Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore ความหลากหลายของพืชอาหารป่าและการใช้ประโยชน์จากชุมชนบริเวณลุ่มน้ำห้วยหลวง จังหวัดอุดรธานี เรื่อง ผลไม้พื้นบ้าน

ความหลากหลายของพืชอาหารป่าและการใช้ประโยชน์จากชุมชนบริเวณลุ่มน้ำห้วยหลวง จังหวัดอุดรธานี เรื่อง ผลไม้พื้นบ้าน

Description: ความหลากหลายของพืชอาหารป่าและการใช้ประโยชน์จากชุมชนบริเวณลุ่มน้ำห้วยหลวง จังหวัดอุดรธานี เรื่อง ผลไม้พื้นบ้าน.

Search

Read the Text Version

ความหลากหลายของพืชอาหารป่ า และการใช้ประโยชน์จากชมุ ชน ก คำนำ ความหลากหลายทางชวี ภาพถอื เป็นทรพั ยากรทม่ี คี วามสาคญั อย่างประเมนิ ค่ามไิ ด้ ดว้ ยการ ทม่ี นุษยไ์ ดน้ าความหลากหลายทางชวี ภาพมาใชป้ ระโยชน์ดา้ นปัจจยั ในการดารงชพี โดยเฉพาะ การได้มาซ่งึ อาหาร ผู้เรยี บเรยี ง ตระหนักดีถึงประโยชน์เหล่าน้ีท่ีได้จากความหลากหลายทาง ชวี ภาพ และผเู้ รยี บเรยี งไดถ้ อื เป็นหน้าทใ่ี นการส่งเสรมิ ความรคู้ วามเขา้ ใจใหเ้ กดิ ขน้ึ สาหรบั ทุกคน ทไ่ี ดใ้ ชป้ ระโยชน์จากความหลากหลายทางชวี ภาพ ดงั นนั้ หนงั สอื เล่มน้จี งึ ถกู จดั ทาขน้ึ เพ่อื เผยแพร่ ความรู้เก่ยี วกบั ความหลากหลายของพชื อาหารป่ า ในพน้ื ทล่ี ุ่มน้าห้วยหลวง จ.อุดรธานี เพ่อื เป็น ประโยชน์ สาหรบั ประชาชนทวั่ ไป หวงั เป็นอย่างยง่ิ ว่าจะเป็นประโยชน์ต่อการศกึ ษา และช่วยใหผ้ ู้ ทส่ี นใจไดม้ คี วามรเู้ ร่อื งพชื อาหารป่าทไ่ี ดเ้ พมิ่ มากขน้ึ หนังสอื เล่มน้ี เป็นส่วนหน่ึงของงานวจิ ยั เร่อื งความหลากหลายของพชื อาหารป่ า และการใช้ ประโยชน์จากชุมชน ของพ้ืนท่ลี ุ่มน้าห้วยหลวงในพ้นื ท่จี งั หวดั อุดรธานี โดยได้รบั ทุนสนับสนุน จากโครงการสง่ เสรมิ การวจิ ยั ในอุดมศกึ ษาและพฒั นามหาวทิ ยาลยั วจิ ยั แห่งชาติ ภายใต้สานักงาน คณะกรรมการอดุ มศกึ ษา ประจาปีงบประมาณ 2557 มที งั้ หมด 3 เลม่ คอื เลม่ ท่ี 1 เร่อื ง พชื อาหาร ยอดนยิ ม (Local Market) เล่มท่ี 2 เร่อื งผลไมพ้ น้ื บา้ น และเล่มท่ี 3 เรอ่ื ง ผกั พน้ื บา้ น หนงั สอื ความหลากหลายของพชื อาหารป่ า และการใชป้ ระโยชน์จากชุมชนบรเิ วณลมุ่ น้าหว้ ย หลวง จังหวัดอุดรธานี เล่มท่ี 2 เร่ือง เร่ืองผลไม้พ้ืนบ้าน มีเน้ือหาเก่ียวกับพืชอาหารป่ าท่ี รบั ประทานเป็นผลไมพ้ น้ื บา้ นทงั้ ทร่ี บั ประทานผลดบิ และผลสกุ พลอยระดา ภมู ี ผเู้ รยี บเรยี ง

ข เลม่ ที่ 2 เรอื่ ง ผลไม้พ้นื บา้ น หน้ำ ก สารบญั ข สำรบญั (ต่อ) จ 1 คำนำ 2 สำรบญั 3 ดชั นีช่ือไทย 4 มะมว่ งป่า 5 มะมว่ งป่า มะม่วงคนั 6 มะมว่ งแกว้ มะม่วงบา้ น 7 บงั มว่ งกะลอ่ น มะมว่ งป่า 8 มะมว่ งหวั แมงวนั 9 ตนี ตงั่ นมแมวป่า 10 หมากกลว้ ยน้อย 11 หมากตอ้ งแลง้ 12 เงาะป่ า 13 หมากผผี ว่ น หมากนมววั 14 หมากผผี ว่ นน้อย 15 หมากตะไก้ 16 หมากดกู 17 สม้ มอ 18 ตะโกนา 19 หมากหลอด 20 หมากเมา่ 21 หมากเมา่ ไขป่ ลา 22 หมากเมา่ หลวง มะไฟป่ า มะยม มะขามป้อม

ความหลากหลายของพืชอาหารป่ า และการใช้ประโยชน์จากชมุ ชน ค สำรบญั (ต่อ) ก่อกนิ ลกู หน้ำ หมากเบน็ 23 หมากมว่ ย 24 กระบก 25 หมากเคง็ 26 แต้ 27 มะขาม 28 หมากขามแป 29 หมากเอนอา้ 30 หมากตอ้ ง กระทอ้ น 31 มะหาด 32 มะเดอ่ื น้า 33 หมากไฮ 34 หมอ่ น 35 กลว้ ยนวล 36 กลว้ ยป่า 37 หมากสดี า 38 หมากสดี า 39 หวา้ นก 40 หมากหวา้ 41 บวั หลวง 42 มะเฟือง 43 ตาล 44 หมากหม่ ห่อ 45 หมากเลบ็ แมว 46 หมากทนั 47 48

ง เลม่ ที่ 2 เรอื่ ง ผลไม้พ้นื บา้ น หน้ำ 49 สำรบญั (ต่อ) 50 51 เงย่ี งปลาดกุ 52 เขม็ ป่า 53 หมากหมอ้ 54 มะตมู 55 หมากหวดขา่ 56 หมากแงว 57 หมากคอ้ 58 หมากทอ้ บา้ น 59 ตะขบ ผกั สม้ กงุ้ บรรณำนุกรม

ความหลากหลายของพืชอาหารป่ า และการใช้ประโยชน์จากชมุ ชน จ ดชั นีช่ือไทย กระบก หน้ำ หน้ำ หน้ำ กลว้ ยนวล 26 มะมว่ งหวั แมงวนั 5 หมากสดี า 39 กลว้ ยป่า 37 มะยม 21 หมากสดี า 40 กอ่ กนิ ลกู 38 มะหาด 33 หมากห่มหอ่ 46 เขม็ ป่า 23 สม้ มอ 14 หมากหมอ้ 51 เงาะป่ า 50 หมอ่ น 36 หมากหลอด 16 เงย่ี งปลาดกุ 9 หมากกลว้ ยน้อย 7 หมากหวดขา่ 53 ตะโกนา 49 หมากขามแป 30 หมากหวา้ 42 ตะขบ 15 หมากคอ้ 55 หมากเอนอา้ 31 ตาล 57 หมากเคง็ 27 หมากไฮ 35 ตนี ตงั่ นมแมวป่า 45 หมากแงว 54 หวา้ นก 41 แต้ 6 หมากดกู 13 บงั มว่ งกะล่อน มะม่วง 28 หมากตอ้ ง กระทอ้ น 32 ป่ า 4 หมากตอ้ งแลง้ 8 บวั หลวง ผกั สม้ กงุ้ 43 หมากตะไก้ 12 มะขาม 58 หมากทอ้ บา้ น 56 มะขามป้อม 29 หมากทนั 48 มะเด่อื น้า 22 หมากเบน็ 24 มะตมู 34 หมากผผี ว่ น 10 มะเฟือง 52 หมากผผี ว่ นน้อย 11 มะไฟป่ า 44 หมากมว่ ย 25 มะมว่ งแกว้ มะมว่ งบา้ น 20 หมากเมา่ 17 มะมว่ งป่า 3 หมากเมา่ ไขป่ ลา 18 มะมว่ งป่า มะมว่ งคนั 1 หมากเมา่ หลวง 19 2 หมากเลบ็ แมว 47

ฉ เลม่ ที่ 2 เรอื่ ง ผลไม้พ้นื บา้ น

ความหลากหลายของพชื อาหารป่ าและการใช้ประโยชน์จากชมุ ชน 1 มะม่วงป่ า ชื่อทวั่ ไป : มะมว่ งเบามะมว่ งซมี ะม่วงกะลอ่ น มะมว่ งปา่ ชื่อวิทยาศาสตร์ : Mangifera caloneuraKurz ช่ือวงศ์ : ANACARDIACEAE ลกั ษณะ : ไม้ต้น ไมผ่ ลดั ใบ ขนาดกลาง สงู 20-25 เมตร ตน้ เปลาตรง ใบเดย่ี ว เรยี งแบบสลบั หรอื เวยี นสลบั ปลายใบแหลม ใบเป็นรปู หอกขอบขนาน ฐานมนหรอื แหลม ผวิ ใบเกลย้ี ง ขอบใบ เรยี บ ใบอ่อนสมี ่วงแดง ยาว 10-20 ซม. กวา้ ง 3-6 ซม.ปลายใบเรยี วแหลม ขอบใบเรยี บถงึ หยกั เป็นคล่นื ฐานใบมนถงึ แหลม ดอกชอ่ แยกแขนง ออกตามปลายกง่ิ กลบี ดอกสเี หลอื งออ่ น ออก ดอกเดอื นธนั วาคม-กมุ ภาพนั ธ์ ผลแบบเมลด็ เดยี วแขง็ เปลอื กนอกสนี ้าตาลปนเทา แตกแบบ สเ่ี หลย่ี ม เปลอื กในสเี หลอื งปลอ่ ยทง้ิ ไวจ้ ะเป็นสนี ้าตาลดา การ ตดิ ผลเดอื นมนี าคม -เมษาย น กระจายพนั ธป์ า่ เตง็ รงั ปา่ ผสมผลดั ใบ ปา่ ดบิ แลง้ ส่วนท่ีนามาบริโภค : ผลดบิ และสกุ รบั ประทานเป็นผลไม้ ฤดกู าลท่ีสามารถใช้ประโยชน์ : เดอื นมนี าคม-เมษายน

2 เลม่ ท่ี 2 เรือ่ ง ผลไม้พนื้ บา้ น มะมว่ งป่ า มะมว่ งคนั ชื่อทวั่ ไป : มะมว่ งปา่ มะม่วงขย้ี า ช่ือวิทยาศาสตร์ : Mangifera duperreana Pierre var.siamensis Craib ช่ือวงศ์: ANACARDIACEAE ลกั ษณะ : ไม้ต้นขนาดกลางถงึ ใหญ่ สงู 12-30 เมตร ไมผ่ ลดั ใบ ใบเดี่ยว เรยี งสลบั รปู ใบหอก หรอื รปู ขอบขนาน กวา้ ง 3.5-6.5 ซม. ยาว 11-23 ซม. ปลายใบเป็นตงิ่ แหลมสนั้ โคนใบสอบเขา้ และมกั เบย้ี ว ขอบใบเรยี บ ผวิ ใบดา้ นบนเขม้ เป็นมนั ดอกช่อแยกแขนง ดอกยอ่ ยสเี หลอื งอ่อน ออกทซ่ี อกใบและปลายกง่ิ กลบี เลย้ี ง 5 กลบี รปู ไข่ กลบี ดอก 5 กลบี มน ดอกขนาดเลก็ ผลสดมี เน้อื เมลด็ เดยี วแขง้ ทรงกลมหรอื รี เปลอื กผลหนา และเหนียว มกี ลนิ่ หอม ผลดบิ เน้อื มรี สฝาด เมลด็ สเี หลอื งอ่อน รปู ป้อมการกระจายพนั ธป์ า่ เบญจพรรณ ออกดอกเดอื นมกราคม-กุมภาพนั ธ์ ตดิ ผลเดอื นมนี าคม-เมษายน ส่วนท่ีนามาบริโภค : ผลดบิ และสกุ รบั ประทานเป็นผลไม้ ฤดกู าลที่สามารถใช้ประโยชน์ : เดอื นมนี าคม-เมษายน

ความหลากหลายของพชื อาหารป่ าและการใช้ประโยชน์จากชมุ ชน 3 มะม่วงแก้ว มะม่วงบ้าน ชื่อทวั่ ไป: มะม่วงแกว้ มะม่วงบา้ น ช่ือวิทยาศาสตร์ : Mangifer aindica Linn ช่ือวงศ:์ ANACARDIACEAE ลกั ษณะ : ไม้ยนื ต้นสงู 10-20 เมตร แตกกง่ิ กา้ นสาขาเป็นพุม่ ทรงกลมหนาแน่น ใบเด่ียวออก เวยี นสลบั เยอะบรเิ วณปลายกงิ่ ใบเป็นรปู รแี กมรปู ขอบขนาน ปลายใบแหลม โคนใบมน เน้อื ใบ คอ่ นขา้ งหนาแขง็ ผวิ ใบเรยี บเป็นมนั สเี ขยี วสด หลงั ใบเป็นสเี ขยี วหมน่ ดอกช่อเชงิ ลด แต่ละชอ่ ประกอบดว้ ยดอกยอ่ ยขนาดเลก็ จานวนมาก เป็นสเี หลอื งออ่ นหรอื สเี หลอื งนวล มกี ลนิ่ หอม ผลรปู รี ผลดบิ รสเปรย้ี วจดั ฉ่าน้า เมอ่ื ผลสกุ เป็นสเี หลอื งทอง การกระจายพนั ธป์ า่ เบญจพรรณ ออกดอก เดอื นมกราคม-กมุ ภาพนั ธ์ ตดิ ผลเดอื นมนี าคม-เมษายน ส่วนที่นามาบริโภค : ผลดบิ และสกุ รบั ประทานเป็นผลไม้ ฤดกู าลท่ีสามารถใช้ประโยชน์ : เดอื นมนี าคม-เมษายน

4 เลม่ ท่ี 2 เร่อื ง ผลไมพ้ นื้ บา้ น บงั มว่ งกะล่อน มะม่วงป่ า ชื่อทวั่ ไป : มะมว่ งปา่ ชื่อวิทยาศาสตร์ : Mangifera pentandraHook. f. ชื่อวงศ์ : ANACARDIACEAE ลกั ษณะ : ไม้ต้นขนาดกลางถงึ ใหญ่ ลาต้นตงั้ ตรง สงู ตงั้ แต่ 10-30เมตร พุม่ กวา้ ง สลี าตน้ เม่อื อ่อนจะมสี นี ้าตาลปนเขยี ว เมอ่ื แกจ่ ะเป็นสเี ทา แตกเป็นสะเกด็ ใบประกอบแบบขนนก ใบเหนียว คลา้ ยหนงั เหน็ เสน้ ใบชดั เจนทงั้ สองดา้ น ใบแกเ่ ขยี วแก่ เรยี งสลบั ใบแหง้ สอี อกแดง ดอกยอ่ ยสี ขาวอมเหลอื งหรอื ขาวครมี กลบี เลย้ี งแยก 4-5 กลบี มกี ลน่ิ หอม ผลสดคลา้ ยมะมว่ งลกู เลก็ สเี ขยี ว อมเหลอื งเน้อื ผลนุ่ม ฉ่าน้า สสี ม้ รสหวาน เมลด็ มลี กั ษณะแบน สขี าวหรอื เหลอื ง พบการ แพรก่ ระจายในแถบภาคใตข้ องไทย มาเลเซยี สงิ คโปร์ ส่วนที่นามาบริโภค : ผลดบิ และสกุ รบั ประทานเป็นผลไม้ ฤดกู าลที่สามารถใช้ประโยชน์ : เดอื นมนี าคม-เมษายน

ความหลากหลายของพชื อาหารป่ าและการใช้ประโยชน์จากชมุ ชน 5 มะม่วงหวั แมงวนั ช่ือทิ้งถิ่น : มะมว่ งหวั แมงวนั ชื่อวิทยาศาสตร์ : Buchanania latifolia Roxb. ช่ือวงศ์ :ANACARDIACEAE ลกั ษณะ : ไม้ยนื ต้น สงู 8-20 เมตร ลาต้นมลี กั ษณะเปลาตรง เรอื นยอดเป็นพุ่มทบึ ตามกา้ น และกงิ่ อ่อนมขี นยาวสนี ้าตาลแดงทวั่ ไป เปลอื กตน้ แตกเป็นร่องหรอื เป็นสะเกด็ ยาวๆ ตามลาตน้ มี สเี ทาแกห่ รอื สดี า เปลอื กดา้ นในเป็นสแี ดงเลอื ดหมู เม่อื ถากเปลอื กในจะมนี ้ายางสนี ้าตาลไหลซมึ ออกมา เม่อื ถากทง้ิ ไวจ้ ะมยี างสดี า ทาใหผ้ วิ หนงั พพุ องได้ ใบเป็นใบเดย่ี ว ลกั ษณะของใบเป็นรปู ไข่ กลบั แกมรปู รยี าว หรอื รปู ขอบขนาน ปลายใบมนสอบแหลม โคนใบสอบ สว่ นขอบใบเรยี บ ดอก เป็นชอ่ บรเิ วณปลายกง่ิ กา้ นชอ่ ดอกมขี นสนี ้าตาลแดงขน้ึ ปกคลมุ อย่างหนาแน่น แยกแขนงสนั้ ๆ เวลาดอกบานทาใหด้ เู ป็นกอ้ นทบึ ดอกมขี นาดเลก็ สขี าวผลเป็นรปู ทรงค่อนขา้ งกลมหรอื ป้อม ผล ออ่ นเป็นเขยี วปนมว่ ง หรอื เขยี วปนม่วงแดง เมอ่ื แกเ่ ป็นสดี าการกระจายพนั ธุพ์ บขน้ึ ตามปา่ เบญจ พรรณแลง้ และปา่ เตง็ รงั ทวั่ ๆ ไป ทส่ี งู จากระดบั น้าทะเล 50-300 เมตร ส่วนที่นามาบริโภค : ผลดบิ และสกุ รบั ประทานได้ ฤดกู าลที่สามารถใช้ประโยชน์ : ฤดรู อ้ น

6 เลม่ ท่ี 2 เรอ่ื ง ผลไมพ้ นื้ บา้ น ตีนตงั่ นมแมวป่ า ชื่อทวั่ ไป : นมแมวปา่ ช่ือวิทยาศาสตร:์ Ellipeiopsis cherrevensis (Pierre ex Finet & Gagnep.) R.E.Fr. ชื่อวงศ์ : ANNONACEAE ลกั ษณะ : ไมเ้ ถาสงู 1-1.5 เมตร แตกกงิ่ กา้ นมากใกลก้ บั พน้ื ดนิ เปลือกต้นเรยี บสนี ้าตาลเขม้ กงิ่ กา้ นและยอดอ่อนมขี นสนี ้าตาลขน้ึ ปกคลมุ ใบเดย่ี ว ออกเรยี งสลบั รปู รหี รอื รปู ไข่ ปลายใบมน โคน ใบมนเวา้ เลก็ น้อยหรอื เป็นรปู หวั ใจ สว่ นขอบใบเรยี บ ใบมกี วา้ ง 5-9 ซม. ยาว 10-14 ซม. เน้อื ใบ ค่อนขา้ งหนา หลงั ใบและทอ้ งใบมขี นขน้ึ ปกคลุมหนาแน่น ดอกเดย่ี วหรอื ออกเป็นกระจกุ 1-3 ดอก ทใ่ี ตใ้ บบรเิ วณใกลก้ บั ปลายยอด ดอกเป็นสเี หลอื งอ่อน กลบี ดอกหนามี 6 กลบี แบ่งออกเป็น 2 ชนั้ ชนั้ ละ 3 กลบี ปลายกลบี ดอกแหลมสนั้ หรอื มน กลบี เลย้ี งมี 3 กลบี รปู ไขแ่ ละมขี นขน้ึ ปกคลุม ดอก เกสรเพศผมู้ จี านวนมาก สสี ม้ ลอ้ มรอบเกสรเพศเมยี ออกดอกเดอื นเมษายน-สงิ หาคมออกผลเป็น กลมุ่ ผลยอ่ ย 8-12 ผล รปู กลมรี ผวิ เรยี บเป็นมนั สเี ขยี วมขี นสนี ้าตาลปกคลุม พอสกุ สแี ดง เมลด็ ภายในผลมกี ลม ประเทศไทยพบทุกภาค ยกเวน้ ภาคใต้ พบตามปา่ เบญจพรรณและปา่ เตง็ รงั ส่วนท่ีนามาบริโภค : ผลสกุ รบั ประทานเป็นผลไม้ รสหวาน ฤดกู าลท่ีสามารถใช้ประโยชน์ : เดอื น พฤษภาคม – กนั ยายน

ความหลากหลายของพืชอาหารป่ าและการใช้ประโยชน์จากชมุ ชน 7 หมากกลว้ ยน้อย ช่ือทวั่ ไป : บกั นมแมว หมากนมแมว กลว้ ยปา่ ช่ือวิทยาศาสตร์ : Melodorum siamense (Scheff) Ban ชื่อวงศ์ : ANNONACEAE ลกั ษณะ : ไมพ้ มุ่ รอเลอ้ื ย กง่ิ ออ่ นมขี นสนี ้าตาลปกคลมุ ใบเด่ียว เรยี งสลบั รปู ขอบขนานแกมรปู ใบหอก โคนใบมนหรอื หยกั เวา้ ปลายใบแหลม ขอบใบเรยี บ ดอกเดย่ี วหรอื ออกเป็นกระจกุ 2-4 ดอก ตรงขา้ มใบ มกี ลน่ิ หอมในชว่ งเยน็ กลบี เลย้ี ง 3 กลบี สเี ขยี ว รปู สามเหลย่ี ม กลบี ดอก 6 กลบี เรยี งเป็นสองวง สเี หลอื งนวล รปู ไขแ่ กมสามเหลย่ี ม กลบี หนา กลบี วงในมขี นาดเลก็ กว่า ออกดอก มากในชว่ งฤดฝู น ผลเป็นผลกลมุ่ มผี ลยอ่ ย 6-15 ผล รปู รี สเี หลอื ง แต่ละผลยอ่ ยมี 5-8 เมลด็ ถนิ่ กาเนดิ เป็นพชื เฉพาะถน่ิ พบเฉพาะในประเทศไทย บรเิ วณปา่ เบญจพรรณออกดอกเกอื บตลอดปี ส่วนที่นามาบริโภค : ผลสกุ รบั ประทานได้ รสหวานหอม ฤดกู าลที่สามารถใช้ประโยชน์ : ฤดหู นาว

8 เลม่ ท่ี 2 เร่ือง ผลไมพ้ นื้ บา้ น หมากต้องแล้ง ช่ือทวั่ ไป : น้าเตา้ แลง้ น้าน้อย ตอ้ งแล่ง นมน้อย ชื่อวิทยาศาสตร์ : Polyalthia evecta (Pierre) Finet & Gagnep. ชื่อวงศ์ : ANNONACEAE ลกั ษณะ : ไมพ้ ่มุ ขนาดเลก็ สงู 0.5-1 เมตร เปลอื กตน้ เรยี บ สนี ้าตาลดา กงิ่ กา้ นเลก็ ใบเดย่ี วเรยี ง สลบั รปู ขอบขนานหรอื รปู วงรี กวา้ ง 2-4 ซม. ยาว 6-12 ซม. ฐานใบรปู ลม่ิ ปลายใบแหลม ขอบใบ เรยี บ ผวิ ใบเรยี บ ใบดา้ นบนสเี ขยี วเขม้ เกลย้ี ง ดา้ นหลงั มขี นสนั้ ประปราย ดอกเดย่ี ว ออกทซ่ี อก ใบ บรเิ วณกง่ิ อ่อน กลบี ดอกสเี หลอื ง เน้อื หนา มี 2 ชนั้ ชนั้ ละ 3 กลบี แบง่ เป็นกลบี ดอกชนั้ นอก สี เขยี วอมเหลอื ง รปู สามเหลย่ี มแยกกนั กลบี ดอกชนั้ ใน มขี นาดใหญ่กว่ากลบี ดอกชนั้ นอก สเี หลอื ง นวล ทอรสั รปู นูน เกสรเพศผู้ รปู ลมิ่ มจี านวนมาก อดั กนั แน่น หนั ออกดา้ นนอก บนฐานลอ้ มรอบ รงั ไขจ่ านวนมาก ซง่ึ อยกู่ ลางฐาน เกสรเพศเมยี มรี งั ไขเ่ หนือวงกลบี กลบี เลย้ี ง บางคลา้ ยกระดาษ รปู สามเหลย่ี ม ดา้ นนอกของกลบี มขี นสนั้ บางสที อง ดา้ นในเกลย้ี ง ผลเป็นผลกลุ่มมหี ลายผลยอ่ ย รวมเป็นชอ่ ผลยอ่ ยรปู ทรงกลม ผลแกส่ นี ้าตาลปนแดง เมอ่ื สกุ สแี ดง ออกดอกมถิ ุนายน-สงิ หาคม พบตามปา่ ละเมาะ ชายทะเล ทท่ี ง้ิ รา้ ง ส่วนที่นามาบริโภค : ผลสกุ รบั ประทานได้ รสหวานหอม ฤดกู าลที่สามารถใช้ประโยชน์ : เดอื นกรกฎาคม – ตุลาคม

ความหลากหลายของพชื อาหารป่ าและการใช้ประโยชน์จากชมุ ชน 9 เงาะป่ า ชื่อทิ้งถิ่น : คายขา้ ว เงาะพวง ช่ือวิทยาศาสตร์ : Uvaria hirsute Jack. ชื่อวงศ์ : ANNONACEAE ลกั ษณะ : ไมเ้ ถาเน้อื แขง็ ยาว 10 - 20 เมตร กงิ่ อ่อนมขี นยาวรปู ดาวสนี ้าตาลขน้ึ หนาแน่น เปลอื กตน้ สดี า แตกเป็นร่องใบเดย่ี ว เรยี งสลบั รปู ขอบขนาน รปู วงรแี กมขอบขนานหรอื รปู ใบหอก กลบั กวา้ ง 3-7 ซม. ยาว 10-20 ซม. โคนใบกลม หยกั เวา้ และเบย้ี วเลก็ น้อย ปลายใบเรยี วแหลม ใบออ่ นหลงั ใบมขี น ทอ้ งใบมขี นหยาบและแขง็ รปู ดาวสนี ้าตาล มมี ากทเ่ี สน้ กลางใบและขอบใบ ดอกเดย่ี ว ออกทซ่ี อกใบ กลบี ดอกสแี ดง รปู ขอบขนาน เรยี งเป็น 2 ชนั้ ใบประดบั 2 ใบ กลบี เลย้ี ง สเี ขยี ว ผลกลุม่ ผลยอ่ ยรปู ทรงกลมแกมรี เปลอื กมขี นยาว ขนแขง็ คลา้ ยหนาม เหมอื นผลเงาะ ผล อ่อนสเี ขยี วเมอ่ื สกุ สแี ดงสม้ มเี น้อื ใสฉ่าน้าหุม้ เมลด็ เมลด็ แบนสดี า ออกดอกเดอื นพฤษภาคม- มถิ ุนายน ผลสกุ เดอื นกรกฎาคม-สงิ หาคม พบตามปา่ เตง็ รงั ปา่ ดบิ แลง้ ส่วนที่นามาบริโภค : ผลสกุ รบั ประทานได้ รสหวานอมเปรยี ว ฤดกู าลท่ีสามารถใช้ประโยชน์ : เดอื นกรกฎาคม-สงิ หาคม

10 เลม่ ที่ 2 เรื่อง ผลไมพ้ นื้ บา้ น หมากผผี ว่ น หมากนมววั ช่ือทวั่ ไป : หมากนมววั หมากนมควาย หมากตนี ตงั่ นมควาย ช่ือวิทยาศาสตร์ : Uvaria pierreiFinet & Gagnep. ชื่อวงศ์ : ANNONACEAE ลกั ษณะ : ไม้พมุ่ รอเลือ้ ย ลาตน้ สงู ไดถ้ งึ 5 เมตร กงิ่ ออ่ นมขี นละเอยี ดสนี ้าตาลแดงใบเดี่ยว เรยี ง สลบั รปู วงรหี รอื รปู ไข่ ผวิ ใบมขี นสนี ้าตาลแดงทงั้ สองดา้ น กวา้ ง 2.5-3.5 ซม. ยาว 4.5-10 ซม.ดอก ออกเป็นกระจุก 2-3 ดอกทก่ี งิ่ กา้ น กลบี ดอกสแี ดงเขม้ กลน่ิ หอมผล เป็นผลกลุม่ รปู ไขห่ รอื ไขก่ ลบั เมอ่ื สกุ สแี ดงสด ออกดอกและผล ชว่ งเดอื นกนั ยายน-พฤศจกิ ายน ส่วนที่นามาบริโภค : ผลดบิ และสกุ รบั ประทานเป็นผลไม้ ฤดกู าลท่ีสามารถใช้ประโยชน์ : เดอื นกนั ยายน-พฤศจกิ ายน

ความหลากหลายของพืชอาหารป่ าและการใช้ประโยชน์จากชมุ ชน 11 หมากผผี ว่ นน้อย ช่ือทวั่ ไป : หาลงิ หมากผผี ่วน ผผี ว่ นนมแมว นมววั ผพี วน หมากนมแมว ช่ือวิทยาศาสตร์ : Uvaria rufa Blume ชื่อวงศ์ : ANNONACEAE ลกั ษณะ : ไม้เถาเลอื้ ย สงู 1.5-4 เมตร กงิ่ กา้ นและยอดออ่ นปกคลุมดว้ ยขนละเอยี ดสนี ้าตาลแดง หนาแน่น ใบเดย่ี ว เรยี งสลบั รปู ไขแ่ กมรปู ขอบขนาน รปู รแี กมรปู ขอบขนาน หรอื รปู รแี กมรปู ไข่ กลบั กวา้ ง 4-6 ซม. ยาว 6-15 ซม. ปลายแหลมหรอื เรยี วแหลม โคนมนหรอื กลม ขอบเรยี บ แผน่ ใบบางคลา้ ยกระดาษ หลงั ใบมขี นรปู ดาวแขง็ ดา้ นลา่ งมขี นอ่อนนุ่มหนาแน่น ดอกเดย่ี ว หรอื ออกเป็นกระจุก 2-3 ดอก ทก่ี งิ่ กา้ น ออกตรงขา้ มใบ หรอื เหนอื ซอกใบ มขี นกระจายหนาแน่น ใบ ประดบั มี 1 ใบ รปู สามเหลย่ี มปลายมน ตดิ ตรงกลางกา้ นดอกมขี นหนาแน่น กลบี เลย้ี ง 3 กลบี มี ขนปกคลุม กลบี ดอก 6 กลบี แยกกนั บางครงั้ อาจมี 8 กลบี ได้ แยกเป็น 2 วงๆ ละ 3 กลบี ขนาด เท่าๆ กนั ดอกสแี ดงสดแลว้ เปลย่ี นเป็นสแี ดงเลอื ดนก มกี ลนิ่ หอม ผลแบบผลกลุ่ม มผี ลยอ่ ย 4-20 ผล ต่อชอ่ รปู รหี รอื รปู รแี กมรปู ขอบขนาน มขี นสนี ้าตาลสนั้ ๆปกคลุม ผลเรม่ิ สกุ สเี หลอื ง สกุ เตม็ ทส่ี ี แดงสด เน้อื ขา้ งในสขี าวเมลด็ รปู รี แต่ละผลมี 14-18 เมลด็ โคนเวา้ ปลายมน ขอบเรยี บ ผวิ เกลย้ี ง สนี ้าตาลพบทวั่ ไปในปา่ เตง็ รงั ปา่ เบญจพรรณ ปา่ ดบิ แลง้ ปา่ ละเมาะ ตงั้ แต่ใกลร้ ะดบั น้าทะเล จนถงึ ทส่ี งู ประมาณ 1,000 เมตร ออกดอกเดอื นมนี าคม-เมษายน ตดิ ผลเดอื นมถิ ุนายน-กรกฎาคม ส่วนท่ีนามาบริโภค : ผลดบิ และสกุ รบั ประทานเป็นผลไม้ ฤดกู าลที่สามารถใช้ประโยชน์ : เดอื นมถิ ุนายน-กรกฎาคม

12 เลม่ ที่ 2 เรอื่ ง ผลไมพ้ นื้ บา้ น หมากตะไก้ ชื่อทิ้งถิ่น : กาแพงเจด็ ชนั้ ตะลุม่ นก ตาไก้ น้านอง มะต่อมไก่ หลุมนก ชื่อวิทยาศาสตร์ : Salacia chinensis L. ชื่อวงศ์ : CELASTRACEAE ลกั ษณะ : ไม้เถาเนื้อแขง็ หรอื ไมพ้ ่มุ รอเลือ้ ย สงู 2-6 เมตรเปลอื กลาต้นเรยี บสเี ทานวล เน้อื ไม้ มวี งปีสนี ้าตาลแดงเขม้ จานวนหลายชนั้ เหน็ ชดั เจน เรยี งซอ้ นกนั เป็นชนั้ 7-9 ชนั้ ใบเดย่ี ว เรยี งตรง ขา้ ม สลบั ตงั้ ฉาก แผน่ ใบค่อนขา้ งหนา แผน่ ใบรปู วงรี รปู ไข่ รปู วงรแี กมใบหอก หรอื รปู ไขก่ ลบั กวา้ ง 2-4 ซม.ยาว 4-8 ซม. ปลายแหลมหรอื มน โคนใบสอบ ขอบหยกั หยาบๆ หลงั ใบเรยี บเป็น มนั สเี ขยี วเขม้ ทอ้ งใบเรยี บ เน้อื ใบกรอบ ผวิ ใบดา้ นบนและดา้ นล่างคอ่ นขา้ งหนาเป็นมนั ดอกเลก็ สเี ขยี วอมเหลอื งหรอื เหลอื ง ออกเป็นชอ่ แบบกระจกุ หรอื ช่อแยกแขนงสนั้ ๆ ตามซอกใบ มกี ลบี ดอก 5 กลบี สเี หลอื งปนเขยี ว มี 3-6 ดอก กลบี เลย้ี งเลก็ มากมี 5 กลบี เกสรเพศผู้ 3 อนั สนั้ อบั เรณูรปู สอ้ ม รงั ไขม่ ี 3 ชอ่ ง ซอ่ นอย่ใู นจานฐานดอก ออวุลมี 2 เมด็ ผลสด รปู ร่างคอ่ นขา้ งกลม ผวิ ผลเกลย้ี ง รปู กระสวยกวา้ ง หรอื รี ผลออ่ นสเี ขยี ว ผลสกุ สแี ดงหรอื สแี ดงอมสม้ ภายในมี เมลด็ กลม ขนาดใกลเ้ คยี งกบั ผล 1 เมลด็ ออกดอกชว่ งเดอื น มกราคม-มนี าคม พบตามปา่ ชายทะเล ปา่ เบญจ พรรณทวั่ ไป ส่วนท่ีนามาบริโภค : ผลสกุ รบั ประทานได้ รสหวานเลย่ี น ไม่ควรรบั ประทานเพราะจะทาใหเ้ กดิ อาการมนึ เมาได้ ฤดกู าลท่ีสามารถใช้ประโยชน์ : เดอื น กมุ ภาพนั ธ-์ พฤษภาคม

ความหลากหลายของพชื อาหารป่ าและการใช้ประโยชน์จากชมุ ชน 13 หมากดกู ชื่อทิ้งถ่ิน : มะดกู กะดกู ดกู หนิ ดกู แจก มะดุก หลกั หนิ ยายปลวก บกั๊ โคก้ ชื่อวิทยาศาสตร์ : Siphonodon celastrineus Griff. ชื่อวงศ์ : CLEOMACEAE ลกั ษณะ : ไมต้ ้น สงู 10-25 เมตร ใบเป็นใบเดย่ี ว ออกเรยี งสลบั กนั รปู ขอบขนาน ขอบใบมกั จะ เป็นซฟ่ี นั ตน้ื ๆ บางจกั หา่ งหรอื แทบมองไมเ่ หน็ ชดั เน้ือใบคอ่ นขา้ งหนาคลา้ ยแผ่นหนงั ดอกสขี าว ครมี ออกเป็นกระจุกตามงา่ มใบ มี 2-3 ดอก ดอกบางทม่ี จี ดุ สนี ้าตาลแดง กลบี รองดอก 5 กลบี โคนเช่อื มตดิ กนั ปลายแยกรปู ไตหรอื กง่ึ กลม กลบี ดอกรปู ไข่ 5 กลบี ซอ้ นทบั กนั ปลายมน เกสรผู้ เช่อื มตดิ กนั ทค่ี รง่ึ หน่งึ หรอื ใกลๆ้ โคนดอก ออกดอกในช่วงประมาณเดอื นพฤษภาคมถงึ เดอื น มถิ ุนายน ผลรปู รกี วา้ งหรอื รปู กลม สเี ขยี วหรอื เขยี วอมเหลอื ง พบขน้ึ กระจายทวั่ ไป ในปา่ โปร่งท่ี คอ่ นขา้ งชน้ื ผลสกุ รบั ประทานได้ เป็นผลในชว่ งประมาณเดอื นกรกฎาคมถงึ เดอื นกุมภาพนั ธ์ สว่ น ใหญ่พบทางภาคเหนือและภาคกลางของประเทศไทย ทร่ี ะดบั ความสงู ไมเ่ กนิ 800 เมตร จาก ระดบั น้าทะเล ส่วนที่นามาบริโภค : ผลสกุ รบั ประทาน ฤดกู าลท่ีสามารถใช้ประโยชน์ : เดอื นกรกฎาคม-กมุ ภาพนั ธ์

14 เลม่ ท่ี 2 เร่ือง ผลไมพ้ นื้ บา้ น ส้มมอ ชื่อทวั่ ไป : สมอ สมอไทยหมากสม้ มอ ช่ือวิทยาศาสตร์ : Terminalia chebula Retz. ช่ือวงศ์ : COMBRETACEAE ลกั ษณะ : ไมย้ นื ต้นสงู 10-20 เมตร กงิ่ ออ่ นและยอดมกั ปกคลุมดว้ ยขนสนี ้าตาล ใบ เป็นใบเดย่ี ว เรยี งตรงขา้ ม หรอื เกอื บตรงขา้ ม แผ่นใบค่อนขา้ งหนา รปู รแี กมรปู ไขก่ วา้ ง ขนาด กวา้ ง 6-10 ซม. ยาว 8-15 ซม. กา้ นใบยาว 1-3 ซม. มกั มตี ่อมบวม 1 คบู่ นกา้ นเหน็ ชดั เจน ดอก เป็นช่อออก ตาม ปลายกง่ิ หรอื ซอกใบ มี 3-5 ช่อดอก ดอกเป็นดอกสมบรู ณ์เพศ สเี หลอื งนวล สว่ นบนเป็นรปู ถว้ ย ตน้ื มขี นปกคลมุ ดา้ นนอก ผล เป็นผลสด รปู วงรคี อ่ นขา้ งกลม ผวิ เกลย้ี ง ผลแกย่ ่นและเปลย่ี นเป็นสี ดา เมลด็ เดย่ี ว แขง็ ผวิ ขรุขระรปู ยาวรพี บทวั่ ไปตามปา่ เบญจพรรณและปา่ ดบิ แลง้ ทร่ี ะดบั ความ สงู 50-800 เมตร ออกดอกเดอื น พฤษภาคม-สงิ หาคม ผลแก่ชว่ งเดอื น ตุลาคม-มกราคม ส่วนท่ีนามาบริโภค : ผลแก่รบั ประทานเป็นผลไมก้ บั พรกิ เกลอื รสเฝ่ือน แต่เม่อื รปั ระทานน้าตาม จะหวานชุม่ คอ ฤดกู าลที่สามารถใช้ประโยชน์ : เดอื น ตุลาคม-มกราคม

ความหลากหลายของพืชอาหารป่ าและการใช้ประโยชน์จากชมุ ชน 15 ตะโกนา ช่ือทิ้งถ่ิน : มะถ่านไฟผี นมงวั ตะโก มะโก พญาชา้ งดา โก ตองโก ชื่อวิทยาศาสตร์ : Diospyros rhodocalyx Kurz. ชื่อวงศ์ : EBENACEAE ลกั ษณะ : ไมย้ นื ต้นขนาดเลก็ สงู 8-15 เมตร เปลอื กตน้ สดี า แตกเป็นร่องลกึ ใบเดี่ยว ออกเรยี ง สลบั รปู รคี ่อนขา้ งกลม รปู ไขก่ ลบั ปลายใบมนมตี ง่ิ สนั้ หรอื มรี อยหยกั เวา้ เขา้ เลก็ น้อย โคนใบเป็น รปู ลม่ิ หรอื ป้าน ขอบใบเรยี บ กวา้ ง 2.5-7 ซม.ยาว 3-12 ซม. แผ่นใบค่อนขา้ งหนาและเหนยี ว หลงั ใบเรยี บสเี ขยี วเขม้ เป็นมนั ดอกเป็นดอกช่อ ดอกแยกเพศอย่ตู ่างตน้ กนั ดอกเพศผเู้ ป็นช่อเลก็ ๆ ชอ่ หน่ึงมดี อกยอ่ ย 3 ดอก กลบี ดอก 4 กลบี กลบี เลย้ี ง 4 กลบี มขี นนุ่ม มเี กสรเพศผู้ 14-16 อนั ดอกเพศเมยี จะออกตามซอกใบ กลบี เลย้ี งและกลบี ดอกจะเหมอื นกบั ดอกเพศผแู้ ต่มขี นาดใหญ่กวา่ รงั ไขม่ ลี กั ษณะป้อมมขี นเป็นเสน้ ไหมคลุม มเี กสรเพศผเู้ ทยี มประมาณ 8-10 อนั ออกดอกเดอื น มนี าคม-มถิ ุนายน ผลเป็นรปู ทรงกลม ผวิ ผลเรยี บ ผลออ่ นมขี นสนี ้าตาลแดงคลมุ อย่หู นาแน่น โคน ผลมกั บุ๋ม กลบี จุกผลชอ้ี อกหรอื แนบล่ไู ปตามผวิ ของผล ขา้ งในมขี นสนี ้าตาลแดงและมขี นนุ่ม ทางดา้ นนอกพน้ื กลบี ขอบกลบี มกั เป็นคลน่ื ผลสกุ สแี ดงหรอื แดงปนสม้ ภายในผลมีเมลด็ ประมาณ 3-5 เมลด็ รปู ไขร่ สี นี ้าตาลมเี น้อื หุม้ สขี าวฉ่าน้า ตดิ ผล เดอื นมนี าคม-มถิ ุนายน พบไดท้ กุ ภาคตาม ปา่ เบญจพรรณแลง้ ปา่ ละเมาะ และตามท่งุ นา ส่วนที่นามาบริโภค : ผลสกุ รบั ประทานได้ รสเฝ่ือน ฤดกู าลที่สามารถใช้ประโยชน์ : เดอื นมนี าคม-มถิ ุนายน

16 เล่มที่ 2 เรื่อง ผลไมพ้ นื้ บา้ น หมากหลอด ชื่อทวั่ ไป : สลอดเถา ชื่อวิทยาศาสตร์ : Elaeagnus latifolia L. ชื่อวงศ์ : ELAEAGNACEAE ลกั ษณะ : ไม้เถาเนื้อแขง็ ตามลาตน้ และกง่ิ มเี กลด็ สเี ทาหรอื สเี งนิ ใบเป็นใบเดย่ี วเรยี งสลบั กนั แผ่นใบรปู รหี รอื รแี กมรปู หอกกวา้ ง 3.5 – 5.5 ซม.ยาว 6 – 12 ซม.โคนใบแหลมหรอื มนปลายใบ มนแหลมหรอื เป็นตง่ิ เลก็ น้อยขอบใบเรยี บเน้อื ใบบางดา้ นบนสเี ขยี วอมน้าเงนิ เกลย้ี งดา้ นล่างมเี กลด็ เลก็ ๆ สนี ้าตาลดา้ นบนเป็นรอ่ งลกึ มเี กลด็ เลก็ ๆ สนี ้าตาลปกคลุม ดอกออกเป็นกระจกุ ตามง่ามใบ เป็นดอกสมบรู ณ์เพศ หรอื มดี อกเพศผปู้ ะปนดว้ ยกลบี ดอกมเี พยี งชนั้ เดยี ว เชอ่ื มตดิ กนั เป็นหลอด มเี กสรผู้ 4 อนั ตดิ อยกู่ บั หลอดทอ่ ดอกรงั ไขภ่ ายในมชี อ่ งเดยี วทอ่ รบั ไขเ่ ลก็ ยาวคลา้ ยเสน้ ดา้ ย ผล รปู รสี แี ดง หรอื แดงอมสม้ มจี ุด สขี าว ส่วนที่นามาบริโภค : ผลสกุ รบั ประทานเป็นผลไม้ รสเปรยี ว ฤดกู าลท่ีสามารถใช้ประโยชน์ : ฤดรู อ้ น

ความหลากหลายของพืชอาหารป่ าและการใช้ประโยชน์จากชมุ ชน 17 หมากเมา่ ช่ือทวั่ ไป : เมา่ มกั เม่า เมา่ ตาควาย มะเม่าเม่าสรอ้ ยหมากสม้ สรอ้ ย ช่ือวิทยาศาสตร์ : Antidesma acidum Retz. ชื่อวงศ์ : EUPHORBIACEAE ลกั ษณะ : ไมพ้ มุ่ หรอื ไม้ยนื ต้นขนาดเลก็ ลาตน้ ตงั้ ตรง สงู 2-5 เมตร ใบเป็นใบเดย่ี ว ออกเรยี ง สลบั รปู หอกกลบั ปลายใบแหลม โคนใบแหลม สว่ นขอบใบเรยี บ กวา้ ง 2-5 ซม.ยาว 4-9 ซม. แผ่นใบมขี นขน้ึ ประปรายทงั้ สองดา้ น ออกดอกเป็นช่อแบบแยกแขนงเชงิ ลด โดยจะออกตามซอก ใบและทป่ี ลายกงิ่ ดอกยอ่ ยมจี านวนมากและเป็นแบบแยกเพศอยกู่ นั คนละตน้ ไมม่ กี ลบี ดอก สว่ น กลบี เลย้ี งเป็นสเี ขยี วอ่อน ผลกลุ่มออกเป็นช่อยาว รปู ทรงกระบอก เป็นผลสด เน้อื ผลฉ่าน้า ลกั ษณะของผลยอ่ ยเป็นรปู ไขห่ รอื รปู ทรงกลม ผลดบิ เป็นสเี ขยี ว สว่ นผลสกุ จะเปลย่ี นเป็นสแี ดง หรอื สมี ว่ งเขม้ และจะเป็นสดี าเม่อื แก่จดั พบกระจายพนั ธุต์ ามธรรมชาตใิ นปา่ ผลดั ใบ ปา่ เตง็ รงั และปา่ ดบิ ทวั่ ไป ส่วนที่นามาบริโภค : ผลสกุ รบั ประทานเป็นผลไม้ รสเปรยี วหวาน ฤดกู าลที่สามารถใช้ประโยชน์ : เดอื นพฤษภาคม-กรกฎาคม

18 เลม่ ที่ 2 เรื่อง ผลไม้พนื้ บา้ น หมากเมา่ ไข่ปลา ช่ือทวั่ ไป : หมากเม่าปา่ เมา่ สรอ้ ยBlack currant tree, Wild black berry ชื่อวิทยาศาสตร์ : Antidesma ghaesembilla Gaertn. ชื่อวงศ์ : EUPHORBIACEAE ลกั ษณะ : ไม้พ่มุ กึ่งไม้ยนื ต้นขนาดเลก็ แตกกงิ่ กา้ นต่าเป็นพมุ่ สงู 2-6 เมตร เปลอื กตน้ สนี ้าตาล อ่อนแตกเป็นสะเกด็ เลก็ ๆ ตามกง่ิ ออ่ นและยอดออ่ นมขี นสนั้ นุ่มสนี ้าตาล ใบเป็นใบเดย่ี ว ออกเรยี ง สลบั ในระนาบเดยี วกนั รปู รคี ่อนขา้ งกลม รปู รแี กมขอบขนาน หรอื รปู ไขก่ วา้ งถงึ รี ปลายใบมนกลม หรอื เป็นตงิ่ แหลมเลก็ น้อย โคนใบมนกลมถงึ หยกั เวา้ สว่ นขอบใบเรยี บ หลงั ใบและทอ้ งใบเรยี บ เกลย้ี ง หใู บเป็นรปู ลมิ่ แคบ ร่วงงา่ ย ออกดอกเป็นช่อเชงิ ลด ออกตามซอกใบและทป่ี ลายยอด ดอก เป็นแบบแยกเพศอย่ตู ่างตน้ กนั ดอกยอ่ ยมขี นาดเลก็ และมจี านวนมาก สเี ขยี วอมเหลอื ง ดอกเพศผู้ ออกเป็นช่อ แกนชอ่ มขี นสนั้ นุ่มสนี ้าตาลแดง ใบประดบั เป็นรปู ใบหอก มขี นสนั้ นุ่ม ไม่มกี า้ นดอก กลบี เลย้ี ง 3-6 กลบี ไมม่ กี ลบี ดอก กา้ นชอู บั เรณูสขี าวและมขี น เกสรเพศเมยี ทเ่ี ป็นหมนั รปู กรวย กลบั มขี นสนั้ นุ่ม ดอกเพศเมยี คลา้ ยดอกเพศผู้ แต่ใหญ่กวา่ รงั ไขอ่ ย่เู หนือวงกลบี รปู ไขห่ รอื กลม ออกดอกเดอื นมนี าคม-เมษายน ออก ผลเป็นชอ่ ผลย่อยมขี นาดเลก็ รปู ค่อนขา้ งกลมรหี รอื แบน เลก็ น้อย ผวิ ผลมขี น ผนงั ชนั้ ในแขง็ ผลออ่ นเป็นสขี าว พอแกส่ แี ดงเขม้ เกอื บดา ภายในผลมเี มลด็ 1-2 เมลด็ ตดิ ผลเดอื นพฤษภาคม-กรกฎาคม พบทวั่ ทกุ ภาคของประเทศ ตามปา่ เตง็ รงั ปา่ เบญจ พรรณ ปา่ ละเมาะ ชายปา่ ดบิ ปา่ โปรง่ ปา่ ชายเลน ชายฝงั่ ทะเล ทโ่ี ลง่ ลุ่มต่า ตามทงุ่ หญา้ เรอื กสวน ทวั่ ไป และตามปา่ พรุ ส่วนที่นามาบริโภค : ผลสกุ รบั ประทานเป็นผลไม้ รสเปรยี วหวาน ฤดกู าลท่ีสามารถใช้ประโยชน์ : เดอื นพฤษภาคม-กรกฎาคม

ความหลากหลายของพืชอาหารป่ าและการใช้ประโยชน์จากชมุ ชน 19 หมากเม่าหลวง ช่ือทวั่ ไป : มะเม่า ช่ือวิทยาศาสตร์ : Antidesma thwaitesianum Muell. Arg ชื่อวงศ์ : EUPHORBIACEAE ลกั ษณะ : ไมพ้ มุ่ สงู 5-10 เมตร เน้อื แขง็ แตกกงิ่ กา้ นเป็นจานวนมาก กงิ่ แขนงแตกเป็นพุ่มทรง กลมใบเป็นใบเดย่ี ว สเี ขยี วสด ปลายและโคนมนกลมถงึ หยกั เวา้ ขอบใบเรยี บ ผวิ ใบเรยี บมนั ทงั้ 2 ดา้ น กวา้ ง 3.5-4.5 ซม. ยาว 5-7 ซม. แผน่ ใบบางคลา้ ยกระดาษ มกั ออกใบหนาแน่นดอกออกเป็น ชอ่ แบบช่อเชงิ ลด คลา้ ยช่อพรกิ ไทย จะออกตามซอกใบใกลย้ อดและปลายกง่ิ แยกเพศกนั อยคู่ นละ ตน้ ดอกมขี นาดเลก็ สขี าวอมเหลอื ง ออกดอกเดอื นมนี าคม-เมษายน ผลมขี นาดเลก็ เป็นพวง ภายใน 1 ผลประกอบดว้ ย 1 เมลด็ ผลดบิ สเี ขยี วออ่ นหรอื เขยี วเขม้ มรี สเปรย้ี ว พอสกุ เป็นสแี ดง และมว่ งดา ผลสกุ จะมรี สหวานอมเปรย้ี วปนฝาดเลก็ น้อยออกดอกและตดิ ผลชว่ งเดอื นมนี าคม- เมษายน ผลสกุ ชว่ งเดอื นสงิ หาคม-กนั ยายน ส่วนท่ีนามาบริโภค : ผลสกุ รบั ประทานเป็นผลไม้ รสเปรยี วหวาน ฤดกู าลท่ีสามารถใช้ประโยชน์ : เดอื นพฤษภาคม-กรกฎาคม

20 เลม่ ท่ี 2 เรื่อง ผลไม้พนื้ บา้ น มะไฟป่ า ชื่อทวั่ ไป : มะไฟ ชื่อวิทยาศาสตร:์ Baccaurea ramiflora Lour. ชื่อวงศ์ : EUPHORBIACEAE ลกั ษณะ : ไมต้ ้นขนาดกลาง ไมผ่ ลดั ใบ สงู 10-15 เมตร ใบเป็นใบเดย่ี ว เรยี งสลบั กนั รปู รแี กม หอก โคนใบสอบ ขอบใบเรยี บ หรอื หยกั ตน้ื ๆ ปลายใบเรยี วแหลม กวา้ ง 5-8 ซม. ยาว 10-22 ซม. เสน้ แขนงใบมี 5-8 คู่ ดา้ นล่างนูน เน้อื ใบคอ่ นขา้ งบางเกลย้ี ง กา้ นใบยาว 5-7.5 ซม. ดอก ออกเป็น ช่อ กลบี รองกลบี ดอกมี 4-5 กลบี ขนาดไม่เท่ากนั เกสรผมู้ ี 4-8 อนั ดอกเพศเมยี ออกเป็นชอ่ ยาว มาก ใบประดบั ขนาดเลก็ อย่ทู โ่ี คนกา้ นดอก กลบี รองกลบี ดอกรปู ขอบขนานแคบๆ รงั ไขม่ ขี น ผล ค่อนขา้ งกลมหรอื รี สผี วิ เหลอื งถงึ แดง ผวิ เกลย้ี ง มี 1-3 เมลด็ เน้อื หุม้ เมลด็ สขี าวขนุ่ รสเปรย้ี วอม หวาน ขน้ึ ในปา่ ดงดบิ ใกลล้ าธาร หรอื ทช่ี น้ื ในปา่ ผลดั ใบ ออกดอกประมาณเดอื นมนี าคม ส่วนที่นามาบริโภค : ผลสกุ รบั ประทานเป็นผลไม้ รสเปรยี วหวาน ฤดกู าลท่ีสามารถใช้ประโยชน์ : เดอื นพฤษภาคม-กรกฎาคม

ความหลากหลายของพชื อาหารป่ าและการใช้ประโยชน์จากชมุ ชน 21 มะยม ช่ือทวั่ ไป : มะยม ช่ือวิทยาศาสตร์ : Phyllanthus acidus (L.) Skeels ช่ือวงศ์ : EUPHORBIACEAE ลกั ษณะ : ไมย้ นื ตน้ ขนาดเลก็ ถงึ ขนาดกลาง สงู 3-10 เมตรเปลอื กตน้ ขรขุ ระสเี ทาปนน้าตาล แตก กง่ิ ทป่ี ลายยอด กง่ิ กา้ นจะเปราะและแตกง่าย ใบประกอบ มใี บยอ่ ยออกเรยี งแบบสลบั กนั เป็น 2 แถว ใบรปู ขอบขนานกลมหรอื คอ่ นขา้ งเป็นสเ่ี หลย่ี มขนมเปียกปนู ปลายใบแหลม ดอก ออกเป็นชอ่ ตามกงิ่ ดอกย่อยสเี หลอื งอมน้าตาลเร่อื ๆ ผลเป็นพวง ผลสด รปู กลมแป้น มี 6-8 พู เมอ่ื ออ่ นสเี ขยี ว เมอ่ื แก่เปลย่ี นเป็นสเี หลอื งหรอื ขาวแกมเหลอื ง เน้อื ฉ่าน้า เมลด็ รปู รา่ งกลม แขง็ สนี ้าตาลอ่อน มที งั้ พนั ธุเ์ ปรย้ี วและพนั ธุห์ วาน ส่วนท่ีนามาบริโภค : ใบอ่อน ยอดอ่อน รบั ประทานเป็นผกั สด ผลสดรบั ประทานเป็นผลไมร้ ส เปรยี ว นยิ มนามาทาผลไมม้ ากวาน ดอง แชอ่ ม่ิ ฤดกู าลที่สามารถใช้ประโยชน์ : ทงั้ ปี

22 เล่มท่ี 2 เร่ือง ผลไมพ้ นื้ บา้ น มะขามป้ อม ช่ือทวั่ ไป : มะขามป้อม ชื่อวิทยาศาสตร์ : Phyllanthus emblica L. ชื่อวงศ์ : EUPHORBIACEAE ลกั ษณะ : ไม้ยืนต้นขนาดเลก็ -กลาง สงู 8-12 เมตร ลาตน้ มกั คดงอ เปลอื กนอกสนี ้าตาลอบเทา ผวิ เรยี บหรอื ค่อนขา้ งเรยี บ เปลอื กในสชี มพสู ด ใบเดี่ยว ใบประกอบคลา้ ยใบมะขามกวา้ ง 2.5-5 มม. ยาว 8-12 มม. รปู ขอบขนานตดิ เรยี งสลบั สเี ขยี วอ่อนเรยี งชดิ กนั ใบสนั้ มาก เสน้ แขนงใบไม่ ชดั เจนดอกขนาดเลก็ แยกเพศ แต่อย่บู นกงิ่ หรอื ตน้ เดยี วกนั ออกตามง่ามใบ 3-5 ดอกแน่น ตาม ปลายกงิ่ กลบี เลย้ี ง 6 กลบี ดอกสขี าวหรอื ขาวนวล ผลทรงกลมมเี น้อื หนา ผลอ่อนมสี เี ขยี วอ่อน ผลแกม่ เี ขยี วออ่ นค่อนขา้ งใส มเี สน้ รว้ิ ๆ ตามยาว สงั เกตได้ 6 เสน้ เปลอื กหมุ้ เมลด็ แขง็ มี 6 เสน้ เมลด็ มี 6 เมลด็ พบตามปา่ เบญจพรรณแลง้ ปา่ เตง็ รงั และปา่ ดบิ เขาทวั่ ไป ส่วนท่ีนามาบริโภค : ผลแกร่ บั ประทานเป็นผลไมก้ บั พรกิ เกลอื แกก้ ระหายน้า ฤดกู าลที่สามารถใช้ประโยชน์ : ฤดหู นาว

ความหลากหลายของพชื อาหารป่ าและการใช้ประโยชน์จากชมุ ชน 23 ก่อกินลูก ชื่อทวั่ ไป:ก่อหนิ ก่อกนิ ลกู ก่อเหบิ กอ่ ใหญ่ กอ่ ใบเล่อื ม ก่อตาหมู ก่อหมาก ชื่อวิทยาศาสตร์ : Castanopsis piriformisHickel & A. Camus ชื่อวงศ์ :FAGACEAE ลกั ษณะ : ไม้ยนื ต้นขนาดกลางถงึ ขนาดใหญ่ สงู 10-30 เมตร เปลอื กตน้ สนี ้าตาลปนเทา แตก เป็นสะเกด็ เปลอื กในสนี ้าตาลหรอื ชมพอู อ่ นใบเดย่ี วเรยี งแบบสลบั รปู รหี รอื รปู ใบหอก กวา้ ง 7-10 ซม. ยาว 9-15 ซม. ปลายใบเรยี วแหลม ฐานใบสอบถงึ แหลมทู่ ขอบใบเรยี บ แผ่นใบค่อนขา้ งหนา ผวิ ใบเกลย้ี ง ดา้ นบนสเี ขยี วเขม้ เป็นมนั ดา้ นล่างสอี ่อนกวา่ ผวิ เกลย้ี ง กา้ นงอเลก็ น้อยและบวม บรเิ วณโคนกา้ น ดอกช่อออกเป็นกระจกุ แน่นทป่ี ลายกงิ่ ดอกย่อยไมม่ กี า้ นดอก สขี าวปนเหลอื ง เป็นกระจุกๆ ละ 3-5 ดอก มกี ลนิ่ ฉุน ร่วงงา่ ย ช่อดอกเพศผแู้ ละเพศเมยี แยกต่างชอ่ หรอื ร่วมชอ่ หากร่วมชอ่ ชอ่ ดอกเพศเมยี อย่โู คนชอ่ ชอ่ ดอกเพศผแู้ ยกแขนงมาก กลบี เลย้ี งแยกกนั อสิ ระ 6 กลบี เกสรเพศผู้ 12 อนั ผวิ เกลย้ี ง รงั ไขร่ ปู ลกู ขา่ ง มขี นปกคลุมหนาแน่น มี 3 ช่อง มอี อวุล 2 เมลด็ ยอดเกสรเพศเมยี มี 3 อนั ผลเช่อื มต่อกนั เป็นกล่มุ เบยี ดอดั กนั แน่นบน ผลแก่แขง็ มาก ผวิ เกลย้ี ง รปู กลมหรอื รี คลา้ ยรปู ลกู ขา่ ง กาบหมุ้ ผลสเี ขยี วออ่ นหุม้ มดิ ตวั ผล ผวิ กาบผลมแี นวเสน้ คด โคง้ ไปมา กาบหุม้ จะแยกจากปลายสโู่ คนเมอ่ื ผลแกจ่ ดั แต่ละกาบหุม้ มผี ล 1 ผล พบตามปา่ สนผสม ปา่ ผลดั ใบ ปา่ ดบิ แลง้ ทค่ี วามสงู 250-950 เมตร ออกดอกกนั ยายน-ธนั วาคม ตดิ ผลเดอื น มถิ ุนายน-กนั ยายน ส่วนท่ีนามาบริโภค : เมลด็ เผาใหส้ กุ รบั ประทานได้ รสมนั ฤดกู าลที่สามารถใช้ประโยชน์ : เดอื นมถิ ุนายน-กนั ยายน

24 เล่มที่ 2 เรือ่ ง ผลไมพ้ นื้ บา้ น หมากเบน็ ชื่อทวั่ ไป : ตะขบปา่ ช่ือวิทยาศาสตร์ : Flacourtia indica (Burm.f.) Merr ชื่อวงศ์ : FLACOURTIACEAE ลกั ษณะ : ไมย้ ืนต้น ขนาดเลก็ ถงึ ขนาดกลาง สงู 2-15 เมตร มหี นามยาวตามลาตน้ และกง่ิ ซง่ึ หนามเหลา่ น้จี ะร่วงไปเมอ่ื ตน้ โตเตม็ ทใ่ี บเดย่ี ว ออกเป็นกระจุก ใบมรี ปู ร่างหลายแบบ รปู ไขถ่ งึ รปู หอกขอบใบหยกั เหมอื นฟนั เล่อื ย แผน่ ใบเรยี บหรอื มขี นนุ่มสนั้ ปกคลุมบนผวิ ทงั้ สองดา้ น กา้ นใบสี แดงยาวเรยี ว มขี นนุ่มๆ สนั้ ปกคลุมดอก ออกเป็นชอ่ สนั้ ๆ มดี อกยอ่ ย 4-6 ดอก มกี ลุ่มขนนุ่มสนั้ ๆ ปกคลมุ ออกดอกบรเิ วณง่ามใบและบรเิ วณปลายกง่ิ ดอกเพศผแู้ ละดอกเพศเมยี จะแยกกนั อยคู่ น ละตน้ ดอกมขี นาดเลก็ กลบี เลย้ี งมี 4-6 กลบี โคนตดิ กนั ปลายแยก ผล เป็นผลทอ่ี อ่ นนุ่ม ผลสกุ มี สดี า – แดง ลกั ษณะกลมหรอื รปู ไขอ่ อก ดอกระหวา่ งเดอื นมนี าคม-เมษายน ส่วนที่นามาบริโภค : ผลสกุ รบั ประทานเป็นผลไม้ รสหวานฝาด ฤดกู าลที่สามารถใช้ประโยชน์ : เดอื นมนี าคม-มถิ ุนายน

ความหลากหลายของพืชอาหารป่ าและการใช้ประโยชน์จากชมุ ชน 25 หมากมว่ ย ช่ือทิ้งถิ่น : หมากดกู เม่อื ยดกู ช่ือวิทยาศาสตร์ : Gnetum macrostachyum Hook. f. ช่ือวงศ์ : GNETACEAE ลกั ษณะ : พืชเมลด็ เปลือยไม้เถาเนื้อแขง็ มวี งปีสแี ดงเขม้ เปลอื กเถาแกส่ นี ้าตาล แตกร่อน มรี ู อากาศมากใบเดย่ี วเรยี งตรงขา้ ม รปู ขอบขนานถงึ รปู ขอบขนานแกมรปู ใบหอก กวา้ ง 4-5 ซม. ยาว 14-16 ซม. เน้อื ใบหนาและเหนียวคลา้ ยแผ่นหนงั ปลายใบเป็นตงิ่ แหลม โคนใบแหลมถงึ มน ดอก ช่อแบบช่อเชงิ ลด ออกทซ่ี อกใบหรอื ตามลาตน้ สรา้ งโคนหรอื สตรอบลิ สั เดย่ี ว ออกเป็นชอ่ แกนรปู ทรงกระบอก เป็นกล่มุ เรยี งเป็นชนั้ สชี มพแู ดง ดอกแยกเพศ ดอกยอ่ ยเรยี งเป็นชนั้ ชนั้ ละประมาณ 10 ดอก มขี นสนี ้าตาลลอ้ มรอบแต่ละชนั้ ปกคลมุ หนาแน่น เมลด็ เปลอื ยทรงรี ออกเป็นชอ่ หน่งึ ชอ่ มปี ระมาณ 20-25 เมลด็ กา้ นช่อสนั้ ทโ่ี คนแต่ละเมลด็ มขี นนุ่มสนั้ สนี ้าตาลจานวนมากปกคลุม เมลด็ ไมม่ ผี ลห่อหุม้ มกี ลบี นุ่มคลา้ ยหนงั หมุ้ อยู่ เม่อื ยงั อ่อนสเี ขยี วเมอ่ื แก่สชี มพแู กมสม้ สว่ นปลายมี หนามแหลมขนาดเลก็ มากหน่งึ อนั ย่นื ออกมาเลก็ น้อย พบตามปา่ เตง็ รงั ออกดอกและตดิ ผลราว เดอื นเมษายน ส่วนที่นามาบริโภค : เมลด็ เผาใหส้ กุ รบั ประทานได้ รสมนั ฤดกู าลที่สามารถใช้ประโยชน์ : เดอื นเมษายน

26 เล่มท่ี 2 เร่อื ง ผลไม้พนื้ บา้ น กระบก ชื่อทวั่ ไป : กระบก ช่ือวิทยาศาสตร์ : Irvingia malayana Oliv. ex. A. W. Benn ชื่อวงศ์ : IRVINGIACEAE ลกั ษณะ : ไม้ยนื ต้นขนาดกลางถงึ ขนาดใหญ่ สงู 35 เมตร ลาตน้ เปลาตรง เรอื นยอดแน่นทบึ โคนตน้ หนา เปลอื กสเี ทาอมน้าตาล เรยี บ ใบเดย่ี วเรยี งเวยี น รปู รี รปู รแี กมรปู ขอบขนาน รปู ไข่ หรอื รปู ไขแ่ กมรปู ขอบขนาน ปลายเป็นตงิ่ แหลม โคนสอบมน ขอบเรยี บ แผ่นใบหนาคลา้ ยแผน่ หนงั ดา้ นบนเขยี วเขม้ เป็นมนั ดา้ นล่างสเี ขยี วเทา ปลายแหลมโคง้ รปู ดาบ หลุดร่วงง่าย ทง้ิ ร่องรอย เป็นวงแหวนบนกง่ิ ช่อ ดอกแบบชอ่ แยกแขนง ออกตามซอกใบ หรอื ปลายกงิ่ ดอกมกั จะออก ก่อนทจ่ี ะเกดิ ใบชุดใหม่ ดอกร่วงอยา่ งรวดเรว็ ใบประดบั รปู ไขป่ ลายแหลม ขนาดเลก็ ดอกขนาด เลก็ สขี าวอมเขยี ว กลบี เลย้ี งและกลบี ดอก อยา่ งละ 5 กลบี ปลายกลบี ดอกมว้ นออก ผลเป็นผลสด แบบผลผนงั ชนั้ ในแขง็ รปู ไขห่ รอื รปู รี มนี วลเลก็ น้อย ผลมสี เี ขยี ว เม่อื ผลสกุ สเี หลอื ง มเี น้อื สสี ม้ เมลด็ 1 เมลด็ แขง็ รปู ไขห่ รอื รปู รแี กมรปู ไข่ ค่อนขา้ งแบน เน้อื ในเมลด็ สขี าว และมนี ้ามนั พบตาม ปา่ เตง็ รงั ปา่ ชายหาด ปา่ เบญจพรรณ ปา่ ดบิ แลง้ ตลอดจนปา่ ดบิ ชน้ื ทส่ี งู ตงั้ แต่ใกลร้ ะดบั น้าทะเล จนถงึ ประมาณ 300 เมตร ออกดอกระหว่างเดอื นมกราคม-มนี าคม ผลเดอื นกุมภาพนั ธ-์ สงิ หาคม ส่วนที่นามาบริโภค : เน้อื ในผล ควั รบั ประทาน รสมนั ผลเกบ็ ไดน้ านเป็นปี ฤดกู าลท่ีสามารถใช้ประโยชน์ : เดอื นกมุ ภาพนั ธ-์ สงิ หาคม

ความหลากหลายของพชื อาหารป่ าและการใช้ประโยชน์จากชมุ ชน 27 หมากเคง็ ช่ือทวั่ ไป : Velvet tamarind,กาหยี นางดา ยี หยี เคง็ หมากเขง้ แคงแคง็ หมากแขง้ ชื่อวิทยาศาสตร์ : Dialium cochinchinense Pierre ชื่อวงศ์ : LEGUMINOSAE-CAESALPINIOIDEAE ลกั ษณะ : ไม้ต้น สงู 15-30 เมตร ใบประกอบแบบขนนก ปลายคล่ี เรยี งสลบั ใบรปู ไขถ่ งึ รปู รี กวา้ ง 1.5-4.5 ซม. ยาว 4-7 ซม. ปลายท่ถู งึ แหลม โคนมนถงึ ค่อนขา้ งสอบ ขอบเรยี บ ผวิ ใบเกลย้ี ง หรอื มขี นเลก็ น้อย ดอกเลก็ สขี าว ออกเป็นชอ่ ขนาดใหญ่ตามปลายกง่ิ ผลกลมรี ผลสกุ สดี า มเี มลด็ เดยี ว ส่วนที่นามาบริโภค : ผลดบิ ตม้ รบั ประทาน ผลสกุ รบั ประทานเป็นผลไม้ นามาเช่อื มเป็นของหวาน ฤดกู าลท่ีสามารถใช้ประโยชน์ : ฤดหู นาว

28 เลม่ ท่ี 2 เร่ือง ผลไม้พนื้ บา้ น แต้ ช่ือทิ้งถิ่น : มะค่าแต้ มะค่าหนาม มะค่า หยมุ ช่ือวิทยาศาสตร์ : Sindora siamensis Teijsm. ex Miq. ชื่อวงศ์ : LEGUMINOSAE-CAESALPINIOIDEAE ลกั ษณะ : ไมต้ ้นผลดั ใบ สงู 10-15 ม. ใบเป็นใบประกอบ ใบยอ่ ยมี 3-4 คู่ แกนชอ่ ใบยาว 2-4 ซม. แผ่นใบหนา รปู ไขก่ วา้ ง ขนาดกวา้ ง 3-8 ซม. ยาว 6-15 ซม. ดอกสเี หลอื งแกมแดง ออกเป็น ชอ่ ยาว 10-25 ซม. ทกุ สว่ นมขี นสนี ้าตาล กา้ นดอกย่อย ยาว 0.2-0.4 ซม. กลบี รองดอกรปู ไข่ กวา้ ง ปลายกลบี มหี นามขนาดเลก็ กลบี ดอกยาว 7 มม. เกสรผู้ 10 อนั มี 2 อนั ใหญ่กวา่ อนั อน่ื ออกดอกเดอื น มนี าคม - พฤษภาคม ผลเป็นฝกั เดย่ี ว สดี า มหี นามแหลมทผ่ี วิ ทวั่ ไป รปู ไขก่ วา้ ง โคนเบย้ี วและมกั มตี ง่ิ แหลม ขนาดผา่ ศนู ยก์ ลาง 4.5-10 ซม. ภายในมี 1-3 เมลด็ ผลแก่ กรกฎาคม – กนั ยายน พบตามปา่ ผลดั ใบ ปา่ ดบิ แลง้ และปา่ ชายหาด ทร่ี ะดบั ใกลน้ ้าทะเล จนถงึ ระดบั 400 ม. ส่วนท่ีนามาบริโภค : เมลด็ นาไปควั่ ไฟใหส้ กุ แช่น้า รบั ประทาน ฤดกู าลที่สามารถใช้ประโยชน์ : ผลแก่ กรกฎาคม – กนั ยายน

ความหลากหลายของพชื อาหารป่ าและการใช้ประโยชน์จากชมุ ชน 29 มะขาม ชื่อทวั่ ไป : Tamarind, Indian date, มะขาม ช่ือวิทยาศาสตร์ : Tamarindus indica L. ช่ือวงศ์ : LEGUMINOSAE-CAESALPINIOIDEAE ลกั ษณะ : ไมย้ นื ตน้ ขนาดกลางถงึ ใหญ่ สงู 15-30 เมตร แตกกงิ่ กา้ นสาขามาก เปลอื กตน้ ขรขุ ระ และ ใบประกอบแบบขนนก ใบย่อยรปู ขอบขนาน จานวน 10-20 คู่ ออกตรงขา้ ม ใบเลก็ ออกเป็นคู่ ทป่ี ลายใบ ช่อดอกแบบช่อเชงิ ลดหอ้ ยลง ออกตามปลายกง่ิ ขนาดเลก็ กลบี ดอกสเี หลอื ง มจี ุดประสี แดงหรอื มว่ งแดงอยกู่ ลางดอก กลบี ดอก มี 5 กลบี ออกดอกฤดฝู น ผลแบบฝกั โคง้ ยาว รปู รา่ ง ยาวหรอื โคง้ ฝกั ออ่ นมเี ปลอื กสเี ขยี วอมเทา สนี ้าตาลเกรยี ม เน้ือในตดิ กบั เปลอื ก เม่อื แกฝ่ กั เปลย่ี นเป็นเปลอื กแขง็ กรอบหกั ง่าย เน้ือมรี สเปรย้ี วหรอื หวาน ฝกั จะมเี มลด็ 3 –12 เมลด็ เมลด็ แก่ แบนเป็นมนั และมสี นี ้าตาล ตดิ ฝกั เดอื นตน้ ฤดหู นาว ฝกั แก่ตน้ ฤดรู อ้ น ส่วนที่นามาบริโภค : ใบอ่อน ยอดออ่ น ผลดบิ ผลสกุ เครอ่ื งแกง ฤดกู าลท่ีสามารถใช้ประโยชน์ : ฤดหู นาว-ฤดรู อ้ น

30 เลม่ ท่ี 2 เร่ือง ผลไมพ้ นื้ บา้ น หมากขามแป ช่ือทวั่ ไป : Manila Tamarind, หมากขามแป มะขามเทศ ช่ือวิทยาศาสตร์ : Pithecellobium dulce (Roxb.) Benth. ช่ือวงศ์ : LEGUMINOSAE-MIMOSOIDEAE ลกั ษณะ : ไม้ต้นสงู 15 ม. เปลอื กเรยี บมหี นามในตาแหน่งรอยกา้ นใบ ( leaf scar) ลาต้นสเี ทา แกมขาวหรอื เทาดาใบเรยี งสลบั ใบประกอบแบบขนนก 2 ชนั้ ใบยอ่ ยรปู ไขก่ ลบั หรอื รปู รี กวา้ ง 0.5-2.5 ซม. ยาว 1.5-4.5 ซม. โคนใบเบย้ี ว ปลายใบมน ขอบใบเรยี บ ขอบใบ 2 ขา้ งโคง้ ไมเ่ ท่ากนั ผวิ ใบเรยี บถงึ มขี นเลก็ น้อย กา้ นใบอ่อนมขี นปกคลุม โคนกา้ นใบมหี ใู บคลา้ ยหนาม ดอกชอ่ เกดิ ท่ี ปลายกง่ิ ดอกย่อยมกี ลบี เลย้ี ง 5 กลบี กลบี ดอก 5 กลบี สเี ขยี วแกมขาว ตดิ กนั เป็นหลอด ปลาย แยกเป็น 5 แฉก ปลายกลบี มน เกสรเพศผจู้ านวนมาก กา้ นชอู บั เรณูเชอ่ื ม ตดิ กนั เป็นหลอด เกสร เพศเมยี 1 อนั ฝกั ค่อนขา้ งแบนถงึ ทรงกระบอกมรี อยคอดตามแนวสนั และเปลอื กนูนตามจานวน เมลด็ ผลขดเป็นวงหรอื เป็นเกลยี วกวา้ ง 1-2 ซม. ยาว 5-15 ซม. เน้อื ผลเม่อื แก่จดั สชี มพหู รอื สแี ดง ส่วนท่ีนามาบริโภค : ผลสกุ รบั ประทานเป็นผลไม้ รสหวานมนั ฤดกู าลที่สามารถใช้ประโยชน์ : ฤดหู นาว

ความหลากหลายของพืชอาหารป่ าและการใช้ประโยชน์จากชมุ ชน 31 หมากเอนอ้า ช่ือทวั่ ไป : โคลงเคลง พญารากขาว หญา้ พลองขนอา้ น้อย เอนอา้ น้อย เอนอา้ ขน ช่ือวิทยาศาสตร์ : Osbeckia stellata Buch. Ham. ex Ker Gawl. ช่ือวงศ์ : MELASTOMATACEAE ลกั ษณะ : เป็นไมพ้ มุ่ สงู 1-2เมตร ลาตน้ สเี ขยี ว มขี นปกคลุมทกี ง่ิ และใบ ใบเดี่ยวออกตรงขา้ ม ใบรปู รแี กมขอบขนาน ปลายแหลม กวา้ ง 3-6 ซม. ยาว 7-14 ซม. มเี สน้ ใบสามเสน้ จากโคนใบถงึ ปลายใบ มองเหน็ ชดั เจน มขี นละเอยี ดปกคลุมทวั่ ใบ ดอกเป็นช่อทป่ี ลายกง่ิ มดี อกยอ่ ยจานวนมาก สมี ่วง กลบี ดอก 4 กลบี เวลาบานจะอา้ ออก ออกดอกตลอดปี ผลสกุ แตกออก เน้อื ภายในสมี ่วง เขม้ รสหวาน เอนอา้ มคี วามคลา้ ยคลงึ กบั โคลงเคลง (Melastoma malabathricum Linn.) ซง่ึ มกี ลบี ดอก 5 กลบี มสี ชี มพอู อกมว่ ง พบไดท้ วั่ ไปตามปา่ ดบิ พน้ื ทช่ี ่มุ น้า รมิ น้า ภเู ขาสงู ทงุ่ หญา้ ปา่ สน ส่วนท่ีนามาบริโภค : ผลสกุ รบั ประทานเป็นผลไม้ รสหวานหอม ฤดกู าลท่ีสามารถใช้ประโยชน์ : ฤดหู นาว

32 เลม่ ท่ี 2 เรอ่ื ง ผลไม้พนื้ บา้ น หมากต้อง กระท้อน ช่ือทวั่ ไป : Sentul, Santol, Red sentol, Yellow sentol, หมากตอ้ ง กระทอ้ น ช่ือวิทยาศาสตร์ : Sandoricum koetjape(Burm. f.) Merr. ช่ือวงศ์ : MELIACEAE ลกั ษณะ : ไมต้ ้นขนาดกลางถงึ ใหญ่ ไมผ่ ลดั ใบ สงู 15-40 เมตร ตน้ เปลาตรง แตกกง่ิ ต่า เปลอื ก สเี ทาอมน้าตาล คอ่ นขา้ งเรยี บใบแกจ่ ดั สแี ดงอฐิ หรอื สแี สด ใบช่อ ยาว 20-40 ซม. ชอ่ ตดิ เรยี งสลบั เวยี นกนั ไป ใบปลายชอ่ เป็นใบเดย่ี ว ดอกช่อ ออกรวมเป็นชอ่ ไมแ่ ยกแขนงตามปลายกง่ิ ชอ่ ยาว 5-15 ซม. มขี นนุ่มทวั่ ไป ดอกเลก็ สเี หลอื งออ่ น หรอื เขยี วอ่อนอมเหลอื ง ดอกสมบรณู ์เพศ กลน่ิ หอมอ่อนๆ ผล กลมหรอื แป้น อุม้ น้า ผลอ่อนสเี ขยี ว แก่จดั สเี หลอื ง เมลด็ รปู ไต เรยี งตามแนวตงั้ 5 เมลด็ ออกดอกเดอื น มกราคม -มนี าคม และเป็นผลเดอื น มนี าคม – พฤษภาคม ส่วนท่ีนามาบริโภค : ผลแกน่ ามาทาผลไมด้ องเคม็ ดองหวาน หรอื นามาทาตากระทอ้ น ฤดกู าลที่สามารถใช้ประโยชน์ : เดอื น มนี าคม – พฤษภาคม

ความหลากหลายของพืชอาหารป่ าและการใช้ประโยชน์จากชมุ ชน 33 มะหาด ชื่อทิ้งถ่ิน : ขนุนปา่ ปวกหาด มะหาดใบใหญ่ หาดขนุน ฮดั หาด ช่ือวิทยาศาสตร์ : Artocarpus lacucha Roxb. ช่ือวงศ์ : MORACEA ลกั ษณะ : ไม้ยืนต้นขนาดใหญ่ไมผ่ ลดั ใบ สงู 15-20 เมตร ลาตน้ เปลาตรง ทรงพุ่ม เปลอื กตน้ สี ดา สเี ทาแกมน้าตาล ลาตน้ มกั มรี อยแตกและมยี างไหลซมึ ออกมา แหง้ ตดิ ตามกงิ่ ออ่ นและยอด อ่อนมขี นปกคลมุ ใบเดี่ยว ออกเรยี งสลบั ในระนาบเดยี วกนั รปู รี รปู ไข่ หรอื รปู ขอบขนาน ปลาย ใบมนหรอื แหลมเป็นตงิ่ แหลม โคนใบมนหรอื เวา้ มนขอบใบเรยี บเป็นคล่นื เลก็ น้อยกวา้ ง 5-20 ซม. ยาว 10-30 ซม. ผวิ ใบดา้ นบนมขี นหยาบเลก็ น้อย ดา้ นลา่ งเป็นสเี ขยี วอมเทา มขี นหยาบสเี หลอื ง เลก็ น้อย ใบแก่สเี ขยี วเขม้ เหนียวคลา้ ยหนงั มเี สน้ ใบขา้ งประมาณ 8-20 คู่ จรดกนั ทข่ี อบใบ เสน้ ใบ ย่อยเหน็ ชดั เจนทด่ี า้ นทอ้ งของใบ มหี ใู บขนาดเลก็ บาง รปู หอกหลดุ ร่วงง่าย ออก ดอกเป็นชอ่ กระจุกแน่นกลมสเี หลอื งหมน่ ถงึ สชี มพอู ่อน ออกตามซอกใบ ดอกเป็นแบบแยกเพศอย่ใู นตน้ เดยี วกนั คนละช่อ ช่อดอกเพศผกู้ ลม ออกดอกเป็นชอ่ เดย่ี ว มเี กสรเพศผจู้ านวนมาก ชอ่ ดอกเพศ เมยี เป็นรปู ไขห่ รอื เป็นรปู ขอบขนานสเี หลอื งอ่อน ออกตามกลบี ช่วงบน ปลายกลบี ดอกหยกั กลบี เลย้ี ง 4 กลบี ออกดอกกุมภาพนั ธ-์ เมษายน ผลเป็นสดและมเี น้อื รปู ทรงกลมคอ่ นขา้ งบดิ เบย้ี วเป็น ตะปมุ่ ตะป่า ผวิ ผลขรุขระและมขี นนุ่มคลา้ ยกามะหย่ี ผลออ่ นสเี ขยี ว สกุ สเี หลอื งอ่อนถงึ สม้ เน้อื ผล นุ่มเป็นสเี หลอื งถงึ สชี มพู ภายในผลมี เมลด็ จานวนมาก รปู ขอบขนานหรอื เกอื บกลม เมลด็ สี น้าตาลเทา ตดิ ผลมนี าคม-พฤษภาคม พบตามปา่ ดงดบิ ปาเตง็ รงั ปา่ เบญจพรรณ ส่วนที่นามาบริโภค : ผลดบิ และสกุ รบั ประทานได้ ฤดกู าลท่ีสามารถใช้ประโยชน์ : มนี าคม-สงิ หาคม

34 เล่มที่ 2 เร่อื ง ผลไมพ้ นื้ บา้ น มะเดือ่ น้า ช่ือทิ้งถิ่น : มะเดอ่ื เกลย้ี ง มะเดอ่ื เด่อื น้า มะเด่อื หอม หมากเด่อื มะเดอ่ื ดง ช่ือวิทยาศาสตร:์ Ficus racemosa L. ช่ือวงศ์ : MORACEA ลกั ษณะ : ไมต้ น้ สงู 10-30 เมตร ใบเดย่ี วเรยี งเวยี นสลบั รปู รี ไปจนถงึ รปู ไขก่ ลบั ปลายคอ่ นขา้ ง แหลม หรอื เรยี วแหลม โคนสอบแคบ หรอื สอบกวา้ ง ขอบเรยี บ ดอก อย่ใู นโครงสรา้ งทม่ี ลี กั ษณะ คลา้ ยผลทเ่ี รยี กวา่ ผลแบบมะเด่อื (fig หรอื syconium) ออกเป็นช่อใหญ่ตามลาตน้ บนกง่ิ ทไ่ี ม่มใี บ และกง่ิ ใหญ่ๆ ยาวถงึ 25 ซม. เมอ่ื แก่สแี ดงอมสม้ รปู ค่อนขา้ งกลม ถงึ รปู ผลแพร์ มกั มชี ่องอากาศ แกมตุ่ม ผลรปู ทรงกลม เมอ่ื ออ่ นสเี ขยี ว เม่อื แกเ่ ปลย่ี นเป็นสแี ดงม่วง เกลย้ี ง เมลด็ รปู เลนส์ เรยี บ หรอื มสี นั เลก็ น้อย พบตามรมิ ธารในปา่ เบญจพรรณ ปา่ ดบิ แลง้ ทร่ี ะดบั ความสงู 350-650 เมตร ส่วนที่นามาบริโภค : ผลออ่ น รบั ประทานเป็นผกั สด ผลสกุ รบั ประทานเป็นผลไม้ ฤดกู าลท่ีสามารถใช้ประโยชน์ : ฤดฝู น

ความหลากหลายของพชื อาหารป่ าและการใช้ประโยชน์จากชมุ ชน 35 หมากไฮ ช่ือทิ้งถ่ิน : โพขน้ี กโพขป้ี ราสาท ชื่อวิทยาศาสตร์ : Ficus rumphiiBlume ชื่อวงศ์ : MORACEAE ลกั ษณะ : ไมย้ ืนต้น สงู ประมาณ 20 เมตร หรอื เป็นไมพ้ มุ่ ขน้ึ บนพน้ื ดนิ หรอื กง่ึ องิ อาศยั เป็นไม้ ผลดั ใบ กงิ่ แกส่ เี หลอื งน้าตาล กง่ิ อ่อนเป็นเหลย่ี ม อาจมขี นนุ่มสขี าวปกคลุมบางๆ ใบเรยี งเวยี น แผน่ ใบรปู รแี กมไข่ กวา้ ง 4-12 ซม. ยาว 5-16 ซม. ผวิ ใบคลา้ ยแผน่ หนงั ไม่มขี นปกคลุม ปลายใบ เรยี วแหลม โคนใบรปู ตดั รปู หวั ใจ หรอื รปู ลมิ่ หใู บเกลย้ี ง หลดุ รว่ งง่าย ชอ่ ดอกออกทป่ี ลายยอด หรอื ทโ่ี คนใบ อยเู่ ดย่ี วหรอื เป็นคู่ ไมม่ กี า้ น ใบประดบั เกลย้ี ง ตดิ ทน ฐานรองดอกสว่ นยอดเวา้ เขา้ ดอกเพศผกู้ ระจายตวั กลบี รวมสแี ดงเขม้ รงั ไขส่ ขี าว ผลกง่ึ ทรงกลม ผวิ เกลย้ี ง เม่อื อ่อนสจี ะเปลย่ี น จากเขยี วเป็นสมี ่วงดาเมอ่ื แก่ ผวิ มกั เหย่ี วยน่ เม่อื แหง้ พบตามปา่ เบญจพรรณ ปา่ ดบิ แลง้ ปา่ ดบิ ชน้ื ส่วนท่ีนามาบริโภค : ผลออ่ นรบั ประทานเป็นนามาตาเมย่ี งอสี าน ฤดกู าลท่ีสามารถใช้ประโยชน์ : ฤดฝู น

36 เลม่ ที่ 2 เร่ือง ผลไม้พนื้ บา้ น หม่อน ช่ือทิ้งถ่ิน :Mulberry tree, White Mulberry, หมอ่ น ชื่อวิทยาศาสตร์ : Morus alba Linn. ชื่อวงศ์ : MORACEA ลกั ษณะ : เป็นไมพ้ ุ่ม สงู 2-7 เมตร ใบเดย่ี ว ออกเรยี งสลบั รปู ไข่ หรอื รปู ไขก่ วา้ ง ปลายใบแหลม ยาว โคนใบเวา้ เป็นรปู หวั ใจ ขอบใบเรยี บหรอื หยกั เวา้ เป็นพู แผน่ ใบสเี ขยี วเขม้ เรยี บเงา หลงั ใบ สากระคายมอื มหี ใู บเป็นรปู แถบแคบปลายแหลม ออกดอกเป็นชอ่ ตามซอกใบและปลายยอด แยก เพศแต่อยบู่ นตน้ เดยี วกนั ดอกรปู ทรงกระบอก ดอกย่อยมขี นาดเลก็ วงกลบี รวมเป็นสขี าวหม่น หรอื เป็นสขี าวแกมสเี ขยี ว ชอ่ ดอกเป็นหางกระรอก ผลเป็นผลรวมอยใู่ นกระจุกเดยี วกนั ออกตาม ซอกใบ รปู ทรงกระบอก ผลสเี ขยี ว เม่อื ผลสกุ สมี ว่ งแดงเขม้ หรอื สมี ว่ งดา เกอื บดา เน้อื น่มิ ฉ่าน้า และมรี สหวานอมเปรย้ี ว พบไดท้ วั่ ไปในปา่ ดบิ ปลกู กนั มากทางภาคเหนอื และภาค ตะวนั ออกเฉียงเหนือ ส่วนที่นามาบริโภค : ผลสกุ รบั ประทานได้ รสหวานอมเปรยี ว ฤดกู าลท่ีสามารถใช้ประโยชน์ : ฤดหู นาว

ความหลากหลายของพชื อาหารป่ าและการใช้ประโยชน์จากชมุ ชน 37 กล้วยนวล ชื่อทิ้งถ่ิน : Elephant banana, Ensets, กลว้ ยโทน กลว้ ยหวั โต กลว้ ยญวน ชื่อวิทยาศาสตร์ : Musa glaucaRoxb ช่ือวงศ์ :MUSACEAE ลกั ษณะ : พืชล้มลุกมกี าบใบกลายเป็นลาตน้ เทยี ม มจี ดุ สดี ามว่ งกระจาย รปู ทรงกระบอก ลาตน้ สงู 5 - 6 เมตร โคนตน้ กวา้ งอวบใหญ่ กาบลาตน้ สเี ขยี วมนี วลหนาสขี าว ไม่มหี น่อ ใบเป็นใบเดย่ี ว รปู รยี าวขอบขนาน กวา้ ง 50-60 ซม. ยาว 1.4-1.8 เมตร แผน่ ใบเกลย้ี งสเี ขยี วเขม้ ทอ้ งใบมนี วล หนา มรี ่องเปิดทเ่ี สน้ กลางใบ กา้ นใบสนั้ ดอกเป็นชอ่ ขนาดใหญ่คลา้ ยระฆงั หอ้ ยดงิ่ ลง ปลมี ใี บ ประดบั ขนาดใหญ่สเี ขยี วเรยี งสลบั ชดิ ตดิ กนั ตงั้ แต่โคนจนถงึ ปลายชอ่ ดอกรปู กรวย ยาว 2.5 เมตร มใี บประดบั เรยี งซอ้ นเหลอ่ื มกนั แต่ละใบมี ดอกประมาณ 10-20 ดอก ดอกเพศผอู้ ย่ชู ่วงปลาย ดอกเพศเมยี ออกบรเิ วณชว่ งโคน กลบี รวมทป่ี ลายมี 3 หยกั รปู หวั ใจ ผลอย่รู วมกนั เป็นหวภี ายใน ปลี เป็นผลเดย่ี ว รปู รสี นั้ ๆ มสี นั ตามยาว ภายในผลมเี น้อื เย่อื บางๆ และมเี มลด็ สดี าขนาดใหญ่ ผวิ เรยี บและแขง็ มาก ประเทศไทยพบไดท้ วั่ ไป ส่วนที่นามาบริโภค : ผลสกุ รบั ประทานได้ รสหวานออกฝาด ฤดกู าลท่ีสามารถใช้ประโยชน์ : ทงั้ ปี

38 เลม่ ที่ 2 เรื่อง ผลไม้พนื้ บา้ น กล้วยป่ า ช่ือทิ้งถิ่น : กลว้ ยปา่ ชื่อวิทยาศาสตร์ : Musa acuminata Colla ชื่อวงศ์ : MUSACEAE ลกั ษณะ : พชื ลม้ ลกุ มลี าตน้ เทยี มสงู 2.5-3.5 เมตร ขนาดผา่ ศนู ยก์ ลางประมาณ 15 ซม. กาบลา ตน้ มนี วลเลก็ น้อย ใบเป็นใบเดย่ี ว รปู ขอบขนาน กวา้ ง 40-60 ซม. ยาว 2-3 เมตร ชขู น้ึ ค่อนขา้ ง ตรง กา้ นใบสชี มพอู มแดงมกั มปี ระ ดอกออกเป็นชอ่ เอนคลา้ ยงวง สว่ นปลายเป็นปลลี กั ษณะทรง กระสวย ใบประดบั รปู ไขก่ วา้ งคอ่ นขา้ งยาว ปลายแหลม ดา้ นบนสมี ่วงอมแดง มนี วล ดา้ นลา่ งท่ี โคนสแี ดงจดั เม่อื เปิดจะมว้ นงอออก ภายในมแี ถบเกสรทเ่ี รยี งตวั คลา้ ยน้วิ มอื หรอื หวี ไมซ่ อ้ นมาก หลายชนั้ จะบานจากสว่ นโคนปลลี งมาหาปลายช่อปลี ผลเป็นหวี ผลเดย่ี วรปู ทรงกลมแกมขอบ ขนาน โคนมน ปลายสอบ โคง้ งอเลก็ น้อย ผลมเี น้อื บาง สขี าว รสหวาน ภายในมเี มลด็ เรยี งอดั แน่น จานวนมาก สดี า ผนงั หนา แขง็ ส่วนท่ีนามาบริโภค : ผลสกุ รบั ประทานได้ ฤดกู าลที่สามารถใช้ประโยชน์ : ทงั้ ปี

ความหลากหลายของพืชอาหารป่ าและการใช้ประโยชน์จากชมุ ชน 39 หมากสีดา ชื่อทิ้งถ่ิน : ฝรงั่ หนูฝรงั่ อนิ เดยี ช่ือวิทยาศาสตร์ : Psidium cujavillusBurm.f. ช่ือวงศ์ : MYRTACEAE ลกั ษณะ : ไม้พมุ่ ขนาดเลก็ สงู 2-5 เมตร ผวิ เปลอื กตน้ เรยี บเกลย้ี ง กงิ่ ออ่ นเป็นสเ่ี หลย่ี ม ใบเดี่ยว เรยี งตรงขา้ ม เน้อื ใบหนา หยาบ ใตท้ อ้ งใบเป็นรว้ิ เหน็ เสน้ ใบชดั เจน ขนขน้ึ นวลบาง ดอกแบบชอ่ ชอ่ หน่งึ มดี อกยอ่ ย 3 - 5 ดอก ดอกเลก็ สขี าวอมเขยี วออ่ น กลบี เลย้ี งแขง็ ผลรปู ทรงกลม รปู ไข่ หรอื รปู รี ผวิ เกลย้ี ง สเี ขยี ว เน้อื ในขาว รสหวาน กรอบ ผลสกุ สเี หลอื ง มี เมลด็ เลก็ ๆ แขง็ อยู่ ภายในจานวนมาก ส่วนท่ีนามาบริโภค : ผลแก่และสกุ รบั ประทานได้ ฤดกู าลท่ีสามารถใช้ประโยชน์ : ปลายฤดแู ลง้ ถงึ ตน้ ฤดฝู น คอื ช่วงเดอื นมนี าคม-มถิ ุนายน

40 เลม่ ที่ 2 เร่อื ง ผลไมพ้ นื้ บา้ น หมากสีดา ช่ือทวั่ ไป : หมากสดี าฝรงั่ ช่ือวิทยาศาสตร์ : Psidium guajava L. ชื่อวงศ์ : MYRTACEAE ลกั ษณะ : ไม้พ่มุ ขนาดกลางสงู 3-10เมตร แตกกง่ิ กา้ นสาขามากมายใบหนาและแขง็ ใบเดย่ี ว ออกเป็นคตู่ รงขา้ มกนั รปู ใบรปี ลายใบและโคนใบมน หลงั ใบ มขี นออ่ นนุ่มทอ้ งใบหยาบ เสน้ ใบราก แหชดั เจน ผวิ ใบมสี เี ขยี วอมเทา เปลอื กตน้ เรยี บ ยอดอ่อนมขี นออ่ นสนั้ ๆ ดอก ช่อตรงสว่ นยอด ของกงิ่ กา้ นชอ่ ละ 2-3 ดอก ดอกสขี าว เกสรตวั ผจู้ านวนมากกลน่ิ หอม รว่ งงา่ ย กลบี เลย้ี งมคี วาม คงทนและตดิ ทผ่ี ลมรี ปู รา่ งต่างๆ กนั ผลกลมโต ผลดบิ มสี เี ขยี ว เมอ่ื สกุ มสี เี ขยี วปนเหลอื ง เน้อื ของผลมสี นี วลถงึ เหลอื งบางชนิดเน้อื ผลสแี ดง กลนิ่ เฉพาะ เมลด็ ภายในจานวนมาก สนี ้าตาลออ่ น ส่วนที่นามาบริโภค : ผลแก่ ผลสกุ รบั ประทานเป็นผลไม้ ฤดกู าลที่สามารถใช้ประโยชน์ : ปลายฤดแู ลง้ ถงึ ตน้ ฤดฝู น คอื ช่วงเดอื นมนี าคม-มถิ ุนายน

ความหลากหลายของพชื อาหารป่ าและการใช้ประโยชน์จากชมุ ชน 41 หวา้ นก ชื่อทวั่ ไป : เสมด็ แดง หวา้ หวา้ ทงุ่ ชื่อวิทยาศาสตร์ : Syzygium cinereum(Kurz) Chantar.&J.Parn. ช่ือวงศ์ : MYRTACEAE ลกั ษณะ : ไมย้ ืนต้นขนาดกลางถงึ ใหญ่ สงู 10- 20 เมตร ไมผ่ ลดั ใบ ทรงพุม่ กลม เปลอื กตน้ สเี ทา อ่อนหรอื สอี อกน้าตาล แตกเป็นร่องลกึ ตามยาว ใบเดย่ี ว เรยี งตรงขา้ ม รปู ขอบขนาน กวา้ ง 3-8 ซม. ยาว 7-16 ซม. ปลายใบมนป้าน ฐานใบสอบเรยี ว ขอบใบเรยี บ แผ่นใบหนาและเหนียว ผวิ ใบ เรยี บเกลย้ี ง ใบออ่ นสนี ้าตาลอมแดงดอกชอ่ แบบชอ่ กระจุกแยกแขนง ออกตามซอกใบใกลป้ ลายกงิ่ ดอกเลก็ สเี ขยี วอมเหลอื ง ดอกย่อย 30-40 ดอก ไมม่ กี า้ นดอก กลบี ดอก 4 กลบี เชอ่ื มเป็นถุงปิด ดอกตมู และหลุดเม่อื ดอกบาน กลบี มตี ่อมเป็นจุดๆ เกสรตวั ผจู้ านวนมาก สขี าว ปลายสเี หลอื ง อ่อน ชนั้ กลบี เลย้ี งเช่อื มตดิ กบั ฐานรองดอกรปู กรวย ปลาย 4 แฉก สเี ขยี วอ่อน ผลสดรปู ทรงกลม แป้น สเี ขยี วแลว้ เปลย่ี นเป็นสชี มพู เมลด็ ทรงกลมแป้น สนี ้าตาลอ่อน ออกดอกราวเดอื น กมุ ภาพนั ธ-์ มนี าคม ตดิ ผลราวเดอื นมนี าคม-พฤษภาคม ส่วนท่ีนามาบริโภค : ผลสกุ รบั ประทานได้ ฤดกู าลที่สามารถใช้ประโยชน์ : เดอื นมนี าคม-พฤษภาคม

42 เล่มที่ 2 เรือ่ ง ผลไม้พนื้ บา้ น หมากหว้า ช่ือทวั่ ไป : Jambolan plum, Java plum, หมกหวา้ สชี มพู ลกู หวา้ ชื่อวิทยาศาสตร์ : Syzygiumcumini (L.) Skeels ช่ือวงศ์ : MYRTACEAE ลกั ษณะ : ไมย้ นื ต้นสงู 10-35 เมตร เปลอื กตน้ ค่อนขา้ งเรยี บ สนี ้าตาล ใบเดย่ี ว ออกตรงขา้ ม รปู ไขห่ รอื รปู รี มจี ดุ น้ามนั ทบ่ี รเิ วณขอบใบ ดอกช่อ สขี าวหรอื สเี หลอื งอ่อน ออกทซ่ี อกใบหรอื ปลายยอด ฐานรองดอกเป็นรปู กรวย กลบี เลย้ี ง 4 กลบี กลบี ดอก 4 กลบี เกสรตวั ผมู้ จี านวนมาก ออกดอกและตดิ ผลราวเดอื น ธนั วาคม-มถิ ุนายน ผลเป็นผลสด รปู รแี กมรปู ไข่ ฉ่าน้า มสี มี ว่ งดา ผวิ เรยี บมนั มขี นาด 1 เซนตเิ มตร เมลด็ มี 1 เมลด็ รปู ไข่ ผลแกร่ าวเดอื นพฤษภาคม ส่วนท่ีนามาบริโภค : ผลสกุ รบั ประทานเป็นผลไม้ รสหวาน ฤดกู าลที่สามารถใช้ประโยชน์ : ฤดฝู น

ความหลากหลายของพืชอาหารป่ าและการใช้ประโยชน์จากชมุ ชน 43 บวั หลวง ช่ือทวั่ ไป : บวั หลวง บณุ ฑรกิ สตั ตบงกช ชื่อวิทยาศาสตร์ : Nelumbo nucifera Gaertn. ชื่อวงศ์ : NELUMBONACEAE ลกั ษณะ : ไม้ล้มลกุ มอี ายหุ ลายปี ลาตน้ มที งั้ เป็นเหงา้ อย่ใู ตด้ นิ และเป็นไหลอยเู่ หนอื ดนิ ใตน้ ้า ทอ่ นยาว มปี ลอ้ งสเี หลอื งอ่อนจนถงึ สเี หลอื ง หากตดั ตามขวางจะเหน็ เป็นรกู ลมๆ อยหู่ ลายรู ไหล จะเป็นสว่ นเจรญิ ไปเป็นตน้ ใหม่ ใบเป็นใบเดย่ี ว ใบอ่อนจะลอยปรม่ิ น้า ใบแก่แผน่ ใบจะชขู น้ึ เหนอื น้า รปู เกอื บกลมและมขี นาดใหญ่ ขอบใบเรยี บและเป็นคล่นื ผวิ ใบดา้ นบนเป็นนวลเคลอื บอยู่ กา้ น ใบจะตดิ อย่ตู รงกลางของแผ่นใบ กา้ นใบแขง็ และเป็นหนาม มนี ้ายาวสขี าว เม่อื หกั กา้ นมสี ายใยสี ขาวๆ ใบอ่อนจะเป็นสเี ทานวล ปลายจะมว้ นงอขน้ึ เขา้ หากนั ทงั้ สองดา้ น ออก ดอกเป็นดอกเดย่ี ว มสี ขี าว สชี มพู ดอกมกี ลน่ิ หอม มกี ลบี เลย้ี ง 4-5 กลบี ขนาดเลก็ กลบี ดอกมจี านวนมากและเรยี ง ซอ้ นกนั อย่หู ลายชนั้ รปู ไข่ ในดอกมเี กสรตวั ผสู้ เี หลอื งอยเู่ ป็นจานวนมาก ลอ้ มรอบอยบู่ รเิ วณ ฐานรองดอกมลี กั ษณะเป็นรปู กรวยหงาย เรยี กวา่ “ฝกั บวั ” ทป่ี ลายอบั เรณู มสี ขี าว เกสรตวั เมยี มรี งั ไขฝ่ งั อย่ใู นฐานรองดอก เม่อื อ่อนเป็นสเี หลอื ง หากแก่แลว้ จะเปลย่ี นเป็นสเี ขยี ว ช่องรงั ไขเ่ รยี งเป็น วงบนผวิ หน้าตดั มจี านวน 5-15 อนั กา้ นดอกมสี เี ขยี วยาว มหี นามเหมอื นกา้ นใบ กา้ นดอกจะชขู น้ึ เหนอื น้าและชขู น้ึ สงู กว่ากา้ นใบเลก็ น้อย บานในตอนเชา้ ออกดอกและผลในช่วงเดอื นสงิ หาคม- ธนั วาคม ฝกั มผี ลอ่อนสเี ขยี วนวลจานวนมาก รปู กรวยออกผลเป็นกลุม่ รปู กลมรี ในเมลด็ มดี บี วั หรอื ตน้ ออ่ นฝงั อย่กู ลางเมลด็ สเี ขยี ว ส่วนที่นามาบริโภค : ผลอ่อนรบั ประทานเป็นผลไม้ ฤดกู าลที่สามารถใช้ประโยชน์ : ในชว่ งเดอื นสงิ หาคม-ธนั วาคม