่ “เจ้าเป็นใครกัน มาจากไหน บอกเราหน่อยซิ” พอสินไชได้เห็นหน้านางสมุนทา ก็รู้ทันทีว่าน่ีคือพระเจ้าอาของตน อย่างแน่นอน จงึ ตอบไปว่า “ข้าน้ันเป็นลูกของพระยากุศราช เสด็จพ่อเป็นห่วงมากจึงใช้ให้มาตาม หาเสด็จอาท่ีถกู ยกั ษ์ลกั พาตวั มา ถา้ พบแล้วให้พากลบั เข้าวงั ทเี่ มืองเปงจาล” นางสมุนทาได้ฟังดังนั้น ก็ดีใจท่ีได้พบหลาน จึงเปิดประตูว่ิงออกมา กอดหลานพร้อมทั้งจบู รบั ขวญั พาเขา้ ไปในปราสาท “เราเองคืออาของเจ้า เสด็จพ่ีสบายดีไหม แล้วนี่เจ้าเดินทางมาถึงที่น่ี ได้อย่างไร หนทางออกยาวไกล เต็มไปด้วยยักษ์ มาร ภูต ผี อีกท้ังยังมีแม่น้ำ และภเู ขาขวางก้นั ไหนเจ้าลองเล่าเรือ่ งราวท้งั หมดใหอ้ าฟงั ซ”ิ สินไชจงึ เลา่ เร่อื งราวอนั หนา้ ต่ืนเตน้ กบั การผจญภยั ทงั้ หมดให้ฟัง... ...เหมอื นกบั กำพร้าที่กำลงั เลา่ ให้ก้อยฟังอยา่ งนีเ้ ช่นกัน

33



สี่ เหตุเพราะรัก บ่ายสองสิบห้า ถึงเวลาเรียนคาบสุดท้ายแล้ว ครูพรทิพย์เดินเข้ามาใน หอ้ ง เธอเป็นครูสาวไฟแรงท่ีเรยี นจบมหาวิทยาลัยในกรงุ เทพฯ แลว้ กลับมาสอน หนังสอื ทบ่ี า้ นเกิด โรงเรยี นวัดเล็กๆ ที่ไม่มีชอื่ เสยี งนี้ มีครูเพยี งส่คี น เธอจึงตอ้ ง รับผิดชอบในการสอนหนังสือหลายวิชา รวมถึงการดูแลอบรมส่ังสอนนักเรียน ในเรื่องความประพฤติไปพร้อมกัน แต่ไม่เคยคิดเหน็ดเหนื่อยท้อใจและยังหม่ัน หากจิ กรรมใหมๆ่ มาใหน้ กั เรยี นไดฝ้ กึ คดิ และแสวงหาความรอู้ ยเู่ สมอ ครพู รทพิ ย์ เช่ือเสมอว่าเน้ือแท้แล้วเด็กทุกคนเป็นคนดี สามารถฝึกฝนให้เรียนรู้ได้ในส่ิงท่ี เหมาะกับเดก็ แตล่ ะคนและในระดบั ความสามารถของเดก็ ทีต่ า่ งกนั วันนี้ ครูพรทิพย์เข้ามาสอนวิชาภาษาไทยในช้ันป.6 จนเม่ือใกล้หมด เวลาแล้วจงึ สัง่ การบ้าน “ปกติแล้ว นักเรียนติดตามข่าวสารบ้านเมืองกันบ้างไหมจ๊ะ ทั้ง หนังสอื พมิ พ์ วิทยุ โทรทศั น์ ส่อื เหล่านสี้ ามารถทำใหเ้ รารบั รเู้ ร่อื งราวที่เป็นไปใน สังคมได้ทั้งน้ัน ไหนใครบอกครูได้บ้างว่า ตอนน้ีสถานการณ์บ้านเมืองใน ปัจจบุ นั มีปัญหาอะไรอยู่บ้าง”

36 สินไช เธอคิดว่าสำหรับนักเรียนช้ันป.6 การสอนให้รู้จักติดตามข่าวสาร คงไม่ใช่เรื่องยากจนเกินไป และเด็กท่ีฉลาดน้ันควรจะต่ืนตัวกับเร่ืองราวรอบตัว ด้วย “ปัญหานำ้ มนั แพงครับ” จ้อย เด็กชายตวั ผอมเลก็ ใส่แวน่ ตอบ “ปญั หาภาคใตค้ ะ่ ” กิบ๊ ทนี่ ง่ั ใกลๆ้ กนั ช่วยเสรมิ “ปญั หาคนตกี นั ค่ะ” กอ้ ยตัง้ ใจเรียน ไมพ่ ลาดในการตอบคำถามของครู “ปัญหาหลวงพ่อตีผมครับ”...บักอ้วนตอบแบบล้อเลียนก้อย พลางทำ หน้าทะเลน้ ตามด้วยเสยี งหวั เราะฮาครนื จากเพอื่ นๆในห้อง “เอาล่ะ ดีมาก ใช้ได้กันทุกคน การบ้านวันนี้ ครูอยากให้เรากลับไป ติดตามอ่านข่าวต่างๆ ที่เกิดขึ้นในสังคม แล้วลองคิดดูว่าถ้านักเรียนเป็นนายก- รัฐมนตรี นักเรียนจะเลือกแก้ปัญหาใดก่อน และจะมีวิธีอย่างไร ไม่ต้องเครียด มากนะ คิดอย่างไรก็เสนอมาอย่างนั้นนั่นแหละ ไม่มีถูกไม่มีผิด เขียนมาหนึ่ง หน้ากระดาษ ครใู หเ้ วลาหนึ่งสัปดาห์ ส่งวนั จนั ทร์หนา้ จะ้ ” ครูพรทิพย์มักจะส่งเสริมให้นักเรียนได้ฝึกคิดและแสดงความคิดเห็นอยู่ เสมอ ความคิดในมุมมองของเด็ก บางทีก็มีอะไรแปลกๆ ใหม่ๆ น่าสนใจอย่าง คาดไม่ถึงได้เหมือนกัน และวิธีนี้เธอยังได้ฝึกให้นักเรียนเรียบเรียงความคิดและ การใช้ภาษาไทยอกี ด้วย “อ้อ แล้ววันนี้อย่าลืมไปเชียร์เพ่ือนๆ ที่แข่งฟุตบอลกับทีมโรงเรียนอ่ืน ด้วยนะ คราวน้ีโรงเรียนเราเป็นเจ้าภาพจัดท่ีสนามหญ้าหน้าตึกน้ี ถ้ากองเชียร์ เราน้อย อายเขาแย่เลยนะ” ครูพรทิพย์พูดย้ิมแหย่นักเรียน บักอ้วนเก๊กเอามือสองข้างดึงปกเสื้อ สองที โชว์มาดนักกีฬาฟุตบอลน่ีมันเท่จริงๆ แต่เด็กคนอื่นๆ ท่ีเห็นท่าทีแบบนี้ แลว้ เข้าใจทันทีว่าบักอ้วนสง่ สญั ญาณว่า ถ้าใครไม่ไปเชียร์...ตาย กำพร้าน่ังเหม่อใจลอยออกไปนอกหน้าต่างกำลังคิดถึงแผนการอะไร บางอยา่ งอยู่

เหตุเพราะรัก 37 วันนี้บักอ้วนกับพรรคพวกมันแข่งฟุตบอล กลับวัดช้าแน่นอน...ฮึ ทาง สะดวก กำพร้ารีบกลับวัดตั้งแต่โรงเรียนเลิก แล้วจัดการภารกิจของตนเอง ทำความสะอาดกุฏิให้หลวงตา กวาดใบไม้ในลานหญ้าและศาลาหลังกุฏิ เมื่อ ทำงานเรียบรอ้ ยแลว้ จงึ คอ่ ยเดนิ ไปท่กี ุฏขิ องหลวงพอ่ ทบ่ี ักอว้ นนอนพกั อยดู่ ว้ ย กำพร้าพยายามเรียกกำลังใจตัวเอง เพราะไม่เคยทำอะไรเสี่ยงๆ อย่าง นมี้ าก่อน บกั อว้ นตอ้ งเกบ็ หนงั สอื ของหลวงตาไวใ้ นกฏุ ติ รงไหนสกั ทแ่ี น่ๆ...กำพรา้ คิดว่าตัวเองเดาไม่ผิด กำพร้าคิดถึงความกล้าหาญและความพยายามของสินไชท่ีฟันฝ่า อุปสรรคนานา จนตามมาพบนางสมุนทาได้แล้วค่อยมีกำลังใจ...สินไชจัดการ ยักษ์ไปไดต้ ้งั หลายตน เราแคจ่ ะบุกถ้ำยกั ษ์ตนเดียว นี่คงไม่เทา่ ไหร่หรอกน่า เขาสูดหายใจลึกแล้วก้าวเท้าขึ้นบันไดกุฏิเดินไปจนถึงระเบียง แล้ว ค่อยๆเปดิ ประตู กลัวว่าหลวงพ่อจะอยู่ แตเ่ ม่ือเห็นว่าประตไู ม่ไดใ้ สก่ ลอนจงึ เดิน กา้ วเข้าไป แล้วหนั มาปิดดงั เดมิ เห็นท่ีนอนหมอนมุ้งชุดหน่ึงพับซ้อนกันอยู่บนพื้นติดผนังด้านซ้ายมือ ใกล้ประตู และอีกชุดหนึ่งอยู่ถัดไปติดมุมซ้ายด้านหน้าซ่ึงอยู่ตรงข้ามกับโต๊ะหมู่ บูชาพระพุทธรูป คิดเอาว่าบักอ้วนคงนอนฝ่ังติดประตูมากกว่า จึงก้มลงไปค้น หนังสือทีพ่ ้นื ท่ีทนี่ อนทบั อยแู่ ต่ก็ไมพ่ บ หันหลังมาเห็นตู้หนังสือและตู้เส้ือผ้าวางติดผนังเป็นแนวยาวเชื่อมจาก ประตไู ปถงึ โตะ๊ หมบู่ ชู า คอ่ ยๆ ไลส่ ายตามองดหู นงั สอื ทเ่ี กบ็ ไวใ้ นตกู้ ระจกทลี ะชนั้ เพือ่ หากองหนงั สือแบบเรยี นป.6 เหมอื นที่เขาใช้ เพราะน่าจะเป็นพ้นื ที่สว่ นของ บักอ้วน หาได้ไม่ยาก เพราะกองหนังสือของบักอ้วนวางเรียงอยู่ไม่เป็นระเบียบ เลย กองอยชู่ น้ั ลา่ งสดุ นน่ั เอง กำพร้ามีเวลาไม่มากนักจึงรีบค้นออกมาดู แยกกองหนังสือเรียนออก ไปกอ่ น แลว้ ดูเลม่ ที่เหลอื

38 สินไช ทันใดนั้น บานประตูก็เปิดออกช้าๆ กำพร้าผงะแทบหยุดหายใจ เห็น จีวรสีเหลืองไวๆ อยู่ด้านหลังประต ู ตายละ่ ...หลวงพอ่ ! กำพร้ารีบเอากองหนังสือซ้อนทับกันเหมือนเก่า เตรียมจะอัดเข้าตู้ เหมือนเดิม แต่ชา้ ไปเสียแลว้ “เซ่าๆเฮด็ อหี ยัง” หลวงพอ่ ถามเสยี งดงั กำพร้าหน้าซีดเหงื่อตก ก้มหน้าตอบไม่ยอมสบตา “ผมมาหาหนังสือ ของผม” หลวงพ่อหัวเราะพลางส่ายหน้า “หนังสือของเอ็งแล้วทำไมมาหาท่ีกุฏิ ฉันล่ะ” “คอื ผม...คดิ วา่ ...บักอ้วนเป็นคนเอาไปครับ” หลวงพ่อเห็นกำพร้าตอบอย่างน้ันก็พอเข้าใจ เพราะเห็นเจ้าบักอ้วน ชอบแกลง้ เจ้ากำพรา้ เหลือเกนิ แต่อย่างไรกต็ ้องสงั่ สอนกำพร้า “เอ็งคดิ ว่าบักอ้วนมันเอาหนังสอื ของเอ็งไป เพราะมนั นา่ สงสัยทส่ี ุดแล้ว แม่นบ”่ กำพร้าพยักหนา้ “แล้วถ้าของหม่องน่ีหายไปสักอย่างหนึ่ง หลวงพ่อจะว่าเอ็งเป็นคนลัก เอาไปได้บ่” หลวงพ่อถามใจเย็น แต่กำพร้ารีบส่ายหัวบอกว่าตัวเองไม่ได้เอา อะไรไป “การที่หลวงพ่อคึดว่าเอ็งลักของของหลวงพ่อไป หลวงพ่อคึดไปเอง แม่นบ่ มันอาจสิถูกหรือบ่ถูกก็ได้แม่นบ่” กำพร้าใจเย็นลง เริ่มเข้าใจท่ีหลวงพ่อ พูด “กำพร้าเอ๊ย...บักอ้วนน่ะ มันบ่แม่นคนขี้ลักขี้ขโมยดอก หัวมันก็ปึก เรียนหนังสือก็ช้า ใครๆ ก็ดูถูกมัน พ่อแม่มันก็บ่เคยส่งข่าวมาหา มันเลยบ่มีคน ฮักคนสนใจ คดิ วา่ ตวั เองบม่ คี า่ น่ะ เอง็ เข้าใจบ”่ “ครบั หลวงพอ่ ”

เหตเุ พราะรกั 39 “จั่งซีล่ะ มันเลยแกล้งมักข่มคนอื่น จะได้มีคนยอมรับมัน คนเฮาน่ะจะ มองกนั แต่หน้าตาภายนอกบไ่ ดจ้ ำไว้ บกั อว้ นมนั ก็มีจิตใจอ่อนโยนคอื กนั ละ” “พรดื !” กำพรา้ กลนั้ หัวเราะไวไ้ มอ่ ยู่จนสำลกั ...บกั อว้ น...จิตใจออ่ นโยน ในตอนน้ันพอดี ลมพัดเข้ามาทางประตูท่ีหลวงพ่อยังไม่ได้ปิด จนหน้า หนังสือเปิดพรึ่บๆ เศษกระดาษท่ีเสียบไว้ปลิวว่อนออกมา กำพร้าเหลือบเห็น กระดาษสชี มพูแผ่นหน่ึงปลิวมาวางอยู่บนพืน้ ตรงหน้าจงึ หยบิ ข้ึนมาดู “หา!” กำพรา้ รอ้ งเสยี งดงั พลางหวั เราะเสยี งดงั กวา่ เกา่ คราวนค้ี งไมต่ อ้ ง กล้นั หัวเราะกนั แลว้ “เอา้ ๆเอง็ พ่อหยงั มา จ่งั ได้หวั เราะขนาดนนั้ ” หลวงพ่อพลอยย้ิมตาม “บ่มีหยังดอกครับ แค่เศษกระดาษซื่อๆ” กำพร้ายิ้มๆ แล้วแอบเก็บ กระดาษแผ่นน้ันไว้ในกระเป๋ากางเกง เก็บหนังสือท่ีตนรื้อออกมาเข้าตู้ที่เดิม กม้ ลงกราบลา และขอบคุณหลวงพ่อทช่ี ว่ ยส่ังสอน จากนั้นก็รีบว่ิงลงบันไดกุฏิไป หลวงพ่อมองตามกำพร้าด้านหลัง...มัน จะรีบไปไหนของมนั นะ กำพรา้ วิง่ มาจนถึงศาลา คลกี่ ระดาษแผน่ นน้ั ออกมาอา่ นอีกคร้ัง “ก้อย เป็นหยังจั่งไปสนิทสนมอยู่กับกำพร้าผู้เดียว บ่สนอกสนใจเฮา บ้างเลย เฮาก็น้อยใจเป็นคือกัน แต่ถึงก้อยจะบ่สนใจเฮา ถ้ามีอีหยังจะให้เฮา ซอ่ ย ใหบ้ อกเฮามา เฮาจะซ่อยทุกอยา่ ง อว้ น” กำพร้าแทบไม่เช่ือว่าตัวเองจะเจอของดีอย่างน้ี น่ีดูจากสภาพกระดาษ แล้ว ท่าทางบักอ้วนมันคงเขียนไวน้ านแล้วแต่ไมก่ ล้าเอาไปให้ กำพรา้ คดิ จะเกบ็ กระดาษแผ่นน้ีเอาไว้กับตัว แล้วเม่ือถึงสักวันหน่ึงก็จะคืนให้เอง อย่างไรก็ตาม กำพร้าไม่เคยคิดเลยสักนิดว่า บกั อ้วนจอมเกเรน่ันจะมาแอบน้อยใจก้อยผู้น่ารัก แสนดี

40 สนิ ไช ความรักของนางสมุนทากับยักษ์กุมภัณฑ์ก็เป็นเรื่องเหนือความคาด หมายเช่นกัน เมื่อนางได้ฟังเร่ืองราวท้ังหมดแล้ว นางก็ถอนใจ กอดหลานรัก แลว้ กล่าววา่ “อาขอบใจเจา้ ที่พยายามตามหาอาจนมาถึงทนี่ ี่ แต่อาคงจะกลับไปด้วย ไม่ได้หรอก เจ้าจงกลับไปบอกเสด็จพี่นะว่าอาอยู่ที่นี่ มีความสุขสบายดี ไม่ต้อง ห่วง และอากบั ขนุ ยักษ์กร็ กั กนั ด”ี สินไชไมเ่ ข้าใจพระเจ้าอาเลยจึงถามวา่ “ทำไมพระเจา้ อาจงึ มคี วามรกั ความผกู พนั กบั ยกั ษก์ มุ ภณั ฑน์ น่ั อยู่ ทงั้ ที่ ต่างเผ่าพนั ธุก์ ันแท้ๆ ตัดใจกลับไปบา้ นเมอื งของเราดีกว่า อีกอย่างนะ ถา้ หลาน พาพระเจา้ อากลับวังไมไ่ ด้ หลานจะต้องไดร้ บั โทษอยา่ งหนักแนน่ อน” นางสมุนทาอึดอดั ใจ ไม่รู้จะทำอยา่ งไร “หลานเอ๊ย อาลำบากใจเหลือเกิน เพราะรักทั้งสองข้าง คร้ันจะให้หนี ขุนยักษ์ไปเลยก็ใช่ท่ี เพราะเฝ้าดูแลเอาใจกันมาตลอด เอาอย่างนี้ก็แล้วกันนะ สนิ ไช อาจะอ้อนวอนใหข้ ุนยักษ์พาอาไปสง่ กลับบ้านเมอื งนะ” “ไมม่ ที างเปน็ แน่ พนนั ได้เลย ขุนยกั ษ์ไม่ยอมพาไปสง่ หรอก ดไี มด่ เี กดิ ผดิ ใจโกรธแค้นลงโทษพระเจ้าอาขนึ้ มา จะทำอยา่ งไร หลานว่าปว่ ยการเปล่าๆ” นางสมุนทายังบ่ายเบี่ยงต่อไป “ขุนยักษ์ไม่ขัดใจอาหรอก เพราะเขารัก อามาก อาจะพูดจาปลอบโยนเขาดๆี เพื่อขอกลับไปเย่ียมบ้านเมืองบ้าง ขอแต่ หลานอย่าได้ทำอะไรหักหาญจนเกิดความวุ่นวายเลย ถ้าหากว่าพูดกับขุนยักษ์ ดีๆแล้วไมย่ อม กเ็ ป็นไงเป็นกนั อาจะยอมตายด้วย” ฝ่ายยักษ์กุมภัณฑ์ขณะท่ีเก็บดอกไม้อยู่ในป่า เกิดอาการปวดหัวมัวตา และเจ็บปวดรวดร้าวไปท้ังตัว จึงเดินโซซัดโซเซเหมือนคนเมามาตามทาง เดิน ไปปะทะภูเขาจนภูเขาถล่มทลาย เหยียบต้นไม้หักแหลกยับไปทั้งป่า เกิดเสียง โครมครามสนัน่ หวนั่ ไหว ทำใหเ้ กิดฝุ่นคลุ้งฟุ้งกระจายมดื ฟา้ มวั ดนิ สินไชเห็นดงั น้ันกป็ ระกาศก้อง “อ๋อมาแล้วนน่ั เจา้ ยักษ์ ดแี ล้ว หลานจะ ต่อสใู้ หเ้ ห็นดำเหน็ แดงกันไปเลย” นางสมนุ ทาเห็นทา่ ไม่ดี กลัวจะมีการปะทะกัน รุนแรง จงึ รีบดงึ ตัวสนิ ไชไปหลบอยู่หลงั กองดอกไมท้ ีส่ ูงดงั ภูเขาที่มุมปราสาท

เหตเุ พราะรัก 41 ฝ่ายกุมภัณฑ์ เม่ือกลับมาถึงวังแล้วก็มีอาการขนลุกซู่ ตัวสั่น หมด เร่ียวแรง ไม่สามารถก้าวข้ึนมาบนปราสาทได้ จึงร้องเรียกให้ช่วย นางสมุนทา ว่งิ ออกมาเห็นวา่ อาการไม่ดี จึงรบี ประคองตัวไว้ ยกั ษก์ มุ ภณั ฑบ์ อกนางสมนุ ทาว่า “วันนี้ไม่รู้เป็นอย่างไร เจ็บปวดรวดร้าวไปหมดทั้งตัว จะขึ้นปราสาทก็ รอ้ นเหมือนไฟสุม ถ้าเจา้ ไม่มารับขน้ึ ไป พ่ีคงข้ึนปราสาทไม่ได้แน”่ นางสมุนทาจึงคิดว่าต้องเป็นเพราะบุญญาธิการของสินไชเป็นแน่ เมื่อ นางพยุงตัวยักษ์มาน่ังบนแท่นแล้วก็เอาผ้าชุบน้ำมาเช็ดหน้าเช็ดตา นวดเฟ้น จนมีอาการดขี ้ึน “เอะ๊ น้องรกั ทำไมวนั น้พี ี่ถึงเหมน็ สาบมนษุ ยม์ ากที่สดุ หรือว่าลูกหลาน ท่เี ก่งกลา้ สามารถของเจา้ อยใู่ นน้ี หรือว่าเจ้าซอ่ นใครไว้ บอกพี่มาเสียดกี ว่า” “เหม็นสาบมนุษย์...ไม่มีใครนี่ มีแต่น้องเท่าน้ันท่ีเป็นมนุษย์ ทุกทีพี่ไม่ เห็นเคยวา่ เลยนน่ี า หรอื พ่ีเหม็นสาบนอ้ งแล้ว” นางสมนุ ทาแกลง้ พูดกลบเกล่อื น “ฮ่ะๆๆ ขอโทษด้วยนะ แต่ไม่รู้ทำไมนะ พี่รู้สึกเจ็บปวดประหนึ่งว่าจะ เสียชวี ติ อยา่ งนั้นแหละ” “คงไมเ่ ปน็ ไรหรอกพี่ เดยี๋ วนอ้ งจะชว่ ยนวดคลายปวดคลายเมอ่ื ยให้ แต่ พ.ี่ ..ถามหน่อยเถดิ ทุกวนั นพี้ ่ียงั รกั นอ้ งอยูไ่ หม” นางสมุนทาถามน้ำเสยี งจรงิ จงั “ถามอะไรอย่างน้ันล่ะ รักสิ รักมาก ถ้าเจ้าต้องการส่ิงใด พ่ีก็จะหามา ให้” “ถ้าอย่างน้ัน พ่ีจ๋า น้องไม่ต้องการข้าวของเงินทองที่ไหนหรอก น้อง ต้องการกลับเมืองไปเยี่ยมเสด็จพ่ีกุศราชบ้างจะได้ไหม ไม่รู้ป่านนี้จะเป็นตาย รา้ ยดีอยา่ งไร พไ่ี ปสง่ นอ้ งหน่อยนะแล้วน้องจะรีบกลับมาหาพีน่ ะ” นางสมุนทาอ้อนพลางกุมมือยักษ์ไว้ กุมภัณฑ์ปัดมือทิ้งทันทีด้วยความ ตกใจ “กลับไปเย่ียมพ่ีชายหรือ พี่ให้เจ้าไปไม่ได้หรอก ถ้าเจ้าถึงเมืองแล้ว มีหรือจะได้กลับมา...ไม่มีทาง เร่ืองอื่นพ่ียอมได้ ยกเว้นเร่ืองนี้เร่ืองเดียว” ยักษ์ ยืนกรานเสียงแข็ง

42 สินไช “ถ้าอย่างน้ัน น้องขอเพียงให้พี่พาน้องออกไปฟังข่าวคราวของเสด็จพี่ กุศราชทน่ี อกเมอื งบ้าง ถา้ เสดจ็ พ่ียงั มีชวี ติ อยสู่ ขุ สบาย เราก็กลบั บา้ นเรา แตถ่ ้า เสยี ชีวติ แล้ว เรากไ็ ปอยู่กันท่ีเมอื งเปงจาลเลยจะดีหรอื ไม”่ นางสมนุ ทาตอ่ รอง “เอ๊ะ ทำไมวันนี้เจ้าช่างเจรจาไม่หยุดหย่อน มีอะไรผิดปกติหรือเปล่า หรือว่ามีใครมาตามเจา้ และจะทำสงครามกบั พ”่ี “เปลา่ พ่ี แหมจะมใี ครกนั ถ้ามี พก่ี ต็ ้องเหน็ แล้วสใิ ชไ่ หม” “มันก็ไม่แน่ ที่มุมปราสาทมีกองดอกไม้แห้ง มันอาจจะซ่อนอยู่ตรงน้ัน ก็ได้” ว่าแล้วยักษ์ก็เหลือบตาไปมองทางกองดอกไม้ แต่ด้วยความเจ็บปวดจน ไมส่ ามารถเคลือ่ นไหวได้ ยักษก์ มุ ภณั ฑจ์ ึงไม่ไดล้ ุกไปคน้ ดู แตก่ ลับเผลอหลับไป เสยี งกรนของยกั ษด์ งั ลน่ั สนิ ไชไดย้ ินแลว้ จงึ ออกมาจากที่ซอ่ น “พระเจา้ อาไปเถอะ อยา่ ชักชา้ อย่เู ลย” สนิ ไชว่าพลางดึงขอ้ มืออา ฉุดให้ ลุกจากแท่น นางสมุนทายังฝืนน่ังอยู่ ก้มหน้าลงไปใกล้ยักษ์พลางเอามือลูบ ศีรษะยกั ษ์ที่หลับใหล “เด๋ียว อย่าเพ่ิงได้ไหม รอให้ขุนยักษ์ตื่นก่อน แล้วอาจะขอร้องอีกคร้ัง นะสินไช” “ไมร่ อแล้วพระเจ้าอา ถา้ ไมไ่ ปดีๆ หลานจะฉดุ ไปอยา่ งนแี้ หละ” ว่าแลว้ กด็ ึงนางสมนุ ทาแรงข้ึน นางสมุนทาสะบดั ข้อมอื แลว้ เริม่ เสยี งดัง “ไม่ต้องมาฉุดอา อาไปกับหลานแน่อยู่แล้วละ แต่ขอให้อาได้ส่ังเสีย ขุนยักษ์ก่อนได้ไหม” นางสมุนทาไม่อยากจากไป ยังอาลัยอาวรณ์ยักษ์ที่รักกัน มาหลายปี แต่ก็ไม่อาจขัดใจหลานชายได้ จึงโน้มตัวลงกอดยักษ์กุมภัณฑ์ นาง มองหน้าสามีท่ีหลับสนิท แล้วคิดถึงความดีท่ีเขาคอยปกป้องดูแลนางอย่างดี แต่ถึงนางจะท้ังร้องไห้ทั้งเขย่าตัวปลุกยักษ์กุมภัณฑ์เพียงใด ขุนยักษ์ก็ไม่รู้สึก ตัวสกั นดิ “ถ้าพระเจ้าอาไม่ไปดีๆ หลานจำเป็นต้องตัดเศียรพระเจ้าอาไปถวาย เสด็จพ่อแล้วนะ” สินไชจำต้องเร่ิมใช้ไม้แข็ง จนนางสมุนทาตกใจกลัว มองหน้า

