หนังสือเรือ่ ง “แกงแค ทสี่ ดุ แห่งอาหารล้านนาเพอื่ การรกั ษาและดแู ล สขุ ภาพ” กลา่ วได้วา่ แกงแคเป็นอาหารพ้ืนบา้ นของคนภาคเหนอื ที่มผี นู้ ยิ มรับ ประทานมากเปน็ อันดบั ตน้ ๆ เพราะมรี สชาตกิ ลมกลอมของพชื ผักสมนุ ไพรที่ หาไดต้ ามริมรัว้ เช่น ผักต�ำ ลงึ ผกั เผด็ ชะอม มะเขือข่นื มะเขอื พวง และผกั อืน่ ๆ อีกมากมาย เพ่ือนำ�มารังสรรคก์ ลายเปน็ อาหารคู่ครวั เรอื นของชาวล้านนา จนมาถงึ ปจั จบุ นั ผจู้ ัดทำ�จงึ เห็นว่า คณุ คา่ ของพชื ผักสมนุ ไพรและอาหารพืน้ บา้ นดีตอ่ สุขภาพ ช่วยดูแลสมดลุ ภายในร่างกายทำ�ใหม้ ีสขุ ภาพที่ดจี ากภายในสู่ภายนอก ทงั้ นีท้ ง้ั นั้น ผจู้ ดั ทำ�ไดด้ ดั แปลงเปน็ รปู หนังสืออิเลก็ ทรอนกิ ส์แบบมีปฏิสมั พันธ์ ตอ่ ผู้อา่ น ผ้อู ่านสามารถศกึ ษาหาความรู้เกีย่ วกบั เร่อื งพชื ผักท่เี ปน็ สมนุ ไพร โดยมีเนือ้ หาบรรยายและภาพประกอบทงั้ รปู แบบของวิดีทัศน์และภาพนง่ิ อีกทงั้ ยังสามารถศึกษาลักษณะทางพฤกษศาสตร์ของพืชชนิดนั้นตลอดจนเนื้อหา เกี่ยวกับสรรพคุณ-ข้อควรระวังในการรับประทานและความเช่ือของชาวล้านนา ทีม่ ีตอ่ พืชผักสมุนไพร นอกจากน้ีผูอ้ ่านยงั เพลิดเพลนิ กบั กรรมวิธีในการท�ำ เมนแู กงแค ไมว่ า่ จะเปน็ กรรมวธิ ีการต�ำ นาํ้ พรกิ กรรมวธิ กี ารท�ำ แกงแคไก่บ้าน และแกงแคหอยขม ตลอดจนเคล็ดลับในการทำ�แกงแค ผู้จัดทำ�จึงใคร่ขอให้ผู้อ่านได้เพลิดเพลินกับเนื้อหาและได้รับองค์ความรู้ ในหนังสอื เล่มนีเ้ พิม่ มากยิ่งข้ึน เพอื่ เปน็ ความรแู้ ละเสริมสรา้ งสุขภาพทีด่ ี ใหก้ บั ตนเองและครอบครัวให้ดียงิ่ ข้ึนไป คณะศลิ ปศาสตร์ มหาวทิ ยาลยั แม่โจ้ 63 หมู่ 4 ตำ�บลหนองหาร อ�ำ เภอสันทราย เชยี งใหม่ 50290 โทรศัพท:์ 053-875200-7 แฟกซ์: 053-875208 website: www.libarts.mju.ac.th
สารบญั
อาหารลว้าฒั นนธนรราม 074
“วฒั นธรรมอาหารล้านนา” ถอื ไดว้ ่าเป็นเอกลักษณด์ า้ นหน่งึ ของชาวลา้ นนา ท่ีมีคณุ ค่าต่อการศึกษา เป็นภูมิปัญญาทสี่ ามารถสะท้อนใหเ้ ห็นถึงความซับซอ้ นทางสงั คม และวฒั นธรรม ท่เี กดิ จากความร้คู วามเขา้ ใจธรรมชาติ และเป็นองคค์ วามรทู้ ่เี กดิ จาก วถิ กี ารใช้ชีวติ จริงอยา่ งได้ผลมาเป็นเวลานับรอ้ ย ๆ ปี อาหารของชาวลา้ นนาไม่เพยี งแต่มรี สชาตทิ อ่ี รอ่ ยกลมกล่อม หลากหลายรส แต่ยังแสดงถึงเอกลักษณ์ที่บ่งบอกถึงวัฒนธรรมความเป็นอยู่ของความเป็นล้านนา อีกดว้ ย เพราะนอกจากชาวลา้ นนาจะไดป้ ระกอบอาหารส�ำ หรบั ชีวิตประจ�ำ วนั แลว้ ยัง นำ�มาประกอบอาหารในพธิ กี รรม โดยมกี ารสอดแทรกความเชื่อ เช่น ในพธิ ีกรรมเล้ยี ง ผปี ยู่ า่ ประเพณีสงกรานต์ วนั เขา้ พรรษา ออกพรรษาและเทศกาลตานขา้ วใหม่ เปน็ ต้น ยกตวั อยา่ งอาหารกับความเช่ือของชาวลา้ นนาในวนั ส�ำ คญั คือ วนั ปากป๋ี เป็นวนั ทส่ี ่ี ของประเพณสี งกรานต์ ชาวลา้ นนาทกุ ครอบครวั จะตอ้ งกนิ แกงขนนุ เพราะมีความ เชือ่ ทีว่ า่ จะหนนุ ชีวติ ใหเ้ จรญิ กา้ วหนา้ เป็นต้น อีกท้งั อาหารล้านนายงั มกี ารผสมผสานขา้ มวัฒนธรรม ซ่ึงมกี ารแลกเปลย่ี น วฒั นธรรมอาหารบางชนดิ เชน่ แกงฮงั เล เปน็ อาหารของชาวไทใหญท่ ่ไี ดร้ ับอทิ ธพิ ล มาจากประเทศพม่า ขา้ วซอย เปน็ อาหารของชาวไทลอ้ื ที่นำ�มาเผยแพร่ในเขตภาคเหนอื ขนมจีนนํา้ เง้ียว หรอื ขนมเสน้ หมากเขือส้มเป็นอาหารพื้นเมอื งของคนไทใหญ่ เป็นตน้ ทัง้ น้ ี ชาวล้านนาจึงมีความเป็นอยู่ที่เป็นเอกลักษณ์โดยอาหารล้าน นาถือว่าเป็นทุนทางของท้องถ่ินซึ่งมีการสั่งสมเป็นภูมิปัญญาและถ่ายทอดจาก อดีตจนถึงปัจจุบันทำ�ให้ชาวล้านนามีพฤติกรรมการกินอาหารแบบด้ังเดิมซ่ึงเป็น การสร้างคณุ ค่าทำ�ใหเ้ กดิ ปฏิสมั พนั ธ์ทางสงั คม อนั เป็นแนวทางหน่งึ ที่ทำ�ใหว้ ัฒนธรรม อาหารลา้ นนายังคงดำ�รงอยจู่ นมาถงึ ปัจจบุ นั 085
แแกกงงแแคค แกงแค เป็นแกงทช่ี าวล้านนานยิ มรับประทานกันอย่างมาก เพราะสามารถ หาวตั ถุดิบท�ำ ได้ทกุ ฤดู แต่ผูเ้ ฒา่ ผูแ้ กแ่ นะนำ�ว่า ควรกนิ ในชว่ งฤดูรอ้ นจะอรอ่ ยกว่า ทกุ ฤดู เพราะเชอ่ื กนั ว่า ผกั บางชนิดในฤดูกาลน้ี ไม่มีกล่นิ เหม็นเขียวของผกั ส่วน ใหญ่ใชพ้ ชื ผักในสวนครัวหรือริมรั้วบา้ น เชน่ ผกั แคบ (ผักต�ำ ลงึ ), ผกั เผ็ด (ผกั คราด), ผักหละ (ชะอม), ดอกแค, มะเขือเปราะ, มะเขือยาว, มะเขือพวง, เหด็ ลม, ผกั ชฝี รั่ง, ดอกข่า, จกั ค่าน, ใบพริก หรือผกั อน่ื ๆ ที่หาไดต้ ามฤดูกาลต่าง ๆ ดังค�ำ เปรยี บเปรยทีว่ า่ “แกงแคเปน็ แกงใส่ผกั ได้มากกวา่ ๑๐๘ ชนิด” แตไ่ ม่ได้หมายความวา่ ตอ้ งใส่ผักทง้ั หมด ลงไปในหม้อเดียว หากแต่หมายความถึง ใสผ่ ักอะไรก็ไดท้ ีส่ ามารถใหไ้ ด้งา่ ย 06
เนื้อสัตว์ท่นี ิยมนำ�มาใส่คูก่ บั แกงแคมากทส่ี ดุ คือ “แกงแคไก่เมือง” นอกจากน้ยี ังมีแกงแคจนิ้ งัว (เน้อื ววั ), แกงแคปลาแห้ง, แกงแคนก, แกงแคกบ ความอรอ่ ยของแกงแคอย่ตู รงรสและกลน่ิ ของผัก ทีผ่ สมผสานเขา้ กันของ นํ้าแกง รสชาติของแกงแคจะเค็มเผด็ น�ำ โดยเฉพาะรสเผ็ดออ่ น ๆ ของจักคา่ น ท่ีเปน็ เอกลักษณ์ของแกงแคกว็ า่ ได้ ซงึ่ แกงแคที่ชาวลา้ นนานิยมรบั ประทานอกี อยา่ งคอื “แกงแคหอยจบุ๊ ” หรอื “แกงแคหอยขม” ซงึ่ จะหาทานน้ัน ตอ้ งอยู่ ในชว่ งฤดฝู น ความแปลกและแตกต่างจากแกงแคอน่ื คอื การใสข่ า้ วคว่ั ซึ่งท�ำ มาจากขา้ วสารขา้ วเหนียวนำ�ไปคว่ั แลว้ โขลกใหล้ ะเอียด แล้วในมาใส่ในแกง เพ่ือ ช่วยทำ�ใหน้ ้ําแกงมีความขน้ ขลุกขลกิ และมีกลิน่ หอม 07
ผกั สมุนไพร ผกั สมุนไพรทอ่ี ยู่ในสว่ น
รในแกงแค นผสมของน้ํำ�พรกิ แกงแค
ช่ือพื้นเมอื ง กา้ นเถิง, ผกั กา้ นถงึ (ภาคเหนอื ) ชอ่ื วทิ ยาศาสตร ์ Colubrina asiatica (L.) Brongn. จัดอยู่ในวงศ์พุทรา (RHAMNACEAE) ลักษณะทางพฤกษศาสตร์ ตน้ : ไมพ้ ุ่มขนาดกลางก่งึ เลอ้ื ย ลำ�ตน้ ต้ังตรง แตกกิ่งก้านมากต้งั แต่โคนต้น เปลอื กตน้ สเี ขยี วเขม้ เปน็ มนั สงู 1-9 เมตร เปลือกล�ำ ตน้ มรี อยแตกเปน็ ร่อง ตนื้ ๆ ถ่ีๆ และตามล�ำ ต้นมตี าทท่ี ง้ิ ใบเป็นต่มุ ห่างๆ ใบ : เดีย่ ว เรียงสลับ รูปไข่ รปู ไข่กวา้ ง หรือรปู หัวใจ กว้าง 3-6 ซม. ยาว 5-9 ซม. กา้ นใบยาว 1-1.6 ซม. มขี น โคนใบตัดและหยกั เวา้ คลา้ ยรูปหวั ใจตนื้ ปลายใบแหลม ขอบใบหยักมนแกมฟันเลอื่ ยละเอียด แผน่ ใบบาง หลงั ใบเรยี บ ทอ้ งใบมขี นทีเ่ ส้นใบ ผวิ ใบมันเงาทง้ั สองด้าน มเี สน้ ใบ 3 เสน้ ออกจากโคนใบ เส้นใบขา้ ง 3-4 เส้น ออกจากเสน้ กลางใบ หใู บขนาดเล็ก ยาว 1-1.5 มม. ดอก : ช่อกระจกุ ออกที่ซอกใบ ชอ่ ดอกยาว 1 ซม. ดอกมขี นาดเลก็ เส้น ผ่านศนู ย์กลาง 4-5 มม. กา้ นดอกยอ่ ยยาว 2-3 มม. ดอกย่อยประกอบดว้ ย ดอกสมบรู ณเ์ พศ 2-3 ดอก และดอกตวั ผหู้ ลายดอก เกสรตัวผมู้ ี 5 อนั กลบี ดอกสีเหลอื งแกมเขยี ว มี 5 กลบี รปู ไขก่ ลบั ยาวเทา่ กับเกสรเพศผู้ ประมาณ 1 มม. และมเี กสรเพศผตู้ ิดอยู่ ปลายกลีบดอกแหลม โคนกลบี ดอกติดกนั ที่ฐาน ดอก จานรองสเี หลืองสม้ รังไขม่ ี 2-3 ห้อง หลอมรวมกับจานรอง กลบี เล้ยี ง 5 กลบี รปู สามเหล่ียม สีเขยี วสด ผล : ผลสด รูปทรงกลม คลา้ ยหมอ้ ดนิ ผิวเรียบเปน็ มัน สเี ขยี วแล้วเปลี่ยน เปน็ สนี ํ้าตาลเมื่อแก่ ขนาดเส้นผา่ นศนู ยก์ ลาง 8-9 มม. ท่ขี วั้ ผลมีวงกลีบ เลีย้ งสเี ขียวตดิ อยู่ ปลายผลเว้าเข้า แบ่งเปน็ 3 พู ก้านผลยาว 4-6 มม. เมล็ด ขนาดเลก็ แบน ขนาด 5-6 x 4-5 มม. สีนํา้ ตาลเทา มี 3 เมล็ด 10
สรรพคุณของคนั ทรง การนำ�คันทรงไปประกอบอาหาร ใบ: มีรสขม ชว่ ยท�ำ ใหเ้ จรญิ อาหาร หากน�ำ มาปรงุ เปน็ ยา ใบอ่อนและยอดอ่อนนำ�มาน่ึงหรือต้มให้สุกใช้ ตม้ ใชท้ าบรรเทาอาการระคายเคอื งทผ่ี วิ อาการแพ้ ผน่ื คัน รับประทานเป็นผักจ้ิมร่วมกับนํ้าพริกน้ําพริกปลาร้า โรคผวิ หนังอกั เสบ ฝี และชว่ ยรกั ษาโรคผวิ หนังได้บางชนิด ตาแดง หรือใชเ้ ปน็ ผักรองห่อหมก และยงั นำ�มาใส่ในแกง หากนำ�เปลอื กต้นและใบใช้ต้มอาบ จะช่วยแกอ้ าการบวมท้งั แครว่ มกบั ผกั อ่ืน ๆ ใช้ทำ�แกงกับปลาย่าง ใส่ในแกงขนุน ตัวเนอ่ื งจากไตและหวั ใจพิการ ใชท้ �ำ แกงผกั คนั ทรงกุ้งสด นำ�มาทำ�แกงสม้ แกงเลียง ราก: รากมสี รรพคณุ เป็นยาเย็น ชว่ ยแก้พิษรอ้ นถอนพิษไข้ หรอื นำ�มาผดั กบั น้ํามัน โดยนิยมใช้รากคันทรงร่วมกับรากย่านางและรากผักหวานบ้าน เพือ่ ใช้เปน็ ยาหลักในตำ�รบั ยาแกไ้ ข้ แกไ้ ขพ้ ษิ ไขอ้ อกตุม่ ต่าง ๆ ข้อควรระวัง/โทษของคันทรง หากนำ�รากมาฝนกับนํ้ามะพร้าวใช้กินแก้ตานขโมยในเด็ก (โรคพยาธิในเดก็ อายุระหวา่ ง 5-13 ปี เป็นโรคที่ทำ�ใหเ้ ดก็ ใบและผลมีสารซาโปนิน มีฤทธท์ิ �ำ ให้ง่วงนอน การบริโภค มีอาการซบู ผอม อ่อนเพลีย เบ่ืออาหาร และอาจมีอาการ มากเกินไปอาจทำ�ให้เกิดอันตรายได้และสตรีมีครรภ์ไม่ ท้องเสยี ร่วมดว้ ย) ควรรับประทาน อาจท�ำ ใหแ้ ทง้ บุตรได้ ต้น: ในประเทศมาเลเซยี จะใช้ต้นนำ�มาต้มรับประทานเพ่อื ชว่ ย บรรเทาอาการของโรคกระเพาะอาหาร นํา้ มันจากเมล็ด: ส่วนนํา้ มนั จากเมล็ดก็มสี รรพคณุ เป็นยา แกไ้ ข้ด้วยเชน่ กนั ช่วยแก้อาการปวดศรี ษะ ชว่ ยแกอ้ าการชา ชว่ ยบรรเทาอาการปวด แก้อาการปวดตามร่างกาย น้าํ มัน จากเมล็ดคันทรงใชร้ ักษาโรคข้อรมู าตกิ ได้ 11
ช่อื พ้ืนเมอื ง จัก๊ คา่ น (ภาษาเหนือ) สะคา้ น, ตะคา้ น (ภาษากลาง) ชอ่ื วทิ ยาศาสตร ์ Piper wallichii (Miq.) Hand.-Mazz. อยู่ในวงศ์ PIPERACEAE ลกั ษณะทางพฤกษศาสตร์ ตน้ : จดั เปน็ ไม้เถาขนาดกลางเล้อื ยพาดพนั กับตน้ ไมอ้ ่ืน มีรากงอก ออกตามข้อ ไม่มีเน้ือไม้ มขี นาดเส้นผ่านศนู ย์กลางประมาณ 4-5 ซม. เถายาวประมาณ 5-6 เมตร เนอื้ เถามีหนา้ ตดั เป็นรศั มี สว่ นเปลอื ก เถาคอ่ นขา้ งอ่อนเน้อื สีขาว ใบ : เป็นใบเดีย่ ว ออกเรยี งสลบั ลกั ษณะของใบเปน็ รปู แกมรปู รี ปลาย ใบแหลม โคนใบแหลมหรือเปน็ รูปหวั ใจ ใบมขี นาดกว้างประมาณ 5-10 ชม. และยาวประมาณ 10-15 ซม. แผน่ ใบเรยี บท้ังสองดา้ น ดอก : ออกดอกเป็นชอ่ ยาวหอ้ ยลงตามซอกใบ ดอกมขี นาดเลก็ มาก เรียงอดั กันแนน่ บนแกนชอ่ ดอก ผล : ผลเปน็ ผลสดขนาดเลก็ มีลักษณะกลม 12
สรรพคุณของจกั ค่าน การนำ�จกั คา่ นไปประกอบอาหาร เถา เถาเลก็ มีสรรพคณุ เปน็ ยาบำ�รุงก�ำ ลัง และใช้ปรงุ รว่ ม จักค่านเน้ือนนั้ นำ�มาประกอบอาหารเมอื งหลายอยา่ ง กับยาธาตุ เป็นยาแกบ้ �ำ รงุ ธาตุ แกธ้ าตุพกิ าร เปน็ ยาประจ�ำ แตจ่ ะพบไดบ้ อ่ ยใน แกงแค นอกจากน้ียงั น�ำ ไปใส่ในต้มเน้อื ธาตุลม หากนำ�เถาและใบมาผสมกันมีสรรพคุณเป็นยาขับ ตม้ ปลา แกงออ่ ม แกงขนนุ ฯลฯ ลมในล�ำ ไส้ ท�ำ ให้ผายลมและเรอ แกแ้ น่นจุกเสยี ด ใบ ใชเ้ ปน็ ยาแกล้ มในกองเสมหะโลหิต ใบมรี สเผด็ รอ้ น มสี รรพคุณเปน็ ยาแก้ธาตพุ ิการ ผล ผลก็มสี รรพคณุ เป็นยาบ�ำ รุงธาตุเชน่ กัน ผลมีรสร้อน เล็กน้อย ใช้เป็นยาแก้ลมแน่นในทรวงอก ดอก ดอกมรี สเผ็ดร้อน มีสรรพคุณเป็นยาแกล้ มอัมพฤกษ์ ลมปตั ฆาตท่ีเกิดจากพิษพรรดกึ ราก รากมีสรรพคณุ เป็นยาแกไ้ ข้ และใชเ้ ป็นยาแกห้ ดื ขอ้ ควรระวัง/โทษของจักค่าน เน่อื งจากจักคา่ นมีฤทธเ์ิ ผด็ รอ้ น จงึ ไม่ควรบริโภค หรอื ใช้เปน็ สมุนไพรมากเกินไป ข้อห้ามใช้: ห้ามใช้ในหญงิ ตง้ั ครรภ์ หา้ มใช้ในหญงิ ตกเลอื ดหลงั คลอด ผูท้ ่ีมไี ข้ และ เด็กเลก็ 13
ช่อื พ้ืนเมอื ง ผกั หละ (ภาคเหนือ) พูซูเด๊าะ (กระเหร่ยี ง, แม่ฮอ่ งสอน) ชอ่ื วทิ ยาศาสตร ์ Acacia pennata (L.) Willd. จดั อยู่ในวงศถ์ วั่ (FABACEAE หรอื LEGUMINOSAE) และอยู่ในวงศย์ ่อยสเี สยี ด (MIMOSOIDEAE หรอื MIMOSACEAE) ลักษณะทางพฤกษศาสตร์ ตน้ ใบ ดอก เป็นไม้พมุ่ ขนาดย่อม มี ใบชะอมเป็นใบประกอบสี ดอกชะอม มีขนาดเล็กออก ถิ่นกำ�เนิดในแถบเอเชียตะวันออก เขยี วขนาดเลก็ มกี ้านใบย่อยแตก ตามซอกใบ มีสีขาวถึงขาวนวล เฉียงใต้และเอเชียใต้ลำ�ต้นและก่ิง ออกจากแกนกลางใบ มลี ักษณะ ก้านจะมหี นามแหลม คล้ายกับใบส้มป่อยหรือใบกระถิน ใบออ่ นจะมกี ลนิ่ ฉุน ใบย่อยมีขนาด 14 เลก็ ออกตรงข้ามกนั คล้ายรปู รี ประมาณ 13-28 คู่ ปลายใบแหลม ขอบใบเรียบ ใบยอ่ ยจะหุบในเวลาเย็น และแผ่ออกเพือ่ รบั แสงในช่วงกลางวัน
สรรพคุณของชะอม คุณคา่ ทางโภชนาการของ ยอดชะอม 100 กรมั ช่วยตอ่ ต้านอนมุ ูลอสิ ระ เนื่องจากมีวิตามินเอสูง ผักรส มนั อย่างชะอมมีสรรพคณุ เป็นยาอายุวฒั นะ ชว่ ยในการขับถา่ ย พลงั งาน 57 กิโลแคลอรี ป้องกนั โรคท้องผูก มีสว่ นช่วยบำ�รงุ เสน้ เอน็ ช่วยแก้อาการลิน้ - เสน้ ใยอาหาร 5.7 กรัม อักเสบเป็นผ่ืนแดง - ธาตแุ คลเซยี ม 58 มลิ ลิกรัม ยอดชะอม: ชว่ ยลดความรอ้ นในรา่ งกายได้ - ธาตุฟอสฟอรัส 80 มลิ ลิกรมั รากชะอม: นำ�มาฝนกินชว่ ยแก้อาการทอ้ งอดื ท้องเฟ้อ ปวดท้อง - ธาตเุ หลก็ 4.1 มิลลิกรมั และช่วยขับลมในล�ำ ไส้ - วิตามินเอ 10066 IU - วติ ามนิ บี 1 0.05 มิลลกิ รมั ขอ้ ควรระวงั /โทษของชะอม - วติ ามนิ บี 2 0.25 มิลลิกรมั - วติ ามินบี 3 1.5 มิลลกิ รมั 1. ส�ำ หรับคุณแมท่ ีเ่ พิง่ มีบุตรออ่ น ไมค่ วรรับประทานผกั ชะอม - วิตามนิ ซี 58 มลิ ลกิ รัม เพราะจะท�ำ ใหน้ ้ํานมแมแ่ ห้งได้ 2. ผักชะอม สำ�หรับคุณแม่ลูกอ่อน จะแพ้กลิ่นของผักชนิดนี้ การนำ�ชะอมไปประกอบอาหาร เป็นอย่างมาก ดังนน้ั ควรอย่หู ่างๆ 3. การรับประทานผักชะอมในหนา้ ฝน อาจจะมีรสเปรี้ยว กลิ่นฉนุ เชน่ ไข่ชะอม ไขท่ อดชะอม ชะอมชุบไข่ แกงสม้ ชะอมกุง้ บางคร้งั อาจทำ�ให้มอี าการปวดทอ้ งได้ (ปกตนิ ยิ มรับประทาน แกงส้มชะอมไข่ น�ำ มาลวกหรือน่งึ ใช้เป็นผักจิม้ กับน้ําพริก ผกั ชะอมหน้ารอ้ น) นํา้ พริกกะปิ รบั ประทานรว่ มกบั ส้มตำ�มะมว่ ง ตำ�ส้มโอ 4. กรดยูริกเป็นตัวการที่ทำ�ให้เกิดข้ออักเสบในผู้ป่วยโรคเกาต์ หรอื จะนำ�ไปปรุงเปน็ แกงรวมกบั ปลา เนอ้ื ไก่ กบ เขยี ด ซึ่งเกิดมาจากสารพิวรีน (Purine) โดยผักชะอมนั้นก็มีสารพิวรีน หรอื ต้มเป็นอ่อม ทำ�แกงลาว แกงแค เปน็ ตน้ ในระดับปานกลางถงึ ระดบั สูง ผ้ปู ว่ ยโรคเกาต์สามารถรบั ประทานได้ แต่ควรรับประทานในปรมิ าณท่จี ำ�กดั หากเป็นมากก็ไม่ควรรบั ประทาน เพราะจะทำ�ให้ปวดกระดูกได้ 5. อาจพบเชื้อก่อโรคอย่างซาลโมเนลลา (Salmonella) ซึ่งเป็น เชอื้ ทสี่ ามารถพบได้ทั่วไปในสภาพแวดล้อม เช่น ดิน นํา้ อากาศ เมอ่ื เราน�ำ ผกั ชะอมทป่ี นเปอ้ื นสารชนดิ นม้ี าประกอบอาหารโดยไม่ ลา้ งทำ�ความสะอาดหลาย ๆ คร้ัง หรอื ไม่น�ำ มาปรุงใหส้ กุ ก่อน รับประทาน อาจมีความเสี่ยงที่จะได้รับเชื้อชนิดนี้ได้ โดยผู้ที่ได้รับ เชือ้ ชนิดอาจจะมีอาการท้องเสีย ปวดทอ้ ง ถา่ ยเหลวเป็นน้ําสเี ขียว หรือถ่ายเปน็ มกู มีเลอื ดปน มไี ข้ เป็นตน้ 15
ชื่อพ้ืนเมอื ง ขา่ , ข่าหยวก, ขา่ หลวง, ข่าแกง เสะเออเคย, สะเอเชย (กะเหร่ยี ง-แม่ฮอ่ งสอน) กฏุกโรหิณี (ภาคกลาง) ชอ่ื วทิ ยาศาสตร ์ Alpinia galanga (L.) Willd. จดั อยู่ในวงศ์ ZINGIBERACEAE ลักษณะทางพฤกษศาสตร์ เหงา้ /ลำ�ตน้ ใต้ดนิ ใบและกาบใบ ดอก ผล ข่ามีลำ�ต้นใต้ดินที่ ส่วนที่อยู่เหนือดิน ดอกข่าเป็นแบบช่อ ผลมีรูปร่างกลมรี เรียกวา่ เหงา้ (Rhizome) มักเข้าใจ และเรียกเป็นลำ�ต้น แทงออกทีป่ ลายยอด กา้ น เปลอื กแขง็ ผลออ่ นมีสเี ขียว แตกออกเป็นแง่งแผ่ไปกับ แต่ความจรงิ เปน็ กา้ นใบและใบ ชอ่ ดอกยาวตรง ชอ่ ดอก ผลแกม่ ีสีแดงส้ม ภายในมี พื้นดิน แต่ละแงง่ จะมีราก ที่แตกออกจากเหง้าใต้ดิน ประกอบดว้ ยดอก 10-30 ดอก เมล็ดสีด�ำ 1 ดอก จะตดิ แขนงขนาดใหญ่ไม่ก่ีเส้น เรยี งซ้อนเปน็ วง ซอ้ นทับกนั ขึ้นอยู่กับความสมบูรณ์ เพยี ง 1 ผล แทงลกึ ลงใตด้ นิ แนน่ เรยี กวา่ ลำ�ตน้ เทยี ม มี ของตน้ และสายพันธ์ุ ดอกมี ความสงู ประมาณ 1-2 เมตร ขนาดเล็กคล้ายดอกกล้วยไม้ ขน้ึ อยกู่ บั สายพนั ธ์ุ ใบมี ประกอบด้วยกลีบดอกสีขาว ลักษณะรปู ไข่ ยาวรี ปลาย ขาวนวล หรือขาวอมชมพู ใบแหลม มีสเี ขียวเขม้ เป็นมัน ช่อดอกที่แทงขึ้นใหม่จะมีกาบ และออกสลับขา้ งกนั (Spathe) สีเขียวอ่อนหมุ้ อยู่ แต่เมื่อดอกบานกาบนจ้ี ะหลุด 16
สรรพคุณของข่า คณุ คา่ ทางโภชนาการ ของข่า 100 กรัม มีโปรตีน เบตา้ แคโรทนี วิตามินเอ เหง้าออ่ นและเหง้า แก่ใช้ปรงุ อาหาร เพอ่ื ดับคาว นอกจากกินเหงา้ แล้ว คนไทย พลังงาน 20 กิโลแคลอร่ี ยงั กินดอกอ่อนเป็นผกั รสซ่าเผ็ด - กากใยอาหาร 1.1 กรมั ดอกขา่ เป็นยาระบายออ่ นๆ เหง้ารักษาโรคกลากเกลอ้ื น - แคลเซยี ม 5 มิลลกิ รมั โดยน�ำ ไปต�ำ แล้วแช่เหล้าขาว ใชท้ าจนกว่าจะหาย - ฟอสฟอรสั 27 มิลลกิ รัม ขอ้ บง่ ใช้ทางเภสัชกรรมล้านนา - ธาตเุ หลก็ 0.1 มลิ ลกิ รมั เปน็ สว่ นประกอบในต�ำ รบั ยาเมอื่ ยเส้นเอ็น ยาเสยี บคดั - วติ ามนิ บี 1 0.13 มลิ ลกิ รมั ยาเกี่ยวขน้ึ หัว ยาตะคิวกนิ เอน็ ยามะเร็งครดุ ยาไอ เปน็ ต้น - วติ ามินบี 2 0.15 กรัม ข้อบง่ ใชท้ างการแพทย์แผนปัจจุบัน-แผนไทย - วิตามนิ ซี 23 มลิ ลกิ รัม ข่าแก่ใชร้ บั ประทาน ช่วยขบั ลม แก้ทอ้ งอืด ทอ้ งเฟอ้ ขบั เสมหะ ขบั เหงือ่ แกบ้ ดิ ต�ำ ให้ละเอียดใช้ทาแก้โรคผวิ หนัง การนำ�ขา่ ประกอบอาหาร กลากเกลือ้ น เหงา้ สดยาวประมาณ 1-1.5 น้วิ (หรือประมาณ 2 องคุล)ี ท่จี ะนยิ มนึกถงึ เป็นอนั ดบั แรกคอื ต้มข่าไก่ ใชเ้ ป็น ตำ�ใหล้ ะเอยี ด เตมิ นํ้าปนู ใส ใช้น้าํ รบั ประทานคร้งั ละครง่ึ ถว้ ยแกว้ เครอ่ื งเทศเพอ่ื ช่วยแต่งกลิ่นอาหาร ดับกลิ่นคาว แกท้ ้องขึ้นท้องอืด และสมารถแกท้ ้องเดิน และอาเจียน ทเี่ รยี กวา่ ของเน้ือสตั ว์ตา่ งๆ ใชเ้ ปน็ ส่วนผสมในเคร่ืองแกง โรคปว่ งใตไ้ ด้ หรือนา้ํ พริกต่างๆ ใช้ปรุงรสในอาหารตา่ งๆ อย่าง เหงา้ แกๆ่ ขนาดเท่าหัวแม่มอื ตำ�ใหล้ ะเอยี ด ผสมเหล้าโรง ตม้ ข่า ตม้ ยำ� ผัดเผด็ เปน็ ตน้ นอกจากน้ดี อกและ ทาหลายๆ ครั้ง จนกว่าเกล้อื นจะหาย เหงา้ แก่สด 1-2 หวั แมม่ อื ลำ�ต้นอ่อนยังใช้รับประทานเป็นผักสดได้อีกด้วย ทบุ ใหแ้ ตกละเอยี ด เตมิ เหล้าโรงพอท่วม แช่ไว้ 2 วัน ใชน้ าํ้ สำ�ลี นอกจากนช้ี าวลา้ นนาใช้เปน็ สว่ นผสมแกงแค และ ชุบยา ทาตรงบริเวณนาํ้ กดั เท้าวนั ละ 3-4 คร้งั เหงา้ แกๆ่ สด คว่ั แค 1 แงง่ ตำ�ให้ละเอยี ด เติมเหลา้ โรงให้แฉะๆ ใชท้ ั้งเน้ือและนํา้ ทา บริเวณทเ่ี ป็นลมพษิ ทาบ่อยๆ จนกวา่ จะดขี ึน้ ข้อควรระวงั /โทษของข่า 1. การรับประทานจ�ำ นวนมากมผี ลทำ�ให้หวั ใจเต้นเร็วผิดปกติ 2. อาจทำ�ใหเ้ กิดอาการแพ้ในบางรายที่มีภมู ไิ วต่อข่า เช่น ผื่นแดง ตามตัว วงิ เวียนศรีษะ เป็นตน้ 3. หญิงมคี รรภ์ไม่ควรรบั ประทานมาก อาจมผี ลท�ำ ใหแ้ ท้งได้ 4. ผ้ปู ว่ ยนว่ิ ในถงุ นํ้าดีควรหลีกเล่ียง เน่ืองจากข่ามีฤทธ์ิในการขบั นาํ้ ดี 17
ชอ่ื พ้นื เมอื ง ดอกแค, แคขาว, แคแดง,ดอกขาว, ดอกแคแดง, แคดอกแดง (กรงุ เทพ-เชียงใหม)่ แค แคบ้าน ตน้ แค แคบา้ นดอกแดง ดอกแคบ้าน (ภาคกลาง) ชอ่ื วทิ ยาศาสตร ์ Sesbania grandiflora (L.) Pers. จัดอยู่ในวงศ์ถ่ัว (FABACEAE หรอื LEGUMINOSAE) และอยู่ในวงศย์ ่อยถัว่ FABOIDEAE (PAPILIONOIDEAE หรือ PAPILIONACEAE) ลกั ษณะทางพฤกษศาสตร์ ตน้ ใบ ดอก ผล ตน้ แคหรือต้นดอกแค เป็นใบประกอบแบบ ค ล้ า ย ด อ ก ถั่ ว เป็นฝกั กลมยาว มีความ จัดเป็นไม้ยืนต้นขนาดเล็ก ขนนก ออกเรยี งสลับ มีใบ ออกดอกเป็นช่อบริเวณ ยาวประมาณ 8-15 ซม. ถงึ ขนาดกลาง แตกกิ่งกา้ น ย่อยขนาดเล็กรูปขอบขนาน ซอกใบ 2-3 ดอก ดอกมี ผสมเกสรโดยนก ฝักเม่อื แก่ สาขามาก ไม่เปน็ ระเบยี บ มี ปลายใบมนกวา้ ง ขอบใบ กลิ่นหอม มีสีขาวหรือสแี ดง จะแตกออกเป็น 2 ซกี และมี ความสูงประมาณ 3-10 เมตร และแผน่ ใบเรยี บ ใบสเี ขียว มีก้านเกสรตัวผู้สีขาวอยู่ เมล็ดอยดู่ า้ นใน ฝักแคมีสีเขยี ว เนอื้ ไม้ออ่ น ท่ีเปลือกต้นเป็น กวา้ งประมาณ 1-1.5 ซม. 60 อัน กลบี เลี้ยงเป็นรปู ระฆัง ออ่ น สามารถรบั ประทานเปน็ สีนํา้ ตาลปนเทา เปลอื กหนา และยาวประมาณ 3-4 หรอื รูปถว้ ย อาหารได้ และมีรอยขรขุ ระ แตกเป็นสะเก็ด 18
สรรพคณุ ของดอกแค คณุ คา่ ทางโภชนาการของ ดอกแค 100 กรมั ดอกแค มีสรรพคุณช่วยแกไ้ ข้ ลดอาการไข้ ถอนพษิ ไข้ในรา่ งกาย พลังงาน 33 กิโลแคลอร่ี ชว่ ยแก้ไข้หวั ลมหรอื ไขเ้ ปล่ยี นอากาศ เปลีย่ นฤดู ดว้ ยการใช้ดอก - เบตาแคโรทนี 0.51 ไมโครกรัม หรือใบนำ�มาต้มกบั น้ํารับประทาน หรือจะใชด้ อกที่โตเตม็ ทน่ี ำ�มา - วติ ามนิ บี 1 0.09 มลิ ลิกรัม ลา้ งนํา้ แล้วต้มกับหมูท�ำ หมูบะช่อ 1 ชาม แลว้ รับประทานวันละ - วิตามนิ บี 2 0.19 มิลลกิ รมั 1 มือ้ ตดิ ตอ่ กนั 3-7 วัน อาการกจ็ ะดีขนึ้ สามารถช่วยในการ - วติ ามินบี 3 0.5 มิลลิกรัม ขบั ถา่ ย ปอ้ งกันอาการท้องผกู - วติ ามินซี 35 มลิ ลกิ รมั ชว่ ยรักษาหลอดลมอกั เสบ ไซนสั อักเสบ ดว้ ยการใช้ - ธาตุแคลเซียม 2 มลิ ลกิ รมั ดอกแคสด 20 กรัม น�ำ มาเคย่ี วกบั นำ�้ 1 ลิตร ประมาณ 15 นาที - ธาตุเหลก็ 1.2 มลิ ลิกรัม กรองเอาแต่ดอกออก แลว้ น�ำ มาดมื่ กอ่ นอาหาร 1 ชั่วโมง ในชว่ ง - ธาตฟุ อสฟอรสั 57 มิลลิกรัม เชา้ เยน็ และช่วงก่อนนอน ดอกแคยังช่วยทำ�ใหเ้ จรญิ อาหาร เน่ืองจากรสขมของดอกแคช่วยกวาดล้างเมือกในช่องปาก คณุ ค่าทางโภชนาการของยอด ท�ำ ให้ล้นิ เสียความร้สู กึ แตท่ ำ�ให้อยากอาหาร ท�ำ ให้รบั ประทาน แค 100 กรมั อาหารได้มากขึ้น ช่วยเสรมิ สร้างภูมิค้มุ กันใหก้ บั รา่ งกาย ชว่ ย ป้องกนั และรกั ษาอาการหวดั พลงั งาน 87 กิโลแคลอรี ยอดแค - เสน้ ใย 7.8 กรมั อุดมไปด้วยวิตามินซ่ึงมีส่วนช่วยต่อต้านและยับย้ังมะเร็ง - เบตาแคโรทนี 8,654 ไมโครกรัม เพราะมสี ารทม่ี ีฤทธ์ิช่วยยบั ยง้ั การกอ่ กลายพันธุ์ สามารถชว่ ยลด - วติ ามินเอ 1,442 ไมโครกรัม ความเสี่ยงของการเกิดโรคมะเร็งได้เป็นอย่างดี - วิตามนิ บี 1 0.28 มิลลิกรัม - วติ ามนิ บี 2 0.33 มิลลิกรมั การนำ�ดอกแคประกอบอาหาร - วติ ามินบี 3 2 มิลลิกรมั - วิตามนิ ซี 19 มิลลกิ รัม เมนูดอกแค เชน่ แกงแค, แกงส้มดอกแค, ดอกแคสอดไส้, - ธาตแุ คลเซยี ม 395 มิลลิกรมั - ธาตุเหลก็ 4.1 มลิ ลิกรัม ดอกแคหอ่ กงุ้ ทอด, แกงเหลอื งปลากะพง, แกงจืดดอกแค, ยำ�ดอกแค, - ธาตฟุ อสฟอรสั 40 มิลลกิ รัม ดอกแคชุบแปง้ ทอด, ดอกแคผัดหมู, ดอกแคผดั กุ้ง, ดอกแคผัดเต้าเจ้ยี ว, ดอกแคผัดกะเพรา, สว่ นใบอ่อน ยอดออ่ นและฝักอ่อนนำ�มาลวกจิ้มกนิ กบั นํ้าพรกิ ก็ได้ เปน็ ตน้ ขอ้ ควรระวงั /โทษของดอกแค ดอกแคมรี สเฝื่อน ไมน่ ิยมรบั ประทานสดๆ วิธที ่ีดีที่สดุ ก็คือ การไปลวกโดยใช้เวลาอนั ส้ันท่สี ดุ การรบั ประทานดอกแค ในปริมาณมากเกนิ ไปอาจทำ�ใหอ้ าเจยี นได้ 19
ง้วิ ชอื่ พนื้ เมอื ง ง้ิวบา้ น งิ้วป่า, ง้ิวปงแดง, ง้วิ หนาม, นุ่นนาง, ตอเหมาะ (กะเหรย่ี งแดง) ปงั้ พวั ะ (ม้ง) ชอ่ื วทิ ยาศาสตร ์ Gossampinus malabarica (DC) Merr. อยู่ในวงศ์ย่อย BOMBACOIDEAE ลักษณะทางพฤกษศาสตร์ ต้น ใบ ดอก ผล/ฝัก เปน็ ไมย้ ืนต้นขนาดกว้าง เป็นใบประกอบแบบนิว้ มือ เป็นดอกเดีย่ ว ออกตาม มลี ักษณะยาวรีคล้ายฝกั ถงึ ขนาดใหญ่ ลักษณะของตน้ มีใบย่อยประมาณ 3-7 ใบ ปลายก่ิงหรือตามปลายยอด รูปทรงกระบอก ท่ปี ลายทง้ั เปน็ รปู ทรงพมุ่ เป็นรปู ไข่ มี เรยี งสลับกัน ลกั ษณะของใบ ดอกมีขนาดใหญ่สีชมพูแกม สองขา้ งของผลจะแหลม ผล ความสูงของลำ�ต้นประมาณ เป็นรูปรถี ึงรปู ไข่ ปลายใบ เลือดหมู สีแดง สแี สด ดอกมี เม่ือออ่ นเป็นสเี ขยี ว เมอื่ แกจ่ ะ 15-25 เมตร และความกว้าง เรียวแหลม โคนใบสอบเรียว กลนิ่ หอมเอยี น ออกดอกเป็น เปน็ สนี ํ้าตาล เปลือกของผล ของทรงพมุ่ ประมาณ 15 เมตร ส่วนขอบใบเรยี บ ใบมขี นาด กระจุกหรือเปน็ กลุ่ม ปลาย แขง็ มคี วามยาวประมาณ ลำ�ต้นมีลักษณะเปลาตรงและ กวา้ งประมาณ 1.5-2.5 นว้ิ กลีบจะแผ่ออกและม้วนกลับ 6-8 น้วิ และเมอ่ื แก่จดั จะแตก มีหนามอยู่ทั่วลำ�ต้นและกิ่ง และยาวประมาณ 6-10 นิว้ มาทางขว้ั ของดอก หลดุ ร่วง อา้ ออก ในผลมเี สน้ หรือปุย เหน็ ขอ้ ปลอ้ งไม่ชัดเจน ต้นอ่อน ใบสีเขียวไมม่ ขี น แผ่นใบคอ่ น ได้งา่ ย สีขาวและมีเมล็ดขนาดเล็ก จะเป็นสเี ขยี วออ่ น เม่ือแกจ่ ะเป็น ขา้ งหนาและเกลีย้ ง กา้ นชอ่ จ�ำ นวนมาก ลกั ษณะเปน็ รูป สเี ขียวเขม้ ใบยาว โคนกา้ นบวมเล็กน้อย ทรงกลมสดี ำ� และถกู ห่อหมุ้ ด้วยปยุ ฝา้ ยสขี าว 20
สรรพคุณของงิ้ว คุณค่าทางโภชนาการ ของดอกง้วิ 100 กรมั เปลอื กตน้ ช่วยบำ�รุงระบบไหลเวยี นโลหติ บรรเทาอาการบวมจากการกระแทก มีแคลเซยี ม 429 มลิ ลิกรัม มากกว่านมววั รักษากระเพาะอาหารอกั เสบเร้อื รัง บรรเทาอาการท้องเดนิ แกบ้ ดิ 3 เทา่ นมววั มีเพยี ง 123 มิลลิกรัม อัมพาต เอ็นอักเสบ ดอก การนำ�ดอกง้วิ ประกอบอาหาร ชว่ ยห้ามเลือดรกั ษาแผลฝีหนอง บรรเทาอาการทอ้ งเดิน บิดมกู เลือด ชว่ ยขบั ปัสสาวะ เกสรตัวผ้จู ากดอกน�ำ ไปตากแหง้ ใช้โรย ราก ในขนมจนี นํ้าเงย้ี วรบั ประทาน หรือจะใช้ปรงุ เปน็ ใช้สมานแผล หา้ มเลือด รักษาแผลในกระเพาะอาหาร บรรเทาอาการ แกงแคทางภาคเหนอื และยังสามารถน�ำ มาใชแ้ ตง่ ฟกชาํ้ บวมจากการกระแทก เป็นยาบ�ำ รงุ ก�ำ ลงั ช่วยให้อาเจียน สีของแกงส้มหรือแกงกะหรี่เพ่ือช่วยเพิ่มสีสันให้ ผลออ่ น น่ารบั ประทาน ดอกสดใชล้ วกจิ้มรับประทานกับ ใช้บำ�บัดรักษาแผลเรอ้ื รงั ในไต น้ําพริก ดอกใช้ผสมกบั ขา้ วโพดทำ�เปน็ ขนมแผน่ เม็ด รบั ประทานได้ ใช้เป็นยารว่ มกับพิมเสน รักษาโรคหนองในเร้อื รงั ขอ้ ควรระวงั /โทษของงิ้ว มคี วามเชื่อทวี่ ่า ใครปลกู ต้นง้วิ ไว้ในบ้าน เทา่ กบั แช่งตวั เอง หรอื เตรียมปลูกต้นไม้ไว้ทำ�โลงให้กบั ตัวเอง เพราะ ต้นง้วิ เปน็ ไมเ้ นือ้ ออ่ น สีขาวหรือเหลอื งออ่ น เสี้ยนหยาบ ไม่ทนทานมากนกั ผุและเปื่อยไดง้ า่ ย นยิ มนำ�มาใช้ท�ำ หีบและลัง ส�ำ หรบั ใส่ของ ใชท้ ำ�ไมอ้ ัด ไมจ้ ิม้ ฟนั กา้ นไมข้ ดี กลอ่ งไม้ขดี ทำ�ของเลน่ เด็ก ใชท้ �ำ เยื่อกระดาษก็ได้ ส่วนชาวกระเหรี่ยงแดง จะใชเ้ น้อื ไมส้ ำ�หรับสรา้ งบา้ น หรือนำ�มาแปรรูปท�ำ ไม้แบบหรือไม้ตอ่ โลงศพ ปราสาทเผาศพ 21
ชอ่ื พ้นื เมอื ง ผกั แคบ (ภาคเหนือ) แคเดา๊ ะ (กระเหร่ยี ง, แมฮ่ อ่ งสอน) ต�ำ ลึง, สบ่ี าท (ภาคกลาง) ชอ่ื วทิ ยาศาสตร ์ Coccinia grandis (L.) Voigt (ชื่อพ้องวิทยาศาสตร์ Cephalandra indica (Wight & Arn.) Naudin) จัดอยู่ในวงศแ์ ตง (CUCURBITACEAE) ลกั ษณะทางพฤกษศาสตร์ ต้น ใบ ดอก ผล เป็นไมล้ ม้ ลุก ล�ำ ต้น เป็นใบเดี่ยวออกสลับ เป็นดอกเดี่ยวออก เป็นผลไม้สดคล้าย เป็นเถาเลื้อยพันต้นไม้อื่น ตวั ใบมักเป็น 5 เหลีย่ ม หรอื ตรงซอกใบ หรอื ออกเป็นกล่มุ แตงกวาแตเ่ ล็กกวา่ ผลดบิ ดว้ ยอาศัยมือเกาะ ซึ่งเปน็ ขอบใบเว้าลึกเข้าหาฐานใบ 2-3 ดอก ดอกเพศผู้และดอก สีเขยี วและมลี ายขาว เม่ือแก่ เสน้ กลม ๆ สีเขยี ว ยาว ฐานใบเป็นรูปหัวใจปลายใบ เพศเมียแยกกันอยู่คนละต้นดอก จัดจะเปล่ียนจากสีเขียวเป็นสี ประมาณ 12-13 ซม. ขด แหลม ขอบใบเปน็ รอยหยกั สขี าว ขา้ งในมีเกสรสีเหลือง รูป แดงสดขนาดกวา้ ง 2-3 ซม. งอคล้ายลวดสปริงเป็น แบบฟนั เลื่อยตน้ื ๆ เสน้ ใบแยก ระฆังปลายแยก มขี นาด 2-4 ซม. ยาว 5-7 ซม. มเี มล็ดจ�ำ นวนมาก เส้นเด่ียวไม่แตกแขนงออก จากโคนใบท่ีจดุ เดยี วกัน ใบมี รูปไข่กลบั แบน มขี นปลกคุม ตรงขา้ มกัน ขนาดกวา้ ง 3-4 ซม. ยาว เมล็ดและมเี น้อื หมุ้ สีแดงสด 5-6 ซม. 22
สรรพคุณของตำ�ลึง คณุ คา่ ทางโภชนาการของ ตำ�ลงึ 100 กรมั ชว่ ยต่อตา้ นอนมุ ูลอสิ ระ ป้องกันและซอ่ มแซมความเสื่อม สภาพของเซลล์ต่างๆ สรา้ งเน้อื เยื่อในรา่ งกาย ชว่ ยบ�ำ รุงผวิ พรรณ พลงั งานกับรา่ งกาย 35 กิโลแคลอรี ชว่ ยลดความเสย่ี งของการเกิดโรคมะเรง็ ในกระเพาะอาหาร ปอ้ งกนั - โปรตีน, ใยอาหาร 1 กรมั โรคหัวใจขาดเลอื ด ชว่ ยปอ้ งกนั การเกดิ อัมพาต ชว่ ยบำ�รงุ กระดกู - เบตาแคโรทีน วติ ามินเอ 18,608 IU และฟนั ให้แข็งแรงป้องกนั การเกดิ โรคเลือดออกตามไรฟัน วิตามินบี 1 0.17 มลิ ลกิ รัม ช่วยบำ�รุงสายตา ชว่ ยลดความเสย่ี งของการเกดิ โรคจอ - วติ ามินบี 2 0.13 มิลลกิ รมั ประสาทตาเส่อื ม เหมาะสำ�หรบั ผู้ที่ตอ้ งนั่งอยู่หนา้ คอมพน์ านๆ และ - วติ ามนิ บี 3 1.2 มิลลิกรัม มอี าการสายตาออ่ นล้า - วิตามนิ ซี 34 มิลลกิ รัม ใบ - ธาตุแคลเซยี ม 126 มลิ ลกิ รัม ช่วยป้องกนั การเกิดโรคโลหติ จาง ชว่ ยบำ�รงุ เลือด ช่วยเพมิ่ การ - ธาตุฟอสฟอรสั 30 กรมั ไหลเวียนของโลหิต ชว่ ยปอ้ งกันและรกั ษาโรคหลอดเลือดแขง็ ตีบตัน - ธาตเุ หลก็ 4.6 มลิ ลิกรัม เป็นตน้ และแตกได้ และชว่ ยบ�ำ รงุ นาํ้ นมแม่ ใช้ในการดับพษิ รอ้ น แกไ้ ขต้ ัวรอ้ น ราก การนำ�ตำ�ลงึ ประกอบอาหาร ชว่ ยลดไข้ ชว่ ยแกอ้ าเจยี น แก้อาการตาฝ้า เถา ผักตำ�ลงึ นยิ มใชย้ อดและใบกินเปน็ ผักสด ชว่ ยรักษาโรคเบาหวาน ด้วยการใช้เถาแก่ 1 กำ�มือ น�ำ มาตม้ กบั อาจจะลวกหรือต้มจ้มิ กนิ กับนํา้ พริก และใช้ในการ นาํ้ หรือจะใชน้ า้ํ คนั้ จากผลดิบ น�ำ มาด่มื วนั ละ 2 รอบ เช้า,เยน็ จะ ประกอบอาหารได้หลายอย่าง เมนตู �ำ ลงึ ยอดและใบ ช่วยลดระดบั นา้ํ ตาลในเลือด เพมิ่ ระดับอนิ ซูลิน แกอ้ าการวิง เชน่ แกงจืด ตม้ เลอื ดหมู แกงเลียง กว๋ ยเตยี๋ ว ผดั ไฟแดง เวียนศีรษะ การใชเ้ ถาต�ำ ลึงชงกับนาํ้ ดื่ม แก้อาการตาแดง ตาฟาง ไขเ่ จยี ว เป็นตน้ ผลออ่ นของตำ�ลงึ น�ำ มากนิ กบั นํ้าพริก ตาชา้ํ ตาแฉะ พษิ อกั เสบในตา ด้วยการใชเ้ ถาต�ำ ลึง นำ�นา้ํ ตม้ หรอื จะน�ำ มาดองกิน สว่ นผลสุกมีรสอมหวาน กนิ ได้ จากเถามาหยอดตา ช่วยแกอ้ าการตาช้าํ แดง ดว้ ยการตดั เถา เช่นกัน เปน็ ทอ่ นยาว 2 นิว้ นำ�มาคลงึ พอชา้ํ แล้วเป่า จะเกิดฟองใช้หยอดตา แกอ้ าการผิดสำ�แดงเพราะกินของแสลง โดยใชเ้ ถาตำ�ลงึ ตัดเปน็ ท่อน ข้อควรระวงั /โทษของตำ�ลึง ยาว 1 คืบ (จำ�นวน 3-4 ท่อน) น�ำ ไปใส่ในหม้อดนิ สมุ ไฟด้วยฟาง จนไหม้เปน็ ขีเ้ ถ้า น�ำ มาบดให้ละเอียดแลว้ ผสมกบั นํ้าซาวขา้ วด่มื ครั้ง ต�ำ ลงึ มีฤทธิ์เป็นยาเย็น เมอ่ื ทาน้าํ ตำ�ลงึ ที่ ละ 1 ถว้ ยชา ผิวหนังแล้วไม่รู้สึกเย็นแปลว่าไม่ถูกโรคให้หยุดใช้ ทันที การทานา้ํ ตำ�ลึงไม่ควรถแู รงจนเกนิ ไปในบรเิ วณ ที่เป็นผิวบอบบาง เพราะจะท�ำ ให้เกิดอาการอักเสบ เพ่ิมมากข้นึ 23
ช่ือพ้ืนเมอื ง บะถั่ว ชอ่ื วทิ ยาศาสตร ์ Vigna unguiculata subsp. sesquipedalis (L.) Verdc. จดั อยู่ในวงศถ์ ว่ั (FABACEAE หรือ LEGUMINOSAE) และอยู่ในวงศ์ยอ่ ยถั่ว FABOIDEAE (PAPILIONOIDEAE หรอื PAPILIONACEAE) ลักษณะทางพฤกษศาสตร์ ตน้ ใบ ดอก ผล/ฝัก ลำ�ต้นเป็นไม้เลื้อย ประกอบแบบฝ่ามือ จะออกดอกเป็นชอ่ ตาม ฝักมีลักษณะกลม เถาเปน็ สเี ขยี วออ่ น เถาจะแขง็ มี 3 ใบยอ่ ยลกั ษณะคลา้ ยรปู ซอกใบ กลีบดอกเปน็ สีขาว (เส้นผ่านศูนย์กลางประมาณ และเหนียวคล้ายกับถั่วพู สามเหล่ียมยาวประมาณ (หรอื น้ําเงินออ่ น) 0.5-1 ซม.) ยาวประมาณ ล�ำ ต้นมว้ นพนั สิ่งยึดเกาะได้ 6-10 ซม. 20-80 ซม.และในฝกั มเี มลด็ อยู่หลายเมลด็ 24
