Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore คำศัพท์ที่เกี่ยวเนื่องกับงานพระราชพิธีพระบรมศพพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช2

คำศัพท์ที่เกี่ยวเนื่องกับงานพระราชพิธีพระบรมศพพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช2

Description: เนื่องในงานพระราชพิธีพระบรมศพพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช. ปรากฏคำศัพท์ที่เกี่ยวเนื่องในการพระราชพิธีเป็นจำนวนมากซึ่งสะท้อนมรดกภูมิปัญญาทาง.

Search

Read the Text Version

ค�ำศัพท์ทีเ่ กีย่ วเนอ่ื งกับงานพระราชพธิ พี ระบรมศพ พระบาทสมเดจ็ พระปรมนิ ทรมหาภูมิพลอดุลยเดช กระทรวงวัฒนธรรม โดยกรมศลิ ปากร



คำ� น�ำ เนอ่ื งในงานพระราชพธิ พี ระบรมศพพระบาทสมเดจ็ พระปรมนิ ทรมหาภมู พิ ลอดลุ ยเดช ปรากฏค�ำศัพท์ท่ีเก่ียวเน่ืองในการพระราชพิธีเป็นจ�ำนวนมากซึ่งสะท้อนมรดกภูมิปัญญาทาง ด้านภาษาและวัฒนธรรมท้ังท่ีเกี่ยวกับราชประเพณี เคร่ืองประกอบพระราชพิธี ศิลปกรรม สถาปัตยกรรม กระนั้นอาจมีประชาชนที่ไม่ทราบถึงความหมาย รวมถึงรายละเอียดของ ค�ำศัพท์ที่ปรากฏตามส่ือ ด้วยเหตุน้ี คณะกรรมการฝ่ายจัดสร้างพระเมรุมาศ สิ่งปลูกสร้าง ประกอบพระเมรุมาศ และบูรณปฏิสังขรณ์ราชรถ และพระยานมาศ งานพระราชพิธีถวาย พระเพลิงพระบรมศพพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช จึงมอบหมาย ให้กระทรวงวัฒนธรรมโดยกรมศิลปากร ค้นคว้าและเรียบเรียงค�ำศัพท์ท่ีเก่ียวเนื่องกับงาน พระราชพิธีพระบรมศพพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช เพ่ือสร้างความรู้ และความเข้าใจเบ้ืองต้นเกี่ยวกบั โบราณราชประเพณีดังกลา่ ว และเพ่อื นำ� องค์ความรดู้ ังกลา่ ว ไปใชไ้ ดอ้ ยา่ งถกู ตอ้ งเหมาะสม ค�ำศัพท์ต่าง ๆ ที่รวบรวมในครั้งน้ีได้คัดเลือกเฉพาะศัพท์ท่ีแสดงให้เห็นภาพรวม ของงานพระราชพิธีพระบรมศพต้ังแต่การบ�ำเพ็ญพระราชกุศล ณ พระท่ีน่ังดุสิตมหาปราสาท กระท่ังถึงการถวายพระเพลิงพระบรมศพ ณ พระเมรุมาศ ท้องสนามหลวง รวมถึงค�ำศัพท์ ในการพระราชพิธีท่ีปรากฏตามส่ืออยู่เสมอ เช่น การอ่านพระปรมาภิไธยพระบาทสมเด็จ พระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช การบ�ำเพ็ญพระราชกุศลแต่ละช่วงเวลา พระพิธีธรรม การประโคมยำ�่ ยาม นอกจากนี้ ยงั ไดค้ ดั เลอื กคำ� ศพั ทท์ เี่ หน็ วา่ เปน็ ประโยชนใ์ นการศกึ ษาโบราณ ราชประเพณี รวมถงึ คตคิ วามเชอื่ ทไี่ มป่ รากฏแลว้ ในพระราชประเพณปี จั จบุ นั เชน่ พระเมรทุ อง การท้งิ ทานต้นกัลปพฤกษ์ เป็นต้น การจัดพิมพ์ครั้งนี้เป็นการพิมพ์ครั้งที่ ๒ โดยได้ศึกษาค้นคว้าค�ำศัพท์อันเก่ียวเน่ือง ในพระราชพิธีพระบรมศพเพ่ิมเติมและในส่วนของเนื้อหาเดิมน้ันได้แก้ไขปรับปรุงรายละเอียด ให้ครบถ้วนสมบูรณ์ยิ่งขึ้น คณะกรรมการฝ่ายจัดสร้างพระเมรุมาศฯ หวังว่าหนังสือค�ำศัพท์ท่ี เก่ียวเน่ืองกับงานพระราชพิธีพระบรมศพพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช จะอำ� นวยประโยชน์แกน่ กั เรียน นิสติ นกั ศึกษา สือ่ มวลชน และประชาชนทสี่ นใจตามสมควร อีกทั้งยังเป็นการถวายพระเกียรติยศแด่พระมหากษัตริย์ผู้ทรงพระคุณอันประเสริฐ ตลอดจน เปน็ การสบื สานมรดกภูมปิ ัญญาทางด้านภาษาวฒั นธรรม และขนบธรรมเนยี มประเพณีสืบไป (พลเอก ธนะศกั ด์ิ ปฏิมาประกร) รองนายกรฐั มนตรี ประธานคณะกรรมการฝ่ายจัดสรา้ งพระเมรมุ าศ ส่งิ ปลกู สร้างประกอบพระเมรมุ าศ และบรู ณปฏสิ งั ขรณร์ าชรถ และพระยานมาศ งานพระราชพิธถี วายพระเพลิงพระบรมศพ พระบาทสมเดจ็ พระปรมนิ ทรมหาภูมิพลอดลุ ยเดช

สารบญั การอ่านพระปรมาภไิ ธย ๗ สวรรคต, เสด็จสวรรคต ๘ สวรรคาลัย ๘ พระบรมฉายาลกั ษณ,์ พระบรมรูป ๘ พระบรมสาทิสลกั ษณ์, พระบรมฉายาสาทสิ ลกั ษณ์, พระบรมรูปเขียน ๘ สตั ตมวาร ๑๐ ปณั รสมวาร ๑๐ ปัญญาสมวาร, ปณั ณาสมวาร ๑๐ สตมวาร ๑๐ พระท่นี ง่ั ดสุ ิตมหาปราสาท ๑๐ พระทน่ี งั่ พมิ านรัตยา ๑๒ พระชฎาหา้ ยอด ๑๒ พระสพุ รรณแผ่นจ�ำหลักปริมณฑลฉลองพระพักตร์ ๑๓ เครือ่ งพระสกุ ำ� ๑๓ พระโกศ และพระลอง ๑๔ พระโกศจันทน์ ๑๗ ถวายเพลงิ พระบุพโพ ๑๗ ร้วิ ขบวนพระบรมราชอสิ รยิ ยศ พระราชอสิ สยิ ยศ พระอสิ ริยยศงานพระเมร ุ ๑๘ นาลิวัน ๑๙ มณฑลพธิ ี ๑๙ พระเมรุมาศ ๒๐ พระเมรทุ อง ๒๒ พระเบญจา ๒๒ พระจติ กาธาน ๒๒ ซา่ ง, ส้าง, สร้าง หรอื ส�ำสา้ ง ๒๔ หอเปลื้อง ๒๕ พระท่นี ัง่ ทรงธรรม ๒๖ ศาลาลูกขุน ๒๗ คด ๒๗ ทับเกษตร ๒๘ ทิม ๒๘ พลบั พลายก ๒๙ กรินทรปกั ษา ไกรสรคาวี ดุรงคไกรสร

ราชวัต ิ ๓๐ เกย หรอื เกยลา ๓๐ ฉากบังเพลิง ๓๑ ชาลา ๓๑ สัตว์หมิ พานต ์ ๓๒ พระมหาพิชยั ราชรถ ๓๓ เวชยันตราชรถ ๓๔ ราชรถนอ้ ย ๓๕ ราชรถรางปืน และราชรถปนื ใหญ ่ ๓๖ เกรนิ บันไดนาค ๓๗ พระยานมาศสามล�ำคาน, พระยานมาศสามคาน ๓๘ พระทีน่ ั่งราเชนทรยาน ๓๙ พระเสลีย่ งกลีบบัว ๔๐ พระเสลยี่ งแว่นฟา้ ๔๑ ฉัตร ๔๒ นพปฎลมหาเศวตฉัตร ๔๓ สวดศราทธพรต ๔๓ เปดิ เพลงิ ๔๔ เกบ็ พระบรมอฐั ิ พระอฐั ิ ๔๕ การเก็บรกั ษาพระบรมอัฐิ พระอฐั ิ ๔๖ พระโกศพระบรมอฐั ิ พระอัฐ ิ ๔๗ เดนิ สามหาบ ๔๘ พระบรมราชสรรี างคาร ๔๙ การลอยพระบรมราชสรรี างคาร พระสรรี างคาร ๔๙ การบรรจุพระบรมราชสรรี างคาร ๕๐ ศลิ าหนา้ เพลงิ ๕๐ พระภษู าโยง ๕๑ สดบั ปกรณ ์ ๕๑ พระพธิ ีธรรม ๕๑ การประโคมย่ำ� ยาม ๕๓ วงป่พี าทย์นางหงส์ ๕๔ เคร่ืองสงั เคด็ ๕๔ ต้นกลั ปพฤกษ์ ๕๕ กิหมี ไกรสรนาคา ไกรสรวาริน



คำ� ศัพท์ท่ีเก่ยี วเนื่องกบั งานพระราชพธิ ีพระบรมศพ พระบาทสมเดจ็ พระปรมนิ ทรมหาภมู ิพลอดลุ ยเดช การอา่ นพระปรมาภไิ ธย พระบาทสมเดจ็ พระปรมนิ ทรมหาภมู พิ ลอดลุ ยเดช มหติ ลาธเิ บศรรามาธบิ ดี จกั รนี ฤบดนิ ทร สยามนิ ทราธริ าช บรมนาถบพติ ร สำ� นกั งานราชบัณฑิตยสภา อธบิ ายวา่ สามารถอา่ นได้ ๓ แบบ คอื อา่ น ตามจังหวะหนกั เบาในภาษาไทย ซึง่ ใช้ในราชสำ� นกั มาแตโ่ บราณ ๒ แบบ คอื ๑. พฺระ-บาด-สม-เด็ด-พฺระ-ปอ-ระ-มิน-มะ-หา-พู-มิ-พน-อะ-ดุน-ยะ-เดด ม ะ - หิ ด - ต ะ - ล า - ทิ - เ บ ด - ร า - ม า - ทิ - บ อ - ดี จั ก - กฺ รี - น ะ - รึ - บ อ - ดิ น สะ-หฺยา-มนิ -ทรฺ า-ท-ิ ราด  บอ-รม-มะ-นาด-บอ-พิด ๒. พฺระ-บาด-สม-เด็ด-พฺระ-ปะ-ระ-มิน-มะ-หา-พู-มิ-พน-อะ-ดุน-ยะ-เดด ม ะ - หิ ด - ต ะ - ล า - ทิ - เ บ ด - ร า - ม า - ทิ - บ อ - ดี จั ก - กฺ รี - น ะ - รึ - บ อ - ดิ น สะ-หยฺ า-มนิ -ทรฺ า-ทิ-ราด  บอ-รม-มะ-นาด-บอ-พิด หรอื จะอา่ นพระปรมาภไิ ธยตามหลกั การอา่ นคำ� สมาสในภาษาบาลี - สนั สกฤต ๓. พรฺ ะ-บาด-สม-เดด็ -พรฺ ะ-ปะ-ระ-มนิ -ทรฺ ะ-มะ-หา-พ-ู ม-ิ พน-อะ-ดนุ -ยะ-เดด ม ะ - หิ ด - ต ะ - ล า - ทิ - เ บ ด - ร า - ม า - ทิ - บ อ - ดี จั ก - กฺ รี - น ะ - รึ - บ อ - ดิ น สะ-หฺยา-มนิ -ทฺรา-ทิ-ราด  บอ-รม-มะ-นาด-บอ-พดิ 7

คำ� ศพั ทท์ ีเ่ กย่ี วเนอื่ งกบั งานพระราชพิธพี ระบรมศพ พระบาทสมเดจ็ พระปรมนิ ทรมหาภมู ิพลอดลุ ยเดช สวรรคต, เสดจ็ สวรรคต (สะ-หฺวนั -คด, สะ-เด็ด-สะ-หฺวัน-คด) มาจากค�ำว่า สวรรค์ (โลกของเทวดา, เมืองฟ้า) และ คต (ถึงแล้ว, ไปแลว้ ) แปลว่า ไปสู่สวรรคแ์ ลว้ สว่ นค�ำว่า เสดจ็ แปลว่า ไป เปน็ คำ� ราชาศัพท์ใช้ ในความหมายวา่ “ตาย” ใช้แก่พระมหากษัตริย์ สมเดจ็ พระบรมราชนิ ีนาถ สมเด็จ พระบรมราชินี สมเด็จพระยุพราช สมเด็จพระบรมโอรสาธิราช พระบรมวงศ์ชั้น สมเด็จเจ้าฟ้าท่ีทรงได้รับพระราชทานเศวตฉัตร ๗ ชั้น หรือผู้ที่ทรงพระกรุณา โปรดเกลา้ ฯ เป็นการเฉพาะ สวรรคาลัย (สะ-หวฺ นั -คา-ไล) ตามรปู ศัพท์ แปลวา่ ที่อย่ใู นแดนสวรรค์ มาจากคำ� วา่ “สวรรค์” (โลกของ เทวดา, เมืองฟา้ ) และ “อาลัย” (ที่อยู่, ทีพ่ ัก) เป็นการประกอบศัพท์เช่นเดยี วกับคำ� วา่ “เทวาลยั ” “วทิ ยาลัย” ซึง่ ราชาศัพท์เรยี กการเสดจ็ สวรรคตของพระมหากษตั รยิ ์ และเจ้านายชั้นสงู วา่ “เสด็จสู่สวรรคาลัย” มคี วามหมายวา่ เสดจ็ สแู่ ดนสวรรค์ อน่ึง พจนานกุ รม ฉบบั ราชบณั ฑติ ยสถาน พ.ศ. ๒๕๕๔ ใหค้ วามหมายคำ� วา่ “สวรรคาลยั ” หมายถงึ ตาย (ใช้แก่เจ้านายชนั้ สูง) พระบรมฉายาลักษณ์, พระบรมรปู หมายถงึ รูปถ่ายพระมหากษตั รยิ ์ พระบรมสาทสิ ลกั ษณ์ พระบรมฉายาสาทิสลักษณ์ พระบรมรูปเขียน หมายถงึ รูปเขียนพระมหากษตั รยิ ์ อนงึ่ นายภาวาส บนุ นาค ไดเ้ คยอธบิ ายความหมายและทมี่ าของคำ� พระบรม ฉายาลักษณ์ และพระบรมฉายาสาทสิ ลกั ษณ์ วา่ “ทีน้ีคนที่รศู้ พั ท์แลว้ มาคดิ แตง่ ตวั ค�ำว่ารูปถ่ายเสียใหม่เป็นพระบรมฉายาลักษณ์ ซ่ึงเพราะและเหมาะทั้งความหมาย ทง้ั ขนาดคำ� ใครฟงั กเ็ ขา้ ใจโดยไมต่ อ้ งเปดิ อภธิ านศพั ท์ แตท่ วา่ เมอ่ื พดู จากนั ตามธรรมดา กย็ งั พดู วา่ พระบรมรปู อยู่ ตอ่ มาในสมยั รชั กาลที่ ๖ มกี ารไปคน้ เอาคำ� สาทสิ ทแี่ ปลวา่ ความแม้น ความเหมอื น ความคลา้ ย มาเติมเข้าใหเ้ พรศิ พริ้งยิ่งข้นึ เปน็ พระบรมฉายา สาทสิ ลักษณ์...” 8

พระบรมฉายาลกั ษณ์ พระบาทสมเดจ็ พระปรมนิ ทรมหาภูมพิ ลอดลุ ยเดช

คำ� ศพั ทท์ ีเ่ กี่ยวเนือ่ งกับงานพระราชพิธพี ระบรมศพ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมพิ ลอดุลยเดช สัตตมวาร (สดั -ตะ-มะ-วาน) วนั ทค่ี รบ ๗, การบำ� เพญ็ พระราชกศุ ลครบ ๗ วนั ในการเสดจ็ สวรรคต ปณั รสมวาร (ปนั -นะ-ระ-สะ-มะ-วาน) วนั ท่คี รบ ๑๕, การบ�ำเพ็ญพระราชกุศลครบ ๑๕ วันในการเสด็จสวรรคต ปัญญาสมวาร (ปนั -ยา-สะ-มะ-วาน), ปัณณาสมวาร (ปนั -นา-สะ-มะ-วาน) วนั ทคี่ รบ ๕๐, การบ�ำเพ็ญพระราชกุศลครบ ๕๐ วันในการเสด็จสวรรคต สตมวาร (สะ-ตะ-มะ-วาน) วนั ทค่ี รบ ๑๐๐, การบำ� เพญ็ พระราชกศุ ลครบ ๑๐๐ วนั ในการเสดจ็ สวรรคต พระท่นี งั่ ดสุ ติ มหาปราสาท ตง้ั อยทู่ างดา้ นทศิ ตะวนั ตกของพระราชฐานชน้ั กลาง ในพระบรมมหาราชวงั พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช โปรดให้สร้างข้ึน เป็นปราสาท ยกพนื้ สูง รปู จตั ุรมขุ หลังคาทรงปราสาท มีมุขลด ๔ ช้ัน ท้งั ๔ ด้าน ยกเวน้ ด้านหนา้ มมี ขุ เดจ็ เปน็ มขุ ลดอกี ชนั้ รวมดา้ นหนา้ เปน็ ๕ ชน้ั แตล่ ะชน้ั มงุ ดว้ ยกระเบอ้ื งเคลอื บสี พ้ืนเขยี วขอบส้ม ประดบั ดว้ ยช่อฟ้า ใบระกา และนาคเบอื นแทนหางหงส์ พระบัญชร และพระทวารมซี มุ้ ยอดมณฑปทกุ องค์ สว่ นหนา้ บนั ทม่ี ขุ ทงั้ ๔ ทศิ เปน็ ไมจ้ ำ� หลกั ลาย ลงรักปิดทองรูปพระนารายณ์ทรงสุบรรณ บนพื้นกระจกสีน�้ำเงินล้อมรอบด้วยลาย กระหนกก้านขดเทพนม มุขด้านใต้ของพระที่นั่งดุสิตมหาปราสาทเชื่อมต่อกับพระท่ีนั่งพิมานรัตยา ดว้ ยมขุ กระสนั ส่วนมขุ ดา้ นทศิ ตะวนั ออกมที างเดนิ เชอ่ื มกบั พระทนี่ งั่ อาภรณพ์ โิ มกข์ ปราสาท และมขุ ด้านทิศตะวนั ตกมีทางเดินเชือ่ มกับศาลาเปลอ้ื งเครอ่ื ง มีอัฒจนั ทร์ ทางขน้ึ พระทนี่ งั่ สองขา้ งมขุ เดจ็ และทางขน้ึ ดา้ นทศิ ตะวนั ออกและทศิ ตะวนั ตกดา้ นละ ๑ แหง่ ซ่งึ สรา้ งเพ่มิ เตมิ ในรชั สมยั พระบาทสมเด็จพระจลุ จอมเกล้าเจา้ อยหู่ วั 10

ค�ำศัพทท์ เี่ กี่ยวเนอื่ งกับงานพระราชพิธพี ระบรมศพ พระบาทสมเด็จพระปรมนิ ทรมหาภมู พิ ลอดลุ ยเดช พระท่ีนั่งดุสิตมหาปราสาทน้ี สร้างขึ้นเพื่อใช้เป็นที่เสด็จออกว่าราชการ ตอ่ มาเมอื่ พระบรมวงศฝ์ า่ ยบนชน้ั สงู สนิ้ พระชนมจ์ งึ ทรงพระกรณุ าโปรดเกลา้ ฯ ใหน้ ำ� พระศพมาต้ังประดิษฐานไว้บนพระที่นั่งดุสิตมหาปราสาทเพ่ือบ�ำเพ็ญพระราชกุศล เชน่ สมเดจ็ พระเจา้ พน่ี างเธอ เจา้ ฟา้ กรมพระยาเทพสดุ าวดี สมเดจ็ พระเจา้ พน่ี างเธอ เจา้ ฟา้ กรมพระศรสี ดุ ารกั ษ์ และสมเดจ็ พระเจา้ ลกู เธอ เจา้ ฟา้ กรมหลวงศรสี นุ ทรเทพ เป็นต้น ครั้นเมื่อพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราชเสด็จสวรรคต ได้เชิญพระบรมศพมาประดิษฐานบนพระมหาปราสาทแห่งน้ี ภายหลังจึงเป็น ธรรมเนยี มในการประดิษฐานพระบรมศพพระมหากษตั ริยพ์ ระองคต์ ่อ ๆ มา รวมท้งั พระอัครมเหสี และบางโอกาสก็ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานให้ ตัง้ พระบรมศพ พระศพพระบรมวงศช์ ัน้ สงู บางพระองคด์ ้วย 11

ค�ำศพั ท์ทีเ่ ก่ียวเนอ่ื งกบั งานพระราชพธิ พี ระบรมศพ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภมู ิพลอดลุ ยเดช พระทนี่ ัง่ พิมานรัตยา ตงั้ อยทู่ างทศิ ใตข้ องพระทน่ี ง่ั ดสุ ติ มหาปราสาท โดยเชอ่ื มตอ่ ดว้ ยมขุ กระสนั พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราชโปรดเกล้าฯ ให้สร้างขึ้นพร้อม กับพระท่ีนั่งดุสิตมหาปราสาท เป็นอาคารทรงไทยยกพ้ืนสูง ก่ออิฐถือปูนทาสีขาว ตวั อาคารทอดยาวตามทศิ เหนอื - ใต้ มเี ฉลยี งรอบ ๓ ดา้ น คอื เฉลยี งดา้ นทศิ ตะวนั ออก และทิศตะวันตกอยู่ในระดับพื้นดิน พ้ืนปูด้วยกระเบื้องดินเผาสีแดง ส่วนเฉลียง ด้านทิศใต้ยกพ้ืนสูงต่อกับชานหน้าเรือนจันทร์ ที่เฉลียงนี้ปูพื้นด้วยหินอ่อน หลังคา ลด ๓ ชั้น มงุ ดว้ ยกระเบอื้ งเคลือบสีเขียว ประดับชอ่ ฟา้ ใบระกา หางหงส์ นาคสะด้งุ และเชงิ ชาย เดิมพระที่นั่งพิมานรัตยาเป็นท่ีบรรทมของพระมหากษัตริย์และเจ้านาย ชน้ั สงู ในบางโอกาส ในรชั สมยั พระบาทสมเดจ็ พระมงกฎุ เกลา้ เจา้ อยหู่ วั ใชเ้ ปน็ สถานที่ ส�ำหรับชุมนุมสมาคม และพระราชทานเคร่ืองราชอิสริยยศแก่พระบรมวงศานุวงศ์ และข้าราชบริพารฝ่ายใน และใช้เป็นท่ีสรงน�้ำพระบรมศพสมเด็จพระศรีพัชรินทรา บรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนพี นั ปีหลวง ต่อมาในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช โปรดเกล้าฯ ให้เป็นท่ีสรงน�้ำพระบรมศพพระบาทสมเด็จพระปรเมนทรมหา อานันทมหิดล พระอัฐมรามาธิบดินทร สมเด็จพระศรีสวรินทิราบรมราชเทวี พระพนั วสั สาอยั ยกิ าเจา้ สมเดจ็ พระนางเจา้ รำ� ไพพรรณี พระบรมราชนิ ใี นรชั กาลที่ ๗ สมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี และพระศพสมเด็จพระเจ้าพ่ีนางเธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์ สมเด็จพระเจ้าภคินีเธอ เจ้าฟ้าเพชรรัตนราชสุดา สิริโสภาพัณณวดี และเม่ือพระบาทสมเด็จพระปรมินทร มหาภมู ิพลอดลุ ยเดชเสด็จสวรรคตก็ได้มีการสรงน�้ำพระบรมศพ ณ พระทน่ี ่ังองคน์ ้ี ตามโบราณราชประเพณี พระชฎาห้ายอด เป็นพระชฎาส�ำหรับพระมหากษัตริย์ทรงในวโรกาสส�ำคัญแทน พระมหาพชิ ยั มงกฎุ ซงึ่ ในพระราชพธิ พี ระบรมศพพระมหากษตั รยิ บ์ างพระองคไ์ ดเ้ ชญิ พระชฎาน้ีถวายทรงพระบรมศพ ภายหลังจากเชิญพระบรมศพประดิษฐานใน พระลองใน หรือวางไว้ข้างพระเศียรในกรณีที่ประดษิ ฐานพระบรมศพลงในหีบ 12

คำ� ศัพท์ทเ่ี กยี่ วเน่อื งกบั งานพระราชพธิ พี ระบรมศพ พระบาทสมเด็จพระปรมนิ ทรมหาภมู พิ ลอดุลยเดช อน่ึง ในจดหมายเหตุพระบรมศพสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัยระบุว่า “ทรงพระมาลาสุกร�ำตาดทองมีระบายสองช้ัน” ส�ำหรับการพระบรมศพ พระบาทสมเดจ็ พระปรมนิ ทรมหาภมู พิ ลอดลุ ยเดช เจา้ พนกั งานไดถ้ วายพระชฎาหา้ ยอด แดส่ มเดจ็ พระบรมโอรสาธริ าช เจา้ ฟา้ มหาวชริ าลงกรณ สยามมกฎุ ราชกมุ าร ทรงรบั พระชฎาห้ายอดน้นั วางข้างพระเศยี รพระบรมศพ แล้วพระราชทานคืนเจ้าพนักงาน สว่ นการพระศพพระบรมวงศานวุ งศล์ งมาถงึ ศพผไู้ ดร้ บั พระราชทานโกศจะพระราชทาน “ชฎาพอก” ซ่ึงท�ำจากผ้าหรือกระดาษลักษณะอย่างลอมพอก ประดับดอกไม้ไหว ทำ� ด้วยทองคำ� หรือเงนิ ตามฐานนั ดรศักด์ิ พระสพุ รรณแผ่นจ�ำหลกั ปรมิ ณฑลฉลองพระพักตร์ เป็นค�ำท่ีปรากฏในจดหมายเหตุ พ ร ะ บ ร ม ศ พ พ ร ะ บ า ท ส ม เ ด็ จ พ ร ะ พุ ท ธ เลิศหล้านภาลัย หมายถึง แผ่นทองค�ำดุน ส�ำหรับถวายปิดพระพักตร์พระบรมศพ พระศพก่อนเชิญพระบรมศพ พระศพ ประดษิ ฐานในพระโกศพระบรมศพ พระโกศ พระศพ หีบพระบรมศพ หีบพระศพ ซง่ึ ในพระราชพธิ พี ระบรมศพพระบาทสมเดจ็ พระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช เรียกว่า “แผ่นทองคำ� จำ� หลักลายปดิ พระพักตร์” แผน่ ทองค�ำจ�ำหลกั ลายปดิ พระพักตร์ เครอ่ื งพระสุก�ำ ทใี่ ชก้ ารพระบรมศพสมเด็จพระนางเจ้าร�ำไพพรรณี พระบรมราชินใี นรชั กาลที่ ๗ เป็นเครื่องประกอบ เช่น ผ้าขาว ด้ายดิบ กระดาษฟาง ท่ีเจ้าพนักงาน ภูษามาลาใชใ้ นการถวายพระสุก�ำ (การหอ่ และมดั ตราสังข)์ พระบรมศพ พระศพ ก่อนเชิญประดิษฐานในพระบรมโกศ พระโกศ 13

คำ� ศพั ท์ท่ีเก่ียวเนอื่ งกับงานพระราชพธิ ีพระบรมศพ พระบาทสมเดจ็ พระปรมินทรมหาภูมพิ ลอดลุ ยเดช พระโกศทองใหญ่ทรงพระบรมศพพระบาทสมเดจ็ พระจลุ จอมเกลา้ เจ้าอยู่หวั ประดษิ ฐาน เหนอื พระแท่นสุวรรณเบญจดล (พระแทน่ เบญจา) บนพระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท พระโกศ และพระลอง เปน็ ภาชนะเครอ่ื งสงู มรี ปู ทรงเปน็ ทรงกรวยยอดแหลมใชบ้ รรจพุ ระบรมศพ พระศพ ศพ เรยี กว่า “พระบรมโกศ” “พระโกศ” “โกศ” “พระลอง” และ “ลอง” มี ๒ ชนั้ ในสมยั อยธุ ยาเรยี กชั้นนอกวา่ “ลอง” สว่ นในสมยั รัตนโกสนิ ทร์ถงึ รชั สมัย พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว เรียกช้ันนอกว่า “โกศ” และกลับมาเรียก วา่ “ลอง” อีกครั้งหน่ึง ภาชนะทีบ่ รรจพุ ระบรมศพ พระศพ ศพ ช้นั นอกนี้ ท�ำด้วย โครงไม้หุ้มทองปิดทอง ประดับกระจกและอัญมณี ส่วนชั้นใน เรียกสลับไปมากับ ชนั้ นอกดงั กลา่ วขา้ งตน้ ทำ� ดว้ ยเหลก็ ทองแดง หรอื เงนิ ปดิ ทอง อยา่ งไรกด็ ี ในบางครงั้ เรียกรวมกันทั้งชั้นนอกและชั้นใน ว่า “โกศ” ซ่ึงมีขนาดและรูปทรงต่างกันไปตาม ลำ� ดับของพระอสิ รยิ ยศ เช่น พระโกศทองใหญ่ พระโกศทองนอ้ ย พระโกศไมส้ บิ สอง โกศแปดเหลย่ี ม เปน็ ตน้ ปัจจุบันเรยี กชน้ั นอกว่า พระโกศ ช้นั ในเรยี กว่า พระลอง, พระลองใน 14

พระโกศทองใหญ่ประดษิ ฐานเหนือพระแทน่ สุวรรณเบญจดล (พระแท่นเบญจา) ในพระราชพิธีพระบรมศพพระบาทสมเด็จพระปรมนิ ทรมหาภูมพิ ลอดลุ ยเดช บนพระท่ีน่ังดสุ ิตมหาปราสาท

พระโกศจนั ทนใ์ นงานพระเมรุ สมเด็จพระเจา้ ภคินเี ธอ เจา้ ฟา้ เพชรรัตนราชสุดา สริ ิโสภาพัณณวดี

ค�ำศพั ทท์ เี่ ก่ียวเนือ่ งกับงานพระราชพิธพี ระบรมศพ พระบาทสมเดจ็ พระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช พระโกศจันทน์ สร้างจากไม้จันทน์เพื่อใช้ในการถวายพระเพลิงพระบรมศพ พระศพ เมื่อเชิญพระโกศพระบรมศพ พระศพ ส่วนนอกเปล้ืองออกเหลือแต่พระลองใน เจา้ พนกั งานจะนำ� พระโกศจนั ทนเ์ ขา้ ประกอบพระลองใน ซงึ่ ประดษิ ฐานบนตะแกรง เหลก็ ชว่ งรัดเอวของพระจิตกาธานเพอื่ ถวายพระเพลิง ถวายเพลงิ พระบุพโพ เปน็ พระราชพธิ ซี ง่ึ จดั ขนึ้ เปน็ การเฉพาะเพอ่ื ถวายเพลงิ พระบพุ โพ (นำ้� หนอง หรอื นำ�้ เหลอื ง) ตลอดจนเครอ่ื งพระสกุ ำ� พระบรมศพทเ่ี จา้ พนกั งานถวายชำ� ระกอ่ นการ ออกพระเมรุ โดยจดั ข้นึ ที่พระเมรพุ ระบุพโพซ่ึงสร้างขึน้ ทีว่ ัดมหาธาตยุ ุวราชรงั สฤษฎ์ิ ขั้นตอนการถวายเพลิงพระบุพโพ คือ การต้ังกระทะขนาดใหญ่เคี่ยวพระบุพโพ ตลอดจนเครอื่ งพระสกุ ำ� พรอ้ มกบั ใสเ่ ครอ่ื งหอมตา่ ง ๆ จนกระทงั่ แหง้ ไป ธรรมเนยี ม ดงั กลา่ วไดถ้ กู ยกเลกิ ในงานถวายพระเพลงิ พระบรมศพพระบาทสมเดจ็ พระจลุ จอมเกลา้ เจ้าอยหู่ วั ด้วยพระบาทสมเด็จพระมงกฎุ เกลา้ เจ้าอยู่หัวมีพระราชด�ำริวา่ ธรรมเนยี ม ดังกล่าวเป็นส่ิงล้าสมัย อย่างไรก็ตาม การถวายพระเพลิงพระบุพโพของพระมหา กษัตริย์ตามแบบโบราณยังปรากฏในงานพระเมรุพระบาทสมเด็จพระปรเมนทร มหาอานันทมหิดล พระอัฐมรามาธบิ ดนิ ทร ครน้ั ตอ่ มาในงานพระบรมศพสมเดจ็ พระนางเจา้ รำ� ไพพรรณี พระบรมราชนิ ี ในรชั กาลที่ ๗ ไดน้ ำ� พระบพุ โพตลอดจนเครอื่ งพระสกุ ำ� มาถวายพระเพลงิ ทเี่ มรหุ ลวง หน้าพลับพลาอิศริยาภรณ์ วัดเทพศิรินทราวาส แทนการสร้างพระเมรุผ้าขาวแบบ โบราณ การถวายเพลิงพระบุพโพครั้งหลงั สุดจดั ขนึ้ ในพระราชพธิ ีพระราชทานเพลิง พระศพสมเดจ็ พระเจา้ ภคินเี ธอ เจ้าฟ้าเพชรรตั นราชสุดา สิรโิ สภาพณั ณวดี 17

คำ� ศพั ท์ทีเ่ ก่ยี วเน่ืองกับงานพระราชพธิ ีพระบรมศพ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมพิ ลอดลุ ยเดช ร้ิวขบวนพระบรมราชอิสริยยศ พระราชอิสริยยศ พระอิสริยยศ งานพระเมรุ ริ้วขบวนพระบรมราชอิสรยิ ยศ พระราชอสิ ริยยศ พระอิสริยยศเปน็ เคร่ือง ประกอบส�ำคัญย่ิงของการพระราชพิธีออกพระเมรุ ถวายพระเพลิงพระบรมศพ หรือพระราชทานเพลิงพระศพ ตลอดการพระราชพิธีมีการจัดริ้วขบวนหลายช่วง ส่วนประกอบหลักของแต่ละช่วงคือ ราชรถ ราชยาน ท่ีใช้ในโอกาสและหน้าที่ แตกต่างกันไป รูปแบบและล�ำดับขบวนแห่ในงานออกพระเมรุพระบรมศพ ทใี่ ชใ้ นปจั จบุ นั ยดึ ตามแบบแผนครงั้ รชั สมยั พระบาทสมเดจ็ พระมงกฎุ เกลา้ เจา้ อยหู่ วั ลำ� ดับของรวิ้ ขบวนแหม่ ี ๖ ขบวน ดังนี้ ขบวนทห่ี นงึ่ เชญิ พระโกศจากพระทน่ี งั่ ดสุ ติ มหาปราสาทเพอ่ื ไปประดษิ ฐาน บนพระมหาพชิ ยั ราชรถทห่ี น้าพลับพลายกวดั พระเชตุพนวิมลมงั คลาราม ขบวนทส่ี อง เชญิ พระโกศทองใหญจ่ ากหนา้ วดั พระเชตพุ นวมิ ลมงั คลาราม ไปยังพระเมรมุ าศ มณฑลพิธที ้องสนามหลวง 18

คำ� ศพั ท์ทเ่ี กีย่ วเน่ืองกบั งานพระราชพิธีพระบรมศพ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภมู ิพลอดลุ ยเดช ขบวนท่ีสาม เชิญพระโกศเวียนพระเมรุมาศ โดยเชิญพระบรมศพ ลงจากพระมหาพิชัยราชรถมาประดิษฐานบนราชรถปืนใหญ่ หรือพระยานมาศ สามลำ� คาน เพือ่ เขา้ มาแหเ่ วียนรอบพระเมรุ ๓ รอบ ขบวนท่ีสี่ เชิญพระบรมอัฐิและพระบรมราชสรีรางคารจากพระเมรุมาศ ณ มณฑลพิธีท้องสนามหลวงเข้าส่พู ระบรมมหาราชวัง โดยพระบรมอฐั ทิ รงพระท่ีนัง่ ราเชนทรยาน พระบรมราชสรีรางคารทรงพระท่ีนั่งราเชนทรยานน้อยองค์รอง มขี บวนพระบรมราชอสิ ริยยศเต็มเหมอื นขบวนท่ีหนงึ่ ขบวนทหี่ า้ เชญิ พระบรมอฐั จิ ากพระทน่ี งั่ ดสุ ติ มหาปราสาทขนึ้ ประดษิ ฐาน ณ พระวมิ าน พระท่นี ่งั จักรมี หาปราสาท โดยพระบรมอฐั ทิ รงพระทน่ี ั่งราเชนทรยาน ขบวนพระบรมราชอิสรยิ ยศเหมอื นดงั ขบวนทีส่ ีแ่ ต่แบบอย่างย่อ ขบวนท่หี ก เชญิ พระบรมราชสรรี างคารไปบรรจุ ณ สถานที่ทไ่ี ดก้ �ำหนดไว้ นาลวิ ัน หมายถึง พราหมณ์สยายผมเดนิ ตามขบวนเชญิ พระบรมศพ พระศพ มณฑลพิธี หมายถงึ บรเิ วณทใี่ ชป้ ระกอบพระราชพธิ ี พธิ ี ซงึ่ มสี ญั ลกั ษณ์ หรอื สงิ่ กอ่ สรา้ ง เปน็ เครอ่ื งหมายแสดงอาณาบรเิ วณหรอื ขอบเขตทแี่ นช่ ดั เชน่ มณฑลพธิ ที อ้ งสนามหลวง ใชใ้ นการประกอบพระราชพธิ ตี า่ ง ๆ รวมทง้ั พระราชพธิ ถี วายพระเพลงิ พระบรมศพ และ พระราชทานเพลงิ พระศพ มาตงั้ แตค่ รง้ั รชั สมยั พระบาทสมเดจ็ พระพทุ ธยอดฟา้ จฬุ าโลก มหาราช จงึ เรยี กวา่ “ทงุ่ พระเมร”ุ โดยองคป์ ระกอบของสถาปตั ยกรรมและสงิ่ ปลกู สรา้ งภายในมณฑลพธิ พี ระราชพธิ ถี วายพระเพลงิ พระบรมศพ และพระราชทานเพลงิ พระศพมดี งั น้ี องคพ์ ระเมรมุ าศหรอื พระเมรสุ รา้ งขน้ึ ตรงกลางของมณฑลพธิ ตี ามคติ การเปน็ ศนู ยก์ ลางของโลกและจกั รวาล รายลอ้ มดว้ ยพระทน่ี ง่ั ทรงธรรม ศาลาลกู ขนุ พลบั พลายก หอเปลอื้ ง ซา่ ง ทบั เกษตร ทมิ คด และประดบั สตั วห์ มิ พานต์ กนิ นร กนิ รี รอบพระเมรมุ าศ ชน้ั นอกสดุ ลอ้ มรอบดว้ ยราชวตั ซิ งึ่ เปน็ แนวรวั้ กำ� หนดขอบเขต มณฑลพธิ ี ประดบั ตกแตง่ ดว้ ยฉตั รและธงเปน็ ระยะ 19

