26 มกราคม 2517 พระบาทสมเด็จพระเจาอยูหัว เสด็จพระราชดําเนิน ทรงเยี่ยม ราษฎร ที่บา นหว ยปลาหลด ตาํ บลดา นแมละเมา อาํ เภอแมส อด จงั หวดั ตาก และชุมชนใกลเคยี ง ทรงมพี ระราชกระแสแนะนาํ ชาวบานใหปลูกตนไม พันธตุ างๆ เพือ่ อนรุ กั ษด ินและนา้ํ ปลูกพืชท่ที าํ รายไดทดแทนการปลูกฝน เชน กาแฟ เปน แรงบนั ดาลใจใหชาวบา นหนั มาปลูกกาแฟ และพชื ชนิดอืน่ ๆ นําไปสกู ารดูแลรักษาปา อีกทง้ั ยงั เปนรายไดใหก บั ชาวบาน ปจจุบันบานหวยปลาหลดเปนพิพิธภัณฑ วนเกษตรยั่งยนืธรรมชาตจิ ดั การนาํ้ ชมุ ชน ตามแนวพระราชดาํ ริ
คํานาํ พระราชดําริของพระบาทสมเด็จพระเจาอยูหัว พระราชทานเม่ือวันท่ี 25 กรกฎาคม 2554 ความวา “การจดั การนา้ํ ชมุ ชนนนั้ เหน็ ความสาํ เรจ็ ในบางชมุ ชนแลว ใหช มุ ชนชาวบา น ทม่ี คี วามรู ประสบความสาํ เรจ็ มปี ระสบการณ จดั การและพฒั นานา้ํ ในพ้ืนท่ี มาชว ยขยายผลไปยงั ชมุ ชนอน่ื ” มลู นธิ อิ ทุ กพฒั น ในพระบรมราชปู ถมั ภ จงึ ไดน อ มนาํ แนวพระราชดาํ ริ เพอื่ ดาํ เนนิ งานสรา งตวั อยา งความสาํ เรจ็ ของการจัดการทรัพยากรนํ้า เกิดเปนเครือขายพัฒนาการจัดการนํ้าชุมชน ตามแนวพระราชดําริ โดยใชแนว พระราชดําริ กรอบคิด กรอบงาน และหลักการทรงงาน เชน การพ่ึงตนเอง คิดเช่ือมโยงกัน ใชธรรมชาติแกธรรมชาติ ทํางานใหเหมาะสมกับพ้ืนท่ี หรือภูมิสังคม ลงมือทําและสรางตัวอยางความสําเร็จ สามารถถายทอดและขยายผล ความสาํ เรจ็ สชู มุ ชนอน่ื ผา นตวั อยา งความสาํ เรจ็ ในรปู แบบ “พพิ ธิ ภณั ฑธ รรมชาตจิ ดั การนา้ํ ชมุ ชน ตามแนวพระราชดาํ ร”ิ ซง่ึ ไดด าํ เนนิ งานไปแลว ใน 5 พนื้ ที่ ไดแ ก วงั บวั แดง จงั หวดั หนองคาย ชมุ ชนศาลาดนิ จงั หวดั นครปฐม ขา ยลมุ นาํ้ แมล ะอปุ จังหวัดเชยี งใหม ชมุ ชนคลองรงั สติ จังหวดั ปทุมธานี และชมุ ชนบา นหวยปลาหลด จังหวดั ตาก พิพิธภัณฑธรรมชาติจัดการนํ้าชุมชน ตามแนวพระราชดําริ ใชพื้นท่ีจริงของชุมชน สําหรับอธิบายผานแผนที่ เพอื่ ใหเ หน็ ภาพความเปลย่ี นแปลง เปน เครอื่ งมอื ถา ยทอดความรู จากความสาํ เรจ็ ของชมุ ชน โดยใหช มุ ชนเปน ผถู า ยทอด ความรูดวยตนเอง เปนการพัฒนาบุคลากรในชุมชน ใหสามารถถายทอด และบอกเลาเร่ืองราว พรอมท้ังจัดทําคูมือ เน้ือหา และแผนท่ี เพื่ออธบิ ายความสําเร็จของการจดั การนํา้ ชมุ ชนในแตล ะพน้ื ที่ ผลจากการดาํ เนนิ งาน “พพิ ธิ ภณั ฑธ รรมชาตจิ ดั การนาํ้ ชมุ ชน ตามแนวพระราชดาํ ร”ิ นน้ั มคี วามแตกตา งกนั ไป ตามลกั ษณะภมู ปิ ระเทศ และสงั คม ตลอดจนวฒั นธรรมของชมุ ชน แตล ะชมุ ชนมวี ธิ กี ารบรหิ ารจดั การในลกั ษณะเฉพาะ ท่ีสอดคลองกับสภาพทองถิ่นและวิถีชีวิตของตนเอง และมาจากฐานภูมิปญญาทองถ่ินที่ตางกัน ท้ังหมดน้ีนับเปน องคความรูสําคัญใหชุมชนตางๆ สามารถนํามาปรับใชบริหารจัดการทรัพยากรน้ําใหเหมาะสมกับชุมชนของตนได เปนอยา งดี หนงั สอื “พพิ ธิ ภณั ฑธ รรมชาติ จดั การนาํ้ ชมุ ชน ตามแนวพระราชดาํ ร”ิ จงึ เปน สอื่ สงิ่ พมิ พท รี่ วบรวมบทเรยี นรู ดา นการบรหิ ารจดั การทรพั ยากรนา้ํ ของเครอื ขา ยชมุ ชนทไ่ี ดด าํ เนนิ งานและจดั ตงั้ เปน พพิ ธิ ภณั ฑธ รรมชาติ จดั การนา้ํ ชมุ ชน ซงึ่ เปน แบบอยา งความสาํ เรจ็ ของการนอ มนาํ แนวพระราชดาํ รมิ าประยกุ ตใ ชใ นการพฒั นาพนื้ ท่ี ปจ จบุ นั ดาํ เนนิ งานไปแลว ใน 5 พนื้ ที่ พรอ มถา ยทอดและเผยแพรข อ มลู ความรู สสู าธารณชนทว่ั ไป ซงึ่ จะเปน การขยายผลความสาํ เรจ็ ของการจดั การ ทรพั ยากรนา้ํ ชุมชนอยางยั่งยนื ไดอ กี ทางหน่ึง คณะกรรมการ เสรมิ สรา งและสนบั สนนุ ความเขา ใจ ในการจัดการทรพั ยากรน้ําชมุ ชน ตามแนวพระราชดาํ ริ
สารบัญ บานหว ยปลาหลด ตําบลดา นแมล ะเมา อาํ เภอแมส อด จงั หวัดตาก สภาพปญหาและจุดเปลี่ยนแปลง..........................................................1 ชาวมูเซอกับวนเกษตร และการฟนฟูปาอยางย่ังยืน..............................3 จาก “กรอบคดิ ” และ “กรอบงาน” สูการจดั การนา้ํ ชุมชน 01 ตามแนวพระราชดําริ.............................................................................4 งานอนุรักษและงานพัฒนา....................................................................4 ผลสําเร็จ................................................................................................5 เครือขายลมุ นํ้าแมล ะอปุ จงั หวัดเชยี งใหม สภาพปญ หาและจดุ เปลยี่ นแปลง.........................................................13 จาก “กรอบคิด” และ “กรอบงาน” สกู ารจัดการนํา้ ชมุ ชน ตามแนวพระราชดาํ ริ...........................................................................15 13 งานอนุรักษและงานพัฒนา..................................................................15 ผลสาํ เรจ็ ..............................................................................................16 คลองรงั สิต จังหวดั ปทุมธานี สภาพปญหาและจุดเปล่ียนแปลง........................................................24 จาก “กรอบคิด” และ “กรอบงาน” สูการจัดการน้าํ ชมุ ชน 24 ตามแนวพระราชดาํ ริ...........................................................................27 งานอนุรักษและงานพฒั นา..................................................................27 ผลสาํ เรจ็ ..............................................................................................28 บา นศาลาดิน ตําบลมหาสวัสดิ์ อาํ เภอพทุ ธมณฑล จงั หวดั นครปฐม สภาพปญหาและจุดเปล่ียนแปลง........................................................36 จาก “กรอบคิด” และ “กรอบงาน” สูก ารจดั การนา้ํ ชุมชน 35 ตามแนวพระราชดาํ ริ...........................................................................37 งานอนรุ กั ษและงานพฒั นา..................................................................37 ผลสาํ เรจ็ ..............................................................................................38 วงั บัวแดง จังหวดั หนองคาย สภาพปญหาและจุดเปล่ียนแปลง........................................................50 จาก “กรอบคิด” และ “กรอบงาน” สูการจัดการนํ้าชุมชน 50 ตามแนวพระราชดําริ..........................................................................51 งานอนรุ กั ษแ ละงานพฒั นา..................................................................52 ผลสาํ เร็จ..............................................................................................54
วนเกษตร ตอบาําํ าเบภนลอดหแามนวสแยอมดลปะจลเมังหาาวหดั ลตาดก ยัง่ ยืน สภาพปญหาและจดุ เปล่ยี นแปลง ปาเสอ มโทรม–กรมอทุ ยานฯ ขอพน้ื ที่คนื เมื่อ 60 ปกอน ชาวมูเซอดำยายถิ่นฐานมาตั้งรกราก ที่บานหวยปลาหลด อ.แมสอด จ.ตาก เริ่มทำมาหากินดวย การปลกู และคา ฝน และทำไรเ ลอ่ื นลอย จงึ ทำใหป า เสอ่ื มโทรม ดนิ เส่อื มสภาพ และเกิดความแหงแลง ตอมาอุทยานแหงชาติตากสินมหาราชไดประกาศใหชุมชน บา นหว ยปลาหลด คนื พน้ื ทป่ี า จงึ เปน จดุ เปลย่ี นใหช มุ ชนหนั มา รวมกันดูแลรักษาปาตนน้ำ เพื่อใหปากลับมาอุดมสมบูรณ อกี ครง้ั อดีต 1 พิพิธภัณฑธรรมชาติจัดการน้ําชุมชน ตามแนวพระราชดําริ
วันที่ 26 เดือนมกราคม พ.ศ. 2517 พระบาทสมเด็จ พระเจาอยูหัว เสด็จพระราชดำเนินทรงเยี่ยมราษฎร ที่บาน หว ยปลาหลด ตำบลดา นแมล ะเมา อำเภอแมส อด จงั หวดั ตาก และชุมชนใกลเคียง ทรงมีพระราชกระแส แนะนำชาวบาน ใหปลูกตนไมพันธุตางๆ เพื่ออนุรักษดินและน้ำ และปลูกพืช ทท่ี ำรายไดท ดแทนการปลกู ฝน เชน กาแฟ เปน แรงบนั ดาลใจ ใหช าวบา นหนั มาปลกู กาแฟ และพชื ชนดิ อน่ื ๆ นำไปสกู ารดแู ล รักษาปา อีกท้งั ยงั เปน รายไดใ หกบั ชาวบาน บานหวยปลาหลด ตําบลดานแมละเมา อําเภอแมสอด จังหวัดตาก 2
ปจจุบนั ชาวมูเซอกบั วนเกษตร และการฟน ฟูปาอยา งย่ังยืน ชุมชนบานหวยปลาหลด มีพื้นท่ีอยูในเขตอุทยาน รองรับสินคาเกษตร ไมผานพอคาคนกลาง สรางรายไดใหกับ แหง ชาตติ ากสนิ มหาราช ชาวบา นไดร ว มกนั ฟน ฟปู า เสอื่ มโทรม ครวั เรอื น ประมาณ 20,000 - 35,000 บาทตอ เดอื น ใหกลับมาอุดมสมบูรณดวยหลักวนเกษตร เนนปลูกพืช การทาํ เกษตรผสมผสานควบคไู ปกบั การอนรุ กั ษป า หลากหลายชนิดเพื่อเสริมพ้ืนท่ีปา และไมใชสารเคมีในการ ภายใตกฎกติการวมกัน มีน้ําเพียงพอตอการเกษตร และการ เพราะปลูก อาศัยการเกื้อกูลกันของพืชแตละประเภท อปุ โภคบรโิ ภคตลอดป ผสานแนวคดิ ภมู ปิ ญ ญาทอ งถนิ่ ในการ เชน ไมย นื ตน ใหร ม เงา และสรา งความชมุ ชนื้ ใหก บั พชื ดา นลา ง อนรุ กั ษด นิ นา้ํ ปา ทาํ ใหป า ชมุ ชนบา นหว ยปลาหลด เปรยี บเสมอื น ลดการใชน้ําและแรงงานในการดูแล ชวยรักษาคุณภาพดิน ซุปเปอรมารเก็ต ชุมชนไดพ่ึงพิงปาจากความหลากหลาย และนํ้า สรางความสมดุลของระบบนิเวศในบริเวณโดยรอบ ของพชื และสตั ว โดยเปน แหลง อาหาร และไมใ ชส อยทช่ี าวบา น ผลผลติ ทไ่ี ดส าํ หรบั บรโิ ภคในครวั เรอื นเปน หลกั และแบง ปน ไดใ ชป ระโยชน ชาวบา นชมุ ชนบา นหว ยปลาหลดจงึ มคี ณุ ภาพ ใหก บั เพอื่ นบา น หรอื นาํ ไปขายเพอ่ื สรา งรายได พชื เศรษฐกจิ ชวี ติ บนพนื้ ฐานความสมดลุ ของทรพั ยากรธรรมชาติ และสามารถ สาํ คญั ของชมุ ชน ไดแ ก กาแฟอาราบกิ า หนอ ไม มะขามปอ ม พง่ึ พาตนเองไดอ ยา งยงั่ ยนื และฟก แมว ชาวบา นจะนาํ ไปขายทต่ี ลาดมเู ซอ ซง่ึ เปน แหลง 3 พิพิธภัณฑธรรมชาติจัดการน้ําชุมชน ตามแนวพระราชดําริ
รปะาบตบนจนัดํา้ การ เแคมรล ือะขอาุปยลุมนา้ํ จังหวดั เชยงใหม สภาพปญหาและจุดเปลีย่ นแปลง ปญ หาทด่ี ินทํากิน การบกุ รุกปา ขาดแคลนนาํ้ ชุมชนเครือขายลุมนํ้าแมละอุป เปนชุมชนเผา ปกา เกอะ ญอ (กะเหรี่ยง) มีการต้ังถิ่นฐานมาตั้งแตป พ.ศ. 2350 ตั้งอยูในเขตพ้ืนที่ลุมนํ้าช้ันท่ี 1A ซ่ึงเปนพื้นท่ีอนุรักษ และไมม เี อกสารในทท่ี าํ กนิ ของตวั เอง ทาํ ใหเ กดิ ความไมช ดั เจน ในท่ีทํากิน และพื้นที่ปาอนุรักษมาโดยตลอด นอกจากกนี้ การขยายตวั ของประชากรทเ่ี พม่ิ ขน้ึ ทาํ ใหเ กดิ ปญ หาของการใช ทรพั ยากรธรรมชาตไิ มถ กู ตอ ง มกี ารบกุ รกุ พนื้ ทปี่ า เพอ่ื ใชเ ปน ที่ทํากิน ทําใหปาเร่ิมเส่ือมโทรม ปริมาณนํ้าลดลงในบางปี การทาํ เกษตรไดผ ลผลติ ไมเ พยี งพอ สตั วป า และสตั วน าํ้ ทเ่ี ปน ดัชนีช้ีวัดความอุดมสมบูรณของผืนปาลดลง ชาวบาน พน้ื ทปี่ าถกู แพวถาง ผนื นาแหงแลง ทำไรเลือ่ นลอย 13 พิพิธภัณฑธรรมชาติจัดการนํ้าชุมชน ตามแนวพระราชดําริ
เกิดการแบงฝายเปน 2 กลุม คือกลุมที่เห็นความสําคัญของ สะอาด คือ โรงสีขาวพลังน้ําชุมชน และระบบไฟฟาพลังนํ้า ทรัพยากรธรรมชาติ และกลุมที่เขาไปรับจางนายทุนลักลอบ เพื่อลดการใชพลังงานเชื้อเพลิง และนํารายไดมาเปนกองทุน ตัดไม จนในที่สุดปญหาการขาดแคลนน้ําก็เขาสูภาวะวิกฤต เครือขาย ป 2538 ชาวบานรวมตัวทําประชาคมหมูบาน สวนสําคัญคือ การจัดทําระบบขอมูลแผนท่ีชุมชน รวมกันขับไลคนของนายทุนท่ีมาตัดไมออกจากชุมชน เสนทางนํ้า แนวเขตท่ีทํากิน แนวเขตปาชุมชน และการใช และจัดทําระเบียบการดูแลรักษาปาตนน้ําของแตละหมูบาน ประโยชนท ดี่ นิ ในรปู แบบตา งๆ ใหเ กดิ ความชดั เจนในระดบั ชมุ ชน ตอมาป 2544 ไดรวมตัวเปนเครือขายลุมนํ้าแมละอุป ทาํ ใหช มุ ชนมเี อกสารอา งองิ ของตนเองทช่ี ดั เจนและเปน ระบบ อยา งชดั เจน มกี ารจดั การทรพั ยากรธรรมชาตใิ นพน้ื ทเี่ ครอื ขา ย สามารถใชในการวางแผนบริหารจัดการทรัพยากรปาตนน้ํา โดยฟนฟูปาตนนํ้า สรางฝายภูมิปญญา สรางแนวกันไฟ และผลกั ดนั ใหเ กดิ ขอ ตกลงความรว มมอื ระหวา งภาคเี ครอื ขา ย บวชปา กําหนดพ้ืนท่ีอนุรักษสัตวน้ําระยะทาง 4 กิโลเมตร ระดับอําเภอ เรื่องการอนุรักษพ้ืนที่แนวเขตปาตนน้ํา เพอ่ื เปน แหลง ขยายพนั ธปุ ลาในลาํ หว ย ทาํ เสน ทางศกึ ษาธรรมชาติ และแนวเขตท่ที าํ กนิ อยางชดั เจน และปาสะดือ (ตนไมสายใยชีวิต) รวบรวมภูมิปญญาชนเผา ปกา เกอะ ญอ ในการจัดการทรัพยากรดิน นํ้า ปา สัตวปา และถา ยทอดสเู ยาวชนผา นบทธา (บทกวชี นเผา ) ทาํ ใหต วั ชว้ี ดั ความอุดมสมบูรณ อยางชะนี ปลากาง กบจุก ปูกามเหลือง กลบั คนื มา นอกจากนี้ ชมุ ชนไดน าํ พลงั นาํ้ มาใชเ ปน พลงั งาน เวทแี ลกเปลย่ี นแนวคดิ ชมุ ชน เครอื ขา ย เพอื่ วางแผนฟนฟู และอนรุ ักษทรัพยากรปาตน นา้ํ เครือขายลุมน้ําแมละอุป จังหวัดเชียงใหม 14
จาก “กรอบคดิ ” และ “กรอบงาน” สูการจดั การน้ําชุมชน ตามแนวพระราชดําริ กรอบคิด กรอบงาน ชมุ ชนเรม่ิ พง่ึ ตนเองโดยการสรา งระบบโครงสรา งนาํ้ ภายใน ประยกุ ตใ ชเ ทคโนโลยสี ารสนเทศเพอ่ื บรหิ ารจดั การพนื้ ทปี่ า ชมุ ชนเอง เชน ระบบนา้ํ เพอื่ อปุ โภค และบรโิ ภค คดิ เชอื่ มโยง และทรพั ยากรนาํ้ สามารถจดั แบง ขอบเขต การดาํ เนนิ งาน วถิ ชี วี ติ ภมู ปิ ญ ญา และการพงึ่ พงิ ปา เพอื่ อนรุ กั ษท รพั ยากร อนุรักษ ฟนฟูปาตนนํ้า พรอมกับกําหนดกติกาเพื่อให ปา ไม ใหส อดคลอ งกบั ภมู สิ งั คม ตอ ยอดพน้ื ทเี่ ปน ปา เศรษฐกจิ ชมุ ชนสามารถใชท รพั ยากรรว มกนั อยา งเทา เทยี ม และเปน ธรรม ท่ีสรางรายไดกับชุมชน เกิดการมีสวนรวมในการอนุรักษ นอกจากน้ียังนําไปสูการวางแผนการผลิต และเกิดเปน ฟน ฟูพน้ื ทป่ี ากลบั มาอดุ มสมบูรณ วิสาหกิจชุมชน สรางรายไดจากผลผลิต การเกษตรชุมชน เขม แขง็ และเกดิ เครอื ขา ยการดาํ เนินงานอยางตอ เนอ่ื ง งานอนรุ ักษและงานพฒั นา จดั ทาํ แผนทก่ี ารใชประโยชนท่ีดิน อยางมีสว นรว มโดยภาคประชาชน ตน แบบการจดั ทาํ ขอ มลู และแผนทก่ี ารใชป ระโยชน ทด่ี นิ ระดบั อาํ เภอ โดยใชก ระบวนการซง่ึ ชมุ ชน และเครอื ขา ย เปน ผสู าํ รวจและจดั ทาํ แผนทดี่ ว ยตนเอง ครอบคลมุ ครบทงั้ 3 ตําบล ในอําเภอกัลยาณิวัฒนา เปนอําเภอแรกของ ประเทศไทย โดยประยุกตใชเทคโนโลยีสารสนเทศ ภูมิศาสตร จัดทําแผนท่ีการใชประโยชนที่ดิน ใหเกิดความ ชัดเจนในระดับชุมชน ไดแก สามารถใชวางแผนบริหาร จดั การทรพั ยากรปา ตน นา้ํ ขยายผลใหเ กดิ เวทลี งนามรบั รอง แผนท่ี ขอตกลงความรวมมือระหวางภาคีเครือขายระดับ อําเภอ และแผนบริหารจัดการทรัพยากรปา ตนนาํ้ รว มกัน 15 พิพิธภัณฑธรรมชาติจัดการน้ําชุมชน ตามแนวพระราชดําริ
ปรบั เปลี่ยนแนวคิดเร่อื งการสรา งภูมคิ มุ กนั ดา นอาชพ พัฒนาแนวคิดในการทําเกษตรผสมผสานแบบยังชีพ วนเกษตรพึ่งพิงปา และแปลงเกษตรอินทรียตัวอยาง เพ่ือใหเกิดภูมิคุมกันดานอาชีพ มีการจัดทําแผนผังรายแปลง แผนการผลิต และขอมูลบัญชีครัวเรือน แสดงผลเร่ือง การลดตนทุน ลดรายจาย และสรางรายไดเสริมตลอดป สะทอนดัชนีชี้วัดความสุขครัวเรือน สามารถวางแผนชีวิตได ในระยะยาว ไมตองอพยพออกนอกถิ่นฐาน ครอบครัวอบอุน เกิดความม่ันคงดานอาชีพ ความม่ันคงดานอาหาร และ ความม่นั คงของชีวิต ผลสาเร็จ 1 อแผยนางทม่ีกสี าวรในชรป ว รมะโโยดชยนภทา่ดีคินประชาชน การจดั ทาํ ขอ มลู และแผนทกี่ ารใชป ระโยชนท ดี่ นิ อยางมีสวนรวมจากภาคประชาชน ของเครือขายลุมนํ้า แมล ะอปุ สามารถใชใ นการวางแผนบรหิ ารจดั การทรพั ยากร ปาตนน้ํา และผลกั ดนั ใหเ กดิ ขอ ตกลงความรว มมอื การลงนาม รับรองแผนท่ี แผนบริหารจัดการทรัพยากรปาตนน้ํา รวมกัน โดยชุมชนไดประยุกตใชเทคโนโลยีสารสนเทศ ภูมิศาสตรในการรวบรวมขอมูล และจัดทําแผนที่การใช ประโยชนทด่ี ิน ดงั ตอ ไปน้ี 1. แผนที่ขอบเขตชมุ ชน 2. แผนท่ีขอบเขตปาอนรุ ักษ 3. แผนที่ขอบเขตปา ใชส อย 4. แผนทีข่ อบเขตปา ฟนฟู 5. แผนที่ขอบเขตไรหมุนเวยี น 6. แผนทข่ี อบเขตพน้ื ท่ที ํากนิ รายแปลง เครือขายลุมน้ําแมละอุป จังหวัดเชียงใหม 16
ผลการเปล่ยี นแปลงตนแบบการจดั ทําแผนท่ีการใชประโยชนที่ดิน อําเภอกลั ยาณิวฒั นา • เกิดตนแบบการจัดการทําขอมูล และแผนที่การใช ประโยชนท่ีดินระดับอําเภอ (อําเภอกัลยาณิวัฒนา) เปนอําเภอแรกของประเทศไทย โดยชาวบานเปนผูสํารวจ และจดั ทาํ แผนทด่ี วยตนเอง • เกดิ แผนทร่ี วมระดบั ลมุ นา้ํ จากเครอื ขา ยเดมิ และเครอื ขา ย ขยาย 37 ชุมชน 3 ตําบล 4 ลุมนํ้า ครอบคลุมพื้นท่ี 403,054.20 ไร และจัดทําเอกสารแผนที่รายแปลง (โฉนดชมุ ชน) จาํ นวน 6,282 แปลง • เกดิ บนั ทกึ ขอ ตกลง กตกิ า กฎระเบยี บ การรบั รอง แผนท่ี และแผนบรหิ ารจดั การทรพั ยากรปา ตน นาํ้ รว มกนั ของภาคี เครอื ขา ยตาํ บลแจม หลวง ระหวา งเครอื ขา ยลมุ นาํ้ แมล ะอปุ 4 ชุมชน ระดับตําบล ระดับอําเภอ และหนวยงานอื่นๆ ทีเ่ กย่ี วของ ผลสา เรจ็ จากการทําแผนทก่ี ารใชป ระโยชนท ด่ี นิ ฉบับ ปกา เกอะ ญอ • ความสําคัญและจําเปนในการทําแผนท่ีของชุมชน เครอื ขา ย • เกิดตัวอยางแนวคิดและวิธีการอนุรักษฟนฟูทรัพยากร ปา ตนนํา้ อยา งเปน เครือขา ย • พัฒนากระบวนการจัดทําแผนท่ีการใชประโยชนท่ีดิน ดวยตวั ชุมชนเอง • เกดิ การลงนามรบั รองแผนทฯี่ และสรา งขอ ตกลงรว มกนั • เกดิ การมีสวนรวมของชมุ ชนและเครอื ขายขยายผล • เกดิ ความถกู ตอ ง ความมน่ั คง ความสขุ ของชวี ติ และชมุ ชน 17 พิพิธภัณฑธรรมชาติจัดการน้ําชุมชน ตามแนวพระราชดําริ
2 แฟลน ะฟเพอู ม่ิ นแุรหักลษง ปสา า รองน้าํ ฝายระบบกรองธรรมชาติ 3 ชน (กรองหยาบ / กรองละเอียด / เกบ็ สารองนํ้า) เครอื ขา ยลมุ นา้ํ แมล ะอปุ ไดร ว มกนั อนรุ กั ษท รพั ยากรปา ตน นา้ํ โดยการสรา งฝายภมู ปิ ญ ญาในพนื้ ทล่ี าํ หว ยตา งๆ ทาํ ใหเ กดิ ขอ สงั เกต และไดร ว มกนั ทาํ วจิ ยั ฝายระบบกรองธรรมชาติ 3 ชน้ั (กรองหยาบ กรองละเอยี ด และระบบสาํ รองนา้ํ ) ในพ้ืนท่ีหวยโกะโกละ สามารถใชประโยชนในการดักกรองตะกอน กักเก็บความชุมช้ืนสูชั้นดิน ชะลอการไหลของน้ํา ในฤดูนํ้าหลาก ชวยฟนฟูระบบนิเวศปาตนน้ํา เปนแหลงอนุบาลสัตวนํ้า แหลงนํ้าของสัตวปา และแหลงนํ้าของตนไม ในระบบนเิ วศ เพมิ่ ปรมิ าณนาํ้ สาํ รอง พฒั นาระบบกกั เกบ็ และสง นาํ้ ระบบสาํ รองนา้ํ เพม่ิ ปรมิ าณนาํ้ ตน ทนุ เพอื่ การอปุ โภค บริโภค การทําเกษตรครัวเรือน ซ่ึงเปนการพัฒนาแนวคิดในการทําฝายของชาว ปกา เกอะ ญอ ท่ีทํากันอยู ใหสามารถ เช่อื มตอ กนั อยางเปน ระบบ • ฝายระบบกรองธรรมชาติ 3 ชนั้ (กรองหยาบ กรองละเอยี ด และระบบสาํ รองนา้ํ ) ใชบ รหิ ารจดั การระบบเหมอื งฝาย ในพนื้ ทหี่ ว ยโกะ โกละ จาํ นวนรวม 76 ฝาย ระยะทาง 2.35 กโิ ลเมตร เพอ่ื ฟน ฟสู ภาพปา ตน นาํ้ และเพมิ่ ปรมิ าณนาํ้ สาํ รอง ใหก ับชุมชน • ฝายระบบกรองหยาบและฝายระบบกรองละเอียด รวม 49 ฝาย สามารถเพิ่มความชุมชื้นใหกับพื้นท่ีปาตนนํ้าได 4.9 ลาน ลบ.ม. ตอ ป • ฝายระบบสาํ รองนา้ํ จาํ นวน 27 ฝาย เพม่ิ แหลง กกั เกบ็ นาํ้ ใหก บั ความตอ งการใชน าํ้ ชมุ ชนบา นแมล ะอปุ 65 ครวั เรอื น ไดถ ึง 123,000 ลิตร (123 คิว) สามารถสํารองนา้ํ ไวใชใ นชุมชนได 4.7 วนั และมนี ้าํ ในลําหว ยตลอดทั้งป • ขยายแนวคิดในการอนุรักษฟนฟูแหลงนํ้า ในพ้ืนท่ีเครือขาย 3 ลุมนํ้า รวม 8 ชุมชน จํานวน 12 ลําหวย เกิดฝาย รูปแบบตางๆ จํานวน 119 ฝาย และปลูกไมเสริมลําหวยจํานวน 2,500 ตน สามารถเพิ่มความชุมช้ืนใหกับพ้ืนที่ ปา ตน นํา้ ได 11.9 ลาน ลบ.ม. ตอป เครือขายลุมนํ้าแมละอุป จังหวัดเชียงใหม 18