เหตุเพราะรัก 43 สินไชแล้วเห็นแววตาจริงจังของหลาน ก็จำใจลุกข้ึนกล่าวลายักษ์กุมภัณฑ์เป็น ครง้ั สุดทา้ ย “น้องต้องจากพ่ีไปแล้วนะ พี่อยู่ทางนี้ขอจงรักษาตัวให้ดี น้องขอบคุณ สำหรับทุกสิ่งและขอโทษในความผิดพลาดท้ังหมดท่ีผ่านมา” แล้วนางก็ตัดใจ เดนิ จากมาจนถึงหนา้ ปราสาท สงั ขท์ องมารอรับเพอื่ พาหนีไป สนิ ไชให้สังข์ทอง พานางสมุนทาไปซ่อนตัวท่ีถ้ำ เม่ือพามาถึงคูหาถ้ำแอ่นอันปลอดภัยแล้ว จึง ขอตัวไปทำศึกกับยักษ์กอ่ น นางใจหายร้องไห้ส่ังวา่ “ขอเจ้าจงเห็นแก่อาเถิด อย่าฆ่ายักษ์กุมภัณฑ์เลย จะช่ัวดีอย่างไรก็ เปน็ สามขี องอา คอ่ ยๆพดู จากนั เถิด” สินไชได้ยินดังนี้ก็รู้ซ้ึงถึงใจพระเจ้าอา หากเราเผลอ พระเจ้าอาอาจจะ หนีกลับคืนไป สินไชจึงเอาก้อนหินใหญ่มาปิดปากถ้ำ แล้วกลับไปที่เมืองยักษ์ กับสังข์ทอง ถึงเวลาจวนสว่าง เม่ือสินไชกลับมาถึงปราสาทมรกตแล้วก้าวเข้าข้างใน เห็นขุนยักษ์ยัง นอนกรนอยู่ จึงคิดว่าแม้จะเป็นท่ีรักของพระเจ้าอา แต่จะปล่อยไว้ไม่ได้ เพราะ จะเป็นภัยต่อบ้านเมืองในภายหลัง คิดแล้วสินไชก็เง้ือพระขรรค์ข้ึนแล้วฟันร่าง ยักษ์กุมภัณฑ์ออกเป็นเจ็ดท่อน กระจายอยู่ในห้องนั้น แต่แล้วช้ินส่วนร่างกาย ของยักษ์ทั้งเจ็ดชิ้นนั้นกลับขยับเคลื่อนไหวแล้วกลายเป็นร่างยักษ์เจ็ดตนฟ้ืนขึ้น มาพร้อมอาวุธ เข้ารุกไล่โบยตีสินไชทันที สินไชฟันร่างยักษ์แต่ละตนเป็นเจ็ด ท่อน ก็เกดิ ใหมก่ ลายเปน็ ยกั ษ์ 49 ตนอีก “เอาสิ เจ้ายงิ่ ฆ่าฟนั ขา้ เท่าไหร่ ข้าก็ยิ่งเพม่ิ จำนวนข้นึ อีกทบทวี เจา้ ไม่มี ทางเอาชนะข้าไดห้ รอก ฮ่ะๆๆๆ” ยักษ์กุมภัณฑ์หัวเราะดังสน่ันจนปราสาทส่ันสะเทือน แล้วรุกสินไชให้ จนมุม สินไชยิ่งฟันยักษ์ไม่ยั้งมือ ยักษ์ก็เพิ่มจำนวนถึง 117,649 ตน ยักษ์ ทง้ั หมดไม่กลวั เกรงอาวธุ ต่างรุกรบขบฟัน รอ้ งกอ้ งดปู ระหนง่ึ วา่ แผน่ ดนิ จะถลม่ ทลาย ฝงู สตั ว์ป่าทงั้ หลายต่างพากนั วงิ่ หนไี ปซอ่ นตวั ในป่าหิมพานต์

44 สนิ ไช เม่ือเหล่ายักษ์จะเข้ามาทำร้ายสินไช สังข์ทองก็คอยคุ้มครองไว้ แล้ว บันดาลให้เกิดไฟเผาไหม้ยักษ์ตนนั้น ส่วนสินไชแผลงศรยิงยักษ์ที่รุกเข้ามาทุก ด้านลม้ ตายไปทลี ะตน จนสดุ ทา้ ยเหลือยกั ษ์กุมภณั ฑ์ตนเดียว ขนุ ยกั ษ์จงึ แสดง ฤทธ์ิแปลงกายเป็นยักษ์ตัวสูงเทียมฟ้า ร้องดังกึกก้องไปท้ังแผ่นดินแล้วบ่าย หน้าเดินไปยังป่าหิมพานต์ หมู่ยักษ์ในป่าหิมพานต์ต่างพากันมานอบน้อม เพราะเกรงกลวั อำนาจของขุนยกั ษ ์ เม่ือขุนยักษ์หนีไป สินไชจึงกลับไปนำตัวนางสมุนทามาท่ีปราสาท มรกตอีกครั้งเพื่อตั้งเป็นฐานที่มั่น นางสมุนทาเตือนหลานว่า ยักษ์ท่ีอยู่ในป่า หมิ พานตม์ อี ิทธิฤทธ์นิ า่ กลัวทุกตน จงระวังให้ดี แตส่ ินไชไมก่ ลวั แล้วยงั เดินข้นึ ไปนอนหลบั พักผ่อนบนแท่นของขุนยักษ์ ฝ่ายกุมภัณฑ์ เม่ือเข้าป่าหิมพานต์ก็เร่งจับทัพโดยรวบรวมไพร่พลได้ มากมาย จัดแบ่งเป็นทัพหน้า ทัพหนุน และทัพหลัง มียักษ์จำนวนหลายหม่ืน ประจำหนา้ ท่ี ยกั ษแ์ ตล่ ะตนมที ้ังดาบ ธนหู น้าไม้ และปืนใหญเ่ ปน็ อาวุธ แลว้ ยงั มีเสือ หมีใหญ่ ช้าง คชสหี ์ สงิ โต กเิ ลน รว่ มทัพดว้ ย กุมภณั ฑก์ ำชบั ยกั ษ์ทุกตน วา่ ร่งุ เช้าจะออกทัพไปฆา่ ศัตรูใหไ้ ด้ แตห่ า้ มกลำ้ กรายนางสมุนทาเด็ดขาด รุ่งเช้า นางสมุนทาต่ืนมาเห็นไพร่พลยักษ์ยกทัพมาล้อมปราสาทไว้ หนง่ึ ร้อยชั้นก็ตกใจกลัว รีบเข้าไปปลุกหลานชาย นางกลวั จนตัวส่ัน แตส่ นิ ไชยัง วางท่าเฉยไมห่ วาดกลวั ศึกเปิดฉากเม่ือเหล่ายักษ์ทัพหน้าทำอิทธิฤทธ์ิเสกลูกไฟรุมใส่ปราสาท แต่สังข์ทองพ่นน้ำกลับไปดับไฟ แล้วพ่นไฟตามไปแผดเผาเหล่ายักษ์นั้นตาย เกล่ือนแผ่นดิน ทัพหนุนจึงเคลื่อนพลเข้ามาปีนป่ายข้ึนกำแพงปราสาทจะข้าม มาด้านใน สังข์ทองก็เข้ากัดจนตายหมดอีก สังข์ทองมีฤทธิ์สู้กับยักษ์ได้ โดยที่ สนิ ไชไม่ต้องเหนอื่ ยเลย ทั้งสองยืนชมสังข์ทองสู้กับเหล่ายักษ์อยู่ที่ริมระเบียง ขุนยักษ์ไกรศรี ทพั หนา้ เหน็ นางเขา้ จึงแอบกระโจนเข้าปราสาททางดา้ นหลงั แลว้ ค่อยๆ ยอ่ งมา จับตัวนางสมุนทาจากด้านหลัง แต่สินไชได้ยินเสียงฝีเท้าอยู่แล้วจึงเตรียมชัก

เหตุเพราะรัก 45 พระขรรค์ไว้รออยู่ พอขุนยักษ์ไกรศรีเข้ามาใกล้ สินไชก็จัดการตัดหัวแล้วโยน ตกลงไปเปน็ ไฟลกุ ไหม้เหล่ายกั ษเ์ บื้องล่างอีก ขณะเดียวกัน ขุนยักษ์เพชรใคก็เหาะลอยเข้ามาด้านหน้า หวังจะอุ้ม ตัวนางสมุนทาไป แต่สินไชก็แผลงศรร่วงไปตายอีก พวกไพร่พลที่เหลือเห็น ฤทธิข์ องสนิ ไชก็เร่ิมถอยทพั กลับไปแจ้งยักษ์กมุ ภัณฑท์ ป่ี า่ หิมพานต ์ ยักษก์ มุ ภณั ฑ์โกรธจนเดอื ดเป็นไฟ สัง่ เสนาให้นำชา้ งช่อื คชครี ี ซง่ึ เป็น ช้างท่ีสูงเทียมฟ้าและเก่งกล้าสามารถเตรียมออกรบ ขุนยักษ์ข่ีช้าง มือถือ ของ้าว ขัดพระขรรค์ กระบองและศร สั่งให้ล่ันฆ้องชัย เคลื่อนพลตรงไปล้อม ปราสาทมรกตไว้ร้อยช้ัน ต่อจากน้ันส่ังให้ขุนพลช้ันยอดดาหน้ากันเข้าไปจับตัว สินไชมาใหไ้ ด ้ เหลา่ ขนุ พลยกั ษป์ นี ปา่ ยขน้ึ มาบนปราสาท พยายามใชด้ าบและกระบอง ทำลายกำแพงปราสาทเข้าไป สังข์ทองรับมืออยู่ด้านนอกคอยไล่กัดและพ่นไฟ ใส่ยักษ์เหล่านั้น ส่วนสินไชยืนอยู่บนระเบียงปราสาทคอยรับมือยักษ์ที่หลุดรอด ขึ้นมาได้ แม้ว่าจะฆ่ายักษ์ไปได้มาก แต่จำนวนยักษ์ก็มีมากมาย เกินกำลังท่ี ท้ังสองจะต้านทานได ้ สังข์ทองเร่ิมเหน่ือยอ่อนลงทุกที สินไชจึงแผลงศรไปเรียกให้สีโหมา ช่วย ศรแหวกอากาศลกุ เป็นเพลงิ ตกเป็นลกู ไฟลงตรงหน้าสีโห สโี หร้เู หตุทันที จงึ ฝากเหล่าโอรสทงั้ หกไวก้ บั เทวดา แล้วรบี เหาะตามมาชว่ ยสินไช เมื่อมาถึงแล้ว สีโหเห็นยักษ์มากมายกำลังบุกทำลายปราสาท จึงรีบ เหาะขึ้นมาหาสินไชที่ระเบยี งปราสาททันที “พ่สี ีโห” สินไชดีใจที่เห็นหน้าสีโห บัดน้ีทั้งสองหันหลังชนกันพลางต่อสู้กับยักษ์ มารท่ีพุ่งเข้าใส่จากคนละทิศคนละทาง สินไชยังคงใช้พระขรรค์ฆ่าฟันยักษ ์ จนลม้ ลงตายเกล่อื น สว่ นสีโหกก็ ัดยักษเ์ หล่านัน้ ลม้ ตายระเนระนาดไมแ่ พ้กัน “พ่ีสีโห น้องว่าเรารบี ไปจากทีน่ ่ีกันดกี ว่า ถ้าขืนรบกันท่ีน่ี สิงสาราสัตว์ ในป่ากจ็ ะพลอยพากันมาตายด้วย”

46 สนิ ไช สีโหหันมาพยักหน้าให้สินไชกระโดดขึ้นหลัง พากันเหาะไปรับตัว พระเจ้าอาในปราสาท แล้วจงึ มารับสงั ข์ทองท่ดี ้านลา่ ง พากนั ไปยังเขายุคนธร ยักษ์กุมภัณฑ์เห็นเช่นนั้นจึงสั่งให้ขุนยักษ์เหาะข้ึนฟ้าตามไป พลมาร เป็นร้อยเป็นพันพากันเหาะมาขวางหน้าสีโห จะหลบหลีกอย่างไรก็ไม่พ้น พวก ยักษ์ล้อมสีโหไว้ทุกทาง แล้วดาหน้าบีบเข้ามาจนเกือบประชิด สีโหแผดเสียง กึกก้องดังฟ้าผ่าทำให้พวกยักษ์เหล่านั้นแก้วหูแตกตายร่วงระนาว ส่วนพลยักษ์ ท่ีเหลือท่ีเหาะตามมาก็ถูกสีโหกัด และถูกสินไชใช้พระขรรค์ฟาดฟันมาตลอด ทางจนถงึ ยอดเขายคุ นธร นางสมนุ ทาหนั ไปเหน็ ยกั ษก์ มุ ภณั ฑข์ ช่ี า้ งเหาะตามมาหนา้ ตาเคยี ดแคน้ ก็กลัวจนตัวสั่น ส่วนยักษ์กุมภัณฑ์เห็นนางสมุนทาก็ย่ิงโกรธแค้นหนัก ชี้หน้า ตะโกนวา่ “น่ีเจ้า ไม่เป็นห่วงข้าบ้างเลยหรือ คิดจะเกรงกลัวกันบ้างก็ไม่มี ไอ้เด็ก คนนีก้ ็โอหงั นกั มาลักตวั เมยี ของขา้ สง่ นางคืนมาให้ข้าเดีย๋ วน”้ี สินไชไมก่ ลัวแตต่ ะโกนกลับไปว่า “เจ้าน่ะสิ ทีล่ กั พาตัวพระเจ้าอาของขา้ ไป เจา้ ตา่ งหากท่เี ป็นโจร...” นางสมนุ ทาเอามอื ปดิ ปากหา้ มสนิ ไชไมใ่ หย้ ว่ั โมโหยกั ษก์ มุ ภณั ฑม์ ากไป กว่านี้ แลว้ พูดจาดว้ ยดที งั้ น้ำตานองหนา้ “พี่จ๋า อย่าโกรธน้องเลยนะ น้องขอลาไปเฝ้าพระเชษฐาก่อน เพราะ พระองค์ให้หลานชายมาตาม แล้วจะกลับมาอยู่กับพ่ีดังเดิม พี่กลับปราสาทไป กอ่ นเถอะนะ” “ไม่มีทาง เจา้ อยา่ หวงั เลย” ยักษก์ ุมภัณฑต์ อบกลับด้วยความขมขนื่ “เจ้าไปแล้วมีหรือจะกลับมา ข้าไม่กลัวเจ้าเด็กน่ันหรอก ถึงตาย ข้าก ็ ไม่ยอม” ฝ่ายสินไชตั้งท่าชักพระขรรค์ออกมาสู้ ส่วนขุนยักษ์น้ันเงื้อกระบองขึ้น เช่นกนั นางจึงเอามอื ขวางห้ามเอาไว้

เหตเุ พราะรัก 47 “น้องขอร้องละ อย่าสู้กันเลย จะพาไพร่พลมาล้มตายกันเปล่าๆ ค่อยๆ พดู จาผกู มติ รกนั เถอะนะ พเ่ี องอยา่ คดิ วา่ ตวั เองมฤี ทธ์ิ แม้หลานจะยงั เลก็ แตก่ ม็ ี ฤทธิ์มากนะพี่” “เจ้าไม่ต้องมาเตือนข้า อย่าหวังเลยว่าจะได้กลับไปให้ข้าได้อับอายแก่ หมยู่ กั ษ”์ พูดจบยักษ์กุมภัณฑ์ยกมือเปน็ สัญญาณให้ไพรพ่ ลเข้ารกุ ไลส่ นิ ไชทนั ที เหล่ายักษ์นับร้อยพุ่งเข้าหาสินไชพร้อมอาวุธ สินไชกลัวว่านางสมุนทา ซ่ึงหลบอยู่ด้านหลังจะได้รับอันตรายจึงแผลงศรไปถึงพระพรหมให้ช่วยปกป้อง นาง ทนั ใดนนั้ เกิดแสงประกายแวบขึ้นรอบตัวนางสมุนทาแลว้ มตี าขา่ ยเพชรมา กนั้ นางไว้ เหลา่ ยกั ษท์ พี่ งุ่ เขา้ มาหมายจะเอาตวั นาง ตา่ งกระดอนกนั ไปคนละทศิ ยักษ์กุมภัณฑ์อาศัยจังหวะที่สินไชกำลังต่อกรกับลูกสมุน แผลงศรเป็น เปลวเพลิงรุกไล่เข้าไปหาอีกทางหนึ่ง สินไชไหวตัวทันจึงหันมาแผลงศรกลาย เป็นสายน้ำเข้าไปปะทะกับเปลวไฟอยู่กลางอากาศ ทั้งสองส่งพลังจิตเพิ่มพลัง ให้ลูกไฟและสายน้ำใหญ่ขึ้น แต่ดูเหมือนสายน้ำจะรุกเข้ามาใกล้กุมภัณฑ์ทุกทีๆ ในขณะที่เปลวเพลิงค่อยๆ อ่อนกำลังลง แล้วสายน้ำก็ดับเปลวไฟจนมอดลง กระแทกตวั ยกั ษ์กุมภณั ฑ์จนตกลงจากฟ้า ยักษ์กุมภัณฑ์ตกลงมากระแทกกับหน้าผาด้านล่าง หินแตกกระจาย ร่วงครืนลงหุบเขา ขุนยักษ์เห็นสินไชเหาะตามลงมาซ้ำจึงแผลงศรออกมาเป็น พญานาคพน่ พิษอยูเ่ ต็มภูเขา สินไชเห็นดังนั้น จึงแผลงศรออกมาเป็นพญาครุฑไล่จิกตี เหล่า พญานาคเหาะข้ึนบนฟ้าแล้วกลายเป็นฝนอาวุธตกกระหน่ำเข้าทำร้ายพญาครุฑ จนร่วงหลน่ ลงมาตายทลี ะตวั สินไชแผลงศรสู้กลับไปอีกเป็นลมพายุโหมซัดเอาฝนอาวุธนั้นปลิวหาย ไป ยกั ษก์ มุ ภณั ฑย์ ง่ิ โกรธหนกั พยายามบกุ เขา้ มาชงิ ตวั นางสมนุ ทา แตส่ งั ขท์ อง มาดกั กัดขุนยักษจ์ นต้องหลบขนึ้ ไปบนทอ้ งฟ้า

48 สินไช ยักษ์กุมภัณฑ์เหาะข้ึนมาบนท้องฟ้าแล้วจับตัวเทวดาสององค์มาขู่ถาม วา่ แมข่ องสินไช สังข์ทอง และสโี ห ช่อื อะไรเป็นใคร เหลา่ เทวดากลวั จึงรีบตอบ ยักษ์กุมภัณฑ์บังคับให้เทวดาองค์หน่ึงแปลงร่างกายเป็นนางจันทาและอีกองค์ หน่ึงแปลงร่างเป็นนางลุนน่ังมาในปรางค์ โดยมียักษ์พาเหาะมากลางสนามรบ สินไชเห็นพระมารดาของตนถูกจับมาจึงตกใจชะงัก มือที่กำคันธนูและลูกศร ก็ตกลง “อย่าสู้รบกันอีกเลย ลูกเอ๊ย มารับแม่ไปทีแล้วส่งพระเจ้าอาให้ขุนยักษ์ ไปเถิด เผื่อว่าเขาจะไว้ชีวิตแม่ท้ังสอง” เทวดาทั้งสองทำทีเป็นร้องไห้คร่ำครวญ สโี หเห็นท่าไมด่ ีจงึ เตือนเพ่ือให้สติ “สินไช พวกยักษ์น้ันน่าจะทำกลลวงเจ้า เจ้าลองต้ังจิตอธิษฐานแล้ว แผลงศรไปดูสิ หากว่าเป็นเสด็จแม่ ขอให้ศรกลายเป็นข้าวตอกดอกไม้ไปถวาย นาง แต่หากไม่ใช่ ขอใหร้ ปู นมิ ติ นัน้ หายไป” สินไชเช่ือสีโห จึงต้ังจิตอธิษฐานแล้วแผลงศรออกไป นางท้ังสองจึง กลับกลายเป็นเทวดาท่ีกลัวจนตัวสั่นงันงก สินไชเห็นกุมภัณฑ์นั่งช้างคชคีรี อยเู่ บ้อื งหลงั ก็แผลงศรไปปกั อกทนั ที ขนุ ยกั ษล์ ม้ ลง สว่ นชา้ งคชครี ีวิ่งหนเี ขา้ ปา่ หิมพานต์ไป ไพร่พลของกุมภัณฑ์ที่เหลืออยู่บาดเจ็บสาหัสพากันวิ่งหนีกลับ ท่อี ยขู่ องตน เหลือเพียงขุนยักษ์ท่ียังกัดฟันสู้ไม่ยอมแพ้ พลางร่ายมนต์ให้ตนฟื้น กำลังจนลกุ ขึน้ มาได้ และโถมเข้าชงิ ตวั นางสมนุ ทาหนลี งไปใต้ท้องสมุทร เข้าไป แอบอยู่ท่ีคุ้งน้ำ สินไชรีบติดตามลงไปทันที ให้สังข์ทองดำน้ำนำหน้า ส่วนตนขี ่ สีโหตามมาจนทันยักษ์กุมภัณฑ์ เกิดการต่อสู้กันจนทะเลป่ันป่วน เกิดเป็นคล่ืน ระลอกกระฉอกฉาน ทั้งมังกร จระเข้ เงือก งู ปู ปลา พากันตายเกลื่อน หมู่ เทวดาประจำคุ้งน้ำต่างพากันหลบหนีเอาชีวิตรอด ยักษ์กุมภัณฑ์เสียท่าสินไช อกี คร้งั จึงอุ้มนางหลบขึน้ มาบนฟา้ บัดน้ีกุมภัณฑ์อ่อนกำลังลงมาก หอบหายใจเหนื่อยเกือบจะส้ินแรง หลบหนี นางสมุนทาซง่ึ อยู่ในอ้อมอกของกุมภัณฑเ์ หน็ เนอ้ื ตวั สามเี ปยี กโชกและ เตม็ ไปดว้ ยบาดแผลฉกรรจ์ ซบอกร้องไห ้

เหตุเพราะรัก 49 “พ่ีจ๋า พอแค่น้ีเถิด น้องสัญญาว่าจะกลับมาหาพี่จริงๆ อย่าต่อสู้กัน อีกเลย น้องรักพีแ่ ละไม่อาจทนเหน็ พี่เจ็บไดอ้ ีกแล้ว” กุมภณั ฑห์ ันมามองแลว้ จมุ พิตท่ีหนา้ ผากนางดว้ ยความรกั “ถ้าเจ้ารักพี่ ก็อยู่กับพี่สิ อย่าจากไปไหน” กุมภัณฑ์ว่าพลางไอออกมา เปน็ เลอื ด “นอ้ งต้องไปเพ่อื ใหพ้ ี่ปลอดภัย ถา้ ขืนนอ้ งอยู่ทนี่ ี่ หลานของน้องตอ้ งฆ่า พ่ีเสียก่อนเพือ่ พาน้องไปให้ได้” กมุ ภณั ฑย์ ังส่ายหนา้ แขง็ ขนื ด้วยเหตผุ ลของลูก ผชู้ ายยอ่ มจะต้องปกปอ้ งคนรกั ไมใ่ หพ้ ลัดพรากจากไป สินไชเห็นกุมภัณฑ์อุ้มนางสมุนทาหันหลังพาเหาะกลับไป จึงตั้งจิต อธิษฐานแล้วแผลงศรเป็นคร้ังสุดท้าย ศรน้ันติดตามยักษ์กุมภัณฑ์ไปจนปักเข้า ด้านหลังแทงทะลุหวั ใจ ปลายศรโผลอ่ อกมาอกี ดา้ น ขุนยักษเ์ ข่าทรดุ คอ่ ยๆ ล้ม ลง กุมภัณฑ์บรรจงวางนางสมุนทาลงบนภูเขาด้านล่าง แล้วส่ังลา ลมหายใจ ขาดชว่ ง “เจ้า...จงฝากตัวกับหลานชายไว้จะได้พ่ึงพาอาศัยกัน พี่นั้น...เป็นห่วง ลูกสีดาจันทร์ที่อยู่ ณ เมืองนาค เมื่อส้ินบุญพี่แล้ว ลูก...คงจะเฝ้ารอด้วยความ โศกเศรา้ ” ยกั ษ์กล่าวถงึ เพยี งเทา่ นัน้ ก็ขาดใจ นางสมนุ ทาตกใจ ร้องไหโ้ ผเข้ากอด สามีจนสลบแทบเท้า สินไชเหาะตามมาพบนางสลบอยู่จึงเข้าแก้ไขให้ฟ้ืนคืนสติ แล้วปลอบประโลมให้กลับเมืองเปงจาล แต่นางบอกว่าจะต้องไปรับสีดาจันทร์ ลกู สาวของนางท่ีไปเป็นมเหสีของเจา้ เมอื งนาคเสยี ก่อน สินไชและสังข์ทองจึงอาสาไปรับนางสีดาจันทร์ พร้อมกับบอกให้สีโห กลับไปเฝ้าเหล่าโอรสท้ังหก


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook