ปลาจนี เผยแพรโดย งานเอกสารคําแนะนํา ฝา ยเผยแพรและประชาสมั พนั ธ กองสง เสรมิ การประมง กรมประมง กระทรวงเกษตรและสหกรณ สารบัญ แหลงกําเนดิ ลักษณะทั่วไป การเพาะพนั ธผุ สมเทยี มปลาจนี การอนุบาลลูกปลา การจดั การบอ เล้ียง การเลย้ี งปลาขนาดตลาด การจับและลําเลียงปลาเล็ก การปอ งกนั ขอควรพึงระวังเกี่ยวกับการเลี้ยงปลาจีน การจําหนาย แนวโนม การเลย้ี งปลาจนี ในอนาคต คํานํา ปลาจีนเปนชื่อทีใ่ ชเรยี กปลา 3 ชนิด คอื ปลาเฉาหรอื เฉาฮอ้ื หรอื ปลากนิ หญา ปลาลน่ิ หรอื ลิ่นฮื้อหรือปลาเกล็ดเงนิ และปลาซงหรอื ซง ฮอ้ื หรอื ปลาหวั โต ปลาทง้ั สามชนดิ นเ้ี ปน ปลาทน่ี ําเขา มาจาก ประเทศจีน เมื่อนํ ามาเลี้ยงในประเทศไทยพบวาปลาท้ัง 3 ชนิดน้ีเจริญเติบโตไดดี
ปลาจนี 2 โดยเฉพาะเล้ียงในบอท่ีมีขนาดใหญ อยา งไรกต็ ามปลาจะไมว างไขใ นบอ เลย้ี ง จึงจําเปน ตอ งเพาะพนั ธุ โดยวธิ กี ารฉดี ฮอรโ มนผสมเทยี ม แหลง กําเนดิ ปลาจีนมถี น่ิ กําเนดิ อยใู นภาคกลาง และภาคใตข องประเทศจนี แถบลมุ แมน ้ําแยงซี ลักษณะทั่วไป ในบรรดาปลาจีนทัง้ 3 ชนดิ น้ี ปลาลน่ิ และปลาซง มลี กั ษณะคลา ยคลงึ กนั มากทส่ี ดุ จะสังเกต ความแตกตางไดจ ากลกั ษณะของหวั ซง่ึ ปลาซง มหี วั คอ นขา งโตเมอ่ื เทยี บกบั ลําตวั จงึ มชี อ่ื อกี ชอ่ื หนง่ึ วา ปลาหัวโต (Big head Carp) ไมม สี นั บรเิ วณทอ ง ตรงกนั ขา มกบั ปลาลน่ิ ซง่ึ มหี วั ขนาดเลก็ กวา และ มีสันแหลมบริเวณทอ ง ปลาทง้ั สองชนดิ นม้ี เี กลด็ สเี งนิ แวววาว แตบ างครง้ั เกลด็ ของปลาซง่ึ จะมสี ดี ําเปน จุดอยูบนเกล็ดบางสวน สําหรบั ปลาเฉานน้ั มเี กลด็ ขนาดใหญ นอกจากนน้ั ลําตวั ยงั กลมและยาวมากกวา สว นหลงั มสี ดี ํา น้าํ ตาล สว นทอ งขาว ปลาเกลด็ เงนิ (ปลาล่นิ ) (Silver carp) มีช่อื วทิ ยาศาสตรว า Hypophthalmichtys molitrix (Cuv.&Val) สวนหวั มขี นาดปานกลาง ปากเชดิ ขน้ึ เลก็ นอ ยอยปู ลายสดุ ของสว นหวั ขากรรไกรลา งเฉยี ง ข้ึนมาเล็กนอย ตาคอ นขา งเลก็ และอยใู ตแ นวระดบั กง่ึ กลางลําตวั สว นหนงั ของเหงอื กไมเ ชอ่ื มสนทิ กับแกมสวนลา ง มอี วยั วะ Super branchial อยู ซก่ี รองเหงอื กตดิ ตอ กนั เหมอื นตะแกรง ท่ีลกั ษณะคลาย ฟองน้ํา ฟน ทค่ี อหอยมขี า งละแถว ๆ ละ 4 ซี่ พน้ื หนา ตดั ของฟน แบนเปน รอ งละเอยี ด ครบี หลงั มกี า น ครีบเดี่ยว 3 กา น และกา นครบี แขนง 7 กา น ครบี กน มกี า นครบี เดย่ี ว 3 กา นและกา นครบี แขนง 11-14 กา น ครบี อกมคี รบี เดย่ี ว 1 กา น และกา นครบี แบบ 17 กา น ครบี ทอ งมกี า นครบี เดย่ี ว 1 กา น และกา นครบี แขนง 8 กา น เกลด็ บนเสน ขา งลําตวั มี 110-123 เกลด็ ลําตวั รปู กระสวยแบนขา ง สวนทอ งเปน สนั ยาวจากอกถงึ รกู น ลําตวั สว นหลงั สดี ํา เทา สว นอน่ื ๆ สเี งนิ ภาพท่ี 1 ปลาเกล็ดเงินหรือปลาลิ่น (Silver carp) ปลาหวั โต (ปลาซง) (Bighead carp) มชี ่ือวทิ ยาศาสตรว า Aristichthys nobilis (Richardson) สวนหัวมีความยาวประมาณ 1 ใน 3 ของลําตวั ปากอยปู ลายสงู สดุ และเชดิ ขน้ึ ขา งบน ขากรรไกรลา ง เฉียงขึ้นขางบนเล็กนอย ตาคอ นขา งเลก็ อยตู ่ําเยอ้ื งมาทางสว นหนา ซก่ี รองเหงอื กถแ่ี ละมขี นาดเลก็ แตไมติดกัน ทค่ี อหอยมฟี น ขา งละแถว ๆ ละ 4 ซี่ พน้ื หนา ตดั ของฟน แบนและเรยี บ ครบี บนหลงั มกี า น ครีบเด่ียว 3 กา นและกา นครบี แขนง 7 กา น ครบี กน มคี รบี กา นเดย่ี ว 3 กา น และกา นครบี แขนง 11-14 กา น ครบี อกมกี า นครบี เดย่ี ว 1 กา น และกา นครบี แขนง 17 กา น ครบี ทอ งมกี า นครบี เดย่ี ว 1 กา น และกา นครบี แขนง 8 กา น เกลด็ เลก็ ทเ่ี สน ขา งลําตวั มี 95-105 เกลด็ ลําตวั รปู กระสวย ® กลบั ไปหนา กอ นน้ี ¯ หนา ถดั ไป กลบั หนาหลัก/สารบัญ
ปลาจนี 3 สวนทองเปนสนั ตง้ั แตค รบี ทอ งถงึ ครบี กน หางแบนขา งและเปน สดั สว นหลงั จะมสี คี ล้ําและจดุ ดําบาง แหง ทองเหลอื ง ภาพท่ี 2 ปลาหัวโตหรือปลาซง (Bighead carp) ปลากนิ หญา (ปลาเฉา) (Grass carp) มชี ่อื วิทยาศาสตรวา Ctenopharyngodon idellus (Cuv.& Val) สว นหวั คอ นขา งแบน ปากอยปู ลายสดุ เฉยี งขน้ึ เลก็ นอ ย ขากรรไกรลา งสน้ั กวา ขากรรไกรบน ตาเล็ก ซ่เี หงอื กติดตอ กบั แกม ซก่ี รองเหงอื กหา งและสน้ั ฟนทห่ี อหอยมอี ยู 7 แถว คลายหวี ขา งซา ย มี 2-5 ซี่ ขา งขวามี 2-4 ซี่ ครบี หลงั สน้ั มกี า นครบี เดย่ี ว 3 กา น และกา นครบี แขนง 7 กา น ครบี กน มีกานครีบเดย่ี ว 3 กา น และกา นครบี แขนง 8 กา น ครบี อกมกี า นครบี เดย่ี ว 2 กา น กา นครบี แขนง 14 กาน ครบี ทอ งมกี า นครบี เดย่ี ว 1 กา น และกา นครบี แขนง 8 กา น เกลด็ ขนาดใหญบ รเิ วณขา งลําตวั 34-35 เกลด็ ลําตวั รปู กระสวยคลา ยทรงกระบอก หางแบนขาง สว นหลงั มสี ดี ํา น้าํ ตาล ทอ งมขี าว ภาพท่ี 3 ปลากินหญาหรือปลาเฉา (Grass carp) การเพาะพันธุผสมเทยี มปลาจนี 1. การเลย้ี งพอ แมพ นั ธุ ควรเล้ียงในบอ ดนิ ขนาดประมาณ 800 ตารางเมตร ขน้ึ ไป ปลาจนี ทง้ั 3 ชนิดน้ี สามารถปลอ ยรวมกนั ได ในอตั รา 50-80 ตวั /ไร (ปลาขนาด 2-3 กก.) ในเรอ่ื งอาหารนน้ั ควรเตรยี มอาหารธรรมชาติ โดยใสปุยคอก 250 กก./ไร ประมาณ 5-7 วัน น้าํ จะเขียว เมอ่ื เลย้ี งไปสกั ระยะหนึ่งนํ้าจะเรม่ิ จาง กเ็ ตมิ ปยุ คอกในอตั ราครง่ึ หนง่ึ ของทใ่ี สค รง้ั แรก สาํ หรบั ปลาเฉานน้ั ควรให ขาวเปลือกงอกเปน อาหารเสรมิ อยา งไรกต็ ามเพอ่ื ความสะดวกอาจใหอ าหารเมด็ สําหรับปลากนิ พืชใน อัตรา 1-2 เปอรเ ซน็ ต ของน้าํ หนักตัวก็ได ในระหวา งการเลย้ี งควรมกี ารถา ยเทน้ํา (หรอื เตมิ น้ํา) เขา บอ 3-4 คร้ัง/เดอื น โดยเฉพาะในชวง 1-2 เดอื น กอ นฤดกู ารเพาะพนั ธสุ ําหรบั อายแุ มป ลานน้ั แมป ลาทม่ี ี อายุประมาณ 1-2 ป จะใหไขที่มีคุณภาพดี 2. การคดั พอ แมพ นั ธุ เพ่ือความสะดวกและเขา ใจงา ยจะแสดงในตารางท่ี 1 ตารางท่ี 1 แสดงความแตกตา งระหวา งเพศของปลาลน่ิ , ปลาซง และปลาเฉา ชนดิ ลักษณะของปลาเพศผู ลักษณะของปลาเพศเมยี ปลาลน่ิ 1. กานครบี หสู ว นใหญม ปี มุ สาก เมอ่ื ลบู 1. ครีบหมู ปี มุ สากเฉพาะกา นครบี บรเิ วณ ดจู ะรูส กึ สากมอื ของครบี เทา นน้ั กา นครบี อน่ื ๆ เรียบ 2. ทองแฟบ เมื่อรีดเบา ๆ บริเวณ 2. ทองอูมเปง ชองเพศและทวารหนัก ชองเพศ จะมีน้ําเชอ้ื ทข่ี าวขนุ มีสแี ดงเรอ่ื ๆ ® กลบั ไปหนา กอ นน้ี ¯ หนา ถดั ไป กลบั หนาหลัก/สารบัญ
ปลาจนี 4 ชนดิ ลักษณะของปลาเพศผู ลักษณะของปลาเพศเมยี ปลาซง 1. กานครบี หสู ว นใหญม ปี มุ สากเมอ่ื ลบู ดู 1. ครบี หไู มม ปี มุ สาก เชนเดียวกับกระดกู จะรูสึกสากมือและกระดูกปดเหงือก ปดเหงือกและหัว ในปลาท่โี ตเต็มวยั จะสากมอื 2. ทองแฟบเมอ่ื รดี ดเู บา ๆ บรเิ วณชอ ง 2. ชองเพศและทวารหนักพองมสี แี ดงเรอ่ื ๆ เพศ จะมีนํ้าเชอ้ื สขี าวขนุ ไหลออก ปลาเฉา 1. ระหวางฤดูกาลวางไขครีบหูดานบน 1. มีปุมสากเกิดข้ึนเล็กนอยบริเวณสวนบน จะมีปุมสากเชนเดียวกับกระดูกปด ของครีบหู แตบริเวณกระดูกปดเหงือก เหงอื กบรเิ วณหวั ปุมเหลานี้จะพบชัด และหวั ดา นบนไมม ปี มุ สาก เจนในน้ําเชื้อเจริญดี 2. เมอ่ื รดี เบา ๆ บรเิ วณชอ งเพศ จะมีน้ํา 2. ทองอมู เปง จะนม่ิ เช้ือสขี าวขนุ ไหลออกมา ภาพท่ี 4 เปรียบเทียบลักษณะเพศของปลาลิ่น ภาพท่ี 5 เปรยี บเทยี บลกั ษณะเพศของปลาเฉา กอนท่ีจะคัดพอ แมพ นั ธตุ อ งงดใหอ าหาร 1 วัน เพอ่ื สามารถสงั เกตทอ งปลาไดแ นน อน ในกรณี ที่เลี้ยงโดยการใสปุยคอกนําพอ แมป ลามาขงั ไวใ นบอ พกั กอ นการคดั ประมาณ 5-6 ชั่วโมง แมป ลาทม่ี ี ไขแกจัดสังเกตไดจ ากสว นทอ งอมู เปง ผนงั ทอ งบาง จบั ดรู สู กึ นม่ิ หยนุ มอื ชองเพศและชองทวารหนัก บวมพองมสี แี ดงเรอ่ื ๆ สําหรบั ปลาเพศผไู มค อ ยมปี ญ หามากนกั อาจจะรองรดี น้ําเชอ้ื ดเู ลก็ นอ ยหากมี น้ําเช้ือมสี ขี าวขนุ หยดลงน้ําแลวกระจายดีก็ใชได แตหากนํ้าเชอ้ื คอ นขา งใสมสี อี มเหลอื งหรอื อมชมพู หยดลงน้ําและกระจายไมสม่ําเสมอไมค วรนําตวั ผนู น้ั มาผสมเทยี ม 3. การฉีดฮอรโมน ในการเพาะพันธุป ลาจนี นน้ั ในอดตี นยิ มใชต อ มใตส มองรว มกบั HCG แตใ นปจ จบุ นั นยิ มใช ฮอรโมนสังเคราะห LHRH-a รว มกบั ยาเสรมิ ฤทธ์ิ Dompericone โดยอตั ราฉดี พอสรปุ ดงั น้ี ® กลบั ไปหนา กอ นน้ี ¯ หนา ถดั ไป กลบั หนาหลัก/สารบัญ
ปลาซง เพศเมีย เขม็ ท1่ี ปลาจนี 5 ปลาลน่ิ เขม็ ท่ี 2 ฮอรโ็ มน + ยาเสริมฤทธิ์ 5 Mg + 10 mg/แมปลา 1 กก. ฮอรโ็ มน + ยาเสริมฤทธิ์ 5 Mg + 10 mg/แมปลา 1 กก. ปลาเฉา ฮอรโ็ มน + ยาเสริมฤทธิ์ 5 Mg + 10 mg/พอปลา 1 กก. เพศผู ระหวา งเขม็ ท่ี 1 กับเข็มที่ 2 เวนระยะ 6 ชั่วโมง หลงั จากฉดี เขม็ ท่ี 2 แลวจะผสม เทยี มไดภ ายในเวลา 4-9 ชั่วโมง ภาพท่ี 6 การฉีดฮอรโมนในการเพาะพันธุปลาจีน 4. การผสมพนั ธุ เมื่อไดเวลาประมาณ 4 ชั่วโมง หลังจากการฉีดแมปลาควรเร่ิมสังเกตอาการของแมปลา เม่ือแมปลามอี าการกระวนกระวายผดิ ปกติ วา ยน้ําไปมาอยา งรนุ แรง ควรตรวจสอบแมป ลาโดยใชเ ปลผา ตักแมปลาขึ้นมาตรวจสอบ เม่ือพบวาไขไหลพุงออกมาอยา งงายดาย กน็ ํามารีดและทําการผสมเทียม กบั น้ําเชอ้ื ปลาตวั ผู ภาพที่ 7 การรดี ไขเ พอ่ื ผสมเทยี ม ® กลบั ไปหนา กอ นน้ี ¯ หนา ถดั ไป กลบั หนาหลัก/สารบัญ
ปลาจนี 6 ภาพที่ 8 ลางไขที่ผสมกับนํ้าเชอ้ื แลว 5. การฟก ไข เน่ืองจากไขของปลาทง้ั 3 ชนดิ นเ้ี ปน ไขค รง่ึ จมครง่ึ ลอย จึงตอ งพักในระบบกรวยฟก เชนเดียวกับ ปลาตะเพียนขาว เพยี งแตต อ งลดปรมิ าณไขใ นแตล ะกรวยใหน อ ยลง เนอ่ื งจากไขป ลาเหลา นม้ี ขี นาดใหญ กวาไขป ลาตะเพยี นขาว โดยกรวยฟก ขนาดเสน ผา ศนู ยก ลาง 40 ซ.ม. ลกึ 60 ซ.ม. จะฟกไขปลาจีนได ประมาณ 30,000-50,000 ฟอง เมอ่ื ระยะเวลาผา นไปประมาณ 20-24 ชั่วโมง จะฟกเปนตัว ทอี่ ณุ หภูมนิ ้ํา 28-30 องศาเซลเซยี ส การอนบุ าลลกู ปลา ลูกปลาทั้ง 3 ชนิด เมอ่ื แรกออกจากไขม ลี กั ษณะคลา ยคลงึ กนั มาก จะเรม่ิ กนิ อาหารภายในระยะ เวลา 2-3 วัน การอนบุ าลลกู ปลาทง้ั 3 ชนดิ น้ี ในระยะเวลา 2-3 วนั แรกจะใหก นิ ไขแ ดงตม ละลายน้ํา ฉีดใหกินวันละหลายคร้ัง หลงั จากนน้ั จงึ ยา ยลกู ปลาลงบอ อนบุ าล ซง่ึ เปน บอ ดนิ ทเ่ี ตรยี มไวอ ยา งดคี อื กําจัดศัตรูปลา โรยปนู ขาว และใสป ยุ จนน้ํามสี เี ขยี ว ในระยะแรกยงั ใหไ ขเ ปน อาหารอยจู ากนน้ั จงึ คอ ย ๆ เปล่ียนเปน รําผสมปลาปน ถา ปลอ ยลกู ปลาในอตั รา 1,000-1,500 ตวั /ตารางเมตร อนบุ าล 3-4 สัปดาห จะไดล กู ปลาขนาดประมาณ 2.5 ซ.ม. หรือนําพันธุปลาที่ซื้อจากฟารมจําหนา ยลกู ปลา ซง่ึ สว นใหญจ ะมขี นาด 3-5 ซ.ม. มาเลย้ี งโดย เล้ียงลูกปลารวมกนั ในอตั ราสว นปลาเฉา 5-7 ตวั /ตรม. ปลาซง 12-15 ตวั /ตรม. หรือปลาเฉา 5-7 ตัว/ตรม. กบั ปลาลน่ิ 12-15 ตวั /ตรม. เมอ่ื เลย้ี งไดข นาด 10-15 ซม. จงึ คดั ขนาดลงในบอ เลย้ี ง ปลา เพระปลาขนาดนม้ี พี ฒั นาการทางดา นรา งกายสมบรู ณ เชน ปลาเฉา มีฟนที่คอหอยที่สมบูรณพอที่ จะตัดบดหญา หรือวัชพืชนํ้าได เมอ่ื คดั ปลาขนาด 10-15 ซ.ม. ออกไปเลย้ี งหรอื จําหนายแลว ควรปลอ ย ปลาเล็กทดแทนตามจํานวนปลาที่คัดออกไป พรอมท้ังใสปุยคอกและใหอาหาร ไดแก กากถ่ัวลิสง ราํ ละเอยี ด แหนเปด ผาํ น้าํ วัชพืช น้าํ และหญา เปน อาหารเพม่ิ เตมิ การจดั การบอ เลย้ี ง จากสถติ ผิ ลผลติ การเลย้ี งสตั วน ้ําจืด ป 2539 พบวาประเทศไทยมีฟารมเล้ยี งปลาจนี ทั้งสาม ชนดิ อยู 779 ฟารม รวมเนอ้ื ท่ี 9,335.45 ไร มผี ลผลติ 1,772.97 ตนั และจากการศึกษาพบวา ปลาจีนท้ังสามชนดิ นน้ั จะเจรญิ เตบิ โตไดเ รว็ มากถา หากไดร บั การเลย้ี งอยา งถกู วธิ ี ซึ่งพอจะจําแนกปจจัย ที่ทําใหก ารเลย้ี งไดผ ลผลติ สงู ดงั น้ี 1. ความลกึ ของน้ํา 1.5-2.0 เมตร 2. ขนาดของบอ ควรมขี นาด 2-5 ไร 3. คุณสมบัติของดิน ดนิ ปนทรายดที ส่ี ดุ เพราะทําใหก ารเนา สลายของพวกอนิ ทรยี ส ารดี มกี าร ดูดซึมพวกปยุ และการคงไวข องพวกเกลอื แรอ ยา งดี ® กลบั ไปหนา กอ นน้ี ¯ หนา ถดั ไป กลบั หนาหลัก/สารบัญ
ปลาจนี 7 4. รูปแบบบอควรเปนรูปสี่เหลี่ยมผืนผา (ความยาว:ความกวา ง:3:2) ซง่ึ งา ยและสะดวกตอ การจัดการ 5. การทําความสะอาดบอ หลงั จากการเลย้ี งปลาไประยะหนง่ึ พน้ื กน บอ จะมตี ะกอนเพม่ิ ขน้ึ เปน จํานวนมาก ดงั นน้ั ควรจะมกี ารลอกเลนกําจดั ตะกอนทเ่ี กดิ ขน้ึ ออกจากบอ 6. คุณสมบัติของนํ้า ควรมคี วามเปน กรดเปน ดา ง 7-8.5 และปรมิ าณออกซเิ จนทล่ี ะลายอยใู น น้ําระหวา งการเลย้ี ง ควรสงู กวา 2 ppm. เพราะถา ปรมิ าณออกซเิ จนในน้ําต่ํากวา 2 ppm. ปลาจะกิน อาหารนอยลง และจะหยุดกินอาหาร เมอ่ื ออกซเิ จนต่ํากวา 1 ppm. ปลาจะลอยหวั และตายเมอ่ื อกซเิ จน ในน้ําอยรู ะหวาง 0.2-0.5 ppm. ดงั นน้ั ถา สงั เกตเหน็ วา ปลาทเ่ี ลย้ี งมกี ารลอยหวั จะตอ งทําการเปลย่ี นน้ํา หรือฉีดพนผา นอากาศลงในบอ เพอ่ื เพม่ิ ออกซเิ จนอณุ หภูมทิ เ่ี หมาะสมอยูระหวาง 25-30 องศาเซลเซยี ส 7. การเตรยี มบอ ในกรณีท่ีเปนบอ เกา ควรปรบั ปรงุ บอ โดยนําโคลนหรอื ซากอนิ ทรยี ว ตั ถทุ เ่ี หลอื อยใู นบอ ออกเสยี กอนท่ีจะปลอ ยปลาลงเลย้ี ง ถา หากอุณหภูมิสงู ขนึ้ สารพิษตาง ๆ เชน กรดอนิ ทรยี ไฮโดรเจนซลั ไฟด และแกสมีเทน ฯลฯ จะสลายออกมาจากสารเนา เปอ ยไดง า ยและเรว็ ขน้ึ สําหรบั บอ ซง่ึ เคยมปี ญ หาเรอ่ื ง โรคปลาควรมีการฆา เชื้อเสียกอน และเมอ่ื พบรอยรว่ั หรอื รตู ามคนั บอ ใหรีบซอมแซมทันที หลังจากทํา ความสะอาดบอ แลว จงึ ทําการตากบอ โดยใชปูนขาวและกากชากําจดั ศตั รู ในกรณีท่ีเปนบอใหมถ า ดนิ เปน กรดมาก ควรใสป นู ขาวเพอ่ื แกส ภาพความเปน กรดของดนิ ให เจือจางหรอื หมดไป อตั ราสว นการใชป นู ขาว 1 ก.ก. ตอ เนอ้ื ทบ่ี อ 10 ตารางเมตร การใสป ุยใหร ะบายนํ้าเขา บอ ประมาณ 30-40 ซ.ม. แลวใสปุยตากแดดทิ้งไว 3-5 วัน จะมี ไรนํ้าเกดิ ขน้ึ ใหป ลอ ยปลาลงเลย้ี ง การเลย้ี งปลาขนาดตลาด การเล้ียงปลาจนี ไมไ ดจ ํากัดอยูแตร ปู แบบใดรปู แบบหนึ่งเทา นั้น การพจิ ารณาการเลย้ี งปลา ยังตองคํานึงถงึ เรอ่ื งการตลาดวา เมอ่ื เลย้ี งปลาจนี ชนดิ ใดชนดิ หนง่ึ ออกมาแลว สามารถจําหนายไดหรือ ไม ดังน้ันเกษตรกรจงึ ควรเลอื กเลย้ี งปลาจนี ชนดิ ไหนกไ็ ดต อบสนองตลาดไดดี สําหรับรูปแบบการเลี้ยง น้ัน นอกจากจะพจิ ารณาลกั ษณะบอ แลว ตอ งพจิ ารณาลกั ษณะการกนิ อาหารของปลา ซง่ึ จะกลา วตอ ไป โดยสงั เขป ปลาลน่ิ เปนปลากนิ แพลงกต อน โดยปลาทม่ี อี ายตุ ง้ั แต 1-8 วัน จะกนิ แพลงกต อนสตั ว (Zooplankton) เปน หลกั แตเ มอ่ื อายมุ ากกวา น้ี จะกินแพลงกตอนพืช (Phytoplankton) หรอื น้ําเขียว เปนหลัก และกนิ แพลงกต อนสตั วร องลงมา ปลาซง เปนปลากินแพลงกต อน โดยจะกนิ แพลงกต อนสตั วเ ปน หลกั ตง้ั แตเ ลก็ จนโต ปลาเฉา ปลาขนาดเลก็ ทม่ี ขี นาดเลก็ กวา 15 ซ.ม. จะกินอาหารจําพวกเดียวกับปลาล่ิน และ ปลาซงคือ แพลงกต อนสตั ว และแพลงกต อนพชื แตเ มอ่ื มขี นาดโตขน้ึ กนิ อาหารพวกพนั ธไุ มน ้ํา และหญา จากลักษณะการกนิ อาหารของปลาจนี ทง้ั สามชนดิ พอเปน แนวทางในการจดั บอ เลย้ี ง อนั ไดแ ก การใสปุยคอกใหเ หมาะสม จะเหน็ วา การเลย้ี งปลาจนี ทง้ั สามชนดิ ตอนทม่ี ขี นาดเลก็ นน้ั ไมค วรเลย้ี งรวม กัน แตเม่ือปลาโตขน้ึ กส็ ามารถนํามาเลย้ี งรวมกนั ได แตต อ งเตรยี มอาหารในบอ ใหถ กู ตอ งกบั ลกั ษณะ การกินอาหารของปลาที่เลี้ยง ปจ จบุ นั การเลย้ี งปลาควรหนั มาสนใจเรอ่ื งตลาดใหม ากขน้ึ เพราะวาการ ® กลบั ไปหนา กอ นน้ี ¯ หนา ถดั ไป กลบั หนาหลัก/สารบัญ
ปลาจนี 8 จัดการเร่ืองอาหารปลานน้ั สามารถใหอ าหารสมทบ หรอื อาจเปน อาหารสําเรจ็ รปู ของปลากนิ พชื โดยให ในอตั รา 1-2 % ของน้าํ หนกั ตวั ปลาทป่ี ลอ ย สําหรบั รปู แบบการเลย้ี งนน้ั จะไดย กตวั อยา งดงั ตอ ไปน้ี ภาพท่ี 9 การหวานอาหารรอบ ๆ บอ เลย้ี ง ภาพท่ี 10 การใหอาหารเปนจุด เพื่อทดสอบปริมาณอาหาร 1. การเล้ียงปลาจนี แบบรวมกนั เอง ใชบอ ขนาดตง้ั แต 1 ไรข น้ึ ไป ปลอ ยปลาเฉา ล่ิน ซง และ ปลาไน อตั ราสว น 2:1:1:1 อตั ราปลอ ยปลา 1 ตวั /4ตารางเมตร สาํ หรบั ปลาทป่ี ลอ ยควรมี ขนาด 10-15 ซ.ม. (ไดจ ากที่กลาวมาแลว) โดยใชห ญา สดเปนอาหารและใสป ุย คอกเปน หลัก นอกจากนน้ั ใหอ าหารสมทบแกป ลาปรมิ าณ 2 % ของน้าํ หนกั ปลา 2. การเลี้ยงปลาจีนในคอก โดยเลอื กแหลง น้ําทเ่ี ปน อา งทม่ี คี วามลกึ ในระดบั 3-5 เมตร และ ในที่ดังกลาวควรมีระดับนํ้าต่ําสดุ ประมาณ 1.5 เมตร ขนาดของคอกควรมพี น้ื ทป่ี ระมาณ 200-1,600 ตารางเมตร โดยใชอ วนพลาสตกิ ขนาดชอ งตาประมาณ 2.5-5.0 ซ.ม. ตาม ขนาดปลาท่ีเล้ียง การปลอ ยควรปลอ ยปลาเฉาเปน หลกั (ถา แหลง น้ํานน้ั มพี รรณไมม าก) ขนาดปลาเฉาทป่ี ลอ ย ควรมขี นาดไมต ่ํากวา 15 ซ.ม. สาํ หรบั ปลาชนดิ อน่ื ๆ เชน ลน่ิ ซง และปลาไน ควรปลอ ยรวมกนั ประมาณ 30 % ของปลาทง้ั หมด อตั ราทป่ี ลอ ยปลาในคอก ประมาณ 1-2 ตวั /ตารางเมตร 3. การเล้ียงปลาจนี รว มกบั ปลาชนดิ อน่ื ๆ วิธีน้ีเปน ทน่ี ยิ มกนั มากในปจ จบุ นั เพราะเปน การ เพิ่มผลผลิตปลาในบอ เชน การเลย้ี งปลาสวาย หรอื ปลานลิ จะปลอ ยปลาซง ไปในอตั ราสว น 10 % ของปรมิ าณปลาทป่ี ลอ ยไปทง้ั หมด การเลย้ี งแบบนใ้ี ชม ลู สกุ รสําหรบั เปน อาหารปลา สวาย และปลานลิ สว นปลาซง เปน ปลาทช่ี ว ยกนิ แพลงกต อนในบอ หรอื การเลย้ี งปลาสวาย ในบอรวมกับปลานิล โดยใชเศษอาหารที่เหลือจากรานอาหาร โดยจะปลอยปลาเฉา ปลาลน่ิ ปลาซง และปลาไน เพม่ิ ขน้ึ อกี ประมาณ ไรล ะ 20 ตวั ทง้ั นเ้ี มอ่ื รวมลกู ปลาทป่ี ลอ ยลงทง้ั หมดประมาณ 5 ตวั /ตารางเมตร โดยมกี ารจดั การทด่ี ใี นดา นอาหารปลา และควรรักษาคุณ สมบัติของนํ้ าในบอ ผลผลิตของปลาโดยการเล้ียงปลาแบบรวมน้ีจะไดประมาณ ® กลบั ไปหนา กอ นน้ี ¯ หนา ถดั ไป กลบั หนาหลัก/สารบัญ
ปลาจนี 9 1,000-2,000 ก.ก./ป ทง้ั นข้ี น้ึ อยกู บั อาหารทใ่ี ชเ ลย้ี ง และสถานทต่ี ง้ั ของบอ ทส่ี ามารถ ถา ยเทน้ําไดสะดวกทุกฤดูกาล อยางไรก็ตาม ในการปลอ ยปลาลงเลย้ี งทง้ั สามวธิ นี น้ั ควรมรี ะบบการจดั การอยา งหนง่ึ เพม่ิ เตมิ เขาไปคือ การคดั ปลาขนาดตลาดออกจําหนา ย แลว ปลอ ยปลารนุ ใหมล งทดแทนเพราะนอกจากทําให สามารถเพ่ิมผลผลติ ปลาในบอ ใหม ากขน้ึ แลว ยงั สามารถเกบ็ เกย่ี วผลผลติ ปล ะหลาย ๆ ครง้ั ตารางประเภทการเลย้ี งปลาไดด งั น้ี ประเภทการเลย้ี ง เนอ้ื ท่ี อาหารหลกั อาหารสมทบ 2% อัตราปลอ ย 1. ปลาจีนแบบรวม 1 ไรข น้ึ ไป 1 ตวั ตอ หญาสด รํ า แ ล ะ ป ล า ย ปลาเฉา 2 สวน ปุย คอก ข า ว ต ม สุ ก ห รื อ 4 ตารางเมตร ปลาจนี 1 สวน อาหารเม็ดสํ าเร็จ ปลาซง 1 สวน รปู ปลาไน 1 สวน 2. ปลาจนี ในคอก 200-1,600 1-2 ตวั ตอ ตาราง เมตร 10% ของปลา ปลาเฉา,ลน่ิ ,ซง,ไน ตารางเมตร ปลาที่ปลอยทั้งหมด 3 . ป ล า จี น ร ว ม กั บ ป ล า มลู สกุ ร ชนดิ อน่ื ๆ : สวาย , เศษอาหาร นลิ ภาพท่ี 11 ผลผลิตของการเลี้ยงปลาจีนรวมกับปลาชนิดอื่น ๆ ® กลบั ไปหนา กอ นน้ี ¯ หนา ถดั ไป กลบั หนาหลัก/สารบัญ
ปลาจนี 10 ภาพท่ี 12 ผลผลิตปลาลิ่น การจบั และลําเลยี งปลาเลก็ เน่ืองจากพันธุป ลาจนี เปน ปลาทต่ี ายงา ย การจบั และลําเลยี งตอ งระมดั ระวงั ใหม ากเพอ่ื มใิ หป ลา บอบช้ํา สาเหตุที่ปลาบอบชํ้ามหี ลายประการ 1. เครื่องมือจับปลา ตองเลือกเคร่ืองมอื ทเ่ี หมาะสม เชน อวน ควรเลอื กขนาดทป่ี ลาไมต ดิ ชองตาอวน หรือจะใชยอ อวนปา นเปล สวนแหไมเหมาะสมที่จะนํามาใช 2. วิธตี อี วน แมจะเปน เครอ่ื งมอื ทด่ี ี แตถ า คนตอี วน ๆ ไมเ ปน แลว ปลาจะไดร บั ความบอบช้ํา 3. การตกั และนบั ปลา เม่ือไดตีอวนรวบปลามาอยใู นถงุ อวนแลว ควรพกั ลกู ปลาใหข บั ถา ย ของเสียสักระยะหนึ่งกอน และควรมนี ้ําพนเปนฝอยเพื่อชว ยเพิ่มอากาศใหปลาหายใจ การตักและนับปลาตอ งระมดั ระวงั เครอ่ื งมอื ทใ่ี ชค วรเปน กระสอบผา ไนลอนเนอ้ื นม่ิ หรือ จานสังกะสีเคลือบ ไมค วรใชม อื หรอื กระชอนไมไ ผเ ปน อนั ขาด 4. การลําเลยี ง ปจจบุ นั นยิ มใชล ําเลยี งโดยถงุ พลาสตกิ อดั แกส ออกซเิ จน การปอ งกนั เมื่อไดปลอยปลาลงเลี้ยง การปอ งกนั ควรมลี วดตาขา ยถห่ี รอื อวนกน้ั ลอ มขอบบอ จะชวยใหปลา รอดตายมากขึ้น ฤดูรอ นปลากนิ อาหารดี มอี ตั ราเจรญิ เตบิ โตเรว็ กวา ฤดฝู นและฤดหู นาว ในฤดฝู นเวลา เชาปลามดั จะลอยบนผวิ น้ําเปนประจํา เนอ่ื งจากอากาศครม้ึ ออกซเิ จนในน้ํามนี อ ยไมเ พยี งพอกบั ความ ตองการของปลา สว นฤดรู อ นและฤดหู นาวอากาศแจม ใสมแี สงแดด พนั ธไุ มน ้ําและพชื ทม่ี สี ีเขียวสามารถ ปรุงอาหารได ในเวลาเดยี วกนั กจ็ ะคายออกซเิ จนออกมา ซง่ึ จะเปน ประโยชนต อ ปลาและสง่ิ ทม่ี ชี วี ติ ซง่ึ อาศยั อยใู นน้ํา ขอ ควรพงึ ระวงั เกย่ี วกบั การเลย้ี งปลาจนี 1. ศตั รู ผูเลย้ี งปลาจะประสบความสําเร็จและไดผ ลกําไรมากหรอื นอ ยนน้ั ศตั รเู ปน สง่ิ สําคญั ขอแรกที่ควรระมัดระวัง ไดแก นก งู กบและปลากนิ เนอ้ื บางชนดิ เชน ปลาชอ น ปลาไหล ฯลฯ 2. นํ้าเสยี เม่ือสังเกตเหน็ ปลาลอยหวั บนผวิ น้ําตดิ ๆ กนั ถงึ 3 วนั ในเวลาเชาแสดงวา น้ําเสยี ปริมาณออกซเิ จนไมเ พยี งพอกบั ความตอ งการของปลา ควรเปลย่ี นน้ําใหม 3. อาหาร ควรใหอาหารประจําทุกวัน และกําจัดเศษอาหารที่เหลือ หากปลอ ยทง้ิ ไวน้ํา อาจเสียได 4. ขโมย เน่ืองจากเปน ปลาราคาดี และจําหนา ยไดง า ย ผเู ลย้ี งมกั จะถกู แกลง และถกู ขโมย ซึ่งเปน เหตุใหผเู ลี้ยงขาดทนุ ® กลบั ไปหนา กอ นน้ี ¯ หนา ถดั ไป กลบั หนาหลัก/สารบัญ
ปลาจนี 11 การจําหนา ย ปจจุบัน ปลาจนี มกี ารจําหนา ย 2 รูปแบบ คอื ขนาด 7-8 ขดี นําไปประกอบอาหารโตะ จีน และ ขนาด 1 1/2 - 2 กิโลกรัม เชน ปลานง่ึ หัวปลาหมอไฟ ฯลฯ แนวโนม การเลย้ี งปลาจนี ในอนาคต แนวโนมดานการตลาดของปลาจนี ยงั คงอยใู นสภาวะทด่ี มี ปี รมิ าณความตอ งการบรโิ ภคสูง เนอ่ื ง จากเปนปลาที่มีรสชาติดี ราคาไมแ พงมากนกั และนยิ มประกอบอาหารเปน ปลาจานระดบั ภตั ตาคาร อยางไรก็ตาม การเลย้ี งปลาจนี ในขณะน้ี สว นใหญม ไิ ดเ ลย้ี งเปน ปลาหลกั แตจ ะปลอ ยเสรมิ เพอ่ื การใช ประโยชนจากทรัพยากรในแหลงนํ้าโดยมใิ หเ กดิ ความสญู เปลา เนอ่ื งจากปลาจนี จะกนิ อาหารตา งระดบั กับปลาหลัก มอี ตั ราเจรญิ เตบิ โตเรว็ ไมคอยพบปญหาโรคระบาด ดงั นน้ั ปลาจนี จงึ เปน ปลาน้ําจดื ชนดิ หนึ่ง ซ่ึงมีตลาดคอ นขา งจะแนน อนอนั จะเสรมิ สรา งความมน่ั ใจใหแ กผ เู ลี้ยง คําแนะนํา การปอ งกนั สตั วน ้ําจากภยั ธรรมชาติ “ภัยธรรมชาติ” หมายถึง อันตรายจากสง่ิ ทเ่ี กดิ มแี ละเปน อยตู ามธรรมดา ของสง่ิ นน้ั ๆ โดยมไิ ด มีการปรุงแตง อาทิอทุ กภัย และฝนแลง เปน ตน กรมประมง จงึ ขอเสนอแนวทางปอ งกนั หรอื ลดความ สูญเสียและความเสียหายแกเกษตรกร ผเู พาะเลย้ี งสตั วน ้ําจากการประสบภาวะฝนแลง ฝนตน ฤดแู ละ อุทกภัย ดงั น้ี ภาวะฝนแลง ภ าว ะ ฝ นแ ลงและฝนทิ้งชวงทํ าใหปริมาณนํ้ ามีนอยทั้งในแหลงน้ํ าธรรมชาติและแหลงน้ํ า ชลประทานซง่ึ เปน แหลง น้ําสําคญั ทใ่ี ชใ นการเพาะเลย้ี งสตั วน ้ําและเกดิ ผลกระทบตอ การประมง ตลอดจน สภาพแวดลอ มไมเ หมาะสมตอ การแพรข ยายพนั ธแุ ละการเจรญิ เตบิ โตของสัตวน ้ํา โดยมวี ธิ กี ารปฏบิ ตั ิ ดงั น้ี 1. ควบคมุ การใชน ้ําและรกั ษาปรมิ าณน้ําในทเ่ี ลย้ี งสตั วน ้ําใหม กี ารสญู เสยี นอ ย เชน การรวั่ ซึม การกาํ จัดวัชพืช 2. ทํารม เงาใหส ตั วน ้ําเขา พกั และปอ งกนั การระเหยน้ําบางสว น 3. ลดปรมิ าณการใหอ าหารสตั วน ้ําท่มี ากเกนิ ความจําเปนจะทําใหน ้ําเสยี 4. เพ่ิมปริมาณออกซเิ จนโดยใชเ ครอ่ื งสบู น้ําจากกน บอ พน ใหส มั ผสั อากาศแลว ไหลคนื ลงบอ 5. ปรับสภาพดนิ และคณุ สมบตั ขิ องน้ํา เชน น้าํ ลกึ 1 เมตร ใสป นู ขาว 50 กก./ไร ถา พน้ื บอ ตะใครห รอื แกส มากเกนิ ไปควรใสเ กลอื 50 กก./ไร เพื่อปรับสภาพผิวดินใหดีขึ้น 6. จับสัตวนํ้าทไ่ี ดข นาดขน้ึ จําหนา ยหรอื บรโิ ภคในเวลาเชา หรอื เยน็ เพอ่ื ลดปรมิ าณสตั วน ้ําในบอ 7. ตรวจสอบคณุ สมบตั ขิ องน้ําจากภายนอกที่จะสูบเขาบอเลี้ยง เชน พบวา มตี ะกอนและแรธ าตุ ตาง ๆ เขม ขน ควรงดการสบู น้ําเขา บอ 8. งดเวน การรบกวนสตั วน ้ําเพราะการตกใจจะทําใหส ตั วน ้ําสญู เสยี พลงั งานและอาจตายได 9. งดเวนการขนยายสัตวน้ําโดยเดด็ ขาด หากจําเปน ตอ งทําอยา งระมดั ระวงั ® กลบั ไปหนา กอ นน้ี ¯ หนา ถดั ไป กลบั หนาหลัก/สารบัญ
ปลาจนี 12 10. แจงความเสียหายตามแบบฟอรม กรมประมง เพอ่ื การขอรบั ความชว ยเหลอื อยา งถกู ตอ ง และรวดเรว็ ภาวะฝนตนฤดู การเตรยี มการรบั ภาวะฝนตน ฤดู เกษตรกรผเู ลย้ี งสตั วน ้ําควรปฏบิ ตั ิ ดงั น้ี 1. ไมค วรสบู น้ําฝนแรกเขา บอ เพราะน้ําจะพัดพาสง่ิ สกปรกจากผิวดินลงสูแหลง น้ําธรรมชาติ ควรปลอ ยใหน ้ํามปี รมิ าณเพม่ิ ขน้ึ จึงนําน้าํ ไปใชใ นการเพาะเลย้ี งสตั วน ้ํา 2. ควรสูบนํ้าในบอ ใหส มั ผสั อากาศจะเพม่ิ ปรมิ าณออกซเิ จนและปอ งกนั การแบง ชน้ั ของน้าํ 3. ปองกันการไหลของนํ้าฝนท่ีจะชะลางแรธาตุและสารเคมีจากผิวดินลงสูบอ ซึ่งอาจเปน อันตรายตอ สตั วน ้ําได 4. งดการรบกวน การจบั และขนยา ยสตั วน ้ํา ควรรอจนกวา คณุ สมบตั ขิ องน้ํามสี ภาพดเี ปน ปกติ 5. งดจับสัตวนํา้ เพอ่ื การอนรุ กั ษ เนอ่ื งจากสตั วน ้ําจะผสมพนั ธหุ ลงั จากฝนตกใหม ๆ ภาวะอทุ กภยั การปองกันสัตวนํ้าสูญหายจากภาวะอุทกภัยควรปฏิบัติตามสภาวะการณกอนเกิดภาวะอุทกภัย คือใหจับสัตวนํ้าทไ่ี ดข นาดตลาดตอ งการออกจําหนา ย กอ นชว งมรสมุ ในฤดฝู น พรอ มทง้ั สรา งกระชงั ในลอน กระชงั เนอ้ื อวน บอ ซเี มนต หรอื ขงึ อวนไนลอน เพอ่ื กกั ขงั สตั วน ้ํา “สัตวนํ้าจะปลอดภยั ใหปองกันหม่ันดแู ล” ® กลบั ไปหนา กอ นน้ี ¯ หนา ถดั ไป กลบั หนาหลัก/สารบัญ จดั ทาํ เอกสารอิเล็กทรอนิกสโดย : สาํ นกั สง เสรมิ และฝก อบรม มหาวทิ ยาลยั เกษตรศาสตร
Search
Read the Text Version
- 1 - 12
Pages: