การเล้ยี งเปด เนอ้ื โปยฉาย ขอ มูลโดย : กรมสงเสรมิ การเกษตร กระทรวงเกษตรและสหกรณการเกษตร จัดทําเอกสารอิเลก็ ทรอนกิ สโ ดย : สํานักสงเสริมและฝก อบรม มหาวทิ ยาลยั เกษตรศาสตร สารบญั คาํ นาํ 2 การเล้ยี งลกู เปดโปย ฉา ยอายุ 0-2 สปั ดาห 3 การเลี้ยงเปดอายุ 3-8 สัปดาห 7 การเลี้ยงเปดโปยฉา ยระยะสดุ ทา ยอายุ 8-10 สัปดาห 11 การฟก ไขเ ปดโปยฉาย 12 พันธุและการผสมพันธุ 19 ความตอ งการอาหาร 23
การเลย้ี งเปด เนือ้ โปยฉา ย 2 คาํ นํา การเล้ยี งเปดโปย ฉา ยในไตห วันไดด าํ เนินการอยา งเปน ลาํ่ เปน สัน และเลี้ยงกนั เปน จํานวน มากๆ บางฟารมเล้ยี งปละ 200,000 ถึง 300,000 ตวั วธิ กี ารเลย้ี งดนู ับวา คอนขา งจะงา ยไมยงุ ยาก มากมายเหมอื นการเลยี้ งไก บางฟารม มคี นดแู ลและเลยี้ งดเู พียง 2-3 คน กเ็ ลี้ยงเปด โปย ฉา ยไดเปน หมนื่ ๆ ตวั เปดโปยฉา ยนบั วา เปน พันธุท่นี าสนใจ เพราะการเล้ียงดกู ารใหอ าหารดวยวิธีทีง่ า ยอยา ง ไมนา เชอื่ ผดิ กบั การเล้ียงเปดพันธุเนื้อพันธุอ น่ื ๆ เชน เปด พันธุเชอร่วี อลเลย พนั ธปุ กกง่ิ ซึง่ มักจะ ตองมขี อจาํ กดั มากมาย เชน จะตอ งมีอาหารใหก ินอยา งใกลช ดิ ตลอดเวลา มีโรงเรอื นทส่ี ะอาดราคา แพงใหอ ยู มีนํ้าทีส่ ะอาดใหก ิน แตเปด โปย ฉา ยนั้นอยูง าย กนิ งา ย ทนทานตอ โรคอตั ราการตายตาํ่ มาก การเลยี้ งเปดโปยฉายสวนใหญแ ลว เจา ของฟารม จะเอาใจใสอ ยางใกลชิดเฉพาะ 10-14 วันแรก ท่ลี ูกเปดตอ งการความอบอุนเทานัน้ หลังจาก 10-14 วัน แลวเขาจะปลอ ยใหล กู เปดลงเลน น้ํา วา ย นา้ํ และกนิ นา้ํ ในสระ หรอื บอเล้ียงปลาใหเ ปด ขีล้ งใสบ อ ปลา ทาํ ใหน ํ้ามีคณุ สมบตั ิเหมาะตอการเกดิ อาหารของปลา เมือ่ เปด หิวอาหารมนั กจ็ ะเดนิ ไปกินของมันเอง และอาหารทใี่ หก นิ เขาจะวางไวให ไกลเปดมากที่สุดบางแหงวางอาหาร กองอาหารไวก บั พนื้ ดนิ กองเหมอื นกับเรากองหิน กองทราย อยา งนน้ั เอง และวางอาหารใหไกลบางฟารม วางไกลเปน ระยะทาง 200-300 เมตรทเี ดยี ว ซึ่งผิดกบั การเลย้ี งเปด เนือ้ ของบา นเรา ซึง่ มักจะวางอาหารใหอยูใ กลๆ เปด เพื่อเปดจะไดก ินใหมากๆ อว น เร็วๆ เปนตน สุดทายเปด จะกินมากแลว ขาดทุนคา อาหาร เทาทีไ่ ปดูงานตามฟารม ใหญๆ ที่เล้ียง เปดโปย ฉาย เขาจะไมม คี อกใหเ ปดนอน หรอื ไมมีโรงเรยื นใหอยู แตจ ะปลอยใหอ ยูร ิมขอบสระ และ ในสระนํ้าบางแหง ไมม ตี นไมอยูในบรเิ วณเลย เปดก็จะขึน้ มาพกั ผอ นอยบู นขอบสระและลงไปวา ยนํา้ เลน ตามอัธยาศยั ของเปด ถึงเวลาหวิ อาหารกจ็ ะเดินกนั เปน แถวยาวไปหากองอาหารท่วี างไวบน พื้นดนิ กินเสร็จกจ็ ะเดนิ กลบั ไปเลนนํา้ และกนิ นาํ้ ท่ีสะอาดท่จี ัดไวใ หร ะหวางทาง หรอื ไมก ไ็ ปกินนาํ้ ทสี่ ระนํา้ เลยกไ็ ด อยา งไรกด็ ี การเล้ียงเปด โปย ฉา ยดๆู จะเห็นวางา ย แตใ นทางปฏิบัตกิ ็จะตอ งมี ขนั้ ตอน และรายละเอียดทผี่ สู นใจจะเลยี้ งทคี่ วรทราบและถือปฏบิ ัติ ตอไปนีเ้ ปน ขั้นตอนและวธิ ี ปฏบิ ตั ใิ นการเลี้ยงเปด โปย ฉาย
การเลีย้ งเปด เนือ้ โปยฉา ย 3 การเล้ียงลูกเปดโปยฉา ยอายุ 0-2 สัปดาห การเลย้ี งเปดโปยฉา ยจะสาํ เร็จหรอื ไมนนั้ มีความเกยี่ วขอ งกบั การเลย้ี งลูกเปด ระยะ 2 สปั ดาหแ รกเปนอยางยง่ิ เพราะวา ลูกเปดนัน้ ถอื วา เปน จุดเริม่ ตน ของการทําฟารม ท่อี ยใู นความ สนใจของเรา ถาลูกเปด แข็งแรง เติบโตสมํา่ เสมอ สมบูรณ ไมอ มโรคแลว การเลย้ี งในอกี 2 ระยะ ตอ ไปจะไมป ระสบปญหา ดงั น้นั ทกุ ๆ ฟารมจงึ เอาใจใสในระยะแรกนอี้ ยางยง่ิ โดยปกตแิ ลวลกู เปด อายุ 0-2 สปั ดาห มคี วามตอ งการอยา งยง่ิ อยู 5 อยางดว ยกนั คือ ความอบอุน อาหารทมี่ คี ุณภาพ น้ํา สะอาด การปอ งกนั โรค และการเตรยี มพรอมกอ นนาํ ลกู เปดเขา มาเลย้ี ง 1. การเตรียมพรอ มกอ นนาํ ลูกเปดโปย ฉา ยเขา มาเลีย้ ง มีหลายสง่ิ หลายอยา งทเี่ จาของฟารมจะตอ งตระเตรียมไวล ว งหนา กอ นทจ่ี ะนาํ ลูกเปด เขา ฟารม ไมใชวา ลกู เปดสงมาถึงฟารม แลวเราจึงว่งิ ไปหารางนาํ้ รางอาหาร แมแ ตอ าหารลกู เปดก็ เชน เดยี วกันจะตอ งเตรียมไวลวงหนา สิ่งตอไปน้ีจะตอ งดาํ เนนิ การลว งหนา คอื - ทาํ ความสะอาดโรงเรือนและอปุ กรณท ่ีใชส าํ หรบั ลกู เปด ระยะแรก โดยการลา งนา้ํ ฉีดยาฆา เช้ือโรค หรอื รมควันฆาเชื้อ และนาํ ออกตากแดด การตระเตรยี มกรงกก หรือหอ งสาํ หรับกกลกู เปด จะตองตระเตรยี มลวงหนาอยางนอ ย 2 สปั ดาห ถากกลูกเปด บนพนื้ คอกจะตองเปล่ียนวสั ดรุ องพน้ื ใหมท ุกๆ ครง้ั ทนี่ ําลกู เปดเขา คอกกก - การสง่ั จองลกู เปด กอ นทีจ่ ะเลย้ี งเปดโปยฉา ยควรจะไดมกี ารวางแผนวา ควรจะเลย้ี งชวงใด จงึ เหมาะสม และเมือ่ ตดั สนิ ใจแลว กค็ วรจะสัง่ จองลูกเปดไวล วงหนา อาจจะเปนสปั ดาหห รอื แมแ ต เดอื นก็ควรกระทํา และควรจะส่ังซ้ือสัง่ จองจากโรงฟก ลกู เปดโปย ฉา ยท่ีมชี อ่ื เสียง ทผ่ี ลติ ลูกเปด ทมี่ ี คุณภาพ และทีๆ่ สงั่ จองนนั้ จะตอ งสง่ั ลกู เปด ใหถึงฟารม ไดใ นระยะเวลา 24 ชัว่ โมง ถาหากโรงฟก อยู ไกลเกินไป การขนสง ลูกเปด เกินกวา 24 ชัว่ โมงจึงไมค วรปฏิบตั ิ เพราะวา ลกู เปด เสียนํา้ ระเหยออก จากตวั ทาํ ใหเปดน้าํ หนังลดลงมา ซ่ึงจะมผี ลกระทบตอ ความแขง็ แรงของลูกเปดในระยะเวลาตอ มา - การใหนาํ้ ทส่ี ะอาดแกลกู เปด ในระยะแรกทลี่ กู เปด มาถึงฟารม นํา้ ที่เตรยี มไวค วรจะเปนนาํ้ ทสี่ ะอาด เชน นํ้าใตดิน นํา้ บาดาล หรือน้าํ บอ นํา้ ตื้น หรอื นาํ้ ฝน เปนนาํ้ ที่สะอาด โดยใสในถังหรือ ขวดใสน าํ้ เปดและไก ควรหลีกเลี่ยงใหลกู เปดโปยฉายกนิ น้ําประปา ท้งั นเ้ี พราะวา ลูกเปด จะตาย หรือออ นแอมากเมื่อไดก นิ นาํ้ ทม่ี ีสารเคมคี ลอรนี ทสี่ ําหรบั ฆา เชอ้ื โรคในนาํ้ ประปา ถา หากวา มคี วาม จําเปน จะตองใชน้ําประปาเล้ียงลกู เปดระยะแรกแลว ก็อาจจะทําไดโ ดยเปดนํา้ เก็บไวในถงึ เปน เวลานานขามคนื
การเล้ียงเปดเน้อื โปย ฉา ย 4 2. โรงเรือนและอุปกรณ โรงเรือนและอุปกรณจ ะตอ งเตรยี มไวลว งหนา ทสี่ าํ คญั ๆ ไดแ ก - โรงเรอื นทใ่ี ชกกลกู เปด ควรจะเปนโรงเรอื นทสี่ ามารถปอ งกันลมและฝนไดพ รอ มทง้ั จะตอง ปองกันสัตวตา งๆ ทีเ่ ปนศัตรู และเปนพาหนะนําเชอื้ โรคมาสูลูกเปด เชน สนุ ัข แมว หนู นกตางๆ - การระบายอากาศ โรงเรอื นควรจะมีชอ งระบายอากาศทด่ี ี สว นใหญแ ลวโรงกลกู เปด มกั จะ เปน โรงเรือนทมี่ ฝี า ประตูและหนาตา งคอ นขา งจะมดิ ชิด เพ่อื เกบ็ ความอบอุน และปองกันลมแรง ดวยเหตนุ จ้ี งึ ตอ งมีชอ งระบายลมทดี่ ีเพ่ือไลอ ากาศเสียออกไป แลว มอี ากาศสดชน่ื เขา มาแทนที่ การ ระบายอากาศนบั วา มีความสําคญั มากเพราะวา มนั เกย่ี วเน่ืองกบั สขุ ภาพลกู เปด ความชื้นและการ แพรเ ช้ือโรค นอกจากนย้ี ังทําใหพ้ืนทคี่ อกแหง เหมาะแกการเลี้ยงลกู เปดไดอีกดวย - การกกลูกเปดโปย ฉา ย การกกลูกเปดเราอาจจะกกบนพื้นดนิ ที่โรยดวยแกลบ ข้ีเล่ือย ฟาง หรอื ซงั ขา วโพดบด วางหนาประมาณ 1-2 น้วิ หรืออาจจะเปน พ้ืนทีม่ ดี ินทรายรองพนื้ ก็ได การกก ควรจะแบง ลกู เปดออกเปน คอกๆ ละประมาณ 150-200 ตวั โดยใชแ ผงไมข ดั แตะหรอื แผงกระดาษ หรอื แผงพลาสติก สูงประมาณ 1 ฟตุ กพ็ อ เพอ่ื ก้นั ระวางคอกปองกนั ลกู เปด นอนสมุ กองกันจะทาํ ให ตายมาก โดยเฉพาะในเวลากลางคืน ขนาดของคอกข้ึนอยกู ับอายขุ องลูกเปด โดยเปด อายุ 0-1 สปั ดาห พ้ืนท่ี 1 ตารางเมตร กกได 30 ตวั ถาอายุ 1-2 สปั ดาห พนื้ ที่ 1 ตารางเมตร กกได 23 ตัว และอายุ 2-3 สัปดาห ใชอตั ราสวน 15 ตัว/พนื้ ที่ 1 ตารางเมตร แหลง ของความรอ นท่ีใชก กลกู เปด อาจจะใชห ลอดไฟฟา ขนาด 60 วัตต 2 หลอด/ลกู เปด 200 ตวั หรอื อาจจะใชก กทใ่ี ชแ กซกย็ ังได นอกจากนี้เรายงั กกลกู เปดในตะกรา ไมไผ กลอ งกระดาษ หรอื สุมไก โดยมหี ลกั วา ใชผาหรอื กระสอบคลุมเพื่อความอบอนุ ใหล กู เปด เรากกลกู เปด เพยี ง 1-2 สัปดาห เทา นน้ั กพ็ อ โดยเฉพาะฤดู รอนอาจจะกกเพยี ง 9-10 วันก็พอ แตฤ ดหู นาวอาจจะกก 10-20 วัน ทใี่ หผลดแี ละถอื ปฏบิ ัติกันใน ไตหวัน คอื กกลูกเปดใสโรงกก 9-10 วนั แลว ปลอยออกไปเล้ยี งในบอนาํ้ ใหนอนใหก ินอยูรอบๆ บอ นํ้าตงั้ แตน้นั มาจนถึงอายสุ ง ตลาด 10 สปั ดาห อณุ หภมู ทิ ใี่ ชก กขนึ้ อยกู บั อายุเปด และอณุ หภมู ขิ อง อากาศ มีรายละเอียดในตารางท่ี 1
การเลยี้ งเปด เนอื้ โปย ฉา ย 5 ตารางที่ 1 แสดงอุณหภูมทิ เี่ หมาะสมในการกกลูกเปด โปยฉา ยอายุ 0-3 สปั ดาห อากาศรอน อากาศเยน็ อายุ องศา F องศา C องศา F องศา C 1 วนั 95 35 95 35 2-7 วนั 1-2 สปั ดาห 95~90 35~32 95~90 35~32 2-3 สัปดาห 90~80 32~26 90~80 32~26 หยุดกก 80~75 26~23 - วัสดุรองพ้นื คอกกก ถา บนพน้ื ดนิ ควรรองพืน้ ดวยวสั ดุทด่ี ดู ซบั ความชนื้ ไดด ี เชน แกลบ ขี้ เล่อื ย ดินทราย ซงั ขาวโพด การจดั การดา นวสั ดุรองพืน้ นับวาสําคญั มากเชนเดียวกบั การควบคมุ ความอบอุน วสั ดุรองพนื้ ท่เี ปย กชืน้ ควยจะนะมาไปทงิ้ หรอื ไมเ ตมิ วัสดลุ งไปอกี โดยเฉพาะวัสดทุ อ่ี ยู ใกลข วดนํ้า หรือกกมกั จะเปย กน้ําจากการท่ีลกู เปด ชอบเลนนํา้ หกเปย กชน้ื ดังน้นั จึงตองหาวิธี ปองกันในไตห วนั มีวิธีการกก โดยวิธยี กพนื้ คือ พื้นท่ีๆ จะใชก กลูกเปดเขาจะยกพื้นสูงประมาณ 10- 15 ซ.ม, แลวปพู ื้นดวยตาขา ยพลาสตกิ หรอื ลอดตาขา ย หรอื ไมบ างแหง กเ็ ปน พืน้ ไมข ัดแตะ วิธีนี้นาํ้ ที่ หกหรอื ตกหลน จะไหลลงพนื้ และนา้ํ เหลา น้ีก็จะถูกําจดั ออกไปนอกคอก โดยทาํ พน้ื ใหเ อยี ง หรอื ไมก็ ฉีดนํ้าไลอ อกไปกไ็ ดนบั วา นยิ มกันมากในปจ จบุ ัน - ความช้ืนภายในคอกลกู เปด อยปู ระมาณ 65-75% ถาหากความชื้นภายในคอกสงู เกนิ ไป ควรจะตอ งปรบั ชอ งระบายอากาศใหก วา งขนึ้ หรอื ทาํ ใหล มพดั เขาออกใหมากข้นึ เพือ่ ลดความชืน้ ใหล งมาอยใู นระดบั ทเี่ หมาะสม - การปลอยใหล ูกเปดเลน น้ํา ในระยะแรกๆ 1-3 สัปดาห ลกู เปดจะยังไมจาํ เปนทจี่ ะเลนนํ้า อาบนํ้า เราจงึ กกไวในโรงกกกอนทัง้ นี้เพราะวาเมอ่ื เล็กๆ น้ี อวัยวะทเี่ กี่ยวของกบั การควบคมุ การใช น้าํ ในรา งกายของลูกเปดยงั ไมพฒั นา เราจึงเล้ียงโดยไมใ หเ ลน นา้ํ แตว า มบี างกรณลี กู เปดเปอน สกปรกอาจจะสาเหตุอนั ใดไมท ราบได เราอาจจะใหล ูกเปดลงเลนน้ําไดเพอ่ื ลา งส่งิ สกปรก อาบนํา้ โดยปลอยใหล งเลนน้าํ ในเวลาทีม่ แี สงแดดจดั เชน ใกลเท่ียง หรอื บา ย 1-2 โมง และจาํ กดั ใหเลนนา้ํ เพยี ง 5-10 นาที แลวไลข ้ึนมาตากแดดใหข นแหง แลวจึงตอนใหเขา ไปคอกกกตอ ไป - การใหแสงสวา ง แสงสวางนับวา มคี วามสําคญั ตอ การเล้ยี งลกู เปดมาก ในระยะแรกเรา จําเปน ตอ งใหแ สงสวางตลอดเวลา โดยอาศยั ไฟจากกรงกกในเวลากลางคนื สวนกลางวันกใ็ ชแ สง
การเลีย้ งเปด เนอื้ โปยฉา ย 6 ธรรมชาติ การใหแ สงอยา งตอ เนอื่ งตลอดวันระยะอายุ 2 วันแรกจะชว ยใหล ูกเปด ไดกินน้าํ และ อาหารเพียงพอ ทาํ ใหล กู เปด แขง็ แรงแสงสวา งทใี่ หในเวลากลางคนื เราใชห ลอดไฟนอี อน ขนาด 20 วัตต หรือหลอดสวางขนาด 60 วัตต ตอพนื้ ทคี่ อกกก 30 ตารางเมตร - การใหอ าหารและการใหนา้ํ ลูกเปดโปยฉายระยะ 2 วันแรก ควรใหอ าหารผสมชนดิ ผงคลกุ น้ําพอหมาดๆ ใสในภาชนะแบนๆ มีขอบเตีย้ ๆ เชน ถาดสงั กะสี หรือไมก โ็ รยกลองกระดาษทีส่ งลกู เปดแตแ กะกลอ งกระดาษใหว างเรยี บๆ บนพน้ื อาหารควรเปนอาหารลกู เปด ระยะแรกอายุ 0-3 สัปดาห เปนอาหารทม่ี โี ปรตนี 17-17% พลงั งานท่ีได2 ,890 M.E. Kcal/Kg. อาหารและนํ้าควรจะวางอยู ใกลไ ฟกกหาง 30-50 ซม. เพ่ือใหล ูกเปดไดก ินอาหารไดส ะดวกและอยูใ กลไฟ พอเปด อายมุ ากขน้ึ เปน 30 วันขน้ึ ไป ก็ใหลกู เปดกนิ อาหารในถึงทใ่ี ชสําหรับเล้ียงลูกเปด และอาหารก็เปลย่ี นเปน อาหารชนดิ เมด็ จะทาํ ใหล กู เปดกนิ อาหารไดม ากขนึ้ และประสทิ ธภิ าพการใชอาหารกด็ กี วา อาหาร ชนดิ ผง 20-30 % เปนการลดตน ทนุ การผลติ ถังใสอาหารขนาด 5 กก. จาํ นวน 3 ถงั พอเหมาะกับ การเลย้ี งลกู เปด 100 ตัว การใหอาหารและน้ําหลังจาก 2 วนั แรก ใหว างอาหารคอ ยๆ หา งออกจาก ไฟกก 1.5-2 เมตร และขยบั ใหห างออกเรอื่ ยๆ สุกทา ยใหห า งมากทีส่ ดุ เทาท่ีจะทําได การใหน ํ้าควร ใสในขวดพลาสติก สาํ หรบั ใหน า้ํ เปด และไกทมี่ จี าํ หนา ยในตลาดและใหว างอยใู กลอาหาร นา้ํ ทใี่ ห ควรเปนน้ําทสี่ ะอาดปราศจากสารเคมคี ลอรนี ปจจบุ นั มกี ารใหนาํ้ แบบอตั โนมตั ิ นาํ้ สงมาตามทอ แตมีกอ กนา้ํ เลก็ ๆ และมถี วยพลาสตกิ สําหรบั รบั รองนาํ้ 4-5 ซม. รองนํ้าใหเ ปด ไดกนิ ท่ีกอ กจะมี สปรงิ และนมหนปู ดน้ําอตั โนมัติ เมือ่ ลกู เปด อยากกนิ นา้ํ ลกู เปดจะใชจ งอยปากกดหรอื ไขไปบน หวั นมหนหู รือสปริง แลวนาํ้ จะไหลออกมาใหล กู เปดกนิ ถาลูกเปด ไมทําอะไรบนหัวนมหนแู ละสปริง นํ้าก็ไมไ หลออกมา โดยปกติแลวเราจะใหอ ตั ราสว นของลูกเปด 10-12 ตวั ตอกอ กน้าํ อัตโนมัติ 1 อนั การวางกอ กนาํ้ ควรจะวางใหส ูงระดบั หลงั ของเปด เมื่อเปด โตขึ้นกข็ ยบั ใหส งู ข้ึน ถังนํ้า ขวดน้าํ ราง น้ํา ควรทําความสะอาดทกุ วนั ๆ ละ 1-2 ครั้ง - สิง่ ที่ควรปฏิบตั ิเมอื่ เปด โปยฉายมาถึงฟารม การวางแผนลวงหนาในเร่อื งตา งๆ กอ นที่ลกู เปด จะมาถึงฟารม เปนหนา ท่ขี องเจา ของฟารม ซงึ่ จะตอ งเอาใจใสเ ปน พเิ ศษ ทงั้ นี้เพราะวาถาไม ตระเตรยี มการไวกอ น เมอ่ื ลูกเปดมาถึงฟารมจะทาํ ใหก ารทาํ งานไมเ ปน ขน้ั ตอน และยงุ เหยิงมี ผลเสยี ตอลกู เปด ในภายหลงั อนั ดับแรกเมือ่ เปดมาถึงฟารม ควรจะถามพนกั งานขบั รถกอ นวาไปสง ทีฟ่ ารมไหนมาบา ง ถาหากรถคันนั้นไปสงลกู เปดมาหลายๆ แหงแลว เราก็ไมค วรใหร ถนั้นเขา ไปใน ฟารมของเรา ถาใหเขา กต็ องฉีด-พน ยาฆา เช้ือกอ น ทางที่ดีเราใหค นงานของเราขนลกู เปดเขาไป ในฟารม เอง ไมค วรใหผ อู ืน่ ทม่ี าขับรถสงลูกเปด ทํา ลูกเปด ควรจะมาถงึ ฟารม ในเวลาเชา เพ่ือจะไดมี เวลาสอนใหลกู เปด ไดก นิ น้าํ กนิ อาหาร และอยใู กลไ ฟกก ถา มาเวลากลางคืนลกู เปด จะไมก ิน อาหาร-นา้ํ และไฟกก ทําใหลกู เปด นอนหนาวสมุ กนั เปนกอง และตายจาํ นวนมาก เมื่อลกู เปด มาถงึ และนาํ ออกวางในกรงกก เราควรจะสํารวจดวู า ลกู เปดแขง็ แรงดหี รอื ไม มีตัวออนแอไหม เม่อื เห็นก็แยกไวต า งหาก กอ นนําลกู เปด ลงกรงกก ควรหยอดวคั ซนี ปองกนั โรคไวรสั ตับ (DVH) ตัง้ แตว ัน แรก ในขณะเดียวกันเราควรจะตดั ปากลกู เปด ไปพรอมๆ กับการทาํ วัคซนี โดยใชเครอ่ื งตดั ปากไกที่
การเล้ยี งเปดเน้ือโปย ฉา ย 7 มขี ายและใชกนั ท่วั ๆ ไปในฟารม ไก การตดั ปากลกู เปด จะไมเ หมอื นตดั ปากไก คอื การตัดปากลกู ไก จะใชใ บมดี ทคี่ มและรอน ตัดจงอยปากสว นบนออกประมาณ 1 ใน 3 ของความยาวปากบน สว นการ ตดั ปากเปด จะเปน การใชใ บมดี ทร่ี อ นจัดนัน้ จลี้ งไปบนปุมนูนๆ อยูปลายจงอยปากบนของลกู เปด นานประมาณ 2-3 นาที เพื่อใหบ รเิ วณจงอยปากสว นนเ้ี นอื้ ตายไมเ จรญิ เตบิ โตยาวออกเทา กับปาก สว นลา ง จึงทาํ ใหระยะอายตุ อไป ปากสวนบนจะสน้ั กวาปากลาง การตัดปากลกู เปด จะชว ยใหเ ปด ไมกนิ ขนกันและไมจ กิ กนั ทนั ทที ล่ี กู เปด ปลอยลงพ้นื ของกรงกกส่ิงแรกทีค่ วรจะสอนลูกเปด คอื สอนใหล ูกเปดกินนํ้า และเราจะตอ งใหนาํ้ ลกู เปดกนิ กอนอาหาร 3 ช่วั โมง โดยหลกั การแลว เราจะใหลกู เปดกินน้าํ ภายใน เวลา 24 ช่วั โมง แมว า ลูกเปด จะมีชีวิตอยไู ดถ ึง 3 วนั โดยไมกินนํ้า และอาหารกต็ าม แตเ ราควรจะให ลูกเปดไดกินนํ้าใหเรว็ ทีส่ ดุ เพ่ือปอ งกนั ลูกเปด แหง ตาย อันเนอื่ งมาจากการระเหยนํ้าออกจาก รางกายมากๆ ลูกเปดจะมนี ํา้ หนักเบา และออนแอ เลยี้ งยาก เมอื่ เหน็ ลูกเปดตัวใดกินน้ําไมเ ปน เรา ควรจะจับปากลูกเปดจุมลงในนา้ํ เพือ่ ใหล ูกเปด รู ถาสังเกตดๆี จะเหน็ ลูกเปดจาํ นวนมากไมรจู กั กิน นาํ้ ในทางปฏบิ ัตินอกจากเราจะเอานํา้ ไวใ หลกู เปด กินอยูใ กลๆ เครอื่ งกก ชาวนายังจะตอ งคลกุ อาหารดวยนา้ํ อยางหมาดๆ โปรยบนแผน ภาชนะแบนๆ หรอื กระดาษแขง็ ใกลๆ เครือ่ งกกดว ย เพือ่ ใหเปน ที่แนช ดั วาลกู เปดทกุ ตวั ไดกนิ ทั้งนาํ้ และอาหาร การเล้ยี งเปดอายุ 3-8 สัปดาห การเล้ยี งเปด โปยฉา ยจะสําเรจ็ หรือไมนัน้ มคี วามเก่ยี วขอ งกับ การเลยี้ งลูกเปดระยะ 2 สปั ดาหแ รกเปน อยางย่ิง เพราะวาลกู เปด น้นั ถือวา เปนจุดเริ่มตนของการทําฟารม ทอ่ี ยใู นความ สนใจของเรา ถา ลูกเปดแขง็ แรง เติบโตสม่ําเสมอ สมบรู ณ ไมอมโรคแลว การเลย้ี งในอกี 2 ระยะ ตอไปจะไมประสบปญหา ดงั นั้นทกุ ๆ ฟารม จงึ เอาใจใสในระยะแรกนอ้ี ยา งยงิ่ โดยปกตแิ ลวลกู เปด อายุ 0-2 สปั ดาห มคี วามตอ งการอยา งยง่ิ อยู 5 อยา งดว ยกนั คอื ความอบอุน อาหารท่มี คี ณุ ภาพ นํา้ สะอาด การปอ งกันโรค และการเตรียมพรอมกอ นนาํ ลกู เปด เขา มาเล้ยี ง 1. การเตรยี มพรอมกอ นนําลูกเปดโปย ฉายเขา มาเลยี้ ง มีหลายสง่ิ หลายอยา งทเี่ จา ของฟารมจะตอ งตระเตรียมไวล ว งหนา กอ นทจี่ ะนาํ ลูกเปด เขา ฟารม ไมใชว า ลูกเปด สง มาถงึ ฟารมแลว เราจงึ วงิ่ ไปหารางน้ํา รางอาหาร แมแ ตอ าหารลกู เปดก็ เชนเดยี วกันจะตอ งเตรยี มไวล ว งหนา ส่งิ ตอไปนจี้ ะตองดาํ เนินการลว งหนา คอื
การเล้ยี งเปด เนื้อโปยฉา ย 8 - ทําความสะอาดโรงเรือนและอุปกรณท ี่ใชส าํ หรบั ลูกเปดระยะแรก โดยการลางนํ้า ฉีดยาฆา เช้อื โรค หรอื รมควนั ฆา เชอื้ และนาํ ออกตากแดด การตระเตรยี มกรงกก หรอื หอ งสําหรับกกลกู เปด จะตอ งตระเตรียมลวงหนาอยา งนอย 2 สปั ดาห ถากกลูกเปด บนพน้ื คอกจะตองเปล่ียนวัสดรุ องพน้ื ใหมท กุ ๆ ครง้ั ท่นี าํ ลูกเปด เขา คอกกก - การสั่งจองลกู เปด กอนท่ีจะเลี้ยงเปด โปย ฉา ยควรจะไดมีการวางแผนวาควรจะเลย้ี งชว งใด จึงเหมาะสม และเม่อื ตัดสนิ ใจแลวกค็ วรจะสั่งจองลกู เปดไวล ว งหนา อาจจะเปน สปั ดาหห รือแมแ ต เดือนก็ควรกระทํา และควรจะสัง่ ซ้อื ส่ังจองจากโรงฟก ลกู เปด โปย ฉา ยทม่ี ชี ่อื เสยี ง ทผ่ี ลิตลกู เปด ทมี่ ี คณุ ภาพ และท่ีๆ สงั่ จองน้นั จะตองส่งั ลูกเปด ใหถงึ ฟารม ไดในระยะเวลา 24 ชว่ั โมง ถาหากโรงฟก อยู ไกลเกนิ ไป การขนสง ลูกเปด เกินกวา 24 ชั่วโมงจงึ ไมค วรปฏิบัติ เพราะวาลกู เปด เสียนา้ํ ระเหยออก จากตวั ทําใหเปด นาํ้ หนังลดลงมา ซง่ึ จะมีผลกระทบตอ ความแข็งแรงของลูกเปด ในระยะเวลาตอมา - การใหน าํ้ ท่ีสะอาดแกล ูกเปด ในระยะแรกทล่ี กู เปด มาถึงฟารม น้ําท่เี ตรยี มไวควรจะเปนน้ํา ท่ีสะอาด เชน นาํ้ ใตด นิ นํา้ บาดาล หรือนาํ้ บอ นา้ํ ตืน้ หรอื นาํ้ ฝน เปนนํ้าท่ีสะอาด โดยใสใ นถังหรือ ขวดใสนํา้ เปดและไก ควรหลกี เลี่ยงใหล ูกเปด โปยฉายกนิ น้าํ ประปา ทง้ั นเี้ พราะวาลกู เปดจะตาย หรอื ออ นแอมากเมือ่ ไดกนิ นา้ํ ทมี่ ีสารเคมีคลอรนี ท่ีสําหรบั ฆา เชอื้ โรคในน้ําประปา ถา หากวา มคี วาม จาํ เปน จะตอ งใชนา้ํ ประปาเลีย้ งลูกเปด ระยะแรกแลว ก็อาจจะทาํ ไดโดยเปดน้ําเก็บไวในถงึ เปน เวลานานขา มคืน 2. โรงเรอื นและอปุ กรณ โรงเรือนและอปุ กรณจ ะตองเตรยี มไวล วงหนา ท่ีสําคญั ๆ ไดแ ก - โรงเรือนทใี่ ชก กลกู เปด ควรจะเปนโรงเรือนทสี่ ามารถปองกันลมและฝนไดพรอมทงั้ จะตอ ง ปอ งกันสัตวตางๆ ท่เี ปนศัตรู และเปน พาหนะนําเชื้อโรคมาสลู ูกเปด เชน สนุ ัข แมว หนู นกตา งๆ - การระบายอากาศ โรงเรือนควรจะมีชอ งระบายอากาศทดี่ ี สวนใหญแ ลว โรงกลูกเปดมกั จะ เปนโรงเรือนทม่ี ีฝา ประตูและหนาตา งคอ นขางจะมดิ ชิด เพอื่ เก็บความอบอุน และปองกันลมแรง ดว ยเหตุนจ้ี งึ ตองมีชอ งระบายลมทีด่ เี พอ่ื ไลอากาศเสยี ออกไป แลวมีอากาศสดชื่นเขามาแทนที่ การ ระบายอากาศนบั วา มคี วามสาํ คญั มากเพราะวา มนั เกีย่ วเนือ่ งกบั สขุ ภาพลกู เปด ความชน้ื และการ แพรเ ชอ้ื โรค นอกจากนย้ี งั ทาํ ใหพนื้ ทค่ี อกแหง เหมาะแกก ารเลย้ี งลกู เปดไดอกี ดวย - การกกลกู เปดโปย ฉา ย การกกลูกเปด เราอาจจะกกบนพืน้ ดินทโ่ี รยดวยแกลบ ข้ีเลื่อย ฟาง หรือซงั ขาวโพดบด วางหนาประมาณ 1-2 นวิ้ หรืออาจจะเปนพน้ื ทีม่ ดี ินทรายรองพื้นกไ็ ด การกก ควรจะแบงลูกเปด ออกเปนคอกๆ ละประมาณ 150-200 ตัว โดยใชแ ผงไมข ดั แตะหรอื แผงกระดาษ หรอื แผงพลาสตกิ สูงประมาณ 1 ฟุตก็พอ เพ่อื กั้นระวา งคอกปองกันลกู เปด นอนสุมกองกันจะทาํ ให
การเลี้ยงเปดเนอ้ื โปยฉา ย 9 ตายมาก โดยเฉพาะในเวลากลางคนื ขนาดของคอกขึน้ อยกู บั อายขุ องลูกเปด โดยเปด อายุ 0-1 สัปดาห พ้ืนท่ี 1 ตารางเมตร กกได 30 ตวั ถา อายุ 1-2 สัปดาห พืน้ ที่ 1 ตารางเมตร กกได 23 ตัว และอายุ 2-3 สัปดาห ใชอัตราสวน 15 ตัว/พ้นื ที่ 1 ตารางเมตร แหลง ของความรอนทใ่ี ชก กลกู เปด อาจจะใชห ลอดไฟฟา ขนาด 60 วัตต 2 หลอด/ลูกเปด 200 ตวั หรอื อาจจะใชก กทใี่ ชแ กซก็ยังได นอกจากน้ีเรายงั กกลูกเปดในตะกราไมไผ กลอ งกระดาษ หรอื สุม ไก โดยมหี ลกั วา ใชผา หรือ กระสอบคลมุ เพ่อื ความอบอุนใหลูกเปด เรากกลกู เปด เพยี ง 1-2 สปั ดาห เทานัน้ กพ็ อ โดยเฉพาะฤดู รอ นอาจจะกกเพยี ง 9-10 วันก็พอ แตฤ ดหู นาวอาจจะกก 10-20 วัน ท่ใี หผลดแี ละถอื ปฏบิ ัตกิ ันใน ไตหวนั คอื กกลูกเปดใสโรงกก 9-10 วันแลวปลอยออกไปเล้ียงในบอ นํา้ ใหน อนใหก ินอยูรอบๆ บอ น้ําตงั้ แตน นั้ มาจนถงึ อายสุ งตลาด 10 สปั ดาห อุณหภมู ทิ ใ่ี ชก กข้นึ อยกู บั อายเุ ปด และอุณหภมู ขิ อง อากาศ มรี ายละเอยี ดในตารางท่ี 1 ตารางที่ 1 แสดงอุณหภมู ทิ ีเ่ หมาะสมในการกกลูกเปด โปย ฉา ยอายุ 0-3 สปั ดาห อากาศรอน อากาศเย็น อายุ องศา F องศา C องศา F องศา C 1 วนั 95 35 95 35 2-7 วัน 1-2 สัปดาห 95~90 35~32 95~90 35~32 2-3 สปั ดาห 90~80 32~26 90~80 32~26 หยดุ กก 80~75 26~23 - วสั ดุรองพ้นื คอกกก ถา บนพนื้ ดนิ ควรรองพ้นื ดวยวัสดุทด่ี ูดซบั ความชื้นไดดี เชน แกลบ ขี้ เลือ่ ย ดินทราย ซังขา วโพด การจดั การดา นวัสดุรองพ้ืน นับวาสําคัญมากเชน เดียวกบั การควบคุม ความอบอนุ วสั ดุรองพ้ืนที่เปยกช้ืน ควยจะนะมาไปท้ิง หรอื ไมเ ตมิ วัสดลุ งไปอกี โดยเฉพาะวัสดุทอ่ี ยู ใกลขวดนา้ํ หรือกกมักจะเปย กนา้ํ จากการทลี่ กู เปดชอบเลน นา้ํ หกเปยกชนื้ ดงั นน้ั จึงตอ งหาวิธี ปองกันในไตห วันมีวิธีการกก โดยวธิ ยี กพืน้ คอื พน้ื ท่ๆี จะใชกกลกู เปดเขาจะยกพน้ื สงู ประมาณ 10- 15 ซ.ม, แลว ปพู ืน้ ดว ยตาขา ยพลาสตกิ หรอื ลอดตาขา ย หรือไมบางแหง ก็เปน พ้ืนไมขดั แตะ วิธีน้ีน้าํ ท่ี หกหรอื ตกหลน จะไหลลงพน้ื และนํ้าเหลา น้ีก็จะถูกาํ จดั ออกไปนอกคอก โดยทําพนื้ ใหเอียง หรอื ไมก ็ ฉดี นํ้าไลออกไปกไ็ ดนับวา นิยมกันมากในปจ จบุ ัน - ความชืน้ ภายในคอกลกู เปดอยปู ระมาณ 65-75% ถาหากความชื้นภายในคอกสงู เกนิ ไป ควรจะตอ งปรบั ชอ งระบายอากาศใหก วา งขึน้ หรอื ทาํ ใหลมพดั เขาออกใหมากขึน้ เพ่อื ลดความช้ืน ใหล งมาอยใู นระดบั ทเ่ี หมาะสม
การเลีย้ งเปด เนอ้ื โปยฉา ย 10 - การปลอ ยใหล ูกเปด เลน นา้ํ ในระยะแรกๆ 1-3 สปั ดาห ลกู เปดจะยงั ไมจ าํ เปนท่จี ะเลน นํา้ อาบนํ้า เราจงึ กกไวในโรงกกกอ นทง้ั นเี้ พราะวา เมอื่ เล็กๆ น้ี อวัยวะท่ีเกีย่ วของกบั การควบคุมการใช นํา้ ในรา งกายของลกู เปด ยังไมพ ัฒนา เราจงึ เลยี้ งโดยไมใ หเ ลน นํ้า แตว ามีบางกรณลี กู เปดเปอ น สกปรกอาจจะสาเหตุอนั ใดไมท ราบได เราอาจจะใหล กู เปด ลงเลน น้ําไดเ พ่อื ลางสิ่งสกปรก อาบนํ้า โดยปลอ ยใหล งเลน น้าํ ในเวลาที่มแี สงแดดจดั เชน ใกลเ ท่ยี ง หรอื บา ย 1-2 โมง และจาํ กดั ใหเลน นํา้ เพยี ง 5-10 นาที แลวไลขนึ้ มาตากแดดใหข นแหง แลวจงึ ตอนใหเขา ไปคอกกกตอ ไป - การใหแสงสวา ง แสงสวางนับวา มีความสําคญั ตอ การเลีย้ งลกู เปด มาก ในระยะแรกเรา จําเปนตอ งใหแ สงสวางตลอดเวลา โดยอาศยั ไฟจากกรงกกในเวลากลางคนื สว นกลางวันกใ็ ชแ สง ธรรมชาติ การใหแ สงอยา งตอ เนือ่ งตลอดวนั ระยะอายุ 2 วันแรกจะชว ยใหลกู เปด ไดก นิ น้าํ และ อาหารเพยี งพอ ทาํ ใหล กู เปดแข็งแรงแสงสวางทใี่ หใ นเวลากลางคืนเราใชห ลอดไฟนีออน ขนาด 20 วัตต หรือหลอดสวางขนาด 60 วัตต ตอพนื้ ท่คี อกกก 30 ตารางเมตร - การใหอ าหารและการใหน าํ้ ลกู เปด โปยฉายระยะ 2 วนั แรก ควรใหอ าหารผสมชนดิ ผงคลกุ น้าํ พอหมาดๆ ใสในภาชนะแบนๆ มขี อบเตย้ี ๆ เชน ถาดสังกะสี หรอื ไมก โ็ รยกลอ งกระดาษที่สงลูก เปด แตแ กะกลองกระดาษใหวางเรยี บๆ บนพนื้ อาหารควรเปน อาหารลูกเปด ระยะแรกอายุ 0-3 สปั ดาห เปน อาหารทมี่ ีโปรตนี 17-17% พลงั งานทีไ่ ด2 ,890 M.E. Kcal/Kg. อาหารและนํา้ ควรจะวางอยู ใกลไ ฟกกหา ง 30-50 ซม. เพ่ือใหล กู เปด ไดก นิ อาหารไดส ะดวกและอยูใ กลไฟ พอเปด อายมุ ากขนึ้ เปน 30 วันขนึ้ ไป กใ็ หลกู เปดกินอาหารในถึงท่ใี ชสําหรบั เลีย้ งลูกเปด และอาหารก็เปลย่ี นเปน อาหารชนดิ เมด็ จะทาํ ใหล กู เปดกินอาหารไดม ากข้นึ และประสทิ ธภิ าพการใชอ าหารก็ดกี วา อาหาร ชนดิ ผง 20-30 % เปนการลดตน ทุนการผลติ ถงั ใสอาหารขนาด 5 กก. จาํ นวน 3 ถงั พอเหมาะกับ การเลีย้ งลกู เปด 100 ตัว การใหอ าหารและนา้ํ หลงั จาก 2 วนั แรก ใหวางอาหารคอ ยๆ หา งออกจาก ไฟกก 1.5-2 เมตร และขยับใหห างออกเรอื่ ยๆ สุกทา ยใหหา งมากท่สี ดุ เทาที่จะทาํ ได การใหนา้ํ ควร ใสใ นขวดพลาสติก สาํ หรบั ใหน ํ้าเปด และไกทีม่ ีจาํ หนา ยในตลาดและใหวางอยใู กลอ าหาร นํา้ ทใ่ี ห ควรเปน นา้ํ ทสี่ ะอาดปราศจากสารเคมคี ลอรีน ปจจุบนั มีการใหน ํา้ แบบอัตโนมตั ิ นา้ํ สง มาตามทอ แตม ีกอ กนาํ้ เล็กๆ และมีถวยพลาสติกสําหรับรับรองนา้ํ 4-5 ซม. รองน้ําใหเปดไดก นิ ทีก่ อ กจะมี สปรงิ และนมหนปู ดนา้ํ อัตโนมัติ เมอื่ ลกู เปด อยากกนิ นา้ํ ลูกเปด จะใชจ งอยปากกดหรอื ไขไปบน หวั นมหนหู รือสปรงิ แลวน้ําจะไหลออกมาใหล ูกเปดกนิ ถาลกู เปด ไมท ําอะไรบนหัวนมหนแู ละสปรงิ นํ้าก็ไมไหลออกมา โดยปกติแลวเราจะใหอัตราสว นของลกู เปด 10-12 ตัวตอ กอ กน้ําอตั โนมัติ 1 อัน การวางกอกนาํ้ ควรจะวางใหส ูงระดบั หลงั ของเปด เมอื่ เปด โตขนึ้ กข็ ยบั ใหสูงขึ้น ถังน้ํา ขวดน้าํ ราง นํา้ ควรทําความสะอาดทุกวันๆ ละ 1-2 คร้ัง - ส่งิ ทคี่ วรปฏิบตั เิ มอ่ื เปด โปยฉายมาถึงฟารม การวางแผนลว งหนาในเรอ่ื งตา งๆ กอนทล่ี กู เปด จะมาถึงฟารม เปน หนา ท่ขี องเจา ของฟารม ซง่ึ จะตอ งเอาใจใสเปน พิเศษ ท้ังนี้เพราะวาถาไม ตระเตรยี มการไวก อ น เมือ่ ลกู เปดมาถงึ ฟารมจะทาํ ใหก ารทาํ งานไมเปน ข้นั ตอน และยุงเหยงิ มี
การเล้ียงเปดเนื้อโปยฉา ย 11 ผลเสยี ตอ ลูกเปดในภายหลงั อันดบั แรกเม่อื เปด มาถึงฟารมควรจะถามพนกั งานขบั รถกอ นวา ไปสง ท่ฟี ารม ไหนมาบาง ถา หากรถคนั นนั้ ไปสงลูกเปดมาหลายๆ แหงแลว เรากไ็ มค วรใหร ถน้ันเขาไปใน ฟารม ของเรา ถาใหเขา ก็ตองฉดี -พน ยาฆา เชื้อกอ น ทางทดี่ ีเราใหค นงานของเราขนลูกเปดเขาไป ในฟารมเอง ไมควรใหผอู ืน่ ทมี่ าขับรถสงลกู เปด ทาํ ลูกเปด ควรจะมาถงึ ฟารมในเวลาเชา เพ่อื จะไดม ี เวลาสอนใหล กู เปด ไดกินน้าํ กนิ อาหาร และอยใู กลไฟกก ถา มาเวลากลางคนื ลูกเปด จะไมกนิ อาหาร-นา้ํ และไฟกก ทําใหลกู เปดนอนหนาวสุมกันเปน กอง และตายจาํ นวนมาก เมอ่ื ลกู เปด มาถงึ และนําออกวางในกรงกก เราควรจะสาํ รวจดวู า ลกู เปด แขง็ แรงดหี รอื ไม มีตวั ออ นแอไหม เม่อื เห็นกแ็ ยกไวต า งหาก กอนนาํ ลูกเปดลงกรงกก ควรหยอดวัคซีนปอ งกนั โรคไวรสั ตบั (DVH) ตัง้ แตว ัน แรก ในขณะเดยี วกนั เราควรจะตดั ปากลกู เปด ไปพรอมๆ กับการทาํ วคั ซีน โดยใชเครอ่ื งตดั ปากไกท ี่ มีขายและใชกนั ทว่ั ๆ ไปในฟารม ไก การตดั ปากลูกเปด จะไมเหมอื นตัดปากไก คอื การตดั ปากลูกไก จะใชใ บมดี ทคี่ มและรอ น ตัดจงอยปากสวนบนออกประมาณ 1 ใน 3 ของความยาวปากบน สวนการ ตัดปากเปดจะเปนการใชใ บมีดทรี่ อ นจัดนนั้ จลี้ งไปบนปมุ นูนๆ อยูป ลายจงอยปากบนของลูกเปด นานประมาณ 2-3 นาที เพ่อื ใหบ ริเวณจงอยปากสวนนเ้ี นอื้ ตายไมเจรญิ เติบโตยาวออกเทา กับปาก สว นลาง จงึ ทาํ ใหระยะอายตุ อไป ปากสว นบนจะส้นั กวาปากลาง การตัดปากลกู เปดจะชว ยใหเปด ไมกนิ ขนกนั และไมจ กิ กัน ทันทที ล่ี ูกเปด ปลอ ยลงพ้ืนของกรงกกสง่ิ แรกทีค่ วรจะสอนลกู เปด คอื สอนใหลกู เปด กนิ นํา้ และเราจะตอ งใหน า้ํ ลกู เปด กินกอนอาหาร 3 ชัว่ โมง โดยหลกั การแลว เราจะใหล กู เปดกินนํา้ ภายใน เวลา 24 ชวั่ โมง แมวา ลกู เปด จะมีชีวิตอยไู ดถ ึง 3 วนั โดยไมก ินน้าํ และอาหารกต็ าม แตเ ราควรจะให ลกู เปด ไดกนิ น้ําใหเ รว็ ทส่ี ดุ เพอ่ื ปองกนั ลูกเปด แหง ตาย อนั เนื่องมาจากการระเหยนํ้าออกจาก รางกายมากๆ ลูกเปด จะมนี ํ้าหนักเบา และออ นแอ เลย้ี งยาก เมอ่ื เหน็ ลกู เปด ตัวใดกินน้าํ ไมเปน เรา ควรจะจบั ปากลกู เปดจมุ ลงในนํ้าเพอ่ื ใหล ูกเปด รู ถา สังเกตดีๆ จะเหน็ ลูกเปด จาํ นวนมากไมรจู กั กิน นา้ํ ในทางปฏบิ ตั นิ อกจากเราจะเอาน้าํ ไวใ หลูกเปดกินอยูใกลๆ เครอ่ื งกก ชาวนายังจะตอ งคลกุ อาหารดว ยนาํ้ อยางหมาดๆ โปรยบนแผน ภาชนะแบนๆ หรอื กระดาษแข็งใกลๆ เคร่ืองกกดว ย เพ่อื ใหเปน ท่ีแนช ดั วา ลูกเปด ทุกตัวไดก ินท้งั นํา้ และอาหาร การเลย้ี งเปดโปย ฉายระยะสุดทายอายุ 8-10 สปั ดาห เปด โปย ฉายอายุ 8-10 สัปดาห มวี ิธีการเลีย้ งดเู ชน เดียวกับอายุ 3-8 สัปดาห จะแตกตา งกนั ดา นการใหอาหารเทานั้น ที่แตกตา งกันก็เน่อื งมาจากเปด อายุ 8-10 สปั ดาห การเจริญเติบโตจะ ลดลงและกนิ อาหารมากขนึ้ หรอื อาจกลา วไดวาประสทิ ธิภาพการใชอ าหารลดลงเปด จะกินอาหาร แตเตบิ โตนอ ย เปนการส้นิ เปลืองอาหาร แตว าเปด อายุขนาดนี้การเจรญิ เติบโตของขนกย็ งั มีอตั รา สงู อยู ดงั น้ันการเลี้ยงเปด ในชว งนีจ้ ึงเลยี้ งเพอ่ื เอาขนมากกวา เอาเนอื้ วธิ ีการเลีย้ งดูก็จะเลีย้ งดดู ว ย
การเล้ยี งเปดเนือ้ โปยฉา ย 12 อาหารใหพ อเพยี งสาํ หรบั รกั ษาขนาดและนาํ้ หนักของเปด ทีไ่ ดม าตง้ั แตช วงแรก และใหม นี ้ําหนกั เพ่ิมขน้ึ เล็กนอย คือไมท ุม เทอาหารใหกนิ อยางเต็มท่ี แตเ นอ่ื งจากเปดอายุ 8-10 สัปดาห จะกนิ อาหารมาก ดงั นน้ั เกษตรกรจึงอาจจะนาํ ราํ หยาบ หรือแกลบปนเขา ไปใหมปี รมิ าณมากขึ้น โดย คาํ นึงวา อาหารประเภทเยื่อใยอาหารเปด น้ีมไี ดไมเกนิ 8% ในชว งนอ้ี าหารเปดบางแหง นยิ มเพม่ิ สารอาหารทมี่ ีผลตอคณุ ภาพของขนเปด เชน กรดอะมโิ นท่ีมีสารซลั เฟอรประกอบอยู เชน กรด เมไธโอนีน หรอื ไมก ็เตมิ lodinated Casien, Zine หรอื เพิม่ โปรตนี เขา ไปในอาหารเพือ่ หวังผลดาน ผลผลิตและคณุ ภาพขน เมื่อเปด อายไุ ด 10 สปั ดาห หรือเปด ที่ไดข นาดทส่ี ง ตลาดไดนัน้ เขาสังเกต จากปลายขนปก เปด ทง้ั สองขา งจดกันท่โี คนหางดา นบน เมอื่ เปด นั้นยืนปกติและปกทั้งสองขา งแนบ ลําตัว ซึ่งเปน ระยะเวลาท่ีเหมาะสมทีใ่ หท ั้งขนและเน้อื ท่มี ปี ริมาณและคุณภาพสงู สุด การฟกไขเ ปดโปยฉาย การฟก ไขเปดจะไมเ หมอื นกบั การฟกไขไก และปจจบุ นั ตฟู กไขทม่ี ีจําหนา ยอยใู นตลาดสวน ใหญ เปน ตฟู ก ไขไ ก เมือ่ นํามาฟกไขเปดจงึ ทําใหเปอรเซน็ ตการฟก ออกต่ํากวา ปกติ และบางครง้ั บางฤดู เชน ฤดูรอ น หรอื ฤดูฝน การฟก ออกจะไมดี มปี ญ หามาก อตั ราการตายในชวงสดุ ทา ยของ การฟกไขส งู หรือไมก ็เรยี กอีกอยางหนง่ึ วา มตี ายโคมสูง ทั้งนเ้ี พราะวธิ ีฟก ไขเ ปด นนั้ มีวธิ ีทแ่ี ตกตา ง ออกไปจากไกโ ดยสิ้นเชงิ การฟกไขเปด ไมว าจะเปน เปด พนั ธุไ ขหรือเปด พนั ธเุ นอ้ื หรือเปดเทศสรวม ทงั้ หา นดวย มีหลกั การคลา ยกนั โดยเฉพาะความชนื้ ภายในตฟู กไขตองสงู 75% หรอื อณุ หภูมติ มุ เปย กสูงกวา 90 องศาเอฟ โดยเฉพาะในชว ง 4 วันสุดทา ยของการฟก ความชื้นสงู กวา 80% หรอื อุณหภูมิตุม เปยกสงู กวา 94 องศาเอฟ ทงั้ นี้เพราะวา เปด เปด เทศ และหา นเปนสัตวทช่ี อบเลนน้ํา อาบนํ้า บางครงั้ แมเ ปดจะลงไปอาบนํ้าแลวกลับเขามาฟก ไขท ง้ั ๆ ท่ขี นยงั เปย กไมแ หง บางวนั แม เปดโดยเฉพาะเปด เทศจะออกไปเลนนํ้า อาบนา้ํ ชําระชน ทาํ ความสะอาดขนและกนิ อาหารเปน เวลานาน 1-2 ช่วั โมง โดยเฉพาะเมื่อไขอายุมากๆ หรอื ไมเราจะสงั เกตเหน็ วาแมเ ปด จะใชปากของ มนั เกลย่ี ไขอ อกมาผ่งึ ลมเยน็ นอกปก ของมนั เม่ือมนั ผึง่ ไขอ อกนอกปก เปนเวลานานพอสมควร 20-30 นาที มันกใ็ ชป ากของมันดงึ ไขเ ขา มาไวใ ตลาํ ตัวและปกอกี จะเห็นแมเปดปฏบิ ตั ิอยา งน้ีทกุ วนั ๆ ละ หลายครง้ั โดยเฉพาะวนั ทมี่ อี ากาศรอ นมากๆ ซงึ่ ตา งไปจากแมไ กมกั จะน่งั ฟกไขอ ยา งตอเนื่อง โดย ไมล กุ ออกไปกนิ น้าํ และอาหารเปน เวลาหลายๆ วัน จนลูกไกฟ กออกเปน ตวั ดงั นน้ั การฟกไขเปด ไข เปดเทศ และไขห าน จึงจะตอ งดําเนนิ การตามข้ันตอนตางๆ ดังน้ี 1. การคดั เลือกขนาดและรปู รา งของไขฟ ก ไขเปด ที่ใชส าํ หรบั ฟก ควรจะมขี นาดสมาํ่ เสมอ ใหญเ กินไปหรือเลก็ เกินไปทาํ ใหก ารฟก ออกไมดี ดงั นัน้ การเลอื กไขเ ขาฟก ใหส มา่ํ เสมอสามารถเพ่มิ อัตราการฟกออกไดถึง 5% ขนาดไขท ่ีพอเหมาะจะอยูระหวาง 65-75 กรมั ขนึ้ อยกู บั พันธเุ ปด นอกจากเลือกขนาดไขแ ลวยงั จะตองเลือกรปู รางของไขด ว ย ไขฟองใดทม่ี ีรปู รา งกลม หรอื แหลม เกินไปกไ็ มเอาพรอมจะตอ งเลือกไขทมี่ เี ปลือกไมข รขุ ระ ท้งั นีเ้ พราะวา เปลอื กไขทุกฟองจะมรี เู ล็กๆ อยูโดยรอบ เพือ่ เปนท่รี ะบายอากาศและหายใจของตัวออนกอนฟกออกเปน ตวั ดังน้นั การฟก ออกจะ
การเล้ียงเปดเนื้อโปยฉา ย 13 มากหรือนอ ยก็ขึ้นอยูกบั คณุ ภาพของเปลอื กไขด ว ย พรอ มนไี้ ขฟ กทกุ ฟองจะไมม รี อยบุบรา ว หรอื แตก เพราะนอกจากจะฟกไขไ มอ อกเลย แลวยังจะตอ งทาํ ใหอ ากาศภายในตเู สยี เน่ืองจากไขเนา อีก ทางหน่ึงดว ย 2. การเก็บรกั ษาไขก อ นนาํ เขา ตฟู ก การฟกไขเปดโดยทั่วไปแลว มกั จะรวบรวมไขท ่เี ลือกไว เปน เวลา 2-7 วัน แลว จึงนําเขา ตฟู ก บางฟารมอาจจะเกบ็ เขา ตฟู ก ทกุ ๆ 3 วนั หรือทกุ ๆ 4 วนั ถาไข ฟก มีนอ ยไมม ากเกนิ ไปมกั จะนําเขา ตฟู ก ทุกๆ 7 วัน ในฟารม ทฟ่ี ก ทุกๆ 3-4 วนั สวนใหญจ ะเปน ฟารมทฟ่ี กลกู เปด จาํ หนา ยจํานวนมากๆ เปนหม่ืนๆ หรอื แสนๆ ตวั ตอเดอื น ดงั น้นั เมื่อตองการเกบ็ ไขไ วนานเกินไป 1 วัน เราจาํ เปน จะตอ งมวี ธิ ีเก็บรักษาไขไ วใ หค งสภาพเชนเดยี วกับไขท่อี อกมาจาก กน แมเ ปด ใหมๆ สวนเกษตรกรตอ งการนาํ ไขเขา ฟกทุกๆ วัน ก็ไมจ ําเปนจะตองนาํ เขา หอ งเก็บไข การเก็บไขร วมไวเ ขาฟกจะตอ งเก็บในหองเก็บไขที่สามารถควบคมุ ความรอ นความช้นื ได สําหรบั อณุ หภูมทิ เ่ี หมาะสม ก็ข้นึ อยูกบั ระยะเวลาของการเกบ็ ไขด ว ย นอกจากความรอ นและความชนื้ แลว ยงั จาํ เปน จะตอ งมกี ารกลบั ไขทุกๆ วันๆ ละ 1 ครัง้ การกลบั ไขอ าจจะใชวธิ เี อยี งถาดไขทง้ั ถาดใหไ ด มุม 80 องศา หรอื ใชมือลูกไขเบาๆ ใหเ คลอ่ื นทีจ่ ากทๆี่ ไขวางอยใู หเปลย่ี นท่เี พยี งเลก็ นอยกพ็ อเพยี ง การกลับไขจ ะชว ยใหตัวออ นภายในไมลอยขน้ึ มาตดิ เปลือกไข และทาํ ใหต ัวออนแขง็ แรง ชว ยเพิ่ม เปอรเซ็นตการฟก ออกไดอ กี ทางหน่งึ การกลับไขทง้ั ถาดใหเ อยี ง 80 องศาน้ัน สามารถทาํ ไดโ ดยใช ถาดไขข องตูฟก เองวางเปนชั้นๆ บนโครงเหลก็ หรือโครงไมท่สี ามารถใหถาดใสไขเ อียงได 80 องศา โดยปกตแิ ลว เราจะกลบั ไขว นั ละ 1 คร้ัง กพ็ อเพียง ตอ ไปนเี้ ปนอณุ หภูมิและความชื้นภายในหอ งเกบ็ ไขระยะเวลาตา งๆ กนั ตารางที่ 2 อณุ หภมู แิ ละความช้นื สัมพัทธของหองเก็บไขฟ ก ระยะเวลาตางๆ กนั ระยะเวลา อณุ หภูมิพอเหมาะ ความชน้ื ที่เหมาะสม เกบ็ ไข องศา C องศา F องศา C องศา F (วัน) 20 68 75 60 1-3 13-16 55.4-60.8 75 48-53 4-7 11-12 51.8-53.6 80-88 46-49 8-14* 11-12 51.8-53.6 80-88 46-49 14* 3. การรมควนั ฆาเชอ้ื โรค ไขเ ปดทไี่ ดค ดั เลอื กไวส าํ หรับฟก ทกุ ๆ ฟองจะตองทําการรมควนั เพือ่ ฆาเช้อื โรคท่ีเกาะติดอยบู นเปลือกไข โดยเฉพาะเชือ้ แบคทีเรยี พวก Salmonella ซึ่งเปน สาเหตใุ ห ลกู เปด ตายกอ นเจาะเปลือกไข โดยปกตแิ ลวเราจะทาํ การรมควันใหเร็วทส่ี ุดหลังจากเปดไดไ ขอ อก มาแลว ทางดา นปฏบิ ตั ิเรากร็ มควันกอนทีจ่ ะนําไขเขา หอ งเกบ็ ไข ดา นหลงั ควนั ทใี่ ชร มฆา เชอื้ โรคจะ
การเลยี้ งเปด เนอ้ื โปยฉา ย 14 เปน ควนั ท่ีเกดิ จากการผสมดา งทับทิมกบั ฟอรม าลิน 40% แสดงไวใ นตารางท่ี 2 จดุ ท่ีสาํ คญั อยางยง่ิ อีกประการหนึ่งคอื หา มรมควันไขทฟี่ กไปแลว 24-72 ชั่วโมง และเชนเดียวกันจะไมร มควัน สําหรบั ไข ท่ลี กู เปด กาํ ลงั เจาะเปลอื กไขอ อกหรือลูกเปดออกจากเปลอื กไขแ ลวอยา งเดด็ ขาด 4. การฟก ไขระยะแรก 1-24 วนั การฟก ไขเปดโดยใชต ูฟ กไขใ นปจ จบุ นั สวนใหญแ ลว หรอื เกอื บท้ังหมดจะฟกโดยใชต ฟู กไขท่สี รางขนึ้ มาใชส ําหรบั ฟก ไขไ ก จงึ ทาํ ใหเ ปนเปอรเซน็ ตการฟก ออกของไขเปดต่าํ กวา ทค่ี วรจะเปน บางครงั้ การฟกออกตํา่ กวา มาตรฐานถงึ 30% และจะพบปญ หานี้ อยูเปน ประจํา ท้ังน้เี พราะวา การฟกไขเ ปดมคี วามแตกตา งจากการฟก ไขไก สาเหตใุ หญๆ เขาใจวา ไขเ ปดตอ งการอากาศออกซิเจนมากกวาและในปริมาณทแ่ี นน อนกวาไขไก และไขเ ปด เปลือกหนา กวาไขไก ตลอดจนรูเลก็ ๆ บนเปลอื กไขเปน จะรูใหญก วาของไขไ ก ซึ่งเขา ใจวา จะเปนสวนท่ีทําใหเ กิด ปญหาสาํ หรับการฟกโดยใชต ูท่ใี ชสําหรับฟกไขไ ก การฟกไขไกแ ละไขเปด ในตเู ดยี วกนั จะไมคอย ประสบผลสาํ เร็จเอาเสียเลย ปจ จัยท่ีสาํ คญั ท่ีสดุ สาํ หรับฟก ไขเ ปดคือ การควบคมุ อณุ หภูมคิ วามชน้ื การระบายอากาศเสยี ออกจากตู การหมนุ เวียนของอากาศออกซิเจน การกลบั ไข และการทาํ ใหไ ขเ ยน็ เปน ระยะๆ ตลอด การฟกไขซ่งึ ปจ จัยทง้ั หมดนถี้ าไมไดร ับการจดั การท่ีเหมาะสมแลว การฟก ไขเ ปด จะไมไดผ ลดี เทา ท่คี วร 4.1 อุณหภมู ิ อุณหภมู ภิ ายในตฟู ก ไขนบั วาเปน ปจจยั ที่สาํ คญั ยง่ิ ปจจัยหนึ่งสําหรับการฟกไข การตง้ั อุณหภมู ผิ ิดจากที่กาํ หนดในระยะ 1-24 วันแรกของการฟกไขนนั้ จะไมส ามารถแกไขใหการ ฟก ออกดีขึน้ ได การตั้งอณุ หภูมเิ กนิ กวา ทีก่ าํ หนด 1 องศา C จะทาํ ใหลกู เปดทีอ่ อกมามักมที องมาน ทอ งบวมใหญแ ละลูกเปด จะออนแอโดยทวั่ ๆ ไปแลวการสตง้ั อณุ หภูมติ าํ่ กวา ท่ีกาํ หนดจะมีผลรา ย นอ ยกวาการตง้ั อณุ หภูมสิ ูง อุณหภูมทิ ีเ่ หมาะสมแบง ออกเปนระยะตา งๆ 4 ระยะดงั ตารางที่ 3
การเลยี้ งเปดเนอ้ื โปยฉา ย 15 ตารางท่ี 3 ความเขม ขนและระยะเวลาทใี่ ชใ นการรมควนั ฆาเชอื้ โรคบนเปลอื กไขเปดท่ีใชส าํ หรับฟก ชนิดทใี่ ชร มควัน ปริมาตรตฟู ก / ดา งทับทมิ ฟอรมาลนิ เวลา ตูอบ (กรัม) (ซีซ)ี ไขท ่เี ก็บไวฟก ไขท่นี ําเขา ตูฟก วนั แรก (กรัม) 60 120 20 ไขที่ฟกไปแลว 24 วนั 40 80 20 ตฟู กไขท ่ีไมม ไี ข 100 20 40 30 อุปกรณต า งๆ 100 60 120 30 100 60 120 30 100 100 4.2 ความช้นื ความชน้ื เปน อกี ปจ จัยหน่ึงท่ีจะตองเอาใจใสและควบคุมใหอยใู นระดับที่เหมาะสม ทั้งน้เี พราะความชื้นเปนตัวท่ีกําหนดหรอื ควบคมุ การระเหยของน้าํ ออกจากไข โดยธรรมชาตแิ ลว นาํ้ จะระเหยออกจากไขท ันทที ไ่ี ขออกจากกน แมเ ปด คณุ ภาพของไขเปด จงึ ขนึ้ อยูกับปรมิ าณของน้าํ ที่ ระเหยออกมากเกนิ ไปจะฟกไมคอยจะออก ดงั น้นั จึงจาํ เปนจะตองเอาใจใสและควบคมุ ตง้ั แตระยะ เก็บไขร วบรวมไวส ําหรบั ฟก ไปจนถงึ ขณะท่ีกําลังฟกอยูในตูฟ ก ไข การระเหยของนํา้ ออกจากไขม ี ปจจยั ทเ่ี ก่ียวขอ งคืออุณหภมู ิในอากาศ ความชน้ื ในอากาศและการหมนุ เวียนของอากาศรอบๆ เปลือกไข ในระยะเก็บไขเ พ่ือรอเขา ตฟู กพรอมๆ กนั จะตอ งพยายามรักษาน้ําใหร ะเหยออกจาก เปลอื กไขน อ ยท่ีสดุ โดยการควบคุมความรอนและความชืน้ ในอากาศของหองเกบ็ ไข ถาเกบ็ ไขไ ว 7 วนั ควรจะเกบ็ ไวท่ีอณุ หภมู ิ 13 องศา C ความชน้ื 75% (ตารางที่ 2) ถาเกบ็ ไว 3-4 วนั อณุ หภูมคิ วรจะ เปน 20 องศา C ความชนื้ 75% เม่อื ไขอยูใ นตูฟก ไขเราก็จะตองควบคุมความชนื้ อยา งใกลช ิดและเอาใจใสเปนพิเศษ ท้ังนี้ เพราะอณุ หภมู ขิ องตูฟกไขส ูงถงึ 99-100 องศา F อุณหภูมสิ ูงนีจ้ ะทาํ ใหนา้ํ ระเหยออกจากไขเ รว็ ขึน้ ถา ความชืน้ ภายในตูต าํ่ ดงั นนั้ จงึ ตองปรบั ความช้ืนภายในตูใหสงู ข้ึนอยรู ะดับ 63%-86% ขน้ึ อยูกบั อายุ ของไขฟกระยะตางๆ ดงั ตารางท่ี 4 การควบคุมความชน้ื ภายในตมู ีวตั ถปุ ระสงคทจี่ ะควบคมุ ขนาด ของชอ งอากาศภายในใหม ขี นาดคอ ยๆ กวางข้ึนจนได ขนาด 1 ใน 3 ของไขเม่อื ไขอ ายุได 27 วัน ถา ชองอากาศแคบหรอื เล็กเกินไป ตวั ออนจะตายและมนี ้ํารอบๆ ตวั ออ นมาก พรอมนี้ไขแดงจะไมถ กู ดูดไปใชจ งึ เหลืออยจู าํ นวนมาก และไขแดงจะไมเ ขาไปอยูในทอ งลูกเปน ถาหากชอ งวา งอากาศมาก เกินไปตัวออ นจะแหงตายและฟก ไมออกเชน กนั ดงั นน้ั การรกั ษาระดบั ความชน้ื และความรอ น ภายในตจู งึ จาํ เปนอยา งยง่ิ การเพม่ิ ความช้ืนในทางปฏิบัติเราจะเอานา้ํ ใสถ าดขนาดใหญแ ละกวา งไว ใตถาดไข หรอื วางบนพนื้ ของตูฟ ก ถาหากความชืน้ ยังไมพอเพียงเราก็ทําไดโดยการเพมิ่ ถาดใสน าํ้
การเล้ยี งเปด เนอื้ โปยฉา ย 16 ใหม ากขึน้ บางครั้งเราอาจจะตองวางถาดนา้ํ ถงึ 2 ช้ัน โดยดัดแปลงถาดใสไขเ ปน ถาดใสน า้ํ พรอม กนั นเ้ี ราจะตอ งปรบั ชองอากาศใหเ ล็กลงอกี ดว ย ถงึ แมว าความชน้ื จะมีผลตอการฟก ออกของไขเปด อยางยง่ิ แตความตองการของความช้ืนภายในตฟู ก ไมใ ชวา จะตรง 100% ตามท่ีกาํ หนด แตค วามสงู - ตํา่ ของความช้นื คอนขางจะกวา งกวาอณุ หภูมคิ ือไมท าํ ใหมผี ลตอ การฟกออกมากนกั ถาหาก ความชน้ื ผดิ ไปจากทก่ี ําหนดบางเล็กนอยไมเ หมอื นกบั ความตองการของอณุ หภมู ิ ซง่ึ ผิดไปบา ง เล็กนอย 0.5-1 องศา F จะมีผลตอการฟกออกอยางยงิ่ การทค่ี วามตอ งการความชนื้ มชี อ งหา ง ระหวางสงู -ตา่ํ ไดพ อสมควรนั้น เพราะวา ไขเ ปดเองมกี ลไกทสี่ ามารถควบคมุ การระเหยของนา้ํ ได บางสวน การควบคุมความชืน้ ในตฟู ก จะยง่ิ ยากมากขนึ้ ในบางสวน การควบคุมความช้ืนในตฟู ก จะ ยง่ิ ยากมากขน้ึ ในบางพืน้ ทแ่ี ละบางฤดู โดยเฉพาะฤดทู ีอ่ ากาศมีความรอ นและความช้นื สงู การฟก ไข เปดจะตอ งเอาใจใสเปน พิเศษและคอยตรวจสอบดวู าชอ งอากาศภายในไขไ ดข นาดความตอ งการ หรอื ไม ถาไมไ ดก จ็ ําเปน จะตอ งมีการปรบั ความช้ืนและชองระบายอากาศเสยี ใหเ หมาะสมไป พรอ มๆ กัน ตารางที่ 4 อณุ หภูมแิ ละความชืน้ ทเี่ หมาะสมในตูฟ กไขเปดโปย ฉา ย ชนิดตฟู ก ระยะที่ อุณหภูมิ อายุไข ความชืน้ ตูฟก 1 ตฟู ก 2 ตุมแหง ตุมเปย ก ตูฟก 3 ตฟู ก 4 1-4 100 องศา F 88 องศา F 63 5-12 99 องศา F 90 องศา F 70 13-27 99 องศา F 91 องศา F 75 18-30 98 องศา F 94 องศา F 86 4.3 การกลบั ไข การกลับไขโ ดยธรรมชาตแิ มเปดจะใชเ ทา และปากเกาะพลิกไขใหเ คล่ือนทว่ี นั ละประมาณ 16 ครัง้ เพอ่ื ใหต ัวออ นภายในไขเคลื่อนทจี่ ากตาํ แหนงหนึง่ ไปอีกตําแหนง หน่ึง ไม เกาะตดิ เปลือกไขจ นตาย นอกจากน้กี ารกลบั ไขยังทาํ ใหต วั ออนใชอาหารจากไขแ ดง ไขขาวไดด ี ยิ่งขึน้ พรอ มกบั ทาํ ใหมีการแลกเปลีย่ นอากาศเสียทต่ี วั ออ นขบั ถา ยออกมากบั อากาศภายนอกไขได ดีย่ิงขึ้น โดยปกตแิ ลว ตฟู กไขจะออกแบบมาใหม กี ารกลบั ไขโดยอตั โนมัตทิ กุ ๆ ชว่ั โมง พรอ มกับมคี นั โยกเพ่อื กลบั ไขด วยมอื ไดเ มอื่ จําเปนเมอ่ื เวลาไฟฟา ดับ การกลบั ไขต อ งใหไขเอยี งได 80 องศา ซง่ึ ตาง ไปจากการกลบั ไขไ กที่ตองการเพยี ง 45 องศา และการกลบั ไขอ ยา งนอ ยวันละ 5 คร้ัง ถา หากกลบั ไข นอ ยกวา 5 ครง้ั ภายใน 24 ชว่ั โมง จะทาํ ใหก ารฟก ออกตา่ํ การกลบั บอ ยคร้ังไมมีปญหาแตเกินความ จาํ เปนเสยี เวลาและคา ใชจ า ย
การเลยี้ งเปดเน้ือโปยฉา ย 17 4.4 การระบายอากาศ การระบายอากาศและการหมนุ เวียนของอากาศภายในตมู ีความสาํ คญั เชน เดยี วกับอุณหภมู แิ ละความช้นื ทั้งนเี้ พราะในระหวา งการฟกไขน น้ั ตวั ออ นและลูกเปดภายในไข จะตอ งมีการหายใจและถา ยเทอากาศเสียออกมาจากไข โดยเฉพาะอากาศคารบอนไดออกไซด (CO2) ท่ีเกดิ จากการหายใจของตัวออน ในระยะตนๆ ของการฟกไขท ต่ี วั ออ นอายไุ มม ากและตัวไมโ ต การหายใจถา ยเทอากาศเสยี ยงั ไมม ากนกั ยังไมม ปี ญ หาเทา ไร แตวา เมอ่ื ตัวออ นเติบโตขน้ึ การ หายใจยง่ิ มปี ญ หามากขน้ึ เปน ทวคี ณู โดยเฉพาะชว งสดุ ทายชองการฟก อายุ 27-30 วนั ตัวออ นใกลจ ะ เจาะเปลือกไขย ง่ิ จะหายใจถา ยอากาศคารบ อนไดออกไซดอ อกมาก และตอ งการอากาศออกซเิ จน มากจงึ ตอ งเปด ชอ งอากาศออก และชอ งอากาศเขาใหก วา งขนึ้ แตจ ะตอ งรักษาความช้ืนใหได ใกลเคียงตามที่ตอ งการ นอกจากนยี้ งั จะตอ งพจิ ารณาดว ยวา อากาศภายในโรงฟก ไขก ็จะตอ งมีการ ระบายอากาศไดด อี กี ดวย เพราะวา การถา ยเทอากาศเสยี ภายในตูออกมาขางนอกเปนการ แลกเปลี่ยนอากาศซึง่ กนั และกัน ระหวา งขา งนอกและขา งในตู ดงั น้นั ถา อากาศนอกตไู มดีมี คารบอนไดออกไซดม าก อากาศเสยี ในตฟู กกเ็ หมือนกบั ไมไดถ กู ระบายออก เพราะเปนการ แลกเปลยี่ นระหวางอากาศเสยี กบั อากาศเสยี 4.5 การฉดี นํา้ บนไขฟ ก ในการฟก ไขเปด น้ันเราพบวา การฉดี พน นํา้ ลงไปบนไขท ีม่ ีอายุตั้งแต 14-24 วัน ในไขเปนพนั ธไุ ขธรรมดา และ 14-27 วนั ในไขเปด โปยฉา ยจะทาํ ใหการฟก ออกสงู ข้นึ กวา ไมไดพนนา้ํ และนอกจากนก้ี ารฉีดนํา้ เยน็ และสะอาดบนไขทกุ ๆ วนั ๆ ละ 1 คร้ัง ยังทาํ ใหตัวออ น พายในไมม ีการเจริญเตบิ โตและแข็งแรงอีกดว ย เหตุผลท่แี ทจ รงิ ไมเ ปน ท่ที ราบแนช ัด แตม กี าร รายงานและคน ควาจากนกั วชิ าการหลายๆ ทานพบวา การฉีดน้ําหรอื เรยี กวา การใหไขฟ ก เย็นลง เปนระยะๆ นน้ั ทาํ ใหเนือ้ เย่อื ทห่ี อ หุม ตัวออ นเขามาสมั ผสั กบั ผวิ ของเปลอื กไขม ากยิ่งขึน้ จึงทาํ ใหลกู เปดหรอื ตวั ออ นเจรญิ เติบโตดีและแขง็ แรง พรอ มท้งั มแี รงสําหรับเจาะเปลือกไขมากยิง่ ขน้ึ อยางไรกด็ ีแมว า การฉดี นา้ํ เปนฝอยๆ ลงบนไขกม็ ีขอเสยี อยมู ากเชน กัน ถา หากไมปฏิบตั ิให ถูกตอ ง และคาํ นงึ ถึงปจ จัยอน่ื ๆ การฉดี นาํ้ ทาํ ใหบ รรยากาศภายในตฟู ก ไขเ หมาะทพ่ี วกจลุ ินทรยี ตางๆ เจริญเตบิ โต โดยเฉพาะจุลินทรยี ท ี่ปะปนมากับนาํ้ เม่อื พนลงไปบนเปลอื กไขแลวจลุ นิ ทรยี น้ี จะเจริญเตบิ โตและเจาะลึกลงไปในไขท าํ ลายตัวออนใหตายฟกไมอ อกได ดังน้นั น้ําทใี่ ชพน จงึ ตอ ง เปน นา้ํ ที่ผสมยาฆา เช้อื หรอื ดา งทบั ทิมอยใู นปริมาณทแ่ี นะนําโดยผผู ลิต ในดานปฏบิ ตั กิ ารฉีดนา้ํ จะ ทาํ วนั ละครง้ั ในชวงเวลาใดก็ไดทีเ่ หน็ วา ความช้นื ในอากาศตาํ่ กวา เวลาอืน่ ๆ กอ นฉีดเราจะตองเปด ฝาตูฟ ก ออกใหก วา งเตม็ ทปี่ ลอ ยใหพ ดั ลมตูฟก ทาํ งานปกติ แตป ด สวิชไมใหล วดรอ นทาํ งาน เปดทิง้ ไวป ระมาณ 1 ชัว่ โมง จนไขล ดอุณหภมู ลิ งมาเทา กบั อุณหภมู ภิ ายนอกทดสอบไดจากการเอาไขแตะ บนหนงั ตาของเราจะไมร สู ึกรอ น ที่จดุ น้ีเปน จดุ ทจ่ี ะทาํ การพนน้ําใหเ ปนละอองฝอยๆ บนไขท ุกๆ ถาดจากดา นบนลงมาดา นลา ง ปรมิ าณน้ําที่ใชประมาณ 5-8 ลิตรตอ ไข 10,000 ฟอง เม่อื ฉดี นาํ้ แลว จะตอ งปลอ ยใหต ฟู ก เดนิ พดั ลมและเปดประตไู ปอกี ประมาณ 1 ช่วั โมง จนกวาน้าํ บนเปลอื กไขจ ะ แหง และเรานาํ ไขม าแตะท่ีหนงั ตาจะรสู ึกเย็นเลยทีเดียว ท่ีจุดนเี้ ราก็ปด ตูฟก ไขแ ละเปด ลวดรอ น
การเล้ียงเปดเนือ้ โปยฉา ย 18 เดินเคร่ืองเปน ปกติตอ ไปจนถึงวันพรุงน้ีและวันตอ ๆ ไป จนไขอ ายคุ รบ 24 วัน และ 27 วัน สําหรบั เปด ไขและเปด โปย ฉา ย ในกรณที บ่ี างฤดคู วามชื้นในอากาศสงู หรือวันที่มฝี นตกอากาศชนื้ เราก็ไมจ ําเปนจะตอ งพน หรอื ฉีดนา้ํ เปนแตเพยี งเปด ตูปดสวชิ ลวดรอน และเปด พดั ลมใหเดิน เพอ่ื ใหไขเ ย็นวนั ละ 1-2 ช่วั โมง กพ็ อ ขอ แนะนําอกี ประการหน่งึ คอื ไมค วรท่ีจะฉดี หรอื พนนํ้าจนใหโ ชคหรือมากเกนิ ไป จะทาํ ให ความช้นื สงู เกนิ กวาระดับทต่ี วั ออนและลกู เปดตอ งการ และจะทาํ ใหเกิดผลเสียมากกวาผลดี 5. การฟก ไขร ะยะสดุ ทา ย (28-30 วนั ) การฟกไขเ ปดโปย ฉา ยระยะ 3 วันสดุ ทาย จะตอ งฟก ในตู อีกตูหน่งึ ตา งหากท่เี ราเรียกวา ตูเ กดิ ทัง้ นเ้ี พราะวาการจัดการการฟก ไข ความตองการอณุ หภมู ิ และความชนื้ แตกตา งไปจากระยะ 27 วันแรก ระยะนี้ตอ งการอณุ หภมู ิต่ํากวา ระยะแรก 1 องศา F หรือเทา กบั 98 องศา F ทตี่ อ งการต่าํ เน่อื งจากวา ระยะ 3 วนั หลังน้ี ตวั ออนไดเจรญิ เตบิ โตมากและ สมบูรณพรอมทจี่ ะเจาะเปลอื กไขอ อกมาดโู ลกภายนอก ระยะนี้ลูกเปดจงึ ตองมกี ารหายใจและเกดิ ความรอ นข้ึนภายในตัวของมนั เองได และความช้นื จะย่งิ มากขนึ้ เม่อื ลูกเปด เจาะเปลือกออกมาแลว ยิ่งลกู เปดเจาะออกมามากความรอ นยิ่งมากเปนเงาตามตัว ดังน้นั ในบางครงั้ ความรอนในตเู กดิ จะ สูงเกินกวาทีต่ ง้ั เอาไวทงั้ ๆ ทล่ี วดรอ นหรือฮ้ทิ เตอรไ มท าํ งาน ถาหากตเู กดิ ไมสามารถควบคมุ ความ รอ นเกนิ น้ีได จะทําใหลูกเปด ฟกออกมีเปอรเซนตลดลงถึง 20% ถาหากความรอนเกนิ 1.7 องศา C หรอื 3 องศา F และจะเปนอันตรายอยา งยิ่ง ถาอณุ หภมู สิ งู 103 องศา F ดังนนั้ ถา ตเู กิดรนุ ใหมๆ จะมี อุปกรณท ่ชี ว ยพดั เปา ลมเย็นจากภายในหอ งฟก ไขเ ขา ไปลดความรอ นในตูเกดิ ขณะทีอ่ ณุ หภมู เิ กิน พรอ มกนั น้กี จ็ ะเปา ไลอากาศเสียทีเ่ กดิ จากลูกไกออกไปจากตูอกี ดวย สวนตูท่ไี มม อี ปุ กรณเปาลม เย็นกส็ ามารถลดความรอ นในตูลงได โดยการเปดชองอากาศเสยี และชองอากาศดีใหกวา งขนึ้ จนได อณุ หภมู แิ ละความช้ืนที่ตอ งการ ความชน้ื ในระยะ 3 วนั สุดทายของการฟก ไขเปดโปยฉาย นบั วาสงู มาก คือตอ งการความชน้ื สัมพทั ธ 86% หรอื เทากบั อณุ หภูมิของตมุ เปย ก 94 องศา F ความชนื้ สงู ระดับนนี้ ับวาเปน การยาก มากเพอ่ื จะเพิ่มใหส ูงได นอกจากวา เราจะตองเพมิ่ ถาดใสนา้ํ ใหม ากขน้ึ บางทถี าดใสนา้ํ อาจจะตอ ง ใสถ งึ 2-3 ช้นั เพ่ือใหความชน้ื ไดระดับ และเมื่อความชื้นไดรับแลวหามเปด ฝาตฟู ก ไขอ ยา งเดด็ ขาด เพราะจะทาํ ใหความช้นื ลดลงอยางรวดเร็ว จะทาํ ใหล กู เปดท่กี าํ ลงั จะออกเปนตัวแหงตดิ เปลอื กไข ตายในที่สดุ ถึงแมวา จะเปน เพยี งนิดเดียวก็ไมควรปฏบิ ตั ถิ า หากไมจาํ เปนจรงิ ๆ ท้ังนี้เพราะวา เม่อื ความชื้นลดลงแลว กวาจะใหต ทู าํ งานใหไดค วามชนื้ สงู ระดบั เดมิ นน้ั จะตอ งใชเวลานานมากและ มากกวาการเพิม่ อุณหภูมิ การฟกไขใ นระยะสดุ ทา ยน้ี มขี อ แตกตา งจากระยะแรกอีกประการหนึ่งคอื จะไมมีการกลบั ไข แตจะปลอ ยใหน อนน่งิ อยบู นถาดไขเพอ่ื ใหล กู เปด เจาะเปลอื กไขอ อกไดสะดวก ทง้ั นีเ้ พราะวา ในชวง ทล่ี ูกเปดพยายามเจาะเปลอื ก ลูกเปดจะดนิ้ ทาํ ใหไ ขก ล้ิงไปมาเพอื่ ใหไดมมุ ที่สามารถทาํ ใหเ ปลือกไข แตกออกมาได ฉะนัน้ ในการใสไขในถาดกไ็ มค วรใหไ ขแ นน จนเกินไป ควรมชี อ งวา งใหห า งเลก็ นอย
การเลย้ี งเปดเน้อื โปย ฉา ย 19 เนือ่ งจากการฟกไขร ะยะหลงั 3 วันสุดทา ย มีความแตกตา งจากการฟก ไขในชว งแรกอยา ง สนิ้ เชิง ดังนน้ั จึงใครแ นะนําใหม ีการแยกตฟู ก กนั คนละตู หรอื อยใู นตเู ดยี วกันแตกน้ั หองแยกจากกัน จะใหผ ลดที ส่ี ดุ พนั ธุแ ละการผสมพนั ธุ เปดโปย ฉา ยเปน เปด ที่เกิดจากการผสมขา มพันธรุ ะหวา งเปด เทศตวั ผูกบั เปดพนั ธไุ ข หรอื พันธุเ นอ้ื ทวั่ ๆ ไป ลูกผสมท่ีเกดิ มาจะเปน หมัน ไมสามารถขยายพันธไุ ด เนอื่ งจากวาเปดเทศและ เปดพนั ธุไขหรอื เปดพนั ธุเ นื้อท่ัวๆ ไป เปนคนละสกลุ (genus) จึงมจี าํ นวนโครโมโซมไมเ ทากนั ลูกผสมทไ่ี ดจ งึ เปนหมนั ไมสามารถขยายพนั ธุได แตเหมาะทจ่ี ะเปนเปดเนอื้ เพราะวา ลกู ผสมมกี าร เจรญิ เติบโตสงู กวาเปด พื้นเมอื ง หรือเปด พันธุไ ขทวั่ ๆ ไป สําหรับเปด เทศพันธุแทๆ น้ัน ตัวของมนั เองมกี ารเจรญิ เติบโตสงู แตม ขี อ จาํ กดั คอื ตวั เมียมไี ขไมมากปละ 60-70 ฟอง ไมเหมาะทจี่ ะทาํ เปน กจิ การใหญโต หรือทําเปน การคา แตวา ถา ใชเ ปด เทศเปนสายพอ พนั ธุ และใชแ มพ นั ธุพ ืน้ เมืองของ เราแลวจะผลติ ลกู ผสมออกไดพ อกับความตอ งการของตลาดได เปดโปยฉา ย (Mule Duck) ในประเทศไทยเรามกี ารผลิตและเลย้ี งกนั มากอนตง้ั แตน มนาน มาแลว ซงึ่ สว นใหญเปน การผลติ และผสมพนั ธโุ ดยชาวจีน เพราะการเลยี้ งเปดโปย ฉา ยเปน เทคโนโลยีของชาวจนี แผน ดินใหญมาตั้งแตโบราณเปน พันปมาแลว การเลยี้ งเปดโปยฉา ยในบา น เราก็อยใู นแถบจงั หวัดนครปฐม อางทอง สงิ หบ ุรี สมทุ รสงคราม และสมทุ รปราการ โดยเฉพาะ แถบจงั หวัดนครปฐมจะมีมากกวา จงั หวดั อนื่ ๆ แตก ารผลิตลูกยงั มขี อ จาํ กัด เพราะยังไมท ราบ เทคนคิ การผลิต และการเลี้ยงดทู ี่ถกู วิธี โดยเฉพาะวิธีผสมเทยี มยังไมไ ดนํามาใชก นั อยางแพรห ลาย ขอกาํ จดั น้จี ะเปนสาเหตุทที่ าํ ใหเ ราไมสามารถผลติ ลูกเปด โปยฉา ยไดม ากตามความตอ งการทงั้ นี้ เพราะวา การผสมพนั ธรุ ะหวางเปด เทศตวั ผูกับตัวเมียเปนไปดว ยความลําบาก การผสมติดตํ่า เพราะวา เปดเทศพอพนั ธุมีขนาดและนาํ้ หนกั ใหญกวา ตัวเมีย ถงึ 45-50% ทําใหการขน้ึ ผสมของตัวผู ลําบาก จึงทําใหก ารผสมตดิ ต่าํ ถา หากไดมีการนาํ วิธกี ารผสมเทียมมาใชจ ะสะดวกรวดเร็ว และ ขยายพนั ธไุ ดม ากเปนหม่นื เปน แสนๆ หรอื ลานตวั กท็ าํ ไดอ ยา งมีประสิทธิภาพ ในจีน ไตหวัน เขาผลิตเปด โปย ฉา ยโดยการผสมพันธุเปน 3 สายพันธุ ขัน้ แรกเราจะผลิตเปน 2 สายพันธุ ระหวางพอพนั ธุเ ปด ปกกิ่งผสมกบั เปด พน้ื เมอื งพนั ธุไข ชอื่ ไชยา กอ นแลวใชเปด 2 สาย พันธุน เ้ี ปนฝายแม เพ่อื ผสมกบั เปดเทศสขี าวตวั ผู ลูกทเี่ กิดมาจะเปดเปด โปย ฉา ยขนสีขาว และนําไป เล้ียงเปน เปด เนือ้ และขายขนไปพรอ มๆ กนั
การเล้ยี งเปดเนอื้ โปยฉา ย 20 ตอ ไปนี้จะเปน แผนการผสมพันธุ และลกั ษณะการเจริญเติบโตประสทิ ธภิ าพการใชอ าหารของ เปดโปย ฉายใตหวัน (ตารางที่ 5) ตารางท่ี 5 แสดงการเจรญิ เติบโต ปรมิ าณอาหารทก่ี นิ ประสทิ ธภิ าพการใชอาหารของเปดโปย ฉา ยของจีน ไตหวัน เปนลกู ผสม 2 สาย และ 3 สายพนั ธุ นํา้ หนกั เพิ่ม จาํ นวนอาหารท่กี ิน อตั ราการแลกเนอื้ อายแุ ละ 2 สาย 3 สาย 2 สาย 3 สาย 2 สาย 3 สาย ระยะเวลา (กรมั /ตวั / (กรมั /ตัว/ (กรัม/ตวั / ระยะแรก ระยะเวลา) ระยะเวลา) ระยะเวลา) 0-3 750 640 1,274 1,150 1.70 1.80 ระยะที่ 2 1,362 1,055 3,265 1,150 2.40 2.93 3-6 สปั ดาห 860 950 3,504 3,383 4.07 3.88 6-9 สปั ดาห 205 128 1,490 3,686 7.27 8.09 9-10 สัปดาห 2,427 2,233 8,259 8,105 3.40 3.63 3-10 สัปดาห 3,177 2,873 9,533 9,255 3.00 3.22 0-10 สัปดาห หมายเหตุ - เปดโปย ฉา ยลกู ผสม 2 สาย เปนการผสมระหวา งเปด เทศตวั ผกู บั เปดปกกิง่ ตัวเมยี - ลูกผสม 3 สายเกิดจากเปด เทศตวั ผผู สมกับเปดไคยาตวั เมยี
การเล้ยี งเปด เน้ือโปย ฉา ย 21 ตารางที่ 6 การเจริญเตบิ โต ปริมาณอาหารท่กี ินตอวนั และตอ สปั ดาหข องเปด โปยฉายท่เี กดิ จาก การผสมของเปดเทศสีขาว และเปด ปกกงิ่ ของกรมปศสุ ตั ว ศนู ยว ิจยั และบาํ รงุ พนั ธสุ ตั ว สรุ าษฏรธ านี น้ําหนักมี จาํ นวนอาหารท่ีกิน อตั ราแลก ชวี ิต เนอ้ื อายุเปน สัปดาห กรมั /ส.ป./ 1 (กรัม/ตัว) กรัม/ตัว/วัน (ก.ก./ก.ก.) 2 3 ตัว 4 5 132 15 107 0.81 6 7 307 33 229 1.09 8 9 529 66 464 1.51 10 783 63 443 1.59 เฉลย่ี 933 107 750 2.14 1,200 119 833 2.36 1,400 150 1,050 2.77 2,050 179 1,250 2.50 2,083 143 1,000 2.94 2,125 238 1,667 3.66 2,125 111 779 3.66 ตารางท่ี 6 เปน เปด โปยฉายของศนู ยวจิ ัยและบํารงุ พันธสุ ตั วสรุ าษฎรธานี ท่ีทาํ การผสม ระหวา งเปด เทศพอ พนั ธุสขี าวกบั เปด ปกกิง่ ของกรมปศสุ ตั ว เมอื่ ป พ.ศ. 2532 โดยทาํ การเลย้ี งดว ย อาหารผสมชนิดผงมโี ปรตนี 18% เม่อื อายุ 0-4 สัปดาห แลวจึงเปลี่ยนเปนอาหารชนดิ เดยี วกัน แตมี โปรตีน 16% เม่ืออายุ 5-10 สัปดาห จากขอ มูลผลการทดลองดงั กลาวขางตน และเห็นวาเปด โปย ฉาย ของกรมปศสุ ตั วมีศักยภาพท่ีจะทาํ การพฒั นาไปไดอกี มาก โดยต้งั เปา หมายไวว า จะสง ตลาดได ภายในอายตุ าํ่ กวา หรอื เทา กับ 8 สัปดาห เพราะวา เมื่อเปด โปย ฉายพันธนุ ้มี ีอายุระหวาง 9-10 สปั ดาห เปด จะกินอาหารมากแตมีอัตราการเจรญิ เตบิ โตตา่ํ ถา พฒั นาพันธใุ หส ามารถสงตลาดได ภายในเวลา 8 สัปดาห แลวจะไดกาํ ไรมากอนั เนอื่ งมาจากเปด กนิ อาหารนอยแตไดนํ้าหนกั มาก การ วิจัยและพฒั นาควรจะเนนในดานเพ่มิ ปริมาณเนอ้ื แดงใหม ากขึน้ แทนการเพิม่ โครงกระดกู หรอื ไขมันใตผ ิวหนัง ซึง่ ขณะนก้ี รมปศสุ ัตวก าํ ลังทําการวจิ ัยและพฒั นาพันธุเปดชนดิ น้อี ยู หากเกษตรกร มีความสนใจตองการนําพนั ธุและวิธีการผลติ ลูกเปดโปย ฉายกรมปศุสตั ว โดยกลมุ งานสัตวป ก กอง บํารงุ พนั ธุสตั ว ยินดที จี่ ะใหก ารสนบั สนุนดา นพันธุและวชิ าการแนะนาํ
การเลีย้ งเปด เนือ้ โปยฉา ย 22 ตอ ไปนีเ้ ปน ขอ มูลตนทนุ การผลิตเปดพันธเุ น้ือของเกษตรกรของประเทศไทยเมอื่ ป พ.ศ. 2532 (ตารางท่ี 7) จะเหน็ วา ตนทนุ การผลติ เปด พันธุเ นื้อ สว นใหญแ ลว จะเปนคา ลูกเปด โดยเฉพาะเปด พนั ธปุ กก่งิ และเปดโปย ฉาย อยา งไรกด็ ีเปดโปย ฉา ยยงั กาํ ไรใหสงู กวาเปด พนั ธปุ กก่งิ ท้ังนเี้ พราะ ตน ทุนคา อาหารตาํ่ กวา เปดปก กง่ิ ตารางท่ี 7 ตนทุนการผลติ เปด เนอื้ พนั ธุปกก่งิ ลกู ผสมพ้ืนเมอื งและเปดโปย ฉา ยของประเทศไทย ป 2532 รายการ พันธเุ ปด เนอื้ เฉลย่ี ปกกิง่ ตนทนุ การผนั แปร 52.32 ลกู เปด ลูกผสมพ้นื เมือง โปย ฉาย 10.15 อาหาร 39.47 แรงงาน 68.55 24.40 63.32 0.93 ปองกนั โรค 0.90 สาธารณปู โภค 13.55 1.53 15.37 0.13 คา เสยี โอกาส 1.00 ตนทนุ คงท่ี 52.20 21.73 19.50 1.95 รวมตน ทนุ การผลติ /ตัว 52.78 ตนทนุ /น.น.มีชีวิต 1 ก.ก. 0.95 0.90 ตนทนุ การผนั แปร 20.02 รวมตน ทนุ 1.35 0.50 0.85 20.23 ราคาหนาฟารม 25.50 น.น.มชี วี ติ เฉลี่ย (ก.ก./ตัว) 0.12 0.10 0.18 60.43 ระยะเวลาขุนเปด (วัน) กําไรสทุ ธิ/ก.ก. 1.05 0.50 1.45 77 5.27 0.70 0.27 0.35 69.93 24.67 63.70 23.75 14.22 22.13 24.00 14.40 22.25 28.20 20.65 27.65 67.00 42.75 71.50 60 80 90 4.20 6.25 5.40
การเลย้ี งเปดเนือ้ โปยฉา ย 23 ความตองการอาหาร ความตอ งการอาหาร แรธาตุ และไวตามนิ ของเปดโปย ฉา ยและเปดไข Ksaiya ศูนยว จิ ัยเปด อี-สาน ไตห วนั ตารางท่ี 8 พลังงาน โปรตนี และกรดอะมิโนในอาหารตามความตองการของเปดโปย ฉา ยอายุ ตางๆ โปรตีน อายุ 0-3 สปั ดาห อายุ 3-10 สัปดาห พลังงาน ระดับตา่ํ สดุ ระดบั แนะนํา ระดบั ตาํ่ สดุ ระดับแนะนาํ ความช้นื ความช้นื ความช้นื ความชื้น ความชน้ื ความช้นื ความชนื้ ความชื้น กรดอะมโิ น 12% 0% 12% 0% 12% 0% 12% 0% ME., kcal/kg 2,750 3,125 2,890 3,284 2,750 3,125 2,890 3,284 PROTEIN, % 17 19.3 18.7 21.2 14 15.9 15.4 17.5 ARGININE, % 1.02 1.16 1.12 1.27 0.84 0.95 0.92 1.05 HISTIDINE, % 0.39 0.44 0.43 0.49 0.32 0.36 0.35 0.40 ISOLEUCINE, % 0.60 0.68 0.66 0.75 0.49 0.56 0.54 0.61 LEUCINE, % 1.19 1.35 1.31 1.49 0.98 1.11 1.08 1.23 LYSINE, % 1.00 1.14 1.10 1.25 0.82 0.93 0.90 1.02 METHIONINE+ 0.63 0.72 0.69 0.78 0.52 0.59 0.57 0.65 CYSTINE, % PHENYL ALA+TYROSINE, 1.31 1.49 1.44 1.64 1.08 1.23 1.19 1.35 % THREONINE,% 0.63 0.72 0.69 0.78 0.52 0.59 0.57 0.65 TRYPTOPHANE, 0.22 0.25 0.24 0.27 0.18 0.20 0.20 0.23 % VALINE, % 0.73 0.83 0.80 0.91 0.60 0.68 0.68 0.75 GICINE 1.11 1.26 1.22 1.38 0.62 0.71 0.71 0.78
การเล้ยี งเปดเน้ือโปยฉา ย 24 ตารางท่ี 9 พลงั งาน โปรตนี และกรดอะมโิ นในอาหารตามตอ งการของเปด พนั ธุไ ข อายุ 0-4 และ 4-9 สปั ดาห โปรตนี อายุ 0-4 สัปดาห อายุ 4-9 สัปดาห พลงั งาน ระดบั ตาํ่ สดุ ระดบั แนะนํา ระดับตาํ่ สุด ระดบั แนะนํา ความชนื้ ความช้ืน ความช้นื ความช้นื ความชน้ื ความช้นื ความชื้น ความชน้ื กรดอะมโิ น 12% 0% 12% 0% 12% 0% 12% 0% ME., kcal/kg 2,750 3,125 2,890 3,284 2,600 2,954 2,730 3,102 PROTEIN, % 17 19.3 18.7 21.2 14 15.9 15.4 17.5 ARGININE, % 1.02 1.16 1.12 1.27 0.84 0.95 0.92 1.05 HISTIDINE, % 0.39 0.44 0.43 0.49 0.32 0.36 0.35 0.40 ISOLEUCINE, % 0.60 0.68 0.66 0.75 0.49 0.56 0.54 0.61 LEUCINE, % 1.19 1.35 1.31 1.49 0.98 1.11 1.08 1.23 LYSINE, % 1.00 1.14 1.10 1.25 0.82 0.93 0.90 1.02 METHIONINE+ 0.63 0.72 0.69 0.78 0.52 0.59 0.57 0.65 CYSTINE, % PHENYL ALA+TYROSINE, 1.31 1.49 1.44 1.64 1.08 1.23 1.19 1.35 % THREONINE,% 0.63 0.72 0.69 0.78 0.52 0.59 0.57 0.65 TRYPTOPHANE, 0.22 0.25 0.24 0.27 0.18 0.20 0.20 0.23 % VALINE, % 0.73 0.83 0.80 0.91 0.60 0.68 0.66 0.75
การเลีย้ งเปดเนือ้ โปย ฉา ย 25 ตารางท่ี 10 ความตอ งการอาหาร พลงั งาน โปรตนี และกรดอะมโิ นของเปด พนั ธุไข อายุ 9-14 สปั ดาห และ 14 สปั ดาห โปรตนี อายุ 9-14 สัปดาห อายุ 14 สัปดาห พลงั งาน ระดบั ตาํ่ สุด ระดับแนะนาํ ระดับตาํ่ สดุ ระดับแนะนํา ความชื้น ความช้นื ความช้นื ความชน้ื ความชื้น ความชื้น ความช้ืน ความชน้ื กรดอะมโิ น 12% 0% 12% 0% 12% 0% 12% 0% ME., kcal/kg 2,450 2,784 2,600 2,954 2,600 2,954 2,730 3,102 PROTEIN, % 12 13.6 13.2 15.0 17 19.3 18.7 21.2 ARGININE, % 0.72 0.82 0.79 0.90 1.04 1.18 1.14 1.29 HISTIDINE, % 0.29 0.33 0.32 0.36 0.41 0.47 0.45 0.51 ISOLEUCINE, % 0.52 0.59 0.57 0.65 0.73 0.83 0.80 0.91 LEUCINE, % 1.00 1.13 1.09 1.24 1.41 1.60 1.08 1.23 LYSINE, % 0.55 0.63 0.61 0.69 0.89 1.01 1.00 0.98 METHIONINE+ 0.47 0.53 0.52 0.59 0.67 0.76 0.74 0.84 CYSTINE, % PHENYL ALA+TYROSINE, 0.95 1.07 1.04 1.18 1.34 1.52 1.47 1.68 % THREONINE,% 0.45 0.51 0.49 0.56 0.64 0.73 0.70 0.80 TRYPTOPHANE, 0.14 0.16 0.16 0.18 0.20 0.23 0.22 0.25 % VALINE, % 0.55 0.63 0.61 0.69 0.78 0.89 0.86 0.98
การเลย้ี งเปดเน้ือโปยฉา ย 26 ตารางที่ 11 ความตองการไวตามนิ ของลูกเปด อายุ 0-4 และ 4-9 สัปดาห อายุ 0-4 สัปดาห อายุ 4-9 สัปดาห ไวตามิน ระดับตา่ํ สดุ ระดับแนะนาํ ระดบั ตาํ่ สุด ระดบั แนะนํา ความชนื้ ความช้ืน ความช้ืน ความชื้น ความชนื้ ความชื้น ความชื้น ความชื้น 12% 0% 12% 0% 12% 0% 12% 0% A,LU/kg 5,500 6,250 8,250 9,375 5,500 6,250 8,250 9,375 D,ICU/kg 400 455 600 682 400 455 600 682 E, IU/kg 10.0 11.4 15.0 17.0 10.0 11.4 15.0 17.0 K, mg/kg 2.0 2.3 3.0 3.4 2.0 2.3 3.0 3.4 B1, mg/kg 3.0 3.4 3.9 4.4 3.0 3.4 3.9 4.4 B2, mg/kg 4.6 5.2 6.0 10.9 7.4 8.4 9.6 10.9 PANTO, 7.4 8.4 9.6 10.9 7.4 8.4 9.6 10.9 mg/kg NIACIN, 46 52 60 68 46 52 60 68 mg/kg B6, mg/kg 2.2 2.5 2.9 3.3 2.2 2.5 2.9 3.3 B12, 0.015 0.017 0.020 0.022 0.015 0.017 0.020 0.022 mg/kg CHOLINE, 0.300 1,477 1,690 1,920 1,100 1,250 1,430 1,625 mg/kg BIOTIN, 0.08 0.09 0.10 0.12 0.08 0.09 0.10 0.12 mg/kg FILIC, 1.0 1.1 1.3 1.5 1.0 1.1 1.3 1.5 mg/kg
การเลย้ี งเปดเนอ้ื โปยฉา ย 27 ตารางท่ี 12 ความตอ งการไวตามินของลกู เปดรนุ และเปดรนุ ไข อายุ 9-14 สัปดาห และ >14 สปั ดาห ไวตามนิ อายุ 9-14 สปั ดาห อายุ >14 สัปดาห ตอ ระดับตาํ่ สุด ระดบั แนะนาํ ระดบั ตา่ํ สุด ระดบั แนะนํา อาหาร ความชืน้ ความชื้น ความชนื้ ความชืน้ ความช้นื ความช้ืน ความชนื้ ความชน้ื ก.ก.1 12% 0% 12% 0% 12% 0% 12% 0% A,LU 5,500 6,250 8,250 9,375 5,500 8,532 11,250 12,784 400 455 600 682 800 909 1,200 1,364 D,ICU 10.0 11.4 15.0 17.0 25.0 11.4 37.5 42.5 2.0 2.3 3.0 3.4 2.0 2.3 E, IU g 3.0 3.4 3.9 4.4 2.0 2.3 3.0 3.4 4.6 5.2 6.0 6.8 5.0 5.7 2.6 3.0 K, mg 7.4 8.4 9.6 10.9 10.0 11.4 6.5 7.4 B1, mg 46 52 60 68 40 45 13.0 14.8 2.2 2.5 2.9 3.3 2.2 2.5 B2, mg 0.015 0.017 0.020 0.022 0.01 0.011 52 59 1,100 1,250 1,430 1,625 1,000 1,136 2.9 3.3 PANTO, 0.013 0.015 mg 0.08 0.09 0.10 0.12 0.08 0.09 1,300 1,477 NIACIN, 1.0 1.1 1.3 1.5 0.5 0.57 0.10 0.12 mg 0.65 0.74 B6, mg B12, mg CHOLINE, mg BIOTIN, mg FILIC, mg/kg
การเลยี้ งเปด เนื้อโปยฉา ย 28 ตารางที่ 13 ความตอ งการแรธ าตตุ า งๆ ของเปดโปยฉา ย อายุ 0-3 สปั ดาห และ 3-10 สปั ดาห อายุ 0-3 สัปดาห อายุ 3-10 สปั ดาห แร ระดบั แนะนํา ระดับตา่ํ สดุ ระดบั แนะนํา ระดบั ตาํ่ สดุ ธาตุ ความชน้ื ความชน้ื ความชืน้ ความชื้น ความช้ืน ความช้นื ความช้ืน ความชนื้ 12% 0% 12% 0% 12% 0% 12% 0% Ca, 0.60 0.68 0.72 0.82 0.60 0.68 0.72 0.82 (%) TP, 0.55 0.63 0.66 0.75 0.50 0.57 0.60 0.68 (%) AP, 0.35 0.40 0.42 0.48 0.30 0.34 0.36 0.41 (%) Na, 0.13 0.15 0.16 0.18 0.13 0.15 0.15 0.17 (%) Cl, 0.12 0.13 0.14 0.16 0.12 0.13 0.14 0.16 (%) K, 0.33 0.38 0.40 0.45 0.29 0.33 0.35 0.40 (%) Mg, 400 475 500 570 400 475 500 570 (mg) S, - - - - - - - - (mg) Mn, 60 72 60 68 50 57 60 68 (mg) Zn, 68 77 82 93 68 77 82 93 (mg) Fe, 80 91 96 109 80 91 96 109 (mg) Cu, 10 11 12 14 10 11 12 14 (mg) I, 0.40 0.45 0.48 0.55 0.40 0.45 0.48 0.55 (mg) Se, 0.15 0.17 0.15 0.147 0.15 0.17 0.15 0.17 (mg)
การเลยี้ งเปด เนอ้ื โปยฉา ย 29 ตารางที่ 14 ความตองการแรธาตตุ า งๆ ของเปดพันธุไข อายุ 0-4 สัปดาห และ 4-9 สปั ดาห อายุ 0-4 สปั ดาห อายุ 4-9 สปั ดาห แร ระดบั แนะนํา ระดบั ตาํ่ สดุ ระดบั แนะนํา ระดับตา่ํ สดุ ธาตุ ความชนื้ ความชื้น ความช้ืน ความช้ืน ความช้นื ความชื้น ความชื้น ความชื้น 12% 0% 12% 0% 12% 0% 12% 0% Ca, 0.75 0.85 0.9 1.02 0.75 0.85 0.9 1.02 (%) TP, 0.58 0.66 0.66 0.75 0.58 0.66 0.66 0.75 (%) AP, 0.3 0.34 0.36 0.41 0.3 0.34 0.36 0.41 (%) Na, 0.13 0.15 0.16 0.18 0.13 0.15 0.15 0.17 (%) Cl, 0.12 0.13 0.14 0.16 0.12 0.13 0.14 0.16 (%) K, 0.33 0.38 0.40 0.45 0.33 0.8 0.40 0.45 (%) Mg, 400 475 500 570 400 475 500 570 (mg) S, - - - - - - - - (mg) Mn, 39 44 47 53 39 44 47 53 (mg) Zn, 52 59 62 71 52 59 62 71 (mg) Fe, 80 91 96 109 80 91 96 109 (mg) Cu, 10 11 12 14 10 11 12 14 (mg) I, 0.40 0.45 0.48 0.55 0.40 0.45 0.48 0.55 (mg) Se, 0.15 0.17 0.15 0.17 0.10 0.11 0.12 0.14 (mg)
การเลีย้ งเปด เน้อื โปย ฉา ย 30 ตารางที่ 15 ความตองการแรธาตตุ า งๆ ของเปดพันธุไข อายุ 9-14 สปั ดาห และ >14 สปั ดาห อายุ 9-14 สปั ดาห อายุ >14 สัปดาห แร ระดบั แนะนํา ระดับตาํ่ สุด ระดบั แนะนาํ ระดบั ตา่ํ สุด ธาตุ ความชืน้ ความช้ืน ความช้ืน ความช้ืน ความช้ืน ความช้นื ความช้นื ความชื้น 12% 0% 12% 0% 12% 0% 12% 0% Ca, 0.75 0.85 0.9 1.02 2.5 0.84 3.0 3.5 (%) TP, 0.58 0.66 0.66 0.75 0.60 0.68 0.72 0.82 (%) AP, 0.3 0.34 0.36 0.41 0.36 0.41 0.43 0.49 (%) Na, 0.13 0.15 0.15 0.17 0.23 0.27 0.28 0.32 (%) Cl, 0.12 0.13 0.14 0.16 0.10 0.11 0.12 0.14 (%) K, 0.33 0.38 0.40 0.45 0.25 0.28 0.3 0.34 (%) Mg, 400 475 500 570 400 475 500 570 (mg) S, - - - - - - - - (mg) Mn, 39 44 47 53 50 57 60 68 (mg) Zn, 52 59 62 71 60 68 72 82 (mg) Fe, 80 91 96 109 60 68 72 82 (mg) Cu, 10 11 12 14 8 9 10 11 (mg) I, 0.40 0.45 0.48 0.55 0.40 0.45 0.48 0.55 (mg) Se, 0.10 0.11 0.12 0.14 0.10 0.11 0.12 0 (mg)
Search
Read the Text Version
- 1 - 30
Pages: