Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore จันตะคาด

Description: วรรณกรรมเยาวชนพื้นบ้านภาคเหนือ.

Search

Read the Text Version

50 จันตะคาด ฝ่ายสุริยคาดและจันตะคาดเม่ือเห็นว่าพ่อแม่จำลูกท้ังสองไม่ได ้ อีกท้ังยังไม่มีน้ำใจเหมือนเช่นเดิม ก็เดินทางกลับเมืองกาสีด้วยความ เศร้าใจ แต่พร้อมกันนั้นก็โล่งใจที่ได้มอบไม้ไผ่บรรจุเงินทองไว้ให้พ่อแม่ เป็นการตอบแทนบญุ คณุ ไปแล้ว ทั้งสองพน่ี ้องใช้เวลาล่องเรือไมก่ ี่เดือน ก็กลับถงึ เมอื งกาสีอยา่ งปลอดภัย

จนั ตะคาด 51 ห้า พบพครู่แาตกจ่ จำาตกอ้ ง

52 จันตะคาด

จันตะคาด 53 พบคู่แต่จำตอ้ งพรากจาก สามปีต่อมา พญากาสีผู้เป็นพระบิดาของนางสุชาติสาได้ ส้ินพระชนม์ลง พระมเหสีและเสนาอำมาตย์รวมถึงชาวเมืองทั้งหลาย จงึ ขอให้สุริยคาดวิวาห์กบั นางสชุ าติสา และจัดพธิ รี าชาภเิ ษกให้สรุ ยิ คาด ได้ขึน้ เปน็ พญาครองเมืองกาสนี ับตงั้ แตน่ ั้นเปน็ ต้นมา วันหน่ึง มีพ่อค้าเรือสำเภาช่ือโคตถะ มาจอดเรือริมฝั่งน้ำเมือง กาสี ลกู ชายของพอ่ คา้ ขนึ้ จากเรอื เดนิ เลน่ เขา้ ไปในปา่ แลว้ โดนเสอื รา้ ยกดั เม่ือคนรับใช้ช่วยกันพากลับมาถึงเรือ ลูกชายของพ่อค้าก็สิ้นใจตายเสีย แล้ว พ่อค้าโคตถะเสียใจร่ำไห้แทบสิ้นสติ ขณะน้ันเองจันตะคาดกำลัง จะไปอาบน้ำที่ท่าน้ำ ได้ยินเสียงร้องไห้จึงไต่ถามเหล่าลูกเรือท่ีนั่งอย ู่ ริมฝ่ังวา่ “เสยี งของใครกัน เหตุใดจึงมาร้องไห้อยู่ในเรือ”

54 จันตะคาด “นั่นเป็นเสียงร้องไห้ของท่านโคตถะ เจ้านายของพวกข้า ท่าน กำลงั เสยี ใจมากเพราะลกู ชายของท่านเพงิ่ ถกู เสอื กดั ตาย” “จงบอกเจ้านายของพวกท่านเถิดว่า ข้าจะช่วยฟื้นชีวิตลูกชาย ของท่านเอง” จนั ตะคาดรบี กลบั ไปหยิบใบไมว้ เิ ศษทีไ่ ดม้ าต้งั แตเ่ ดก็ เคย้ี วแล้วใส่ ปากของลูกชายพ่อค้า ไม่นานชายหนุ่มน้ันก็ฟ้ืนคืนชีวิต พ่อค้าโคตถะ ดีใจยง่ิ นกั จงึ ตอบแทนบุญคุณด้วยการมอบสมบัตไิ วใ้ หม้ ากมายกอ่ นจะ อำลาไปค้าขายตอ่ ไป ยังมีอีกเมืองหนึ่งชื่อเมืองอินทปัตถ์ เจ้าเมืองช่ือพญาพรหมจักร พระมเหสีได้ประสูติพระธิดาที่งดงามน่ารักองค์หน่ึง พญาพรหมจักร ตั้งช่ือว่า เทวธิสังกา แล้วให้โหรหลวงทำนายดวงของพระธิดา โหร ตรวจดูดวงชะตาแลว้ กราบทลู วา่ “เม่ือพระธดิ ามพี ระชนั ษา ๑๖ ปี จะโดนเสอื กดั จนสิ้นพระชนม์ จากน้ันจะฟ้ืนขึ้นมาแลว้ ไดค้ ู่ครองพระพุทธเจ้าขา้ ” พญาพรหมจกั รไดฟ้ งั ดังนัน้ กแ็ ปลกใจยิง่ นกั จึงถามวา่ “ผู้ที่จะเป็นคู่ครองของลูกเรานั้นเป็นลูกพญาเจ้าเมือง หรือว่าจะ เปน็ ลูกของเสนาอำมาตยก์ ันแน่” โหรหลวงกราบทลู วา่ “หามิได้พระพุทธเจ้าข้า พระสวามีของพระธิดาน้ันจะเป็นคน ยากไร้เข็ญใจ พลัดบ้านพลดั เมอื งมาพระพทุ ธเจา้ ข้า” พญาพรหมจักรท้งั แปลกใจและสงสยั จะเป็นไปไดอ้ ยา่ งไรท่ีลูกจะ ต้องตายเสียก่อนแล้วจึงจะมีสวามี คนตายแล้วจะฟ้ืนได้อย่างไร ด้วย

จนั ตะคาด 55 ความกลัวจะสูญเสียพระธิดา พญาพรหมจักรจึงสั่งให้แม่นมเลี้ยงดูพระ ธิดาอยา่ งดีให้อยแู่ ตใ่ นปราสาท เพ่ือปอ้ งกันไมใ่ ห้นางต้องส้นิ ชีวิตเพราะ เสอื กัดตามคำทำนาย เมื่อนางเทวธิสังกาอายุ ๑๒ ปี ได้แอบหลบหนีแม่นมออกไป นอกปราสาทด้วยความอยากรู้อยากเห็น นางพบเขี้ยวเสือตกอยู่จึงเก็บ มาเล่น แต่เขี้ยวเสือกลับหลุดมือตกลงมาถูกเท้าของนางจนเลือดออก แผลเล็กๆ ขยายเป็นแผลใหญ่ สร้างความเจ็บปวดทรมานให้กับนาง อย่างยิ่ง นางเทวธิสังกาเจ็บปวดบาดแผลจากเขี้ยวเสือนานกว่าสามปี พญาพรหมจักรเพียรหาหมอยามารักษาแต่มีใครสามารถรักษานางได้ ทั้งพญาพรหมจักร พระมเหสีและชาวเมืองต่างโศกเศร้ากังวลใจกับ อาการเจบ็ ปว่ ยของพระธดิ ายิง่ นกั วันหนึ่ง โคตถะ พ่อค้าสำเภาลอ่ งเรือมาถึงเมืองอนิ ทปัตถ์ เห็น ผู้คนในเมืองต่างโศกเศร้าเพราะการประชวรของพระธิดาจึงไปเข้าเฝ้า พญาพรหมจักรและกราบทลู ว่า “ข้าพระพุทธเจ้ารู้จักหมอยาวิเศษอยู่เมืองกาสี เมื่อปีก่อนหมอ ยาผู้นั้นเคยช่วยชุบชีวิตลูกชายของข้าพระพุทธเจ้าที่ถูกเสือกัดตายให ้ ฟ้ืนคืนมาได้ ข้าพระพุทธเจ้าคิดว่าหมอยาคนน้ันคงจะช่วยชีวิตพระธิดา ไดเ้ ชน่ กนั พระพทุ ธเจา้ ขา้ ” พญาพรหมจักรฟังแล้วดใี จยิง่ นกั ตรัสกับพอ่ ค้าว่า “จริงหรือ มีหมอยาที่วิเศษอย่างนั้นด้วยหรือนี่ อายุสักเท่าไหร่ “ตอนทพี่ บกัน หมอยาหนมุ่ คนนน้ั อายไุ ด้สกั ๑๕ ปี พระพทุ ธ เจา้ ขา้ ”

56 จันตะคาด “อายุพอๆ ลูกสาวข้าเลยน่ะสิ ดีแล้ว ทรัพย์สมบัติในเรือของ มีค่าเท่าไหร่ ข้าจะขอซ้ือไว้ท้ังหมด แล้วจ้างท่านไปรับหมอยาผู้น้ันมา รักษาลกู ข้าจะไดไ้ หม” พ่อค้าโคตรถะรับปากด้วยความเต็มใจ พญาพรหมจักรจึงสั่งให้ เสนาอำมาตยน์ ำแหวน เสื้อผ้าอันมีคา่ มากมายมหาศาล ฝากให้พอ่ ค้า สำเภานำไปใหห้ มอยา พ่อค้าโคตถะเดินทางกลับมายังเมืองกาสี ตรงไปบ้านของเศรษฐี อุกัณฐะ แล้วเล่าเร่ืองราวให้จันตะคาดฟัง จันตะคาดมีใจเมตตาอยาก ไปเมืองอินทปัตถ์เพ่ือช่วยรักษาพระธิดาเทวธิสังกา จึงไปกราบทูลพญา สุริยคาดผู้เป็นพ่ีชาย พญาสุริยคาดน้ันแม้เป็นห่วงไม่อยากให้ไปแต่เมื่อ เหน็ ความตัง้ ใจของจันตะคาดจึงตอ้ งยินยอม จันตะคาดออกเรือไปกับพ่อค้าโคตถะเป็นเวลานานหลายเดือน จึงถึงเมืองอินทปัตถ์ พระธิดาเทวธิสังกาทนความทรมานจากพิษเขี้ยว เสือไม่ไหว ส้ินพระชนม์ไปก่อนหน้านั้นสามวัน จันตะคาดต้องเค้ียวใบ ยารักษาพระธิดาถงึ หา้ ครงั้ นางจงึ ฟืน้ คนื ชวี ติ และหายเปน็ ปกติ พญาพรหมจักรเห็นพระธิดาฟ้ืนขึ้นเช่นนั้นก็ดีใจยิ่งนัก จึงรับส่ัง เสนาอำมาตย์เตรียมจดั งานอภิเษกสมรสใหก้ บั พระธดิ าและจนั ตะคาด แต่จันตะคาดปฏิเสธเพราะเห็นว่าตนเองนั้นไม่เหมาะสมกับพระ ธดิ า “ข้าพระพุทธเจ้าน้ีเกิดมาในตระกูลของคนยากไร้ ไม่สมควรจะได้ ครองคู่กับพระธิดา จะทำให้เกิดความเสื่อมเสียแก่พระองค์พระพุทธ เจา้ ขา้ ” แตพ่ ญาพรหมจักรไม่เห็นดว้ ย “เจ้าอย่ากล่าวเช่นนั้นเลย เจ้าเป็นผู้มีบุญคุณกับลูกของข้ายิ่งนัก

จันตะคาด 57 อีกท้ังยังมีของวิเศษติดตัว แสดงว่าเจ้าเป็นคนดี ข้าจึงเต็มใจยกลูกสาว ของข้าให้ครองคู่กับเจ้า แม้เจ้าจะเกิดในตระกูลใดก็ตาม ข้าไม่สนใจ ขอแคค่ นดีๆ อยา่ งเจ้าได้ดูแลลูกสาวของขา้ ขา้ กว็ างใจแลว้ ” เมื่อพญาพรหมจักรรับสั่งเช่นนั้น จันตะคาดจึงได้ครองคู่อยู่กับ นางเทวธสิ ังกาทเ่ี มอื งอนิ ทปตั ถอ์ ย่างมคี วามสุข หนึ่งปีผ่านไป จันตะคาดคิดถึงพ่ีชาย และเศรษฐีอุกัณฐะพ่อ บุญธรรมของตนที่เมืองกาสี จึงต้ังใจจะเดินทางกลับเมือง นางเทวธิ ผูเ้ ปน็ ชายาขอติดตามไปด้วย จันตะคาดจงึ กราบทูลพญาพรหมจักร “ข้าพระพุทธเจ้ามาอยู่เมืองอินทปัตถ์นานแล้ว บัดน้ีคิดถึงพี่ชาย และพ่อแม่ย่ิงนัก จึงขอลากลับเมืองกาสีพร้อมด้วยน้องเทวธิสังกา พระพุทธเจา้ ข้า” พญาพรหมจักรและพระมเหสีแม้ว่าจะอาวรณ์พระธิดาแค่ไหน แต่เห็นใจจันตะคาดจึงอนุญาต ทั้งจันตะคาดและพระธิดาเทวธิสังกา จงึ กราบลาพญาพรหมจักรและพระมเหสี “แม่ขอใหล้ กู เดนิ ทางปลอดภยั อย่ามอี นั ตรายใดๆ มากล้ำกราย ลกู ของแมเ่ ลยนะจ๊ะ” พระมเหสีรบั สัง่ กับพระธดิ า “พ่อขอใหล้ ูกทัง้ สองไปดมี ีโชค จนั ตะคาด พอ่ ขอฝากเทวธิสงั กา ให้ลูกดแู ลไปช่ัวชีวิตนะ ลกู นะ วนั ขา้ งหน้ามาเยี่ยมกบั พ่อกบั แม่บ้าง” จันตะคาดและพระธิดาเทวธิสังการับคำของพญาพรหมจักรและ พระมเหสี แล้วลงเรือสำเภาลอยลำไปตามแม่น้ำออกไปถึงมหาสมุทร ท่ีกวา้ งใหญ่

58 จนั ตะคาด แตแ่ ลว้ กเ็ กดิ พายรุ นุ แรง คลนื่ โหมกระหนำ่ ซดั เรอื สำเภาใหแ้ ตกพงั ไปในท้องทะเลน้ัน บริวารท่ีติดตามมาด้วยตายเสียทั้งหมด นางเทวธิ คว้าได้ไม้ลำเรือที่แตกออกมาจึงเกาะไว้ กระแสน้ำพัดพานางจนถึงฝ่ัง นางตามหาพระสวามีเทา่ ไรกไ็ ม่พบ จึงเดินรอ้ งไหไ้ ปอยา่ งไร้จุดหมาย ล่วงเข้ายามค่ำ นางเทวธิสังกาเดินหลงมาถึงบ้านเทวบุปผา อนมุ ตั ิ เห็นเรอื นหลังหน่ึงจดุ คบจุดไต้อยูส่ วา่ งไสว นางจงึ เดินเข้าไปหวัง จะขอพกั อาศยั อยดู่ ้วย ได้พบกบั เจ้าของเรือนช่อื แมเ่ ฒ่าปริสุทธ์ ิ “แม่จ๋า ข้าน้ีอาภัพเหลือเกิน เดินทางมากับเรือ เรือแตกเหลือ คนเดยี ว ขา้ ขออาศยั อยู่กับแมจ่ ะได้ไหมจ๊ะ” แม่เฒ่าปริสุทธ์ิฟังคำอ้อนวอนขอของนางเทวธิสังกาเกิดความ สงสารยิ่งนกั กล่าววา่ “ลูกน้อยเอ๋ย แม่น้ีสงสารเจ้าเหลือเกิน อย่าซัดเซพเนจรไปไหน เลยนะลกู นะ อยกู่ บั แมท่ ่ีน่แี หละ แมจ่ ะรกั เจ้าเหมอื นกบั ลกู ในไส้ของแม่ ทีเดยี ว”

จนั ตะคาด 59 นับต้ังแต่นั้น นางเทวธิสังกาก็อาศัยอยู่กับแม่เฒ่าปริสุทธ์ิ นาง ช่วยงานบ้านแม่เฒ่าอย่างแข็งขัน แต่ในใจนั้นเฝ้าคิดถึงจันตะคาด อย่ทู ุกคนื วนั พญานันทกิต เจ้าเมืองอนุมัติ มีพระโอรสชื่อว่า สุทัศนจักร นันทกิตคิดจะให้พระโอรสมีคู่ครอง จึงจัดแต่งเคร่ืองบรรณาการไปยัง เมืองอนุราช เพ่ือสู่ขอนางพรหมจารี พระธิดาของพญาธรรมขันต์ ให้ เปน็ ชายาของสุทัศนจักร

