Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore นิทานของอุ๊ย

Description: วรรณกรรมเยาวชนพื้นบ้านภาคเหนือ.

Search

Read the Text Version

ÇÃó¡ÃÃÁàÂÒǪ¹¾¹Œ× ºŒÒ¹ ÀÒ¤à˹Í× ¹Ô·Ò¹¢Í§Í؍ เคาโครงเรื่อง สพุ ิน ฤทธิเ์ พ็ญ เรียบเรียง วรธิดา อดุ มสม ปาริชาติ รัตนสมี า ภาพประกอบ พฒั นา สมปรารถนา

นทิ านของอ๊ยุ  ว ร ร ณ ก ร ร ม เ ย า ว ช น พ้ื น บ้ า น ภ า ค เ ห นื อ นทิ านของอุ๊ย เค้าโครงเรือ่ ง สุพนิ ฤทธิ์เพ็ญ เรียบเรยี ง วรธดิ า อุดมสม และ ปารชิ าติ รัตนสมี า ภาพ พฒั นา สมปรารถนา

นทิ านของอุ๊ย นิทานของอุ๊ย เลขมาตรฐานสากลประจำหนังสือ 978-974-287-820-7 ผู้เชี่ยวชาญที่ปรกึ ษาคณะบรรณาธิการ รศ.ทรงศกั ด ์ิ ปรางคว์ ัฒนากลุ นายเจรญิ มาลาโรจน ์ คณะบรรณาธกิ ารอำนวยการ นางทศั นยั วงศ์พเิ ศษกลุ นางสาวเฉยี ดฉัตรโฉม ปรพิ นธพ์ จนพสิ ุทธ์ิ นายวฒั นชัย วินิจจะกูล นางสาวนันธนา เจรญิ ภกั ดี คณะบรรณาธกิ ารดำเนนิ งาน รศ.สกุ ญั ญา สจุ ฉายา ผศ.ดร.ชลภสั ส์ วงษป์ ระเสรฐิ นายเรืองศกั ดิ์ ป่ินประทีป นายณัฐพร ศรีมกุ ด์ เคา้ โครงเรือ่ ง สพุ นิ ฤทธเ์ิ พ็ญ เรียบเรียง วรธดิ า อุดมสม และปารชิ าติ รตั นสีมา ภาพ พฒั นา สมปรารถนา พสิ จู นอ์ ักษร นันท์ธนัตถ์ จิตประภัสสร อารีณะ วรี ะวัฒน์ พมิ พค์ ร้ังท่ี 1 พฤศจิกายน 2551 จำนวนพมิ พ ์ 3,000 เล่ม ราคา 135 บาท เจ้าของโครงการและดำเนินการจดั พมิ พ์ สำนักงานอทุ ยานการเรยี นรู้ สำนักงานบริหารและพัฒนาองค์ความรู้ (องค์การมหาชน) สังกัดสำนักนายกรฐั มนตรี ส่วนบรกิ าร อาคารเซ็นทรลั เวลิ ด์ ชัน้ 8 Dazzle Zone โทรศัพท์ 0-2257-4300 โทรสาร ต่อ 125 สว่ นสำนกั งาน 999/9 อาคารสำนกั งานเซ็นทรัลเวลิ ด์ ชนั้ 17 ถนนพระราม 1 โทรศัพท์ 0-2264-5963-65 โทรสาร 0-2264-5966 www.tkpark.or.th ดำเนินการจดั ทำตน้ ฉบับ มูลนธิ หิ นังสอื เพือ่ เดก็ โทรศพั ท์ 0-2805-0202 โทรสาร 0-2805-1308 www.thaibby.in.th ออกแบบรปู เล่ม จดั พิมพ์ และจัดจำหนา่ ย บริษัท แปลน ฟอร์ คดิ ส์ จำกดั โทรศัพท์ 0-2575-2828 โทรสาร 0-2575-2558 www.planforkids.com เหมาะสำหรบั เดก็ อายุ 9 ปี

นิทานของอยุ๊  คำนำ ในการจัดต้ังอุทยานการเรียนรู้ภูมิภาคต้นแบบแต่ละภาคนั้น สำนักงาน อุทยานการเรียนรู้ (TK park) ได้มีการเตรียมการคู่ขนานกันไปทั้งด้านกายภาพ และเนื้อหาสาระ กล่าวคือในระหว่างท่ีองค์กรปกครองส่วนท้องถ่ินกำลังปรับปรุง หรือก่อสร้างอาคารสถานที่สำหรับห้องสมุดมีชีวิตในรูปแบบอุทยานการเรียนรู้ สำนกั งานอทุ ยานการเรยี นรกู้ ป็ ระชมุ หารอื กบั บคุ ลากรในทอ้ งถนิ่ และรว่ มกนั คดั เลอื ก หนังสือ ดนตรี และกจิ กรรมตา่ งๆ ไปพรอ้ มกนั เพอ่ื เตรยี มการดา้ นหนงั สือและสือ่ ตา่ งๆ ซ่งึ ถือเสมอื นเป็นจิตวญิ ญาณของห้องสมดุ โครงการนิทานพื้นบ้านเป็นส่วนหนึ่งของการเตรียมการทางด้านเนื้อหาสาระ ด้วยเล็งเห็นว่าเร่ืองเล่าในแต่ละชุมชนมีทั้งสาระ ความสนุกสนาน และจินตนาการ สืบทอดกันมาจากภูมิปัญญาท้องถิ่นอันล้ำลึก มีความหมายต่อการเชื่อมโยงวิถีชีวิต วัฒนธรรม และการดำรงอยู่ร่วมกันระหว่างมนุษย์กับมนุษย์ และมนุษย์กับ แม้จะเป็นเร่ืองเล่าเฉพาะกลุ่มชนในพื้นที่ แต่สาระท่ีแฝงอยู่ในเน้ือหาเร่ืองราวของ นิทานนน้ั คือคตสิ อนใจ ซ่ึงเป็นความรู้สากลทสี่ ามารถนำไปประยกุ ตใ์ ช้ได้ทุกหนแหง่ สำนักงานอุทยานการเรียนรู้ จึงมอบให้มูลนิธิหนังสือเพื่อเด็กเป็นผู้ดำเนิน การประสานงานกับปราชญ์ชาวบ้าน นักวิชาการและผู้ทรงคุณวุฒิ ร่วมกันคัดเลือก นิทานเรื่องเล่าพื้นบ้านที่มีคุณค่า มีอิทธิพลต่อความคิดและจินตนาการของเยาวชน ในทางสร้างสรรค์ นำมาเรียบเรียงและจัดทำภาพวาดประกอบข้ึนใหม่ เพื่อจัดพิมพ์ เป็นหนังสือที่มุ่งเสริมสร้างจินตนาการให้อ่านง่ายและเพลิดเพลิน โดยหวังว่าจะเป็น ส่ือจูงใจใหเ้ ดก็ และเยาวชนทั่วไปสนใจและรักการอา่ นมากยิ่งข้ึน ทั้งยังสามารถนำไป ประกอบการเล่านิทานในครอบครัว โรงเรียนและแหล่งเรียนรู้ต่างๆ เป็นการ ภูมิปัญญาทอ้ งถ่นิ ใหค้ งอยูส่ ืบไป หวงั เปน็ อยา่ งย่งิ วา่ นอกเหนือจากบทบาทในฐานะผู้จดุ ประกายแนวคิดห้อง สมุดมีชีวิตในประเทศไทย ให้เป็นพื้นที่แสวงหาความรู้ในบรรยากาศการเรียนรู้อย่าง สร้างสรรค์และทันสมัยแล้ว สำนักงานอุทยานการเรียนรู้ยังจะได้ทำหน้าท่ีปลูกฝัง และส่งเสริมนิสัยรักการอ่านแก่เด็กและเยาวชน บนพื้นฐานของความเคารพและ ภูมิใจในภูมิปัญญาของแต่ละท้องถ่ิน เสริมสร้างการยอมรับความแตกต่างหลาก หลายและใชส้ ตปิ ัญญาแก้ไขปญั หา อนั จะนำไปสู่สงั คมสนั ตสิ มานฉันทใ์ นที่สุด สำนักงานอุทยานการเรียนรู้

นทิ านของอ๊ยุ สารบญั หนงึ่ 7 ห้า อยู่กบั อ๊ยุ นิทานเพอื่ นรัก 53 สอง หก นทิ านของอุ๊ย 15 เรื่องเล่า 67 ของความรกั สาม เจ็ด 81 ปใี๋ หมเ่ มอื ง 21 นิทานดีๆ ท ่ีอยุ๊ เลา่ ส่ ี แปด นทิ านกตญั ญู 39 ความภมู ิใจ 95 ใ นลา้ นนา

นทิ านของอ๊ยุ

นิทานของอยุ๊ เกร็ดความรู้ ในวรรณกรรมเยาวชนภาคเหนือ จะใช้ตัวเลขข้ึนต้นแต่ละบทเป็น ตวั เลขในภาษาล้านนา เรียกว่า เลขโหรา ภาษาล้านนา หรือคำเมือง เป็นภาษาประจำราชอาณาจักรล้านนาท่ีสันนิษฐานว่าเกิดขึ้นมา นานนับพันปี ใช้กันในภาคเหนือตอนบนของประเทศไทย เรียกว่า “ดินแดนล้านนา” หมายถึง 8 จังหวัด คือ เชียงใหม่ เชียงราย ลำพูน ลำปาง พะเยา แพร่ น่าน และแม่ฮ่องสอน ตัวเลขในภาษาล้านนามี 2 แบบ คือ เลขในธรรม หรือเลขใน ใช้ในการเขยี นเรอื่ งราวเกี่ยวกบั ภาษา และวรรณกรรมทางศาสนา มักเขียน บนใบลาน อีกแบบหนึ่งคือ เลขโหรา ใช้เขียนบอกจำนวนทั่วไปและการ คำนวณโหราศาสตร ์ เลขโหรา ๙ ๐ เลขในธรรม เทียบตวั เลขไทย ๑ ๒ ๓ ๔ ๕ ๖ ๗ ๘

นิทานของอุ๊ย  หนึ่ง อยู่กับอยุ๊

นิทานของอยุ๊

นิทานของอยุ๊  อยกู่ ับอยุ๊ ความหลังของฉันเมื่อครั้งเป็นละอ่อน คือชีวิตที่เรียบง่าย เป็นน้อง นางบา้ นนาอยู่ในท้องทุง่ ปรงุ ด้วยกล่ินโคลนสาบควาย ไร้นำ้ อบ นำ้ ปรุงมา จรุงใจ ห่างไฟแสงสี มีแต่แสงไฟจากไต้ หรือจากตะเกียง กระป๋องรูปทรง กระบอกบบุ บ้บู ้ี แตก่ ฉ็ ายภาพของคนลา้ นนาไดอ้ ยา่ งชดั เจน วิถีชีวิตของพวกเราเป็นวิถีของคนบ้านนอกที่สบายๆ ตามประสา แตก่ อ็ ่มิ สุข ในวงศาคณาญาติและในครอบครัวของเรา อุ๊ยถือเป็นบุคคลสำคัญ ในบ้าน เพราะพ่อแม่ทุกคนต้องทำมาหากิน อุ๊ยจึงต้องรับหน้าที่ดูแล ลูกหลาน ละออ่ น ตวั จ้อยตัง้ แตแ่ บเบาะกระทง่ั โต ฉันจึงไม่ได้ผดิ ไปจากเพื่อนๆ ทส่ี ว่ นใหญ่แล้วจะอยู่กับอุ๊ย เม่อื เข้าโรงเรยี นประถม 1 ฉันมีคำถามกลับมาถามอุ๊ยทุกวัน โดยเฉพาะเรื่องวงศาคณาญาต ิ ท่ีคุณครูใช้ในห้องเรียนและมีอยู่ในหนังสือที่ต้องอ่าน ฉันต้องมาน่ังเรียง

10 นิทานของอยุ๊ ญาติใหม่ให้ถูกตามภาษาของขอ้ สอบ อยุ๊ สอนฉันท่องอย่างสนกุ สนาน หมอ่ น นั่นหรือคอื ทวด ปตู่ ามีหนวด เขาเอิ้นว่า อ๊ยุ ย่า ยาย ทอี่ ยู่ในบา้ น ก็เอิ้นเหมือนกัน ว่าอุ๊ย ว่า ฉันชอบอ้อนชวนอยุ๊ ให้เล่น สิกก้องก๋อ มนั ตื่นเต้นจะตายไป เมอ่ื หลานขอ...อุ๊ยจดั ให้ อุ๊ยจะนอนหงาย งอเข่า แล้วให้ฉันข้ึนไปน่ังบนหน้าแข้ง แล้วอุ๊ยจะ ขยับขาโยนไปโยนมา เหน็ ไหมล่ะผาดโผนมัย้ ที่ฉนั ชอบมากๆ กต็ อนทอ่ี ยุ๊ จะโยนตัวฉันลงมาบนแผ่นอกของอุ๊ยนั่นแหละ ละอ่อน กับละอุ๊ยก็จะ กอดรดั ฟดั เหวี่ยงกันอย่างอบอ่นุ ฉันจึงรักทุกวนั ท่ไี ดอ้ ย่กู บั อยุ๊ ละอ่อนติดละอุ๊ย หรือละอุ๊ยติดละอ่อน ฉันชักไม่แน่ใจ แต่ที่แน่ๆ ฉันจะตามก้นอุ๊ยต้อยๆ อุ๊ยไปไหน ฉันไปด้วย อุ๊ยทำอะไรฉันทำด้วย อุ๊ย อะไรฉนั กนิ ดว้ ย อุ๊ยกนิ เมยี่ งฉนั ยงั ขอกนิ ขี้เมย่ี งจากปากอุย๊ ได้อย่างสนทิ ใจ

นทิ านของอุย๊ 11 อยุ๊ ของฉันชอบเคีย้ วหมาก กนิ เม่ียง สูบบุหรี่ ใบตองจา่ ทีท่ ำจาก ใบตองออ่ นทับด้วยถงุ ทรายบนแผ่นสงั กะสที ตี่ ง้ั บนเตาอั้งโล่ ฉนั ยังเคยทำให้ อยุ๊ เลย สมัยก่อนน่ะนะ ของใช้ของฉนั ฝมี ืออุย๊ ทงั้ นัน้ แปรงสฟี นั ทำจากกา้ นไมข้ ่อยทุบ อุ๊ยใช้ใบหมี่ต้มกับมะกรูดและน้ำด่าง หรือน้ำแช่ขี้เถ้านั่นแหละ เป็น ยาสระผมชั้นดี แม้จะมีแชมพูที่ขายเป็นซองๆ อุ๊ยก็ไม่ซ้ือใช้ เพราะมันไม่ เหมือนยาสระผมสูตรอยุ๊ กวนเอง อุย๊ โฆษณาสรรพคณุ คบั หัวว่าสระแล้ว ผมจะเหยียดตรง เงางาม ละมุนละไม และหอมชื่นใจ ใครจะว่าอย่างไร อยุ๊ กจ็ ะบอกวา่ “แหม..ละอ่อนผมนุ่ม แม่นางผมหอม ละมุนละม่อม เป็นเงางาม แหมเนอ้ ” ออ้ ... สูตรอุ๊ยกวนเอง ยังมีโลช่ันบำรุงผิวกายด้วยนะ ก็...น้ำมันมะกอก หรือน้ำมะกรูดนั่นแหละ กล่ินแปลกๆ เดินไปทางไหนใครๆ เหลียวดม คงนกึ วา่ ทำครวั แล้วไมล่ า้ งไม้ล้างมอื พูดถึงทำครัวแลว้ ไมล่ ้างไม้ลา้ งมอื ฉนั ชอบเขา้ ครวั ทำอาหารกับอุย๊ สนุกจะตายไป เตาไฟของอยุ๊ เปน็ แทน่ สเ่ี หลยี่ มผนื ผา้ ขนาดเมตรเศษๆ ยกสงู จากพน้ื เลก็ นอ้ ย กรอบนอกเปน็ ไม้ เทพนื้ ดว้ ยดนิ เหนยี ว ใชก้ อ้ นเสา้ ๓ กอ้ นเปน็ ทุกคร้ังที่อุ๊ยก่อไฟด้วยฟืน ใช้เหล็กไฟ จุดไม้เกี๊ยะเป็นตัวติดไฟ ฉันจะใช้

12 นิทานของอ๊ยุ กลอ้ งไม้ไผเ่ ปา่ ไฟให้ลุก หมอ้ ของอุ๊ยเป็นหมอ้ ดนิ ภาพชีวิตของอุ๊ยท่ีใช้ชีวิตอยู่ในครัวเป็นภาพเดิมๆ ที่ดำเนินไปอย่าง เปน็ ข้นั เปน็ ตอนๆ ซ้ำๆ กันในทุกวนั แตอ่ ๊ยุ กด็ มู คี วามสขุ ดี ไม่เหน็ เคยบน่ วา่ เบื่อหนา่ ยอะไร การดำเนินชีวิตอย่างน้ี ทำให้ฉันซึมซับรับไว้เป็นวิถีของตนอย่าง แนบเนยี นโดยท่ีอุ๊ยไม่ต้องยดั ย ู้ วนั น ้ี กอ่ นจะนง่ึ ขา้ ว ฉนั ก็จะทำอย่างทีอ่ ุ๊ยเคยทำ กอ่ นจะนำข้าวไปนง่ึ อ๊ยุ จะคอ่ ยๆ บรรจงลา้ งข้าวอยา่ งเบามอื เมอ่ื ก่อน ฉนั มักจะถามวา่ “ทำไมตอ้ งล้างด้วยละ่ อุ๊ย ขา้ วแช่น้ำมาทงั้ คืนคงสะอาดดแี ล้วหล่ะ” เหมอื นกบั ทุกคำถามของฉนั ท่อี ุย๊ จะตอ้ งใหค้ ำตอบคลายความสงสยั นไี่ ง การเรยี นร้อู ยา่ งเป็นธรรมชาติของฉัน “ถ้าเจ้าล้างไม่สะอาด กล่ินเปร้ียวจะติดข้าว พอน่ึงสุกแล้วข้าวจะ เหม็น กินบ่ลำ กินไม่เอร็ดไม่อร่อย แล้วกลิ่นข้าวนี่เน้อ มันฟ้องความขี้ ของคนนงึ่ โตย” วิธกี ารน่ึงขา้ วของอ๊ยุ มีเคล็ดลับทฉี่ ันจำมาทำจนวันน้ี เม่ือข้าวเหนียวที่น่ึงสกุ รอใหไ้ อทีพ่ วยพงุ่ ผ่านฝาชีทปี่ ดิ ไวอ้ กี ประมาณ ๑๐ นาที เรียกว่าอ่อม กรรมวิธีการแช่และนึ่งข้าวแบบน้ีทำให้ข้าวเหนียว ของอุ๊ยนุ่มทั้งวัน ตั้งแต่เช้าไปถึงดึกดื่นค่อนคืนโดยไม่ต้องอุ่นใหม่ ต่างจาก ข้าวเหนียวน่ึงสมัยนี้ท่ีพอหายร้อนก็เริ่มแข็ง ต้องนำมาอุ่นใหม่ น่ันเพราะ เขาแช่ช่ัวประเดี๋ยวประด๋าวและนึ่งพอสุกไม่รออ่อมก่อน ท้ังน้ีท้ังนั้นก็เพราะ เป็นเร่ืองของธุรกิจการค้าท่ีต้องว่องไว ไม่ใช่การทำกินภายในครอบครัว

นิทานของอุ๊ย 13 เหมือนสมัยแม่อ๊ยุ ยังสาว เมนูยอดนิยมของอุ๊ยเหมือนกับครอบครัวคนล้านนาทั่วไป คือ ลาบ แกงออ่ ม และท่ีขาดได้ไมค่ อื น้ำพริก ไม่วา่ จะเป็นน้ำพรกิ ปลารา้ น้ำพริกอ่อง น้ำพริกอ่ีเก๋ น้ำพริกตาแดง หรือน้ำพริกแมงดาในหน้าฝน ตอ้ งมสี ักอยา่ งในทกุ ๆ มอื้ เปน็ เครือ่ งชูรสอย่างดี บอ่ ยไป ที่เม่ือทำอาหารเสร็จ อุ๊ยจะให้ฉันเป็นผู้ถือถ้วยแกง ค่ัว หมก ผัด หรอื สารพดั อาหารคาวหวานไปให้เพื่อนบ้าน พอโตฉันจึงรู้ว่าน่ีแหละเป็นการปลูกฝังให้เด็กๆ ได้เรียนรู้เร่ืองความ โอบอ้อมอารี การใส่ใจ การผูกไมตรีกับเพื่อนบ้าน และซึมซับวัฒนธรรม ประเพณีไปในตวั มือ้ เชา้ ฉันชอบกินอาหารกับพ่อแม่ท่ีมีอาหารรสจัดบ้าง ประเภทลาบ แกง แกงอ่อม น้ำพริก กินกับอุ๊ยไม่เนียนปากเพราะอุ๊ยชอบกินอาหารแปลกๆ อุ๊ยชอบกินข้าวเหนียวร้อนๆ กับน้ำอ้อยบ้าง มะม่วงสุกบ้าง ถ้าเป็นหน้า หนาวก็จะกิน ข้าวหลุกงา ก็ขา้ วเหนยี วคลกุ งาข้ีมอ้ นนน่ั แหละ ตอนเย็น อยุ๊ นแี่ หละอาบน้ำใหฉ้ นั บ้านเราไม่มีตอ๊ มอาบนำ้ หรือห้องนำ้ เหมือนคนสมัยน้ี อุ๊ยจะพาฉันไปอาบน้ำที่บ่อน้ำ ที่อุ๊ยทำแผ่นไม้ไว้สำหรับน่ังขัดสี ฉวีวรรณ มีหินก้อนกลมๆ พอเหมาะมือสำหรับขัดข้ีไคลตนเอง สำหรับ

14 นทิ านของอยุ๊ อย่างฉันน่ะเหรอ อุ๊ยใช้กูบพร้าว ใยมะพร้าวก้อนเบ้อเร่อในมืออุ๊ยจะทำ หนา้ ท่ีของมนั อยา่ งเจบ็ แสบ อยุ๊ ใชข้ ัดถบู รเิ วณพบั เข่าดา้ นหลงั นอ่ ง และข้อ เท้า ลว้ นเปน็ บริเวณทข่ี ไี้ คลชอบฝังแนน่ ขัดเมอ่ื ไรเปน็ เจบ็ แสบเมอื่ นนั้ ถา้ วันไหนฉันไปเล่นกลางทุ่งนาแล้วโดนตอข้าวบาด เย็นน้ันเป็นได้ยินเสียง รอ้ งไห้ดังลั่นบ้าน ตอนเล่นไม่รู้สึกอะไรหรอก แต่พอมาเจอน้ำ เจอสบู่ แล้วมาเจอ กบู พร้าวของอุย๊ เข้าแล้ว ทำไมมันเจบ็ แสบไปถงึ ขัว้ หวั ใจกไ็ มร่ ้ ู ตอนกลางคนื ฉันนอนกับอุ๊ย ฉันชอบกลน่ิ นำ้ หมากจากปากอุย๊ ฉันชอบกล่นิ น้ำมนั มะกอกจากเน้อื ตัวอุ๊ย ฉนั ชอบกล่ินใบหมีแ่ ละกล่นิ มะกรดู จากผมอุ๊ย บางทมี แี ถม กก็ ล่ินควันจากเตาไฟกบั กองไฟท่สี มุ ไล่ยุงให้วัวควายนน่ั ไง