ระบบผันและกระจายนํ้าบนพนื้ ท่ีสงู ภมู ปิ ญ ญาในการผนั และกระจายนาํ้ เพอื่ ทาํ การเกษตร บนพื้นท่ีสูง ในรูปแบบที่ทํากันโดยท่ัวไปของชนเผา ปกา เกอะ ญอ คือนาข้ันบันได เปนการทํานาซ่ึงมีพ้ืนที่ทํากิน อยูบนภูเขา มีระดับความลาดชันสูง และมีท่ีราบลุมอยู อยา งจาํ กดั ทาํ ใหเ กดิ การใชภ มู ปิ ญ ญาในการบรหิ ารจดั การ ทที่ าํ กนิ ของตน ดว ยการปรบั รอ งแปลงและคนั นาไลไ ปตาม ระดบั ความลาดเอยี ง เพอื่ ใหส ามารถเพาะปลกู ขา วไดอ ยา ง เหมาะสมกบั สภาพพน้ื ท่ี และมรี ะบบเหมอื งฝาย เปน กญุ แจ สาํ คญั ทเ่ี ช่อื มตอพื้นที่ทาํ นา • ใชพื้นที่ทํากินท่ีมีอยูอยางจํากัดใหเกิดประโยชนสูงสุด • พื้นท่ีแปลงนาข้ันบันได เปรียบเสมือนแกมลิงท่ีสามารถ • ใชประโยชนจากความลาดชันของพ้ืนท่ีในการผันและ กกั เกบ็ นาํ้ ไวไ ด ชว ยปอ งกนั ปญ หานาํ้ หลากทว มเขา สชู มุ ชน กระจายนาํ้ บนพนื้ ทสี่ ูงอยา งเปน ระบบ อยา งฉบั พลัน • มีระบบเหมืองฝายในการแบงสรรนํ้าใหท่ัวถึงและ • แสดงถึงภูมิปญญาชาวบานในการไลระดับความสูงตํ่า เทาเทยี มกนั ทุกรายแปลง ของพนื้ ที่ เพอ่ื ใชว างผงั รายแปลง ออกแบบคนั นา จดุ ผนั นา้ํ • ตะกอนที่มากับน้ํา สะสมเปนแหลงอินทรียวัตถุซึ่งเปน ระบบกระจายนํ้า และทางออกของระบบนํ้าสูแหลงน้ํา ธาตอุ าหารในดนิ ทาํ ใหตนขาวมคี วามอดุ มสมบรู ณ • เกดิ การใชน า้ํ อยา งคมุ คา และมปี ระสทิ ธภิ าพ นาํ้ สว นเกนิ • ลดการใชพลังงานในการสูบน้ํา สามารถใชแรงโนมถวง จากระบบนาขนั้ บนั ได สามารถสง กลบั คนื ไปยงั แหลง นา้ํ ในการสงกระจายนา้ํ ได ของชมุ ชนไดอ ยางเปนระบบ • ระบบนํ้าในแปลงนามีการหมุนเวียนถายเทตลอด เกดิ ออกซิเจนจํานวนมาก ทําใหม ีคุณภาพนา้ํ ทด่ี ี 19 พิพิธภัณฑธรรมชาติจัดการนํ้าชุมชน ตามแนวพระราชดําริ
3 การพฒั นาเกษตร เดิมคนในชุมชนสวนใหญจะทําเกษตรแบบ เกษตรอนิ ทรยี มสี มาชกิ จาํ นวน 7 ราย การทาํ แผนผงั รายแปลง ไรห มนุ เวยี น และปลกู พชื เชงิ เดย่ี ว รายไดไ มแ นน อน นยิ มซอ้ื แผนการผลิตและขอมูลบัญชีครัวเรือน ซ่ึงทําใหไดเกษตร พืชผักสวนครัวจากภายนอกมาทําอาหาร ท้ังๆ ท่ีสามารถ ตัวอยาง 2 ระดับ คือ ระดับปรับเปล่ียนแนวคิดเร่ืองการ ปลูกเองได จึงทําใหเกิดการรวมกลุมเพ่ือปรับเปลี่ยน ลดคา ใชจ า ยในครวั เรอื น และระดบั เพม่ิ รายไดจ ากการผลติ แนวคดิ ในการทาํ การเกษตรแบบเดมิ มาเปน การทาํ เกษตร เกษตรอินทรีย เกิดตัวอยางการปรับเปลี่ยนแนวคิดเร่ือง ผสมผสานแบบยังชีพ วนเกษตรพ่ึงพิงปา และแปลง การสรางภมู ิคุม กนั ดานอาชพี สรปุ ผลไดคือ ความมั่นคงดานอาหาร สรางเสรมิ ความสขุ และอบอุนใหค รอบครวั แผบสเกบมษผยตงัสชราีพน วพนง่ึ พเกิงษปตาร แผนผงั วางแผน รายแปลง การผลติ แปอลินงทเกรษียต ร ทำบญั ชี ครัวเรอื น ความมั่นคงในอาชีพไมต องอพยพครัวเรือนออกนอกถิ่นฐาน 93%ลดได ลคดรรวั าเยรจือานย เทพอำิม่ ินเกรทาษรยตียไรด 64%เพ่ิมขน้ึ 53,900หรอื คิดเปน เงนิ 191,600หรือคิดเปนเงิน บาท / ป บาท / ป เครือขายลุมนํ้าแมละอุป จังหวัดเชียงใหม 20
สรปุ ความสา เร็จ กอ น หลัง แผนที่การใชประโยชนท ด่ี นิ • ชาวบา นทาํ ไรห มนุ เวยี น ไมม สี ทิ ธิ • เกิดตนแบบการจัดการทําแผนที่การใชประโยชนที่ดินระดับอําเภอ (อําเภอกัลยา ในทท่ี ํากนิ ของตัวเอง ณิวัฒนา) โดยชาวบานเปนผูสํารวจและจัดทําแผนท่ีดวยตนเอง เปนอําเภอแรกของ ประเทศไทย • ขอบเขตที่ดินทํากินและพื้นที่ ปา อนรุ ักษ ไมมีความชัดเจน • เกิดแผนที่รวมระดับลุมนํ้าจากเครือขาย 22 ชุมชน 3 ตําบล 4 ลุมน้ํา ครอบคลุม พ้นื ที่ 189,566.01 ไร • จดั ทําเอกสารแผนท่ีรายแปลง (โฉนดชุมชน) จาํ นวน 6,282 แปลง • เกิดบันทึกขอตกลง กติกา กฎระเบียบ ลงนามรับรองแผนที่และแผนบริหาร จัดการ ทรพั ยากรปาตน น้าํ รวมกนั การบรหิ ารจดั การนาํ้ • ปริมาณนํ้าลดลงไมเพียงพอกับ • ฝายระบบกรองธรรมชาติ 3 ช้ัน (กรองหยาบ กรองละเอียดและระบบสํารองน้ํา) การทาํ เกษตร เพ่อื บริหารจัดการระบบเหมอื งฝาย • ขาดแหลงสํารองนาํ้ ในพ้นื ที่ • ฝายระบบกรองหยาบและฝายระบบกรองละเอยี ด ชว ยเพม่ิ ความชมุ ชนื้ ฟน ฟสู ภาพปา ตนน้ํา • ฝายระบบสาํ รองนา้ํ ชว ยเพม่ิ แหลง กกั เกบ็ นา้ํ สามารถ สาํ รองนา้ํ ไวใ ชใ นชมุ ชนและมีนํ้า ในลาํ หว ยตลอดทงั้ ป • รวมกันปรับปรุงสภาพแหลงนํ้าและฟนฟูลําหวย ในพื้นที่เครือขาย 3 ลุมน้ํา รวม 8 ชมุ ชน จาํ นวน 12 ลาํ หว ย ระบบนิเวศ • พ้นื ที่ปา เสือ่ มโทรม • พนื้ ทป่ี า มคี วามอดุ มสมบรู ณ เกดิ สตั วป า และสตั วน าํ้ ทเี่ ปน ดชั นชี วี้ ดั ความอดุ มสมบรู ณ • สัตวปาและสัตวนํ้าท่ีเปนดัชนีชี้วัด เชน ชะนี เกง นก ไกปา ปลากาง เพม่ิ จาํ นวนมากข้ึน ความอุดมสมบูรณของผืนปา ลดลง การเปลี่ยนแนวคิดในการทําการเกษตร • ทําไรหมนุ เวยี น • ปรับเปลี่ยนแนวคิดมาทําเกษตรผสมผสานแบบยังชีพ วนเกษตรพึ่งพิงปา และแปลง • ปลูกพืชเชงิ เดย่ี ว เกษตรอนิ ทรียต ัวอยา ง สามารถลดรายจายครัวเรอื นได 93% คิดเปนตัวเลข 53,900 บาท เกษตรกรตน แบบมรี ายไดเพ่มิ ขึ้น 64% คดิ เปนตัวเลขรายได 191,600 บาท การขยายเครอื ขา ย • ชุมชนไมเห็นความสําคัญของการ • เกิดการรวมกลุมเปนเครือขายลุมนํ้าแมละอุปเพ่ืออนุรกั ษพ้ืนฟปู า ตนนา้ํ อนุรักษทรัพยากรรวมกัน แตละ • ขยายผลเครือขายโดยจดั ตัง้ คณะทาํ งานการจดั ระเบยี บที่ดนิ ของชมุ ชนภาคเี ครือขา ย ครัวเรือนมุงเนนเรอ่ื งการทาํ กนิ 3 ตาํ บล คอื ตาํ บลแจม หลวง ตําบลแมแดด และตําบลวัดจนั ทร • เกดิ เครอื ขา ยเยาวชนรกั ษป า ตน นา้ํ “แอะปวา โดะ” ในพน้ื ทข่ี ยายผล 8 ชมุ ชน สามารถ ประยุกตใ ชว ิทยาศาสตรแ ละเทคโนโลยี เพอื่ สนบั สนุนการทํางานเครือขาย 21 พิพิธภัณฑธรรมชาติจัดการน้ําชุมชน ตามแนวพระราชดําริ
ขอขอบคุณมลู นธิ ฯิ ท่มี อบโอกาส ใหกบั ชมุ ชนรว มเรยี นรู และเขาใจชมุ ชนอยา งแทจ ริง นายเดชา นทีไท ผแู ทนเครอื ขา ยลุม น้าํ แมล ะอปุ เครอื ขา ยลุมน้ําแมละอุป ต.แจม หลวง อ.กลั ยาณวิ ัฒนา จ.เชยี งใหม สภาพพนื้ ทชี่ มุ ชนแมล ะอปุ แตเ ดมิ สว นใหญเ ปน ปา ไม ทีย่ ังคงความอุดมสมบูรณของทรัพยากรธรรมชาตทิ งั้ พันธพุ ชื และสัตว ตอมาในป 2526 มกี ารตัดถนนเขาหมูบาน นายทุน เขามาคาเปลือกไม คนในพื้นท่ีไปเปนแรงงานใหกับนายทุน และยังปลกู ฝน อกี ดว ย คนภายนอกเขามาตงั้ รกรากอยใู นเขต ปาตนนํ้า มีการบุกรุกพ้ืนท่ีปา ไฟปาลุกลามเผาไหมผืนปา ทีท่ รพั ยากรธรรมชาตปิ าไมฟน คนื สตั วปา สัตวน า้ํ เริ่มกลับมา ไมมีใครควบคุมสถานการณได ไรซ่ึงกฎกติกา ถัดมา 2 ป โดยเฉพาะลาํ หว ยแมล ะอปุ กลบั มาเหมอื นสภาพเดมิ และดกี วา ปรมิ าณนาํ้ ในลาํ หว ยแมล ะอปุ เรม่ิ ลดลงจนถงึ ขน้ั วกิ ฤต ฤดทู าํ นา เดิมอีก มีปริมาณนํ้าเพิ่มขึ้น สามารถเพาะปลูกพืชหลังฤดู เกดิ การทะเลาะววิ าทแยง นา้ํ ระหวา งผใู ชน า้ํ ดว ยกนั แหลง อาหาร เก็บเกี่ยว มากกวาน้ันก็ไมทําใหบรรพชนเวียนหัวอีกตอไป ธรรมชาติ สัตวปา โดยเฉพาะสัตวนํ้าลดลงจนเกือบสูญพันธุ ทง้ั นต้ี อ งบอกวา ไดร บั การเตมิ เตม็ ความรู วชิ าการ ประสบการณ สายนาํ้ ถกู เมด็ ทรายทบั ถมแทนท่ี ถงึ ตอนนค้ี นในชมุ ชนและคน ตางๆ มากมาย ในการทาํ งานรว มกนั ภายนอกชุมชนที่มีพ้ืนท่ีทํานาและใชนํ้าแมละอุป รูซึ้งถึงผล ไมน กึ มากอ นวา สงิ่ ทช่ี มุ ชนคนตน นา้ํ ตอ สเู พอ่ื ปกปอ ง กระทบอยา งหนกั ผลของการรว มมอื กบั นายทนุ ทาํ ลายในสง่ิ ท่ี ผนื แผน ดนิ ของตนเองนน้ั จะเปน บทเรยี นสาํ คญั ใหก บั คนรนุ หลงั บรรพบรุ ษุ หวงแหนรกั ษาไว ไดเรียนรูประวัติศาสตรทองถ่ินตนเอง ใหเกิดสามัญสํานึก เมื่อคนในทองถิ่นเร่ิมต่ืนตัว กอนที่ทุกอยางจะสาย หวงแหนสิ่งท่ีคนรุนกอนปกปองรักษาไวใหเรา และเราเอง ผนู าํ ฝา ยปกครองเรยี กใหท กุ ฝา ยทเ่ี กยี่ วขอ งปรกึ ษาหารอื เพอ่ื ตองสานตอเจตนานั้นสืบไปจากรุนสูรุน การท่ีชุมชน หาแนวทางแกไขปญหาที่เกิดขึ้นรวมกัน พรอมทั้งเปดเวที แมล ะอปุ ไดร บั เลอื กเปน พพิ ธิ ภณั ฑธ รรมชาตจิ ดั การนา้ํ ชมุ ชนนน้ั ประชาคม หามาตรการดาํ เนนิ ตอ ผกู ระทาํ ผดิ โดยการออกกฎ ถอื วา ไดร บั เกยี รตเิ ปน อยา งยง่ิ ซงึ่ ไมไ ดก นั งา ยๆ ฉะนน้ั ชมุ ชน กติกาบังคับใช สภาตําบลแตงตั้งชุดคณะกรรมการดําเนิน ตองรักษาคุณงามความดีคงไวและพรอมในการถายทอด ติดตามเฝาระวังผูท่ีบุกรุกทําลายทรัพยากร แกนนํารวมกับ ประสบการณค วามรแู บบอยา งความสาํ เรจ็ ดา นตา งๆ ใหช มุ ชนอนื่ ชุมชนไดขับไลนายทุนท่ีเขามาคาเปลือกไม ขับไลชาวบาน ทปี่ ลกู ฝน ออกจากพนื้ ทที่ งั้ หมด จนประสบผลสาํ เรจ็ และเหน็ ไดว า ชาวบา นในชมุ ชนลกุ ขน้ึ ใหค วามรว มมอื และรว มกนั แกไ ขปญ หา ขอขอบคุณมลู นธิ อิ ุทกพัฒน ในพระบรมราชูปถัมภ ทม่ี อบโอกาสใหก บั ชมุ ชน รว มเรยี นรแู ละเขา ใจชมุ ชนอยา งแทจ รงิ นอกจากนั้นผูใชน้ําสายหวยแมละอุปก็มีสวนรวมชวยกัน อีกท้ังหนวยงานองคกรในทองท่ีคอยใหคําปรึกษาสนับสนุน ใหเ กดิ การดาํ เนนิ การอยา งจรงิ จงั ในการเรอื่ งน้ี เกดิ ความรว มมอื กบั ชมุ ชนใกลเ คยี ง ตกลงกนั จดั แบง แนวเขตชมุ ชนของตนเอง ใหชัดเจน พรอมท้ังออกกฎกติกาบังคับใช ความภาคภูมิใจ เครือขายลุมนํ้าแมละอุป จังหวัดเชียงใหม 22
แผนทจี่ ดั การนำ้ ชุมชน ตามแนวพระราชดำริ เครอื ขายลุมน้ำแมล ะอุป จงั หวดั เชย งใหม หมู่ 6 หมู่ 6 คำอธิบายสญั ลักษณ บานโปงขาว บา นหนองแดง หมู่ 1 บานหวยฮอ ม ระยะที่ 1 สำรวจข้อมลู และจัดทำแผนท่ี ป 2553 หมู่ 1 บานดอยตุง ระยะท่ี 2 สำรวจขอ้ มูลและจัดทำแผนที่ ป 2554 หมู่ 2 ระยะที่ 3 สำรวจข้อมูลและจัดทำแผนที่ บานสม มวง ป 2555 หมู่ 3 หมู่ 2 ระยะท่ี 4 สำรวจขอ้ มูลและจัดทำแผนที่ บา นจนั ทร บา นหวยครก ป 2556 ขอบเขตตำบล หมู่ 7 หมู่ 3 ขอบเขตหมบู าน บา นเดน บานหวยออ << ต.บา นจันทร หมู่ 4 บา นหนองเจด็ หนวย หมู่ 6 หมู่ 4 บา นหวยบง บานดง สามหมน� หมู่ 3 หมู่ 2 หมู่ 5 บานขุน หมู่ 2 บานกว่ิ โปงบา นใหม บานแจม นอ ย << ต.แมแ ดด แมล ะอุป หมู่ 6 พัฒนา บา นนา เกลด็ หอย หมู่ 3 บา นแมล ะอปุ หมู่ 4 บานหว ยยา หมู่ 6 บา นแจมหลวง หมู่ 7 หมู่ 5 บา นหวยปู บานเสาแดง หมู่ 5 บานหวยเขยี ดแหง หมู่ 4 บา นหว ยบะบา หมู่ 1 บา นหแมมู่ ผ1บหาหา ปวนมูยใู่ ห5ปมู บ านแมหมแดู่ 4ดนอยบา นสหบมแู่ 5มแ บดา ดนแมตะละเหหมนตู่บือ2หะา ลมนะู่ แม7มง หมู่ 1 บา น โปกกะโหลง บานแอะเอาะ หมู่ 1 << ต.แจมหลวง หมู่ 3 หมู่ 3 หมู่ 2 บา นนะโน บานขุนแมรวม บานแมต ะละใต บา นแมตะละกลาง หมู่ 3 บานแมแดดหลวง การใชประโยชนที่ดินอำเภอกลั ยาณิวัฒนา แจตมำหบลลวง บา ตนำจบนั ลทร แตมำแบดลด 1.98% 2.10% 5.13% 1.05% ที่อย่อู าศยั ที่อยอู่ าศัย ทีอ่ ย่อู าศัย ทอ่ี ยู่อาศยั 62.32% 35.70% 19.33% 63.13% 35.16% 78.57% พนื้ ท่ที ำกิน 48.50% 50.45% พนื้ ท่ปี ่า พ้นื ท่ที ำกนิ พืน้ ที่ป่า พ้นื ท่ีทำกิน พืน้ ที่ป่า พื้นท่ีป่า พ้ืนท่ที ำกนิ
คลองรังสต เเชปอน มแกคมลลองิง จงั หวัดปทมุ ธานี สภาพปญ หาและจุดเปลี่ยนแปลง เดมิ ทงุ รงั สติ บรเิ วณคลอง 8 คลอง 9 และคลอง 10 เปนพ้ืนท่ีเกษตรกรรม ทํานา และทําสวน กระทั่งป 2527 เกษตรกรไดปรับเปลี่ยนพ้ืนท่ีนามาเปนรองสวนเพื่อปลูกสม ตอ มาเกดิ โรคสม ระบาดรนุ แรง อกี ทง้ั ปญ หาดนิ เปรยี้ ว จนทาํ ให เกษตรกรเปน หนี้ ธนาคารเพอ่ื การเกษตรและสหกรณก ารเกษตร (ธกส.) กวา 150,000 ไร เกษตรกรบางสว นจงึ เรมิ่ หนั มาปลกู ปาลม นาํ้ มนั ในพน้ื ทร่ี อ งสวนสม เดมิ ตามคาํ แนะนาํ ของสาํ นกั งาน สงเสริมเศรษฐกิจการเกษตร จนมีแนวโนมปลดหนี้ ธกส. ได ทาํ ใหเ กษตรกรหนั มาปลกู ปาลม นา้ํ มนั มากข้นึ เหตกุ ารณน ำ้ ทวม ป 2554 คลองรังสิต จังหวัดปทุมธานี 24
ป พ.ศ. 2554 ชมุ ชนรวมตวั ปอ งกนั นาํ้ ทว มครงั้ ใหญ เปนแกมลิงกักเก็บนํ้า ทําใหมีศักยภาพท่ีจะพัฒนาเปนพ้ืนที่ ดว ยการปลอ ยใหน าํ้ ไหลผา นพนื้ ทแ่ี ละเสรมิ คนั ดนิ กนั้ รมิ คลอง แกมลงิ แบบเพิ่มรายได ทาํ ใหพ น้ื ทไ่ี มไ ดร บั ความเสยี หายและปาลม นา้ํ มนั ยงั มผี ลผลติ ป พ.ศ. 2555 เริ่มโครงการพัฒนาพ้ืนที่แกมลิงเพ่ิม สงู ขน้ึ เปน 7 ตนั /ไร/ ป ในปต อ มา นอกจากปาลม นาํ้ มนั จะเปน รายไดในพ้ืนทีเ่ กษตรทงุ รงั สติ ดําเนินงาน 4 ตาํ บล ปรบั พนื้ ที่ พืชเศรษฐกิจที่ใหผลผลิตตอไรสูงแลว ตนปาลมยังชอบนํ้า รองสวนเปนแกมลิงเพิ่มรายได เชื่อมตอคลองชลประทาน สามารถทนตอสภาพนํ้าทวมขังไดกวา 1 เดือน และสามารถ และรอ งสวน ในพน้ื ทค่ี ลอง 8 9 และ 10 ครอบคลมุ พนื้ ทกี่ วา ปลกู ในพน้ื ทด่ี นิ เปรยี้ วได รอ งสวนปาลม นา้ํ มนั หากมกี ารปรบั 117,079 ไร ใหลึกจะสามารถกักเก็บน้ําไดถึง 700 ลูกบาศกเมตร อีกทั้ง ป พ.ศ. 2557 ขยายพื้นท่ีดําเนินงานพัฒนาพื้นที่ มีภูมิสังคมท่ีเปนรองสวน คลองหลัก คลองซอย สามารถใช แกม ลงิ เพม่ิ รายไดใ นพนื้ ทเี่ กษตรทงุ รงั สติ 8 ตาํ บล ครอบคลมุ พื้นที่ กวา 226,997 ไร พส+วืน้ 4นค.ปัน2าร7ลอ5มบ พ้นื แป+ล3ง.ป6ล7ูก5ปาลม พ้นื ถน+4น.เ0ข4า สวน ภูมิสงั คมของทุงรงั สิตเปน คลองหลกั คลองซอย และรอ งสวน ถึงแมคลองรังสิตเปนจุดเริ่มตนของการพัฒนางานดานชลประทานของประเทศไทย ต้ังแตสมัยรัชกาลท่ี 5 (พ.ศ. 2433 - 2448) โดยการขุดคลองรังสิตและคลองแยกตางๆ เพ่ือเปนแหลงน้ําสําหรับเพาะปลูก คมนาคม อุปโภค และบรโิ ภค ตอ มาชมุ ชนทอี่ ยรู มิ คลองรงั สติ ขาดการดแู ลและรกั ษาแหลง นา้ํ ทาํ ใหร ะบบโครงสรา งนา้ํ เสอ่ื มสภาพลง ดงั น้ี • โครงสรา งนา้ํ ในพ้ืนท่ีมีสภาพตื้นเขนิ คลองซอยไมสามารถเช่อื มตอระบบชลประทานหลักกบั รอ งสวนได • โครงสรา งควบคมุ ระดบั น้ําทม่ี ีมากกวา 400 จุด ชํารดุ ไมไดร บั การซอมแซม • ไมสามารถกกั เกบ็ และบรหิ ารจัดการน้าํ เขา – ออก ไดเต็มประสิทธภิ าพ 25 พิพิธภัณฑธรรมชาติจัดการนํ้าชุมชน ตามแนวพระราชดําริ
พระเจา หลานเธอพระองคเ จาพัชรกิติยาภา ทรงมพี ระมหากรณุ าธคิ ณุ ที่ทรงมตี อ โครงการแกป ญ หาอทุ กภัยในพน้ื ท่เี กษตรทุงรงั สต ทรงเสดจ็ ปลกู ตน ปาลม เมื่อวันที่ 27 ธค. 2555 ประทานเงินบริจาค พัฒนาแกม ลงิ ทุง รังสต ในป พ.ศ. 2555 พระเจาหลานเธอ พระองคเจา และระบบบริหารจัดการน้ํา พัฒนาพ้ืนที่สวนปาลมน้ํามัน พชั รกติ ยิ าภา ทรงใหก ารสนบั สนนุ แนวทางการบรหิ ารจดั การนา้ํ ใหลึกขึ้น เพ่ือเก็บนํ้าไวในรองสวนปาลมน้ํามัน ซ่ึงชวยให ของชุมชนคลองรังสิต โดยประทานพระราชทานเงินบริจาค ชาวสวนปาลมมีผลผลิตและรายไดเพิ่มขึ้น สามารถบรรเทา ของวิทยาลัยกระบวนการยุติธรรม ใหสถาบันสารสนเทศ ปญหาอุทกภัยในอนาคต ตอมาในป 2556 มูลนิธิอุทกพัฒน ทรพั ยากรนา้ํ และการเกษตร (องคก ารมหาชน) ดาํ เนนิ โครงการ ในพระบรมราชูปถัมภ ไดเขามาสนับสนุนการดําเนินงาน แกไขปญหาอุทกภัย พัฒนาพื้นที่เกษตรทุงรังสิตใหเปนพื้นท่ี ขยายแนวคิดและผลสําเรจ็ ไปสูพ้ืนท่ขี างเคียงอกี 4 ตาํ บล ดาํ เนนิ งานแกม ลงิ แบบเพม่ิ รายได ดว ยการพฒั นาโครงสรา งนาํ้ คลองรังสิต จังหวัดปทุมธานี 26
จาก “กรอบคดิ ” และ “กรอบงาน” สูการจดั การนา้ํ ชมุ ชน ตามแนวพระราชดําริ กรอบคิด กรอบงาน จากความรวมมือ รวมใจปองกันน้ําทวมจนประสบ สาํ รวจขอ มลู วเิ คราะห และสรปุ ปญ หาทแ่ี ทจ รงิ โดยประยกุ ต ความสําเร็จ ไดสรางความสามัคคีใหเกิดขึ้นในชุมชน ใชเทคโนโลยีสารสนเทศ เชน แผนท่ีภาพถายดาวเทียม ผนู าํ ทเี่ ขม แขง็ ตระหนกั ถงึ ศกั ยภาพของโครงสรา งนาํ้ ในพน้ื ที่ เครอ่ื งระบพุ กิ ดั (GPS) วางแผนการดาํ เนนิ งานบนโครงสรา ง ปรับวิธีคิด มาสูการจัดการนํ้าอยางเปนระบบ เหมาะสม นํ้าเดิม เชื่อมโยงแนวคิดกับพื้นที่จริง ดําเนินการฟนฟู กบั พนื้ ที่ (ภมู สิ งั คม) ลงมอื ทาํ และสรา งตวั อยา งความสาํ เรจ็ ปรบั ปรงุ แหลง นาํ้ และระบบบรหิ ารนาํ้ ดาํ รงชวี ติ ตามหลกั เศรษฐกิจพอเพียง ทฤษฎีใหม สรางรายได สามารถเปน ตวั อยา งความสาํ เรจ็ ขยายผลไปยงั พนื้ ทขี่ า งเคยี ง เกดิ เครอื ขา ย การทํางานรวมกัน งานอนุรกั ษและงานพฒั นา แนวคิดอนุรักษพื้นท่ีริมคลอง ปลกู ปาลม นา้ํ มนั ปอ งกนั ถนนรมิ ตลง่ิ พงั ทลาย ปอ งกนั สงิ่ ปลกู สรา งรมิ คลอง และเกดิ กองทนุ ปาลม ประจาํ หมบู า น แนวคิดพัฒนาโครงสรา งนํ้าและระบบบริหารจดั การนา้ํ เพม่ิ ประสทิ ธภิ าพการเกบ็ กกั นา้ํ ระบายนา้ํ สาํ รองนา้ํ และเสรมิ ประสทิ ธภิ าพระบบบรหิ ารจดั การนาํ้ ดว ยการพฒั นา พื้นท่ีรองสวนและคลองในพ้ืนท่ีใหเปนแกม ลิง กอ สรา ง และปรับปรงุ บอพกั นาํ้ พรอ มตดิ ตัง้ ประตูควบคมุ ระดบั นํา้ • เพมิ่ ประสทิ ธิภาพการเกบ็ กักนาํ้ และระบายน้าํ ขุดลอกคลอง ระบายน้ํา คลองสงน้ํา และคลองซอย เสริมประสิทธิภาพการเก็บกักน้ํา และระบายน้ํา เกิดความ เช่ือมโยงระหวา งระบบโครงสรา งน้ําในพ้ืนท่ีกับรอ งสวนของชาวบา น เรอื ดดู ตะกอนเลน ปรบั รอ งสวนปาลม นาํ้ มนั ใหล กึ เพอ่ื ใชเ ปน แกม ลงิ เกบ็ กกั นา้ํ ตามแนวพระราชดาํ ริ “ธรรมชาตชิ ว ย ธรรมชาติ” ดวยเรือดูดตะกอนเลนจํานวน 12 ลํา ดําเนินงานในพ้ืนที่ 4 ตําบล ประกอบดวย บึงชําออ บึงบอน บึงบา และบงึ กาสาม • เสริมประสิทธิภาพระบบบริหารจัดการน้ํา กอสรางหรือปรับปรุงบอพักนํ้า และติดต้ังประตูควบคุมระดับนํ้า เพ่ือวางแผนกกั เก็บน้ําและระบายน้ํา จากคลองซอยเขา -ออกสคู ลองระบายน้าํ และคลองสง น้าํ ได ในฤดูแลงน้ํา ชุมชนจะปดประตูควบคุมระดับน้ํา เพื่อเก็บน้ําไวในรองสวนและคลองซอย ทําใหน้ําในรองสวน มีระดับสูงกวาน้ําในคลองหลัก 27 พิพิธภัณฑธรรมชาติจัดการนํ้าชุมชน ตามแนวพระราชดําริ
ผลสา เรจ็ 1 เพิ่มประสทธภิ าพการเก็บกกั นาํ้ ในรองสวนปาลม ดว ยเรือดดู ตะกอนเลน เกษตรกรเจาของพื้นท่ีปาลมน้ํามันกวา 3,000 ไร ไดร ว มกนั พฒั นาพนื้ ทเ่ี กษตรทงุ รงั สติ โดยนอ มนาํ แนวพระราชดาํ ริ ของพระบาทสมเดจ็ พระเจา อยหู วั ภายใตก รอบคดิ “ธรรมชาติ แกธรรมชาติ” มาใชในการบริหารจัดการน้ํา โดยปรับรอง สวนปาลมน้ํามันใหลึก เพื่อใชเปนแกมลิงเก็บกักนํ้า ท้ังนี้ พนื้ ทป่ี ลกู ปาลม นา้ํ มนั 1 ไร สามารถเกบ็ กกั นา้ํ ได 700 ลบ.ม. และตนปาลมนํ้ามันสามารถทนสภาพน้ําทวมขังไดประมาณ 1 เดือน ในฤดูฝนเม่ือผันน้ําไปเก็บกักไวในพื้นท่ีแกมลิง จะชวยบรรเทาปญหาน้ําทวมในพ้ืนที่ ชวยเพิ่มปริมาณนํ้าใน รองสวนปาลม นาํ้ มนั และลดการใชน้าํ จากระบบชลประทาน ในฤดูแลงไดอีกดวย บริเวณทุงรังสิต เปนพ้ืนท่ีชลประทานสงนํ้าจาก เรอื ดดู เลน จะดดู ตะกอนเลนในรอ งสวนมาไวท คี่ นั ดนิ คลองรงั สติ ประยรู ศกั ด์ิ ผา นแนวคลองสง นาํ้ กระจาย สรู อ งสวน หรอื ใตต น ปาลม เพอื่ เพม่ิ ความลกึ ของรอ งสวน สามารถเกบ็ กกั นา้ํ ซึ่งมีมาต้ังแตสมัยรัชกาลท่ี 5 แตเมื่อขาดการบํารุงรักษา หนว งนา้ํ และลดการใชน าํ้ ชลประทานจากเขอ่ื นปา สกั ชลสทิ ธิ์ จงึ เกดิ การตน้ื เขนิ ไปตามกาลเวลา สง่ิ สาํ คญั ในการทาํ สวนปาลม โดยในหนา แลง สามารถใชเ รอื ดดู ตะกอนเลนเปด รอ งสง นา้ํ ให นํ้ามันเปนพื้นท่ีแกมลิง คือการขุดลอกคูคลอง และรองสวน นาํ้ ไหลไปถงึ พนื้ ทห่ี า งไกลได นอกจากน้ี ตะกอนเลนยงั สามารถ ใหมีความลึกมากขึ้น เพื่อใหสามารถเก็บน้ําไดมากข้ึน เพิม่ ความชุมชืน้ ในดินเปน ปุยใหแ กต น ไม ซ่ึงนอกจากชาวชุมชนไดรวมแรงรวมใจกันทําแลวยังมีเรือ ดูดตะกอนเลนท่ีเปนเคร่ืองมือสําคัญในการขุดลอกคูคลอง และรองสวนขนาดเล็กในพื้นที่ เรือดดู เลนสแตนเลส ประโยชนทไี่ ดร บั • เพมิ่ พนื้ ทีแ่ กมลงิ รับนา้ํ ในรองสวน จาํ นวน 138,200 ลบ.ม. ในพนื้ ท่ี 1,382 ไร (ขอมลู วันที่ 29 ม.ค.57) • ตะกอนดินเลนทด่ี ูดข้ึนมา ชว ยเสริมคนั ดนิ เพิ่มความชมุ ช้ืนใหก ับพืช และเปน ปุย บํารุงดนิ • ฤดูแลงป 2556 ขุดลอกเปด ทางนาํ้ ในคลองสง น้าํ ระยะทาง 6 กิโลเมตร สาํ หรับพืน้ ท่เี กษตร 6,000 ไร • เกษตรกรลดคาใชจายในการจางเรอื ดดู เลนกวา 0.89 ลานบาท (เดมิ เสียคา ใชจ าย ไรล ะ 750 บาท) • พนื้ ทไ่ี ดร บั ผลประโยชน ครอบคลมุ 4 ตาํ บล ไดแ ก ตาํ บลบงึ ชาํ ออ ตาํ บลบงึ บอน ตาํ บลบงึ กาสาม ตาํ บลบงึ บา (คลอง 8 คลอง 9 และคลอง 10) และพ้นื ท่ตี ําบลขางเคยี ง คลองรังสิต จังหวัดปทุมธานี 28
รถยกเรอื ดูดตะกอนเลนลงรอ งสวน การบงั คบั เรือและทศิ ทางตะกอนดินเลน ขดุ ลอกเปดทางนา้ํ ในคลองสง นํา้ ในป พ.ศ.2555 ใชดดู ตะกอนเลนในรองสวน 2 เพสรรอมิ มระตบิดบตบ้งั รปหิ ราะรตจูรดั ะกบาารยนน้าํ ํา้ โครงสรางควบคุมระดับนํ้าในคลองรังสิตเดิมท่ีมีมากกวา 400 จุด ชํารุดไมไดรับการซอมแซมไมสามารถเก็บกัก และบรหิ ารจดั การนา้ํ เขา – ออก ไดเ ตม็ ประสทิ ธภิ าพ รวมทง้ั จากเหตกุ ารณอ ทุ กภยั ในป พ.ศ. 2554 ทผี่ า นมา ไดส รา งความ เสียหายคร้ังใหญใหกับพ้ืนท่ีทางการเกษตร และการดํารงชีวิตและความเปนอยูของประชาชน ชุมชนคลองรังสิตจึงได รวมกันดําเนินงานซอมแซมประตูควบคุมนํ้าที่ชํารุดใหสามารถใชงานได รวมทั้งไดบริหารจัดการน้ํา โดยการขุดลอกคลอง ปรับปรงุ บอพกั นํ้าและประตูระบายนา้ํ เพอื่ เพิ่มประสิทธิภาพในการระบายนา้ํ ใหด ียิ่งขึน้ ไดแก ป พ.ศ. 2556 กอสรางและปรับปรุงบอพักนํ้า พรอมติดตั้งประตูควบคุมระดับนํ้า จํานวน 20 จุด ในพื้นท่ี ตาํ บลบึงชาํ ออ เพม่ิ ปริมาณนํ้าสํารองได 1.01 ลา น ลบ.ม. ป พ.ศ. 2557 กอสรางและปรับปรุงบอพักน้ํา พรอมติดตั้งประตูควบคุมระดับนํ้า จํานวน 20 จุด ในพื้นที่ ตําบลบึงชําออ ตําบลบึงกาสาม ตําบลนพรัตน และตําบลบึงบอน เพิ่มปริมาณนํ้าสํารองได 1.15 ลาน ลบ.ม. 29 พิพิธภัณฑธรรมชาติจัดการนํ้าชุมชน ตามแนวพระราชดําริ
ประโยชนท ่เี กดิ ข้ึน กรณที ี่ 1 ฤดแู ลง : กักเก็บนา้ํ ไวในรอ งสวน เมื่อระดับน้ําในคลองสงน้ําและคลองระบายนํ้าลดลง ชุมชนทําการปดประตูควบคุมระดับนํ้า เพ่ือกักเก็บน้ําไวใน รอ งสวนของตนเองตงั้ แตช ว งปลายฤดฝู น ทาํ ใหร ะดบั นาํ้ ในรอ งสวนสงู กวา ในคลองสง นาํ้ และใชน า้ํ ในรอ งสวนนน้ั ทาํ การเกษตร ตลอดฤดูแลง ระดับน้าํ ในคลองระบายนํ้าที่ 8 เดอื นมนี าคม 2557 ระดบั นํ้าในรอ งสวน เดือนมีนาคม 2557 กรณที ่ี 2 ฤดูฝน : ระบายนํา้ จากรอ งสวนสคู ลองระบายน้ําและคลองสง นาํ้ เม่ือระดับน้ําในรองสวนมีปริมาณมาก หรือ ในพื้นที่ชุมชนประสบปญหาน้ําทวมขัง ชุมชนทําการเปดบานประตู เพอ่ื ระบายนาํ้ ผา นคลองซอยออกสูค ลองสงน้าํ และคลองระบายนํา้ เม่ือระดับน้ําในคลองสงน้ํามีปริมาณมากและจะลนตลิ่ง ชุมชนจะทําการเปดบานประตู เพ่ือสงนํ้าเขาสูคลองซอย และระบายออกคลองระบายนํา้ กฎระเบยี บหรือวิธีการดแู ลประตูควบคมุ ระดบั นา้ํ 1. สมาชิกสภาองคการบริหารสวนตําบล (อบต.) ผูนําชุมชน และประชาชนที่ใชประโยชนจากประตูควบคุมระดับนํ้า ตองเปนผูรับผิดชอบคอยดูแลบานประตูควบคุมระดบั นา้ํ 2. ตลอดระยะเวลาการใชงานตอ งคอยบาํ รุงบานประตใู หส ามารถเปด-ปด ใชง านไดตามปกติ 3. หากบานประตูระบายน้ําไมสามารถหมนุ เปด – ปดได ผูรับผิดชอบตอ งทําการอดั จารบใี หการหมนุ บานประตไู มตดิ ขัด 4. หากบานประตรู ะบายน้ําชํารดุ หรือเสียหาย ผูรับผิดชอบตอ งรว มกนั ซอ มแซมใหกลบั มาใชงานไดตามปกติ คลองรังสิต จังหวัดปทุมธานี 30
3 ดกาวรยอปนารุลกั มษนพ ้าํ ม้นื ันทแ่ีรลิมะคเกลษอตงรรงัผสสต มผสานตามแนวทฤษฏใี หม ตําบลบึงชําออ ต้ังอยูในเขตอําเภอหนองเสือ โดยนําพ้ืนที่สาธารณะท่ีมีอยูแลวมาปรับใชใหเกิดประโยชน จังหวัดปทุมธานี มีเนื้อท่ีประมาณ 48.85 ตารางกิโลเมตร สรา งภมู คิ มุ กนั ดา นเศรษฐกจิ สอดคลอ งกบั ปรชั ญาเศรษฐกจิ หรอื 30,343.80 ไร เปน ทร่ี าบลมุ โครงสรา งนาํ้ หลกั ทไ่ี หลผา น พอเพียง คณะกรรมการไดดําเนินงานปลูกปาลมนํ้ามัน พ้ืนที่ ประกอบดวยคลองระพีพัฒน คลองระบายนํ้าที่ 8 9 รมิ คลองสรา งรายได และเกษตรผสมผสานตามแนวทฤษฎใี หม และคลองสง นาํ้ 2 ซา ย 3 ซา ย ชาวบา นสว นใหญป ระกอบอาชพี ริมคลอง เพ่ือเปนตัวอยางของการอนุรักษริมคลองสราง การเกษตรทาํ นา ทาํ สวนผลไม และสวนปาลม นาํ้ มนั ตงั้ ถนิ่ ฐาน รายได เกิดกองทุนประจําหมูบาน เพ่ิมรายไดในครัวเรือน อยรู มิ คลองเปน สว นใหญม วี ถิ ชี วี ติ ผกู พนั อยกู บั นาํ้ และการเกษตร เสริมใหชุมชนรูจักแกไขปญหา เสริมการมีสวนรวมของคน ถึงแมจะมีพ้ืนท่ีริมคลองสาธารณะระยะทางกวา ในชุมชน และปลูกฝงใหเกษตรกรในชุมชนรูจักการจัดสรร 45 กิโลเมตร แตบางสวนถูกปลอยใหรกรางไมไดรับการดูแล ทรัพยากรท่ีดินและน้ําตนทุน ใหเกิดประโยชนสูงสุดอยูบน เพ่ือเปนการสงเสริมใหเกิดการรักษาพ้ืนที่ริมคลองและเพ่ิม ความพอเพยี ง รายไดใ หแ กเ กษตรกร จงึ เกดิ แนวคดิ อนรุ กั ษพ น้ื ทรี่ มิ คลองขนึ้ 1) ปาลม นํ้ามนั รมิ คลองเพิ่มรายได จากภูมิสังคมที่มีคลองไหลผานพื้นที่จํานวนมาก ปลูกปาลมน้ํามัน จํานวน 13,000 ตน ริมคลองระบายน้ํา การเลอื กพชื ทป่ี ลกู รมิ คลองจงึ มคี วามสาํ คญั โดยตอ งเปน พชื และคลองสงนํ้า ครอบคลุม 21 หมูบาน เมื่อปาลมน้ํามัน ที่ชอบนํ้า ไมทําลายถนนริมตลิ่ง และสามารถสรางรายได ใหผลผลิตจะเกิดกองทุนปาลมประจําหมูบาน สรางรายได ใหแกชุมชน ปาลมน้ํามันนอกจากจะเปนพืชเศรษฐกิจที่ให 0.66 ลาน/หมูบาน/ป ใหแกชุมชน ซ่ึงเงินกองทุนที่เกิดขึ้น ผลผลิตตอไรสูงแลว ยังชอบน้ํา สามารถทนตอสภาพ สํารองไวเพ่ือรับภัย ธรรมชาติตางๆ ท่ีเกิดข้ึนในอนาคต เชน นา้ํ ทว มขงั ไดก วา 1 เดอื น อกี ทง้ั มรี ากฝอยจาํ นวนมากปอ งกนั อคั คภี ยั วาตภยั อทุ กภยั และเปน คา ใชจ า ยสนบั สนนุ กจิ กรรม ถนนรมิ ตลิง่ พังทลาย และปองกนั ส่งิ ปลกู สรา งริมคลอง ทางศาสนา เยาวชน ชวยลดคาใชจายขององคการบริหาร คณะกรรมการบริหารจดั การนํ้าชุมชน คลองแปด สวนตําบล ในทองถนิ่ คลองเกา คลองสบิ อาํ เภอหนองเสอื จงั หวดั ปทมุ ธานี ดาํ เนนิ งาน ปลูกปาลม รมิ คลองในปจ จุบนั 31 พิพิธภัณฑธรรมชาติจัดการนํ้าชุมชน ตามแนวพระราชดําริ
2) เกษตรผสมผสานตามแนวทฤษฏใี หมรมิ คลอง คณะกรรมการฯ ไดประยุกตการทําเกษตรผสมผสานตามแนวทฤษฎีใหม มาอนุรักษพื้นที่ริมคลองสาธารณะ เพ่ือปองกันริมคลองรกราง สิ่งกอสรางริมคลอง และสามารถสรางรายไดเสริมใหแกชุมชน โดยนํารองใหแกชุมชนที่ให ความสนใจ ระยะทางรวม 800 เมตร บรเิ วณริมคลองระบายนา้ํ ท่ี 8 เกษตรกรสวนมากทําเกษตรผสมผสานริมคลอง โดยปลูกผักสวนครัว และไมดอกผสมผสานกัน ไดแก คะนา ผักชี มะเขือ กระเจยี๊ บ ผักกวางตงุ ผกั โขม ดอกดาวเรอื ง ดอกทานตะวัน ปลกู พืชผัก ผลไมร มิ คลอง เพมิ่ รายไดในปจ จบุ ัน สรุปความสา เรจ็ กอน หลงั แผนทก่ี ารใชประโยชนท ่ีดิน • ลําคลองตื้นเขิน ไมไดรับการขุดลอก • เกดิ ระบบเชื่อมตอ โครงสรางชลประทานกับรองสวน เปน เวลานาน ไมส ามารถใชป ระโยชน • ป พ.ศ. 2555 เพม่ิ ปรมิ าณนาํ้ 1.19 ลา น ลบ.ม. ผไู ดร บั ประโยชน 4,500 ครวั เรอื น พนื้ ท่ี ไดเ ต็มที่ โดยเฉพาะในชว งฤดแู ลง การเกษตร 10,500 ไร • บอพักน้ําและประตูระบายน้ําชํารุด • ป พ.ศ. 2556 เพม่ิ ปรมิ าณนา้ํ กกั เกบ็ 1.40 ลา น ลบ.ม. ผไู ดร บั ประโยชน 2,755 ครวั เรอื น เสียหาย บางจุดไมสามารถใชงานได พ้ืนท่กี ารเกษตร 29,395 ไร • โครงสรางนํ้าท้ังระบบไมสามารถ • เรอื ดดู ตะกอนเลน สามารถเพมิ่ พนื้ ทแ่ี กม ลงิ รบั นา้ํ ในรอ งสวน จาํ นวน 138,200 ลบ.ม. เก็บกัก และบริหารจดั การน้าํ เขา – ออก ไดเ ต็มประสทิ ธิภาพ ในพน้ื ท่ี 1,382 ไร • ลดคา ใชจา ยในการจางเรือดดู เลน 0.89 ลานบาท • เรอื ดดู ตะกอนเลนขดุ ลอกเปด ทางนาํ้ ในฤดแู ลง ป 2556 สาํ หรบั พนื้ ทเี่ กษตร 6,000 ไร • ในชวงพายุแกมี ป 2556 สามารถกกั เกบ็ นํา้ ไวใ นพนื้ ท่กี วา 17 ลา น ลบ.ม. การบรหิ ารจดั การนํา้ • รมิ ตลง่ิ ตลอดแนวคลองมสี ภาพรกรา ง • พ้ืนที่ริมคลองไดรับการฟนฟู ดวยการปลูกตนปาลมน้ํามันริมคลอง เพ่ือปองกัน • เรมิ่ มกี ารกอ สรา งสง่ิ ปลกู สรา งรมิ คลอง การพังทลายของถนนริมตล่ิง และปองกันส่ิงปลูกสรางริมคลอง สรางรายได 0.66 ลาน/หมบู า น/ป • เกดิ ตัวอยา งทฤษฏีใหมร ิมคลอง • พืชริมคลองสรางรายไดใหแ กชุมชนในกลมุ กองทุนประจาํ หมูบาน คลองรังสิต จังหวัดปทุมธานี 32
มลู นิธิฯ ไดเ ขา มาสนบั สนุน ขยายแนวคิดและพนื้ ท่ี การดําเนนิ งาน ออกไปอีก 4 ตําบล นายอกั ษร นอยสวา ง ประธานกรรมการบรหิ ารจัดการน้ําชมุ ชน คลองแปด คลองเกา คลองสิบ อ.หนองเสอื จ.ปทมุ ธานี เหตุการณมหาอุทกภัยในป 2554 พ้ืนที่อําเภอหนองเสือ จากการทํางานรวมกับมูลนิธิอุทกพัฒนฯ ทําใหชุมชน ไมถูกนํ้าทวม เนื่องจากผูนําชุมชน ประชาชน และผูประกอบการ ไดเรียนรูเสนทางน้ําในพื้นที่ของตนเอง วาน้ําจะไหลผานไปทางไหน ไดชวยกันปองกัน โดยนําลูกรัง หิน ดิน มาทําคันก้ันแนวถนน เพ่ือให้ เชื่อมตอไปทางไหน ซ่ึงเมื่อกอนชุมชนไมไดสนใจและไมดูแลรักษา นํ้าไหลผา นไปตามลาํ คลอง พรอ มท้งั เปดประตูระบายนํ้าใหน ํา้ ไหลผาน หลงั จากเขา รว มโครงการโครงสรา งระบบกกั เกบ็ ระบายนาํ้ ตา งๆ ไดร บั ประชาชนในพื้นที่ชวยกันสละเวลา สละแรงกาย และบริจาคเงิน การปรับปรุง มีบอพักนํ้าที่ใชการไดเพ่ิมขึ้น ไดเรียนรูการใชเทคโนโลยี ซื้ออาหาร ลูกรัง กระสอบปุย ชวยกันบรรจุลูกรัง หิน ดิน กั้นน้ําตลอด การใชแ ผนท่ี เรียนรูการทํางานเปน ทีม และชวยกนั ดูแลรักษา คู คลอง แนวลําคลอง ท้ังกลางวันและกลางคืน การที่ชุมชนรอดพนจากนํ้าทวม ไมใหมีสิ่งกีดขวางทางน้ํา ริมคลองที่ปลูกปาลมน้ํามันเกิดทัศนียภาพ มาไดเ กดิ จากความสามคั คขี องคนในชมุ ชน และนอ มนาํ แนวพระราชดาํ ริ ทส่ี วยงาม และเรม่ิ มรี ายไดเขา ชุมชน บริหารจัดการตามภมู ิสังคม สงิ่ ทท่ี าํ ใหก ารทาํ งานประสบความสาํ เรจ็ เกดิ จากการทชี่ มุ ชน หลังจากเหตุการณนํ้าทวม ทําใหชุมชนรูวาคูคลองตื้นเขิน มีความสามัคคี มีความต้ังใจในการพัฒนาพื้นท่ี ส่ิงเหลาน้ีทําใหชุมชน เพราะไมไดขุดลอกมานาน การไหลของน้ํา ไมสะดวกเพราะมีวัชพืช ไดรับโอกาสในการทํางาน และทําใหชุมชนขางเคียงไดเห็นวาการดูแล ขวางทางน้ํา ประตูระบายน้ําชํารุด ทําใหการเก็บกักน้ําไมไดผล ในปี รักษาคูคลอง ไมใหมีส่ิงกีดขวางทางนํ้า และการกอสราง การซอมแซม 2555 พระเจา หลานเธอ พระองคเ จา พชั รกติ ยิ าภา ทรงใหก ารสนบั สนนุ ปรับปรุงบอพักนํ้าพรอมติดตั้งประตูระบายนํ้า ทําใหคนในชุมชนไดรับ แนวทางการบริหารจัดการนํ้า ไดประทานเงินบริจาคของวิทยาลัย ประโยชน มีรายไดเพ่ิมขน้ึ จากการที่มนี ํา้ ใชตลอดทงั้ ป กระบวนการยตุ ิธรรม ใหดาํ เนนิ โครงการพฒั นาพ้ืนท่ีแกม ลิงเพ่ิมรายได ในพ้ืนที่เกษตรทุงรังสิต เร่ิมตนในพ้ืนที่ 4 ตําบล ตอมาในป 2556 มลู นธิ อิ ทุ กพฒั น ในพระบรมราชปู ถมั ภ ไดเ ขา มาสนบั สนนุ ขยายแนวคดิ และพ้ืนที่การดําเนินงานออกไปอีก 4 ตําบล ใหชุมชนสํารวจพื้นท่ี ของตนเอง นําแผนท่ีมาดูเสนทางน้ํา สํารวจคู คลอง ประตูระบายน้ํา ท่ีตื้นเขิน ชุมชนไดพบวารองสวนสามารถกักเก็บน้ํา ชวยหนวงน้ําได ยามนา้ํ มาก และดาํ เนนิ งานขดุ ลอกคลอง ใหค ลองระบายนา้ํ คลองสง นา้ํ และคลองซอยเช่ือมตอกัน ซอมแซมปรับปรุงบอพักน้ํา ติดต้ังประตู ระบายน้ําใหสามารถบริหารจัดการนํ้าเขา-ออก และจัดซื้อเรือ ดูดตะกอนดินเลนมาใชในรองสวนทําใหรองสวนมีความลึก เก็บกักน้ํา ไดมากขึ้น อีกทั้งดินเลนยังเปนปุยทําใหพืชเจริญเติบโต ตั้งกองทุน ปาลม นา้ํ มนั รมิ คลอง 13,000 ตน ใหค นในชมุ ชนชว ยกนั ดแู ล และเกบ็ เกยี่ ว ผลผลติ เปน รายไดน าํ มาแกไ ขปญ หาความเดอื ดรอ นของประชาชนแตล ะหมู ชว ยปองกนั การพงั ทลายของดนิ และยงั ไดติดตั้งไมว ัดระดบั นํ้าในพนื้ ที่ เพ่อื ใชเ ปนขอมูลในการติดตามสถานการณนํ้าในชุมชน 33 พิพิธภัณฑธรรมชาติจัดการน้ําชุมชน ตามแนวพระราชดําริ
แผนท่จี ัดการนำ้ ชุมชน ตามแนวพระราชดำริ คลองรังสต จังหวัดปทมุ ธานี
บานศาลาดนิฟเพน ม่ิ ฟปคูระลสอทงธิภาพ การจดั การนา้ํ : นาํ้ เสย และนํ้าทวม ตาํ บลมหาสวัสดิ์ อาํ เภอพทุ ธมณฑล จงั หวัดนครปฐม ทดี่ นิ พระราชทาน บานศาลาดิน ชุมชนบานศาลาดิน ขาดที่ทํากิน เชาที่ดินทํานา เพยี งปล ะครง้ั เปน สาเหตใุ หเ กษตรกรยากจน พระบาทสมเดจ็ พระเจาอยูหัวทรงทราบถึงปญหา จึงไดพระราชทานท่ีดิน สวนพระองคใหกับเกษตรกร จํานวน 1,009 ไร เม่ือป พ.ศ. 2518 โดยมีสํานักงานปฏิรูปที่ดินเปนผูดูแล และจัดรูปที่ดิน ใหเกษตรกรแปลงละ 20 ไร ใหเกษตรกรเขาทํากินไดในป พ.ศ. 2520 และพระราชทานการทําเกษตรผสมผสาน ชมุ ชน บานศาลาดนิ จึงมคี วามเปน อยดู ขี ้นึ อดีต 35 พิพิธภัณฑธรรมชาติจัดการน้ําชุมชน ตามแนวพระราชดําริ
สภาพปญหาและจดุ เปลยี่ นแปลง นํ้าทวม ป พ.ศ. 2526 เกิดน้ําทวมเต็มพ้ืนท่ีตําบล แตยังมี การระบายออกสูลําคลองดานทิศใต จนระดับนํ้าเขาสูภาวะ ปกติในเวลาไมนาน ป พ.ศ. 2538 นํ้าทวมขังเปนเวลานาน และเนาเสีย เนื่องจากไมมีการระบายน้ําสงไปยังคลองตางๆ เพราะมีการสรางประตูน้ําก้ันคลองหลายสายเพื่อควบคุม ระดับนํ้าทายประตู และมีวัชพืชจํานวนมาก ป พ.ศ. 2554 เกดิ มหาอทุ กภัย คลองสายตา งๆ ตันและต้นื เขิน ไมส ามารถ รองรบั และระบายนา้ํ ได นา้ํ เนาเสย ป พ.ศ. 2538 มีการตัดถนนผานในชุมชน ทําให วิธีการสัญจรเปลี่ยนจากคลองมาเปนถนน ความสําคัญของ ลําคลองจึงลดลง เหลือเพียงแคใชสําหรับอุปโภคและทําการ เกษตร รวมไปถึงการดูแลรักษาที่นอยลงตามไปดวย กระท่ัง คลองมหาสวสั ดปิ์ ระสบปญ หาวชั พชื และผกั ตบชวาหนาแนน เรอื สญั จรไมไ ด รวมทง้ั มกี ารใชส ารเคมที างการเกษตร ทง้ิ ขยะ และปลอยน้ําเสียจากครัวเรอื นสูลาํ คลอง ทําใหนา้ํ เนาเสยี ภาพคลองสาขาของคลองมหาสวสั ดใ์ิ นอดตี จดุ เปลี่ยนแปลง ป พ.ศ. 2540 องคการบริหารสวนตําบลมหาสวัสดิ์ และชาวบาน ไดรวมกันเก็บผักตบชวาในลําคลองสายเล็กๆ และประสานกับกรมชลประทานเพื่อเก็บผักตบชวาในคลองสายใหญ ชาวบานทําใบมีดติดกับหัวเรือเพ่ือตัดวัชพืช แตก็ยัง ไมสามารถกําจัดไดหมดเนื่องจากวัชพืชเติบโตอยางรวดเร็ว และในป พ.ศ. 2543 มีการเสนอแนวคิดการทําแหลงทองเท่ียว เกษตรกรวถิ ไี ทยเพอ่ื ฟน สภาพคลองธรรมชาติในพื้นท่ี จงึ เกิดเปาหมายท่ีจะฟน ฟู คลองมหาสวัสด์ิอยางจรงิ จงั ข้นึ ปจ จบุ นั ชมุ ชนสามารถแกป ญ หาเรอ่ื งวชั พชื ไดโ ดยนาํ ผกั ตบชวามาเปน สว นผสมทาํ ดนิ ปลกู ตน ไม เพมิ่ รายไดใ หก บั ชมุ ชน บานศาลาดิน ตําบลมหาสวสั ดิ์ อาํ เภอพทุ ธมณฑล จงั หวัดนครปฐม 36
จาก “กรอบคดิ ” และ “กรอบงาน” สกู ารจัดการนาํ้ ชุมชน ตามแนวพระราชดําริ ชุมชนบานศาลาดินไดนอมนําแนวพระราชดําริ มาเปน “กรอบคิด” ในการแกปญหา จัดทําเปน “กรอบงาน” ที่มีกระบวนการชัดเจน และนําเทคโนโลยีท่ีเหมาะสม มาประยกุ ตใ ชบรหิ ารจัดการน้ําชุมชน ดงั น้ี กรอบคดิ แกปญหาดวยการพ่ึงตนเอง ใชธรรมชาติแก ธรรมชาติ โดยคํานงึ ถึงความเหมาะสมกับพ้ืนท่ี (ภูมิสังคม) จนสามารถขยายผลได ลงมอื ทาํ จนสาํ เรจ็ สามารถขยายผลได กรอบงาน เก็บขอมูลและสรุปปญหาที่แทจริง โดยประยุกต ใชเ ทคโนโลยี เชน แผนทภ่ี าพถา ยจากดาวเทยี ม เครอ่ื งระบุ พกิ ดั (GPS) วางแผนงานและแนวคดิ ทเี่ ชอื่ มโยงกบั พน้ื ทจ่ี รงิ ดําเนินการฟนฟูและปรับปรุงแหลงนํ้า ดํารงชีวิตตามหลัก เศรษฐกิจพอเพียง ใชทฤษฎีใหมปรับรูปท่ีดินสรางรายได อยางยั่งยืน แลวสามารถขยายผลความสําเร็จไปสูพ้ืนท่ีอ่ืน เกิดเครอื ขายการทาํ งานรว มกนั งานอนุรักษและงานพฒั นา ฟน ฟคู ลองมหาสวัสด์ิ ผลจากปญ หานาํ้ เนา เสยี ซง่ึ สง ผลกระทบตอ วถิ ชี วี ติ ติดต้ังถังดักไขมันครัวเรือน ใชจุลินทรียและอีเอ็มบอล ของคนในชุมชน ชาวบานจึงไดรวมกันอนุรักษและฟนฟู ปรับสภาพน้ํา และทํากังหันเติมอากาศในน้ํา ดวยพลังงาน สภาพลําคลอง โดยเริม่ ตน จากการพ่ึงตนเอง ดําเนินการจาก แสงอาทติ ย ปจจัยที่ชุมชนสามารถทําไดเอง เชน ตรวจวัดคุณภาพน้ํา 37 พิพิธภัณฑธรรมชาติจัดการนํ้าชุมชน ตามแนวพระราชดําริ
เพิม่ ประสทธภิ าพการระบายนํ้า จากปญหานํ้าทวมเนื่องจากลําคลองหลายสายไมไดรับการดูแล ทําใหประสิทธิภาพในการระบายนํ้าลดลง องคการบริหารสวนตําบลมหาสวัสด์ิ จึงรวมกับชุมชนดําเนินการขุดลอกคลองในตําบลมหาสวัสด์ิเพื่อใหทุกคลองกลับมา สญั จรได และทาํ ใหน า้ํ ในระบบไหลเวยี น ชว ยเพมิ่ ประสทิ ธภิ าพในการจดั การนาํ้ และระบายนา้ํ ใหด ยี งิ่ ขนึ้ โดยดาํ เนนิ การดงั นี้ ป พ.ศ. 2556 ขุดลอกคลองริมทางรถไฟ คลองปฏิรูป 1 คลองปฏริ ปู 2 และคลองโรงเจ ป พ.ศ. 2557 • ขุดลอกคลองเชื่อมตอบริเวณคลองหมอมเจาเฉลิมศรี และทาํ ทอ ลอดถนน • ดึงคันก้นั น้ําชัว่ คราว (Sheet Pile) ทอี่ ยใู นคลองโรงเจ เพื่อเพม่ิ ประสิทธภิ าพระบบระบายนา้ํ • ดแู ลสภาพคลองในตาํ บลมหาสวสั ดิ์ใหระบบระบายนา้ํ ใชการไดอยา งมปี ระสิทธิภาพทกุ คลอง ป พ.ศ. 2558 ปลกู ตน ไมท อ งถน่ิ บรเิ วณรมิ คลองใหค รบทง้ั ตาํ บลมหาสวสั ด์ิ ผลสา เร็จ 1 คณุ ภาพนํ้า คณุ ภาพชว ิต น้ําเปนปจจัยสําคัญในการดํารงชีวิต หากปลอยนํ้าท่ีใชแลวลงสูแหลงนํ้าธรรมชาติ จะทําใหเกิดปญหานํ้าเสีย สงผลกระทบตอระบบนิเวศและสุขภาพอนามัยของผูคนท่ีอยูในบริเวณใกลเคียงหรือผูสัญจรไปมา หมูบานพฤกษา 4 เปนชุมชนท่ีมีนํ้าจากคลองโรงเจไหลผาน เปนพื้นท่ีท่ีประสบปญหาดังกลาว เน่ืองจากระบบบําบัดน้ําของหมูบานไมสามารถ ใชการได ทําใหนํ้าทิ้งจากหมูบานถูกปลอยลงในคลองเจโดยตรง ปญหาน้ําเสีย ไมสามารถแกไขไดโดยบุคคลใดบุคคลหน่ึงเพียงลําพัง แตตองอาศัยความรวมมือจากหลายฝาย ดังนั้นกลุมวิสาหกิจชุมชนผูใชนํ้าเพื่อการเกษตร บานศาลาดิน จึงไดริเริ่มเขามาชวยเหลือปญหาเรื่องผักตบชวาและคุณภาพ น้ําของหมูบานพฤกษา 4 จนทําใหเกิดการรวมตัวของคนในชุมชนขึ้น ชวยกันกําจัดผักตบชวาและขยะมูลฝอย จนกระทั่ง ไดมีการจัดต้ังกลุมบริหารจัดการนํ้าเพื่อคอยดูแลรักษาคลองโรงเจ และคนในชุมชนก็ไดกลายเปนกลไกสําคัญของระบบ เฝาระวังปญหานํ้าเสียของคลองโรงเจ ซ่ึงประกอบดวย กิจกรรมตางๆ ดงั นี้ บา นศาลาดนิ ตําบลมหาสวสั ด์ิ อาํ เภอพุทธมณฑล จงั หวัดนครปฐม 38
ตรวจวัดคณุ ภาพนา้ํ ชุมชนศาลาดินมีการตรวจวัดคุณภาพนํ้าเพ่ือ เฝาระวังปญหาน้ําเนาเสียอยางตอเน่ือง คลองโรงเจ เปน 1 ใน 10 จุดตรวจวัดที่ดําเนินการอยู การตรวจวัดคุณภาพน้ํา จะครอบคลมุ ทง้ั ทางกายภาพ (เชน สี ตะกอนขนุ กลนิ่ เหมน็ อุณหภูมิซึ่งมีความสัมพันธกับปริมาณออกซิเจนที่ละลายใน น้ํา เปนตน) ทางเคมี (เชน คาออกซิเจนที่ละลายในนํ้า คาความเปนกรด-ดางของน้ํา เปนตน) และทางชีวภาพ (สิ่งมีชีวิตท่ีอาศัยอยูในแหลงนํ้าน้ัน เชน แพลงคตอนพืช แพลงคตอนสัตว สาหรายขนาดใหญ สัตวหนาดิน พืชน้ํา และปลา เปนตน) ชุมชนเก็บตัวอยางนํ้าเพื่อตรวจวัด โดยใชอุปกรณตรวจวัดภาคสนามและบันทึกผลเก็บไว นอกจากนย้ี งั สงตัวอยางนา้ํ เขาตรวจในหอ งปฏิบัติการดว ย ติดตั้งถงั ดกั ไขมนั ในครวั เรอื น นํ้ามันและไขมันที่ปนเปอนอยูใน นา้ํ ทง้ิ จากครวั เรอื น หากระบายลงสแู หลง นาํ้ ธรรมชาติโดยไมไดผานการบําบัด จะกอให เกิดผลกระทบตอคุณภาพน้ําในแหลงน้ํา เนอ่ื งจาก ชน้ั ไขมนั จะลอยปด ผวิ หนา ของนาํ้ ขัดขวางไมใหออกซิเจนในอากาศละลาย ถายเทลงสูช้ันน้ําดานลาง ทําใหปริมาณ ออกซิเจนท่ีละลายอยูในน้ําลดลง สงผลให ระบบนิเวศแหลงนํ้า และบริเวณโดยรอบ เส่ือมโทรม จากแนวคิดท่ีวาการแกปญหา นํ้าเสียตองเร่ิมจากวินัยในระดับครัวเรือน คณะกรรมการชุมชนจึงไดชวยกันติดต้ังถัง ดกั ไขมนั ในครวั เรอื น เพอ่ื แยกไขมนั ไมใ หป น ไปกับน้ําทิ้ง ชวยรักษาสภาพน้ําในขั้นตน กอ นปลอ ยลงสทู อ ระบายนา้ํ ทง้ิ หรอื แหลง นาํ้ ซ่ึงถังดักไขมันนี้ เปนถังท่ีสามารถทําไดเอง โดยใชวัสดทุ ่หี าไดในครัวเรอื น 39 พิพิธภัณฑธรรมชาติจัดการน้ําชุมชน ตามแนวพระราชดําริ
ใชจ ุลินทรยี บ าํ บดั นํ้าเสย เปน กระบวนการทางชวี ภาพทใี่ ชจ ลุ นิ ทรยี ม าชว ยยอ ยสลายกากตะกอน สงิ่ ปฏกิ ลู ในแหลง นาํ้ ปรบั คา กรดดา ง (pH) ใหเหมาะสมแกการอยูอาศัยของสัตวนํ้า เพิ่มออกซิเจนในน้ํา ลดคาปริมาณออกซิเจนในน้ํา (BOD) กําจัดกลิ่นเหม็น แกปญ หานา้ํ เนา ทาํ ใหระบบนิเวศในลาํ คลอง คอยๆ ดีข้ึน ถงั หยดจลุ นิ ทรีย ปจ จบุ นั ชมุ ชนตดิ ตง้ั ถงั หยดจลุ นิ ทรยี ไ วแ ลว 3 จดุ โดยใชห วั เชอื้ จลุ นิ ทรยี ท หี่ มกั เองมาหยดลงในคลอง ระบบนา้ํ หยด นจี้ ะคอ ยๆ ปลอ ยจลุ นิ ทรยี ท ลี ะนอ ยลงสแู หลง นาํ้ เพอื่ ใหช ว ยบาํ บดั นาํ้ ไดต ลอดเวลา และเหมาะกบั แหลง นาํ้ ทม่ี คี วามลกึ ไมเ กนิ 80 เซนตเิ มตร อเี อม็ บอล : Effective Microorganisms Ball (EM Ball) เปนการใชจุลินทรียในรูปแบบกอนแหง ผลิตจากเช้ือจุลินทรียผสมกับอินทรียวัตถุท่ีสามารถยอยสลายไดงาย มีลักษณะเปนทรงกลม เหมาะกับการบําบัดน้ําเสียในแหลงน้ําท่ีมีการไหลตลอดเวลา จุลินทรียในอีเอ็มบอลที่โยนลงน้ํา จะทาํ หนาทีบ่ ริเวณกนคลองหรอื จดุ น้าํ ลึก บา นศาลาดนิ ตาํ บลมหาสวัสด์ิ อาํ เภอพุทธมณฑล จงั หวดั นครปฐม 40
พัฒนากังหนั นา้ํ พลังงานแสงอาทิตย กงั หนั นาํ้ พลงั งานแสงอาทติ ยท ตี่ ดิ ตงั้ ในคลองโรงเจนี้ เปน การนอ มนาํ แนวพระราชดาํ รขิ องพระบาทสมเดจ็ พระเจา อยหู วั ในการนาํ พลงั งานธรรมชาตมิ าใชใ หเ กดิ ประโยชนส งู สดุ โดยรวมระบบเครอื่ งกลเตมิ อากาศในนา้ํ ทป่ี ระยกุ ตม าจากกงั หนั นาํ้ ชัยพัฒนา เขากับโซลารเซลล (Solar cell) ซึ่งเปนอุปกรณที่เปลี่ยนพลังงานแสงอาทิตยเปนพลังงานไฟฟา แลวสงมาเก็บไว ในแบตเตอรี่ จากนั้นจึงจายพลังงานจากแบตเตอร่ีไปยังมอเตอรเพื่อขับเคล่ือนกังหันใหหมุนตีนํ้าข้ึนมาสัมผัสอากาศ ซ่ึงชวย ในการบาํ บดั นา้ํ เสยี โดยเพม่ิ ปรมิ าณออกซเิ จนในนา้ํ และทาํ ใหร ะบบนาํ้ ไหลเวยี นมากขน้ึ สง ผลใหส ตั วน าํ้ สามารถดาํ รงชวี ติ อยไู ด สภาพแวดลอ มเกดิ ความสมบรู ณย งิ่ ขนึ้ นอกจากนยี้ งั ประหยดั คา ใชจ า ย ชมุ ชนสามารถสรา งระบบเครอ่ื งกลเตมิ อากาศในนาํ้ ไดเ องในราคาท่ีตํ่า และสามารถนาํ ไปติดตงั้ ในพื้นทีอ่ ่ืนๆ ทไ่ี มตอ งเดินไฟฟา เขา ไปไดอ ีกดว ย 2 ระบบกงั หันตีนํ้าเพอื่ เตมิ ออกซิเจนในน้ําดว ยพลงั งานแสงอาทติ ย การเตรยี มรบั มือ ภาวะนาํ้ ทวม พน้ื ทรี่ าบลมุ แมน าํ้ ในภาคกลางนนั้ ยากทจี่ ะหลกี หนปี ญ หานา้ํ ทว มได ดงั นน้ั การเตรยี มตวั รบั มอื กบั ปญ หานาํ้ ทว มนน้ั จงึ เปน เรื่องทีส่ ําคญั ชุมชนบา นศาลาดินจึงไดมีการวางแผนรับมือกับภาวะนา้ํ ทว ม ดังนี้ จดุ รวมพล กําหนดจุดรวมพลเพอื่ เปนศนู ยก ลางความชวยเหลอื กรณีน้าํ ทว มสงู จนไมส ามารถอยใู นทพี่ กั อาศยั ได โดยใชศ าลา หกเหลย่ี ม บริเวณทา นํ้ากลมุ แมบ านเกษตรกรมหาสวสั ด์ิ และแพ ขนาด 6 เมตร x 12 เมตร เปนจดุ รวมพล 41 พิพิธภัณฑธรรมชาติจัดการน้ําชุมชน ตามแนวพระราชดําริ
ทะเบยี นรบั ของ ทะเบียนจา ยของ ชุมชนเก็บขอมูลครัวเรือนภายในชุมชน สําหรับใชจัดทําทะเบียนแจกจายของบริจาค เพื่อใหคนในชุมชนไดรับของ บรจิ าคทวั่ ถงึ ทกุ ครวั เรอื น โดยการแจกของบรจิ าค จะเรยี งลาํ ดบั บา นเลขที่ จากลาํ ดบั แรก จนถงึ ลาํ ดบั สดุ ทา ย แลว จงึ จะเรมิ่ ใหม ตัวอยางตารางขอรับของบรจิ าค (สําหรับชมุ ชน) ตวั อยา งตารางรบั ของบรจิ าค สําหรบั รายละเอียดการรับของบรจิ าค ไดจ ดั ทําเปน ตารางรบั ของบริจาค เพอ่ื ใหท ราบประเภทของบริจาค จํานวน และหนว ยงานท่ีใหค วามชวยเหลอื ซง่ึ จะตดิ ไวบริเวณแพ จุดรวมพล ชดุ พรอมอยู และชดุ พรอมอพยพ เปนการเตรียมอุปกรณที่จําเปนสําหรับดํารงชีวิตกรณีที่นํ้าทวม หรืออพยพไปยังจุดรวมพล เชน เตรียมนํ้าสะอาด อาหาร อาหารกระปอง ยาที่จําเปนตางๆ เชน ยาลดไข ยาใสแผล ผงน้ําตาลเกลือแร ยาประจําตัวสําหรับผูท่ีมีโรคประจําตัว อปุ กรณต า งๆ และของใชจ าํ เปน เชน ไฟฉาย รวมทงั้ แบตเตอรร ส่ี าํ รอง เทยี นไข ถงุ ขยะ ใหส ามารถชว ยเหลอื ตนเองได 7 วนั เอกสารสาํ คญั เกบ็ เอกสารสาํ คญั บตั รสาํ คญั ตา งๆ เชน ทะเบยี นบา น บัตรประชาชน บัตรเอทีเอ็ม สมุดบัญชี สูติบัตร หมายเลขโทรศัพท แผนที่ ใสซ องพลาสตกิ รวมไวใ นทเี่ ดยี วกนั ¹้Ó´×Á่ ชุดอพยพ ¹Ó้ ´×Á่ ¹้Ó´Á×่ ¹้Ó´Á่× • อาหาร ไดแก อาหารแหง เคร่ืองประปอง นํ้า • เครื่องนุงหม ไดแก เสื้อ กางเกง ชุดชั้นใน ¡ÍÃÒÐ˻҉Íá§ÍÃÒÐË»Ò͉ á§ÍÃÒÐË»Ò͉ ç ถงุ เทา รองเทา • ส่ิงของจําเปนตางๆ ไดแก แปรงสีฟน ยาสีฟน ยาสามญั วทิ ยุ ถา น สายชารจ โทรศพั ท นกหวดี บา นศาลาดิน ตาํ บลมหาสวสั ด์ิ อาํ เภอพทุ ธมณฑล จังหวดั นครปฐม 42
ปลูกผักลอยนา้ํ สมุนไพรจาํ เปน /รกั ษาโรคยามนํา้ ทว ม เนอ่ื งจากไมสามารถทราบไดวานํา้ ทว มจะนานเทาใด ดังน้ันการปรับตัวใหสามารถดําเนินชีวิตในชวงนํ้าทว มจึงเปน สิ่งสําคัญ ชุมชนจึงมีความคิดในการปลูกผักลอยน้ํา โดยปลูกพืชผักที่ใชสําหรับประกอบอาหาร ใชเวลาปลูกจนเก็บเกี่ยว ไมม าก ไมย งุ ยากในการดูแลรกั ษา เชน ฟก ทอง กระเพรา ขา ตะไคร เปน ตน เพอื่ เปนการลดจํานวนวัตถุดบิ ในการประกอบ อาหารทีต่ องหาจากแหลง ตางๆ 43 พิพิธภัณฑธรรมชาติจัดการนํ้าชุมชน ตามแนวพระราชดําริ
3 ทฤษฎใี หม ชุมชนบานศาลาดิน ขาดท่ีทํากิน เชาที่ดินทํานา เพียงปละคร้ัง เปนสาเหตุใหเกษตรกรยากจน พระบาทสมเด็จ พระเจาอยูหัวทรงทราบถึงปญหา จึงไดพระราชทานท่ีดินสวนพระองคใหกับเกษตรกร จํานวน 1,009 ไร เมื่อป พ.ศ. 2518 โดยมีสํานักงานปฏิรูปท่ีดินเปนผูดูแล และจัดรูปท่ีดินใหเกษตรกรแปลงละ 20 ไร ใหเกษตรกรเขาทํากินไดในป พ.ศ. 2520 และพระราชทานการทาํ เกษตรผสมผสาน ชมุ ชน บานศาลาดนิ จึงมีความเปนอยดู ขี ้นึ คำอธิบายสัญลักษณ แปลงทด่ี นิ พระราชทาน ชุมชนบานศาลาดิน ทางน้ำ ถนน แผนที่แสดงแปลงที่ดนิ พระราชทาน ชุมชนศาลาดนิ บานศาลาดนิ ตาํ บลมหาสวัสด์ิ อําเภอพุทธมณฑล จังหวัดนครปฐม 44
ตัวอยา งการทาํ นาบวั ในทด่ี นิ พระราชทาน เกษตรผสมผสานตามภมู ิสงั คม เมอ่ื ไดร บั พระราชทานทด่ี นิ ทาํ การเกษตร เกษตรกร ชมุ ชนบา นศาลาดนิ จงึ ไดน อ มนาํ แนวพระราชดาํ ริ หลกั เศรษฐกจิ พอเพียง และทําการเกษตรผสมผสานตามลกั ษณะ ภมู สิ งั คม ไดแ ก ปลกู ขา วเปน อาชพี หลกั ปลกู พชื ตามคนั นา เปน พชื ลม ลกุ เชน พริก กะเพรา โหระพา และปลูกผลไม เชน มะพราว มะมวงพันธุตางๆ กลวย ขนุน เพื่อขายเปน รายไดในชวง รอพืชหลักเก็บเก่ียว เม่ือมีผลผลิตทางการเกษตรจํานวนมาก ก็จะนํามาแปรรูป เชน กลวยตาก กลวยเบรกแตก นําไปขาย ในตลาดเปน รายไดอ กี ทางหนงึ่ นอกจากน้ี ยงั มกี ารเลย้ี งปลานลิ ปลาตะเพยี น ในทอ งรอ ง ใหเ ศษผกั ผลไม เปน อาหารโดยไมต อ งซอื้ อาหารสําเร็จรปู ผลสําเร็จท่ีเห็นไดชัดเจนคือ แปลงบัว หรือ นาบัว มพี น้ื ที่ 20 ไร เปน แปลงเกษตรทที่ าํ รายไดม ากทส่ี ดุ สามารถ สรางรายไดท้ังรายวัน รายเดือน และรายป เกษตรกรจะมี รายไดจากการตัดดอกบัวขายทุกวัน เฉล่ียวันละประมาณ 2,000 บาท และยังมีรายไดจากปลาท่ีเล้ียงในแปลงบัว ปละ ไมต่ํากวา 40,000 บาท นอกจากนี้ รอบคันของแปลงบัว ยงั ปลกู พชื ลม ลกุ พชื ผกั สวนครวั เชน ตะไคร กะเพรา โหระพา เตยหอม เพื่อนําไปขายเปนรายไดรายวันอีกไมตํ่ากวาวันละ 300 บาท 45 พิพิธภัณฑธรรมชาติจัดการน้ําชุมชน ตามแนวพระราชดําริ
ตัวอยางแปลงเกษตรผสมผสาน ในทดี่ นิ พระราชทาน แปลงเกษตรคุณสุรีย สวัสด์ิจุน อยูในท่ีดินพระราชทาน เนื้อท่ี 20 ไร 1 งาน เปนแปลงเกษตรตัวอยางเร่ืองการใช ประโยชนที่ดินไดอยางคุมคา มีการจัดการท่ีดินและแหลงน้ําตามแนวพระราชดําริทฤษฎีใหม โดยในพื้นที่ 20 ไร 1 งาน แบง เปน พ้ืนทท่ี ํานาขาว 13 ไร แหลง นา้ํ (ขุดคูน้าํ ลอมรอบแปลงนา) 2 ไร 3 งาน พนื้ ทอี่ ยอู าศัย 2 งาน สว นทเ่ี หลอื เปน พน้ื ที่ คนั ดนิ รอบคนู าํ้ จาํ นวน 4 ไร มกี ารจดั ระบบคอื พนื้ ทท่ี าํ นาขา ว อาศยั นาํ้ จากคนู าํ้ ทอ่ี ยรู อบแปลงนา ซง่ึ ในคนู า้ํ มกี ารเลยี้ งปลา กินพชื โดยอาศยั อาหารจากการทําเกษตรผสมผสานบรเิ วณคนั ดนิ ท่ีลอ มโดยรอบ นอกจากนี้ พืชทีป่ ลกู บริเวณคันดินยังสามารถสรา งรายไดใ หกบั เจาของพ้ืนท่ี ทง้ั รายวนั และรายเดอื น ตวั อยา งเชน รายไดจ ากใบตอง พรกิ กระเพรา สามารถขายไดท กุ วนั สว นกลว ย มะละกอ มะพรา ว สามารถหมนุ เวยี นเกบ็ ผลผลติ ไดท กุ เดือน ซ่ึงท้ังหมดจะเปนรายไดเสริมระหวางท่ีรอเก็บเก่ียวขาวซึ่งเปนอาชีพหลักท่ีเปนรายไดรายป และยงั มรี ายไดจ ากการเลย้ี งปลา อกี ปล ะ 1 ครง้ั การจัดการทดี่ ินและแหลง นา้ํ ของแปลงเกษตรคุณสุรีย สวสั ด์จิ ุน บา นศาลาดิน ตําบลมหาสวัสดิ์ อําเภอพทุ ธมณฑล จงั หวดั นครปฐม 46
สรุปความสาเรจ็ กอ น หลัง การบริหารจัดการนํ้า • น้ําทว มขงั เปนเวลานานและเนา เสีย • ชมุ ชนและ อบต.มหาสวัสดิ์ มีสวนรว มบริหารจัดการนํ้า • ลาํ คลองสาขาต้นื เขนิ และตนั ไมส ามารถระบายนา้ํ ไดอ ยางมี • ระบบนาํ้ ในชุมชนไหลเวยี นอยา งเปนระบบ • คลองตางๆ สามารถระบายน้ําไดอ ยางมปี ระสทิ ธภิ าพ ประสทิ ธิภาพ คุณภาพนํ้า ชุมชนประสบปญหาน้ําเนาเสีย สงกล่ินเหม็น รวมถึงขยะ • คุณภาพนํ้าดานกายภาพดีข้ึนอยางเห็นไดชัด เชน สีของนํ้า และสิ่งปฏกิ ลู จากครัวเรอื นท้งิ ลงคลอง ใสขึ้น ไมมีกลิ่นเหม็น ขยะตามลาํ คลองลดลง • สิ่งปฏิกูลจากครัวเรือนริมคลองลดลง เน่ืองจากมีการติดต้ัง ถงั ดักไขมนั ในครัวเรอื นรมิ คลองทกุ หลงั คาเรอื น ระบบนิเวศ • คลองมหาสวัสดิ์และคลองสาขาเต็มไปดวยผักตบชวา เรือ • เรือสามารถสัญจรไดโดยสะดวก เหลือเพียงแตผักตบชวา ไมสามารถสัญจรได สว นหนึง่ ท่ีลอยมาตามกระแสนา้ํ • บางจดุ ในลาํ คลองไมพ บสตั วน า้ํ อยอู าศยั เนอ่ื งจากนา้ํ เนา เสยี • จํานวนสตั วน าํ้ ท่ีอยอู าศยั ในคลองตา งๆ เพ่ิมข้นึ • รมิ ตลงิ่ ตลอดแนวคลองมหาสวสั ดแ์ิ ละคลองสาขาเตม็ ไปดว ย • ริมตล่ิงทุกคลองดูสะอาดเรียบรอย และมีไมยืนตนซ่ึงเปน หญารก ไมทองถ่ิน ปลูกเปน แนวตลอดสองฝง คลองมหาสวัสด์ิ ปจ จบุ นั 47 พิพิธภัณฑธรรมชาติจัดการนํ้าชุมชน ตามแนวพระราชดําริ
เม่อื ชมุ ชนไดท าํ งานรวมกับมูลนธิ ฯิ ชมุ ชนไดเรยี นรถู งึ วิธกี ารแกปญหา อยางย่ังยืนดวยการใชเหตุและผล บนปาาระยนธวศาันานลชวายั สิดสาินหวตสัก.ดจิ ม์ิแชหดุมางชสนวกัสลดุม์ิ อผ.ูใพชทุ น ธ้ํามเพณ่อื ฑกลารจเ.กนษคตรรปฐม เมื่อชุมชนไดทํางานรวมกับมูลนิธิอุทกพัฒน ในพระบรมราชูปถัมภ ชุมชนไดเรียนรูถึงวิธีการแกปญหา อยางย่ังยืน ดวยการใชเหตุและผล เขาใจพ้ืนท่ี เขาถึงปญหา รูท่ีมาท่ีไป ไดเรียนรูวิธีการทําแผนท่ี การใช GPS และแผนที่ มาแกปญหา และพัฒนาชุมชนไดอยางย่ังยืนและเปนระบบ ทางชมุ ชนไดต ง้ั กลมุ ผใู ชน าํ้ ขน้ึ ทาํ ใหม กี ารทาํ งานอยา งมรี ะบบ มีการนําระบบถังดักไขมันเขามาใช และพัฒนาถังดักไขมัน ในอดีตชุมชนบานศาลาดินเราอยูรวมกับสายน้ํา จนใชการไดเปนอยางดี มีการเฝาระวังตรวจวัดคุณภาพน้ํา ใชน้ําเปนทางสัญจร ใชประกอบอาชีพ ไปจนถึงใชอุปโภค เปน ประจาํ ทาํ ใหช มุ ชนตน่ื ตวั ในการดแู ลรกั ษาคคู ลอง ชมุ ชน และบรโิ ภค ตอ มาหลงั ป 2538 มถี นนตดั ผา นเขา มาถงึ หมบู า น ไดเรียนรู ถึงการแกปญหานํ้าเสียโดยวิธีธรรมชาติ ดวยการ ทาํ ใหเ กดิ การเปลย่ี นแปลงวธิ กี ารเดนิ ทางของชมุ ชน จากคลอง เปดพื้นท่ี ใหน้ําไหลไดสะดวกท่ัวทั้งชุมชน ทําใหคุณภาพนํ้า เปน ถนน ความสาํ คญั ของลาํ คลองจงึ ลดลง ตอ มากม็ รี ะบบนาํ้ ดีขึ้น นอกจากน้ียังไดแกปญหาผักตบชวาไดในระยะยาว บาดาลเขา ชมุ ชนอกี ทาํ ใหค ลองหมดความสาํ คญั ดา นการอปุ โภค โดยการนาํ มาสรา งมลู คา เพม่ิ ทาํ ดนิ พรอ มปลกู ผสมผกั ตบชวา เหลือเพียงใชสําหรับการเกษตรเปนหลัก คลองก็เร่ิมกลาย เพื่อแกปญหาของชุมชนและเกิดรายได การแกปญหาครั้งนี้ เปนที่ท้ิงขยะตางๆ แถมยังมีการใชสารเคมีที่เปนอันตราย ยงั ทาํ ใหเ กดิ กองทนุ ดแู ลและจดั การนาํ้ และมผี ลใหเ กดิ การดแู ล ตอสัตวน้ําในการทําเกษตร ลําคลองเต็มไปดวยผักตบชวา รักษาคคู ลองอยา งย่ังยนื ขยะ สัตวนํ้าลดลงอยางเห็นไดชัด คุณภาพน้ําเร่ิมเนาเสีย ทาํ ใหม ีปญหาเรือ่ งการใชน า้ํ ทาํ การเกษตรและใชเ รอื เดินทาง ไมไดเ ลย ปญ หานา้ํ เนา เสยี ทสี่ ง ผลกระทบตอ ชมุ ชน ทาํ ใหช มุ ชน หันกลับมาใหความสําคัญกับคูคลอง เร่ิมรณรงคไมทิ้งขยะ ในคูคลอง ไมใชสารเคมีทําการเกษตร และไดรวมกับ อบต. เก็บขยะและรักษาคูคลอง รวมกันปลอยสัตวน้ําลงคูคลอง เพื่อขยายพันธุสัตวนํ้า และทําคลองใหเปนแหลงทองเที่ยว เพอ่ื คืนชวี ิตใหคลอง แตต อ มาชุมชนเมืองเริ่มขยายและมกี าร ปลอ ยนาํ้ เสยี ชมุ ชนจงึ เรม่ิ นาํ จลุ นิ ทรยี เ ขา มาใช แตก ย็ งั มปี ญ หา อยา งตอเนอ่ื งเพราะขาดแกนนาํ บา นศาลาดนิ ตําบลมหาสวัสดิ์ อาํ เภอพทุ ธมณฑล จงั หวัดนครปฐม 48
แผนทีจ่ ัดการนำ้ ชุมชน ตามแนวพระราชดำริ บานศาลาดนิ ตำบลมหาสวัสดิ์ อำเภอพทุ ธมณฑล จังหวดั นครปฐม คลองโยง แมน ้ำทาจีน คลองโรงเจ สะพานคลองโรงเจ คลองปฏิรูป 1 คลองกำนันขาว คลองปฏิรปู 2 คลอเฉงหลมมิ อศมรีเจา คลองตาหลี 4 3 แปลงเกษตร คลองตาเปง 2นาบัว 1 ศาลาทานำ้ คำอธิบายสัญลักษณ คลองมหาสวัสด์ิ จดุ ศึกษา คลองริมทางรถไฟ ประตูระบายนำ้ คลองสคุ ต คลองบางเตย คลอง ถนน แนวคลองทท่ี ำการ ขดุ ลอก ป ๒๕๕๖ แนวคลองทีท่ ำการ ขดุ ลอก ป ๒๕๕๗ ทิศทางการไหลของนำ้ ทอ ลอด
วงั บัวแดง แฟลนะกฟธรเูแรชะหรจอ มลามยชง ตานนตอาํ้า้ํ ิ จงั หวดั หนองคาย สภาพปญ หาและจดุ เปลี่ยนแปลง พ้นื ที่นํ้าทว ม - นํ้าแลง แหลง นา้ํ ในตาํ บลเวยี งคกุ มตี น กาํ เนดิ มาจากเทอื กเขา ภูเกา-ภูพานคํา จังหวัดหนองบัวลําภู ไหลลงสูพื้นที่รับน้ํา สําคัญคือ “หนองเบ็น-หนองบอ” (วังบัวแดง) ที่ตําบล เวียงคุกและตําบลปะโค กอนลงสูแมน้ําโขง เกิดเปนระบบ นิเวศพนื้ ทีช่ ุมนํา้ หรือทช่ี าวบานเรยี กวา ปาบงุ ปาทาม ตอ มา ชาวบานไดเขามาจับจองพ้ืนที่ปาทามเพื่อแผวถางทําเปน นาขา ว ทาํ ใหพ นื้ ทปี่ า บงุ ปา ทามถกู ทาํ ลายหายไป และในป พ.ศ. 2501 มกี ารกอ สรา งทาง เสน ทางหนองคาย - ทา บอ สง ผลใหเ กดิ การเปลยี่ นแปลงธรรมชาตกิ ารไหล ของนา้ํ ประกอบกบั สภาพลาํ หว ยสาขาไมไ ดร บั การดูแล ทําใหในปท่ีมีน้ํามากจะเกิดนํ้าหลาก และทวมขังในพ้ืนท่ีนานกวา 30 วัน เน่ืองจาก ไมส ามารถระบายนา้ํ ลงสแู มน าํ้ โขงไดทัน นำ้ ทวมในอดีต วังบัวแดง จังหวัดหนองคาย 50
ปญหานํา้ ทวมซํา้ ซากในพน้ื ท่ี แหลงน้ําต้ืนเขิน มวี ัชพชื หนาแนน นอกจากนี้ แหลงน้ําในพ้ืนท่ียังมีสภาพต้ืนเขินจากตะกอนและวัชพืชหนาแนน ทําใหประสิทธิภาพการกักเก็บน้ํา ลดลง เมื่อถึงฤดูแลง นํ้าในหนองจึงแหงขอดอยางรวดเร็ว เกิดการบุกรุกแหลงน้ําและประสบปญหาขาดแคลนนํ้า เพอื่ ทาํ การเกษตรในฤดแู ลง ของทกุ ป เปน ปญ หาน้าํ ทวมนาํ้ แลงซา้ํ ซากของชมุ ชนตอ เนอื่ งมานานกวา 40 ป จากปญหานํ้าทวม นํ้าแลงในพื้นที่ ที่เกิดข้ึนตอเนื่องกวา 40 ป ทําใหชุมชนเริ่มปรับเปลี่ยนวิธีคิดและพฤติกรรม จากเดิมท่ีรอความชวยเหลือจากภาครัฐเพียงอยางเดียว มาสูการจัดการภายในชุมชนดวยตนเองรวมกัน สรุปปญหา ทแี่ ทจ ริง โดยการสํารวจหาวิธีแกปญหาจากแหลงนาํ้ เดมิ ทมี่ ีอยูตามธรรมชาติ ใหเ ชอ่ื มตอและจดั การได จุดเร่ิมตนการเปล่ียนแปลงท่ีสําคัญ เกิดขึ้นในป พ.ศ. 2554 ชุมชนตําบลเวียงคุกไดเขารวม “โครงการจัดการน้ํา ชุมชนเพ่ือแกปญหาภัยแลง น้ําทวม ในพื้นที่นอกเขตชลประทาน โดยชุมชนอยางยั่งยืน 84 แหง” ดําเนินงานภายใต “คณะกรรมการบริหารจัดการนํ้าชุมชน ตําบลเวียงคุก” ไดนอมนําแนวพระราชดําริ ในการพัฒนาหรือการแกปญหาใดๆ ตอ งคาํ นึงถงึ ภมู ิสังคม ทาํ งานอยางมีสว นรว ม คํานึงถงึ ประโยชนสว นรวมเปนหลกั จาก “กรอบคิด” และ “กรอบงาน” สกู ารจัดการนาํ้ ชุมชน ตามแนวพระราชดําริ ในป พ.ศ. 2554 ชุมชนเรม่ิ ปรับเปลย่ี นวธิ คี ดิ และพฤติกรรม มาใชแ นวพระราชดาํ ริ ดังนี้ กรอบคดิ กรอบงาน จากเดิมที่รอคอยความชวยเหลือจากภาครัฐ เกบ็ ขอ มลู และสรปุ ปญ หาทแ่ี ทจ รงิ โดยประยกุ ต มาพึ่งตนเองและทํางานท่ีเหมาะสมกับพ้ืนที่ (ภูมิสังคม) ใชเ ทคโนโลยี เชน แผนทภี่ าพถา ยจากดาวเทยี ม เครอ่ื งระบุ เพื่อใหเกิดความย่ังยืน โดยการลงมือทําและสรางตัวอยาง พกิ ดั (GPS) เกดิ แผนงานและแนวคดิ ทเ่ี ชอ่ื มโยงกบั พน้ื ทจ่ี รงิ ความสาํ เรจ็ ดําเนินการปรับปรุงแหลงน้ํา แลวสามารถขยายผลงาน พัฒนาและเครอื ขา ยการทํางานรวมกนั 51 พิพิธภัณฑธรรมชาติจัดการน้ําชุมชน ตามแนวพระราชดําริ
งานอนุรักษและงานพัฒนา คงความสมดุลระบบนิเวศวังบัวแดง และรักษาระดับน้ําใหเหมาะสม โดยไมไดขุดลอกท้ังพ้ืนท่ีหนองนํ้า แตพัฒนา งานขดุ ลอกคลองเปน รอ งนา้ํ ลกึ รอบขอบเขตพน้ื ทภ่ี ายในหนองนา้ํ สาธารณะ เพอ่ื เพมิ่ พนื้ ทก่ี กั เกบ็ นา้ํ กระจายนา้ํ และเชอื่ มตอ แหลง นา้ํ ในพน้ื ท่ี ทาํ ใหน า้ํ ไหลเวยี นดขี น้ึ ระบบนเิ วศฟน คนื กลบั มา คลองรอบหนองชว ยกนั้ แนวเขตพนื้ ทส่ี าธารณะ สว นดนิ ทขี่ ดุ นํามาใชเสริมคันดินใหสูงข้ึน ชวยทําใหกักเก็บน้ําไวในหนองไดมากขึ้นดวย ความลกึ เดิม ขรุดอลบอหกนคลอองง คนั ดนิ ใหม คันดนิ เดิม ชุมชนไดพัฒนาและปรับปรุงโครงสรางนํ้าเดิม เช่ือมโยงแหลงนํ้าในพ้ืนที่ และบริหารจัดการนํ้าอยางเปนระบบ เปนจดุ เร่ิมตนของการดําเนนิ งาน ดังนี้ ป พ.ศ. 2554 พ.ศ. 2554 ชุมชนดําเนินงานพัฒนาโครงสรางน้ํา ภายใตโครงการจัดการนํ้า เพอ่ื เพมิ่ ประสทิ ธภิ าพแหลง นา้ํ ตาํ บลเวยี งคกุ (บา นไผ สที อง) ดว ยการขดุ ลอก คลองรอบหนองเบญ็ ระยะทาง 2,650 เมตร และขดุ ลอกคลองระยะทาง 20 เมตร เพื่อเปดทางนํ้าใหเขาสูเครื่องสูบนํ้า สามารถกักเก็บนํ้าและกระจายน้ํา เขาสูพื้นที่การเกษตรประมาณ 3,000 ไร และชวยบรรเทา ปญหานํ้าทวมขัง ในพื้นทชี่ มุ ชน จากเดมิ ที่ทว มขงั 30 วัน ลดเหลอื เพยี ง 15 วัน พ.ศ. 2555 ขุดลอกคลอง กวาง 12 ม. ลึก 4 ม. ระยะทาง 2,650 ม. ขุดลอกคลอง กวาง 13 ม. ลึก 5 ม. ระยะทาง 2,420 ม. ป พ.ศ. 2555 โครงการจัดการนํ้าเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพแหลงน้ํา ขุดลอกคลอง กวาง 13 ม. ลึก 5 ม. ตําบลเวียงคุกในพ้ืนท่ีขยายผล (บานนาเหลา-บานเวียงแกว) ขุดลอกคลองรอบหนองเบ็ญ จํานวน 2 ชวง รวมระยะทาง 2,720 เมตร ระยะทาง 300 ม. วังบัวแดง จังหวัดหนองคาย 52
ป พ.ศ. 2556 ขยายพ้ืนท่ีเครือขายจัดการน้ําไปสูตําบลขางเคียง ประกอบดวย ตําบลปะโค ตําบลพระธาตุบังพวน ชุมชน ดาํ เนนิ โครงการขดุ ลอกลาํ หว ยเพอื่ แกป ญ หาภยั แลง (บา นโคกคาํ ตําบลพระธาตุบังพวน) ขุดลอกลําหวยไผบาน พรอมคันดิน ระยะทาง 620 เมตร และขดุ ลอกแกมลงิ ลําหว ยไผบา น พ.ศ. 2556 53 พิพิธภัณฑธรรมชาติจัดการน้ําชุมชน ตามแนวพระราชดําริ
ผลสา เร็จ ผลสําเร็จที่เกิดขึ้น สามารถแกปญหาน้ําทวมพื้นท่ีชุมชนประมาณ 2,000 ครัวเรือน ใน 3 ตําบล (ตนน้ํา-ตําบล พระธาตุบังพวน กลางน้ํา-ตําบลปะโค และปลายนํ้า-ตําบลเวียงคุก) และบรรเทาน้ําทวมขังในพ้ืนที่การเกษตรมากกวา 3,000 ไร ใน 4 ตําบล (ตนน้ํา-ตําบลพระธาตุบังพวนและตําบลบานถอน กลางนํ้า-ตําบลปะโค และปลายนํ้า-ตําบลเวียงคุก) ประหยัดงบประมาณชดเชยบอปลา 21,310 บาท/5 ไร ชดเชยบอกุง 140,000 บาท/2 บอ และชดเชยความเสียหาย ในนาขาว 2,000 บาท/ไร นอกจากนี้ ยังสามารถกักเก็บน้ําและกระจายนํ้าเขาสูพื้นท่ีการเกษตรกวา 12,443 ไร เกิดการเปลี่ยนแปลงของ ระบบนิเวศรอบหนองเบญ็ มีดอกบวั เกิดขึน้ จาํ นวนมาก พบนกปากหาง นกเปดน้าํ และปลาตา งๆ สรปุ ความสา เรจ็ กอ น หลัง นา้ํ ทวม ประสบปญ หานํ้าทวมขังนาน 30 วัน นา้ํ ทว มขังลดเหลือ 15 วนั • บรรเทาปญ หานา้ํ ทว มพน้ื ทช่ี มุ ชนประมาณ 2,000 ครวั เรอื น ใน 3 ตําบล (ตําบลพระธาตุบังพวน ตําบลปะโค และตําบล เวยี งคุก) • บรรเทานํ้าทวมขังในพ้ืนท่ีการเกษตรมากกวา 3,000 ไร ใน 4 ตาํ บล (ตาํ บลพระธาตบุ งั พวน ตาํ บลบา นถอ น ตาํ บลปะโค และตาํ บลเวยี งคุก) นา้ํ แลง ประสบปญ หาขาดแคลนนา้ํ ในฤดแู ลง ตอ เนอื่ งมานานกวา 40 ป มีนํา้ ใชท าํ การเกษตรเพยี งพอตลอดทัง้ ป • กระจายนํ้าเขา สูพ ้ืนท่กี ารเกษตรประมาณ 12,443 ไร • เพมิ่ พื้นที่การเกษตร 350 ไร การบริหารจดั การนา้ํ • ไมส ามารถบรหิ ารจัดการนํ้าเขา-ออกได • เกดิ ระบบเชื่อมตอ ทางนา้ํ เขา –ออก • ไมส ามารถระบายนํ้าลงสูแ มน้ําโขงและกกั เกบ็ นํ้าได • เชอื่ มตอ แมนา้ํ โขง และกักเกบ็ นาํ้ เพือ่ การเกษตรได • เกิดแนวเขตหนองน้าํ ท่ีชัดเจน ปองกนั การบุกรุก ระบบนเิ วศ • ป พ.ศ. 2509 เกิดผักตบชวาจํานวนมาก บัวแดงที่เคยมีอยู • ป พ.ศ. 2555 ระบบนเิ วศเร่มิ ฟน คนื มบี วั แดงเกิดขึ้นจํานวน ในวงั บัวแดง หายไป มากในวังบัวแดง • ระบบนเิ วศปาบงุ ปาทาม หายไป • เร่ิมมีการวางไขของปลาน้ําโขง และพบปลาทองถิ่น เชน • ปลาทอ งถนิ่ สญู พันธุ เชน ปลากราย ปลาตอง ปลาเน้อื ออน ปลากราย ปลาตอง มปี ลาตา งถ่ินมาแทนที่ เชน ปลาชะโด ปลานลิ ปลายีส่ ก • เร่ิมพบนกประจําถน่ิ และนกนาํ้ เชน นกเปดน้ํา นกปากหา ง • นกประจาํ ถ่ินและนกนาํ้ หายไปจากพื้นท่ี วังบัวแดง จังหวัดหนองคาย 54
การเปลี่ยนแปลงหลงั จากขุดลอก พ.ศ. 2553 กอนดําเนินการ พ.ศ. 2554 ระหวางดําเนินการ พ.ศ. 2555 หลังดําเนินการ พ.ศ. 2556 ปจจบุ นั 55 พิพิธภัณฑธรรมชาติจัดการน้ําชุมชน ตามแนวพระราชดําริ
Search