Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore ผจญภัยเมืองฟ้าแดด

ผจญภัยเมืองฟ้าแดด

Description: ผจญภัยเมืองฟ้าแดด เป็นหนังสือ 1 ใน 7 เรื่อง ในชุด วรรณกรรมเยาวชนภาคตะวันออกฉียงเหนือ จากโครงการนิทานพื้นบ้าน 4 ภาค ประกอบด้วยนิทานภาพสำหรับเด็กอายุไม่เกิน 9 ปี และวรรณกรรมสำหรับเยาวชนอายุ 9 ปีขึ้นไป เป็นส่วนหนึ่งของการดำเนินงานเพื่อจัดตั้งอุทยานการเรียนรู้ส่วนภูมิภาคโดยจัดทำเนื้อหาสาระในรูปแบบที่เด็กและเยาวชนสนใจ ซึ่งสามารถสื่อให้เห็นความเป็นตัวของตัวเอง ได้รับรู้ถึงความหลากหลายทางวัฒนธรรมอันล้ำค่าในท้องถิ่น รวมทั้งการรักษาและสืบทอดมนต์เสน่ห์แห่งนิทานพื้นบ้าน.

Search

Read the Text Version

ÇÃó¡ÃÃÁàÂÒǪ¹¾×鹺ŒÒ¹ ÀÒ¤µÐÇѹÍÍ¡à©Õ§à˹×Í ¼¨ÞÀÑÂàÁ×ͧ¿‡Òá´´ เรือ่ ง สรรตั น จิรบวรวสิ ุทธิ์ ภาพ ปรีดา ปญ ญาจันทร

วรร³กรรมเยาวชนพืéนบ้าน ภาคตะวันออกเ©ียงเหนือ ผจญภัยเมือง¿‡าแดด เรอ่ื ง สรรัตน์ จริ บวรวิสุทธิ์ ภาพประกอบ ปรีดา ปญั ญาจนั ทร์

ผู้เชี่ยวชาญท่ีปรึกษาคณะบรรณาธิการ ศ.ดร.ฉวลี กั ษณ์ บุณยะกาญจน ผศ.วีณา วีสะเพญ็ คณะบรรณาธิการอำนวยการ นางทศั นัย วงศพ์ ิเศษกลุ นางสาวเฉียดฉตั รโฉม ปรพิ นธพ์ จนพสิ ุทธ์ิ นายวัฒนชยั วนิ ิจจะกลู นางสาวนนั ธนา เจรญิ ภกั ดี คณะบรรณาธกิ ารตน้ ฉบับ รศ.สกุ ญั ญา สจุ ฉายา ผศ.ดร.ชลภสั ส์ วงษ์ประเสริฐ นายเรืองศกั ดิ์ ปิน่ ประทีป นายณัฐพร ศรมี กุ ด์ พิสูจนอ์ กั ษร นนั ท์ธนัตถ์ จติ ประภสั สร อารณี ะ วรี ะวฒั น ์ ผจญภัยเมอื งฟา้ แดด เร่ือง สรรตั น์ จริ บวรวสิ ทุ ธ์ิ ภาพประกอบ ปรดี า ปญั ญาจันทร์ เหมาะสำหรบั เด็กและเยาวชนอายุ 9 ปี ข้ึนไป พมิ พค์ รัง้ ที่ 1 พฤศจิกายน พ.ศ. 2551 จำนวนพมิ พ์ 3,000 เลม่ ราคา 145 บาท เลขมาตรฐานสากลประจำหนงั สือ 978-974-287-770-5 เจ้าของโครงการและดำเนนิ การจัด พิมพ์ สำนักงานอุทยานการเรียนร ู้ สำนกั งานบรหิ ารและพฒั นาองค์ความรู้ (องค์การมหาชน) สงั กดั สำนักนายกรฐั มนตรี สว่ นบรกิ าร อาคารเซน็ ทรลั เวลิ ด์ ชั้น 8 Dazzle Zone โทรศัพท์ 0-2257-4300 โทรสาร ตอ่ 125 ส่วนสำนักงาน 999/9 อาคารสำนักงานเซน็ ทรลั เวลิ ด์ ช้นั 17 ถนนพระราม 1 โทรศัพท์ 0-2264-5963-65 โทรสาร 0-2264-5966 www.tkpark.or.th ดำเนินการจัดทำตน้ ฉบับ มูลนธิ ิหนังสอื เพ่ือเดก็ โทรศัพท์ 0-2805-0202 โทรสาร 0-2805-1308 www.thaibby.in.th ออกแบบรปู เลม่ จดั พมิ พ์ และจัดจำหน่าย บริษัท แปลน ฟอร์ คดิ ส์ จำกัด 1/999 ถนนกำแพงเพชร 6 (โลคัลโรด) แขวงสีกนั เขตดอนเมือง กรงุ เทพมหานคร 10210 โทรศพั ท์ 0-2575-2828 โทรสาร 0-2575-2558 www.planforkids.com

คำนำ ในการจดั ตง้ั อทุ ยานการเรยี นรภู้ มู ภิ าคตน้ แบบแตล่ ะภาคนน้ั สำนกั งาน อทุ ยานการเรียนรู้ (TK Park) ไดม้ กี ารเตรยี มการคขู่ นานกนั ไปทั้งดา้ นกายภาพ และเนอื้ หาสาระ กลา่ วคอื ในระหวา่ งทอ่ี งคก์ รปกครองสว่ นทอ้ งถน่ิ กำลงั ปรบั ปรงุ หรือก่อสร้างอาคารสถานที่สำหรับห้องสมุดมีชีวิตในรูปแบบอุทยานการเรียนรู้ สำนักงานอุทยานการเรียนรู้ก็ประชุมหารือกับบุคลากรในท้องถ่ินและร่วมกัน คัดเลือกหนังสือ ดนตรี และกิจกรรมต่างๆ ไปพร้อมกัน เพื่อเตรียมการด้าน หนังสือและสือ่ ต่างๆซึ่งถอื เสมือนเปน็ จิตวิญญาณของห้องสมดุ โครงการนิทานพื้นบ้าน เป็นส่วนหน่ึงของการเตรียมการทางด้าน เนื้อหาสาระ ด้วยเล็งเห็นว่าเรื่องเล่าในแต่ละชุมชน มีทั้งสาระ ความสนุกสนาน และจินตนาการ สืบทอดกันมาจากภมู ิปัญญาท้องถิ่นอันล้ำลกึ มีความหมายต่อ การเช่ือมโยงวิถีชีวิต วัฒนธรรม และการดำรงอยู่ร่วมกันระหว่างมนุษย์กับ มนุษย์ และมนุษย์กับธรรมชาติ แม้จะเป็นเรื่องเล่าเฉพาะกลุ่มชนในพ้ืนท่ี แต่ สาระทแี่ ฝงอยูใ่ นเนือ้ หาเร่ืองราวของนทิ านน้ันคือคติสอนใจ ซึ่งเป็นความรูส้ ากล ทสี่ ามารถนำไปประยกุ ต์ใช้ได้ทกุ หนแห่ง สำนักงานอุทยานการเรียนรู้ จึงมอบให้มูลนิธิหนังสือเพ่ือเด็ก เป็นผู้ ดำเนนิ การประสานงานกบั ปราชญช์ าวบา้ น นกั วชิ าการ และผทู้ รงคณุ วฒุ ิ รว่ มกนั คัดเลือกนิทานเร่ืองเล่าพื้นบ้านที่มีคุณค่า มีอิทธิพลต่อความคิดและจินตนาการ ของเยาวชนในทางสร้างสรรค์ นำมาเรียบเรียงและจัดทำภาพวาดประกอบ ข้ึนใหม่ เพื่อจัดพิมพ์เป็นหนังสือท่ีมุ่งเสริมสร้างจินตนาการให้อ่านง่ายและ เพลิดเพลิน โดยหวังว่าจะเป็นส่ือจูงใจให้เด็กและเยาวชนทั่วไปสนใจและรัก การอ่านมากยิ่งข้ึน ทั้งยังสามารถนำไปประกอบการเล่านิทานในครอบครัว โรงเรียน และแหล่งเรียนรู้ต่างๆ เป็นการสืบทอดภูมิปัญญาท้องถิ่นให้คงอยู่ สืบไป

หวังเป็นอย่างย่ิงว่า นอกเหนือจากบทบาทในฐานะผู้จุดประกาย แนวคดิ หอ้ งสมดุ มชี วี ติ ในประเทศไทย ใหเ้ ปน็ พนื้ ทแี่ สวงหาความรใู้ นบรรยากาศ การเรียนรู้อย่างสร้างสรรค์และทันสมัยแล้ว สำนักงานอุทยานการเรียนรู้ยังจะ ได้ทำหน้าที่ปลูกฝังและส่งเสริมนิสัยรักการอ่านแก่เด็กและเยาวชน บนพ้ืนฐาน ของความเคารพและภาคภูมิใจในภูมิปัญญาของแต่ละท้องถิ่น เสริมสร้างการ ยอมรับความแตกต่างหลากหลายและใช้สติปัญญาแก้ไขปัญหา อันจะนำไปสู่ สังคมสนั ติสมานฉันท์ในทสี่ ดุ สำนกั งานอทุ ยานการเรียนร ู้

สารบัญ ≤ เมืองเสมา 7 ≤ ชนวนศึก 19 ≤ หลวงตาง่อม 33 ≤ กฤตยามนต ์ 47 ≤ อวสานตำนานรัก 61 ≤ การกลบั มา 75



หนึง่ เมืองเสมา ดวงตะวันคล้อยต่ำลงทุกที รถโดยสารประจำทางสีส้มระหว่างจังหวัด ขะมุกขะมอมไปด้วยฝุ่นแดงท่ีจับเขรอะไปท้ังคัน กำลังว่ิงตะบึงไปตามถนน ลูกรงั อันคดเคี้ยว อากาศยามบ่ายจดั อบอา้ ว ลมเงยี บงัน ใบไมข้ า้ งทางแทบไม่กระดิก ผู้โดยสารซึ่งแต่แรกน่ังเต็มคันรถ ทยอยลงไปเรื่อยๆ ทีละคนสองคน จนกระทั่งเหลือกำพร้าน่ังอยู่ท่ีเบาะหลังคนเดียว จุดหมายปลายทางอยู่ท่ีบ้าน แม่ใหญ่นวล เขาเหลอื บเหน็ ปา้ ยทางหลวงสขี าวบอกระยะทาง กาฬสนิ ธุ์ 1 กม. สองขา้ งทางแลดูนิง่ คล้ายไม่เขยอ้ื นไหวตงิ ทุกสง่ิ แลดสู งดั ! มเี พียงรถสสี ม้ คันนี้เทา่ นัน้ ทแี่ ล่นไปเสมือนขับผ่านม่านมิติอาถรรพ…์ กาฬสนิ ธ์ุ มคี วามหมายตามตัววา่ เมอื งน้ำดำ กำพรา้ นกึ สงสยั เหตใุ ดจึงไดช้ ือ่ น้ัน หรอื อาจจะเปน็ เพราะ...ทน่ี เ่ี ปน็ ทต่ี งั้ ของเมอื งโบราณลกึ ลบั ทมี่ อี ารยธรรม นา่ ศึกษา และยงั เปน็ ปริศนาให้นักโบราณคดยี ุคโลกาภวิ ัตนไ์ ดข้ บคิดไขคำตอบ กาฬสินธุ์เป็นจังหวัดที่มีประวัติศาสตร์ความเป็นมา ขนบธรรมเนียม จารีตประเพณี และวัฒนธรรมด้งั เดิมเก่าแก่ งดงาม ทรงคุณคา่

ผจญภัยเมอื งฟา้ แดด กำพร้าขยับตัวมองทศั นยี ภาพป่าเขาลำเนาไพรยามบ่ายจดั อย่างต่ืนตา ตื่นใจ เบ้ืองหน้าไกลโพ้นเป็นขุนเขาสูงทะมึน สวนทางกับตะวันท่ีดูอึมครึมเป็น สีเทาดำ กาฬสินธ์ุยังเป็นท่ีตั้งของ ภูกุ้มข้าว...แหล่งค้นพบซากกระดูกฟอสซิล ไดโนเสารท์ สี่ ำคัญทส่ี ดุ แหง่ หนงึ่ ในภาคตะวันออกเฉียงเหนอื แวบหน่ึง เขามองเห็นแนวเขานั้น คล้ายสัตว์ร้ายในโลกล้านปีท่ีกำลัง นอนหมอบนิ่ง รอตะปบเหยื่ออย่างอดทน ลมร้อนวาบๆ โชยมาปะทะร่าง กำพร้ากอดกระเป๋าเดินทางใบเข่ืองไว้ แนน่ ทอดสายตามองไกลออกไปนอกรถ สหี นา้ เรยี บเฉย หากในความคดิ วา่ ยวน หลายปแี ลว้ สินะ ทไี่ มไ่ ดเ้ จอกบั แม่ใหญ่ ทุกข์สุขอยา่ งไรกไ็ ม่ร ู้ กำพรา้ รำพงึ กับตวั เอง พร้อมกบั ปลอ่ ยความคดิ เล่อื นไหลไปช้าๆ เกือบสิบปีท่ีกำพร้าต้องหยัดยืนด้วยลำแข้งตัวเอง จากครอบครัวที่ ยากจน ทำใหเ้ ดก็ ชายตัวเล็กๆกา้ วออกมาเผชิญโชคอยา่ งเดียวดาย มีคนกล่าวไว้ว่า ชีวิตที่ขาดแม่นั้นเหมือนแพแตก ชีวิตที่ขาดพ่อนั้น เหมอื นถอ่ หกั กำพรา้ ไมม่ ที งั้ พอ่ และแม.่ ..ไมม่ แี มญ้ าตคิ นไหนจะชายตาเหลยี วแล แต่เขายงั โชคดที ่ีมีหลวงตาและยายคอยประคับประคอง ส่ิงที่หวาดกลัว มิใช่ความตาย หากเขากลัวความหิว เพราะความตาย คือการจบส้นิ ความหวิ ทรมาน หลายคนเคยถาม....ทำไมชอบกินขา้ วต้มมัด กำพร้ามักจะย้ิม...เป็นย้ิมที่ยากจะบอกได้ว่าเป็นย้ิมแห่งความสุข ฤๅ เศรา้ ใจ แมต้ วั เองก็ตอบไมไ่ ด้ รู้เพียงวา่ ย้ิมนนั้ เป็นยิม้ แห่งความทรงจำ เขาจำความหิวอันแสนทรมานและสภาพของเด็กชายผอมโซท่ียืนมอง ข้าวต้มมัดในกระจาด พร้อมกับกลืนน้ำลายลงคอได้ดีย่ิง ทว่า...ย่ิงไปกว่าน้ัน เขาจำมือที่ยน่ื ขา้ วตม้ มดั ของหญงิ ชราคนน้นั ได้ดียิง่ กวา่

เมืองเสมา  ขา้ วต้มมดั ห่อนอ้ ยทบ่ี รรจุกระเพาะได้ไมถ่ งึ หนึ่งในสบิ หากน้ำใจมากลน้ จนถึงคอหอย และท่ีสดุ ก็ล้นคลอเป็นหยาดนำ้ ตาปรมิ่ ในขณะน้ัน เขามีความรู้สึกคล้ายยืนอยู่ท่ามกลางทะเลทรายท่ีร้อนระอุ ทวา่ มีหยาดนำ้ ฝนโปรยปรายลงมา เฉกเชน่ ...หยาดน้ำทิพย์หยดลงกลางหัวใจท่ี แห้งโหย มัดขา้ วตม้ แมจ้ ะเยน็ ชืด แต่กลับมคี า่ สำหรบั คนหวิ โซมากกว่าทองคำ กำพรา้ รจู้ กั กับแมใ่ หญน่ วลตัง้ แต่นัน้ ไปมาหาสูเ่ ปน็ ประจำ ชว่ ยแบ่งเบา ภาระหญงิ ชรา ทงั้ ถางหญา้ เกบ็ ผกั หกั ฟนื มิตา่ งจากลกู หลาน ลกู ชาย ลูกสาว ของแม่ใหญ่นวลเองก็ไม่ได้รังเกียจ กลับรักใคร่เอ็นดูกำพร้าเหมือนสมาชิกใน บ้านคนหนง่ึ เขาจงึ ซาบซ้งึ ใจย่งิ นัก แม่ใหญ่เป็นคนผอม ผิวคล้ำ แต่ใจนั้นมิได้ดำเหมือนสีกาย อายุกว่า หกสบิ แต่ยังกระฉับกระเฉง แขง็ แรง ทีส่ ำคัญคือ ใจดแี ละรักเดก็ ตามปกติแม่ใหญ่ทำข้าวต้มมัดเดินขายตามบ้านทุกเช้า ถ้าเหลือก็จะ แจกให้เด็กวัดแบ่งกันกิน แต่ส่วนใหญ่ไม่เหลือ เพราะข้าวต้มของแม่ใหญ่น้ัน อร่อยนัก มันข้นถึงกะทิ กล้วยหรือก็คัดแต่เครือท่ีสุกคาต้น จึงหวานอย่างเป็น ธรรมชาติ แม่ใหญ่สอนกำพร้าให้ตัดใบตองจนชำนาญ ก้านที่เหลือนำเอามาทำ ม้ากา้ นกล้วยควบฮ้กี ับกบั บนลานดนิ แมใ่ หญเ่ ลา่ นทิ าน ไม่ก็รอ้ งเพลงกล่อมให้ฟงั บ่อยๆ กำพรา้ ยงั จำเนอ้ื รอ้ ง ท่องได้ขึน้ ใจ ตาเว็นเอย๋ ...ข้นึ สีแดง แดง ยามแลงส่องแสงซู่มอื้ ยามมื้อเซา้ สตี าเว็นเจา้ งาม เหวนงามให้หลานข่อยแด เอาหลานแบมอื มาใหเ้ พน่ิ สิให้แสงทองแสงคำ ใหบ้ กั กำพรา้ เจา้ ใหญเ่ จา้ สูง เจ้าลุงเปน็ ขุนเป็นท้าว มีความหา้ วเปน็ นายเป็นขุน ให้ผลบุญอมุ้ ชูเจ้าไว้...

10 ผจญภยั เมืองฟ้าแดด นำ้ เสยี งของแมใ่ หญเ่ ยน็ กงั วานใส กำพรา้ ฟงั แลว้ หลบั ไป ความทกุ ขย์ าก ลำบากตา่ งๆ นานาเลอื นรางไปเมอื่ ยามหนนุ ตกั หญงิ ชรา ปดิ เปลอื กตาหลบั ใหล ยามฝนั รา้ ย สะดุง้ ผวา แมใ่ หญก่ ร็ บี เข้ามาโอบกอด บางคราวเขาไปช้อนปลากัดที่ก่อหวอดในพงหญ้า ช้อนได้ปลากัด ลกู หม้อตวั เขียวออ๋ื กว็ ิง่ โร่เอาไปอวดแมใ่ หญ่ แม่ใหญ่เห็นเขา้ กลบั ดใุ ส่ บอกใหเ้ อากลับไปปล่อยซะ แม่ใหญ่สอนเสมอว่า อย่าพรากแม่พรากลูก จะเป็นบาปกรรมติดตัว กำพร้ากลัวบาปกลัวกรรม ถึงแม้ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าตัวบาปตัวกรรมหน้าตามันเป็น อยา่ งไร แตก่ ็รบี วิ่งเอากลับไปปลอ่ ยท่ีเดิมทกุ ครัง้ ไป แต่แล้ว...มีพบย่อมมีพราก แม่ใหญ่นวลย้ายตามทิดเคน...ลูกชาย คนโตทสี่ อบบรรจรุ บั ราชการครไู ปอยทู่ อี่ ำเภอกมลาไสย จงั หวดั กาฬสนิ ธ์ุ รคู้ รา่ วๆ ว่าอยู่ท่ีตำบลหนองแปน ใกล้ๆกบั เมืองเสมา วนั ท่แี มใ่ หญ่ย้าย กำพรา้ ร้องไห้ ร้ังชายผา้ น่งุ แมใ่ หญ่ไว้ ไมใ่ หไ้ ปไหน “แม่ใหญ่ อย่าไปไสนะ ถา้ แม่ใหญ่ไป ผใู้ ด๋จะเลน่ นำหนู ผู้ใดจ๋ ะรอ้ งเพลง ใหฟ้ ัง ผใู้ ด๋จะเล่า...” กำพรา้ สะอน้ื หญิงชราลูบศีรษะอยา่ งอ่อนโยน ปาดน้ำตาให ้ “จากเป็นยังพ้อกันได้ แต่ถ้าจากตายบ่มีมื้อพ้อ ถ้าเอ็งคึดฮอดแม่ใหญ่ เมอ่ื ใดสิกลบั ไปหาได้ อ้ายทดิ วาดแผนทใี่ หแ้ ล้วบแ่ ม่นตี”้ กำพร้าพยกั หน้า คราบน้ำตายงั คลอเบ้า “หนองแปน ใกลแ้ คช่ ว่ั อดึ ใจ” แมใ่ หญห่ วั เราะจนเหน็ ฟนั ดำ ทำใหก้ ำพรา้ พลอยยิ้มออกไปด้วย “บา้ นเสมา ป้ายหน้า” เสียงตะโกนของเด็กรถตัดห้วงความคิดไว้เพียงเท่านั้น กำพร้าลง รถโดยสารทหี่ นา้ วัดแห่งหนึง่ สายตาเหลือบซ้ายเหน็ ป้ายบอกทางเข้าวัดเด่นถนดั ตา วัดโพธชิ ัยเสมาราม

เมืองเสมา 11 ป้ายงานประจำปีปิดทองฝังลูกนิมิตตั้งตระหง่าน มีมหรสพมากมาย ท้งั หนังกลางแปลง หมอลำซงิ่ และทีข่ าดไม่ได.้ ..วงโปงลางกาฬสินธ์ุ โปงลางเป็นเครื่องดนตรีพื้นบ้านภาคอีสาน มีลักษณะเป็นท่อนไม้กลม ผูกร้อยเรียงกันตามลำดับขนาดและลำดับเสียง เช่นเดียวกับระนาด แต่มีขนาด ใหญก่ วา่ โปงลางท่ีน่ี โด่งดังจนเป็นท่ีรู้จักกันทั่วโลก ทางจังหวัดถึงกับสร้าง โปงลางขนาดยกั ษต์ ง้ั อยกู่ ลางใจเมือง ให้สมกบั คำขวัญประจำจังหวัดท่วี า่ ... เมืองฟ้าแดดสงยาง โปงลางเลิศล้ำ วัฒนธรรมผู้ไทย ผ้าไหมแพรวา ผาเสวยภพู าน มหาธารลำปาว ไดโนเสาร์สตั ว์โลกลา้ นป ี คนแถวนี้บอกว่า บ้านของแม่ใหญ่นวลอยู่ลึกไปทางท้ายวัด ต้องเดิน ผา่ นปา่ ช้า พอพน้ เมืองเสมาก็ถึง สงั เกตไมย่ าก เรือนไม้ยกใต้ถนุ สงู ปลูกกล้วย เป็นแนวรอบคนู ำ้ มีกล้วยนำ้ ว้าอยสู่ ามถงึ สต่ี ้นท่ีปลูกเอาไวก้ ินเอง พะยอมสีขาว ดอกไม้ประจำจังหวัด ส่งกลิ่นหอม อวดช่อล้อเล่นลม คล้ายย้ิมพยกั ทักทายบักกำพรา้ ผ้อู ุตส่าหเ์ ดินทางมาเยยี่ มเยือน กำพร้าเดินมาจนถึงท้ายวัดก็เห็นป่าช้า ท่ีเก็บศพทำด้วยคอนกรีต มีระเบียบ ดา้ นหนงึ่ มธี าตุสำหรบั คนตายท่ีมีบญุ หนกั ศักดิใ์ หญ่ อีกดา้ นหนึง่ เป็น ธาตขุ นาดเล็กท่บี รรจุกระดกู ของผู้ตาย จดั เรยี งอย่างมรี ะเบยี บเช่นเดียวกนั พ้ืนคอนกรีตปูลาดเกือบเต็มพื้นท่ีป่าช้า เว้นไว้แต่ขอบลานบางแห่ง ท่ีเว้นช่องไว้ให้ปลูกต้นไม้ได้บ้าง ซ่ึงส่วนมากเป็นไม้ใบที่ไม่ต้องการการดูแล รักษามากนัก หน้าซองเก็บศพไม่ถึงคร่ึงมีแจกันดอกไม้และกระถางธูปตั้งอยู่ แต่มี เพียงสองถึงสามซองเท่านั้นที่ดอกไม้ค่อนข้างสด ส่วนมากแล้วดอกไม้จะแห้ง เหยี่ วพบั คอตดิ อยกู่ ับแจกนั เพราะคนที่มาเย่ยี มศพครัง้ สดุ ท้ายนานมากแลว้ ถึงสภาพโดยทั่วไปจะดูสะอาดสะอ้าน แต่ความน่ากลัวยังแฝงอยู่ใน บรเิ วณนน้ั แมว้ า่ จะเปน็ เวลากลางวนั กต็ าม บางทอี าจจะเปน็ เพราะสญั ชาตญาณ ของมนุษยท์ ี่ทำใหร้ สู้ ึกอยา่ งน้นั

12 ผจญภยั เมอื งฟา้ แดด กำพร้ารีบสาวเท้าเดินจ้ำให้ผ่านแนวท่ีเก็บศพจนเกือบถึงท้ายวัด เห็น โบราณสถานเก่าแก่มีรอ่ งรอยของคนู ้ำและถนนโบราณ แสงอาทิตย์เริงแรงร้อนระอุเป็นเปลวแดดเต้นระยิบ ยังดีที่มีลมเย็นพัด แผ่วใหพ้ มุ่ พฤกษโ์ อนกงิ่ ปลวิ ไสวอยู่บา้ ง ทวิ ไม้ ใบเสมา และซากปราสาทราชฐานทงิ้ เงาแหง่ อดตี กาลตะคมุ่ ๆ แต่ เพียงรางเลือน ความวา้ เหว่ อ้างวา้ งเกาะกุมหัวใจ ที่น่ีสงบ...จนสงัด...เหลือเพียงร่องรอยให้รับรู้ว่าคร้ังหน่ึง ณ ที่แห่งนี้ เคยรงุ่ เรืองด่ังเมอื งสวรรค์ ใบเสมาหนิ กระจัดกระจายเกลอื่ นกลาด บ้างกจ็ มดินอยู่ตามโคก มีภาพ พุทธประวตั ิและลวดลายต่าง ๆ สลักเสลาไว้ นา่ แปลก ปกติใบเสมานา่ จะมเี พยี งแค่แปดใบ ลอ้ มรอบทิศทง้ั แปดของ พระอุโบสถ เพื่อบ่งบอกเขตทำสังฆกรรม แต่ทำไมที่นี่จึงได้มีใบเสมามากมาย เพยี งน ี้ ขณะที่กำพร้าเดินชมซากเมืองโบราณอยู่นั้น พลันขาเจ้ากรรมเกิด สะดดุ ซากหนิ ปรักหกั พังจนพลัดตกลงไปในรอ่ งคันดนิ ลกึ ลับ ร่างของเขาร่วงลงปล่องประหลาดที่มีลักษณะเป็นอุโมงค์สีขาวโพลน กำพร้าลอยละลิ่วอยูใ่ นอากาศ อย่างไมร่ ู้ทิศทางราวกบั จะหลุดไปอกี มิติหนึง่ ! กำพรา้ รอ้ งโวยวายออกมาสดุ เสียงอยา่ งตระหนกตกใจ “ชว่ ยด้วย!” ยงั ไมท่ ันสนิ้ เสียงรอ้ ง ซ่า ! ร่างของกำพร้าทะล่ึงโผล่พรวดขึ้นมาจากผิวน้ำ รู้สึกหูอ้ือ ดวงตาพร่า ไปชวั่ ขณะ เขากระไอสำลักน้ำทล่ี ว่ งผา่ นเข้าลำคอ

เมืองเสมา 13 น้ำเข้าตาจนแสบไปหมด กำพร้าค่อยๆ ลืมตาขึ้น แล้วต้องตื่นตะลึงไป กบั ทศั นยี ภาพทเี่ หน็ เขาโผลข่ นึ้ มากลางสระนำ้ ใหญท่ ใี่ สปานกระจก แพงพวยนำ้ ดอกสีขาวนวล ลำต้นอวบทอดยาวตามผิวน้ำ หมู่ผึ้งภุมรินบินเคล้าเกสรดอก บวั หลวงสีชมพรู ะเรื่อสง่ กลน่ิ หอมฟ้งุ ที่ฝ่ังเบื้องหน้าเป็นลานกว้าง มองเห็นสุมทุมพุ่มไม้ประดับงดงาม ราวกับสวนสวรรคส์ ง่ กลน่ิ หอมรวยรินมาตามสายลม “ทนี่ ่ีทีไ่ หนกัน” กำพรา้ รำพงึ พลางแหวกว่ายตะกายข้นึ ฝง่ั ยืนละล้าละลัง ตวั เปยี กโชก ความรู้สึกสับสนจับต้นชนปลายไม่ถูก ไม่อาจรู้ได้ว่าตนเองถูกอุโมงค์ ลึกลับพามาตกลง ณ ทใี่ ด กำพร้าเหลียวมองไปรอบๆ บริเวณ เห็นอาคารลักษณะแปลกตาหลาย หลงั มีปราสาทศลิ าแลงหลงั หนึง่ ตั้งตระหงา่ นเหนอื สระน้ำใหญ่ มองเห็นดอกบวั บานสะพรั่ง ไกลออกไปลิบๆ เป็นเทือกเขาสูงทอดตัวยาวเหยียดออกไปไกลสุด ขอบฟา้ อาณาบริเวณโดยรอบแปลกตา เหมือนผ่านเข้ามาถึงเมืองเมืองหน่ึง มันเป็นเมืองลึกลับท่ีมีใบเสมาศิลาแลงเรียงรายเป็นระเบียบอยู่ทั่วไป ปราสาทท่ี มองเห็นอย่ไู กลๆอยู่ในสภาพม่ันคงแข็งแรง อาคารหลากหลายล้วนเป็นศิลปะการก่อสร้างแบบโบราณที่ประมาณ อายุมิได้ ศิลาแลงแต่ละก้อนท่ีประกอบกันขึ้นเป็นค่ายคูประตูหอรบ ดูใหญ่โต เกินกำลงั คนทจี่ ะหยบิ ยกข้นึ ไหว เยน็ ยำ่ ตะวันใกล้จะลับเหล่ียมขนุ เขา ทอแสงสผี ีตากผ้าออ้ มทาบไล้ลาน นุ่มดุจพรมสวรรค์ แผน่ ศิลาแลงทางเทา้ สีแดงมัวหม่นตัดกับความเขยี วขจีสดใส ความต่ืนตระหนกตกใจหายไป เหลือแต่ความอยากรู้อยากเห็นตาม วสิ ัยปุถชุ น

