Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore รายงานวิจัยภาษาญัฮกุร

รายงานวิจัยภาษาญัฮกุร

Description: รายงานวิจัยภาษาญัฮกุร.

Search

Read the Text Version

ปญญาทองถิ่นของตนเอง โดยไดดําเนินการผานกระบวนการวิจัยเพ่ือทองถิ่น ตั้งแตป ๒๕๔๘ (ดูรายละเอียด บทที่ ๕) มุงเนนการสรางกระบวนการเรียนรู และการมีสวนรวมของชุมชน ทําใหเกิดการถายทอดองคความรู และภูมิปญญาทองถิ่นสูกลุมเด็กและเยาวชนในรูปแบบตาง ๆ เชน เกิดการเรียนการสอนภาษาญัฮกุรใน หองเรยี น ภายในโรงเรียนวังโพธ์ิสวางศิลป เกิดแนวทางการเรียนการสอนภาษาทองถ่ินในหองเรียน ท่ีสามารถ ชวยคัดกรองเด็กปกติที่ไมเขาใจภาษาไทย ออกจากเด็กท่ีมีความบกพรองทางการเรียนรูในโรงเรียนบานวังอาย คง นอกจากนี้ยังเกิดการรวบรวมองคความรูจากปาชุมชนโคกคาวเปรียง และปราชญภูมิปญญาในดานตาง ๆ เปนตน นอกจากน้ีการดําเนินงานในโครงการ “บันทึกรวบรวม เพื่อการสงวนรักษาภาษาและภูมิปญญา ทองถิ่นของกลุมชาติพันธุ : ภาษาญัฮกุร” ยังทําใหเกิดการถายทอดองคความรูสูกลุมเยาวชนอีกดวย ดังเชน การจัดกิจกรรมทําเส้ือพ่็อก การจัดกิจกรรมบันทึก รวบรวมคําศัพท เร่ืองเลา นิทาน เปนตน แตอยางไรก็ตาม การดําเนินงานฟนฟูภาษาและภูมิปญญาทองถิ่นโดยชุมชน ยังมีความจําเปนและควรมีการจัดกิจกรรมโดย ชุมชนอยางตอเนอ่ื ง ท้งั นค้ี วรไดรับการสนบั สนุนจากหนวยงานภาครัฐ และหนวยงานอ่ืน ๆ ท่ีเก่ียวของในพื้นท่ี เชน การจดั ใหสอนภาษาญฮั กุรภายในโรงเรียนอยางตอ เน่อื ง เปนตน ๔๕

บทท่ี ๓ ภาษาและองคค วามรูทองถน่ิ องคความรูทองถิ่นของกลุมชาติพันธุญัฮกุร จะสามารถศึกษาผานวรรณกรรมทองถิ่น นิทานและเรื่อง เลา ประเพณแี หหอดอกผง้ึ การละเลน อาหารพืน้ บาน และเครือ่ งแตง กาย ดังตัวอยางตอไปน้ี ๓.๑ นิทานและเรือ่ งเลา วิธีการเลานิทานของชาวญัฮกุรนั้นมักจะขึ้นตนดวยคําวา นอม ท่ีแปลวา ‘มี’ เพ่ือบอกถึงตัวละครท่ี สําคัญของเรื่อง หรือขึ้นตนดวยตัวละครของเร่ือง บางคร้ังนําเอาเหตุการณท่ีเปนสาเหตุของนิทานข้ึนตนเร่ือง นอกจากนั้นยังเลาดวยประโยคท่ีส้ัน ไมคอยใชคําเชื่อมหรือถาหากใชก็มักจะนําคําในภาษาไทยไปใชเชื่อม ประโยค เชน กอ? ‘ก’็ ๑) ตันชาย ญัฮ จญี นอม ตันชาย มวย ตุฮ อัร คะมะ บ็อก คะมัย ละฮูด ปา? คะมะ. เลยตึน ท็อง ฮึตูล ตะเคิล็. แด็ฮ ท็อง กุฮ กะดัฮ เลย ทั่ฮ ท็อง ออก ตะเคิล็ คะยาง. แด็ฮ นะ เติรตึน ดาก คะยาง กอ เดียน ตะโพก เติรกุฮ ตึน ตอ แล็จ ตอน ฮึมลู. ละฮูด ฮึโญง โจ็ว. “ ทิด นอย โจ็ว ฮี? เทอะ”. “โจ็ว ชะม็อฮ เรอะ”. ละฮูด โจ็ว ฮี? เอิด็ แด็ฮ เติรตึน กอ เติร กุฮ โคะ. เลย พอ คะมัย จีญ. “ จีญ เอย กะดัฮ เนอ แว็ย นะ กะชอ? กุล ตะลา? คะมะ ญิน ตี เพฮ นะ แคล็จ คอง จา? ญิน”. “คัน เพฮ กุฮ กุล แว็ย กะชอ?”. “โลง ยุก แว็ย ยัก ยุก แว็ย โคะ ”. จญี เลย เจยี ด งวง ปกุ ตึน ฮึตลู กะชิญ จญี . ตันชาย ออรออร ตึน คะเลย กะชิญ จีญ. จีญ เลย กุฮนอม ฮึมลอก นง่ั คอ็ ฮโลง . คาํ แปล เรอื่ ง กระตายกบั ชา ง มีกระตายตัวหน่ึงไปไร จะไปดูสาวทําไร จึงขึ้นไปบนตอไม เพื่อจะไดมองเห็นสาว แตพอเวลา กระตายนง่ั ไมไ ดดูเลยนั่งถูกนา้ํ มนั ยาง ทาํ ใหน ้าํ มันยางตดิ ที่กนกระตาย กระตายลกุ ไมข ้นึ จนถงึ ตอนเย็น สาวได เวลากลับบานจึงชวนวา “ทิดนอย กลับบานเถอะ” กระตายตอบไปวา “กลับไปกอน” พอทุกคนกลับบาน หมดแลว กระตายพยายามลุกขึ้น แตก็ลุกไมข้ึน จนมองไปเห็นชาง และรองขึ้นวา “ชางเอย ดูนะ ฉันจะบอก กับเจาของไร วาเจามาขโมย ถาไมอยากใหฉันบอก ลองมายกฉันดูสิจะไดไหม” ชางเลยใชงวงดึงกระตายขึ้น อยางแรง ไวบนหลังชา ง กระตายดใี จประโดดบนหลังชา ง ทุกวนั นช้ี า งจึงไมม กี ลามเนื้อ ๒) แพร็ยแลจ็ นอม ฮนัม เปญยอง มวยลัง นอ เคร่ิบ็. ฮัย ค่็อฮ แพร็ย จิฮ. ฮึเปญ แด็ฮ นะ จา? ฮึโชง คอง เปญ ยอง. แด็ฮ มอบ เอิล็ บอน ชายคา. ฮัง ยอง กอ ตะกัด. “เปญ เอย แว็ย นะ กะแจ็ด เอย”. เปญ กอ ตี. “แว็ย กอ นะ กะ แจ็ด เอย กะแจ็ด ยอน แพร็ย แล็่จ”. ยอง ตี. “แพร็ย แล็จ แด็ฮ นา พีจ เจียด แว็ย นะ กะแจ็ด ยอน แพร็ย แล็่จ ออ? เอย”. ฮัง ฮึเปญ กอ พีจ แพร็ย แล็่จ แด็ฮ กุฮ ชะดึม ตี แพร็ย แล็่จ แท็่ฮ ตุฮชะโมะ. ฮัง ๔๖

คะโมย นะโลง แคล็จ ฮึโชง คอง เปญ. คะโมย ตึน กะชิญ ฮึเปญ แด็ฮ น่ึบ ตี ฮึโชง. ฮึเปญ แด็ฮ ตี แพร็ย แล็่จ ตึน กะชิญ นะ กะแจ็ด แด็ฮ. แด็ฮ กอ กะเทรี่ยบ ตึด. พะนิ่ฮ คะโมย พอ คะมัย ตี แด็ฮ ฮึชิ่ฮ กะชิญ กุฮ แมน ฮึโชง แด็ฮ กอ ตี. “ ชวย เชิน ชวย เชิน ฮึเปญ นะ จา? แว็ย”. ฮัง ฮึเปญ กอ ตี แพร็ย แล่็จ นะ กะแจ็ด แว็ย เอย แพรย็ แล่จ็ นะกะแจด็ แวย็ เอย”. ฮเึ ปญ กะเทรยี่ บ ลอบ ลบึ่ คะโมย กอ กะเทรยี่ บ ตนึ ตมั ช?ู . คาํ แปล เร่อื งฝนรว่ั มีกระทอมตายายหลังหนึ่งในปา วันนั้นฝนตก เสือจะเขาไปกินวัวของตากับยาย หมอบอยูชายคา ของกระทอม ยายพูดกับตาวา “ตาเอย ฉันจะตายแลว” ตาบอกวา “ฉันก็จะตายเหมือนกัน ฉันตายเพราะฝน ร่วั ” ยายบอกวา “ฉันจะตายเพราะฝนร่ัวจริงๆนะ ฝนร่ัวนากลัวมากๆเลย” เสือไดยินตายายคุยกันก็กลัวเพราะ ไมร วู าฝนร่ัวคอื อะไร มีขโมยจะมาขโมยวัวของตายาย ขโมยเห็นเสือนอนหมอบอยู เขาใจวาเปนวัวจึงข้ึนไปข่ี ฝายเสือ คิดวาเปนฝนร่ัวข่ีหลังจะมาฆาตนเอง จึงรีบว่ิงหนี สวนขโมยพอรูตัววาที่ขี่อยูไมใชวัวแตเปนเสือ จึงรองตะโกน วา “ชวยดวยๆ เสือจะกินฉัน” สวนเสือก็รองตะโกนวา “ชวยดวยๆ ฝนร่ัวจะฆาฉัน” เสือจึงวิ่งหนีเขาปา สวน ขโมยกว็ ิง่ หนีขนึ้ ตนไม ๓) ฮีโล? เทวดา นะ อัร กะชอ? กุฮ พะน่ิฮ. อัร พ่็อบ ชุร กุล ชุร อัร กะชอ? กุฮ พะน่ิฮ กุล จา?โปง ป? ฮัย มวย ตอง. ชุร อัน พ่็อบ เปรียง กะชอ? กุฮ เปรียง. อวร อัร กะชอ? กุฮ พะนิ่ฮ. เปรียง อัร กะชอ? ลูจ กะชอ? กุฮ พะน่ิฮ กุล จา? โปง มวย ฮัย ป? ตอง. เทวดา ปา? โทด กุล ชุร กุฮ อัร กะชอ? กุฮ ปาง ตุฮ เอญ. เทวดา กลุ ชรุ จา? อิจ. เทวดา ตี เปรียง แดฮ็ โง กลุ แด็ฮ จา? ฮึพ่ัด. เทวดา กอ อรั กะชอ เอญ. อัร พ็่อบ ฮึโล?. ฮึโล? ตี พะนิ่ฮ แด็ฮ กุฮฮนับ. “แด็ฮ ดูด เอิด็ ตะโพก ฮึโล?”. ฮัง เทวดา พีจ พะน่ิฮ นะ ดูด ตะโพก เทวดา กอ กุล พะน่ิฮ ดดู ปาง ฮึโล?. กฮุ กุล ดูด ตะโพก ฮึโล? น่ังค่อ็ ฮ โลง. คําแปล เร่อื ง หอย มีเทวดาองคหน่ึงจะไปบอกมนุษย เทวดาไปเจอหมา ส่ังหมาใหไปบอกมนุษยกินขาว ๓ วัน ๑ มื้อ หมาจะไปบอกแตเจอควายเลยส่ังควายตอ ควายจําผิดไปบอกใหมนุษยกินขาว ๓ มื้อตอวัน เทวดาโกรธหมาที่ สั่งแลวไมบอกดวยตัวเองเลยสาบใหหมากินอุจจาระ โทษที่ไมไปบอกดวยปากตัวเอง สาบควายใหกินหญาโทษ ฐานเพราะโง เทวดาเลยจะไปบอกเองไปเจอหอย หอยบอกวา มนุษยมันเลว “มันชอบดูดท่ีกนหอย” ฝาย เทวดาไดฟงก็กลัวมนุษยจะดูดกนตัวเอง ก็ไมไปบอกมนุษย เทวดาไดยินแบบน้ันก็เลยใหมนุษยดูดปากหอย ไมใ หด ดู กนอีกตอ ไป ๔) พรานแจมอรั เทียวเคริ่บ็ พรานแจม อัร เทยี ว เคริ่บ็. เตงิ กะมดั เพลิงพรอม ฮลกู กะมัด และ ดินกะมัด. พรานแจม อัรอาร เรือ่ ย ๆ. พอดี อัร พนื ทะนาย ลี จะคอง. พรานแจม เคาะ เลย คะม่ึง พะชางคลีจเครินกะลัง นอบ แชด ฮึมอก กะงอน พรอมไพร. พรานแจม เกาะ เลยคอย ๆ มองกะดัฮ คลีจ แดฮ จะแชด ฮึมอก เอิล. พรานแจม นะแปญ ๔๗

คลีจทูล คิดอีก. ทานนะ แปญ ตุฮแดฮเกาะ นะโคก มวยตุฮ. เกาะเลย ชู กะมัด ตุนแอ็ง กุลเตียว คาบ อึบ อึบ็ อก. พราน แจม เกาะ ตะเอา ไก กะมัด. พะชาง กะมัด เกาะ พรุ ตุน อยาง แรง ตุม ๆ ๆ ๆ. ฮลูก กะมัด อัร ฮทะ คาบ ฮึม็อก. คาบ ฮึบ็อก แดฮ กัลป ชริฮ วิฮ ทับ คลีจ เคลิบ. คลีจ เลย กะแจ็ด เด อิง ตุฮ. พรานแจม บญุ ชะลอบ เอิล อคึ า ง ลอเพรา ย แดฮ ทะ กะมัด ชะทายเจียด. พรานแจม เตรติ นุ โงเงนะลวด ดุ อวด คือ แดง เคลิงเอิล. พอ แดฮ คดิ โคะ เกาะ เลย ฮรั กะดฮั คาบ อบึ อก คลัจ เจิง. เกา ะ คะมัย คลีจ กะแจด ระพูง ระพัด เอิล. พรานแจม เกาะ โจว กะ ชอ คุญัฮ โดง. ญัฮโดง ญน กุ เชือ เกาะ เลย โฮ พราน แจม. ตีกุย พรานแจม แทะ ตรอ พา จะเกาะ ชะครงุ ตุมเฮเลย. พรานแจมเกาะพูดตูนยางแรง. มึงคุเชือแร็ย ๆ เกาะกุต่ีพวกมึงกูเก่ียว โวย. คําแปล เรอื่ ง “พรานแจมลาสัตว” พรานแจมไปเที่ยวปา แกจะแบกปนไปพรอมกระสุนดินปน พรานแจมเดิมไปเรื่อย ๆ พอดีแกไป เห็นรอยหมูปาอยางมาก พรานแจมก็สะกดรอยหมูปาไปเปนฝูง แกเดินไปสักพักก็ไดยินหมูปากินลูกกระบกดัง ล่นั ปา พรานแจมเดินคอ ย ๆ มองดูเสียไปขางหนาก็เห็นหมูหลายตัว ท้ังตัวเล็กตัวใหญ แกก็คิดอยูนิดหน่ึงถาจะ ยิงตัวหมเู ฉพาะตัวเดียว ก็จะไดหมูตัวเดียว แกก็เลยปนขึ้นตรงกิ่งไมกระบกขนาดใหญพอสมควร แกก็ล่ันไกปน เสียงปนก็ดังตูม เสียงปนกระทบกันดังกึกกองไปทั้งปา ลูกปนแกก็ไปถูกกับก่ิงไมกระบก กิ่งกระบกก็หักตกลง มาทับหมูตายหลายตัว พรานแจมนอนสลบอยูขางปลวก เพราะแกโดนปนถีบอยางแรง แกลุกข้ึนเดินข้ึนเกือบ ไมไหว พอแกคิดไดแกก็เกินไปดูก่ิงไมหักเห็นหมูตายหลายตัว พรานแกก็เลยกลับบานไปบอกชาวบานมาเอา เน้ือหมู แตชาวบานไมเช่ือ ก็พากันหัวเราะพรานแจม คิดวาพรานแจมโกหก พรานแจมแกก็เลยบอกกับ ชาวบานวาไมเ ช่อื ก็ไมต องเชอ่ื ๕) อีญ กะแจ็ด ยอน ปาง ฮัย ค็อฮ แพร็ย จิฮ. นอม อีญ มวย ตุฮ. ตึด อัร ชีร จา?. กอ? พ็อบ ที? บ็อน โกรง ดาก.อีญ ตี กุ ที? อัร กอ? ชา ปา? นาน กอ? ชา. พูด กอ? ชา คอง จา? นะ กุ โทว บ็อฮ เคิม็. ที? ตี คอง จา? กุ โทว เม ที? แด็ฮ จา? ฮึพ่ัด จา? พักบุง พักแวน. อีญ ตี กุ ที? อัร ชา พูด ชา ฮาน นะโทว ญิน เพิน็ ที? ตี จิฮ ดาก กุ นอม ปะชาง ญิน กุ พ็อบ เม. อีญ ตี บ็อก ทะโมะ ปะชาง แด็ฮ กะเลา ปะชาง แด็อ พรุฮ ชะเง็ย ที? กุ กะโมะ แด็ฮ โทว บ็อฮ. อีญ กอ? กะโดด ล่ัด ฮึตา? ที? “แว็ย นะ พรุฮ กุล เพ็ฮ ทะโมะ ที? ตี “พรุฮ บ็อฮ”. ที? แด็ฮ โทว อีญ กอ? พรุฮ อ่ึงอาง อึ่งอา ง องึ่ อา ง มวย ฮึปุจ ปะชาง กอ?ชบิ . ท?ี จะดึม เอย ตี. อ่ีญ ทั่ฮ ญิน จับ อัร จา? ที? ตี อญี แดฮ็ กะแจ็ด ยอน ปาง. คาํ แปล เรื่อง “อ่งึ ตายเพราะปาก” วันหนึง่ ฝนตกพรํา ๆ อึ่งอางออกไปหากนิ ไปเจอเตา ท่ีริมหนองน้ํา อ่ึงบอกเตาวาเดินก็ชา พูดก็ชา ทําอะไรกช็ า อาหารจะไมว่ิงหนีหรือ เตาบอกวาไมหนีหรอก เพราะเตากินแตผัก เตากินผักบุงผักแวน อึ่งวาเตา ทําอะไรก็ชา พูดก็ชา เดินก็ชา จะวิ่งหนีศัตรูพนหรือ เตาบอกวาไมรอง ไมพูด ไมมีเสียง ไมมีใครเจอมันหรอก อ่ึงอางวาอยากฟงเสียงมันหรือเปลา เสียงมันดังไกลนะ เตาก็ไมฟง เตาเดินหนี อ่ึงอางกระโดดขวางหนาเตา ๔๘

“เราจะรองใหเธอฟง” เตาวา “รองซะ” เตาเดินหนีอ่ึงอาง อี่งก็รอง อ่ึงอาง อึ่งอาง อึ่งอาง สักพักเสียงอึ่งอางก็ เงยี บไป เตา มันรวู าอง่ึ อางถกู เขาจับไปกนิ เตาวาอึ่งอางตายเพราะปาก ๖) ท?ี บ็อก พัร นอม ที? มวย ตุฮ แท็ฮ เบิน็ คู จะกอ? ญัฮ ตะมาด. มวย ฮัย ค็อฮ. ตะมาด กะชอ? กุ ที? ตี บอน ท็อง ฮอง แด็ฮ. คอง จา? เคลิ ง็ . ตะมาด กอ? ฮึโญง ที?. อรั ทอ็ ง พัก่ จะกอ? ท?ี กะชอ? กุ ตะมาด ตี. แด็ฮ พัร กุ โคะ. ตะมาด กอ? ตี. นะ พา อัร. ตะมาด กะชอ? กุ ที?. คะมัย ชะโมะ อะเนญ พูด เนอ. ตะมาด กอ? เจียด ชู? อวร ที? คุง เอิล็ ตะมาด กุม จับ ชู? ญัฮ มวย ฮึคาง. ตะมาด พัร พา ที? อัร ฮึตูล ฮึกาซ. กวนกวน ควาล ฮึโชง คะมัย. กุม ตี ที? พัร โคะ. ที? ฮีร กวนกวน. ที? นะ แชง กวนกวน. แด็ฮ ทะวึ่ด ตี แด็ฮ คุง ชู? เอิล็ง. ที? ฮา? ปาง. แด็ฮ กอ ชริฮ จิฮ ต?ี กะดุฮ ท?ี ปาก ท?ี กะแจด็ บอ็ ฮ. คาํ แปล เรอื่ ง เตาอยากบนิ มีเตาตัวหน่ึงมันเปนเพ่ือนกับอีแรง วันหนึ่งนกอีแรงบอกเตาวาท่ีอยูของนกอีแรงมีของกินอุดม สมบูรณ นกอีแรงก็ชวนเตาไปอยูดวยกัน เตาบอกนกอีแรงวามันบินไมได นกอีแรงบอกวาจะพาเตาไป ถาเตา เห็นอะไรอยาพูดเด็ดขาด นกอีแรงก็พาเตาคาบไว นกอีแรงสองตัวก็จับปลายไมไวทั้งสองขาง นกอีแรงก็พาเตา ไปบนฟา เดก็ เลี้ยงววั เห็น เด็กรอ งวา เตา บินได เตาไมพ อใจเด็ก ๆ เตา จะดาเด็ก ๆ มันลืมไปวามันคาบไมไว เตา อา ปากมนั ก็ตกลงดนิ กระดองเตาแตกตาย ๗) พะนิ่ฮ ปะชู พ็อบ พระ นอม เพราเพรา ปะชู มวย ญัฮ เพราเพรา ปะชู แด็ฮ ท็อง มวย ญัฮ. กุฮนอม อะญัฮ คอย กะดัฮ ญัฮ กุนอม พะนิ่ฮ ชีร ปรัก กุล อวร กุนอม ปรัก ราญ โปง จาด. แด็ฮ ก็ ชีร จีร กะดวจ ทอง เนอ เคริ่บ็ เจียด โลง โชรง จาด แทน โปง. แด็ฮ จีร กะดวจ จีร อัร ก็ โคะคะมึง ปะชาง ฮึบอก ตี จีร จิฮ อัร พรุ ปุก. เพรา เพราะ ปะชู แด็ฮ กอ? ชงชัย ตี ปะชาง พรุ เนอ ฮึบรุง กะดวจ. แด็ฮ ก็ ลอง จีร ตึนโลง กะดัฮ ตี นอม ชะโมะ. แด็ฮ กอ อดุ ชา จรี พ็อ บ กะรง ชู เดิม. เพราเพรา ปะชู กอ บ็อก กะรง กะดัฮ นอม ชะโมะ ท็อง นอ เนอ. พอ ปอก กะรง แด็ฮ คะมัน พระพทรบ เด็ฮ เจียด พระ ออก นอ ทง กะดวจ แด็ฮ ออร ทะนัด. ฮมลา ฮึมลู แด็ฮ เจียด พระ ตี พ็อบ เอิล็ ฮึตูล กะด็อบ ปูญ. แด็ฮ บูชา ดุกปะตัม กราบ ชะม็อฮ ปูญ ดุก ปะตัม. นัง ค็อฮ แด็ฮ กอ ปอ? ตี นอม ลูง โลง กะชอ? เลก. เติร นัง แร็ฮ ฮัย เลก ตึด แด็ฮ กอ ราญ เลก พั่ก แด็ฮ ปอ ๆ. เด็ฮ กอ ทฮั เลก โคะ ปรกั เคล่ิง็ เคล่งิ .็ เพรา เพรา ปะชู แดฮ็ เจียด ปรกั ตี ทัฮ่ เลก อัร ปา? บนุ ดกุ ฮยั . คําแปล มีหญิงแกช ราคนหนึ่ง หญิงแกคนนี้อยูคนเดียวลูกไมมีสามีก็เสียชีวิตเลยไมมีใครคอยเล้ียงและไมมี คนหาเงินมาใหใช ไมมีเงินซื้อขาวกิน แกก็ขุดหากลอยอยูในปาเพ่ือมาน่ึงกินแทนขาว แกขุดกลอยไปก็ไดยิน เสียงเสียมที่ขุดลงไปดังปุก ๆ ๆ หญิงแกคนนี้ก็สงสัย วาเสียงอะไรดังอยูใตดินหลุมที่ขุดกลอย แกก็ลองขุดดู ขึ้นมาวามีอะไร แกก็อุสาหขุด พอขุดไดเปนลังไมเกา หญิงแกชราคนน้ีก็เปดดูเปนพระของโบราณ แกก็รีบเอา พระใสถุงกลอย แกท้ังดีใจทั้งต่ืนเตน ตกตอนเย็นแกก็เอาพระที่เจอวางไวบนหัวนอน แกก็บูชาอยูทุกคืน กราบ ๔๙

ไหวกอ นนอนทกุ คืน จากน้นั แกก็ฝนวามีพระสงฆมาบอกเลข ต่ืนตอนเชาวันหวยออกแกก็ซื้อหวยตามที่ฝนแกก็ ถกู หวย ไดเ งินมามากมาย แกกเ็ อาเงนิ ที่ถูกหวยไปทาํ บุญ ๘) ฮนยู ญฮั ที? ฮนูย ญัฮ ที? แท็ฮ บันคู ชะกอ?. กุม ฮึโญง ชะกอ? อัร ทราม คะมะ. พอ โคะ เคลิง็ ฮนูย กอ เลย บอ็ ก โคะ มวยญัฮ. “เฮย เกลอ เพฮ แท็ฮ พะน่ฮิ จอ็ ง เนอ แวย็ นะ ฮอก คะยาล”. ที? เลย รบ่ั กะมดั นัง ฮนยู . ฮนยู ตนึ ฮตึ ลู ยอด คะยาง. ท?ี อัร จ็อง อัร ตอ ทัว คะมะ . “โอย กะเตา บ็อก จิฮ โฮมดาก เอย แว็ย”. กะมดั ตรู ยาง แรง ฮนยู ทอ็ ง ฮึตูล ยอด คะยาง. “โทว ตึน ตัม ชู? เนอ เกลอ เอย”. ที? ตึน ตมั ช?ู กุฮโคะ เลย โท็ว ลอ บ ชรุง ฮลึ อ?. ฮนูย ทัฮ่ ยก่ั กะมัด ญัฮ กะมัด ชาบ ตอ ชริฮ จิฮ กะแจด็ คะมัย เงี่ยก ชะกฮั . ที? โลง คะ มยั . “โอ ชะบาย เอย โด็ว เกลอ เอย”. คําแปล เร่อื ง ลงิ กับเตา ลิงกับเตาเปนเพ่ือนกัน ชวนกันไปถางปาทําไร พอทําไดเยอะลิงเลยอยากไดท่ีดินเปนของตัวเอง คนเดยี ว ลิงบอกเตาวา “เพ่ือน แกเปน คนไปจุดไฟนะ ฉนั จะเปนคนเรียกลม” ลิงจึงสงไฟใหเตา แลวก็ข้ึนไปบน ยอดตนยาง เตาจึงจุดไฟจนทวั่ ไร กร็ สู ึกรอ นแลว บนวา “รอน อยากจะอาบนา้ํ จังเลย” ไฟลุกไหมอยางแรง สวนลิงก็อยูบนตนยาง โหรองบอกใหเตาขึ้นตนไม “หนีขึ้นตนไมนะเพ่ือน เอย” แตเตาขึ้นตนไมไมได จึงหนีเขาไปอยูท่ีหลุมปลวก สวนลิงถูกควันไฟ ไฟรน จนตกลงมาจากยอดยางตาย ไฟไหมเ ห็นแตตอตะโก เหน็ แตค วัน เตา มาเจอแลว พูดวา “โถเพ่ือนฉัน ทาํ ไมยิ้มเหน็ แตฟ น สงสัยจะมคี วามสขุ ” ๙) อเี ปญโง นอม ฮึเปญ มวย ตุฮ. แด็ฮ ตึด อัร ชีร จา?. ฮึเปญ พ็อบ ตันซาย. ท็อง จา? ฮึพั่ด. ฮึเปญ แด็ฮ ตะครุบ เอิล็ ตันซาย. ฮึเปญ นะ จา? ตันซาย. ตันซาย ตี “อะเนญ จา? แว็ย คัม เทิด. ตุฮ แว็ย ฮึแนจ. จา? กุ เพ็ย แม”. ตนั ซาย แดฮ็ กอ? อัร ชรี คอง จา? ตฮุ อะโต กลุ กุ ฮึเปญ. ตันซาย แด็ฮ อวร ฮึเปญ คอย แด็ฮ กอ? อัร ชีร จีญ. อวร จีญ ชวย. จีญ ญัฮ ตันซาย. กุม กอ? พา จะกอ? อัร ชีร ฮึเปญ. ตันซาย อวร ฮึเปญ ปูญ จิฮ ฮึเปญ เชือ ตันซาย แด็ฮ กอ? ปูญ จิฮ กะลึบ ม่ัด เอิล็. ตันซาย กอ? อวร จีญ. เลิน็ ฮึเปญ ฮึเปญ กอ? กะแจ็ด ยอน จญี เลนิ ็. คาํ แปล เรือ่ ง เสือโง มีเสือตัวหนึ่งมันออกหากิน เสือมันเจอกระตายกินหญาอยู เสือตะครุบกระตายไว เสือจะกิน กระตาย กระตายพูดวา “อยากินฉันเลย ฉันตัวเล็กไมอิ่มหรอก” กระตายมันไปหาของกินตัวใหญมาใหเสือ กระตายใหเสือรอ มันไปหาชาง ใหชางชวย กระตายกับชางก็ไปหาเสือ กระตายใหเสือนอนหลับตา เสือเช่ือ กระตาย มันลงนอนหลับตาไว กระตายใหช า งเหยยี บเสือ เสอื ก็ตายเพราะชางเหยียบ ๕๐

๑๐) กัลอาก ญฮั กาวโงก กลั อาก ญัฮ กาวโงก แท็ฮ บนั คู ชะกอ?. บาร ตุฮ พัร อัร ช่ีร จา? นอ โกรง. กัลอาก ญัฮ กาวโงก คะมยั ชะโมร ตุฮ แทฮ็ ซี กอก กุฮ เมาะ. กาวโงก กะชอ กลุ กลั อาก ”เจียด ซี เค่ิล็ง เค่ิล็ง โลง เตญ”. ทูล เอย กัลอาก กะชอ กาวโงก “เตญ แบบ เพ็ฮ กลุ แว็ย เชิน”. กาวโงก อชึ ีร่ . เจยี ด ซี เพลียด มวย ซี ทา กุล กัลอาก. กลั อาก กอ? แทฮ็ ซี เพลยี ด กาวโงก กอ? แทฮ็ ซี เมาะเม็ง. คําแปล เรอ่ื งกากบั นกยูง กา กับ นกยูง เปนเพื่อนกัน สองตัวบินไปหากินในคลอง กากับนกยูงเห็นเงาตัวเองเปนสีขาวไม สวย นกยูงบอกกา “เอาสีตาง ๆ มาแตง” เสร็จแลวกาบอกนกยูง “แตงแบบเธอใหฉันบาง” นกยูงขี้เกียจเอาสี ดาํ หน่งึ สีมาทาใหก า กาจงึ มสี ีดํา นกยงู จึงมีสีสวย ๑๑) คะยาม ญฮั ฮนยู นอม คะยาม มวย ตุฮ ท็อง เนอ โกรง คาก แด็ฮ ชีร จา? ฮึปากฮัง เอะ ฮึปาก ฮัง เตะ นอม ตัน ชู? บาร ฮึคาง ยอด แค็ฮ แล็จ จะกอ?. ฮึตูล ตัมชู กอ? นอม ฮนูย มวย ตุฮ คะยาม แด็ฮ บ็อก จา? ฮนูย คะ ยาม แด็ฮ ฮึโญง ฮนูย แท็ฮ เบิน็คู กุฮยอม แท็ฮ เบิน็คู. คะยาม แด็ฮ คีด นะ จา? ฮนูย ตอ โคะ แด็ฮ กะชอ? กุฮ ฮนูย ตาย ตัมชู? อวร ละแค็ฮ ปา?นาน ตึน กะชิน แด็ฮ นะ พา อัรฮึปาก ฮังเตะ. ฮนูย ตี แด็ฮ ตาย อัร เอญ โคะ คะยาม กอ? กะชอ? ดุก ฮัย แด็ฮ บ็อก จา? ฮนูย แต ฮนูย กุฮ ยอม แท็ฮ เบิน็คู ญัฮ คะยาม. ฮัย ค็ อฮ ฮนูย ุม ละอุน ยอม แท็ฮ เบิน็นคู ญัฮ คะยาม คะยาม อวร ฮนูย ตึน กะชิญ ตะพาง โกรง ดุก ฮัย. ฮัย ค็อฮ คะยาม พา ฮนูย อัร แล็จ ปะจิด โกรง คะยาม ฮัน คะยาบ ฮนูย ฮนูย ตี แด็ฮ กุฮกะแจ็ด เม ุม แด็ฮ ท็ อง ฮึตูล ตัมชู?. คะยาม นะจา? ฮนูย ตอโกะ ฮะนูย ตี แด็ฮ กุฮ กะแจ็ด เ แด็ฮ จะลัด อาร คะยาม กะดัฮ ฮึปวย เชา ท็อง ฮึตูล ยอด ชู?. คะยาม เชือ ฮนูย แด็ฮ คะล่ัฮ ฮนูย บ็อฮ ฮนูย กะโดด ตึน ตัมชู? ฮนูย แด็ฮ เค ริ่ก ๆ ฮปึ วย เชา เชา ชริ่ฮ จฮิ กดึ คะยาม ฮนูย กอ? กฮุ อะแจ็ด. คําแปล เรอ่ื งจระเข กับ ลงิ มีจระเขตัวหน่ึงอยูในคลองน้ํา หากินอยูฝงทางโนน ฝงทางนี้มีตนไมข้ึนสองฝง ยอดถึงกัน บน ตนไมมีลิงหน่ึงตัว จระเขอยากกินลิง จระเขชวนลิงเปนเพื่อน แตลิงไมยอมเปนเพื่อน จระเขมันจะกินลิงใหได จระเขก็บอกทุกวัน มันอยากกินลิง แตลิงไมยอมเปนเพื่อนจระเข วันหน่ึงลิงใจออน ยอมเปนเพื่อนกับจระเข จระเขใหลิงขึ้นหลังขามคลองทุกวัน วันหน่ึงจระเขพาลิงไปกลางคลอง จระเขหันมางับลิงไว ลิงวามันไมตาย หรอก หัวใจมันอยูบนตนไม จระเขมันจะกินลิงใหได ลิงวามันไมตายหรอก มันชี้ใหจระเขดูรังมดแดงอยูบน ตนไม จระเขเช่ือลิง มันปลอยลิงเสีย ลิงกระโดดขึ้นตนไม ลิงมันเขยารังมดแดง มดแดงตกลงกัดจระเข ลิงก็ เลยไมต าย ๕๑

๑๒) บูนตาว นอม ปอม มวย ตุฮ. แด็ฮ ท็อง บอน โกรง ดาก เนอ ลึบ. มวย ฮัย ค็อฮ. ปอม แด็ฮ พ็อบ บูน ตาว บอน โกรง ดาก. แด็ฮ กุ จะดึม ตี แท็ฮ ชะโมะ. ปอม แด็ฮ ฮมาญ ฮึเจียม. ฮึเจียม กะชอ?ตี บูนตาว วิเซด ปา? อวร พะน่ิฮ ชนะ. ปอม กอ? ตี. บูนตาว แท็ฮ ดัก แด็ฮ กอ? นะ ชนะ ญิน. ปอม แด็ฮ กอ? เจียด บูนตาว เดียน ตุฮ อัร. มู ซั่ด กอ? อวร แด็ฮ แท็ฮ พระราชา. มู กุม กอ? ตี. กุล พระราชา เจริญ ปอม กอ? ออร ยอน บนู ตาว วิเซด . จีญ โลง พอ็ บ ปอม. แด็ฮ ฮมาญ ปอม ต.ี อวร บนู ตาว แท็ฮ กะเลา ปอม ตี อวร กุ แท็ฮ. จีญ ตี อวร บนู ตาว กุ แทฮ็ แท็ฮ พระราชา โคะ ญัง ฮาน จญี ยุก ชงุ เลนิ ็ ปอม กะแจด็ . คําแปล เรอื่ งดาบวิเศษ มีก้ิงกาตัวหนึ่งมันอยูใกลหนองนํ้าในปา วันหน่ึงกิ้งกาไปเจอดาบตรงหนองน้ํา มันก็ไมรูวาเปน อะไร กิ้งกาถามนก นกตอบวาดาบวิเศษ มันทําใหคนชนะ ก้ิงกาบอกวาดาบเปนของมัน มันก็จะชนะใคร ๆ ก้ิงกามันเอาดาบติดตัวไปทุกแหง พวกสัตวใหมันเปนพระราชา พวกมันบอกวา พระราชาจงเจริญ กิ้งกาดีใจ เพราะดาบวิเศษ ชางมาเจอกิ้งกา มันถามก้ิงกาวา ใชดาบเปนหรือเปลา ก้ิงกาวาไมเปน ชางวาใชดาบไมเปน จะเปน พระราชาไดอยา งไร ชางกย็ กตนี เหยียบก้งิ กาไว กิง้ กาตาย ๑๓) พะ ญัฮกวนอาชีรตะบงั นัง แร็ฮ ฮัย ออ? พะ ญัฮ กวน เติง็ ม็อก เติง็ ยาม ตึน อัร ชีร ตะบัง ตึน กุร. ระวาง โตรว ตอง ตะพาง ดาก นอม ชู? พาด เอิล็. อัรแล็จ กุร กอ? คะมัย ตะบัง เคิล็ง ทะนัด กอ? ชวย ชะกอ? ตะกัลป ออก ยาม ยาง เพลิน. เวลา ค็อฮ โชรม ทะนอก มวย ตุฮ กอ? ตึด โลง ตัม ทูญ. พะ ญัฮ กวน ฮึเกิด พา จะกอ? กะ เทรยี่ บ โท ตะว่ึด ตะบัง. พอ แล็จ ตะพาน มวั แต ฮึเกิด็ ปา? กุล ชริฮ ดาก. บารญัฮ กวน แพร็ม โจว ฮี? กุโค? ตะบงั พอ มวย นอ เพ. คําแปล เรือ่ ง พอกบั ลูกไปเกบ็ หนอไม เชาวันหนึ่งพอกับลูกถือเสียมถือยามข้ึนไปหาหนอไมบนเขา ระหวางทางตองขามลําหวยซ่ึงมี สะพานไมทอนพาดขามลํานํ้า พอไปถึงเขาเห็นหนอไมเยอะมากจึงชวยกันหักหนอไมใสยามอยางเพลิดเพลิน ทันใดน้ันงูเหาตัวหนึ่งก็โผลออกมาจากกอไผนั้น พอกับลูกตกใจมากพากันวิ่งหนีจนลืมหนอไม พอถึงสะพาน ดวยความตกใจทําใหทั้งคูพลัดตกนาํ้ สองพอลูกเปยกกลับบา นโดยไมไ ดห นอไมก ลบั บา นแมแ ตห นอเดียว ๑๔) อญี ญฮั ฮโึ ชง นอม กวน อีญ โอร บาร ตุฮ แด็ฮ ท็อง เนอ ตี? ฮึตึล. แด็ฮ กอ? ตึด โลง ชีร จา? ชุร มวย ฮัย ค็่อฮ. อีญ โอร บาร ตุฮ ตึด ชีร จา? แด็ฮ นอม ฮึโชง จา? ฮึพ่ัด บ็อน ค่็อฮ มวย ตุฮ. ฮึโชง แด็ฮ ทะเลิ่น็ อีญ โอร มวย ตุฮ กระแจ็ด. เคิน็ อีญ โอร อีก มวย ตุฮ. กุ ทั่ฮ ฮึโชง เลิน็ อีญ โอร. แด็ฮ กอ? โจว กะชอ? กุ โอง แดฮ็ ตี. ตุฮ ชะโมะ กุ จะดึม เลิน็ อีญ มวย ตุฮ ค็่อฮ กะแจ็ด. กวน อีญ โอร ตี. ตุฮ แด็ฮ อะโต. แมะ แด็ฮ กอ? อัร กะดัฮ กอ? คะมัย ฮึโชง ตุฮ อะโต. แมะ แด็ฮ กอ? กะเบง พุง. อวร ตุฮ อะโต. แด็ฮ นะอัร ซู จะกอ? ญัฮ ฮึโชง. แมะ อีญ โอร กะเบง พุง ตีน กอ? ฮมาญ กวน ตี. อะโต เทา เคิน็. กวน อีญ กะชอ? ตี. อะโต กวา ค็่อฮ ๕๒

อีก. แมะ แด็ฮ กอ? กะเบง ตึน อีก. กวน กอ? ตี กุ อะโต เทา. แมะ อีญ กะเบง อวร ตุฮ อะโต เทา ญัฮ ฮึโชง. ตุฮ แดฮ็ ตอ พลอง. พงุ แดฮ็ กอ? ปาก. แมะ อีญ โอร กอ? กะแจ็ด บอ็ ฮ. คาํ แปล เร่ือง อง่ึ กับวัว มีลูกอ่ึงกระโดนสองตัวอยูในดินทราย มันออกมาหาแมลงกิน วันหน่ึงอึ่งกระโดนสองตัวออกหา กิน มีวัวกินหญาตรงน้ันตัวหน่ึง วัวมันเหยียบอ่ึงอางตายหน่ึงตัว เหลืออึ่งกระโดนตัวหนึ่งไมโดนเหยียบลูกอึ่ง กระโดนกลับมาพอแมวา ตัวอะไรไมรู เหยียบอ่ึงตาย ลูกอ่ึงกระโดนวามันตัวใหญ แมมันก็ไปดู เห็นวัว วัวตัว ใหญ แมม นั ก็พองตวั ใหตวั ใหญ มนั จะไปสกู ับววั แมอ่งึ กระโดนพองตวั ขนึ้ แลวถามลูกวา ใหญเ ทาหรือยัง ลูกอึ่ง บอกวาใหญกวานั้นอีก แมมันก็พองตัวข้ึนอีก ลูกก็บอกวาไมใหญเทา แมอ่ึงพองตัวใหใหญเทาวัว ตัวมันโปง ทอ งมนั แตก แมอ่งึ กระโดดกต็ าย ๑๕) จญี ญัฮ ฮึเปญ จีญ ญัฮ ฮึเปญ. กุม วิญ จะกอ? ตี ปะชาง อะญัฮ พรุ กวา จะกอ?. จีญ ตี ปะชาง แด็ฮ พรุ ตอง ชะน่ัฮ ฮึเปญ. จีญ อวร ฮึเปญ พรุ ชะม็อฮ. ฮึเปญ กอ? พรุ “โฮก ๆ “ ฮึเจียม กอ? พัร อั่ร เอิด็. จีญ กอ? พรุ “แปร็น ๆ “ กุนอม ฮึเจียม พัร พอ มวย ตุฮ. ฮึเปญ ชะน่ัฮ, แด็ฮ นะจา จีญ. จีญ โทง โลว ปะจัน เพรา กวน. จญี ประจนั เพรา กวน ทลู . กอ? โจว โลง นะ อวร ฮึเปญ จา?. จีญ ยาม โลง ตัม โตรว พ็่อบ ตันซาย. จีญ เลา กุล แด็ฮ ทะโมะ. ตันซาย อวร จีญ. เจียด แด็ฮ ตึด นัง ตะเคิล็ จีญ กอ? ชวย ตันซาย. กุม กอ? พา จะกอ? อัร ชีร ฮึเปญ. พอ จีญ ญัฮ ตันซาย อัร แล็จ. คะมัย ฮึเปญ ตันซาย กะเทร่ียบ อัร ตึน ปะตา จีญ. ตันซาย ตี “จีญ มวย ตุฮ กุ พอ ม็อก โค ฮึเปญ อีก มวย ตุฮ”. ฮึเปญ คะมึง กอ? กะเทรี่ยบ โทว พีจ ทั่ฮ จา? พ็่อบ ชุร. แด็ฮ กะชอ กุ ชุร ตี. กุ จะดึม ตุฮ โมะ นะจา? แด็ฮ. ชุร กอ? อวร พา อัร กะดัฮ. ตี แท่็ฮ ตุฮ ชะโมะ ฮึเปญ ชัน นะ กะเทรี่ยบ โทว. ชุร ญัฮ ฮึเปญ ทั่ก ปะตา เดียน จะกอ?. ชุร ญัฮ อึเปญ อัร แล็จ. ตันซาย พูด ตี “เออ แว็ย คอย เพ็่ฮ ลอ เลย นะเจียด ฮึเปญ อวน โลง ฮาน ชัน นะเจียด ฮึเปญ ชวย กุล แว็ย จา”. ฮึเปญ คะมึง กะเท รี่ยบ พรวด ๆ ชุร กะด็อบ กะท็่อบ ตะเคิล็ ชุดโตรว. ฮึเปญ ละแค็่ฮ. แด็ฮ หัน โลง กะดัฮ. คะมัย ชุร กะแจ็ด เงี่ยก จะกะ. คาํ แปล เร่ืองชางกบั เสอื ชางกับเสือพวกเขาเลนพนันกันวาเสียงใครจะดังกวากัน ชางบอกวาเสียงเขาดังกวา ชางใหเสือ รองกอน เสือก็รองโฮก ๆ นกก็ตกใจบินหนีหมด ชางก็รอง แปรน ๆ ไมมีนกบินสักตัว เสือชนะ เขาจะกินชาง ชางขอกลับไปส่ังเสียลูกเมีย ชางสั่งเสียลูกเมียเสร็จจะกลับมาใหเสือกิน ชางรองมาตามทาง เห็นกระตาย ชาง เลาใหกระตายฟง กระตายใหชางชวยเอากระตายเอาขาออกมาจากตอไม แลวก็พาไปหาเสือ ไปชางกับ กระตายไปเห็นเสือ กระตายวิ่งข้ึนไปหางชาง กระตายพูดวา “ชางตัวหนึ่งไมพอกิน อยากไดเสืออีกหนึ่งตัว” เสือไดยินก็วิ่งหนีกลัวถูกกิน เจอหมา เขาบอกกับหมาวา ไมรูตัวอะไรจะกินเขา หมาก็ใหพาไปดูวาเปนตัวอะไร เสือถึงว่ิงหนี เสือกับหมาผูกหางติดกัน หมากับเสือไปถึง กระตายพูดวา “เออ เราคอยเจานานแลว จะเอาเสือ อวนมา ทาํ ไมเอาเสือผอมมาใหเรากิน” เสอื ไดยินก็วิ่งพรวด ๆ หมาหัวกระทบตอตลอดทาง เสือเหน่ือย เขาหัน มาดู เห็นหมาตายฟนขาวแหงแก ๕๓

๑๖) ชาง ชะลา ด ญฮั กัลอาก โง นอม ชาง ตุฮ ฮมัก. ญัฮ ตุฮ ชุร. กุม นอม กวน นอม พอง. กอ? กุ เคิน็ กัลอาก แคล็จ จา? เอิด็. มวย ฮัย ค่็อฮ. ชาง ตุฮ ฮมัก. แด็ฮ กอ? อัร ฮมาญ ทา เบิน็คู แด็ฮ. ทา กอ? กะชอ? กุ ชาง ตี. ลูก ดาก อวร พฮุ เอิล.็ ชางแด็ฮ กอ? ปา? พก่ั ทา กะชอ?. ชาง แด็ฮ เจยี ด ฮมึ าย. ลูก ดาก อวร พุฮ. เจียด พอง ชะอุย. ออก เอลิ ็ เนอ ฮมึ าย ค็่อฮ. กัลอาก คะมัย พอง. กอ? พัร จิฮ จะบ็อก. คุง พอง ชะอุย ค่็อฮ อัร. กัลอาก แด็ฮ งอม ปาง. ยอน พอง ชะอุย ค่็อฮ นอม ดาก นอ เนอ. พอง ปาก ออก มั่ด. กัลอาก แด็ฮ พรุฮ อัร ชุด โตรว. ยอน ปาง ญัฮ มั่ด แด็ฮ ท่ัฮ ดาก ง็อม ลวก. กัลอาก แด็ฮ กุ จะดึม นะ ปา? ญัง ฮาน. ปาง กอ? ชะอุย พุด กุ โคะ โคะ แต พรุ กา กา กา. คําแปล มีไกตัวผูกับไกตัวเมีย มันมีไขลูกก็ไมเคยเหลือเพราะกาขโมยกินหมด วันหนึ่งไกตัวผูไปหาเปดที่ เปนเพือ่ นกัน เปดบอกไกใหตมน้ําใหเดือดไว ไกทําตามที่เปดบอก ไกเอาหมอตมนํ้าใหเดือดแลวเอาไขเนาใสใน หมอนั้น เม่ือกามาเห็นก็บินลงมาจิกคาบไขเนาน้ันไป การอนปากมาก เพราะมีน้ําอยูในไข ไขเนาแตกใสหนา การอนมาก มันรองตลอดทาง กาไมรจู ะทํายงั ไง ปากกเ็ นา เปอ ยพูดไมไ ด รอ งไดแ ต กา กา กา ๑๗) กะดุฮ ที? นอม ที? มวย ตุฮ. แด็ฮ บ็อก พัร ตึน ฮึตูล ฮึกาซ โคะ. มวย ฮัย ค็อฮ. ฮึเจียม กอก โลง ชีร จา? กา? เนอ โกรง คอ็ ฮ. แต ท?ี กุ กุล ชีร จา?. ที? ตี? เทา พา แดฮ็ ตนึ ฮกึ าซ โคะ. แด็ฮ นะ กุล ฮึเจียม กอก จา? กา? เนอ โกรง ค่็อฮ. ฮึเจียม กอก อวร ที? คุง เอิล็ ย็อก ฮึเจียม กอก กะชอ? ตี “อะเนญ พูด ชะโมะ เนอ”. ฮึ เจียม กอก กอ? พัร ตึน ฮึกาซ ฮึเจียม กอก กอ? ฮึโญง ที? พูด เอิล็ ตะพึด. ฮึเจียม กอก ฮมาญ ญัง ฮาน. ที? แด็ฮ กุ พูด. แด็ฮ พีจ ชริฮ. ฮึเจียม กอก พัร อัร เคิล็ง เทียว. ที? แด็ฮ คูง? แต แด็ฮ กะชอ? กุ ฮึเจียม กอก กุ โคะ. ที? แด็ฮ คูง? แด็ฮ กอ? กึด ย็อก ฮึเจียม กอก. ฮึเจียม กอก แช็ย กอ? ลัยลัซ ย็อก. ปาง ที? ฮึปลุด นัง ย็อก ฮึเจียม กอก ที? กอ? ชริฮ นัง ฮึกาซ จิฮ ตี?. ที? ชริฮ จิฮ ออก ฮมอ? ชะลูด ตึด นัง ฮวา เอิด็ ตอแล็จ ออ?ลอ. ตี เอญ ฮอก. กะดฮุ ที? ค่็อฮ เอย. คําแปล มีเตาตัวหน่ึง มันอยากข้ึนไปบนฟา มันอยากบินได วันหน่ึง นกกระสามาหากินปลาในหนองนํ้า นั้น เตาไมใหนกกระสาหาปลา เตาบอกวาถานกกระสาพามันข้ึนไปบินบนฟาไดมันก็จะใหนกกระสากินปลาใน คลองน้ันได นกกระสาใหเตาคาบขาของนกกระสาไว แลวมันหามเตาพูดอะไรท้ังสิ้น เมื่อเตาคาบขานกกระสา แลว นกกระสาก็บินข้ึนฟา นกกระสาชวนเตาคุยถามเรื่อย ๆ นกกระสาถามยังไงก็เตาก็ไมยอมพูด เตามันกลัว ตก นกกระสาบินไปหลายเทยี่ ว เตามันเมอ่ื ยปาก แตเ ตามันบอกนกกระสาไมได เตามันเลยกัดขานกกระสา นก กระสาเจ็บก็สะบัดขา ปากเตาหลุดจากขานกกระสา เตาก็ตกลงจากฟาลงดิน เตาตกใสหิน กระดูกเตาก็ กระเด็นออกนอกเน้อื จนถงึ ทกุ วันนท้ี เี่ ราเรยี กกระดองเตานน้ั แหละ!!! ๕๔

๑๘) ทา ตะโอน มวย ฮัย กา? ตะโอน โคะ คะมึง คาว ที คลัน นะ คลาด พ่ิด บ็อฮ. แด็ฮ เลย เตรียม ทุฮ นะ อัร เจียด พีด เอิด็ ปอง กัน ตุฮ แด็ฮ ท็อง จะอาจ เงียง ตอ แหลม แล็จ ป? เงียง. แด็ฮ ปูญ ควจ อัร จะอาจ เงียง อัร ฮึุม ละเงิม ชะบาย ฮึุม. ตอ ตะฮัย โลง เติร ตึน ลีวมั่ด ตึด อัร เรือย เรือย. อัร แล็จ คะมัน ฮึชู ชอก ชอก ปุญ กะมัร ท็อง ตัม ตี? ฮึตึล ตัม ค็อฮ. แด็จ มาญ ฮึชู เพฮ ปา? นาน จะกอ? ญิน อัร เจียด พ่ิด ปา โนว. บอนออ? เอย กฮุ คะมัย ดัม แปย กลั ป เจยี ด กะลอ?. กา?ตะโอน กอ็ ฮ เลย ยาม ฮา? ปาง กวาง ตอ ฮึเชจ ตอ แลจ็ ดุก ฮยั ฮอ? พิด่ ก็อฮ กฮุ โคะ นอม ตงั ป? เงียง. คาํ แปล เร่อื ง “ปลาแขยงปากกวาง” ปลาแขยงไดขาววางูเหลือมจะคายพิษท้ิง มันเตรียมตัวไปรับพิษไวปองกันตัวเชนคนอื่น มันนอน ผิวปากเหลาเงี่ยงอยางใจเย็นจนตะวันสาย มันลุกขึ้นลางหนา ออกเดินทางไปเรื่อย ๆ มันเห็นพวกหนอนบุง นอนเกลือกลิ้งทรายแถวน้ัน มันจึงรองถามวา “ทําอะไรกัน แลวเขาไปรับพิษกันที่ไหน ตรงนี้แหละเห็นไหม พวกเรากําลังเกลือกเอาพิษอยู ปลาแขยงเสียงใจอาปากรองไหจนปากฉีกกวาง เพราะมันมาไมทันพวกบุง หนอน ยงั มีพษิ ติดตามขนของมัน ๑๙) จีญ ญฮั ฮตึ ู นอม จญี มวย คะนา. ท็อง บอน โกรง. แลจ็ ฮึต?ู กะเตา. ดาก กอ? จะกัซ จญี กุ นอม ดาก โชง. มู กุม กอ อัร ปรึกซา. ญัฮ ฮึโทะ นะอัร ท็อง บอน ตะมี?. ฮึโทะ กอ? พา อัร ชีร. บอน ท็อง ตะมี? กุม พ่็อบ โกรง. นอม ดาก เคลิ ็ง. จีญ กุม กอ? ออร. พา จะกอ? จิฮ โฮม ดาก. โชง ดาก. จีญ กึ จะดึม. ตี ทะเลนิ ็ ตันซาย กะแจ็ด เคิล็ง ตุฮ. ฮึมูล ค่็อฮ จีญ กอ? พา จะกอ? โลง บอน โกรง. คะมัน ตันซาย. ท็อง เอิล็ ฮึตูล ฮมอ?. จีญ ตี “เพ็่ญ แท็่ฮ อะญัฮ” ตันซาย กะชอ? ตี “แท่็ญ พะน่ิฮ ดัก ฮึตู? ตะลา? โกรง ออ?”. มู เพ่็ญ เลิน็ ตันซาย กะแจ็ด ตันซาย อวร จญี กะดฮั ชะโมร ฮตึ ?ู บดิ เบยี ว. จญี กอ? กะเทรยี บ โทว. คําแปล เร่ือง “ชางกบั พระจันทร” มชี างโขลงหนง่ึ มันอยูใ กลห นองนํ้า พอถึงฤดูรอนนํ้าแหง ชางไมมีนํ้าจะกิน จึงพากันไปหาหัวหนา โดยจะพากันไปหาท่ีอยูใหม หัวหนาจึงไปหาท่ีอยูใหม เจอหนองน้ําที่มีนํ้ามาก ชางดีใจพากันลงไปอาบนํ้าก็กิน นา้ํ อยา งสนกุ สนาน พวกมนั ไมร วู า เหยียบกระตา ยตายไปหลายตัว เยน็ น้ันชา งพากนั ไปท่ีหนองนาํ้ เห็นกระตาย อยูท๋ีโขดหิน ชางถามวาเจาเปนใคร กระตายตอบวา เปนทูตของพระจันทร เปนเจาของหนองนํ้านี้ พวกเจา เหยยี บกระตายตายไปหลายตวั กระตายใหช างดเู งาของพระจนั ทรในนาํ้ ลมพัดบดิ เบยี้ ว ชางรบี วิง่ หนีทนั ที ๒๐) กรรมของฮตึ าม นอม โชรม ดาก. แด็ฮ บ็อก จา? กา? แดฮ็ กอ อัร ชรี จญี . โชรม แดฮ็ อวร จีญ ปญู จิฮฺ กัน ดาก เอิล็ โชรม แด็ฮ นะ ชาจ กา?. จีญ กอ? ปูน จิฮ กัน เอิล็ ดาก. โชรม แด็ฮ กอ? เจียด ปะตา พัน ชู? เอิล็. ฮัง กะด็อบ กอ? กึด คาบ ชู? เอิล็ โชรม แด็ฮ เจียด ลัม ตุฮ กะชาจ ดาก. นอม ฮึตาม เนอ ดาก ค่็อฮ แด็ฮ กอ? กะเนียบ เจียด พุง จีญ ค่็อฮ. จีญ แช็ย แด็ฮ กอ? เติร ตึน ดาก กอ? ฮีว คืน ญัง เดิล บ็อค เอิด็. โชรม แด็ฮ ๕๕

ออด จา? กา? แด็ฮ กอ ฮึร กุ ฮึตาม ทะเนิด็. โชรม กอ? อวร จีญ. กะทื่บ ฮึตาม. เนอ ดาก ฮึตาม ท่ัฮ กะทื่บ กอ? กะแจ็ด บอ็ ฮ. คําแปล เรื่อง “กรรมของป”ู งูตัวหนึ่งมันอยากกินปลา จึงไปหาชาง งูใหชางนอนลงกั้นนํ้า มันจะวิดน้ํา ชางก็นอนลงก้ันน้ําไว เอาหางพนั ไมไ ว ทางหวั ก็กัดกิง่ ไมไว งูเอาลาํ ตวั วิดนํ้า มีปูตัวหน่ึงอยูในน้ํา มันหนีบเอาทองชาง ชางเจ็บหนักมัน ก็เลยลกุ ข้นึ นํ้าก็ไหลกลบั คนื เหมอื นเดมิ งจู ึงอดกินปลา งูโมโหปูมาก งใู หช า งกระทบื ปใู นน้าํ ปูถูกกระทบื ตาย ๓.๒ ประเพณีแหห อดอกผ้งึ ๑) เรือง นง่ั เดมิ นั่งดอ็ ฮ คอง ฮอ กาวพลูย แท็ฮ ปะเพนี คอง เปญยอง ปา? ฮัย ตรุด แท็ฮ งาน บุน อะโต คอง พะน่ิฮ ญัฮกุร. นะ เริม ปา? ฮัย ที ฮึจีด คอง ฮึต?ู ชูน. ญฮั โดง นะ เตรยี มงาน ชีรคอง ตรูยตรูย นะ อัร ชีร ชู? โลง ปา? โครง ฮอ กาว พลูย เพราเพรา นะปา? คองจา? เลียง พะน่ิฮ โลง ปา? งาน. ฮัยที จัซ กอ นะ ปา?พ่ักชะกอ? นอม ญัฮ ปะชู คอย ปะโตว ตี ปา? ญ่ังแอ็ฮญ่ังแตะ. ฮัยที จัซมวย จัซบาร นะ ชวย ชะกอ? ปา? กุล ทูล. พอ ฮัยที จัซป? ชวย ชะ กอ?กะเดียน กาวพลูย กุล ทูล ฮัยค็อฮ. ปะตัม กอ นะ วิญ ชะกอ? ปา? เรเร กุล ชะนุก ชะนาน. พอ ตอน น่ัง แรฮ็ ญัฮโดง จา?โปง ทูล กอ นะ ตดึ อรั บอน ชาลา ดกุ ญัฮ. พอ แล็จ เวลา กอ นะ พา ชะกอ แฮ ฮอ กาวพลยู (พาปา คอ) รอบ โดง เทิ่ก ทะโพน รัม อัร แล็จ วั่ด แฮ รอบ ว่ัด ป? รอบ ทูล กอ เจียด อัร ทวาย ลูง รั่บ ซีน ร่ับ พอน กอ ทูล. กาวพลยู กอ นะ จะแก็ฮ เจียด เอิล็ ปา? เทยี น พะชา . คําแปล ประวตั ิความเปน มาของหอดอกผงึ้ งานหอดอกผ้ึงของชาวญัฮกุร เปนประเพณีของปูยาตายาย จะทําในวันสงกรานต เปนงานบุญ ใหญข องชาวญฮั กุร จะเรม่ิ ในวนั ท่ี ๙ ของทกุ เดอื นเมษายน ชาวบานจะจัดเตรียมงาน และหาอุปกรณ ผูชายจะ หาไมมาทําโครงสราง ผูหญิงจะจัดเตรียมอาหารหวานคาว มาเล้ียงผูที่มาทํางานหอดอกผ้ึง วันที่ ๑๐ เมษายน ก็จะรวมตัวกันจัดทําหอดอกผึ้ง โดยมีผูสูงอายุใหคําปรึกษาแนะนะ ในการสรางหอดอกผ้ึง วันท่ี ๑๑ – ๑๒ เมษายน จะขึ้นโครงสราง และจะทําใหเสร็จในวันที่ ๑๓ เมษายน จะพากันติดดอกผึ้งใหเสร็จในวันน้ัน เม่ือ เสร็จแลวกลางคืนจะมีการร่ืนเริง การละเลน ปา?เรเร เพ่ือฉลองหอดอกผึ้ง และการละเลนฟอนรํา สรางความ สนุกสนานใหกับคนสรางหอดอกผึ้ง และติชมในการปา?เรเร พอตอนเชาพวกชาวบานทานอาหารเสร็จ เรียบรอยแลว ก็จะพากันออกมาที่ศาลาหมูบานทั้งหญิง ชาย เด็กผูใหญ เมื่อไดกําหนดเวลา (ประมาณ ๙.๐๐ น.) กจ็ ะขบวนแหห อดอกผง้ึ (รวมถึงกองผาปา) ก็จะแหรอบหมูบาน ท้ังหญิงชายก็จะฟอนรํา และตีโทน เปาปอ ยา งสนุกสนาน ทีมขบวนแหก็จะแหไปท่ีวัด เมื่อแหวนศาลา ๓ รอบ ก็จะนําหอดอกผ้ึงและกองผาปาขึ้น ไปบนศาลาวัด มัคทายกจะนําชาวบานกราบพระรับศีลเสร็จ ก็จะนําถวายหอดอกผึ้งและกองผาปา ถวายให พระ เมื่อพระรับประเคนหอดอกผึ้งและกองผาปาแลว ชาวบา นก็รับพร และกรวดน้าํ เปนเสร็จพิธี ดอกผึ้งที่แกะออกมาจากโครงหอดอกผึ้ง พระก็จะเก็บไวที่วัด พอถึงเวลาใกลจะเขาพรรษา ก็จะ ๕๖

เอาขีผ้ ้งึ ท่แี กะออกจากโครงหอดอกผ้ึง นาํ ไปหลอ เปนเทยี นพรรษาตอ ไป ๒) ญฮั โดง เชือ ญฮั กรุ เชือตี นะ โคะ อุทิด บนุ กุล พินอง ที กะแจด็ อรั กลุ โคะ รบ่ั บุน. อะญัฮ เคย อรั ชีร ชาย กอ นะ โคะ ขอโทด แด็ฮ. พะนิ่ฮ ญัฮกุร เชอื ตี ปา? กุล นอม ปนยา เพือ นึ่ก แลจ็ แด็ฮ. เจียด ฮ?ี แด็ฮ โลง ปา? ฮอ กาวพลูย. เจียด กาวพลยู โลง ปา? เทยี น พะซา เอิล็ จอ็ ง ชวดมน เรียนปง. ฮัยออ? พะนิ่ฮ ญฮั กรุ เตญตุฮ เมาะ ปา? กนั เทด คู ญฮั ฮอ กาวพลยู คอ . พอ เจยี ด ฮอ กาวพลูย ทวาย ลงู ทลู กลุ รอื โครงบ็อฮ พาย เนอ ป? ฮยั . ปซ เอลิ ็ แต พลยู เจยี ด โครง อรั บ็อฮ เนอ ปาชา. เทา กุฮ เจยี ด อัร บอ็ ฮ นะ ปา? กุล แพรย็ กฮุ จิฮ เนอ ฮนาม คอ็ ฮ. ชะมอ็ ฮคอ็ ฮ ละฮูด พลายพลาย กุฮ กุล ท่ัฮ ตุฮ ชะกอ? นะ ลจู ฮึทอ ก. วญิ ชะโมะ นะ นอม คอ งโลง ชวย ญงั่ เนจละบกั ช?ู . เทา ตรยู ตรูย ทั่ฮ ตฮุ เพราเพรา พอ ทลู งาน ตรูยตรยู นะ อัร ขอโทด เพรา เพรา. คําแปล ความเชื่อ ชาวญัฮกุรเชื่อวาการทําบุญในครั้งน้ี จะไดอุทิศสวนบุญกุศลใหแกญาติ ผูลวงลับไปแลว ใหไดรับ สวนบุญกุศลในครั้งน้ี หากบุคคลใดเปนคนหาผ้ึง หรือตีผ้ึง ก็ถือเปนการขอขมา ในชวงเวลาติดดอกผ้ึงกับ โครงสราง ชาวญัฮกุรมีความเชื่อเก่ียวกับพระพุทธศาสนาวาเปนศาสนาใหแสงสวางของปญญา เพ่ือเปนการ ตอบแทน โดยใชข้ีผ้ึงมาสรางเปนหอดอกผ้ึง เพ่ือใหพระนําข้ีผึ้งมาทําเทียนใชในการทําพิธีกรรมตาง ๆ หรือใช เปนเทียนสอ งสวา งในการเรียนพระธรรม และในวันนช้ี าวญัฮกุรจะแตงกายอยางสวยงาม และจะทํากัณฑเทศน คูกับหอดอกผึง้ ดว ย เมื่อนําหอดอกผ้ึงมาถวายใหพระสงฆแลว ชาวบานจะรื้อโครงสรางท้ิงภายใน ๓ วัน เก็บไวเฉพาะ ขผ้ี ึ้ง และนําโครงสรางไปท้งิ ในปาชา ถาไมร ้ือทงิ้ มีความเชือ่ วา จะทาํ ใหฝนไมต กตอ งตามฤดกู าลภายในปน ้ัน สมยั กอ นหญงิ ชาย จะไมใ หถูกเน้ือตองตัวกัน โดยเฉพาะหนุมสาว เพราะมีความเช่ือเรื่องผิดผีปูยา ตายาย ในการละเลนแตละอยาง ตองมีอุปกรณมาชวยเชน ผาขาวมา ถาหากฝายชายถูกเน้ือตองตัวฝายหญิง หลังจากการละเลน เสรจ็ สน้ิ แลวฝา ยชายจะตอ งมาขอคมาฝา ยหญงิ ๓) ปา? ฮอกาวพลูย คองปา? ๑. บูน ๒. ช?ู งวี ๓. ช?ู พวด ๔. ทญู ระเดจ ๕. ทูญชกุ ๖. กาบพราด ๗. ปะกอฮึมุน ๘. พลูย ๙. ฮมึด ๑๐. ฮึโมร ๑๑. ฮมึ าย ๑๒. ชะลา อะร่ี ๑๓. วีร ๑๔. ทาด ๑๕. อวซ๑๖. ฮงรุ ๑๗. ดาก ๑๘. ครุทงั ๑๙. มยั ควยั ๒๐. คลั ๒๑. กาวคนู คําแปล เรอื่ ง การทาํ หอดอกผง้ึ อปุ กรณ ๑. มีด (มีดเหลา, มีดตดั ) ๒. ไมง วิ้ ๓. ไมส ะแกแสง ๔.ไมไผรวก ๕. ไมไ ผบง ๖. กาบกลว ย ๕๗

๗. มะละกอออ น ๘. ขผี้ ้ึง ๙. ขมนิ้ ๑๐. ปนู แดง ๑๑. หมอ ๑๒. หนามหวาย ๑๓. กระดง ๑๔. ถาด ๑๕. ฟน ๑๖. เตาไฟ ๑๗. นาํ้ ๑๘. ถังนํา้ ๑๙. ไมขีดไฟ ๒๐. ขันทองเหลอื ง ๒๑. ดอกคนู ๔) วทิ ปี า? ตึนโครง แลว แต แต ละโดง กฮุ นอม รบู ชดั เจน ม็อนมอ็ น ก็อฮโคะ แท็ฮ เลียม กอ็ ฮ โคะ แต กะมรุ นะ คือ ชะกอ? (ปะตา? คลาง). ๑. แกจ็ ทูญระเดจ บาร ลมั คลญี ปน พยื เอลิ ็ เชญ. ๒. ทูญชุก อวรลัมทีแดฮ็ โคะ มวย ฮนาม แก็จ มวย ฮัด ปา? ทะแน็จ. ๓. ช?ู งวี ปา?โครง ปา?กะมรุ ยอน แทฮ็ ชู? ละอุน (ฮึเกรา เจียด ชู?พวด). ๔. กาบพรา ด เจยี ดโลง กะเคยี นรอ บ ตุฮ ฮอ กาวพลูย เชียบ โคะ งาย. ๕. ปะกอฮึมนุ ปา?ลาย ดอกกาว แทฮ็ แบบ กาวพลยู . ๖. พลูย เจยี ดโลง ลูก เอิล็ ปา? ดอกกาว. ๗. ฮมด่ึ เอลิ ็ ปา? เกซอนกาว ปา?ตุฮ ปด กาว กุฮ กุล ฮึมลุด กะเปล็ ออก เนอ คัล กุล กาว พลูย ตดึ ชปี ะจญู เมาะ. ๘. ฮึโมร เจยี ดโลง ทา ฮมด่ึ กลุ แทฮ็ ชี เพลญ. ๙. ฮมึ าย, กะทะ ลกู ดาก เจยี ดคลั กะลอย ลูกพลยู . ๑๐. ชะลาอะรี่ เอิล็ กะเดยี น กาวพลยู เชียบ กะเดยี น ญฮั โครง ฮอ กาวพลูย. ๑๑. วรี ญฮั ทาด เอิล็ ออก พวก ชะลา กาวพลยู กลุ ญฮั โดง โลง กะเดยี น. ๑๒. อวซ เอิล็ ออก กะมัด เอิล็ ลูกพลยู . ๑๓. ฮงุรกะมดั เอิล็ ดูน ฮมึ าย, กะทะ ลกู ดาก. ๑๔. ดาก เอิล็ ลูก กะลอย คัล ลกู พลูย. ๑๕. ครุทัง เอิล็ ออก ดาก กะเชกิ ็ พลยู กุล ฮมึ ลุด นั่ง แบบ. ๑๖. คัลทองเลอื ง เอิล็ กะลอย เนอ ฮึมาย ลูกพลยู . ๑๗. กาวคนู เอลิ ็ กะเดียน ตุฮ ฮอกาวพลยู กลุ แด็ฮ เมาะ. คาํ แปล วธิ ีทํา ๑. ตดั ไมไ ผร วก ๒ ลํา ยาวประมาณ ๒ วา (๔ เมตร) เพ่ือเปน คานหาม ๒. ตดั ลําไมไผบง อายปุ ระมาณ ๑ ป ยาว ๑ ศอก เพอื่ จักตอกสําหรับมดั โครง ๓. ใชไมงวิ้ เอามาทาํ โครงสราง เพราะเปน ไมเ น้ือออ น (ปจ จบุ นั ไมง ว้ิ หายาก จะใชไมอะไรก็ได ในทนี่ ใ้ี ชไมสะแกแสงแทน) ๔. ใชก าบกลว ย ตดิ ทว่ั ทงั้ โครงสรา ง ทง้ั หลงั คา และโครงรา ง เพื่อเสียบดอกผงึ้ ไดง าย ๕. นาํ มะละกอออ น มาแกะสลกั เปนแบบดอกไม (ตามจินตนาการ) เพ่ือเปน แบบดอกผงึ้ ๖. ข้ีผึ้ง (ผ้งึ ธรรมชาต)ิ นํามาหลอมเพอื่ ทาํ เปน ดอก ๗. ขม้ิน ใชทําเกสรดอกผึ้ง และกันไมใหดอกผึ้งหลุด หรือเอามาผสมใสในขันหลอมข้ีผ้ึง ๕๘

เพ่อื ใหม ีสเี หลอื งสวยงาม ๘. นําปูนแดง เอามาทาขมน้ิ เพอ่ื ใหเกสรมสี ีแดงสวยงาม ๙. นาํ นํา้ ใสหมอหรอื กระทะ ตมนาํ้ ใหรอน แลวใชขนั ทองเหลอื ง ลอยน้ํา เพือ่ หลอมขี้ผ้งึ ๑๐. ใชหนามหวาย เพอื่ ตดิ ดอกผึง้ รอบโครงสราง โดยใชเ สียบกบั ขม้ิน และดอกผงึ้ ๑๑. ใชกระดง หรอื ถาด เอามาใสวสั ดุ / อุปกรณ เชน หนามหวาย ดอกผง้ึ ขผ้ี ง้ึ ฯลฯ ๑๒. นําฟนมากอ ไฟ เพื่อหลอมข้ผี ึ้ง ๑๓. ตมนํ้าโดยใชหมอ หรอื กระทะ ๑๔. ลอยขนั ในนาํ้ เดือด เอาขีผ้ ้งึ ใสขนั เพอ่ื หลอมข้ผี ง้ึ ๑๕. นําแมพมิ พท่จี ุม ขึผ้ ้งึ แลว ไปจมุ ในถังนาํ้ เย็น เพ่อื ใหดอกผ้งึ หลดุ ออกจากแบบ ๑๖. นําดอกผ้งึ ไปติดทีโ่ ครงสรางปราสาท ๑๗. นําดอกคูน มาประดับตวั ปราสาทเพื่อใหส วยงาม ๓.๓ การละเลน ๑) กาน ปา? เรเร คองปา? ตะโพน พะนิ่ฮ ปา? เพราเพรา ญั่ฮ ตรูยตรูย. นะ นอม พะนิ่ฮ ท็อง ฮังฮึเกรา คอย กะชอ?. กาน ปา? เรเร นะ ปา? พดู ชะกอ? ญง่ั ละฮูด ญั่ฮ นุม. เลิ่กกอ พูด เลาเรอื ง นั่งเดิม. นะ นอม เรอื งเซา เรืองยอกจะกอ? กอ นอม. นะ ปา? ปะตมั ฮัย ตรุด นอม งาน กอนะ ชรี อัร ปา? ชะกอ? แล็จ นังแร็ฮ กอ นอม. คําแปล การ ปา?เรเร อุปกรณ โทน การปา?เรเร เปนการรองเพลงของชาวญัฮกุร เปนเพลงที่รองสด บทเพลงและกลอนจะแตงขึ้น ทันที โดยมีสองฝาย ระหวางชายหญิง จะมีครูเพลง หรือผูสูงอายุคั่นตรงกลาง นั่งรองกันเปนวง และโตตอบ ระหวางชายหญิง เปนการทักทายถามขาว ความเปนอยู ความสวยความงาม เก่ียวกับหอดอกผึ้ง ฯลฯ และจะ มผี มู ารว มฟงเปน วง บางครง้ั ก็รอ งจนถงึ วันรงุ ขึ้นของวนั ใหมอ ีกวนั ปา? เรเร เออ เออ เอย แว็ยออ?. นะ กะชอ กลุ . พะนฮ่ิ ญฮั กุร จะกอ? เอญ เอย.... ชม็อฮค็อฮ เอย... ปา? ท็อง ปา?จา? กุฮ แบ็จ นอม เม จะตาง ค็อฮ. ชโร? กอ ออกเจียด ออกเจยี ด มอ? เด.. ฮึมลอ็ ก ฮึมัล กอ็ ฮ กุฮ แบจ็ ราญ แบจ็ ราญ.. เดิมเด.. แว็ย เอย..... คําแปล เออ เออ เอย... ตัวฉนั น้ี จะบอกให คนญัฮกุรกันเอง เอย. สมัยกอนเอย ทํามาหากิน ไมตองมี เงนิ กไ็ ด ขา วก็ปลูกเอาไว เอาไวเอง กบั ขาวอาหาร กไ็ มตองซ้ือ ไมต อ งหา ตวั ฉันนี้..... ๕๙

๒) กาน ปะคฮุ ฮลา? ชู? ชะมอ็ ฮ ค็อ่ ฮ ญฮั โดง นะ ปะคุฮ กฮุ โคะ ดุก ญัฮ. กอ นะ ปะคุฮ วิญๆ กุล แท่็ฮ จังวะ ตอน โจ็ว นัง คะมะ อัร คะมะ. ปะคุฮ กุล แท่็ฮ บันคู เพลินเพลิน. ตอ โลง กอ ปะคุฮ กะชอ? ตี แล็จ เวลา นะ โจ็ว ฮี? เอย. ฮลา? ชู? นอม เอิล็ ปะคุฮ นะ แท่็ฮ ฮลา? ชู? ตี นอม ฮลา? กะลึด ญั่ง ฮลา? ฮึนวล. แด็ฮ กรีง แท็่ฮ กะ ลิญ กะลึด. เพลง ตี นะ ปะคุฮ กอ แท่็ฮ เรเร ฮือ เพลง ซะนุกซะนาน. เอิล็ รัม โทน กอ โคะ ปะคุฮ ฮอก โจ็ว ฮ?ี . “โจ็ว เอย โจว็ โดง เอย”.ปะคุฮ ปะชาง คลญี ชาชา ทะโมะ กอ ละเงมิ . ตอ โลง กอ แท็ฮ่ คอง ญัฮกรุ ที กุฮ นอม อะญฮั่ นะ ปะคุฮ โคะ. กาน ปะคุฮ กอ นะ ปะคุฮ ฮัย ตรุด ฮือ ปะคุฮ โช กุล ญิน ทะโมะ. นะ ตึด วิญ งาน กอ งาน ทัวทวั อัร แค คอ็ ฮ. นะ กฮุ นอม อะญฮั ปะคุฮ วิญ ยอน แดฮ็ ปะคุฮ ลัมมาก ฮดั ปะคฮุ เลยแท็ฮ เรือง ฮึมาก. คําแปล เรอ่ื งการเปาใบไมใ นสมัยกอ น การเปาใบไมในสมัยกอน ชาวบานจะเปาไมไดกันทุกคน แตจะมีความสามารถพิเศษเฉพาะตัว โดย จะเปาเลน ๆ ใหเปนจังหวะ ในระหวางการไปไร กลับจากไร เพ่ือเกิดความเพลิดเพลิน ตอมาก็เปา เพื่อ เปน สญั ญาณวา ถงึ เวลากลับบานแลวในเวลาตอนเย็น เพอ่ื ใหเ ปน เพือ่ นเดินทาง ใบไมที่ใชเปา จะมีลักษณะใบเปนมัน เชน ใบลําดวน จะมีลักษณะแข็งและเปนมันดี เพลงท่ีนัก เปาใบไมมักจะเปนเพลงกระแจะ หรือ ลักษณะของการเรียกใหกลับบาน เชน “โจ็ว เอย โจ็ว โดง เอย (กลับ เถอะ กลับบานเถอะ)” โดยออกเสียงยาว ๆ เนิบ ๆ โหยหวน ตอมาจึงไดพัฒนามาเปาเปนเพลง เปนความสามารถเฉพาะของชาวญัฮกุรไปสวนการละเลนก็จะ เปาเลน ในชวงเทศกาลสงกรานต และการออกแสดงในงานตาง ๆ เทานนั้ ๓) วิญ ช?ู โทกเทก คองวญิ ช?ู ทูญชกุ บาร ลมั ปา?โทกเทก ๑. คลญี พั่ก ตฮุ พะนฮิ่ นะ วิญ ๒. แก็จ ชู? ทญู เอลิ ็ คะเนญ ยาง ละมวย เอลิ ็ เลิน็ วญิ ๑. พะน่ฮิ วญิ นะ กะชอ? กุล ชะกอ? ชะมอ็ ฮ นะ วิญ ๒. พะนิ่ฮ วิญ นะ กะเทร่ยี บ เคลิ่ง็ จิ รอบ กอ พดู กอ ชะมอ็ ฮ คําแปล การเลน ไมโ ถกเถก อุปกรณ ไมไผบง ๒ ลํา วธิ ที ําไมโถกเถก ๑. ตัดไมไผ ๒ ลํา ยาวเทากับผเู ลน ๒. ตดั แขนงไมไผอ อก แตใหเ หลอื แขนงไมไ ผไ วส ําหรับเปนท่วี างเทา ลาํ ละ ๑ ดา น วธิ ีการเลน ๖๐

๑. ผเู ลน กาํ หนดจดุ เร่ิมและจุดเสน ชยั รว มกัน ๒. ผูเลนจะว่ิงโดยใชไมไผว่ิงแขงกัน ใครถึงเสนชัยกอนเปนผูชนะ โดยท่ีไมลมหรือไมตกจากไมไผ สามารถมีผูเลนก่ีคนก็ได นอกจากนี้ผูเลนตองตกลงรวมกันวาจะแขงก่ีรอบ เพ่ือคนหาผูชนะ เชน ชนะ ๒ ใน ๓ รอบ เปน ตน ๔) อมยมิ พะนิ่ฮ วิญ วิญ เคลิ่ง็ ญัฮ จับ แท็่ฮ คู เพราเพรา ตรุยตรูย แยก ชะกอ? บาร มู. เปาชิงชุบ อะญั่ฮ ชะน่ัฮ อันค่็อฮ ออ็ กแอก ชะม็อฮ พะนฮิ่ ทฮ่ั อ็อกแอก กฮุ กลุ ชะครงุ . เทา คู อะญ่ัฮ ชะครุง คูค็่อฮ คะยา?. พะนิ่ฮ ทั่ฮ อ็อกแอก กุฮ ชะครุง พะนิ่ฮ ทั่ฮ อ็อกแอก กอ นะ แท่็ฮ พะนิ่ฮ อ็อกแอก คืน. เทา คะยา? พะน่ิฮ ชะนั่ฮ กอ นะ รอง เพลง ทา เพลง ฮนูย พะน่ิฮ คะยา? รัม พก่ั ญนิ่ รอง เพลง . คําแปล การเลน อมยิ้ม สามารถเลนไดห ลายคนจับคูหญิง-ชายทง้ั สองฝายใหเทา กนั จากน้นั เปา ยงิ ฉุบกัน ฝายชนะเปนฝาย เรม่ิ เลน กอ น โดยการจับคูหญิง-ชายไมใหมือหลุดจากกัน แลวจักกะจี้ฝายตรงขาม หรือทําอยางไรก็ไดใหฝายตรง ขามหัวเราะจนเห็นฟนถือวาเปนฝายแพ ถาฝายตรงขามถูกจ้ีแลวไมยิ้มเห็นฟน จะกลายเปนผูจี้อีกฝายหนึ่ง จน เหลอื คูส ดุ ทา ยเปนฝายชนะ ผแู พจะตอ งรบั โทษ โดยทําตามคําสั่งของผชู นะ ๕) วญิ ชาว ชา คองวญิ ๑. ทูญระเดจ คลญี ปน พยื มวย ลมั ๒. พะนิ่ฮ วิญ บาร ฮคึ าง ๓. คีดแช็นปะจดิ แช็นฮังเกรา บารฮคึ าง ๔. เนจทัก่ ปะจิด ลมั ทญู ระเดจ วญิ พะน่ฮิ วิญ เทา ชะกอ? ตรยู ตรูย, เพราเพรา กอโคะ จับ ชู? ทญู ระเดจ. ทลู กอ เจียด เนจทั่ก กุล เตียว ญ่ัฮ แช็นปะจิด. ทูล กอ ดัน อัร ชัง ฮึตา? ชังโน็ว ดัน กุฮท็อง พะนิ่ฮตัม แล็จ แช็นคีด กอ นะ คะยา?. แคง จะกอ? บาร รอบ อะญฮั เชาชาว ปา? กลุ อกี มวย ฮคึ าง ดัน กุฮทอ็ ง บาร รอ บ นะ ชะน่ฮั . คาํ แปล การเลน ชาว ชาว อุปกรณ ๑. ไมไผ 1 ลาํ ยาว 4 วา ๒. ผเู ลนสองฝา ย ๓. กําหนดเสน ก่งึ กลางและเสน หลังของท้ังสองฝา ย ๔. ผาสาํ หรบั มัดไมไผ ๖๑

วิธีเลน แบง ผเู ลน ใหเทา กนั ทงั้ ๒ ฝา ย มดั ผา ไวบ ริเวณตรงกลางลาํ ไมไ ผ ๑ จดุ กาํ หนดจุดเขตแดนท้งั ๒ ฝาย ผูเลน ทงั้ สองฝง ถอื ไมไผล าํ เดียวกนั แลว ชว ยกันดนั ไปขา งหนา จนฝา ยตรงขามลม หรือถอยหลังถงึ เสน เขต แดน จนชนะ ๒ ใน ๓ คร้งั ลกั ษณะการเลน คลายกบั การเลน ชกั กะเยอ แตการเลน ชาวชาวผเู ลน จะดันไปขางหนา ๖) วญิ ฮแี ล วิญ ๑. ชะคลญิ ฮแึ ล จัซตอง ๒. เจยี ด ทึลกะนบี กะทอ จ ฮแึ ล กะโยน อรั ฮงั ฮึตา? กุลทฮ่ั คองญนิ ๓. เจียด กะบอ็ ง กะนบี ฮแึ ล กะโยน อรั ฮังฮึตา? กลุ ท่ฮั คองญนิ เทา กุฮทฮั่ กลุ ดดี อัร กลุ ทั่ฮ คองญนิ ๔. คดั ตะเคง เจยี ดชุง เลนิ ฮ็ แึ ล เอิล็ ฮตึ ูล กะบอ็ ง กะโยน อรั ฮงั ฮึตา? ๕. เจยี ด ฮแึ ล เอลิ ็ บอน ม่ัดตะบงุ กะนีบ กุฮ ม่ดั ตะบงุ กะโยน อรั ฮงั ฮึตา? ๖. ชะวกั ชุงชาย เจยี ด ฮแึ ล เจียด ฮึปุยชุง กะนบี กะโยน อรั ฮงั ฮตึ า? ๗. จกุ กะเตงิ เจยี ด ฮึแล เอลิ ็ ฮตึ ูล ชงุ เจยี ด ชุง เลิน็ เอลิ ็ กะโยน อัร ฮัง ฮตึ า ๘. เจียด ฮแึ ล เอลิ ็ ฮึตูล กะดอ็ บ กะโยน อรั ฮัง ฮึตา? ๙. กะบอ็ ม ฮแึ ล อัร บอ็ ฮ จฮิ กลุ ทัฮ่ คองญิน คาํ แปล การเลนสะบา วิธเี ลน สามารถแบง ฝา ยกนั เปน ๒ ทีม ทมี ละ ๕ คนขนึ้ ไป วางลกู สะบาตามจํานวนผูเลนฝา ยตรงขาม อกี ฝายหนึ่งโยนลกู สะบาใหใกลฝ ง ตรงขา ม ๑๐ ครง้ั หลงั จากนั้นดดี ใหลกู สะบาฝงตรงขามใหล ม ถาดดี ลกู สะบา แลวไมลม ผเู ลน จะตองเปลย่ี นทา และดีดลูกสะบา ทําใหลูกสะบาฝง ตรงขา มลม จนหมด ถือเปนฝายชนะ หา มให ลูกสะบา เลยเขตฝง ตรงขา ม ทา เลน ๑. หนบี ไวบริเวณเหนอื หัวเขา ๒. วางลกู สะบาไวบนฝา เทา ๓. หนีบลกู สะบา ไวบ รเิ วณตาตมุ ๔. ลูกสะบา หนีบไวบ รเิ วณหวั แมเ ทา ๕. วางลูกสะบาไวบนหลังเทา แลว นาํ เทาอกี ขางหน่งึ ทับไว แลวกระโดด ๖. วางลูกสะบา บนหัว แลว เหวี่ยง ๗. คาบลกู สะบา แลวปลอยใหโ ดยฝา ยตรงขาม ๖๒

๗) วญิ จ?ี จมั จว็ จ วญิ วญิ จ?ี จมั จ็วจ นะ จ?ี ญฮั กอ โคะ . กลุ เจียด แต็ยจะลัด จะลัด จฮิ ต?ี เอิด็ บาร ฮคึ าง ท็ อง แท็ฮ วง. ทลู กอ นะ รอง เพลง อะญัฮ เจยี ด แต็ย ตดึ ฮเึ กลา ญิน นะ โคะ รมั วง พกั่ ตี กะชอ? นัง ฮัวป. เพลง จี?จมั จว็ จ “จ?ี จมั จว็ จ เทวดา หนมุ ขายคา ลอยเพาะ เพาะตีเกราะ ตคี อง?โมงเมง ปะโตกปะตุล ปะโตก ปะตุล” คาํ แปล การเลน จีจ้ า้ํ จ็วจ การเลนจจ้ี ําจ็วจ จะมีคนเลน กค่ี นก็ได แลว แตผ ูเลน จะตกลงกันเอง การเลนจะน่งั เลนและใชนวิ้ ชี้ จิ้มลงพื้นทั้งสองขาง โดยมผี ูนาํ เลนจะช้นี ิว้ ช้ีของผูเลนทกุ คน น่งั เลนเปนวงกลม และจะรองเพลงพรอมกบั ชนี้ ว้ิ ใครท่ยี ังไมถกู แตะมอื ยังไมออกจากวง ก็จะตอ งถกู ลงโทษ ในขอ ตกลงกนั ไว เชน รําวง หรอื รองเพลง ตาม ขอ ตกลงของการละเลน เพลง จีจ้ าํ จ็วจ “จ?ี จมั จ็วจ เทวดา หนุมขายคา ลอยเพาะ เพาะตีเกราะ ตคี อง?โมงเมง ปะโตกปะตลุ ปะโตก ปะตลุ ” ๘) วญิ นงุ นาง วิญ นงุ นาง นะ คอื ยัง กวย นะ แปลก แต ตอน รองเพลง. ตอน วญิ นะ ชะกดั คะนุง แตย็ ชะ กอ? ตอ ตนึ ชนู ฮอื เตรา ญฮั ทูล กอ รองเพลง พาซา ญฮั กุร. เพลง นุงนาง “นุงนาง ชางคะดงุ นุงอแี นจ แชดคลอ็ ย” รองเพลง จบ ทูล กอ นะ คะลัฮ แตย็ พรอม ชะกอ? คาํ แปล การเลน นงุ นาง การละเลนนุงนาง จะเลนเหมอื นคนไทยท่ัวไป แตจะแตกตางเฉพาะเนื้อเพลง โดยหยิกบนหลังมอื ตอกนั ขึ้นไป ผเู ลนประมาณ ๕ – ๖ คนขึน้ ไป (แลวแตผ เู ลน จะตกลงกนั เอง) แตข องชาวญฮั กรุ จะมเี นือ้ เพลง เปนภาษาญัฮกุร เพลง นงุ นาง “นุงนาง ชางคะดุง นงุ อแี นจ แชดคลอ็ ย” เมื่อเพลงจบกจ็ ะปลอ ยมือพรอมกัน ๖๓

๓.๔ อาหารพ้ืนบานญัฮกุร ๑) คิว คีว คองปา? ๑. ทะแนจ่็ ๒. ฮลา?พรา ด, ฮลา?เบา ๓. พราดละอูย (พราดละออง) ๔. ดาก๕. ฮึมาย ๖. ฮงุร ๗. อวซ ๘. ครั่บชรมิ ๙. ชัม่ ตี? ๑๐. ฮกึ อ?เนบิ วิทีปา? ควิ คีว เจียด ฮลา?พราด จัย พอ ละอวด. ตรัมทะแน็่จ, ปอกพราด, ปฮพราด, แท่็ฮ บาร ฮึชีก ออก ทูย เอิล็. เจียด ฮึกอ? ลาง ทูล ชราว ออก ปะอุร, ออก ชัมตี?, ออก ครั่บชริม. เชจ ฮลา?พราด เจียด ฮึกอ? ออก นอ ฮลา?พรา ด. เจยี ด พรา ด ออก จฮิ นอ ฮึกอ?. ทูล กอ คีว ดัก เอิล็ มวย ฮึชีก ทูล กอ ปา? อีก มวย ฮึชีก ปะก็อบ ออก ชะกอ? กอ เจียด ทะแน็่จ ทั่ก เอิด บาร ฮึคาง เจียด คิวคีว ออก ฮึมาย เจียด ดาก ออก ออก กะมัด กอ ดูน ฮึมาย คิวคีว คอย ช็อฮ กะดฮั ตี ละอฮุ เคิน็ เทา ละอุฮ กอ ยกุ ฮมึ าย ตดึ คาํ แปล ขาวตมมัด อปุ กรณ ๑. ตอก ๒. ใบตองกลวย – ใบออย ๓. กลวยน้ําวาสุก ๔. นํ้า ๕. หมอ ๖. เตาไฟ ๗. ฟน ๘. ถ่วั ดํา ๙. ถัว่ ดิน ๑๐. ขาวเหนียว วิธที าํ ขา วตมมดั เอาใบกลวยฉีกพอเหมาะไปตากแดด เอาตอกแชน้ําใหนุม ปอกกลวย ผาซีกใสจานไว เอาขาว เหนียวลางน้ําเสร็จแลว ซาวขาวเหนียวกับเกลือเล็กนอย ใสถ่ัวดํา หรือถ่ัวดินในขาวเหนียวดวย ฉีกใบตองแลว เอาขา วพอใสในใบตองพอเหมาะ เอากลวยที่ผาไวใสลงไปในขาว ๑ ซีก แลวหอ เอาตอกมัดหัวและทายทั้งสอง ดาน เสร็จแลวเอาไปตมในหมอ ใสนํ้าตั้งไฟ แลวคอยแกะดูวาขาวท่ีหอสุกหรือยัง ถาสุกแลวยกหมอลง พรอม รบั ประทาน ๒) คะนม ฮตึ ากชรุ คองปา? ๑. ครุ ๒. ดาก ๓. กะทะ ๔. ฮงุร ๕. อวซ ๖. กะลิญ ๗. ฮึกอ? เนิบ ๘. ละเงา ๙. พรา ดละออง ละอูญ ๑๐. วรี วิทีปา? คะนม ฮตึ ากชรุ ตรัม ฮึกอ? เนิบ ทูล กอ ฮึนัก ตอ ละอีด เท่ิก็เทิ่ก็ กุล แด็ฮ ละเอียด โคลก ออก พราด กุล แด็ฮ ตะบัน. กะแตะ กะแล็ญ แท่็ฮ แพน? คลีญ ญัง ฮึตากชุร. กะแตะ ออก ละเงา. ออก กะมัด ดูน กะทะ ออก จิฮ กะลิญ พอ กะลิญ ง็อม เจียด กะแล็ญ บ็อฮ จิฮ. พอ แด็ฮ ฮอม โตก ตึน ดัก เอิล็ ฮึตูลชู? ฮึร็อม กะทะ กุล กะลญิ ชะเดด็ กอ ดกั จฮิ นอ ทาด. ๖๔

คําแปล ขนมลน้ิ หมา อปุ กรณ ๑. ถังนํ้า ๒. นํ้า ๓. กระทะ ๔. เตาไฟ ๕. ฟน ๖. น้ํามัน ๗. ขาวเหนียว ๘. งา ๙. กลวย น้ําวา สกุ งอม ๑๐. กระดง วิธีทาํ ขนมล้นิ หมา แชข าวเหนยี วแลวเอามาตําใหละเอียด รอนแปง แลวเอาแปงกับกลวยน้ําวาตําใหเหนียว ปนแปง ใหเปนรูปยาว ๆ เหมือนลิ้นหมา แตะเปนแผนแลวแตะงาท้ังสองดาน กอไฟต้ังกระทะ เอาน้ํามันใส รอให นํ้ามันเดือด แลวเอาแปงที่แตะงาแลวหยอนลง ทอดในน้ํามัน พอแปงทอดเหลือง ตักขึ้นวางบนไมที่พาดไวบน ขอบกระทะใหน้ํามันสะเด็ด แลว วางลงในถาด พรอมรับประทาน ๓) คะนม ลงุ แลด็ คองปา? ๑. ครุ ๒. ดาก ๓. ฮงุร ๔. อวซ ๕. ฮึมายฮึโรง ๖. ฮึโรง ๗. ฮึกอ?เนิบ ๘. ทาด ๙. ดาก เบาปก ๑๐. ทูญระเดจ ปา? วงกล็อม ๑๑. แพง, วรี ๑๒. กะทะ ๑๓. กะลิญ๑๔. ฮลา?พรา ด ๑๕.ชอน วทิ ปี า? ลุงแลด็ ออก กะมัด เจียด ฮึกอ? ตี ตรัม ทูล ออก เนอ ฮึโรง. ออก ดาก นอ ฮึมาย ดูนฮึมาย พอ โปง ละ อุฮ เจียด ชอน โตก โปง ออก ฮึวง กุฮ ยุก ฮึมาย จิฮ เอิล็ คา ฮมอ?โพ็ว. โตก โปง ออก นอ ฮึวง เจียด ฮลา? พราด รอง เอิล็. แต็ย กะแตะ โปง เนิบ เนอ ฮึวง อวร แท็่ฮ ฮึร็อมตรีว ทูล กอ อัร จัย. ชะกัซ ทูล เอิล็ ทอด เจียด กะทะ ออก กะลิญ ดูน (กะลิญ ฮมุม ปา? กุล ลุง แล็ด แด็ฮ ตึน). พอ กะลิญ ง็อม บ็อฮ จิฮ ลุงแล็ด นอ กะลิญ พอ ลุงแล็ด ลอย ตึน กอ โตก เอิล็ ฮึตูล ชู? ฮึร็อม กะทะ กุล กะลิญ ซะเด็ด. เจียด ดากเบา ออก ดาก ออก นอ ฮมึ าย ดูน กุล แด็ฮ พุฮ ตอ ตะบัน เจียด ชอน โตก โรย ออม กลุ ทัว ลงุ แลด็ เอิล็ นอ วีร. คําแปล ขนมนางเล็ด อปุ กรณ ๑. ถงั น้าํ ๒. นาํ้ ๓. เตาไฟ ๔. ฟน ๕. หมอนึ่ง ๖. หวดนึ่ง (หรือซึ้ง) ๗. ขาวเหนียว ๘. ถาด ๙. นํ้าออยปก ๑๐. ไมรวก ทําเปนวงกลม ๑๑. แผง, กระดง ๑๒. กระทะ ๑๓. น้ํามัน ๑๔. ใบตองกลวย ๑๕. ชอน วธิ ที ําขนมนางเลด็ กอไฟแลว เอาขาวเหนยี วทแ่ี ชแลว ใสใ นหวด พอขา วสกุ ใชช อ นตกั ขา วใสในวงกลม ไมต องยกหมอ ลง ตักขาวใสในไมรวกท่ีทําเปนวงกลม รองดวยใบตอง ใชมือแตะ กดเบา ๆ ใหขาวเหนียวเปนลักษณะกลม ขอบบาง ๆ แลวเอาไปตากแดด เอากระทะใสนํ้ามัน (ถาใชนํ้ามันหมีจะทําใหนางเล็ดพองข้ึน) พอน้ํามันเดือด เอานางเล็ดใสลงในกระทะ พอขนมนางเล็ดลอยขึ้น ตักใสไมท่ีวางบนขอบกระทะ ใหนํ้ามันสะเด็ด เอานํ้าออย ใสในหมอผสมกับนํ้า ตั้งไฟ ใหเดือดจนน้ําออยละลายเหนียว ใชชอนตัก โรยหนาขนมนางเล็ด พรอม รบั ประทาน ๖๕

๔) คะนม แชน็ คองปา? ๑. ฮกึ อ?มั่ฮ ๒. ดาก ๓. ฮึมาย ๔. ฮงุร ๕. อวซ ๖. เนจชูง ๗. แวน ๘. กะชา ๙. ฮมอ? ๑๐. กา?งมั / กา?ฮลึ วน /คลีจ / ชาง ฯลฯ ๑๑. ละวางฮนม ๑๒. กะชาย ๑๓. ปะวญี ๑๔. ปะแกว ๑๕. กะเทยี ม ๑๖. ปะอรุ ๑๗. ละวางทราย ๑๘. ฮลา?มะกรดู ๑๙. วรี ๒๐. ฮลา? พราด ๒ ๑ . บู น ๒๒. ฮนึ ลุ ๒๓. ฮึรี่ ๒๔. ฮึมุย วทิ ีปา? คะนม แชน็ ตรัม ฮึกอ?มั่ฮ ป?ปะตัม ชร็องออกกะชา ทูล กอ ออก ฮึนุล ฮึนัก ตอ ละอีด เทิ่ก็ ตอ ละเอียด. คะญ่ัม ออก ดาก ตรอง ออก เนจชูง ท่ัก ออก กะชา เจียด ฮมอ? ท่ับ มวย ปะตัม. กะบวล ทูล อัร โชรง กะแล็ญ ฮัง นอก ละอุฮ กอ ออก ฮึนุล ฮึนัก ตอ ตะบัน. กอ โลง ญี กอ โตก ออก แวน. ดาก ออก ฮึมาย ดูน ตอ พฮุ . บีบ แวน ออก นอ ดาก พุฮ โตก แช็น ออก นอ ดาก ละเงมิ .โยง แช็น มวน ออก แตย็ จะลัด เวยี น บิด ออก นอ วีร. วทิ ีปา? ดากฮญึ า ลูก กา?งัม ตอ ละอุฮ ทูล กอ เจียด ปะแกว, ปะวีญ, ละวางทราย, กะเทียม, ปะอุร, กะชาย, ฮลา?มะกรูด, ออก ฮึนุล โคลก ตอ ละอีด. แบ็ฮ กา?งัม ชะแก็ฮ เจียด แตฮวา? ออก ฮึนุล โคลก เปล็ ชะกอ?. ดูน ดาก ตอ พุฮ โตก ออก เนอ ฮึมาย ออก ปะอุร, ฮึมุย, ออก ละวางฮนม ยุก จิฮ. เจียด คะนมแช็น ออกทูย โตก ดากฮึญา ออก นอ ทูย คะนมแช็น จา? โคะ เลย. คําแปล ขนมจีน อุปกรณ ๑. ขา วจาว ๒. นํ้า ๓. หมอ ๔. เตาไฟ ๕. ฟน ๖. ผาขาว ๗. แวน ๘. ตะกรา ๙. หิน ๑๐. ปลากงั้ / ปลาชอ น / หมู / ไก ๑๑. ใบโหระพา ๑๒. หวั กระชาย ๑๓. หวั ขา ๑๔. พริกแหง ๑๕. กระเทียม ๑๖. เกลือ ๑๗. ตะไคร ๑๘. ใบมะกรูด ๑๙. กระดง ๒๐. ใบกลวย ๒๑. มีด ๒๒. ครก ๒๓. สาก ๒๔. ปลารา วธิ ที ําขนมจีน แชขาวจาว ๓ คืน นําขาวที่แชไวใสตะกรา แลวเอาไปใสครกตําจนละเอียด รอนจนเหลือแปง ละเอียด ใสนํ้ากับแปงขยําแลวกรองใสผาขาว มัดใหแนน ใสตะกรา เอากอนหินทับไว ๑ คืน ทําใหแปงเปน กอน เอาไปนึ่ง จนแปงขางนอกสกุ มีสีเหลอื ง แลว เอาใสครกไปตําจนแปง เหนียว เอามายี ตักใสแ วน แลว บบี ลง ในหมอน้ําเดอื ด เสร็จแลว ตักเสน ขนมใสในน้าํ เย็น โยงเสน มว นใสน ิว้ ช้ี มดั ใสในกระดง วิธที าํ น้าํ ยาขนมจีน ตมปลากั้งจนสุก แลวเอาพริกแหง หัวขา ตะไคร กระเทียม ใบมะกรูด หัวกระชาย ใสในครกตํา จนละเอียด แกะเอาแตเนื้อปลา ใสในครกตําเขาดวยกัน ตมนํ้าใหเดือด ตักเครื่องแกงท่ีตําใสลงไป ปรุงดวย น้ําปลารา และเกลือ ชิมจนไดรสชาติ ยกหมอลงแลวใสใบโหระพาลงในหมอ ตักขนมจีน ราดนํ้ายา แลว รับประทานไดเ ลย ๖๖

๕) คะนม ตม คองปา? ๑. ฮึกอ?เนิบ ๒. ฮึมาย ๓. ฮงรุ ๔. อวซ ๕. ดาก ๖. ดากชาย วทิ ีปา? คะนม ตม ตรัม ฮึกอ?เนิบ ทูล กอ ฮึนัก ฮึกอ? ตอ ละอีด. เท่ิก็เท่ิก็ ตอ ละเอียด คะญัม ออก ดาก กุล แด็ฮ ตะบัน กอ โลง กะบวล กล็อมกล็อม ฮึแนจ. ออก กะมัด ดูน ดาก ออก นอ ฮึมาย พอ ดาก พุฮ กอ บ็อฮจิฮ. แดฮ็ ลอย กอ โตก ออก ดาก ละเงมิ กอ ชร็อง ออก นอ ฮมึ าย ดูน ดากชาย ออก จฮิ นอ ฮึมาย คะนม. คาํ แปล ขนมตม อุปกรณ ๑. ขาวเหนยี ว ๒. หมอ ๓. เตาไฟ ๔. ฟน ๕. นํา้ ๖. นา้ํ ผงึ้ วธิ ีทาํ ขนมตม แชขาวเหนียว แลวเอามาตําจนละเอียด รอนแปง แลวเอาแปงมายีใสนํ้าจนแปงเหนียว แลวเอา มาปนเปน ลกู กลม ๆ เลก็ ๆ กอไฟ ตม น้ําจนเดอื ดแลวเอาแปง ที่ปน แลว ใสล งไป พอแปง ลอย ตักออกมาใสในน้ํา เย็น แลว ยกข้ึนใสใ นหมอ เสร็จแลว ใสน ้ําผึง้ ลงไป ตมอกี สักพัก แลว ยกลง สามารถรับประทานไดเลย ๖) คะนม กะโปง คองปา? ๑. ครุ ๒. ฮนึ ลุ ตมั ๓. ฮึรี่ ฮนึ ัก ๔. ฮงึ าร, แพง, วีร ๕. ฮลา?พรา ด ๖. ฮงุรกะมัด ๗. อวซ ๘. ดาก ๙. พองชาง ๑๐. ดากเบาปก ๑๑. ฮึกอ?เนิบ ๑๒. กะลิญคลีจ ๑๓. ฮึมายโรง ๑๔. ฮึโรง ๑๕. ริ่ฮ โชก ฮึโฮม ๑๖. ทยู กะดงิ วทิ ีปา? กะโปง ตรัม ฮึกอ?เนิบ ออก เนอ ครุฮ. จีร ริ่ฮโชกฮึโฮม โลง ฮึนัก รีน ดาก ตรัม ฮึกอ? ออก ครุฮ. เจียด ร่ิฮโชกฮึโฮม ตี ฮึนัก ทูล ออก จิฮ นอ ครุฮ. ชร็อง ฮึกอ?เนิบ ออก นอ ฮึโรง. เจียด พองชาง ออก นอ ฮึมายฮึ โรง ออก ดาก จิฮ. เจียด อวซ โลง ออก กะมัด ตัง ฮมอ? โพ็ว ป? ลูก. ดูน ฮึมาย ฮึโรง จัย ฮลา?พราด อวร แด็ฮ ละอวด. โชรง โปง ละอุฮ ทูล กอ เจียด โปง ออก นอ ฮึนุล ฮึนัก กุฮ ฮึรี่. พะน่ิฮ ฮึนัก ชูน ญัฮ ฮึนัก อัร กอ เจียด ดาก โชกฮึโฮม ออก จิฮ แญด กุฮ อวร ฮึรี แด็ฮ เดียน. ฮึนัก ละอีด ทูล กอ ออก ดาก เบา จิฮ กุล กะโปง แด็ฮ ตะดาจ แญ็ดแญด. ฮึนัก ตอ กะโปง แด็ฮ ตะบันนึบ เจียด พองชาง ตี ละอุฮ ทูล เจียด พอง เพลญ คะยัม ญ่ัฮ กะลิญคลีจ ออก เนอ ทูย กะดิง. เจียด ฮลา?พราด โลงดัก เอิล็ เนอ วีร ชูน ฮึลัฮ. เจียด กะ ลิญ โลง ทา ฮลา? ทูล กอ คล็่อก กะโปง ตี โคลก ทูล กะบัด ม็อนม็อน ดัก ออก ฮลา?พราด. กะแตะกะแตะ กลุ แด็ฮ แท่็ฮ แพน? กลอ็ ม ตรีว ทูล กอ อรั ลอก ออก ฮึงาร, วีร, แพง. จัย ตะฮัย กุล แด็ฮ ชะกัซ เอิด็ บาร ฮึ คาง. ปซ เอลิ ็ ปราง. ปฮทญู ระเดจ แท็่ฮ งาม เอลิ ็ ปราง กะโปง. ออก กะมัด พอ กะมัด ฮึเมอะ ครา กะมัด ตึด เจียด กะโปง ออก ชู? ปราง โลง ปะอ็อง ปะกับ โจ็ว ปะกบั อัร กุล แด็ฮ ฮอม ออก วรี เอิล็ จา? . ๖๗

คาํ แปล ขนมขา วโปง อุปกรณ ๑. ถังนํ้า ๒. ครกใหญ (ทําจากทอนไม) ๓. สากใหญ (ขนาดเทาขา) ๔. เสื่อ แผง กระดง ๕. ใบตองกลวย ๖. เตาไฟ ๗. ฟน ๘. นํ้า ๙. ไขไก ๑๐. น้ําออยปก ๑๑. ขาวเหนียว ๑๒. นํ้ามัน ๑๓. หมอ นงึ่ (หรอื ซ้ึง) ๑๔. หวด ๑๕. รากเครือตดหมา ๑๖. ถว ยเลก็ ๆ วิธีทําขา วโปง แชขาวเหนียวในถังนํ้า ขุดรากเครือตดหมาลางนํ้าใหสะอาด แลวเอามาตําใหละเอียด เอานํ้าซาว ขาวใสในถงั ท่ีมีเครอื ตดหมาท่ตี ําแลว นําขาวเหนียวที่แชใสในหวด เอาไปน่ึง ใสไขไกลงไปตมในหมอดวย ตักไข ไกท่ีตมสุกแลว เอาไขแดงมายีใสน้ํามันไวในถวย ตากใบตองใหหมาด นึ่งขาวเหนียวจนสุก แลวเอาขาวเหนียว ใสในครก ตําดว ยสาก ใชคนตาํ ๕ คน (ถา คนนอ ยขา วเหนยี วจะเย็น ตําไมแหลก) ขณะท่ีตําใหใสน้ํารากตดหมา ทีละนอย เพ่ือไมใหขาวเหนียวติดสาก ตําจนแหลกละเอียด ใสนํ้าออยนิดหนอย พอหวาน ตําจนแปงขาวโปง เหนียวหนืด เอาใบตองวางในกระดง ๕ ใบ ทาดวยนํ้ามันไขที่อยูในถวย หยิบขาวโปงท่ีตํามาปนกลม ๆ วางลง บนใบตองใชมือแตะกดแรง ๆ ใหเปนแผนกลม ๆ ลอกใบตองออก วางลงบนแผง ตากใหแหงทั้งสองดาน เก็บ ไวยาง ผาไมรวกเปนงาม กอไฟ พอไฟคุเข่ียถานออก เอาขาวโปงวางบนไมงาม แลวยาง โดยกลับไป กลับมา ใหเ หลืองกรอบ แลวใสกระดง ไวพ รอ มรับประทาน ๓.๕ เครื่องแตง กาย ปา? พอ็่ กแตย็ พ่็อก คองปา? ๑. เนจเพลี่ยด เนจเพลญ ๒. ฮึกรัย ๓. ฮึชุล ๔. ฮึวาร ชีกอก ชีเพลญ ชีฮึจ็อก ชีปะจูญ ชีชะแทร อีก ๕. ชู?บันทั่ด ๖. ฮชึ อ ชี วทิ ีปา? พ็อก ๑. ว่ัซ เนจเพลยี่ ด กลุ เชบิ ็ ตฮุ ๒. เจียด ฮวึ าร ชีกอก ชงี คะม็อน เนจ เอดิ ็ บาร ฮคึ าง ๓. เจยี ด ฮึวาร เพลญ ชีง ลายชะโวก เอิด็ บาร ฮคึ าง ๔. เจียด ฮึวาร ฮึจอ็ ก ชีง ลายชะโวก เอิด็ บาร ฮคึ าง ๕. เจียด ฮึวาร ซปี ะจูญ ชีง ลายชะโวก เอดิ ็ บาร ฮึคาง ๖. เจียด ฮวึ าร ชีกอก ชีง ลายทกั ตะแกรง เอดิ ็ บาร ฮึคาง ๗. เจียด ฮวึ าร ชี เพลญ ชีง ลายคะรดื ชงุ ตะแกรง เอดิ ็ บาร ฮึคาง ๘. เจียด ฮวึ าร เพลญ ชีง เนจ บาร ฮึคาง ออก ชะกอ? กุล แทฮ็่ ตุฮ คะลฮ่ั เอิล็ บอน ฮึลัก บอน ฮึ ลกั ชีง ฮึรอ็ ม ครฮุ ๙. แกจ็ กอ?พ็่อก แทฮ่็ กอ? แลม ๖๘

๑๐. เจียด ฮวึ าร ชกี อก ชีง คะม็อน กอ?พ็อ่ ก ๑๑. เจียด ฮึวาร เพลญ ชีง ลายชะโวก ๑๒. เจยี ด ฮวึ าร ฮึจ็อก ชงี ลายชะโวก ๑๓. เจยี ด ฮวึ าร ชปี ะจูญ ชีง ลายชะโวก ๑๔. เจยี ด ฮึวาร ชกี อก ชงี ลายทกั ตะแกรง ๑๕. เจยี ด ฮึวาร เพลญ ชีง ลายคะรดื ชุงตะแกรง ๑๖. เจยี ด ฮึวาร ชีพั่กชอบ ชีง ลายกาวตะออง ๑๗. ฮังฮเึ กราพอ่็ ก เจยี ด ฮชึ อชี คดี แท่ฮ็ รบู งวง ครุฮ เอิด็ บาร ฮคึ าง ๑๘. เจยี ด ฮึวาร ชพี ก่ั ชอบ ชงี ลายชะโวก พัก่ รูบ คะลั่ฮ ฮวึ าร เอลิ ็ เอิด็ บาร ฮึคาง ๑๙. เจียด ฮึวาร ชพี ก่ั ชอ บ ชีง ลายทักตะแกรง พก่ั รูบ คะล่ัฮ ฮวึ าร เอิล็ เอดิ ็ บาร ฮึคาง ๒๐. เจียด ฮึวาร ชพี ่ักชอ บ ชีง ลายกาวคะยาง ทลู กอ คะลั่ฮ ฮวึ าร เอิล็ ฮงั ฮึรอม ๒๑. แก็จเนจเพลญ บารฮปึ ูย คลญี รอบ กะตอ็ นพ่็อก ชีง ออก ชงุ พอ็่ ก ๒๒. เจยี ด ฮวึ ารเพลญ ชงี ฮึรอ็ มครุฮ รอ บ กอ? *** กอ นอม ลายชะแทร อกี นอม ลายฮลึ อ?, ลายคะรืด, ลายฮึน็อกแนล็ , ลายชะลดู โชรม. คําแปล การทาํ เส้อื พอ่็ ก อุปกรณ ๑. ผาสีดาํ , ผาสแี ดง ๒. กรรไกร ๓. เข็มเย็บผา ๔. ดายสขี าว สแี ดง สีเขยี ว สเี หลอื ง และสีอ่นื ๆ ๕. ไมบ รรทดั ยาว ๖. ดนิ สอสี วิธที าํ ๑. วัดผาสดี ําใหเทา กบั ขนาดคนใส ตดั ผา ดาํ ใหพ อดีตวั ๒. นําดายสีขาว เย็บรมิ ผาทัง้ สองดา น ๓. นาํ ดายสแี ดง เยบ็ ลายโซท้ังสองดาน ๔. นาํ ดายสีเขียว เยบ็ ลายโซท้ังสองดาน ๕. นาํ ดา ยสีเหลอื ง เย็บลายโซทงั้ สองดา น ๖. นําดายสขี าวเย็บลายถักตะแกรงท้งั สองดาน ๗. นาํ ดา ยสีแดงเย็บลายจดุ (ตนี ตะแกรง) ทัง้ สองดา น ๘. นาํ ดา ยสแี ดงเยบ็ ดา นขางในติดกันตลอดแนว โดยเวน ชวงแขนไว และบริเวณรอบแขนใหเ ยบ็ ขอบ อีกคร้งั หนงึ่ ๙. ตดั คอเสอ้ื ทรงแหลม ๑๐. นําดายสีขาวเยบ็ รมิ บรเิ วณคอเสอ้ื ๑๑. นาํ ดา ยสแี ดง เย็บลายโซ บรเิ วณรอบคอเสอ้ื ๑๒. นาํ ดา ยสีเขยี ว เยบ็ ลายโซ บรเิ วณรอบคอเสื้อ ๑๓. นาํ ดายสเี หลือง เย็บลายโซ บรเิ วณรอบคอเสอ้ื ๖๙

๑๔. นาํ ดายสขี าว เยบ็ ลายถักตะแกรง บรเิ วณรอบคอเสือ้ ๑๕. นาํ ดายสแี ดงเย็บลายจดุ (ตนี ตะแกรง) บรเิ วณรอบคอเสือ้ ๑๖. นาํ สีตามใจชอบ เยบ็ ลายดอกกระเจียว ๑๗. นําดนิ สอสวี าดดานหลงั เสือ้ รูป ๑๘. นาํ ดา ยสตี ามใจชอบ ๓ สี เยบ็ ลายดอกโซ ตามรอยท่ีวาดไวดานหลงั เส้อื ปลอยดายลงมาท้ังสอง ดา น ๑๙. นาํ ดายสตี ามใจชอบ เยบ็ ลายถักตะแกรงตามรูปดา นหลังเสอ้ื ๒๐. นําดา ยสตี ามใจชอบ เย็บลายดอกยางและปลอ ยดายลงมาทั้งสองดา น ๒๑. ตัดผา แดงขนาดกวา ง ๑ นว้ิ ความยาวตามรอบตวั แลว นาํ มาเย็บตดิ กบั ชายเสอื้ รอบตัว ๒๒. นาํ ดายสีแดง เยบ็ บรเิ วณขอบรอบคออกี ครัง้ หนึง่ *** นอกจากลายถักตะแกรงแลว ยังมีลายอ่ืน ๆ อีก เชน ลายจอมปลวก ลายคดเคี้ยว ลายจุด ลาย กระดูกงู เปน ตน อาจกลาวไดวา การศึกษาภาษาญัฮกุรโดยผานนิทาน เร่ืองเลา ประเพณีแหหอดอกผ้ึง การละเลน อาหารพื้นบาน และเคร่ืองแตงกาย ฯลฯ ทําใหเห็นโลกทัศน วิถีชีวิต และภูมิปญญาทองถ่ินของชาวญัฮกุร นอกจากนี้จะเห็นวา การใชภาษาญัฮกุรหลายคํามีการใชคําทับศัพทในภาษาไทยเปนจํานวนมาก นั่นแสดงให เห็นวา ภาษาญัฮกุรกําลังอยูในภาวะวิกฤตข้ันรุนแรง ท้ังนี้การบันทึกองคความรูทองถิ่นเหลาน้ี ยังบันทึกท้ังใน ภาษาไทยและภาษาญัฮกุร ซึ่งถือเปนเอกสารหรือหลักฐานสําคัญที่ทําใหเด็กหรือเยาวชนรุนหลังไดเรียนรู เขา ใจ วัฒนธรรมและภมู ปิ ญ ญาของตนเองอีกดวย ๗๐

บทท่ี ๔ เงอ่ื นไขภาวะวิกฤต / ปจ จยั คกุ คามของภาษา ๔.๑ สภาพปจ จบุ ัน เดิมชาวญฮั กุรอาศยั อยใู นปาบนภเู ขา เดมิ เปน พรานปาและยา ยทอ่ี ยไู ปเร่อื ย ๆ เคยอาศัยอยูในปาแถบ เทือกเขาพังเหย ซึ่งมีอาณาบริเวณคาบเก่ียวตอเนื่องกันถึง ๓ จังหวัด คือ เพชรบูรณ ชัยภูมิ และนครราชสีมา ปจจุบันยังคงพบชาวญัฮกุรใน ๓ เขตจังหวัดน้ี แตพบในจํานวนท่ีลดลง เน่ืองจากการรุกรานของคนไทยเบิ้ง หรือไทยโคราช และคนลาวอีสานที่เขาไปอาศัยปะปน และชาวญัฮกุรไดมีการยายถ่ินฐานกระจัดกระจาย ออกไปในพื้นท่ีตาง ๆ โดยพบชาวญัฮกุรอาศัยอยูหนาแนนในเขตอําเภอเทพสถิต จังหวัดชัยภูมิ เชน บานวัง อายโพธิ์ บา นน้ําลาด บา นเสลีย่ งทอง บา นไร เปน ตน ชาวญัฮกุรสวนใหญนับถือศาสนาพุทธ และมีประเพณีท่ีประยุกตตามความเชื่อทางพุทธศาสนา เชน ประเพณแี หปราสาทดอกผ้งึ ทอดผาปา บญุ เขาพรรษา เปนตน นอกจากนี้ชาวญัฮกุรยังมีความเชื่อและนับถือผี บรรพบุรุษ จึงมีศาลปูตาประจําหมูบาน และมีการเลี้ยงผีเปนประจําทุกปในเดือน ๕ หรือ เดือน ๖ นอกจากน้ี ชาวญัฮกุรยังมีวัฒนธรรมและภูมิปญญาที่นาสนใจอ่ืน ๆ ซึ่งควรคาแกการดํารงรักษาไว เชน ประวัติความ เปนมาของกลุมชาติพันธุญัฮกุร, ระบบภาษา, ประเพณี วิถีชีวิตและความเชื่อ และความรูเกี่ยวกับปาและ พรรณพืช เปนตน ภาษาญัฮกรุ เปน ภาษาทีอ่ ยใู นตระกลู ออสโตรเอเชียตคิ ในสาขามอญ – เขมร สาขายอ ยโมนิค มีความ ใกลเคียงกับภาษามอญซึ่งอยูในสาขาเดียวกัน ภาษาญัฮกุรเปนภาษาที่สําคัญเนื่องจากผลงานของ นักภาษาศาสตร ไดพบวาภาษาญัฮกุรท่ีพูดกันในปจจุบันนี้มีความคลายคลึงกับภาษามอญโบราณท่ีปรากฏอยู ในจารึกสมัยทวารวดีท่ีคนพบในประเทศไทย (Gerard Diffloty, 1984) ซึ่งโดยทั่วไปเช่ือกันวาภาษามอญ โบราณเปนภาษากลางของคนในยุคทวารวดีท่ียังหลงเหลืออยูถึงสมัยปจจุบัน (อภิญญา บัวสรวงและสุวิไล เปรมศรรี ตั น, ๒๕๔๑) ภาษาญัฮกุร ถอื เปนภาษาทอ่ี ยูในภาวะวิกฤต มจี าํ นวนผูพดู ลดลงไปเร่ือย ๆ ทําใหชาวญัฮกุรไดมีความ พยายามฟนฟูภาษาและวัฒนธรรมของตนเอง ต้ังแตป พ.ศ. ๒๕๔๘ โดยดําเนินการในพื้นที่ ต.นายางกลัก ต.บานไร และ ต.โปงนก อ.เทพสถิต จ.ชัยภูมิ ไดรับทุนสนับสนุนจากสํานักงานกองทุนสนับสนุนงานวิจัย (สกว.) ฝายวิจัยเพื่อทองถ่ินใหมีการดําเนินงานอยางตอเน่ือง ไดแก โครงการ “พัฒนาเครือขายฟนฟูภาษา – วัฒนธรรมทองถ่ินญัฮกุร” โครงการ “การจัดหองเรียนคูขนานสําหรับเด็กชาติพันธุ (ญัฮกุร)” โครงการ “กระบวนการรวบรวมองคความรจู ากปา ชุมชนโคกคาวเปรยี งดวยภาษาญัฮกรุ เพื่อหาแนวทางการอนุรักษและ สบื ทอดสูลูกหลานชาวญัฮกรุ ” โครงการ “ศึกษาแนวทางการจดั ทําหลกั สตู รทองถิ่นภาษาญฮั กรุ ของโรงเรียนวัง โพธิ์สวางศิลปโดยการมีสวนรวมของชุมชน” และโครงการ “กระบวนการและแบบคัดกรองเด็กที่มีปญหา ทางการเรยี นรทู เ่ี หมาะสมกบั เดก็ กลมุ ชาติพันธแุ ละแนวทางในการชวยเหลอื ดวยภาษาทองถ่นิ ” เปนตน ๗๑

นอกจากนี้ในป พ.ศ. ๒๕๕๕ ไดเกิดการทํางานรวมกันระหวางนักวิชาการและชุมชน ภายใตโครงการ “ศึกษาเพื่อพัฒนาภาษาและภูมิปญญาของกลุมชาติพันธุบนฐานงานวิจัยเพ่ือทองถิ่น : การบูรณาการความรู จากงานวจิ ัยทอ งถนิ่ สูความรเู ชงิ วิชาการ” โดยมีนักวชิ าการจากองคการสวนพฤกษศาสตร และนักวิชาการดาน ประวัติศาสตร ไดทํางานรวมกับชุมชน ทําใหเกิดองคความรูดานพฤกษศาสตรและประวัติศาสตรชุมชน ซึ่งทํา ใหเ กดิ ประโยชนต อ ชมุ ชนและประโยชนใ นแวดวงวิชาการตอ ไป แมวา ชาวญฮั กุรจะมกี ารดาํ เนินงานฟนฟูภาษาและวัฒนธรรมของตนเองมาโดยตลอด แตยังคงมีความ จําเปนตองมีการดําเนินงานฟนฟูภาษาและวัฒนธรรมอยางตอเน่ือง และทําใหเกิดความย่ังยืน จึงจําเปนตอง อาศัยความรวมมือระหวางชุมชนและหนวยงานในพ้ืนที่ที่เกี่ยวของ เชน โรงเรียน องคกรปกครองสวนทองถิ่น เพื่อฟนฟูภาษาและองคความรภู มู ิปญญาของชาวญัฮกุร ทาํ ใหเกิดประโยชนตอ ชุมชนและประเทศชาติตอไป ๓.๒ ปจจัยคกุ คาม ภาษาญฮั กุร ถือเปน ภาษาที่อยูในภาวะวิกฤตใกลสูญ เน่ืองจากมีผูพูดเปนจํานวนนอย สามารถพูดไดดี ในรุนสูงอายุ ยังมีการใชในบานและในชุมชนไมมากนัก ทั้งนี้มีสาเหตุสําคัญท่ีทําใหภาษาอยูในภาวะวิกฤต ๒ ประการ ไดแ ก ๑) เกิดจากกระแสโลกาภิวัตน ท่ีสงผลทําใหเกิดความเจริญกาวหนาทางเทคโนโลยีดานตาง ๆ เชน ระบบการคมนาคมขนสง ระบบการสอื่ สาร เทคโนโลยีสารสนเทศ เปน ตน ทาํ ใหเ กิดการเปลี่ยนแปลงทางสังคม และวัฒนธรรมอยางรวดเร็ว ตลอดจนการเปล่ียนแปลงของสภาพเศรษฐกิจ ดังเชน แตเดิมชุมชนญัฮกุร อาศัย การเพาะปลูกเพ่ือเลี้ยงชีพ ประกอบกับการพึ่งพิงทรัพยากรจากปา ปจจุบันการเลี้ยงชีพไดเปล่ียนไปสู การเกษตรที่เช่ือมโยงกับระบบตลาดอยางชัดเจน นอกจากนี้ยังมีการพัฒนาระบบคมนาคม ระบบสื่อมวลชน ไดแก วิทยุ โทรทัศน และหนงั สือพมิ พ ที่ลวนใชภาษาไทยเปนภาษาในการสื่อสาร รวมถึงการอพยพเขามาของ ประชากรกลมุ ชาตพิ ันธุอื่น การติดตอ คา ขายกบั คนตา งถน่ิ ลวนสง ผลใหภ าษาญัฮกรุ สญู เสียสถานะของการเปน ภาษาหลักในชีวิตประจําวันของชุมชนลงไปเร่ือย ๆ รวมถึงสงผลตอการสูญเสียภูมิปญญา วัฒนธรรมทองถ่ิน และอตั ลักษณทางชาตพิ นั ธขุ องตนเองอกี ดว ย ๒) เกิดจากนโยบายของภาครัฐ ดังจะเห็นไดชัดเจนจากการท่ีรัฐบาลไทยออกกฎหมายการศึกษา ภาคบังคับ (พ.ศ. ๒๔๖๘) ท่ีกําหนดใหเยาวชนท่ัวประเทศเขาเรียนในโรงเรียนสามัญของกระทรวงศึกษาธิการ ซ่ึงจัดการเรียนการสอนและส่ือการเรียนการสอนเปนภาษาไทยซึ่งเปนภาษาราชการ ประกอบกับการจัดการ เรียนการสอนท่ีขาดการเช่ือมโยงอยางเปนระบบ ระหวางภาษาและวัฒนธรรมทองถิ่นกับภาษาและวัฒนธรรม ของโรงเรียนซึ่งใชภาษาราชการ (ภาษาไทย) เพียงภาษาเดียวเปนสื่อ (สุวิไล เปรมศรีรัตน และคณะ, ๒๕๕๓) ทําใหเดก็ และเยาวชนกลมุ ชาตพิ ันธไุ มไ ดใ ชภ าษาทอ งถิ่นในโรงเรยี น จากปจจัยดังกลาวทําใหคนในชุมชน หรือเจาของภาษากลุมญัฮกุร มีความพยายามในการฟนฟูภาษา รวมถึงวัฒนธรรมและภูมิปญญาทองถิ่นของตนเอง ดวยตนเอง โดยไดรับการสนับสนุนทางดานวิชาการจาก กลุมนักวิชาการทางดานภาษาศาสตร จากสถาบันวิจัยภาษาและวัฒนธรรมเอเชีย มหาวิทยาลัยมหิดล และ ๗๒

ไดรับงบประมาณสนับสนุนการทําวิจัยในรูปแบบงานวิจัยเพ่ือทองถ่ินจากสํานักงานกองทุนสนับสนุนการวิจัย (สกว.) ดังจะกลาวในรายละเอยี ดตอ ไปในบทท่ี ๕ ๗๓

บทที่ ๕ การอนรุ กั ษฟ น ฟภู าษาและภูมปิ ญ ญาทองถิ่นโดยชุมชน ภาษาญฮั กรุ ถอื เปนกลุมท่ีมีภาษาอยูใ นภาวะวิกฤตใกลสูญ (สุวิไล เปรมศรีรัตน, ๒๕๔๓) เน่ืองจากมีผู พูดภาษาไดดีมีจํานวนไมมาก ประกอบกับกระแสโลกาวิภัฒน และนโยบายของประเทศซ่ึงถือเปนปจจัยสําคัญ ท่ีทําใหภาษาชาติพันธุตกอยูในภาวะวิกฤต อยางไรก็ตามชุมชนญัฮกุรยังคงเห็นคุณคาและความสําคัญของ ภาษาและวัฒนธรรมตนเองที่กําลังจะสูญหายไป โดยผานการดําเนินงานฟนฟูภาษาและวัฒนธรรมในลักษณะ งานวิจัยเพ่ือทองถิ่น ไดรับการสนับสนุนทุนจากสํานักงานกองทุนสนับสนุนการวิจัย (สกว.) มีเปาหมายเพ่ือ ชะลอการตายของภาษาและการสูญเสียภูมิปญญาทองถ่ินโดยเจาของภาษาเปนผูดําเนินการดวยตนเอง กระบวนการดังกลาวสามารถทําใหชุมชนเกิดการต่ืนตัวในการฟนฟูภาษาและภูมิปญญาของกลุมชาติพันธุ ตนเอง ตลอดจนสรางความมัน่ ใจและความเขมแข็งใหกับคนในชุมชนอีกดวย ๕.๑ การดําเนนิ งานฟน ฟภู าษาและภมู ปิ ญ ญาทองถนิ่ ญัฮกุรทผ่ี านมา การดําเนินงานอนุรักษฟนฟูภาษาและภูมิปญญาทองถ่ินของชาวญัฮกุร ในพื้นที่อําเภอเทพสถิต จังหวัดชัยภูมิ ไดมีการดําเนินงานในลักษณะงานวิจัยเพื่อทองถ่ิน โดยไดรับการสนับสนุนทุนจากสํานักงาน กองทุนสนับสนุนการวิจัย (สกว.) ซ่ึงเกิดจากความตองการของชุมชน มุงเนนกระบวนการเรียนรู และการมี สวนรวมของชุมชน นอกจากนี้ยังมีทีมวิชาการ ผูเชี่ยวชาญทางดานภาษาศาสตร จากมหาวิทยาลัยมหิดล เปน ผูสนับสนุนและสงเสริมงานทางวชิ าการ มรี ายละเอยี ดการดาํ เนนิ งานโครงการดังตอ ไปน้ี โครงการที่ ๑ ป พ.ศ. ๒๕๔๘ ไดดําเนินการโครงการ “พัฒนาเครือขายฟนฟูภาษา – วัฒนธรรม ทอ งถน่ิ ญฮั กุร” โดยมีหวั หนาโครงการคือ นายทองพทิ กั ษ ยนั จัตุรสั มวี ัตถุประสงคเพื่อสํารวจจํานวนประชากร เช้ือสายญัฮกุร และความคิดเห็นเก่ียวกับการอนุรักษและฟนฟูภาษาวัฒนธรรมทองถ่ินญัฮกุร เพื่อนําระบบ ตัวเขียนมาใชในการจดบันทึกภาษาวัฒนธรรมทองถิ่นญัฮกุร และเพ่ือเผยแพรระบบตัวเขียนภาษาญัฮกุรใหกับ คนในชุมชน โครงการที่ ๒ ป พ.ศ. ๒๕๔๙ ไดดําเนินการโครงการ “แนวทางการจัดหองเรียนคูขนานสําหรับเด็ก ชาติพันธุ (ญัฮกุร) อําเภอเทพสถิต จังหวัดชัยภูมิ” โดยมีหัวหนาโครงการคือ นางศิริพร หมั่นงาน มี วัตถุประสงคเพ่ือสํารวจสถานการณการใชภาษาญัฮกุรของนักเรียนและความคิดเห็นของผูปกครองในการ จัดการเรียนการสอนภาษาญัฮกุรในโรงเรียน เพื่อศึกษาขอมูลพ้ืนฐานเก่ียวกับเด็กพิเศษทั้งหมด นําไปสูการ คัดกรองระหวางเด็กพิเศษทั่วไปกับเด็กพิเศษท่ีเปนเด็กญัฮกุร เพื่อเตรียมความพรอมในการจัดการเรียนการ สอนดวยภาษาแมโดยการจัดหองเรียนคูขนาน และเพื่อทดลองนําสื่อการเรียนการสอนภาษาญัฮกุรไปใชสอน ในหองเรียนคูขนานสาํ หรับเดก็ ชาติพนั ธทุ ่ีเปนญฮั กุร ๗๔

โครงการท่ี ๓ ป พ.ศ. ๒๕๕๒ ไดดําเนินการโครงการ “กระบวนการและแบบคัดกรองเด็กท่ีมีปญหา ทางการเรียนรูท่ีเหมาะสมกับเด็กกลุมชาติพันธุและแนวทางในการชวยเหลือดวยภาษาทองถิ่นโรงเรียนบานวัง อายคง ต.บานไร อ.เทพสถิต จ.ชัยภูมิ” โดยนางศิริพร หม่ันงาน เปนหัวหนาโครงการ มีวัตถุประสงคเพ่ือ ศึกษากระบวนการคัดกรองเด็กที่ใชในปจจุบัน และวิเคราะหขอจํากัด เพ่ือหาแนวทางสรางกระบวนการและ แบบคัดกรองที่เหมาะสมสําหรับเด็กกลุมชาติพันธุ และเพ่ือหาแนวทางประยุกตใชภาษาทองถิ่นในการ ชว ยเหลอื เดก็ ชาตพิ นั ธุทอ่ี ยูในกลมุ มีปญ หาทางการเรยี นรู โครงการท่ี ๔ ป พ.ศ. ๒๕๕๒ ไดดําเนินการโครงการ “ศึกษาแนวทางการจัดทําหลักสูตรทองถ่ิน ภาษาญัฮกุรของโรงเรียนวังโพธิ์สวางศิลป โดยการมีสวนรวมของชุมชน ต.บานไร อ.เทพสถิต จ.ชัยภูมิ” โดย นายภุชงค บุกสันเทียะ เปนหัวหนาโครงการ มีวัตถุประสงคเพื่อศึกษากระบวนการและผลของการฟนฟู ภาษาญัฮกุรในชวงที่ผานมา เพื่อศึกษาสถานการณ ตนทุน / ศักยภาพของบานวังอายโพธิ์ รวมทั้งปจจัยท่ีมีตอ การเรียนภาษาญัฮกุร เพ่ือหาแนวทางการสรางหลักสูตรทองถ่ินเพ่ิมเติมภาษาญัฮกุรของโรงเรียนวังโพธิ์สวาง ศิลปโดยการมีสวนรวมของชุมชน และเพื่อทดลองใชหลักสูตรทองถ่ินเพิ่มเติมภาษาญัฮกุรของโรงเรียนวังโพธ์ิ สวางศลิ ป โดยการมีสว นรว มของชุมชน โครงการที่ ๕ ป พ.ศ. ๒๕๕๒ ไดดําเนินการโครงการ “กระบวนการรวบรวมองคความรูจากปาชุมชน โคกคาวเปรียงดวยภาษาญัฮกุร เพื่อหาแนวทางการอนุรักษและสืบทอดสูลูกหลานชาวญัฮกุร บานวังอายโพธิ์ ต.บานไร อ.เทพสถิต จ.ชัยภูมิ” เพ่ือศึกษาและรวบรวมองคความรูจากปาชุมชนโคกคาวเปรียง เพื่อศึกษาแนว ทางการนําระบบตัวเขียนภาษาญัฮกุร มาใชในการบันทึกองคความรูเร่ืองปาชุมชนโคกคาวเปรียงที่สอดคลอง และเหมาะสมกับวิถีของชาวญัฮกุร เพื่อศึกษากระบวนการถายทอดเร่ืองราวและภูมิปญญาเรื่องผาของคน ญัฮกุรต้ังแตอดีตถึงปจจุบัน และเพ่ือศึกษาแนวทางการอนุรักษและสืบทอดองคความรูจากปาโคกคาวเปรียง โดยชมุ ชนมีสวนรว ม โครงการที่ ๖ ป พ.ศ. ๒๕๕๕ โครงการ “แนวทางในการบูรณาการความรูพฤกษศาสตรเพ่ือการ อนุรักษความรูพฤกษศาสตรพ้ืนบานชาวญัฮกุร ต.บานไร อ.เทพสถิต จ.ชัยภูมิ” หัวหนาโครงการคือ นายกิตติพงษ เกิดสวาง (นักวิชาการจากองคกรพฤกษศาสตร จ.เชียงใหม) เปนโครงการท่ีนําฐานองคความรู ภมู ปิ ญ ญาทอ งถ่นิ มาบูรณาการเขา กับองคค วามรทู างวชิ าการ โดยมวี ตั ถปุ ระสงคเพอื่ ศกึ ษารวบรวมองคความรู พฤกษศาสตรพน้ื บานของชาวญัฮกุร เพ่ือการอนุรักษและขยายองคความรูพฤกษศาสตรพ้ืนบานของชาวญัฮกุร ใหเ ช่ือมโยงไปสูงานวิชาการดานพฤกษศาสตรและการใชประโยชนในระดับตาง ๆ เพื่อสงเสริมและผลักดันให ชาวญัฮกุรเกิดจิตสํานึกตอการอนุรักษและฟนฟูความรูทองถ่ิน และเพ่ือเตรียมความพรอมและผลักดันใหเกิด กระบวนการมสี วนรว มของชมุ ชนในการจัดการทรพั ยากรปา ไมในทองถ่ินรวมกันและนําไปสูการจดั ตง้ั ปา ชุมชน โครงการที่ ๗ ป พ.ศ. ๒๕๕๕ โครงการ “ศึกษาและฟนฟูประวัติศาสตรชาติพันธุกลุมละเวือะและ มอญ” หัวหนาโครงการคือ อาจารยพิพัฒน กระแจะจันทร ภาควิชาประวัติศาสตร คณะศิลปศาสตร มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร เปนโครงการที่นําฐานองคความรูภูมิปญญาทองถ่ิน มาบูรณาการเขากับองคความรู ทางวิชาการดานประวัติศาสตร โดยใชพื้นท่ีชุมชนชาวญัฮกุร บานไร ต.บานไร อ.เทพสถิต จ.ชัยภูมิ เปนพื้นท่ี หนึ่งในการศึกษา มีวัตถุประสงคเพื่อ ศึกษาประวัติศาสตรของกลุมชาติพันธุมอญและกลุมชาติพันธุละเวือะ ๗๕

เพื่อศึกษาความสัมพันธและปฏิสัมพันธระหวางกลุมชาติพันธุมอญและกลุมชาติพันธุละเวือะท้ังทางดาน ประวัติศาสตร โบราณคดี และวัฒนธรรม และเพ่ือสงเสริมและฟนฟูประวัติศาสตรของกลุมชาติพันธุละเวือะ และมอญเปนพ้ืนที่ศึกษา อาจกลา วสรุปไดว า การดําเนนิ งานฟน ฟภู าษาและภมู ปิ ญญาทอ งถ่ินของชาวญัฮกุร เริ่มตนข้ึนจากการ สรางระบบตวั เขยี นภาษาญฮั กุร เปน เครอ่ื งมือในการบันทึกองคค วามรูและภูมิปญ ญาทอ งถ่ินของชาวญัฮกุร ท้ัง คําศัพท เร่ืองเลา นิทาน องคความรูที่เกี่ยวของกับปา รวมไปถึงการไดนําองคความรูเหลานี้เขาสูการจัดการ เรียนการสอนในระบบโรงเรยี น อีกทง้ั กระบวนการสอนภาษาทองถิ่นยังสามารถใชคัดกรองเด็กที่มีความยุงยาก ทางการเรียนรู นอกจากนี้ชุมชนชาวญัฮกุรยังไดมีกระบวนการทํางานวิจัยรวมกับนักวิชาการ ซึ่งถือเปนการ ยกระดบั องคความรทู องถิ่น นํามาใชป ระโยชนส ูระดบั สากลท้ังในดานพฤกษศาสตรแ ละประวตั ิศาสตร ๕.๒ ผลที่ไดจากการดาํ เนนิ งานภายในชมุ ชนญฮั กุร จากการดําเนินงานฟนฟูภาษาและวัฒนธรรมญัฮกุร ทําใหเกิดผลลัพธที่หลากหลาย สามารถแบงเปน ประเภทตา ง ๆ ดังนี้ ๕.๒.๑ ประเภทระบบตัวเขยี นภาษาญัฮกรุ อกั ษรไทย จากการดาํ เนินงานฟน ฟูภาษาและวัฒนธรรมญัฮกรุ ทาํ ใหเ กดิ ผลลัพธทหี่ ลากหลาย สามารถ แบง เปนประเภทตา ง ๆ ดังนี้ ๑) ระบบตวั เขยี นภาษาญฮั กรุ ประกอบดว ย พยัญชนะตน ภาษาญฮั กรุ ๒๙ ตัว พยัญชนะทายภาษาญัฮกรุ ๒๐ ตัว สระภาษาญัฮกุร ๒๒ ตัว วรรณยกุ ต ๔ เสียง ๗๖

ภาพ แสดงแผน ภาพตวั อักษรภาษาญฮั กรุ ๗๗

๒) เอกสารคูมือระบบตวั เขยี นภาษาญฮั กุร ฉบบั ชุมชน ๓) การบนั ทึกคําศัพท จาํ นวน ๑๔ หมวด ไดแก หมวดรางกาย, หมวดคํากริยา, หมวดเครือญาติ, หมวดเครอื่ งใชในครัวเรอื น, หมวดพชื และตนไม, หมวดสัตว, หมวดธรรมชาติ, หมวดอาหาร, หมวดวัฒนธรรม, หมวดเคร่ืองมือการเกษตร – ลาสัตว, หมวดเคร่ืองแตงกาย, หมวดจักสาน, หมวดคําศัพทอ่ืน ๆ, หมวดคําถาม เปนตน (รายละเอียดในบทท่ี ๒) ๕.๒.๒ สอ่ื เรอ่ื งเลา นทิ าน สําหรบั ประกอบการเรียนการสอนในชั้นเรียน ๑) หนงั สอื เลม เล็ก จํานวน ๖๐ เรอื่ ง ดังตวั อยาง ๑. พรานแจมอัรเทยี วครอบ ๑๓. ฮโล ญฮั ฮตึ าม ๒. ท่ิบะกะดบั ๑๔. ตนชาย ญัฮ ที? ๓. ฮึชูโทงชีวิดนงั่ กะ ๑๕. ฮนูย ญัฮ ที? ๔. อัร ชรี ทะบัง จะ ๑๖. เปญ ญฮั ยอง ๕. พะฮ นชิ พู ็อบพระ ๑๗. โทง พร นงั กาซ ๖. ชะลอง เชจ็ โตลก ๑๘. ฮึนี? ญัฮ ฮึเปญ ๗. ยองญฮั กวนชุร ๑๙. ดกุ ฮยั ออคะโมะ แตนิทานตนั ซวยคะท?ี ๘. เนด คอง เปญ เมง็ ๒๐. อารเทยี วเคริบ ๙. ฮมมุ จะ ชาย ๒๑. มะนิฮ ชลอ็ บ อรั ควาล อโึ ชง ๑๐. ฮึเจยี มพริ าบญฮั ชายแนจ ๒๒. พลาย ๆ ละฮูด ๑๑. นะ ญัฮกวนอาชีรตะบงั ๒๓. เส้ือพ็อก ๑๒. ชาวชแรญัฮโชรมทน็อก ๒) หนงั สือเลม ยกั ษ จาํ นวน ๕๐ เร่ือง ดงั ตวั อยา ง ๑. พะนิฮ่ แฮร็จฮโวญัฮชุคฮชึ ลี ๑๒. ชูงวิ ปารด ๒. จกุ บอ็ กแท็ฮ ๑๓. ตะลา เครบิ ๓. ชวยกฮุ โคะ ๑๔. ตันซาย ๔. ฮึทอกนอ ก ๑๕. ตุฮชะลาด ๕. ฮึเปญพจี ๑๖. แต็ย ๖. เสื้อแขนยาวสแี ดง ๑๗. เนนแกว ๗. ฮมวจเพล่ยี ดญัฮฮมวจเพลญ ๑๘. เบินคู ๘. ชุรตะลงึ ชะโมร ๑๙. ปากาวฮเึ จรยี วคองแวย็ ๙. ตุฮปง คองญัฮกรุ ๒๐. เปญชีรคาว ๑๐. นงุ นางชที อง ๒๑. เปญญัฮ่ เจา ๑๑. กวนซาง 2007 ๒๒. ฮึชฮู ึแนจตะลงึ โตรว ๗๘

๒๓. กาเดญร็อบยัก ๓๐. ฮึตฮู องออ ๒๔. เปญญฮั ญอง ๓๑. ฟาย ๒๕. พรานคนื มุ ๓๒. มองคะยาก ๒๖. พะน่ิฮฮึชลี ๓๓. แมงคราม ๒๗. พะอินแชง ๓๔. อะญัฮเบินคูอะญฮั ๒๘. เพรี่ย เพร่ีย ๓๕. อรั คะยวลฮึแนญ ๒๙. กาวเมาะเนอเคริบ ๓๖. ฮยั แพรย็ จฮิ ๓) ผลงานท่เี กี่ยวขอ งกับการเรยี นการสอนภาษาญฮั กุรในโรงเรยี น ๑. แบบเรียนถายโอนภาษาญฮั กรุ สาํ หรับนกั เรยี นชวงช้นั ที่ ๒ ๒. แบบประเมินผลการเรยี นรูภาษาทอ งถิ่น ๓. แบบเรียนภาษาถน่ิ (ภาษาญฮั กรุ ) ๔. นิทานภาพเคล่ือนไหวเรอ่ื ง กา เดญ รอ็ บ ยก่ั ๑ เลม ๕. ของเลน ประกอบการเรยี นการสอนภาษาญฮั กุร ๖. บตั รคํา + รปู ภาพประกอบ + แบบเรยี นอา นเขียน ๑๐ บท / ชดุ ๗. เกมโดมโิ น คาํ ศพั ท ภาษาญฮั กุร ๑๐๐ ใบ ๘. หนังสือสามมิติ (pop up) เรอ่ื งอวัยวะภาษาญัฮกุร ๑ เลม ๕.๒.๓ องคความรภู มู ปิ ญ ญาทางวัฒนธรรม ๑) คาํ ศัพทเก่ยี วกับพชื สมนุ ไพร ๒) หนงั สอื ทาํ เนียบรวบรวมองคค วามรจู ากปาโคกคาวเปรียง ๓) หนังสือทําเนยี บปราชญชาวญฮั กุร ๔) หนังสือรวบรวมรายชื่อตนไมจ ากปาโคกคาวเปรียง ๕) แผนที่ปราชญบ านวังอายโพธ์ิ ๖) แผนท่ีปาโคกคาวเปรยี ง ๗) หนงั สือเรื่อง ปา?พกั่ นง่ั เดิม คอง ญฮั กรุ (ตามรอยภาษา ประเพณี วัฒนธรรมชาวญัฮกรุ ) อาจกลาวสรุปไดวาการดําเนินงานฟนฟูภาษาและภูมิปญญาทองถ่ินชาวญัฮกุร ทําใหเกิดการรวบรวม องคความรูและภูมิปญญาทองถิ่นของชาวญัฮกุร โดยมีระบบตัวเขียนภาษาญัฮกุร อักษรไทย เปนเครื่องมือใน การบันทึกรวบรวมองคความรูและภูมิปญญาทองถ่ินของชาวญัฮกุรในรูปแบบตาง ๆ เชน เร่ืองเลา นิทาน หนังสือเลม เลก็ หนังสือเลม ยกั ษ รวมไปถึงองคความรูในดานตาง ๆ เชน องคความรูเร่ืองพฤกษศาสตรพื้นบาน องคความรูเรื่องการใชประโยชนจากปาชุมชนโคกคาวเปรียง เปนตน นอกจากนี้ภาษาญัฮกุรยังถูกนําไปสอน ภายในโรงเรียนอีกดว ย ๗๙

๕.๓ กาวตอ ไปของการฟน ฟภู าษาและภมู ิปญญาทองถิน่ ของชุมชนญฮั กุร การฟนฟูภาษาและภูมิปญญาทองถ่ินของชุมชนญัฮกุรไดมีการดําเนินงานมาอยางตอเนื่องตั้งแตป พ.ศ. ๒๕๔๘ โดยมุงเนนการสรางกระบวนการมีสวนรวมของชุมชน ผานการดําเนินงานวิจัยเพ่ือทองถ่ิน และ ไดรับการสนับสนุนทางดานวิชาการจากนักภาษาศาสตรอยางตอเนื่อง ตลอดจนนักประวัติศาสตร และนัก พฤกษศาสตร เกิดการพัฒนาระบบตัวเขียนภาษาญัฮกุร ซ่ึงถือเปนเคร่ืองมือสําคัญท่ีชาวญัฮกุร สามารถใชจด บันทึกองคความรูและภูมิปญญาทองถ่ินไดดวยตนเอง รวมทั้งการถายทอดองคความรูสูกลุมเยาวชนท้ังใน รูปแบบการจัดการเรยี นการสอนภาษาและวัฒนธรรมในระบบโรงเรียน และนอกโรงเรยี น ปจจุบัน (พ.ศ. ๒๕๕๖) ชาวญัฮกุรไดมีความพยายามในการจัดทําศูนยการเรียนรูชุมชน เพื่อท่ีจะ สามารถเปนแหลง อนุรักษภาษาและวัฒนธรรมของชาวญัฮกุร สามารถสืบทอดใหแกเยาวชนคนรุนหลัง รวมถึง การเปดพื้นท่ีใหคนภายนอกไดรูจักความเปนตัวตนของชาวญัฮกุร นอกจากนี้ยังมีการดําเนินการจัดทําคูระบบ ตัวเขยี น รว มกับราชบัณฑิตยสถานอีกดวย อยางไรก็ตาม การฟนฟูภาษาและภูมิปญญาทองถ่ินของชาวญัฮกุรอยางยั่งยืน จําเปนตองไดรับการ สนับสนุนและการจัดกิจกรรมอยางตอเน่ือง เชน การจัดใหมีการเรียนการสอนภาษาญัฮกุรในโรงเรียน จําเปนตองไดรับความรวมมือและการสนับสนุนท้ังจากโรงเรียน และชุมชน รวมถึงการดําเนินงานฟนฟูภาษา และภูมิปญญาทองถ่ินในดานตาง ๆ ของชุมชน จําเปนตองไดรับการสนับสนุนจากองคกร หรือหนวยงานท่ี เกี่ยวของ เชน องคกรปกครองสว นทอ งถ่นิ สภาวัฒนธรรมจังหวดั เปน ตน ๕.๔ ขอเสนอใหเปนมรดกภูมิปญญาทางวฒั นธรรมของชาติ / มนษุ ยชาติ ๕.๔.๑ เหตุผล ภาษาญัฮกุร ถือเปนภาษากลุมชาติพันธุในตระกูลออสโตรเอเชียติก สาขามอญ – เขมร เปน เครื่องมือที่ใชส่ือสารในวิถีการดํารงชีวิตของกลุมชาติพันธุ ท่ีอาศัยอยูในประเทศไทย ซ่ึงสะทอนโลกทัศน ภูมิปญญา และวัฒนธรรมของแตละกลุมชน ท้ังเสียงพูด ตัวอักษร หรือสัญลักษณที่ใชแทนเสียงพูด ภาษาญัฮ กุรมีลักษณะท่ีโดดเดน กลาวคือ จากการศึกษาโดยนักภาษาศาสตรเชิงประวัติ ไดแก ชอโต และ ดิฟฟลอด พบวาภาษาญฮั กุรทีพ่ ูดกนั ในปจ จบุ ันมคี วามคลายคลึงกับภาษามอญโบราณท่ีปรากฏอยูในจารึกสมัยทวารวดีท่ี คนพบในประเทศไทยเปนอยางมากจนเรียกไดวาเปนภาษาเดียวกัน เน่ืองจากนักวิชาการเชื่อวาภาษามอญ โบราณเปนภาษากลางของคนในยุคทวารวดีเมื่อประมาณ ๒,๐๐๐ ปมาแลว จึงทําใหเชื่อไดวาชาวญัฮกุรนาจะ เปนลกู หลานของคนมอญสมัยทวารวดีท่ยี ังหลงเหลอื อยูถงึ ปจจบุ ัน ภาษาญัฮกุร มีระบบเสียงท่ีแสดงลักษณะภาษากลุมมอญ – เขมรชัดเจน ท้ังพยัญชนะตน (๒๙ ตัว) พยัญชนะสะกด (๑๔ ตัว) ภาษาญัฮกุรไมมีวรรณยุกตแตมีลักษณะนํ้าเสียง โดยมีลักษณะนํ้าเสียง ๒ ลักษณะ คือ ๑) ลักษณะน้ําเสียงใหญทุมต่ํา (เสียงกอง มีลม) เชน ชุร = แมลง, เนจ = ผา ๒) ลักษณะน้ําเสียง ปกติ และสูง-ตก เชน ชุร = สุนัข, เนจ = เล็ก เปนตน มีพยัญชนะตนนาสิกอโฆษะนอกเหนือจากพยัญชนะตน ๘๐

นาสิก โฆษะที่พบกันท่ัวไป เชน ฮนูย = ลิง, ฮมุม = หมี, แฮร็จ = เกี่ยว (ขาว) เสียงสระในพยางคเปดตามหลัง ดวยการกักของเสนเสียงเสมอ ทําใหเสียงสระคอนขางยาว เชน ฮี? = บาน, ฮลา? = ใบไม, ฮวา? = ช้ินเน้ือ และมีเสียงพยัญชนะสะกดเปนเอกลักษณของภาษากลุมมอญ – เขมร เชน ชุร = สุนัข, จีญ = ชาง, ยุล ยุล = ชะนี, ร่ิฮ = รากไม, ปซ = เกง เปนตน ไวยากรณภาษาญัฮกุรมีลักษณะการเรียงคําแบบประธาน – กริยา – กรรม เชนเดียวกับภาษากลุมมอญ – เขมรทั่วไป เชน ประโยควา แมะ พะ โจว โดง เฮย <แม-พอ-กลับไป- หมูบาน-แลว > = พอ แมกลบั บา นไปแลว ชาวญัฮกุรมีองคความรูเก่ียวกับปา สัตวปา พรรณพืชพื้นบาน สมุนไพร และมีการละเลน พ้ืนบาน ซึ่งเปนการขับเพลงของชาวญัฮกุร โดยมีเสียงเอ้ือนท่ีไพเราะเปนเอกลักษณ เรียกวา “ปา? เร เร” มี เนื้อรองเปนภาษาญัฮกุร บรรยายถึงความงามของธรรมชาติ การเก้ียวพาราสีระหวางชายหญิง การลาจากและ การโหยหาอดตี ปจจบุ นั มีผสู ามารถเลน และขับรองไดไ มถงึ ๕ คน ภาษาญัฮกุร ถือเปนภาษาท่ีมีคุณสมบัติอยูในเกณฑการพิจารณาขึ้นทะเบียนเปนมรดกภูมิ ปญญาทางวัฒนธรรมของชาติ / มนุษยชาติ กลาวคือ เปนมรดกทางภูมิปญญาของชุมชน เปนภาษาท่ีเคยใช หรือใชในชุมชน และเส่ียงตอการสูญหายหรือเผชิญกับภัยคุกคาม มีการสืบทอดและยังปฏิบัติอยูในวิถีชีวิต และเปนเอกลักษณข องชาติ หรอื อัตลกั ษณข องชุมชนหรือภูมภิ าค ดังนั้น ภาษาญัฮกุร จึงไดรับการประกาศขึ้นทะเบียนเปนมรดกภูมิปญญาทางวัฒนธรรมของ ชาติ สาขาภาษา ประจําป พ.ศ. ๒๕๕๕ โดยมีวัตถุประสงคเพ่ือบันทึกประวัติความเปนมา ภูมิปญญาและอัต ลักษณของมรดกภูมิปญญาทางวัฒนธรรม เพื่อเปนฐานขอมูลสําคัญเก่ียวกับมรดกภูมิปญญาทางวัฒนธรรมท่ี อยูในอาณาเขตประเทศไทย เพื่อเสริมสรางบทบาทสําคัญ และความภาคภูมิใจของชุมชน กลุมคน หรือบุคคล ที่เปน ผถู อื ครองมรดกภูมิปญญาทางวัฒนธรรม เพ่ือสงเสริมและพัฒนาสิทธิชุมชนในการอนุรักษ สืบสาน ฟนฟู และปกปองคุมครองมรดกถูมิปญญาทางวัฒนธรรมของทองถ่ินและของชาติ และเพื่อรองรับการเขาเปนภาคี อนุสัญญาเพื่อการสงวนรักษามรดกวัฒนธรรมท่ีจับตองไมไดของยูเนสโก ท้ังน้ีการประกาศข้ึนทะเบียนมรดก ภูมิปญญาทางวัฒนธรรม จึงเปนหนทางหนึ่งในการปกปองคุมครอง และเปนหลักฐานสําคัญของประเทศไทย ในการประกาศความเปนเจาของมรดกภมู ปิ ญญาทางวฒั นธรรม (กรมสง เสริมวฒั นธรรม, ๒๕๕๕) ๕.๔..๒ แนวทางการสงเสรมิ ใหภ าษาญฮั กุรเปนมรดกภมู ปิ ญญาทางวฒั นธรรมของชาติ / มนุษยชาติ ทีมวิจัยไดดําเนินการจัดประชุมในเวที “ระดมความคิดเห็น แนวทางในการสงวนรักษา ภาษาและภูมิปญญาทองถ่ินของกลุมชาติพันธุญัฮกุร” โดยชุมชนไดรวมกันระดมความคิดเห็นรวมกันใน ประเดน็ ปจจยั หรอื แนวทางท่ีจะทําใหสามารถฟนฟูภาษาและวัฒนธรรมของตนเอง มรี ายละเอียดตอ ไปนี้ ในกลุมญัฮกุร ทีมวิจัยไดจัดประชุมในเวที “ระดมความคิดเห็น แนวทางในการสงวนรักษา ภาษาและภูมิปญญาทองถ่ินของกลุมชาติพันธุ : ภาษาญัฮกุร” ในวันท่ี ๒๐ กรกฎาคม ๒๕๕๖ ณ ศาลาวัดวัง อายโพธ์ิ ต.บานไร อ.เทพสถิต จ.ชัยภูมิ โดยมีผูที่รวมระดมความคิดเห็นไดแก ชุมชนบานไร บานวังอายโพธิ์ ต.บานไร บานเสล่ียงทอง บานน้ําลาด ต.นายางกลัก อ.เทพสถิต จ.ชัยภูมิ, เยาวชนบานวังอายโพธิ์และบานไร, ๘๑

ครูโรงเรียนบานวังอายโพธิ์, ตัวแทน จากสํานักงานเขตพื้นท่ีการศึกษาประถมศึกษาจังหวัดชัยภูมิ เขต ๓, สมาชิกสภาผูแทนราษฎร จังหวัดชัยภูมิ โดยไดรวมกันแสดงความคิดเห็น สามารถสรุปปจจัยหรือแนวทางท่ีจะ ทาํ ใหส ามารถฟนฟูภาษาและวฒั นธรรมญฮั กุรไดดังน้ี • ทําใหชุมชนชาวญัฮกุรเกิดความตระหนักในการอนุรักษและฟนฟูภาษาและวัฒนธรรม ญฮั กรุ • สง เสริมและสนับสนุนใหลกู หลานชาวญฮั กรุ พูดภาษาญฮั กรุ ในครอบครัว • จัดใหมีการเรียนการสอนภาษาท้ังในโรงเรียน และในชุมชน • สนับสนุนใหเกิดการจัดทํากิจกรรมเพื่อการอนุรักษและฟนฟูภาษาและวัฒนธรรม ชาวญัฮกุรอยางตอเนื่อง รวมถึงมุงหวังใหกลุมเยาวชนเปนผูสืบทอดภาษาและวัฒนธรรมชาวญัฮกุรไดตอไปใน อนาคต • จัดทาํ แหลงเรยี นรูภ าษาและวฒั นธรรมชาวญฮั กุรภายในชมุ ชน • หนวยงานที่เกี่ยวของในพ้ืนท่ี เชน องคกรปกครองสวนทองถ่ิน, กศน., สํานักงานเขต พ้ืนที่การศึกษาประถมศึกษาจังหวัดชัยภูมิ ควรจัดสรรงบประมาณเพื่อจางครูภูมิปญญา เพ่ือใหเกิดการเรียน การสอนภาษาญัฮกรุ ในระบบโรงเรยี นอยางตอเนือ่ ง ทง้ั นค้ี รูภูมปิ ญญามีความพรอ มและสมัครใจที่จะสอนเด็กๆ ชาวญฮั กุรในโรงเรยี นอยางเตม็ ท่ี อาจกลาวสรุปไดวา ชุมชนในกลุมภาษาญัฮกุรตางมีความตองการใหเกิดการอนุรักษและฟนฟูภาษา ของตนเองอยางตอเน่ืองและเกิดความย่ังยืน ทําใหชุมชนเกิดความตระหนักและเห็นคุณคาในภาษาและ วฒั นธรรมของตนเอง โดยการจดั กจิ กรรมในชมุ ชนหลากหลายรูปแบบ เชน การจดั กิจกรรมสงเสริมการอนุรกั ษ และฟนฟูภาษาและวัฒนธรรม การจดั ทาํ แหลงเรียนรูในชมุ ชน การสง เสริมใหพูดภาษาทองถ่ินภายในบาน การ จัดใหมีการเรียนการสอนท้ังในระบบโรงเรียน และภายในชุมชน ท้ังน้ีควรไดรับการสนับสนุนการทํากิจกรรม และดานงบประมาณจากหนวยงานท่ีเกี่ยวของในพ้ืนที่ เชน องคกรปกครองสวนทองถ่ิน สํานักงานเขตพื้นท่ี การศกึ ษาประถมศกึ ษา เปน ตน ๘๒

บรรณานุกรม กรมสงเสริมวัฒนธรรม. ๒๕๕๕. มรดกภูมิปญญาทางวัฒนธรรมของชาติ. กรมสงเสริมวัฒนธรรม กระทรวง วฒั นธรรม. จรูญ บุญพันธุ. ๒๕๒๕. วิธีการทําเปนการีตในภาษาญัฮกุร. อักษรศาสตรมหาบัณฑิต. จุฬาลงกรณ มหาวทิ ยาลยั . ฉวีวรรณ ประจวบเหมาะ. ๒๕๕๕. เอกสาร (ราง) แนวทางการรวบรวมและจัดเก็บขอมูลมรดกภูมิปญญาทาง วฒั นธรรม. เอกสารอดั สาํ เนา ชัยอนันต สมุทรวานิช. ๒๕๕๑. ปาฐกถาพิเศษ เร่ือง “ความสําคัญของนโยบายภาษาแหงชาติ” ในการประชุม ทางวิชาการเรื่อง “ความหลากหลายและความสําคัญของภาษาทองถิ่นท่ีนําไปสูนโยบายภาษา แหงชาติ”. ทองพิทักษ ยันจัตุรัส และคณะ. ๒๕๔๙. รายงานฉบับสมบูรณ โครงการพัฒนาเครือขายฟนฟูภาษา – วัฒนธรรมทองถิ่นญฮั กุร ต.นายางกลกั ต.บานไร และ ต.โปง นก อ.เทพสถิต จ.ชัยภูมิ. สํานักงานกองทุน สนบั สนุนการวิจยั (สกว). ______. ๒๕๕๔. รายงานฉบับสมบูรณ โครงการกระบวนการรวบรวมองคความรูจากปาชุมชนโคกคาวเปรียง ดว ยภาษาญฮั กุร เพ่ือหาแนวทางการอนรุ กั ษแ ละสืบทอดสูล กู หลานชาวญัฮกุร บา นวงั อา ยโพธ์ิ ต.บานไร อ.เทพสถติ จ.ชยั ภูมิ. สํานักงานกองทนุ สนับสนนุ การวจิ ยั (สกว). นายภุชชงค บุกสันเทียะและคณะ. ๒๕๕๔. รายงานฉบับสมบูรณ โครงการศึกษาแนวทางการจัดทําหลักสูตร ทองถิ่นภาษาญัฮกรุ ของ โรงเรยี นวงั โพธิ์สวา งศิลป โดยการมสี วนรว มของชุมชน ต.บานไร อ.เทพสถิต จ. ชยั ภมู ิ. สํานักงานกองทนุ สนับสนุนการวิจัย (สกว.) ฝา ยวิจยั เพือ่ ทอ งถน่ิ . ปรีชา อุยตระกูล. ๒๕๒๙. สังคมและวัฒนธรรมของชาวบน. ศูนยขอมูลทองถิ่น คณะวิชามนุษยศาสตรและ สังคมศาสตร สถาบันราชภฎั นครราชสมี า. มยุรี ถาวรพัฒน. ๒๕๕๕. รายงานความกาวหนา โครงการศึกษาเพื่อพัฒนาภาษาและภูมิปญญาของกลุมชาติ พันธุบนฐานงานวิจัยเพ่ือทองถิ่น : การบูรณาการความรูจากงานวิจัยทองถ่ินสูความรูเชิงวิชาการ. สํานักงานกองทุนสนบั สนนุ การวจิ ัย (สกว.) ศริ ิพร หม่นั งานและคณะ. ๒๕๕๐. รายงานฉบับสมบูรณ โครงการแนวทางการจัดหองเรียนคูขนานสําหรับเด็ก ชาติพันธุ (ญัฮกุร). สาํ นักงานกองทนุ สนับสนุนการวิจยั (สกว). _____. ๒๕๕๕. รายงานฉบับสมบูรณ โครงการกระบวนการและแบบคัดกรองเด็กที่มีปญหาทางการเรียนรูท่ี เหมาะสมกบั เด็กกลุมชาตพิ นั ธแุ ละแนวทางในการชว ยเหลอื ดวยภาษาทอ งถิน่ โรงเรยี นบานวงั อายคง ต. บา นไร อ.เทพสถติ จ.ชัยภมู .ิ สํานักงานกองทุนสนับสนุนการวจิ ัย (สกว.). สุวิไล เปรมศรีรัตน และคณะ. ๒๕๔๗. แผนที่ภาษาของกลุมชาติพันธุตาง ๆ ในประเทศไทย. สํานักงาน คณะกรรมการวัฒนธรรมแหง ชาต.ิ _____. ๒๕๕๓. โครงการวิจัยปฏิบัติการเร่ือง “การจัดการเรียนการสอนโดยใชภาษาทองถ่ิน และภาษาไทย เปนส่ือ : กรณีการจัดการศึกษาแบบทวิภาษา (ภาษาไทย – ภาษามลายูถิ่น) ในโรงเรียนเขตพื้นที่ ๔ ๙๓

จังหวัดชายแดนภาคใต. ศูนยศึกษาและฟนฟูภาษาและวัฒนธรรมในภาวะวิกฤต สถาบันวิจัยภาษาและ วัฒนธรรมเอเชยี มหาวทิ ยาลัยมหิดล. อนันต ลมิ ปคุปตถาวร และคณะ. ๒๕๔๙. ญฮั กรุ มอญโบราณแหง เทพสถิต. โอ.เอส. พร้ินต้งิ เฮา ส จํากดั . อภิญญา บัวสรวง และสุวิไล เปรมศรีรัตน. ๒๕๔๑. สารานุกรมกลุมชาติพันธุ ญัฮกุร. สถาบันวิจัยภาษาและ วฒั นธรรมเพอ่ื พฒั นาชนบท มหาวิทยาลยั มหิดล. Gérard Diffloth. 1984. The Dvaravati Old Mon Language and Nyak Kur. Bangkok : Chulalongkorn Printing House. Payau Memanas. 1979. A description of Chaobon (Nahkur) : and Austroasiatic Language in Thailand. The degree of Master of Art (Linguistic) Faculty of Graduate Studies Mahidol University. Subhab Phiukhou. 1986. A phonological description of Nyah Kur at Ban nam lat, Chaiyaphum Province. The degree of Master of Art (Linguistic) Faculty of Graduate Studies Mahidol University. Sudsawad Chuasuwan. 1990. A phonology of Nyah Kur at Ban Tha Duang. The degree of Master of Art (Linguistic) Faculty of Graduate Studies Mahidol University. Theraphan L. Thongkum. 1984. Nyah Kur (Chao Bon)-Thai-English Dictionary. Bangkok : Chulalongkorn Printing House. ๙๔

ภาคผนวก ใบแสดงความยนิ ยอม (ภาษาญัฮกรุ ) ๙๕

แบบบนั ทึกขอ มูลรายการมรดกภมู ปิ ญ ญาทางวฒั นธรรม ๑. การระบุอตั ลักษณม รดกภูมิปญญาทางวฒั นธรรม ๑.๑ ระบุช่อื มรดกภูมปิ ญ ญาทางวัฒนธรรม (ซ่ึงใชโดยชุมชนหรอื กลมุ คนทเ่ี ก่ียวของ) ภาษาญัฮกุร ๑.๒ ระบชุ อื่ เต็มและช่ือยอ (รวมท้งั ระบสุ าขาของมรดกภมู ปิ ญ ญาทางวัฒนธรรมดังกลา ว) ภาษาญฮั กุร สาขาภาษา ๑.๓ ระบุชุมชนที่เกยี่ วของกับมรดกภมู ิปญ ญาทางวฒั นธรรมทงั้ ในความหมายพื้นที่ และกลุม ผปู ฏบิ ตั ิ ชุมชนกลมุ ชาติพันธญุ ัฮกรุ ตาํ บลบานไร อาํ เภอเทพสถิต จงั หวัดชัยภมู ิ ๑.๔ ระบุที่ต้ังทางภูมิศาสตร (หากที่ตั้งทางภูมิศาสตรของมรดกภูมิปญญาทางวัฒนธรรมมีมากกวาหน่ึง โปรด ระบุทกุ แหงทีท่ ราบ) ชาวญัฮกุร ตั้งถ่ินฐานอยูในบริเวณ ๓ จังหวัด ไดแกจังหวัดนครราชสีมา เขตอําเภอปกธงชัย หมูบานท่ีพบ ชาวญัฮกุรในปจจุบัน ไดแก บานพลาง บานพระบึง บานวังตะเคียน ฯลฯ จังหวัดชัยภูมิ พบในเขตอําเภอเทพ สถิต ไดแก บา นวังอา ยโพธ์ิ บา นวงั อา ยคง บานไร บานเสลยี่ งทอง บา นวงั ตาเทพ บา นน้ําลาด บานทาโปง บาน โคกสะอาด บา นสะพานหนิ บานวงั กาํ แพง ฯลฯ จังหวัดเพชรบรู ณ ไดแก บา นนา้ํ เลา บา นหวยไคร บานทาดว ง ลักษณะที่ต้ังหมูบานชาวญัฮกุรใน ๓ จังหวัดดังกลาวนั้นเปนบริเวณใจกลางของประเทศไทย โดยอยูบน ขอบที่ราบสูงโคราชและพื้นท่ีราบสูงในจังหวัดชัยภูมิที่ตอกับภาคเหนือและตอกับจังหวัดลพบุรี เห็นไดชัดเจน วาในหมูบานตาง ๆ ของชาวญัฮกุรจะมีกลุมคนไทยโคราช คนไทยจากลพบุรี หรือลาวอีสานเขาไปอยูอาศัย ปะปนมากข้นึ ทกุ ที (อภญิ ญา บัวสรวงและสุวไิ ล เปรมศรรี ัตน, ๒๕๔๑) ๑.๕ แสดงคุณลกั ษณะและคณุ คาของมรดกภูมปิ ญ ญาทางวฒั นธรรมโดยสงั เขป ภาษาญัฮกุร เปนภาษาท่ีอยูในตระกูลออสโตรเอเชียติก สาขามอญ – เขมร สาขายอยโมนิก มีความ ใกลเคียงกับภาษามอญซึ่งอยูในสาขาเดียวกัน นักภาษาศาสตรเชิงประวัติ ไดแก ชอโต และ ดิฟฟลอด พบวา ภาษาญฮั กุรทีพ่ ูดกันในปจจุบนั มีความคลายคลงึ กับภาษามอญโบราณทีป่ รากฏอยูใ นจารึกสมัยทวารวดีทค่ี นพบ ในประเทศไทยเปน อยา งมากจนเรียกไดวา เปนภาษาเดียวกนั เน่อื งจากนักวิชาการเช่ือวาภาษามอญโบราณเปน ภาษากลางของคนในยุคทวารวดีเมื่อประมาณ ๒,๐๐๐ ปมาแลว จึงทําใหเชื่อไดวาชาวญัฮกุรนาจะเปน ลกู หลานของคนมอญสมยั ทวารวดีทย่ี ังหลงเหลอื อยูถงึ ปจจุบนั ภาษาญัฮกุร มีระบบเสียงท่ีแสดงลักษณะภาษากลุมมอญ – เขมรชัดเจน ทั้งพยัญชนะตน (๒๖ ตัว) พยัญชนะสะกด (๑๔ ตัว) ภาษาญัฮกุรไมมีวรรณยุกตแตมีลักษณะนํ้าเสียง โดยมีลักษณะน้ําเสียง ๒ ลักษณะ คือ ๑) ลักษณะนํ้าเสียงใหญทมุ ต่าํ (เสียงกอ ง มลี ม) เชน ชุร = แมลง, เนจ = ผา ๒) ลักษณะนํ้าเสียงปกติ และ ๙๖

สูง-ตก เชน ชุร = สุนัข, เนจ = เล็ก เปนตน มีพยัญชนะตนนาสิกอโฆษะนอกเหนือจากพยัญชนะตนนาสิก โฆษะท่ีพบกันทั่วไป เชน ฮนูย = ลิง, ฮมุม = หมี, แฮร็จ = เกี่ยว (ขาว) เสียงสระในพยางคเปดตามหลังดวย การกักของเสนเสียงเสมอ ทําใหเสียงสระคอนขางยาว เชน ฮี? = บาน, ฮลา? = ใบไม, ฮวา? = ชิ้นเนื้อ และมี เสียงพยัญชนะสะกดเปนเอกลักษณของภาษากลุมมอญ – เขมร เชน ชุร = สุนัข, จีญ = ชาง, ยุล ยุล =ชะนี, ร่ิฮ = รากไม, ปซ = เกง เปนตน ไวยากรณภาษาญัฮกุรมีลักษณะการเรียงคําแบบประธาน – กริยา – กรรม เชนเดียวกับภาษากลุมมอญ – เขมรท่ัวไป เชน ประโยควา แมะ พะ โจว โดง เฮย <แม-พอ-กลับไป-หมูบาน- แลว > = พอแมกลับบา นไปแลว ๒. ลักษณะขององคประกอบมรดกภูมิปญญาทางวฒั นธรรม ๒.๑ ผูปฏิบตั ิ / ผแู สดง ท่ีเกี่ยวของโดยตรงกับรายการมรดกภมู ปิ ญ ญาทางวฒั นธรรม (ระบชุ ่ือ อายุ เพศ กลุม อาชพี หรือความชํานาญ ฯลฯ) ๑) นายแกน ย่ีจตั ุรัส ท่ีอยู : ๔๙ หมู ๑ ต.บานไร อ.เทพสถติ จ.ชยั ภูมิ อาชีพ : สมาชิก อบต. บานไร ๒) นายเชอ่ื ง ช่นื จตั รุ ัส ท่อี ยู : ๙๘ หมู ๔ ต.บา นไร อ.เทพสถิต จ.ชยั ภมู ิ อาชพี : ทําไร (ปราชญช ุมชน / ผบู อกภาษา) ๓) นายประยูร มองทองหลาง ที่อยู : ๑๙๗ หมู ๑ ต.บา นไร อ.เทพสถิต จ.ชยั ภูมิ อาชพี : ทาํ ไร ๔) นายเปลย่ี น เยน็ จัตุรัส ที่อยู : ๖๕๓ หมู ๑ ต.บานไร อ.เทพสถิต จ.ชยั ภูมิ อาชพี : ทําไร (ปราชญช ุมชน / ผบู อกภาษา) ๕) นายพนม จติ รจํานง ทอี่ ยู : ๓๘๔ หมู ๑ ต.บา นไร อ.เทพสถติ จ.ชัยภูมิ อาชพี : ครูภูมิปญ ญา โรงเรียนบา นวังอา ยคง ๖) นางมนศนิ ี บวั จตั ุรัส ที่อยู : ๑๙๓ หมู ๕ บานวังตาเทพ ต.บา นไร อ.เทพสถิต จ.ชัยภูมิ อาชพี : ทาํ ไร ๗) นายสมจิตร ไชยขุนทด ทอี่ ยู : ๔๓ หมู ๔ ต.บานไร อ.เทพสถติ จ.ชัยภูมิ อาชพี : ทําไร ๘) นายสวิท วงศศรี ๙๗

ท่ีอยู : ๙๘ หมู ๑ ต.บานไร อ.เทพสถิต จ.ชยั ภมู ิ อาชพี : ทาํ ไร ๙) นางหาม เศรษฐกุญชร ทอ่ี ยู : ๒๕๗/๔ บานวงั โพธิ์ ต.บานไร อ.เทพสถติ จ.ชัยภูมิ อาชพี : ทําไร ๑๐) นายอาต ยมุ จตั รุ สั ที่อยู : ๑๔๗ ม.๔ ต.บา นไร อ.เทพสถติ จ.ชยั ภมู ิ อาชีพ : ทาํ ไร (ปราชญชมุ ชน / ผบู อกภาษา) ๑๑) นายสาม ยมุ จัตุรัส ท่อี ยู : ๒๑๕ หมู ๑ ต.บา นไร อ.เทพสถิต จ.ชัยภูมิ อาชีพ : ทาํ ไร (ปราชญชมุ ชน / ผูบอกภาษา) ๑๒) นายทองพิทกั ษ ยันจตั ุรสั ทอ่ี ยู : ๒๐๗ หมู ๔ ต.บา นไร อ.เทพสถติ จ.ชยั ภูมิ อาชีพ : ทาํ ไร / คาขาย (ปราชญชุมชน / ผูบ อกภาษา) ๑๓) นายทิม บัวจัตรุ ัส ที่อยู : ๓๔๕/๔ หมู ๔ ต.บานไร อ.เทพสถติ จ.ชยั ภมู ิ อาชีพ : ทําไร (ปราชญชุมชน / ผูบอกภาษา) ๑๔) นายสายสน สงจัตุรสั ท่อี ยู : ๓๙๒ หมู ๔ ต.บา นไร อ.เทพสถติ จ.ชยั ภมู ิ อาชพี : รับจา ง ๑๕) นางดาํ จนั ทรพ ิม ท่ีอยู : หมู ๑ ต.บา นไร อ.เทพสถติ จ.ชยั ภูมิ อาชพี : ทาํ ไร (ปราชญใ หค วามรูเรอื่ งการเย็บเสือ้ พ่็อก) ๑๖) นางมดิ วงษศ รี ที่อยู : ๓๘๔ หมู ๑ ต.บานไร อ.เทพสถิต จ.ชยั ภมู ิ อาชีพ : ทําไร (ปราชญใ หค วามรเู ร่ืองการเยบ็ เส้อื พ็อ่ ก) ๑๗) นางบ่งึ แถวจัตรุ สั ที่อยู : หมู ๔ ต.บา นไร อ.เทพสถติ จ.ชยั ภมู ิ อาชีพ : ทําไร (ปราชญใ หความรูเรื่องการเย็บเสอื้ พ่อ็ ก) ๑๘) นางสาํ ราญ กาหลง ทีอ่ ยู : ๕ หมู ๔ ต.บา นไร อ.เทพสถติ จ.ชยั ภูมิ อาชพี : ทําไร (ปราชญใหความรเู รอ่ื งการเย็บเสือ้ พ็่อก) ๑๙) นายเฉลมิ ชาติ ยันจัตุรัส ๙๘

ทอ่ี ยู : หมู ๑ ต.บานไร อ.เทพสถติ จ.ชัยภูมิ อาชีพ : รบั จาง ๒๐) น.ส. พรทิพรักษ จนั ทรางศุ ทอี่ ยู : ๓๙๕ หมู ๔ ต.บา นไร อ.เทพสถติ จ.ชัยภมู ิ อาชพี : กําลังศกึ ษาในชั้นมธั ยมปลาย ๒๑) น.ส. สุนันท แดงจัตรุ ัส ทอ่ี ยู : ๔๐๒ หมู ๑ ต.บานไร อ.เทพสถิต จ.ชยั ภมู ิ อาชพี : รบั จา ง ๒๒) นายจดุ บุญย่งิ ทอ่ี ยู : ๗๓๕ หมู ๑๑ ต.บา นไร อ.เทพสถติ จ.ชยั ภมู ิ อาชีพ : ทําไร (ปราชญชุมชน / ผูบ อกภาษา) ๒.๒ บุคคลในชมุ ชนซึ่งถงึ แมจ ะเกีย่ วของกับมรดกภูมปิ ญญาทางวฒั นธรรมโดยตรงนอ ย แตเ อื้อประโยชนต อ การถอื ปฏิบัติหรือเอื้ออํานวยตอ ความสะดวกในการถอื ปฏิบตั ิหรอื การสบื ทอด ฯ (เชน จัดเตรียมเวที เส้ือผา ฝก อบรม และควบคมุ ดูแล) กลมุ ชาติพันธุญฮั กุร คอื บคุ คลตามขอ ๒.๑ ๒.๓ ภาษา ทาํ เนยี บภาษา ระดบั ภาษาท่เี กี่ยวของ ภาษาญัฮกุร เปนภาษาที่อยูในตระกูลออสโตรเอเชียติก สาขามอญ – เขมร สาขายอยโมนิก รายละเอียด ตามขอ ๑.๕ ๒.๔ องคประกอบทจี่ บั ตอ งได (เชน อุปกรณเ ครอื่ งมอื เสอื้ ผา หรือพืน้ ทพ่ี เิ ศษเฉพาะ วัตถทุ ี่ใชในพิธีกรรม) (ถา มี) ซง่ึ เก่ยี วกบั การถอื ปฏบิ ตั ิหรือสืบทอดมรดกภูมปิ ญญาทางวัฒนธรรม ภาษาญัฮกรุ เปนภาษาพูด แตไมมีภาษาเขียน ดังน้ันชาวญัฮกุรจึงไดรวมกลุมกัน เพ่ือพัฒนาระบบตัวเขียน รว มกับนกั ภาษาศาสตรจากมหาวทิ ยาลัยมหิดล โดยใชอักษรไทย ๑ ตัว แทน ๑ เสียง เพ่ือเปนเคร่ืองมือในการ บันทึกองคความรูของชาวญัฮกุร นอกจากนี้ยังไดใชเปนส่ือในการเรียนการสอนภาษาทองถ่ินในโรงเรียนใหแก เด็กชาวญัฮกุรอกี ดว ย ๒.๕ องคประกอบที่จับตองไมได (ถามี) ซึ่งเกี่ยวของกับการถือปฏิบัติหรือสืบทอดมรดกภูมิปญญาทาง วัฒนธรรม ภาษาญัฮกุร เปนภาษาท่ีใชในชีวิตประจําวัน ผูที่สามารถพูดไดดีอยูในกลุมผูสูงอายุ นอกจากนี้ยังมีการสืบ สานประเพณี วัฒนธรรม ตลอดจนองคค วามรขู องตนเอง เชน ประเพณแี หหอดอกผ้ึงของชาวญัฮกุร เปน ตน ๙๙

๒.๖ แนวปฏบิ ตั ิตามจารตี ในการเขาถงึ การใชและการมสี ว นรวมในมรดกภูมิปญ ญาทางวฒั นธรรม (ถา มี) เชน หากมีขอ กาํ หนดบางอยางที่หามบคุ คลบางประเภท เชน ผชู ายไมใหเขารว ม หรือถอื ปฏบิ ัติ ควรปฏิบัตติ าม จารีตดงั กลา วและระบุขอ กาํ หนดดงั กลาว ภาษาญัฮกุร เปนภาษากลุมชาติพันธุท่ีสามารถใชพูดในชีวิตประจําวัน แตปจจุบัน ผูที่สามารถพูดไดเปน อยางดีมีเฉพาะผูสูงอายุเทานั้น ประกอบกับกระแสโลกาภิวัตน ที่ทําใหเกิดการเปลี่ยนแปลงทางวัฒนธรรม ทํา ใหการใชภ าษาญฮั กุรถดถอยลง จนเด็กและเยาวชนไมสามารถพูดหรอื ส่ือสารได ๒.๗ แนวทางการถา ยทอดมรดกภูมปิ ญญาทางวฒั นธรรมสูคนอ่นื ๆ ในชมุ ชน แนวทางการถายทอดภาษาและวัฒนธรรมญัฮกุร ซึ่งถือเปนมรดกภูมิปญญาทางวัฒนธรรม สามารถทําได หลากหลายแนวทาง เชน การใชภาษาภาษาญัฮกุรในบาน การจัดการเรียนการสอนภาษาทองถ่ินในโรงเรียน การอนุรักษฟนฟูภาษาและวัฒนธรรมชุมชนในรูปแบบตาง ๆ ไดแก การบันทึกองคความรูภูมิปญญาทองถ่ิน ของตนเอง และถายทอดสูกลมุ เดก็ และเยาวชน เปนตน ๒.๘ องคกรตาง ๆ ทีเ่ ก่ยี วขอ ง (องคกรชมุ ชน, NGOs, ฯลฯ) ถามี องคกรท่ีเกี่ยวของในชุมชนกลุมชาติพันธุญัฮกุร ไดแก องคการบริหารสวนตําบลบานไร, องคการบริหาร สวนจังหวัดชัยภูมิ, โรงเรียนบานไรพัฒนา, โรงเรียนวังโพธิ์สวางศิลป, โรงเรียนบานวังอายคง, สํานักงานเขต พืน้ ที่การศึกษาจงั หวัดชยั ภมู ิ เปนตน ๓. สภาวะของมรดกภมู ิปญญาทางวัฒนธรรม : ความอยูรอด ๓.๑ ปจจัยคกุ คาม (ถาม)ี ทม่ี ผี ลตอความอยรู อดของมรดกภูมิปญญาทางวัฒนธรรมภายในชมุ ชนตาง ๆ ที่ เกยี่ วของ ภาษาญัฮกุร ถือเปนภาษาท่ีอยูในภาวะวิกฤตใกลสูญ เนื่องจากมีผูพูดเปนจํานวนนอย สามารถพูดไดดีใน รุนสูงอายุ ยังมีการใชในบานและในชุมชนไมมากนัก ทั้งน้ีมีสาเหตุสําคัญที่ทําใหภาษาอยูในภาวะวิกฤต ๒ ประการ ไดแ ก ๑) เกิดจากกระแสโลกาภิวัตน ท่ีสงผลทําใหเกิดความเจริญกาวหนาทางเทคโนโลยีดานตาง ๆ เชน ระบบการคมนาคมขนสง ระบบการสื่อสาร เทคโนโลยีสารสนเทศ เปนตน ทําใหเ กิดการเปล่ียนแปลงทางสังคม และวัฒนธรรมอยางรวดเร็ว ตลอดจนการเปลี่ยนแปลงของสภาพเศรษฐกิจ ดังเชน แตเดิมญัฮกุร อาศัยการ เพาะปลูกเพื่อเล้ียงชีพ ประกอบกับการพึ่งพิงทรัพยากรจากปา ปจจุบันการเลี้ยงชีพไดเปลี่ยนไปสูการเกษตรที่ เชื่อมโยงกับระบบตลาดอยางชัดเจน นอกจากนี้ยังมีการพัฒนาระบบคมนาคม ระบบสื่อมวลชน ไดแก วิทยุ โทรทัศน และหนังสือพิมพ ที่ลวนใชภาษาไทยเปนภาษาในการสื่อสาร รวมถึงการอพยพเขามาของประชากร กลุมชาติพันธุอื่น การติดตอคาขายกับคนตางถ่ิน ลวนสงผลใหภาษาญัฮกุรสูญเสียสถานะของการเปนภาษา หลักในชวี ติ ประจําวันของชุมชนลงไปเรื่อย ๆ รวมถึงสงผลตอการสูญเสียภูมิปญญา วัฒนธรรมทองถ่ิน และอัต ลักษณท างชาติพันธขุ องตนเองอีกดวย ๑๐๐

๒) เกิดจากนโยบายของภาครัฐ ดังจะเห็นไดชัดเจนจากการท่ีรัฐบาลไทยออกกฎหมายการศึกษา ภาคบังคับ (พ.ศ. ๒๔๖๘) ท่ีกําหนดใหเยาวชนท่ัวประเทศเขาเรียนในโรงเรียนสามัญของกระทรวงศึกษาธิการ ซึ่งจัดการเรียนการสอนและส่ือการเรียนการสอนเปนภาษาไทยซึ่งเปนภาษาราชการ ประกอบกับการจัดการ เรียนการสอนที่ขาดการเชื่อมโยงอยางเปนระบบ ระหวางภาษาและวัฒนธรรมทองถิ่นกับภาษาและวัฒนธรรม ของโรงเรียนซ่ึงใชภาษาราชการ (ภาษาไทย) เพียงภาษาเดียวเปนส่ือ (สุวิไล เปรมศรีรัตน และคณะ, ๒๕๕๓) ทําใหเ ดก็ และเยาวชนกลมุ ชาตพิ ันธุไมไดใชภ าษาทอ งถนิ่ ในโรงเรยี น ๓.๒ ปจจยั คุกคาม (ถา ม)ี ทมี่ ผี ลตอ การสืบทอดของรายการมรดกภูมิปญญาทางวฒั นธรรมภายในชมุ ชนตา ง ๆ ทีเ่ กีย่ วขอ ง สอดคลองกบั ขอ ๓.๑ ๓.๓ ปจจยั คุกคามทีม่ ผี ลตอ ความยง่ั ยนื ในการเขาถึง การใชทรพั ยากรและองคประกอบท่จี บั ตองได (ถา มี) ซึ่ง เกย่ี วของกับมรดกภมู ปิ ญ ญาทางวัฒนธรรม สอดคลอ งกับขอ ๓.๑ ๓.๔ ความอยรู อดของมรดกภูมปิ ญญาทางวฒั นธรรมอนื่ ๆ (ถาม)ี เก่ยี วพันกบั มรดกภมู ปิ ญญาทางวัฒนธรรมท่ี มีการจัดเกบ็ รวบรวมขอ มูล ปจจุบันกลุมญัฮกุร ไดมีการดําเนินงานฟนฟูภาษาและวัฒนธรรมของตนเอง ดวยตนเอง โดยผาน กระบวนการดําเนินงานวิจัยเพ่ือทองถ่ิน ซ่ึงในกลุมญัฮกุรไดเร่ิมมีการดําเนินงานฟนฟูภาษาและวัฒนธรรมของ ตนเองตง้ั แตป พ.ศ. ๒๕๔๔ และ พ.ศ. ๒๕๔๘ ตามลําดบั การฟนฟูภาษาและวัฒนธรรมของกลุมญัฮกุร เริ่มตนจากการทําระบบตัวเขียน โดยใชอักษรไทย ๑ ตัว แทน ๑ เสียง เพื่อเปนเคร่ืองมือในการบันทึกภาษา รวมท้ังองคความรูและภูมิปญญาของตนเอง จากน้ันได จดั ทาํ หลักสูตรสําหรับการเรียนการสอนในโรงเรียน โดยเริ่มตั้งแตชั้นประถมศึกษาปท่ี ๔ นอกจากนี้ยังไดมีการ ฟนฟูภาษาและวัฒนธรรมของตนเองในรูปแบบตาง ๆ เชน ไดศึกษาและรวบรวมองคความรู ภูมิปญญา เกี่ยวกับปาโคกคาวเปรียง โดยมีนักพฤกษศาสตรเขารวมวิจัย และเปนผูบูรณาการความรูจากทองถิ่นสูความรู เชิงวิชาการ เปนตน ๓.๕ การปกปอ งคมุ ครองหรือมาตรการอน่ื ๆ ที่มีอยู (ถา ม)ี ซึง่ ใหค วามใสใ จแกปญ หาปจจยั คกุ คามเหลานแี้ ละ สง เสรมิ ใหม ีการถือปฏิบตั หิ รือการสืบทอดมรกดภมู ปิ ญ ญาทางวัฒนธรรมในอนาคต ปจ จุบนั กลมุ ญัฮกุร ไดระดมความคิดเห็นเพ่ือคนหาแนวทางในการปกปองคุมครองใหภาษาของตนเองไดมี การใชม ากขึน้ ตลอดจนการถายทอดภาษา ความรูและภูมิปญญาใหกับเยาวชนหรือคนรุนใหม ทั้งนี้กลุมญัฮกุร ไดมีความพยายามและผลักดันใหเกิดการเรียนการสอนภาษาทองถิ่นภายในโรงเรียนอยางตอเน่ือง ซ่ึง จําเปนตองไดรบั การสนบั สนุนโดยเฉพาะดา นงบประมาณจากหนว ยงานและองคก รทเ่ี กยี่ วของ ๑๐๑

๔. ขอจาํ กัดและการอนุญาตเกย่ี วกบั การใชข อ มูล ๔.๑ การยินยอมจากชุมชนและชุมชนทเี่ ก่ียวของในการจดั เกบ็ รวบรวมขอ มลู ชมุ ชนกลมุ ชาตพิ นั ธุญัฮกุร มีความยนิ ยอมในการจดั เกบ็ รวบรวมขอมูลท่เี กยี่ วขอ งกับภาษาและวัฒนธรรม ญัฮกรุ ๔.๒ ขอจาํ กัด (ถาม)ี ในการใชห รือการเขา ถึงขอ มลู ทจ่ี ัดเกบ็ รวบรวม ขอมลู ทไ่ี ดจ ากการเก็บรวบรวมขอมลู ของกลุมญฮั กรุ ไดถกู จดั เกบ็ ไวในชุมชน โดยเฉพาะในกลุม ผูนาํ และ นักวจิ ยั ชุมชน ซ่ึงขอจํากัดในดา นงบประมาณ ทาํ ใหยังไมส ามารถเผยแพรไ ดอยา งกวางขวาง ๔.๓ บุคคลท่ใี หข อมลู : ชอ่ื และสถานภาพ หรือความเกี่ยวพัน ขอ มลู บุคคลผูบ อกภาษากลมุ ชาติพันธุญฮั กรุ สอดคลอ งกบั ขอ ๒.๑ ๔.๔ วนั และสถานทีจ่ ัดเกบ็ รวบรวมขอมูล กจิ กรรมเปดเวทชี แ้ี จงโครงการ ฯ วนั ที่ ๑๐ ตลุ าคม ๒๕๕๕ ณ วัดวงั โพธ์ิ บา นวงั อา ยโพธิ์ ต.บานไร อ.เทพ สถติ จ.ชัยภูมิ ๑. กิจกรรมเก็บขอมูลพ้ืนฐาน โดยใชวิธีสนทนาเปนภาษาญัฮกุร วันที่ ๒๙ พฤศจิกายน – ๑ ธันวาคม ๒๕๕๕ ณ บา นวงั อายโพธิ์ และ บานไร ต.บานไร อ.เทพสถติ จ.ชัยภูมิ ๒. กิจกรรมประชุมเชิงปฏิบัติการเร่ือง “การใชเคร่ืองมือทางภาษาเพ่ือเก็บรวบรวมขอมูล” และถอด ความเสียง จากการเก็บขอมูลพ้ืนฐาน โดยใชระบบเขียนภาษาญัฮกุร วันที่ ๑๓ มกราคม ๒๕๕๖ ณ รีสอรท เทพสถติ วิลล อ.เทพสถติ จ.ชยั ภมู ิ ๓. ทีมวิจัยทองถ่ินชาวญัฮกุร เขารวมงานประชุมเสวนาเร่ือง “วันภาษาแมสากล : เปดโลกภูมิปญญา ภาษาแม” วนั ที่ ๒๑ กมุ ภาพันธ ๒๕๕๖ ณ สถาบันวจิ ัยภาษาและวัฒนธรรมเอเชีย มหาวทิ ยาลยั มหดิ ล ๔. กิจกรรมเขยี นคาํ ศัพท / เขียนเรื่องเลา นิทาน วันท่ี ๑๙ – ๒๐ มีนาคม ๒๕๕๖ ณ รีสอรทเทพ สถิตวิลล อ.เทพสถติ จ.ชยั ภมู ิ ๕. กิจกรรมเก็บขอมูล ประเพณีแหหอดอกผ้ึง ดวยวิธีการบันทึกวิดีโอ และภาพนิ่ง วันท่ี ๑๐ – ๑๓ เมษายน ๒๕๕๖ ณ บานไร ต.บา นไร อ.เทพสถิต จ.ชัยภูมิ ๖. กิจกรรมเขียนเรื่อง ประเพณีแหหอดอกผึ้ง ดวยระบบเขียนภาษาญัฮกุร วันที่ ๑๙ – ๒๐ พฤษภาคม ๒๕๕๖ ณ รีสอรท เทพสถิตวิลล อ.เทพสถิต จ.ชยั ภมู ิ ๗. กจิ กรรมทาํ เสอ้ื พอ็่ ก เขยี นเรอื่ ง และตรวจสอบแกไ ข วันท่ี ๗ – ๙ มิถนุ ายน ๒๕๕๖ ณ วัดวังอา ยโพธ์ิ ต.บา นไร อ.เทพสถิต จ.ชัยภูมิ และ รีสอรท เทพสถติ วลิ ล อ.เทพสถิต จ.ชยั ภมู ิ ๘. กิจกรรมตรวจสอบความถูกตอง จัดทําเปนหนังสือเพื่อเผยแพรความรู วันที่ ๒๖ – ๒๗ มิถุนายน ๒๕๕๖ ณ รสี อรท เทพสถติ วลิ ล อ.เทพสถติ จ.ชยั ภูมิ ๙. กจิ กรรมจดั เวทรี ะดมความคิดเหน็ และนําเสนอขอ มูล วันท่ี ๒๐ กรกฎาคม ๒๕๕๖ ณ วัดวังอายโพธิ์ ๑๐๒

ต.บานไร อ.เทพสถติ จ.ชัยภูมิ ๑๐. กจิ กรรมเผยแพรข อ มลู ยังชมุ ชนอ่นื ๆ วันท่ี ๒๑ กรกฎาคม ๒๕๕๖ ณ บานวังกําแพง ต.ชีบน อ.บาน เขวา จ.ชยั ภมู ิ และ บา นพระบงึ ต.บอปลาทอง อ.ปกธงชยั จ.นครราชสีมา ๕. การอา งองิ เก่ยี วกับรายการมรดกภมู ปิ ญญาทางวัฒนธรรม (ถามี) ๕.๑ เอกสารประกอบตา ง ๆ (ถา ม)ี เชน รายงานวิจยั และส่ิงพมิ พ กรมสงเสริมวัฒนธรรม. ๒๕๕๕. มรดกภูมิปญญาทางวัฒนธรรมของชาติ. กรมสงเสริมวัฒนธรรม กระทรวง วฒั นธรรม. ฉวีวรรณ ประจวบเหมาะ. ๒๕๕๕. เอกสาร (ราง) แนวทางการรวบรวมและจัดเก็บขอมูลมรดกภูมิปญญาทาง วัฒนธรรม. เอกสารอัดสําเนา ชัยอนันต สมุทรวานิช. ๒๕๕๑. ปาฐกถาพิเศษ เรื่อง “ความสําคัญของนโยบายภาษาแหงชาติ” ในการประชุม ทางวิชาการเร่ือง “ความหลากหลายและความสําคัญของภาษาทองถ่ินท่ีนําไปสูนโยบายภาษา แหง ชาติ”. ทองพิทักษ ยันจัตุรัส และคณะ. ๒๕๔๙. รายงานฉบับสมบูรณ โครงการพัฒนาเครือขายฟนฟูภาษา – วัฒนธรรมทองถิ่นญฮั กรุ ต.นายางกลกั ต.บา นไร และ ต.โปงนก อ.เทพสถิต จ.ชัยภูมิ. สํานักงานกองทุน สนับสนนุ การวจิ ยั (สกว). ______. ๒๕๕๔. รายงานฉบับสมบูรณ โครงการกระบวนการรวบรวมองคความรูจากปาชุมชนโคกคาวเปรียง ดวยภาษาญัฮกรุ เพือ่ หาแนวทางการอนุรักษและสบื ทอดสูลกู หลานชาวญัฮกรุ บานวังอา ยโพธิ์ ต.บานไร อ.เทพสถิต จ.ชัยภูมิ. สํานกั งานกองทุนสนับสนุนการวจิ ัย (สกว). นายภุชชงค บุกสันเทียะและคณะ. ๒๕๕๔. รายงานฉบับสมบูรณ โครงการศึกษาแนวทางการจัดทําหลักสูตร ทองถน่ิ ภาษาญฮั กุรของ โรงเรียนวังโพธสิ์ วางศลิ ป โดยการมีสวนรว มของชุมชน ต.บานไร อ.เทพสถิต จ. ชัยภูมิ. สํานกั งานกองทนุ สนบั สนนุ การวิจยั (สกว.) ฝา ยวจิ ัยเพอ่ื ทอ งถ่นิ . มยุรี ถาวรพัฒน. ๒๕๕๕. รายงานความกาวหนา โครงการศึกษาเพื่อพัฒนาภาษาและภูมิปญญาของกลุมชาติ พันธุบนฐานงานวิจัยเพ่ือทองถิ่น : การบูรณาการความรูจากงานวิจัยทองถิ่นสูความรูเชิงวิชาการ. สํานักงานกองทนุ สนบั สนุนการวิจัย (สกว.) ศิรพิ ร หมน่ั งานและคณะ. ๒๕๕๐. รายงานฉบับสมบูรณ โครงการแนวทางการจัดหองเรียนคูขนานสําหรับเด็ก ชาตพิ นั ธุ (ญัฮกรุ ). สํานักงานกองทุนสนับสนนุ การวจิ ยั (สกว). _____. ๒๕๕๕. รายงานฉบับสมบูรณ โครงการกระบวนการและแบบคัดกรองเด็กท่ีมีปญหาทางการเรียนรูท่ี เหมาะสมกับเด็กกลุม ชาตพิ นั ธุและแนวทางในการชวยเหลือดวยภาษาทอ งถ่นิ โรงเรยี นบา นวังอายคง ต. บา นไร อ.เทพสถติ จ.ชยั ภมู ิ. สาํ นกั งานกองทนุ สนบั สนนุ การวจิ ยั (สกว.). สุวิไล เปรมศรีรัตน และคณะ. ๒๕๔๗. แผนท่ีภาษาของกลุมชาติพันธุตาง ๆ ในประเทศไทย. สํานักงาน คณะกรรมการวฒั นธรรมแหง ชาติ. _____. ๒๕๕๓. โครงการวิจัยปฏิบัติการเร่ือง “การจัดการเรียนการสอนโดยใชภาษาทองถ่ิน และภาษาไทย เปนส่ือ : กรณีการจัดการศึกษาแบบทวิภาษา (ภาษาไทย – ภาษามลายูถ่ิน) ในโรงเรียนเขตพ้ืนท่ี ๔ จังหวัดชายแดนภาคใต. ศูนยศึกษาและฟนฟูภาษาและวัฒนธรรมในภาวะวิกฤต สถาบันวิจัยภาษาและ ๑๐๓

วัฒนธรรมเอเชยี มหาวิทยาลัยมหดิ ล. อนันต ลิมปคปุ ตถาวร และคณะ. ๒๕๔๙. ญฮั กรุ มอญโบราณแหงเทพสถติ . โอ.เอส. พริน้ ต้งิ เฮา ส จํากัด. อภิญญา บัวสรวง และสุวิไล เปรมศรีรัตน. ๒๕๔๑. สารานุกรมกลุมชาติพันธุ ญัฮกุร. สถาบันวิจัยภาษาและ วฒั นธรรมเพอ่ื พฒั นาชนบท มหาวทิ ยาลยั มหิดล. Gérard Diffloth. 1984. The Dvaravati Old Mon Language and Nyak Kur. Bangkok : Chulalongkorn Printing House. Subhab Phiukhou. 1986. A phonological description of Nyah Kur at Ban nam lat, Chaiyaphum Province. The degree of Master of Art (Linguistic) Faculty of Graduate Studies Mahidol University. Sudsawad Chuasuwan. 1990. A phonology of Nyah Kur at Ban Tha Duang. The degree of Master of Art (Linguistic) Faculty of Graduate Studies Mahidol University. Theraphan L. Thongkum. 1984. Nyah Kur (Chao Bon)-Thai-English Dictionary. Bangkok : Chulalongkorn Printing House. ๕.๒ สอ่ื วดิ ีทัศน แถบบนั ทึกเสยี ง / ภาพตา ง ๆ ท่ีอยใู นหอจดหมายเหตุ และพิพิธภณั ฑ หรือของสะสมสว น บุคคล (ถา ม)ี DVD ชุด Field Note Stories กลุมญฮั กรุ ตอน : ญฮั กรุ มอญโบราณแหงเทพสถติ และ ปา?เรเร มรดก ดนตรีวถิ ีคนดง (ญฮั กรุ ) สนบั สนุนการผลติ โดย ศูนยศึกษาและฟน ฟภู าษา – วฒั นธรรมในภาวะวกิ ฤต และ สํานกั งานกองทนุ สนับสนนุ การวจิ ัย (สกว.) ฝา ยวิจยั เพ่อื ทองถิน่ DVD รายการพันแสงรุง ตอนภาษาญฮั กรุ และ ตอนคนแหงขนุ เขา ผลติ รายการโดย บรษิ ทั ปาใหญค รี เอชัน่ จาํ กดั ๕.๓ เอกสารบนั ทกึ และวตั ถสุ ง่ิ ของที่อยูในหอจดหมายเหตแุ ละพพิ ิธภณั ฑ หรือของสะสมสวนบุคคล (ถา มี) เอกสาร เรือ่ งเลา นทิ าน ส่อื การเรียนการสอน ที่จัดทําโดยชาวญัฮกุร ไดเก็บไวภายในชุมชน ในโรงเรียนวัง โพธ์ิสวางศิลป โรงเรียนบานวังอายคง และโรงเรียนบานไรพัฒนา สําหรับเปนสื่อการเรียนการสอนของเด็ก นักเรียนชาวญัฮกุรในชนั้ ประถมศึกษา ๖. ขอ มูลเกยี่ วกับการจดั เกบ็ รวบรวมและบนั ทึกขอ มลู ๖.๑ ผูเก็บขอ มลู กลมุ ผวู ิจยั (นักวิชาการ) ๑. ศาสตราจารยเกียรตคิ ณุ ดร. สวุ ไิ ล เปรมศรรี ัตน ประธานกรรมการบรหิ ารมลู นธิ ิเพอื่ การฟนฟภู าษาและภูมปิ ญญาทองถนิ่ ๒. อ.ดร. มยุรี ถาวรพัฒน อาจารยประจํา สาขาภาษาศาสตร สถาบนั วิจัยภาษาและวัฒนธรรมเอเชยี มหาวทิ ยาลัยมหดิ ล ๑๐๔