สรรพคณุ ของถั่วฝักยาว คณุ ค่าทางโภชนาการของ ถ่วั ฝักยาว100 กรัม ถั่วฝักยาวมีประโยชน์ช่วยป้องกันและรักษาโรคเลือด ออกตามไรฟนั ชว่ ยบำ�รุงกระดูกและฟนั ชว่ ยปอ้ งกันการเกดิ พลงั งาน 47 กิโลแคลอรี โรคกระดูกพรุน ฟอสฟอรัสมีสว่ นชว่ ยเผาผลาญคาร์โบไฮเดรต - คาร์โบไฮเดรต 8.35 กรัม ไขมัน และโปรตนี วิตามนิ ซชี ่วยเสริมสรา้ งภูมิคมุ้ กนั ป้องกัน - ไขมนั 0.4 กรมั การเกิดโรคหวดั - โปรตนี 2.8 กรัม เมลด็ - วติ ามนิ เอ 43 ไมโครกรัม ใช้เมล็ดแห้งหรือสดนำ�มาคั้นสดหรือต้มกินกับน้ําจะช่วยในเรื่อง - วติ ามนิ บี 1 0.107 มลิ ลกิ รัม แกก้ ระหาย ให้รสชุ่มชนื่ ชว่ ยแกอ้ าการปสั สาวะกะปรบิ กะปรอย - วิตามนิ บี 2 0.11 มิลลกิ รัม และช่วยแก้อาเจยี น ใช้เป็นยาบำ�รงุ ม้ามและไต หากนำ�เมลด็ แหง้ - วติ ามนิ บี 3 0.41 มิลลกิ รัม หรือสดและผักบุ้งน�ำ มาตุ๋นกบั เนอื้ ไก่รับประทาน จะช่วยแกอ้ าการ - วติ ามนิ บี 5 0.55 มิลลกิ รมั ตกขาวได้ - วิตามนิ บี 6 0.024 มิลลกิ รัม ราก - วิตามินบี 9 62 ไมโครกรัม สำ�หรับเดก็ ทเี่ บือ่ อาหารเนื่องจากกระเพาะอาหารท�ำ งานไมด่ ี ให้ - วิตามนิ ซี 18.8 มลิ ลิกรมั ใชร้ ากสดน�ำ มาผสมกับรากเถาตดหมาตดหมู แลว้ นำ�มาตุ๋นกนิ - ธาตแุ คลเซียม 50 มิลลกิ รมั กบั เนือ้ วัว จะช่วยแก้อาการเบ่อื อาหารได ้ ใชร้ ากสดน�ำ ไปเผา - ธาตุเหลก็ 0.47 มิลลิกรมั แลว้ บดจนละเอียด ผสมกับนา้ํ แล้วใชท้ าเปน็ ยารกั ษาโรคหนองใน - ธาตุแมกนีเซยี ม 44 มลิ ลกิ รมั ที่หนองไหล รากถวั่ ฝกั ยาวมีสรรพคณุ ทางยาชว่ ยรักษาฝีเนอ้ื รา้ ย - ธาตุแมงกานีส 0.205 มลิ ลิกรัม ชว่ ยท�ำ ให้เนือ้ เย่ือเจริญเรว็ ขนึ้ ด้วยการใชร้ ากสดนำ�ไปเผาแลว้ - ธาตฟุ อสฟอรัส 59 มลิ ลิกรมั บดจนละเอยี ดผสมกับน้ําแลว้ ใชท้ าบรเิ วณท่ีเปน็ - ธาตุโพแทสเซียม 240 มิลลกิ รัม ฝกั - ธาตสุ ังกะสี 0.37 มิลลกิ รมั ช่วยแกอ้ าการท้องอดื ทอ้ งเฟอ้ แน่นทอ้ ง เรอเปรย้ี ว ดว้ ยการ เคยี้ วฝกั สดกิน การนำ�ถวั่ ฝกั ยาวประกอบอาหาร เปลือกฝัก ชว่ ยรกั ษาอาการปวดบวม ปวดตามเอว และรักษาแผลทเ่ี ต้า เช่น แกงสม้ ถ่วั ฝกั ยาว ถ่ัวฝักยาวผัดก้งุ นม ด้วยการใช้เปลอื กฝกั ประมาณ 100-150 กรัมน�ำ มาตม้ ถว่ั ฝกั ยาวผดั กะปกิ งุ้ ผดั พรกิ ขงิ หมใู สถ่ ว่ั ฝกั ยาว กนิ หรอื ใชภ้ ายนอกด้วยการน�ำ มาต�ำ แล้วพอกบริเวณท่ปี วด ผดั เผด็ ถั่วฝกั ยาวหมสู บั หมผู ัดเต้าเจยี้ วถั่วฝักยาว ใบ หมผู ดั พริกแกงถว่ั ฝักยาว กระเพาะหมใู สถ่ ่ัวฝักยาว ใช้ใบสดประมาณ 60-100 กรัม นำ�มาตม้ กบั น้ํา ใช้รักษาโรคหนองใน ถ่ัวฝกั ยาวผัดเต้าหู้ย้ี ฯลฯ และอาการปัสสาวะเป็นหนอง ข้อควรระวงั /โทษของถว่ั ฝกั ยาว สำ�หรบั ผทู้ ่มี อี าการท้องผกู ไมค่ วรน�ำ เมล็ดของถวั่ ฝักยาวมา รบั ประทาน 25
ถ่วั พู ช่อื พืน้ เมอื ง ปะถ่ัวปู ถว่ั พูใหญ่ ถ่ัวพตู ะขาบ ถั่วพูจนี ชอ่ื วทิ ยาศาสตร ์ Psophocarpus tetragonolobus (L.) DC. จดั อยู่ในวงศถ์ ัว่ (FABACEAE หรือ LEGUMINOSAE) ลักษณะทางพฤกษศาสตร์ ต้น ใบ ดอก ผล/ฝกั จัดเป็นไมเ้ ลื้อย ไม่มี ใบเรยี งสลบั เปน็ ใบ ออกดอกเปน็ ชอ่ ตามซอก ฝักเป็นรูปขอบขนาน เนื้อไมแ้ ตม่ ีอายุหลายปี ล�ำ ตน้ ประกอบแบบขนนก ใบย่อยมี ใบเป็นแบบช่อกระจะ ในหนงึ่ ชอ่ ถงึ รูปแถบ มหี น้าตดั เปน็ รูป เล้อื ยพัน เป็นพชื ที่มลี ำ�ต้น 3ใบโคนใบกลมและเบย้ี วสว่ น จะมดี อกอย่ปู ระมาณ 3-12 ดอก สีเหล่ียมและแตล่ ะมุมของฝกั สีเขยี วและเขียวปนมว่ ง สว่ น ปลายใบแหลม มีรูปรา่ งหลาย กลีบเล้ียงเช่ือมติดกันลักษณะ จะมีปกี ตามยาว ปีกมลี กั ษณะ ของรากเป็นรากที่สะสมอาหาร แบบ เชน่ รปู สามเหลี่ยม รปู ไข่ คลา้ ยรูประฆงั ปลายเป็น 5 กลบี เป็นหยักแบบจักคล้ายฟันเลื่อย อยู่ใตด้ ิน มปี มซ่ึงเป็นทอ่ี ยขู่ อง และรูปใบหอก กลีบเปน็ ซสี่ น้ั ๆ กลีบดอกมี มสี ีเขียว มรี ูปรา่ งเปน็ ฝักสี่เหลีย่ ม เชื้อไรโซเบียมจ�ำ นวนมาก ถว่ั พู สีระหว่างขาวและสีม่วงแดง ฝกั มีความยาว11.2-29.9ซม. เป็นพืชที่ปลูกง่ายและเจริญ สนี ้ําเงิน สแี ดง ดอกมีเกสร สีของฝกั มีทั้งสีเขยี ว สีม่วง เตบิ โตได้ดีในดินทุกชนดิ ตวั ผอู้ ยู่ 10 ก้าน แบ่งเปน็ 2 และสเี หลอื ง ส่วนผิวของฝกั มดั มดั หนงึ่ มี 9 กา้ น สว่ น จะแบง่ ออกเปน็ 2แบบคอื แบบ อกี มดั มี 1 กา้ น ผิวเรียบและแบบผิวหยาบมาก ใ น ฝั ก ถ่ั ว พู จ ะ มี เ ม ล็ ด อ ยู่ 8-20 เมล็ด 26
สรรพคณุ ของถวั่ พู คุณคา่ ทางโภชนาการ ของถวั่ พู 100 กรมั ถ่ัวพอู ดุ มไปด้วยวิตามนิ และแรธ่ าตุหลายชนิด เช่น วติ ามิน เอ ซี อี และยังเปน็ ผกั ทีม่ ีโปรตีนสูง ซึง่ เปน็ ตวั ช่วยเสรมิ สร้าง พลงั งาน 409 กิโลแคลอรี ภูมิคมุ้ กนั ในรา่ งกายและท�ำ ให้รา่ งกายแข็งแรง - คาร์โบไฮเดรต 41.7 กรัม ฝัก - เส้นใย 25.9 กรมั ฝกั อ่อนถ่วั พูช่วยบำ�รงุ รา่ งกายและช่วยแกอ้ าการตวั ร้อน ลดไข้ใน - ไขมัน 16.3 กรัม เด็กทารก และการรับประทานถ่วั พูเป็นประจ�ำ จะช่วยบ�ำ รุงกระดูก - ไขมันอ่มิ ตวั 2.3 กรัม และฟนั ไดเ้ ป็นอย่างดี เพราะถ่วั พมู ีแคลเซียมและฟอสฟอรสั สงู - ไขมนั ไม่อมิ่ ตวั เชงิ เดย่ี ว 6 กรมั เมลด็ - ไขมันไมอ่ ิ่มตวั เชิงซอ้ น 4.3 กรัม เมลด็ แก่ตากแหง้ น�ำ มาบดให้เป็นผง นำ�มาละลายกบั น้าํ คร้ังละ 5-6 กรมั - โปรตีน 29.65 กรมั ใช้รับประทานก่อนอาหารวันละ 3 เวลา ช่วยบำ�รุงร่างกาย หากน�ำ - นาํ้ 8.34 กรัม เมลด็ แก่มาตม้ ใหส้ ุกแลว้ รบั ประทาน หรือจะน�ำ เมลด็ ทต่ี ม้ สกุ แล้วมาบด - วิตามินบี 1 1.03 มลิ ลิกรมั ให้ละเอยี ดผสมกบั น�ำ้ สกุ ใชด้ ่มื กอ่ นอาหารวันละ 3 เวลากจ็ ะชว่ ยท�ำ ให้ - วิตามินบี 2 0.45 มลิ ลกิ รัม สขุ ภาพแข็งแรง เพม่ิ ก�ำ ลงั วงั ชาไดเ้ ชน่ กัน - วิตามนิ บี 3 3.09 มลิ ลกิ รัม หัว - วิตามนิ บี 5 0.795 มลิ ลกิ รมั ส่วนหวั กช็ ว่ ยบ�ำ รงุ รา่ งกายดว้ ยเชน่ กัน หวั ใต้ดินน�ำ มาเผาหรอื - วิตามนิ บี 6 0.175 มลิ ลกิ รัม น่ึงกินช่วยบำ�รุงกำ�ลงั หวั ถว่ั พู เมอ่ื น�ำ มาตากแห้งแลว้ ควั่ ใหเ้ หลือง - วติ ามนิ บี 9 45 ไมโครกรัม ใชช้ งกับนา้ํ ด่มื ชว่ ยแกอ้ าการอ่อนเพลียได้ - ธาตแุ คลเซยี ม 440 มลิ ลกิ รัม ราก - ธาตุเหล็ก 13.44 มิลลกิ รัม รากถ่ัวพูใช้ผสมกับสมุนไพรและน้ําดอกไม้ใช้เป็นยาชูกำ�ลังก็ได้ - ธาตแุ มกนเี ซียม 179 มลิ ลิกรัม เช่นกัน รากของถวั่ พูนน้ั ยังช่วยแก้อาการปวดมวนท้อง ชว่ ยแก้ - ธาตแุ มงกานสี 3.721 มลิ ลกิ รัม โรคลมพษิ ก�ำ เรบิ ท�ำ ใหค้ ลั่งเพ้อ รากใชป้ รุงเปน็ ยาโรคเพอ่ื วาโย - ธาตฟุ อสฟอรัส 451 มิลลกิ รัม ธาตกุ ำ�เริบ ใช้รกั ษาดีพลงุ่ พล่าน ให้คล่ังเพอ้ อาการปวดมวนท้อง - ธาตโุ พแทสเซียม 977 มลิ ลิกรมั กระท�ำ ให้ตาแดง ซึง่ ในตำ�รบั ยาประกอบไปดว้ ย รากถวั่ พ,ู พริกไทย, - ธาตุโซเดยี ม 38 มิลลกิ รัม จนั ทร์ท้ังสอง, กฤษณาเสมอภาค, น้ํากระทือ, นาํ้ มะนาว, น้�ำ ออ้ ย, - ธาตุสังกะสี 4.48 มิลลกิ รมั และคุลกี ารละลาย ใบ การนำ�ถว่ั พูประกอบอาหาร ใบถ่วั พชู ว่ ยแก้อาการอาเจียน คนไทยทั่วไปนิยมใช้ฝักอ่อนเป็นผักสด จิม้ รับประทานกบั น้าํ พรกิ โดยเฉพาะอยา่ งย่งิ กับ นํ้าพริกปลาร้า หรือน�ำ ไปปรุงอาหาร เชน่ ผดั กับนํา้ มันหอย แกงเผ็ด ลวกราดน้ํากะทิ หรอื ท�ำ เปน็ ย�ำ ถ่วั พู นำ�มาหนั่ เปน็ เครือ่ งเคยี งขนมจนี ใช้ ผสมในทอดมนั เชน่ เดยี วกับถว่ั ฝกั ยาว ส่วนทาง ภาคใต้กน็ ยิ มกินยอดอ่อน ฝกั ออ่ น และดอก ออ่ นเปน็ ผกั สด หรอื น�ำ ไปตม้ น�ำ ไปผัด ใสแ่ กงสม้ ท�ำ แกงไตปลาก็ได้ ขอ้ ควรระวัง/โทษของถั่วฝกั พู ในถ่ัวพูมีสารชนิดหน่ึงมีมีฤทธิ์ยับย้ังเอนไซม์ทริปซิน ท�ำ ให้โปรตนี ไมย่ ่อยหรือย่อยได้น้อยลง จึงสง่ ผลต่อการเจรญิ เติบโตของรา่ งกายนัน่ เอง ดังนัน้ หากจะรบั ประทานถัว่ พูใหไ้ ด้ โปรตีนมาก ควรทำ�ถว่ั พใู ห้สกุ ก่อนรบั ประทาน 27
ชื่อพ้นื เมอื ง ถัว่ แปบขาว, ถว่ั หนัง, หมากแปบ, มะแปบ (เชยี งใหม่) ชอ่ื วทิ ยาศาสตร ์ Lablab purpureus (L.) Sweet จัดอยู่ในวงศ์ถ่วั (FABACEAE หรอื LEGUMINOSAE) ลกั ษณะทางพฤกษศาสตร์ ตน้ ใบ ดอก ผล/ฝัก จัดเปน็ ไม้ล้มลุกเลอ้ื ยพนั มี ใบประกอบแบบขนนก มีใบย่อย ออกดอกเปน็ ช่อ กระจะตาม ผลมีลักษณะเป็นฝักแบน ลำ�ต้นอยู่เหนือดินตั้งตรง 3 ใบเรยี งสลบั กัน ใบยอ่ ยท่ี ซอกระหวา่ งกา้ นใบกบั ก่งิ ก้าน ยาวและโคง้ งอ ปลายผลเปน็ เองไม่ได้ และจะใชส้ ว่ นของ ปลายลักษณะเปน็ รปู ไข่ส่วน ชอ่ ดอกยาวประมาณ 5-10 ซม. จะงอยลกั ษณะของผลมี2ชนดิ ล�ำ ตน้ เกยี่ วพนั ล�ำ ต้นมีความ ใบย่อยด้านข้างมีลักษณะ ในช่อมีดอกย่อยจำ�นวนมาก คือฝักแบนและฝักกลม ผิวผล สูงได้ประมาณ 2.3 เมตรและ เปน็ รูปไข่เบี้ยว ใบมขี นาดกวา้ ง ลักษณะของดอกถั่วแปบจะ เรียบและเป็นสีเขียวอ่อนหรือ มีลำ�ต้นหรือเถายาวหรือ ประมาณ 4-6 ซม.และยาว เหมอื นกบั ดอกถัว่ ทว่ั ไป กลีบ สีมว่ ง สันฝกั นูนขรุขระเปน็ กวา้ งไดถ้ ึง 4-6 เมตร โดย ประมาณ 5-12 ซม. มีหูใบย่อย ดอกเป็นสีม่วงหรือสีขาวแยก สเี ขยี วอ่อนยาวประมาณ 2 น้ิว เถามีลักษณะกลมสีเขียวและ แผน่ ใบมขี นบาง ส่วนกา้ นใบมี ออกจากกนั มีจ�ำ นวน 3 กลีบ ในผลมเี มล็ดอยู่ 3-6 เมล็ด มีขนสีขาวขึ้นอยู่ประปราย ความยาวประมาณ 5 นิว้ มลี กั ษณะเป็นรปู ไต สว่ นกลบี เมล็ดมีลักษณะเป็นรูปไข่กลม ไมอ่ วบน้ํา มรี ากสะสมอาหาร รองดอกมีลักษณะเป็นรูประฆัง มีสีหลากหลายไปตามสายพันธ์ุ อยู่ใต้ดิน ดอกมเี กสรตวั ผ้สู ีเหลอื ง 3 อนั ตัง้ แต่ สขี าวเหลอื ง สีครมี สแี ดง มีเกสรตวั เมยี สเี หลืองอีก 1 อัน จนถึงสนี ํ้าตาลอ่อน หรอื มีลาย ส่วนรังไข่จะอยู่เหนือวงกลีบ ดอกไมม่ กี ล่นิ 28
สรรพคุณของถวั่ แปบ คุณคา่ ทางโภชนาการ ของถั่วแปบ 100 กรัม หากใช้ถั่วแปบสดปรุงผัดผสมกับแคร์รอตและเห็ดที่มี ฤทธิ์ต้านมะเรง็ (เหด็ หอม เหด็ ฟาง เห็ดหหู นู เหด็ หัวลิง ฯลฯ) จะ พลงั งาน 50 กิโลแคลอรี ได้อาหารเสรมิ ที่มฤี ทธ์ิในการตา้ นมะเร็ง ซ่ึงเหมาะสำ�หรบั ผูป้ ่วย - คาร์โบไฮเดรต 9.2 กรัม โรคมะเรง็ และบคุ คลท่ัวไป ซงึ่ การรับประทานเปน็ ประจ�ำ จะชว่ ย - ไขมัน 0.27 กรมั ปอ้ งกนั โรคมะเรง็ ได้ หากน�ำ ถ่วั แปบมาปรุงหรือท�ำ เปน็ ข้ามต้ม - โปรตีน 2.95 กรัม ผสมรวมกบั แครร์ อตและลกู เดอื ย จะชว่ ยแก้อาการทอ้ งอดื ระงับ - วิตามนิ บี 1 0.056 มลิ ลิกรัม 5% อาการท้องร่วง ชว่ ยทำ�ใหเ้ จริญอาหาร และช่วยระงบั อาเจยี น อีก - วติ ามินบี 2 0.088 มิลลิกรมั 7% ทัง้ ยงั ชว่ ยบำ�รุงมา้ มและกระเพาะอาหาร ชว่ ยระงบั อาการท้องร่วง - วิตามินบี 3 0.48 มิลลิกรัม 3% ช่วยแก้อาการประจำ�เดือนมาไมป่ กติ ช่วยแกอ้ าการเมาคา้ ง ชว่ ย - วิตามนิ บี 9 47 ไมโครกรมั 12% ระงบั อาเจยี น ช่วยดบั ร้อน ถอนพษิ ขจดั ความชืน้ และช่วย - วิตามินซี 5.1 มิลลิกรมั 6% ถอนพิษสรุ า - ธาตุแคลเซียม 41 มิลลิกรัม 4% เมลด็ /ผล - ธาตเุ หลก็ 0.76 มิลลกิ รมั 6% เมลด็ มรี สหวานมนั ช่วยบำ�รงุ กำ�ลัง ชว่ ยแก้โรคตา อาการ - ธาตแุ มกนีเซียม 42 มลิ ลกิ รมั 12% อ่อนเพลยี ช่วยแก้เสมหะในร่างกาย ผลใชร้ ับประทานเป็นอาหาร - ธาตแุ มงกานสี 0.21 มลิ ลิกรมั 10% ชว่ ยบำ�รงุ ธาตุในร่างกาย ผลหรือเมลด็ ถ่ัวแปบชว่ ยลดไข้ แก้ไข้ - ธาตุฟอสฟอรัส 49 มิลลกิ รัม 7% แก้ไขส้ มั ประชวร ช่วยแก้อาการแพ้ ชว่ ยแก้ลม - ธาตุโพแทสเซยี ม 262 มลิ ลิกรมั 6% ราก - ธาตุสงั กะสี 0.38 มิลลกิ รัม 4% รากของถ่ัวแปบชว่ ยแก้โรคซาง ตน้ การนำ�ถั่วแปบประกอบอาหาร ทงั้ ต้นใชต้ ้มกับน้าํ ด่มื เปน็ ยาแกอ้ าการเจบ็ คอ เสยี งแหบแห้ง ใบ ฝกั ถวั่ แปบสามารถนำ�มาใชป้ ระกอบอาหาร โดย ใบน�ำ มาตำ�ใชพ้ อกรกั ษาโรคคางทมู นยิ มนำ�มาทำ�ให้สุกกอ่ นน�ำ มารับประทาน เช่น น�ำ มาใส่แกง อย่างเช่นแกงส้ม หรอื นำ�มาใชผ้ ดั สว่ น ข้อควรระวัง/โทษของถ่วั แปบ ภาคอสี านจะใชแ้ กงซุปเชน่ เดียวกับซุปบกั มี่ หรอื จะนำ�ไปตม้ หรอื นำ�มาลวกจม้ิ เป็นผกั จ้ิมกนิ กบั นํ้า ตน้ ถว่ั แปบสามารถปลูกเป็นพชื เพื่อช่วยปรับบ�ำ รงุ ดินได้ เน่ืองจากตน้ พรกิ ต่าง ๆ ส่วนเมลด็ นำ�ไปทอดรับประทาน มปี มทร่ี ากจับไนโตรเจนจากอากาศมาเปลี่ยนเป็นปุ๋ยไตเตรด หรอื จะใช้ เป็นปุย๋ พชื สดก็ไดเ้ ชน่ กนั แตไ่ ม่นยิ มน�ำ มาปลูกไว้ในบรเิ วณบ้าน เพราะ คนโบราณเชอื่ วา่ คำ�วา่ “แปบ” ใกลเ้ คยี งกับค�ำ ว่า “ปอบ” ท่ีเปรียบ เสมือนสิ่งช่วั รา้ ยนั่นเอง 29
ชอื่ พนื้ เมอื ง ผักแค, ผักพลูนก, พลูลงิ , ปูลงิ , ปูลิงนก, ผกั ปนู า (ภาคเหนอื ) ชอ่ื วทิ ยาศาสตร ์ Piper sarmentosum Roxb. จดั อยู่ในวงศ์พรกิ ไทย (PIPERACEAE) ลกั ษณะทางพฤกษศาสตร์ ต้น ใบ ดอก เมล็ด ต้นชะพลู มีลักษณะ ใบมีลักษณะคล้าย ดอกออกเป็นช่อ มีลกั ษณะกลมๆ มี กลมๆ จะมีก้านใบยาวโดย รูปหวั ใจ รปู ทรงคลา้ ยกับ ออกบริเวณปลายยอด อัด ขนาดเล็กๆ มสี ีด�ำ รอบๆ จะมีสีเขียวนวล ใบพลู แต่มขี นาดใบเลก็ กวา่ แน่นกันเป็นทรงกระบอก ใบแข็งๆ กา้ นใบยาว เปน็ ใบ ขนาดเลก็ มลี ักษณะคลา้ ย เดยี่ ว มีสเี ขยี วเข้ ดีปลีแตส่ น้ั กว่า มีสขี าว ก้านช่อดอกเปน็ กา้ นโดด 30
สรรพคณุ ของชะพลู คณุ ค่าทางโภชนาการ ของชะพลู 100 กรมั ใบ ช่วยตอ่ ต้านอนุมลู อิสระต่าง ๆ ใบชะพลมู รี สเผด็ รอ้ น ชว่ ยท�ำ ให้ พลังงาน 101 กิโลแคลอรี เจรญิ อาหารมากยิง่ ข้นึ ใบชะพลูมเี บตา้ แคโรทีนในปริมาณมาก - เส้นใย 4.6 กรัม ซึ่งชว่ ยบ�ำ รงุ และรักษาสายตา ช่วยในการมองเห็น ป้องกันโรค - แคลเซยี ม 601 มลิ ลกิ รัม ตาบอดตอนกลางคืน แก้โรคตาฟาง เปน็ ตน้ ช่วยยบั ยง้ั และชะลอ - ฟอสฟอรสั 30 มลิ ลิกรัม การขยายตวั ของเซลลม์ ะเรง็ ชว่ ยบ�ำ รงุ กระดูกและฟัน และช่วย - เหลก็ 7.6 มลิ ลิกรัม ปอ้ งกนั การเกิดโรคกระดูกพรุน อกี ท้ังใบนน้ั ยงั ชว่ ยในการขับถา่ ย - วิตามนิ บีหนง่ึ 0.13 มิลลิกรมั เนื่องจากมีเส้นใยในปรมิ าณมาก - วติ ามินบสี อง 0.11 มิลลิกรัม ตน้ - ไนอาซนิ 3.4 มิลลิกรัม ช่วยรักษาโรคเบาหวาน ด้วยการใชช้ ะพลสู ดทง้ั ต้นประมาณ 7 ตน้ - วติ ามินซี 22 มิลลิกรมั น�ำ มาลา้ งน้ําให้สะอาด ใส่นํา้ พอทว่ มแล้วตม้ ให้เดือดสกั พัก แล้วนำ� - โปรตนี 5.4 กรมั มาดื่มเปน็ ชา - คาร์โบไฮเดรต 14.2 กรมั ราก และให้เบต้า-แคโรทนี สูงถงึ 414.45 ไมโครกรมั รากชะพลูเป็นหน่ึงในส่วนผสมของตำ�รับสมุนไพรพิกัดยาตรีสาร เทยี บหน่วยเรตนิ ลั ซ่ึงชว่ ยบ�ำ รงุ ธาตุ บำ�รุงโลหิต แก้คูถเสมหะ หากนำ�รากมาประมาณ คร่งึ ก�ำ มอื ใช้ผลประมาณ 3 หยิบมอื นำ�มาตม้ กับนาํ้ 2 ถว้ ยแกว้ การนำ�ใบชะพลูประกอบอาหาร เคยี่ วจนเหลือ 1 ถว้ ยแก้ว แลว้ นำ�มาด่ืมครั้งละ 1 สว่ น 4 ถ้วยแกว้ ชว่ ยแกอ้ าการบิด และใชร้ ากประมาณ 1 ก�ำ มอื นำ�มาตม้ กบั นา้ํ ได้แก่ แกงคว่ั ไก่ใบชะพลู แกงคว่ั หอยขมใบชะพลู 2 ถ้วยแก้ว เคี่ยวจนเหลอื 3 ใน 4 ถ้วยแกว้ แล้วรบั ประทานครั้งละ หมหู ่อใบชะพลู ไข่น้าํ ใบชะพลู ย�ำ ตะไคร้ใบชะพลู 1 สว่ น 4 ถ้วยแกว้ จะชว่ ยขบั ลมในล�ำ ไส้ ชว่ ยในการขับเสมหะทาง ยำ�ปลาทูใบชะพลู ผัดปา่ ใบชะพลู แกงออ่ มใบชะพลู อจุ จาระ เมย่ี งปลาเผาใบชะพลู เป็นต้น ข้อควรระวงั /โทษของใบชะพลู ไม่ควรรบั ประทานใบชะพลูมากเกินไป เพราะจะทำ�ให้เกดิ อาการ เวียนศรษี ะและท�ำ ใหม้ กี ารสะสมของสารออกซาเลท (Oxalate) ใน รา่ งกายสูง ซง่ึ เปน็ สาเหตุใหเ้ กิดโรคนิ่วในไต 31
ผกั ชีฝรั่ง ชือ่ พน้ื เมอื ง ผักชดี อย, ผักจดี อย, ผักจีฝรงั่ , ผกั ชีใบเล่ือย, หอมป้อมกุลา, หอมป้อมกูลวา, หอมปอ้ มเป้อ (ภาคเหนอื ) ชอ่ื วทิ ยาศาสตร ์ Eryngium foetidum L. จัดอยู่ในวงศผ์ กั ชี (APIACEAE หรอื UMBELLIFERAE) ลกั ษณะทางพฤกษศาสตร์ ตน้ เปน็ พืชล้มลุก จดั อยู่ในวงศผ์ ักชี โดยมีถ่ินก�ำ เนดิ ในทวปี อเมริกาใตแ้ ละ ประเทศเม็กซิโก แตป่ ัจจุบนั มีการเพาะปลูกทวั่ โลก เป็นผกั ทม่ี ีกลน่ิ หอม เฉพาะตวั มีใบสเี ขยี วอ่อน ขอบใบมลี กั ษณะคลา้ ยฟนั เลือ่ ย และสำ�หรบั วธิ ี การเลอื กซื้อผกั ชฝี รง่ั น้ันใหเ้ ลอื กซอ้ื เอาใบทเ่ี ขียวสด 32
สรรพคุณของผักชฝี รั่ง คณุ ค่าทางโภชนาการ ของผกั ชฝี รง่ั 100 กรัม ใบ ผักชฝี รัง่ มีสารตอ่ ต้านอนุมลู อิสระสูง ซึง่ ช่วยชะลอการเส่อื มของ พลังงาน 32 กิโลแคลอร่ี เซลลต์ า่ ง ๆ ในร่างกาย ผักชีฝรงั่ มีประโยชนช์ ว่ ยบ�ำ รงุ กระดกู และฟนั - กากใยอาหาร 1.7 กรมั ให้แขง็ แรง ช่วยยบั ยั้งและชะลอการขยายตวั ของเซลล์มะเร็ง ชว่ ย - ธาตแุ คลเซียม 21 มิลลิกรมั ปอ้ งกันการเกดิ โรคมะเรง็ ช่วยแกอ้ าการหวัด ช่วยระบายท้อง ดว้ ย - ธาตุเหลก็ 2.9 มลิ ลกิ รัม การใชน้ า้ํ คนั้ หรอื นาํ้ ต้มจากใบน�ำ มาดม่ื ชว่ ยแก้อาการท้องอืดท้องเฟ้อ - สารเบตา้ แคโรทนี 876.12 RE วิตามินบี 1 ชว่ ยรกั ษาแผลเร้ือรงั ดว้ ยการใช้ใบนำ�มาต�ำ แล้วพอกบริเวณท่ีเปน็ 0.31 มิลลกิ รัม ลำ�ตน้ - วติ ามนิ บี 2 0.21 มลิ ลกิ รัม ไนอาซีน 0.7 ช่วยลดระดับความดันโลหิต ช่วยทำ�ใหต้ อ่ มไทรอยดท์ ำ�งานได้อยา่ ง มลิ ลกิ รัม และวิตามินซี 38 มิลลิกรัม เป็นปกติ ชว่ ยบ�ำ รงุ ผวิ พรรณ เสน้ ผม และเล็บใหแ้ ข็งแรง ช่วยรักษา สมดลุ ในร่างกายไดเ้ ป็นอยา่ งดี (ใบท�ำ เปน็ ชาชงดม่ื วนั ละ 3 ถว้ ย) การนำ�ผกั ชีฝรงั่ ประกอบอาหาร และชว่ ยแก้ไข้มาลาเรีย ด้วยการใชล้ �ำ ต้นของผกั ชฝี รั่งนำ�มาต้มกับ นา้ํ แล้วน้าํ มาดืม่ และลำ�ตน้ ยังช่วยขับลมในกระเพาะอาหาร สามารถ ใบและใบอ่อนของผักชีฝร่ังนิยมนำ�มารับประทาน ใช้เปน็ ยาถ่าย ด้วยการใชล้ ำ�ตน้ ของผกั ชีฝรง่ั นำ�มาต้มกับน�ำ้ แล้ว เป็นผักสด อาจจะเปน็ ผกั แกล้มกบั นํา้ พริก ลาบ นำ�มาด่ืม ชว่ ยฆ่าเช้อื โรค ชว่ ยแกพ้ ิษงู ดว้ ยการใชล้ �ำ ต้นนำ�มาตำ� ก้อย และย�ำ ต่าง ๆ รวมไปถึงสารพดั ตม้ ยำ�ด้วย แล้วนำ�มาพอกบรเิ วณที่โดนกัด ช่วยแกพ้ ิษแมลงสัตว์กัดตอ่ ย ท้ังต้น ชว่ ยกระตนุ้ ร่างกาย ช่วยบรรเทาอาการปวดศีรษะ ช่วยแกอ้ าการ อาหารเปน็ พิษ ผักชีฝรั่งหากนำ�มาตม้ มีสรรพคณุ ช่วยบ�ำ รงุ กำ�หนดั เสริมสร้างความตอ้ งการทางเพศ ราก ช่วยขบั เหง่อื ชว่ ยแก้ไข้ ชว่ ยขับปัสสาวะ ขอ้ ควรระวัง/โทษของผกั ชีฝรั่ง เนอื่ งจากผักชฝี รั่งน้ันมกี รดออกซาลิก (Oxalic acid) ใน ปรมิ าณทสี่ ูงมากเป็นอันดบั 1ในตระกลู ผกั ทัง้ หลายซ่ึงกรดออกซาลกิ นเี้ ป็นต้นเหตทุ ท่ี �ำ ใหเ้ กิดโรคนิ่วในไตและกระเพาะปสั สาวะ ซึง่ อาการที่ พบตามมาก็ได้แก่ อาการปวดท้อง ปวดเอว ปัสสาวะติดขัด เปน็ ตน้ ดังน้ันคุณไม่ควรที่จะบริโภคผักชีฝร่ังในปริมาณมากเกินไปหรือรับ ประทานตดิ ต่อกนั เปน็ ระยะเวลานาน แต่ควรเปลี่ยนไปรบั ประทานผกั ชนิด อนื่ บ้างสลบั กนั ไป เพราะมนั จะท�ำ ให้ร่างกายของคุณได้รับประโยชนอ์ ยา่ ง สูงสดุ (ผกั แมจ้ ะมีประโยชน์ แตเ่ ราก็ต้องฉลาดบรโิ ภคดว้ ยนะครบั ) และ สำ�หรับหญงิ ตัง้ ครรภ์ไมแ่ นะน�ำ ให้รับประทานผักชีฝรั่ง 33
ชือ่ พน้ื เมอื ง ผักคราด หญา้ ตมุ้ หู, ผกั เผ็ด (ภาคเหนอื ) ชอ่ื วทิ ยาศาสตร ์ Spilanthes acmella (L.) Murr โดยจัดอยู่ในวงศ์ทานตะวัน (ASTERACEAE หรอื COMPOSITAE) ลกั ษณะทางพฤกษศาสตร์ ตน้ ใบ ดอก ผล จัดเป็นไม้ล้มลุกขนาดเล็ก เปน็ ใบเด่ยี ว ออกตรงข้ามกนั ออกดอกเป็นช่อตามซอก เปน็ ผลแหง้ ลักษณะของผล มอี ายุปเี ดียว มลี ำ�ตน้ ต้ังตรง ลักษณะของใบเป็นรูปสาม ใบและปลายก่งิ เป็นกระจกุ สี เป็นรปู ไข่ มีความยาวประมาณ ล�ำ ตน้ กลมและอวบนํา้ แตก เหล่ยี ม รปู ไข่ หรือเปน็ รูปใบ เหลือง ดอกมลี กั ษณะกลม 3 มม. และมสี ัน 3 สัน ส่วน กงิ่ กา้ นสาขา มคี วามสูงของ หอกแกมรูปไข่ ขอบใบเรียบ เปน็ รปู ไข่ ปลายแหลมคล้าย ปลายเว้าเปน็ แอ่งเลก็ นอ้ ย ท่ี ลำ�ตน้ ประมาณ 20-30 ซม. หรือเป็นจักคล้ายฟันเล่ือย หัวแหวน ยาวประมาณ 8 มม. รยางค์มีหนามอยู่ 1-2 อนั ต้นมีสีเขียวม่วงแดงปนเข้ม แบบหยาบๆ ส่วนของกา้ นใบ ดอกย่อยมี 2 วง วงนอก หรือทอดไปตามดินเล็กน้อย มคี วามยาวประมาณ 1-2 ซม. เปน็ ดอกตัวเมีย สว่ นวงใน แต่ปลายชูข้ึน ล�ำ ตน้ อ่อนและ ผวิ ของใบมขี นและสาก แผน่ เป็นดอกสมบูรณ์เพศ กา้ น มขี นปกคลมุ ขนึ้ อยู่เลก็ นอ้ ย ใบกวา้ งประมาณ 3-4 ซม. ของดอกเรยี วยาว และยาว และยาวประมาณ 3-6 ซม. ประมาณ 2.5-15 ซม. ยก ปลายใบแหลม โคนใบสอบ ตั้งทรงกลมคล้ายกับหัว แหวน มีรว้ิ ประดบั อยู่ 2 ชนั้ 34
สรรพคณุ ของผักเผ็ด คณุ คา่ ทางโภชนาการ ของผกั เผ็ด 100 กรมั ตน้ ตน้ สดมีรสเผด็ รอ้ น ช่วยทำ�ให้เจริญอาหาร ทั้งตน้ มรี สเอียน พลงั งาน 32 กิโลแคลอรี และเบือ่ เลก็ น้อย ช่วยแกพ้ ษิ ตานซางได้ ช่วยแก้ไข้ ชว่ ยแก้อาการ - คาร์โบไฮเดรต 7.1 กรัม หอบไอ ระงบั อาการหอบ ช่วยแก้อาการไอ ไอหวดั ไอกรน ช่วย - โปรตนี 1.9 กรัม แกห้ ลอดลมอกั เสบเร้ือรงั ช่วยแก้ปอดบวม ท้งั ตน้ ใชต้ ้มด่ืมชว่ ย - ไขมนั 0.3 กรัม แก้อาการชอกชํา้ ภายในทรวงอก ต้นสดนำ�มาต�ำ ผสมเหล้าหรือ - น้าํ 89 กรัม นํา้ สม้ สายชู แล้วน�ำ มาอมแกฝ้ ีในคอได้ ทัง้ ต้นใช้ตม้ ด่มื แกอ้ าการ - วติ ามินเอ 3,917 หนว่ ยสากล ปวดท้องหลังคลอดได้ - วติ ามนิ บี 1 0.03 มิลลิกรัม ดอก - วติ ามินซี 20 มลิ ลกิ รัม ดอกมีรสเผ็ดและชาลนิ้ ใช้เป็นยาขับนํา้ ลายได้ ช่วยในการเจรญิ - ธาตแุ คลเซยี ม 162 มลิ ลิกรัม อาหาร ชว่ ยกระต้นุ และเรยี กน้ําลายได้เช่นกัน ชว่ ยแก้โรคในคอ - ธาตเุ หลก็ 4 มิลลกิ รมั รักษาแผลในปากและคอ ช่วยแก้หรือลดอาการปวดฟนั และฟันผุ - ธาตฟุ อสฟอรัส 41 มลิ ลกิ รมั ด้วยการใช้ดอกผักคราดตำ�กับเกลือแล้วนำ�มาอมหรือกัดไว้ บรเิ วณทีม่ ีอาการปวดฟัน หรือจะใชด้ อกน�ำ มาต�ำ ผสมกับเหล้า การนำ�ผกั เผ็ดประกอบอาหาร โรงเลก็ น้อย ชุบดว้ ยสำ�ลแี ลว้ นำ�มาอดุ รฟู นั ทม่ี อี าการปวด ดอก ชว่ ยรักษารำ�มะนาด ดอกเมอ่ื น�ำ มาใช้ผสมกับต�ำ รบั ยาสมนุ ไพรอื่น ใบผักเผด็ สามารถนำ�มาใชร้ ับประทาน จะมีสรรพคุณช่วยแก้ลมตะกังหรืออาการปวดหัวข้างเดียวได้ เป็นผักสดแกล้มกับอาหารคาวเพื่อช่วยดับกลิ่น ดอกเม่อื น�ำ ไปผสมกับต�ำ รับยาอน่ื ๆ จะช่วยแกอ้ งคชาตตาย และช่วยเพิม่ รสชาติ สว่ นยอดอ่อนและดอกออ่ น ใบ ใช้ลวกรับประทานรว่ มกับนาํ้ พริก แกลม้ กับลาบ ใบมีรสหวาน ขมเอียน เบ่ือเลก็ นอ้ ย และชาลิ้น ชว่ ยแก้อาการ กอ้ ย แกง หรือใส่ในแกงแค ออ่ มปลา อ่อมกบ ผอมเหลอื ง ช่วยแก้โลหติ เป็นพษิ ช่วยแก้อาการตาฟาง แกม้ ึน หรอื น�ำ ไปแกงรว่ มกับหอยและปลา หรอื จะใช้ใบนำ�มาเคยี้ วเปน็ ยาแก้ปวดฟัน ยาชาได้ หรือใช้ใบเป็น ยาถ่ายสำ�หรบั เด็ก เป็นยาผายลมในเดก็ ช่วยแกอ้ าการทอ้ งอดื ขอ้ ควรระวงั /โทษของผกั เผ็ด ท้องเฟอ้ ชว่ ยแกอ้ าการส�ำ รอกในเดก็ หากใช้ใบและลำ�ต้นนำ�มา ตำ�ใหล้ ะเอียด ผสมกบั เหล้าโรง ใชร้ บั ประทานวันละ 1 ครงั้ ส่วน หญงิ มีครรภห์ า้ มรบั ประทาน กากท่ีเหลือใช้พอกบรเิ วณท่ีเปน็ ไดต้ ลอดวัน ช่วยแก้ไฟลามทงุ่ ใบยงั มสี รรพคณุ ชว่ ยแกอ้ ัมพฤกษ์ อมั พาต และอาการเหน็บชา โดยจะใช้ผักคราดหัวแหวนร่วมกับพริกไทยและหัวอุตพิดอย่าง ละเท่า ๆ กนั ผสมกบั นาํ้ มันพชื แลว้ น�ำ มาทา ราก น�ำ มาเคยี้ วแกอ้ าการปวดฟันก็ได้ นํ้าตม้ รากใชเ้ ป็นยาบ้วนปาก แก้อาการอกั เสบในชอ่ งปาก แกอ้ าการอกั เสบ และแกเ้ จ็บคอ นํ้าตม้ รากมรี สเอียนและเบ่อื เลก็ นอ้ ย ใช้เป็นยาถา่ ย โดยใช้รากแห้ง 4-8 กรมั ต้มในนํ้า 1 ถว้ ยแล้วนำ�มาด่ืม ชว่ ยแกอ้ าการทอ้ งผูก รากเม่ือนำ� มาใชร่ ่วมกบั สมนุ ไพรอน่ื ๆ จะมสี รรพคุณเปน็ ยาแก้ระดมู าไมป่ กติ ของสตรี 35
ช่ือพน้ื เมอื ง พริกเดอื ยไก่, พรกิ แล้ง (ภาคเหนอื ) ชอ่ื วทิ ยาศาสตร ์ Capsicum annuum L. (Capsicum annuum var. acuminatum Fingerh.) จัดอยู่ในวงศม์ ะเขือ (SOLANACEAE) ลักษณะทางพฤกษศาสตร์ ตน้ ใบ ดอก ผล เปน็ ไม้พ่มุ ขนาดเลก็ มอี ายุ ใบเปน็ ใบเด่ยี ว ออกเรยี งสลับ ออกดอกเป็นช่อหรือเดี่ยวชี้ข้ึน ลักษณะของผลเป็นรูปทรง ประมาณ 1-3 ปี มีความสูง หรอื ออกตรงข้ามกัน บางพนั ธุ์ โดยจะออกตามซอกใบและที่ กลมยาว ปลายผลแหลม ผล ไดป้ ระมาณ 0.3-1.2 เมตร ก็ออกเป็นค่ๆู ลักษณะของใบ ปลายกิ่ง ดอกเปน็ สีขาวหรือ ออ่ นเปน็ สีเขยี วแก่ เมอื่ แก่แล้ว ลำ�ต้นเปราะหกั งา่ ย แตกกง่ิ เป็นรปู หวั ใจเรยี ว รปู วงรี รูป สขี าวอมเขยี ว มกี ลบี 5 กลีบ จะเปลยี่ นเป็นสสี ม้ และสแี ดง ผวิ ก้านหนาแนน่ เป็นพุม่ เปลือก ใบหอก หรือเป็นรูปขอบขนาน โคนกลีบดอกเช่ือมติดกัน ผลเป็นมัน ปลายผลชีต้ ั้งขึ้น ลำ�ตน้ เรียบเปน็ สนี ํ้าตาล ก่ิง แกมรปู ไข่ ปลายใบแหลม โคน ส่วนกลีบเลี้ยงโคนเช่ือมติดกัน ผลมีรสเผ็ดร้อนพอประมาณ อ่อนเปน็ เหลีย่ ม ใบแหลมหรอื เว้าเลก็ น้อย สว่ น ปลายตดั หรือหยัก 5 หยัก ดอก ส่วนเมล็ดมีลักษณะแบนเรียบ ขอบใบเรียบ ใบมขี นาดกว้าง มเี กสรเพศผู้ 5 อัน สามารถ สีเหลืองหรอื สขี าวนวล และมี ประมาณ 2.5-4 ซม. และยาว ออกดอกได้ตลอดทงั้ ปี จำ�นวนมาก สามารถติดผลได้ ประมาณ 3-10 ซม. แผน่ ใบ ตลอดปี เป็นสเี ขียวเขม้ เนอื้ ใบนม่ิ หลงั ใบและทอ้ งใบเรยี บ 36
สรรพคณุ ของพรกิ ชี้ฟา้ สรรพคณุ ของพริกช้ีฟ้าแหง้ ผล/เมล็ด: พริกมีสรรพคณุ ช่วยท�ำ ใหเ้ จริญอาหาร บ�ำ รงุ ธาตุ ภายในพริกแหง้ อุดมไปด้วยแคปไซซนิ ท่ี ในรา่ งกาย ชว่ ยแก้อาการเคลด็ ขดั ยอก แก้อาการปวดตามข้อ เป็นประโยชน์อย่างมากในการรักษาระบบทาง ปวดเมอ่ื ยตามร่างกาย ปวดตามบัน้ เอว ฟกชา้ํ ชว่ ยท�ำ ให้การ เดนิ หายใจใหท้ �ำ งานไดค้ ลอ่ งมากขนึ้ ชว่ ยไลแ่ ก๊ส ไหลเวียนของเลือดดขี ึ้น และช่วยแกต้ ะคริวได้ พริกสามารถลด ภายในกระเพาะอาหาร ลดเสมหะ รักษาอาการ ความดนั โลหติ ได้ เพราะท�ำ ใหเ้ ลือดอ่อนตัว และทำ�ให้ระบบการ ทอ้ งอืด แนน่ เฟ้ออาหารไมย่ ่อย ชว่ ยรักษา ไหลเวียนของเลือดเป็นไปได้ด้วยดี ช่วยเรง่ การย่อยสลาย ขับเหง่ือ อาการไอ อกี ทัง้ สารอาหารภายในพริกแห้งยงั และชว่ ยลดนํ้าหนกั ไดด้ ี ชว่ ยลดอาการหวัดคดั จมกู ชว่ ยแก้ รักษาระบบทางเดินหายใจใหเ้ ปน็ ปกติ รักษา อาเจียน ช่วยขบั เสมหะ และพรกิ สามารถชว่ ยกระตุ้นการทำ�งาน ภูมิแพ้และโรคหอบหืด ขยายหลอดลมพร้อม ของกระเพาะอาหาร ทำ�ให้ระบบการย่อยอาหารท�ำ งานได้ดขี ้ึน ทั้งช่วยกระตุ้นระบบไหลเวียนโลหิดให้ทำ�งานได้ ชว่ ยแกล้ มจุกเสียด แกอ้ าการท้องขนึ้ อืดเฟอ้ เรอเปรย้ี ว แกแ้ น่น อย่างดีและมีประสิทธิภาพและยังอุดมไปด้วย ลดกรดในกระเพาะ ชว่ ยขบั ผายลม และช่วยในการยอ่ ยอาหาร คุณค่าทางสารอาหารมากมาไม่ว่าจะเป็นธาธ ตน้ : ตน้ นำ�มาเผาใหเ้ ป็นถา่ น มสี รรพคณุ ใช้ขบั ปสั สาวะ ใชเ้ ป็นยา เหล็ก โพแทสเซยี มแมกนีเซียม ใยอาหาร วิตามนิ แก้เสน้ เอ็นพกิ าร แกป้ วดเมื่อย A, B ชนดิ ต่างๆ ขอ้ ควรระวัง/โทษของพรกิ ชี้ฟา้ การนำ�พรกิ แห้งประกอบอาหาร ผปู้ ่วยโรคกระเพาะอาหารอกั เสบ เน่อื งจากสารแคปโซซินพริก ถือว่าเป็นเคร่ืองปรุงและส่วนประกอบที่ มีฤทธ์ิเปน็ กรด เมือ่ กินเข้าไป กรดใน พริก จะเข้าไปกัดกระเพราะอาหาร สร้างรสชาติและกลิ่นหอมอย่างดีให้แก่เมนูอาหาร ให้เปน็ แผล โดยท่ัวไปแล้วนิยมมาค่ัวหรือตำ�ให้ละเอียดแล้วนำ� เดก็ และผสู้ งู อายทุ ส่ี �ำ ลกั งา่ ย เพราะถ้าส�ำ ลักเข้าไปในหลอดลม ไปปรุงรสชาตอิ าหารประเภทต่าง เชน่ ข้าวต้ม แคปโซซิน ท่เี ป็นกรดอาจกัดหลอดลม ทำ�ให้เกดิ ปัญหาหลอดลมหด ก๋วยเตีย๋ ว ก๋วยจบ๊ั หรอื โจ๊ก นอกจากนีย้ งั มกั น�ำ เกรง็ ตบี บวม และหายใจไม่ออก ไปใช้ทำ�อาหารประเภท ต้มยำ� แกงและนํา้ พรกิ แกง ตา่ งๆ คณุ ค่าทางโภชนาการของพรกิ ชฟ้ี ้า 100 กรมั พลงั งาน 129 กิโลแคลอรี - น้าํ 63.8%, โปรตีน 1.5 กรมั - ไขมัน 0.5 กรัม - คาร์โบไฮเดรต 29.8 กรัม - ใยอาหาร 2.2 กรมั - เถา้ 2.2 กรัม, วิตามินเอ 1,917 หนว่ ยสากล, วิตามนิ บี1 0.07 มลิ ลกิ รัม - วิตามนิ บี2 0.01 มลิ ลกิ รมั - วติ ามนิ บ3ี 0.1 มิลลิกรมั - วิตามนิ ซี 204 มลิ ลกิ รมั - แคลเซียม 103 มลิ ลิกรมั - ธาตเุ หลก็ 0.5 มิลลกิ รัม - ฟอสฟอรสั 27 มิลลกิ รัม การนำ�พริกช้ีฟ้าประกอบอาหาร ยอดออ่ นและใบออ่ นสามารถน�ำ มาประกอบอาหารได้ เชน่ แกงออ่ ม แกงเลยี ง เป็นต้น ผลออ่ นและผลแก่ใชเ้ ครื่องประกอบ อาหาร 37
มะกรดู ชือ่ พื้นเมอื ง มะขู (แมฮ่ ่องสอน), มะขุน มะขูด (ภาคเหนือ) ชอ่ื วทิ ยาศาสตร ์ Citrus hystrix DC. จัดอยู่ในวงศ์สม้ (RUTACEAE) ลักษณะทางพฤกษศาสตร์ ต้น ใบ ดอก ผล/ลกู ตน้ มะกรดู เปน็ ไม้ยืนตน้ ขนาด เป็นใบประกอบ ออกเปน็ ใบเดีย่ ว ดอกมะกรูดเป็นดอกสมบูรณ์ มีลกั ษณะคอ่ นข้างกลม มีเสน้ เล็ก เนอื้ ไม้เป็นเนอ้ื แขง็ เปลอื ก มีก้านใบแผ่ออกเป็นครีบคล้าย เพศ ดอกออกเปน็ ช่อมสี ีขาว ผ่านศูนยก์ ลาง 5-7 ซม. ผล เรยี บมีสนี ้ําตาลออ่ น ล�ำ ต้น แผน่ ใบ ใบมีลักษณะหนา เรียบ มี แทงออกบริเวณส่วนยอด คล้ายผลสม้ ซา่ มขี นาดใหญ่ แตกกิ่งก้านจำ�นวนมากตั้งแต่ ผวิ มนั สีเขียว และเขียวเขม้ ตาม หรือตามซอกใบ แต่ละช่อมีด กวา่ ลกู มะนาวเลก็ นอ้ ย ลกั ษณะ ระดับล่างของลำ�ต้นทำ�ให้มี อายขุ องใบ ใบมคี อดกว่ิ ทีก่ ลาง อกประมาณ 1-5 ดอก กลบี ของผลมีรูปร่างแตกต่างกันไป ลักษณะเป็นพุ่ม ตามล�ำ ตน้ และ ใบท�ำ ให้ใบแบง่ ออกเปน็ 2 ตอน ดอกมีสขี าวครมี 5 กลบี มี แลว้ แตพ่ ันธ์ุ เปลอื กผลค่อน กิง่ มีหนามแหลมยาว หรอื คลา้ ยใบไม้ 2 ใบ ตอ่ กัน ขนปกคลุม ภายในดอกมี ขา้ งหนา ผิวเปลอื กมสี เี ขียวเขม้ ขนาดใบกวา้ งประมาณ 2.5-5 เกสรมสี เี หลือง ดอกมกี ลนิ่ ผิวขรุขระเป็นลูกคลื่นหรือ ซม. ยาวประมาณ 5-12 ซม. ใบ หอมเล็กน้อย และเมอื่ แก่จะ เปน็ ปุ่มนนู ภายในเปลอื กมตี ่อม มีกลิ่นหอมมากเพราะมีต่อมน้ํา รว่ งง่าย น้ํามันหอมระเหยเป็นจํานวน มนั อยู่ มาก มีจกุ ท่หี ัว และทา้ ยของ ผล เมอื่ สุก ผลจะเปลี่ยนเปน็ สีเหลือง 38
สรรพคุณของมะกรดู คณุ คา่ ทางโภชนาการ ของใบมะกรดู 100 กรัม มะกรูดมีสารต่อต้านอนุมลู อสิ ระสงู ช่วยเสริมสรา้ ง ภมู คิ ุ้มกันใหร้ า่ งกายแขง็ แรงและตา้ นทานโรค ช่วยทำ�ให้เจรญิ พลังงาน 171 กิโลแคลอรี อาหาร นา้ํ มันหอมระเหยจากมะกรดู มสี รรพคุณช่วยผ่อนคลาย - โปรตีน 6.8 กรมั ความเครียด คลายความกังวล ท�ำ ให้จติ ใจสงบน่ิง ด้วยการสดู - ไขมนั 3.1 กรมั ดมผวิ มะกรดู หรือนา้ํ มนั มะกรดู จะชว่ ยไดร้ ะดบั หนง่ึ แต่การใชไ้ ม่ - คาร์โบไฮเดรต 29.0 กรัม ควรจะใช้ความเข้มขน้ มากกวา่ 1% เพราะอาจจะท�ำ ใหเ้ กิดการ - เสน้ ใย 8.2 กรมั ระคายเคืองได้ - แคลเซยี ม 1672 มลิ ลิกรมั ใบ - ฟอสฟอรัส 20 มิลลิกรัม ใบมะกรูดมีสรรพคุณช่วยยับย้ังหรือชะลอการขยายตัวของ - เหลก็ 3.8 มิลลกิ รมั เซลลม์ ะเรง็ ช่วยตอ่ ต้านมะเรง็ ได้ เน่อื งจากใบมะกรดู น้ันอดุ ม - วิตามินเอ 303 ไมโครกรัม ไปดว้ ยเบตา้ แคโรทีน - ไทอามนี 0.20 มลิ ลิกรมั เปลอื กผล - ไรโบฟลาวนิ 0.35 มิลลิกรมั ใช้ปรงุ เป็นยาช่วยขบั ลมในล�ำ ไส้ แก้อาการจุกเสยี ด ทอ้ ง - ไนอาซนิ 1.0 มิลลกิ รัม อดื แน่นทอ้ ง ดว้ ยการใชผ้ ิวมะกรดู สดฝานเปน็ ชิน้ เล็ก ๆ - วติ ามินซี 20 มิลลิกรมั ประมาณ 1 ช้อนแกง เติมการบูรหรอื พิมเสน 1 หยบิ มอื ชง - เถา้ 4.0 กรมั ด้วยนํ้าเดอื ด แช่ทง้ิ ไว้ แล้วนำ�นา้ํ ทไ่ี ดม้ าด่มื 1-2 คร้งั แล ช่วย แก้เสมหะเป็นพษิ ด้วยการใชผ้ วิ มะกรูดสดฝานเปน็ ชน้ิ เล็ก ๆ ประมาณ 1 ช้อนแกง เติมการบรู หรอื พิมเสน 1 หยบิ มอื ชง ดว้ ยน้าํ เดอื ด แช่ทงิ้ ไว้ แล้วนำ�น้ำ�ทีไ่ ด้มาดมื่ 1-2 คร้ัง การนำ�มะกรดู ประกอบอาหาร ใบมะกรูดและนํ้ามะกรูดสามารถใช้ดับกล่ินคาวใน อาหารได้ ใช้ในการประกอบอาหารและแตง่ กล่ินคาวหวานของ อาหาร เช่น ต้มยำ� แกงเผ็ด ผัดเผด็ ฉฉู่ ่ี ห่อหมก ทอดมนั โรย หน้าข้าวเหนยี วหนา้ กงุ้ ฯลฯ 39
ชอื่ พืน้ เมือง มะเขือแจ้ดิน มะเขือเปราะ มะเขอื เสวย มะเขือขนั ค�ำ มะเขือค�ำ มะเขอื คางกบ มะเขือแจ้ มะเขอื เหลอื ง (ภาคเหนอื ) ชอ่ื วทิ ยาศาสตร ์ Solanum aculeatissimum Jacq. จดั อยู่ในวงศม์ ะเขอื (SOLANACEAE) ลักษณะทางพฤกษศาสตร์ ต้น ใบ ดอก ผล เป็นไม้ล้มลุกกึ่งไม้พุ่มขนาดเล็ก เป็นใบเดี่ยว ออกเรยี งสลับกนั เปน็ ชอ่ สั้นแบบช่อกระจาย มดี อก เป็นรูปทรงกลม มขี นาดเส้นผา่ น มีความสูงของลำ�ต้นประมาณ ลักษณะของแผ่นใบมีหลายรูป ย่อยประมาณ 4-6 ดอก หรือ ศนู ย์กลางประมาณ 2-3 ซม. ผิว 1-3เมตรตามล�ำ ตน้ มีหนามส้ัน ร่าง แผ่นใบรูปไข่ ปลายใบแหลม อ อ ก ด อ ก เ ดี่ ย ว ต า ม ซ อ ก ใ บ ผลเรยี บเปน็ มันเปลือกเหนียวผล ลำ�ต้นและกิ่งก้านเป็นรูปทรง หรือมน โคนใบเป็นรปู หัวใจ ฐาน กา้ นช่อยาวประมาณ1ซม.สว่ น อ่อนผิวจะเรียบลื่นเป็นสีเขียวเข้ม กระบอกตัง้ ตรง มีสีม่วงทงั้ ล�ำ ตน้ ใบท้ังสองด้านจะเย้ืองกันเล็ก ก้านดอกยาว 0.5-1 ซม. มีขน มลี ายขาวแทรก เมื่อสกุ แล้วจะ ก่ิงก้านและใบมีขนอ่อนละเอียด นอ้ ย ส่วนขอบใบหยกั เวา้ เป็นพู ห่างยาวๆ กลีบดอกมี 5 กลีบ เปน็ สเี หลอื งสด ชน้ั เนอ้ื ผลบางมี ขึ้นอยู่ท่วั ไป มีขนรูปดาวยาวได้ ต้ืน ๆ ประมาณ 5-7 พู มขี นาด กลีบเป็นสีมว่ ง โคนกลบี ดอก สีเขยี วออ่ นอมสเี หลืองใส มะเขือ ประมาณ 2 มม. และยังพบขนชนิด กวา้ งประมาณ 4-12 ซม. และ เชื่อมติดกันเป็นรูปกรวยสั้น ข่ืนจะมกี ลนิ่ เฉพาะ โดยจะมรี สขน่ื มตี ่อมมขี นส้ันปกคลุมทัง้ ลำ�ตน้ ยาวประมาณ 4.5-18 ซม. หลัง ส่วนปลายแยกลักษณะของ ภายในผลจะมีเมล็ดจำ�นวนมาก มี ห น า ม ต ร ง ห รื อ โ ค้ ง ข น า ด ใบเปน็ สีเขียว สว่ นท้องใบเรยี บ กลีบดอกเปน็ รูปหอก มีขนนมุ่ เมล็ดมีลักษณะเป็นรูปกลมแบน ประมาณ 1-5 x 2-10 มม. โคน เป็นมนั แผน่ ใบมขี นรูปดาวท้ัง เหมอื นวงกลีบเลย้ี งดอกมีเกสร ขนาดเล็กสีนำ�้ ตาลออ่ น มขี นาด ตน้ แก่มเี นอ้ื ไม้แขง็ สองดา้ น มีหนามแหลมตามเสน้ สีเหลือง 5 อัน ก้านชอู บั เรณู เ ส้ น ผ่ า น ศู น ย์ ก ล า ง ป ร ะ ม า ณ กลางใบ ก้านใบอว้ นสนั้ ยาวได้ ยาว 1-2 มม. อบั เรณูเปน็ รูป 2-2.8 มม. ประมาณ 3-7 ซม. และอาจพบ หอก เรยี วแหลม ขนาด 6-7 มม. หนามตามก้านใบ รังไขเ่ กลย้ี งสว่ นกา้ นชเู กสรเพศ เมียยาวไดป้ ระมาณ 6-7 มม. 40
สรรพคุณของมะเขอื ขน่ื คณุ ค่าทางโภชนาการ ของมะเขอื ขน่ื 100 กรัม สารส�ำ คัญในมะเขอื ขืน่ คอื สารอัลคาลอยด์ต่าง ๆ ใน ทางเภสชั กรรมลา้ นนา จะใช้สารดงั กล่าวเป็นส่วนประกอบใน - วติ ามินซี 63 มลิ ลกิ รัม ต�ำ รบั ยาหลายชนดิ เชน่ ยาบ�ำ รุงกำ�ลัง, ยาเสลด (ยาแก้เสมหะ - แคลเซยี ม 55 มลิ ลิกรมั และรักษาตาต้อ), ยายางเหลืองมักเป็นขางเข้ยี นขาว (ยารกั ษา - ฟอสฟอรัส 22 มิลลกิ รัม ฯลฯ โรคผวิ หนัง กลาก เกลอื้ น), ยาแกไ้ อ ขับเสมหะ แก้อาเจยี น รกั ษา แผลเปน็ หนองและหืด เปน็ ตน้ ในชนบททางภาคกลางจะใช้ใบ การนำ�มะเขอื ขนื่ ปรุงเปน็ ยาร่วมกับใบสมนุ ไพรชนิดอน่ื ๆ และยังเชอื่ วา่ ในทอ้ ง ประกอบอาหาร ถนิ่ และภาคอืน่ ๆ ของไทย คงนำ�มะเขอื ขน่ื ไปใชเ้ ป็นยารกั ษาโรค อกี มากมาย แต่ในปัจจุบนั ยงั ขาดการรวบรวมขอ้ มูลดังกล่าว ผลมะเขือข่ืนที่แก่แล้วมาใช้ปรุงเป็นอาหาร เป็นเอกสารเผยแพร่ ประกอบกบั มยี าแผนปจั จุบันเขา้ มาแทน จงึ โดยจะใชเ้ ฉพาะส่วนเปลอื กและเนื้อเท่านน้ั โดยอาจ ทำ�ให้มกี ารน�ำ มะเขือขืน่ มาใช้เปน็ ยาลดน้อยลง นำ�มาใช้กินเป็นผักจิ้มร่วมกับน้ำ�พริกหรือปลาร้า ผล: มรี สเปรี้ยวขน่ื เยน็ ใชเ้ ปน็ ยาบำ�รุงรา่ งกาย ผลมีสรรพคุณ ส่วนชาวล้านนาจะใช้ผลอ่อนนำ�มารับประทานทั้งผล เป็นยาแกไ้ ข้สันนบิ าต ผลมีสรรพคณุ เป็นยากัดเสมหะ หากน�ำ ผล ใช้เปน็ ผกั จ้มิ และผักแกง น�ำ มายำ� (สา้ บา่ เขือแจ)้ ใช้ สดประมาณ 70-100 กรมั น�ำ มาตนุ๋ กบั ไตหมรู ับประทาน ใชเ้ ปน็ ใส่ในน้าํ พรกิ (นํา้ พรกิ อีเ่ ก๋ นํ้าพรกิ บ่าเขอื แจ้)บ้าง ยาชว่ ยขบั ลมชนื้ แก้อาการปวดข้อเนื่องจากลมชืน้ ตดิ เกาะ แก้ไข นำ�ผลแก่ไปเผาให้สุกตำ�จนละเอียดแล้วผสมลงใน ข้ออักเสบ มอื เทา้ ชา เนือ้ มะเขือขืน่ สีเขยี วนำ�มาค้นั เอาแตน่ ้ําใช้ เนอื้ สบั ทจี่ ะทำ�ลาบเนอ้ื หมูหรือลาบเน้อื โดยจะช่วย หยอดตา แก้พยาธิในตา ทำ�ให้ลาบนนั้ นุ่มเหนียวย่งิ ข้ึน อาจมีคนสงสยั วา่ ราก: ตำ�รายาไทยจะใชร้ ากเปน็ ยาแกไ้ ขท้ ่มี ีพิษร้อน ช่วยกระทงุ้ มะเขือข่ืนท่ีท้ังเหนียวและข่ืนจะมีรสชาติอร่อยได้ พษิ ไข้ ผลและรากมสี รรพคณุ เป็นยาแกไ้ อ ชว่ ยแก้นํ้าลายเหนยี ว อยา่ งไร เพราะต่างจากมะเขอื ทั่วไปทมี่ คี วามกรอบ รากมีรสขน่ื เอียน เปรีย้ วเลก็ นอ้ ย มสี รรพคณุ เปน็ ยาขบั เสมหะ และความหวาน แตด่ ว้ ยภมู ิปญั ญาบวกกบั ฝีมือ และนา้ํ ลายโดยจะชว่ ยลา้ งเสมหะในลำ�คอและท�ำ ใหน้ า้ํ ลายน้อยลง จึงทำ�ให้ความข่ืนและความเหนียวกลายเป็นอาหาร ท�ำ ให้นํา้ ลายแหง้ หากน�ำ มาต้มเอาน้ํามาอมในปาก ใชแ้ ก้อาการ ทอี่ ร่อยมีเอกลักษณ์ไปได้ เชน่ เดียวกับชะอมทยี่ งั ปวดฟัน ด้วยการใชร้ าก 15 กรัม รากใชฝ้ นเปน็ กระสายยา คงเปน็ เสน่ห์น่นั เอง แก้เดก็ เป็นโรคซาง ชกั รากใช้ปรุงร่วมกับยาอ่นื เป็นยาแก้กาม ตายดา้ นและบำ�รุงความกำ�หนัดได้ผลดีในระดับหน่ึง ใชเ้ ปน็ ยาแก้ ข้อควรระวัง/โทษของ อัณฑะอักเสบ ด้วยการใช้ 15 กรมั , หญา้ แซม่ า้ 15 กรมั และต้น มะเขือขื่น ทง้ิ ถ่อน น�ำ มารวมกันต้มกบั นํ้ารบั ประทาน ใบสด: ใชภ้ ายนอกนำ�มาตำ�พอกแก้พษิ แกฝ้ ีหนอง เชอ่ื กันวา่ หากรบั ประทานมะเขือข่นื เขา้ ไปมาก เมลด็ : มีสรรพคุณเปน็ ยารักษามะเร็งเพลงิ จะทำ�ใหม้ คี วามรสู้ ึกทางเพศสูง สว่ นในหญิงต้งั ครรภ์ นน้ั หากรับประทานมะเขอื ขื่น เช่ือวา่ ครรภจ์ ะโตมาก ท�ำ ใหค้ ลอดบตุ รไดย้ าก 41
ช่อื พ้นื เมอื ง มะเขือขัยคำ� มะเขือคางกบ มะเขอื จาน มะเขือด�ำ (ภาคเหนือ) มงั่ คอเก (กะเหรยี่ ง-แม่ฮ่องสอน) ชอ่ื วทิ ยาศาสตร ์ Solanum virginianum L. จัดอยู่ในวงศม์ ะเขือ (SOLANACEAE) ลกั ษณะทางพฤกษศาสตร์ ต้น ใบ ดอก ผล มีถ่ินกำ�เนิดในประเทศอินเดีย ใบมขี นาดใหญ่ ออกเรยี งตวั ออกดอกเด่ียว ดอกมีขนาด ลักษณะของผลมีรูปร่างกลม จัดเป็นไม้พมุ่ ที่มีความสงู แบบสลับ ใหญ่ เปน็ สมี ว่ งหรือสีขาว แบนหรอื เปน็ รูปไข่ ผลเปน็ สี ของต้นประมาณ 2-4 ฟตุ ขาวอมเขียว และอาจเปน็ สี มอี ายุได้หลายฤดูกาล ขาว สีเขยี ว สเี หลอื ง หรอื สีม่วง ขึ้นอยกู่ ับสายพันธุ์ ที่ปลูก ผลเมื่อแกแ่ ลว้ จะมีสี เหลือง ส่วนเนอื้ ในผลเปน็ สี เขียวเปน็ เมอื ก มีรสขนื่ 42
สรรพคณุ ของมะเขือเปราะ คณุ คา่ ทางโภชนาการ ของมะเขือเปราะ 100 กรัม ผล ที่ประเทศอินเดียจะใช้น้ำ�ต้มจากผลมะเขือเปราะเป็นยารักษาโรค พลงั งาน 39 กิโลแคลอรี เบาหวาน และ ผลใช้เป็นยาลดไข้ หากนำ�ผลตากแห้งมาบดเปน็ - โปรตนี 1.6 กรัม ผงผสมกับน้าํ ผ้ึงใช้ปรงุ เปน็ ยาแกไ้ อ ผลมีสรรพคณุ เปน็ ยาขับ - ไขมัน 0.5 กรัม พยาธิ ชว่ ยในการยอ่ ยอาหาร และชว่ ยในการขบั ถา่ ย ช่วยลด - คาร์โบไฮเดรต 7.1 กรัม การอักเสบ ช่วยกระต้นุ ความรูส้ ึกทางเพศ นำ�มาใช้เป็นยาชว่ ย - น้ํา 90.2 กรมั ขบั ลมชน้ื แกอ้ าการปวดข้อเนือ่ งจากลมช้นื ตดิ เกาะ แกไ้ ขขอ้ - วติ ามินเอรวม 143 RE. อกั เสบ มือเท้าชา ดว้ ยการใชผ้ ลสดประมาณ 70-100 กรมั วิตามนิ บ1ี 0.11 มิลลกิ รัม น�ำ มาตนุ๋ กับไตหมูรบั ประทาน ผลมะเขอื เปราะมีสารไกลโคอัล - วิตามินบ2ี 0.06 มลิ ลกิ รัม คาลอยด์โซลามารจ์ นี โซลาโซนีน และอัลคาลอยด์โซลาโซดนี ที่ - วิตามินบี3 0.6 มิลลิกรัม ปราศจากโมเลกลุ น�ำ้ ตาล จากการทดสอบฤทธิก์ ารตา้ นเซลล์ - วิตามินซี 24 มิลลิกรัม มะเรง็ ของสารเหล่านีพ้ บว่า สารทกุ ตัวมฤี ทธต์ิ า้ นการเจริญ - แคลเซียม 7 มิลลิกรัม ของเซลลม์ ะเร็งล�ำ ไส้ใหญ่และมะเรง็ ตับ - ธาตุเหลก็ 0.8 มลิ ลกิ รมั ใบ - ฟอสฟอรัส 10 มิลลิกรมั ใบสดใชภ้ ายนอกน�ำ มาตำ�พอกแก้พษิ แก้ฝหี นอง ราก การนำ�มะเขอื เปราะ ส่วนการแพทย์อายุรเวทของอินเดียจะใช้รากมะเขือเปราะเป็นยา ประกอบอาหาร รักษาอาการไอ รากใช้เปน็ ยาแกห้ อบหดื หลอดลมอักเสบ ใชแ้ ก้ อาการปวดฟัน ดว้ ยการใชร้ าก 15 กรัม นำ�มาตม้ เอานาํ้ อมใน ในบ้านเราจะกินผลมะเขือเปราะสีเขียวเป็น ปาก รากมีสรรพคุณเป็นยาขบั ปัสสาวะ ชว่ ยขบั ลม ใช้เป็นยาแก้ อาหาร ท้ังกินดบิ จิม้ กับน้าํ พริก หรอื นำ�ไปใส่แกงป่า อณั ฑะอกั เสบ ด้วยการใช้ 15 กรมั , หญ้าแซม่ า้ 15 กรัม และตน้ แกงเผ็ด และอืน่ ๆ ท้งิ ถ่อน นำ�มารวมกันต้มกับนา้ํ รบั ประทาน ขอ้ ควรระวัง/โทษของมะเขอื เปราะ ผ้ทู เ่ี ป็นโรครมู าตอยด์ไมค่ วรบริโภคมะเขอื เปราะมาก อาจส่งผล ใหอ้ าการทรดุ ลงได้ ในการใชม้ ะเขือเปราะเปน็ ยาสมุนไพรเพื่อบ�ำ บดั รักษา อาการเจบ็ ปว่ ยต่างๆ น้นั ควรระมัดระวงั ในการใช้แตพ่ อดตี ามทีร่ ะบไุ ว้ใน ต�ำ รับตำ�ราตา่ งๆ ไม่ควรใชม้ ากจนเกินไปหรอื ใช้ติดตอ่ กนั เปน็ ระยะเวลา นานจนเกินไป เพราะอาจสง่ ผลกระทบตอ่ สขุ ภาพได้ เดก็ สตรีมคี รรภ์ ผู้ป่วยโรคเรื้อรงั หรอื ผูท้ ต่ี อ้ งรับประทานยาตอ่ เนอ่ื ง ก่อนจะใชม้ ะเขอื เปราะเปน็ สมนุ ไพรรักษาโรค ควรปรึกษาแพทยก์ อ่ นใชเ้ สมอ 43
ช่ือพ้ืนเมือง มะแว้งชา้ ง (สงขลา), มะแคว้งกลุ า (ภาคเหนอื ) ชอ่ื วทิ ยาศาสตร ์ Solanum torvum Sw. (ชอ่ื พ้องวิทยาศาสตร์ Solanum ficifolium Ortega, Solanum mayanum Lundell) จัดอยู่ในวงศม์ ะเขือ (SOLANACEAE) ลักษณะทางพฤกษศาสตร์ ต้น ใบ ดอก ผล/เมล็ด มีล�ำ ต้นเดย่ี ว ไม้ทรงพ่มุ ขนาด เปน็ ใบเด่ียว ออกเรียงสลบั กัน ออกดอกเปน็ ชอ่ เกาะกลุ่มอยู่ อยู่เปน็ พวง มลี กั ษณะทรงกลม เลก็ มอี ายุประมาณ 2-3 ปี มลี ักษณะทรงเรยี วรี ปลาย เปน็ พวง ดอกมีลักษณะรูปแตร เล็กๆ ผวิ เปลือกหนาเรียบเป็น ลำ�ตน้ มีลกั ษณะกลม ล�ำ ตน้ ตั้ง ใบแหลม ใบใหญย่ าว ขอบใบ มขี นาดเลก็ กลีบดอกมีสมี ่วง มัน ผลมสี ีเขยี ว เนอ้ื แนน่ กรอบ ตรงแขง็ และเหนียวแตกกิ่งก้าน เปน็ รอยหยกั ใบมสี เี ขยี ว มขี น หรอื สขี าว มีเกสรเปน็ เสน้ ฉ่าํ น้าํ มรี สชาติขื่นขมอ่อนๆ ได้เยอะ ล�ำ ตน้ มหี นามเลก็ ๆปก ปกคลุมท่วั ใบ สีเหลือง มกี ลีบเล้ยี งสีเขยี ว ผลสกุ จะมีสีเหลืองหรอื สสี ้ม มี คลมุ มสี นี าํ้ ตาลอมเขยี วมกี ลนิ่ ก้านช่อดอกจะยาว ดอกออก เมล็ดแบนกลมเล็กๆ จำ�นวน เฉพาะตัว เป็นระบบรากแก้ว มี บริเวณซอกใบ ออกบรเิ วณข้อ มากอยขู่ า้ งใน ใช้ผลอ่อนรบั ลกั ษณะกลมแทงลกึ ลงในดนิ มี ของกิง่ ออกตรงปลายยอด ประทานสดๆ เปน็ ผกั เคยี งได้ รากแขนงและรากย่อย รากออก และประกอบอาหารเมนูต่างๆ ตามรอบๆล�ำ ตน้ มีสนี ํา้ ตาล เมล็ดมขี นาดเล็กๆ เมล็ดมีลักษณะแบนกลมเล็กๆ มสี ีนํา้ ตาล อยู่ในผลแก่ 44
สรรพคุณของมะเขือพวง คณุ คา่ ทางโภชนาการ ของมะเขอื พวงสด 100 กรัม ในมะเขอื พวงมสี ารโซลาโซดนี (Solasodine) ชว่ ยต่อ ตา้ นโรคมะเร็งได้ มะเขือพวงมีสาร ทอร์โวไซด์ เอ, เอช (Torvoside พลังงาน 24 กิโลแคลอรี A, H) ซ่งึ มีฤทธ์ติ ้านเช้ือไวรสั เริมชนิดที่ 1 (Herpes simplex - คาร์โบไฮเดรต 5.7 กรัม virus type 1) โดยมฤี ทธิช์ ว่ ยยับย้ังไวรสั ได้มากกวา่ อะไซโคล - นํ้าตาล 2.35 กรมั เวยี รถ์ งึ 3 เท่า และมะเขือพวงมีสารทอร์โวนินบี (Torvonin B) - เสน้ ใย 3.4 กรัม ซ่งึ เป็นซาโพนินชนดิ หน่งึ โดยเช่ือว่ามฤี ทธ์ิในการขับเสมหะ - ไขมนั 0.19 กรัม ทัง้ นีม้ ะเขอื พวงมีสารเพกติน (Pectin) ทีช่ ว่ ยควบคุมระดบั นํ้า - โปรตีน 1.01 กรัม ตาลในผปู้ ่วยโรคเบาหวาน โดยสารนจ้ี ะมีหนา้ ทช่ี ว่ ยเคลอื บผวิ - วิตามินบี 1 0.039 มิลลิกรัม ในล�ำ ไส้ ท�ำ ใหอ้ าหารเคลอื่ นตวั ผา่ นล�ำ ไสไ้ ด้ช้า จึงช่วยดูดซึม - วิตามินบี 2 0.037 มิลลกิ รมั แป้งและนา้ํ ตาลที่ยอ่ ยแลว้ ไดช้ ้าลง ทำ�ให้ระดบั ของนา้ํ ตาลในเลอื ด - วติ ามินบี 3 0.649 มลิ ลิกรมั คงท่ี สารเพกทินในมะเขือพวงมคี ณุ สมบัติช่วยดูดซับไขมนั ส่วน - วติ ามนิ บี 5 0.281 มิลลิกรัม เกนิ และอาหารประเภทคาร์โบไฮเดรต สารต่อตา้ นอนุมูลอสิ ระใน - วติ ามินบี 6 0.84 มิลลกิ รมั มะเขือพวงชว่ ยป้องกันความเส่อื มและชว่ ยชะลอความแก่ ช่วย - วิตามนิ บี 9.22 ไมโครกรมั เสรมิ สร้างภมู คิ ุ้มกันให้แข็งแรง ประโยชนข์ องมะเขือพวงช่วยลด - วิตามินซี 2.2 มลิ ลิกรมั ระดับคอเลสเตอรอล ช่วยรักษาโรคความดันโลหติ สงู ชว่ ยลด - ธาตแุ คลเซียม 9 มลิ ลิกรัม ความเครยี ดออกซเิ ดชันในผปู้ ว่ ยเบาหวาน ช่วยให้รา่ งกายผอ่ น - ธาตเุ หลก็ 0.24 มิลลิกรัม คลาย ง่วงนอน - ธาตแุ มกนีเซียม 14 มลิ ลิกรมั - ธาตุฟอสฟอรัส 25 มิลลิกรมั ใบสด - ธาตโุ พแทสเซยี ม 230 มิลลกิ รมั ชว่ ยรกั ษาโรคซิฟลิ สิ (Syphilis) หรือโรคตดิ ตอ่ ทางเพศสมั พนั ธ์ - ธาตุสงั กะสี 0.16 มลิ ลกิ รมั โรคหนง่ึ มสี าเหตุมาจากเช้อื Treponema pallidum ใชเ้ ป็นยา - ธาตแุ มงกานีส 0.25 มลิ ลกิ รมั ระงับประสาท ชว่ ยขบั เหงอื่ แก้อาการชัก นา้ํ ค้นั ใบสดช่วยลดไข้ ใบสดใช้พอกใหฝ้ ีหนองแตกเรว็ ขน้ึ ช่วยทำ�ให้ฝียุบ ชว่ ยรักษาโรค การนำ�มะเขือพวง ผิวหนงั ในแคเมอรนู ใช้ใบสดในการชว่ ยห้ามเลอื ด ประกอบอาหาร ตน้ สำ�หรับในประเทศไทยบ้านเราน้ันรู้จักมะเขือพวง ช่วยแกพ้ ษิ จากแมลงสตั วก์ ดั ต่อย ดว้ ยการใช้น้าํ สกดั จากลำ�ต้น มะเขือพวง ชว่ ยรักษาโรคกลาก เกลือ้ นตามผิวหนงั แกอ้ าการหดื มานานแลว้ โดยนิยมน�ำ ผลมาใช้ประกอบอาหาร ไดห้ ลากหลายเมนู เช่น แกงปา่ แกงควั่ ปลาไหล แกงอ่อมปลาดกุ แกงเขียวหวาน แกงเน้อื น้าํ พรกิ กะปิ นํ้าพรกิ แมงดา นํ้าพริกกุ้งสด น้าํ พริกไข่เค็ม ปลาร้าทรงเคร่อื ง ผัดเผ็ด เปน็ ตน้ ราก ชว่ ยแก้พษิ ในรา่ งกาย ดว้ ยการน�ำ นา้ํ มะขามแช่รากมะเขอื พวงแลว้ นำ�มาต้มด่ืม ช่วยรกั ษารอยเทา้ แตกและโรคตาปลา ด้วยการน�ำ รากสดมาต�ำ แล้วพอกบริเวณรอบเท้าแตกหรือท่ีเปน็ ตาปลา 45
ช่อื พนื้ เมือง ดีป๋ี ชอ่ื วทิ ยาศาสตร ์ Piper retrofractum Vahl (ช่อื พอ้ งวิทยาศาสตร์ Chavica officinarum Miq., Piper chaba Hunter, Piper officinarum (Miq.) C. DC.) แต่บางขอ้ มูลระบวุ า่ เปน็ ชนิดที่มชี ่อื วิทยาศาสตร์วา่ Piper longum L. จดั อยู่ในวงศพ์ ริกไทย (PIPERACEAE) ลักษณะทางพฤกษศาสตร์ ต้น ใบ ดอก/ผล จัดเป็นไม้เถามีรากฝอยออก มีใบเปน็ ใบเด่ียว ลกั ษณะเปน็ รปู ไข่ ผลสดมสี ีเขยี ว เม่อื สุกแลว้ จะเปล่ียนเป็นสีแดง บริเวณข้อเพื่อใช้ยึดเกาะและ แกมขอบขนาน ใบมสี ีเขียวเขม้ เปน็ ลักษณะของผลอัดกันแน่นเป็นช่อรูปทรง เลอื้ ยพัน เถาคอ่ นข้างเหนยี ว มัน ปลายใบแหลม โคนใบมน ขอบ กระบอก โคนใหญก่ ว่าปลายไมม่ าก ปลายเล็ก และแข็ง มขี อ้ นนู แตกกิ่งกา้ น ใบเรียบเปน็ คล่นื เลก็ นอ้ ย ใบกวา้ ง มน ผลมคี วามยาวประมาณ 2.5-7.5 ซม. และมี สาขามาก ประมาณ 3-5 ซม. และยาวประมาณ เส้นผ่านศนู ย์กลางประมาณ 5-8 ซม. ผวิ ของ 7-10 ซม. มเี ส้นใบออกจากโคน ผลค่อนข้างหยาบ และมเี กสรตัวเมยี ติดอยู่ 46 ประมาณ 3-5 เสน้ สว่ นกา้ นใบ ผลยอ่ ยมีเมลด็ เดียว โดยเมลด็ มขี นาดเลก็ มาก ยาวประมาณ 1-1.5 ซม. ลกั ษณะกลมและแข็ง ผงของผลมีสีนา้ํ ตาล มี กล่นิ หอมเฉพาะตวั มรี สเผ็ดร้อน ขมปร่า นยิ ม เกบ็ ผลมาใช้เมื่อผลเริ่มเป็นสีน�้ำ ตาล แลว้ น�ำ มา ตากแดดให้แห้ง
สรรพคณุ ของยอดดีปลี คุณคา่ ทางโภชนาการ ของยอดดปี ลี 149 กรมั เช่ือกันว่าดีปลีมีสรรพคุณเป็นยาบำ�รุงกำ�ลังและช่วย บำ�รุงก�ำ หนดั พลังงาน 46.2 กิโลแคลอรี ดอก - โปรตีน 1.5 กรัม ใช้เปน็ ยาอายวุ ฒั นะ ด้วยการใชด้ อกดปี ลี 10 ดอก หัวแห้วหมู 10 หัว - คาร์โบไฮเดรต 9.4 กรัม พริกไทย 10 เม็ด น�ำ มาต�ำ ใหล้ ะเอยี ดผสมกบั นำ้�ผง้ึ แท้ ใช้รับประทาน - วิตามินเอ 4666 IU, วติ ามินซี 190 มิลลิกรัม ก่อนนอนทุกคนื ชว่ ยแกธ้ าตพุ กิ าร แกธ้ าตุไมป่ กติ แกป้ ฐวีธาตพุ ิการ - วติ ามนิ อี 2.4 มลิ ลกิ รัม แกว้ ิสตปิ ฏั ฐี แก้ปัถวธี าตุ 20 ประการ ชว่ ยแก้ลมวิงเวียน ดว้ ยการใช้ - วติ ามินเค 7.3 ไมโครกรัม ดอกแก่น�ำ มาตม้ น้ำ�ดมื่ ชว่ ยแก้ไขเ้ ร้อื รงั หรอื อาการไขท้ ีม่ ักเปน็ ๆ หาย ๆ - ไทอามนี 0.1 มลิ ลิกรัม ด้วยการใชด้ อกดีปลลี า้ งสะอาด น�ำ มาบดหรอื ต�ำ พอหยาบ ๆ ประมาณ - ไรโบฟลาวนิ 0.1 มลิ ลกิ รมั ครงึ่ แก้ว น�ำ มาต้มกบั นํ้า 4 แก้ว จนเหลือ 1 แกว้ แลว้ กรองเอาแตน่ ้ํา - วิตามนิ บี 6 0.4 มลิ ลิกรัม มาด่มื กนิ ขณะทอ้ งวา่ งวันละ 2 คร้ัง และสตู รน้ยี ังช่วยลดอาการม้าม - โฟเลต 68.5 ไมโครกรัม โตไดอ้ ีกดว้ ย ช่วยแกอ้ าการหดื ไอ ช่วยแกห้ ืดหอบ ช่วยแก้อาการเจ็บใน - ไขมัน 0.4 กรัม ลำ�คอ ดว้ ยการใชด้ อกดีปลี 3 ดอก ผวิ มะนาว 1 ลูก หวั กระเทยี ม 3 กลีบ - แคลเซียม 10.4 มลิ ลกิ รมั และพริกไทยล่อน 3 เมด็ นำ�ทั้งหมดมาตำ�ให้ละเอียด แล้วผสมกับนํา้ - แมกนเี ซียม 17.9 มลิ ลิกรัม มะนาวและคลกุ ใหเ้ ขา้ กัน น�ำ มาปัน้ เป็นลูกกลอนขนาดเทา่ เมด็ พทุ รา แล้ว - ฟอสฟอรสั 38.7 มลิ ลิกรมั ใชอ้ มบ่อย ๆ ดอกดปี ลชี ่วยแก้อาการคลื่นไส้อาเจียน ดอกดปี ลชี ่วยแก้ - โซเดียม 6 มิลลิกรัม อาการท้องเสีย อาการท้องร่วง - เซเลเนยี ม 0.1 ไมโครกรมั ราก - โปรแตสเซียม 314 มลิ ลกิ รมั รากดปี ลชี ่วยแกเ้ ส้นแก้พิษอมั พฤกษ์ อมั พาต ดับพษิ ปตั คาด ชว่ ยแก้ - สังกะสี 0.4 มลิ ลกิ รมั พิษคุดทะราดใหป้ ดิ ธาตุ ดปี ลปี รากฏอยู่ในตำ�รับยา “ยาอาภสิ ะ” ซ่งึ - โอเมก้า 3 37.2 มิลลกิ รมั เปน็ ต�ำ ราพระโอสถพระนารายณ์ ทมี่ ดี ปี ลเี ป็นองค์ประกอบหลกั รว่ ม - โอเมกา้ 6 67 มลิ ลกิ รัม กับสมนุ ไพรชนิดอน่ื ๆ อกี หลายชนิด โดยมสี รรพคุณชว่ ยแกอ้ าการไอ - โคลีน 8.3 มิลลิกรมั ผอมแห้ง แก้เสมหะในทรวงอกและลำ�คอ และช่วยแก้ริดสีดวงทวาร - ไนอะซิน 1.5 มิลลกิ รมั เถา เถาดปี ลีมีรสเผด็ รอ้ น ช่วยแกเ้ สมหะพิการ เถาดีปลชี ว่ ยแก้อาการปวดฟัน ขอ้ ควรระวัง/โทษ หรือจะใช้ผลน�ำ มาฝนเอาน้ํามาทาบริเวณท่ีปวดก็ได้ ชว่ ยแกล้ มอัมพฤกษ์ ของยอดดปี ลี แก้มตุ ฆาตหรอื โรคขัดปัสสาวะช้ําเลือดช้ําหนอง เถาดปี ลชี ว่ ยแก้พิษงู ผลอ่อนดีปลีสามารถใชร้ ับประทานเปน็ ผกั สดได้ ผลแก่ ไม่ควรบริโภคดีปลีในปริมาณทีม่ ากเกินไป เพราะอาจ สามารถนำ�มาใชต้ �ำ นํ้าพรกิ แทนพรกิ ได้ หรือในบางทอ้ งถน่ิ กน็ �ำ จะทำ�ใหก้ ระเพาะอักเสบ แสบทวารเวลาขับถา่ ยได้ มาใช้แตง่ ใส่ในผกั ดองเช่นเดียวกบั พริก ยอดออ่ นดีปลสี ามารถ ส�ำ หรบั ผูท้ ีเ่ ปน็ ไข้ ไมค่ วรรบั ประทานดีปลี เพราะ น�ำ มาใช้ใส่ในขา้ วยำ�ได้ ผลดีปลแี หง้ มรี สเผ็ดรอ้ นขม สามารถน�ำ จะท�ำ ให้เปน็ ร้อนในดว้ ย เกดิ การอักเสบของเย่อื บุ มาใช้เปน็ เครื่องในการประกอบอาหาร ด้วยการน�ำ ผลสกุ ดีปลี ในระบบทางเดินอาหารจนเกดิ เลอื ดออกได้ หญิง มาตากแห้งแล้วใช้ปรงุ รสแกงคว่ั หรือแกงเผ็ด เครอื่ งเทศดีปลี ตั้งครรภ์ หา้ มรบั ประทานดีปลเี ด็ดขาด เพราะ สามารถช่วยดบั กลิ่นคาวของเนอ้ื สัตว์ไดด้ ี และยังชว่ ยปรงุ รส อาจจะท�ำ ใหแ้ ท้งบตุ รได้ ปรงุ กลิน่ ให้อาหารนา่ รบั ประทาน นอกจากน้ียังสามารถนำ�ไปใช้ แตง่ กลน่ิ ผักดองได้อีกด้วย 47
ยอดมะพร้าวอ่อน ชอ่ื พืน้ เมือง คอสา่ (แม่ฮอ่ งสอน) ชอ่ื วทิ ยาศาสตร ์ Cocos nucifera L. จดั อยู่ในวงศ์ปาลม์ (ARECACEAE) ซึง่ แตเ่ ดิมใชช้ ื่อวงศ์ว่า PALMAE หรอื PALMACEAE ลักษณะทางพฤกษศาสตร์ ตน้ ใบ ดอก ผล มีล�ำ ต้นเดยี ว ไม่แตกแขนง มี เป็นใบประกอบ ออกอยู่ตาม ออกเป็นช่อชนิดพานิเคิล เปลอื กชนั้ นอก เปน็ เส้นใยที่ รอยแผลจากการหลุดร่วง สว่ นของลำ�ต้น ประกอบ มีทั้งดอกตัวผู้และดอกตัว เหนยี วและแขง็ เม่ือแก่อาจมสี ี ของใบตลอดล�ำ ตน้ สามารถ ด้วยก้านทาง ( rechis ) มี เมยี อยู่ในช่อเดยี วกนั ดอก เขียว แดง เหลอื งหรือน้ําตาล คำ�นวณอายุของต้นมะพร้าว ขนาดใหญ่และยาว และมีใบ มีกลีบดอก 6 กลบี สีครีม เปลอื กช้ันกลาง มีลักษณะ ได้จากรอยแผลน้ี คอื ใน ย่อย ( leaflet ) บนกา้ นทาง หรอื สีเหลอื งนวล ไม่มีก้าน เปน็ เส้นใย มีความหนาพอ ปีหนึ่งมะพร้าวจะสร้างใบ ประมาณ 200 – 250 ใบ ดอกย่อยดอกตัวเมียจะมี ประมาณ ประมาณ 12- 14 ใบ ดังนั้น กลีบดอกหนาและแข็งกว่า เปลอื กชน้ั ใน มีลกั ษณะแข็ง ใน 1 ปี จะมรี อยแผลท่ีล�ำ ต้น กลบี ดอกตวั ผู้ หรอื ท่เี รยี กกันวา่ กะลา 12 – 14 รอยแผล เมล็ดเป็นช่อกลวงขณะผล ออ่ นจะมนี ํา้ อยู่เต็ม ผลแก่นํ้า มะพร้าวจะแหง้ ไปบางสว่ น 48
สรรพคุณของยอดมะพร้าว คุณค่าทางโภชนาการ ของยอดมะพรา้ ว 100 กรมั ยอดมะพร้าวอ่อนให้ไขมันและพลงั งานนอ้ ย จงึ กินได้ แบบไม่ต้องกลัวอว้ น มีปริมาณฟอสฟอรสั และแคลเซยี มอยู่พอ พลังงาน 45 กิโลแคลอรี สมควร ซึ่งแร่ธาตุทั้งสองชนดิ น้ีจะชว่ ยบ�ำ รงุ กระดกู และเสริมสุข - โปรตนี 2.0 กรัม ภาพฟันได้เป็นอย่างดีหากกินยอดมะพร้าวอ่อนเป็นประจำ�จะ - ไขมนั 0.7 กรัม ชว่ ยปอ้ งกนั โรคกระดกู พรุน ป้องกันฟนั ผุ และเหมาะส�ำ หรบั เด็ก - คาร์โบไฮเดรต 7.6 กรัม และวัยชราทีต่ ้องการความแขง็ แรงของกระดูกอย่างมาก - แคลเซยี ม 58 มิลลกิ รัม - ไนอะซิน 1.9 มลิ ลิกรมั การนำ�ยอดมะพรา้ ว - ฟอสฟอรสั 53 มิลลิกรมั ประกอบอาหาร - น้าํ 88.5 กรมั - วติ ามนิ บ1ี 0.03 มลิ ลิกรัม ยอดอ่อนมะพร้าว หรือ “หัวใจมะพรา้ ว” (Coconut’s - วติ ามนิ บี2 0.08 มิลลกิ รัม heart) ซง่ึ มีราคาแพงมาก เพราะการเก็บยอดออ่ นจะท�ำ ใหต้ น้ - วิตามินซี 6 มิลลกิ รมั มะพร้าวตายท้งั ตน้ (ต้องโค่นกันเลยทเี ดยี ว) โดยน�ำ ไปใชท้ ำ� อาหารได้หลายอยา่ ง เช่น ผดั แกงสม้ แกงค่วั รวมไปถึงย�ำ ยอด ออ่ นมะพร้าว หรอื “สลัดเจา้ สัว 49
เสลดพังพอนตัวเมีย ช่ือพื้นเมือง ลิน้ มังกร ผักมนั ไก่ ผกั ล้นิ เขียด (เชียงใหม)่ , พญาปลอ้ งค�ำ (ล�ำ ปาง), โพะโซ่จาง (กะเหรย่ี ง-แมฮ่ ่องสอน) ล้นิ งเู ห่า พญายอ (ทั่วไป) ชอ่ื วทิ ยาศาสตร ์ Clinacanthus nutans (Burm.f.) Lindau จัดอยู่ในวงศ์เหงือกปลาหมอ (ACANTHACEAE) ลักษณะทางพฤกษศาสตร์ ต้น: จัดเปน็ พรรณไม้พมุ่ แกมเถา มกั เล้อื ยพาดไปตามตน้ ไม้อนื่ ๆ มีความ สูงไดป้ ระมาณ 1-3 เมตร ล�ำ ตน้ มลี ักษณะเกลย้ี ง ตน้ อ่อนเปน็ สีเขยี ว ล�ำ ต้นมี ลักษณะกลม ผวิ เรยี บเปน็ ปล้องสเี ขียว ใบ: เป็นใบเดย่ี ว ออกเรียงตรงขา้ มกนั เปน็ คู่ ๆ ลักษณะของใบเปน็ รูปใบหอก รูปรแี คบขอบขนาน ปลายใบและโคนใบแหลม ส่วนขอบใบเรยี บ ใบมีขนาด กวา้ งประมาณ 2-3 ซม. และยาวประมาณ 7-9 ซม. แผน่ ใบเป็นสีเขยี วเข้ม ผวิ ใบเรยี บ ดอก: เสลดพงั พอนตวั เมียจะออกดอกเปน็ ชอ่ กระจุกที่ปลายกิ่ง แตล่ ะช่อ มดี อกประมาณ 3-6 ดอก กลบี ดอกเป็นสีแดงสม้ โคนกลีบดอกเชื่อมติดกนั เป็นหลอด ยาวประมาณ 3-4 ซม. ปลายแยกออกเปน็ 2 ปาก คือ ปากลา่ ง และปากบน ดอกหนง่ึ มี 5 กลบี กลบี ดอกเปน็ รปู ทรงกระบอก สว่ นกลีบรอง กลบี ดอกน้นั เป็นสีเขยี ว ยาวเทา่ ๆ กัน มีขนเป็นต่อมเหนียว ๆ อยู่โดยรอบ ดอกมเี กสรเพศผู้ 2 อัน สว่ นเกสรเพศเมียเกลีย้ งไม่มขี น ออกดอกในชว่ ง ประมาณเดอื นตุลาคมถึงเดือนมกราคม (แต่มักจะไมค่ ่อยออกดอก) ผล: เปน็ ผลแห้งและแตกได้ (แตผ่ ลไมเ่ คยติดเปน็ ฝักในประเทศไทย) ลักษณะ ของผลเปน็ รูปกลมยาวรี ยาวได้ประมาณ 0.5 ซม. ก้านสนั้ ภายในผลมเี มลด็ ประมาณ 4 เมลด็ 50
Search