ปญญาทองถิ่นของตนเอง โดยไดดําเนินการผานกระบวนการวิจัยเพ่ือทองถิ่น ตั้งแตป ๒๕๔๘ (ดูรายละเอียด บทที่ ๕) มุงเนนการสรางกระบวนการเรียนรู และการมีสวนรวมของชุมชน ทําใหเกิดการถายทอดองคความรู และภูมิปญญาทองถิ่นสูกลุมเด็กและเยาวชนในรูปแบบตาง ๆ เชน เกิดการเรียนการสอนภาษาญัฮกุรใน หองเรยี น ภายในโรงเรียนวังโพธ์ิสวางศิลป เกิดแนวทางการเรียนการสอนภาษาทองถ่ินในหองเรียน ท่ีสามารถ ชวยคัดกรองเด็กปกติที่ไมเขาใจภาษาไทย ออกจากเด็กท่ีมีความบกพรองทางการเรียนรูในโรงเรียนบานวังอาย คง นอกจากนี้ยังเกิดการรวบรวมองคความรูจากปาชุมชนโคกคาวเปรียง และปราชญภูมิปญญาในดานตาง ๆ เปนตน นอกจากน้ีการดําเนินงานในโครงการ “บันทึกรวบรวม เพื่อการสงวนรักษาภาษาและภูมิปญญา ทองถิ่นของกลุมชาติพันธุ : ภาษาญัฮกุร” ยังทําใหเกิดการถายทอดองคความรูสูกลุมเยาวชนอีกดวย ดังเชน การจัดกิจกรรมทําเส้ือพ่็อก การจัดกิจกรรมบันทึก รวบรวมคําศัพท เร่ืองเลา นิทาน เปนตน แตอยางไรก็ตาม การดําเนินงานฟนฟูภาษาและภูมิปญญาทองถิ่นโดยชุมชน ยังมีความจําเปนและควรมีการจัดกิจกรรมโดย ชุมชนอยางตอเนอ่ื ง ท้งั นค้ี วรไดรับการสนบั สนุนจากหนวยงานภาครัฐ และหนวยงานอ่ืน ๆ ท่ีเก่ียวของในพื้นท่ี เชน การจดั ใหสอนภาษาญฮั กุรภายในโรงเรียนอยางตอ เน่อื ง เปนตน ๔๕
บทท่ี ๓ ภาษาและองคค วามรูทองถน่ิ องคความรูทองถิ่นของกลุมชาติพันธุญัฮกุร จะสามารถศึกษาผานวรรณกรรมทองถิ่น นิทานและเรื่อง เลา ประเพณแี หหอดอกผง้ึ การละเลน อาหารพืน้ บาน และเครือ่ งแตง กาย ดังตัวอยางตอไปน้ี ๓.๑ นิทานและเรือ่ งเลา วิธีการเลานิทานของชาวญัฮกุรนั้นมักจะขึ้นตนดวยคําวา นอม ท่ีแปลวา ‘มี’ เพ่ือบอกถึงตัวละครท่ี สําคัญของเรื่อง หรือขึ้นตนดวยตัวละครของเร่ือง บางคร้ังนําเอาเหตุการณท่ีเปนสาเหตุของนิทานข้ึนตนเร่ือง นอกจากนั้นยังเลาดวยประโยคท่ีส้ัน ไมคอยใชคําเชื่อมหรือถาหากใชก็มักจะนําคําในภาษาไทยไปใชเชื่อม ประโยค เชน กอ? ‘ก’็ ๑) ตันชาย ญัฮ จญี นอม ตันชาย มวย ตุฮ อัร คะมะ บ็อก คะมัย ละฮูด ปา? คะมะ. เลยตึน ท็อง ฮึตูล ตะเคิล็. แด็ฮ ท็อง กุฮ กะดัฮ เลย ทั่ฮ ท็อง ออก ตะเคิล็ คะยาง. แด็ฮ นะ เติรตึน ดาก คะยาง กอ เดียน ตะโพก เติรกุฮ ตึน ตอ แล็จ ตอน ฮึมลู. ละฮูด ฮึโญง โจ็ว. “ ทิด นอย โจ็ว ฮี? เทอะ”. “โจ็ว ชะม็อฮ เรอะ”. ละฮูด โจ็ว ฮี? เอิด็ แด็ฮ เติรตึน กอ เติร กุฮ โคะ. เลย พอ คะมัย จีญ. “ จีญ เอย กะดัฮ เนอ แว็ย นะ กะชอ? กุล ตะลา? คะมะ ญิน ตี เพฮ นะ แคล็จ คอง จา? ญิน”. “คัน เพฮ กุฮ กุล แว็ย กะชอ?”. “โลง ยุก แว็ย ยัก ยุก แว็ย โคะ ”. จญี เลย เจยี ด งวง ปกุ ตึน ฮึตลู กะชิญ จญี . ตันชาย ออรออร ตึน คะเลย กะชิญ จีญ. จีญ เลย กุฮนอม ฮึมลอก นง่ั คอ็ ฮโลง . คาํ แปล เรอื่ ง กระตายกบั ชา ง มีกระตายตัวหน่ึงไปไร จะไปดูสาวทําไร จึงขึ้นไปบนตอไม เพื่อจะไดมองเห็นสาว แตพอเวลา กระตายนง่ั ไมไ ดดูเลยนั่งถูกนา้ํ มนั ยาง ทาํ ใหน ้าํ มันยางตดิ ที่กนกระตาย กระตายลกุ ไมข ้นึ จนถงึ ตอนเย็น สาวได เวลากลับบานจึงชวนวา “ทิดนอย กลับบานเถอะ” กระตายตอบไปวา “กลับไปกอน” พอทุกคนกลับบาน หมดแลว กระตายพยายามลุกขึ้น แตก็ลุกไมข้ึน จนมองไปเห็นชาง และรองขึ้นวา “ชางเอย ดูนะ ฉันจะบอก กับเจาของไร วาเจามาขโมย ถาไมอยากใหฉันบอก ลองมายกฉันดูสิจะไดไหม” ชางเลยใชงวงดึงกระตายขึ้น อยางแรง ไวบนหลังชา ง กระตายดใี จประโดดบนหลังชา ง ทุกวนั นช้ี า งจึงไมม กี ลามเนื้อ ๒) แพร็ยแลจ็ นอม ฮนัม เปญยอง มวยลัง นอ เคร่ิบ็. ฮัย ค่็อฮ แพร็ย จิฮ. ฮึเปญ แด็ฮ นะ จา? ฮึโชง คอง เปญ ยอง. แด็ฮ มอบ เอิล็ บอน ชายคา. ฮัง ยอง กอ ตะกัด. “เปญ เอย แว็ย นะ กะแจ็ด เอย”. เปญ กอ ตี. “แว็ย กอ นะ กะ แจ็ด เอย กะแจ็ด ยอน แพร็ย แล็่จ”. ยอง ตี. “แพร็ย แล็จ แด็ฮ นา พีจ เจียด แว็ย นะ กะแจ็ด ยอน แพร็ย แล็่จ ออ? เอย”. ฮัง ฮึเปญ กอ พีจ แพร็ย แล็่จ แด็ฮ กุฮ ชะดึม ตี แพร็ย แล็่จ แท็่ฮ ตุฮชะโมะ. ฮัง ๔๖
คะโมย นะโลง แคล็จ ฮึโชง คอง เปญ. คะโมย ตึน กะชิญ ฮึเปญ แด็ฮ น่ึบ ตี ฮึโชง. ฮึเปญ แด็ฮ ตี แพร็ย แล็่จ ตึน กะชิญ นะ กะแจ็ด แด็ฮ. แด็ฮ กอ กะเทรี่ยบ ตึด. พะนิ่ฮ คะโมย พอ คะมัย ตี แด็ฮ ฮึชิ่ฮ กะชิญ กุฮ แมน ฮึโชง แด็ฮ กอ ตี. “ ชวย เชิน ชวย เชิน ฮึเปญ นะ จา? แว็ย”. ฮัง ฮึเปญ กอ ตี แพร็ย แล่็จ นะ กะแจ็ด แว็ย เอย แพรย็ แล่จ็ นะกะแจด็ แวย็ เอย”. ฮเึ ปญ กะเทรยี่ บ ลอบ ลบึ่ คะโมย กอ กะเทรยี่ บ ตนึ ตมั ช?ู . คาํ แปล เร่อื งฝนรว่ั มีกระทอมตายายหลังหนึ่งในปา วันนั้นฝนตก เสือจะเขาไปกินวัวของตากับยาย หมอบอยูชายคา ของกระทอม ยายพูดกับตาวา “ตาเอย ฉันจะตายแลว” ตาบอกวา “ฉันก็จะตายเหมือนกัน ฉันตายเพราะฝน ร่วั ” ยายบอกวา “ฉันจะตายเพราะฝนร่ัวจริงๆนะ ฝนร่ัวนากลัวมากๆเลย” เสือไดยินตายายคุยกันก็กลัวเพราะ ไมร วู าฝนร่ัวคอื อะไร มีขโมยจะมาขโมยวัวของตายาย ขโมยเห็นเสือนอนหมอบอยู เขาใจวาเปนวัวจึงข้ึนไปข่ี ฝายเสือ คิดวาเปนฝนร่ัวข่ีหลังจะมาฆาตนเอง จึงรีบว่ิงหนี สวนขโมยพอรูตัววาที่ขี่อยูไมใชวัวแตเปนเสือ จึงรองตะโกน วา “ชวยดวยๆ เสือจะกินฉัน” สวนเสือก็รองตะโกนวา “ชวยดวยๆ ฝนร่ัวจะฆาฉัน” เสือจึงวิ่งหนีเขาปา สวน ขโมยกว็ ิง่ หนีขนึ้ ตนไม ๓) ฮีโล? เทวดา นะ อัร กะชอ? กุฮ พะน่ิฮ. อัร พ่็อบ ชุร กุล ชุร อัร กะชอ? กุฮ พะน่ิฮ กุล จา?โปง ป? ฮัย มวย ตอง. ชุร อัน พ่็อบ เปรียง กะชอ? กุฮ เปรียง. อวร อัร กะชอ? กุฮ พะนิ่ฮ. เปรียง อัร กะชอ? ลูจ กะชอ? กุฮ พะน่ิฮ กุล จา? โปง มวย ฮัย ป? ตอง. เทวดา ปา? โทด กุล ชุร กุฮ อัร กะชอ? กุฮ ปาง ตุฮ เอญ. เทวดา กลุ ชรุ จา? อิจ. เทวดา ตี เปรียง แดฮ็ โง กลุ แด็ฮ จา? ฮึพ่ัด. เทวดา กอ อรั กะชอ เอญ. อัร พ็่อบ ฮึโล?. ฮึโล? ตี พะนิ่ฮ แด็ฮ กุฮฮนับ. “แด็ฮ ดูด เอิด็ ตะโพก ฮึโล?”. ฮัง เทวดา พีจ พะน่ิฮ นะ ดูด ตะโพก เทวดา กอ กุล พะน่ิฮ ดดู ปาง ฮึโล?. กฮุ กุล ดูด ตะโพก ฮึโล? น่ังค่อ็ ฮ โลง. คําแปล เร่อื ง หอย มีเทวดาองคหน่ึงจะไปบอกมนุษย เทวดาไปเจอหมา ส่ังหมาใหไปบอกมนุษยกินขาว ๓ วัน ๑ มื้อ หมาจะไปบอกแตเจอควายเลยส่ังควายตอ ควายจําผิดไปบอกใหมนุษยกินขาว ๓ มื้อตอวัน เทวดาโกรธหมาที่ สั่งแลวไมบอกดวยตัวเองเลยสาบใหหมากินอุจจาระ โทษที่ไมไปบอกดวยปากตัวเอง สาบควายใหกินหญาโทษ ฐานเพราะโง เทวดาเลยจะไปบอกเองไปเจอหอย หอยบอกวา มนุษยมันเลว “มันชอบดูดท่ีกนหอย” ฝาย เทวดาไดฟงก็กลัวมนุษยจะดูดกนตัวเอง ก็ไมไปบอกมนุษย เทวดาไดยินแบบน้ันก็เลยใหมนุษยดูดปากหอย ไมใ หด ดู กนอีกตอ ไป ๔) พรานแจมอรั เทียวเคริ่บ็ พรานแจม อัร เทยี ว เคริ่บ็. เตงิ กะมดั เพลิงพรอม ฮลกู กะมัด และ ดินกะมัด. พรานแจม อัรอาร เรือ่ ย ๆ. พอดี อัร พนื ทะนาย ลี จะคอง. พรานแจม เคาะ เลย คะม่ึง พะชางคลีจเครินกะลัง นอบ แชด ฮึมอก กะงอน พรอมไพร. พรานแจม เกาะ เลยคอย ๆ มองกะดัฮ คลีจ แดฮ จะแชด ฮึมอก เอิล. พรานแจม นะแปญ ๔๗
คลีจทูล คิดอีก. ทานนะ แปญ ตุฮแดฮเกาะ นะโคก มวยตุฮ. เกาะเลย ชู กะมัด ตุนแอ็ง กุลเตียว คาบ อึบ อึบ็ อก. พราน แจม เกาะ ตะเอา ไก กะมัด. พะชาง กะมัด เกาะ พรุ ตุน อยาง แรง ตุม ๆ ๆ ๆ. ฮลูก กะมัด อัร ฮทะ คาบ ฮึม็อก. คาบ ฮึบ็อก แดฮ กัลป ชริฮ วิฮ ทับ คลีจ เคลิบ. คลีจ เลย กะแจ็ด เด อิง ตุฮ. พรานแจม บญุ ชะลอบ เอิล อคึ า ง ลอเพรา ย แดฮ ทะ กะมัด ชะทายเจียด. พรานแจม เตรติ นุ โงเงนะลวด ดุ อวด คือ แดง เคลิงเอิล. พอ แดฮ คดิ โคะ เกาะ เลย ฮรั กะดฮั คาบ อบึ อก คลัจ เจิง. เกา ะ คะมัย คลีจ กะแจด ระพูง ระพัด เอิล. พรานแจม เกาะ โจว กะ ชอ คุญัฮ โดง. ญัฮโดง ญน กุ เชือ เกาะ เลย โฮ พราน แจม. ตีกุย พรานแจม แทะ ตรอ พา จะเกาะ ชะครงุ ตุมเฮเลย. พรานแจมเกาะพูดตูนยางแรง. มึงคุเชือแร็ย ๆ เกาะกุต่ีพวกมึงกูเก่ียว โวย. คําแปล เรอื่ ง “พรานแจมลาสัตว” พรานแจมไปเที่ยวปา แกจะแบกปนไปพรอมกระสุนดินปน พรานแจมเดิมไปเรื่อย ๆ พอดีแกไป เห็นรอยหมูปาอยางมาก พรานแจมก็สะกดรอยหมูปาไปเปนฝูง แกเดินไปสักพักก็ไดยินหมูปากินลูกกระบกดัง ล่นั ปา พรานแจมเดินคอ ย ๆ มองดูเสียไปขางหนาก็เห็นหมูหลายตัว ท้ังตัวเล็กตัวใหญ แกก็คิดอยูนิดหน่ึงถาจะ ยิงตัวหมเู ฉพาะตัวเดียว ก็จะไดหมูตัวเดียว แกก็เลยปนขึ้นตรงกิ่งไมกระบกขนาดใหญพอสมควร แกก็ล่ันไกปน เสียงปนก็ดังตูม เสียงปนกระทบกันดังกึกกองไปทั้งปา ลูกปนแกก็ไปถูกกับก่ิงไมกระบก กิ่งกระบกก็หักตกลง มาทับหมูตายหลายตัว พรานแจมนอนสลบอยูขางปลวก เพราะแกโดนปนถีบอยางแรง แกลุกข้ึนเดินข้ึนเกือบ ไมไหว พอแกคิดไดแกก็เกินไปดูก่ิงไมหักเห็นหมูตายหลายตัว พรานแกก็เลยกลับบานไปบอกชาวบานมาเอา เน้ือหมู แตชาวบานไมเช่ือ ก็พากันหัวเราะพรานแจม คิดวาพรานแจมโกหก พรานแจมแกก็เลยบอกกับ ชาวบานวาไมเ ช่อื ก็ไมต องเชอ่ื ๕) อีญ กะแจ็ด ยอน ปาง ฮัย ค็อฮ แพร็ย จิฮ. นอม อีญ มวย ตุฮ. ตึด อัร ชีร จา?. กอ? พ็อบ ที? บ็อน โกรง ดาก.อีญ ตี กุ ที? อัร กอ? ชา ปา? นาน กอ? ชา. พูด กอ? ชา คอง จา? นะ กุ โทว บ็อฮ เคิม็. ที? ตี คอง จา? กุ โทว เม ที? แด็ฮ จา? ฮึพ่ัด จา? พักบุง พักแวน. อีญ ตี กุ ที? อัร ชา พูด ชา ฮาน นะโทว ญิน เพิน็ ที? ตี จิฮ ดาก กุ นอม ปะชาง ญิน กุ พ็อบ เม. อีญ ตี บ็อก ทะโมะ ปะชาง แด็ฮ กะเลา ปะชาง แด็อ พรุฮ ชะเง็ย ที? กุ กะโมะ แด็ฮ โทว บ็อฮ. อีญ กอ? กะโดด ล่ัด ฮึตา? ที? “แว็ย นะ พรุฮ กุล เพ็ฮ ทะโมะ ที? ตี “พรุฮ บ็อฮ”. ที? แด็ฮ โทว อีญ กอ? พรุฮ อ่ึงอาง อึ่งอา ง องึ่ อา ง มวย ฮึปุจ ปะชาง กอ?ชบิ . ท?ี จะดึม เอย ตี. อ่ีญ ทั่ฮ ญิน จับ อัร จา? ที? ตี อญี แดฮ็ กะแจ็ด ยอน ปาง. คาํ แปล เรื่อง “อ่งึ ตายเพราะปาก” วันหนึง่ ฝนตกพรํา ๆ อึ่งอางออกไปหากนิ ไปเจอเตา ท่ีริมหนองน้ํา อ่ึงบอกเตาวาเดินก็ชา พูดก็ชา ทําอะไรกช็ า อาหารจะไมว่ิงหนีหรือ เตาบอกวาไมหนีหรอก เพราะเตากินแตผัก เตากินผักบุงผักแวน อึ่งวาเตา ทําอะไรก็ชา พูดก็ชา เดินก็ชา จะวิ่งหนีศัตรูพนหรือ เตาบอกวาไมรอง ไมพูด ไมมีเสียง ไมมีใครเจอมันหรอก อ่ึงอางวาอยากฟงเสียงมันหรือเปลา เสียงมันดังไกลนะ เตาก็ไมฟง เตาเดินหนี อ่ึงอางกระโดดขวางหนาเตา ๔๘
“เราจะรองใหเธอฟง” เตาวา “รองซะ” เตาเดินหนีอ่ึงอาง อี่งก็รอง อ่ึงอาง อึ่งอาง อึ่งอาง สักพักเสียงอึ่งอางก็ เงยี บไป เตา มันรวู าอง่ึ อางถกู เขาจับไปกนิ เตาวาอึ่งอางตายเพราะปาก ๖) ท?ี บ็อก พัร นอม ที? มวย ตุฮ แท็ฮ เบิน็ คู จะกอ? ญัฮ ตะมาด. มวย ฮัย ค็อฮ. ตะมาด กะชอ? กุ ที? ตี บอน ท็อง ฮอง แด็ฮ. คอง จา? เคลิ ง็ . ตะมาด กอ? ฮึโญง ที?. อรั ทอ็ ง พัก่ จะกอ? ท?ี กะชอ? กุ ตะมาด ตี. แด็ฮ พัร กุ โคะ. ตะมาด กอ? ตี. นะ พา อัร. ตะมาด กะชอ? กุ ที?. คะมัย ชะโมะ อะเนญ พูด เนอ. ตะมาด กอ? เจียด ชู? อวร ที? คุง เอิล็ ตะมาด กุม จับ ชู? ญัฮ มวย ฮึคาง. ตะมาด พัร พา ที? อัร ฮึตูล ฮึกาซ. กวนกวน ควาล ฮึโชง คะมัย. กุม ตี ที? พัร โคะ. ที? ฮีร กวนกวน. ที? นะ แชง กวนกวน. แด็ฮ ทะวึ่ด ตี แด็ฮ คุง ชู? เอิล็ง. ที? ฮา? ปาง. แด็ฮ กอ ชริฮ จิฮ ต?ี กะดุฮ ท?ี ปาก ท?ี กะแจด็ บอ็ ฮ. คาํ แปล เรอื่ ง เตาอยากบนิ มีเตาตัวหน่ึงมันเปนเพ่ือนกับอีแรง วันหนึ่งนกอีแรงบอกเตาวาท่ีอยูของนกอีแรงมีของกินอุดม สมบูรณ นกอีแรงก็ชวนเตาไปอยูดวยกัน เตาบอกนกอีแรงวามันบินไมได นกอีแรงบอกวาจะพาเตาไป ถาเตา เห็นอะไรอยาพูดเด็ดขาด นกอีแรงก็พาเตาคาบไว นกอีแรงสองตัวก็จับปลายไมไวทั้งสองขาง นกอีแรงก็พาเตา ไปบนฟา เดก็ เลี้ยงววั เห็น เด็กรอ งวา เตา บินได เตาไมพ อใจเด็ก ๆ เตา จะดาเด็ก ๆ มันลืมไปวามันคาบไมไว เตา อา ปากมนั ก็ตกลงดนิ กระดองเตาแตกตาย ๗) พะนิ่ฮ ปะชู พ็อบ พระ นอม เพราเพรา ปะชู มวย ญัฮ เพราเพรา ปะชู แด็ฮ ท็อง มวย ญัฮ. กุฮนอม อะญัฮ คอย กะดัฮ ญัฮ กุนอม พะนิ่ฮ ชีร ปรัก กุล อวร กุนอม ปรัก ราญ โปง จาด. แด็ฮ ก็ ชีร จีร กะดวจ ทอง เนอ เคริ่บ็ เจียด โลง โชรง จาด แทน โปง. แด็ฮ จีร กะดวจ จีร อัร ก็ โคะคะมึง ปะชาง ฮึบอก ตี จีร จิฮ อัร พรุ ปุก. เพรา เพราะ ปะชู แด็ฮ กอ? ชงชัย ตี ปะชาง พรุ เนอ ฮึบรุง กะดวจ. แด็ฮ ก็ ลอง จีร ตึนโลง กะดัฮ ตี นอม ชะโมะ. แด็ฮ กอ อดุ ชา จรี พ็อ บ กะรง ชู เดิม. เพราเพรา ปะชู กอ บ็อก กะรง กะดัฮ นอม ชะโมะ ท็อง นอ เนอ. พอ ปอก กะรง แด็ฮ คะมัน พระพทรบ เด็ฮ เจียด พระ ออก นอ ทง กะดวจ แด็ฮ ออร ทะนัด. ฮมลา ฮึมลู แด็ฮ เจียด พระ ตี พ็อบ เอิล็ ฮึตูล กะด็อบ ปูญ. แด็ฮ บูชา ดุกปะตัม กราบ ชะม็อฮ ปูญ ดุก ปะตัม. นัง ค็อฮ แด็ฮ กอ ปอ? ตี นอม ลูง โลง กะชอ? เลก. เติร นัง แร็ฮ ฮัย เลก ตึด แด็ฮ กอ ราญ เลก พั่ก แด็ฮ ปอ ๆ. เด็ฮ กอ ทฮั เลก โคะ ปรกั เคล่ิง็ เคล่งิ .็ เพรา เพรา ปะชู แดฮ็ เจียด ปรกั ตี ทัฮ่ เลก อัร ปา? บนุ ดกุ ฮยั . คําแปล มีหญิงแกช ราคนหนึ่ง หญิงแกคนนี้อยูคนเดียวลูกไมมีสามีก็เสียชีวิตเลยไมมีใครคอยเล้ียงและไมมี คนหาเงินมาใหใช ไมมีเงินซื้อขาวกิน แกก็ขุดหากลอยอยูในปาเพ่ือมาน่ึงกินแทนขาว แกขุดกลอยไปก็ไดยิน เสียงเสียมที่ขุดลงไปดังปุก ๆ ๆ หญิงแกคนนี้ก็สงสัย วาเสียงอะไรดังอยูใตดินหลุมที่ขุดกลอย แกก็ลองขุดดู ขึ้นมาวามีอะไร แกก็อุสาหขุด พอขุดไดเปนลังไมเกา หญิงแกชราคนน้ีก็เปดดูเปนพระของโบราณ แกก็รีบเอา พระใสถุงกลอย แกท้ังดีใจทั้งต่ืนเตน ตกตอนเย็นแกก็เอาพระที่เจอวางไวบนหัวนอน แกก็บูชาอยูทุกคืน กราบ ๔๙
ไหวกอ นนอนทกุ คืน จากน้นั แกก็ฝนวามีพระสงฆมาบอกเลข ต่ืนตอนเชาวันหวยออกแกก็ซื้อหวยตามที่ฝนแกก็ ถกู หวย ไดเ งินมามากมาย แกกเ็ อาเงนิ ที่ถูกหวยไปทาํ บุญ ๘) ฮนยู ญฮั ที? ฮนูย ญัฮ ที? แท็ฮ บันคู ชะกอ?. กุม ฮึโญง ชะกอ? อัร ทราม คะมะ. พอ โคะ เคลิง็ ฮนูย กอ เลย บอ็ ก โคะ มวยญัฮ. “เฮย เกลอ เพฮ แท็ฮ พะน่ฮิ จอ็ ง เนอ แวย็ นะ ฮอก คะยาล”. ที? เลย รบ่ั กะมดั นัง ฮนยู . ฮนยู ตนึ ฮตึ ลู ยอด คะยาง. ท?ี อัร จ็อง อัร ตอ ทัว คะมะ . “โอย กะเตา บ็อก จิฮ โฮมดาก เอย แว็ย”. กะมดั ตรู ยาง แรง ฮนยู ทอ็ ง ฮึตูล ยอด คะยาง. “โทว ตึน ตัม ชู? เนอ เกลอ เอย”. ที? ตึน ตมั ช?ู กุฮโคะ เลย โท็ว ลอ บ ชรุง ฮลึ อ?. ฮนูย ทัฮ่ ยก่ั กะมัด ญัฮ กะมัด ชาบ ตอ ชริฮ จิฮ กะแจด็ คะมัย เงี่ยก ชะกฮั . ที? โลง คะ มยั . “โอ ชะบาย เอย โด็ว เกลอ เอย”. คําแปล เร่อื ง ลงิ กับเตา ลิงกับเตาเปนเพ่ือนกัน ชวนกันไปถางปาทําไร พอทําไดเยอะลิงเลยอยากไดท่ีดินเปนของตัวเอง คนเดยี ว ลิงบอกเตาวา “เพ่ือน แกเปน คนไปจุดไฟนะ ฉนั จะเปนคนเรียกลม” ลิงจึงสงไฟใหเตา แลวก็ข้ึนไปบน ยอดตนยาง เตาจึงจุดไฟจนทวั่ ไร กร็ สู ึกรอ นแลว บนวา “รอน อยากจะอาบนา้ํ จังเลย” ไฟลุกไหมอยางแรง สวนลิงก็อยูบนตนยาง โหรองบอกใหเตาขึ้นตนไม “หนีขึ้นตนไมนะเพ่ือน เอย” แตเตาขึ้นตนไมไมได จึงหนีเขาไปอยูท่ีหลุมปลวก สวนลิงถูกควันไฟ ไฟรน จนตกลงมาจากยอดยางตาย ไฟไหมเ ห็นแตตอตะโก เหน็ แตค วัน เตา มาเจอแลว พูดวา “โถเพ่ือนฉัน ทาํ ไมยิ้มเหน็ แตฟ น สงสัยจะมคี วามสขุ ” ๙) อเี ปญโง นอม ฮึเปญ มวย ตุฮ. แด็ฮ ตึด อัร ชีร จา?. ฮึเปญ พ็อบ ตันซาย. ท็อง จา? ฮึพั่ด. ฮึเปญ แด็ฮ ตะครุบ เอิล็ ตันซาย. ฮึเปญ นะ จา? ตันซาย. ตันซาย ตี “อะเนญ จา? แว็ย คัม เทิด. ตุฮ แว็ย ฮึแนจ. จา? กุ เพ็ย แม”. ตนั ซาย แดฮ็ กอ? อัร ชรี คอง จา? ตฮุ อะโต กลุ กุ ฮึเปญ. ตันซาย แด็ฮ อวร ฮึเปญ คอย แด็ฮ กอ? อัร ชีร จีญ. อวร จีญ ชวย. จีญ ญัฮ ตันซาย. กุม กอ? พา จะกอ? อัร ชีร ฮึเปญ. ตันซาย อวร ฮึเปญ ปูญ จิฮ ฮึเปญ เชือ ตันซาย แด็ฮ กอ? ปูญ จิฮ กะลึบ ม่ัด เอิล็. ตันซาย กอ? อวร จีญ. เลิน็ ฮึเปญ ฮึเปญ กอ? กะแจ็ด ยอน จญี เลนิ ็. คาํ แปล เรือ่ ง เสือโง มีเสือตัวหนึ่งมันออกหากิน เสือมันเจอกระตายกินหญาอยู เสือตะครุบกระตายไว เสือจะกิน กระตาย กระตายพูดวา “อยากินฉันเลย ฉันตัวเล็กไมอิ่มหรอก” กระตายมันไปหาของกินตัวใหญมาใหเสือ กระตายใหเสือรอ มันไปหาชาง ใหชางชวย กระตายกับชางก็ไปหาเสือ กระตายใหเสือนอนหลับตา เสือเช่ือ กระตาย มันลงนอนหลับตาไว กระตายใหช า งเหยยี บเสือ เสอื ก็ตายเพราะชางเหยียบ ๕๐
๑๐) กัลอาก ญฮั กาวโงก กลั อาก ญัฮ กาวโงก แท็ฮ บนั คู ชะกอ?. บาร ตุฮ พัร อัร ช่ีร จา? นอ โกรง. กัลอาก ญัฮ กาวโงก คะมยั ชะโมร ตุฮ แทฮ็ ซี กอก กุฮ เมาะ. กาวโงก กะชอ กลุ กลั อาก ”เจียด ซี เค่ิล็ง เค่ิล็ง โลง เตญ”. ทูล เอย กัลอาก กะชอ กาวโงก “เตญ แบบ เพ็ฮ กลุ แว็ย เชิน”. กาวโงก อชึ ีร่ . เจยี ด ซี เพลียด มวย ซี ทา กุล กัลอาก. กลั อาก กอ? แทฮ็ ซี เพลยี ด กาวโงก กอ? แทฮ็ ซี เมาะเม็ง. คําแปล เรอ่ื งกากบั นกยูง กา กับ นกยูง เปนเพื่อนกัน สองตัวบินไปหากินในคลอง กากับนกยูงเห็นเงาตัวเองเปนสีขาวไม สวย นกยูงบอกกา “เอาสีตาง ๆ มาแตง” เสร็จแลวกาบอกนกยูง “แตงแบบเธอใหฉันบาง” นกยูงขี้เกียจเอาสี ดาํ หน่งึ สีมาทาใหก า กาจงึ มสี ีดํา นกยงู จึงมีสีสวย ๑๑) คะยาม ญฮั ฮนยู นอม คะยาม มวย ตุฮ ท็อง เนอ โกรง คาก แด็ฮ ชีร จา? ฮึปากฮัง เอะ ฮึปาก ฮัง เตะ นอม ตัน ชู? บาร ฮึคาง ยอด แค็ฮ แล็จ จะกอ?. ฮึตูล ตัมชู กอ? นอม ฮนูย มวย ตุฮ คะยาม แด็ฮ บ็อก จา? ฮนูย คะ ยาม แด็ฮ ฮึโญง ฮนูย แท็ฮ เบิน็คู กุฮยอม แท็ฮ เบิน็คู. คะยาม แด็ฮ คีด นะ จา? ฮนูย ตอ โคะ แด็ฮ กะชอ? กุฮ ฮนูย ตาย ตัมชู? อวร ละแค็ฮ ปา?นาน ตึน กะชิน แด็ฮ นะ พา อัรฮึปาก ฮังเตะ. ฮนูย ตี แด็ฮ ตาย อัร เอญ โคะ คะยาม กอ? กะชอ? ดุก ฮัย แด็ฮ บ็อก จา? ฮนูย แต ฮนูย กุฮ ยอม แท็ฮ เบิน็คู ญัฮ คะยาม. ฮัย ค็ อฮ ฮนูย ุม ละอุน ยอม แท็ฮ เบิน็นคู ญัฮ คะยาม คะยาม อวร ฮนูย ตึน กะชิญ ตะพาง โกรง ดุก ฮัย. ฮัย ค็อฮ คะยาม พา ฮนูย อัร แล็จ ปะจิด โกรง คะยาม ฮัน คะยาบ ฮนูย ฮนูย ตี แด็ฮ กุฮกะแจ็ด เม ุม แด็ฮ ท็ อง ฮึตูล ตัมชู?. คะยาม นะจา? ฮนูย ตอโกะ ฮะนูย ตี แด็ฮ กุฮ กะแจ็ด เ แด็ฮ จะลัด อาร คะยาม กะดัฮ ฮึปวย เชา ท็อง ฮึตูล ยอด ชู?. คะยาม เชือ ฮนูย แด็ฮ คะล่ัฮ ฮนูย บ็อฮ ฮนูย กะโดด ตึน ตัมชู? ฮนูย แด็ฮ เค ริ่ก ๆ ฮปึ วย เชา เชา ชริ่ฮ จฮิ กดึ คะยาม ฮนูย กอ? กฮุ อะแจ็ด. คําแปล เรอ่ื งจระเข กับ ลงิ มีจระเขตัวหน่ึงอยูในคลองน้ํา หากินอยูฝงทางโนน ฝงทางนี้มีตนไมข้ึนสองฝง ยอดถึงกัน บน ตนไมมีลิงหน่ึงตัว จระเขอยากกินลิง จระเขชวนลิงเปนเพื่อน แตลิงไมยอมเปนเพื่อน จระเขมันจะกินลิงใหได จระเขก็บอกทุกวัน มันอยากกินลิง แตลิงไมยอมเปนเพื่อนจระเข วันหน่ึงลิงใจออน ยอมเปนเพื่อนกับจระเข จระเขใหลิงขึ้นหลังขามคลองทุกวัน วันหน่ึงจระเขพาลิงไปกลางคลอง จระเขหันมางับลิงไว ลิงวามันไมตาย หรอก หัวใจมันอยูบนตนไม จระเขมันจะกินลิงใหได ลิงวามันไมตายหรอก มันชี้ใหจระเขดูรังมดแดงอยูบน ตนไม จระเขเช่ือลิง มันปลอยลิงเสีย ลิงกระโดดขึ้นตนไม ลิงมันเขยารังมดแดง มดแดงตกลงกัดจระเข ลิงก็ เลยไมต าย ๕๑
๑๒) บูนตาว นอม ปอม มวย ตุฮ. แด็ฮ ท็อง บอน โกรง ดาก เนอ ลึบ. มวย ฮัย ค็อฮ. ปอม แด็ฮ พ็อบ บูน ตาว บอน โกรง ดาก. แด็ฮ กุ จะดึม ตี แท็ฮ ชะโมะ. ปอม แด็ฮ ฮมาญ ฮึเจียม. ฮึเจียม กะชอ?ตี บูนตาว วิเซด ปา? อวร พะน่ิฮ ชนะ. ปอม กอ? ตี. บูนตาว แท็ฮ ดัก แด็ฮ กอ? นะ ชนะ ญิน. ปอม แด็ฮ กอ? เจียด บูนตาว เดียน ตุฮ อัร. มู ซั่ด กอ? อวร แด็ฮ แท็ฮ พระราชา. มู กุม กอ? ตี. กุล พระราชา เจริญ ปอม กอ? ออร ยอน บนู ตาว วิเซด . จีญ โลง พอ็ บ ปอม. แด็ฮ ฮมาญ ปอม ต.ี อวร บนู ตาว แท็ฮ กะเลา ปอม ตี อวร กุ แท็ฮ. จีญ ตี อวร บนู ตาว กุ แทฮ็ แท็ฮ พระราชา โคะ ญัง ฮาน จญี ยุก ชงุ เลนิ ็ ปอม กะแจด็ . คําแปล เรอื่ งดาบวิเศษ มีก้ิงกาตัวหนึ่งมันอยูใกลหนองนํ้าในปา วันหน่ึงกิ้งกาไปเจอดาบตรงหนองน้ํา มันก็ไมรูวาเปน อะไร กิ้งกาถามนก นกตอบวาดาบวิเศษ มันทําใหคนชนะ ก้ิงกาบอกวาดาบเปนของมัน มันก็จะชนะใคร ๆ ก้ิงกามันเอาดาบติดตัวไปทุกแหง พวกสัตวใหมันเปนพระราชา พวกมันบอกวา พระราชาจงเจริญ กิ้งกาดีใจ เพราะดาบวิเศษ ชางมาเจอกิ้งกา มันถามก้ิงกาวา ใชดาบเปนหรือเปลา ก้ิงกาวาไมเปน ชางวาใชดาบไมเปน จะเปน พระราชาไดอยา งไร ชางกย็ กตนี เหยียบก้งิ กาไว กิง้ กาตาย ๑๓) พะ ญัฮกวนอาชีรตะบงั นัง แร็ฮ ฮัย ออ? พะ ญัฮ กวน เติง็ ม็อก เติง็ ยาม ตึน อัร ชีร ตะบัง ตึน กุร. ระวาง โตรว ตอง ตะพาง ดาก นอม ชู? พาด เอิล็. อัรแล็จ กุร กอ? คะมัย ตะบัง เคิล็ง ทะนัด กอ? ชวย ชะกอ? ตะกัลป ออก ยาม ยาง เพลิน. เวลา ค็อฮ โชรม ทะนอก มวย ตุฮ กอ? ตึด โลง ตัม ทูญ. พะ ญัฮ กวน ฮึเกิด พา จะกอ? กะ เทรยี่ บ โท ตะว่ึด ตะบัง. พอ แล็จ ตะพาน มวั แต ฮึเกิด็ ปา? กุล ชริฮ ดาก. บารญัฮ กวน แพร็ม โจว ฮี? กุโค? ตะบงั พอ มวย นอ เพ. คําแปล เรือ่ ง พอกบั ลูกไปเกบ็ หนอไม เชาวันหนึ่งพอกับลูกถือเสียมถือยามข้ึนไปหาหนอไมบนเขา ระหวางทางตองขามลําหวยซ่ึงมี สะพานไมทอนพาดขามลํานํ้า พอไปถึงเขาเห็นหนอไมเยอะมากจึงชวยกันหักหนอไมใสยามอยางเพลิดเพลิน ทันใดน้ันงูเหาตัวหนึ่งก็โผลออกมาจากกอไผนั้น พอกับลูกตกใจมากพากันวิ่งหนีจนลืมหนอไม พอถึงสะพาน ดวยความตกใจทําใหทั้งคูพลัดตกนาํ้ สองพอลูกเปยกกลับบา นโดยไมไ ดห นอไมก ลบั บา นแมแ ตห นอเดียว ๑๔) อญี ญฮั ฮโึ ชง นอม กวน อีญ โอร บาร ตุฮ แด็ฮ ท็อง เนอ ตี? ฮึตึล. แด็ฮ กอ? ตึด โลง ชีร จา? ชุร มวย ฮัย ค็่อฮ. อีญ โอร บาร ตุฮ ตึด ชีร จา? แด็ฮ นอม ฮึโชง จา? ฮึพ่ัด บ็อน ค่็อฮ มวย ตุฮ. ฮึโชง แด็ฮ ทะเลิ่น็ อีญ โอร มวย ตุฮ กระแจ็ด. เคิน็ อีญ โอร อีก มวย ตุฮ. กุ ทั่ฮ ฮึโชง เลิน็ อีญ โอร. แด็ฮ กอ? โจว กะชอ? กุ โอง แดฮ็ ตี. ตุฮ ชะโมะ กุ จะดึม เลิน็ อีญ มวย ตุฮ ค็่อฮ กะแจ็ด. กวน อีญ โอร ตี. ตุฮ แด็ฮ อะโต. แมะ แด็ฮ กอ? อัร กะดัฮ กอ? คะมัย ฮึโชง ตุฮ อะโต. แมะ แด็ฮ กอ? กะเบง พุง. อวร ตุฮ อะโต. แด็ฮ นะอัร ซู จะกอ? ญัฮ ฮึโชง. แมะ อีญ โอร กะเบง พุง ตีน กอ? ฮมาญ กวน ตี. อะโต เทา เคิน็. กวน อีญ กะชอ? ตี. อะโต กวา ค็่อฮ ๕๒
อีก. แมะ แด็ฮ กอ? กะเบง ตึน อีก. กวน กอ? ตี กุ อะโต เทา. แมะ อีญ กะเบง อวร ตุฮ อะโต เทา ญัฮ ฮึโชง. ตุฮ แดฮ็ ตอ พลอง. พงุ แดฮ็ กอ? ปาก. แมะ อีญ โอร กอ? กะแจ็ด บอ็ ฮ. คาํ แปล เร่ือง อง่ึ กับวัว มีลูกอ่ึงกระโดนสองตัวอยูในดินทราย มันออกมาหาแมลงกิน วันหน่ึงอึ่งกระโดนสองตัวออกหา กิน มีวัวกินหญาตรงน้ันตัวหน่ึง วัวมันเหยียบอ่ึงอางตายหน่ึงตัว เหลืออึ่งกระโดนตัวหนึ่งไมโดนเหยียบลูกอึ่ง กระโดนกลับมาพอแมวา ตัวอะไรไมรู เหยียบอ่ึงตาย ลูกอ่ึงกระโดนวามันตัวใหญ แมมันก็ไปดู เห็นวัว วัวตัว ใหญ แมม นั ก็พองตวั ใหตวั ใหญ มนั จะไปสกู ับววั แมอ่งึ กระโดนพองตวั ขนึ้ แลวถามลูกวา ใหญเ ทาหรือยัง ลูกอึ่ง บอกวาใหญกวานั้นอีก แมมันก็พองตัวข้ึนอีก ลูกก็บอกวาไมใหญเทา แมอ่ึงพองตัวใหใหญเทาวัว ตัวมันโปง ทอ งมนั แตก แมอ่งึ กระโดดกต็ าย ๑๕) จญี ญัฮ ฮึเปญ จีญ ญัฮ ฮึเปญ. กุม วิญ จะกอ? ตี ปะชาง อะญัฮ พรุ กวา จะกอ?. จีญ ตี ปะชาง แด็ฮ พรุ ตอง ชะน่ัฮ ฮึเปญ. จีญ อวร ฮึเปญ พรุ ชะม็อฮ. ฮึเปญ กอ? พรุ “โฮก ๆ “ ฮึเจียม กอ? พัร อั่ร เอิด็. จีญ กอ? พรุ “แปร็น ๆ “ กุนอม ฮึเจียม พัร พอ มวย ตุฮ. ฮึเปญ ชะน่ัฮ, แด็ฮ นะจา จีญ. จีญ โทง โลว ปะจัน เพรา กวน. จญี ประจนั เพรา กวน ทลู . กอ? โจว โลง นะ อวร ฮึเปญ จา?. จีญ ยาม โลง ตัม โตรว พ็่อบ ตันซาย. จีญ เลา กุล แด็ฮ ทะโมะ. ตันซาย อวร จีญ. เจียด แด็ฮ ตึด นัง ตะเคิล็ จีญ กอ? ชวย ตันซาย. กุม กอ? พา จะกอ? อัร ชีร ฮึเปญ. พอ จีญ ญัฮ ตันซาย อัร แล็จ. คะมัย ฮึเปญ ตันซาย กะเทร่ียบ อัร ตึน ปะตา จีญ. ตันซาย ตี “จีญ มวย ตุฮ กุ พอ ม็อก โค ฮึเปญ อีก มวย ตุฮ”. ฮึเปญ คะมึง กอ? กะเทรี่ยบ โทว พีจ ทั่ฮ จา? พ็่อบ ชุร. แด็ฮ กะชอ กุ ชุร ตี. กุ จะดึม ตุฮ โมะ นะจา? แด็ฮ. ชุร กอ? อวร พา อัร กะดัฮ. ตี แท่็ฮ ตุฮ ชะโมะ ฮึเปญ ชัน นะ กะเทรี่ยบ โทว. ชุร ญัฮ ฮึเปญ ทั่ก ปะตา เดียน จะกอ?. ชุร ญัฮ อึเปญ อัร แล็จ. ตันซาย พูด ตี “เออ แว็ย คอย เพ็่ฮ ลอ เลย นะเจียด ฮึเปญ อวน โลง ฮาน ชัน นะเจียด ฮึเปญ ชวย กุล แว็ย จา”. ฮึเปญ คะมึง กะเท รี่ยบ พรวด ๆ ชุร กะด็อบ กะท็่อบ ตะเคิล็ ชุดโตรว. ฮึเปญ ละแค็่ฮ. แด็ฮ หัน โลง กะดัฮ. คะมัย ชุร กะแจ็ด เงี่ยก จะกะ. คาํ แปล เร่ืองชางกบั เสอื ชางกับเสือพวกเขาเลนพนันกันวาเสียงใครจะดังกวากัน ชางบอกวาเสียงเขาดังกวา ชางใหเสือ รองกอน เสือก็รองโฮก ๆ นกก็ตกใจบินหนีหมด ชางก็รอง แปรน ๆ ไมมีนกบินสักตัว เสือชนะ เขาจะกินชาง ชางขอกลับไปส่ังเสียลูกเมีย ชางสั่งเสียลูกเมียเสร็จจะกลับมาใหเสือกิน ชางรองมาตามทาง เห็นกระตาย ชาง เลาใหกระตายฟง กระตายใหชางชวยเอากระตายเอาขาออกมาจากตอไม แลวก็พาไปหาเสือ ไปชางกับ กระตายไปเห็นเสือ กระตายวิ่งข้ึนไปหางชาง กระตายพูดวา “ชางตัวหนึ่งไมพอกิน อยากไดเสืออีกหนึ่งตัว” เสือไดยินก็วิ่งหนีกลัวถูกกิน เจอหมา เขาบอกกับหมาวา ไมรูตัวอะไรจะกินเขา หมาก็ใหพาไปดูวาเปนตัวอะไร เสือถึงว่ิงหนี เสือกับหมาผูกหางติดกัน หมากับเสือไปถึง กระตายพูดวา “เออ เราคอยเจานานแลว จะเอาเสือ อวนมา ทาํ ไมเอาเสือผอมมาใหเรากิน” เสอื ไดยินก็วิ่งพรวด ๆ หมาหัวกระทบตอตลอดทาง เสือเหน่ือย เขาหัน มาดู เห็นหมาตายฟนขาวแหงแก ๕๓
๑๖) ชาง ชะลา ด ญฮั กัลอาก โง นอม ชาง ตุฮ ฮมัก. ญัฮ ตุฮ ชุร. กุม นอม กวน นอม พอง. กอ? กุ เคิน็ กัลอาก แคล็จ จา? เอิด็. มวย ฮัย ค่็อฮ. ชาง ตุฮ ฮมัก. แด็ฮ กอ? อัร ฮมาญ ทา เบิน็คู แด็ฮ. ทา กอ? กะชอ? กุ ชาง ตี. ลูก ดาก อวร พฮุ เอิล.็ ชางแด็ฮ กอ? ปา? พก่ั ทา กะชอ?. ชาง แด็ฮ เจยี ด ฮมึ าย. ลูก ดาก อวร พุฮ. เจียด พอง ชะอุย. ออก เอลิ ็ เนอ ฮมึ าย ค็่อฮ. กัลอาก คะมัย พอง. กอ? พัร จิฮ จะบ็อก. คุง พอง ชะอุย ค่็อฮ อัร. กัลอาก แด็ฮ งอม ปาง. ยอน พอง ชะอุย ค่็อฮ นอม ดาก นอ เนอ. พอง ปาก ออก มั่ด. กัลอาก แด็ฮ พรุฮ อัร ชุด โตรว. ยอน ปาง ญัฮ มั่ด แด็ฮ ท่ัฮ ดาก ง็อม ลวก. กัลอาก แด็ฮ กุ จะดึม นะ ปา? ญัง ฮาน. ปาง กอ? ชะอุย พุด กุ โคะ โคะ แต พรุ กา กา กา. คําแปล มีไกตัวผูกับไกตัวเมีย มันมีไขลูกก็ไมเคยเหลือเพราะกาขโมยกินหมด วันหนึ่งไกตัวผูไปหาเปดที่ เปนเพือ่ นกัน เปดบอกไกใหตมน้ําใหเดือดไว ไกทําตามที่เปดบอก ไกเอาหมอตมนํ้าใหเดือดแลวเอาไขเนาใสใน หมอนั้น เม่ือกามาเห็นก็บินลงมาจิกคาบไขเนาน้ันไป การอนปากมาก เพราะมีน้ําอยูในไข ไขเนาแตกใสหนา การอนมาก มันรองตลอดทาง กาไมรจู ะทํายงั ไง ปากกเ็ นา เปอ ยพูดไมไ ด รอ งไดแ ต กา กา กา ๑๗) กะดุฮ ที? นอม ที? มวย ตุฮ. แด็ฮ บ็อก พัร ตึน ฮึตูล ฮึกาซ โคะ. มวย ฮัย ค็อฮ. ฮึเจียม กอก โลง ชีร จา? กา? เนอ โกรง คอ็ ฮ. แต ท?ี กุ กุล ชีร จา?. ที? ตี? เทา พา แดฮ็ ตนึ ฮกึ าซ โคะ. แด็ฮ นะ กุล ฮึเจียม กอก จา? กา? เนอ โกรง ค่็อฮ. ฮึเจียม กอก อวร ที? คุง เอิล็ ย็อก ฮึเจียม กอก กะชอ? ตี “อะเนญ พูด ชะโมะ เนอ”. ฮึ เจียม กอก กอ? พัร ตึน ฮึกาซ ฮึเจียม กอก กอ? ฮึโญง ที? พูด เอิล็ ตะพึด. ฮึเจียม กอก ฮมาญ ญัง ฮาน. ที? แด็ฮ กุ พูด. แด็ฮ พีจ ชริฮ. ฮึเจียม กอก พัร อัร เคิล็ง เทียว. ที? แด็ฮ คูง? แต แด็ฮ กะชอ? กุ ฮึเจียม กอก กุ โคะ. ที? แด็ฮ คูง? แด็ฮ กอ? กึด ย็อก ฮึเจียม กอก. ฮึเจียม กอก แช็ย กอ? ลัยลัซ ย็อก. ปาง ที? ฮึปลุด นัง ย็อก ฮึเจียม กอก ที? กอ? ชริฮ นัง ฮึกาซ จิฮ ตี?. ที? ชริฮ จิฮ ออก ฮมอ? ชะลูด ตึด นัง ฮวา เอิด็ ตอแล็จ ออ?ลอ. ตี เอญ ฮอก. กะดฮุ ที? ค่็อฮ เอย. คําแปล มีเตาตัวหน่ึง มันอยากข้ึนไปบนฟา มันอยากบินได วันหน่ึง นกกระสามาหากินปลาในหนองนํ้า นั้น เตาไมใหนกกระสาหาปลา เตาบอกวาถานกกระสาพามันข้ึนไปบินบนฟาไดมันก็จะใหนกกระสากินปลาใน คลองน้ันได นกกระสาใหเตาคาบขาของนกกระสาไว แลวมันหามเตาพูดอะไรท้ังสิ้น เมื่อเตาคาบขานกกระสา แลว นกกระสาก็บินข้ึนฟา นกกระสาชวนเตาคุยถามเรื่อย ๆ นกกระสาถามยังไงก็เตาก็ไมยอมพูด เตามันกลัว ตก นกกระสาบินไปหลายเทยี่ ว เตามันเมอ่ื ยปาก แตเ ตามันบอกนกกระสาไมได เตามันเลยกัดขานกกระสา นก กระสาเจ็บก็สะบัดขา ปากเตาหลุดจากขานกกระสา เตาก็ตกลงจากฟาลงดิน เตาตกใสหิน กระดูกเตาก็ กระเด็นออกนอกเน้อื จนถงึ ทกุ วันนท้ี เี่ ราเรยี กกระดองเตานน้ั แหละ!!! ๕๔
๑๘) ทา ตะโอน มวย ฮัย กา? ตะโอน โคะ คะมึง คาว ที คลัน นะ คลาด พ่ิด บ็อฮ. แด็ฮ เลย เตรียม ทุฮ นะ อัร เจียด พีด เอิด็ ปอง กัน ตุฮ แด็ฮ ท็อง จะอาจ เงียง ตอ แหลม แล็จ ป? เงียง. แด็ฮ ปูญ ควจ อัร จะอาจ เงียง อัร ฮึุม ละเงิม ชะบาย ฮึุม. ตอ ตะฮัย โลง เติร ตึน ลีวมั่ด ตึด อัร เรือย เรือย. อัร แล็จ คะมัน ฮึชู ชอก ชอก ปุญ กะมัร ท็อง ตัม ตี? ฮึตึล ตัม ค็อฮ. แด็จ มาญ ฮึชู เพฮ ปา? นาน จะกอ? ญิน อัร เจียด พ่ิด ปา โนว. บอนออ? เอย กฮุ คะมัย ดัม แปย กลั ป เจยี ด กะลอ?. กา?ตะโอน กอ็ ฮ เลย ยาม ฮา? ปาง กวาง ตอ ฮึเชจ ตอ แลจ็ ดุก ฮยั ฮอ? พิด่ ก็อฮ กฮุ โคะ นอม ตงั ป? เงียง. คาํ แปล เร่อื ง “ปลาแขยงปากกวาง” ปลาแขยงไดขาววางูเหลือมจะคายพิษท้ิง มันเตรียมตัวไปรับพิษไวปองกันตัวเชนคนอื่น มันนอน ผิวปากเหลาเงี่ยงอยางใจเย็นจนตะวันสาย มันลุกขึ้นลางหนา ออกเดินทางไปเรื่อย ๆ มันเห็นพวกหนอนบุง นอนเกลือกลิ้งทรายแถวน้ัน มันจึงรองถามวา “ทําอะไรกัน แลวเขาไปรับพิษกันที่ไหน ตรงนี้แหละเห็นไหม พวกเรากําลังเกลือกเอาพิษอยู ปลาแขยงเสียงใจอาปากรองไหจนปากฉีกกวาง เพราะมันมาไมทันพวกบุง หนอน ยงั มีพษิ ติดตามขนของมัน ๑๙) จีญ ญฮั ฮตึ ู นอม จญี มวย คะนา. ท็อง บอน โกรง. แลจ็ ฮึต?ู กะเตา. ดาก กอ? จะกัซ จญี กุ นอม ดาก โชง. มู กุม กอ อัร ปรึกซา. ญัฮ ฮึโทะ นะอัร ท็อง บอน ตะมี?. ฮึโทะ กอ? พา อัร ชีร. บอน ท็อง ตะมี? กุม พ่็อบ โกรง. นอม ดาก เคลิ ็ง. จีญ กุม กอ? ออร. พา จะกอ? จิฮ โฮม ดาก. โชง ดาก. จีญ กึ จะดึม. ตี ทะเลนิ ็ ตันซาย กะแจ็ด เคิล็ง ตุฮ. ฮึมูล ค่็อฮ จีญ กอ? พา จะกอ? โลง บอน โกรง. คะมัน ตันซาย. ท็อง เอิล็ ฮึตูล ฮมอ?. จีญ ตี “เพ็่ญ แท็่ฮ อะญัฮ” ตันซาย กะชอ? ตี “แท่็ญ พะน่ิฮ ดัก ฮึตู? ตะลา? โกรง ออ?”. มู เพ่็ญ เลิน็ ตันซาย กะแจ็ด ตันซาย อวร จญี กะดฮั ชะโมร ฮตึ ?ู บดิ เบยี ว. จญี กอ? กะเทรยี บ โทว. คําแปล เร่ือง “ชางกบั พระจันทร” มชี างโขลงหนง่ึ มันอยูใ กลห นองนํ้า พอถึงฤดูรอนนํ้าแหง ชางไมมีนํ้าจะกิน จึงพากันไปหาหัวหนา โดยจะพากันไปหาท่ีอยูใหม หัวหนาจึงไปหาท่ีอยูใหม เจอหนองน้ําที่มีนํ้ามาก ชางดีใจพากันลงไปอาบนํ้าก็กิน นา้ํ อยา งสนกุ สนาน พวกมนั ไมร วู า เหยียบกระตา ยตายไปหลายตัว เยน็ น้ันชา งพากนั ไปท่ีหนองนาํ้ เห็นกระตาย อยูท๋ีโขดหิน ชางถามวาเจาเปนใคร กระตายตอบวา เปนทูตของพระจันทร เปนเจาของหนองนํ้านี้ พวกเจา เหยยี บกระตายตายไปหลายตวั กระตายใหช างดเู งาของพระจนั ทรในนาํ้ ลมพัดบดิ เบยี้ ว ชางรบี วิง่ หนีทนั ที ๒๐) กรรมของฮตึ าม นอม โชรม ดาก. แด็ฮ บ็อก จา? กา? แดฮ็ กอ อัร ชรี จญี . โชรม แดฮ็ อวร จีญ ปญู จิฮฺ กัน ดาก เอิล็ โชรม แด็ฮ นะ ชาจ กา?. จีญ กอ? ปูน จิฮ กัน เอิล็ ดาก. โชรม แด็ฮ กอ? เจียด ปะตา พัน ชู? เอิล็. ฮัง กะด็อบ กอ? กึด คาบ ชู? เอิล็ โชรม แด็ฮ เจียด ลัม ตุฮ กะชาจ ดาก. นอม ฮึตาม เนอ ดาก ค่็อฮ แด็ฮ กอ? กะเนียบ เจียด พุง จีญ ค่็อฮ. จีญ แช็ย แด็ฮ กอ? เติร ตึน ดาก กอ? ฮีว คืน ญัง เดิล บ็อค เอิด็. โชรม แด็ฮ ๕๕
ออด จา? กา? แด็ฮ กอ ฮึร กุ ฮึตาม ทะเนิด็. โชรม กอ? อวร จีญ. กะทื่บ ฮึตาม. เนอ ดาก ฮึตาม ท่ัฮ กะทื่บ กอ? กะแจ็ด บอ็ ฮ. คําแปล เรื่อง “กรรมของป”ู งูตัวหนึ่งมันอยากกินปลา จึงไปหาชาง งูใหชางนอนลงกั้นนํ้า มันจะวิดน้ํา ชางก็นอนลงก้ันน้ําไว เอาหางพนั ไมไ ว ทางหวั ก็กัดกิง่ ไมไว งูเอาลาํ ตวั วิดนํ้า มีปูตัวหน่ึงอยูในน้ํา มันหนีบเอาทองชาง ชางเจ็บหนักมัน ก็เลยลกุ ข้นึ นํ้าก็ไหลกลบั คนื เหมอื นเดมิ งจู ึงอดกินปลา งูโมโหปูมาก งใู หช า งกระทบื ปใู นน้าํ ปูถูกกระทบื ตาย ๓.๒ ประเพณีแหห อดอกผ้งึ ๑) เรือง นง่ั เดมิ นั่งดอ็ ฮ คอง ฮอ กาวพลูย แท็ฮ ปะเพนี คอง เปญยอง ปา? ฮัย ตรุด แท็ฮ งาน บุน อะโต คอง พะน่ิฮ ญัฮกุร. นะ เริม ปา? ฮัย ที ฮึจีด คอง ฮึต?ู ชูน. ญฮั โดง นะ เตรยี มงาน ชีรคอง ตรูยตรูย นะ อัร ชีร ชู? โลง ปา? โครง ฮอ กาว พลูย เพราเพรา นะปา? คองจา? เลียง พะน่ิฮ โลง ปา? งาน. ฮัยที จัซ กอ นะ ปา?พ่ักชะกอ? นอม ญัฮ ปะชู คอย ปะโตว ตี ปา? ญ่ังแอ็ฮญ่ังแตะ. ฮัยที จัซมวย จัซบาร นะ ชวย ชะกอ? ปา? กุล ทูล. พอ ฮัยที จัซป? ชวย ชะ กอ?กะเดียน กาวพลูย กุล ทูล ฮัยค็อฮ. ปะตัม กอ นะ วิญ ชะกอ? ปา? เรเร กุล ชะนุก ชะนาน. พอ ตอน น่ัง แรฮ็ ญัฮโดง จา?โปง ทูล กอ นะ ตดึ อรั บอน ชาลา ดกุ ญัฮ. พอ แล็จ เวลา กอ นะ พา ชะกอ แฮ ฮอ กาวพลยู (พาปา คอ) รอบ โดง เทิ่ก ทะโพน รัม อัร แล็จ วั่ด แฮ รอบ ว่ัด ป? รอบ ทูล กอ เจียด อัร ทวาย ลูง รั่บ ซีน ร่ับ พอน กอ ทูล. กาวพลยู กอ นะ จะแก็ฮ เจียด เอิล็ ปา? เทยี น พะชา . คําแปล ประวตั ิความเปน มาของหอดอกผงึ้ งานหอดอกผ้ึงของชาวญัฮกุร เปนประเพณีของปูยาตายาย จะทําในวันสงกรานต เปนงานบุญ ใหญข องชาวญฮั กุร จะเรม่ิ ในวนั ท่ี ๙ ของทกุ เดอื นเมษายน ชาวบานจะจัดเตรียมงาน และหาอุปกรณ ผูชายจะ หาไมมาทําโครงสราง ผูหญิงจะจัดเตรียมอาหารหวานคาว มาเล้ียงผูที่มาทํางานหอดอกผ้ึง วันที่ ๑๐ เมษายน ก็จะรวมตัวกันจัดทําหอดอกผึ้ง โดยมีผูสูงอายุใหคําปรึกษาแนะนะ ในการสรางหอดอกผ้ึง วันท่ี ๑๑ – ๑๒ เมษายน จะขึ้นโครงสราง และจะทําใหเสร็จในวันที่ ๑๓ เมษายน จะพากันติดดอกผึ้งใหเสร็จในวันน้ัน เม่ือ เสร็จแลวกลางคืนจะมีการร่ืนเริง การละเลน ปา?เรเร เพ่ือฉลองหอดอกผึ้ง และการละเลนฟอนรํา สรางความ สนุกสนานใหกับคนสรางหอดอกผึ้ง และติชมในการปา?เรเร พอตอนเชาพวกชาวบานทานอาหารเสร็จ เรียบรอยแลว ก็จะพากันออกมาที่ศาลาหมูบานทั้งหญิง ชาย เด็กผูใหญ เมื่อไดกําหนดเวลา (ประมาณ ๙.๐๐ น.) กจ็ ะขบวนแหห อดอกผง้ึ (รวมถึงกองผาปา) ก็จะแหรอบหมูบาน ท้ังหญิงชายก็จะฟอนรํา และตีโทน เปาปอ ยา งสนุกสนาน ทีมขบวนแหก็จะแหไปท่ีวัด เมื่อแหวนศาลา ๓ รอบ ก็จะนําหอดอกผ้ึงและกองผาปาขึ้น ไปบนศาลาวัด มัคทายกจะนําชาวบานกราบพระรับศีลเสร็จ ก็จะนําถวายหอดอกผึ้งและกองผาปา ถวายให พระ เมื่อพระรับประเคนหอดอกผึ้งและกองผาปาแลว ชาวบา นก็รับพร และกรวดน้าํ เปนเสร็จพิธี ดอกผึ้งที่แกะออกมาจากโครงหอดอกผึ้ง พระก็จะเก็บไวที่วัด พอถึงเวลาใกลจะเขาพรรษา ก็จะ ๕๖
เอาขีผ้ ้งึ ท่แี กะออกจากโครงหอดอกผ้ึง นาํ ไปหลอ เปนเทยี นพรรษาตอ ไป ๒) ญฮั โดง เชือ ญฮั กรุ เชือตี นะ โคะ อุทิด บนุ กุล พินอง ที กะแจด็ อรั กลุ โคะ รบ่ั บุน. อะญัฮ เคย อรั ชีร ชาย กอ นะ โคะ ขอโทด แด็ฮ. พะนิ่ฮ ญัฮกุร เชอื ตี ปา? กุล นอม ปนยา เพือ นึ่ก แลจ็ แด็ฮ. เจียด ฮ?ี แด็ฮ โลง ปา? ฮอ กาวพลูย. เจียด กาวพลยู โลง ปา? เทยี น พะซา เอิล็ จอ็ ง ชวดมน เรียนปง. ฮัยออ? พะนิ่ฮ ญฮั กรุ เตญตุฮ เมาะ ปา? กนั เทด คู ญฮั ฮอ กาวพลยู คอ . พอ เจยี ด ฮอ กาวพลูย ทวาย ลงู ทลู กลุ รอื โครงบ็อฮ พาย เนอ ป? ฮยั . ปซ เอลิ ็ แต พลยู เจยี ด โครง อรั บ็อฮ เนอ ปาชา. เทา กุฮ เจยี ด อัร บอ็ ฮ นะ ปา? กุล แพรย็ กฮุ จิฮ เนอ ฮนาม คอ็ ฮ. ชะมอ็ ฮคอ็ ฮ ละฮูด พลายพลาย กุฮ กุล ท่ัฮ ตุฮ ชะกอ? นะ ลจู ฮึทอ ก. วญิ ชะโมะ นะ นอม คอ งโลง ชวย ญงั่ เนจละบกั ช?ู . เทา ตรยู ตรูย ทั่ฮ ตฮุ เพราเพรา พอ ทลู งาน ตรูยตรยู นะ อัร ขอโทด เพรา เพรา. คําแปล ความเชื่อ ชาวญัฮกุรเชื่อวาการทําบุญในครั้งน้ี จะไดอุทิศสวนบุญกุศลใหแกญาติ ผูลวงลับไปแลว ใหไดรับ สวนบุญกุศลในครั้งน้ี หากบุคคลใดเปนคนหาผ้ึง หรือตีผ้ึง ก็ถือเปนการขอขมา ในชวงเวลาติดดอกผ้ึงกับ โครงสราง ชาวญัฮกุรมีความเชื่อเก่ียวกับพระพุทธศาสนาวาเปนศาสนาใหแสงสวางของปญญา เพ่ือเปนการ ตอบแทน โดยใชข้ีผ้ึงมาสรางเปนหอดอกผ้ึง เพ่ือใหพระนําข้ีผึ้งมาทําเทียนใชในการทําพิธีกรรมตาง ๆ หรือใช เปนเทียนสอ งสวา งในการเรียนพระธรรม และในวันนช้ี าวญัฮกุรจะแตงกายอยางสวยงาม และจะทํากัณฑเทศน คูกับหอดอกผึง้ ดว ย เมื่อนําหอดอกผ้ึงมาถวายใหพระสงฆแลว ชาวบานจะรื้อโครงสรางท้ิงภายใน ๓ วัน เก็บไวเฉพาะ ขผ้ี ึ้ง และนําโครงสรางไปท้งิ ในปาชา ถาไมร ้ือทงิ้ มีความเชือ่ วา จะทาํ ใหฝนไมต กตอ งตามฤดกู าลภายในปน ้ัน สมยั กอ นหญงิ ชาย จะไมใ หถูกเน้ือตองตัวกัน โดยเฉพาะหนุมสาว เพราะมีความเช่ือเรื่องผิดผีปูยา ตายาย ในการละเลนแตละอยาง ตองมีอุปกรณมาชวยเชน ผาขาวมา ถาหากฝายชายถูกเน้ือตองตัวฝายหญิง หลังจากการละเลน เสรจ็ สน้ิ แลวฝา ยชายจะตอ งมาขอคมาฝา ยหญงิ ๓) ปา? ฮอกาวพลูย คองปา? ๑. บูน ๒. ช?ู งวี ๓. ช?ู พวด ๔. ทญู ระเดจ ๕. ทูญชกุ ๖. กาบพราด ๗. ปะกอฮึมุน ๘. พลูย ๙. ฮมึด ๑๐. ฮึโมร ๑๑. ฮมึ าย ๑๒. ชะลา อะร่ี ๑๓. วีร ๑๔. ทาด ๑๕. อวซ๑๖. ฮงรุ ๑๗. ดาก ๑๘. ครุทงั ๑๙. มยั ควยั ๒๐. คลั ๒๑. กาวคนู คําแปล เรอื่ ง การทาํ หอดอกผง้ึ อปุ กรณ ๑. มีด (มีดเหลา, มีดตดั ) ๒. ไมง วิ้ ๓. ไมส ะแกแสง ๔.ไมไผรวก ๕. ไมไ ผบง ๖. กาบกลว ย ๕๗
๗. มะละกอออ น ๘. ขผี้ ้ึง ๙. ขมนิ้ ๑๐. ปนู แดง ๑๑. หมอ ๑๒. หนามหวาย ๑๓. กระดง ๑๔. ถาด ๑๕. ฟน ๑๖. เตาไฟ ๑๗. นาํ้ ๑๘. ถังนํา้ ๑๙. ไมขีดไฟ ๒๐. ขันทองเหลอื ง ๒๑. ดอกคนู ๔) วทิ ปี า? ตึนโครง แลว แต แต ละโดง กฮุ นอม รบู ชดั เจน ม็อนมอ็ น ก็อฮโคะ แท็ฮ เลียม กอ็ ฮ โคะ แต กะมรุ นะ คือ ชะกอ? (ปะตา? คลาง). ๑. แกจ็ ทูญระเดจ บาร ลมั คลญี ปน พยื เอลิ ็ เชญ. ๒. ทูญชุก อวรลัมทีแดฮ็ โคะ มวย ฮนาม แก็จ มวย ฮัด ปา? ทะแน็จ. ๓. ช?ู งวี ปา?โครง ปา?กะมรุ ยอน แทฮ็ ชู? ละอุน (ฮึเกรา เจียด ชู?พวด). ๔. กาบพรา ด เจยี ดโลง กะเคยี นรอ บ ตุฮ ฮอ กาวพลูย เชียบ โคะ งาย. ๕. ปะกอฮึมนุ ปา?ลาย ดอกกาว แทฮ็ แบบ กาวพลยู . ๖. พลูย เจยี ดโลง ลูก เอิล็ ปา? ดอกกาว. ๗. ฮมด่ึ เอลิ ็ ปา? เกซอนกาว ปา?ตุฮ ปด กาว กุฮ กุล ฮึมลุด กะเปล็ ออก เนอ คัล กุล กาว พลูย ตดึ ชปี ะจญู เมาะ. ๘. ฮึโมร เจยี ดโลง ทา ฮมด่ึ กลุ แทฮ็ ชี เพลญ. ๙. ฮมึ าย, กะทะ ลกู ดาก เจยี ดคลั กะลอย ลูกพลยู . ๑๐. ชะลาอะรี่ เอิล็ กะเดยี น กาวพลยู เชียบ กะเดยี น ญฮั โครง ฮอ กาวพลูย. ๑๑. วรี ญฮั ทาด เอิล็ ออก พวก ชะลา กาวพลยู กลุ ญฮั โดง โลง กะเดยี น. ๑๒. อวซ เอิล็ ออก กะมัด เอิล็ ลูกพลยู . ๑๓. ฮงุรกะมดั เอิล็ ดูน ฮมึ าย, กะทะ ลกู ดาก. ๑๔. ดาก เอิล็ ลูก กะลอย คัล ลกู พลูย. ๑๕. ครุทัง เอิล็ ออก ดาก กะเชกิ ็ พลยู กุล ฮมึ ลุด นั่ง แบบ. ๑๖. คัลทองเลอื ง เอิล็ กะลอย เนอ ฮึมาย ลูกพลยู . ๑๗. กาวคนู เอลิ ็ กะเดียน ตุฮ ฮอกาวพลยู กลุ แด็ฮ เมาะ. คาํ แปล วธิ ีทํา ๑. ตดั ไมไ ผร วก ๒ ลํา ยาวประมาณ ๒ วา (๔ เมตร) เพ่ือเปน คานหาม ๒. ตดั ลําไมไผบง อายปุ ระมาณ ๑ ป ยาว ๑ ศอก เพอื่ จักตอกสําหรับมดั โครง ๓. ใชไมงวิ้ เอามาทาํ โครงสราง เพราะเปน ไมเ น้ือออ น (ปจ จบุ นั ไมง ว้ิ หายาก จะใชไมอะไรก็ได ในทนี่ ใ้ี ชไมสะแกแสงแทน) ๔. ใชก าบกลว ย ตดิ ทว่ั ทงั้ โครงสรา ง ทง้ั หลงั คา และโครงรา ง เพื่อเสียบดอกผงึ้ ไดง าย ๕. นาํ มะละกอออ น มาแกะสลกั เปนแบบดอกไม (ตามจินตนาการ) เพ่ือเปน แบบดอกผงึ้ ๖. ข้ีผึ้ง (ผ้งึ ธรรมชาต)ิ นํามาหลอมเพอื่ ทาํ เปน ดอก ๗. ขม้ิน ใชทําเกสรดอกผึ้ง และกันไมใหดอกผึ้งหลุด หรือเอามาผสมใสในขันหลอมข้ีผ้ึง ๕๘
เพ่อื ใหม ีสเี หลอื งสวยงาม ๘. นําปูนแดง เอามาทาขมน้ิ เพอ่ื ใหเกสรมสี ีแดงสวยงาม ๙. นาํ นํา้ ใสหมอหรอื กระทะ ตมนาํ้ ใหรอน แลวใชขนั ทองเหลอื ง ลอยน้ํา เพือ่ หลอมขี้ผ้งึ ๑๐. ใชหนามหวาย เพอื่ ตดิ ดอกผึง้ รอบโครงสราง โดยใชเ สียบกบั ขม้ิน และดอกผงึ้ ๑๑. ใชกระดง หรอื ถาด เอามาใสวสั ดุ / อุปกรณ เชน หนามหวาย ดอกผง้ึ ขผ้ี ง้ึ ฯลฯ ๑๒. นําฟนมากอ ไฟ เพื่อหลอมข้ผี ึ้ง ๑๓. ตมนํ้าโดยใชหมอ หรอื กระทะ ๑๔. ลอยขนั ในนาํ้ เดือด เอาขีผ้ ้งึ ใสขนั เพอ่ื หลอมข้ผี ง้ึ ๑๕. นําแมพมิ พท่จี ุม ขึผ้ ้งึ แลว ไปจมุ ในถังนาํ้ เย็น เพ่อื ใหดอกผ้งึ หลดุ ออกจากแบบ ๑๖. นําดอกผ้งึ ไปติดทีโ่ ครงสรางปราสาท ๑๗. นําดอกคูน มาประดับตวั ปราสาทเพื่อใหส วยงาม ๓.๓ การละเลน ๑) กาน ปา? เรเร คองปา? ตะโพน พะนิ่ฮ ปา? เพราเพรา ญั่ฮ ตรูยตรูย. นะ นอม พะนิ่ฮ ท็อง ฮังฮึเกรา คอย กะชอ?. กาน ปา? เรเร นะ ปา? พดู ชะกอ? ญง่ั ละฮูด ญั่ฮ นุม. เลิ่กกอ พูด เลาเรอื ง นั่งเดิม. นะ นอม เรอื งเซา เรืองยอกจะกอ? กอ นอม. นะ ปา? ปะตมั ฮัย ตรุด นอม งาน กอนะ ชรี อัร ปา? ชะกอ? แล็จ นังแร็ฮ กอ นอม. คําแปล การ ปา?เรเร อุปกรณ โทน การปา?เรเร เปนการรองเพลงของชาวญัฮกุร เปนเพลงที่รองสด บทเพลงและกลอนจะแตงขึ้น ทันที โดยมีสองฝาย ระหวางชายหญิง จะมีครูเพลง หรือผูสูงอายุคั่นตรงกลาง นั่งรองกันเปนวง และโตตอบ ระหวางชายหญิง เปนการทักทายถามขาว ความเปนอยู ความสวยความงาม เก่ียวกับหอดอกผึ้ง ฯลฯ และจะ มผี มู ารว มฟงเปน วง บางครง้ั ก็รอ งจนถงึ วันรงุ ขึ้นของวนั ใหมอ ีกวนั ปา? เรเร เออ เออ เอย แว็ยออ?. นะ กะชอ กลุ . พะนฮ่ิ ญฮั กุร จะกอ? เอญ เอย.... ชม็อฮค็อฮ เอย... ปา? ท็อง ปา?จา? กุฮ แบ็จ นอม เม จะตาง ค็อฮ. ชโร? กอ ออกเจียด ออกเจยี ด มอ? เด.. ฮึมลอ็ ก ฮึมัล กอ็ ฮ กุฮ แบจ็ ราญ แบจ็ ราญ.. เดิมเด.. แว็ย เอย..... คําแปล เออ เออ เอย... ตัวฉนั น้ี จะบอกให คนญัฮกุรกันเอง เอย. สมัยกอนเอย ทํามาหากิน ไมตองมี เงนิ กไ็ ด ขา วก็ปลูกเอาไว เอาไวเอง กบั ขาวอาหาร กไ็ มตองซ้ือ ไมต อ งหา ตวั ฉันนี้..... ๕๙
๒) กาน ปะคฮุ ฮลา? ชู? ชะมอ็ ฮ ค็อ่ ฮ ญฮั โดง นะ ปะคุฮ กฮุ โคะ ดุก ญัฮ. กอ นะ ปะคุฮ วิญๆ กุล แท่็ฮ จังวะ ตอน โจ็ว นัง คะมะ อัร คะมะ. ปะคุฮ กุล แท่็ฮ บันคู เพลินเพลิน. ตอ โลง กอ ปะคุฮ กะชอ? ตี แล็จ เวลา นะ โจ็ว ฮี? เอย. ฮลา? ชู? นอม เอิล็ ปะคุฮ นะ แท่็ฮ ฮลา? ชู? ตี นอม ฮลา? กะลึด ญั่ง ฮลา? ฮึนวล. แด็ฮ กรีง แท็่ฮ กะ ลิญ กะลึด. เพลง ตี นะ ปะคุฮ กอ แท่็ฮ เรเร ฮือ เพลง ซะนุกซะนาน. เอิล็ รัม โทน กอ โคะ ปะคุฮ ฮอก โจ็ว ฮ?ี . “โจ็ว เอย โจว็ โดง เอย”.ปะคุฮ ปะชาง คลญี ชาชา ทะโมะ กอ ละเงมิ . ตอ โลง กอ แท็ฮ่ คอง ญัฮกรุ ที กุฮ นอม อะญฮั่ นะ ปะคุฮ โคะ. กาน ปะคุฮ กอ นะ ปะคุฮ ฮัย ตรุด ฮือ ปะคุฮ โช กุล ญิน ทะโมะ. นะ ตึด วิญ งาน กอ งาน ทัวทวั อัร แค คอ็ ฮ. นะ กฮุ นอม อะญฮั ปะคุฮ วิญ ยอน แดฮ็ ปะคุฮ ลัมมาก ฮดั ปะคฮุ เลยแท็ฮ เรือง ฮึมาก. คําแปล เรอ่ื งการเปาใบไมใ นสมัยกอ น การเปาใบไมในสมัยกอน ชาวบานจะเปาไมไดกันทุกคน แตจะมีความสามารถพิเศษเฉพาะตัว โดย จะเปาเลน ๆ ใหเปนจังหวะ ในระหวางการไปไร กลับจากไร เพ่ือเกิดความเพลิดเพลิน ตอมาก็เปา เพื่อ เปน สญั ญาณวา ถงึ เวลากลับบานแลวในเวลาตอนเย็น เพอ่ื ใหเ ปน เพือ่ นเดินทาง ใบไมที่ใชเปา จะมีลักษณะใบเปนมัน เชน ใบลําดวน จะมีลักษณะแข็งและเปนมันดี เพลงท่ีนัก เปาใบไมมักจะเปนเพลงกระแจะ หรือ ลักษณะของการเรียกใหกลับบาน เชน “โจ็ว เอย โจ็ว โดง เอย (กลับ เถอะ กลับบานเถอะ)” โดยออกเสียงยาว ๆ เนิบ ๆ โหยหวน ตอมาจึงไดพัฒนามาเปาเปนเพลง เปนความสามารถเฉพาะของชาวญัฮกุรไปสวนการละเลนก็จะ เปาเลน ในชวงเทศกาลสงกรานต และการออกแสดงในงานตาง ๆ เทานนั้ ๓) วิญ ช?ู โทกเทก คองวญิ ช?ู ทูญชกุ บาร ลมั ปา?โทกเทก ๑. คลญี พั่ก ตฮุ พะนฮิ่ นะ วิญ ๒. แก็จ ชู? ทญู เอลิ ็ คะเนญ ยาง ละมวย เอลิ ็ เลิน็ วญิ ๑. พะน่ฮิ วญิ นะ กะชอ? กุล ชะกอ? ชะมอ็ ฮ นะ วิญ ๒. พะนิ่ฮ วิญ นะ กะเทร่ยี บ เคลิ่ง็ จิ รอบ กอ พดู กอ ชะมอ็ ฮ คําแปล การเลน ไมโ ถกเถก อุปกรณ ไมไผบง ๒ ลํา วธิ ที ําไมโถกเถก ๑. ตัดไมไผ ๒ ลํา ยาวเทากับผเู ลน ๒. ตดั แขนงไมไผอ อก แตใหเ หลอื แขนงไมไ ผไ วส ําหรับเปนท่วี างเทา ลาํ ละ ๑ ดา น วธิ ีการเลน ๖๐
๑. ผเู ลน กาํ หนดจดุ เร่ิมและจุดเสน ชยั รว มกัน ๒. ผูเลนจะว่ิงโดยใชไมไผว่ิงแขงกัน ใครถึงเสนชัยกอนเปนผูชนะ โดยท่ีไมลมหรือไมตกจากไมไผ สามารถมีผูเลนก่ีคนก็ได นอกจากนี้ผูเลนตองตกลงรวมกันวาจะแขงก่ีรอบ เพ่ือคนหาผูชนะ เชน ชนะ ๒ ใน ๓ รอบ เปน ตน ๔) อมยมิ พะนิ่ฮ วิญ วิญ เคลิ่ง็ ญัฮ จับ แท็่ฮ คู เพราเพรา ตรุยตรูย แยก ชะกอ? บาร มู. เปาชิงชุบ อะญั่ฮ ชะน่ัฮ อันค่็อฮ ออ็ กแอก ชะม็อฮ พะนฮิ่ ทฮ่ั อ็อกแอก กฮุ กลุ ชะครงุ . เทา คู อะญ่ัฮ ชะครุง คูค็่อฮ คะยา?. พะนิ่ฮ ทั่ฮ อ็อกแอก กุฮ ชะครุง พะนิ่ฮ ทั่ฮ อ็อกแอก กอ นะ แท่็ฮ พะนิ่ฮ อ็อกแอก คืน. เทา คะยา? พะน่ิฮ ชะนั่ฮ กอ นะ รอง เพลง ทา เพลง ฮนูย พะน่ิฮ คะยา? รัม พก่ั ญนิ่ รอง เพลง . คําแปล การเลน อมยิ้ม สามารถเลนไดห ลายคนจับคูหญิง-ชายทง้ั สองฝายใหเทา กนั จากน้นั เปา ยงิ ฉุบกัน ฝายชนะเปนฝาย เรม่ิ เลน กอ น โดยการจับคูหญิง-ชายไมใหมือหลุดจากกัน แลวจักกะจี้ฝายตรงขาม หรือทําอยางไรก็ไดใหฝายตรง ขามหัวเราะจนเห็นฟนถือวาเปนฝายแพ ถาฝายตรงขามถูกจ้ีแลวไมยิ้มเห็นฟน จะกลายเปนผูจี้อีกฝายหนึ่ง จน เหลอื คูส ดุ ทา ยเปนฝายชนะ ผแู พจะตอ งรบั โทษ โดยทําตามคําสั่งของผชู นะ ๕) วญิ ชาว ชา คองวญิ ๑. ทูญระเดจ คลญี ปน พยื มวย ลมั ๒. พะนิ่ฮ วิญ บาร ฮคึ าง ๓. คีดแช็นปะจดิ แช็นฮังเกรา บารฮคึ าง ๔. เนจทัก่ ปะจิด ลมั ทญู ระเดจ วญิ พะน่ฮิ วิญ เทา ชะกอ? ตรยู ตรูย, เพราเพรา กอโคะ จับ ชู? ทญู ระเดจ. ทลู กอ เจียด เนจทั่ก กุล เตียว ญ่ัฮ แช็นปะจิด. ทูล กอ ดัน อัร ชัง ฮึตา? ชังโน็ว ดัน กุฮท็อง พะนิ่ฮตัม แล็จ แช็นคีด กอ นะ คะยา?. แคง จะกอ? บาร รอบ อะญฮั เชาชาว ปา? กลุ อกี มวย ฮคึ าง ดัน กุฮทอ็ ง บาร รอ บ นะ ชะน่ฮั . คาํ แปล การเลน ชาว ชาว อุปกรณ ๑. ไมไผ 1 ลาํ ยาว 4 วา ๒. ผเู ลนสองฝา ย ๓. กําหนดเสน ก่งึ กลางและเสน หลังของท้ังสองฝา ย ๔. ผาสาํ หรบั มัดไมไผ ๖๑
วิธีเลน แบง ผเู ลน ใหเทา กนั ทงั้ ๒ ฝา ย มดั ผา ไวบ ริเวณตรงกลางลาํ ไมไ ผ ๑ จดุ กาํ หนดจุดเขตแดนท้งั ๒ ฝาย ผูเลน ทงั้ สองฝง ถอื ไมไผล าํ เดียวกนั แลว ชว ยกันดนั ไปขา งหนา จนฝา ยตรงขามลม หรือถอยหลังถงึ เสน เขต แดน จนชนะ ๒ ใน ๓ คร้งั ลกั ษณะการเลน คลายกบั การเลน ชกั กะเยอ แตการเลน ชาวชาวผเู ลน จะดันไปขางหนา ๖) วญิ ฮแี ล วิญ ๑. ชะคลญิ ฮแึ ล จัซตอง ๒. เจยี ด ทึลกะนบี กะทอ จ ฮแึ ล กะโยน อรั ฮงั ฮึตา? กุลทฮ่ั คองญนิ ๓. เจียด กะบอ็ ง กะนบี ฮแึ ล กะโยน อรั ฮังฮึตา? กลุ ท่ฮั คองญนิ เทา กุฮทฮั่ กลุ ดดี อัร กลุ ทั่ฮ คองญนิ ๔. คดั ตะเคง เจยี ดชุง เลนิ ฮ็ แึ ล เอิล็ ฮตึ ูล กะบอ็ ง กะโยน อรั ฮงั ฮึตา? ๕. เจยี ด ฮแึ ล เอลิ ็ บอน ม่ัดตะบงุ กะนีบ กุฮ ม่ดั ตะบงุ กะโยน อรั ฮงั ฮึตา? ๖. ชะวกั ชุงชาย เจยี ด ฮแึ ล เจียด ฮึปุยชุง กะนบี กะโยน อรั ฮงั ฮตึ า? ๗. จกุ กะเตงิ เจยี ด ฮึแล เอลิ ็ ฮตึ ูล ชงุ เจยี ด ชุง เลิน็ เอลิ ็ กะโยน อัร ฮัง ฮตึ า ๘. เจียด ฮแึ ล เอลิ ็ ฮึตูล กะดอ็ บ กะโยน อรั ฮัง ฮึตา? ๙. กะบอ็ ม ฮแึ ล อัร บอ็ ฮ จฮิ กลุ ทัฮ่ คองญิน คาํ แปล การเลนสะบา วิธเี ลน สามารถแบง ฝา ยกนั เปน ๒ ทีม ทมี ละ ๕ คนขนึ้ ไป วางลกู สะบาตามจํานวนผูเลนฝา ยตรงขาม อกี ฝายหนึ่งโยนลกู สะบาใหใกลฝ ง ตรงขา ม ๑๐ ครง้ั หลงั จากนั้นดดี ใหลกู สะบาฝงตรงขามใหล ม ถาดดี ลกู สะบา แลวไมลม ผเู ลน จะตองเปลย่ี นทา และดีดลูกสะบา ทําใหลูกสะบาฝง ตรงขา มลม จนหมด ถือเปนฝายชนะ หา มให ลูกสะบา เลยเขตฝง ตรงขา ม ทา เลน ๑. หนบี ไวบริเวณเหนอื หัวเขา ๒. วางลกู สะบาไวบนฝา เทา ๓. หนีบลกู สะบา ไวบ รเิ วณตาตมุ ๔. ลูกสะบา หนีบไวบ รเิ วณหวั แมเ ทา ๕. วางลูกสะบาไวบนหลังเทา แลว นาํ เทาอกี ขางหน่งึ ทับไว แลวกระโดด ๖. วางลูกสะบา บนหัว แลว เหวี่ยง ๗. คาบลกู สะบา แลวปลอยใหโ ดยฝา ยตรงขาม ๖๒
๗) วญิ จ?ี จมั จว็ จ วญิ วญิ จ?ี จมั จ็วจ นะ จ?ี ญฮั กอ โคะ . กลุ เจียด แต็ยจะลัด จะลัด จฮิ ต?ี เอิด็ บาร ฮคึ าง ท็ อง แท็ฮ วง. ทลู กอ นะ รอง เพลง อะญัฮ เจยี ด แต็ย ตดึ ฮเึ กลา ญิน นะ โคะ รมั วง พกั่ ตี กะชอ? นัง ฮัวป. เพลง จี?จมั จว็ จ “จ?ี จมั จว็ จ เทวดา หนมุ ขายคา ลอยเพาะ เพาะตีเกราะ ตคี อง?โมงเมง ปะโตกปะตุล ปะโตก ปะตุล” คาํ แปล การเลน จีจ้ า้ํ จ็วจ การเลนจจ้ี ําจ็วจ จะมีคนเลน กค่ี นก็ได แลว แตผ ูเลน จะตกลงกันเอง การเลนจะน่งั เลนและใชนวิ้ ชี้ จิ้มลงพื้นทั้งสองขาง โดยมผี ูนาํ เลนจะช้นี ิว้ ช้ีของผูเลนทกุ คน น่งั เลนเปนวงกลม และจะรองเพลงพรอมกบั ชนี้ ว้ิ ใครท่ยี ังไมถกู แตะมอื ยังไมออกจากวง ก็จะตอ งถกู ลงโทษ ในขอ ตกลงกนั ไว เชน รําวง หรอื รองเพลง ตาม ขอ ตกลงของการละเลน เพลง จีจ้ าํ จ็วจ “จ?ี จมั จ็วจ เทวดา หนุมขายคา ลอยเพาะ เพาะตีเกราะ ตคี อง?โมงเมง ปะโตกปะตลุ ปะโตก ปะตลุ ” ๘) วญิ นงุ นาง วิญ นงุ นาง นะ คอื ยัง กวย นะ แปลก แต ตอน รองเพลง. ตอน วญิ นะ ชะกดั คะนุง แตย็ ชะ กอ? ตอ ตนึ ชนู ฮอื เตรา ญฮั ทูล กอ รองเพลง พาซา ญฮั กุร. เพลง นุงนาง “นุงนาง ชางคะดงุ นุงอแี นจ แชดคลอ็ ย” รองเพลง จบ ทูล กอ นะ คะลัฮ แตย็ พรอม ชะกอ? คาํ แปล การเลน นงุ นาง การละเลนนุงนาง จะเลนเหมอื นคนไทยท่ัวไป แตจะแตกตางเฉพาะเนื้อเพลง โดยหยิกบนหลังมอื ตอกนั ขึ้นไป ผเู ลนประมาณ ๕ – ๖ คนขึน้ ไป (แลวแตผ เู ลน จะตกลงกนั เอง) แตข องชาวญฮั กรุ จะมเี นือ้ เพลง เปนภาษาญัฮกุร เพลง นงุ นาง “นุงนาง ชางคะดุง นงุ อแี นจ แชดคลอ็ ย” เมื่อเพลงจบกจ็ ะปลอ ยมือพรอมกัน ๖๓
๓.๔ อาหารพ้ืนบานญัฮกุร ๑) คิว คีว คองปา? ๑. ทะแนจ่็ ๒. ฮลา?พรา ด, ฮลา?เบา ๓. พราดละอูย (พราดละออง) ๔. ดาก๕. ฮึมาย ๖. ฮงุร ๗. อวซ ๘. ครั่บชรมิ ๙. ชัม่ ตี? ๑๐. ฮกึ อ?เนบิ วิทีปา? ควิ คีว เจียด ฮลา?พราด จัย พอ ละอวด. ตรัมทะแน็่จ, ปอกพราด, ปฮพราด, แท่็ฮ บาร ฮึชีก ออก ทูย เอิล็. เจียด ฮึกอ? ลาง ทูล ชราว ออก ปะอุร, ออก ชัมตี?, ออก ครั่บชริม. เชจ ฮลา?พราด เจียด ฮึกอ? ออก นอ ฮลา?พรา ด. เจยี ด พรา ด ออก จฮิ นอ ฮึกอ?. ทูล กอ คีว ดัก เอิล็ มวย ฮึชีก ทูล กอ ปา? อีก มวย ฮึชีก ปะก็อบ ออก ชะกอ? กอ เจียด ทะแน็่จ ทั่ก เอิด บาร ฮึคาง เจียด คิวคีว ออก ฮึมาย เจียด ดาก ออก ออก กะมัด กอ ดูน ฮึมาย คิวคีว คอย ช็อฮ กะดฮั ตี ละอฮุ เคิน็ เทา ละอุฮ กอ ยกุ ฮมึ าย ตดึ คาํ แปล ขาวตมมัด อปุ กรณ ๑. ตอก ๒. ใบตองกลวย – ใบออย ๓. กลวยน้ําวาสุก ๔. นํ้า ๕. หมอ ๖. เตาไฟ ๗. ฟน ๘. ถ่วั ดํา ๙. ถัว่ ดิน ๑๐. ขาวเหนียว วิธที าํ ขา วตมมดั เอาใบกลวยฉีกพอเหมาะไปตากแดด เอาตอกแชน้ําใหนุม ปอกกลวย ผาซีกใสจานไว เอาขาว เหนียวลางน้ําเสร็จแลว ซาวขาวเหนียวกับเกลือเล็กนอย ใสถ่ัวดํา หรือถ่ัวดินในขาวเหนียวดวย ฉีกใบตองแลว เอาขา วพอใสในใบตองพอเหมาะ เอากลวยที่ผาไวใสลงไปในขาว ๑ ซีก แลวหอ เอาตอกมัดหัวและทายทั้งสอง ดาน เสร็จแลวเอาไปตมในหมอ ใสนํ้าตั้งไฟ แลวคอยแกะดูวาขาวท่ีหอสุกหรือยัง ถาสุกแลวยกหมอลง พรอม รบั ประทาน ๒) คะนม ฮตึ ากชรุ คองปา? ๑. ครุ ๒. ดาก ๓. กะทะ ๔. ฮงุร ๕. อวซ ๖. กะลิญ ๗. ฮึกอ? เนิบ ๘. ละเงา ๙. พรา ดละออง ละอูญ ๑๐. วรี วิทีปา? คะนม ฮตึ ากชรุ ตรัม ฮึกอ? เนิบ ทูล กอ ฮึนัก ตอ ละอีด เท่ิก็เทิ่ก็ กุล แด็ฮ ละเอียด โคลก ออก พราด กุล แด็ฮ ตะบัน. กะแตะ กะแล็ญ แท่็ฮ แพน? คลีญ ญัง ฮึตากชุร. กะแตะ ออก ละเงา. ออก กะมัด ดูน กะทะ ออก จิฮ กะลิญ พอ กะลิญ ง็อม เจียด กะแล็ญ บ็อฮ จิฮ. พอ แด็ฮ ฮอม โตก ตึน ดัก เอิล็ ฮึตูลชู? ฮึร็อม กะทะ กุล กะลญิ ชะเดด็ กอ ดกั จฮิ นอ ทาด. ๖๔
คําแปล ขนมลน้ิ หมา อปุ กรณ ๑. ถังนํ้า ๒. นํ้า ๓. กระทะ ๔. เตาไฟ ๕. ฟน ๖. น้ํามัน ๗. ขาวเหนียว ๘. งา ๙. กลวย น้ําวา สกุ งอม ๑๐. กระดง วิธีทาํ ขนมล้นิ หมา แชข าวเหนยี วแลวเอามาตําใหละเอียด รอนแปง แลวเอาแปงกับกลวยน้ําวาตําใหเหนียว ปนแปง ใหเปนรูปยาว ๆ เหมือนลิ้นหมา แตะเปนแผนแลวแตะงาท้ังสองดาน กอไฟต้ังกระทะ เอาน้ํามันใส รอให นํ้ามันเดือด แลวเอาแปงที่แตะงาแลวหยอนลง ทอดในน้ํามัน พอแปงทอดเหลือง ตักขึ้นวางบนไมที่พาดไวบน ขอบกระทะใหน้ํามันสะเด็ด แลว วางลงในถาด พรอมรับประทาน ๓) คะนม ลงุ แลด็ คองปา? ๑. ครุ ๒. ดาก ๓. ฮงุร ๔. อวซ ๕. ฮึมายฮึโรง ๖. ฮึโรง ๗. ฮึกอ?เนิบ ๘. ทาด ๙. ดาก เบาปก ๑๐. ทูญระเดจ ปา? วงกล็อม ๑๑. แพง, วรี ๑๒. กะทะ ๑๓. กะลิญ๑๔. ฮลา?พรา ด ๑๕.ชอน วทิ ปี า? ลุงแลด็ ออก กะมัด เจียด ฮึกอ? ตี ตรัม ทูล ออก เนอ ฮึโรง. ออก ดาก นอ ฮึมาย ดูนฮึมาย พอ โปง ละ อุฮ เจียด ชอน โตก โปง ออก ฮึวง กุฮ ยุก ฮึมาย จิฮ เอิล็ คา ฮมอ?โพ็ว. โตก โปง ออก นอ ฮึวง เจียด ฮลา? พราด รอง เอิล็. แต็ย กะแตะ โปง เนิบ เนอ ฮึวง อวร แท็่ฮ ฮึร็อมตรีว ทูล กอ อัร จัย. ชะกัซ ทูล เอิล็ ทอด เจียด กะทะ ออก กะลิญ ดูน (กะลิญ ฮมุม ปา? กุล ลุง แล็ด แด็ฮ ตึน). พอ กะลิญ ง็อม บ็อฮ จิฮ ลุงแล็ด นอ กะลิญ พอ ลุงแล็ด ลอย ตึน กอ โตก เอิล็ ฮึตูล ชู? ฮึร็อม กะทะ กุล กะลิญ ซะเด็ด. เจียด ดากเบา ออก ดาก ออก นอ ฮมึ าย ดูน กุล แด็ฮ พุฮ ตอ ตะบัน เจียด ชอน โตก โรย ออม กลุ ทัว ลงุ แลด็ เอิล็ นอ วีร. คําแปล ขนมนางเล็ด อปุ กรณ ๑. ถงั น้าํ ๒. นาํ้ ๓. เตาไฟ ๔. ฟน ๕. หมอนึ่ง ๖. หวดนึ่ง (หรือซึ้ง) ๗. ขาวเหนียว ๘. ถาด ๙. นํ้าออยปก ๑๐. ไมรวก ทําเปนวงกลม ๑๑. แผง, กระดง ๑๒. กระทะ ๑๓. น้ํามัน ๑๔. ใบตองกลวย ๑๕. ชอน วธิ ที ําขนมนางเลด็ กอไฟแลว เอาขาวเหนยี วทแ่ี ชแลว ใสใ นหวด พอขา วสกุ ใชช อ นตกั ขา วใสในวงกลม ไมต องยกหมอ ลง ตักขาวใสในไมรวกท่ีทําเปนวงกลม รองดวยใบตอง ใชมือแตะ กดเบา ๆ ใหขาวเหนียวเปนลักษณะกลม ขอบบาง ๆ แลวเอาไปตากแดด เอากระทะใสนํ้ามัน (ถาใชนํ้ามันหมีจะทําใหนางเล็ดพองข้ึน) พอน้ํามันเดือด เอานางเล็ดใสลงในกระทะ พอขนมนางเล็ดลอยขึ้น ตักใสไมท่ีวางบนขอบกระทะ ใหนํ้ามันสะเด็ด เอานํ้าออย ใสในหมอผสมกับนํ้า ตั้งไฟ ใหเดือดจนน้ําออยละลายเหนียว ใชชอนตัก โรยหนาขนมนางเล็ด พรอม รบั ประทาน ๖๕
๔) คะนม แชน็ คองปา? ๑. ฮกึ อ?มั่ฮ ๒. ดาก ๓. ฮึมาย ๔. ฮงุร ๕. อวซ ๖. เนจชูง ๗. แวน ๘. กะชา ๙. ฮมอ? ๑๐. กา?งมั / กา?ฮลึ วน /คลีจ / ชาง ฯลฯ ๑๑. ละวางฮนม ๑๒. กะชาย ๑๓. ปะวญี ๑๔. ปะแกว ๑๕. กะเทยี ม ๑๖. ปะอรุ ๑๗. ละวางทราย ๑๘. ฮลา?มะกรดู ๑๙. วรี ๒๐. ฮลา? พราด ๒ ๑ . บู น ๒๒. ฮนึ ลุ ๒๓. ฮึรี่ ๒๔. ฮึมุย วทิ ีปา? คะนม แชน็ ตรัม ฮึกอ?มั่ฮ ป?ปะตัม ชร็องออกกะชา ทูล กอ ออก ฮึนุล ฮึนัก ตอ ละอีด เทิ่ก็ ตอ ละเอียด. คะญ่ัม ออก ดาก ตรอง ออก เนจชูง ท่ัก ออก กะชา เจียด ฮมอ? ท่ับ มวย ปะตัม. กะบวล ทูล อัร โชรง กะแล็ญ ฮัง นอก ละอุฮ กอ ออก ฮึนุล ฮึนัก ตอ ตะบัน. กอ โลง ญี กอ โตก ออก แวน. ดาก ออก ฮึมาย ดูน ตอ พฮุ . บีบ แวน ออก นอ ดาก พุฮ โตก แช็น ออก นอ ดาก ละเงมิ .โยง แช็น มวน ออก แตย็ จะลัด เวยี น บิด ออก นอ วีร. วทิ ีปา? ดากฮญึ า ลูก กา?งัม ตอ ละอุฮ ทูล กอ เจียด ปะแกว, ปะวีญ, ละวางทราย, กะเทียม, ปะอุร, กะชาย, ฮลา?มะกรูด, ออก ฮึนุล โคลก ตอ ละอีด. แบ็ฮ กา?งัม ชะแก็ฮ เจียด แตฮวา? ออก ฮึนุล โคลก เปล็ ชะกอ?. ดูน ดาก ตอ พุฮ โตก ออก เนอ ฮึมาย ออก ปะอุร, ฮึมุย, ออก ละวางฮนม ยุก จิฮ. เจียด คะนมแช็น ออกทูย โตก ดากฮึญา ออก นอ ทูย คะนมแช็น จา? โคะ เลย. คําแปล ขนมจีน อุปกรณ ๑. ขา วจาว ๒. นํ้า ๓. หมอ ๔. เตาไฟ ๕. ฟน ๖. ผาขาว ๗. แวน ๘. ตะกรา ๙. หิน ๑๐. ปลากงั้ / ปลาชอ น / หมู / ไก ๑๑. ใบโหระพา ๑๒. หวั กระชาย ๑๓. หวั ขา ๑๔. พริกแหง ๑๕. กระเทียม ๑๖. เกลือ ๑๗. ตะไคร ๑๘. ใบมะกรูด ๑๙. กระดง ๒๐. ใบกลวย ๒๑. มีด ๒๒. ครก ๒๓. สาก ๒๔. ปลารา วธิ ที ําขนมจีน แชขาวจาว ๓ คืน นําขาวที่แชไวใสตะกรา แลวเอาไปใสครกตําจนละเอียด รอนจนเหลือแปง ละเอียด ใสนํ้ากับแปงขยําแลวกรองใสผาขาว มัดใหแนน ใสตะกรา เอากอนหินทับไว ๑ คืน ทําใหแปงเปน กอน เอาไปนึ่ง จนแปงขางนอกสกุ มีสีเหลอื ง แลว เอาใสครกไปตําจนแปง เหนียว เอามายี ตักใสแ วน แลว บบี ลง ในหมอน้ําเดอื ด เสร็จแลว ตักเสน ขนมใสในน้าํ เย็น โยงเสน มว นใสน ิว้ ช้ี มดั ใสในกระดง วิธที าํ น้าํ ยาขนมจีน ตมปลากั้งจนสุก แลวเอาพริกแหง หัวขา ตะไคร กระเทียม ใบมะกรูด หัวกระชาย ใสในครกตํา จนละเอียด แกะเอาแตเนื้อปลา ใสในครกตําเขาดวยกัน ตมนํ้าใหเดือด ตักเครื่องแกงท่ีตําใสลงไป ปรุงดวย น้ําปลารา และเกลือ ชิมจนไดรสชาติ ยกหมอลงแลวใสใบโหระพาลงในหมอ ตักขนมจีน ราดนํ้ายา แลว รับประทานไดเ ลย ๖๖
๕) คะนม ตม คองปา? ๑. ฮึกอ?เนิบ ๒. ฮึมาย ๓. ฮงรุ ๔. อวซ ๕. ดาก ๖. ดากชาย วทิ ีปา? คะนม ตม ตรัม ฮึกอ?เนิบ ทูล กอ ฮึนัก ฮึกอ? ตอ ละอีด. เท่ิก็เท่ิก็ ตอ ละเอียด คะญัม ออก ดาก กุล แด็ฮ ตะบัน กอ โลง กะบวล กล็อมกล็อม ฮึแนจ. ออก กะมัด ดูน ดาก ออก นอ ฮึมาย พอ ดาก พุฮ กอ บ็อฮจิฮ. แดฮ็ ลอย กอ โตก ออก ดาก ละเงมิ กอ ชร็อง ออก นอ ฮมึ าย ดูน ดากชาย ออก จฮิ นอ ฮึมาย คะนม. คาํ แปล ขนมตม อุปกรณ ๑. ขาวเหนยี ว ๒. หมอ ๓. เตาไฟ ๔. ฟน ๕. นํา้ ๖. นา้ํ ผงึ้ วธิ ีทาํ ขนมตม แชขาวเหนียว แลวเอามาตําจนละเอียด รอนแปง แลวเอาแปงมายีใสนํ้าจนแปงเหนียว แลวเอา มาปนเปน ลกู กลม ๆ เลก็ ๆ กอไฟ ตม น้ําจนเดอื ดแลวเอาแปง ที่ปน แลว ใสล งไป พอแปง ลอย ตักออกมาใสในน้ํา เย็น แลว ยกข้ึนใสใ นหมอ เสร็จแลว ใสน ้ําผึง้ ลงไป ตมอกี สักพัก แลว ยกลง สามารถรับประทานไดเลย ๖) คะนม กะโปง คองปา? ๑. ครุ ๒. ฮนึ ลุ ตมั ๓. ฮึรี่ ฮนึ ัก ๔. ฮงึ าร, แพง, วีร ๕. ฮลา?พรา ด ๖. ฮงุรกะมัด ๗. อวซ ๘. ดาก ๙. พองชาง ๑๐. ดากเบาปก ๑๑. ฮึกอ?เนิบ ๑๒. กะลิญคลีจ ๑๓. ฮึมายโรง ๑๔. ฮึโรง ๑๕. ริ่ฮ โชก ฮึโฮม ๑๖. ทยู กะดงิ วทิ ีปา? กะโปง ตรัม ฮึกอ?เนิบ ออก เนอ ครุฮ. จีร ริ่ฮโชกฮึโฮม โลง ฮึนัก รีน ดาก ตรัม ฮึกอ? ออก ครุฮ. เจียด ร่ิฮโชกฮึโฮม ตี ฮึนัก ทูล ออก จิฮ นอ ครุฮ. ชร็อง ฮึกอ?เนิบ ออก นอ ฮึโรง. เจียด พองชาง ออก นอ ฮึมายฮึ โรง ออก ดาก จิฮ. เจียด อวซ โลง ออก กะมัด ตัง ฮมอ? โพ็ว ป? ลูก. ดูน ฮึมาย ฮึโรง จัย ฮลา?พราด อวร แด็ฮ ละอวด. โชรง โปง ละอุฮ ทูล กอ เจียด โปง ออก นอ ฮึนุล ฮึนัก กุฮ ฮึรี่. พะน่ิฮ ฮึนัก ชูน ญัฮ ฮึนัก อัร กอ เจียด ดาก โชกฮึโฮม ออก จิฮ แญด กุฮ อวร ฮึรี แด็ฮ เดียน. ฮึนัก ละอีด ทูล กอ ออก ดาก เบา จิฮ กุล กะโปง แด็ฮ ตะดาจ แญ็ดแญด. ฮึนัก ตอ กะโปง แด็ฮ ตะบันนึบ เจียด พองชาง ตี ละอุฮ ทูล เจียด พอง เพลญ คะยัม ญ่ัฮ กะลิญคลีจ ออก เนอ ทูย กะดิง. เจียด ฮลา?พราด โลงดัก เอิล็ เนอ วีร ชูน ฮึลัฮ. เจียด กะ ลิญ โลง ทา ฮลา? ทูล กอ คล็่อก กะโปง ตี โคลก ทูล กะบัด ม็อนม็อน ดัก ออก ฮลา?พราด. กะแตะกะแตะ กลุ แด็ฮ แท่็ฮ แพน? กลอ็ ม ตรีว ทูล กอ อรั ลอก ออก ฮึงาร, วีร, แพง. จัย ตะฮัย กุล แด็ฮ ชะกัซ เอิด็ บาร ฮึ คาง. ปซ เอลิ ็ ปราง. ปฮทญู ระเดจ แท็่ฮ งาม เอลิ ็ ปราง กะโปง. ออก กะมัด พอ กะมัด ฮึเมอะ ครา กะมัด ตึด เจียด กะโปง ออก ชู? ปราง โลง ปะอ็อง ปะกับ โจ็ว ปะกบั อัร กุล แด็ฮ ฮอม ออก วรี เอิล็ จา? . ๖๗
คาํ แปล ขนมขา วโปง อุปกรณ ๑. ถังนํ้า ๒. ครกใหญ (ทําจากทอนไม) ๓. สากใหญ (ขนาดเทาขา) ๔. เสื่อ แผง กระดง ๕. ใบตองกลวย ๖. เตาไฟ ๗. ฟน ๘. นํ้า ๙. ไขไก ๑๐. น้ําออยปก ๑๑. ขาวเหนียว ๑๒. นํ้ามัน ๑๓. หมอ นงึ่ (หรอื ซ้ึง) ๑๔. หวด ๑๕. รากเครือตดหมา ๑๖. ถว ยเลก็ ๆ วิธีทําขา วโปง แชขาวเหนียวในถังนํ้า ขุดรากเครือตดหมาลางนํ้าใหสะอาด แลวเอามาตําใหละเอียด เอานํ้าซาว ขาวใสในถงั ท่ีมีเครอื ตดหมาท่ตี ําแลว นําขาวเหนียวที่แชใสในหวด เอาไปน่ึง ใสไขไกลงไปตมในหมอดวย ตักไข ไกท่ีตมสุกแลว เอาไขแดงมายีใสน้ํามันไวในถวย ตากใบตองใหหมาด นึ่งขาวเหนียวจนสุก แลวเอาขาวเหนียว ใสในครก ตําดว ยสาก ใชคนตาํ ๕ คน (ถา คนนอ ยขา วเหนยี วจะเย็น ตําไมแหลก) ขณะท่ีตําใหใสน้ํารากตดหมา ทีละนอย เพ่ือไมใหขาวเหนียวติดสาก ตําจนแหลกละเอียด ใสนํ้าออยนิดหนอย พอหวาน ตําจนแปงขาวโปง เหนียวหนืด เอาใบตองวางในกระดง ๕ ใบ ทาดวยนํ้ามันไขที่อยูในถวย หยิบขาวโปงท่ีตํามาปนกลม ๆ วางลง บนใบตองใชมือแตะกดแรง ๆ ใหเปนแผนกลม ๆ ลอกใบตองออก วางลงบนแผง ตากใหแหงทั้งสองดาน เก็บ ไวยาง ผาไมรวกเปนงาม กอไฟ พอไฟคุเข่ียถานออก เอาขาวโปงวางบนไมงาม แลวยาง โดยกลับไป กลับมา ใหเ หลืองกรอบ แลวใสกระดง ไวพ รอ มรับประทาน ๓.๕ เครื่องแตง กาย ปา? พอ็่ กแตย็ พ่็อก คองปา? ๑. เนจเพลี่ยด เนจเพลญ ๒. ฮึกรัย ๓. ฮึชุล ๔. ฮึวาร ชีกอก ชีเพลญ ชีฮึจ็อก ชีปะจูญ ชีชะแทร อีก ๕. ชู?บันทั่ด ๖. ฮชึ อ ชี วทิ ีปา? พ็อก ๑. ว่ัซ เนจเพลยี่ ด กลุ เชบิ ็ ตฮุ ๒. เจียด ฮวึ าร ชีกอก ชงี คะม็อน เนจ เอดิ ็ บาร ฮคึ าง ๓. เจยี ด ฮึวาร เพลญ ชีง ลายชะโวก เอิด็ บาร ฮคึ าง ๔. เจียด ฮึวาร ฮึจอ็ ก ชีง ลายชะโวก เอิด็ บาร ฮคึ าง ๕. เจียด ฮึวาร ซปี ะจูญ ชีง ลายชะโวก เอดิ ็ บาร ฮึคาง ๖. เจียด ฮวึ าร ชีกอก ชีง ลายทกั ตะแกรง เอดิ ็ บาร ฮึคาง ๗. เจียด ฮวึ าร ชี เพลญ ชีง ลายคะรดื ชงุ ตะแกรง เอดิ ็ บาร ฮึคาง ๘. เจียด ฮวึ าร เพลญ ชีง เนจ บาร ฮึคาง ออก ชะกอ? กุล แทฮ็่ ตุฮ คะลฮ่ั เอิล็ บอน ฮึลัก บอน ฮึ ลกั ชีง ฮึรอ็ ม ครฮุ ๙. แกจ็ กอ?พ็่อก แทฮ่็ กอ? แลม ๖๘
๑๐. เจียด ฮวึ าร ชกี อก ชีง คะม็อน กอ?พ็อ่ ก ๑๑. เจียด ฮึวาร เพลญ ชีง ลายชะโวก ๑๒. เจยี ด ฮวึ าร ฮึจ็อก ชงี ลายชะโวก ๑๓. เจยี ด ฮวึ าร ชปี ะจูญ ชีง ลายชะโวก ๑๔. เจยี ด ฮึวาร ชกี อก ชงี ลายทกั ตะแกรง ๑๕. เจยี ด ฮึวาร เพลญ ชีง ลายคะรดื ชุงตะแกรง ๑๖. เจยี ด ฮึวาร ชีพั่กชอบ ชีง ลายกาวตะออง ๑๗. ฮังฮเึ กราพอ่็ ก เจยี ด ฮชึ อชี คดี แท่ฮ็ รบู งวง ครุฮ เอิด็ บาร ฮคึ าง ๑๘. เจยี ด ฮึวาร ชพี ก่ั ชอบ ชงี ลายชะโวก พัก่ รูบ คะลั่ฮ ฮวึ าร เอลิ ็ เอิด็ บาร ฮึคาง ๑๙. เจียด ฮึวาร ชพี ก่ั ชอ บ ชีง ลายทักตะแกรง พก่ั รูบ คะล่ัฮ ฮวึ าร เอิล็ เอดิ ็ บาร ฮึคาง ๒๐. เจียด ฮึวาร ชพี ่ักชอ บ ชีง ลายกาวคะยาง ทลู กอ คะลั่ฮ ฮวึ าร เอิล็ ฮงั ฮึรอม ๒๑. แก็จเนจเพลญ บารฮปึ ูย คลญี รอบ กะตอ็ นพ่็อก ชีง ออก ชงุ พอ็่ ก ๒๒. เจยี ด ฮวึ ารเพลญ ชงี ฮึรอ็ มครุฮ รอ บ กอ? *** กอ นอม ลายชะแทร อกี นอม ลายฮลึ อ?, ลายคะรืด, ลายฮึน็อกแนล็ , ลายชะลดู โชรม. คําแปล การทาํ เส้อื พอ่็ ก อุปกรณ ๑. ผาสีดาํ , ผาสแี ดง ๒. กรรไกร ๓. เข็มเย็บผา ๔. ดายสขี าว สแี ดง สีเขยี ว สเี หลอื ง และสีอ่นื ๆ ๕. ไมบ รรทดั ยาว ๖. ดนิ สอสี วิธที าํ ๑. วัดผาสดี ําใหเทา กบั ขนาดคนใส ตดั ผา ดาํ ใหพ อดีตวั ๒. นําดายสีขาว เย็บรมิ ผาทัง้ สองดา น ๓. นาํ ดายสแี ดง เยบ็ ลายโซท้ังสองดาน ๔. นาํ ดายสีเขียว เยบ็ ลายโซท้ังสองดาน ๕. นาํ ดา ยสีเหลอื ง เย็บลายโซทงั้ สองดา น ๖. นําดายสขี าวเย็บลายถักตะแกรงท้งั สองดาน ๗. นาํ ดา ยสีแดงเย็บลายจดุ (ตนี ตะแกรง) ทัง้ สองดา น ๘. นาํ ดา ยสแี ดงเยบ็ ดา นขางในติดกันตลอดแนว โดยเวน ชวงแขนไว และบริเวณรอบแขนใหเ ยบ็ ขอบ อีกคร้งั หนงึ่ ๙. ตดั คอเสอ้ื ทรงแหลม ๑๐. นําดายสีขาวเยบ็ รมิ บรเิ วณคอเสอ้ื ๑๑. นาํ ดา ยสแี ดง เย็บลายโซ บรเิ วณรอบคอเสอ้ื ๑๒. นาํ ดา ยสีเขยี ว เยบ็ ลายโซ บรเิ วณรอบคอเสื้อ ๑๓. นาํ ดายสเี หลือง เย็บลายโซ บรเิ วณรอบคอเสอ้ื ๖๙
๑๔. นาํ ดายสขี าว เยบ็ ลายถักตะแกรง บรเิ วณรอบคอเสือ้ ๑๕. นาํ ดายสแี ดงเย็บลายจดุ (ตนี ตะแกรง) บรเิ วณรอบคอเสือ้ ๑๖. นาํ สีตามใจชอบ เยบ็ ลายดอกกระเจียว ๑๗. นําดนิ สอสวี าดดานหลงั เสือ้ รูป ๑๘. นาํ ดา ยสตี ามใจชอบ ๓ สี เยบ็ ลายดอกโซ ตามรอยท่ีวาดไวดานหลงั เส้อื ปลอยดายลงมาท้ังสอง ดา น ๑๙. นาํ ดายสตี ามใจชอบ เยบ็ ลายถักตะแกรงตามรูปดา นหลังเสอ้ื ๒๐. นําดา ยสตี ามใจชอบ เย็บลายดอกยางและปลอ ยดายลงมาทั้งสองดา น ๒๑. ตัดผา แดงขนาดกวา ง ๑ นว้ิ ความยาวตามรอบตวั แลว นาํ มาเย็บตดิ กบั ชายเสอื้ รอบตัว ๒๒. นาํ ดายสีแดง เยบ็ บรเิ วณขอบรอบคออกี ครัง้ หนึง่ *** นอกจากลายถักตะแกรงแลว ยังมีลายอ่ืน ๆ อีก เชน ลายจอมปลวก ลายคดเคี้ยว ลายจุด ลาย กระดูกงู เปน ตน อาจกลาวไดวา การศึกษาภาษาญัฮกุรโดยผานนิทาน เร่ืองเลา ประเพณีแหหอดอกผ้ึง การละเลน อาหารพื้นบาน และเคร่ืองแตงกาย ฯลฯ ทําใหเห็นโลกทัศน วิถีชีวิต และภูมิปญญาทองถ่ินของชาวญัฮกุร นอกจากนี้จะเห็นวา การใชภาษาญัฮกุรหลายคํามีการใชคําทับศัพทในภาษาไทยเปนจํานวนมาก นั่นแสดงให เห็นวา ภาษาญัฮกุรกําลังอยูในภาวะวิกฤตข้ันรุนแรง ท้ังนี้การบันทึกองคความรูทองถิ่นเหลาน้ี ยังบันทึกท้ังใน ภาษาไทยและภาษาญัฮกุร ซึ่งถือเปนเอกสารหรือหลักฐานสําคัญที่ทําใหเด็กหรือเยาวชนรุนหลังไดเรียนรู เขา ใจ วัฒนธรรมและภมู ปิ ญ ญาของตนเองอีกดวย ๗๐
บทท่ี ๔ เงอ่ื นไขภาวะวิกฤต / ปจ จยั คกุ คามของภาษา ๔.๑ สภาพปจ จบุ ัน เดิมชาวญฮั กุรอาศยั อยใู นปาบนภเู ขา เดมิ เปน พรานปาและยา ยทอ่ี ยไู ปเร่อื ย ๆ เคยอาศัยอยูในปาแถบ เทือกเขาพังเหย ซึ่งมีอาณาบริเวณคาบเก่ียวตอเนื่องกันถึง ๓ จังหวัด คือ เพชรบูรณ ชัยภูมิ และนครราชสีมา ปจจุบันยังคงพบชาวญัฮกุรใน ๓ เขตจังหวัดน้ี แตพบในจํานวนท่ีลดลง เน่ืองจากการรุกรานของคนไทยเบิ้ง หรือไทยโคราช และคนลาวอีสานที่เขาไปอาศัยปะปน และชาวญัฮกุรไดมีการยายถ่ินฐานกระจัดกระจาย ออกไปในพื้นท่ีตาง ๆ โดยพบชาวญัฮกุรอาศัยอยูหนาแนนในเขตอําเภอเทพสถิต จังหวัดชัยภูมิ เชน บานวัง อายโพธิ์ บา นน้ําลาด บา นเสลีย่ งทอง บา นไร เปน ตน ชาวญัฮกุรสวนใหญนับถือศาสนาพุทธ และมีประเพณีท่ีประยุกตตามความเชื่อทางพุทธศาสนา เชน ประเพณแี หปราสาทดอกผ้งึ ทอดผาปา บญุ เขาพรรษา เปนตน นอกจากนี้ชาวญัฮกุรยังมีความเชื่อและนับถือผี บรรพบุรุษ จึงมีศาลปูตาประจําหมูบาน และมีการเลี้ยงผีเปนประจําทุกปในเดือน ๕ หรือ เดือน ๖ นอกจากน้ี ชาวญัฮกุรยังมีวัฒนธรรมและภูมิปญญาที่นาสนใจอ่ืน ๆ ซึ่งควรคาแกการดํารงรักษาไว เชน ประวัติความ เปนมาของกลุมชาติพันธุญัฮกุร, ระบบภาษา, ประเพณี วิถีชีวิตและความเชื่อ และความรูเกี่ยวกับปาและ พรรณพืช เปนตน ภาษาญัฮกรุ เปน ภาษาทีอ่ ยใู นตระกลู ออสโตรเอเชียตคิ ในสาขามอญ – เขมร สาขายอ ยโมนิค มีความ ใกลเคียงกับภาษามอญซึ่งอยูในสาขาเดียวกัน ภาษาญัฮกุรเปนภาษาที่สําคัญเนื่องจากผลงานของ นักภาษาศาสตร ไดพบวาภาษาญัฮกุรท่ีพูดกันในปจจุบันนี้มีความคลายคลึงกับภาษามอญโบราณท่ีปรากฏอยู ในจารึกสมัยทวารวดีท่ีคนพบในประเทศไทย (Gerard Diffloty, 1984) ซึ่งโดยทั่วไปเช่ือกันวาภาษามอญ โบราณเปนภาษากลางของคนในยุคทวารวดีท่ียังหลงเหลืออยูถึงสมัยปจจุบัน (อภิญญา บัวสรวงและสุวิไล เปรมศรรี ตั น, ๒๕๔๑) ภาษาญัฮกุร ถอื เปนภาษาทอ่ี ยูในภาวะวิกฤต มจี าํ นวนผูพดู ลดลงไปเร่ือย ๆ ทําใหชาวญัฮกุรไดมีความ พยายามฟนฟูภาษาและวัฒนธรรมของตนเอง ต้ังแตป พ.ศ. ๒๕๔๘ โดยดําเนินการในพื้นที่ ต.นายางกลัก ต.บานไร และ ต.โปงนก อ.เทพสถิต จ.ชัยภูมิ ไดรับทุนสนับสนุนจากสํานักงานกองทุนสนับสนุนงานวิจัย (สกว.) ฝายวิจัยเพื่อทองถ่ินใหมีการดําเนินงานอยางตอเน่ือง ไดแก โครงการ “พัฒนาเครือขายฟนฟูภาษา – วัฒนธรรมทองถ่ินญัฮกุร” โครงการ “การจัดหองเรียนคูขนานสําหรับเด็กชาติพันธุ (ญัฮกุร)” โครงการ “กระบวนการรวบรวมองคความรจู ากปา ชุมชนโคกคาวเปรยี งดวยภาษาญัฮกรุ เพื่อหาแนวทางการอนุรักษและ สบื ทอดสูลูกหลานชาวญัฮกรุ ” โครงการ “ศึกษาแนวทางการจดั ทําหลกั สตู รทองถิ่นภาษาญฮั กรุ ของโรงเรียนวัง โพธิ์สวางศิลปโดยการมีสวนรวมของชุมชน” และโครงการ “กระบวนการและแบบคัดกรองเด็กที่มีปญหา ทางการเรยี นรทู เ่ี หมาะสมกบั เดก็ กลมุ ชาติพันธแุ ละแนวทางในการชวยเหลอื ดวยภาษาทองถ่นิ ” เปนตน ๗๑
นอกจากนี้ในป พ.ศ. ๒๕๕๕ ไดเกิดการทํางานรวมกันระหวางนักวิชาการและชุมชน ภายใตโครงการ “ศึกษาเพื่อพัฒนาภาษาและภูมิปญญาของกลุมชาติพันธุบนฐานงานวิจัยเพ่ือทองถิ่น : การบูรณาการความรู จากงานวจิ ัยทอ งถนิ่ สูความรเู ชงิ วิชาการ” โดยมีนักวชิ าการจากองคการสวนพฤกษศาสตร และนักวิชาการดาน ประวัติศาสตร ไดทํางานรวมกับชุมชน ทําใหเกิดองคความรูดานพฤกษศาสตรและประวัติศาสตรชุมชน ซึ่งทํา ใหเ กดิ ประโยชนต อ ชมุ ชนและประโยชนใ นแวดวงวิชาการตอ ไป แมวา ชาวญฮั กุรจะมกี ารดาํ เนินงานฟนฟูภาษาและวัฒนธรรมของตนเองมาโดยตลอด แตยังคงมีความ จําเปนตองมีการดําเนินงานฟนฟูภาษาและวัฒนธรรมอยางตอเน่ือง และทําใหเกิดความย่ังยืน จึงจําเปนตอง อาศัยความรวมมือระหวางชุมชนและหนวยงานในพ้ืนที่ที่เกี่ยวของ เชน โรงเรียน องคกรปกครองสวนทองถิ่น เพื่อฟนฟูภาษาและองคความรภู มู ิปญญาของชาวญัฮกุร ทาํ ใหเกิดประโยชนตอ ชุมชนและประเทศชาติตอไป ๓.๒ ปจจัยคกุ คาม ภาษาญฮั กุร ถือเปน ภาษาที่อยูในภาวะวิกฤตใกลสูญ เน่ืองจากมีผูพูดเปนจํานวนนอย สามารถพูดไดดี ในรุนสูงอายุ ยังมีการใชในบานและในชุมชนไมมากนัก ทั้งนี้มีสาเหตุสําคัญท่ีทําใหภาษาอยูในภาวะวิกฤต ๒ ประการ ไดแ ก ๑) เกิดจากกระแสโลกาภิวัตน ท่ีสงผลทําใหเกิดความเจริญกาวหนาทางเทคโนโลยีดานตาง ๆ เชน ระบบการคมนาคมขนสง ระบบการสอื่ สาร เทคโนโลยีสารสนเทศ เปน ตน ทาํ ใหเ กิดการเปลี่ยนแปลงทางสังคม และวัฒนธรรมอยางรวดเร็ว ตลอดจนการเปล่ียนแปลงของสภาพเศรษฐกิจ ดังเชน แตเดิมชุมชนญัฮกุร อาศัย การเพาะปลูกเพ่ือเลี้ยงชีพ ประกอบกับการพึ่งพิงทรัพยากรจากปา ปจจุบันการเลี้ยงชีพไดเปล่ียนไปสู การเกษตรที่เช่ือมโยงกับระบบตลาดอยางชัดเจน นอกจากนี้ยังมีการพัฒนาระบบคมนาคม ระบบสื่อมวลชน ไดแก วิทยุ โทรทัศน และหนงั สือพมิ พ ที่ลวนใชภาษาไทยเปนภาษาในการสื่อสาร รวมถึงการอพยพเขามาของ ประชากรกลมุ ชาตพิ ันธุอื่น การติดตอ คา ขายกบั คนตา งถน่ิ ลวนสง ผลใหภ าษาญัฮกรุ สญู เสียสถานะของการเปน ภาษาหลักในชีวิตประจําวันของชุมชนลงไปเร่ือย ๆ รวมถึงสงผลตอการสูญเสียภูมิปญญา วัฒนธรรมทองถ่ิน และอตั ลักษณทางชาตพิ นั ธขุ องตนเองอกี ดว ย ๒) เกิดจากนโยบายของภาครัฐ ดังจะเห็นไดชัดเจนจากการท่ีรัฐบาลไทยออกกฎหมายการศึกษา ภาคบังคับ (พ.ศ. ๒๔๖๘) ท่ีกําหนดใหเยาวชนท่ัวประเทศเขาเรียนในโรงเรียนสามัญของกระทรวงศึกษาธิการ ซ่ึงจัดการเรียนการสอนและส่ือการเรียนการสอนเปนภาษาไทยซึ่งเปนภาษาราชการ ประกอบกับการจัดการ เรียนการสอนท่ีขาดการเช่ือมโยงอยางเปนระบบ ระหวางภาษาและวัฒนธรรมทองถิ่นกับภาษาและวัฒนธรรม ของโรงเรียนซึ่งใชภาษาราชการ (ภาษาไทย) เพียงภาษาเดียวเปนสื่อ (สุวิไล เปรมศรีรัตน และคณะ, ๒๕๕๓) ทําใหเดก็ และเยาวชนกลมุ ชาตพิ ันธไุ มไ ดใ ชภ าษาทอ งถิ่นในโรงเรยี น จากปจจัยดังกลาวทําใหคนในชุมชน หรือเจาของภาษากลุมญัฮกุร มีความพยายามในการฟนฟูภาษา รวมถึงวัฒนธรรมและภูมิปญญาทองถิ่นของตนเอง ดวยตนเอง โดยไดรับการสนับสนุนทางดานวิชาการจาก กลุมนักวิชาการทางดานภาษาศาสตร จากสถาบันวิจัยภาษาและวัฒนธรรมเอเชีย มหาวิทยาลัยมหิดล และ ๗๒
ไดรับงบประมาณสนับสนุนการทําวิจัยในรูปแบบงานวิจัยเพ่ือทองถ่ินจากสํานักงานกองทุนสนับสนุนการวิจัย (สกว.) ดังจะกลาวในรายละเอยี ดตอ ไปในบทท่ี ๕ ๗๓
บทที่ ๕ การอนรุ กั ษฟ น ฟภู าษาและภูมปิ ญ ญาทองถิ่นโดยชุมชน ภาษาญฮั กรุ ถอื เปนกลุมท่ีมีภาษาอยูใ นภาวะวิกฤตใกลสูญ (สุวิไล เปรมศรีรัตน, ๒๕๔๓) เน่ืองจากมีผู พูดภาษาไดดีมีจํานวนไมมาก ประกอบกับกระแสโลกาวิภัฒน และนโยบายของประเทศซ่ึงถือเปนปจจัยสําคัญ ท่ีทําใหภาษาชาติพันธุตกอยูในภาวะวิกฤต อยางไรก็ตามชุมชนญัฮกุรยังคงเห็นคุณคาและความสําคัญของ ภาษาและวัฒนธรรมตนเองที่กําลังจะสูญหายไป โดยผานการดําเนินงานฟนฟูภาษาและวัฒนธรรมในลักษณะ งานวิจัยเพ่ือทองถิ่น ไดรับการสนับสนุนทุนจากสํานักงานกองทุนสนับสนุนการวิจัย (สกว.) มีเปาหมายเพ่ือ ชะลอการตายของภาษาและการสูญเสียภูมิปญญาทองถ่ินโดยเจาของภาษาเปนผูดําเนินการดวยตนเอง กระบวนการดังกลาวสามารถทําใหชุมชนเกิดการต่ืนตัวในการฟนฟูภาษาและภูมิปญญาของกลุมชาติพันธุ ตนเอง ตลอดจนสรางความมัน่ ใจและความเขมแข็งใหกับคนในชุมชนอีกดวย ๕.๑ การดําเนนิ งานฟน ฟภู าษาและภมู ปิ ญ ญาทองถนิ่ ญัฮกุรทผ่ี านมา การดําเนินงานอนุรักษฟนฟูภาษาและภูมิปญญาทองถ่ินของชาวญัฮกุร ในพื้นที่อําเภอเทพสถิต จังหวัดชัยภูมิ ไดมีการดําเนินงานในลักษณะงานวิจัยเพื่อทองถ่ิน โดยไดรับการสนับสนุนทุนจากสํานักงาน กองทุนสนับสนุนการวิจัย (สกว.) ซ่ึงเกิดจากความตองการของชุมชน มุงเนนกระบวนการเรียนรู และการมี สวนรวมของชุมชน นอกจากนี้ยังมีทีมวิชาการ ผูเชี่ยวชาญทางดานภาษาศาสตร จากมหาวิทยาลัยมหิดล เปน ผูสนับสนุนและสงเสริมงานทางวชิ าการ มรี ายละเอยี ดการดาํ เนนิ งานโครงการดังตอ ไปน้ี โครงการที่ ๑ ป พ.ศ. ๒๕๔๘ ไดดําเนินการโครงการ “พัฒนาเครือขายฟนฟูภาษา – วัฒนธรรม ทอ งถน่ิ ญฮั กุร” โดยมีหวั หนาโครงการคือ นายทองพทิ กั ษ ยนั จัตุรสั มวี ัตถุประสงคเพื่อสํารวจจํานวนประชากร เช้ือสายญัฮกุร และความคิดเห็นเก่ียวกับการอนุรักษและฟนฟูภาษาวัฒนธรรมทองถ่ินญัฮกุร เพื่อนําระบบ ตัวเขียนมาใชในการจดบันทึกภาษาวัฒนธรรมทองถิ่นญัฮกุร และเพ่ือเผยแพรระบบตัวเขียนภาษาญัฮกุรใหกับ คนในชุมชน โครงการที่ ๒ ป พ.ศ. ๒๕๔๙ ไดดําเนินการโครงการ “แนวทางการจัดหองเรียนคูขนานสําหรับเด็ก ชาติพันธุ (ญัฮกุร) อําเภอเทพสถิต จังหวัดชัยภูมิ” โดยมีหัวหนาโครงการคือ นางศิริพร หมั่นงาน มี วัตถุประสงคเพ่ือสํารวจสถานการณการใชภาษาญัฮกุรของนักเรียนและความคิดเห็นของผูปกครองในการ จัดการเรียนการสอนภาษาญัฮกุรในโรงเรียน เพื่อศึกษาขอมูลพ้ืนฐานเก่ียวกับเด็กพิเศษทั้งหมด นําไปสูการ คัดกรองระหวางเด็กพิเศษทั่วไปกับเด็กพิเศษท่ีเปนเด็กญัฮกุร เพื่อเตรียมความพรอมในการจัดการเรียนการ สอนดวยภาษาแมโดยการจัดหองเรียนคูขนาน และเพื่อทดลองนําสื่อการเรียนการสอนภาษาญัฮกุรไปใชสอน ในหองเรียนคูขนานสาํ หรับเดก็ ชาติพนั ธทุ ่ีเปนญฮั กุร ๗๔
โครงการท่ี ๓ ป พ.ศ. ๒๕๕๒ ไดดําเนินการโครงการ “กระบวนการและแบบคัดกรองเด็กท่ีมีปญหา ทางการเรียนรูท่ีเหมาะสมกับเด็กกลุมชาติพันธุและแนวทางในการชวยเหลือดวยภาษาทองถิ่นโรงเรียนบานวัง อายคง ต.บานไร อ.เทพสถิต จ.ชัยภูมิ” โดยนางศิริพร หม่ันงาน เปนหัวหนาโครงการ มีวัตถุประสงคเพ่ือ ศึกษากระบวนการคัดกรองเด็กที่ใชในปจจุบัน และวิเคราะหขอจํากัด เพ่ือหาแนวทางสรางกระบวนการและ แบบคัดกรองที่เหมาะสมสําหรับเด็กกลุมชาติพันธุ และเพ่ือหาแนวทางประยุกตใชภาษาทองถิ่นในการ ชว ยเหลอื เดก็ ชาตพิ นั ธุทอ่ี ยูในกลมุ มีปญ หาทางการเรยี นรู โครงการท่ี ๔ ป พ.ศ. ๒๕๕๒ ไดดําเนินการโครงการ “ศึกษาแนวทางการจัดทําหลักสูตรทองถ่ิน ภาษาญัฮกุรของโรงเรียนวังโพธิ์สวางศิลป โดยการมีสวนรวมของชุมชน ต.บานไร อ.เทพสถิต จ.ชัยภูมิ” โดย นายภุชงค บุกสันเทียะ เปนหัวหนาโครงการ มีวัตถุประสงคเพื่อศึกษากระบวนการและผลของการฟนฟู ภาษาญัฮกุรในชวงที่ผานมา เพื่อศึกษาสถานการณ ตนทุน / ศักยภาพของบานวังอายโพธิ์ รวมทั้งปจจัยท่ีมีตอ การเรียนภาษาญัฮกุร เพ่ือหาแนวทางการสรางหลักสูตรทองถ่ินเพ่ิมเติมภาษาญัฮกุรของโรงเรียนวังโพธิ์สวาง ศิลปโดยการมีสวนรวมของชุมชน และเพื่อทดลองใชหลักสูตรทองถ่ินเพิ่มเติมภาษาญัฮกุรของโรงเรียนวังโพธ์ิ สวางศลิ ป โดยการมีสว นรว มของชุมชน โครงการที่ ๕ ป พ.ศ. ๒๕๕๒ ไดดําเนินการโครงการ “กระบวนการรวบรวมองคความรูจากปาชุมชน โคกคาวเปรียงดวยภาษาญัฮกุร เพื่อหาแนวทางการอนุรักษและสืบทอดสูลูกหลานชาวญัฮกุร บานวังอายโพธิ์ ต.บานไร อ.เทพสถิต จ.ชัยภูมิ” เพ่ือศึกษาและรวบรวมองคความรูจากปาชุมชนโคกคาวเปรียง เพื่อศึกษาแนว ทางการนําระบบตัวเขียนภาษาญัฮกุร มาใชในการบันทึกองคความรูเร่ืองปาชุมชนโคกคาวเปรียงที่สอดคลอง และเหมาะสมกับวิถีของชาวญัฮกุร เพื่อศึกษากระบวนการถายทอดเร่ืองราวและภูมิปญญาเรื่องผาของคน ญัฮกุรต้ังแตอดีตถึงปจจุบัน และเพ่ือศึกษาแนวทางการอนุรักษและสืบทอดองคความรูจากปาโคกคาวเปรียง โดยชมุ ชนมีสวนรว ม โครงการที่ ๖ ป พ.ศ. ๒๕๕๕ โครงการ “แนวทางในการบูรณาการความรูพฤกษศาสตรเพ่ือการ อนุรักษความรูพฤกษศาสตรพ้ืนบานชาวญัฮกุร ต.บานไร อ.เทพสถิต จ.ชัยภูมิ” หัวหนาโครงการคือ นายกิตติพงษ เกิดสวาง (นักวิชาการจากองคกรพฤกษศาสตร จ.เชียงใหม) เปนโครงการท่ีนําฐานองคความรู ภมู ปิ ญ ญาทอ งถ่นิ มาบูรณาการเขา กับองคค วามรทู างวชิ าการ โดยมวี ตั ถปุ ระสงคเพอื่ ศกึ ษารวบรวมองคความรู พฤกษศาสตรพน้ื บานของชาวญัฮกุร เพ่ือการอนุรักษและขยายองคความรูพฤกษศาสตรพ้ืนบานของชาวญัฮกุร ใหเ ช่ือมโยงไปสูงานวิชาการดานพฤกษศาสตรและการใชประโยชนในระดับตาง ๆ เพื่อสงเสริมและผลักดันให ชาวญัฮกุรเกิดจิตสํานึกตอการอนุรักษและฟนฟูความรูทองถ่ิน และเพ่ือเตรียมความพรอมและผลักดันใหเกิด กระบวนการมสี วนรว มของชมุ ชนในการจัดการทรพั ยากรปา ไมในทองถ่ินรวมกันและนําไปสูการจดั ตง้ั ปา ชุมชน โครงการที่ ๗ ป พ.ศ. ๒๕๕๕ โครงการ “ศึกษาและฟนฟูประวัติศาสตรชาติพันธุกลุมละเวือะและ มอญ” หัวหนาโครงการคือ อาจารยพิพัฒน กระแจะจันทร ภาควิชาประวัติศาสตร คณะศิลปศาสตร มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร เปนโครงการที่นําฐานองคความรูภูมิปญญาทองถ่ิน มาบูรณาการเขากับองคความรู ทางวิชาการดานประวัติศาสตร โดยใชพื้นท่ีชุมชนชาวญัฮกุร บานไร ต.บานไร อ.เทพสถิต จ.ชัยภูมิ เปนพื้นท่ี หนึ่งในการศึกษา มีวัตถุประสงคเพื่อ ศึกษาประวัติศาสตรของกลุมชาติพันธุมอญและกลุมชาติพันธุละเวือะ ๗๕
เพื่อศึกษาความสัมพันธและปฏิสัมพันธระหวางกลุมชาติพันธุมอญและกลุมชาติพันธุละเวือะท้ังทางดาน ประวัติศาสตร โบราณคดี และวัฒนธรรม และเพ่ือสงเสริมและฟนฟูประวัติศาสตรของกลุมชาติพันธุละเวือะ และมอญเปนพ้ืนที่ศึกษา อาจกลา วสรุปไดว า การดําเนนิ งานฟน ฟภู าษาและภมู ปิ ญญาทอ งถ่ินของชาวญัฮกุร เริ่มตนข้ึนจากการ สรางระบบตวั เขยี นภาษาญฮั กุร เปน เครอ่ื งมือในการบันทึกองคค วามรูและภูมิปญ ญาทอ งถ่ินของชาวญัฮกุร ท้ัง คําศัพท เร่ืองเลา นิทาน องคความรูที่เกี่ยวของกับปา รวมไปถึงการไดนําองคความรูเหลานี้เขาสูการจัดการ เรียนการสอนในระบบโรงเรยี น อีกทง้ั กระบวนการสอนภาษาทองถิ่นยังสามารถใชคัดกรองเด็กที่มีความยุงยาก ทางการเรียนรู นอกจากนี้ชุมชนชาวญัฮกุรยังไดมีกระบวนการทํางานวิจัยรวมกับนักวิชาการ ซึ่งถือเปนการ ยกระดบั องคความรทู องถิ่น นํามาใชป ระโยชนส ูระดบั สากลท้ังในดานพฤกษศาสตรแ ละประวตั ิศาสตร ๕.๒ ผลที่ไดจากการดาํ เนนิ งานภายในชมุ ชนญฮั กุร จากการดําเนินงานฟนฟูภาษาและวัฒนธรรมญัฮกุร ทําใหเกิดผลลัพธที่หลากหลาย สามารถแบงเปน ประเภทตา ง ๆ ดังนี้ ๕.๒.๑ ประเภทระบบตัวเขยี นภาษาญัฮกรุ อกั ษรไทย จากการดาํ เนินงานฟน ฟูภาษาและวัฒนธรรมญัฮกรุ ทาํ ใหเ กดิ ผลลัพธทหี่ ลากหลาย สามารถ แบง เปนประเภทตา ง ๆ ดังนี้ ๑) ระบบตวั เขยี นภาษาญฮั กรุ ประกอบดว ย พยัญชนะตน ภาษาญฮั กรุ ๒๙ ตัว พยัญชนะทายภาษาญัฮกรุ ๒๐ ตัว สระภาษาญัฮกุร ๒๒ ตัว วรรณยกุ ต ๔ เสียง ๗๖
ภาพ แสดงแผน ภาพตวั อักษรภาษาญฮั กรุ ๗๗
๒) เอกสารคูมือระบบตวั เขยี นภาษาญฮั กุร ฉบบั ชุมชน ๓) การบนั ทึกคําศัพท จาํ นวน ๑๔ หมวด ไดแก หมวดรางกาย, หมวดคํากริยา, หมวดเครือญาติ, หมวดเครอื่ งใชในครัวเรอื น, หมวดพชื และตนไม, หมวดสัตว, หมวดธรรมชาติ, หมวดอาหาร, หมวดวัฒนธรรม, หมวดเคร่ืองมือการเกษตร – ลาสัตว, หมวดเคร่ืองแตงกาย, หมวดจักสาน, หมวดคําศัพทอ่ืน ๆ, หมวดคําถาม เปนตน (รายละเอียดในบทท่ี ๒) ๕.๒.๒ สอ่ื เรอ่ื งเลา นทิ าน สําหรบั ประกอบการเรียนการสอนในชั้นเรียน ๑) หนงั สอื เลม เล็ก จํานวน ๖๐ เรอื่ ง ดังตวั อยาง ๑. พรานแจมอัรเทยี วครอบ ๑๓. ฮโล ญฮั ฮตึ าม ๒. ท่ิบะกะดบั ๑๔. ตนชาย ญัฮ ที? ๓. ฮึชูโทงชีวิดนงั่ กะ ๑๕. ฮนูย ญัฮ ที? ๔. อัร ชรี ทะบัง จะ ๑๖. เปญ ญฮั ยอง ๕. พะฮ นชิ พู ็อบพระ ๑๗. โทง พร นงั กาซ ๖. ชะลอง เชจ็ โตลก ๑๘. ฮึนี? ญัฮ ฮึเปญ ๗. ยองญฮั กวนชุร ๑๙. ดกุ ฮยั ออคะโมะ แตนิทานตนั ซวยคะท?ี ๘. เนด คอง เปญ เมง็ ๒๐. อารเทยี วเคริบ ๙. ฮมมุ จะ ชาย ๒๑. มะนิฮ ชลอ็ บ อรั ควาล อโึ ชง ๑๐. ฮึเจยี มพริ าบญฮั ชายแนจ ๒๒. พลาย ๆ ละฮูด ๑๑. นะ ญัฮกวนอาชีรตะบงั ๒๓. เส้ือพ็อก ๑๒. ชาวชแรญัฮโชรมทน็อก ๒) หนงั สือเลม ยกั ษ จาํ นวน ๕๐ เร่ือง ดงั ตวั อยา ง ๑. พะนิฮ่ แฮร็จฮโวญัฮชุคฮชึ ลี ๑๒. ชูงวิ ปารด ๒. จกุ บอ็ กแท็ฮ ๑๓. ตะลา เครบิ ๓. ชวยกฮุ โคะ ๑๔. ตันซาย ๔. ฮึทอกนอ ก ๑๕. ตุฮชะลาด ๕. ฮึเปญพจี ๑๖. แต็ย ๖. เสื้อแขนยาวสแี ดง ๑๗. เนนแกว ๗. ฮมวจเพล่ยี ดญัฮฮมวจเพลญ ๑๘. เบินคู ๘. ชุรตะลงึ ชะโมร ๑๙. ปากาวฮเึ จรยี วคองแวย็ ๙. ตุฮปง คองญัฮกรุ ๒๐. เปญชีรคาว ๑๐. นงุ นางชที อง ๒๑. เปญญัฮ่ เจา ๑๑. กวนซาง 2007 ๒๒. ฮึชฮู ึแนจตะลงึ โตรว ๗๘
๒๓. กาเดญร็อบยัก ๓๐. ฮึตฮู องออ ๒๔. เปญญฮั ญอง ๓๑. ฟาย ๒๕. พรานคนื มุ ๓๒. มองคะยาก ๒๖. พะน่ิฮฮึชลี ๓๓. แมงคราม ๒๗. พะอินแชง ๓๔. อะญัฮเบินคูอะญฮั ๒๘. เพรี่ย เพร่ีย ๓๕. อรั คะยวลฮึแนญ ๒๙. กาวเมาะเนอเคริบ ๓๖. ฮยั แพรย็ จฮิ ๓) ผลงานท่เี กี่ยวขอ งกับการเรยี นการสอนภาษาญฮั กุรในโรงเรยี น ๑. แบบเรียนถายโอนภาษาญฮั กรุ สาํ หรับนกั เรยี นชวงช้นั ที่ ๒ ๒. แบบประเมินผลการเรยี นรูภาษาทอ งถิ่น ๓. แบบเรียนภาษาถน่ิ (ภาษาญฮั กรุ ) ๔. นิทานภาพเคล่ือนไหวเรอ่ื ง กา เดญ รอ็ บ ยก่ั ๑ เลม ๕. ของเลน ประกอบการเรยี นการสอนภาษาญฮั กุร ๖. บตั รคํา + รปู ภาพประกอบ + แบบเรยี นอา นเขียน ๑๐ บท / ชดุ ๗. เกมโดมโิ น คาํ ศพั ท ภาษาญฮั กุร ๑๐๐ ใบ ๘. หนังสือสามมิติ (pop up) เรอ่ื งอวัยวะภาษาญัฮกุร ๑ เลม ๕.๒.๓ องคความรภู มู ปิ ญ ญาทางวัฒนธรรม ๑) คาํ ศัพทเก่ยี วกับพชื สมนุ ไพร ๒) หนงั สอื ทาํ เนียบรวบรวมองคค วามรจู ากปาโคกคาวเปรียง ๓) หนังสือทําเนยี บปราชญชาวญฮั กุร ๔) หนังสือรวบรวมรายชื่อตนไมจ ากปาโคกคาวเปรียง ๕) แผนที่ปราชญบ านวังอายโพธ์ิ ๖) แผนท่ีปาโคกคาวเปรยี ง ๗) หนงั สือเรื่อง ปา?พกั่ นง่ั เดิม คอง ญฮั กรุ (ตามรอยภาษา ประเพณี วัฒนธรรมชาวญัฮกรุ ) อาจกลาวสรุปไดวาการดําเนินงานฟนฟูภาษาและภูมิปญญาทองถ่ินชาวญัฮกุร ทําใหเกิดการรวบรวม องคความรูและภูมิปญญาทองถิ่นของชาวญัฮกุร โดยมีระบบตัวเขียนภาษาญัฮกุร อักษรไทย เปนเครื่องมือใน การบันทึกรวบรวมองคความรูและภูมิปญญาทองถ่ินของชาวญัฮกุรในรูปแบบตาง ๆ เชน เร่ืองเลา นิทาน หนังสือเลม เลก็ หนังสือเลม ยกั ษ รวมไปถึงองคความรูในดานตาง ๆ เชน องคความรูเร่ืองพฤกษศาสตรพื้นบาน องคความรูเรื่องการใชประโยชนจากปาชุมชนโคกคาวเปรียง เปนตน นอกจากนี้ภาษาญัฮกุรยังถูกนําไปสอน ภายในโรงเรียนอีกดว ย ๗๙
๕.๓ กาวตอ ไปของการฟน ฟภู าษาและภมู ิปญญาทองถิน่ ของชุมชนญฮั กุร การฟนฟูภาษาและภูมิปญญาทองถ่ินของชุมชนญัฮกุรไดมีการดําเนินงานมาอยางตอเนื่องตั้งแตป พ.ศ. ๒๕๔๘ โดยมุงเนนการสรางกระบวนการมีสวนรวมของชุมชน ผานการดําเนินงานวิจัยเพ่ือทองถ่ิน และ ไดรับการสนับสนุนทางดานวิชาการจากนักภาษาศาสตรอยางตอเนื่อง ตลอดจนนักประวัติศาสตร และนัก พฤกษศาสตร เกิดการพัฒนาระบบตัวเขียนภาษาญัฮกุร ซ่ึงถือเปนเคร่ืองมือสําคัญท่ีชาวญัฮกุร สามารถใชจด บันทึกองคความรูและภูมิปญญาทองถ่ินไดดวยตนเอง รวมทั้งการถายทอดองคความรูสูกลุมเยาวชนท้ังใน รูปแบบการจัดการเรยี นการสอนภาษาและวัฒนธรรมในระบบโรงเรียน และนอกโรงเรยี น ปจจุบัน (พ.ศ. ๒๕๕๖) ชาวญัฮกุรไดมีความพยายามในการจัดทําศูนยการเรียนรูชุมชน เพื่อท่ีจะ สามารถเปนแหลง อนุรักษภาษาและวัฒนธรรมของชาวญัฮกุร สามารถสืบทอดใหแกเยาวชนคนรุนหลัง รวมถึง การเปดพื้นท่ีใหคนภายนอกไดรูจักความเปนตัวตนของชาวญัฮกุร นอกจากนี้ยังมีการดําเนินการจัดทําคูระบบ ตัวเขยี น รว มกับราชบัณฑิตยสถานอีกดวย อยางไรก็ตาม การฟนฟูภาษาและภูมิปญญาทองถ่ินของชาวญัฮกุรอยางยั่งยืน จําเปนตองไดรับการ สนับสนุนและการจัดกิจกรรมอยางตอเน่ือง เชน การจัดใหมีการเรียนการสอนภาษาญัฮกุรในโรงเรียน จําเปนตองไดรับความรวมมือและการสนับสนุนท้ังจากโรงเรียน และชุมชน รวมถึงการดําเนินงานฟนฟูภาษา และภูมิปญญาทองถ่ินในดานตาง ๆ ของชุมชน จําเปนตองไดรับการสนับสนุนจากองคกร หรือหนวยงานท่ี เกี่ยวของ เชน องคกรปกครองสว นทอ งถ่นิ สภาวัฒนธรรมจังหวดั เปน ตน ๕.๔ ขอเสนอใหเปนมรดกภูมิปญญาทางวฒั นธรรมของชาติ / มนษุ ยชาติ ๕.๔.๑ เหตุผล ภาษาญัฮกุร ถือเปนภาษากลุมชาติพันธุในตระกูลออสโตรเอเชียติก สาขามอญ – เขมร เปน เครื่องมือที่ใชส่ือสารในวิถีการดํารงชีวิตของกลุมชาติพันธุ ท่ีอาศัยอยูในประเทศไทย ซ่ึงสะทอนโลกทัศน ภูมิปญญา และวัฒนธรรมของแตละกลุมชน ท้ังเสียงพูด ตัวอักษร หรือสัญลักษณที่ใชแทนเสียงพูด ภาษาญัฮ กุรมีลักษณะท่ีโดดเดน กลาวคือ จากการศึกษาโดยนักภาษาศาสตรเชิงประวัติ ไดแก ชอโต และ ดิฟฟลอด พบวาภาษาญฮั กุรทีพ่ ูดกนั ในปจ จบุ ันมคี วามคลายคลึงกับภาษามอญโบราณท่ีปรากฏอยูในจารึกสมัยทวารวดีท่ี คนพบในประเทศไทยเปนอยางมากจนเรียกไดวาเปนภาษาเดียวกัน เน่ืองจากนักวิชาการเชื่อวาภาษามอญ โบราณเปนภาษากลางของคนในยุคทวารวดีเมื่อประมาณ ๒,๐๐๐ ปมาแลว จึงทําใหเชื่อไดวาชาวญัฮกุรนาจะ เปนลกู หลานของคนมอญสมัยทวารวดีท่ยี ังหลงเหลอื อยูถงึ ปจจบุ ัน ภาษาญัฮกุร มีระบบเสียงท่ีแสดงลักษณะภาษากลุมมอญ – เขมรชัดเจน ท้ังพยัญชนะตน (๒๙ ตัว) พยัญชนะสะกด (๑๔ ตัว) ภาษาญัฮกุรไมมีวรรณยุกตแตมีลักษณะนํ้าเสียง โดยมีลักษณะนํ้าเสียง ๒ ลักษณะ คือ ๑) ลักษณะน้ําเสียงใหญทุมต่ํา (เสียงกอง มีลม) เชน ชุร = แมลง, เนจ = ผา ๒) ลักษณะน้ําเสียง ปกติ และสูง-ตก เชน ชุร = สุนัข, เนจ = เล็ก เปนตน มีพยัญชนะตนนาสิกอโฆษะนอกเหนือจากพยัญชนะตน ๘๐
นาสิก โฆษะที่พบกันท่ัวไป เชน ฮนูย = ลิง, ฮมุม = หมี, แฮร็จ = เกี่ยว (ขาว) เสียงสระในพยางคเปดตามหลัง ดวยการกักของเสนเสียงเสมอ ทําใหเสียงสระคอนขางยาว เชน ฮี? = บาน, ฮลา? = ใบไม, ฮวา? = ช้ินเน้ือ และมีเสียงพยัญชนะสะกดเปนเอกลักษณของภาษากลุมมอญ – เขมร เชน ชุร = สุนัข, จีญ = ชาง, ยุล ยุล = ชะนี, ร่ิฮ = รากไม, ปซ = เกง เปนตน ไวยากรณภาษาญัฮกุรมีลักษณะการเรียงคําแบบประธาน – กริยา – กรรม เชนเดียวกับภาษากลุมมอญ – เขมรทั่วไป เชน ประโยควา แมะ พะ โจว โดง เฮย <แม-พอ-กลับไป- หมูบาน-แลว > = พอ แมกลบั บา นไปแลว ชาวญัฮกุรมีองคความรูเก่ียวกับปา สัตวปา พรรณพืชพื้นบาน สมุนไพร และมีการละเลน พ้ืนบาน ซึ่งเปนการขับเพลงของชาวญัฮกุร โดยมีเสียงเอ้ือนท่ีไพเราะเปนเอกลักษณ เรียกวา “ปา? เร เร” มี เนื้อรองเปนภาษาญัฮกุร บรรยายถึงความงามของธรรมชาติ การเก้ียวพาราสีระหวางชายหญิง การลาจากและ การโหยหาอดตี ปจจบุ นั มีผสู ามารถเลน และขับรองไดไ มถงึ ๕ คน ภาษาญัฮกุร ถือเปนภาษาท่ีมีคุณสมบัติอยูในเกณฑการพิจารณาขึ้นทะเบียนเปนมรดกภูมิ ปญญาทางวัฒนธรรมของชาติ / มนุษยชาติ กลาวคือ เปนมรดกทางภูมิปญญาของชุมชน เปนภาษาท่ีเคยใช หรือใชในชุมชน และเส่ียงตอการสูญหายหรือเผชิญกับภัยคุกคาม มีการสืบทอดและยังปฏิบัติอยูในวิถีชีวิต และเปนเอกลักษณข องชาติ หรอื อัตลกั ษณข องชุมชนหรือภูมภิ าค ดังนั้น ภาษาญัฮกุร จึงไดรับการประกาศขึ้นทะเบียนเปนมรดกภูมิปญญาทางวัฒนธรรมของ ชาติ สาขาภาษา ประจําป พ.ศ. ๒๕๕๕ โดยมีวัตถุประสงคเพ่ือบันทึกประวัติความเปนมา ภูมิปญญาและอัต ลักษณของมรดกภูมิปญญาทางวัฒนธรรม เพื่อเปนฐานขอมูลสําคัญเก่ียวกับมรดกภูมิปญญาทางวัฒนธรรมท่ี อยูในอาณาเขตประเทศไทย เพื่อเสริมสรางบทบาทสําคัญ และความภาคภูมิใจของชุมชน กลุมคน หรือบุคคล ที่เปน ผถู อื ครองมรดกภูมิปญญาทางวัฒนธรรม เพ่ือสงเสริมและพัฒนาสิทธิชุมชนในการอนุรักษ สืบสาน ฟนฟู และปกปองคุมครองมรดกถูมิปญญาทางวัฒนธรรมของทองถ่ินและของชาติ และเพื่อรองรับการเขาเปนภาคี อนุสัญญาเพื่อการสงวนรักษามรดกวัฒนธรรมท่ีจับตองไมไดของยูเนสโก ท้ังน้ีการประกาศข้ึนทะเบียนมรดก ภูมิปญญาทางวัฒนธรรม จึงเปนหนทางหนึ่งในการปกปองคุมครอง และเปนหลักฐานสําคัญของประเทศไทย ในการประกาศความเปนเจาของมรดกภมู ปิ ญญาทางวฒั นธรรม (กรมสง เสริมวฒั นธรรม, ๒๕๕๕) ๕.๔..๒ แนวทางการสงเสรมิ ใหภ าษาญฮั กุรเปนมรดกภมู ปิ ญญาทางวฒั นธรรมของชาติ / มนุษยชาติ ทีมวิจัยไดดําเนินการจัดประชุมในเวที “ระดมความคิดเห็น แนวทางในการสงวนรักษา ภาษาและภูมิปญญาทองถ่ินของกลุมชาติพันธุญัฮกุร” โดยชุมชนไดรวมกันระดมความคิดเห็นรวมกันใน ประเดน็ ปจจยั หรอื แนวทางท่ีจะทําใหสามารถฟนฟูภาษาและวัฒนธรรมของตนเอง มรี ายละเอียดตอ ไปนี้ ในกลุมญัฮกุร ทีมวิจัยไดจัดประชุมในเวที “ระดมความคิดเห็น แนวทางในการสงวนรักษา ภาษาและภูมิปญญาทองถ่ินของกลุมชาติพันธุ : ภาษาญัฮกุร” ในวันท่ี ๒๐ กรกฎาคม ๒๕๕๖ ณ ศาลาวัดวัง อายโพธ์ิ ต.บานไร อ.เทพสถิต จ.ชัยภูมิ โดยมีผูที่รวมระดมความคิดเห็นไดแก ชุมชนบานไร บานวังอายโพธิ์ ต.บานไร บานเสล่ียงทอง บานน้ําลาด ต.นายางกลัก อ.เทพสถิต จ.ชัยภูมิ, เยาวชนบานวังอายโพธิ์และบานไร, ๘๑
ครูโรงเรียนบานวังอายโพธิ์, ตัวแทน จากสํานักงานเขตพื้นท่ีการศึกษาประถมศึกษาจังหวัดชัยภูมิ เขต ๓, สมาชิกสภาผูแทนราษฎร จังหวัดชัยภูมิ โดยไดรวมกันแสดงความคิดเห็น สามารถสรุปปจจัยหรือแนวทางท่ีจะ ทาํ ใหส ามารถฟนฟูภาษาและวฒั นธรรมญฮั กุรไดดังน้ี • ทําใหชุมชนชาวญัฮกุรเกิดความตระหนักในการอนุรักษและฟนฟูภาษาและวัฒนธรรม ญฮั กรุ • สง เสริมและสนับสนุนใหลกู หลานชาวญฮั กรุ พูดภาษาญฮั กรุ ในครอบครัว • จัดใหมีการเรียนการสอนภาษาท้ังในโรงเรียน และในชุมชน • สนับสนุนใหเกิดการจัดทํากิจกรรมเพื่อการอนุรักษและฟนฟูภาษาและวัฒนธรรม ชาวญัฮกุรอยางตอเนื่อง รวมถึงมุงหวังใหกลุมเยาวชนเปนผูสืบทอดภาษาและวัฒนธรรมชาวญัฮกุรไดตอไปใน อนาคต • จัดทาํ แหลงเรยี นรูภ าษาและวฒั นธรรมชาวญฮั กุรภายในชมุ ชน • หนวยงานที่เกี่ยวของในพ้ืนท่ี เชน องคกรปกครองสวนทองถ่ิน, กศน., สํานักงานเขต พ้ืนที่การศึกษาประถมศึกษาจังหวัดชัยภูมิ ควรจัดสรรงบประมาณเพื่อจางครูภูมิปญญา เพ่ือใหเกิดการเรียน การสอนภาษาญัฮกรุ ในระบบโรงเรยี นอยางตอเนือ่ ง ทง้ั นค้ี รูภูมปิ ญญามีความพรอ มและสมัครใจที่จะสอนเด็กๆ ชาวญฮั กุรในโรงเรยี นอยางเตม็ ท่ี อาจกลาวสรุปไดวา ชุมชนในกลุมภาษาญัฮกุรตางมีความตองการใหเกิดการอนุรักษและฟนฟูภาษา ของตนเองอยางตอเน่ืองและเกิดความย่ังยืน ทําใหชุมชนเกิดความตระหนักและเห็นคุณคาในภาษาและ วฒั นธรรมของตนเอง โดยการจดั กจิ กรรมในชมุ ชนหลากหลายรูปแบบ เชน การจดั กิจกรรมสงเสริมการอนุรกั ษ และฟนฟูภาษาและวัฒนธรรม การจดั ทาํ แหลงเรียนรูในชมุ ชน การสง เสริมใหพูดภาษาทองถ่ินภายในบาน การ จัดใหมีการเรียนการสอนท้ังในระบบโรงเรียน และภายในชุมชน ท้ังน้ีควรไดรับการสนับสนุนการทํากิจกรรม และดานงบประมาณจากหนวยงานท่ีเกี่ยวของในพ้ืนที่ เชน องคกรปกครองสวนทองถ่ิน สํานักงานเขตพื้นท่ี การศกึ ษาประถมศกึ ษา เปน ตน ๘๒
บรรณานุกรม กรมสงเสริมวัฒนธรรม. ๒๕๕๕. มรดกภูมิปญญาทางวัฒนธรรมของชาติ. กรมสงเสริมวัฒนธรรม กระทรวง วฒั นธรรม. จรูญ บุญพันธุ. ๒๕๒๕. วิธีการทําเปนการีตในภาษาญัฮกุร. อักษรศาสตรมหาบัณฑิต. จุฬาลงกรณ มหาวทิ ยาลยั . ฉวีวรรณ ประจวบเหมาะ. ๒๕๕๕. เอกสาร (ราง) แนวทางการรวบรวมและจัดเก็บขอมูลมรดกภูมิปญญาทาง วฒั นธรรม. เอกสารอดั สาํ เนา ชัยอนันต สมุทรวานิช. ๒๕๕๑. ปาฐกถาพิเศษ เร่ือง “ความสําคัญของนโยบายภาษาแหงชาติ” ในการประชุม ทางวิชาการเรื่อง “ความหลากหลายและความสําคัญของภาษาทองถิ่นท่ีนําไปสูนโยบายภาษา แหงชาติ”. ทองพิทักษ ยันจัตุรัส และคณะ. ๒๕๔๙. รายงานฉบับสมบูรณ โครงการพัฒนาเครือขายฟนฟูภาษา – วัฒนธรรมทองถิ่นญฮั กุร ต.นายางกลกั ต.บานไร และ ต.โปง นก อ.เทพสถิต จ.ชัยภูมิ. สํานักงานกองทุน สนบั สนุนการวิจยั (สกว). ______. ๒๕๕๔. รายงานฉบับสมบูรณ โครงการกระบวนการรวบรวมองคความรูจากปาชุมชนโคกคาวเปรียง ดว ยภาษาญฮั กุร เพ่ือหาแนวทางการอนรุ กั ษแ ละสืบทอดสูล กู หลานชาวญัฮกุร บา นวงั อา ยโพธ์ิ ต.บานไร อ.เทพสถติ จ.ชยั ภูมิ. สํานักงานกองทนุ สนับสนนุ การวจิ ยั (สกว). นายภุชชงค บุกสันเทียะและคณะ. ๒๕๕๔. รายงานฉบับสมบูรณ โครงการศึกษาแนวทางการจัดทําหลักสูตร ทองถิ่นภาษาญัฮกรุ ของ โรงเรยี นวงั โพธิ์สวา งศิลป โดยการมสี วนรว มของชุมชน ต.บานไร อ.เทพสถิต จ. ชยั ภมู ิ. สํานักงานกองทนุ สนับสนุนการวิจัย (สกว.) ฝา ยวิจยั เพือ่ ทอ งถน่ิ . ปรีชา อุยตระกูล. ๒๕๒๙. สังคมและวัฒนธรรมของชาวบน. ศูนยขอมูลทองถิ่น คณะวิชามนุษยศาสตรและ สังคมศาสตร สถาบันราชภฎั นครราชสมี า. มยุรี ถาวรพัฒน. ๒๕๕๕. รายงานความกาวหนา โครงการศึกษาเพื่อพัฒนาภาษาและภูมิปญญาของกลุมชาติ พันธุบนฐานงานวิจัยเพ่ือทองถิ่น : การบูรณาการความรูจากงานวิจัยทองถ่ินสูความรูเชิงวิชาการ. สํานักงานกองทุนสนบั สนนุ การวจิ ัย (สกว.) ศริ ิพร หม่นั งานและคณะ. ๒๕๕๐. รายงานฉบับสมบูรณ โครงการแนวทางการจัดหองเรียนคูขนานสําหรับเด็ก ชาติพันธุ (ญัฮกุร). สาํ นักงานกองทนุ สนับสนุนการวิจยั (สกว). _____. ๒๕๕๕. รายงานฉบับสมบูรณ โครงการกระบวนการและแบบคัดกรองเด็กที่มีปญหาทางการเรียนรูท่ี เหมาะสมกบั เด็กกลุมชาตพิ นั ธแุ ละแนวทางในการชว ยเหลอื ดวยภาษาทอ งถิน่ โรงเรยี นบานวงั อายคง ต. บา นไร อ.เทพสถติ จ.ชัยภมู .ิ สํานักงานกองทุนสนับสนุนการวจิ ัย (สกว.). สุวิไล เปรมศรีรัตน และคณะ. ๒๕๔๗. แผนที่ภาษาของกลุมชาติพันธุตาง ๆ ในประเทศไทย. สํานักงาน คณะกรรมการวัฒนธรรมแหง ชาต.ิ _____. ๒๕๕๓. โครงการวิจัยปฏิบัติการเร่ือง “การจัดการเรียนการสอนโดยใชภาษาทองถ่ิน และภาษาไทย เปนส่ือ : กรณีการจัดการศึกษาแบบทวิภาษา (ภาษาไทย – ภาษามลายูถิ่น) ในโรงเรียนเขตพื้นที่ ๔ ๙๓
จังหวัดชายแดนภาคใต. ศูนยศึกษาและฟนฟูภาษาและวัฒนธรรมในภาวะวิกฤต สถาบันวิจัยภาษาและ วัฒนธรรมเอเชยี มหาวทิ ยาลัยมหิดล. อนันต ลมิ ปคุปตถาวร และคณะ. ๒๕๔๙. ญฮั กรุ มอญโบราณแหง เทพสถิต. โอ.เอส. พร้ินต้งิ เฮา ส จํากดั . อภิญญา บัวสรวง และสุวิไล เปรมศรีรัตน. ๒๕๔๑. สารานุกรมกลุมชาติพันธุ ญัฮกุร. สถาบันวิจัยภาษาและ วฒั นธรรมเพอ่ื พฒั นาชนบท มหาวิทยาลยั มหิดล. Gérard Diffloth. 1984. The Dvaravati Old Mon Language and Nyak Kur. Bangkok : Chulalongkorn Printing House. Payau Memanas. 1979. A description of Chaobon (Nahkur) : and Austroasiatic Language in Thailand. The degree of Master of Art (Linguistic) Faculty of Graduate Studies Mahidol University. Subhab Phiukhou. 1986. A phonological description of Nyah Kur at Ban nam lat, Chaiyaphum Province. The degree of Master of Art (Linguistic) Faculty of Graduate Studies Mahidol University. Sudsawad Chuasuwan. 1990. A phonology of Nyah Kur at Ban Tha Duang. The degree of Master of Art (Linguistic) Faculty of Graduate Studies Mahidol University. Theraphan L. Thongkum. 1984. Nyah Kur (Chao Bon)-Thai-English Dictionary. Bangkok : Chulalongkorn Printing House. ๙๔
ภาคผนวก ใบแสดงความยนิ ยอม (ภาษาญัฮกรุ ) ๙๕
แบบบนั ทึกขอ มูลรายการมรดกภมู ปิ ญ ญาทางวฒั นธรรม ๑. การระบุอตั ลักษณม รดกภูมิปญญาทางวฒั นธรรม ๑.๑ ระบุช่อื มรดกภูมปิ ญ ญาทางวัฒนธรรม (ซ่ึงใชโดยชุมชนหรอื กลมุ คนทเ่ี ก่ียวของ) ภาษาญัฮกุร ๑.๒ ระบชุ อื่ เต็มและช่ือยอ (รวมท้งั ระบสุ าขาของมรดกภมู ปิ ญ ญาทางวัฒนธรรมดังกลา ว) ภาษาญฮั กุร สาขาภาษา ๑.๓ ระบุชุมชนที่เกยี่ วของกับมรดกภมู ิปญ ญาทางวฒั นธรรมทงั้ ในความหมายพื้นที่ และกลุม ผปู ฏบิ ตั ิ ชุมชนกลมุ ชาติพันธญุ ัฮกรุ ตาํ บลบานไร อาํ เภอเทพสถิต จงั หวัดชัยภมู ิ ๑.๔ ระบุที่ต้ังทางภูมิศาสตร (หากที่ตั้งทางภูมิศาสตรของมรดกภูมิปญญาทางวัฒนธรรมมีมากกวาหน่ึง โปรด ระบุทกุ แหงทีท่ ราบ) ชาวญัฮกุร ตั้งถ่ินฐานอยูในบริเวณ ๓ จังหวัด ไดแกจังหวัดนครราชสีมา เขตอําเภอปกธงชัย หมูบานท่ีพบ ชาวญัฮกุรในปจจุบัน ไดแก บานพลาง บานพระบึง บานวังตะเคียน ฯลฯ จังหวัดชัยภูมิ พบในเขตอําเภอเทพ สถิต ไดแก บา นวังอา ยโพธ์ิ บา นวงั อา ยคง บานไร บานเสลยี่ งทอง บา นวงั ตาเทพ บา นน้ําลาด บานทาโปง บาน โคกสะอาด บา นสะพานหนิ บานวงั กาํ แพง ฯลฯ จังหวัดเพชรบรู ณ ไดแก บา นนา้ํ เลา บา นหวยไคร บานทาดว ง ลักษณะที่ต้ังหมูบานชาวญัฮกุรใน ๓ จังหวัดดังกลาวนั้นเปนบริเวณใจกลางของประเทศไทย โดยอยูบน ขอบที่ราบสูงโคราชและพื้นท่ีราบสูงในจังหวัดชัยภูมิที่ตอกับภาคเหนือและตอกับจังหวัดลพบุรี เห็นไดชัดเจน วาในหมูบานตาง ๆ ของชาวญัฮกุรจะมีกลุมคนไทยโคราช คนไทยจากลพบุรี หรือลาวอีสานเขาไปอยูอาศัย ปะปนมากข้นึ ทกุ ที (อภญิ ญา บัวสรวงและสุวไิ ล เปรมศรรี ัตน, ๒๕๔๑) ๑.๕ แสดงคุณลกั ษณะและคณุ คาของมรดกภูมปิ ญ ญาทางวฒั นธรรมโดยสงั เขป ภาษาญัฮกุร เปนภาษาท่ีอยูในตระกูลออสโตรเอเชียติก สาขามอญ – เขมร สาขายอยโมนิก มีความ ใกลเคียงกับภาษามอญซึ่งอยูในสาขาเดียวกัน นักภาษาศาสตรเชิงประวัติ ไดแก ชอโต และ ดิฟฟลอด พบวา ภาษาญฮั กุรทีพ่ ูดกันในปจจุบนั มีความคลายคลงึ กับภาษามอญโบราณทีป่ รากฏอยูใ นจารึกสมัยทวารวดีทค่ี นพบ ในประเทศไทยเปน อยา งมากจนเรียกไดวา เปนภาษาเดียวกนั เน่อื งจากนักวิชาการเช่ือวาภาษามอญโบราณเปน ภาษากลางของคนในยุคทวารวดีเมื่อประมาณ ๒,๐๐๐ ปมาแลว จึงทําใหเชื่อไดวาชาวญัฮกุรนาจะเปน ลกู หลานของคนมอญสมยั ทวารวดีทย่ี ังหลงเหลอื อยูถงึ ปจจุบนั ภาษาญัฮกุร มีระบบเสียงท่ีแสดงลักษณะภาษากลุมมอญ – เขมรชัดเจน ทั้งพยัญชนะตน (๒๖ ตัว) พยัญชนะสะกด (๑๔ ตัว) ภาษาญัฮกุรไมมีวรรณยุกตแตมีลักษณะนํ้าเสียง โดยมีลักษณะน้ําเสียง ๒ ลักษณะ คือ ๑) ลักษณะนํ้าเสียงใหญทมุ ต่าํ (เสียงกอ ง มลี ม) เชน ชุร = แมลง, เนจ = ผา ๒) ลักษณะนํ้าเสียงปกติ และ ๙๖
สูง-ตก เชน ชุร = สุนัข, เนจ = เล็ก เปนตน มีพยัญชนะตนนาสิกอโฆษะนอกเหนือจากพยัญชนะตนนาสิก โฆษะท่ีพบกันทั่วไป เชน ฮนูย = ลิง, ฮมุม = หมี, แฮร็จ = เกี่ยว (ขาว) เสียงสระในพยางคเปดตามหลังดวย การกักของเสนเสียงเสมอ ทําใหเสียงสระคอนขางยาว เชน ฮี? = บาน, ฮลา? = ใบไม, ฮวา? = ชิ้นเนื้อ และมี เสียงพยัญชนะสะกดเปนเอกลักษณของภาษากลุมมอญ – เขมร เชน ชุร = สุนัข, จีญ = ชาง, ยุล ยุล =ชะนี, ร่ิฮ = รากไม, ปซ = เกง เปนตน ไวยากรณภาษาญัฮกุรมีลักษณะการเรียงคําแบบประธาน – กริยา – กรรม เชนเดียวกับภาษากลุมมอญ – เขมรท่ัวไป เชน ประโยควา แมะ พะ โจว โดง เฮย <แม-พอ-กลับไป-หมูบาน- แลว > = พอแมกลับบา นไปแลว ๒. ลักษณะขององคประกอบมรดกภูมิปญญาทางวฒั นธรรม ๒.๑ ผูปฏิบตั ิ / ผแู สดง ท่ีเกี่ยวของโดยตรงกับรายการมรดกภมู ปิ ญ ญาทางวฒั นธรรม (ระบชุ ่ือ อายุ เพศ กลุม อาชพี หรือความชํานาญ ฯลฯ) ๑) นายแกน ย่ีจตั ุรัส ท่ีอยู : ๔๙ หมู ๑ ต.บานไร อ.เทพสถติ จ.ชยั ภูมิ อาชีพ : สมาชิก อบต. บานไร ๒) นายเชอ่ื ง ช่นื จตั รุ ัส ท่อี ยู : ๙๘ หมู ๔ ต.บา นไร อ.เทพสถิต จ.ชยั ภมู ิ อาชพี : ทําไร (ปราชญช ุมชน / ผบู อกภาษา) ๓) นายประยูร มองทองหลาง ที่อยู : ๑๙๗ หมู ๑ ต.บา นไร อ.เทพสถิต จ.ชยั ภูมิ อาชพี : ทาํ ไร ๔) นายเปลย่ี น เยน็ จัตุรัส ที่อยู : ๖๕๓ หมู ๑ ต.บานไร อ.เทพสถิต จ.ชยั ภูมิ อาชพี : ทําไร (ปราชญช ุมชน / ผบู อกภาษา) ๕) นายพนม จติ รจํานง ทอี่ ยู : ๓๘๔ หมู ๑ ต.บา นไร อ.เทพสถติ จ.ชัยภูมิ อาชพี : ครูภูมิปญ ญา โรงเรียนบา นวังอา ยคง ๖) นางมนศนิ ี บวั จตั ุรัส ที่อยู : ๑๙๓ หมู ๕ บานวังตาเทพ ต.บา นไร อ.เทพสถิต จ.ชัยภูมิ อาชพี : ทาํ ไร ๗) นายสมจิตร ไชยขุนทด ทอี่ ยู : ๔๓ หมู ๔ ต.บานไร อ.เทพสถติ จ.ชัยภูมิ อาชพี : ทําไร ๘) นายสวิท วงศศรี ๙๗
ท่ีอยู : ๙๘ หมู ๑ ต.บานไร อ.เทพสถิต จ.ชยั ภมู ิ อาชพี : ทาํ ไร ๙) นางหาม เศรษฐกุญชร ทอ่ี ยู : ๒๕๗/๔ บานวงั โพธิ์ ต.บานไร อ.เทพสถติ จ.ชัยภูมิ อาชพี : ทําไร ๑๐) นายอาต ยมุ จตั รุ สั ที่อยู : ๑๔๗ ม.๔ ต.บา นไร อ.เทพสถติ จ.ชยั ภมู ิ อาชีพ : ทาํ ไร (ปราชญชมุ ชน / ผบู อกภาษา) ๑๑) นายสาม ยมุ จัตุรัส ท่อี ยู : ๒๑๕ หมู ๑ ต.บา นไร อ.เทพสถิต จ.ชัยภูมิ อาชีพ : ทาํ ไร (ปราชญชมุ ชน / ผูบอกภาษา) ๑๒) นายทองพิทกั ษ ยันจตั ุรสั ทอ่ี ยู : ๒๐๗ หมู ๔ ต.บา นไร อ.เทพสถติ จ.ชยั ภูมิ อาชีพ : ทาํ ไร / คาขาย (ปราชญชุมชน / ผูบ อกภาษา) ๑๓) นายทิม บัวจัตรุ ัส ที่อยู : ๓๔๕/๔ หมู ๔ ต.บานไร อ.เทพสถติ จ.ชยั ภมู ิ อาชีพ : ทําไร (ปราชญชุมชน / ผูบอกภาษา) ๑๔) นายสายสน สงจัตุรสั ท่อี ยู : ๓๙๒ หมู ๔ ต.บา นไร อ.เทพสถติ จ.ชยั ภมู ิ อาชพี : รับจา ง ๑๕) นางดาํ จนั ทรพ ิม ท่ีอยู : หมู ๑ ต.บา นไร อ.เทพสถติ จ.ชยั ภูมิ อาชพี : ทาํ ไร (ปราชญใ หค วามรูเรอื่ งการเย็บเสือ้ พ่็อก) ๑๖) นางมดิ วงษศ รี ที่อยู : ๓๘๔ หมู ๑ ต.บานไร อ.เทพสถิต จ.ชยั ภมู ิ อาชีพ : ทําไร (ปราชญใ หค วามรเู ร่ืองการเยบ็ เส้อื พ็อ่ ก) ๑๗) นางบ่งึ แถวจัตรุ สั ที่อยู : หมู ๔ ต.บา นไร อ.เทพสถติ จ.ชยั ภมู ิ อาชีพ : ทําไร (ปราชญใ หความรูเรื่องการเย็บเสอื้ พ่อ็ ก) ๑๘) นางสาํ ราญ กาหลง ทีอ่ ยู : ๕ หมู ๔ ต.บา นไร อ.เทพสถติ จ.ชยั ภูมิ อาชพี : ทําไร (ปราชญใหความรเู รอ่ื งการเย็บเสือ้ พ็่อก) ๑๙) นายเฉลมิ ชาติ ยันจัตุรัส ๙๘
ทอ่ี ยู : หมู ๑ ต.บานไร อ.เทพสถติ จ.ชัยภูมิ อาชีพ : รบั จาง ๒๐) น.ส. พรทิพรักษ จนั ทรางศุ ทอี่ ยู : ๓๙๕ หมู ๔ ต.บา นไร อ.เทพสถติ จ.ชัยภมู ิ อาชพี : กําลังศกึ ษาในชั้นมธั ยมปลาย ๒๑) น.ส. สุนันท แดงจัตรุ ัส ทอ่ี ยู : ๔๐๒ หมู ๑ ต.บานไร อ.เทพสถิต จ.ชยั ภมู ิ อาชพี : รบั จา ง ๒๒) นายจดุ บุญย่งิ ทอ่ี ยู : ๗๓๕ หมู ๑๑ ต.บา นไร อ.เทพสถติ จ.ชยั ภมู ิ อาชีพ : ทําไร (ปราชญชุมชน / ผูบ อกภาษา) ๒.๒ บุคคลในชมุ ชนซึ่งถงึ แมจ ะเกีย่ วของกับมรดกภูมปิ ญญาทางวฒั นธรรมโดยตรงนอ ย แตเ อื้อประโยชนต อ การถอื ปฏิบัติหรือเอื้ออํานวยตอ ความสะดวกในการถอื ปฏิบตั ิหรอื การสบื ทอด ฯ (เชน จัดเตรียมเวที เส้ือผา ฝก อบรม และควบคมุ ดูแล) กลมุ ชาติพันธุญฮั กุร คอื บคุ คลตามขอ ๒.๑ ๒.๓ ภาษา ทาํ เนยี บภาษา ระดบั ภาษาท่เี กี่ยวของ ภาษาญัฮกุร เปนภาษาที่อยูในตระกูลออสโตรเอเชียติก สาขามอญ – เขมร สาขายอยโมนิก รายละเอียด ตามขอ ๑.๕ ๒.๔ องคประกอบทจี่ บั ตอ งได (เชน อุปกรณเ ครอื่ งมอื เสอื้ ผา หรือพืน้ ทพ่ี เิ ศษเฉพาะ วัตถทุ ี่ใชในพิธีกรรม) (ถา มี) ซง่ึ เก่ยี วกบั การถอื ปฏบิ ตั ิหรือสืบทอดมรดกภูมปิ ญญาทางวัฒนธรรม ภาษาญัฮกรุ เปนภาษาพูด แตไมมีภาษาเขียน ดังน้ันชาวญัฮกุรจึงไดรวมกลุมกัน เพ่ือพัฒนาระบบตัวเขียน รว มกับนกั ภาษาศาสตรจากมหาวทิ ยาลัยมหิดล โดยใชอักษรไทย ๑ ตัว แทน ๑ เสียง เพ่ือเปนเคร่ืองมือในการ บันทึกองคความรูของชาวญัฮกุร นอกจากนี้ยังไดใชเปนส่ือในการเรียนการสอนภาษาทองถ่ินในโรงเรียนใหแก เด็กชาวญัฮกุรอกี ดว ย ๒.๕ องคประกอบที่จับตองไมได (ถามี) ซึ่งเกี่ยวของกับการถือปฏิบัติหรือสืบทอดมรดกภูมิปญญาทาง วัฒนธรรม ภาษาญัฮกุร เปนภาษาท่ีใชในชีวิตประจําวัน ผูที่สามารถพูดไดดีอยูในกลุมผูสูงอายุ นอกจากนี้ยังมีการสืบ สานประเพณี วัฒนธรรม ตลอดจนองคค วามรขู องตนเอง เชน ประเพณแี หหอดอกผ้ึงของชาวญัฮกุร เปน ตน ๙๙
๒.๖ แนวปฏบิ ตั ิตามจารตี ในการเขาถงึ การใชและการมสี ว นรวมในมรดกภูมิปญ ญาทางวฒั นธรรม (ถา มี) เชน หากมีขอ กาํ หนดบางอยางที่หามบคุ คลบางประเภท เชน ผชู ายไมใหเขารว ม หรือถอื ปฏบิ ัติ ควรปฏิบัตติ าม จารีตดงั กลา วและระบุขอ กาํ หนดดงั กลาว ภาษาญัฮกุร เปนภาษากลุมชาติพันธุท่ีสามารถใชพูดในชีวิตประจําวัน แตปจจุบัน ผูที่สามารถพูดไดเปน อยางดีมีเฉพาะผูสูงอายุเทานั้น ประกอบกับกระแสโลกาภิวัตน ที่ทําใหเกิดการเปลี่ยนแปลงทางวัฒนธรรม ทํา ใหการใชภ าษาญฮั กุรถดถอยลง จนเด็กและเยาวชนไมสามารถพูดหรอื ส่ือสารได ๒.๗ แนวทางการถา ยทอดมรดกภูมปิ ญญาทางวฒั นธรรมสูคนอ่นื ๆ ในชมุ ชน แนวทางการถายทอดภาษาและวัฒนธรรมญัฮกุร ซึ่งถือเปนมรดกภูมิปญญาทางวัฒนธรรม สามารถทําได หลากหลายแนวทาง เชน การใชภาษาภาษาญัฮกุรในบาน การจัดการเรียนการสอนภาษาทองถ่ินในโรงเรียน การอนุรักษฟนฟูภาษาและวัฒนธรรมชุมชนในรูปแบบตาง ๆ ไดแก การบันทึกองคความรูภูมิปญญาทองถ่ิน ของตนเอง และถายทอดสูกลมุ เดก็ และเยาวชน เปนตน ๒.๘ องคกรตาง ๆ ทีเ่ ก่ยี วขอ ง (องคกรชมุ ชน, NGOs, ฯลฯ) ถามี องคกรท่ีเกี่ยวของในชุมชนกลุมชาติพันธุญัฮกุร ไดแก องคการบริหารสวนตําบลบานไร, องคการบริหาร สวนจังหวัดชัยภูมิ, โรงเรียนบานไรพัฒนา, โรงเรียนวังโพธิ์สวางศิลป, โรงเรียนบานวังอายคง, สํานักงานเขต พืน้ ที่การศึกษาจงั หวัดชยั ภมู ิ เปนตน ๓. สภาวะของมรดกภมู ิปญญาทางวัฒนธรรม : ความอยูรอด ๓.๑ ปจจัยคกุ คาม (ถาม)ี ทม่ี ผี ลตอความอยรู อดของมรดกภูมิปญญาทางวัฒนธรรมภายในชมุ ชนตาง ๆ ที่ เกยี่ วของ ภาษาญัฮกุร ถือเปนภาษาท่ีอยูในภาวะวิกฤตใกลสูญ เนื่องจากมีผูพูดเปนจํานวนนอย สามารถพูดไดดีใน รุนสูงอายุ ยังมีการใชในบานและในชุมชนไมมากนัก ทั้งน้ีมีสาเหตุสําคัญที่ทําใหภาษาอยูในภาวะวิกฤต ๒ ประการ ไดแ ก ๑) เกิดจากกระแสโลกาภิวัตน ท่ีสงผลทําใหเกิดความเจริญกาวหนาทางเทคโนโลยีดานตาง ๆ เชน ระบบการคมนาคมขนสง ระบบการสื่อสาร เทคโนโลยีสารสนเทศ เปนตน ทําใหเ กิดการเปล่ียนแปลงทางสังคม และวัฒนธรรมอยางรวดเร็ว ตลอดจนการเปลี่ยนแปลงของสภาพเศรษฐกิจ ดังเชน แตเดิมญัฮกุร อาศัยการ เพาะปลูกเพื่อเล้ียงชีพ ประกอบกับการพึ่งพิงทรัพยากรจากปา ปจจุบันการเลี้ยงชีพไดเปลี่ยนไปสูการเกษตรที่ เชื่อมโยงกับระบบตลาดอยางชัดเจน นอกจากนี้ยังมีการพัฒนาระบบคมนาคม ระบบสื่อมวลชน ไดแก วิทยุ โทรทัศน และหนังสือพิมพ ที่ลวนใชภาษาไทยเปนภาษาในการสื่อสาร รวมถึงการอพยพเขามาของประชากร กลุมชาติพันธุอื่น การติดตอคาขายกับคนตางถ่ิน ลวนสงผลใหภาษาญัฮกุรสูญเสียสถานะของการเปนภาษา หลักในชวี ติ ประจําวันของชุมชนลงไปเรื่อย ๆ รวมถึงสงผลตอการสูญเสียภูมิปญญา วัฒนธรรมทองถ่ิน และอัต ลักษณท างชาติพันธขุ องตนเองอีกดวย ๑๐๐
๒) เกิดจากนโยบายของภาครัฐ ดังจะเห็นไดชัดเจนจากการท่ีรัฐบาลไทยออกกฎหมายการศึกษา ภาคบังคับ (พ.ศ. ๒๔๖๘) ท่ีกําหนดใหเยาวชนท่ัวประเทศเขาเรียนในโรงเรียนสามัญของกระทรวงศึกษาธิการ ซึ่งจัดการเรียนการสอนและส่ือการเรียนการสอนเปนภาษาไทยซึ่งเปนภาษาราชการ ประกอบกับการจัดการ เรียนการสอนที่ขาดการเชื่อมโยงอยางเปนระบบ ระหวางภาษาและวัฒนธรรมทองถิ่นกับภาษาและวัฒนธรรม ของโรงเรียนซ่ึงใชภาษาราชการ (ภาษาไทย) เพียงภาษาเดียวเปนส่ือ (สุวิไล เปรมศรีรัตน และคณะ, ๒๕๕๓) ทําใหเ ดก็ และเยาวชนกลมุ ชาตพิ ันธุไมไดใชภ าษาทอ งถนิ่ ในโรงเรยี น ๓.๒ ปจจยั คุกคาม (ถา ม)ี ทมี่ ผี ลตอ การสืบทอดของรายการมรดกภูมิปญญาทางวฒั นธรรมภายในชมุ ชนตา ง ๆ ทีเ่ กีย่ วขอ ง สอดคลองกบั ขอ ๓.๑ ๓.๓ ปจจยั คุกคามทีม่ ผี ลตอ ความยง่ั ยนื ในการเขาถึง การใชทรพั ยากรและองคประกอบท่จี บั ตองได (ถา มี) ซึ่ง เกย่ี วของกับมรดกภมู ปิ ญ ญาทางวัฒนธรรม สอดคลอ งกับขอ ๓.๑ ๓.๔ ความอยรู อดของมรดกภูมปิ ญญาทางวฒั นธรรมอนื่ ๆ (ถาม)ี เก่ยี วพันกบั มรดกภมู ปิ ญญาทางวัฒนธรรมท่ี มีการจัดเกบ็ รวบรวมขอ มูล ปจจุบันกลุมญัฮกุร ไดมีการดําเนินงานฟนฟูภาษาและวัฒนธรรมของตนเอง ดวยตนเอง โดยผาน กระบวนการดําเนินงานวิจัยเพ่ือทองถ่ิน ซ่ึงในกลุมญัฮกุรไดเร่ิมมีการดําเนินงานฟนฟูภาษาและวัฒนธรรมของ ตนเองตง้ั แตป พ.ศ. ๒๕๔๔ และ พ.ศ. ๒๕๔๘ ตามลําดบั การฟนฟูภาษาและวัฒนธรรมของกลุมญัฮกุร เริ่มตนจากการทําระบบตัวเขียน โดยใชอักษรไทย ๑ ตัว แทน ๑ เสียง เพื่อเปนเคร่ืองมือในการบันทึกภาษา รวมท้ังองคความรูและภูมิปญญาของตนเอง จากน้ันได จดั ทาํ หลักสูตรสําหรับการเรียนการสอนในโรงเรียน โดยเริ่มตั้งแตชั้นประถมศึกษาปท่ี ๔ นอกจากนี้ยังไดมีการ ฟนฟูภาษาและวัฒนธรรมของตนเองในรูปแบบตาง ๆ เชน ไดศึกษาและรวบรวมองคความรู ภูมิปญญา เกี่ยวกับปาโคกคาวเปรียง โดยมีนักพฤกษศาสตรเขารวมวิจัย และเปนผูบูรณาการความรูจากทองถิ่นสูความรู เชิงวิชาการ เปนตน ๓.๕ การปกปอ งคมุ ครองหรือมาตรการอน่ื ๆ ที่มีอยู (ถา ม)ี ซึง่ ใหค วามใสใ จแกปญ หาปจจยั คกุ คามเหลานแี้ ละ สง เสรมิ ใหม ีการถือปฏิบตั หิ รือการสืบทอดมรกดภมู ปิ ญ ญาทางวัฒนธรรมในอนาคต ปจ จุบนั กลมุ ญัฮกุร ไดระดมความคิดเห็นเพ่ือคนหาแนวทางในการปกปองคุมครองใหภาษาของตนเองไดมี การใชม ากขึน้ ตลอดจนการถายทอดภาษา ความรูและภูมิปญญาใหกับเยาวชนหรือคนรุนใหม ทั้งนี้กลุมญัฮกุร ไดมีความพยายามและผลักดันใหเกิดการเรียนการสอนภาษาทองถิ่นภายในโรงเรียนอยางตอเน่ือง ซ่ึง จําเปนตองไดรบั การสนบั สนุนโดยเฉพาะดา นงบประมาณจากหนว ยงานและองคก รทเ่ี กยี่ วของ ๑๐๑
๔. ขอจาํ กัดและการอนุญาตเกย่ี วกบั การใชข อ มูล ๔.๑ การยินยอมจากชุมชนและชุมชนทเี่ ก่ียวของในการจดั เกบ็ รวบรวมขอ มลู ชมุ ชนกลมุ ชาตพิ นั ธุญัฮกุร มีความยนิ ยอมในการจดั เกบ็ รวบรวมขอมูลท่เี กยี่ วขอ งกับภาษาและวัฒนธรรม ญัฮกรุ ๔.๒ ขอจาํ กัด (ถาม)ี ในการใชห รือการเขา ถึงขอ มลู ทจ่ี ัดเกบ็ รวบรวม ขอมลู ทไ่ี ดจ ากการเก็บรวบรวมขอมลู ของกลุมญฮั กรุ ไดถกู จดั เกบ็ ไวในชุมชน โดยเฉพาะในกลุม ผูนาํ และ นักวจิ ยั ชุมชน ซ่ึงขอจํากัดในดา นงบประมาณ ทาํ ใหยังไมส ามารถเผยแพรไ ดอยา งกวางขวาง ๔.๓ บุคคลท่ใี หข อมลู : ชอ่ื และสถานภาพ หรือความเกี่ยวพัน ขอ มลู บุคคลผูบ อกภาษากลมุ ชาติพันธุญฮั กรุ สอดคลอ งกบั ขอ ๒.๑ ๔.๔ วนั และสถานทีจ่ ัดเกบ็ รวบรวมขอมูล กจิ กรรมเปดเวทชี แ้ี จงโครงการ ฯ วนั ที่ ๑๐ ตลุ าคม ๒๕๕๕ ณ วัดวงั โพธ์ิ บา นวงั อา ยโพธิ์ ต.บานไร อ.เทพ สถติ จ.ชัยภูมิ ๑. กิจกรรมเก็บขอมูลพ้ืนฐาน โดยใชวิธีสนทนาเปนภาษาญัฮกุร วันที่ ๒๙ พฤศจิกายน – ๑ ธันวาคม ๒๕๕๕ ณ บา นวงั อายโพธิ์ และ บานไร ต.บานไร อ.เทพสถติ จ.ชัยภูมิ ๒. กิจกรรมประชุมเชิงปฏิบัติการเร่ือง “การใชเคร่ืองมือทางภาษาเพ่ือเก็บรวบรวมขอมูล” และถอด ความเสียง จากการเก็บขอมูลพ้ืนฐาน โดยใชระบบเขียนภาษาญัฮกุร วันที่ ๑๓ มกราคม ๒๕๕๖ ณ รีสอรท เทพสถติ วิลล อ.เทพสถติ จ.ชยั ภมู ิ ๓. ทีมวิจัยทองถ่ินชาวญัฮกุร เขารวมงานประชุมเสวนาเร่ือง “วันภาษาแมสากล : เปดโลกภูมิปญญา ภาษาแม” วนั ที่ ๒๑ กมุ ภาพันธ ๒๕๕๖ ณ สถาบันวจิ ัยภาษาและวัฒนธรรมเอเชีย มหาวทิ ยาลยั มหดิ ล ๔. กิจกรรมเขยี นคาํ ศัพท / เขียนเรื่องเลา นิทาน วันท่ี ๑๙ – ๒๐ มีนาคม ๒๕๕๖ ณ รีสอรทเทพ สถิตวิลล อ.เทพสถติ จ.ชยั ภมู ิ ๕. กิจกรรมเก็บขอมูล ประเพณีแหหอดอกผ้ึง ดวยวิธีการบันทึกวิดีโอ และภาพนิ่ง วันท่ี ๑๐ – ๑๓ เมษายน ๒๕๕๖ ณ บานไร ต.บา นไร อ.เทพสถิต จ.ชัยภูมิ ๖. กิจกรรมเขียนเรื่อง ประเพณีแหหอดอกผึ้ง ดวยระบบเขียนภาษาญัฮกุร วันที่ ๑๙ – ๒๐ พฤษภาคม ๒๕๕๖ ณ รีสอรท เทพสถิตวิลล อ.เทพสถิต จ.ชยั ภมู ิ ๗. กจิ กรรมทาํ เสอ้ื พอ็่ ก เขยี นเรอื่ ง และตรวจสอบแกไ ข วันท่ี ๗ – ๙ มิถนุ ายน ๒๕๕๖ ณ วัดวังอา ยโพธ์ิ ต.บา นไร อ.เทพสถิต จ.ชัยภูมิ และ รีสอรท เทพสถติ วลิ ล อ.เทพสถิต จ.ชยั ภมู ิ ๘. กิจกรรมตรวจสอบความถูกตอง จัดทําเปนหนังสือเพื่อเผยแพรความรู วันที่ ๒๖ – ๒๗ มิถุนายน ๒๕๕๖ ณ รสี อรท เทพสถติ วลิ ล อ.เทพสถติ จ.ชยั ภูมิ ๙. กจิ กรรมจดั เวทรี ะดมความคิดเหน็ และนําเสนอขอ มูล วันท่ี ๒๐ กรกฎาคม ๒๕๕๖ ณ วัดวังอายโพธิ์ ๑๐๒
ต.บานไร อ.เทพสถติ จ.ชัยภูมิ ๑๐. กจิ กรรมเผยแพรข อ มลู ยังชมุ ชนอ่นื ๆ วันท่ี ๒๑ กรกฎาคม ๒๕๕๖ ณ บานวังกําแพง ต.ชีบน อ.บาน เขวา จ.ชยั ภมู ิ และ บา นพระบงึ ต.บอปลาทอง อ.ปกธงชยั จ.นครราชสีมา ๕. การอา งองิ เก่ยี วกับรายการมรดกภมู ปิ ญญาทางวัฒนธรรม (ถามี) ๕.๑ เอกสารประกอบตา ง ๆ (ถา ม)ี เชน รายงานวิจยั และส่ิงพมิ พ กรมสงเสริมวัฒนธรรม. ๒๕๕๕. มรดกภูมิปญญาทางวัฒนธรรมของชาติ. กรมสงเสริมวัฒนธรรม กระทรวง วฒั นธรรม. ฉวีวรรณ ประจวบเหมาะ. ๒๕๕๕. เอกสาร (ราง) แนวทางการรวบรวมและจัดเก็บขอมูลมรดกภูมิปญญาทาง วัฒนธรรม. เอกสารอัดสําเนา ชัยอนันต สมุทรวานิช. ๒๕๕๑. ปาฐกถาพิเศษ เรื่อง “ความสําคัญของนโยบายภาษาแหงชาติ” ในการประชุม ทางวิชาการเร่ือง “ความหลากหลายและความสําคัญของภาษาทองถ่ินท่ีนําไปสูนโยบายภาษา แหง ชาติ”. ทองพิทักษ ยันจัตุรัส และคณะ. ๒๕๔๙. รายงานฉบับสมบูรณ โครงการพัฒนาเครือขายฟนฟูภาษา – วัฒนธรรมทองถิ่นญฮั กรุ ต.นายางกลกั ต.บา นไร และ ต.โปงนก อ.เทพสถิต จ.ชัยภูมิ. สํานักงานกองทุน สนับสนนุ การวจิ ยั (สกว). ______. ๒๕๕๔. รายงานฉบับสมบูรณ โครงการกระบวนการรวบรวมองคความรูจากปาชุมชนโคกคาวเปรียง ดวยภาษาญัฮกรุ เพือ่ หาแนวทางการอนุรักษและสบื ทอดสูลกู หลานชาวญัฮกรุ บานวังอา ยโพธิ์ ต.บานไร อ.เทพสถิต จ.ชัยภูมิ. สํานกั งานกองทุนสนับสนุนการวจิ ัย (สกว). นายภุชชงค บุกสันเทียะและคณะ. ๒๕๕๔. รายงานฉบับสมบูรณ โครงการศึกษาแนวทางการจัดทําหลักสูตร ทองถน่ิ ภาษาญฮั กุรของ โรงเรียนวังโพธสิ์ วางศลิ ป โดยการมีสวนรว มของชุมชน ต.บานไร อ.เทพสถิต จ. ชัยภูมิ. สํานกั งานกองทนุ สนบั สนนุ การวิจยั (สกว.) ฝา ยวจิ ัยเพอ่ื ทอ งถ่นิ . มยุรี ถาวรพัฒน. ๒๕๕๕. รายงานความกาวหนา โครงการศึกษาเพื่อพัฒนาภาษาและภูมิปญญาของกลุมชาติ พันธุบนฐานงานวิจัยเพ่ือทองถิ่น : การบูรณาการความรูจากงานวิจัยทองถิ่นสูความรูเชิงวิชาการ. สํานักงานกองทนุ สนบั สนุนการวิจัย (สกว.) ศิรพิ ร หมน่ั งานและคณะ. ๒๕๕๐. รายงานฉบับสมบูรณ โครงการแนวทางการจัดหองเรียนคูขนานสําหรับเด็ก ชาตพิ นั ธุ (ญัฮกรุ ). สํานักงานกองทุนสนับสนนุ การวจิ ยั (สกว). _____. ๒๕๕๕. รายงานฉบับสมบูรณ โครงการกระบวนการและแบบคัดกรองเด็กท่ีมีปญหาทางการเรียนรูท่ี เหมาะสมกับเด็กกลุม ชาตพิ นั ธุและแนวทางในการชวยเหลือดวยภาษาทอ งถ่นิ โรงเรยี นบา นวังอายคง ต. บา นไร อ.เทพสถติ จ.ชยั ภมู ิ. สาํ นกั งานกองทนุ สนบั สนนุ การวจิ ยั (สกว.). สุวิไล เปรมศรีรัตน และคณะ. ๒๕๔๗. แผนท่ีภาษาของกลุมชาติพันธุตาง ๆ ในประเทศไทย. สํานักงาน คณะกรรมการวฒั นธรรมแหง ชาติ. _____. ๒๕๕๓. โครงการวิจัยปฏิบัติการเร่ือง “การจัดการเรียนการสอนโดยใชภาษาทองถ่ิน และภาษาไทย เปนส่ือ : กรณีการจัดการศึกษาแบบทวิภาษา (ภาษาไทย – ภาษามลายูถ่ิน) ในโรงเรียนเขตพ้ืนท่ี ๔ จังหวัดชายแดนภาคใต. ศูนยศึกษาและฟนฟูภาษาและวัฒนธรรมในภาวะวิกฤต สถาบันวิจัยภาษาและ ๑๐๓
วัฒนธรรมเอเชยี มหาวิทยาลัยมหดิ ล. อนันต ลิมปคปุ ตถาวร และคณะ. ๒๕๔๙. ญฮั กรุ มอญโบราณแหงเทพสถติ . โอ.เอส. พริน้ ต้งิ เฮา ส จํากัด. อภิญญา บัวสรวง และสุวิไล เปรมศรีรัตน. ๒๕๔๑. สารานุกรมกลุมชาติพันธุ ญัฮกุร. สถาบันวิจัยภาษาและ วฒั นธรรมเพอ่ื พฒั นาชนบท มหาวทิ ยาลยั มหิดล. Gérard Diffloth. 1984. The Dvaravati Old Mon Language and Nyak Kur. Bangkok : Chulalongkorn Printing House. Subhab Phiukhou. 1986. A phonological description of Nyah Kur at Ban nam lat, Chaiyaphum Province. The degree of Master of Art (Linguistic) Faculty of Graduate Studies Mahidol University. Sudsawad Chuasuwan. 1990. A phonology of Nyah Kur at Ban Tha Duang. The degree of Master of Art (Linguistic) Faculty of Graduate Studies Mahidol University. Theraphan L. Thongkum. 1984. Nyah Kur (Chao Bon)-Thai-English Dictionary. Bangkok : Chulalongkorn Printing House. ๕.๒ สอ่ื วดิ ีทัศน แถบบนั ทึกเสยี ง / ภาพตา ง ๆ ท่ีอยใู นหอจดหมายเหตุ และพิพิธภณั ฑ หรือของสะสมสว น บุคคล (ถา ม)ี DVD ชุด Field Note Stories กลุมญฮั กรุ ตอน : ญฮั กรุ มอญโบราณแหงเทพสถติ และ ปา?เรเร มรดก ดนตรีวถิ ีคนดง (ญฮั กรุ ) สนบั สนุนการผลติ โดย ศูนยศึกษาและฟน ฟภู าษา – วฒั นธรรมในภาวะวกิ ฤต และ สํานกั งานกองทนุ สนับสนนุ การวจิ ัย (สกว.) ฝา ยวิจยั เพ่อื ทองถิน่ DVD รายการพันแสงรุง ตอนภาษาญฮั กรุ และ ตอนคนแหงขนุ เขา ผลติ รายการโดย บรษิ ทั ปาใหญค รี เอชัน่ จาํ กดั ๕.๓ เอกสารบนั ทกึ และวตั ถสุ ง่ิ ของที่อยูในหอจดหมายเหตแุ ละพพิ ิธภณั ฑ หรือของสะสมสวนบุคคล (ถา มี) เอกสาร เรือ่ งเลา นทิ าน ส่อื การเรียนการสอน ที่จัดทําโดยชาวญัฮกุร ไดเก็บไวภายในชุมชน ในโรงเรียนวัง โพธ์ิสวางศิลป โรงเรียนบานวังอายคง และโรงเรียนบานไรพัฒนา สําหรับเปนสื่อการเรียนการสอนของเด็ก นักเรียนชาวญัฮกุรในชนั้ ประถมศึกษา ๖. ขอ มูลเกยี่ วกับการจดั เกบ็ รวบรวมและบนั ทึกขอ มลู ๖.๑ ผูเก็บขอ มลู กลมุ ผวู ิจยั (นักวิชาการ) ๑. ศาสตราจารยเกียรตคิ ณุ ดร. สวุ ไิ ล เปรมศรรี ัตน ประธานกรรมการบรหิ ารมลู นธิ ิเพอื่ การฟนฟภู าษาและภูมปิ ญญาทองถนิ่ ๒. อ.ดร. มยุรี ถาวรพัฒน อาจารยประจํา สาขาภาษาศาสตร สถาบนั วิจัยภาษาและวัฒนธรรมเอเชยี มหาวทิ ยาลัยมหดิ ล ๑๐๔
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105
- 106
- 107
- 108
- 109
- 110
- 111
- 112