14 ผจญภัยเมืองฟา้ แดด ทางเดินน้ันลดเลี้ยวไปตามสุมทุมพุ่มไม้ประดับ ที่ตัดแต่งเป็นรูปสัตว์ ในหิมพานต์อย่างสวยงาม สองข้างทางดารดาษไปด้วยใบเสมาศิลาทรายสลัก ภาพพุทธประวตั ติ อนตา่ งๆงดงามวจิ ิตรละลานตา พรรณไม้ดอกท่ีชูช่ออวดสีสันขาว แดง เหลือง ม่วง ยามต้องแสงแดด ออ่ นยามเยน็ ดพู ราวพราย สารพดั พรรณไมป้ ระดบั ประดาทงั้ ประเภทกลนิ่ ดแี ละ สีสวย ยามเย็นพลบค่ำค่อนคนื รวยรื่นกระดังงาสุขสม ดอกปีบหอมหวนทวนลม ราตรลี ่ันทมเลบ็ มอื นาง ฉบั พลนั ! “นัน่ ใครน่ะ” เสียงนั้นดังมาจากด้านหลัง กำพร้าสะดุ้งเฮือก หับขวับไปทางต้นเสียง เห็นรา่ งหญงิ ชราที่เขาคุ้นเคยเปน็ อยา่ งด ี “แมใ่ หญน่ วล” กำพรา้ เรียกช่อื หญิงชราที่ยืนเดน่ อยูเ่ บอื้ งหน้า ถึงแม้วา่ การแตง่ กายจะ ดูแปลกหูแปลกตาไป แต่เขาก็ยังจำได้แม่นยำ เขาวิ่งเข้าไปจะโผเข้ากอด แต่ ต้องชะงกั กึก... “เอ็งเรียกใครหือ เจ้าหนู” น้ำเสียงน้ันแหบเครือ แต่แฝงด้วยความ ปรานี “ที่นมี่ แี ต่ข้า ยายจำสวนเท่านั้นแหละ เอ็งเลา่ ลูกเต้าเหลา่ หลานใคร มิรู้ ดอกรึว่า ที่นีเ่ ขตพระราชอุทยานหลวง” ตอนนี้ กำพร้ารู้สึกสับสนไปหมด ดูเหมือนแม่ใหญ่นวลจะจำเขาไม่ได้ หรือไมเ่ ชน่ นั้นหญิงชราคนน้กี ็ไมใ่ ช่แม่ใหญน่ วลท่เี ขารูจ้ ัก! หรือว่า...เขาสามารถย้อนเวลาไปไกลแสนไกล เกินกว่าผู้ใดจะหยั่งถึง โดยไม่รู้ตวั หรือว่าอุโมงค์ลึกลับได้คาบเก่ียวนำปัจจุบันกับอดีตมาบรรจบกันพอดี นำเขามายังทน่ี ่ี เมอื งลกึ ลับแห่งน ี้

เมอื งเสมา 15 กำพร้ายกมอื ไหวห้ ญิงชราลึกลับ “ยายจ๋า ฉนั คนต่างถิ่นพลัดหลงมา ทน่ี ท่ี ี่ไหนกันหรือจะ๊ ยาย” หญงิ ชราหัวเราะอยา่ งนกึ เอ็นดู “เอง็ มาจากเมอื งใด ถงึ ไมร่ ู้วา่ ท่นี ่คี อื นครฟ้าแดด” เขาใจหายวาบ น่ีเขาพลัดมาอยู่ในอดีตก่อนเมืองฟ้าแดดจะล่มสลาย หรือน่ี “เอง็ รบี ตามข้าไปเรอื น เช็ดเนื้อเช็ดตัวใหแ้ ห้งก่อนเถอะ หากพวกโขลน เหน็ เอง็ ลักลอบเล่นน้ำในตระพังเขา้ ไดถ้ ูกโบยหลงั ขาดเป็นแน”่ เขามองเห็นเรอื นไม้หลงั เล็กค่อนข้างเกา่ มชี านเรือนแคบๆยกใต้ถุนสูง กำพร้าเดินตามหลังหญิงชราผู้เป็นเจ้าของบ้านข้ึนสู่ตัวเรือน เขาก้าว เท้าเข้าสู่ภายใน ซึ่งดูโปร่งสบายตา เครื่องเรือนมีเท่าที่จำเป็น ทุกช้ินเป็นแบบ โบราณ หนาหนกั เทอะทะ แตแ่ ขง็ แรง ตไู้ มห้ ลงั นอ้ ยพงิ ขา้ งฝาดา้ นหนงึ่ ขา้ วของ จดั วางเป็นระเบยี บ หน้าตา่ งขงึ มา่ นมุ้งสีขาวสะอาด ภายในเรือนหลังเล็กไม่มีผู้ใด แสงสว่างวับแวมมาจากตะเกียงน้ำมัน ดวงเลก็ ที่จุดตง้ั ไว้ กระดานทกุ แผ่นถกู ถจู นขน้ึ มนั วาว ยายจำสวนทรดุ ลงนงั่ กบั พืน้ เลื่อนขนั เงนิ ใสน่ ้ำให้กำพรา้ “กนิ นำ้ กินท่ากอ่ นสิ” กำพร้ารับขันน้ำมาดื่ม น้ำฝนในขันโรยด้วยดอกมะลิลา ท้ังหอมและ เยน็ ช่นื ใจ ทำไมนะ ยายจำสวนที่ได้รู้จักกันเป็นคราวแรก จึงเกิดความผูกพัน คนุ้ เคย คล้ายดั่งสนทิ สนมมาเนนิ่ นาน “ท่ีนี่เป็นอุทยานช้ันนอก ความจริงเป็นเพียงป่าโปร่งซึ่งสงวนไว้สำหรับ เป็นที่แปรพระราชฐานมาประทับ เพื่อสำราญพระราชหฤทัยเพียงชั่วคร้ัง ช่ัวคราว มิไดจ้ ดั การดแู ลรักษาเช่นพระราชอุทยานชน้ั ใน

16 ผจญภัยเมืองฟา้ แดด “บริเวณน้ีโดยปกติแล้วจะรกร้าง พระตำหนักใหญ่น้อยจะถูกปิดไว้ ต่อ เมื่อมีหมายกำหนดเสด็จประพาสจึงจะจัดเตรียมทำความสะอาดกันเสียทีหน่ึง และยิ่งระยะหลังๆ มาน้ี พญาฟ้าแดดไม่ได้เสด็จแปรพระราชฐานมานานแล้ว เพราะทรงมีราชภารกิจมาก อุทยานชั้นนอกจึงไม่ได้รับการเอาใจใส่เท่าที่ควร ตำหนกั ที่ประทบั ต่างๆ จึงค่อนข้างทรดุ โทรม” ยายจำสวนบ้วนน้ำหมากลงกระโถนทองเหลอื งคร่ำคร่า “อย่างไรท่ีน่ีก็เป็นอาณาเขตพระราชฐาน ถึงจะช้ันนอกก็ตามเถอะ หากใครรเู้ ข้าวา่ เอ็งลักลอบเข้ามาจะเกดิ เรอ่ื งใหญ่” กำพร้ามองผ่านหน้าต่างออกไปนอกตัวเรือน พบว่าเขาอยู่ที่เมือง ฟา้ แดดในอดตี จรงิ ๆ ปราสาทราชวงั มลงั เมลอื งงดงามมาก ใจกลางอทุ ยานหลวง มีตระพังขนาดใหญ่ เขาเพิ่งจะสังเกตเห็นปราสาทศิลาแลงหลังหน่ึงต้ังโดดเด่นตระหง่านอยู่ กลางน้ำ ! ปราสาทหินขนาดใหญห่ ลังน้นั ประดับตกแต่งดว้ ยภาพจำหลกั หินตาม ส่วนต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นหน้าบันและทับหลังเหนือซุ้มโคปุระ ประตูทางเข้า ปราสาท และเสาประดบั กรอบประตใู หญโ่ ตโออ่ า่ คลา้ ยทปี่ ระทบั ของทา้ วพระยา รายรอบดว้ ยใบเสมาหนิ สลกั เสลามากมายรมิ สระใหญ่ “แล้วทำไมถึงมีใบเสมาหินมากมายขนาดนี้ ที่นี่ทำใบเสมาขายด้วย เหรอครับ” ยายจำสวนหวั เราะด้วยความเอน็ ดู “เรื่องมนั ยาวน่ะ แต่เอาเถอะ ถ้าเอง็ อยากรู้ ขา้ กจ็ ะเลา่ ให้ฟงั ...”

17



สอง ชนวนศึก ลานกว้างอันเป็นข่วงเชิงแห่งนั้น แม้จะคับค่ังด้วยผู้คนที่รายเรียงล้อม ราชวัตรไม้ไผ่กัน้ เขตมใิ ห้ล่วงลำ้ มีเสียงกลองท่ีมีคนรา่ งลำ่ สนั ใหจ้ ังหวะสัญญาณ กลางลาน มีทหารข่ีม้ากว่าย่ีสิบคน ทั้งขุนหม่ืน หัวพัน และนายม้า แบ่งเป็นข้างละสิบคนอยู่ในแดน บนหลังม้ามีธงสามคันปักอยู่ข้างละแถว ห่าง กันราว 150 หลา ประจันหนา้ กบั ฝ่ายตรงข้าม ทุกคนล้วนถือไม้ยาวปลายงอใน มอื ลกู คลีทำจากไม้ทองหลางวางไว้ตรงกลางลาน สายตาทุกคู่จับท่ีบุรุษรูปร่างองอาจกำยำ ในชุดผ้าผืนยาวนุ่งทับอีกชั้น ในลักษณะจีบโจงสีแดงเข้ม ยกดอกลวดลายสีทองวะวับ ท่อนบนเปลือยเปล่า หนา้ งามเกลย้ี งเกลา ยามประทบั บนหลงั อาชา งามสงา่ ดจุ องคแ์ ถนฟา้ พระองค์ คือ ทา้ วจนั ทะราช...เจ้าเหนือหัวแหง่ เชียงโสม เสียงเสง็ กลองรัว การประลองคลีเริ่มขน้ึ ณ บดั นัน้ ทา้ วจนั ทะราชใชไ้ มข้ อตคี ลเี บาๆ เปน็ การลองเชงิ ผทู้ เี่ รมิ่ ตกี อ่ น เรยี กวา่ ผูท้ านคลี ก่อนท่ีจะทรงรบี แยง่ เขี่ยลูกคลสี ่งไปให้ฝ่ายตนโดยเรว็ การตีคลีนั้นมีอยู่สามประเภท คือ ข่ีม้าตีคลี ข่ีช้างตีคลี และเดินตีคลี ดังที่ปรากฏกลา่ วไวว้ ่า คลีชา้ งคลีมา้ คลคี น เลน่ ลูกโคนกล ประเกาะประกอดพกพัน

20 ผจญภัยเมืองฟา้ แดด ลักษณะของคลีท่ีเล่นก็ยังแบ่งออกเป็นสองชนิดคือ คลีธรรมดากับ คลีไฟ ซ่ึงแตกต่างกันท่ีลูกคลนี นั่ เอง ลูกคลีธรรมดามักจะใช้ตาไม้ไผ่หรือแก่นไม้แข็งกลึงให้เป็นลูกกลม ขนาดเท่าผลส้มเขียวหวานหรือโตกว่าเล็กน้อย บางคร้ังก็ใช้ไม้ทองหลางซ่ึงเบา กว่าเพื่อป้องกันอันตราย แต่ลูกคลีที่ทำด้วยไม้ทองหลาง ไม่ค่อยว่ิงเหมือน ไมแ้ ข็ง ส่วนลูกคลีไฟนั้นมักใช้ไม้ทองหลางแห้งที่มีขนาดโตกว่าคลีธรรมดา เพราะต้องเผาไฟให้ลุกแดง ซ่ึงจะทำให้ลูกคลีมีขนาดเล็กลงไปอีก คลีธรรมดา มักเล่นในเวลากลางวัน เรียกว่า คลีแดด ส่วน คลีไฟ ใช้เล่นในเวลากลางคืน เพราะลูกคลตี ิดไฟมองเห็นได้งา่ ย นยิ มเล่นในคนื หน้าเหมนั ต์เพือ่ แก้หนาว ท้าวจนั ทะราชทรงห้อมา้ อยา่ งองอาจ พลิกแพลงผกผัน จังหวะเลย้ี งคลี สลับสบั เปลี่ยนกัน ทง้ั ในเชงิ รุก รับ หลบ ไม่ผิดพลาด ตากวาดจบั จังหวะลกู คลี นอ้ ย ไมข้ อคอยตวัดแคล่วคล่องรับส่ง ตามกฎมณเฑียรบาล ...มาตรา 181 ถ้าเสดจ็ ทรงม้าพระทน่ี ั่งไปประพาสในสวนสนามสำราญ พระราชหฤทัย ตีคลีในที่ใด ผู้ใดรับคลีนั้นอย่าให้ตีสกัดหน้าพระที่น่ัง ถ้าข้ึนม้า ข่ีขับตีคลี อย่าขับม้าข้ึนให้เสมอเทียม ศีรษะม้านั้นให้อยู่เสมอหางม้าพระท่ีน่ัง ถ้าขบั ขี่ให้เทยี มเสมอ ฤาสกดั หนา้ มา้ พระท่ีนั่ง ทา่ นวา่ มันมคี วามผิด โทษน้นั ถึง ประหารชีวิต มาตรา 182 ถา้ ผใู้ ดตีคลพี ลาดตกกระเดน็ ไป ลกู คลนี ้นั ไปถกู เสดจ็ ท่าน วา่ มนั มคี วามผิด ให้ลงพระราชอาญาโบย 30 ขวบั ถ้าตีคลนี ้ันมไี ชยชนะ เสด็จ ท่านพระราชทานเงินเปน็ รางวัล... การประลองคลคี รั้งนี้กเ็ ช่นกัน ฝ่ายใดตตี อ้ นไลเ่ ลย้ี งลูกคลดี ว้ ยไมข้ อ ให้ มาตกลงในหลุมฝ่ายตรงข้ามที่ปักธงไว้ ถือเป็นฝ่ายชนะ รับพระราชทานเงิน รางวัลเปน็ ขวญั ถงุ แต่ชาวเมืองเชียงโสมต่างรู้ดีว่า ฝีมือตีคลีของท้าวจันทะราชไม่มีผู้ใด เทยี ม!

ชนวนศึก 21 ทุกคร้ังที่ลูกคลีกระเด็นลอยออกไปนอกสนามประลอง จะมีเสียงฮือ จากผรู้ ายลอ้ ม ยังไมม่ ีใครห้อม้ารุกเขา้ หลกั ชัยได้ ทา้ วจันทะราชเรม่ิ รุกรวดเร็วปานสายฟา้ ยากจะเห็นวา่ จ่โู จมทิศทางใด ร่างสูงตรงค่อนข้างเพรียวเพราะมัดกล้ามยังไม่สมบูรณ์ถึงวัยฉกรรจ ์ พ่งุ ไมข้ อใสห่ มายสกัด บุรุษน้ันคอื ...พระยาธรรม ผลจากการสกัดนั้น ทำให้พระองค์ต้องปัดป้องว่องไว เพ่ือไม่ให้การ เล้ยี งคลผี ิดจังหวะ ขณะท่กี ารบงั คบั ม้าตอ้ งไมพ่ ลาด เล้ยี งลกู คลีธรรมดาวา่ ยากแล้ว...เล้ยี งคลีบนหลงั ม้ายากย่ิงกว่า แต่พระยาธรรมกลับขยับม้ารับไว้ได้และเดาะคลีตีตอบไปในทันที ท้าว จนั ทะราชแกวง่ คนั ไมข้ อเวียนวนล่อหลอก บางม้าขบั ไขว่ควา้ ตคี ล ี ไหวว่องจะไวคอื จักรคว้าง บางมา้ ม่นุ หมุนตี ขววิ ขวาบ บางล่วงทะลวงลว้ ง ฟาดฟอน แม้เวลาจะล่วงไปเนิ่นนาน ทว่าบุรุษท่ีควบม้ากลางลานมิได้ถอยกำลัง พลันท้าวจันทะราชจึงวาดลูกคลีพุ่งเข้าเขตแดนฝ่ายตรงข้ามด้วยลีลาอ่อนช้อย งดงาม เสยี งตบมอื ฉาดฉานยนิ ดเี กรยี วกราวจากคนทั้งลาน การประลองครัง้ น้ี เงินรางวลั มิไดต้ กเป็นของผูใ้ ดอกี เช่นเคย! เชียงโสม ต้ังบนที่ราบลุ่มแม่น้ำปาว อยู่ทางทิศเหนือของเมืองฟ้าแดด สงยาง ท้าวจันทะราชยังทรงอยู่ในวัยหนุ่มคะนอง และยังไม่ได้อภิเษกสมรส เช่นเดียวกับพระยาธรรม อนุชาต่างสายพระโลหิต ทั้งสององค์โปรดปรานและ ทรงมพี ระปรีชาดา้ นการกีฬามาก ท้งั ตีคลี ต่อไก่ และล่าสัตว ์ ท้าวจันทะราชพระชนมายุย่ีสิบห้าชันษาแล้ว แต่ยังหานางเทวีไม่ได้ ความจรงิ คือไม่หา ไม่เคยสนใจนางลออฟา้ คนใด “เจา้ จะเฟน้ เอาอย่างไร”

22 ผจญภัยเมอื งฟ้าแดด พระชนนเี คยซกั ไซ้ นบั จากอภเิ ษกโอรสองคโ์ ตขนึ้ เปน็ กษตั รยิ ์ พระนาง ทรงหวังจะไดอ้ มุ้ ชหู ลานใหช้ ื่นใจ “งามเหมอื นแมเ่ จา้ อย่าแกเ่ ทา่ กแ็ ล้วกัน” ทา้ วเธอต่อคำ “ลกู คนนี้!” ท้าวจันทะราชแห่งเชียงโสม งามแม้นเทพยดา ฝีมือแกร่งกล้าราวองค์ อินทร์ พระชนนีจึงเอ็นดูหมดใจ แม้ลูกประสงค์ส่ิงใด ได้สิ่งน้ัน แต่สิ่งท่ีลูกไม่ ประสงคค์ อื นางทจี่ ะร่วมแทน่ “นางฟา้ หยาดเปน็ ไร” ท้าวจนั ทะราชชะงัก “ฟา้ หยาดไหน” “ฟา้ หยาด...ราชธดิ าพญาฟา้ แดดกบั พระนางจนั ทา หลานเจา้ ฟา้ ระงมึ ” “เจ้าฟ้าระงมึ จอมขมงั เวทยเ์ มืองสงยางนะ่ ร”ึ “น่ันล่ะ สงยางเป็นเมืองลูกหลวงของฟ้าแดด เจ้าฟ้าระงึมมีศักด์ิเป็น น้องต่างมารดากบั พญาฟ้าแดดสงยาง จึงเปน็ เมืองพ่ีเมอื งน้องกัน” “ออ้ ...” ท้าวเธอพยกั หน้าอย่างรับร้ ู “เขาวา่ กนั วา่ ทรงโฉมงดงามยง่ิ นกั ราวหยาดฟา้ มาดนิ สมชอื่ จนเลอ่ื งลอื ไปทัว่ ” พระมารดาลอบชำเลอื งสงั เกต เมอื่ เหน็ โอรสสนใจจงึ ตรัสตอ่ “เห็นพวกพ่อค้าต่างเมืองมันว่าพญาฟ้าแดดหวงธิดาย่ิงนัก ถึงกับสร้าง หอคำกลางน้ำให้เป็นที่ประทับของนาง จัดเหล่าพี่เล้ียง นางกำนัลให้มาอยู่ดูแล รับใช้ใกล้ชดิ จำนวนมาก พวกโขลนรึก็เฝา้ เวรยามอย่างเขม้ งวด หา้ มมใิ ห้ชายใด กรายใกลบ้ ริเวณหอคำโดยเด็ดขาด หากใครล่วงลำ้ มีโทษสถานเดียวคอื ...ตาย” “มากไปกระมงั ถ้าหา้ มมใิ ห้ชายใดใกล้ อา้ ยพวกพอ่ ค้าจะรู้ไดอ้ ย่างไรว่า งามจรงิ ” “คนในหอคำบอกมัน” “โธ่ ! เอาอะไรกับพวกนางใน ดไี มด่ ี อาจงามซกี ขวา แตห่ นา้ อัปลกั ษณ์ ซกี ซ้าย พระบิดาอับอาย เลยเอาซอ่ นไวใ้ นหอคำ” ท้าวจันทะราชทรงขัน แต่พระชนนีกลับไม่สบายพระทัย วิตกถึงสิ่งใด ไมร่ ู้สาเหตุ

ชนวนศึก 23 เจ้าเหนือหัวแห่งเชียงโสมโปรดการประพาสป่าเป็นชีวิตจิตใจ ว่างเว้น จากราชกจิ เมอ่ื ใด เปน็ ตอ้ งรับสงั่ ให้ตระเตรยี มม้าฝีเทา้ ดอี อกล่าสัตวเ์ มื่อนนั้ “ลุชายป่าเบื้องหนา้ จะเขา้ เขตเมอื งฟ้าแดดพระเจา้ ข้า” หมอพรานเฒา่ ผู้นำทาง หันไปทูลองคเ์ หนือหัวทป่ี ระทับบนหลงั มา้ ต้น “ฟ้าแดดอุดมสมบูรณ์นัก มีภูเขาโอบล้อมเมืองเป็นปราการป้องกัน ขา้ ศกึ ชัยภมู ิดแี ท้” “สว่ นทางใต้คือ เมอื งลูกหลวงสงยางพระเจา้ ข้า” “มตี น้ ยางสงู ใหญส่ วยงามสมชื่อ...” ยังตรสั มิทนั จบความ สายพระเนตร กเ็ หลือบเหน็ บางสง่ิ อยหู่ ลังพมุ่ ไม ้ เหล่าทหารองครักษ์ก่งธนูรอท่า สายตาจับจ้องท่ีพุ่มไม้ ท้าวจันทะราช ยกหตั ถข์ ้ึนปรามเมือ่ ทรงเหน็ ส่งิ ท่ีอยู่หลงั พุ่มไมถ้ นัดตา กวางน้อย...รูปร่างลักษณะงดงามยิ่งนัก ตาดำขลับเป็นประกายด่ังมณี นลิ ก่ิงเขาได้รูป งามสมทุกส่วนสดั ทส่ี ำคญั ...มหี นงั สีทองทง้ั ตัว! ท้าวเธอรบั สงั่ ปานกระซบิ “ตีวงล้อม จบั เป็นใหไ้ ด้” หมอพรานส่งสัญญาณใบ้ ทำนองส่ังให้ขุนทหารค่อยๆ ย่องโอบล้อม ตีวง ที่สุดแล้วกวางทองตัวน้ันก็ตกอยู่ในวงล้อมจนได้ ท้าวจันทะราชดีพระทัย มาก รับสั่งเฉียบขาด “หากกวางนอ้ ยสามารถหนฝี า่ วงลอ้ มออกไปทางดา้ นใด ขา้ จะเอาหวาย ทวนหลงั ” ขณะทที่ ุกดา้ นตวี ง ลอ้ มจบั กวางทองอย่างแข็งขนั เจ้ากวางน้อยตวั นน้ั เกดิ วง่ิ พรวดพราดฝา่ วงลอ้ มออกมาทางดา้ นท้าวจนั ทะราชเลด็ ลอดออกไปได ้ พระองค์จึงชักม้าไล่ติดตามกวางไปอย่างไม่ลดละ แต่กวางทองนั้น ปราดเปรียวยิ่งนัก เยื้องย่างท่าทางราวกับหงส์บิน หลบรอดจากเหล่าเสนา อำมาตย์ไปได้ ซ้ำยังว่ิงวนเวียนล่อหลอกให้ท้าวจันทะราชทรงติดตามไปเรื่อยๆ จนทำใหพ้ ลัดหลงกบั เหลา่ ข้าราชบริพารผูต้ ิดตามมาด้วย ถึงแม้ว่าม้าทรงของท้าวจันทะราชจะเป็นม้าฝีเท้าดี ว่ิงได้รวดเร็วปาน พายุ แตก่ ระนน้ั กไ็ ม่สามารถไล่กวดตามเจา้ กวางน้อยได้ทัน

24 ผจญภยั เมอื งฟ้าแดด ท้าวจันทะราชควบม้าไล่ตามกวางทองจนเหน่ือยอ่อนแล้วจึงหยุดพัก ทุกคร้ังที่พระองค์หยุดพัก กวางทองตัวน้ันจะหยุดพักด้วยเหมือนเป็นการ เชิญชวนท้าทายให้ทรงติดตามไป พระองค์ไม่ละความพยายาม จับเป็นกวาง ทองตัวนั้นให้ได้ จึงทรงติดตามกวางไปอย่างกระช้ันชิด พระองค์ตามกวางทอง จนกระท่ังผ่านป่าทึบลุเข้าเขตเมืองฟ้าแดด แต่แล้วกวางทองกลับอันตรธาน หายไปราวปาฏหิ าริย ์ ค่ำแล้ว เดือนเส้ียวบนท้องฟ้าทอประกายเหลืองนวล หมู่ดาวดารดาษ ระยิบระยับ ประดับรายล้อมที่แผ่นฟ้า บรรยากาศยามดึกเงียบสงัด มีแต่เสียง นกกลางคนื รอ้ งก้องอย่แู ตไ่ กล ท้าวจันทะราชทรงเหน่ือยอ่อนจากการไล่จับกวางทอง เม่ือถึงต้นไทร ใหญต่ น้ หนง่ึ เหมาะที่จะใช้อาศัยหลับนอน จึงกอ่ กองไฟขึน้ เพ่ือปอ้ งกนั สตั ว์ร้าย ระลึกไดว้ ่าพระชนนีเคยรบั สัง่ เมอื่ ครง้ั ยังเยาว ์ นอนไหนแปลกถ่นิ อยา่ ลืมขอเจา้ ทเี่ จา้ ทางท่านเสยี ก่อน ท่านจะได้ชว่ ยปกปกั รักษาให้คลาดแคล้วอันตรายในไพรเถ่อื น ดำริดังนั้นจงึ ทรดุ องค์ คุกเขา่ ประนมมือ ตั้งจิตอธษิ ฐาน “เทวดาฟ้าดิน เจ้าป่าเจ้าเขาท้ังหลาย โปรดจงฟังข้า ข้ากำลังวิงวอน ต่อท่าน ขอท่านจงเมตตา ให้ข้าได้พกั ผอ่ นหลับนอนสักราตรเี ถดิ ” อธิษฐานจบกราบลงกับพื้น แล้วจึงเอนกายบรรทม ทรงหลับใหลอย่าง รวดเรว็ พลันมีควันสีขาวลอยพวยพุ่งข้ึนเป็นลำกลุ่มใหญ่อยู่ในอากาศแล้วจาง หายไป ปรากฏเป็นผู้หญิงรูปร่างหน้าตาสะสวย ผิวขาว เส้นผมดำสละสลวย ยาวสยาย เกล้าสูงเสียบด้วยป่ินทองประดับพลอย สายสร้อย กำไล รวมทั้ง แหวนในนว้ิ พราวพราย ในความสลัว รัศมสี ีขาวนวลเจิดจรสั สว่างราวแสงจันทร์สิบหา้ คำ่ เปล่ง จากฉวนี วลเฉดิ ฉาย นางกา้ วออกมาจากลำตน้ ไทรใหญ ่

ชนวนศกึ 25 “เจ้าคงลำบากไม่น้อย ท้าวจันทะราช คำอธิษฐานของเจ้า ข้ารับรู้ แต ่ ทีน่ ่ีไมใ่ ช่ท่ีทเ่ี จ้าควรพกั ผอ่ นหลบั นอน” สตรีลึกลับโน้มกายลงอุ้มท้าวเธอ แม้องค์จะกำยำสูงใหญ่ แต่นางกลับ อุ้มได้เบาดุจขนนก แล้วร่างของทั้งสองนั้นก็กลับกลายเป็นแสงสีเหลืองสุกใส เหมอื นไฟพะเนียงลอยขนึ้ เชอ่ื งช้า แลว้ เร่งพ่งุ ข้นึ บนทอ้ งฟา้ ก่อนจะหายวับไป ทา้ วจนั ทะราชพลกิ กาย สะดงุ้ ตน่ื ทน่ี ไ่ี มใ่ ชก่ ลางปา่ เหมอื นเปน็ ปราสาท ของใครสักคน แต่น่นั ไมส่ ำคัญเท่ามาอย่ทู ีน่ ี่ไดอ้ ย่างไร ยามราตรีมีเพียงคบไฟปักรายเรียงไปตามผนังทอดยาวให้แสงสว่าง มลังเมลือง บางคร้ังเปลวไฟก็วูบไหวตามแรงลมดึกสะบัดพัดเป็นระยะ ทว่า สามารถแลเห็นพื้นผิวของสถาปัตยกรรมโบราณโอ่อ่าท่ีก่อสร้างด้วยศิลาแลง สแี ดงเข้มชัดตา ภาพจำหลักหินส่วนต่างๆ ที่ตกแต่งเสาประดับกรอบประตูวิจิตรบรรจง จนดูคล้ายเขตพระราชฐานชั้นใน ทรงแหวกวิสูตร ทอดพระเนตรมองผ่านช่อง บัญชร เห็นผิวน้ำต้องแสงจันทร์เหลืองนวล ทรงทราบทันที...ปราสาทหลังน้ีอยู่ กลางน้ำ พระองค์ทรงค่อยๆ ย่างดำเนินผ่านเหล่าพ่ีเลี้ยงนางกำนัลที่ต่างพากัน หลบั ใหล ไมร่ ้สู กึ รูส้ มเหมือนตอ้ งมนตรา สายลมที่พัดโชยเข้ามาคล้ายดั่งปะปนไปด้วยกลิ่นหอมอ่อนๆ ของดอก ราตรีกรนุ่ จมกู ประตูบานนัน้ ยงั คงมีแสงไฟลอดอย ู่ “เสียงพณิ แว่วมาจากห้องน”้ี พระองค์ทรงค่อยๆ แง้มประตูอย่างเบามือ ก่อนเข้าแฝงองค์หลังวิสูตร ทอง เงาตะคุ่มของหญิงสาวผหู้ น่งึ นั่งพบั เพยี บอยู่ริมหนา้ ต่าง ทา้ วจนั ทะราช รบี ถอยหลังกำบังองคห์ ลงั วสิ ตู รดว้ ยความร้สู ึกประหลาดใจ

26 ผจญภยั เมืองฟ้าแดด นิ้วมือเรียวยาวกรีดสายพิณท่ีขึงเสียงตึงแน่น เป็นบทเพลงอันไพเราะ ดจุ เสยี งดรุ ิยางคท์ พิ ย์จากสรวงสวรรค์ วงหน้ารูปไข่สงบน่ิง งามตาปานภาพวาด ริมฝีปากจิ้มล้ิม เอ้ือนเอ่ย บทเพลงด้วยน้ำเสียงไหวพลิ้ว ปานประหนึ่งกระแสธารซ่ึงกำลังหลั่งไหลไปตาม โตรกหนิ โอ้อนาถวาสนาขา้ ฯนอ้ ยนกั มริ ู้รักเปลา่ เปลยี่ วเจียวอกหนอ หนาวสะทกอกสะท้อนเฝ้าวอนรอ ไร้ใครขอเคยี งกายชายตาแล เสยี งพณิ หวาดไหวพรายพลว้ิ ราวนำ้ คา้ งตกตอ้ งใบพฤกษา กลนิ่ สะบนั งา ระรน่ื รวย เสยี งพณิ ตงิ สดุ ทา้ ยคลายคลี่ ยาว...นาน...ปนอาการสะทอ้ นถอนใจ ท้าวจนั ทะราชลอบมองนางอย่างช่นื ชมหลงใหล จติ ใจระอุอนุ่ เต็มเป่ยี ม ไปด้วยความปรารถนา ไมท่ ันระวงั พระองค ์ หลงั วิสตู รทอง จึงแลเห็นเงา วูบไหว ลอบเร้น ชายภษู าท่ีพาดไหลพ่ ลิว้ สะบัด ทำใหน้ างผนู้ ้ันรสู้ กึ ตัว หันขวบั มา พลันเสียงใสเอื้อนถาม “นั่นใคร ” ทา้ วจนั ทะราชเคลอ่ื นร่างออกจากวสิ ูตรทองท่ีกำบงั นางทยี่ นื อยเู่ บอื้ งหนา้ งามแท้ เกศาทม่ี นุ่ เกลา้ เสยี บปนิ่ พราวพราย พวงพู่ ดอกไม้อัญมณี ยามเคล่ือนไหวรัศมีตระการ พัสตราภรณ์ที่สวมเป็นผ้าฝ้าย ยอ้ มสี เสอ้ื รดั รปู อวดสดั สว่ นงามระหง สว่ นผา้ นงุ่ นน้ั สแี ดงเลอื ดนกทอมอื ยกดอก ดว้ ยลวดลายอันวิจิตรสเี หลอื งทอง งดงามยิ่งราวนางสวรรค ์ ทา้ วจนั ทะราชสง่ ยมิ้ ให้ แตน่ างกลบั ทำทา่ ตระหนก ผงะผละหา่ ง ดวงตา ดำขลับลุกวาวจับจ้องไปยังร่างบุรุษลึกลับ ซ่ึงกำยำล่ำสันประหนึ่งขุนศึก ผม ยาวมุ่นมวยข้ึนรัดเกล้าด้วยครอบทองคำ ผ้าพาดไหล่สีขาวขลิบทองกระจ่าง ดวงตาสีเข้มภายใต้เรือนคิ้วหนามองมาที่หญิงสาวด้วยความปีติยิ่ง ทำให้นาง วบู วาบร้อนไปทง้ั กาย

ชนวนศกึ 27 “ทา่ นเปน็ ใคร ทีทา่ อาภรณ์รึ ก็มิใชพ่ วกไพร่ ทหารเลว เหตไุ ฉนจงึ กล้า บกุ รุกเขา้ มายังหอคำ มเิ กรงพระราชอาญา” ชายหนุ่มขยับเข้าใกล้ มองนางด้วยความเสนห่ า “นามพ่ีคือ จันทะราช ราชาแห่งเชียงโสม เป็นความผิดของพ่ีเองท ่ี ล่วงลำ้ เข้ามาจนถงึ ในนี้ ว่าแต่...ท่ีนค่ี อื ท่ไี หนกัน” ฟ้าหยาดผละเย้ืองย่างหนีห่างออกไป แผ่วเสียงโต้เหมือนเกรงใคร ได้ยิน “หอคำ เมืองฟา้ แดด...อะไรกัน มาถึงนแ่ี ต่ไมร่ ู้วา่ ทีไ่ หน” “เมืองฟ้าแดด...หอคำกลางนำ้ ...” พระองคก์ ล่าวทบทวน “เช่นน้ัน น้องกค็ อื องคห์ ญิงฟา้ หยาด ราชธดิ าพญาฟา้ แดด ใชร่ ึไม่” องค์หญงิ พยกั หน้าตา่ งคำตอบ “เร่งออกจากท่ีน่ี ก่อนพวกโขลนจะร้เู ถิด” “ชะรอยคงเพราะเทพไทอมุ้ สมนำพา พี่จงึ ได้ปะหน้าน้อง” ดูเถอะพระวาจาชา่ งลดเล้ยี วนกั หนา “ถ้าทูลกระหม่อมพอ่ รเู้ ข้า ท่านจะถูก...” กล่าวไมท่ ันจบประโยค ทา้ วเธอก็ก้าวตรงเขา้ มายอื้ ยดุ มือนางขน้ึ จมุ พติ กอ่ นจบั แนบพระอรุ ะบกึ บนึ สมชายชาตรี ดวงพกั ตรพ์ ระธดิ าแดงกำ่ ดว้ ยความอาย แต่เลก็ จนโตไม่เคยมีชายใดไดใ้ กล้ชิดสมั ผสั กาย เวน้ แตท่ ูลกระหม่อมพอ่ ทา้ วเธอเอ้ือนเอ่ยมธรุ สวาจา “ฟังสิ...ฟ้าหยาด ยามน้ีหัวใจพี่มันเพรียกหาแต่นามเจ้า แม้สมบัติท่ัว ทงั้ ชมพูทวีปกองรวมกัน พกี่ ็ไมป่ รารถนาเท่าได้เจ้าเคยี งกาย” สองพระองคต์ ่างพอใจซ่ึงกันและกนั ตั้งแตแ่ รกพบ จงึ สมคั รใจทจี่ ะครอง รักกัน คำกล่าวท่ีว่า ประเวณีหญิงชายในโลกา ปรารถนารูปโฉมประโลมลาน ยงั เปน็ จริงอยเู่ สมอทกุ กาล ความยวนนัยนา บางคร้ังก็มาก่อนความรักใคร่ แล้วทุกอย่างก็ดำเนิน ไปตามครรลองของกามเทพ

28 ผจญภัยเมอื งฟ้าแดด สองสนิทชิดชมสมสวาท ไมเ่ คล่ือนคลาดคลายจติ พิสมัย จนเท่ียงคืนรื่นรมยส์ มฤทยั หลบั อยู่ในแทน่ ทองทง้ั สองรา ไก่ขันเจ้ือยยาว หมอกขาวละเรี่ยยอดพฤกษา ดอกพุดซ้อนสีขาวส่ง กลิ่นหอมหวานระรวยรินบนแท่นริมหน้าต่าง ร่างเหยียดยาวบนอาสน์มีภูษา พาดพนั ทอ่ นรา่ ง ทอ่ นบนเปลอื ยเปลา่ ลำ่ สนั ผวิ ขาวปานสตรี เกศาทเี่ คยมนุ่ เกลา้ แผ่สยายยาวหยกั ดวงหน้าเกลาเกล้ยี งมีรอยเขยี ว ริมฝีปากใส ทา้ วจนั ทะราชแหง่ เชยี งโสม มกั ถกู ขานเปรยี บเปรยวา่ งามแมน้ เทพยดา ฝมี ือเกง่ กล้าราวองคอ์ นิ ทร์ ฟ้าหยาดจงึ รกั หมดหัวใจ ยอมที่จะเป็นนางร่วมแทน่ เพยี งชั่วข้ามคืน ร่างของฟ้าหยาดผุดลุกขึ้นจากแท่น กษัตริย์หนุ่มยุดแขนนางไว้แต่ เพียงเบามอื “ปลอ่ ยเพคะ” นางปดั มอื ทา้ วเธอออก กอ่ นชอ้ นดอกพดุ ตานสแี ดงระเรอื่ ในพานขนึ้ เชยชม งามสมเยีย่ งนางอัปสร “หอมดอกไม้ ฮ้อยดอกพันดวง ยังบ่ปาน ลมพัดกล่ินพะนาง” ทรงยก ผญาข้ึนเปรียบเปรย “พุดตานไร้กลิ่น ฤๅจะสู้กล่ินหอมระร่ืนจากกายเจ้าได้” พระองค์เข้าไป ยื้อยดุ มอื ไว้ “ท่านไม่รู้ดอกหรือว่าดอกพุดตานเปล่ียนสีสันได้วันละหลายสี เหมือน หนงึ่ ใจชายท่รี วนเร พุดตานสิจ่ึงคูค่ วรกบั ข้าทโ่ี งเ่ งา่ หลงเชือ่ คารมชาย” “องคห์ ญงิ กลา่ วอนั ใด พไี่ มเ่ ขา้ ใจจรงิ ๆ” นางกลบั สะบดั มอื ฮดึ ฮดั นำ้ ตาคลอ “แจง้ ขา้ มาตามสตั ยเ์ ถดิ หากทา่ นรกั ขา้ จรงิ เหตใุ ดจงึ ไมส่ ขู่ อตามโบราณ ราชประเพณี กลบั หาญหักนำ้ ใจข้าเย่ยี งนี้” กษัตริย์หนุ่มพลันอึกอัก พระธิดาผู้โสภิตขยับออกห่าง เหม่อมองน้ำ กระเพื่อมพรายในสระใสผ่านม่านหน้าต่างอย่างระงับดับอารมณ์ น้ำตาร่วงเผาะ เมินมองไปทางอื่นท่ีมิใช่ร่างของกษัตริย์หนุ่มยอดชู้ท่ีกำลังจนแก่ถ้อยคำจะ โตต้ อบกับนางได ้

ชนวนศึก 29 ทา้ วจันทะราชพลนั ได้สติ ก้าวเขา้ มาโอบไหล่นางพลางงอนงอ้ “ฟ้าหยาดฟังพี่ก่อน ด้วยเกียรติแห่งชายชาตินักรบ พี่ขอสัญญาว่าจะ รักเจ้ามิรู้เบ่ือ เช่ือเจ้ามิรู้หน่าย เอาเถอะส่ิงใดที่น้องประสงค์ พี่ก็จะทำให้มิขัด วนั รุง่ พี่จะลอบออกจากตำหนกั กลบั ยังบา้ นเมอื ง แลว้ เรง่ แต่งคณะทตู มาทูลขอ น้องไปเปน็ แม่เมอื งแห่งเชียงโสมสืบไป” กษัตริย์หนุ่มว่าพลางไขว่คว้าโอบกอดร่างอรชรเอาไว้แน่น ปลอบ ประโลมด้วยคำหวานด้วยน้ำเสยี งทมุ้ นมุ่ กงั วาน ฉบั พลนั บานประตูถูกเปดิ ออก สองหนมุ่ สาวผละออกจากกัน จ่าโขลน พรอ้ มสมนุ ทั้งส่กี ้าวพรวดออกมา อาวุธดาบ ทวนพร้อมในมือ จ่าโขลนหนา้ เห้ยี มเกรยี มร้องประกาศก้อง “เฮ้ย พวกเอ็งลอ้ มมนั ไว้ มีผู้บุกรุกลอบเขา้ หอคำ จับมัน” ฟ้าหยาดร้องหวีด ท้าวจันทะราชชักดาบปราดออกจากฝักที่ข้างองค ์ มาถือกมุ กระชับ อกี มอื หน่งึ โอบกอดนางหมายปกป้องสุดชีวติ “เฮ้ย ใครหน้าไหนจะหาญกล้ามาจับกู กษัตริย์แห่งเชียงโสมก็เข้ามา เลย เข้ามา” นางโขลนทั้งสี่ได้ยินการประกาศตัวเช่นน้ันก็มีอันขยาดระย่อ ชะงัก รวนเร จา่ โขลนหน้าเหีย้ มพลันถลาขนึ้ หนา้ ชีป้ ลายทวนดิง่ เขา้ หา ตะคอกลั่น “จะเปน็ ใครไม่สำคญั แม้ทำผดิ กต็ ้องกุมตวั ไปลงอาญา” ขาดคำก็ทะยานทวนหลอกล่อด้วยกลศึก กษัตริย์หนุ่มปัดป่ายรับรอง ด้วยดาบไม่ถนัด ทว่าอาศัยฝีมือที่เหนือช้ันกว่า ปกป้องคมทวนจากจ่าโขลนได้ หลายเพลงไม่พลาดพลงั้ ช่ัวพริบตา ท้าวจันทะราชก็ปัดทวนในมือจ่าโขลนร่วงผล็อย แล้วถีบ ผางเขา้ ยอดอก จา่ โขลนผงะหงาย ลม้ ไรห้ ลกั ฟา้ หยาดรอ้ งหวดี “ไปซะ ข้าไมอ่ ยากรังแกผหู้ ญิง” เหล่าโขลนถอยหลังกรูดด้วยความรักตัวกลัวตาย ตะลีตะลานออกไป จากตำหนกั ทนั ท ี

30 ผจญภยั เมอื งฟา้ แดด “พวกโขลนเหล่านั้นคงไปทูลฟ้องทูลกระหม่อมพ่อ ท่านรีบเสด็จกลับ เชยี งโสมก่อนเถิด” “แล้วนอ้ งล่ะ” พระธิดาฟ้าหยาดกอดพระบาทท้าวจันทะราชคร่ำครวญปานว่าดวงใจ จะแหลกลาญ “นอ้ งจะอยรู่ บั หน้าทลู กระหม่อมพอ่ เองเพคะ” “ฟา้ หยาด” แววพระเนตรนน้ั หมน่ หมอง ทรงโอบพระองคไ์ ว้ พระวรกาย ส่ันสะท้านเย็นเฉียบ องค์หญิงซบพระพักตร์อยู่แทบไหล่ ทรงคิดหาหนทาง แกไ้ ขสถานการณว์ ิกฤต “อย่าโศกเศร้าเลยนะ จะเป็นลางร้ายเสียเปล่าๆ พี่สัญญาว่าจะเร่งกลับ ไปยงั บา้ นเมอื งพ่ี แล้วสง่ ทตู มาสู่ขอ เจริญสัมพนั ธไมตรีกับเสด็จพ่อของน้อง” องค์หญิงฟ้าหยาดค่อยๆ ปลดป่ินทอง พระเกศาซ่ึงสยายยาวตกลงมา ปรกพระพักตร์ ทรงใช้เส้นผมลูบไล้พระบาทพระสวามีไปมาอย่างแผ่วเบาคล้าย จะปลอบใจเป็นครัง้ สดุ ทา้ ย ซบหน้ารำ่ ไห้ พระวรกายสนั่ น้อยๆ ท้าวจันทะราชตัดพระทัย ลอบเสด็จออกจากปราสาทกลางน้ำ เร่งเดิน ทางกลบั ส่เู ชียงโสมในบัดเดีย๋ วนั้น

31



สาม หลวงตาง่อม โถงใหญ่ตำหนักหลวงฝ่ายใน พญาฟ้าแดดและพระนางจันทาประทับ ร่วมตำหนกั กับพระธดิ าเป็นการสว่ นพระองค์ จึงมเี วลารบั ส่ังไขความต่อกนั ถ้อยกราบบังคมทูลของพวกโขลนคงล่วงรู้ถึงพระกรรณส้ินแล้ว หาก ณ ที่น้ัน พญาฟ้าแดดยังคงเงียบ พระธิดาฟ้าหยาดยังคงหมอบน่ิงเช่นกัน.... ความเงียบมกั จะมากอ่ นพายรุ า้ ยเสมอ นางยอ่ มทราบดีวา่ น้ำพระทยั พระราชบิดาทรงเป็นเช่นไร ยามโปรดโลดถึงวิมานทิพย ์ ดาวเดอื นแทบจะหยบิ ประทานให ้ ยามกริ้วโกรธาประดจุ ไฟ จกั มอดไหม้เปน็ ผงคลีในพริบตา สมเด็จพ่อพระทัยร้อน หากมีอะไรกระทบ ท่านจะระเบิดออกมาโดยมิ ทรงกลัวเกรงใคร หากวันน.ี้ ..ทา่ นทรงน่ิงอย่างนา่ กลัว “วังหลวง แม้ภายนอกดูใหญ่โตโอ่อ่า มีผู้คนมากมาย แต่แท้จริงแล้ว ภายในนั้นกลบั เงยี บเหงาอา้ งว้าง ท่านพตี่ ้องเข้าใจและรูจ้ กั ให้อภัยลูกบ้าง”

34 ผจญภยั เมอื งฟา้ แดด พระนางจนั ทาถอนใจ แมจ้ ะรสู้ กึ รมุ่ รอ้ นท่เี กิดเหตกุ ารณเ์ ยี่ยงนี้ขนึ้ ทวา่ กิรยิ าและน้ำเสยี งยงั ราบเรยี บสมเป็นพระเทวี “เจ้าคอยดู...ฟา้ หยาด...” พระสุรเสยี งล่ำลึกจากพระอุระ “จนั ทะราชตอ้ งชดใช”้ กระแสอะไรบางอย่างที่แผอ่ อกมา ทำให้องคห์ ญงิ พระโลมาตั้งชัน พญาฟา้ แดดทรงนงิ่ ราวแทง่ ศลิ าสลกั ลกู สาวสดุ รกั ตอ้ งมาถกู มนั ขม่ เหง เดด็ ดมชมเลน่ เช่นดอกไมป้ ่า หาค่าอนั ใดมิได้ มันเหยียบย่ำหวั ใจคนเปน็ พ่อนัก พระหัตถท์ รงกำแนน่ แล้วคลายสลับกำ ปลายพระบาทขยีพ้ นื้ ...ราวทรง ปรารถนาบีบเค้นศัตรูในพระหัตถ์ ทรงปรารถนาจะเหยียบพระบาทลงบนอุระ ศัตรู “พระองค์จะไม่ตรึกตรองให้ถี่ถ้วนก่อนรึ ปัญหาใหญ่อย่างนี้ จะเอาแต่ อารมณ์ไดอ้ ย่างไร” พระนางทรงเกลยี้ กล่อม “หึ” พญาฟ้าแดดแคน่ เสียงอย่างไม่พอใจ “มันหยามหน้าเราถึงขนาดนี้ ยงั จะต้องคิดมากทำไม” พระนางส่ายหน้าน้อยๆ เอย่ คำกบั พระสวามเี บาๆ “ถึงอย่างไร จันทะราชก็ได้ช่ือว่าเป็นลูกเขยเรา อีกอย่าง หากพระองค์ ปฏเิ สธจะเกดิ ศกึ ใหญ่ ขา้ เชอ่ื วา่ เชยี งโสมคงเขยี นใบบอกไปยงั เมอื งมติ รทง้ั หลาย ท้งั เชียงส่ง เชียงสา เชยี งเคอื เชยี งช้อย และเชยี งยืน กจ็ ะพากันยกทัพมาชว่ ย การศึกครั้งนี้เป็นแน่ ถ้าพระองค์ตัดรอนไมตรี ไม่ยกฟ้าหยาดให้ไป ไพร่พลจะ ล้มตายสกั เทา่ ไร มันจะคุ้มกันหรือ” “หมายความว่า เจ้าจะยอมปล่อยให้มันทำตามอำเภอใจได้อย่างน้ันรึ” พญาฟา้ แดดเคน้ คำกรา้ ว “ศกั ดิข์ องชาวฟา้ แดดจะเหลอื อะไร” “พระองค์!” พระนางชักเสยี งเข้มขึน้ บ้าง “จนั ทา เจ้าไม่ไดอ้ ย่ใู นฐานะอยา่ งข้า เจ้าจะเข้าใจอะไร” “ฐานะของความเป็นแมน่ ัน้ เหนือกว่าทุกสง่ิ เหนือกว่าอำนาจทอี่ ยู่ในมอื ของพระองคห์ ลายเท่านัก” ประโยคนนั้ ชา้ ชัด

หลวงตาง่อม 35 “ข้าถามหน่อยเถอะ ฟ้าหยาดตกเป็นเมียของจันทะราชแล้ว หากมีลูก ดว้ ยกัน พระองค์จะใหห้ ลานทเี่ กิดมากำพรา้ พอ่ อยา่ งน้นั หรือ” ได้ผล...พญาฟา้ แดดเงียบงัน พระนางจึงเอ่ยคำตอ่ “แมว้ ่าท่านไม่เอาโทสะเขา้ ครอบงำ ขา้ เชอื่ วา่ ทุกอย่างยอ่ มแก้ไขได้” “เจ้ากำลังจะบอกข้าว่า ให้ข้ายอมอ้ายท้าวต่างแดนเหยียบย่ำศักด์ิศรี ของแผ่นดนิ ตามอำเภอใจอย่างนน้ั สิ” “ข้าพูดกับท่านอย่างน้ันรึ” เสียงย้อนเริ่มห้วนเพราะเหนื่อยหน่าย พระนางแลออกไปสู่พระอุทยานหลวงด้านนอกจากหน้าต่าง ก่อนกล่าวคำช้าๆ ชดั เจน “ฟา้ แดดกับเชยี งโสมอยรู่ ว่ มกันอย่างสงบสุขมานาน เป็นเสมอื นเมอื งพ่ี เมืองน้อง ฟ้าหยาดลูกสาวเราก็มีใจให้จันทะราช หากต้องทำศึกต่อกัน ความ เสียหายท่ีจะเกดิ ข้นึ มันคุ้มค่าหรือ” “แล้วเจา้ จะให้ข้าทำเย่ยี งไร” “มขี า่ วจากเชียงโสมวา่ ...ท้าวจนั ทะราชจะทรงสง่ ขุนเส็งและขนุ คานเปน็ ทูตถือราชสาส์นมายังเมืองฟ้าแดด เพื่อสู่ขอลูกสาวเรา ทางที่ดีเราควรตอบรับ ไมตรีจากทูตเชียงโสม แล้วให้จันทะราชเร่งจัดขบวนเกียรติยศมาสู่ขอฟ้าหยาด ตามราชประเพณ”ี คำตอบของพระนางจนั ทาหนักแนน่ พญาฟา้ แดดพยกั หนา้ ทงั้ ๆ ทภ่ี ายในดวงตายงั เปยี่ มไปดว้ ยไฟพยาบาท ท่ีฉายโชนอย่างเห็นชัด พระธิดาอดเย็นวาบลงไปในใจไม่ได้ ความรู้สึกอันนั้น คล้ายจะเปน็ ลางสังหรณ์ สมเด็จพอ่ ทรงมีกลอุบายลกึ ล้ำเกนิ กวา่ ทีจ่ ะคาดถึง ท้องพระโรงหน้าถูกตกแต่งเป็นพิเศษ ปูพรมสวยงาม และต้ังเคร่ืองสูง เรียงราย ทหารหลายเหล่าแต่งเต็มยศ น่ังขนาบสองข้างทางที่ทูตจะเข้าเฝ้า เคร่ืองบรรณาการตั้งไว้เบื้องหน้าที่ประทับ แสดงให้เห็นถึงพระบรมเดชานุภาพ ของพญาฟ้าแดด

36 ผจญภยั เมอื งฟ้าแดด เม่อื เสยี งกลองชนะ แตร สงั ข์ มโหระทกึ ดังสดุ เสยี งประโคมแลว้ พญา ฟ้าแดดเสด็จออกพระที่น่ัง มีพระราชดำรัสให้นำคณะทูตจากเชียงโสมเข้าเฝ้า ถวายบังคม เม่ือทูตบงั คมคลั ตามราชประเพณี ทรงมีปฏิสนั ถารเยีย่ งบรุ าณกาล “การเดนิ ทางยากลำบากประการใด” “ชาวเชียงโสมยงั สำราญดหี รอื ไม”่ หากที่ทรงทำลืมเว้นไป มิยอมใส่พระทัยไต่ถามให้ครบสามนัดก็คือ... เจ้าเหนือหัวแห่งเชียงโสมทรงมีพระอนามัยอย่างไร ทรงทำเฉยเมยไม่รับสั่ง คลา้ ยทรงเร่งพิธีการใหผ้ ่านพ้นไป ขุนเส็งและขุนคาน หัวหน้าคณะทูตทูลเกล้าถวายพานแว่นฟ้าท่ีใส ่ ราชสาส์นจากเมืองเชียงโสม พระราชสาส์นนั้นจารบนลานทองประทับตรา พระราชลัญจกรไว้เบ้ืองบน ม้วนห่อด้วยแพรแดง พันด้วยไหมเบญจพรรณ ปลายติดครั่งประทับตรา ซ้ำบรรจุในกล่องทองคำจำหลักลงยาราชาวดี มีถุง ตาดระกำใอนกี ศชุภนั้ รหาชนสงึ่ าพสญ์นทาฟ่ีปา้รแะดทดานทมรงาแกไมะต่มรีอาะนไั้นรม ากไปกว่า สำนวนโวหารทาง การทูตอันไพเราะ สู่ขอพระธิดาฟ้าหยาด เพ่ือสมานไมตรีเป็นสุวรรณปฐพีแผ่น เดยี วกันระว่างฟ้าแดดกับเชยี งโสม พญาฟา้ แดดทรงเงยข้ึนช้าๆ สีพระพกั ตรเ์ รียบเฉย “กลับไปบอกเหนือหัวของพวกเจ้า...เรามิอาจปลงใจรับไมตรีจากผู้ หมิ่นศักดิ์ศรีชาวฟ้าแดดได้ ท้าวจันทะราชไม่คู่ควรแก่ราชวงศ์แมนฟ้า ซึ่งสืบ เชื้อเครอื มาจากพญาแถนผู้ย่ิงใหญ่แมเ้ พียงนอ้ ย” ตรัสเพียงเท่านั้น ก็เสด็จขึ้นทันที คณะทูตต้องรีบถอยจากท้องพระโรง ไป เร่งเดินทางออกจากเมอื งฟ้าแดดโดยด่วน บาดแผลอนั ฝังลึกในพระทยั ก่อใหเ้ กิดความใหญต่ ่อมา... ณ เมืองเชียงโสม ท้าวจันทะราชประทับอยู่ท่ีพระที่นั่งเทพวิมานปราสาท รวมทั้งพระยา- ธรรมและเหล่าเสนาอำมาตย์ท้ังปวง ทรงคอยคณะทูตอย่างพระทัยจดจ่อ… มิชา้ นานขนุ วงั กข็ อเข้าเฝ้ากราบบังคมทูลพระกรุณา

หลวงตางอ่ ม 37 “ทตู ท่ีเดนิ ทางไปฟ้าแดดกลบั มาแลว้ พระเจ้าขา้ ” “ได้ความว่าอย่างไร” “พญาฟ้าแดดทรงปฏิเสธพระเจ้าข้า รับสั่งว่าพระองค์กระทำการล่วง เกินพระธิดา เป็นการหยามหมิ่นพระเกียรติอย่างร้ายแรง และตรัสว่า...เอ่อ...” ขุนวังอึกอกั กอ่ นจะกราบทูลถ้อยรบั สั่งต่อไป “พระองค์ไมค่ ูค่ วรแก่พระราชวงศแ์ มนฟ้าพระเจ้าข้า....” “จริงรึ !” เสียงของท้าวจนั ทะราชกราดเกรี้ยว ดวงตาแดงก่ำขน้ึ ทันควนั โดยไม่ฟงั คำตอบหรอื ถามไถใ่ ดๆอกี “พระยาธรรม” เจ้าเหนอื หัวแหง่ เชียงโสมแทบตะโกนมากกว่าเรียก “พระเจ้าข้า” พระยาธรรมก้าวเขา้ ค้อมตัวตรงหนา้ อยา่ งรวดเร็ว มทิ นั ท่ี จะกล่าวคำใด ท้าวจันทะราชกอ็ อกคำสงั่ โดยพลนั “จัดทัพเต็มอัตราศึก...เตรียมยกไปฟ้าแดด” คำประกาศิตของท้าว จนั ทะราชจะมผี ู้ใดกลา้ ขัด อีกอย่างพระยาธรรม ได้ด่มื น้ำพพิ ัฒนส์ ตั ยาด้วยโลหิตสาบาน ถึงความ จงรักภักดีสูงสุดแด่ท้าวจันทะราชยิ่งชีพตน ให้สมกับพระมหากรุณาธิคุณที่ทรง ชบุ เลยี้ งเสมออนชุ ารว่ มพระอทุ ร สมฐานนั ดรอปุ ราชาแห่งเชียงโสม พระยาธรรมไดแ้ ตค่ อ้ มตัวอีกคร้งั พรอ้ มประโยคสน้ั ๆ “ข้าจะรบี ไปจดั ทัพทนั ท”ี ท้าวจันทะราชทรงพระอักษรเขียนใบบอกไปยังเมืองพ่ี เมืองน้องและ เมืองมิตรท้ังหลาย ได้แก่ เชียงส่ง เชียงสา และเชียงเคือ มีพระราชโองการให้ ยกทัพโยธาไพรพ่ ลจำนวนมากไปประชดิ เมอื งฟา้ แดด เพอื่ กอ่ ศกึ ชงิ นาง ด้วยถ้อยรับสั่งน้ันเท่ากับบอกเหตุควันศึก ไฟสงครามท่ีเริ่มคุกรุ่น โชยชายขนึ้ ท่ัวเขตแควน้ แผน่ ดิน ฝ่ายพญาฟ้าแดดน้ัน พอทรงปฏิเสธทูตของท้าวจันทะราชไปแล้ว ทรง จัดเตรียมกองทัพไพร่พลไว้พรักพร้อมเพื่อเตรียมรับมือ และแจ้งข่าวศึกแก่ เจ้าฟา้ ระงมึ พระอนุชาให้เตรยี มทัพมาช่วยการศกึ ครัง้ น ้ี

38 ผจญภัยเมืองฟ้าแดด เป็นท่ีรู้กันดีว่า เจ้าฟ้าระงึม สมเด็จอาของพระธิดาฟ้าหยาดน้ัน ทรง รอบรเู้ ชย่ี วชาญดา้ นพระเวทมนตราอยา่ งหาผใู้ ดทดั เทยี มไดย้ าก จนเปน็ ทเี่ ลอ่ื งลอื การท่ีพญาฟ้าแดดรับสั่งให้พระอนุชามาช่วยการศึกคร้ังน้ี นั่นแสดงว่า มิได้ทรงทำศึกตามหลักพิชัยสงครามเพียงอย่างเดียว หากแต่จะใช้ไสยศาสตร์ เข้าสรู้ บดว้ ย เช้านั้น พระธิดาฟ้าหยาดรับสั่งนางกำนัลให้จัดแจงเตรียมการที่จะออก ไปยังพระอารามหลวงไว้เรียบร้อย กรมวังได้รับคำส่ังให้เตรียมราชยานแต่พอ เปน็ พธิ ี เพราะจะรบี เสดจ็ ไปแลว้ กลบั เขา้ มา ผทู้ จี่ ะโดยเสดจ็ รกั ษาความปลอดภยั มไี ปเพยี งไม่ก่คี น โขลน จา่ ชะแม่นางในท่ไี ม่จำเปน็ ถกู ตดั ออกหมด เจา้ หญงิ ฟา้ หยาดทรงเรอื พระประเทยี บ เสดจ็ ไปยงั พระอารามทา้ ยเมอื ง เบอื้ งทิศตะวันออก สถาปัตยกรรมเกา่ แก่ยนื ทะมนึ เด่นตระหงา่ นอยู่ วหิ ารนน้ั ให้ สัมผัสเยือกเยน็ ขรมึ ขลังอยา่ งน่าพิศวง ที่นี่สงบร่มเย็น เต็มไปด้วยต้นไม้ ฝูงนก เหล่ากระรอกและกระแตตาม ก่งิ ไม้ ลมเย็นๆพดั ยอดไม้โอนเอน พื้นอโุ บสถเป็นไม้กระดานกว้าง ขดั มนั เรยี บ หน้าตา่ งไมบ้ านกวา้ งเปดิ ออกเต็มที่ ทำให้เกิดความสว่างโปร่งสบาย ภายในมีกลิ่นเครื่องหอมคละคลุ้ง นางกำนัลจดุ ธปู เทยี นไวอ้ รา่ มตา แสงเพลิงจับพระพักตร์พระพุทธรูปองค์ใหญ่ สีทองสุกใส อาการท่ี พระพุทธรูปทรงประทับน่ังห้อยพระบาท พระเนตรหลุบลงต่ำอย่างสำรวม แนว พระโอษฐม์ รี อยแย้มสรวลอย่างปรานี ทำใหพ้ ระองค์สงบใจลงได้อย่างประหลาด หลังจุดเคร่ืองทองน้อยแล้ว เจ้าหญิงแห่งฟ้าแดดก็ก้มลงกราบสักการะ อย่างสำรวม ควันธูปหอมกรุน่ กำจายไปท่ัว “ข้าแต่พระพุทธปฏิมา ขอจงอย่าได้เกิดศึกสงครามนองเลือดเลย ขอเดชะแห่งอำนาจพระพุทธคุณจงบันดาลให้ฟ้าแดดสงยางจงประสบแต่สันติ ตราบชั่วกาลนาน”

หลวงตางอ่ ม 39 แววพระเนตรของพระพุทธรูป ดูเหมือนจะเปล่งประกายอย่างปรานี ดจุ รบั ฟงั สจั จาธษิ ฐานแห่งองคห์ ญิง รอได้ครู่หนึ่ง ชายจีวรสีกรักก็ก้าวเข้ามาในอุโบสถ ภิกษุชราท่าทาง แข็งแรงก้าวข้ามธรณีประตูเข้ามา หลวงตารับรองด้วยท่าทีสงบเย็นเช่นผู้บรรลุ ธรรม ดูเปลง่ ปลง่ั ดว้ ยรัศมีรุ่งโรจนจ์ ากภายใน แววตากรณุ า พอหลวงตานั่งบนอาสนะเรียบร้อย องค์หญิงพร้อมนางกำนัลผู้ติดตาม ก็กล่าวถวายเครื่องไทยธรรม พอเสร็จจากการประเคนเรียบร้อย นางกำนัลคน หน่ึงก็เล่ือนเต้ากรวดน้ำให้ เมื่อยินเสียงหลวงตาข้ึนคำว่ายถา องค์หญิงก็เร่ิม รินน้ำลงขันด้วยความตง้ั ใจทไี่ หลรวมกบั สายน้ำวา่ “ขอความสขุ สงบจงมแี ก่ทลู กระหม่อมพ่อและเจา้ พ่”ี ทรงแผ่สว่ นกุศลถวายสมเด็จพอ่ ให้ทรงพระทัยออ่ น เลิกผกู อาฆาตจอง เวร กบั ถวายพระกศุ ลใหท้ า้ วจนั ทะราชด้วย จติ แนว่ นิ่งเปน็ หนง่ึ เดียว ปตี เิ กดิ ขนลกุ ซู่ กระแสความเยน็ แผ่กระทบใจ น้ำถูกรดจากเต้ากรวด ฝากพระแม่คงคาเป็นส่ือชักพาให้บุญกุศลถึง มือผรู้ ับ พอหลวงตาจบยถาก็คว่ำเต้ากรวดขาดน้ำพอดี ท่านสมภารเร่ิมสวด สพั พีและตอ่ ด้วยชยันโตเป็นกรณีพิเศษ องค์หญิงฟ้าหยาดน่ังพนมมือหลับตาฟัง เกิดความรู้สึกปลอดโปร่ง สว่างนวลน่าพิสมัย เพิ่งเห็นว่าคล่ืนเสียงสวดมนต์อันมีพลังลึกลับของสงฆ์นั้น อบอุ่นเป็นสุขน่าพึงใจเพียงไร ทั้งวิเวกชวนเคลิ้มสงบ ท้ังไพเราะน่าฟังให้เกิด ปตี เิ มอื่ เงย่ี หูสดบั เสร็จสน้ิ ทุกกระบวนการแล้ว ทง้ั นายทง้ั บ่าวพากันกราบสงฆ์สามครัง้ หลวงตาง่อมเป็นพระผู้ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบและมีคุณธรรมมาก ทำ หน้าท่ีเป็นทั้งผู้นำการพัฒนา ผู้นำพิธีกรรม และผู้นำทางศาสนา อันเป็นที่ เคารพศรทั ธาของชาวเมืองมาก

40 ผจญภยั เมืองฟ้าแดด เมอ่ื พระธดิ ายงั ทรงพระเยาว์ เคยตามเสดจ็ สมเด็จพ่อมาร่วมพิธฮี ดสรง เลื่อนสมณศักดใ์ิ นวนั มหาสงกรานต์ ช่างหลวงจัดสร้างปะรำคาดผ้าขาวประดับด้วยพวงดอกไม้สด ภายใน ตดิ ตั้งรางไมไ้ ผ่สลกั เสลาเปน็ ลำตวั พญานาคสำหรับใหน้ ้ำพงุ่ เป็นสายลงไปได ้ เมอ่ื พระสงฆร์ ปู ใดเป็นผู้ประพฤติดี ปฏิบัตชิ อบ มีคุณธรรมและบวชมา แล้วไม่น้อยกว่าสามพรรษา จะได้เล่ือนลำดับช้ันสมณศักดิ์เป็น เจ้าหัวสมเด็จ... เจ้าหัวซาหรือยาซา...เจ้าหัวคูหรือยาคู...เจ้าหัวด้าน...เจ้าหัวคูหลักคำ...เจ้าหัวคู ลูกแก้ว...และเจ้าหัวคูยอดแก้ว ซ่ึงเทียบเท่าพระสังฆราชครู เป็นประมุขสงฆ ์ ทวั่ ทั้งแคว้น พระสงฆท์ น่ี มิ นตเ์ ขา้ มามจี ำนวนถงึ หกสบิ รปู ไดส้ รงนำ้ ตามลำดบั สมณ- ศกั ดท์ิ ลี ะหา้ ถงึ หกรปู หลงั จากสรงนำ้ เสรจ็ แลว้ ทลู กระหมอ่ มพอ่ จะใชพ้ ระสหุ รา่ ย ลงยาทรงประพระสคุ นธใ์ หแ้ กค่ ณะสงฆ์ แลว้ จงึ นมิ นตพ์ ระสงฆท์ ง้ั หมดทไี่ ดเ้ ลอื่ น สมณศักดิไ์ ปหม่ ไตรแพรพระราชทาน ภายหลังพธิ ฮี ดสรง หลวงตาง่อมจงึ ได้เลื่อนเปน็ เจา้ หวั คู ต้งั แตบ่ ัดนั้น พระธาตุสำคัญของเมืองนี้จึงขนานนามว่า พระธาตุยาคู ตามสมณศักดิ์ของ หลวงตา “พญาฟ้าแดดเป็นไงฮึ ไม่สบายรึ ทำไมไม่มา” เสียงนุ่มนวลเยือกเย็น ของผู้ให้พรดังขึ้น หลวงตาง่อมถามฉันคนรู้จักคุ้นเคย ฟังดูคล้ายท่านกับพญา ฟา้ แดดมคี วามเป็นเพื่อนกนั อยแู่ ตเ่ ก่าก่อน “เปลา่ หรอกเจ้าค่ะ” องคห์ ญงิ ฟา้ หยาดตอบออ้ มแอ้ม “ออ้ ” ท่านครางรบั รู้ ก่อนจะหันหน้าไปยงั พระประธาน ต่ำลงมาหน้าพระประธานมีแสงวับแวมจากเทียนจำนำพรรษา ภายใน วงรศั มีแสงไฟสอ่ งใหเ้ หน็ ร่างหลวงตานัง่ ขัดสมาธิ เทยี นท่ีจะรบิ หรอี่ ยู่น้นั น่าหวน่ั ใจว่าสักครู่คงจะดบั ลงอย่างแนน่ อน

หลวงตาง่อม 41 “อย่ากลัวเลย ประทีปแห่งกรรมนั้นจะไม่ดับลงเป็นอันขาด มันจะเกาะ กนิ จนกว่าจะหมดเช้อื ลง เวน้ แตผ่ ใู้ ดจะเร่งไฟใหเ้ ผาผลาญเร็วขน้ึ เท่าน้นั ” หลวงตาตอบได้เป็นตุเป็นตะ ทั้งๆ ท่ีพระธิดาไม่ได้ปริปากพูดสักคำ เดยี ว “จะมีทางอืน่ แก้ไขบา้ งไหมเจ้าคะ” “ทรงหมายถึงทางไหน” เงยี บ...ไม่มเี สียงตอบ นอกจากเสียงไสเ้ ทียนปะท ุ “กรุณาเถิดเจ้าค่ะ นึกว่ากรุณาแก่สัตว์ผู้ตกยาก ผู้จนหนทางแล้วจริงๆ ลูกไม่อยากกอ่ กรรม ลูกไม่อยากมีเวรกบั ใคร” หลวงตาถอนใจเบาๆ นำ้ เสียงนน้ั แกมเวทนาเลก็ น้อย “เวรนั้นมิใช่จำเพาะแต่ที่เราก่อขึ้นในชาตินี้ หรือไม่เพียงเท่าน้ันหรอก กฎแห่งกรรมเปรียบประดุจกระแสน้ำท่ีไหลเป็นวงกว้างดุจลูกโซ่ เกิดขึ้น...หาย ไป...วงแล้ววงเล่า กระแสนำ้ วนอนั นห้ี ายไป แต่ไปกอ่ ใหเ้ กิดวงใหญ่ จะมากน้อย เทา่ ใดกก็ ระแสน้ำเดยี วกัน “มนุษย์อุบัติขึ้นได้ด้วยกรรม และกรรมก็เป็นเครื่องหล่อเล้ียงมนุษย์ให้ คงอยู่ กรรมของพ่อ แม่ และของเราย่อมอุบัติเก่ียวเน่ืองกัน ดุจวงของลูกโซ่ที่ ร้อยตอ่ ๆ กนั มาบรรจบวงใหม่ ห่วงแหง่ กรรมกล้าแข็งหนาแนน่ ยิง่ กวา่ เหลก็ กลา้ ใดๆ ทง้ั ส้นิ ใครละ่ จะตัดหว่ งนัน้ ได้ มสี งิ่ เดียวทแี่ นน่ เหนียวกวา่ เพชร ทรงความ คมยิ่งกว่าสิ่งใดๆ ในโลก สง่ิ เดยี วนน่ั แหละจึงจะตดั กฎแหง่ กรรมได”้ “อะไรเจ้าคะ” “กฎแหง่ ธรรมะ ความร้แู จง้ เหน็ จรงิ ในกรรมน่ะสิ ผใู้ ดยอมรบั รู้ในกฎน้ัน ยอ่ มเห็นแจง้ กรรมจึงจะสิน้ สุดลง” พระธดิ าทรงประทับน่งิ ขึงไปชว่ั คร่ใู หญ่ จึงถอนใจเบาๆ “ถ้าเป็นกรรมของลูกแต่ผู้เดียว ลูกก็คงจะไม่วิตกหนักหนา จะก้มหน้า ชดใช้เวรน้ันแต่โดยดี แต่น่ีทำไมจะต้องไปเก่ียวข้องกับชีวิตราษฎร กรุณาเถิด ชว่ ยลูกดว้ ย”

42 ผจญภัยเมอื งฟ้าแดด “ผลกรรมทำไว้อย่างไรก็ต้องเป็นไปอย่างนั้นแหละ อย่าคิดอะไรให้มาก นักเลย มนุษย์เรามีกรรมเป็นเครื่องกำเนิดและหล่อเลี้ยงชีวิต จากน้ันก็มีมรณะ เป็นเบอ้ื งปลาย อาตมาบอกไดเ้ พยี งน้”ี หลวงตาเว้นระยะ กอ่ นกลา่ วชา้ ชัด “สงบอกสงบใจเสยี บา้ ง แผ่นดินกำลังจะลุกเปน็ ไฟ” สายลมพัดเปลวเทียนวูบไหวแทบดับ รอบอุโบสถอยู่ในเงามืด ภิกษุ ชราทอดตามองยังกึ่งกลางไส้เทียน กำหนดเปลวไฟสีน้ำเงินด้านในเป็นอารมณ์ ไฟจากไส้เทยี นจำนำพรรษาค่อยๆลกุ สว่างขนึ้ ทีละน้อย “ส่ิงย่ัวยุมันมีมาก ถ้าเราไม่รู้ว่าเป็นไฟ และปล่อยให้ลุกลามเป็นกองโต ข้ึนเรื่อยๆ โดยไม่หาทางดับ ไฟก็จะนำความพินาศท่ีนึกไม่ถึงและไม่เคยรู้จัก มาสู่” แสงเทียนกลายเป็นไฟกองโตที่ลุกโพลงมียอดเปลวสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว จรดเพดานวิหารท่ามกลางความตกตะลึงพรึงเพริดขององค์หญิงและเหล่านาง กำนลั ท่นี ิง่ งนั ไมม่ ีใครไหวกายเลยสกั นดิ เดียว เสียงฮือของเปลวเพลิงดังข้ึนเร่ือยๆ อย่างน่ากลัว ไฟเร่ิมแผ่ลามไปบน เพดาน “เพียงเรารู้วธิ ี ก็ดบั ไฟไดโ้ ดยไม่ต้องวง่ิ ไปหาเคร่ืองมือจากไหน” หลวงตาพูดอย่างเยือกเย็น ทว่าทรงอำนาจชนิดที่ทำให้พระธิดาต้อง ขนลุกเกรยี ว นับเปน็ ภาพที่นา่ ตระหนกและชวนพิศวงงงงวยเหนอื คำบรรยาย แม้นั่งอยู่ห่างยังสัมผัสถึงความแผดร้อนผะผ่าว กองเพลิงอันร้อนระอ ุ คุคล่ังคล้ายมีแรงพิโรธกราดเกร้ียวในตนเองเห็นปานน้ัน หลวงตาทนอยู่ได้ อยา่ งไรไหว ภิกษุชราปดิ ตาลงคร่หู นึ่ง กอ่ นเปดิ เปลือกตาข้ึนเปา่ ลมปากพรวดลงไป บนกองเพลิงหน้าพระประธานเบาๆ มันดับพร่ึบในพริบตาเดียว เหลือเพียง นำ้ ตาเทยี นทิง้ ไว้ พระธิดาฟ้าหยาดปากคอสั่น ตาเบิกโพลงอย่างยากจะเชื่อตนเองอีก รอบ เกดิ มาไมเ่ คยคิดว่าชวี ติ นจี้ ะไดพ้ บเจออะไรอย่างน้เี ลย

หลวงตางอ่ ม 43 “ธรรมดาในสงสารน้ี มีสุขแล้วทุกข์คละเคล้าไป ได้แล้วหาย ที่ได้ก็ หนา่ ย ทใ่ี คร่ไดม้ ิมา ถ้ารู้วา่ ได้แล้วจะจร ฉะน้นั ไดห้ รอื มไิ ด้ จงอยา่ ข้องใจในมัน” วาทีออ่ นโยนเยือกเย็น ย่งิ ทำให้พระธดิ าสะอน้ื อั้น “จะเปน็ ทุกขท์ ำไม กบั สิง่ ที่ตอ้ งวางทิง้ ไป เจา้ ไม่ทง้ิ มนั ไป มนั ก็จะท้ิงเจ้า เจ้าจงเอานำ้ ตาลา้ งหวั ใจ ถา้ ใจเจ้าใสดุจแวน่ แกว้ จะสอ่ งส่งิ ใดกส็ วา่ ง เจ้าเอารกั บงั ตาเจา้ เจา้ กจ็ ะหลงเรือ่ ยไป” หลวงตาเทศนาเข้าไปราวเล็งเห็นหัวใจ พระธิดาดื่มด่ำ ความเย็นแล่น เข้าหวั ใจ ความรอ้ นรนมลาย ท่านสมภารทอดตาไปทางองค์หญงิ กล่าวดว้ ยนำ้ เสยี งการุณย์วา่ “กลับไปก่อนเถอะองค์หญิง หลวงตาจะปลงอาบัติ...สัตว์โลกย่อมเป็น ไปตามกรรม นครฟ้าแดดกำลังจะเสยี คนดีในไม่ช้านี”้ พูดแล้วก็ระบายลมหายใจยาวเหยียดและปิดตาลง หลวงตายังนั่งนิ่งบนอาสนะ พระธิดาฟ้าหยาดก้มลงกราบลา อภิวาท เป็นคร้ังสุดท้าย หัวใจอัดอั้นน้ำตาหลั่ง แล้วลงจากวิหารอย่างเงียบเชียบ พูด อะไรไมอ่ อกแมแ้ ตค่ ำเดียว เมื่อมาถึงหอคำ พระธิดาฟ้าหยาดพยายามคิดปะติดปะต่อเรื่องราว ทงั้ หมด หลวงตาท่านต้องการบอกอะไร อยู่ใกล้กาสาวพัสตร์ของหลวงตาท่าน มาต้ังแต่เด็ก ยังไม่เคยเห็นท่านแสดงฤทธิ์ถึงขนาดน้ี ทราบเพียงว่าท่านสอน ทุกคนท่ีอยใู่ กล้ด้วยกุศโลบายหลากหลาย น่ีต้องเปน็ กรณีพิเศษจรงิ ๆ... นางพศิ วงใจระคนคร้ามเกรงเดชะแหง่ พระคุณเจ้าเพม่ิ ข้ึนเปน็ เทา่ ทวี เจตนาของพระผู้ปฏิบัติชอบนั้นลึกซ้ึงนัก ความคิดกระทำการของท่าน มิไดเ้ กิดจากอารมณ์ช่วั แลน่ เฉกเชน่ สามญั มนษุ ย์ ทวา่ เกดิ จากการเพง่ ประโยชน์ ที่อาจทอดระยะยาวไปในอนาคตเบอ้ื งหน้าเสมอ

44 ผจญภยั เมอื งฟ้าแดด การแสดงฤทธ์ิเดชในตนจัดเป็นอาบัติอย่างหนึ่ง หลวงตาท่านเห็น อยา่ งไรจึงยอมฝืนนนั้ สุดทน่ี างจะกลา้ คาดเดา เม่อื คดิ ถงึ คำทำนายของหลวงตา ท่ีวา่ ...ฟ้าแดดกำลงั จะเสียคนดีในไม่ช้านี้... พระธิดาฟ้าหยาดพนมมือ แล้วเบนพระพักตร์ไปทางทิศของพระธาต ุ ศักดิ์สทิ ธิ์ “คณุ พระคณุ เจา้ ขอใหท้ รงปกปกั รกั ษาทลู กระหมอ่ มพอ่ ด้วยเถดิ ” องคห์ ญงิ ประทบั นงิ่ ชงั่ ใจครหู่ นง่ึ กอ่ นตดั สนิ พระทยั รบั สง่ั ใหต้ ระเตรยี ม ราชยานไปตำหนักหลวงพญาฟา้ แดดทันที เพอ่ื ถามถึงส่งิ ทย่ี ังคา้ งคา

45



สี่ กฤตยามนต์ ตะคันดินเผาสำหรับเผาเครื่องหอม อันประกอบไปด้วยแก่นจันทน์ กำยาน มีควันพลุ่งออกมาจากช่องโปร่ง อันทำเป็นรูปหัวสิงห์เจาะเฉพาะตา ปาก จมกู และหู ผวิ เปลอื กสม้ แห้งถูกเผาผสมลงด้วย เพ่ือขับไล่แมลง ควันหอม อบอวลโชยคลุง้ ทั่วพระตำหนกั พญาฟ้าแดดประทับเอนพระองค์ พิงพระขนนอยู่บนพระแท่น นาง ขา้ หลวงหมอบเรยี งรายกนั อยเู่ ปน็ แถว บ้างใชว้ ชิ นีโบกรำเพยลม องค์หญิงฟ้าหยาดก้มพระพักตร์จับเฉพาะควันที่ลอยอ้อยอิ่งเป็นสาย กอ่ นกำจาย “การลอบเรน้ เขา้ มาของจนั ทะราชครง้ั นเี้ ปน็ การหมน่ิ ประมาทเหยยี บยำ่ เกียรติยศของพ่ออย่างไม่อาจอภัยได้ หากทิ้งไว้ก็รังแต่จะนำความอัปยศมาส ู่ ฟา้ แดด เจ้าจงหักใจอยา่ ไดห้ ลงอาลัยด้วยรปู โฉมนนั้ เลย” “แตท่ ้าวจันทะราชเปรียบดงั ดวงใจของลกู ...” “หากรสเสน่หาจะทำให้เจ้าลืมแม้กระท่ังความกตัญญูกตเวทีก็อย่าได้ อยูด่ หู น้ากนั อกี สบื ไปเลย” พระสุรเสยี งนนั้ ท้ังปลอบโยน ข่มขแู่ ละเสียดสยี อกย้อน “แต่สงครามจะนำมาซึง่ ความสญู เสีย” “สงครามกระทำกันแบบสงครามของกษัตริย์ขัตติยะ ความพ่ายแพ้ หรือชัยชนะย่อมเป็นไปโดยยุติธรรม”

48 ผจญภยั เมอื งฟ้าแดด “ยุติธรรม การทุ่มเทแสนยากรอันทรงพลังเข้าข่มนครที่ด้อยกว่า ถือ เป็นความยุติธรรมง้ันหรือ...แล้วการที่ดำริให้เจ้าอาสู้โดยใช้กฤตยามนต์ล่ะเพคะ เปน็ การสแู้ บบไหน” พญาฟา้ แดดชะโงกพระพักตรเ์ ขา้ มาใกล้ ดวงเนตรเป็นประกาย “ข้าไม่สนใจว่าเป็นการสู้แบบไหน ข้าสนใจแต่ว่าข้าจะทำให้เชียงโสม พนิ าศลงให้ได้อยา่ งไรเทา่ นนั้ ” “เจ้าพอ่ ทรงคิดหรือเพคะว่า ทา้ วจันทะราชจะพนิ าศลงง่ายๆ” รอยแย้มสรวลอยา่ งมีเลศนัยปรากฏขึน้ บนพระพักตรอ์ นั ชราน้ัน ดวงเนตรท่ที รงเหลือบแลมายงั พระธดิ ามปี ระกายประหลาด แมจ้ ะยงั มี แววสนทิ เสนห่ า แตล่ กึ ลงไปนนั้ ดเู หมอื นจะกำลงั ทรงหมายมาดสง่ิ ใดบางประการ อยู่ เหมือนกับกำลังก้มมองไปในบ่อน้ำอันลึก แม้ผิวน้ำหน้าบ่อน้ันจะมีประกาย สดใสเยอื กเย็น แต่ลกึ ลงไปภายใต้ย่อมมมี หนั ตภยั คอยอย่อู ย่างไม่ต้องสงสัย “เจ้าคอยดูฝีมือข้า เจ้าคอยดูซิว่าข้าจะได้หัวจันทะราชมาด้วยลักษณา- การใด มันจะต้องซมซานมา มาจนกระทั่งได้ถวายหัวของมันลงบนเบ้ืองบาท คอยดูมนั เจา้ คอยดู หรอื ว่าถ้าเจา้ หลงโฉมมนั ผนู้ ั้น เจ้ากจ็ ะได้เหน็ พักตร์มนั โดย ปราศจากวรองค”์ คนื นนั้ พระธิดาฟา้ หยาดประทับอยเู่ บอ้ื งหลังโตะ๊ ลายทองตัวเต้ียขนาด ใหญ่ บนโต๊ะเกล่ือนไปด้วยม้วนกระดาษ ในพระหัตถ์มีปากไก่ทรงอยู่ พระขนง ก่งงามขมวดน้อยๆ ราวกับทรงคิดภารกิจส่ิงใดส่ิงหน่ึง พระโอษฐ์รูปสวยเม้ม สนิท “ใครอยู่ขา้ งนอก เขา้ มาน่ีทซี ”ิ นางกำนัลนางหน่ึงคลานเข้ามาหมอบน่ิงแทบพระบาท องค์หญิงม้วน กระดาษตดิ ครงั่ ประทบั ตราพระนามาภิไธย กอ่ นมอบใหน้ างในทรี่ ับใช้ใกลช้ ิด “เจ้าจงนำความในสาส์นน้ีไปมอบแก่ขุนศรีวรศิลป์ท่ีกรมช่างสิบหมู่ ให้ ชว่ ยเป็นธรุ ะให้ขา้ ท”ี

กฤตยามนต์ 49 ขนุ ศรวี รศลิ ปเ์ ป็นชา่ งหลวงที่มีฝีมือและความสามารถสงู ไดร้ บั คัดเลือก ใหเ้ ขา้ มาทำงานสนองพระราชประสงคข์ องพญาฟา้ แดด เชน่ ทำเครอื่ งราชปู โภค ส่งิ ของเครือ่ งใช้สำหรับเจา้ นายชัน้ สงู จนถงึ ส่งิ ก่อสรา้ งขนาดใหญ่ เชน่ พระทน่ี ั่ง พระตำหนกั พระราชยาน ช่างหลวงจะประจำอยู่ในกรมช่างสิบหมู่ แบ่งออกเป็นประเภทต่างๆ ตามความชำนาญในการช่าง แต่แท้จริงแล้วมีช่างต่างๆ มากกว่าสิบอย่าง เช่น ช่างเขียน ช่างแกะ ช่างสลัก ช่างหุ่น ช่างปั้น ช่างหล่อ ช่างรัก ช่างบุ ช่างมุก ชา่ งกระเบ้ือง ชา่ งดอกไมเ้ พลิง เปน็ ตน้ นางกำนัลนางน้ันถวายบังคม ก่อนรีบคลานคล้อยถอยออกไป ทำตาม กระแสรับส่ัง พลทหารของทา้ วจนั ทะราชเดนิ ทพั เรยี งกนั ตามลำดบั แนน่ หนา ดยู ง่ิ ใหญ่ มีทัง้ กองกัน ทำหนา้ ที่ปอ้ งกนั พระราชา และกองแล่น ทำหน้าท่ีไลข่ า้ ศึก มพี วก พลดั้ง พลดาบ พลธนูอาบยาพิษ พลหอก พลเขน ล้วนนายทหารกล้าท่าทาง ผ่ึงผาย ไพรพ่ ลเดินตามนายไปตามลำดบั ทหารดาบข้างหน้าจัดทัพเป็นรูปปีกครุฑเดินตามขบวนแห่ มีนาย ทหารจตั ุลังคบาทประจำเท้า ชา้ งทรงทั้งสี่ พระคชาธารประดับประดาด้วยเครือ่ ง ประกอบพระเกยี รติยศของกษัตริยง์ ามพรอ้ ม ไพร่พลเร่งเคลื่อนทัพจนกระท่ังถึงแนวป่าเข้าใกล้เขตชายแดนเมือง ฟ้าแดดสงยาง ท้าวจันทะราชมีรับสั่งให้ต้ังพลับพลาและท่ีพักของทัพหลวงโดย ใช้ไม้เนื้อแข็งในป่า สร้างค่ายและเชิงเทินอย่างแน่นหนา เพ่ือรอรับมือกับทัพ นครฟา้ แดด ทอ้ งฟา้ ภายนอกตำหนกั พระชนนเี มอื งเชยี งโสมมดื มดิ มแี สงดาวปรากฏ ขึ้นสลวั ๆ เพียงรำไร ลมเยน็ กระโชกมาโดยแรง “ดาวประจำเมือง”