Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore ทิศ 6 : หนังสือสอนพระพุทธศาสนาแก่เด็ก

ทิศ 6 : หนังสือสอนพระพุทธศาสนาแก่เด็ก

Description: เป็นหนังสือที่ประกอบด้วยเนื้อหาธรรมะและเรื่องต่างๆ เกี่ยวกับพระพุทธศาสนา เหมาะแก่การอ่าน ศึกษา ค้นคว้าและเป็นธรรมบันเทิงและการพัฒนาจิตใจทั้งเด็กและผู้ใหญ่ โดยผู้ใหญ่สามารถถ่ายทอดให้ลูกหลานนำไปปฏิบัติให้เกิดผลดีในชีวิตได้.

Search

Read the Text Version

“ã¹µÇÑ àÃÒ¤¹à´ÕÂǹÕáè ËÅÐ ·ÈÔ ö ˹§Ñ Ê×ÍÊ͹¾Ãо·Ø ¸ÈÒʹÒá¡à‹ ´¡ç ÊÒÁÒö¡ÅºÑ à»ÅÕ蹰ҹР¾ÃФÃÇÙ Ô¨µÔ øÃÃÁ¤Ø³ (ÇÒȹ ¹ÅÔ »ÃÐÀÒ) Ç´Ñ ÃÒªº¾Ô¸ áµ§‹ ໚¹·ÈÔ ¹éÕºŒÒ§¡äç ´Œ ·ÈÔ ¹Ñ鹺ŒÒ§¡äç ´Œ µÒÁ˹Ҍ ·ÕèËÃÍ× ¡Òçҹ ·ÕèàÃÒ¡ÃзÓàÊÁÍä» äÁ‹¤§·»Õè ÃШӵÒµÑÇÍ‹äÙ ´Œ ”

˹ѧÊÍ× Ê͹¾Ãо·Ø ¸ÈÒʹÒá¡‹à´ç¡ ¾ÃФÃÇÙ ¨Ô µÔ øÃÃÁ¤Ø³ (ÇÒȹ ¹ÔÅ»ÃÐÀÒ) Ç´Ñ ÃÒªº¾¸Ô áµ§‹ ä´ÃŒ Ѻ¾ÃÐÃÒª·Ò¹ÃÒ§ÇÅÑ ·Õè ñ 㹡ÒûÃСǴ»ÃÐ¨Ó ¾Ø·¸È¡Ñ ÃÒª òô÷ô สมเดจ็ พระเทพรตั นราชสดุ า ฯ สยามบรมราชกุมารี ทรงพระกรุณาโปรดเกลาฯ ใหพ มิ พพระราชทาน พทุ ธศักราช ๒๕๕๗





ทศิ ๖ หนังสอื สอนพระพุทธศาสนาแก่เด็ก พระครูวิจิตรธรรมคณุ (วาศน์ นิลประภา) วัดราชบพธิ แตง่ ได้รบั พระราชทานรางวลั ท่ี ๑ ในการประกวดประจำ�พุทธศักราช ๒๔๗๔

“...การศึกษาคือการพัฒนาคนพัฒนาชาติ ให้คนมีความรู้ที่ จะสามารถสรา้ งตนใหม้ ฐี านะทางเศรษฐกจิ และสงั คมสงู ขน้ึ สรา้ งชาติ ให้อยู่อย่างมีความสุขและรุ่งเรืองได้ เราพูดว่าจะต้องพัฒนาคนให้มี ความรู้ โดยเฉพาะอยา่ งยิ่งในทศวรรษหน้านน้ั เราต้องรู้อะไร คำ�ตอบ คงมีหลายอยา่ ง น่าจะมีดังน้ี ประการแรก เรียนรู้ให้อ่านออกเขียนได้เพื่อจะได้รู้และแพร่ ข่าวสารได้ บางคนเรียนไปแล้ว แต่ก็ยังไม่สามารถอ่านออกเขียนได้ กต็ ้องพยายามฝึกฝนตอ่ ไป ประการท่ีสอง เรียนรู้ให้มีอาชีพ คือสามารถทำ�งานเล้ียงตัวได้ ใหม้ คี วามเชยี่ วชาญในวชิ าชีพ และรู้จกั ปรบั ปรุงพัฒนาความรูข้ องตน ให้ดขี ึน้ ประการที่สาม รู้จักดำ�รงตนให้สมฐานะความเป็นมนุษย์ ข้อน้ี พูดเป็นธรรมได้ยาก สรุปส้ันๆ อยู่อย่างสมคุณค่าความเป็นมนุษย์ มี ศักดศิ์ รี ทำ�สง่ิ ทีเ่ ป็นประโยชน์ รู้จกั ใชช้ วี ิตให้มคี ณุ ค่า ใช้สติคิดพินิจใน การด�ำ รงตน...

ประการที่สี่ การมีคุณธรรมกำ�กับความรู้ เพื่อให้อยู่ร่วมกัน ในสังคมนี้ได้ เช่น การไม่เอาเปรียบกันจนเกินไป การปฏิบัติตาม กฎหมายหรอื กฎเกณฑ์ การมีวนิ ัยในตนเอง และการมีหลกั การด�ำ รง ชีวิตอยา่ งมน่ั คงปลอดภยั ... ประการทห่ี า้ ตอ้ งสามารถทจ่ี ะปรบั ตวั ใหเ้ ขา้ กบั ผอู้ น่ื ได้ มคี วาม เข้าใจผู้อ่ืน สามารถขจัดหรือลดความขัดแย้ง ซึ่งเป็นฐานเบื้องต้น ในการแก้ไขข้อขัดแย้งและสร้างสันติภาพท้ังในระดับประเทศและ ระดบั ประชาคมระหวา่ งประเทศสบื ตอ่ ไป... ประการท่ีหก ต้องมีความรู้ท่ีจะประหยัดและใช้ทรัพยากรได้ อย่างมีประสิทธิภาพ ไม่ทำ�ลายสิ่งแวดล้อม เป็นเรื่องสำ�คัญของ ทศวรรษ ศตวรรษ และสหสั วรรษหนา้ …” สมเดจ็ พระเทพรัตนราชสดุ า ฯ สยามบรมราชกุมารี ทรงบรรยายในหวั ข้อ “แนวโน้มการจัดการเรียนการสอน เพ่ือการเรียนร้ใู นทศวรรษหน้า” ในการสมั มนาทางวชิ าการเรอ่ื ง “เทคโนโลยีเพ่ือการเรยี นรูใ้ นทศวรรษหนา้ ” ณ โรงแรม บพี ี สมิหลา จังหวดั สงขลา วนั ที่ ๒๓ กันยายน พ.ศ. ๒๕๔๒ จากหนังสือ รัตนพินจิ นทิ ศิ การศกึ ษา พ.ศ. ๒๕๔๒

พระพุทธชินราช วดั พระศรีรตั นมหาธาตุ วรมหาวหิ าร จงั หวดั พษิ ณโุ ลก

ค�ำ น�ำ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา ฯ สยามบรมราชกุมารี มีพระ- ราชประสงค์ที่จะให้เด็กไทยสนใจศึกษาพระพุทธศาสนาให้มากข้ึน จึงมีพระราชบัญชาให้คัดเลือกหนังสือท่ีชนะการประกวดหนังสือ สอนพระพุทธศาสนาแก่เด็ก ท่ีพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรง พระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้พิมพ์พระราชทานในงานพระราชพิธี วิสาขบูชา นับต้ังแต่ปีพุทธศักราช ๒๔๗๒ มาจัดพิมพ์ใหม่ เพ่ือ พระราชทานใหแ้ ก่โรงเรียนและหอ้ งสมดุ ต่างๆ สำ�นักงานโครงการสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา ฯ สยาม บรมราชกุมารี ได้คัดเลือกหนังสือที่ได้รับพระราชทานรางวัลที่ ๑ พทุ ธศกั ราช ๒๔๗๔ เรอ่ื ง ทิศ ๖ ซ่งึ แต่งโดย พระครวู จิ ติ รธรรมคุณ (วาศน์ นิลประภา) วดั ราชบพธิ มาจัดพิมพ์ใหม่ โดยมีการปรบั ปรงุ รูปแบบการพิมพ์เพื่อให้น่าสนใจและเหมาะสมต่อเด็กและเยาวชน มากย่ิงข้ึน แต่ยังคงเนื้อหาสาระไว้ตามต้นฉบับเดิม และหวังเป็น อย่างยิ่งว่าหนังสือน้ีจะเป็นประโยชน์ต่อเด็ก เยาวชน และผู้สนใจ ทั่วไป สมตามพระราชประสงค์ของสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา ฯ สยามบรมราชกุมารี สำ�นกั งานโครงการ สมเดจ็ พระเทพรัตนราชสุดา ฯ สยามบรมราชกมุ ารี พทุ ธศักราช ๒๕๕๗



สารบัญ ทิศ ๖ ๙ บทท่ี ๑ ปุรัตถมิ ทศิ บดิ ามารดา ๑๕ บทที่ ๒ ทักษิณทิศ ครอู าจารย์ ๒๗ บทที่ ๓ ปจั ฉมิ ทศิ สามี ภรยิ า ๓๕ บทท่ี ๔ อุตตรทิศ เพือ่ น ๔๑ บทท่ี ๕ เหฏฐิมทศิ บ่าวไพร่ ๔๗ บทที่ ๖ อุปรมิ ทศิ ภกิ ษุ สามเณร ๕๓ บทเบ้อื งปลาย ๖๑



๖ทศิ บทเบอ้ื งต้น เด็กๆ คงรู้จักพระอาทิตย์ที่ขึ้นมาเวลาเช้า และคอยเขยิบ สูงข้ึนข้ามศีรษะตกไปในเวลาเย็น ถ้าให้ใครคนหน่ึงยืนกางแขน ผินหน้าไปทางท่ีพระอาทิตย์ข้ึนมา ด้านข้างหน้าท่ีมองเห็น พระอาทติ ยน์ นั้ เขาเรียกกนั วา่ ทศิ ตะวันออก เพราะพระอาทติ ย์ โผลข่ ึ้นมาทางน้ันก่อนทกุ วนั ด้านขา้ งหลงั เปน็ ทางที่พระอาทิตย์ ตกหายไป เขาเรยี กว่า ทิศตะวนั ตก ด้านข้างมอื ซ้าย เขาเรียกว่า ทิศเหนือ ด้านข้างมือขวา เขาเรยี กว่า ทิศใต้ 9

ทศิ ทั้ง ๔ นี้ เปน็ ทศิ ส�ำคัญ ท่ีเขาแบง่ แยกละเอยี ดออกไป อีกเปน็ ๘ ทิศ ๑๖ ทศิ ก็ยงั มี ทศิ เหล่านี้ คนแตก่ ่อนบางพวกเขา ถือว่ามีเทวดารักษาประจ�ำทิศ ต่ืนขึ้นเช้าเขามักกราบไหว้ทิศ เหล่าน้ี เป็นการเคารพบูชาเทวดาประจ�ำทิศ เพราะอยากให้ เทวดารักใครส่ งสาร ต่อมาคร้ังพระพุทธเจ้าของเราเที่ยวเทศน์ส่ังสอนคนท่ัวไป มีเร่ืองเล่าว่า คราวหนึ่งเมื่อท่านจ�ำพรรษาอยู่วัดเวฬุวัน(๑) เคียง เมืองราชคฤห์ วันหนง่ึ เวลาเช้า โอม นมัสการ ทรงเหน็ เดก็ ชาย คนหนงึ่ ช่อื สิงคาล น่งุ ผ้าเปยี ก หม่ ผา้ เปียก ก�ำลังกราบไหว้ทิศเหลา่ นั้น จึงตรัสถามว่า เจ้าท�ำอะไร เด็กชายสงิ คาลตอบว่า ไหว้ทิศขอรับ ท่านถามอีกว่า ไหว้ทิศท�ำไม เขาตอบว่า เม่ือบิดาของผม จะตาย ท่านไดส้ ัง่ วา่ ให้ไหว้ทศิ กระผมจงึ ท�ำตามค�ำบิดาสัง่ ขอรับ จงึ ตรสั วา่ การไหวท้ ศิ ของพวกเราไมท่ �ำกนั อยา่ งนี้ เดก็ ชายสงิ คาล แปลกใจ อยากรเู้ ร่ือง จึงอ้อนวอนขอใหท้ า่ นชีแ้ จงให้ฟงั (๑) แปลว่า วัดปา่ ไผ่ มพี สิ ดารในสิงคาโลวาทสตู ร ทีฆนิกาย ปาฏกิ วคั ค์ 10

พระพุทธเจ้า ท่านเป็นผู้ฉลาดเฉลียว เข้าใจสั่งสอนดีนัก ช้ันแรก ทรงอธิบายถึงความประพฤติที่ควรท�ำ และไม่ควรท�ำ อยา่ งอื่นๆ(๑) ใหเ้ ด็กชายสงิ คาลฟงั เพลนิ เสยี ก่อน ภายหลังจงึ จดั เอาคนท่ีคนทุกๆ คน มักเกี่ยวข้องอาศัยช่วยเหลือกันได้ มา เปรียบเทยี บให้เหมือนกบั ทิศตา่ งๆ คอื ทศิ ตะวันออก(๒) นน้ั เปรียบไดแ้ ก่ บดิ ามารดา เพราะบดิ า มารดาเปน็ ผมู้ บี ญุ คณุ ไดเ้ ลยี้ งดลู กู มากอ่ นคนอนื่ เหมอื นพระอาทติ ย์ ท่ีโผลข่ ึ้นมาทางด้านทศิ ตะวนั ออกกอ่ น ฉะนัน้ ทิศใต้(๓) เปรียบได้แก่ ครูอาจารย์ เพราะครูอาจารย์เป็น ผู้แนะน�ำส่ังสอนศิษย์ รองต่อจากบิดามารดาอีกที ทิศใต้อยู่ข้าง มือขวา มือขวาเป็นมือถนัดเขียนหนังสือ หรือท�ำการอย่างอื่น โดยมาก จึงเปรียบไดแ้ กค่ รูอาจารย์ ทศิ ตะวนั ตก(๔) เปรียบไดแ้ ก่ สามี ภรยิ า เพราะเป็นผู้ท่ีจะมี มาทหี ลงั เมอ่ื คนเราเตบิ โตขนึ้ เป็นผใู้ หญ่ ทิศเหนือ(๕) เปรียบได้แก่ เพื่อน เพราะทิศเหนืออยู่ข้าง มือซ้าย มอื ซา้ ยเปน็ มอื ทช่ี ่วยข้างขวาท�ำอะไรไดบ้ า้ ง (๑) ดูพสิ ดารในสิงคาโลวาทสตู ร (๒) ปุรัตถิมทิศ แปลวา่ ทิศเบ้ืองหนา้ (๓) ทกั ษิณทิศ แปลว่า ทิศเบ้อื งขวา (๔) ปัจฉิมทศิ แปลว่า ทศิ เบื้องหลัง (๕) อตุ ตรทศิ แปลวา่ ทิศเบอ้ื งซ้าย 11

และมใิ ชเ่ พยี ง ๔ ทศิ นเ้ี ทา่ นน้ั ทา่ นยงั จดั เพมิ่ ขน้ึ อกี ๒ ทศิ คอื ทิศเบื้องต�่ำ(๑) เปรียบได้แก่ บ่าวไพร่ เพราะเป็นผู้มีฐานะ พนื้ เพต�่ำกว่านายๆ เขาใช้สอยบงั คบั ได้ บ่าวจะใช้สอยนายไม่ได้ ทิศเบื้องบน(๒) เปรียบได้แก่ ภิกษุ สามเณร(๓) ผู้รักษาศีล ประพฤติความดี รวมเป็นทิศท่ีพระพุทธเจ้าเปรียบเทียบไว้ ๖ ทิศด้วยกัน ดังนี้ เม่ือพระพุทธเจ้าเทียบเคียงคนให้เหมือนกับทิศดังนี้แล้ว ยังได้อธบิ ายถงึ วธิ หี น้าท่ีทเี่ ก่ียวข้องกันเปน็ ทิศๆ ไวอ้ ีก เช่น บิดา มารดากับลูก มีหน้าท่ีเก่ียวข้องกันอย่างไร เป็นต้น แต่จะเอาไว้ เล่าใหฟ้ งั ในบทตอ่ ไป (๑) เหฏฐมิ ทศิ (๒) อปุ รมิ ทิศ (๓) ในพระสตู รว่า สมณพราหมณ์ 12

พอพระพทุ ธเจ้าอธิบายทิศและหน้าทว่ี ธิ ี ซึ่งเปรยี บเหมือน การกราบไหว้ทิศจบแล้ว เด็กชายสิงคาลชอบใจมาก ลุกขึ้น ท�ำความเคารพ แสดงตัวว่าเป็นผู้นับถือพระพุทธเจ้า ว่าเป็น (พระศาสดา) ของตน(๑) ยอมเป็นศิษยต์ ้ังแตน่ ้นั มา เราได้อ่านรู้เร่ืองของพระพุทธเจ้าเพียงนี้ พอสังเกตได้ว่า ท่านฉลาดมากทเี ดียว เขา้ ใจเปรยี บเทียบให้เห็นงา่ ย ดซู ิ คนพวก อน่ื ๆ เขานิยมไหว้ทิศกัน ท่านก็อธิบายคลอ้ ยตามวา่ ควรไหว้ทศิ เหมอื นเชน่ นนั้ แตแ่ ทนทจ่ี ะใหไ้ หวท้ ศิ ตา่ งๆ เปลา่ ๆ ทา่ นกลบั หมาย เอาคนท่ีต้องเก่ียวข้องช่วยเหลือกันยกข้ึนเป็นทิศแทน เพราะ ดกี วา่ ไหวท้ ศิ จรงิ ๆ มาก ท�ำใหเ้ กดิ ความรกั ความเอน็ ดตู อ่ กนั และกนั ดขี น้ึ ช่วยเหลือกันไดต้ ามสามารถ และไมใ่ ชเ่ พยี งยกเอาคนขึน้ มาเปรยี บเปน็ ทิศเฉยๆ เท่านน้ั ทา่ นยงั อธบิ ายแยกหนา้ ทท่ี คี่ วรประพฤตติ อ่ กนั ไวอ้ กี อยา่ งละเอยี ด ใหพ้ วกเราไดร้ ู้ ไดป้ ระพฤตติ าม นเ่ี ปน็ เครอื่ งแสดงถงึ พระคณุ ของ พระพทุ ธเจ้าทีม่ ีแกพ่ วกเราย่งิ นัก เรานับถือเคารพบชู ากราบไหว้ รูปของทา่ น (พระพทุ ธรปู ) แล้ว นึกถึงคณุ ความดีของท่านเช่นน้ี เสมอ จะชวนให้เราอยากท�ำตามเร่ืองท่ีท่านส่ังสอนมากขึ้นอีก จักชื่อว่าเป็นคนดี เพราะคนท่ีประพฤติตามค�ำสอนของท่าน ไมเ่ ปน็ คนเลวเลย. (๑) เรียกวา่ การแสดงตนเปน็ พุทธมามกะ 13

ค�ำ ถามประจำ�บท ๑. คนแต่ก่อน เขาไหว้ทศิ ท�ำ ไม ? ๒. ๓. พระพทุ ธเจา้ พดู ถึง ทิศของพระพุทธเจา้ การไหว้ทิศให้ใครฟัง ? คืออะไร ? ๔. พระพทุ ธเจา้ เปรยี บทิศ ของท่านกบั ทศิ เดมิ ตรงกัน อยา่ งไร ? 14

บ๑ทที่ ปุรัตถมิ ทิศ บดิ ามารดา เราทกุ คนทเี่ กดิ มาลว้ นตอ้ งอาศยั เกดิ จากบดิ ามารดาทงั้ นน้ั ซำ้� ตอ้ งอาศยั บดิ ามารดาประคบั ประคองเลย้ี งดมู ากอ่ นดว้ ย จงึ คอ่ ย เตบิ โตขน้ึ ได้ ถงึ ผทู้ เี่ ปน็ ก�ำพรา้ กย็ งั ไดอ้ าศยั การเลยี้ งดจู ากหมญู่ าติ พ่ีน้องบ้าง หรือจากท่านผู้มีเมตตากรุณารับเลี้ยงดูบ้าง ผู้ท่ีเป็น ก�ำพรา้ จงึ ควรเคารพนบั ถอื ผทู้ เี่ ลยี้ งดตู นมาใหเ้ หมอื นกบั บดิ ามารดา ของตนทเี ดยี ว บิดามารดาเป็นคนส�ำคัญที่สุดของลูก เราเกิดมาคร้ังหนึ่ง ก็มีบิดามารดาได้ ๒ คนนี้เท่านั้น ไม่มีแทนอีก และเมื่อพูดถึง 15

ความรักกันแล้ว ใครจะมารักเราเท่ากับบิดามารดาเป็นไม่มี คิดดูเถิด ถ้าท่านไม่รักใคร่เราแล้ว ท่านจะคอยป้อนข้าวป้อนน�้ำ ขับกลอ่ มให้หลบั นอนเมอื่ เรายังเลก็ อยู่ท�ำไม ทา่ นจะหาเส้อื ผา้ ใหเ้ ราน่งุ ห่ม วันนเี้ ปน็ วันเกิด ดีใจจังจะได้ หาขนมใหร้ ับประทาน ของพน่ี ะ กนิ เคก้ แล้ว เมื่อค่อยโตขึ้นท�ำไม ทา่ นจะสัง่ สอนตักเตอื นเราท�ำไม ทา่ นจะให้เราเรียนหนังสือท�ำไม ไมใ่ ชเ่ พราะทา่ นรกั ใคร่เรา สงสารเราดอกหรอื ท่านย่อมเป็นห่วงคิดถึงเรา กลัวเราจะไม่สบายในขณะ วิ่งเล่นกร�ำแดดกร�ำฝนบ้าง ถูกใครข่มเหงในเวลาเล่นกับเพื่อน เกเรบ้าง ไดร้ ับอันตรายอย่างอน่ื เชน่ กลับจากโรงเรียนถกู รถชน คนวิง่ ราวบา้ ง ความเป็นห่วงของบิดามารดาด้วยไม่อยากให้ลูกล�ำบาก ตอ้ งการใหม้ แี ตค่ วามสบาย มวี ชิ าความรู้ ความประพฤตดิ ี เหลา่ นี้ ไมม่ เี วลาหมดสญู หายจากใจทา่ นเลย ถงึ ทา่ นจะโกรธเคอื งอยา่ งไร ถา้ เราออ้ นวอนขอโทษทา่ น ไมช่ า้ กด็ อี ยา่ งเดมิ ทส่ี ดุ เมอื่ เราเตบิ โต ขึ้น ท่านกลบั เปน็ หว่ งเอาใจใส่ดูแลมากข้นึ อกี 16

การที่ท่านเลี้ยงดูเป็นหว่ งเรานแี่ หละนบั วา่ เปน็ บุญคุณของ ท่านท่ีมีอยู่แก่เราผู้เป็นลูกยิ่งนัก เพราะฉะน้ัน เราควรจ�ำหัวข้อ ใหร้ ู้ว่า บดิ ามารดามคี ุณ(๑) แก่เราอยา่ งไรเสียกอ่ น ดังต่อไปน้ี ๑. บดิ ามารดาของเราทา่ นไดเ้ ลยี้ งดู ใหอ้ ะไรตอ่ อะไรแกเ่ รา ด้วยความเอ็นดูรกั ใคร่สว่ นหน่งึ แล้วยังไม่พอเพยี งเทา่ นี้ ทา่ นยังคอยหา้ มปรามเรา เลน่ มีดไม่ได้นะ...! ไม่ใหท้ �ำ ไมใ่ หเ้ ล่น เดี๋ยวจะพลาด ในส่ิงทไ่ี ม่ดี เช่น โดนมือโดนแขน ท่านห้ามไม่ให้ซน เล่นมดี เลน่ ไฟบา้ ง ไม่ให้รังแกคนอ่นื ไม่ใหด้ า่ ใครโกหกใครบา้ ง ไม่ให้ขเ้ี กยี จเรยี นหนังสือบา้ งเหล่าน้ี เพราะข้อที่ท่านห้ามน้ัน เราท�ำเข้าแล้วจะเป็นการไม่ดี มแี ตค่ นอ่ืนเขาเกลียด ท่านเปน็ ผู้ใหญเ่ คยพบเหน็ มากอ่ น จึงคอย ระวังตักเตือนเราอยู่เสมอเช่นนี้ เราต้องเชื่อท่านอย่าด้ือฝ่าฝืน ค�ำห้าม ๒. ท่านห้ามเราแล้ว ท่านก็สอนเรา แนะน�ำเราให้เราเป็น คนดี (๑) ในพระสตู รกลา่ วบตุ รพงึ บ�ำ รุงกอ่ น ท่ีเรยี งกลับกันนี้เพ่ือสะดวกแกเ่ รอื่ ง 17

พอ่ จะสอนให้ รู้จกั พูดจาออ่ นหวาน รู้จักการเคารพกราบไหว้ อา่ นนทิ านนะ ร้จู ักพ่ปี า้ น้าอา รจู้ ักนุง่ ห่ม ตลอดจนรจู้ ัก อา่ นหนังสอื เหลา่ น้ีเป็นตน้ เรารักท่าน ต้องประพฤติตามค�ำสอนของท่าน ถ้าเราดื้อ หวั รนั้ ไมเ่ ชอ่ื ฟงั ทา่ นกช็ อ่ื วา่ เราไมร่ กั บดิ ามารดากลบั จะถกู ท�ำโทษ อกี ด้วย ๓. พอเราโตขึ้นพูดจาชัด ท่านมักเร่ิมหัดสอนให้เราอ่าน หนังสือ ท่านสอนเองบ้าง ให้คนอื่นสอนบ้าง พอสมควรก็มักให้ เขา้ โรงเรยี น เพราะหนงั สอื เปน็ เบอื้ งตน้ ของความรอู้ น่ื ๆ ถา้ เราไมร่ ู้ หรอื รเู้ พยี งเล็กนอ้ ย ก็นบั วา่ เราโง่ เมอ่ื โตข้นึ เป็นผู้ใหญ่ จะท�ำมา หากินล�ำบาก ยากๆ จนๆ คนท่ีมวี ชิ าความรไู้ ด้เลา่ เรยี นไว้มากๆ หากินง่าย รวยเงินรวยทองเร็ว มยี ศมีศักดิ์มีคนนบั ถอื การท่ีบดิ ามารดา ต้งั ใจเรียนนะลกู ใหเ้ ราเรียนหนังสอื โตข้ึนจะได้เปน็ หาความร้นู ี้ เจา้ คนนายคน เหมือนกบั ท่าน ให้แก้วสารพดั นกึ แก่เรา หรอื ยกทรพั ยส์ มบัติสว่ นหน่ึง ใหแ้ กเ่ รา เปน็ สมบตั ติ ิดตวั ไม่มีใครขโมยได้ 18

ควรเราจะต้องขยันเรียนเสียแต่ยังเล็กๆ จะได้มีเวลาเรียน มาก โตเสยี แล้วเรยี นล�ำบาก ๔. หากวา่ เมือ่ เราโตขึ้นเลิกเรียนแล้ว มอี ายมุ ากนับว่าเป็น ผู้ใหญพ่ อจะหากินเลย้ี งตัวเองได้ ท่านก็มักจะเป็นธรุ ะจดั หาสามี ภริยา ทีเ่ หน็ ว่าสมควรตบแตง่ ใหเ้ ปน็ คู่ครอง ชว่ ยกันท�ำมาหากิน เลย้ี งตัวตอ่ ไป จะไดเ้ บาใจเบาแรงทา่ น ลูกชายคณุ เวลานีเ้ รายงั เปน็ เดก็ อยู่ เปน็ เด็กดจี รงิ ๆ ก็ควรนกึ แต่เพยี งวา่ เราจะตง้ั หน้า เรียนหนงั สอื เทา่ นัน้ อย่าเหน็ วา่ การเปน็ เจ้าชเู้ จ้าสาว ในขณะเรยี นเปน็ คนหรูหรา และเวลานห้ี รอื เมอื่ เวลาโตขน้ึ เปน็ ผใู้ หญจ่ ะท�ำธรุ ะการงาน อะไร หรือจะคิดหาสามี ภริยา อย่าลืมปรึกษาหารือท่าน ขอ ความเห็นจากท่านด้วยจึงจะนับว่าเป็นลูกท่ีดีเคารพนับถือบิดา มารดาแท้ ๕. อีกอย่างหนึ่ง เม่ือเราโตขึ้นเป็นผู้ใหญ่ประพฤติตัวดี เชอื่ ถอ้ ยฟงั ค�ำทา่ น ไมเ่ ปน็ คนสรุ ยุ่ สรุ า่ ย ไมเ่ ทย่ี วเปน็ นกั เลงเกะกะ สูบฝ่นิ กินเหล้า ขยันท�ำมาหากินในทางดี ทา่ นมกั ยกทรพั ย์สมบตั ิ ของท่านให้อีก เพอื่ เป็นทนุ ตอ่ ไป 19

ถึงเวลาน้ีท่านจะให้เราอยู่เสมอ เป็นค่าขนม ค่าเครื่อง แต่งตัว ค่าเล่าเรียน หรือบางทีท่านให้เป็นพิเศษบ้างก็จริง แต่ ยงั ไมจ่ ใุ จทา่ น เราขยันหม่ันเรียนเตรยี มประพฤติตวั ให้ดไี ว้ ยงั จะ ไดอ้ กี แม.่ .!! เอาเงนิ มาซือ้ เหล้ากิน แต่อย่ามัวนกึ ทะนง หน่อยสิ เสยี วา่ ทรพั ย์สมบัตขิ อง บดิ ามารดามากมายแลว้ เราไมต่ ้องแสวงหาอกี รอเวลาท่านยกให้ดีกวา่ ดงั น้เี ป็นการผิด เราต้องนกึ ว่า ทรพั ย์ของบดิ ามารดา จ�ำเป็นท่ีเราผูเ้ ปน็ ลกู จะตอ้ งไดร้ บั ไม่ตอ้ งเปน็ หว่ ง นบั ว่าเป็นก�ำไรส่วนหน่ึงแลว้ สว่ นเราควรพยายาม นล่ี กู ชาย กระเหม็ดกระแหม่ ผมเอง เงินทองไว้ให้เปน็ ต้นทนุ ดว้ ยก�ำลงั ของเราเอง อกี สว่ นหนึ่งจงึ จะชอบ เป็นการเพ่ิมเติม ใหท้ วมี ากย่งิ ขน้ึ 20

บิดามารดามีบุญคุณแก่ลูกดังกล่าวมาแล้วนี้ พระพุทธเจ้า จึงได้ยกข้ึนเปรียบเหมือนทิศเบื้องหน้าของลูก เราเป็นลูกเม่ือ รู้จักบุญคุณของบิดามารดาเช่นน้ีแล้วจะท�ำอย่างไร ท�ำไม่รู้ ไม่เห็นเสียหรือก็ไม่ชอบ ไม่ใช่ความคิดของคนดี บุญคุณของ ท่านยงั ตดิ อยู่กับเราเพียงใด กเ็ หมือนกับเรายงั เป็นลกู หนี้ทา่ นอยู่ เพยี งนน้ั เราต้องคิดหาทางใช้หน้ีท่านให้ได้ตามก�ำลัง เพียงแต่เรา ขอยืมสตางค์เพื่อนกินขนม ๔-๕ สตางค์ ยังรู้สึกกระดากอาย ขายหนา้ ต้องรีบหามาใชจ้ นหมด ขอบใจจา้ นบ่ี ดิ ามารดามบี ุญคณุ แกเ่ รา ลูกรกั ตั้งแตเ่ ลก็ แต่น้อยมา จะไมร่ บี ทดแทนบญุ คณุ ทา่ นบ้าง มเิ ปน็ คนเลวทรามเตม็ ทีหรือ คนอื่นเขาจะพลอยดถู ูกว่า เป็นลกู อกตญั ญู คณุ พ่อขา ไมร่ คู้ ณุ บิดามารดา ทานนำ้� ค่ะ นา่ เจ็บใจ นา่ อายไม่น้อยเลย เพราะฉะนนั้ เราเป็นลูก จ�ำเปน็ แทท้ ่ีตอ้ งหาเวลาตอบแทน บญุ คณุ ทา่ น อยา่ มวั ผดั เมอ่ื นน่ั เมอื่ น่ี สามารถท�ำไดอ้ ยา่ งไรตอ้ งท�ำ ทเี ดยี ว จงประพฤติตามข้อที่จะกล่าวต่อไปน้ี จะไดช้ อ่ื วา่ ทดแทน บุญคุณบิดามารดาถกู ต้องดี คือ 21

๑. จงนกึ ดวู า่ บดิ ามารดาไดเ้ ลย้ี งดเู รามาแตอ่ อ้ นแตอ่ อกแลว้ จะปลอ่ ยใหท้ า่ นคงเลย้ี งเราตลอดไปเชน่ นไ้ี มส่ มควร เปน็ คนรมู้ าก เหน็ แตไ่ ดส้ ว่ นตนฝ่ายเดียว ทา่ นจะแกเ่ ฒา่ ลงทกุ วนั ไมม่ เี รยี่ วแรงท�ำมาหากนิ ไดส้ ะดวก ส่วนเราก็จะเติบโตแข็งแรงขึ้นทุกที จึงควรต้องหาเวลาเล้ียง ตอบแทนท่านบา้ ง รบั ประทานอาหาร กอ่ นนะครบั หากเวลานเ้ี รายงั เปน็ เดก็ ไมม่ กี �ำลงั เลยี้ งทา่ นเตม็ ทไ่ี ด้ เพยี ง แต่เรามีของกินหรอื ของใช้เลก็ ๆ นอ้ ยๆ แบ่งใหท้ ่านบ้าง เปน็ การ แสดงน�้ำใจของเรา เวลาท่านเจ็บไข้เอาใจใส่คอยดูแลท่าน อย่า เที่ยวหลบหนเี ล่นเสีย เทา่ นกี้ พ็ อสมควร หรือจะให้ดีย่ิงขึ้น เมื่อเราเลี้ยงดูท่านด้วยอาหารการกิน ไม่ได้ แต่เราเช่ือท่านสอน ไม่ฝ่าฝืนสิ่งที่ท่านห้ามท้ังต่อหน้าและ ลบั หลัง ท�ำให้ทา่ นสบายใจ ไมต่ ้องโกรธดุเรา ท่านกจ็ ะปลื้มใจอยู่ เสมอ เช่นนีน้ ับวา่ ดีนกั หนา เขาเรยี กวา่ เลี้ยงน้ำ� ใจท่าน 22

๒. ช่วยท่านท�ำธุระบ้าง เช่น เทกระโถน กวาดบ้าน หรือ กิจธุระอย่างอ่ืนๆ คอยช่วยเหลือท่าน ธุระบางอย่างเราพอ ท�ำเองได้ ก็ตอ้ งยินดีท�ำ อยา่ ถงึ กบั ทา่ นตอ้ งออกปากใช้ และเวลา ท�ำต้องท�ำจริงๆ ต้ังใจท�ำให้ดี ให้ถูก สะอาดเรียบร้อย อย่าสัก แต่ว่าท�ำพอแลว้ หรอื ท�ำหนา้ เง้าหนา้ งอ เดินลงสน้ ปึงปงั อยา่ งนี้ ไม่ดี ท�ำคณุ จะกลายเปน็ โทษ ๓. อีกอย่างหน่ึง เราต้องแสดงความรักใคร่ญาติพ่ีน้อง ตลอดถึงนามสกุลของเราให้มาก สงวนไว้ให้ดีอย่าให้ใครดูถูก ดหู มิน่ ได้ นามสกลุ นั้น เป็นชอ่ื สบื เชอื้ สายพวกพอ้ งของเรามาแต่ ปู่ย่าตายาย ถา้ เราประพฤติตวั ไมด่ ี รางวลั ท่ีได้ ขอมอบเป็นของขวัญ ให้คณุ พ่อคณุ แม่ครับ เช่น ไปด่าเขา หรอื ตหี ัวเขาแตก คนอ่นื เขากต็ เิ ตยี นวา่ ลูกคนนัน้ หลานคนน้ี นามสกลุ วา่ อย่างน้ี ช่วั ชา้ เลวทรามมาก ใครอย่าไปเลน่ ไปพดู ดว้ ย ดังน้ี เราท�ำเสยี ชอื่ คนเดยี ว พลอยเสยี ถงึ คนอนื่ พวกพอ้ งวงศว์ าน ดว้ ย นับวา่ เปน็ ขอ้ เสียหายอย่างร้ายแรง ต้องระวงั ให้มาก 23

๔. เม่ือเราประพฤติตัวดีพร้อมตามที่กล่าวมา ๓ ข้อ ข้างตน้ น้ี ไม่ละเลยทอดทิง้ เสยี จนเตบิ โตขน้ึ เป็นผใู้ หญอ่ ุตสาหะ ต้ังหน้าท�ำมาหากินโดยชอบธรรม ไม่เท่ียวลักขโมยเบียดเบียน เขากิน รู้จักออมสินทรัพย์ท่ีหามาได้ไว้ใช้จ่ายแต่พอควร จะ คบค้าเพื่อนฝูงก็เลือกคบแต่คนดีไม่ใช่นักเลง เม่ือเราท�ำตัว ให้เป็นท่ีไว้เน้ือเชื่อใจ เป็นหลักฐานเช่นนี้ บิดามารดาย่อม ปลื้มใจ เห็นว่าเราคงสามารถปกครองทรัพย์สมบัติแทนตัวท่าน ได้ ทา่ นยอ่ มยินดยี กมอบทรัพยส์ มบัติใหเ้ ราปกครองเปน็ เจา้ ของ ทีเดียว ๕. ถา้ บงั เอญิ บดิ ามารดาเจบ็ ตายไปกอ่ น เราควรรสู้ กึ เสยี ใจ ให้มากที่ขาดคนส�ำคัญของเราไปเสีย ท�ำให้เราว้าเหว่เช่นน้ี เรา ต้องช่วยเขาจัดแจงศพท่านตามก�ำลังของเรา หม่ันบูชาศพท่าน ไว้ทุกข์ให้ท่าน แผ่ส่วนบุญให้ท่าน ตามธรรมเนียมที่เราเป็นผู้ นับถือพระพทุ ธศาสนา 24

ถ้าเราประพฤติได้ตามที่กล่าวมา ๕ ข้อนี้ ชื่อว่าเราใช้หนี้ บญุ คุณบิดามารดา สมควรจะไดร้ ับสรรเสริญวา่ เปน็ ลูกกตัญญู- กตเวที(๑) บูชาทิศเบื้องหน้าของตนถูกต้องตามลักษณะค�ำสอน ของพระพทุ ธเจ้า อนึ่ง เราควรนึกถึงว่า ถ้าเราอาศัยผู้อ่ืน หรือเป็นก�ำพร้า ได้ญาติหรือท่านผู้มีเมตตาเล้ียงดูมา เราต้องนับถือท่านผู้น้ัน และท�ำตอบแทนอย่างลูกท�ำกับบิดามารดาเหมือนกัน อย่าท�ำ ใจจดื ใจด�ำ คนท่ีได้รับความช่วยเหลือจากใครแล้วท�ำลืมบุญคุณเขา เสยี คนเชน่ นจ้ี ะไมม่ ใี ครเวทนาสงสาร เราไมค่ วรจะเอาเยย่ี งอยา่ ง เกง่ จงั เลย ลกู แม่ (๑) แปลวา่ รูจ้ ักบญุ คุณทค่ี นอืน่ มีอยู่แก่ตวั แล้วคิดท�ำ การตอบแทน 25

คำ�ถามประจำ�บท ๑. ท�ำไมบิดามารดา จงึ เปรยี บเหมอื น ทศิ เบอื้ งหน้า ? ๒. ๓. บดิ ามารดามีบุญคุณ ลกู ควรใชห้ น้บี ุญคณุ บดิ ามารดาอย่างไรบา้ ง ? แกล่ ูกอยา่ งไร ? ๔. ถ้าเราเปน็ ก�ำพรา้ อาศยั ทา่ นผ้อู ืน่ จะควรท�ำอย่างไร ? 26

บ๒ทท่ี ทักษิณทศิ ครอู าจารย์ ท�ำผดิ กต็ ้อง ถูกลงโทษนะ เราได้อ่านบทที่ ๑ มาแล้ว คงจ�ำได้ว่าเมื่อลูกเติบโตพอ สมควรแลว้ บดิ ามารดามกั ใหเ้ รยี นหนงั สอื ตามโรงเรยี นตา่ งๆ คนที่ คอยแนะน�ำสงั่ สอนเรานนั่ แหละ เรยี กวา่ ครหู รอื อาจารย์ จะเรยี ก รวมกันวา่ ครอู าจารย์ กไ็ ด้ เราผเู้ ป็นนกั เรยี น เขาเรียกวา่ ศษิ ย์ ครูอาจารย์โดยมากย่อมมีความรักใคร่ศิษย์ อยากให้ศิษย์ ของตนมีความรู้ดี มีความประพฤติดีทุกคน จึงคอยชี้แจงบังคับ ศษิ ยต์ า่ งๆ บางทตี อ้ งท�ำโทษใหห้ ลาบจ�ำเสยี บา้ ง เพราะศษิ ยด์ อื้ ดา้ น ไมเ่ ชื่อฟงั ถ้าศษิ ย์ทดี่ วี ่านอนสอนงา่ ยแลว้ จะไมถ่ กู ครทู �ำโทษเลย กลับจะได้รางวัลหรือค�ำชมเชยเสียอีก เพราะครูท่านรู้สึกอยู่ว่า ท่านเป็นผู้รับผิดชอบแทนบิดามารดา หรือผู้ปกครองของศิษย์ ศิษย์ดีก็พลอยให้ท่านมีหน้ามีตา ถ้าศิษย์เลวก็พลอยให้ท่าน 27

อบั อายขายหนา้ เพราะฉะนนั้ ทา่ นจงึ ตอ้ งกวดขนั ใหศ้ ษิ ยไ์ ดเ้ รยี น มคี วามรดู้ ขี น้ึ เสมอไป เราผเู้ ปน็ ศษิ ยค์ วรรสู้ กึ เคารพย�ำเกรงใหม้ าก อยา่ ฝ่าฝนื ในขอ้ ทที่ า่ นหา้ ม จงประพฤติตามในข้อทท่ี ่านสอน ครทู กุ คนไมอ่ ยากใหศ้ ษิ ยโ์ งเ่ ซอะซะ มกี ริ ยิ าพาทหี ยาบคาย เลย ล้วนแต่ตั้งใจจะให้ได้ดีทุกคน ความต้ังใจดีของครูอาจารย์ ท่ีมีต่อศิษย์นี้ ถ้าจะแยกข้อกล่าวก็มีส่วนที่ส�ำคัญอยู่ ๕ อย่าง(๑) คือ ๑. แนะน�ำดี ได้แก่ ทา่ นเขา้ ใจหาอบุ ายชี้แจงอธิบาย หรอื ยกตัวอยา่ งเพอื่ ให้ศิษยเ์ ข้าใจในวชิ าทีส่ อน เราพอสงั เกตได้ บางทเี ราไม่รู้ หรอื ยงั ไม่เข้าใจ เข้าใจ เขา้ ใจแลว้ หรอื ยงั คะ ครบั ในวิชาเลข เป็นต้น ยกมอื ถามท่าน ท่านก็ อธิบายจนเราเขา้ ใจดไี ด้ ๒. ให้เรียนดี ได้แก่ ก�ำหนดสอนแต่วิชาท่ีมีประโยชน์ เหมาะกับศิษย์ที่พอจะเข้าใจได้เหมือนประถมปีท่ี ๑ เรียนเลข เพียงบวกกับลบ ประถมปีที่ ๒ เพิ่มคูณกับหารอีก ดังน้ีเป็นต้น ทง้ั คอยตรวจตราสมดุ ท�ำการบา้ น เครอื่ งแตง่ ตวั ของศษิ ยใ์ หส้ ะอาด ถกู ตอ้ ง ตลอดจนหอ้ งเรยี นกไ็ มใ่ หอ้ บอา้ ว โตะ๊ เกา้ อก้ี ไ็ มใ่ หส้ กปรก เพื่อให้ศิษย์โปร่งอก โปร่งใจ หัวสมองดี เรียนอะไรจะได้จดจ�ำ แมน่ ย�ำช�ำนาญและรวดเรว็ (๑) ในพระสตู รกลา่ วศิษยพ์ ึงบำ�รงุ กอ่ นที่เรยี งกลบั กนั นีเ้ พือ่ สะดวกแก่เร่อื ง 28

๓. ไม่หวงความรดู้ ้วยกลวั ว่าศิษย์จะดกี ว่า คือ ทา่ นตั้งใจสอนศษิ ย์ ตามความรทู้ ัง้ หมด เราต้องเทดิ ทนู หรือตามเกณฑ์ของชน้ั ชาติ ศาสนา ตามสามารถทีจ่ ะสอนได้ พระมหากษตั ริย์ ครับ ไม่เหน็ แก่เหน่อื ยยาก และไมเ่ ลอื กทีร่ ักผลักทช่ี งั สอนใหเ้ สมอหน้าเท่ากนั หมด ๔. ศิษย์คนใดมีวิชาดี มีความประพฤติดี หรือมีความดี ความชอบอยา่ งอน่ื ๆ ศษิ ยค์ นนนั้ ยอ่ มไดร้ บั ยกยอ่ งจากครู ใหเ้ ปน็ หวั หน้าในชน้ั บ้าง ใหน้ ง่ั โตะ๊ หน้าบ้าง ใหร้ างวลั อยา่ งอืน่ บา้ ง ตาม สมควรแกค่ วามดีความชอบ เป็นการยกยอ่ งประกาศคุณความดี ของศษิ ยใ์ หม้ ีหน้ามีตาขึน้ ๕. คอยชว่ ยเหลอื ปอ้ งกนั กลวั วา่ ศษิ ยจ์ ะไดร้ บั ความล�ำบาก เช่น เวลาจะกลับบ้าน ครมู ักเตอื นให้ระวงั รถ และคนหลอกลวง เปน็ ตน้ หรอื เมอื่ ศษิ ยม์ ธี รุ ะอยา่ งไรปรกึ ษาหารอื ทา่ น กม็ กั จะไดร้ บั ความช่วยเหลอื ตามสมควร ครูย่อมไม่ทอดทงิ้ ศษิ ยใ์ ห้ได้รบั ความ ล�ำบากในเมือ่ มีทางช่วยเหลอื ได้ 29

เมอื่ เราไดอ้ า่ นทราบถงึ ความตงั้ ใจดขี องครู ซง่ึ มตี อ่ เราผเู้ ปน็ ศษิ ยเ์ ชน่ นี้ จงรู้สกึ เถดิ วา่ สมควรแท้ทเี ดียวทพี่ ระพทุ ธเจา้ ยกเอา ครอู าจารยข์ ึน้ เปรียบว่าเป็นทิศเบอ้ื งขวา ใช้มือขวา เพราะมือขวาเป็นมือข้างถนัด เขียนหนังสือ ท�ำอะไรตา่ งๆ ได้ เชน่ ใชเ้ ขยี นหนังสอื เป็นต้น นับว่าเปน็ อวัยวะ ทส่ี �ำคัญของตวั เรา ฉนั ใด ครอู าจารยก์ เ็ ปน็ ผทู้ �ำประโยชนใ์ หแ้ กเ่ ราผเู้ ปน็ นกั เรยี น หรอื ศษิ ยอ์ ยา่ งดที ี่สดุ ตอ่ มาจากบดิ ามารดา ฉันนน้ั เราเป็นลูกเมื่อเห็นว่าบิดามารดามีคุณอย่างเหลือล้น เรา ก็คอยตอบแทนคุณท่านตามก�ำลังสามารถของเราที่พอจะท�ำได้ ส่วนหนึ่งแล้ว ครั้นมาถึงคราวเป็นนักเรียนได้รู้สึกทราบถึงความ รักใคร่เอาใจใส่ของครูท่ีมีแก่เราผู้เป็นศิษย์ จะเมินเฉยเสียหรือ เราคงตอบไดท้ ันทวี ่า ท�ำเชน่ นัน้ ไมด่ ี เขาตเิ ตยี นได้ ถ้าเช่นน้ันจะท�ำอย่างไร ข้อนี้ไม่เป็นของยากล�ำบากอะไร เลย เราเคยท�ำตอบแทนบิดามารดามาได้แล้ว เราก็ควรท�ำแก่ ครูอาจารย์ได้บ้างเหมือนกัน เพราะฉะน้ัน เม่ือเราเป็นนักเรียน ชื่อว่าเป็นศิษย์ เริ่มรู้สึกถึงบุญคุณของครู รักใคร่นับถือท่านมาก ตอ้ งหาวธิ ตี อบแทนสนองคณุ ทา่ นใหไ้ ด้ อยา่ เพกิ เฉยท�ำไมร่ ไู้ มเ่ หน็ เสีย วิธที ่ีดีควรเราจะท�ำไดม้ สี �ำคญั เพียง ๕ อยา่ ง ดงั น้ี 30

๑. ตอ้ งรู้จกั ท�ำความเคารพต่อครู จะเปน็ ทโี่ รงเรยี นหรอื ไป พบปะในทีอ่ ่ืน คอื จะเปิดหมวก ค�ำนับทา่ น สวดั ดคี รับ คุณครู ไหว้ทา่ น กราบท่าน อย่างไรก็แลว้ แตค่ วรทส่ี ุด เรานัง่ อยู่ เมอ่ื เห็นทา่ นผา่ นมา ลกุ ข้ึนยืนรับเท่านี้ กน็ ับวา่ เคารพทา่ นได้ ๒. เอาใจใส่รับใช้ในกิจธุระของท่านบ้าง อย่าท�ำเป็นไม่รู้ ไม่เห็น หรือเกียจคร้านคอยหลบหลีก ท่านวานให้ช่วยท�ำอะไร จงยนิ ดีรับตง้ั ใจท�ำจริงๆ อยา่ ท�ำอย่างเสยี ไมไ่ ด้ ๓. เราเห็นว่าครูตั้งใจสอนอยากให้เราเป็นคนดีมีความรู้ดี มคี วามประพฤตดิ เี ชน่ นี้ กอ็ ยา่ ดอ้ื ดา้ นใหค้ รตู กั เตอื นบอ่ ยๆ อยา่ ถอื ดี ว่าไมต่ อ้ งงอ้ งอนใคร เขาจะเรียกเราว่าเป็นคนหยง่ิ ไมม่ ใี ครชอบ ท�ำการบา้ น เรายังเปน็ เด็ก ส่งครดู กี วา่ เปน็ ศิษยข์ องทา่ น เชือ่ ฟงั จดจ�ำค�ำครูสอนไว้ ท�ำตามอยูเ่ สมอ ใครรู้ใครเหน็ กจ็ ะรักใคร่ อยากพูดจาเล่นกบั เรา 31

๔. กิจธุระของครู เราเคยเห็นเคยรู้แล้วไม่ต้องให้ถึงกับ ท่านออกปากใช้วาน พอเราจะท�ำเองได้ จงชว่ ยท�ำตามก�ำลังของ เราทีเดยี ว ทานยากอ่ น นะคะคุณครู ยิง่ เปน็ เวลา ทา่ นเจบ็ ไข้ ช่วยเหลือพยาบาล หรือเยยี่ มเยียน ถามข่าวคราว ท่านได้ นับว่าดีที่สุด ๕. อีกประการหน่ึง เมื่อครูท่านแนะน�ำดีให้เรียนดีตั้งใจ สง่ั สอนเราจริงๆ แล้วเราต้องตัง้ ใจเรยี นใหจ้ รงิ ๆ เหมือนกัน เรียนดว้ ยมคี วามเคารพ แบร่..! อยา่ ลอ้ เลยี นทา่ น ครจู มูกบาน หรอื ท�ำกริ ยิ าเหมอื นอยา่ ง เรยี นโดยขดั ไม่ได้ ท�ำเช่นน้มี แี ตเ่ รา จะเสียคนลงทกุ ที ศิษย์ทีไ่ มเ่ คารพครู เรยี นอะไรมักจ�ำไม่ใคร่ได้ ถึงคราวสอบไล่จึงมักสอบตก 32

พรงุ่ นี้ครจู ะพา ศษิ ยท์ ี่ตั้งตัวตามวิธี ไปทศั นศกึ ษา ท่กี ลา่ วมานดี้ แี ล้ว ชื่อว่าเปน็ คนบชู าคุณครู เปน็ ผไู้ หวท้ ิศถกู เย้ ดใี จจังเลย มีผลแก่ตัวศิษย์เอง คือจะมคี วามรู้ ความประพฤติดีตามควร ไมม่ ีใครเกลยี ดชัง เมอ่ื ก�ำลังเปน็ นกั เรียน ก็เป็นศษิ ยท์ ่ดี ี ครูย่อมรักใคร่เอ็นดู ถึงโตใหญไ่ ปภายหนา้ ก็หวงั ว่าจะเปน็ พลเมอื งทด่ี ีมชี อื่ เสียง ร�่ำรวยทรัพย์สินเงินทองเพราะความดีของตนนี้เอง ควรเราจะ จดจ�ำให้แม่นย�ำ หัดประพฤติเสยี แต่บดั นท้ี เี ดียว และถงึ เราจะลาออกจากโรงเรยี นแลว้ กไ็ มค่ วรลมื ครอู าจารย์ และโรงเรยี นเดมิ จงหาทางตอบแทนใหไ้ ดบ้ า้ ง จะเปน็ การประกาศ ความกตญั ญกู ตเวทขี องเราเสมอไป 33

ค�ำ ถามประจำ�บท ๑. ครอู าจารย์มคี ุณ แก่ศษิ ยอ์ ยา่ งไรบ้าง ? ๒. ๓. พระพุทธเจา้ เปรียบ นกั เรียนจะประพฤตติ วั ครอู าจารย์เหมอื น อยา่ งไร จึงชือ่ ว่า ทิศอะไร ? บชู าคุณครู ? ๔. ท�ำไมเราจงึ ไมค่ วรลมื ครู และโรงเรยี นเดมิ ? 34

บ๓ทที่ ปัจฉิมทศิ สามี ภรยิ า เด็กๆ ที่อ่านถึงบทน้ี คงนึกแปลกใจว่าท�ำไมเอาเร่ืองของ ผใู้ หญม่ าเลา่ ใหฟ้ งั ความจรงิ กน็ า่ จะนกึ แปลก แตล่ องนกึ ถงึ ตวั เรา ก่อนว่าเราจะเป็นเด็กอยู่เช่นน้ีเรื่อยไปหรือ คงเป็นเด็กอยู่ไม่ได้ ตลอดไป เราตอ้ งโตข้นึ ทกุ วัน อายุกม็ ากขน้ึ ทุกปี เป็นเดก็ แลว้ ก็ ค่อยโตขึ้นเปน็ หนมุ่ เปน็ สาวเปน็ ผใู้ หญ่ เพราะฉะนัน้ ในบทนี้จะพูดถงึ สามี ภริยา เป็นเร่ืองผใู้ หญ่ เราเป็นเด็กยังไม่ถึงเวลามีสามี ภริยาก็ตาม แต่เราเตรียมตัวรู้ ไว้กอ่ นก็ไม่เหน็ เสยี หายอะไร กลับจะดเี สียอกี คนท่ีเขาฉลาดก็เพราะเขารู้เรื่องอะไรต่ออะไรมาก คนโง่ ก็เพราะไม่รู้เรื่องอะไร เราไม่อยากให้ใครเรียกว่า คนโง่ เราต้อง 35

เรียนให้รู้ ต้องจดจ�ำไว้ส�ำหรับตัวเมื่อโตขึ้นเป็นผู้ใหญ่ โบราณ ทา่ นสอนไวว้ า่ รไู้ วใ้ ชว่ า่ ใสบ่ า่ แบกหาม เพราะไมเ่ ปน็ ของหนกั หนา อะไรเลย คนท่ีเป็นผูใ้ หญย่ ังไม่มีสามี ภริยา เขาเรียกว่า คนโสด คือ ยังไมม่ ีคคู่ รอง ถา้ อยากมีคูค่ รอง เขาต้องเลอื กหาท่ีสมควรใหเ้ ปน็ หลักฐานก่อน เม่ืออยู่ร่วมเป็นคู่ครองกันแล้ว ผู้ชายเขาเรียกกัน ว่าสามีหรือผัว ผู้หญิงเขาเรียกกันว่าภริยาหรือเมีย ต่างคนต้อง ปฏบิ ตั บิ �ำรงุ เลยี้ งดรู กั ใครน่ บั ถอื ซง่ึ กนั และกนั ตามหนา้ ท่ี จะกลา่ ว ถงึ สามกี ่อน สามีที่ดีจะต้องประพฤติกับภริยาของตนให้สมควร ดังนี้ คอื ๑. ยกย่องนับถือว่าเป็นภริยาของตัว ไม่ปิดบัง แสดงให้ ปรากฏเปิดเผยแก่คนท่ัวไปว่า หญิงน้ีเป็นภริยาของตน ไม่ว่าใน หมู่ญาติหรือเพอ่ื นฝูงตลอดจนในท่ปี ระชมุ นีค่ อื ...ภรรยา ของผมเองครับ 36

ใครกไ็ มร่ ู้ น่นั ..! ใช่ลูกเมีย อย่าไปสนใจเลย พีร่ ึเปล่า ๒. ไม่แสดงอาการดูหม่ิน ประดุจภริยาเป็นคนเลวทราม ต่ำ� ชา้ ย่อมยกยอ่ งเสมอกบั ดว้ ยตน ๓. ไมป่ ระพฤตนิ อกใจ เปน็ เจา้ ชคู้ บคา้ สมสกู่ บั หญงิ อนื่ หรอื ความประพฤตทิ ไ่ี ม่ดอี ย่างอื่นไม่พอใจภริยาก็งดไม่ฝ่าฝนื กระท�ำ ๔. ยกย่องให้เป็นแม่เรือน ดูแลกิจธุระบ้านเรือนแทนตัว ยอมให้บังคบั บัญชาบ่าวไพร่ ๕. ยอมให้ภริยาหาเครื่องประดับตกแต่งได้ตามสมควร พอเหมาะแกฐ่ านะ เป็นการแสดงความรักใคร่นบั ถอื 37

ทำ� งานเหนอ่ื ย ไหมคะทีร่ กั ส่วนภริยาท่ีดี มีความรักใคร่นับถือสามี ควรปฏิบัติหน้าท่ี ของตนใหส้ มกนั ดังน้ี ๑. ดูแลจัดการงานให้เรียบร้อยดี เป็นหูเป็นตาแทนสามี อะไรควรเสยี ไมค่ วรเสยี ตอ้ งหมนั่ จดั หมน่ั ท�ำ ใหส้ มกบั สามยี กยอ่ ง และไวว้ างใจมอบใหเ้ ป็นแมเ่ รือน ๒. ยกยอ่ งนบั ถอื ตลอดถงึ ญาตมิ ติ รของสามใี หเ้ หมอื นญาติ มติ รของตวั มกี ริ ยิ าออ่ นนอ้ มพดู จาออ่ นหวาน ไมเ่ ยอ่ หยงิ่ จองหอง ดว้ ยถอื ว่าสามรี ักใคร่ ๓. ไม่ประพฤตินอกใจสามี รักใคร่ยินดีเฉพาะสามีของตน เท่านัน้ ๔. เกบ็ ง�ำรกั ษาทรัพย์สินเงนิ ทองทส่ี ามีหามาได้ ไม่ใหห้ าย หกตกหล่น ต้องรู้จักกระเหม็ดกระแหม่ออมสินไว้ ไม่สุรุ่ยสุร่าย หรือเล่นการพนัน ๕. ขยนั หมนั่ เอาใจใสต่ อ่ การงานหนา้ ทจี่ รงิ ๆ ไมเ่ กยี จครา้ น หาแตค่ วามสุขส่วนตวั 38

สามภี รยิ าคใู่ ดตา่ งประพฤตติ นสมตามลกั ษณะหนา้ ทขี่ องตน ดังท่ีกล่าวมาแล้วน้ี สามีภริยาคู่นั้นจักอยู่ร่วมกันเป็นสุขสบาย ถ้าฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งบกพร่อง เป็นเหตุชวนให้เกิดความร้อนใจ ระหองระแหงกันระแวงใจกนั ไม่รู้จบ เราไดอ้ ่านมาแล้วถึงเพียงนี้ คงรสู้ ึกได้แลว้ วา่ สามกี บั ภริยา ตา่ งตอ้ งเอาใจใสต่ อ่ กนั และกนั โดยแท้ เหมอื นบดิ ามารดากเ็ อาใจใส่ ดแู ลลกู ลูกก็ต้องเอาใจใสต่ อบแทนบ้าง หรือครูอาจารยเ์ อาใจใส่ ต่อศิษย์ ศิษย์ก็ต้องเอาใจใส่ต่อครูอาจารย์ถ้อยทีถ้อยอาศัยกัน เช่นน้ี สามีภริยานี้พระพุทธเจ้าท่านจัดว่าเป็นปัจฉิมทิศคือทิศ เบ้ืองหลังเพราะเป็นผู้ท่ีจะมาเป็นต่อเม่ือเราโตเป็นผู้ใหญ่ ไม่ใช่ รีบชิงมีในเวลาเปน็ เดก็ ก�ำลังเล่าเรยี นอยนู่ ้ี เราตอ้ งจ�ำไว้ใหด้ อี ยา่ ริ ลองหัดเป็นเจ้าชู้เจ้าสาวเวลายังเป็นนักเรียน จะท�ำให้การเรียน ท้อถอย กลายเปน็ เดก็ ชั่ว ซอ่ื ตรง จงรกั หนกั แน่น ชีวติ คไู่ มค่ ลอนแคลน 39

ค�ำ ถามประจ�ำ บท ๑. พระพุทธเจ้าจดั สามี ภริยาไวเ้ ปน็ ทศิ เบอื้ งไหน ? ๒. ๓. เราเรยี นรู้จกั ทศิ น้ไี ว้ ท�ำไมพระพุทธเจา้ จึงจดั เพือ่ ประโยชน์อะไร ? สามี ภริยาวา่ เปน็ ทิศเบอ้ื งหลัง ? ๔. เราเป็นนกั เรียนหัดเปน็ เจา้ ชู้เจ้าสาวดหี รือ ไม่ดีอย่างไร ? 40

บ๔ทที่ อุตตรทศิ เพื่อน เราท�ำอะไรหรือเล่นอะไร ถ้าคนเดียวมักไม่ค่อยสนุก เพลดิ เพลนิ ไมใ่ ชห่ รอื ถา้ มเี พอ่ื นเลน่ ดว้ ย กช็ วนใหส้ นกุ สนาน ยงิ่ มาก คนยิ่งสนุกหนักขึ้น เหมือนเล่นเอาเถิดหลายๆ คนจึงจะสนุกดี เราอยู่บา้ นมักจะมีเพอ่ื นเล่นนอ้ ยกว่าท่โี รงเรยี น เราหมัน่ ไปโรงเรยี นจึงนบั ว่าดีมีประโยชน์มาก คือ ได้เรียน วิชาความรู้ ทั้งมีเพ่อื นเลน่ มากดว้ ย ได้รูจ้ ักคนนน้ั คนนี้ มีของเล่น หรือของใช้ ก็แบง่ กนั เลน่ แบ่งกนั ใช้ ตามท่ีคบคา้ ชอบพอกันมาก หรือน้อยเช่นนี้ จึงท�ำให้เราเพลิน แต่จงระวัง อย่าเพลินเล่น จนเกนิ ไปถงึ กบั เกียจคร้านตอ่ การเรยี น หรอื เลน่ เป็นพาลเกเร 41

เพ่ือนฝูงที่เรารู้จักชอบพอกันน้ีส�ำคัญเหมือนกัน มักชักจูง แนะน�ำเราไปต่างๆ ได้ ถกู คนท่ีมนี ิสัยเป็นพาลเกเร กม็ กั ชวนเรา ไปทางน้นั นอ้ ยคนทีจ่ ะมนี ิสยั ดรี กั การเรยี นมกี ิริยาเรยี บรอ้ ย เรา ต้องระวังเลอื กคบให้ถูก คนที่ไม่น่าคบนั้นพอสังเกตได้ว่า บางคนเล่นอะไรหรือท�ำ อะไร ชอบเอาแต่ได้ฝ่ายเดียว อยา่ งทเี่ ขาเรยี กว่า คนปอกลอก บางคนกด็ ีแตป่ าก พดู พลอ่ ยๆ ไม่ท�ำจริง บางคนกค็ อยยอมตามเราเร่อื ยไปไมว่ า่ ดีหรอื ชวั่ เพื่อเอาใจ ใหเ้ ราชอบเขา อยา่ งนี้เขาเรียกวา่ คนหวั ประจบ บางคนชอบชวนแต่เล่นเป็นพาลเกะกะ เอาอิฐเอาหิน ขวา้ งปาอะไรเล่น เที่ยวพาลชกต่อยทะเลาะววิ าทต่างๆ พวกเหลา่ นี้ ไมใ่ ช่คนดีไมค่ วรคบไว้เป็นมิตรสหาย ส่วนคนทีด่ นี ่าคบนน้ั ทำ� อะไรนะ่ ..! เขามกั คอยตักเตือนเรา อย่าขโมยของ ไม่ให้เราพลาดในที่ผดิ ท่ชี ว่ั คนอ่ืนเลยเพ่อื น สนุกสนานด้วยกนั ล�ำบากยากเย็นดว้ ยกัน มันไมด่ ีนะ แนะน�ำแตท่ างดที างชอบ ชวนเลน่ ออกก�ำลัง ชวนดหู นงั สอื เรยี น เปน็ ต้น รกั ใครน่ ับถอื เหมอื นญาตพิ น่ี อ้ ง อย่างนีน้ บั ว่าเป็นมิตรสหายทด่ี ีนา่ คบคา้ สมาคม 42

การคบกันเป็นเพ่ือนฝูงก็ต่างถ้อยทีถ้อยอาศัยกัน เอ้ือเฟื้อ เจอื จาน สู่กันกินสกู่ นั ใชท้ เี ขาบา้ งทีเราบา้ ง ผอ่ นหนักผอ่ นเบากนั ดงั น้ี จกั คบกนั ได้นาน ถา้ เราไมอ่ ยากหงอยเหงา อยากมเี พอ่ื นเลน่ มากๆ แลว้ จงจ�ำ วธิ นี ้ีไวส้ �ำหรับประพฤติกับเพ่ือน เพื่อผกู นำ�้ ใจเพือ่ นใหร้ กั ใคร่ เรา กจ็ กั มเี พือ่ นเลน่ ทด่ี ีมาก ดังนี้ ๑. อย่าเป็นคนข้ีตระหน่ีจนเกินไป คอยเฉลี่ยแบ่งปันให้ เพ่ือนบ้าง เช่น ขนม เครือ่ งเล่น ดินสอ สมดุ ของเรามมี าก เห็น เพ่ือนไมม่ กี ็แบ่งใหบ้ ้าง ไม่ตอ้ งรอให้เพอ่ื นออกปากร้องขอ ๒. ใช้ถ้อยค�ำทักทายปราศรัยแต่ที่ไพเราะอ่อนโยน ไม่พูด ค�ำหยาบ มึงวาพาโวยขนึ้ มงึ ขน้ึ กู สวัสดีเพอื่ น สวัสดีเชน่ กัน การใช้ค�ำพดู น้ีส�ำคัญ ต้องดกู าลเทศะ อย่าถือว่าชอบพอ รักใครก่ ันแลว้ พูดอย่างไรพดู ได้ อาจท�ำให้แตกรา้ ว ผดิ ใจกนั ได้ง่าย ๓. ถึงคราวเพอื่ นฝงู มีธรุ ะ เราต้องช่วยเหลอื ตามก�ำลัง และ ท�ำดว้ ยความเตม็ ใจ ใหเ้ ปน็ สง่าผ่าเผยเป็นเกียรตยิ ศแก่เพ่ือน 43

๔. ท�ำตัวเสมอต้นเสมอปลาย ถึงเราได้ดีข้ึนก็ไม่ลืมเพ่ือน เคยพูดจาปราศรัยหยอกล้อกันอย่างไร ก็ท�ำตามเคย เช่นเรา สอบไล่ได้ เพื่อนสอบตก เราก็ต้องไม่ถือตัวว่าดีกว่าแล้วดูหมิ่น เพือ่ น ๕. รับปากกับเพื่อนอย่างใด ต้องท�ำอย่างน้ัน ต้องถือ ความสัตย์ไม่ใช่พูดชุ่ยๆ รับแต่ปากไม่ตรงกับใจ เขาจะตราหน้า ฆ่าช่ือว่าเป็นคนคดในข้อ งอในกระดูก หรือต่อหน้าว่ามะพลับ ลับหลงั วา่ ตะโก ถา้ เราท�ำไดด้ งั ทกี่ ลา่ วมาน้ี เพอ่ื นตอ้ งรกั ใครน่ บั ถอื เราเปน็ แน่ และเพ่ือนคงจะไม่ใจจืดใจด�ำปล่อยให้เราเอาใจเขาฝ่ายเดียว คง คอยช่วยเหลอื ตอบแทนเราบ้าง ดงั น้ี ๑. คอยช่วยป้องกันเมื่อเราพล้ังเผลอ คอยตักเตือนเราให้ ถ่ีถ้วนรอบคอบไม่สะเพร่า หรือถ้าเกิดอันตรายเช่นมีคนมารังแก ข่มเหง เพื่อนคงชว่ ยเหลือปอ้ งกนั ๒. บางคราวเราหลงลมื สงิ่ ของไว้ ขอบใจมากนะ ทช่ี ่วยสอนเรา เป็นต้นว่า หนังสือ เส้ือผ้า เพ่ือน พบเห็นคงต้องช่วยเกบ็ รกั ษาไว้ให้ ๓. หากเรามีความล�ำบากอะไร เกิดขึ้น ปรึกษาหารือกับเพ่ือน หรือ ขอความช่วยเหลือจากเพอื่ น เพือ่ นคง ไม่ทอดทิ้ง ต้องช่วยเหลือเราบ้างเป็น แน่ 44

๔. หรือแม้เราขาดแคลนยากจนลง ก็ไม่ดูหม่ินว่าจนกว่า เลวกวา่ คงรักใครค่ บเป็นเพื่อนฝูงตามเคย ๕. ท้ังจะแสดงความเคารพนับถือตลอดญาติพ่ีน้องของเรา ท�ำตวั สนทิ สนมกลมเกลยี วเป็นกันเองกับวงศ์ญาตขิ องเราด้วย คนทม่ี เี พอ่ื นฝงู ดี คบคา้ สมาคมกนั สนทิ สนมตา่ งกไ็ ดพ้ ง่ึ อาศยั กจิ ธรุ ะ ช่วยเหลือตอ่ กนั และกนั เล่นหัวหยอกลอ้ กันสนกุ สนาน เศร้าจัง คนทไ่ี มม่ ีเพ่ือนฝูง ไมม่ ีเพือ่ นเลน่ มกั หงอยเหงา ติดขัดล�ำบาก เลย เหมอื นคนทีใ่ ช้ แตม่ อื ขวา ท�ำอะไรต่างๆ ข้างเดียว ย่อมไมส่ ะดวกเหมือนคน ท่ีใชแ้ ขนซ้ายคอยชว่ ยเหลอื ด้วยเหตุน้ีแหละ พระพุทธเจ้าจึงเปรียบเทียบยกย่อง เพ่ือนฝูงมิตรสหายว่าเป็นทิศเบ้ืองซ้าย ใครที่ประพฤติตามข้อท่ี จ�ำแนกมาแล้วได้ดี ก็ชอ่ื ว่าบูชาทศิ เบ้ืองซ้ายของตนถูกต้อง เป็น เหตใุ หม้ คี นอยากพดู อยากเลน่ ด้วย อกี อยา่ งหนง่ึ บรรดาญาตพิ นี่ อ้ งของเราทมี่ อี ายรุ นุ่ ราวคราว เดียวกัน ถ้าเห็นว่าเขาเป็นคนดีจะนับถือสมาคมอย่างเป็นเพ่ือน กันก็ได้ เปน็ ญาตกิ นั ด้วย เป็นเพอ่ื นกันด้วย จะท�ำใหร้ กั ใคร่สนิท ดยี ่ิงข้ึน 45

ค�ำ ถามประจำ�บท ๑. เราอยากมีเพื่อน จะควรเลือกคบคน อยา่ งไร ? ๒. ๓. ควรประพฤตติ ัวของเรา เม่ือเราประพฤติแก่เพอื่ น แกเ่ พื่อนอย่างไรบ้าง ? เช่นน้นั เพอื่ นจะท�ำแกเ่ รา อยา่ งไร ? ๔. ท�ำไมพระพุทธเจ้า จึงเปรียบเอาเพ่อื นว่า เป็นทศิ เบือ้ งซา้ ย ? 46