นทิ านของอ๊ยุ 15 สอง นิทานของอุ๊ย

16 นิทานของอุย๊

นทิ านของอยุ๊ 17 นิทานของอุย๊ ในมุ้งสีตุ่นๆ ท่ีเรานอนด้วยกัน ละอ่อนกับละอุ๊ยจะผลัดกันเกาหลัง ผลัดกันพัดวี หรือผลัดกันดึงนิ้วมือทีละน้ิวๆ เสียงดังเปาะๆ ลั่นมุ้ง บาง มเี สียงว้ดี วา้ ยแทรกเป็นระยะๆ ถ้ามอี าการเจบ็ นดิ ๆ บางคืนอุ๊ยกับฉันก็ชวนกันนอนแหงนหน้ามองท้องฟ้า จากโค้งฟ้า จรดอกี โค้งฟา้ หนง่ึ ดูดวงดาวที่ระยบิ ระยับเกล่อื นฟ้า “อุ๊ย...ดาวบนฟ้ามีกี่ดวง” ฉันมักจะถามด้วยความสงสยั อยุ๊ กจ็ ะตอบว่า “ถ้าเจ้าอยากรู้ว่าดาวบนฟ้ามีกี่ดวง ก็ให้ตักทรายมา ๔ ก๋วยกล้า แล้วนับเมด็ ทีล่ ะเม็ดๆ จนหมด นั่นละ่ คือจำนวนท้ังหมดของดาวบนฟ้า” แลว้ ฉนั ก็จะ “โห...จะนบั ไดอ้ ย่างใดเล่าอยุ๊ ” “ก็น่ันล่ะ นับเม็ดทรายก็เหมือนนับนับดาวบนฟ้า เจ้าอยากรู้ก็ลอง นบั ดู” จบกันอุ๊ย ใครคะท่จี ะมานั่งนบั เม็ดทราย...พูดเป็นเล่นไปได้

18 นทิ านของอ๊ยุ ฉันเคยสงสยั วา่ ใครกนั หนอทเี่ ปน็ ใหญใ่ นท้องฟา้ อุ๊ยกจ็ ะตอบอยา่ งมนั่ ใจทกุ ครัง้ ว่า “พระอินทร”์ “ทำไมเลา่ อุ๊ย” “เจ้าลองคิดดู ทุกครั้งที่ตุ๊เจ้าหลวงที่วัดท่านเทศน์ธรรมชาดก จะมีบทบาทมากกว่าเทวดาองค์อ่ืนๆ ฉะนั้น อุ๊ยว่าพระอินทร์น่าจะเป็น หวั หน้าเหลา่ เทพบุตรกับนางฟ้าน่ันล่ะ” แล้วทนี แ้ี หละ เร่ืองราวจากลิเกที่อุ๊ยดู และคำพระเทศนาเรื่องธรรมชาดกที่อุ๊ยฟัง ผสมกบั จินตนาการของอยุ๊ เอง กจ็ ะเปน็ เรอ่ื งเป็นราวเลา่ วา่ “พระอินทร์มีกายสีเขียว ประทับอยู่บนแท่นบัณฑุกัมพล ซึ่งเป็น ทิพยอาสน์หรือแท่นวิเศษ ยามใดท่ีมนุษยโลกสงบสุข แท่นนั้นจะอ่อนนุ่ม น่าน่ังน่านอน แต่หากยามใดท่ีผู้มีบุญในโลกมนุษย์ได้รับความเดือดร้อน แท่นทิพย์จะแข็งกระด้างและร้อนรุ่ม จนพระอินทร์ประทับไม่ได้ ต้องรีบ ส่องทิพยบัญชรลงมาดูเหตุด่วนเหตุร้ายน้ันเม่ือรู้แจ้งแล้วว่าผู้ใดเดือดร้อน พระอินทร์จะให้เทวดารับใช้ประจำพระองค์ลงมาช่วยเหลือ แต่ถ้าเป็นกรณี พิเศษ เช่น ผู้มีบุญญาธิการได้รับความเดือดเนื้อร้อนใจอย่างแสนสาหัส พระอนิ ทรจ์ ะแปลงกายลงมาช่วยเหลือมนุษย์ผู้น้ันดว้ ยตนเอง” ฉันถามอยุ๊ เสมอๆ วา่ “เป็นนางฟา้ อย่บู นสวรรค์คงจะมแี ต่ความสุขสบายนะอุ๊ย” อยุ๊ กจ็ ะบอกวา่

นิทานของอุ๊ย 19 “เจ้าอย่าคิดอย่างนั้น บ่มีท่ีไหนจะมีแต่ความสุขความสบายไปทุกส่ิง ทุกอย่างหรอกนะ บนสวรรค์ช้ันฟ้านั้น ก็ใช่ว่าจะมีแต่ความสุขสบาย น้อยใหญ่ต่างมีหน้าที่ท้ังนั้น ดูเหล่านางฟ้าแสนงามน่ันเถอะ พระอินทร ์ ท่านยังมอบหน้าท่ีให้นำดวงดาวจำนวนมากมายออกเรียงรายบนราวฟ้า ในช่วงหัวค่ำ พอใกล้รุ่งก็ต้องเก็บดวงดาวเหล่าน้ันไว้ ภารกิจน้ีไม่มีวันหยุด ตราบเท่าท่ียังมีโลก นางฟ้าจะต้องมีหน้าท่ีประดับดาวให้ฟ้างดงาม ตลอดไป” ท้ายสุด ในทุกๆ คืน อุ๊ยจะเล่านิทานก่อนนอนให้ฟัง นิทานของอุ๊ยสนุกๆ ทั้งนั้น บางคืนฉันได้ฟังนิทานตลก บางคืนเป็นนิทานผีๆ ที่คนเล่าหลับ ครอกฟ้ไี ปแลว้ แตค่ นฟังยังนอนไม่หลบั ก็กลัวผที ่ีอุ๊ยเล่านะซี นิทานของอุ๊ยเร่ืองหน่ึงท่ีฉันชอบที่สุดคือธรรมชาดก มหาเวสสัน (เวสสันดร) ตอนชูชกเดินทางเข้าสู่เขาวงกตเพื่อขอกัณหาชาลี โอรสของ พระเวสสันดรกับพระนางมัทรี ไปเป็นข้าทาสของนางอมิตตดาภรรยาสาว แต่ต้องวิ่งหนีหมาสามสิบสองตัวของพรานเจตบุตรผู้เฝ้าประตูเขาวงกต เน้ือความตอนทีฉ่ นั จำไดข้ ้ึนใจมวี า่ ...ตัวหน่ึงชื่อว่าอี่คำครือขนหยาบ คันมันคาบแล้วก็บ่วาง งา้ งกางจ่ึงออกได้ หันพราหมณ์เข้ามาใกลส้ รดื เข้าขบถง ตวั หนงึ่ แสนวงไววาท ตวั หนง่ึ ชอื่ สายฟา้ ฟาดธรณี หมหู่ มาดี ๓๒ ตวั กม็ า ปเู่ ถ้าเลา่ กก็ ลัวตาย มนั กค็ ะยุยคะยายขึน้ ตน้ ไม้ส้าน ต้านย้านตก กาววาว ปาวหวาวตกต้นไม้หมี่ รูข้ีตี่อยู่บังยัง มือมันเกาะง่าซัน

20 นทิ านของอุ๊ย งนั งา่ เกา่ เอาไมเ้ ทา้ ยอกคนื หลงั จบั ใสด่ งั หมาพดู้ ำรอ้ ง พะเหงง ภาพชชู กวงิ่ ข้ึนตน้ ไม้ ขน้ึ ต้นโน้นก็รว่ งเป็นสองสามที ขน้ึ ต้นนีก้ ็ตกลง มา หมาก็ตามราวีกัดไม่ปล่อย ทำเอาชูชกขวัญหนีดีฝ่อ ใช้ไม้เท้าตีหมา ไม่ได้หันมามอง เพราะต้องประคองตนให้อยู่บนต้นไม้ให้ได้ ข้าวของที่พก ติดตัวมาร่วงหล่นกระจุยกระจาย เป็นภาพท่ีตลกมากๆ สำหรับละอ่อน อยา่ งฉัน แม้แต่อยุ๊ ที่เป็นคนเล่าเองยงั อดขำไมไ่ ด ้ ยงั มเี รื่องเลา่ และนทิ านของอยุ๊ อกี เยอะ เล่าสามวนั สามคืนกไ็ มจ่ บ ฉันจะเลา่ ใหฟ้ ัง...

นทิ านของอ๊ยุ 21 สาม ป๋ใี หมเ่ มอื ง

22 นิทานของอุย๊

นทิ านของอุ๊ย 23 ป๋ใี ห ม่เมือง ทุกเช้า อุ๊ยจะนำข้าวเหนียวปั้นเล็กๆ พร้อมอาหารแห้ง หรือผลไม้ เช่น กล้วยน้ำว้า ใส่จานสังกะสี พร้อมน้ำด่ืมใส่แก้วไปวางไว้บนห้ิงพระเพื่อบูชา พอถึงวันพระ อุ๊ยจะพาฉันไปทำบุญตักบาตรแล้วฟังพระเทศน์ ในช่วงเข้า พรรษา อ๊ยุ จะพาไปไมข่ าด อุย๊ บอกวา่ นี่คอื การทำบุญ “ต้องทำอะหยังบ้างล่ะอยุ๊ ถึงจะไดบ้ ญุ ” ฉันถามอุ๊ยเช่นเคย...ไม่รู้จะถามใครนี่ ในบ้านก็มีแต่อุ๊ยน่ีแหละท่ีอยู่ กับฉนั ตลอด ตง้ั แต่ลมื ตาต่ืนจนหลบั ตานอน อยุ๊ ตอบปญั หาของฉันเช่นเคย “เจ้าต้องทำบญุ ใสบ่ าตรในวนั พระ ไปรว่ มงานประเพณีตัง้ ธรรมในคนื ยเ่ี ป็ง ไปฟังธรรมชว่ งเขา้ พรรษา ทานขนั ขา้ วเพ่ืออุทศิ ส่วนกศุ ลใหบ้ รรพบรุ ุษ ผ้ลู ว่ งลับในชว่ งเดอื นสเี่ ป็ง ทำอยา่ งนี้จงึ จะเรียกว่าทำดี จงึ จะได้บุญ” “แล้วคนทท่ี ำบุญจะไดอ้ ะหยังล่ะอุ๊ย”

24 นทิ านของอุย๊ “ถ้าเจา้ ทำบญุ เจ้าก็จะไดบ้ ุญ ก็คอื ไดร้ บั สง่ิ ดๆี ตอบแทน ถ้าบไ่ ดร้ บั ในภพนกี้ จ็ ะไดร้ บั ในภพหนา้ ” “แล้วถา้ บท่ ำล่ะอุ๊ย เราจะเป็นอย่างใด” “ถ้าบ่ทำบุญ เจ้าก็จะบ่ได้รับสิ่งดีๆ ย่ิงถ้าเจ้าทำบาป เจ้าก็จะได้รับ แต่ส่ิงชว่ั รา้ ย” “แลว้ อะหยงั ล่ะทอี่ ุ๊ยเรยี กวา่ บาป” “บาปก็คอื การทำบ่ดี เชน่ การกดั กนิ ขา้ วสกุ ลักกินอาหารทจี่ ะนำไป ถวายพระบนหิ้ง หรืออาหารที่จะนำไปทำบุญ พูดจา หรือแสดงกิริยาจ้วง หยาบคาย ปฏิบัติตนบ่ดี แสดงกิริยาบ่สุภาพต่อพ่อแม่ อุ๊ย ญาติผู้ใหญ่ อาจารย์ หรือพระสงฆ์องคเ์ จา้ ถ้าเจ้าทำเมื่อใดบาปจะขบหัวเม่ือนัน้ เน้อ” ฉันกลวั บาปขบหวั มากจึงไม่กล้าทำอะไรท่อี ุ๊ยบอกวา่ ไม่ดี ฉันคุ้นเคยกับกลิ่นธูป ควันเทียน และความหลากหลายของดอกไม้ บูชาท่ีชาวบา้ นนำมาถวายแล้วอธิษฐานขอพรจากพระ ตอนเชา้ ใส่บาตรพระ ตอนบ่ายเจ้าอาวาสหรือท่ีบ้านเราเรียกว่าตุ๊หลวง พระ และเณร จะเวยี นกันขึน้ ธรรมาสน์ นำสมุดใบลานมาอ่านเทศน์ เรื่องราวท่เี ปน็ ที่นยิ ม ของชาวบา้ น และพระเณรเองกเ็ ทศนไ์ ดไ้ ม่มีเบอ่ื คือ ธรรมชาดก เรือ่ งราว ของพระโพธสิ ัตว์ผสู้ ั่งสมบญุ เพื่อก้าวส่กู ารเป็นพระพทุ ธเจ้า เชน่ หมาขนคำ สวุ ณั ณะหอยสงั ข์ นกกระจาบ เจา้ สวุ ตั รนางบวั คำ หงสเ์ หนิ ทม่ี เี รอ่ื งบาป คุณโทษ การครองตน ความซ่ือสัตย์สุจริต ความกตัญญูกตเวทีต่อผู้มี แฝงไวใ้ หผ้ ฟู้ งั ธรรมไดร้ ้จู ักพนิ ิจพิจารณา คงเป็นธรรมดาของการทำอะไรหลังอาหารมื้อเท่ียงหรือในตอนบ่าย ท่ีบรรยากาศมักเป็นใจและนิสัยพร้อมจะส่งเสริม เม่ือหนังท้องตึงหนังตา ก็หย่อน

นิทานของอุ๊ย 25 ฟงั ธรรมกเ็ ชน่ กนั พอ่ อยุ๊ แมอ่ ยุ๊ ลว้ นซาบซง้ึ ตา่ งพากนั ผงกหวั รบั เทศนร์ บั ธรรมกนั ทว่ั ศาลา เม่อื ละอุ๊ยหลบั ละอ่อนกจ็ ะขานรบั นโยบาย นอนหลบั ปยุ๋ ไปกบั เสียง ธรรมข้างๆ น่ันแหละ ฟังเต็มบรรทัดบ้าง เว้นวรรคบ้างก็ไม่เป็นไรเพราะ วันพระไม่ได้มีหนเดียว วันน้ีฟังขาดบ้างเกินบ้างก็ช่างเถิด วันอื่นมาฟังใหม่ สดุ ทา้ ยก็ได้เนอื้ หาครบ นำกลับไปเล่าใหล้ กู ให้หลานฟงั อยา่ งเปน็ ตุเปน็ ตะ อ๊ยุ เลา่ ให้ฟังว่า ในดินแดนล้านนาบ้านเราน้ันมีประเพณีและพิธีกรรมท่ีสำคัญๆ หมุนเวียนเปล่ยี นกันไปตลอดท้ังปี เร่ิมต้นที ่ เดือน ๗ เหนือ ในเดือนเมษายน มีประเพณีปีใหม่เมือง หรือ ประเพณสี งกรานต์นั่นแหละ เดือน ๘ เหนือ ในเดอื นพฤษภาคม มีประเพณีวิสาขบูชา สรงน้ำ พระธาต ุ เดือน ๙ เหนือ ในเดือนมิถุนายน มีพิธีเล้ียงผีขุนน้ำ การฟ้อนผ ี การบชู าอินทขิล เดือน ๑๐ เหนือ ในเดือนกรกฎาคม มีประเพณีวันเข้าพรรษา หว่านกล้า เดือน ๑๑ เหนือ ในเดอื นสงิ หาคม มปี ระเพณฟี ังธรรมเขา้ พรรษา เดือน ๑๒ เหนือ ในเดือนกันยายนมีประเพณีกินก๋วยสลาก ทาน สงั ฆ ์ เดือนเก๋ยี ง เหนอื ในเดือนตลุ าคม มปี ระเพณอี อกพรรษา ทอดกฐนิ เดอื นย่ี เหนือ ในเดือนพฤศจิกายน มปี ระเพณียี่เปง็ (ลอยกระทง) เทศน์มหาชาติ

26 นทิ านของอุ๊ย เดอื น ๓ เหนอื ในเดอื นธนั วาคม มพี ธิ เี ขา้ กำ๋ (โสสานกรรม) ทานขา้ ว เดือน ๔ เหนือ ในเดือนมกราคม มีประเพณีทานข้าวใหม่ ถวาย มธุปายาส เดือน ๕ เหนือ ในเดอื นกุมภาพนั ธ์ มปี ระเพณมี าฆบูชา ปอยหลวง เดอื น ๖ เหนือ ในเดอื นมีนาคม มีประเพณเี ป๊กตุ๊ หรือบวชพระ เมื่อคร้ังท่ีอุ๊ยเล่าให้ฟังตอนน้ัน ละอ่อนน้อยอย่างฉันยังจำได้ไม่หมด หรอก แต่การได้เห็น และได้ปฏิบัติจนเป็นกิจวัตร ทำให้ฉันจำประเพณี เหล่านัน้ ไดข้ ้นึ ใจมาจนถึงทุกวันน้ี หากถามว่าในบรรดาประเพณีของชาวล้านนาทั้งหมดนั้นชอบ ประเพณไี หนมากทีส่ ุด ฉันตอบได้อยา่ งไม่ลงั เลเลยวา่ ป๋ีใหม่เมอื งนแ่ี หละ เพราะบรรยากาศน้ันแสนจะคึกคัก ได้เจอญาติพี่น้อง ลุง ป้า น้า อา ลูกพ่ีลูกน้อง ที่ห่างหายกันไปนาน สนุกสนานคร้ืนเครงจริงๆ ประเพณ ี อย่างนี้ละอ่อนล่ะชอบนัก เพราะมีขนมอร่อยๆ กิน มีตุงสีสดสวยไปปัก เจดีย์ทรายทวี่ ดั และทคี่ รึกครนื้ สดุ ๆ คือ ได้เล่นสาดนำ้ กัน มนั ชุ่มฉ่ำหัวใจ ไมเ่ บา จรงิ ๆ นะ ป๋ีใหม่เมือง เป็นวันท่ีสำคัญของคนบ้านเรา ไม่ว่าจะอยู่แห่งหน ตำบลไหน จะใกล้หรือไกล พอถึงวันปี๋ใหม่เมืองน้ีแล้ว จะพากันกลับบ้าน มาทำบญุ มาดำหวั ขอขมา และขอพรจากพ่อแม่ จากอุ๊ย จากหม่อน และ ญาติผู้ใหญ่ ประเพณีป๋ีใหม่เมืองเริ่มตั้งแต่วันท่ี ๑๓ เมษายน จนถึงวันท่ี ๑๕ เมษายน แต่ในความเป็นจริง พอถึงวนั ที่ ๙ หรือ วันที่ ๑๐ คนล้านนาก็ เริ่มเลน่ น้ำป๋ใี หม่ในหม่บู ้านกันอยา่ งสนกุ สนานเบกิ บานแลว้

นิทานของอุย๊ 27 วันท่ี ๑๓ เมษายน ตามประเพณถี ือเป็นวันสังขารลอ่ ง แตก่ ่อนหนา้ วนั หน่ึง คอื วนั ท่ี ๑๒ ทุกปี อยุ๊ มกั บอกกับฉันว่า “เจ้าต้องรีบเข้านอนแต่หัวคำ่ วนั พรูก หรอื วันพรุ่งนี้ จะได้ตืน่ แตเ่ ช้า มาดูนางสังขารล่อง นางสังขารล่องน่ีจะเดินทางมาแต่เช้า เพ่ือเก็บพืชผัก ของชาวบ้าน เปน็ ความเชอื่ ของคนพ้ืนถิ่นวา่ บ้านไหนทน่ี างแวะเกบ็ พืชผกั บ้านน้ันจะมีแต่ความอุดมสมบูรณ์ ใครๆ จึงรอนางกันทั้งนั้น ฉะน้ัน ใครอยากเหน็ นางสังขารลอ่ งกต็ อ้ งต่นื มาดักดแู ตเ่ ช้ามืด” “นางสงั ขารลอ่ งนีเ่ ปน็ ใครเล่าอยุ๊ ”

28 นิทานของอยุ๊ ฉันมักจะเปน็ คนเรม่ิ ประเด็นอย่างนเ้ี สมอ ก็อยากรู้จริงๆ น ี่ “นางสงั ขารล่องนี่สวยไหมอุ๊ย” ฉนั มักจะเซา้ ซ้อี ๊ยุ อยา่ งนแี้ หละ “อยากรูอ้ ีกละซ.ี ..ฮึ” อุย๊ ไม่เคยแสดงทา่ เบื่อหน่ายท่จี ะบอกเล่าเร่อื งราวใหฉ้ นั ฟัง แล้วอย่างนีจ้ ะไม่ให้ฉนั รกั อ๊ยุ ไดอ้ ยา่ งไร “มันเป็นตำนานท่ีเขาเลา่ ตอ่ ๆ กนั มานาน เร่อื งมนั ยาวนะ เจ้าจะฟงั ไหมละ่ ” อุ๊ยถามไปอย่างนั้นแหละ เพราะอุ๊ยรู้อยู่แล้วว่าถ้าไม่สนใจฉันไม่ ซักไซ้แน ่ “ฟังสิจ๊ะอุย๊ ”

นทิ านของอุ๊ย 29 ฉันไมเ่ คยปฏเิ สธทีจ่ ะฟงั เรอ่ื งราวท่อี ๊ยุ เล่าสักคร้งั เรอ่ื งสนุกๆ ทง้ั นนั้ พลาดไปเสียดายแย่ “ตามตำนานเขาเล่าว่า... อุ๊ยเริม่ เรือ่ ง คร้งั หนงึ่ นานมาแลว้ มเี ศรษฐีคนหน่ึงถูกนักเลงวงเหล้าสบประมาทว่า “อู้ย...ร่ำรวยล้นฟ้า หาไปก็เท่าน้ัน ไม่มีลูกมีเต้ามาสืบสกุล ไม่ช้าท่ี หามาก็ไม่ได้ใช้หรอก” เศรษฐีคนน้ีไม่มีลูกเหมือนชาวบ้านคนอ่ืนเขา พอฟังอย่างน้ันจึงเกิด ความอับอาย กลับไปทำพิธีขอลกู จากพระอาทติ ย์ พระจันทร์ ขอเทา่ ไรก็ไม่เปน็ ผล ขอเทา่ ไรก็ไม่ไดล้ ูกสกั ท ี ขอจนออ่ นใจ จนเกอื บจะทอ้ เพราะสนิ้ หวัง ในทส่ี ุด เศรษฐตี ดั สนิ ใจบวงสรวงขอลกู จากรกุ ขเทวดา ความทราบถงึ พระอนิ ทร์ พระอินทร์เกิดความเห็นอกเห็นใจเศรษฐีคนนี้ จึงสั่งให้ธรรมบาลเทวบุตร ลงมาเกดิ เปน็ ลกู “แล้วเก่ยี วอย่างใดกับนางสงั ขารลอ่ งเลา่ อ๊ยุ ” บางครง้ั ความอยากร้อู ยากเหน็ ทำใหฉ้ ันรอ้ นใจอยากรเู้ รือ่ งราวเรว็ ๆ “เจา้ น่ใี จรอ้ นจรงิ ขัดคอกนั แบบนีอ้ ุ๊ยไม่เล่าตอ่ ดไี หมล่ะ” บอ่ ยครั้งที่อุ๊ยจะขแู่ กมหยอกฉนั อยา่ งนี ้ “บ่เอาๆ อุย๊ เลา่ ต่อเถอะ ทีนี้จะไม่ขดั คออีกแล้ว”

30 นิทานของอยุ๊ ฉันทำไปอย่างนน้ั แหละ เพราะร้วู ่าอยา่ งไรเสยี อ๊ยุ กต็ ้องเลา่ ตอ่ “ลูกสาวหรอื ลกู ชายจะ๊ อยุ๊ ” “ลูกชายจะ้ เศรษฐตี ้งั ชอ่ื ให้ว่าธรรมบาลกมุ าร” “ชอ่ื กระบาลกมุ ารเหรอจ๊ะ ชอื่ แปล๊ก แปลก” เสียงหัวเราะคิกคัก ขัดคออย่างนี้อุ๊ยไม่ถือสาหรอก อุ๊ยเคยบอกว่า การแสดงความคิดเหน็ อย่างนี้ อ๊ยุ ชอบ เพราะรวู้ า่ ฉันสนใจฟังเร่อื งที่อยุ๊ เลา่ แลว้ คดิ ตาม ไม่ใชอ่ ุย๊ เล่าปาวๆ เขา้ หซู ้ายทะลุหูขวา “ธรรมบาล ไม่ใชก่ ระบาล” อุ๊ยค้อนควักพองาม ฉันชอบกิริยาอย่างน้ีของอุ๊ย เวลาที่คนแก่ค้อนหรือช้อนสายตาน ี่ นา่ รกั มาก น่ารกั จนฉนั อดทีจ่ ะเข้าไปกอดไมไ่ ด้ อุย๊ ลบู หัวฉนั เบาๆ แลว้ เลา่ ต่อ “ธรรมบาลกุมารเป็นละอ่อนท่ีเฉลียวฉลาดมาก ฉลาดจนเป็นท่ีเลื่อง ลอื ไปทว่ั พออายุไดเ้ พียง ๗ ปี ทา่ นทา้ วกบิลพรหมได้ยนิ ขา่ วเข้าเลยอยาก จะทดสอบความเฉลียวฉลาดของธรรมบาลกุมาร ท้าวกบิลพรหมจึงลงมา จากสวรรคเ์ พ่อื ท้าใหธ้ รรมบาลกมุ ารตอบปญั หา ๓ ข้อ โดยมีหัวของแต่ละ ฝ่ายเปน็ ประกัน หากฝ่ายใดแพ้ ฝ่ายน้นั จะต้องถูกตดั หวั ” “ตัดหัวเลยเหรออยุ๊ ” “ใช่สิ สมัยก่อนน่ะนะ เขาท้าพนันเอาบ้านเอาเมือง เอาชีวิตกัน น้ีล่ะ” “แลว้ ปัญหาสามข้อเขาถามวา่ อย่างใดเลา่ อยุ๊ ” “ท้าวกบิลพรหมถามวา่ เวลาเช้า เทย่ี ง และเย็น ราศีของคนเราอยู่ ท่ไี หน” “แค่นนี้ ะ่ เหรอ”

นิทานของอุย๊ 31 “แคน่ ี้ละ่ ว่าแต่แค่นเี้ นย่ี ะ เจา้ ล่ะตอบไดไ้ หม” “ตอบไม่ได้หรอกอยุ๊ ใหธ้ รรมบาลกมุ ารของอุ๊ยตอบดีกวา่ เนอะ” อุ๊ยหวั เราะ แลว้ เลา่ ต่อไป “ธรรมบาลกุมารก็ตอบไม่ได้อย่างเจ้านี่ล่ะ จึงขอเวลาคิดคำตอบ ๗ “แลว้ ธรรมบาลกุมารคิดออกไหมอยุ๊ ” “หนึ่งวันก็แล้ว สองวันก็แล้ว สามวันก็แล้วคิดอย่างใดก็คิดไม่ออก พอถึงวันท่ี ๖ ธรรมบาลกุมารหมดปัญญา อย่างไรก็แพ้แน่ๆ ไม่รู้จะทำ อย่างไรเลยเดินเข้าไปในป่าแก้กลุ้ม เดินไปเร่ือยๆ จนเหน่ือยอ่อนจึงหยุด นอนพักใต้ต้นตาล ขณะท่ีนอนเพลินๆ พลันได้ยินนกอินทรีสองผัวเมียคุย กันว่า วันนี้กินอาหารไม่อ่ิมก็ไม่เป็นไรหรอก วันพรุ่งนี้จะได้กินเนื้อของ ธรรมบาลกุมารแล้ว เพราะธรรมบาลกุมารไม่มีทางตอบคำถามของท้าว กบิลพรหมได้ แม่นกจึงถามพอ่ นกว่า “ปัญหาอะหยัง ท่ที ำให้คนฉลาดอยา่ งธรรมบาลตอบบไ่ ด”้ อยุ๊ ทำเสยี งเลก็ เสยี งน้อยเปน็ แม่นก “ทา้ วกบลิ พรหมถามว่า เวลาเชา้ เทีย่ ง และเย็น ราศขี องคนเราอยู่ ที่ไหน” “แลว้ มันอยูท่ ่ีไหนกนั เล่า ไอเ้ จา้ ราศนี ”่ี แม่นกทำท่างง คิดไม่ออกเหมือนธรรมบาลกมุ าร “พ่อนกจึงเฉลยคำตอบของปัญหาท่ีท้าวกบิลพรหมถามทั้ง ๓ ข้อ ให้แมน่ กฟงั ” อยุ๊ ทำเสียงทุ้มเป็นพ่อนก “เวลาเช้าราศีของคนอยู่ท่ีหน้า เวลากลางวันราศีอยู่ที่อก เวลาค่ำราศีอยู่ที่เท้า” ได้ยินดังนั้นธรรมบาลกุมารจึงรีบกลับบ้าน อาบ

32 นิทานของอุย๊ อาบท่า กินข้าวกินปลาอย่างสบายอกสบายใจ คลายกังวลท่ีมีจนหมดส้ิน พอถงึ วนั ทก่ี ำหนด ธรรมบาลกมุ ารรบี มาสถานทที่ า้ ประลองการตอบปญั หา” มาแล้วหรือเจ้าธรรมบาลกุมาร ดูเจ้าม่ันอกมั่นใจมากนะท่ีจะมาตอบ คำถามของขา้ ” ธรรมบาลกุมารยมิ้ ทา้ วกบิลพรหมจึงไดเ้ รมิ่ ถามอกี ครงั้ “ถ้าอย่างนั้นตอบเรามาซีว่าเวลาเช้า เวลาเที่ยง และเวลาเย็น ราศี ของคนเราอยทู่ ีไ่ หน” ธรรมบาลกุมารคิดถึงคำของพ่อนกจึงก้าวออกมาข้างหน้าแล้วยืดอก ตอบอยา่ งมนั่ ใจ “เวลาเช้าราศีของคนอยู่ที่หน้า เวลากลางวันราศีอยู่ที่อก เวลาคำ่ ราศอี ยทู่ เี่ ท้า ใช่ไหมเล่า” ท้าวกบิลพรหมได้ยินเช่นน้ันจึงต้องยอมแพ้ เพราะธรรมบาลกุมาร ตอบได้อยา่ งถูกต้อง ท้าวกบิลพรหมจงึ ตอ้ งถูกตัดหัวตามข้อตกลง แต่ว่าหวั ท้าวกบลิ พรหมนี้ไมเ่ หมือนหวั ของใคร เพราะถ้าเม่ือใดหวั ตก ถงึ ผนื ดิน ผืนฟ้า หรอื ผืนน้ำ เมือ่ นัน้ จะเกิดความเดอื ดร้อนไปท่วั จึงให้ธดิ า ท้ังเจด็ ของทา้ วกบลิ พรหมมารบั หวั ไว้ ซ่ึงเรียกว่า นางสงั ขารลอ่ ง นางทงุ ษะ ลูกสาวคนโต เปน็ คนแรก เมอื่ รบั หวั แลว้ จงึ นำไปเก็บไว้ที่ เขาไกรลาส ต้ังแต่นั้นทุกปี ลูกสาวแต่ละคนก็จะผลัดเปลี่ยนกันเป็นนาง สังขารล่อง แต่ละนางทรงพาหนะต่างๆ กัน มาอัญเชิญหัวแล้วจัดพิธี แห่แหน และชว่ งเวลาน้ันก็คอื ช่วงปีใหมเ่ มืองนีล่ ะ่ ฟงั ตำนานนางสังขารลอ่ งจบ ฉนั รีบเขา้ นอนแตห่ วั คำ่ เพื่อที่วา่ พรงุ่ นี้ จะได้ต่ืนมาดูนางสังขารล่องให้สมใจ แต่ไม่ว่าจะตื่นเช้าอย่างไรฉันก็ไม่เคย

นทิ านของอ๊ยุ 33 ไดเ้ หน็ นางสงั ขารลอ่ งสกั ที “เจ้าตืน่ ขวาย (สาย)ไป ขบวนสงั ขารล่องเพ่งิ ผา่ นไปตะกีน้ เ่ี อง” ท่แี ท.้ ..ตื่นเชา้ เท่าไรกไ็ มไ่ ดเ้ หน็ หรอก โธ่...นางสังขารล่องมีตัวตนที่ไหนกัน เขาจอ่ นหละอุ๊ จลุ๊ ะอ่อน ใหต้ ื่น แตเ่ ช้าเพือ่ รับวันขน้ึ ปใี หมต่ า่ งหาก วันท่ี ๑๔ เมษายน เป็นวันเน่า หรือวันเนาว์ ทุกคนต่างตระ ของที่จะนำไปทำบุญในวันรุ่งข้ึน ท้ังท่ีเป็นการทำบุญที่วัดและนำไปดำหัว

34 นทิ านของอุย๊ ผู้ใหญ่ วันนี้แต่ละบ้านจะตัดใบตองนำมาตากให้หายกรอบ กรีดออก จากก้าน และนำมาห่อขนมจ็อก (ขนมเทียน) ห่อน่ึง (ห่อหมก) ทำ กรวยดอกไม้ ละอ่อนแต่ละบ้านต่างก็ช่วยผู้ใหญ่ทำงานกันด้วยความ สนุกสนาน นอกจากความสนุกที่ได้เล่นน้ำปี๋ใหม่แล้ว การได้ช่วยอุ๊ยทำขนมเป็น อีกอยา่ งหนึ่งที่ฉนั ชอบมากเปน็ พเิ ศษ วันเนา่ หรือวนั เนาวน์ ้ที ่ตี ลาดสดจะคกึ คกั เปน็ พิเศษ ของสด ของแหง้ แป้งขา้ วเหนยี ว แป้งขา้ วเจา้ ขมิ้นส้มปอ่ ย เทยี นกระดาษ รวมไปถึงตุงชนดิ ต่างๆ เช่นตุงไส้หมู ตุงตัวพึ่ง (๑๒ ปีนักษัตร) ขายดีเป็น เทน้ำเทท่า แม่บ้านจะซ้ืออาหารตุนไว้สำหรับพรุ่งน้ี เนื่องจากพรุ่งนี้เป็นวันพญาวัน พ่อคา้ แม่ขายในตลาดจะหยุดขายของ บ่ายๆ หลังจากช่วยแม่หรืออุ๊ยตระเตรียมของเสร็จ สาวน้อยหนุ่ม น้อยจะพากันแต่งตัวออกจากบ้านไปเท่ียว หลายคนพากันมาที่เชิงสะพาน นวรัฐ เพือ่ ขนทรายและเลน่ น้ำบนสะพานและถนนท่าแพ รวมทง้ั รอดูขบวน แหด่ ำหัวผู้ว่าราชการจังหวัด ซงึ่ แตล่ ะอำเภอจะนำขบวนมารว่ มด้วย ช่วงปี๋ใหม่เมืองของคนล้านนา หรอื สงกรานต์นี้ คนจากจังหวัดตา่ งๆ จากทุกๆ ภาค มักนำผ้าป่ามาทอดตามวัดต่างๆ เป็นการทำบุญไปด้วย แล้วอาศัยวัดเป็นที่พักเพื่อเท่ียวงานป๋ีใหม่เมืองไปด้วย เสียงหัวเราะ เสียงพูดกระเซ้าเย้าแหย่ท่ีออกจากปากผู้คนซึ่งเล่นน้ำอย่างสนุกสนาน จึงคละเคล้ากันไป สำเนียงพื้นเมืองบ้าง สำเนียงไทยบ้าง ท่ีทำให้ฉัน ได้ทุกคร้ังที่ได้ยิน คือคนท่ีพยายามพูดภาษาไทยกลางปนคำเมือง หรือพูด ภาษาไทยกลางด้วยสำเนยี งคนเมือง อยา่ งนี้บ้านฉนั เรียกว่า ไทยปะแลด้ วนั ทส่ี ามของประเพณปี ีใหมเ่ มืองคือวันพญาวนั วันนี้ทุกครอบครวั จะพากันไปทำบุญที่วัด ขนทรายเข้าวัด ปักตุงท่ีกองทราย สรงน้ำพระ

นทิ านของอยุ๊ 35 พอสายหนอ่ ยก็จะนำของไปดำหัวญาตผิ ู้ใหญ่ หรือผทู้ รงคุณแก่ตน “ขนทรายมาวัดทำไมละ่ อุ๊ย มนั หนกั จะตายไป” ฉันเคยเอ่ยถามอุ๊ย ในขณะท่ีเดินห้ิวน้ำคุหรือถังน้ำท่ีใส่ทรายจาก รมิ ฝั่งแม่นำ้ ปงิ ตัวเอยี งเคยี งข้างมากบั อุย๊ ในวันปใี๋ หมเ่ มืองปหี น่งึ “เวลาท่ีเราไปวัด เราเดินย่ำทรายออกมาจากวัด พอถึงวันปี๋ใหม่ เราก็ต้องขนทรายเขา้ วัดแทนทรายทีต่ ิดเท้าเราออกมาจากวัดมาท้ังป”ี “โห...ปีนึงนี่เรามีทรายติดเท้าออกมานักอย่างน้ีเลยรึไงอุ๊ย” ละอ่อน ช่างสงสัยถามต่อ “เราก็ขนเท่าที่เราจะมีกำลังทำได้ บ่ใช่ว่าทรายติดเท้าเราออกมา เท่าใด เราก็ต้องขนเข้าไปเท่าอั้น ทรายที่เราขนเข้าวัด เราก็จะได้เอาไว ้ กอ่ เจดยี ์ทราย ปักตงุ พอหมดงานปีใหม่ ตเุ๊ จ้า ท่านกจ็ ะกวาดลงพ้ืนวัดตอ่ หรืออีกหน่อยตุ๊เจ้า จะใช้ทรายทำอะไรก็บ่ต้องไปขน เพราะมีคนขนมาให้ แลว้ อยา่ งไรล่ะ” การขนทรายเข้าวัดนอกจากจะเป็นประเพณีอย่างหนึ่งแล้ว ยังเป็น การชว่ ยบำรุงรักษาวัดและอำนวยความสะดวกใหพ้ ระอกี ดว้ ย สมัยก่อนการไปดำหัวญาติผู้ใหญ่ที่อยู่ไกลบ้าน เขาจะนำของดำหัว มขี า้ วเหนยี ว ห่อนึ่ง ขนมจ็อก ขา้ วหมาก ขา้ วเกรียบ ข้าวแตน มะปราง ในซองไม้ไผ่ ผ้าขนหนูผืนเล็ก ผ้าถุง หรือผ้าขาวม้า เสื้อกล้ามตราห่านคู่ กรวยดอกไม้ธูปเทียน และน้ำขม้ินส้มป่อย ใส่สาแหรกหาบไปดำหัวญาติ ผใู้ หญ่ หากใกล้หนอ่ ยจะใส่ใน สะหลงุ (โอ หรือ ขนั ) ญาติผใู้ หญจ่ ะอวยชยั ใหพ้ รแกล่ ูกหลานผูม้ าดำหวั สำหรับละออ่ นแล้ว เรอื่ งสนุกของการดำหัวคือการไดเ้ ป็นขโยม คอย อำนวยความสะดวกให้อุ๊ยเวลาท่ีมีคนมาดำหัว คอยยกข้าวของที่มีคนมา

36 นทิ านของอยุ๊ ดำหัวไปเก็บ และแน่นอนว่าขโยมละอ่อนเหล่าน้ีย่อมได้อานิสงส์จาก ข้าวของท่ีมีคนเอามาดำหัวอุ๊ยด้วย ข้าวของเคร่ืองใช้นั้นขโยมละอ่อน ไมส่ นใจสักเท่าไหร่ แต่ขนมต่างๆ น่ีสินา่ สนใจนกั แหม...ก็ขนมต้งั มากมาย อยุ๊ จะไปกนิ หมดไดอ้ ยา่ งไรเลา่ นอกจากจะไดก้ นิ ขนมจนพงุ กางแลว้ บางครงั้ ขโยมก็จะได้เงนิ เป็นของแถมมาด้วย ตอนบา่ ย วัดตา่ งๆ จะนำขบวนศรัทธาไปดำหัว หวั วดั ใกลเ้ คียง “ดำหัวหัววัดน่ี เขาทำอย่างใดกนั จะ๊ อ๊ยุ ” ฉันมักมขี ้อขอ้ งใจใหอ้ ๊ยุ ไขปญั หาอย่างนเี้ สมอ “ดำหัวหัววัด เป็นวัดที่ร่วมกิจกรรมทางศาสนาด้วยกันมาโดยตลอด อาจอยู่ในละแวกเดียวกัน ในอำเภอเดียวกัน ต่างอำเภอ หรือต่างจังหวัด บางวัดอาจจะไปในวันพรุ่งนี้ ก็มิใช่เรื่องผิดปกติใดๆ การไปดำหัวหัววัด ใช้วิธีเดินเท้า ซ่ึงแม้อากาศจะร้อนแต่ก็สนุกสนาน ระหว่างการเดินทาง คนในขบวนกับคนในรถจะเล่นสาดน้ำโต้ตอบกันเป็นระยะๆ และคน ในขบวนเดียวกันก็จะสาดน้ำกันไปตลอดทาง หากมีขบวนดำหัวของวัดอื่น สวนทางมาก็จะเฮโลสาดน้ำกนั เป็นทีค่ รึกครนื้ สนุกสนาน พอขบวนดำหัว ไปถึงวัดใดวัดหน่ึง ละอ่อน สาวน้อย บ่าวจี๋ จะต้อนรับด้วยน้ำป๋ีใหม ่ พอหอมปากหอมคอ แล้วเชิญแขกเข้าสู่วิหารหรือศาลา ซึ่งวัดกำหนดให้ สถานทีด่ ำหัว ลุงๆ ป้าๆ ที่มากบั ขบวน จะวางของที่นำมาคารวะ ดำหัว อาวาสลงบนขันโตก หรือพานสังกะสีขนาดใหญ่ท่ีทางวัดจัดเตรียมไว้หนุ่ม สาวจะยกนำ้ ดืม่ ของกนิ เลน่ มาเล้ยี ง เจา้ อาวาสสนทนาพอเป็นพธิ ี แล้วให้ พร จากน้ันขบวนดำหัวก็เคล่ือนไปยังวัดอื่นต่อไป ขบวนดำหัว กลับถงึ วดั ราวหา้ หกโมงเยน็ คนื น้นั สาวนอ้ ย บา่ วจ๋ี ละออ่ น ท่ีรว่ มขบวน

นิทานของอยุ๊ 37 ดำหัวหัววัด รายไหนรายนั้น หลับสนิทตลอดคืน เพราะอ่อนเปล้ียเพลีย ตามๆ กัน” ถดั จากวันพญาวนั เปน็ วนั ปากป ี อาหารยอดนิยมของแทบทกุ ครัวเรือนในวนั นี้คือแกงขนนุ เพราะเชอ่ื ว่าเป็นนามมงคล กินแล้วจะหนุนนำให้ชีวิตพบส่ิงดีๆ มีความสุข ความ เจริญ ป๋ีใหม่เมืองยุติลงในวันนี้ และพรุ่งน้ีชีวิตจะดำเนินไปตามปกติ หลัง จากเฉลมิ ฉลองปี๋ใหมเ่ มืองมารว่ มสปั ดาห์ ความสุขท่ีได้รับจากการอยู่รวมครอบครัว การมีโอกาสได้กราบผู้มี พระคุณ การได้ทำบุญปี๋ใหม่เมืองท่ีวัดบ้านเกิด และมีโอกาสได้พบเพื่อน อย่างพร้อมหน้าค่าตา เป็นพลังให้ทุกคนใช้ชีวิตในปีใหม่ท่ีก้าวมาถึงอย่าง ม่นั ใจ ในชว่ งปใี๋ หมเ่ มอื งนเี้ สยี งเพลง “ดำหวั ปใี๋ หม”่ จะกกึ กอ้ งทว่ั ถน่ิ ลา้ น เปน็ สื่อแทนใจใหท้ ุกคนเขา้ ถึงประเพณีอันดงี ามของล้านนา ปี ๋ใหม่เมืองเราก็มาถึงแล้วน่อ ดำหัว ประเพณีบ่าเก่าของเราสืบมา เข้ าวัดเข้ า กำขันสะหลุงใส่ข้าวตอกดอกไม้ หื้อเปิ ้นได้ เทวบุตรเทวดาเปิ ้นมาอุดหนุน อันการทำบุญ เปิ ้นปั นพรเราก็ยกมือไหว้ เย็นอกเย็นใจ อยู่ดีกินดีตึงยามหลับยามตื่น ใจบานใจชื่น ปี ๋ใหม่เมืองเราก็มาถึงแหมแล้ว งามตึง ชุดผ้าเมืองเราก็พากันนุ่ง กำขันสะหลุง เม่ือหวนคิดถึงบรรยากาศของป๋ีใหม่เมืองขึ้นมาคราใด ฉันเป็นต้อง

38 นิทานของอุ๊ย อมยม้ิ กับความสุขในวันวานเม่อื ครั้งยงั เป็นละออ่ นทกุ ครงั้ ไป นิทานกตัญญู

นทิ านของอ๊ยุ 39 ส ี่ นิทานกตญั ญู

40 นิทานของอุย๊

นทิ านของอ๊ยุ 41 สงั คมชนบทเปน็ สงั คมทมี่ คี วามใกลช้ ดิ กนั ละออ่ นจงึ ไดร้ บั การปลกู ฝงั มาจากคนใหญ่ (ผูใ้ หญ่) ในครอบครวั อยา่ งใกล้ชิด ฉนั เองก็เช่นกนั ในเม่ือละออ่ นกบั นิทานก็เป็นของคูก่ นั อุ๊ยจงึ ใช้นิทานนแี่ หละมาเปน็ สงิ่ ล่อใจ เป็นอบุ ายในการสอนฉันอยา่ ง แยบยล นิทานแต่ละเร่ืองของอุ๊ย แฝงคำสอนและข้อคิดต่างๆ ไว้มากมาย เสมอ ส่ิงหน่งึ ท่ีอุ๊ยสอนให้ฉันยึดมน่ั คอื ความกตัญญูต่อผู้มีพระคุณ นิทานท่ีอุ๊ยเลือกมาเล่าถึงความกตัญญูนี้ก็คือนิทานเร่ือง นางอุทธ คนื หนง่ึ ในม้งุ ทมี่ ีฉนั และอุ๊ยนอนดว้ ยกัน “อุ๊ยจำได้ก่อ อุ๊ยบอกว่าคืนน้ีจะเล่านิทานเร่ืองนางอุทธลาต่อจาก เมือ่ ตะวา” ฉันทวงสัญญาอย่างน้บี ่อยๆ “โห...อุย๊ ลืมไปแล้ววา่ เลา่ ไปถึงไหน ไหน...เจ้าลองเล่าให้อ๊ยุ ฟังหนอ่ ย ว่าอ๊ยุ เล่าไปถึงไหนแล้ว อุ๊ยจะได้เล่าตอ่ ไดถ้ กู ”

42 นิทานของอุ๊ย อ๊ยุ แกล้งแหยฉ่ นั “เลา่ ใหมก่ ไ็ ด้ หนไู มเ่ บอ่ื หรอก” นิทานกบั ฉันนี่สนิทกัน เลา่ ซำ้ ๆ กีค่ ร้งั กไ็ มเ่ บือ่ “บไ่ ด๊ บไ่ ด.้ ..ถ้าจำบ่ได้ อ๊ยุ กไ็ ม่เลา่ ตอ่ หรอก” “กไ็ ด๊...ก็ได้” ฉันลอ้ เลยี นอ๊ยุ อุ๊ยหัวเราะฮึ ฮึ “อยุ๊ เลา่ วา่ มีผ้ชู ายคนหน่ึงชอื่ กปุ ปติ า มเี มยี สองคน เมยี หลวงมีลูกชอ่ื ว่าอทุ ธลา เมียนอ้ ยมลี กู ช่ือ...ชอ่ื อะหยงั นะอ๊ยุ ” บางคร้ังชื่อตัวละครในนิทานที่ยากๆ ไม่คุ้น ทำให้ละอ่อนจำยาก เหมอื นกนั “ช่อื สามา” อยุ๊ ตอบ “ออ้ ...ชือ่ สามา” ฉนั ทวนคำ “แล้วเรอ่ื งเปน็ อย่างใดตอ่ ” อยุ๊ ถาม “วันหน่ึงผู้ชายคนน้ีพาเมียทั้งสองคนออกไปหาปลา ความจริงแล้ว เมียน้อยเป็นผีพรายชอบกินของดิบๆ พอผัวจับปลาได้นางเมียน้อยก็แอบ กนิ ปลาจนหมด สว่ นเมยี หลวงพอผวั จบั ปลาขนึ้ มาไดก้ เ็ อาใสข่ อ้ งไว้ เมยี นอ้ ย คิดอยากจะกำจัดเมียหลวงเลยออกอุบายขอเปล่ียนท่ีนั่งในเรือกับเมียหลวง เมียหลวง หลงกลก็ยอมเปลี่ยนท่ีน่ังแต่บ่ได้เอาข้องใส่ปลาของตัวเองไปด้วย พอถึงบ้านกุปปิตาขอดูปลาในข้อง ข้องที่อยู่กับเมียหลวงบ่มีปลาเหลืออยู่ เลย เมียน้อยได้ทีเลยบอกว่าเมียหลวงน้ีเป็นผีพรายแอบกินปลาไปจนหมด

นิทานของอยุ๊ 43 กุปปิตาเช่ือก็เลยตีเมียหลวงจนตาย เมื่อเมียหลวงตายไปแล้วแต่ยังเป็นห่วง ลูกเลยเกิดมาเปน็ เตา่ คำ” “แลว้ อยา่ งใดต่อล่ะ” “อยา่ งใดต่อละ่ อ๊ยุ ไม่รนู้ ่ี เมื่อคนื อุ๊ยเล่าถึงตรงน้ี” “เจา้ เกง่ มาก แสดงว่าต้งั ใจฟังนิทานทอ่ี ุ๊ยเลา่ คนื น้อี ุ๊ยจะเล่าตอ่ ” “เลา่ ให้จบเรื่องเลยนะอุ๊ย” ฉันรบเร้าอย่างนี้ทุกคร้ังท่ีอุ๊ยเล่านิทานไม่จบ ให้ติดตามตอนต่อไป ในคนื ใหม่ “เอาละ่ ตงั้ ใจฟังเน่อ...” แล้วเรื่องราวก็ดำเนนิ ต่อ “แม่เต่าคำเป็นห่วงลูกมาก ว่ายน้ำไปหาลูกท่ีท่าน้ำทุกวัน นางอุทธ ก็แอบเอาอาหารไปให้แม่เต่าคำทุกวันเหมือนกัน ด้วยความรักลูกสาว ทกุ วันทเี่ จอกนั แมเ่ ตา่ คำจะขึ้นจากน้ำ มาทานำ้ มนั ผมและหวีผมใหล้ กู หวี เบาๆ อยา่ งนนั้ ทกุ วัน...ทุกวัน จนผมของนางอทุ ธลาอ่อนนุม่ เงางาม เม่ือ แม่เล้ียงเห็นผมของนางอุทธลางามเป็นเงาวับก็เกิดความสงสัย จึงแอบตาม ไปสืบ สืบไปสืบมาเลยรู้ว่าเป็นเพราะแม่เต่าคำนี้เองเป็นผู้ดูแลนางอุทธลา เห็นดังนั้นนางแม่เลี้ยงจึงคิดแผนการข้ึนมา ออกอุบายหลอกผัวว่าตนนี้เจ็บ หนัก ถ้าไม่ได้กินเนื้อเต่าคำเห็นทีต้องตายเป็นแน่ เม่ือใดได้กิน เม่ือน้ันถึง จะหาย กปุ ปติ าเช่ือเมียนอ้ ย จึงออกไปหาเตา่ คำมาให้เมยี กิน บังเอิญนาง อุทธลาเดินผ่านมาได้ยินเข้า ดังน้ัน จึงรีบไปบอกแม่เต่าให้หนีไปซ่อนตัว นางเมียน้อยรู้ จึงเฆี่ยนนางอุทธลาปางตาย แม่เต่าคำเห็นอย่างน้ีจึงทน ไม่ไหว ด้วยความรักลูก สุดท้ายต้องยอมข้ึนมาจากน้ำให้กุปปิตาจับไปฆ่า ใหน้ างเมียนอ้ ยกนิ ” “ใจร้ายจังเลยนะอุ๊ย”

44 นทิ านของอุ๊ย ฉันแสดงความคดิ เห็นขดั จังหวะ เพราะทนไมไ่ หวจรงิ ๆ ถ้าไมไ่ ดพ้ ูด มันเครียด “ฮือ่ ” อยุ๊ ตอบรบั แล้วเล่าต่อ “เม่ือนางเมียน้อยกินเต่าคำเสร็จสรรพ จึงโยนกระดองเต่าคำท้ิง ของนางอุทธลาเห็นจึงรีบว่ิงไปคาบกระดองของแม่เต่าคำมาให้อุทธลา อทุ ธลาลูบกระดองเต่าคำ รอ้ งไห้อยา่ งน่าเวทนา พอคลายทุกข์ นางอุทธลา จึงเอากระดองของแม่เต่าคำไปฝังดินไว้ ต่อจากนั้นไม่นาน ตรงที่ท่ีนาง อุทธลาฝังกระดองเต่าคำนั้นเกิดมีต้นโพธิ์ทองข้ึนมา ต้นโพธ์ิทองน้ีเป็นต้น โพธิ์ทองวิเศษ เวลาท่ีลมพัดมาจะมีเสียงดนตรีไพเราะดังขึ้นทุกคร้ัง นาง อทุ ธลากเ็ ฝ้ารดนำ้ พรวนดินดูแลต้นโพธ์ทิ องเปน็ อยา่ งดี จนโตวนั โตคืน” “โห...ตน้ โพธ์ิทองวเิ ศษคงจะงามขนาด นะอุ๊ย” “แม่นแลว้ ต้นโพธทิ์ องตน้ นีง้ ามขนาด” “แลว้ นางเมยี น้อยล่ะอยุ๊ มันทำอะไรอีก” ฉนั อยากร้ตู อนจบเรว็ ๆ อยุ๊ เลา่ ต่อ “วันหน่ึงพระราชาผ่านมาเห็นต้นโพธิ์ทอง อยากได้ไปปลูกไว้ใน พระราชวงั ใหเ้ สนา มหาอำมาตยช์ ว่ ยกนั ขดุ ชว่ ยกนั ถอน ถอนเทา่ ใดกไ็ ม่ บว่ า่ ไผ จะถอนกถ็ อนไปบไ่ ด้ นางอทุ ธลาเหน็ ดงั นน้ั จงึ คดิ ไดว้ า่ ถา้ ตน้ โพธท์ิ อง ต้นน้ีไปอยู่ในพระราชวังน่าจะดเี ป็นแน่ น่าจะมคี นดแู ลทดี่ ี คดิ ดงั นัน้ นางจงึ ขนั อาสามาชว่ ยถอนตน้ โพธทิ์ องต้นใหญ่ท่แี ผก่ ิ่ง กา้ น ใบเขียวขจี พระราชา และทุกคนต้องตะลึง เมื่อนางอุทธลาใช้แรงเพียงน้อยนิดดึง ต้นโพธิ์ทองก็ หลุดขึ้นมา นางนำเข้าไปถวายพระราชาท่ีน่ังทอดพระเนตรดูอยู่ พระราชา

นทิ านของอยุ๊ 45 เกดิ ความพึงพอใจในตัวนางอุทธลา เลยพานางเข้าไปอย่ใู นพระราชวงั ดว้ ย” “พระราชาจดั งานอภเิ ษกสมรสอยา่ งใหญโ่ ต แลว้ แตง่ ตง้ั ใหน้ างอทุ ธลา เป็นมเหสี ฝ่ายนางแม่เลี้ยงและนางสามาเห็นอย่างน้ันก็ได้แต่แค้นใจ และ เกิดความรู้สึกอิจฉานางอุทธลาเป็นอย่างมาก สองแม่ลูกช่วยกันคิดอุบาย ทจ่ี ะนำมาหลอกนางอทุ ธลา คิดไปคดิ มาก็คดิ ได้ จงึ เข้าไปในพระราชวงั แล้ว บอกนางอทุ ธลาว่าพ่อบ่สบายมาก อยากจะใหน้ างอุทธลามาเยยี่ ม นางทง้ั สองทำแสร้งเป็นโศกเศร้าเสียใจ ขอให้นางอุทธลากลับไปดูใจพ่อเป็นคร้ัง สุดท้าย นางอุทธลาหลงเชื่อรีบกลับมาบ้านหวังจะเย่ียมพ่อดังว่า นางไม่รู้ หรอกว่าสองแม่ลูกแอบต้มน้ำร้อนไว้ใต้ถุนบ้าน พอนางอุทธลาเดินเข้ามา สองแม่ลูกจึงผลักนางอุทธลาตกลงไปในหม้อน้ำร้อน นางอุทธลาทนไม่ไหว ส้ินใจตาย นางแม่เล้ียงดีอกดีใจรีบจับนางสามาลูกสาวของตนใส่เครื่องทรง ของนางอทุ ธลาแลว้ พากนั เข้าไปในพระราชวงั อย่างกระหยม่ิ ยม้ิ ยอ่ ง หวังจะ หลอกพระราชาว่าตนเปน็ นางอุทธลา” “สองแม่ลกู น่ใี จร้ายขนาดนะอยุ๊ ไม่เอ็นดนู างอุทธลาเลยเน้อ” “ฮื่อ” “แลว้ นางอทุ ธลาก็ตายไปเลยเหรออุย๊ ” “บ”่ “นางอทุ ธลานีน่ ่าเอน็ ดขู นาดเนาะอยุ๊ ” “แม่นแล้ว นางอทุ ธลานา่ เอ็นดขู นาดแต่คนดีอย่างใดกต็ ้องไดร้ ับผลดี อยูว่ ันยงั คำ่ เจา้ ฟังต่อเสียกอ่ น” “ฮื่อ” ฉันทำเสยี งเหมอื นอุ๊ย “ว่าแตน่ างสามาเขา้ วังไปแล้วเรื่องเป็นอยา่ งใดต่อละ่ อ๊ยุ ” อุย๊ มองหนา้ ฉนั ขำๆ แลว้ เล่าต่อ

46 นทิ านของอุ๊ย “แต่ก่อนน้ีนางอุทธลาเป็นคนที่อ่อนหวาน กิริยามารยาทงามนัก เป็นคนท่ีมีจิตใจที่ดีงาม นางไปทางใดมีแต่คนรักใคร่ แต่พอมาเป็นนางสา พระมเหสีตัวปลอมนี้กิริยาหยาบคาย เป็นคนที่มีจิตใจหยาบช้า พูดจา ไม่ไพเราะ ไปทางใดก็บ่มีคนรักใคร่แบบนางอุทธลา แม้แต่พระโอรสก็ยัง บ่ยอมเขา้ ใกล้ พระราชาเองก็เกิดความสงสัยว่าทำไมพระมเหสีท่ีเคยดขี นาด จึงกลายมาเป็นเช่นนี้ จึงส่งคนออกสืบจนรู้ความจริง เม่ือพระราชารู้ความ จริงพระองค์โกรธมาก จึงสัง่ ประหารชีวติ นางสามาแล้วเอาจน้ิ (เนือ้ ) ของ นางสามาทำเป็นจ้ินส้ม (แหนม) ใส่โอ่งส่งไปให้พ่อแม่ของนาง พ่อแม่ได้ โอ่งจิ้นส้มจากพระราชาก็ดีใจขนาด นึกว่าลูกสาวเป็นคนส่งมาให้ สองคน ผัวเมียกระวีกระวาดเปิดโอ่งเห็นจ้ินเน้ือเลยพากันเอาออกกินด้วยความ เอรด็ อรอ่ ย” “ อุ๊ย...นา่ กลวั ขนาดเนอ้ ” ฉันคล่นื เหยี นพรอ้ มจะอาเจยี น “เอาน่า...มันเปน็ นทิ าน” “แล้วเปน็ อยา่ งใดตอ่ ล่ะอยุ๊ ” “กนิ ไปกินมากเ็ จอแขนบ้าง นว้ิ บา้ ง สุดทา้ ยเหน็ หวั คน กต็ กใจ พอ ขึ้นมา เห็นเป็นหัวนางสามา ก็หงายหลังตึงเป็นลมไปเลย ฝ่ายนางอุทธลา เม่ือตายไปแล้วก็ไปเกิดเป็นนกแก้วสีสวยมาก นกแก้วตัวนี้จะบินมาจับกิ่ง โพธิ์ทองทุกวนั พระราชาเห็นนกแกว้ ก็แปลกใจ พระองค์มีความรู้สึกทกุ ครงั้ วา่ ทำไมเมอ่ื เหน็ นกแกว้ ตวั นแ้ี ลว้ จงึ นกึ ถงึ แตน่ างอทุ ธลาผเู้ ปน็ มเหสี พระราชา เฝ้าดูนกแก้วตัวนี้ทุกวัน ทุกวัน จนรู้ว่านกแก้วตัวนี้คือนางอุทธลาน่ันเอง พระราชาจงึ ไปขอรอ้ งใหพ้ ระฤๅษชี บุ ชวี ติ ใหน้ างอทุ ธลา พระฤๅษีเหน็ ว่าพระ

นทิ านของอยุ๊ 47 ราชาและนางอุทธลาเป็นคนดี จึงรับคำแล้วทอ่ งคาถาชบุ ชวี ติ จนนางอทุ ธลา ฟื้นคืนชีวิตมาได้ พระราชาและพระมเหสีอุทธลา พากันกราบลา พระฤๅษีด้วยความซาบซึ้งในพระคุณ สุดท้ายพระราชาและนางอุทธลาก็พา กันกลับพระราชวัง ได้อยู่ครองรักกนั อย่างมีความสขุ ตลอดไป” “อยุ๊ แลว้ นางแม่เลีย้ งล่ะ เป็นอย่างใดบา้ ง” “ออ้ เกอื บลมื เล่า” “ส่วนพอ่ กบั แม่เล้ยี งของนางอทุ ธลาก็ถกู แผน่ ดนิ สบู ตาย” “อื้อ...ถูกแผ่นดินสูบน่ีน่ากลัวนะอุ๊ย แต่ก็สมแล้วล่ะเพราะแกล้ง นางอทุ ธลาไวน้ กั ” “เจ้าเห็นหรือยังล่ะ เป็นคนดีอย่างใดก็ต้องได้ดี นางอุทธลาเป็นคน ที่มีความกตัญญู ถงึ แม้จะถูกกล่นั แกลง้ มาอย่างใด สุดทา้ ยก็ยงั มคี วามสุข” นทิ านสอนใจเกย่ี วกบั ความกตญั ญขู องอยุ๊ ยงั ไมจ่ บแคเ่ รอื่ งนางอทุ ธลา ยงั มีนทิ านอกี เรอ่ื งหนึ่งท่สี อนละออ่ นใหร้ ู้จกั มีความกตัญญูตอ่ ผมู้ พี ระคุณ วันหน่ึงฉันกำลังช่วยอุ๊ยห่ันหมาก เตรียมทำเป็นหมากแห้ง ลำพัง ให้นั่งช่วยอุ๊ยห่ันหมากหรือเรียงหมากน้ีคงจะน่าเบ่ือสำหรับละอ่อนไม่ใช่ น้อย แต่การช่วยอุ๊ยทำงานของฉันนั้นไม่น่าเบื่อเลยสักนิด เพราะอุ๊ยจะมี เรือ่ งต่างๆ มาเล่าให้ฟงั ฟงั ไปทำงานไปเพลิดเพลนิ กันดที ้ังคนฟังคนเลา่ “เจ้าต้งั ใจทำงานดีๆ กำเดียว อุ๊ยจะเล่านทิ านให้ฟัง” “วันน้ีอุ๊ยจะเล่านทิ านเรอ่ื งอะหยัง” “วนั นอ้ี ยุ๊ จะเลา่ นิทานเร่อื ง กำพรา้ บวั ตอง” “เรื่องมันเปน็ อยา่ งใดละ่ อุ๊ย” “เร่ืองเร่ิมที่ว่า แม่หมาตัวหนึ่งถูกขับออกจากหมู่บ้านในขณะที่มัน

48 นิทานของอยุ๊ ต้ังท้อง แม่หมาต้องหนีเข้าไปอยู่ในป่า แล้วก็คลอดลูกออกมาเป็นละอ่อน เป็นแม่หญิงสองคน หน้าตางดงามนัก นักงามขนาด แม่หมาต้ังช่ือลูกท้ัง สองว่า นางบัวตอง กับ นางจ๋ีบัวตอง แม่หมาเฝ้าเลี้ยงลูกทั้งสองจน เป็นสาวอายุได้ 16 ปี หนา้ ตางามทั้งค”ู่ “อยู่ในป่าแล้วแม่หมาเอาขา้ วทไี่ หนมาเลี้ยงลกู เลา่ อุ๊ย” ฉนั ซกั ข้ึนด้วยความสงสัย “แม่หมาก็แอบเข้ามาในหมู่บ้าน ใครเผลอแม่หมาก็จะย่องไปคาบ เส้ือผ้า คาบอาหารกลับเข้ามาในป่าให้ลูกใส่ ให้ลูกกิน ทำอย่างนั้นทุกวัน จนลูกใหญ”่ “แสดงว่าแม่หมารักลูกขนาดนะอุ๊ย อุตส่าห์ว่ิงมาจากในป่าเข้ามาใน หมูบ่ า้ นทุกวัน” ฉันออกความคิดเห็น “ข้ึนช่ือว่าเป็นแม่ก็รักลูกกันท้ังน้ัน ไม่ว่าคนว่าสัตว์น่ะ แม่หมาก็รัก ขนาด ถึงแม้ว่านางจี๋บัวตองจะขออาสาเป็นคนไปหาอาหารมาให้ แต่แม่ หมาก็บย่ อม เพราะกลัววา่ ลูกจะได้รับอันตราย วันหนึ่งแม่หมาก็ออกไปหา อาหารมาใหล้ กู ทงั้ สองเหมอื นอยา่ งทกุ วนั มพี ระราชาหนมุ่ ผา่ นมา พระราชา ออกประพาสป่า จนได้พบกับสองพ่ีน้อง บัวตองกับจี๋บัวตอง พอพบปุ๊บ กเ็ กดิ รกั ใครน่ างทง้ั สองทนั ที พระราชาจงึ ขอใหน้ างทง้ั สองไปเปน็ ชายาในวงั ” “อ้าว...แลว้ แมห่ มาละ่ อุย๊ จะรู้ไดอ้ ยา่ งใดว่าลกู หายไปไหน” “ก็นั่นล่ะ นางจ๋ีบัวตองสุดแสนจะเป็นห่วงแม่ แต่นางบัวตองนั้น ไปใช้ชวี ติ ทีส่ ุขสบายในวงั นางจบ๋ี ัวตองขดั พส่ี าวบไ่ ด้ กเ็ ลยตอ้ งตามไปอยู่ใน วังด้วยกัน ก่อนไปนางจี๋บัวตองอธิษฐานขอให้รุกขเทวดาท่ีอยู่ในป่าช่วย ปกป้องดูแลแม่ของตน พอไปอยู่ในวังแล้วพระราชาอภิเษกสองพ่ีน้องเป็น ชายา สรา้ งปราสาทใหค้ นละหลงั เลย้ี งดทู ง้ั สองพนี่ อ้ งอยา่ งดมี ขี า้ ทาสบรวิ าร

นิทานของอุ๊ย 49 รับใช้ บต่ อ้ งลำบากเหมือนตอนอยู่ในป่า ฝา่ ยแม่หมากลับมาจากหาอาหาร ไมเ่ ห็นลกู กเ็ สยี ใจเป็นทส่ี ุด ว่งิ ตามหาลูกทวั่ ป่าแตก่ ็บเ่ จอ” “โถ...เหน่อื ยแยเ่ ลย แลว้ แม่หมาทำอย่างใดตอ่ ละ่ อุ๊ย” “แมห่ มาก็คอ่ ยๆ ดมกล่ินลูก ดมตามกลน่ิ ไปจนถึงในวัง” “เฮ้อ...ดีละ นึกว่าจะบ่เจอลูกซะแล้ว แล้วเร่ืองเป็นอย่างใดต่อล่ะ “เจา้ อยา่ ฟงั อยา่ งเดยี ว เรียงหมากไปดว้ ยละ่ ” อ๊ยุ กำชบั “จ้าๆ อยุ๊ เลา่ ตอ่ ด้วยส”ิ “แม่หมาดมกลิ่นตามไปจนเจอปราสาทของนางบัวตองผู้พี่ แต่นาง บัวตองอบั อาย กลัววา่ คนจะรูว้ ่านางมีแมเ่ ปน็ หมากเ็ ลยสง่ั ให้คนทบุ ตี ไล่แม่ หมาไป แม่หมาซมซานไปหานางจี๋บัวตอง นางจ๋ีบัวตองดีใจมากท่ีแม่หมา ตามหาตนเจอ จัดการหาข้าวปลาอาหารเล้ียงดูแม่หมาเป็นอย่างดีบน พอดีกับที่พระราชาเสด็จมาหานางจ๋ีบัวตอง นางกลัวว่าพระราชาจะรังเกียจ แม่ของนาง จึงพาแม่หมาไปซ่อนไว้ในหีบ เม่ือพระราชาถามว่าในหีบน้ันมี อะหยัง นางจ๋ีบัวตองมัวแต่อึกอักด้วยความตกใจ พระราชาก็เลยเปิดหีบ ออกดู” “อา้ ว...แล้วแมห่ มาจะทำอย่างใดเลา่ อุย๊ ” “พอพระราชาเปิดหีบข้ึนแทนท่ีจะเจอแม่หมาก็กลายเป็นว่าเจอ ทองคำแทน” “โหะ...แม่หมาหายไปไหนแลว้ ละ่ อุ๊ย” “แม่หมากล้ันใจตาย เพราะความสงสารลูกกลัวลูกจะได้รับโทษ พระอินทร์ท่านรับรู้ความดีของแม่หมาก็เลยพาเอาดวงวิญญาณของแม่หมา ไปสวรรค์ ท้ิงทองคำแทนร่างของแม่หมาไว้ในหีบนั้น พอพระราชาถามว่า นางไปเอาทองคำมาจากไหน นางจ๋ีบัวตองก็ตอบว่านางเอามาจากในป่าที่ นางเคยอย”ู่


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook