การเขาใจและเหน็ ใจผอู นื่ โดยธรรมชาติเด็กเลก็ จะหวงของ และยึดตนเองเปน ศูนยก ลาง ดงั นนั้ การทะเลาะกนั หรอื การแยง ของเลน กนั จงึ เปน เรอื่ งธรรมดาทเี่ กดิ ขน้ึ ได การฝก ใหเ ดก็ เขาใจและรจู กั เหน็ อกเหน็ ใจผอู น่ื ตอ งเรมิ่ จากการใหเดก็ รจู กั แบงปนสิ่งของและชวยเหลือพี่นอง เพ่ือนบาน เด็กอาจรสู ึกฝนใจที่จะ แบงปน แตเ ดก็ สามารถเรยี นรูการแบง ปน ได ถาชใี้ หเดก็ เห็นวาการแบงปน จะทําใหเขามีเพ่ือนเลน หรือเม่ือเขาไดรับคําชมเชยจากผใู หญ ซึ่งเปน การเสรมิ แรงทเ่ี ดก็ ตอ งการ เมอ่ื เด็กไดร ับการสงเสรมิ ใหร จู ักแบงปน ผูอ ่ืน การยึดตนเองเปนศูนยกลางก็จะลดนอยลงและพัฒนาไปสูการใสใจ การเขา ใจอารมณผ อู น่ื และรสู กึ เหน็ อกเหน็ ใจผูอ น่ื การเรยี นรกู ฏเกณฑ วนิ ัย การเรียนรูว าอะไรผิดอะไรถกู และการยอมรับผดิ การสอนให เด็กรูวาอะไรควรและไมควร ครู/พ่ีเลี้ยงควรกําหนดขอบเขตเบ้ืองตน ใหเด็กรูว าอะไรท่ีทาํ ได ทําไมไดในเรื่องงายๆ ในชีวิตประจาํ วัน โดยที่ คร/ู พเ่ี ลยี้ งเปนคนคอยควบคมุ เดก็ ใหอ ยูใ นขอบเขตทเี่ หมาะสม เพราะวา เดก็ ยังควบคมุ ตนเองไมได และทสี่ าํ คญั ครู/พเ่ี ลีย้ งตอ งทําเปนตัวอยา งใหก ับ เด็กดว ย และควรสอนเด็กเรอื่ งคณุ ธรรมและจรยิ ธรรมในชีวติ ประจําวัน คร/ู พเี่ ลยี้ งควรมเี วลาคยุ กบั เดก็ บอยๆ เชน การพดู กบั เด็กเกยี่ วกบั สภุ าษติ คูมือสงเสริมไอคิวและอคี ิวเด็ก สําหรบั ครู/พ่เี ลย้ี งศูนยพ ัฒนาเดก็ เล็ก 51 ¾Ñ²Ã¹Òà´ç¡.pmd 51 13/6/2548, 15:44
คําพงั เพย การเลา นิทาน พดู คยุ กบั เดก็ ทุกวัน การหยบิ ยกขาวสารมาพดู เด็กๆ จะคอยๆ ซึมซับคาํ สอนเหลาน้ัน ในเด็กเล็กเมื่อเด็กยังทําสิ่งท่ี เหมาะสมไมได ก็ไมควรใชเ หตุผลที่ยืดยาว เขา ใจยากอธบิ ายใหเดก็ ฟง ใชเ พียงเหตผุ ลงายๆ สนั้ ๆ แลวควบคมุ เด็ก โดยจบั เด็กไว แยกออกไป หรือเบยี่ งเบนความสนใจเรอ่ื งอื่น และเมื่อเดก็ ถึงวัยเดก็ โต พอทจี่ ะเขา ใจ จงึ คอ ยอธบิ ายเดก็ ก็จะเขา ใจเหตผุ ลมากขนึ้ กวา เดมิ การฝก วนิ ยั คร/ู พเ่ี ลยี้ งควรฝก ใหเ ดก็ ควบคมุ ความประพฤตติ นเอง ดว ยการทคี่ ร/ู พเี่ ลยี้ งจะตอ งเปน คนชว ยควบคมุ ความประพฤตอิ ยา งเสมอตน เสมอปลาย เมอื่ เดก็ โตขึ้นจะเรยี นรทู ่จี ะควบคมุ ตัวเองไดใ นทสี่ ดุ เดก็ ควร มวี ินยั ในเรอื่ งเหลานี้ - วนิ ยั ในความประพฤตทิ วั่ ไป เชน เกบ็ ขา วของเขา ที่ ตรงตอ เวลา ปฏบิ ัติตามกฎระเบยี บ รูจ กั กาลเทศะ ประพฤติตนเหมาะกับวัย ทํากิจวตั ร ตามเวลา ชวยเหลอื ตนเองไดตามวยั - วนิ ยั ในการเรยี น การทาํ งาน เชน รบั ผดิ ชอบงานทไี่ ดร บั มอบหมาย การรกั ษาคาํ พดู - วนิ ยั ในการควบคมุ ตนเอง เชน ควบคมุ อารมณไ ดด ตี ามวยั และ อดทนตอ ความลาํ บากตามวยั 52 คูมือสงเสริมไอคิวและอีควิ เด็ก สาํ หรับครู/พี่เลี้ยงศนู ยพ ัฒนาเด็กเลก็ ¾Ñ²Ã¹Òà´ç¡.pmd 52 13/6/2548, 15:44
มงุ มั่น มานะ อดทน แรงจูงใจท่ีจะมุมานะพยายามในการทาํ ส่ิงตางๆ ใหส าํ เร็จโดย ไมเ ลกิ ลม กลางคนั แมจ ะพบปญ หาอปุ สรรค เปน คณุ ลกั ษณะทต่ี อ งเสรมิ สรา ง ตง้ั แตเ ด็กอยา งคอยเปน คอ ยไป เรม่ิ ต้ังแตเด็กเลก็ วัย 3–5 ป ครู/พีเ่ ล้ียง ควรมที า ทสี นใจรบี ตอบสนองเมอื่ เดก็ มขี อ สงสัยหรอื ขอซกั ถาม เพราะเดก็ วัยน้มี ักมีความสนใจ อยากรูอยากเห็นส่งิ แปลกใหมรอบตัว การใหอิสระ เดก็ ไดท ดลองทําอะไรดว ยตนเอง แลวครู/พีเ่ ล้ียงใหก ารสนบั สนุนชมเชย เมื่อเดก็ มีความพยายาม ใหก าํ ลังใจเมือ่ เดก็ มีความพยายาม ใหก ําลังใจ เมื่อเด็กเรม่ิ ทอ แท จะชว ยใหเ ด็กอยากทาํ อะไรใหส าํ เรจ็ มากขนึ้ ชวยเพ่ิม ความอดทนและมงุ มน่ั พยายาม พฒั นาเปน แรงจงู ใจทจี่ ะทําสงิ่ ตา งๆ ใหส ําเรจ็ เมอ่ื เตบิ โตเปน ผใู หญ คูม ือสง เสริมไอควิ และอคี วิ เด็ก สําหรับครู/พเี่ ล้ยี งศนู ยพัฒนาเดก็ เล็ก 53 ¾Ñ²Ã¹Òà´ç¡.pmd 53 13/6/2548, 15:44
54 คมู ือสงเสริมไอควิ และอคี วิ เดก็ สาํ หรับครู/พี่เลี้ยงศูนยพัฒนาเด็กเล็ก ¾Ñ²Ã¹Òà´ç¡.pmd 54 13/6/2548, 15:44
การปรบั ตวั ตอ ปญหา ความสามารถในการกลา ตดั สนิ ใจและการจดั การกบั ปญ หาอยาง เหมาะสมในวัยผูใหญมาจากพ้ืนฐานความสามารถในการปรับตัวตอการ เปลยี่ นแปลงในวยั เดก็ เล็ก และเมอื่ เดก็ โตขนึ้ กฝ็ ก หดั ใหเ ดก็ รูจ กั คดิ เปน และตดั สนิ ใจเปน รวมทงั้ การชว ยเหลอื ตนเองได ในวยั เด็กเลก็ ควรฝก หดั การปรับตัวตอการเปล่ียนแปลง ธรรมชาติของเด็กเล็กมักจะเกิดความ หวน่ั ไหว เมื่อมีการเปล่ียนแปลงใดๆ ครู/พี่เล้ียงควรฝก ใหเด็กปรับตัว ไดงา ย โดยการพาเด็กไปพบเห็นสง่ิ ตางๆ ในศนู ย เม่อื เดก็ เกดิ ความกลัว ครู/พ่ีเลี้ยงควรใหการปลอบใจ และใหความม่ันใจเด็กดวยคาํ พูดและ การโอบกอด เพอ่ื ใหเ ดก็ รสู กึ อบอนุ ใจ การฝก เชน นจ้ี ะทาํ ใหเ ดก็ ปรบั ตวั ไดง า ย และเดก็ ไดเ รยี นรูเกย่ี วกบั การอยรู ว มกบั คนอนื่ หรอื สง่ิ แวดลอมรอบตวั กลา แสดงออก การฝก ใหเ ดก็ กลาแสดงออก เด็กตอ งมคี วามพรอ ม ความมน่ั ใจ และมที ักษะการสอ่ื สารทดี่ ี ความสามารถในการสอื่ สารตองเรม่ิ มาจากการ ฝกฝนตั้งแตเด็กเล็ก ใหเด็กสื่อสารเพ่ือใหเกิดความเขาใจกับผูอื่นได อยา งเหมาะสม ทงั้ คาํ พดู ทา ทาง ในเดก็ เลก็ ควรฝก เดก็ ใหก ลาพดู กลา บอก ความรสู ึกและความตองการดานความคิดและเหตุผลมากข้ึน ฝกเด็ก ใหก ลา พดู กลา บอกเลา ถงึ ความคดิ เหน็ ของตนเองในทศิ ทางทผี่ อู นื่ ยอมรบั ได คมู ือสง เสริมไอคิวและอีควิ เดก็ สําหรบั ครู/พีเ่ ล้ยี งศนู ยพัฒนาเดก็ เลก็ 55 ¾Ñ²Ã¹Òà´ç¡.pmd 55 13/6/2548, 15:44
ความสขุ ความพอใจ ความสุขของบุคคลเกิดจากการท่ีบุคคลมีความพอใจในตนเอง มคี วามภาคภมู ใิ จ การสรา งความรสู กึ ความภาคภมู ใิ จในตนเองตอ งเรม่ิ จาก วัยเด็กเล็ก ที่เด็กไดรับความรัก ความสนใจ ความชื่นชม การชมเชย จากผใู หญ เกดิ การรับรูว า ตนเองมคี ุณคา มคี วามสาํ คญั มคี ุณคา เปนที่ ตองการของคนรอบขา ง ความสขุ ความพอใจในชวี ติ เกดิ จากการที่พอ แม ผดู แู ล ถา ยทอดมมุ มองความคิดดานบวกตอ สงิ่ ตางๆ ไมว า จะแสดงออก ดว ยคําพดู และการกระทํา ความอบอุน ใจ ชวี ติ คนรายอ มพบความไมส มหวงั หรอื พบอปุ สรรคตางๆ พอ แม ผดู แู ลเด็กมีสวนสําคัญในการสรา งความรูส กึ ที่ดี ใหเดก็ ยังคงมคี วามรูส กึ อบอุนใจแมจ ะพบกับความไมสมหวัง ดวยการฝกใหเด็กมองดานบวก ของชีวิต เชน เม่ือเด็กไมพอใจที่ถูกดุ ก็ใหม องอีกดา นวา ที่พอแมห รือ คร/ู พเ่ี ลยี้ งดกุ เ็ พราะครสู นใจ เอาใจใส เมอื่ ไมช อบใจทเี่ พอื่ นพดู จาไมไพเราะ กใ็ หมองเห็นขอ ดที เี่ พอื่ นเปน คนตรงไปตรงมา และมีความจรงิ ใจ ความสนกุ สนานราเรงิ ความสุขของเด็กเปนความสุขแบบสนุกสนานเพลิดเพลิน คือ สุขสนุกจากการเลนไมว าจะเปนการเลนตามลําพังหรือเลน กับกลุมเพ่ือน เดก็ ทมี่ โี อกาสไดเ ลน สนกุ สนานจะมจี ติ ใจ รา เรงิ แจม ใส มพี นื้ ฐานอารมณดี 56 คูมือสง เสริมไอคิวและอคี วิ เดก็ สาํ หรับครู/พเี่ ล้ียงศนู ยพ ัฒนาเด็กเลก็ ¾Ñ²Ã¹Òà´ç¡.pmd 56 13/6/2548, 15:44
• ปจ จยั สาํ คญั ในการพฒั นา ไอควิ /อีควิ 1. ความรคู วามเขา ใจและทักษะในการเลี้ยงดเู ดก็ คร/ู พี่เล้ยี ง ควรมคี วามรูค วามเขา ใจและทกั ษะในการเลยี้ งดเู ดก็ ทเี่ หมาะสม ตอ งพฒั นา ตนเองใหมีทกั ษะในการจดั กิจกรรมตางๆ รวมถึงใหความใกลชดิ มเี วลา พอเพยี งทจี่ ะอบรม ชแ้ี นะ ฝก หดั ใหก บั เดก็ และควรศกึ ษาวธิ กี ารเลยี้ งดเู ดก็ แตละวยั ทมี่ คี วามแตกตา งกนั 2. ตัวแบบหรือแบบอยางทีด่ ี เดก็ เขา ศนู ยพ ฒั นาเด็กเลก็ เพื่อ ศึกษาเลาเรยี นและเรยี นรูก ารอยูร ว มกนั ในสงั คม เดก็ จะเรยี นรแู ละซึมซบั จากแบบอยา งในการปฏบิ ตั ขิ องคร/ูพเ่ี ลยี้ งและผดู แู ล ดงั นน้ั การพฒั นาความ ฉลาดทางอารมณต นเองของคร/ู พเ่ี ลย้ี ง จงึ สง ผลตอ การสรา งบรรยากาศและ ส่ิงแวดลอ มรอบตัวเดก็ ในศนู ยพัฒนาเดก็ เล็กทเี่ อื้อตอ การพฒั นาเด็กดว ย นอกจากนค้ี ร/ู พเี่ ลย้ี งยงั มสี ว นชว ยเหลอื ใหเ ดก็ ทมี่ สี ตปิ ญญาและความฉลาด ทางอารมณบ กพรอ งในบางดา นไดร บั การปรบั ปรงุ ไปในแนวทางทดี่ ขี น้ึ และ สง เสรมิ สตปิ ญ ญาและความฉลาดทางอารมณท ดี่ รี ว มกบั พอ แมใ หอยยู ง่ั ยนื ไดดวย ในรูปแบบกิจกรรมตางๆ ท่ีครู/พี่เลี้ยงสรางหรือประยุกตข้ึน ทงั้ ในและนอกแผนการสอนทมี่ อี ยู 3. การพฒั นาเดก็ แบบบรู ณาการ เปน การพฒั นาเดก็ แบบองคร วม คือ การพัฒนาท้ังดานรางกาย อารมณจิตใจ สังคม และสติปญญา ไปพรอมๆ กัน โดยสอดแทรกการพฒั นาในกจิ กรรมประจําวัน กิจกรรม คมู ือสง เสริมไอควิ และอคี ิวเด็ก สําหรบั ครู/พี่เลย้ี งศนู ยพัฒนาเดก็ เล็ก 57 ¾Ñ²Ã¹Òà´ç¡.pmd 57 13/6/2548, 15:44
58 คมู ือสงเสริมไอควิ และอคี วิ เดก็ สาํ หรับครู/พี่เลี้ยงศูนยพัฒนาเด็กเล็ก ¾Ñ²Ã¹Òà´ç¡.pmd 58 13/6/2548, 15:44
บรู ณาการ นอกจากนย้ี งั สามารถจดั การเรยี นรูใ หส อดคลอ งกบั วถิ ใี นชมุ ชน และเชอื่ มโยงกบั ภมู ปิ ญ ญาทองถนิ่ ทงั้ รปู แบบ นทิ านพนื้ บา น ดนตรี และ การละเลนพนื้ บาน วัฒนธรรมประเพณที ดี่ งี ามของทอ งถน่ิ 4. การเขา ใจธรรมชาตขิ องเดก็ แตล ะวยั คร/ู พเี่ ลยี้ งควรมคี วามเขา ใจ ธรรมชาตขิ องเดก็ แตล ะวยั ดวยการศกึ ษาหาความรูเ พมิ่ เติมทมี่ สี ว นพฒั นา เรอ่ื งนี้ เชน พฒั นาการ สขุ ภาพจติ จติ วทิ ยา ฯลฯ เปน การเตรยี มความพรอม เพ่อื สรางหรือจดั กจิ กรรมใหเ หมาะสมกับวัย วุฒภิ าวะ ทจี่ ะพัฒนาใหเปน ไปอยางตอ เนื่องจากวัยหน่ึงสวู ัยหน่ึง หรือชว งอายุหน่ึงสชู ว งอายุถัดไป ตลอดจนความตอ เนอ่ื งของการมีสวนรวมทุกฝา ยทเ่ี ก่ียวขอ ง พอแม ครู บุคลากรสาธารณสุข เปนตน 5. การตดิ ตามและประเมนิ ผล การพฒั นาสตปิ ญ ญาและความฉลาด ทางอารมณ ควรดาํ เนนิ ควบคูไ ปกบั การจดั กจิ กรรมการเรยี นรู และดาํ เนนิ การ ติดตามการจัดกิจกรรมเปนระยะ รวมท้ังมีการประเมินผลการพัฒนา ความฉลาดของเด็กดวยวิธีการทหี่ ลากหลายอยางตอเนอ่ื ง เพ่อื เปน ขอ มลู ในการปรบั ปรงุ วธิ กี ารจดั กจิ กรรมของคร/ู พเี่ ลยี้ งและพฒั นาการดําเนนิ งาน ใหมปี ระสทิ ธภิ าพยงิ่ ขน้ึ คมู ือสงเสริมไอควิ และอคี ิวเด็ก สาํ หรับครู/พีเ่ ล้ยี งศนู ยพัฒนาเด็กเล็ก 59 ¾Ñ²Ã¹Òà´ç¡.pmd 59 13/6/2548, 15:44
• เกดา็กรกบอารูารยณพุัฒา1กน1าา/ส2รตก-ิปจิ5ญกปญรราแมลกะคาวราเมรฉียลนาดรทูสาํางหอารรบั มณเด็ก อายุ 11/2 – 5 ป สามารถบรู ณาการในกจิ กรรมการเรียนรใู น 2 รปู แบบ ไดแก 1. บูรณาการในการทาํ กจิ วัตรประจําวัน ดว ยการทค่ี รู/พี่เล้ียง จดั กจิ กรรมกจิ วตั รประจาํ วนั ตามหลกั การพฒั นาสตปิ ญ ญาและความฉลาด ทางอารมณเด็กตามวยั ไดแ ก • การฝก หดั ใหร จู กั มารยาททางสงั คมในการอยูร ว มกบั ผอู น่ื เชน - การไหว กลา วทกั ทายสวสั ดี ขอโทษ ขอบคณุ - มารยาทในการรบั ประทานอาหาร ไมเ ลน กนั ขณะรบั ประทาน อาหาร ไมท านอาหารมมู มาม - มารยาทในหอ งเรยี น ไมส งเสยี งดงั รบกวนเพอื่ น รจู กั หยดุ นงิ่ รบั ฟง ผอู นื่ - ขออนญุ าตเมอื่ จะเขา หอ งนา้ํ หรอื ออกจากหอ งเรยี น • ฝกหดั การมรี ะเบยี บวนิ ยั - การเขา แถว - การทํากจิ วตั รตา งๆ เปน เวลา และตรงตอ เวลา - ฝก การเกบ็ ของเลน และของใชเ ขา ทใี่ หเ รยี บรอ ย 60 คมู ือสงเสริมไอควิ และอคี ิวเด็ก สําหรบั ครู/พเี่ ลีย้ งศนู ยพัฒนาเด็กเล็ก ¾Ñ²Ã¹Òà´ç¡.pmd 60 13/6/2548, 15:44
• ฝก หดั การรบั ผดิ ชอบ เชน - ใหเ ดก็ รูจ กั นาํ ถาดอาหารไปเกบ็ เอง - ฝกหดั ใหเ ดก็ ชว ยเหลอื ตนเองตามวยั ได เชน แปรงฟน เอง ตกั อาหารทานเอง ทําความสะอาดรางกายไดเ อง - รูจ กั เกบ็ รกั ษาขา วของของตนเอง - ไมห ยบิ ของผอู นื่ โดยไมข ออนญุ าต และรูจ กั คนื ใหเ จา ของ • ฝก หดั การกลา พดู กลา บอก - ใหย กมอื เมอ่ื ตอ งการพดู • ฝก หดั การควบคมุ ตนเอง - ฝก การสวดมนต ทาํ สมาธิในชว งส้นั ๆ 1 – 5 นาที 2. บรู ณาการในกจิ กรรมหลกั 6 กิจกรรม ไดแก 2.1 กจิ กรรมการเคลอื่ นไหวและจงั หวะ เปนกจิ กรรมทจ่ี ัดใหเ ด็กไดเคลื่อนไหวสวนตางๆ ของรา งกาย ตามจังหวะ ตามเสียงดนตรี บทเพลง โดยจดั ใหเด็กเคล่อื นไหวทกุ เชา ในรปู แบบตา งๆ เชน การเคลอ่ื นไหวอยา งอสิ ระ การเคลอ่ื นไหวตามคําสงั่ การเคลอ่ื นไหวแบบเปนผูน าํ และผูตาม การเคลอ่ื นไหวเลยี นแบบ ฯลฯ คมู ือสงเสริมไอควิ และอคี ิวเดก็ สาํ หรับครู/พเี่ ลยี้ งศูนยพ ัฒนาเดก็ เล็ก 61 ¾Ñ²Ã¹Òà´ç¡.pmd 61 13/6/2548, 15:44
วัตถปุ ระสงคเ พอื่ :- 1. ไดพ ฒั นากลา มเนอ้ื เลก็ กลามเนอื้ ใหญ และอวยั วะทกุ สวน ใหม คี วามสมั พนั ธก นั 2. ตอบสนองความตองการตามธรรมชาติ ความสนใจ ทําให เดก็ สนกุ สนาน มคี วามซาบซง้ึ มสี นุ ทรยี ภาพ ไดผ อ นคลาย ความตงึ เครยี ด 3. เปด โอกาสใหเ ดก็ ไดแ สดงออก และมคี วามคดิ รเิ รม่ิ สรา งสรรค 4. พฒั นาการดา นสงั คม การปรบั ตวั และความรว มมอื ในกลมุ 2.2 กจิ กรรมสรางสรรค เปน กจิ กรรมทใ่ี หเ ดก็ ปฏบิ ตั กิ จิ กรรมเกย่ี วกบั งานศลิ ปะตา งๆ เชน การวาด ภาพระบายสี การปน การพมิ พภ าพ การพบั ฉกี ตดั ปะกระดาษ และงานประดษิ ฐเ ศษวสั ดุ ฯลฯ วัตถุประสงค เพือ่ :- 1. พฒั นาความคดิ สรา งสรรค และจนิ ตนาการ 2. การรับรเู กยี่ วกบั ความงาม รจู กั ชนื่ ชมความงาม 3. ใหเดก็ ไดแสดงออกตามความรูส กึ ละความสามารถของตน 4. พฒั นาทกั ษะทางภาษา ดว ยการบอกอธบิ ายผลงานของตน 5. พฒั นากลา มเนอ้ื เลก็ ประสานสมั พนั ธร ะหวา งมอื กับตา 62 คูม ือสงเสริมไอควิ และอคี ิวเด็ก สําหรับครู/พเ่ี ล้ียงศนู ยพัฒนาเดก็ เลก็ ¾Ñ²Ã¹Òà´ç¡.pmd 62 13/6/2548, 15:44
6. พฒั นาทางสงั คม รจู กั การปรบั ตวั ในการทํางานรว มกบั ผูอ น่ื มคี วามเออื้ เฟอ เผอื่ แผแ ละมคี วามรบั ผดิ ชอบ 2.3 กิจกรรมเสรี (เลนตามมมุ ) เปนกจิ กรรมที่จดั ใหเ ด็กไดเลอื กเลน ส่ือและเครื่องเลน อยาง อสิ ระในมมุ การเลนตามความสนใจ และความสามารถของเดก็ แตล ะคน โดยคร/ู พีเ่ ลย้ี งเปนผจู ดั มมุ ประสบการณเ หลา นีใ้ นหองเรยี น เชน มุมบา น มมุ หมอ มมุ รา นคา มุมครัว ฯลฯ วตั ถุประสงคเพื่อ:- 1. พฒั นาทกั ษะทางภาษา คอื การฟง การพดู บอกอธบิ ายเรอ่ื งราว 2. พฒั นาทกั ษะทางสงั คม คอื การปรับตวั การเลน และ การทาํ งานรว มกบั ผูอ นื่ 3. พฒั นาทักษะทางอารมณ คอื ฝก การรูจ กั รอคอย เออื้ เฟอ เผอ่ื แผ แบง ปน การเสยี สละ และใหอ ภัย 4. พัฒนาการมีระเบียบวินัย และความรับผิดชอบ คือ การเก็บของเลนเขา ทเี่ ดิม ไมน าํ ของเลน กลบั บาน การรูจ กั ดูแลรกั ษาของเลนที่ใชร ว มกนั ฯลฯ คมู ือสงเสริมไอควิ และอคี วิ เด็ก สาํ หรบั ครู/พเ่ี ลี้ยงศูนยพัฒนาเด็กเลก็ 63 ¾Ñ²Ã¹Òà´ç¡.pmd 63 13/6/2548, 15:44
2.4 กิจกรรมเสรมิ ประสบการณช วี ิต (กจิ กรรมวงกลม) เปน กจิ กรรมทค่ี ร/ู พเี่ ลยี้ งและเดก็ รว มแลกเปลยี่ นประสบการณ ขา วสารตา งๆ ดว ยรปู แบบตา งๆ เชน การสนทนา การอภปิ ราย ทศั นศกึ ษา การเลา นิทาน การรองเพลง การสาธติ การปฏบิ ัตกิ ารทดลอง เปน ตน วัตถปุ ระสงคเ พอ่ื :- 1. สนบั สนนุ ใหเ ดก็ มคี วามรอบรูและสนใจสงิ่ แวดลอ ม 2. ฝก ทกั ษะการพดู การฟง การกลาแสดงออก 3. เรยี นรูก ารคดิ อยา งมเี หตผุ ล และการสรปุ ความคดิ รวบยอด 4. รูจกั มารยาทในการฟง การพดู การสงั เกต 5. การเรยี นรใู นการรบั ฟง ใหค วามสนใจ และยอมรบั ความคดิ เหน็ ของผอู นื่ 6. การเรยี นรูคณุ ธรรม จรยิ ธรรม จากการทคี่ รพู เี่ ลย้ี งคอยบอก สอน และการคดิ วเิ คราะหผ า นเรอ่ื งราวทนี่ ํามาเรยี นรูต า งๆ 2.5 กจิ กรรมกลางแจง เปน กจิ กรรมทจ่ี ดั ใหเ ดก็ ไดอ อกนอกหอ งเรยี นไปสสู นามเดก็ เลน ทงั้ บรเิ วณกลางแจง และในรม โดยศนู ยพัฒนาเด็กจดั กิจกรรมใหม ีความ หลากหลาย เพอื่ เปดโอกาสใหเ ด็กไดเ ลนสนกุ สนานอยา งเสรี ตามความ สนใจและความสามารถของเด็กแตล ะคน เชน การเลนนํา้ เลน ทราย 64 คมู ือสง เสริมไอคิวและอีคิวเด็ก สาํ หรับครู/พเ่ี ล้ียงศนู ยพ ัฒนาเดก็ เลก็ ¾Ñ²Ã¹Òà´ç¡.pmd 64 13/6/2548, 15:44
การเลนอสิ ระ การเลน เคร่ืองเลนสนาม การเลน อปุ กรณกีฬา การละเลน พ้นื เมอื ง เกมการละเลน ตางๆ วัตถุประสงคเพอื่ :- 1. พฒั นากลา มเนอ้ื เลก็ กลา มเนอื้ ใหญ ใหส ามารถเคล่อื นไหว ไดค ลอ งแคลว 2. พฒั นาประสาทสมั พนั ธร ะหวา งมอื กบั ตา 3. เรยี นรูก ารปรบั ตวั ในการเลน และการอยูร วมกบั ผอู นื่ 4. เสริมสรางอารมณสนุกสนาน ราเรงิ ตามวยั 5. การรจู กั ผอนคลายความเครยี ด 6. พฒั นาทกั ษะการเรยี นรตู า งๆ เชน การสงั เกต การเปรยี บเทยี บ คูมือสง เสริมไอคิวและอีควิ เดก็ สาํ หรับครู/พเี่ ลยี้ งศนู ยพัฒนาเด็กเลก็ 65 ¾Ñ²Ã¹Òà´ç¡.pmd 65 13/6/2548, 15:44
66 คมู ือสงเสริมไอควิ และอคี วิ เดก็ สาํ หรับครู/พี่เลี้ยงศูนยพัฒนาเด็กเล็ก ¾Ñ²Ã¹Òà´ç¡.pmd 66 13/6/2548, 15:44
2.6 เกมการศกึ ษา เปน กจิ กรรมการเลนทเี่ ปน เกมประเภทตางๆ เชน เกมการจบั คู ภาพเหมือน เกมโดมิโน เกมตอ ภาพ เกมเรยี งลําดับ เกมการจดั หมวด หมู เกมพนื้ ฐานการบวก ฯลฯ วัตถปุ ระสงคเพือ่ :- 1. เกดิ การเรยี นรู และมคี วามคิดรวบยอดในสงิ่ ทเี่ รยี น 2. ฝก การสงั เกต การจาํ แนก การเปรยี บเทยี บ การคดิ หาเหตผุ ล 3. เรียนรูทกั ษะพ้นื ฐานตา งๆ เชน คณิตศาสตร ภาษาไทย การรจู กั สญั ลกั ษณตางๆ 4. ฝกประสาทสมั พนั ธร ะหวางมอื กบั ตา 5. การเรยี นรูคณุ ธรรมตางๆ เชน การรจู กั รอคอย มคี วามรบั ผดิ ชอบ มรี ะเบยี บวินยั • การสง เสรมิ การเลน การเลนทําใหเ ดก็ พรอ มทจี่ ะเปน ผูใ หญท ถี่ งึ พรอมดว ยความเชอื่ มน่ั ในตนเอง จากการฝกฝนท้ังการเคล่ือนไหว การพดู การใชจ ินตนาการ เลยี นแบบสงิ่ ตา งๆ จากผูใหญ ทําใหต อกยา้ํ ความคดิ ของตนเองวา เราทาํ ได แนวทางทจี่ ะใหเ ดก็ ไดพ ฒั นาสตปิ ญ ญาและความฉลาดทางอารมณผ า นการ เลน นนั้ คอื คูม ือสง เสริมไอควิ และอีควิ เดก็ สําหรบั ครู/พ่เี ลย้ี งศนู ยพัฒนาเดก็ เลก็ 67 ¾Ñ²Ã¹Òà´ç¡.pmd 67 13/6/2548, 15:44
1.ใหอ สิ ระแกเ ดก็ ในการเลน พอสมควร อยา ปด กนั้ การเลนของเดก็ โดยคดิ วา เปน เร่อื งไรสาระ ไรสมอง เดก็ จะพลาดโอกาสในชวี ติ เมอ่ื โตเปน ผูใหญ อาจเปน คนทขี่ าดความพอดี เลน ไมเ ลกิ เชน คลง่ั ทํางานโดยไมส นใจ รบั ผดิ ชอบครอบครวั 2. สนบั สนนุ ใหเ ดก็ ไดเลน กบั เพอื่ นทงั้ วยั เดยี วกนั และตา งวยั ใหเ ลน หลายๆ แบบ ท้ังกีฬาในรม ซึ่งฝกทกั ษะทางความคิดข้นั สงู ไดดี ในขณะท่ี การเลน นา้ํ เลน ทราย สรา งจนิ ตนาการและความคดิ สรา งสรรคทดี่ ใี หก ับเดก็ การเลน เกมสมมตติ า งๆ หรอื เลนละครคิดกนั เอง ยอ มเปน การจาํ ลองโลก ของผใู หญท เี่ ขาเขา ใจ ระบายออกมาเปน ความรสู กึ นกึ คดิ ของตวั เขาเองทงั้ สน้ิ • การเลา นทิ าน การเลา นทิ านเปนสงิ่ จาํ เปน สาํ หรบั เดก็ เดก็ วยั กอ นเรยี นจะสนใจ และชอบหนังสอื นทิ าน ชอบเลา เรอื่ งตา ง ๆ เปนการแสดงการใหค วามรกั การดแู ลเอาใจใสต อเด็ก การเลาเรือ่ งตางๆ จะชวยพัฒนาการดา นภาษา และขณะเดยี วกนั กเ็ ปน การสง เสรมิ การเรยี นรเู กย่ี วกบั ชวี ติ ประจาํ วนั พฒั นา ระบบการคิด การจนิ ตนาการและเกิดความคดิ สรา งสรรค และทําใหเ ด็ก สนกุ สนาน 68 คูม ือสง เสริมไอคิวและอีคิวเดก็ สาํ หรบั ครู/พเ่ี ลี้ยงศูนยพัฒนาเด็กเลก็ ¾Ñ²Ã¹Òà´ç¡.pmd 68 13/6/2548, 15:44
จุดมุงหมายการเลานทิ าน 1. สง เสรมิ การคดิ คาํ นงึ จนิ ตนาการ 2. สงเสรมิ การฟง และเกดิ ความสนกุ สนานเพลิดเพลิน 3. สอนเดก็ ใหเ ดก็ ทราบวา อะไร ดไี มดี เสรมิ สรางคุณธรรม และ จรยิ ธรรม 4. ชว ยสง เสรมิ การเรยี นรคู ําและภาษาพดู ใหมๆ 5. ชว ยใหเ ด็กมคี วามกลา ทจี่ ะแสดงออกอยา งมน่ั ใจ 6. กระตุนใหเด็กเลียนแบบในสิ่งท่ีดีของนิทาน เชน “หนูออ กวาดบาน” “ลกู หมปี วดฟน” “หบุ เขาแหง ความดี” 7. สรา งประสบการณใ นการรบั ฟง และเพมิ่ คําศพั ทใ หมๆ 8. อธบิ ายและสอนเดก็ ในเรอื่ งตา งๆ 9. ชว ยแกไ ขปญ หาพฤตกิ รรมทไ่ี มด ขี องเดก็ ได เชน นทิ านสอนเรอ่ื ง การไมร งั แกเพอื่ น การไมด อื้ 10. เนนการชว ยกระตนุ ใหเ ด็กพยายามหัดอา นหนังสือทางออ ม เนอื่ งจากเมอ่ื เดก็ เหน็ หนงั สอื นทิ าน เดก็ อยากจะรูเ รอ่ื งอาจนํามา ใหผ ูใหญอา นใหฟ ง ทําใหเ ดก็ อยากรูเ รอื่ งดว ยตัวเอง เดก็ กจ็ ะ นาํ หนงั สอื นน้ั ใหผ ูใ หญส อนใหต นหดั อา น คมู ือสง เสริมไอควิ และอีคิวเด็ก สาํ หรบั ครู/พ่เี ล้ยี งศนู ยพ ัฒนาเด็กเล็ก 69 ¾Ñ²Ã¹Òà´ç¡.pmd 69 13/6/2548, 15:44
70 คมู ือสงเสริมไอควิ และอคี วิ เดก็ สาํ หรับครู/พี่เลี้ยงศูนยพัฒนาเด็กเล็ก ¾Ñ²Ã¹Òà´ç¡.pmd 70 13/6/2548, 15:44
การเลอื กหนงั สอื นทิ าน 1. ขนาดของหนงั สอื เหมาะสมกบั กลุม ผูฟง หนงั สอื นทิ านเลมเลก็ เหมาะกับการเลากับเด็กกลุม เล็ก หรือเลา แบบตัวตอตัว แตไ มเหมาะกับ การเลา ใหเ ดก็ กลุม ใหญเ กิน 10 คนฟง เพราะเด็กจะมองไมเห็นภาพ 2. รปู ภาพและสี ภาพและสีเปน องคป ระกอบทสี่ ําคญั ของหนงั สอื นทิ านทสี่ ามารถดงึ ดดู ความสนใจของผฟู งได หนงั สอื นทิ านทเี่ หมาะกบั เดก็ จงึ ควรเปนภาพทีส่ อ่ื ความหมายไดชดั เจน และสีสันสดใส สวยงาม 3. เนอ้ื หาของนทิ านไมค วรยาวจนเกนิ ไป ซงึ่ อาจทาํ ใหผ ฟู ง เกดิ ความ เบอื่ หนา ยกอ นจะฟง จบ และตวั หนงั สอื ควรเปน ตวั พมิ พท มี่ ขี นาดใหเ ดก็ เหน็ ไดช ดั เจน แนวทางปฏบิ ัตใิ นการเลานิทาน การเลา นทิ านใหเ กดิ ผลสมั ฤทธ์ิ จาํ เปน ตอ งใชศ าสตรแ ละศลิ ป ในการเลา ผเู สนอควรพจิ ารณาถงึ สงิ่ ตา งๆ กอนการเลอื กนทิ านมาเลา คอื จะเลา เรื่องอะไร เลา ทาํ ไม เพ่อื อะไร เลา อยางไร เดก็ เรยี นรูหรอื ไดอะไร บา งจากการฟง นทิ าน เมอ่ื เลอื กเรอื่ งทจี่ ะเลา ได สง่ิ ทผี่ ูเลาตอ งทาํ เปนอนั ดบั แรกคือการเตรียมเด็กใหสงบพรอมท่ีจะฟง เมื่อเด็กพรอมรับฟงแลว จงึ เลา นทิ านตอดว ยเทคนคิ วธิ กี ารตา งๆ คูมือสง เสริมไอควิ และอคี วิ เดก็ สาํ หรบั ครู/พีเ่ ลีย้ งศนู ยพัฒนาเดก็ เลก็ 71 ¾Ñ²Ã¹Òà´ç¡.pmd 71 13/6/2548, 15:44
แนวทางปฏิบตั ิในการเลา นทิ าน ไดแ ก 1. การถือหนงั สือนิทาน ตองอยูใ นระดับสายตา หรอื อาจจะสงู กวาไมเกนิ 1 ฟตุ ของผูฟง 2. การจดั ทนี่ งั่ ของผฟู ง ควรจดั ใหน ง่ั เปน รปู ตวั ยู หรอื ครง่ึ วงกลม จะเหมาะกวาการนง่ั เปนแถว เพราะผูฟ ง ทกุ คนจะไดเ ห็นผเู ลาโดยท่วั ถึง ทาํ ใหส นใจฟง ยงิ่ ขนึ้ 3. การเตรยี มตวั ของผูเ ลา เชน การอา นนทิ านลว งหนา การเตรยี ม วธิ กี ารทจี่ ะใชใ นการเลาตลอดจนเตรยี มสอื่ และอปุ กรณต า ง ๆ ทใี่ ชป ระกอบ การเลา นทิ าน 4. วธิ ีการเลานิทาน การเลา นทิ านควรใชเสยี งทม่ี กี ารเนนระดับ เสยี งสงู ตาํ่ หนกั เบา ใหส อดคลองเหมาะสมกบั อารมณ ความรสู กึ และ วัยของตัวละครในนิทาน การเลาแบบนี้จะเนนการฟงอยางสนุกสนาน เพลดิ เพลนิ ใหผ ูฟ ง มคี วามรูส กึ เกดิ อารมณร ว มกบั ผเู ลา และตวั ละครในนทิ าน 5. การกระตุน ความสนใจของเด็ก หากเด็กไมสนใจพดู คยุ เลน กนั ในขณะเลานทิ าน ผูเ ลาอาจใชเ ทคนคิ หนงึ่ คอื การเรยี กชอื่ ตวั ละครเปน ชอ่ื เดก็ ทกี่ ําลงั พดู หรอื เลน หรอื อาจใชคําถามความคดิ เหน็ แทรกโดยใหผูท ่ี กําลงั คุยเปนผตู อบหรือแสดงความคิดเหน็ ฯลฯ ซง่ึ เปน วิธกี ารที่ไมทําให เนอื้ หาของนทิ านขาดตอน และไมเ ปน การขดั จงั หวะของเดก็ สว นใหญท สี่ นใจ ทําใหไ มเ สยี อรรถรสในการฟง นทิ าน 72 คมู ือสง เสริมไอคิวและอีควิ เดก็ สาํ หรับครู/พีเ่ ลยี้ งศนู ยพัฒนาเด็กเล็ก ¾Ñ²Ã¹Òà´ç¡.pmd 72 13/6/2548, 15:44
สว นการอา นนทิ าน จะเปน การอา นตามบทในหนงั สอื นทิ านทกุ คาํ โดยไมเ นน การใชเ สยี งสงู ตา่ํ จะอา นแบบใชน า้ํ เสยี งราบเรยี บเหมอื นการอาน โดยปกตทิ วั่ ไป การอา นแบบนเ้ี นน ในเรอ่ื งของการสง เสรมิ พฒั นาการทางภาษา มากกวา ความสนกุ สนานเพลดิ เพลนิ รปู แบบการเลานทิ าน การเลา นทิ านสามารถใชม รี ปู แบบและวธิ กี ารทหี่ ลากหลาย เชน • เลา นทิ านหรอื อา นจากหนงั สอื นทิ านโดยตรง • การเลา นทิ านโดยใชแ ผน ภาพประกอบ แผน ปา ยผา สาํ ลปี ระกอบ • การใชห นุ ตา งๆ เชน หนุ มอื หนุ ถงุ หุน นว้ิ มอื หุน ชกั ประกอบ การเลา • การวาดภาพบนนวิ้ มอื แลว สมมตใิ หน วิ้ มอื เปน ตวั ละครตา ง ๆ • การเลา ปากเปลา และใชท าทางประกอบบางตามโอกาส • การวาดภาพบนกระดานดาํ ใหเ ดก็ คอยตดิ ตามเหตกุ ารณข องเรอื่ ง • การเลา ไปวาดไปคอื นทิ านทชี่ วนใหต ดิ ตามโดยมเี นอ้ื หาเชอื่ มโยง กบั การสอนใหเ ดก็ วาดภาพ คูม ือสง เสริมไอควิ และอคี วิ เดก็ สําหรบั ครู/พ่เี ลยี้ งศนู ยพ ัฒนาเดก็ เลก็ 73 ¾Ñ²Ã¹Òà´ç¡.pmd 73 13/6/2548, 15:44
วิธกี ารทกี่ ลา วมาขางตน ผูเลาควรพจิ ารณาเลอื กวิธที ีถ่ นดั หรือ เหมาะสมกบั บคุ ลกิ และความสามารถของตวั เอง การสงเสรมิ การเรยี นรจู ากนิทาน หลงั จากการเลา นทิ านจบ ผูเ ลา ควรใชค าํ ถามตาง ๆ เพอื่ ทดสอบ วา เดก็ ไดเ กดิ การเรยี นรแู ละเขา ใจเนอื้ หาของนทิ านหรอื ไม การใชค าํ ถามเปน ส่ิงทีส่ าํ คัญซึ่งสมควรปฏิบตั ิทุกคร้งั หลังการสอนหรือการจัดกจิ กรรมใด ๆ กต็ าม และควรเปน คาํ ถามทหี่ ลากหลาย ทงั้ คาํ ถามปลายเปด ถามความจํา ถามความคิดเห็น ถามเชงิ อุปมาอปุ ไมย ถามเชงิ คดิ วิเคราะห ฯลฯ การใชค ําถามขัน้ พน้ื ฐานใหเดก็ เกดิ กระบวนการคิด เชน อะไร ทไี่ หน เมอื่ ไร ทําไม อยา งไร เกดิ อะไรขน้ึ ฯลฯ โดยครูสามารถประเมิน ผลสําเร็จของการเลานิทานไดจากความสนใจในการเขารวมกิจกรรม การสนทนา ซักถาม แสดงขอคดิ เหน็ การตอบคาํ ถาม มารยาทในการฟง พูด การกลา พูด กลาแสดงออกของเดก็ 74 คมู ือสงเสริมไอควิ และอคี วิ เดก็ สําหรบั ครู/พี่เล้ียงศนู ยพัฒนาเด็กเลก็ ¾Ñ²Ã¹Òà´ç¡.pmd 74 13/6/2548, 15:44
• การสง เสรมิ กจิ กรรมเพลงและดนตรี ดนตรพี ฒั นาทงั้ ไอควิ และอคี วิ ดนตรชี ว ยพฒั นาสมองทงั้ ซกี ซา ย และซกี ขวา ขณะทฟี่ ง ดนตรสี มองทงั้ ซกี ซา ยและซกี ขวาจะทาํ งานไปพรอ มกนั เพราะดนตรมี ีทัง้ ความไพเราะ ใหความรสู กึ สบาย ชวยกระตุนการทาํ งาน ของสมองซกี ขวา สวนตวั โนตและจังหวะเคาะซง่ึ คลายกบั การอา นหนงั สอื แตละตัว ชวยกระตนุ การทํางานของสมองซีกซาย ซ่ึงเกี่ยวกับเหตุผล และภาษา การทาํ งานของสมองนน้ั หากไดร บั การกระตนุ ทเี่ หมาะสมจากดนตรี ในระดบั หนงึ่ กจ็ ะเกดิ การผสมผสานเปน หนง่ึ เดยี ว ประสทิ ธภิ าพในการทาํ งาน ของสมองทเี่ ก่ียวขอ งกบั สวนตา งๆ จะกลมกลนื สอดคลองกนั การฟง ดนตรี จะทําใหร ูสกึ เพลิดเพลินกบั ความไพเราะของเสยี ง และเกดิ จินตนาการตา งๆ เก่ียวกบั เสียง ท้ังนี้เพราะผปู ระพันธเ พลงจะ ถา ยทอดอารมณค วามรูส กึ ของตนเองผา นเสยี งดนตรที มี่ คี วามหมายตางๆ ดนตรที มี่ จี งั หวะชา อยา งเหมาะสม จะกระตุน ใหเ กดิ คลน่ื สมองทชี่ ว ยเรยี บเรยี ง ความคดิ การใชเ หตุผล มคี วามคิดสรางสรรค ตลอดจนทบทวนความจาํ ซงึ่ นําไปสูก ารเขา ใจตนเองและผอู น่ื คูมือสงเสริมไอคิวและอคี วิ เด็ก สาํ หรบั ครู/พ่เี ลี้ยงศูนยพัฒนาเด็กเลก็ 75 ¾Ñ²Ã¹Òà´ç¡.pmd 75 13/6/2548, 15:44
คเพุณลคงทา ใี่ขชอส งอดนนเดตก็รีกมับเี นกอื้ ารรอเรงียทนชี่ วกยาสรสงเอสนรมิเดพ็กฒั น1า1/ก2-าร5แลปะใหค วาม รูแกเ ดก็ หลายดา น เชน 1. ดานรา งกายหรอื ดานพลานามยั เสียงเพลงและเสียงดนตรี จะกระตุนใหเ ด็กมีการเคลื่อนไหว ในการสอนเด็ก ผสู อนตองใชท า ทาง ประกอบ เนอ่ื งจากธรรมชาตขิ องเดก็ จะชอบการเคลอื่ นไหว ไมช อบอยูน ง่ิ ใน การรอ งเพลงควรทาํ ทา ประกอบดว ย เดก็ จะไดท าํ ทา ทางตามคร/ู พเี่ ลย้ี งหรอื คดิ ทา ทางขน้ึ เองตามความคดิ และจนิ ตนาการของตนเอง ใหเ ขา กบั จงั หวะและ เนอื้ เพลง เปน การสงเสรมิ พฒั นาการการใชประสาทสมั ผสั ของรา งกาย 2. ดา นอารมณ เสยี งเพลงและเสยี งดนตรี เปน ศาสตรแ ละศิลป ทสี่ ามารถขบั กลอ มเปลยี่ นแปลงอารมณข องเดก็ สง เสรมิ ใหเ ดก็ มสี นุ ทรยี ภาพ เกดิ ความสขุ และความเพลดิ เพลนิ ไมเ บอื่ หนา ยในการเรยี นรู และสามารถ ผอนคลายความตึงเครียด ขณะทเี่ ดก็ รวมรอ งเพลงหรือทาํ ทาทางประกอบ เพลง เดก็ จะแสดงพฤตกิ รรมทร่ี า เรงิ แจม ใส สนกุ สนาน ดวงตาเปน ประกาย อยา งมีความสุขเม่ือเด็กทําไดหรือไดรับคาํ ชมเชยจากคร/พี่เลี้ยงู มีทา ที ผอนคลายและสนกุ สนานไปตามจงั หวะดนตรี 3. ดา นสงั คม เมอ่ื เดก็ มาศนู ยพ ฒั นาเดก็ เลก็ นบั วา เปน การเปลยี่ นแปลง ครั้งยิ่งใหญในชีวิตเด็กเพราะเด็กจะตองจากบานมาสูศ ูนยพัฒนา เด็กเล็ก ซึ่งเปนสังคมใหม ประกอบไปดวยสถานที่ใหม เพื่อนใหม 76 คมู ือสงเสริมไอควิ และอีควิ เดก็ สาํ หรับครู/พีเ่ ลี้ยงศูนยพ ัฒนาเดก็ เลก็ ¾Ñ²Ã¹Òà´ç¡.pmd 76 13/6/2548, 15:44
ครู/พเี่ ล้ียง หรอื คนอนื่ ๆ ทที่ ําหนา ท่ใี นศูนยพ ัฒนาเด็กเลก็ สงิ่ ที่จะชว ยให เดก็ คุน เคยและเขา กบั ผูอนื่ ไดโ ดยการใชเ พลงเปน ส่อื ทางสังคม ซ่ึงจะชวย ใหเ ด็กไดสนิทสนมใกลช ิดกับครู/พเี่ ลี้ยงกบั เพ่ือน ชวยใหเ ด็กปรับตัวกับ สงั คมทีศ่ นู ยพฒั นาเด็กเลก็ ไดง ายขน้ึ ทงั้ ยังไดความรูจากเนอื้ เพลงดวย 4. ดา นสตปิ ญ ญา เพลงชวยใหเดก็ มคี วามรคู วามเขาใจเรอื่ งราว ตาง ๆ ไดด ี ทงั้ ชว ยใหจาํ ไดเ รว็ กวา การบอกเลา ฝกใหร จู กั คดิ และไดเ รยี นรู เรอื่ งตา งๆ เชน คณติ ศาสตร เพลงชว ยใหเ ดก็ มคี วามเขา ใจและจดจาํ เกย่ี วกบั จาํ นวนหรอื ความหมายของคาํ ทางคณติ ศาสตรแ ละผสู อนอาจจะสงั เกตวา เดก็ เขา ใจความหมายของเนอื้ เพลงไดเ พยี งไร จากการทเี่ ดก็ แสดงทา ทางประกอบ เพลง เสยี งเพลงและเสยี งดนตรีเปนสิ่งทช่ี วยสงเสรมิ ความคิดสรางสรรค ทําใหเ ดก็ เกดิ จนิ ตนาการและมองเหน็ ภาพได จะเหน็ ไดว า เพลงใหค ณุ คาแกเ ดก็ มากมาย การทเี่ ด็กไดร อ งเพลง ไดทาํ ทาทางตามเน้ือเพลงหรือตามจังหวะจะชว ยไมใหเ ด็กเบ่ือการเรียน ทงั้ ยงั ชว ยใหท กุ ๆ สว นของกลา มเนอื้ ตลอดจน ตา หู มอื เทา มคี วามคลอ งแคลว วองไว ซึ่งเปน การชวยพฒั นาการใชประสาทสัมผัสของเดก็ ไดเ ปนอยางดี เพลงจึงเปนส่ืออีกอยางหน่ึงที่ผูสอนทุกคนควรพิจารณาคัดเลือกมาจัด ประสบการณใ หเ ดก็ เรยี นรูอ ยา งมคี วามสขุ คมู ือสงเสริมไอคิวและอีคิวเดก็ สาํ หรบั ครู/พ่ีเลยี้ งศนู ยพัฒนาเด็กเลก็ 77 ¾Ñ²Ã¹Òà´ç¡.pmd 77 13/6/2548, 15:44
78 คมู ือสงเสริมไอควิ และอคี วิ เดก็ สาํ หรับครู/พี่เลี้ยงศูนยพัฒนาเด็กเล็ก ¾Ñ²Ã¹Òà´ç¡.pmd 78 13/6/2548, 15:44
เทคนคิ และวธิ กี ารจดั กจิ กรรมการรอ งเพลง การสอนโดยใชเพลงและดนตรเี ปนส่อื การสอนใหแ กเ ด็กอยางมี ประสิทธิภาพเพื่อใหเด็กเกิดการเรียนรูอยางมีความสุขได ควรคาํ นึงถึง สง่ิ ตา งๆ ดงั น้ี 1. อายุของกลมุ เด็กที่จะทําการสอน เพราะเด็กแตละวัยมี คณุ ลกั ษณะและความสามารถทแี่ ตกตา งกนั 2. เพลงทมี่ เี นอ้ื รองและทาํ นองงา ยๆ 3. วัตถุประสงคข องการใชเ พลงน้ัน เชน บางครั้งอาจใชก าร รอ งเพลงเพอื่ เปน การเรยี กความสนใจของเดก็ กอ นเรยี นรสู งิ่ อน่ื ๆ ในลกั ษณะ การนําเขา สูบทเรยี นหรืออาจใชเปนการสรุปทบทวนขอ ความรเู มอ่ื เสรจ็ สิ้น กจิ กรรมหนง่ึ ๆ 4. เทคนคิ การจดั กจิ กรรมการรอ งเพลงทเี่ หมาะสม ผสู อนควรเลอื ก ใชเ ทคนคิ การสอนตามความถนดั ของตนเอง และเหมาะสมกบั กลุม เดก็ ซงึ่ มวี ธิ ีการทหี่ ลากหลาย เชน คมู ือสง เสริมไอควิ และอคี วิ เด็ก สําหรับครู/พีเ่ ล้ยี งศนู ยพัฒนาเดก็ เล็ก 79 ¾Ñ²Ã¹Òà´ç¡.pmd 79 13/6/2548, 15:44
• ใหเ ดก็ ฟงและรองไปพรอมๆ กับผสู อนไดโ ดยไมจาํ เปนตอง จดจาํ เนอ้ื รอ งใหไ ดก อ น • ผสู อนบอกเน้ือเพลงใหเดก็ ฟงท่ลี ะบท จนเด็กจาํ เนอ้ื เพลงได แลวคอ ยสอนรองใสท าํ นองเพลง • ผูส อนสอนใหร อ งเพลงพรอ มทาํ ทา ทางประกอบไปพรอ มกนั อาจ เปน เทคนคิ หนง่ึ ทชี่ วยใหเ ดก็ จาํ เนอ้ื เพลงไดจ ากทา ทางประกอบเพลง • ใชว ธิ กี ารกระตนุ ใหเ ดก็ ทกุ คนมสี ว นรว ม โดยอาจแบง กลมุ เดก็ เทา จํานวนบทในแตล ะเพลง เชน เพลงสวสั ดี (อ.ศรนี วล รัตนสวุ รรณ) สวัสดี สวัสดี ยนิ ดที พี่ บกนั เธอกับฉนั พบกันสวัสดี 80 คูม ือสง เสริมไอคิวและอคี ิวเดก็ สําหรับครู/พ่ีเลยี้ งศูนยพัฒนาเดก็ เล็ก ¾Ñ²Ã¹Òà´ç¡.pmd 80 13/6/2548, 15:44
จากเพลงน้จี ะพบวา มี 4 บท หรือ 4 ทอน ใหแ บง เด็กเปน 4 กลมุ และใหเดก็ แตล ะกลุมรอ งกลมุ ละทอ น ตามลําดบั 1 2 3 4 เมอ่ื รองครง้ั ที่ 2 ใหกลมุ ท่ี 2 รอ งทอ นท่ี 1 กลุม 3 รอ งทอ นท่ี2 กลมุ 4 รอ งทอนท่ี 3 กลมุ 1 รอ งทอ นที่ 4 เวยี นจนทกุ กลมุ ไดร อ งครบทกุ ทอ นแลว จงึ ใหร องพรอ มกนั โดย ผูส อนอาจตกลงกบั เดก็ กอ นวา เมอ่ื กลมุ ใดรอ ง กลมุ ทไี่ มไดร องตอ งเปนผูฟง วธิ นี จ้ี ะเปน การกระตุน ใหเ ดก็ ทกุ คนมสี ว นรว มมากทสี่ ดุ และสามารถจดจาํ เนอื้ เพลงไดเรว็ ทงั้ ยงั เปน การฝกมารยาทในการฟง ไปพรอ มกบั เดก็ ไดรบั ความ สนกุ สนานเพลิดเพลิน • ผูส อนใชส อ่ื เทคโนโลยี เชน เทปเพลงสาํ เร็จรูป วธิ ีน้ีเหมาะ สําหรับผูที่รองเพลงไมไ ด หรือ รอ งแลวทาํ นองผิดเพ้ียน (ยกเวนเพลง ทผี่ สู อนแตง เองใสท าํ นองเอง) ซงึ่ เปน สง่ิ ทผี่ สู อนทกุ คนควรคํานงึ ถงึ กอ นการ สอนรอ งเพลง และตอ งยอมรบั วา ความสามารถในการรอ งเพลงเปน พรสวรรค อยา งหนง่ึ ไมไ ดเ กิดข้ึนในทุกคน ซึ่งควรคํานงึ ถงึ เด็กวา มคี วามสามารถใน ดา นนแ้ี ตกตา งกนั ดวย ดงั นน้ั การสอนโดยใชเ ทปเพลงจงึ เหมาะสมกวา การ สอนเองอยา งผดิ เพยี้ น ซง่ึ จะทาํ ใหเ ดก็ รบั รแู ละเรยี นรใู นสง่ิ ทผี่ ดิ เพยี้ นไปดว ย • ผูสอนอาจเปล่ียนบรรยากาศในสอนรองเพลง โดยเชิญ ผปู กครองหรอื รุน พภ่ี ายในโรงเรยี นทมี่ คี วามสามารถในการรอ งเพลง ครดู นตรี สอนเดก็ บา ง ครสู อนขับรองมาสอนเดก็ บา ง คูมือสง เสริมไอคิวและอีคิวเด็ก สาํ หรับครู/พเี่ ล้ยี งศนู ยพัฒนาเด็กเลก็ 81 ¾Ñ²Ã¹Òà´ç¡.pmd 81 13/6/2548, 15:44
82 คมู ือสงเสริมไอควิ และอคี วิ เดก็ สาํ หรับครู/พี่เลี้ยงศูนยพัฒนาเด็กเล็ก ¾Ñ²Ã¹Òà´ç¡.pmd 82 13/6/2548, 15:44
• การสอนในบรรยากาศทสี่ อดคลองกับเพลงที่จะสอน เปนอีก เทคนคิ หนงึ่ ทีจ่ ะทําใหเ ดก็ ไดเ หน็ ภาพไปดวย เชน สอนเดก็ รองเพลงตน ไม ผูสอนอาจพาเด็กไปจัดกิจกรรมใตตนไม ในสวนหรือเรือนเกษตรของ ศนู ยพ ฒั นาเดก็ เลก็ 5. การสอนเพลงในแตละครงั้ ควรสอนครัง้ ละ 1 – 2 เพลง ไม ควรมากกวา นเ้ี พราะเดก็ อาจเกดิ ความสบั สนและจาํ เนอื้ เพลงไมไ ด 6. เปด เพลงใหเดก็ ฟง เมอื่ มเี วลาวา ง เชน กอนนอน หรอื เปด เพลง บรรเลงขณะเด็กปฏิบัติกิจกรรมศิลปะ เชน ขณะวาดภาพระบายสี ฉกี ปะ ฯลฯ กจ็ ะเปน การสงเสรมิ การเรยี นรเู รอื่ งเพลง และอาจสงผลใหเ ดก็ เพลดิ เพลินกับการปฏิบตั ิกจิ กรรมศลิ ปะใหดี ใหส วยงามยง่ิ ขนึ้ ได คมู ือสง เสริมไอควิ และอคี ิวเดก็ สําหรบั ครู/พ่ีเลย้ี งศูนยพัฒนาเดก็ เล็ก 83 ¾Ñ²Ã¹Òà´ç¡.pmd 83 13/6/2548, 15:44
84 คูมือสง เสรมิ ไอควิ /อคี ิว สาํ หรบั ครู/พ่ีเลย้ี งศนู ยพ ัฒนาเด็กเล็ก ¾Ñ²Ã¹Òà´ç¡.pmd 84 13/6/2548, 15:44
• กจิ กรรม การทอ งคําคลอ งจอง คาํ คลองจอง หมายถงึ คําประพนั ธ อาจเปน โคลง กลอน ฯลฯ ซง่ึ ใชค าํ งา ยๆ และมคี วามยาวไมม ากนกั มเี นอื้ หาสาระงา ยๆ สอื่ ความหมายได เดก็ ทอ งแลว เกดิ ความสนกุ สนาน คณุ คา ของกจิ กรรม 1. สง เสรมิ พฒั นาการทางภาษา 2. สง เสรมิ พฒั นาการดา นสตปิ ญ ญา ดา นความคดิ และฝก ความจาํ 3. สงเสรมิ พฒั นาการทางอารมณ ใหเ ดก็ สนกุ สนาน เพลดิ เพลนิ 4. สงเสริมพัฒนาการทางสังคม ความมีระเบียบวินัยและ การปฏบิ ตั กิ จิ กรรมรว มกบั ผูอนื่ คูม ือสงเสรมิ ไอควิ /อคี ิว สาํ หรบั ครู/พเี่ ล้ียงศนู ยพฒั นาเด็กเล็ก 85 ¾Ñ²Ã¹Òà´ç¡.pmd 85 13/6/2548, 15:44
เนอ้ื หา คาํ คลองจองอาจแยกไดเปน 2 ประเภทใหญ คือ 1. มเี นอ้ื หาสมั พนั ธก บั เรอื่ งทสี่ อน คําคลอ งจองบางบทมขี อ ความ ที่สัมพันธกับเนื้อหา ในหนวยการสอน ทําใหเด็กมีความเขาใจและ จดจําเร่ืองราวตา งๆ ท่ีเก่ียวขอ งกับหนว ยการสอนไดร วดเร็วยิ่งขึ้น เชน หนว ยแมเ หลก็ คาํ คลองจอง แมเ หลก็ (ไมท ราบนามผแู ตง) แมเ หลก็ นน้ั หนา หนา ตาหลายอยาง ดดู เกาะไมว าง พวกเหลก็ ดวยกนั สวนไมกระดาน อโลหะน้นั เลกิ สนใจพลนั ฉันไมดดู เลย 2. ไมสมั พนั ธกบั เรอื่ งทสี่ อน แตเปน คาํ คลอ งจองทคี่ รใู หเ ดก็ ทอ ง เพอ่ื ความสนกุ สนาน เพลดิ เพลนิ และผอ นคลายความตงึ เครยี ดในขณะทํา กิจกรรมทตี่ อ งใชส มาธมิ ากๆ เชน คาํ คลองจอง “หงิก หงิก งอ งอ” คาํ คลอ งจอง “หงิก หงิก งอ งอ” (ไมทราบนามผแู ตง ) หงิก หงิก งอ งอ หวั รอ คิก คกิ สา ยหวั ดุกดกิ๊ หงิก หงกิ งอ งอ 86 คูมือสงเสริมไอควิ และอีคิวเดก็ สาํ หรับครู/พีเ่ ลย้ี งศูนยพ ัฒนาเดก็ เลก็ ¾Ñ²Ã¹Òà´ç¡.pmd 86 13/6/2548, 15:44
เทคนคิ การดําเนนิ กจิ กรรม ในการสอนคําคลอ งจองใหกับเดก็ ผูสอนสามารถใชเ ทคนิค วิธกี ารตางๆ เฉพาะตวั ไดอ ยางหลากหลาย เชน • สอนตามลําดบั ขนั้ ตอน คอื 1. คร/ู พเี่ ลยี้ งจะพดู คําคลอ งจองใหเ ดก็ ฟง กอ น 2. คร/ู พเี่ ลย้ี งพดู คาํ คลอ งจองใหเดก็ พูดตามทีละวรรคจนจบบท ใหเด็กพูดคําคลองจองตามซ้ําอีก 2–3 คร้ัง เม่ือเด็กจาํ ไดบ า งแลว จงึ ใหพ ดู พรอ มๆ กบั คร/ู พเี่ ลย้ี ง 3. ขณะทพี่ ดู คาํ คลอ งจองคร/ู พเ่ี ลยี้ งอาจใหเดก็ ทําทา ทางประกอบ ไปดวยถาทาํ ได เพราะถา คร/ู พเ่ี ล้ียงทําใหด ู เดก็ กจ็ ะทําทา ทาง ประกอบตามคร/ู พเี่ ลยี้ ง 4. เมอื่ เดก็ จําคาํ คลอ งจองและทาทางประกอบไดแลว จงึ ใหเด็ก พดู คาํ คลอ งจอง และทาํ ทาประกอบเอง โดยคร/ู พ่ีเลี้ยงคอย แนะนาํ อยูใ กลๆ • ใชว ธิ กี ารกระตนุ ใหเ ดก็ ทกุ คนมสี ว นรวม โดยอาจแบง กลมุ เดก็ เทาจํานวนประโยคของคําคลองจองในแตละบท เชน คําคลองจอง บา นแสนสวย ฉนั คอื บานแสนสวย มปี ระตดู ว ยชา งงามนา ดู มเี ดก็ เลก็ เล็กนงั่ อยู มีพ้ืนงามหรูทงั้ หมด 10 คน คูมือสง เสริมไอควิ และอคี ิวเด็ก สาํ หรับครู/พ่ีเลยี้ งศนู ยพ ัฒนาเดก็ เลก็ 87 ¾Ñ²Ã¹Òà´ç¡.pmd 87 13/6/2548, 15:44
จากคาํ คลองจองบทน้ี จะพบวา มี 4 บท หรือ 4 ทอน ให แบงเดก็ เปน 4 กลมุ และใหผสู อนบอกใหเ ดก็ แตล ะกลมุ พดู ตามทลี ะทอ น ตามลาํ ดบั 1 2 3 4 เม่ือพูดครง้ั ที่ 2 ใหกลมุ ท่ี 2 พดู ทอ นท่ี 1 กลมุ ที่ 3 พดู ทอนท่ี 2 กลุมท่ี 4 พดู ทอนที่ 3 กลุม 1 พูดทอ นที่ 4 เวียนจนทกุ กลมุ ไดท อ งครบทุกทอ นแลวจงึ ใหพูดคําคลองจองทงั้ บทพรอมกนั โดยผสู อน อาจตกลงกบั เด็กกอนวา เมอื่ กลมุ ใดกําลงั พดู กลุม ทไี่ มไดพ ูดตอ งเปน ผูฟง วิธีนี้จะเปนการกระตุนใหเ ด็กทุกคนมีสว นรวมมากท่ีสุด และ สามารถจดจาํ คําคลอ งจองไดร วมเร็ว ทัง้ ยงั เปนการฝก มารยาทในการฟง ไปพรอ มกบั เด็กไดร บั ความสนกุ สนานเพลดิ เพลนิ • การสอนคาํ คลองจองในแตละครัง้ ควรสอนคร้งั ละ 1–2 บท ไมค วรมากกวานเี้ พราะเดก็ อาจเกดิ ความสบั สนและจําไมไ ด 88 คมู ือสง เสริมไอควิ และอคี วิ เดก็ สาํ หรบั ครู/พ่เี ล้ียงศูนยพ ัฒนาเดก็ เลก็ ¾Ñ²Ã¹Òà´ç¡.pmd 88 13/6/2548, 15:44
คูมือสงเสริมไอคิวและอีคิวเดก็ สาํ หรับครู/พเี่ ลี้ยงศูนยพัฒนาเด็กเล็ก 89 ¾Ñ²Ã¹Òà´ç¡.pmd 89 13/6/2548, 15:44
90 คมู ือสงเสริมไอควิ และอคี วิ เดก็ สาํ หรับครู/พี่เลี้ยงศูนยพัฒนาเด็กเล็ก ¾Ñ²Ã¹Òà´ç¡.pmd 90 13/6/2548, 15:44
• การสง เสรมิ กจิ กรรมศลิ ปะ ศลิ ปะเปน เครอื่ งมอื ทชี่ ว ยใหเ ดก็ ฉลาด พฒั นาความคดิ สรา งสรรค สรา งจนิ ตนาการ และชว ยใหเ ดก็ ออ นโยน มที ศั นคตติ อ โลกและเพอื่ นมนษุ ย ทดี่ ี อยางพรอมจะเปน สว นหนงึ่ ของสังคมไดดว ย พฒั นาการทางศลิ ปะของเดก็ เด็กวัย 2-4 ป เปน วัยแหง การขดี เขีย่ ดว ยเปนวัยทเ่ี ดก็ เรม่ิ มี การพฒั นาทางรา งกายที่สมบรู ณม ากข้นึ ทงั้ สายตา มอื และการเคลอ่ื นไหว ตางๆ เร่มิ แรกอาจจะเปนการขดี เขี่ยทีไ่ รก ารควบคมุ แตหากเด็กไดท ําซาํ้ กันบอยๆ ก็จะสามารถควบคุมมือ และถายทอดความรสู ึกภายใน ออกมาได การเรม่ิ ตน สรา งงานศลิ ปะของเดก็ เลก็ จะเรม่ิ ตงั้ แตก ารสรางเสน และรปู ทรงงา ยๆ และเรม่ิ สรา งรปู รา งทหี่ ลากหลายจากเสนตา งๆ เด็กวัย 4-7 ป เปนวัยแหง การถา ยทอดความรขู องตนท่ีมีตอ สงิ่ ตางๆ ออกเปน สญั ลักษณ เด็กจะเตม็ ไปดว ยจนิ ตนาการ แสดงออกดว ย ภาพทมี่ ชี นดิ และรปู รา งทหี่ ลากหลาย และเมอื่ ใหเ ดก็ เลา ทมี่ าของการสรา งภาพ ในชว งนอี้ อกมา กจ็ ะสามารถเลา ไดอ ยา งเปนเรอื่ งเปน ราว เดก็ จะสนกุ กบั ภาพ ในจนิ ตนาการระยะหนงึ่ จากนน้ั จะเรมิ่ หนั เหความสนใจไปสสู ง่ิ ทเี่ ปน กฏเกณฑ และความเหมือนจริงย่ิงขึ้น เด็กจะแสดงออกในส่ิงท่ีตนชอบและสนใจ เชน เครอ่ื งบนิ จรวด มนษุ ยก บ รวมไปถงึ การต นู จากโทรทศั น เดก็ จะวาดรปู ตามแบบอยา งทเี่ ขาชอบและเพยี รพยายามวาดใหเ หมอื นจรงิ ทสี่ ดุ คูมือสงเสริมไอควิ และอคี ิวเด็ก สําหรับครู/พ่เี ลี้ยงศนู ยพ ัฒนาเดก็ เล็ก 91 ¾Ñ²Ã¹Òà´ç¡.pmd 91 13/6/2548, 15:44
การสง เสรมิ พฒั นาการทางศลิ ปะอยา งเปนขนั้ ตอน 1. การเริ่มตน เริ่มตน ดวย การวาดรูปทรงงายๆ เชนวงกลม เปน สง่ิ ทเี่ ปนเดก็ อายุ 2-3 ป ถายทอดออกมาไดมากทสี่ ดุ การที่เด็กบังคบั มอื ใหส ามารถสรา งวงกลมไดเ ปน การพฒั นาทนี่ า ชนื่ ชมยงิ่ เสน ตรง เปนเสน ทเี่ ดก็ เรยี นรูใ นอนั ดบั ตอ มา และเมอื่ เดก็ สามารถ นําเสน ตรงเหลา นม้ี าผสมกับวงกลมจนไดร ปู รา งงา ยๆ ของคน สิ่งของ และ สัตวต า งๆ ก็คอื ความสาํ เร็จอกี ขนั้ หนงึ่ การใหเดก็ ขดี เสน ตามรปู รางของวัสดทุ ี่ทาบบนกระดาษ เปน การ สรางสรรคอยา งหนง่ึ ของเด็กเล็กๆ เด็กวัย 2-3 ขวบ ชอบเลยี นแบบส่งิ ท่ี พบเห็นมาก และคืองานสรางสรรคอยางหน่ึงของเด็ก เด็กไดเรียนรวู า รูปทรงของส่งิ ตางๆ เปนอยางไร และตลอดเวลาทีเ่ ด็กไดลากเสนไปตาม วัตถุนนั้ เดก็ ไดส มั ผัสถงึ รายละเอยี ดอยางแทจ รงิ ไปในตัว ทําใหไ ดค วามรู ใหมเ พมิ่ พนู ขน้ึ โดยไมร ูต วั 92 คูมือสงเสริมไอควิ และอคี ิวเด็ก สาํ หรับครู/พเ่ี ลยี้ งศนู ยพัฒนาเดก็ เล็ก ¾Ñ²Ã¹Òà´ç¡.pmd 92 13/6/2548, 15:44
2. พัฒนาจากงาน 2 มิติ เปน 3 มติ ิ การหนั เหจากการสรางงาน ศิลปะของเด็ก จากงาน 2 มิติ มาเปน การใชเ ศษวัสดตุ า งๆ ประดษิ ฐเ ปน ของเลน ดวยตัวเอง สรา งเปน งาน 3 มติ ิ เอาเศษกระดาษสรา งเปน รปู สงิ่ ของ และสัตวตามจินตนาการของเด็ก เด็กจะรูจ ักการสรางสรรคดัดแปลง การออกแบบ ซงึ่ เปน การพฒั นาสมองทดี่ ี ในการทํางานศลิ ปะเหลาน้ี ผูใ หญ อาจเปน ผูเ รมิ่ ตน และคอยชว ยเหลอื บา งตามสมควร จนเดก็ รูส กึ สนกุ กบั การ สรา งสรรคด ว ยตวั เองแลว จงึ วางมอื ใหร ะวงั อยา ไปทําใหเ ดก็ ตงั้ แตต น จนจบ 3. ใหอ สิ ระเดก็ ในการสรา งสรรคศ ลิ ปะ ศลิ ปะในหวั ใจเดก็ ไมจ าํ กดั วาตอ งเปนการวาดภาพระบายสี หรือปนแกะสลกั เทานน้ั เดก็ อาจคน พบ วิธีการทํางานศิลปะดว ยตัวเอง ซึ่งการคนพบนี้เปนส่ิงท่ีนาต่ืนเตนและ สนกุ สนานสําหรับเดก็ เชน การสอดวสั ดุบางอยา ง เชน หวี เหรยี ญ และ สิง่ อน่ื ๆ เขา ไปใตแ ผนกระดาษขาว และใชป ลายดินสอฝนลงไปทวี่ ัตถุนนั้ เกดิ ภาพเสมอื นจรงิ ของวัตถนุ นั้ ขน้ึ มาก การวางมอื บนกระดาษและลากเสน ตามโครงรางน้ิวมือ แลวระบายสีในรูปมือ การใชสีทาบนวัสดุตางๆ แลว ทาบบนกระดาษ เกดิ ภาพเหมอื นลกั ษณะการพมิ พ คมู ือสง เสริมไอควิ และอคี ิวเดก็ สาํ หรบั ครู/พ่ีเล้ยี งศูนยพ ัฒนาเด็กเลก็ 93 ¾Ñ²Ã¹Òà´ç¡.pmd 93 13/6/2548, 15:44
4. ใชธ รรมชาตใิ นการแสดงออกทางงานศลิ ปะของเดก็ จะเพมิ่ พนู ความคดิ จินตนาการ การเรยี นรแู ละการแกไ ขปญหา เชน เมื่อจะใหเ ด็ก วาดภาพใบไม กใ็ หเดก็ ไปสัมผัสและเรยี นรูก ับพืชชนดิ นั้นๆ จริงๆ วา เปน อยา งไร ปจจยั เสรมิ สรา งพฒั นาการดา นศลิ ปะของเดก็ 1. เรม่ิ ตนฝก หดั ตงั้ แตว ยั เดก็ เลก็ การใหเด็กแสดงออกทางศิลปะเด็กสามารถทําไดแมวาทักษะ การใชมือยังไมคลองแคลว นัก ควรใหสีและดินสอแกเด็กในทันทีที่เด็ก สามารถใชน ้วิ ทง้ั 5 ได เรม่ิ ตน ตงั้ แต 2 ขวบ ไปถงึ 4 ขวบ มีผลการทดลอง ที่ยืนยันวา เด็กท่ีไดรับการฝกในการลากเสนตางๆ มาตั้งแตยังเด็กๆ จะสามารถเขยี นหนงั สอื และใชม อื ทํางานตางๆ ไดอ ยา งคลอ งแคลว ทงั้ ยงั มี พฒั นาการทรี่ วดเรว็ มากกวา เดก็ ทเี่ พงิ่ มาเรม่ิ ตน จบั ดนิ สอเมอ่ื อายเุ ขา เรยี นแลว 94 คมู ือสง เสริมไอคิวและอคี ิวเด็ก สําหรับครู/พเี่ ล้ียงศนู ยพ ัฒนาเด็กเลก็ ¾Ñ²Ã¹Òà´ç¡.pmd 94 13/6/2548, 15:44
2. ใหอ สิ ระเดก็ โดยไมสะกดั กนั้ ความคดิ และจนิ ตนาการของเดก็ เด็กเล็กท่ีเพ่ิงเร่ิมเรียนรูการใชมือ มักขีดเข่ียดินสอไปอยางไร ทิศทางและไมสนใจที่จะเปล่ียนสีสันของดินสอใหแปลกไปกวาเดิม การขดี เขย่ี เสนอยา งไมประณตี งดงามของเด็กเลก็ ๆ นี้ แมจะดูเปนส่งิ งาย แสนงาย แตน นั่ คอื ชยั ชนะอันยงิ่ ใหญใ นชวี ติ ของเด็กทเี ดยี ว ในขณะที่เดก็ เรมิ่ ตน ขดี เขยี นอยา งไรท ศิ ทางเชน น้ี ครไู มค วรรบี รอ นเรยี กรอ งใหเ ดก็ สรา ง รปู ทรงอยา งรวดเรว็ เกนิ ไป ดว ยคาํ ถาม เชน “ทาํ ไมไมเ ปน อยา งนน้ั ละ ” หรอื “จะตองเปน อยา งน้ซี ิถึงจะถกู ” “ เขียนน่ีซิลกู หรอื ดอกไมต องมีสีแดงซจิ ะ” “ ปลาทําไมไมม คี รบี ” และถอ ยคําอนื่ ๆ ทสี่ ะกดั กนั้ ความคดิ และจนิ ตนาการ ของเด็ก การมองผลงานสรางสรรคของเด็กเล็กดวยสายตาของผใู หญ ไมใ ชส ิง่ ทีถ่ ูกตอง เพราะจะทาํ ใหเกดิ คาํ สงั่ และกตกิ าตางๆ เกิดขึ้นมากมาย ซงึ่ ทกุ อยางลว นแตเปน เรอ่ื งยากเกนิ ไปสําหรบั เดก็ 3. ใชว สั ดอุ ปุ กรณท หี่ ลากหลาย ชวยกระตนุ การเรยี นรดู า นศลิ ปะ * ใหเ ด็กเรยี นรคู วามแตกตา งของสตี า งๆ โดยจัดหาสมี าวางไว ใกลมือ เดก็ จะสนกุ สนานกบั การเปลยี่ นสแี ตล ะเสน คูมือสง เสริมไอควิ และอีคิวเด็ก สําหรบั ครู/พเ่ี ล้ยี งศนู ยพัฒนาเดก็ เล็ก 95 ¾Ñ²Ã¹Òà´ç¡.pmd 95 13/6/2548, 15:44
* การเปลยี่ นวัสดุ จากดนิ สอสีไปสูสีชอลก หรอื สีเทียนก็เปน เคร่ืองกระตุนใหเด็กสนุกสนานกับความแปลกใหมมากข้ึน วัยอนุบาล กส็ ามารถเลน สนี า้ํ ไดแ ลว การเปลยี่ นสไี ปหลายๆ อยา งเปน การสอนใหเ ดก็ เรยี นรวู สั ดุในการสรางสรรค รวมไปถงึ ทําใหเดก็ ไดร บั กระบวนการใหมใ น การทาํ งาน * อปุ กรณอื่นๆ ทเี่ ดก็ ทาํ งานศิลปะที่ครูควรจัดเตรยี มไดแ ก ดิน น้าํ มนั และกระดาษสชี นดิ ตางๆ ทส่ี มควรจัดไวใ กลมือเดก็ การบีบนวด ดนิ นาํ้ มันชว ยใหเด็กไดพัฒนากลามเน้ือใหแ ขง็ แรง การขยํารูปทรงตางๆ ทาํ ใหเ ด็กเรียนรรู ูปทรง 3 มติ ิ ที่มีทง้ั ความกวาง ความยาวและความสูง เชนเดียวกับการฉกี กระดาษสีใหเกิดเปนรปู รา งตาง รวมไปถงึ การขยาํ ขย้ี การพบั หักงอ กล็ ว นแลว แตเ ปน ส่ิงท่ีเด็กโปรดปราน 4. การใหค าํ ชมเชย รบั ฟงความคิดเห็น ใหเด็กอธบิ ายสิ่งที่ ทาํ อยา งอสิ ระ ทําใหส มองเดก็ มกี ารแตกกงิ่ กานสาขามากขนึ้ 5. หลกี เลี่ยงการเปรยี บเทยี บผลงานของเดก็ แตล ะคน ซึง่ ใช มมุ มองการตดั สนิ ของผูใ หญ การสงั เกตพฒั นาการของเดก็ ควรเปรยี บเทยี บ กบั ตวั ของเดก็ เอง ในความกาวหนา ทเี่ ขาทําไดแ ตละขนั้ 6. ฝก การมีระเบียบวนิ ัยในขณะทาํ งานศลิ ปะ เชน ใหเด็กขดี เขยี นในกระดาษทีเ่ ตรยี มไว ไมขดี เขียนบนฝาผนัง ใหเ กบ็ ขยะ และเศษ อปุ กรณต างๆ ทําความสะอาดอปุ กรณ และเกบ็ อปุ กรณต า งๆ ใหเ รยี บรอ ย เมอ่ื ทํางานเสรจ็ แลว 96 คูม ือสง เสริมไอคิวและอคี ิวเด็ก สําหรบั ครู/พี่เลี้ยงศูนยพ ัฒนาเดก็ เล็ก ¾Ñ²Ã¹Òà´ç¡.pmd 96 13/6/2548, 15:44
คมู ือสง เสริมไอคิวและอีควิ เด็ก สาํ หรบั ครู/พี่เล้ียงศูนยพ ัฒนาเดก็ เลก็ 97 ¾Ñ²Ã¹Òà´ç¡.pmd 97 13/6/2548, 15:44
98 คมู ือสงเสริมไอควิ และอคี วิ เดก็ สาํ หรับครู/พี่เลี้ยงศูนยพัฒนาเด็กเล็ก ¾Ñ²Ã¹Òà´ç¡.pmd 98 13/6/2548, 15:44
บรรณานุกรม กมลพรรณ ชวี พนั ธศุ ร,ี รศ.พญ. สมองกบั การเรยี นรู. กรงุ เทพฯ : บรษิ ทั พรการพมิ พจ าํ กดั . ไมปรากฏปพ ิมพ. ไกรสทิ ธ์ิ ตนั ตศิ ริ นิ ทร,ศ.นพ. ไอคิวและอคี วิ ประตูสคู วามสาํ เรจ็ ของลกู . กรงุ เทพฯ : บริษัทแปลนพบั ลิชชิง่ จาํ กัด . 2542. กรมสุขภาพจิต กระทรวงสาธารสขุ . ไอคิวและอีควิ ชองทางสคู วามสาํ เรจ็ . กรงุ เทพฯ : บริษัทบยี อนด พับลิสชิ่ง จํากดั . 2547. กรมสุขภาพจิต กระทรวงสาธารสุข. คูม อื ความรูเ พือ่ การพัฒนาความฉลาดทางอารมณ ในเด็กอายุ 3–5 ป สําหรับพอแมผปู กครอง. กรุงเทพฯ : สํานักงานกิจการ โรงพิมพอ งคกาสงเคราะหทหารผา นศกึ . 2546. จนั ทฑ ิตา พฤกษานานนท. การสรางนสิ ยั รกั การอานใหลูก. นิตยสารใกลหมอ ปที่ 24 ฉบับ 8 สงิ หาคม 2543. จติ ตินนั ท เดชะคปุ ต. เอกสารการสอนชดุ วิชาฝก อบรมครู และผเู ช่ียวชาญกับการอบรม เลย้ี งดูเด็กปฐมวัย (หนวยที่ 6 – 10 ) สาขาวิชาศกึ ษาศาสตรนนทบุรี. สาํ นกั พมิ พ มหาวทิ ยาลัยสุโขทยั ธรรมาธิราช. 2533. จติ ตนิ นั ท เดชะคปุ ต. คูม อื การสรา งเสรมิ ศกั ยภาพสมองลกู รกั วยั 0 – 6 เดอื นใหรดุ หนา. กรุงเทพฯ : บริษทั แปลน พลับลชิ ชงิ จํากดั . 2544. ณปญ วรรณคาํ . อา นใจลกู เดาใจเด็ก . กรุงเทพฯ : แมเนเจอร มเี ดยี กรปุ . 2545. นภิ า ธนาม.ี นทิ านสรรคสรางพฒั นาการเดก็ . จดหมายขา วกรมอนามยั 2544 : 2(12) ; 2 - 3 นัยพินิจ คชภกั ดี, รศ.ดร. พัฒนาสมองลูกใหลา้ํ เลิศ. กรุงเทพฯ :บริษัท แปลน พริน้ ทตงิ้ จาํ กดั . 2539. บญุ ยาพร อนู ากลู . ปลกู MQ ใหง อกงาม. นติ ยสารรกั ลกู ปท ี่ 20 ฉบบั ท่ี 240 มกราคม 2546. คูมือสงเสริมไอคิวและอีคิวเดก็ สําหรับครู/พีเ่ ลี้ยงศูนยพ ัฒนาเดก็ เล็ก 99 ¾Ñ²Ã¹Òà´ç¡.pmd 99 13/6/2548, 15:44
มานพ ถนอมศรี. ศลิ ปะเลย้ี งลกู ใหฉ ลาด. กรุงเทพฯ : บริษทั เลฟิ แอนดล พิ เพรส จาํ กดั . 2540. ศนั สนยี ฉตั รคปุ ต, รศ.พญ. เทคนคิ สรา ง IQ EQ AQ 3Q เพอ่ื ความสาํ เรจ็ . กรงุ เทพฯ : บริษัทอมรนิ ทร บคุ เซน็ เตอร จํากัด. ไมป รากฏปพิมพ. ศรีเรือน แกว กังวาล, ดร. จิตวิทยาพัฒนาการชีวิตทุกชวงวยั . กรงุ เทพฯ : สํานักพมิ พ มหาวทิ ยาลัยธรรมศาสตร. 2544. สังเวยี น ธาํ รงวจนเมธาวี. คมู ือสง เสรมิ พฒั นาการลกู นอยวยั แรกเกดิ ถึง 6 ป สําหรับ พอ แม ผปู กครอง.เชียงใหม : บเี อสการพิมพ. 2541. สภุ าวดี หาญเมธ.ี เสรมิ สรา งIQ .EQ ใหล กู วยั เรยี น. กรงุ เทพฯ : บรษิ ทั พมิ พด ี จาํ กดั . 2546. สนั ต สงิ หภ กั ด.ี สูอ จั ฉรยิ ะดว ยสมองสองซกี . กรงุ เทพฯ : ซ.สามคั คสี าร (ดอกหญา ). 2537. สพุ ัตรา สภุ าพ. นิทานชว ยใหเ ดก็ ฉลาดขน้ึ ไหม. นติ ยสารแมและเดก็ ปท ่ี 21 ฉบบั ที่ 315 พฤษภาคม 2541. สมศักดิ์ ภวู ภิ าดาวรรธน, รศ.ดร. เทคนคิ การสง เสริมความคิดสรา งสรรค. กรุงเทพฯ: บริษทั โรงพิมพไ ทยวฒั นาพานชิ จํากดั . 2542. อมั พล สอู าํ พนั , นพ. EQ ลูก เร่มิ ท่รี ักจาก…พอ แม. กรงุ เทพฯ : บรษิ ัทพิมพดี จํากัด. 2544 อมั พล สอู ําพัน, นพ. พอ แมมคี วามสุข ลูกมีคณุ ภาพ. กรงุ เทพฯ : บริษัทแปลน พริ้นทต้งิ จาํ กัด. 2540. อลิสา วัชรสินธุ. จติ เวชเดก็ . กรุงเทพฯ : โรงพิมพแ หง จุฬาลงกรณม หาวทิ ยาลยั . 2546. อษุ ณยี โพธิสขุ , ผศ.ดร. สรางรากฐานอจั ฉรยิ ภาพใหล กู นอย. กรงุ เทพฯ: บริษัทเยลโล การพมิ พ จาํ กัด. 2542. อุสา สุทธิสาคร, ผศ. ดนตรี พฒั นาปญญา (IQ) อารมณ (EQ ). กรุงเทพฯ : บริษทั พิมพด ี จํากัด. 2544. Landreth, C. Preschool learning and teaching. New York : Harper and Row, 1972 100 คูมือสงเสริมไอควิ และอีคิวเด็ก สาํ หรับครู/พเ่ี ล้ียงศนู ยพ ัฒนาเดก็ เล็ก ¾Ñ²Ã¹Òà´ç¡.pmd 100 13/6/2548, 15:44
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103