ค�ำศพั ทท์ ีเ่ กีย่ วเน่อื งกบั งานพระราชพธิ ีพระบรมศพ พระบาทสมเดจ็ พระปรมนิ ทรมหาภมู พิ ลอดุลยเดช พระเมรใุ นการพระราชพิธีพระราชทานเพลงิ พระศพ สมเด็จพระเจ้าภคินเี ธอ เจา้ ฟ้าเพชรรัตนราชสุดา สริ ิโสภาพัณณวดี พระเมรมุ าศ (พรฺ ะ-เม-รุ-มาด) คือ สถาปัตยกรรมช่ัวคราวสร้างขึ้นบริเวณท้องสนามหลวง เพื่อใช้ ในการพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพ พระราชทานเพลิงพระศพ ของพระมหากษัตริย์และเจ้านายช้ันสูง ส่วนของพระบรมวงศานุวงศ์เรียก ว่า “พระเมรุ” (พฺระ-เมน) และของสามัญชนเรียกว่า “เมรุ” (เมน) การสร้าง พระเมรุมาศสร้างข้ึนตามความเชื่อเร่ืองโลกและจักรวาล ลักษณะโดยรวมของ พระเมรุมาศ คือ มีหลังคาเป็นยอด มีร้ัวล้อมรอบ สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจา้ ฟ้ากรมพระยานรศิ รานวุ ดั ตวิ งศ์ ทรงพระวินจิ ฉยั วา่ ““เมรุ” เห็นจะได้ช่ือมาแต่ปลูกปราสาทอันสูงใหญ่ข้ึนท่ามกลาง ปลกู ปราสาทนอ้ ยขน้ึ ตามมมุ ทกุ ทศิ มโี ขลนทวาร (โคปรุ ะ) ชกั ระเบยี งเชอื่ ม ถึงกัน ปักราชวัติล้อมเป็นช้ัน ๆ มีลักษณะดุจเขาพระสุเมรุ ตั้งอยู่กลาง มสี ตั ตบริภณั ฑ์ลอ้ ม จงึ เรียกว่า พระเมรุ ทหี ลังทำ� ยอ่ ลง แมไ้ ม่มอี ะไรล้อม เหลอื แต่ยอดแหลม ๆ ก็คงเรยี กว่า เมร”ุ 20

พระเมรุในการพระราชพิธพี ระราชทานเพลงิ พระศพ สมเด็จพระเจ้าภคนิ เี ธอ เจ้าฟา้ เพชรรัตนราชสดุ า สริ โิ สภาพณั ณวดี

ค�ำศัพท์ทเ่ี กยี่ วเน่ืองกับงานพระราชพิธพี ระบรมศพ พระบาทสมเดจ็ พระปรมนิ ทรมหาภมู ิพลอดุลยเดช พระเมรทุ อง (พรฺ ะ-เมน-ทอง) ต้ังอยู่ภายในพระเมรุมาศ สร้างเป็นรูปบุษบกสวมพระเบญจา อาจจะท�ำ ดว้ ยดีบุก ทองอังกฤษ ทองน�้ำตะโก ลงรกั ปิดทอง หรอื ห้มุ ดว้ ยทองค�ำจริง ใชใ้ นการ พระบรมศพพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวเป็นคร้ังสุดท้ายตามโบราณราช ประเพณี พระเบญจา เปน็ พระแทน่ ทำ� เปน็ ฐานซอ้ นขนึ้ ไป ๕ ชนั้ บางครง้ั ทำ� เปน็ ๒ ชน้ั ๓ ชนั้ หรอื ๔ ชน้ั ขนึ้ อยกู่ บั ขนาดทต่ี ง้ั โดยทวั่ ไปมกั ทำ� ขนึ้ ๔ ชนั้ เมอ่ื นบั รวมทง้ั ฐานหรอื ทต่ี ง้ั ดว้ ย จงึ เปน็ ๕ ช้ัน ใชว้ างพระบรมโกศ พระโกศ หรอื วางเคร่ืองประกอบพระราชอิสรยิ ยศ เจา้ นายชนั้ สงู และพระสงฆท์ รงสมณศกั ด์ิ หรอื สำ� หรบั ประดษิ ฐานบษุ บกพระพทุ ธรปู พระจิตกาธาน หมายถงึ แท่นทีเ่ ผาศพ ทวั่ ไปเรียกวา่ “เชิงตะกอน”  ใชเ้ ป็นทส่ี ำ� หรบั ถวาย พระเพลิงพระบรมศพ พระราชทานเพลงิ พระศพบนพระเมรุมาศ 22

พระจิตกาธานท่ปี ระดับเคร่อื งสดเรยี บร้อยแลว้ ในงานพระเมรุ สมเดจ็ พระเจ้าภคินเี ธอ เจ้าฟ้าเพชรรตั นราชสุดา สิริโสภาพณั ณวดี

คำ� ศพั ทท์ เี่ ก่ียวเนือ่ งกบั งานพระราชพธิ ีพระบรมศพ พระบาทสมเดจ็ พระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ซา่ งในงานพระเมรุ สมเด็จพระเจ้าพ่ีนางเธอ เจา้ ฟ้ากัลยาณิวัฒนา กรมหลวงนราธวิ าสราชนครินทร์ ซ่าง, ส้าง, สร้าง หรอื สำ� ซ่าง เป็นส่ิงปลูกสร้างรูปทรงส่ีเหล่ียมดาดหลังคา สร้างขึ้นตามมุมทั้งส่ีของ พระเมรุมาศ พระเมรุ ใช้เป็นท่ีส�ำหรับพระพิธีธรรมสวดพระอภิธรรมตลอดงาน พระเมรุ  นับต้ังแต่พระบรมศพ พระศพประดิษฐานบนพระจิตกาธาน จนกว่า จะถวายพระเพลงิ พระบรมศพ พระราชทานเพลงิ พระศพแลว้ เสรจ็ โดยมพี ระพธิ ธี รรม ๔ ส�ำรับ น่งั อยูป่ ระจ�ำซ่าง  และจะผลัดกนั สวดทลี ะซา่ งเวียนกนั ไป 24

ค�ำศพั ท์ทีเ่ ก่ยี วเนือ่ งกบั งานพระราชพิธพี ระบรมศพ พระบาทสมเด็จพระปรมนิ ทรมหาภมู ิพลอดุลยเดช หอเปลื้องในงานพระเมรุ สมเด็จพระเจา้ พนี่ างเธอ เจา้ ฟา้ กลั ยาณิวฒั นา กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์ หอเปลื้อง เปน็ สงิ่ ปลกู สรา้ งขนาดเลก็ ชน้ั เดยี วหลงั คาจวั่ เปน็ ทเ่ี กบ็ พระโกศพระบรมศพ พระโกศ และเครอ่ื งประกอบ หลงั จากทเ่ี ปลอ้ื งพระบรมศพ พระศพออกจากพระลอง ข้ึนประดิษฐานบนพระจิตกาธานแล้ว และเป็นท่ีเก็บเคร่ืองใช้เบ็ดเตล็ดในช่วงการ ถวายพระเพลิงพระบรมศพ เช่น ฟืน ดอกไม้จันทน์ ขันน�้ำ ซ่ึงจะต้องตั้งน้�ำส�ำหรับ เลยี้ งเพลงิ เมอื่ เวลาถวายพระเพลิงพระบรมศพ พระราชทานเพลิงพระศพ 25

ค�ำศัพท์ทีเ่ ก่ยี วเนอ่ื งกบั งานพระราชพธิ พี ระบรมศพ พระบาทสมเด็จพระปรมนิ ทรมหาภมู ิพลอดุลยเดช พระที่นั่งทรงธรรมในงานพระเมรุ สมเดจ็ พระเจ้าภคนิ เี ธอ เจ้าฟา้ เพชรรตั นราชสดุ า สริ โิ สภาพณั ณวดี พระทนี่ ั่งทรงธรรม เปน็ ทส่ี ำ� หรบั พระบาทสมเดจ็ พระเจา้ อยหู่ วั และพระบรมวงศานวุ งศป์ ระทบั ทรงธรรมในพระราชพิธีบ�ำเพ็ญพระราชกุศลออกพระเมรุพระบรมศพ พระศพ และเป็นท่สี ำ� หรับคณะองคมนตร ี คณะรฐั มนตรี  ข้าราชการชั้นผใู้ หญ่ท้งั ฝ่ายทหาร พลเรอื น สมาชิกรฐั สภา ตลอดจนคณะทตู านุทตู เฝา้ ทูลละอองธุลีพระบาท 26

คำ� ศพั ทท์ ี่เกย่ี วเนือ่ งกบั งานพระราชพธิ พี ระบรมศพ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ศาลาลกู ขนุ ในงานพระเมรุ สมเด็จพระเจ้าภคินเี ธอ เจ้าฟ้าเพชรรัตนราชสดุ า สิรโิ สภาพณั ณวดี ศาลาลูกขุน เป็นสิ่งปลูกสร้างลักษณะโถงทรงไทยชั้นเดียว ใช้เป็นที่ส�ำหรับข้าราชการ ชน้ั ผใู้ หญ่เฝา้ ฯ รบั เสดจ็ และรว่ มพระราชพธิ ี คด สร้างข้ึนเพื่อแสดงขอบเขตมณฑลพิธี มักสร้างเป็นระเบียงล้อมรอบ พระเมรุมาศ พระเมรุ ใช้เป็นท่ีน่งั ของเจา้ หน้าทีผ่ มู้ าร่วมงาน 27

คำ� ศัพทท์ เ่ี ก่ยี วเนอื่ งกับงานพระราชพธิ ีพระบรมศพ พระบาทสมเด็จพระปรมนิ ทรมหาภูมพิ ลอดลุ ยเดช ทบั เกษตรในงานพระเมรุ สมเด็จพระเจา้ ภคนิ เี ธอ เจา้ ฟ้าเพชรรตั นราชสุดา สิริโสภาพณั ณวดี ทบั เกษตร เป็นอาคารโถง หลังคาจ่ัว ประดับตกแต่งลวดลายไทย  ใช้เป็นท่ีน่ังพัก สำ� หรับขา้ ราชการที่มาเฝ้าฯ รบั เสด็จ และร่วมพระราชพิธี ทิม เปน็ ทพี่ กั ของพระสงฆ์ แพทยห์ ลวง เจา้ พนกั งาน และเปน็ ทป่ี ระโคมปพ่ี าทย์ ประกอบพิธี สร้างติดแนวร้ัวราชวัติทั้ง ๔ ทิศ มีลักษณะเป็นส่ิงปลูกสร้างช้ันเดียว ดา้ นหนา้ เปิดโลง่   หลังคาแบบปะร�ำคือหลงั คาแบน  28

ค�ำศพั ท์ท่เี ก่ียวเน่ืองกบั งานพระราชพธิ พี ระบรมศพ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภมู ิพลอดุลยเดช พลบั พลายก เป็นโถงใช้ส�ำหรับพระมหากษัตริย์และพระบรมวงศานุวงศ์ ทรงรอรับส่ง พระบรมศพ พระศพ ขึน้ ราชรถ ในอดีตมกี ารสร้างพลบั พลายก หนา้ วดั พระเชตุพน วิมลมังคลาราม ต้ังอยู่มุมก�ำแพงวัด เยื้องกรมการรักษาดินแดน พลับพลายกหน้า พระท่ีนั่งสุทไธสวรรย์ปราสาท และพลับพลายกสนามหลวง ด้านหน้าทางเข้า มณฑลพธิ ที ้องสนามหลวง พลบั พลายกท้องสนามหลวงในงานพระเมรุ สมเดจ็ พระเจา้ ภคนิ เี ธอ เจา้ ฟ้าเพชรรัตนราชสดุ า สริ ิโสภาพัณณวดี 29

ค�ำศพั ทท์ เ่ี ก่ยี วเนอ่ื งกบั งานพระราชพธิ พี ระบรมศพ พระบาทสมเด็จพระปรมนิ ทรมหาภูมิพลอดลุ ยเดช ราชวัติ เป็นแนวร้ัวก�ำหนด ข อ บ เข ต ป ริ ม ณ ฑ ล ข อ ง พระเมรุมาศและพระเมรุท้ัง ๔ ด้าน  สร้างต่อเน่ืองไปกับ ทิมและทับเกษตร ตกแต่ง ด้วยฉัตรและธง บางทีเรียก รวมกันว่า  “ราชวตั ิฉตั รธง” เกย หรือเกยลา ราชวัตใิ นงานพระเมรุสมเด็จพระเจา้ ภคินีเธอ เจ้าฟา้ เพชรรัตนราชสดุ า สิรโิ สภาพัณณวดี เป็นแท่นฐานยกพ้ืนส่ีเหล่ียมย่อมุม มีรางเลื่อนส�ำหรับเชิญพระโกศ พระบรมศพ หรือพระโกศขึ้นประดิษฐานบนพระยานมาศ ต้ังอยู่ด้านหน้า ประตูก�ำแพงแก้ว ด้านทิศตะวันตกของพระท่ีน่ังดุสิตมหาปราสาทในพระบรม มหาราชวัง  มีบันไดขึ้นลง ๓ ด้าน คือ ด้านตะวันออกเป็นท่ีเชิญพระบรมโกศ พระโกศจากพระท่ีนั่งดุสิตมหาปราสาทข้ึนเกย ด้านเหนือและด้านใต้ส�ำหรับ เจ้าพนักงาน  ส่วนด้านตะวันตกเป็นที่เทียบพระยานมาศสามล�ำคาน เพื่อเชิญ พระโกศพระบรมศพ หรอื พระโกศขน้ึ ประดิษฐาน เกยลาในงานพระศพ สมเดจ็ พระเจ้าภคินีเธอ เจา้ ฟา้ เพชรรัตนราชสุดา สิริโสภาพัณณวดี 30

คำ� ศพั ทท์ ่ีเกี่ยวเนื่องกับงานพระราชพิธีพระบรมศพ พระบาทสมเดจ็ พระปรมินทรมหาภูมพิ ลอดลุ ยเดช ฉากบังเพลงิ ในงานพระเมรุสมเดจ็ พระเจา้ พี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา กรมหลวงนราธวิ าสราชนครินทร์ ฉากบังเพลงิ เป็นเคร่ืองกั้นทางข้ึนลงพระเมรุมาศ พระเมรุ มักเขียนเป็นรูปเทวดา มีลักษณะเป็นฉากพับได้ติดไว้กับเสาท้ัง ๔ ด้าน บริเวณบันไดข้ึนลงพระเมรุมาศ พระเมรุ เพอื่ มิใหเ้ ห็นการถวายพระเพลงิ พระบรมศพ พระศพ และใช้บังลม  ชาลา ส่วนของพื้นดินท่ียกระดับและปูพื้นผิวเรียบด้วยวัสดุปูพื้น ชาลามักท�ำ เป็นบริเวณกว้างและเช่ือมต่อกับอาคาร หรืออยู่ระหว่างหมู่อาคาร บางคร้ังเรียกว่า “ชาน” 31

คำ� ศพั ท์ทเ่ี กี่ยวเนอื่ งกบั งานพระราชพธิ พี ระบรมศพ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมพิ ลอดลุ ยเดช สัตวห์ ิมพานต์ เป็นรูปสัตว์ท่ีประดับตกแต่ง รายรอบพระเมรุมาศ พระเมรุ ตามคติ เรื่องโลกและจักรวาล ซ่ึงมีเขาพระสุเมรุ เป็นศูนย์กลาง ล้อมรอบด้วยเขา สัตบริภัณฑ์ และดาษด่ืนด้วยสิงสาราสัตว์ นานาพันธุ์  สมัยก่อนจึงจัดท�ำรูปสัตว์ รายรอบพระเมรุมาศและพระเมรุ รวมท้ัง มกี ารผกู หนุ่ รปู สตั วเ์ ขา้ ขบวนแหพ่ ระบรมศพ และพระศพไปสพู่ ระเมรมุ าศ พระเมรดุ ว้ ย ดรุ งคไกรสร เปน็ หนึ่งในสัตวห์ มิ พานต์ประดับพระเมรุ สมเด็จพระเจ้าภคนิ เี ธอ เจ้าฟ้าเพชรรัตนราชสุดา สริ ิโสภาพณั ณวดี กินนร กนิ รี ประดบั พระเมรุ สมเดจ็ พระเจ้าภคินีเธอ เจา้ ฟ้าเพชรรตั นราชสุดา สิรโิ สภาพัณณวดี 32

คำ� ศัพท์ทีเ่ ก่ียวเน่อื งกับงานพระราชพิธพี ระบรมศพ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมพิ ลอดลุ ยเดช พระมหาพิชัยราชรถ เป็นราชรถ ท�ำด้วยไม้สักแกะสลักลงรักปิดทองประดับกระจก ใช้ก�ำลังพลฉุด พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราชโปรดเกล้าฯ ให้สร้างข้ึนเมื่อ พ.ศ. ๒๓๓๘ เพ่ือเชิญพระบรมอัฐิสมเด็จพระปฐมบรมมหาชนก ออกท้องพระเมรุเพื่อถวายพระเพลิงใน พ.ศ. ๒๓๓๙ จากนั้นจึงถือเป็นพระราช ประเพณที ี่ใชพ้ ระมหาพชิ ัยราชรถเชญิ พระบรมศพพระมหากษัตริย์ พระราชนิ ี และ พระบรมวงศ์ชน้ั สงู พระมหาพิชยั ราชรถ เก็บรกั ษาอยใู่ นโรงราชรถ พพิ ิธภณั ฑสถานแห่งชาติ พระนคร 33

คำ� ศัพท์ที่เกี่ยวเนอื่ งกบั งานพระราชพิธพี ระบรมศพ พระบาทสมเดจ็ พระปรมินทรมหาภูมพิ ลอดุลยเดช เวชยนั ตราชรถ เกบ็ รักษาอยูใ่ นโรงราชรถ พิพธิ ภัณฑสถานแหง่ ชาติ พระนคร เวชยนั ตราชรถ เปน็ ราชรถ ซง่ึ พระบาทสมเดจ็ พระพทุ ธยอดฟา้ จฬุ าโลกมหาราช โปรดเกลา้ ฯ ให้สรา้ งขน้ึ เพือ่ เชญิ พระศพสมเดจ็ พระเจา้ พ่นี างเธอ เจ้าฟ้ากรมพระศรีสดุ ารกั ษ์ ใน งานพระเมรุคู่กับพระศพสมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากรมพระยาเทพสุดาวดี ซึ่งทรงใช้พระมหาพิชัยราชรถ เมื่อ พ.ศ. ๒๓๔๒ หลังจากน้ันจึงใช้เวชยันตราชรถ เป็นราชรถรองในงานพระเมรุพระมหากษัตริย์รัชกาลต่อมาจนถึงงานพระเมรุ พระบาทสมเดจ็ พระจลุ จอมเกลา้ เจา้ อยหู่ วั ภายหลงั เมอ่ื พระมหาพชิ ยั ราชรถเกดิ ชำ� รดุ ในงานพระเมรพุ ระบาทสมเดจ็ พระมงกฎุ เกลา้ เจา้ อยหู่ วั พระบาทสมเดจ็ พระปรเมนทร มหาอานันทมหิดล พระอัฐมรามาธิบดินทร และสมเด็จพระนางเจ้าร�ำไพพรรณี พระบรมราชินีในรัชกาลที่ ๗ จึงใช้เวชยันตราชรถเป็นราชรถทรงพระบรมศพ โดยออกหมายก�ำหนดการเรียกว่า “พระมหาพิชัยราชรถ” และไม่มีราชรถรองใน ริ้วขบวน 34

คำ� ศพั ท์ที่เกีย่ วเนอ่ื งกบั งานพระราชพธิ พี ระบรมศพ พระบาทสมเดจ็ พระปรมนิ ทรมหาภมู พิ ลอดุลยเดช ราชรถน้อย เป็นราชรถ มีลักษณะคล้ายพระมหาพิชัยราชรถ และเวชยันตราชรถ คือมีส่วนตัวราชรถที่แกะสลักลงรักปิดทองประดับกระจก คานที่ยื่นออกมาเป็น รูปนาคราช บนราชรถมีบุษบกตั้งอยู่เช่นเดียวกัน เพียงแต่มีขนาดเล็กกว่า ราชรถ นอ้ ยองคท์ ่ีหนึง่ ใชเ้ ปน็ ราชรถท่ีสมเดจ็ พระสังฆราชประทับ ทรงอ่านพระอภิธรรมน�ำ ขบวนพระมหาพิชัยราชรถ ราชรถองค์ที่สอง เป็นราชรถโยงพระภูษาจากพระโกศ พระบรมศพ จากน้ันเป็นราชรถน้อยองค์ท่ีสาม ใช้เป็นราชรถส�ำหรับพระบรมวงศ์ ผใู้ หญป่ ระทบั เพอื่ ทรงโปรยทานพระราชทานแกป่ ระชาชนทมี่ าเฝา้ กราบพระบรมศพ ตามทางส่พู ระเมรมุ าศ ราชรถนอ้ ย เก็บรกั ษาอยใู่ นโรงราชรถ พพิ ิธภัณฑสถานแห่งชาติ พระนคร 35

คำ� ศพั ทท์ เ่ี กีย่ วเนื่องกับงานพระราชพธิ ีพระบรมศพ พระบาทสมเดจ็ พระปรมนิ ทรมหาภมู ิพลอดุลยเดช ราชรถรางปนื และราชรถปนื ใหญ ่ เป็นราชรถท่ีเชิญพระโกศพระบรมศพ พระศพของพระมหากษัตริย์และ พระบรมวงศ์ ที่ทรงรับราชการทหารเม่ือคร้ังด�ำรงพระชนม์ชีพ แทนพระยานมาศ สามล�ำคานตามธรรมเนียมเดิมจากพระบรมมหาราชวังหรือวังของพระบรมวงศ์ พระองคน์ น้ั ๆ สพู่ ระเมรมุ าศหรอื พระเมรุ และแหอ่ ตุ ราวฏั รอบพระเมรมุ าศ ๓ รอบ ซ่ึงเป็นธรรมเนียมใหม่เกิดขึ้นในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว ในการพระราชพธิ ีพระราชทานเพลิงพระศพจอมพล พระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมหลวง นครไชยศรสี รุ เดช เมื่อ พ.ศ. ๒๔๕๙ เป็นคร้ังแรก และคร้งั หลังสุดในการพระราชพธิ ี ถวายพระเพลิงพระบรมศพพระบาทสมเด็จพระปรเมนทรมหาอานันทมหิดล พระอัฐมรามาธิบดินทร เมอ่ื พ.ศ. ๒๔๙๓ ในหมายก�ำหนดการพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพ เรยี กราชรถนี้ ว่า “ราชรถปืนใหญ่รางเกวียน” ส่วนในพระราชพิธีพระราชทานเพลิงพระศพเรียก ว่า “รถปนื ใหญ่” “เกวยี นรางปืน” “รถปืนใหญ่รางเกวยี น” “รางเกวยี นปืนใหญ”่ ขบวนเชญิ พระโกศทองน้อยทรงพระศพ สมเด็จพระเจ้าบรมวงศเ์ ธอ เจ้าฟา้ อษั ฎางคเ์ ดชาวุธ กรมหลวงนครราชสีมา ด้วยรถรางเกวียนปืนใหญ่ 36

ค�ำศพั ท์ทีเ่ กย่ี วเนื่องกบั งานพระราชพิธพี ระบรมศพ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภมู ิพลอดุลยเดช เกรนิ บันไดนาค เกบ็ รกั ษาอยู่ในโรงราชรถ พิพธิ ภัณฑสถานแห่งชาติ พระนคร เกรินบันไดนาค คือ อุปกรณ์ที่ใช้เชิญพระโกศพระบรมศพขึ้นหรือลงจากราชรถ และ พระเมรุมาศแทนการใช้นั่งร้านไม้ต่อยกสูงแบบสมัยโบราณ ท่ีใช้ก�ำลังคนยกขึ้นลง ซึ่งมีความยากล�ำบาก ไม่สะดวก เกรินมีลักษณะเป็นรางเล่ือนขึ้นลงด้วยกว้านหมุน โดยมีแท่นที่วางพระโกศเพื่อสะดวกในการเคลื่อนย้ายข้ึนหรือลง ลักษณะเป็นแท่น ส่ีเหลี่ยม ขอบฐานแกะสลักลายปิดทองประดับกระจก ท้ายเกรินเป็นพ้ืนลดระดับ ลงมา ซึ่งเป็นท่ีส�ำหรับเจ้าพนักงานภูษามาลาขึ้นนั่งประคองพระโกศพระบรมศพ มีลักษณะคล้ายท้ายส�ำเภา ด้านข้างบุผ้าตาดทอง มีราวทั้ง ๒ ข้างตกแต่งเป็นรูป พญานาค จึงเรียกว่า “เกรินบันไดนาค” คิดค้นโดยสมเด็จพระสัมพันธวงศ์เธอ เจ้าฟ้ากรมหลวงพิทักษ์มนตรี พระโอรสในสมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากรม พระศรสี ดุ ารกั ษ์ สรา้ งขน้ึ เมอื่ พ.ศ. ๒๓๕๔ ใชค้ รงั้ แรกในงานพระเมรพุ ระบาทสมเดจ็ พระพุทธยอดฟา้ จฬุ าโลกมหาราช พ.ศ. ๒๓๕๕ 37

คำ� ศพั ทท์ ี่เก่ยี วเน่ืองกับงานพระราชพิธีพระบรมศพ พระบาทสมเด็จพระปรมนิ ทรมหาภมู ิพลอดลุ ยเดช พระยานมาศสามลำ� คาน เก็บรักษาอยู่ในโรงราชรถ พิพธิ ภัณฑสถานแห่งชาติ พระนคร พระยานมาศสามล�ำคาน, พระยานมาศสามคาน สร้างข้ึนในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัยเพ่ือใช้เชิญ พระโกศพระบรมศพพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราชเป็นครั้งแรก เป็นยานที่มีคานหามขนาดใหญ่ ท�ำด้วยไม้จ�ำหลักลวดลายลงรักปิดทอง มีพนัก โดยรอบ ๓ ด้าน และมคี านหาม ๓ คาน จงึ เรยี กว่า พระยานมาศสามล�ำคาน หรือ พระยาศมาศสามคาน คนหามมี ๒ ผลัด ผลัดละ ๖๐ คน ใช้ส�ำหรับเชิญพระโกศ พระบรมศพจากพระทนี่ งั่ ดสุ ติ มหาปราสาทในพระบรมมหาราชวงั ไปประดษิ ฐานบน พระมหาพชิ ยั ราชรถทจี่ อดเทยี บรออยใู่ กลพ้ ลบั พลายกวดั พระเชตพุ นวมิ ลมงั คลาราม เมื่อพระมหาพิชัยราชรถเชิญพระโกศพระบรมศพไปถึงพระเมรุมาศแล้ว ก็จะใช้ พระยานมาศสามล�ำคานนี้เชิญพระโกศพระบรมศพจากพระมหาพิชัยราชรถ เวยี นรอบพระเมรุมาศ ณ ท้องสนามหลวง อกี คร้ังหน่ึง 38

ค�ำศพั ท์ท่ีเกีย่ วเนือ่ งกบั งานพระราชพธิ พี ระบรมศพ พระบาทสมเดจ็ พระปรมินทรมหาภูมพิ ลอดลุ ยเดช พระท่ีน่ังราเชนทรยาน เก็บรักษาอย่ใู นโรงราชรถ พิพธิ ภณั ฑสถานแห่งชาติ พระนคร พระท่นี ัง่ ราเชนทรยาน เปน็ พระราชยานทสี่ รา้ งขน้ึ ในรชั สมยั พระบาทสมเดจ็ พระพทุ ธยอดฟา้ จฬุ าโลก มหาราช ลักษณะเป็นทรงบุษบกย่อมุมไม้สิบสอง หลังคาซ้อน ๕ ช้ัน สร้างด้วยไม้ แกะสลักลงรักปดิ ทองประดับกระจก พนักพิงและกระจังปฏิญาณแกะสลกั เป็นภาพ เทพนมไว้ตรงกลาง และมีรูปครุฑยุดนาคประดับที่ฐาน มีคานส�ำหรับหาม ๔ คาน ใชค้ นหาม๕๖คนแตเ่ วลาปกตจิ ะคงคานประจำ� ไว้๒คานใชใ้ นการเสดจ็ พระราชดำ� เนนิ โดยขบวนแหอ่ ยา่ งใหญ่ทีเ่ รียกว่า “ขบวนสีส่ าย” เช่น ในพระราชพธิ ีบรมราชาภิเษก จะเสด็จพระราชด�ำเนินจากพระราชมณเฑียรไปถวายสักการะพระพุทธมหา มณีรัตนปฏิมากร ณ วัดพระศรีรัตนศาสดาราม นอกจากนี้ ยังใช้ในการเชิญ พระโกศพระบรมอฐั พิ ระมหากษตั รยิ ์ สมเดจ็ พระบรมราชนิ ี และพระอฐั พิ ระบรมวงศ์ จากพระเมรุมาศ พระเมรุ ทอ้ งสนามหลวง ไปยงั พระบรมมหาราชวงั อีกดว้ ย 39

คำ� ศัพทท์ เ่ี กย่ี วเน่ืองกับงานพระราชพิธพี ระบรมศพ พระบาทสมเดจ็ พระปรมินทรมหาภูมพิ ลอดลุ ยเดช พระเสลีย่ งกลีบบัวสำ� หรบั พระราชาคณะนัง่ อ่านพระอภธิ รรมนำ� พระโกศพระบรมศพ พระเสลย่ี งกลีบบวั เป็นพระราชยานที่ใช้ก�ำลังพลหามจ�ำนวน ๑๖ คน ส�ำหรับสมเด็จ พระสังฆราชหรือพระราชาคณะน่ังอ่านพระอภิธรรมน�ำพระโกศพระบรมศพ พระศพ จากพระท่ีนั่งดุสิตมหาปราสาทออกจากพระบรมมหาราชวังไปยังพระมหา พชิ ยั ราชรถทวี่ ดั พระเชตพุ นฯ และนำ� ขบวนพระบรมราชอสิ รยิ ยศ พระราชอสิ รยิ ยศ พระอสิ รยิ ยศเมอ่ื เชญิ พระโกศพระบรมศพ พระศพเวยี นรอบพระเมรุ สรา้ งดว้ ยไมป้ ดิ ทองประดบั กระจกทง้ั องค์ มคี านหาม ๒ คาน ลำ� คานทำ� ดว้ ยไม้ กลงึ กลมทาสแี ดงเรยี บ ปลายคานประดบั หวั เมด็ ปดิ ทองประดบั กระจก แทน่ พระเสลยี่ ง มลี กั ษณะเปน็ ฐานสงิ หบ์ วั ลกู แกว้ หนา้ กระดานลา่ งปดิ ทองเรยี บ เหนอื เสน้ ลวดประดบั กระจงั ตาออ้ ยปดิ ทองประดบั กระจก หนา้ เทา้ สงิ หป์ ดิ ทองเรยี บ ใตท้ อ้ งฐานประดบั ฟนั สงิ หป์ ดิ ทองประดบั กระจก บวั อกไกแ่ กะสลกั ลายรกั รอ้ ยปดิ ทองประดบั กระจก ขอบ ลกู แกว้ ประดบั กระจงั ฟนั ปลาปดิ ทองทงั้ ดา้ นบนดา้ นลา่ ง ทอ้ งไมท้ าสแี ดงเรยี บ ลวดบวั ประดบั กระจงั ฟนั ปลาปดิ ทอง บวั หงายแกะสลกั ลายบวั รวนปดิ ทองประดบั กระจกซอ้ น เสน้ ลวดเดนิ เสน้ ทอง หนา้ กระดานบนประดบั ลายประจำ� ยามกา้ มปู ประดบั เสน้ ลวดเดนิ เสน้ ทอง เหนอื หนา้ กระดานบนประดบั กระจงั ตาออ้ ยซอ้ นลายกลบี บวั ปดิ ทองประดบั กระจก ๓ ดา้ น ขอบบนเหนอื ลายกลบี บวั ทำ� เปน็ ราวพนกั พงิ กลม ตดิ ซล่ี กู กรงโปรง่ ปดิ ทองเรยี บ ประดบั กระจงั ปฏญิ าณใหญร่ ปู กลบี บวั ดา้ นนอกปดิ ทองประดบั กระจก สว่ นดา้ นในปดิ ทองเรยี บ ๓ ดา้ น พนกั พงิ หลงั ซงึ่ ซอ้ นอยใู่ นกระจงั ปฏญิ าณ ดา้ นหนา้ ปดิ ทองเรยี บ ดา้ นหลงั แกะสลกั ลายปดิ ทองประดบั กระจก 40

คำ� ศัพทท์ ่เี ก่ียวเน่ืองกบั งานพระราชพธิ พี ระบรมศพ พระบาทสมเดจ็ พระปรมนิ ทรมหาภูมิพลอดุลยเดช พระเสลยี่ งแวน่ ฟ้า ใชเ้ ชิญพระโกศในพระราชพิธี พระราชทานเพลิงพระศพสมเด็จพระเจา้ ภคนิ ีเธอ เจา้ ฟา้ เพชรรตั นราชสดุ า สริ ิโสภาพณั ณวดี พระเสลีย่ งแวน่ ฟ้า เป็นพระราชยานขนาดเล็ก ใช้ก�ำลังพลหามจ�ำนวน ๘ คน ส�ำหรับเชิญ พระโกศพระบรมศพท่ีเชิญลงมาจากพระที่นั่งดุสิตมหาปราสาทไปยังเกยเทียบ พระยานมาศสามลำ� คานทนี่ อกกำ� แพงแกว้ พระทนี่ ง่ั ดสุ ติ มหาปราสาทดา้ นทศิ ตะวนั ตก มลี กั ษณะเปน็ ฐานแทน่ ไมส้ เี่ หลยี่ มสลกั ลาย ปดิ ทองประดบั กระจกทง้ั องค์ ตวั แทน่ ฐาน เปน็ ฐานสงิ หป์ ากบวั หนา้ กระดานลา่ งลงรกั ปดิ ทองประดบั กระจกลายดอกประจำ� ยาม ฐานสิงห์สลักลายปิดทองประดับกระจก บัวหลังสิงห์ปิดทองประดับกระจก เสน้ ลวดเดนิ เสน้ ทองซอ้ นประดบั ดว้ ยลายเมด็ ประคำ� พนื้ พระเสลยี่ งปดู ว้ ยพรมสแี ดง ทง้ั สม่ี มุ ตดิ หว่ งเหลก็ ทาสแี ดง คานหามทง้ั ๒ คานทาสแี ดงเรยี บ ปลายคานเปน็ หวั เมด็ ทรงมัณฑ์ปิดทองเรียบ ระหว่างคานท้ังสองท้ังด้านหน้าและด้านหลัง คล้องเชือก มนลิ าหุ้มผา้ แดง ส�ำหรบั เจา้ พนกั งานใชค้ ลอ้ งคอขณะยกพระเสล่ียง 41

ค�ำศพั ทท์ ่เี กย่ี วเนอ่ื งกับงานพระราชพิธพี ระบรมศพ พระบาทสมเดจ็ พระปรมนิ ทรมหาภูมพิ ลอดลุ ยเดช ฉตั ร เป็นเครื่องสูง มีรูปร่างคล้ายร่ม ที่ซ้อนกันขึ้นไปเป็นช้ัน ๆ โดยช้ันบนมี ขนาดเล็กกว่าช้ันล่าง มีทั้งประเภทแขวน ปัก ตั้ง หรือเชิญเข้าขบวนแห่ เพ่ือเป็น พระเกียรติยศ ได้แก่ ฉัตรแขวนหรือปัก แบ่งออก เปน็ ๔ ชนิด คือ เศวตฉตั ร (นพปฎลมหา เศวตฉัตร สัปตปฎลเศวตฉัตร เบญจปฎล เศวตฉัตร และเศวตฉตั ร ๓ ชัน้ ) ฉตั รผา้ ขาว ลายทอง ฉตั รตาด (ฉัตรผ้าตาดสีขาว ๕ ชัน้ ฉตั รผา้ ตาดสีเหลอื ง ๕ ช้ัน) ฉัตรโหมด (ฉัตร ผา้ โหมดสขี าว ๕ ชนั้ ฉตั รผา้ โหมดสเี หลอื ง ๕ ช้ัน ฉัตรผา้ โหมดสีทอง ๕ ชั้น ฉัตรผา้ โหมด นพปฎลมหาเศวตฉตั ร ประดิษฐานเหนอื สีเงิน ๕ ช้ัน ฉตั รผา้ โหมดสีทอง ๓ ช้ัน) พระแทน่ ราชบัลลงั ก์ประดับมุก ภายในพระทีน่ งั่ ดุสิตมหาปราสาท ฉัตรท่ีใช้ประดับบนยอดพระโกศท่ีบรรจุพระบรมอัฐิ พระอัฐิ แบ่งเป็น ๔ ชนิด คือ ฉัตรปรุทองค�ำกรุผ้าขาว ๙ ช้ัน ฉัตรทองค�ำลงยา ๗ ชั้น ฉัตรทองค�ำลายโปร่ง ๗ ชั้น ไม่บุผ้าขาวส�ำหรับพระอัฐิสมเด็จพระบวรราชเจ้า ฉัตรทองค�ำลายโปร่ง ๗ ช้ัน ไม่บุผ้าขาว ส�ำหรับพระอัฐิพระรัชทายาท หรือ สมเด็จพระเจ้าน้องยาเธอที่ได้รับการสถาปนาพระเกียรติยศขึ้นเป็นสมเด็จ พระอนชุ าธริ าชเทยี บเท่าสมเด็จพระรชั ทายาท ฉัตรปักพระเบญจา หมายถึงฉัตรทองทรงกระบอกลายสลักโปร่ง ๕ ช้ัน หน่งึ สำ� รับมี ๘ องค์ ต้งั แต่งมมุ พระเบญจาทง้ั ๔ มุม ฉตั รสำ� หรบั ตง้ั ในพธิ ีหรอื เชญิ เขา้ ขบวนแหเ่ ปน็ เกยี รตยิ ศแบง่ เปน็ ๖ชนดิ คอื พระมหาเศวตฉตั รกรรภริ มย์ (มี ๓ องค์ คอื พระเสนาธปิ ตั ย์ พระฉตั รชยั พระเกาวพา่ ห)์ พระอภริ มุ ชมุ สาย (พระอภริ มุ ชมุ สายปกั หกั ทองขวาง พระอภริ มุ ชมุ สายทองแผล่ วด) ฉัตรเครอื่ งสงู วงั หนา้ ฉัตรเบญจา ฉตั รราชวตั ิ 42

ค�ำศพั ทท์ เ่ี กย่ี วเนื่องกับงานพระราชพิธีพระบรมศพ พระบาทสมเดจ็ พระปรมนิ ทรมหาภมู พิ ลอดลุ ยเดช นพปฎลมหาเศวตฉัตร (นบ-พะ-ปะ-ดน-มะ-หา-สะ-เหฺวด-ตะ-ฉัด) หรอื เศวตฉัตร ๙ ชน้ั ส�ำหรับพระมหากษัตริย์ท่ีทรงรับพระบรมราชาภิเษกตามโบราณราช ประเพณีแล้ว ลักษณะเป็นฉัตรผ้าขาว ๙ ชั้น แต่ละชั้นมีระบายขลิบทองแผ่ลวด ซ้อน ๓ ชั้น ฉัตรชั้นล่างสุดห้อยอุบะจ�ำปาทอง เศวตฉัตรแบบนี้ใช้แขวนหรือ ปักในสถานทแ่ี ละโอกาสตา่ ง ๆ คือ •  ใช้ปักเหนือราชบัลลังก์ในท้องพระโรง ในพระที่นั่ง พระมหาปราสาท ในพระมหามณเฑยี ร •  ในรัชกาลพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ใช้ปักเหนอื พระทีน่ ั่งภัทรบฐิ เมือ่ ครัง้ ทรงรบั พระราชพธิ บี รมราชาภิเษก •  ใชแ้ ขวนเหนอื พระแท่นราชบรรจถรณ์ภายในพระมหามณเฑยี ร • ใชแ้ ขวนเหนอื พระโกศทรงพระบรมศพ ณ ทปี่ ระดษิ ฐานพระบรมศพ • ใช้ปกั ยอดพระเมรมุ าศ •  ใช้ปักบนพระยานมาศสามล�ำคาน หรือพระยานมาศสามคาน ในการเชิญพระบรมศพโดยขบวนพระบรมราชอิสริยยศ •  ใชัปักเหนือเกรินขณะเชิญพระโกศพระบรมศพขึ้นสู่พระมหาพิชัย ราชรถ และเชญิ ข้ึนประดษิ ฐานบนพระเมรมุ าศ •  ใช้แขวนเหนือพระจติ กาธานเม่ือสุมเพลิงและเกบ็ พระบรมอฐั ิ สวดศราทธพรต (สวด-สาด-ทะ-พรฺ ด) คอื บทสวดในการบำ� เพญ็ พระราชกศุ ลถวายพระบรมศพ พระศพ เมอื่ ครบ รอบวันต่างๆ ตามแต่ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ในการบ�ำเพ็ญพระราชกุศลออก พระเมรุ (คนื กอ่ นวนั ถวายพระเพลงิ พระราชทานเพลงิ ๑ วนั ) และในวนั ถวายพระเพลงิ พระบรมศพ พระราชทานเพลงิ พระศพ หรอื พระศพสมเดจ็ พระสงั ฆราชและพระสงฆ์ ชั้นผู้ใหญ่ เรียกบทสวดนี้ว่า “ศราทธพรตคาถา” ซ่ึงเป็นธรรมปัจฉิมโอวาทของ พระพุทธเจา้ ทใ่ี ห้ตงั้ อยใู่ นความไม่ประมาทเพราะสงั ขารท้งั หลายไม่เทยี่ ง 43

คำ� ศัพท์ทเ่ี ก่ยี วเนื่องกบั งานพระราชพธิ ีพระบรมศพ พระบาทสมเดจ็ พระปรมินทรมหาภมู ิพลอดุลยเดช ในการบำ� เพญ็ พระราชกศุ ลออกพระเมรใุ นชว่ งเยน็ วนั สดุ ทา้ ยทตี่ งั้ พระบรมศพ พระศพ ณ พระทนี่ งั่ ดสุ ติ มหาปราสาท ในพระบรมมหาราชวงั กอ่ นเคลอื่ นพระบรมศพ พระศพไปยงั พระเมรมุ าศ พระเมรุ ในวนั รงุ่ ขน้ึ มธี รรมเนยี มใหพ้ ระสงฆช์ นั้ ผใู้ หญห่ รอื พระราชาคณะ ๓๐ รปู สวดศราทธพรตรับกณั ฑเ์ ทศน์ เพ่ือเป็นการเจริญอปั ปมาท ธรรม คือ ให้ตั้งอยใู่ นความไมป่ ระมาท จากน้นั พระมหากษตั ริย์หรือผแู้ ทนพระองค์ ถวายไทยธรรมบูชากัณฑ์เทศน์ และทรงทอดผ้าไตรถวายพระสงฆ์ที่เทศน์และสวด ศราทธพรต พระสงฆส์ ดบั ปกรณ์ บรรพชติ จนี และอนมั นกิ ายสวดมาตกิ า สดบั ปกรณ์ ทรงจุดธูปเทียน พระสงฆ์สวดพระอภิธรรมตลอดทั้งคืน รุ่งข้ึนจึงเชิญพระบรมศพ พระศพ ไปยังพระเมรุมาศ พระเมรุ ณ ท้องสนามหลวง ก่อนการถวายพระเพลิง พระราชทานเพลิง พระมหากษัตริย์ถวายพัดรองท่ีระลึก สมเด็จพระสังฆราชหรือ พระสงฆ์ชั้นผู้ใหญ่ท่ีทรงนับถือเทศน์ พระสงฆ์ชั้นผู้ใหญ่หรือพระราชาคณะจ�ำนวน ๕๐ รูป สวดศราทธพรตรับกัณฑ์เทศน์ พระมหากษัตริย์ถวายเครื่องไทยธรรม ทอดผ้าไตร จากน้ันจงึ เสด็จฯ ข้ึนถวายพระเพลิง พระราชทานเพลงิ ตามล�ำดับ เปิดเพลิง เป็นธรรมเนียมการปลงศพที่เริ่มในปลายรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระ จุลจอมเกลา้ เจา้ อยู่หวั เดิมตงั้ แตส่ มัยอยธุ ยา มักจะถวายพระเพลงิ หรอื พระราชทาน เพลงิ ใหเ้ สรจ็ ภายในครง้ั เดยี ว อนั เปน็ ความคดิ ของเจา้ พนกั งานทเ่ี กย่ี วขอ้ งในการเผา ศพหลวงซึง่ พบข้อขดั ข้องเรอ่ื งกลิน่ อนั ไม่พึงประสงคใ์ นการปลงศพ จงึ ไดห้ าวธิ ไี ม่ให้ เกิดความเดือดร้อนแก่ผู้มาร่วมงานจึงเป็นท่ีมาของการ “เผาพิธี” และ “เผาจริง” ซงึ่ งานถวายพระเพลงิ พระบรมศพพระบาทสมเดจ็ พระจลุ จอมเกลา้ เจา้ อยหู่ วั เปน็ งาน ถวายพระเพลิงพระบรมศพพระมหากษตั รยิ ์คราวแรกทไี่ ดร้ ับการ “เปดิ เพลิง” ซ่งึ ได้ ยึดถอื มาถงึ ปัจจบุ ัน ในหมายกำ� หนดการจงึ แบง่ การถวายพระเพลงิ หรอื พระราชทานเพลงิ ออก เป็น ๒ ช่วงเวลาคือ ช่วงบ่ายถึงเย็น และช่วงดึก ดังในพระราชพิธีถวายพระเพลิง พระบรมศพพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัวที่มีการถวายพระเพลิงในเวลา ๑๘ นาฬกิ า ๑๕ นาที (๖.๑๕ ล.ท.) คร้ังหนึ่ง และในเวลา ๒๓ นาฬิกา (๑๑.๐๐ ล.ท.) คร้ังหน่ึง เรียกการถวายพระเพลิงในช่วงเวลาที่สองน้ีว่า “การเปิดเพลิง” ทงั้ นี้ ตงั้ แตง่ านพระราชพธิ พี ระราชทานเพลงิ พระศพสมเดจ็ พระเจา้ พน่ี างเธอ เจา้ ฟา้ 44

ค�ำศพั ท์ทเ่ี กี่ยวเนอื่ งกบั งานพระราชพธิ พี ระบรมศพ พระบาทสมเดจ็ พระปรมินทรมหาภมู ิพลอดลุ ยเดช กัลยาณิวัฒนา กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์เป็นต้นมาได้เปลี่ยนการเปิดเพลิงท่ี พระจติ กาธานมาท่เี ตาไฟฟา้ อนึ่ง ในการถวายพระเพลิงพระบรมศพพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้า เจา้ อยหู่ วั นบั เปน็ คราวแรกทไี่ ดค้ ดั เลอื กประชาชนขน้ึ ถวายพระเพลงิ ตลอดจนนำ� ธปู เทยี นของราษฎรมาประกอบการถวายพระเพลงิ ดว้ ย ซง่ึ ทเี่ หลอื เจา้ พนกั งานภษู ามาลา ไดน้ ำ� มาจดุ ทร่ี าวเทยี นรอบพระเมรมุ าศเพอื่ เปน็ การถวายสกั การะพระบรมศพ เกบ็ พระบรมอฐั ิ พระอฐั ิ เป็นพิธีท่ีกระท�ำข้ึนหลังจากการถวายพระเพลิงพระบรมศพเสร็จสิ้น แล้ว โดยประกอบพิธี ณ พระจิตกาธาน เม่ือเสด็จขึ้นพระเมรุมาศ เจ้าพนักงาน ภูษามาลาเปิดผ้าคลุมพระบรมราชสรีรางคาร ทรงสรงพระบรมอัฐิด้วยน้�ำพระ สุคนธ์ เจ้าพนักงานแจงพระบรมอัฐิ โดยเชิญพระบรมอัฐิ พระบรมราชสรีรางคาร เรียงเป็นล�ำดับให้มีลักษณะเหมือนรูปคน หันพระเศียรไปทางทิศตะวันตก จากนั้นหันพระบรมอัฐิ พระบรมราชสรีรางคารที่แจงไว้มาทางทิศตะวันออกเรียก ว่า แปรพระบรมอัฐิแล้วจึงถวายคลุมด้วยผ้า เช่น พระราชพิธีถวายพระเพลิง พระบรมศพพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ถวายคลุมด้วยผ้า ๓ ชั้น คือ แพรขาว ผ้าตาด และผ้ากรองทอง ทรงจุดเทียนเคร่ืองนมัสการทองน้อย ทรงกราบถวายบังคมพระบรมอัฐิ แล้วเสด็จลงมาประทับพระที่นั่งทรงธรรม ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้เหล่าราชนกิ ุล ขา้ ราชการ เดินสามหาบ ต่อมาเปล่ียน เป็นการท�ำส�ำรับภัตตาหารสามหาบต้ังถวาย พระสงฆ์สดับปกรณ์พระบรมอัฐิ ทรงจดุ ธูปเทยี นเคร่ืองนมัสการทองน้อย ทรงทอดผา้ ไตร สมเด็จพระราชาคณะและ พระราชาคณะสดบั ปกรณ์ ทรงโปรยเหรยี ญทองเหรยี ญเงนิ พระราชทาน เจา้ พนกั งาน ภูษามาลาเปิดผ้าคลุมพระบรมอัฐิ ทรงเก็บพระบรมอัฐิลงสรงในขันทรงพระสุคนธ์ การเกบ็ พระบรมอฐั จิ ะเลอื กเกบ็ แตล่ ะสว่ นของพระสรรี ะอยา่ งละเลก็ นอ้ ย พรอ้ มกนั นนั้ ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้พระบรมวงศานุวงศ์ฝ่ายหน้าฝ่ายในท่ีได้รับพระบรม ราชานญุ าตขนึ้ รบั พระราชทานพระบรมอฐั ไิ ปสกั การบชู า แลว้ ทรงประมวลพระบรม อัฐิบรรจุพระโกศ หลังจากน้ันเชิญพระโกศพระบรมอัฐิไปยังพระที่น่ังทรงธรรม ทรงประกอบพธิ บี ำ� เพญ็ พระราชกศุ ลถวาย สว่ นพระบรมราชสรรี างคารเชญิ ลงบรรจุ ในพระผอบโลหะปิดทองประดิษฐานบนพานทองสองชั้นคลุมผ้าตาดพักรอไว้บน พระเมรุมาศ 45

ค�ำศพั ท์ที่เกย่ี วเนอ่ื งกบั งานพระราชพิธพี ระบรมศพ พระบาทสมเด็จพระปรมนิ ทรมหาภูมิพลอดุลยเดช การเก็บรกั ษาพระบรมอฐั ิ พระอัฐิ การน�ำพระบรมอัฐิ พระอัฐิ ของพระมหากษัตรยิ ์ และพระบรมวงศ์ทถ่ี วาย พระเพลงิ พระราชทานเพลงิ แล้ว บรรจุใสพ่ ระบรมโกศ พระโกศขนาดเล็ก ไปเกบ็ รักษาน้ัน ในสมัยอยุธยามีธรรมเนียมการสร้างพระสถูปเจดีย์เพื่อบรรจุพระบรมอัฐิ และพระอฐั ิตรงที่ถวายพระเพลิง พระราชทานเพลิง และสถานท่ีอ่ืน ๆ ตอ่ มาไดเ้ ชิญ พระบรมอัฐไิ ปบรรจไุ ว้ ณ ทา้ ยจระน�ำพระอโุ บสถวดั พระศรสี รรเพชญ์ ส่วนพระอัฐิ ก็เชญิ บรรจุไว้ในพระเจดียว์ ัดพระศรีสรรเพชญ์ และวัดแหง่ อน่ื ในกรุงศรีอยธุ ยา ในสมัยรัตนโกสินทร์ พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช โปรดเกล้าฯ ให้เชิญพระบรมอัฐิสมเด็จพระปฐมบรมมหาชนกประดิษฐานไว้ ณ หอพระธาตมุ ณเฑียร ในพระบรมมหาราชวงั ในรชั กาลต่อ ๆ มาจึงโปรดเกลา้ ฯ ให้เชิญพระบรมอัฐิสมเด็จพระบรมราชบุพการีประดิษฐาน ณ หอพระบรมอัฐิ บนพระราชมณเฑยี ร รวมทง้ั พระอฐั พิ ระบรมราชวงศช์ นั้ สงู บางพระองค์ สว่ นพระบรมวงศ์ ฝ่ายในที่ทรงศักด์ิเสมอพระองค์เจ้าลูกหลวงท่ีไม่มีเจ้าพ่ีเจ้าน้องท่ีออกวังเป็นส่วน พระองค์โปรดเกล้าฯ ให้เชิญพระอัฐิประดิษฐาน ณ หอพระนาก ในบริเวณวัด พระศรีรตั นศาสดาราม ครั้นถึงรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวโปรดเกล้าฯ ให้เชิญพระบรมอัฐิของพระบรมชนกนาถจากหอพระธาตุมณเฑียรมาประดิษฐาน ณ พระท่ีนงั่ มหศิ รปราสาท ในรัชกาลต่อมาโปรดเกล้าฯ ใหเ้ ชิญกลับไปประดิษฐาน ณ หอพระธาตมุ ณเฑยี รตามเดมิ ครน้ั เมอื่ พระบาทสมเดจ็ พระจลุ จอมเกลา้ เจา้ อยหู่ วั โปรดเกล้าฯ ให้สร้างพระท่ีน่ังจักรีมหาปราสาท จึงโปรดให้จัดชั้นบนภายใต้ ยอดปราสาทองค์กลางเป็นที่ประดิษฐานพระบรมอัฐิสมเด็จพระบรมราชบุพการี ภายหลังจึงเป็นที่ประดิษฐานพระบรมอัฐิของรัชกาลต่อ ๆ มา รวมทั้งพระบรมอัฐิ สมเดจ็ พระอัครมเหสใี นรชั กาลท่ี ๔ และรชั กาลที่ ๕ ส่วนชน้ั บนภายใตย้ อดปราสาท องคต์ ะวนั ตกเปน็ ทป่ี ระดษิ ฐานพระอฐั พิ ระประยูรญาตทิ ่ที รงศักด์ิสูงและใกลช้ ิด 46

ค�ำศพั ท์ทีเ่ กย่ี วเนื่องกบั งานพระราชพิธีพระบรมศพ พระบาทสมเด็จพระปรมนิ ทรมหาภมู พิ ลอดุลยเดช พระโกศพระบรมอฐั ิ พระอฐั ิ คือ ส่ิงที่ท�ำขึ้นส�ำหรับใช้ บรรจพุ ระบรมศพ พระศพ หรอื ศพ และใช้บรรจุพระบรมอัฐิ พระอัฐิ หรืออัฐิ ตัวพระโกศ หรือโกศ จะ มีลักษณะและขนาดต่าง ๆ กัน ตามอิสริยยศ หรือยศ ประกอบ ดว้ ยส่วนตา่ ง ๆ ๕ ส่วน คอื ส่วน ฐานพระโกศ ส่วนองค์พระโกศ ส่วนพระโกศ ส่วนยอดพระโกศ และเครื่องประดับพระโกศ ซึ่งบางคราวอาจจะการมีถอดผลัดเปลี่ยนเคร่ือง ประดับพระโกศเมอื่ เชิญออกประดษิ ฐานในพระราชพิธี นอกจากน้ี ภายในพระโกศ พระบรมอัฐิ พระอัฐิ ยังมพี ระถ้�ำศลิ าทรงพระบรมอัฐิ พระอฐั ิอกี ชนั้ หน่ึง ตามประเพณีการท�ำศพ หลังเสร็จสิ้นงานถวายพระเพลิงพระบรมศพ พระราชทานเพลิงพระศพ หรือเผาศพแล้ว จะมีการเก็บพระบรมอัฐิ พระอัฐิ หรือ อฐั ิ และพระบรมราชสรรี างคาร พระสรรี างคาร หรอื เถา้ กระดกู นำ� ไปบำ� เพญ็ กศุ ลอกี ครงั้ หนงึ่ กอ่ นจะนำ� ไปเกบ็ รกั ษาบชู าณสถานทอี่ นั สมควรเพอ่ื แสดงความเคารพความอาลยั และความกตัญญู สำ� หรับพระบรมอฐั ิ พระอฐั ิ หรอื อัฐิ และพระบรมราชสรีรางคาร พระสรรี างคาร หรอื เถา้ กระดกู สว่ นทเ่ี หลอื มกั นำ� ไปลอยในแมน่ ำ�้ ตามคตคิ วามเชอ่ื ลทั ธิ ฝา่ ยพราหมณซ์ งึ่ เชอื่ วา่ เปน็ การลา้ งบาปแกผ่ วู้ ายชนม์ และเพอื่ ใหไ้ ดไ้ ปสสู่ รวงสวรรค์ ในส่วนพระโกศพระบรมอัฐิ พระอัฐิ น้ัน ขณะท่ีเตรียมงานจะสร้าง พระโกศพระบรมอัฐิ พระอฐั ิ ควบคู่ไปตามโบราณราชประเพณี พระโกศพระบรมอัฐิ พระมหากษตั ริย์ และสมเดจ็ พระอัครมเหสจี ะทำ� ด้วยทองคำ� ลงยาราชาวดี บางสว่ น ประดับเพชร บางส่วนประดับพลอย เช่น ท่ีเฟอื่ ง พมุ่ ยอด และเครื่องประดบั อน่ื ๆ ส่วนพระโกศพระอัฐิของพระบรมวงศานุวงศ์ช้ันสมเด็จเจ้าฟ้าลงมาถึงพระองค์เจ้า ตา่ งกรมชน้ั สมเดจ็ กรมพระยา ทำ� ดว้ ยทองคำ� ลงยา ทงั้ นี้ ในการสรา้ งพระโกศพระบรม อฐั ิ พระอฐั ิ มกั มกี ารจำ� ลองแบบตามอยา่ งทเี่ คยสรา้ งกนั สบื มาตามพระราชประเพณี โดยอาจแตกตา่ งกนั ในส่วนรายละเอยี ด 47

ค�ำศัพทท์ เี่ กยี่ วเนือ่ งกับงานพระราชพธิ พี ระบรมศพ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภมู ิพลอดุลยเดช ภตั ตาหารคาวหวานสามหาบ เดนิ สามหาบ เป็นค�ำท่ีปรากฏในเอกสารเก่าในหมายก�ำหนดการถวายพระเพลิง พระบรมศพ พระราชทานเพลิงพระศพ รวมทั้งในงานปลงศพของสามัญชน ในอดีตกอ่ นการเก็บพระบรมอัฐิ พระอัฐิ ได้จัดพระบรมวงศานวุ งศ์ และข้าราชการ ฝ่ายหน้าออกเป็น ๙ ชุด ชุดละ ๓ คน ท�ำหน้าท่ีถือและหาบส่ิงของต่าง ๆ คนท่ีหน่ึงถือผ้าไตร (ผ้าไตรสามหาบ) น�ำหน้า คนท่ีสองหาบสาแหรกซ่ึงวางตะลุ่ม และเตียบบรรจุภัตตาหารถวายพระสงฆ์ (ภัตตาหารสามหาบ) คนที่สามถือหม้อ ข้าวเชิงกรานซึ่งเป็นเตาไฟส�ำหรับตั้งหม้อหุงต้มในสมัยโบราณ ในหม้อใส่ข้าวสาร พริก หอม กระเทียม กะปิ ฯลฯ เดินเวียนรอบพระเมรุมาศ พระเมรุโดยอุตราวัฏ (เวียนซ้าย) ๓ รอบ จากนั้นพระมหากษัตริย์เสด็จฯ ขึ้นบนพระเมรุมาศ พระเมรุ ทรงทอดผา้ ไตรสามหาบบนผา้ ทถ่ี วายคลมุ พระบรมอฐั ิ พระอฐั ิ สมเดจ็ พระราชาคณะ พระราชาคณะขึ้นสดับปกรณ์บนพระเมรุมาศ พระเมรุ จากนั้นทรงเกบ็ พระบรมอัฐิ พระอัฐิเป็นที่เรียบร้อยแล้ว เสด็จฯ ยังพระที่นั่งทรงธรรม ทรงประเคนภัตตาหาร สามหาบแด่สมเด็จพระราชาคณะ พระราชาคณะท่ีสดับปกรณ์ผ้าไตร เมื่อรับ พระราชทานฉนั เสรจ็ แลว้ พระสงฆท์ ง้ั นน้ั ถวายอนโุ มทนา ถวายอดเิ รก ถวายพระพรลา 48

ค�ำศัพท์ทเ่ี กีย่ วเน่ืองกบั งานพระราชพธิ พี ระบรมศพ พระบาทสมเด็จพระปรมนิ ทรมหาภมู พิ ลอดุลยเดช ทั้งน้ีในพระราชพิธีปัจจุบันยกเลิกการเดินสามหาบรอบพระเมรุมาศ พระเมรุ คงไว้แต่เพียงการถวายผ้าไตรสามหาบก่อนเก็บพระบรมอัฐิ พระอัฐิ และ ถวายภตั ตาหารสามหาบเมอื่ เชญิ พระโกศพระบรมอฐั ิ พระอฐั มิ าประดษิ ฐานบนบษุ บก เหนือพระแท่นแว่นฟ้าทอง ณ พระท่ีนั่งทรงธรรม โดยภัตตาหารสามหาบจัดตาม พระเกยี รตยิ ศคอื พระมหากษตั รยิ ์ สมเดจ็ พระบรมราชนิ ี จดั ๓ ชดุ (เกา้ สำ� รบั ) ชนั้ เจา้ ฟา้ จดั ๒ ชดุ (หกส�ำรบั ) ชน้ั พระองค์เจา้ จดั ๑ ชุด (สามสำ� รับ) พระบรมราชสรีรางคาร คอื เถา้ ถา่ นทปี่ ะปนกบั พระบรมอฐั ชิ นิ้ เลก็ ชน้ิ นอ้ ยของพระบรมศพพระมหา กษตั รยิ ์ สมเดจ็ พระบรมราชนิ ี และสมเดจ็ พระบรมราชบพุ การที เ่ี ผาแลว้ ซงึ่ อาจเรยี ก วา่ พระสรรี างคาร ตามล�ำดับพระอิสรยิ ยศของพระบรมวงศ์ และเรียกว่า อังคาร สำ� หรับสามัญชน การลอยพระบรมราชสรรี างคาร พระสรรี างคาร หมายถึง การเชิญพระบรมราชสรีรางคาร พระสรีรางคาร (เถ้าถ่านของ พระบรมศพ พระศพ ที่ถวายพระเพลิง พระราชทานเพลิงแล้ว) น�ำไปลอยใน แม่น�้ำ สันนิษฐานว่า เป็นคติการปลงศพด้ังเดิมของชาวฮินดูในประเทศอินเดีย ท่ีนิยมท้ิงธาตุลงในแม่น�้ำใหญ่หรือทะเล ซ่ึงไทยรับอิทธิพลความเชื่อน้ีมาโดยเฉพาะ ธรรมเนียมฝ่ายราชส�ำนักมาแต่คร้ังกรุงศรีอยุธยาเป็นอย่างน้อย และปฏิบัติสืบมา ในสมัยรัตนโกสินทร์ โดยหลังจากถวายพระเพลิงพระบรมศพ พระราชทานเพลิง พระศพ และเกบ็ พระบรมอฐั ิ พระอฐั แิ ลว้ เจา้ พนกั งานจะเชญิ พระบรมราชสรรี างคาร พระสรีรางคารลงในถุงผ้าสีขาวประดิษฐานบนพาน แต่เดิมมีการเตรียมก้อนศิลา ๓ กอ้ นลงรักปดิ ทอง นาก และเงนิ ใส่ในถงุ ลอยเพื่อถ่วงใหจ้ มลง ทงั้ น้ี ข้ันตอนการ เตรียมอุปกรณ์น้ี ปรับเปล่ียนไปตามกาลสมัย เมื่อบรรจุพระบรมราชสรีรางคาร พระสรีรางคาร ลงในถุงและวางบนพานแล้วเสร็จ จะมีพิธีเชิญซึ่งอาจเป็นขบวน ใหญ่แหท่ างสถลมารคจากพระเมรุสเู่ รอื พระทน่ี ัง่ หรอื อาจเป็นขบวนขนาดย่อมตาม แตก่ รณี อนงึ่ ในสมัยอยธุ ยานยิ มเชิญพระบรมราชสรรี างคาร พระสรีรางคารลอยท่ี วดั พุทไธสวรรย์ หรือวดั ไชยวฒั นาราม สว่ นในสมัยรัตนโกสนิ ทร์นำ� ไปลอยท่ีวัดปทมุ คงคา หรือวัดยานนาวา สนั นิษฐานวา่ เน่อื งจากนามของวัดท้ังสองเป็นสิรมิ งคลและ สอดคลอ้ งกับคติธรรมเนียมเดิม 49

คำ� ศัพทท์ ีเ่ กย่ี วเน่อื งกบั งานพระราชพธิ ีพระบรมศพ พระบาทสมเด็จพระปรมนิ ทรมหาภูมิพลอดุลยเดช การบรรจพุ ระบรมราชสรีรางคาร เป็นขั้นตอนสุดท้ายในพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพของ พระมหากษตั รยิ ์ สมเดจ็ พระบรมราชบพุ การี และสมเดจ็ พระบรมราชนิ ี เกดิ ขนึ้ ครงั้ แรก ในคราวพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้า เจ้าอยู่หัว เมื่อพ.ศ. ๒๔๕๔ โดยพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว โปรดเกล้าฯ ให้ยกเลิกธรรมเนียมการลอยพระบรมราชสรีรางคาร และโปรดให้ เชญิ พระบรมราชสรรี างคารมาประดิษฐาน ณ รัตนบัลลังก์พระพุทธชินราช ภายใน พระอโุ บสถวดั เบญจมบพติ รดสุ ติ วนาราม จงึ กลายเปน็ ธรรมเนยี มในการเชญิ พระบรม ราชสรีรางคาร พระสรีรางคารไปประดิษฐานในสสุ านหลวงหรอื สถานที่อนั ควรแทน โดยเจ้าพนักงานจะเชิญพระบรมราชสรีรังคารจากสถานที่ท่ีพักไว้แล้วตั้งขบวน พระบรมราชอิสริยยศไปยังสถานที่บรรจุอันเหมาะสม อย่างไรก็ดี ยังคงมีการเชิญ พระสรรี างคารของเจ้านายบางพระองค์ไปลอยน�้ำบ้าง แตไ่ ม่เปน็ ทนี่ ิยม ศลิ าหนา้ เพลงิ คือ หินเหล็กไฟ ที่ใช้เหล็กสับกับหินให้เกิดประกายไฟ โดยมีดินปะทุ เป็นเช้ือให้ติดไฟง่าย แล้วทรงจุดเทียนพระราชทานแก่เจ้าพนักงาน หากแต่การใช้ หินเหล็กไฟไม่สะดวก ในสมัยต่อมาพระมหากษัตริย์จึงทรงใช้พระแว่นสูรยกานต์ ส่องกับแสงอาทิตย์ให้เกิดไฟ แล้วจึงน�ำเอาเพลิงนั้นจุดถวายพระเพลิงพระบรม ศพหรือพระศพ ซ่ึงสันนิษฐานว่า การจุดเพลิงด้วยวิธีการดังกล่าวเป็นวิธีเดียวกับ การจุดเพลิงไฟฟ้าเพ่ือถวายพระเพลิงพระบรมศพสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวบรมโกศ ที่ปรากฏในค�ำให้การขุนหลวงหาวัด ซ่ึงธรรมเนียมดังกล่าวยังคงปฏิบัติสืบมา ในการถวายพระเพลิงเจ้านาย ดังในคราวถวายพระเพลิงพระบรมศพสมเด็จพระศรี นครินทราบรมราชชนนี พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ทรงส่องพลังความร้อนจากแสงอาทิตย์ด้วยพระแว่นสูรยกานต์แล้วให้เจ้าพนักงาน ต้งั แต่งมณฑปส�ำหรบั เลี้ยงเพลิงไว้ แล้วเชญิ มายงั พระเมรุมาศ ในปจั จบุ นั ทรงพระกรณุ าโปรดเกลา้ ฯ ใหน้ ำ� ไฟทเ่ี กดิ จากพระแวน่ สรู ยกานต์ ไปจุดเลี้ยงไว้ที่พระอุโบสถวัดพระศรีรัตนศาสดาราม เมื่อมีผู้มาขอไฟพระราชทาน จะทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้เจ้าพนกั งานส�ำนักพระราชวังเชิญ “ไฟหลวง” มา พระราชทานเพลิงศพผ้นู ้ันตอ่ ไป 50