60 จันตะคาด ฝ่ายทางบ้านเทวบุปผาน้ัน นายบ้านซึ่งมีหน้าที่ต้องส่งดอกไม้ เข้าไปในวัง เห็นนางเทวธิสังกาก็เกิดนึกรัก จึงไปเอ่ยขอกับแม่เฒ่าปริ สทุ ธ์ถิ ึงเรือน “แม่เฒ่า เจ้ามลี ูกสาวหนา้ ตาสะสวยอย่างน้ี ทำไมไม่เคยบอกกัน เลย ข้าเห็นลูกสาวเจ้านึกรักอยากจะสู่ขอมาเป็นเมีย เจ้าจงยกนางให ้ ขา้ เสยี เถอะ” แม่เฒ่าปริสุทธิ์นั้นรังเกียจนายบ้านท่ีเป็นคนเห็นแก่ตัวและมีบุตร ชายท่ีมีนิสัยอันธพาลชอบรังแกชาวบ้าน เม่ือนายบ้านมาขอนางเทวธิ สังกาทน่ี างรกั เหมอื นลูก จึงกล่าวดว้ ยความโกรธว่า “เฮอะ เรือ่ งอะไรข้าจะยกลูกสาวใหค้ นอย่างเจา้ คนทเี่ ล้ยี งลูกให้ เป็นอันธพาลอย่างนั้น ข้าไม่ต้องการเกี่ยวดองด้วย ไปเสียเถอะ อย่า ว่าเป็นนายบ้านแล้วจะมาใช้อำนาจบังคับอะไรใครได้ จงอย่ากลับมา เหยยี บเรอื นข้าอกี ” นายบ้านเม่ือถูกแม่เฒ่าปริสุทธ์ิด่าว่าเช่นนั้นก็โมโห จึงคิดจะ แก้แค้นท่ีทำใหต้ นเสียหน้า “เอาเถิด ข้าไม่มีอำนาจบังคับเจ้าหรอก แม่เฒ่า แต่ข้าจะไป กราบทูลเจา้ สทุ ศั นจกั รใหม้ าเอาลกู เจา้ ไปเปน็ สนม ขา้ อยากจะเหน็ นกั วา่ เจา้ จะปฏเิ สธเจา้ สุทัศนจกั รยงั ไง” แม่เฒ่าปริสุทธ์ิเป็นกังวลกลัวว่าเจ้าสุทัศนจักรจะมาบังคับเอานาง เทวธิสังกาไปเป็นนางสนม จึงไปขอความช่วยเหลือจากเศรษฐีโควุฒ ิ ผู้มเี มตตา “ท่านเศรษฐีเจ้าขา เมตตาข้าด้วยเถิด นายบ้านใจโฉดมันจะ ข่มเหงลูกสาวข้า ข้าไม่ยอมก็จะไปฟ้องเจ้าสุทัศนจักรให้มาเอาลูกข้าไป

จันตะคาด 61 เป็นสนมข้าจึงอยากจะขอให้ท่านเศรษฐีเมตตาช่วยหาท่ีซ่อนให้ลูกสาว ข้าด้วยเถิดเจา้ คะ่ ” “แม่เฒ่าปริสุทธิ์ เจ้าไม่ต้องกังวล เด๋ียวข้าจะให้คนใช้พาลูกสาว เจ้าไปซ่อนในห้องนอนของลูกสาวข้า คงจะไม่มีใครรู้หรอก เจ้ากลับไป ก่อนเถอะ แมเ่ ฒ่า” นางเทวธิสังกาซ่อนตัวอยู่บ้านเศรษฐีโควุฒิได้ระยะเวลาหนึ่ง ขบวนทหารท่ีไปรับพระธิดาพรหมจารีก็เดินทางมาถึงเขตเมืองอนุมัติ แม่เฒ่าปริสุทธิ์ได้ยินว่าพระธิดาพรหมจารีจะมาอภิเษกเป็นชายาของ เจ้าสุทัศนจักรก็ดีใจ คิดว่านางเทวธิสังกาคงจะปลอดภัยแล้ว จึงไปรับ นางกลับมาอยูท่ ี่เรือนเหมอื นเดมิ แต่เวลาผ่านไปเพยี ง ๗ วนั ขณะที่นางเทวธสิ ังกากำลงั ไปตกั น้ำ ที่แม่น้ำ บังเอิญเจ้าสุทัศนจักรได้ออกจากวังมาเท่ียวบ้านเทวบุปผา เข้าก็เกิดพึงพอใจในความงามของนาง เม่ือกลับเข้าวังก็บอกนาง พรหมจารีผู้เปน็ ชายาว่า “ข้าต้องการได้ลูกสาวของแม่เฒ่าปริสุทธิ์มาเป็นชายาของข้า สว่ นเจ้า พ่อขา้ จัดการไปขอมาเอง ขา้ ไม่ได้รักเจา้ เลย แตไ่ หนๆ เจา้ ก็ แลว้ เจ้าลงไปเปน็ นางรับใชข้ องข้าก็แล้วกนั ” พระธิดาพรหมจารไี ด้ยินดังนั้นกเ็ สียใจและโกรธมาก จึงต่อว่าเจ้า สุทศั นจักรอย่างไม่เกรงกลัว “ท่านพูดอย่างนี้ได้อย่างไรกัน เมืองน้ีไม่มีเทวีมาเป็นคู่ของท่าน ไม่ใช่หรอื ถงึ ได้ไปเชิญใหข้ า้ มาเปน็ ชายา ตอนน้ีทา่ นกลับบอกวา่ จะยก หญิงอ่ืนเป็นชายา แล้วให้ข้าเป็นนางรับใช้ ท่านทำอย่างนี้ยังเป็นลูก

62 จันตะคาด ผชู้ ายอยู่หรือเปล่า” เจ้าสุทัศนจักรได้ยินคำต่อว่าของนางพรหมจารีก็โมโหมาก สั่งให้ ทหารจับนางลอยแพไปในแม่น้ำอจริ วดที ันท ี ฝ่ายนางเทวธิสังกานั้น เม่ือรู้ข่าวว่าเจ้าสุทัศนจักรส่ังลอยแพ นางพรหมจารีผู้เป็นชายา แล้วจะมาจับตนไปเป็นชายาแทน ก็เกิด วิตกกังวล จึงปรึกษาแม่เฒ่าปริสุทธ์ิว่าจะออกบวชเป็นชีเพื่อหนีเจ้า สทุ ศั นจกั ร

จันตะคาด 63 “แม่จ๋า เจ้าสุทัศนจักรส่ังลอยแพพระชายาพรหมจารีเสียแล้ว หากอยู่อย่างน้ีลูกคงไม่รอดพ้นเง้ือมมือของท่านเป็นแน่ หากลูกไป บวชชีเสยี แลว้ สทุ ศั นจกั รคงจะไม่กล้าแตะต้อง” “แม่เป็นห่วงเจ้าเหลือเกิน เทวธิสังกาเอ๋ย แต่หากลูกจะไปบวช ก็คงจะดีเหมือนกัน ถึงเจ้าสุทัศนจักรจะไม่เกรงกลัวใคร แต่เห็นทีจะไม่ หักหาญสมณะชีพราหมณ์หรอก ไม่เช่นน้ันผู้คนจะสาปแช่งกันท้ัง นางเทวธิสังกาจงึ ลาแมเ่ ฒา่ ปรสิ ทุ ธิไ์ ปบวชเป็นช ี เม่ือเหล่าข้าราชบริพารยกขบวนมารับนางเทวธิสังกาตามคำสั่ง ของเจา้ สทุ ัศนจกั ร แม่เฒ่าปรสิ ุทธจิ์ งึ ออกมาบอกว่า “พวกเจ้ากลับไปเสียเถอะ ลูกของขา้ ไปบวชเป็นชแี ล้ว อยา่ มายุ่ง กบั นางอีกเลย” เม่ือเจ้าสทุ ัศนจักรทราบเรื่องกเ็ สียใจ “โธ่ น้องเทวธิสังกา ทำไมต้องหนีพี่ไปบวชด้วย พ่ีจะรับเจ้ามา

64 จันตะคาด เป็นชายาของพี่ จะเป็นเทวีของเมืองนี้ ทำไมจึงไม่ยินดี คิดหรือว่า แล้วจะหนีพ้น ไมเ่ ปน็ ไร พี่จะรอ วันไหนเจ้าสึกออกมา พี่จะให้เจ้ามา เป็นชายาของพ่ีให้ได้” เจ้าสุทัศนจักรไม่กล้าไปยุ่มย่ามกับนางชีเทวธิสังกา เพราะเกรง ผู้คนจะสาปแช่ง ได้แต่มุ่งหมายว่า นางสึกเม่ือไรจะไปรับมาเป็นชายา ของตน

จนั ตะคาด 65 หก การผจญภัย ของจนั ตะคาด

66 จันตะคาด

จนั ตะคาด 67 การผจญภัยของจันตะคาด ฝ่ายจันตะคาดน้ัน เม่ือพายุใหญ่ได้ซัดจนเรือแตกก็ลอยตามน้ำ ไปเกยฝ่ัง เมื่อได้สติแล้วก็เดินเสาะหานางเทวธิสังกาผู้เป็นเมีย แต่หา ท่ีไหนก็ไม่พบ เพราะท่ีน่ันคือป่าใหญ่ของเมืองปาฏลีบุตร จันตะคาด เดินดุ่มเข้าไปในป่า บังเอิญเห็นเหย่ียวตัวหน่ึงคาบงูบินข้ึนแล้วปล่อยให้ ตกลงมาตายอยกู่ บั พน้ื ดนิ จงึ ควา้ เอาใบยาวเิ ศษทเ่ี หลอื ตดิ ตวั เพยี งเลก็ นอ้ ย มาเคย้ี วแล้วนำใส่ปากงู ไมน่ านงตู วั นนั้ กฟ็ ้นื คนื ชีวติ แล้วเลอื้ ยจากไป จันตะคาดเดินต่อไปไม่นานก็พบชายหนุ่มผู้หน่ึง ชายผู้นั้นเอ่ย ทกั วา่ “ทา่ นจะไปทไ่ี หนหรือ สหาย” จันตะคาดจึงตอบชายแปลกหน้าไปว่า “ข้ามาจากเมืองอินทปัตถ์ กำลังล่องเรือจะไปเมืองกาสี บังเอิญ มีพายุใหญ่มาซัดเรือสำเภาของข้าแตก ข้าลอยตามน้ำมาถึงฝ่ังเมืองน้ี แหละ เมียข้าไม่รู้ว่าจะเป็นหรือตาย ข้ากำลังตามหานางอยู่ แล้วท่าน เปน็ คนเมืองนี้หรอื ”

68 จันตะคาด “ข้าคืองูตัวที่ท่านช่วยชุบชีวิต ท่านมีบุญคุณกับข้านัก ข้าจึง จะตอบแทนความดีของทา่ น ทา่ นต้องการสิ่งใดจงบอกข้ามาเถอะ” จนั ตะคาดย้ิมและส่ายหนา้ ตอบวา่ “ข้าไมต่ อ้ งการแกว้ แหวนเงินทองอะไรเลย ท่านเอ๋ย ข้าต้องการ อยากจะเหน็ อยากจะพบเมยี ของข้าเทา่ นนั้ เอง” ชายหนุ่มย่ืนมือมาตรงหน้าจันตะคาด ในฝ่ามือของเขาน้ันมีลูก แกว้ ลกู เล็กๆ ลกู หนึ่งสอ่ งแสงแวววาว “ข้าขอมอบให้ท่าน นี้คือลูกแก้ววิเศษ เมื่อท่านอมลูกแก้วนี้ไว ้ ท่านจะไดเ้ ห็นทุกอย่าง”

จนั ตะคาด 69 แลว้ ชายหน่มุ ผนู้ ้ันกห็ ายวบั ไป จันตะคาดอมลูกแก้วน้ันไว้ในปาก ทันใดน้ันก็ได้เห็นทุกส่ิงทุก อย่าง ทง้ั สวรรคช์ ้นั ฟา้ ทง้ั ๖ ชนั้ ตลอดจนถงึ เมอื งมนุษย์ เมืองบาดาล เมืองยักษ์ผีสางที่สิงอยู่ตามป่าเขา เมื่อจันตะคาดต้ังจิตเล็งดูในทิศใด ก็สามารถมองเห็น เขาเห็นพญาสุริยคาดผู้เป็นพ่ีชายที่เมืองกาส ี เห็นพ่อแม่กำลังขายผักขายปลาที่ตลาดในเมืองจำปานคร เห็นพญา พรหมจักรและพระมเหสีท่ีเมืองอินทปัตถ์ และเมื่อตั้งจิตเล็งดูอีกท ี ก็เห็นนางเทวธิสังกาเมียของตนอยู่กับแม่เฒ่าคนหน่ึง และนางได้บวช เป็นชไี ปเสยี แลว้ จันตะคาดดีใจย่ิงนักที่ได้เห็นนางเทวธิสังกา แม้จะไม่รู้เลยว่า บ้านเมืองทน่ี างเทวธิสงั กาอยู่นน้ั เป็นท่ใี ด ผู้คนอ่นื ๆ ท่ีมองเห็นกไ็ ม่รจู้ กั เลยสกั คน แต่อยา่ งน้อยยงั มคี วามหวังทีจ่ ะไดเ้ จอกนั จันตะคาดจงึ เดินดุ่มไปตามป่า หวงั จะไปถึงเมืองที่นางเทวธสิ งั กา อาศัยอยู่ เดินทางได้เจ็ดวัน ก็พบวิทยาธรสองตนกำลังต่อสู้กันบน เหนือหมู่ไม้ วิทยาธรตนหน่ึงแพ้ ตกลงมานอนอยู่บนพ้ืนดิน จันตะ คิดจะเอาใบไม้วิเศษมาช่วยชีวิต แต่ใบไม้น้ันหมดไปเสียแล้วต้ังแต่ช่วยง ู ที่ชายป่า เขาจงึ พยายามหาใบไม้ รากไม้อ่นื ๆ ในบริเวณนนั้ มาลองใช้ แตก่ ใ็ ชไ้ มไ่ ด้ วิทยาธรตนนน้ั จึงกล่าวกบั จันตะคาดผู้ทก่ี ำลังพยายามช่วย ชวี ติ ตนไว้วา่ “หนุม่ น้อย เจา้ ช่างมเี มตตานัก ขอบใจเจ้ามาก แตอ่ ย่าพยายาม เลย ข้าคงไม่รอดแน่ เมื่อข้าตายแล้ว เจ้าจงเอารองเท้ากับดาบของข้า เถอะ ดาบเล่มนี้วิเศษนัก เม่ือเจ้าหิว จงเอาดาบแช่น้ำผ้ึงแล้วด่ืมกิน จะอิ่มหนำเหมือนได้กินข้าวปลามากมาย ท้ังดาบเล่มน้ียังสามารถ

70 จันตะคาด ฟันเหล็ก ฟันหินผาขาดได้หมด ไม่มีดาบเล่มไหนเทียมเท่า ส่วน รองเท้าวิเศษน้ันใส่แล้วจะเหาะเหินเดินอากาศได้ และมีกำลังปานช้าง สาร ข้าขอใหเ้ จ้าโชคด”ี กล่าวจบ วิทยาธรตนนั้นก็ส้ินใจตาย จันตะคาดจึงเก็บดาบและ รองเท้าวิเศษไว้รวมกับลูกแก้ว นึกยินดีว่าของวิเศษท่ีได้มาท้ังหมดคง จะชว่ ยใหต้ นตามหานางเทวธสิ งั กาชายาได้แน่นอน ยังมีอีกเมืองหน่ึงช่ือเมืองสังกัสสะ มีเศรษฐีสามตระกูล แต่ละ ตระกูลมลี ูกสาวหน่งึ คน อายุ ๑๖ ปีเทา่ กันและเปน็ เพื่อนกันมาต้งั แต่ ยังเด็กนางหน่ึงช่ือว่า ทิพย์โสดา นางหนึ่งช่ือว่าปทุมมา นางสุดท้าย ว่าคันธเกสี วันหน่ึงทั้งสามชวนกันไปอาบน้ำตกในป่า เสร็จแล้วชวน เดินเที่ยวป่าไปเรื่อยๆ อย่างเพลิดเพลินจนหลงทางโดยไม่รู้ตัว เผอิญ ฝนตก หญงิ ทัง้ สามจงึ ชวนกนั ไปหลบฝนในถ้ำแห่งหนึง่ ฝ่ายเศรษฐีท้ังสามตระกูล เห็นลูกสาวหายไปไม่กลับบ้าน เหล่า คนรับใช้ตามหาอย่างไรก็ไม่พบ ยิ่งเย็นย่ำค่ำลงเท่าใดก็ย่ิงร้อนอกร้อน ใจนักพากันไปหาโหรมาทำนาย โหรตรวจดูดวงชะตาแล้วจึงบอกวา่ “ลกู สาวของพวกทา่ นนนั้ ไปเทย่ี วปา่ แลว้ หลงเขา้ ไปในถำ้ แหง่ หนง่ึ อีกหกเดือนข้างหน้าจะมีชายหนุ่มคนหนึ่งพามาส่งถึงเรือนอย่าง ปลอดภัย ทา่ นอยา่ ได้กงั วลไปเลย” เศรษฐีทั้งสามได้ยินคำทำนายเช่นน้ันก็พยายามหักใจและรอวัน ที่ลกู สาวจะกลับบา้ นในอกี หกเดือนข้างหนา้ ฝ่ายลูกสาวทั้งสามของเศรษฐีที่เข้าไปหลบฝนในถ้ำนั้น ได้พบ

จนั ตะคาด 71 ชายหนุ่มผู้หน่ึงพักอยู่ก่อนแล้ว แท้จริงชายหนุ่มน้ันคือจันตะคาด “ชายคนน้ันเป็นใคร ดีหรือร้ายก็ไม่รู้ เราลองไปถามดูดีไหม” นางทิพย์โสดากระซบิ กบั สหายทัง้ สองของนาง นางปทุมมาจึงปรึกษาวา่ “แลว้ เราจะเรยี กมันยงั ไงดี จะเรยี กวา่ พ่หี รอื นอ้ ง มันก็ไม่ใชพ่ ีเ่ รา น้องเรา จะเรียกว่าเจ้าข้า ก็ไม่ได้เป็นผัว จะเรียกว่าสหายก็ไม่รู้ว่าอายุ เทา่ ไหร่ เราจะเรยี กมนั ยงั ไงดีละ่ ” นางคันธเกสีจึงเสนอความคิดของตนวา่ “ข้าเคยได้ยินแม่เรียกชายคนหน่ึงว่าหลานน้อย เราเรียกมันว่า หลานน้อยท่าจะดี ข้าว่าเราเข้าไปถามมันท้ังสามคนน่ีแหละ หากมัน ทำมิดีมิร้ายอยา่ งนอ้ ยยงั ช่วยกนั ได”้ ปรึกษากันแล้ว ทั้งสามคนก็เดินไปหาจันตะคาด นางทิพยโสดา เอ่ยถามวา่ “หลานน้อย เจา้ มาจากไหนหรอื ” จันตะคาดกำลงั เหมอ่ คิดถงึ นางเทวธิสงั กา ยงั ไมท่ นั เอ่ยปากตอบ ว่ากระไร ลกู สาวเศรษฐีกลบั คดิ ไปวา่ จนั ตะคาดเป็นคนตาบอดจงึ กระซบิ กันว่า “มันเปน็ คนตาบอด ไม่ตอ้ งกลัวมนั หรอก” นางคันธเกสจี งึ ถามซำ้ วา่ “หลานนอ้ ยเจ้ามาจากเมอื งไหนหรือ” จันตะคาดตอบว่า “ข้ามาจากเมืองอินทปัตถ์ และเดินทางผ่าน มาพักหลบฝนในท่ีน”ี้ “หลานน้อย ข้าทัง้ สามหิวเหลอื เกิน เจ้าพอมีอาหารแบ่งใหพ้ วก ข้ากินบา้ งไดไ้ หม” นางปทมุ มาเอย่ ถาม

72 จนั ตะคาด จันตะคาดได้ยินทั้งสามนางพูดว่าตนตาบอด ท้ังยังเรียกตนว่า หลานน้อย จึงนึกสนุกแกล้งเดินมะงุมมะงาหราไปชนลูกสาวเศรษฐ ี คนหนงึ่ แล้วแกลง้ ตกใจเอ่ยวา่ “โอย ข้าขอสูมาเถอะ ขออภัย พวกป้าอากินอาหารของข้านี่ เถอะ” จันตะคาดย่ืนน้ำผึ้งให้ท้งั สามดม่ื กนิ แล้วเดินวนไปมา นางหน่งึ จึงถามว่า “หลานนอ้ ย เจา้ หาอะไรอยหู่ รือ” “ขา้ อยากได้ดอกไม้” จนั ตะคาดตอบ นางคันธเกสีจึงบอกวา่ “ในถำ้ นี้ไม่มีดอกไมส้ ักดอก เจ้าจะเอาดอกไมม้ าทำไมหรอื ” จันตะคาดแกลง้ ตอบวา่ “ข้าน้ีกระทำบาปกรรม ได้ไปถูกเนื้อต้องตัวเมียคนอ่ืน ข้าจึง อยากไดด้ อกไมม้ าขอขมาเพ่อื ใหพ้ น้ บาปกรรมนน้ั ” นางทพิ ย์โสดาจึงไตถ่ ามวา่ “เจา้ ตาบอดไปไหนไมไ่ ด้ แลว้ ไปถกู เนื้อต้องตวั เมียคนอ่นื เขาเมือ่ ไหร่หรือ หลานน้อย” “เมื่อครู่นี้ ข้าย่ืนน้ำผ้ึงไปให้พวกป้าเลยไปถูกเน้ือต้องตัวพวก เห็นจะเป็นบาปกรรม” จันตะคาดแกล้งว่า เหล่าลูกสาวเศรษฐีพากัน อาย แลว้ รบี ปฏิเสธกนั พัลวนั “พวกข้ายังไม่มีผัวเลยสักคน เจ้าไม่ต้องมาขอขมาหรอก เพราะ เจ้าไม่ได้ผิดลูกเมยี ใครน่”ี “อ้าว พวกป้าอาท้ังหลายเป็นแม่หม้ายแม่ร้างหรอกหรือจ๊ะ” จนั ตะคาดยังแกล้งถามตอ่ ไป นางปทุมมาจึงบอกกบั จันตะคาดวา่ “พวกข้าไมไ่ ด้เป็นแมห่ ม้ายแมร่ ้างหรอก ยังเปน็ สาวเปน็ แส้ อายุ

จนั ตะคาด 73 เพิ่ง ๑๖ ปีเทา่ นนั้ ” “อ้าว ถ้าพวกป้าอาท้ังหลายเป็นสาวจริงดังว่า ทำไมถึงเรียกข้า หลานนอ้ ยล่ะ” “ขา้ เคยไดย้ นิ แมข่ องข้าเรียกชายหนมุ่ ผหู้ นึง่ วา่ หลานน้อย ขา้ เลย เรียกเจ้าเหมือนกบั ท่ีแม่ขา้ เรียก” นางคันธเกสบี อกกลา่ ว แตจ่ นั ตะคาด ยังแกลง้ พูดตอ่ ไปว่า “ข้าไม่เชื่อหรอก เมื่อก้ีตอนท่ีข้าถูกตัวพวกป้าน่ะ ข้าว่าเน้ือตัว พวกปา้ นะ่ เหีย่ วยน่ กนั หมดแล้วนะ” นางทพิ ยโ์ สดารีบบอกว่า “เมอื่ กีต้ อนทเ่ี จ้าชนขา้ น่ะ เจ้าถกู ผ้าสไบท่ขี อ้ ศอกของขา้ ต่างหาก ไมใ่ ชเ่ นอื้ ตัวของขา้ สกั หนอ่ ย” จันตะคาดก็เถียงว่า “ข้ารู้ว่าไม่ใช่ผ้าสไบ แต่เป็นเน้ือตัวท่านน่ัน แหละ แม่เฒ่า” ทัง้ สามนางเกดิ โมโหจนลืมตวั ทา้ ใหจ้ นั ตะคาดจับตอ้ งเนอ้ื ตัวของ พวกตน ว่าเต่งตึงเป็นสาวน้อยไม่ใช่ยายเฒ่า หากเป็นชายหนุ่มท่ีจิตใจ ต่ำช้า อาจถือเป็นโอกาสที่ได้ลวนลามหญิงสาว แต่เพราะจันตะคาด แท้จริงแล้วเป็นคนจิตใจดีงาม เม่ือเห็นว่าหญิงสาวท้ังสามนางกำลัง เข้าใจผิดมากขึ้น ถึงกับยอมให้สัมผัสเน้ือตัว จึงเลิกเล่นสนุกแล้วบอก ความจริงแก่พวกนางว่าตนมิได้ตาบอด นางท้ังสามก็ยอมรับว่าพวกตน เข้าใจผิดไปเอง แล้วท้งั หมดจงึ เป็นมิตรกนั เม่ือถึงเวลาค่ำ จันตะคาดจึงก่อกองไฟขึ้น ขณะนั้นเอง ผีโพรง ตวั หนง่ึ เหน็ มกี องไฟอยใู่ นถำ้ มนั จงึ เอาแลนหรอื ตะกวดตวั หนง่ึ มายา่ งไฟ กินอยา่ งเอร็ดอรอ่ ย

74 จนั ตะคาด จันตะคาดนั้นเห็นผีโพรงก็แกล้งทำเป็นไม่เห็น แต่ลูกสาวเศรษฐี ท้ังสามคนหวาดกลัวเป็นอันมาก ผีโพรงกินแลนเสร็จก็หันมาพูดกับ จนั ตะคาดวา่ “ไอห้ นมุ่ กูขอกนิ เมียของมงึ ซกั คนเถอะ” จันตะคาดจึงถามผโี พรงไปว่า “มงึ จะกนิ คนไหนร”ึ “คนไหนก็ได้ มงึ ให้คนไหนกกู ็กนิ หมด” ผโี พรงตอบ จันตะคาดจึงแกล้งชี้มือไปที่นางทิพย์โสดาแล้วบอกว่า “กูจะให้ มึงกินคนนี้” นางทิพย์โสดาอ้อนวอนขอชีวิต จันตะคาดจึงแกล้งชี้ไปที่นาง ปทุมมา นางปทุมมาร้องขอชีวิตอีก จันตะคาดจึงชี้ไปที่นางคันธเกสี นางก็ร้องไห้ด้วยความหวาดกลัวและอ้อนวอนขอชีวิตเช่นกัน จันตะ จึงบอกกับผีโพรงว่า “กไู ม่ให้มึงกนิ สักคน” ผีโพรงโมโหมาก ต้ังท่ากระโจนเข้ามาทำร้าย จันตะคาดจึง ถอดดาบกายสิทธิ์ออกจากฝักมาต่อสู้ ผีโพรงสู้ไม่ได้จึงวิ่งหนีหายไป ในความมดื ลูกสาวเศรษฐที ง้ั สามจึงกล่าวขอร้องวา่ “พ่ีจันตะคาด พวกเรากลัวมาก ท่านช่วยไปส่งพวกเราที่เมือง สังกัสสะด้วยเถอะ” จันตะคาดเห็นใจพวกนางจึงรับปาก รุ่งเช้า ท้ังส่ีคนก็เดิน จากถำ้ เจด็ วันต่อมากถ็ งึ หมบู่ า้ นหัตถปิ าละ เมืองปาฏลีบุตร ทั้งสี่คนแวะขอดื่มน้ำแก้กระหายท่ีเรือนของนายบ้านหัตถิปาละ จนั ตะคาดสังเกตเหน็ นายบ้านมที า่ ทางเศรา้ ซึมกลัดกลมุ้ จงึ ไตถ่ ามอยา่ ง

จันตะคาด 75 มีน้ำใจ นายบ้านหัตถิปาละเล่าว่าตนเป็นผู้ดูแลช้างของเจ้าเมืองปาฏลี บุตร แต่ช้างนั้นหายไปนานกว่าหน่ึงเดือนแล้ว ตามหาเท่าไรก็ไม่พบ ตนเห็นจะถกู เจา้ เมืองลงโทษเป็นแน่ จันตะคาดอมลูกแก้ววิเศษเห็นช้างของเจ้าเมืองถูกผีเสื้อบ้าน หรอื วา่ ผีอารกั ษ์ยดึ ไว้ จงึ บอกวา่ “ช้างเชือกท่ีว่านั้นถูกผีเส้ือบ้านเก็บเอาไว้ หากท่านไปกำราบมัน กจ็ ะไดช้ ้างคนื ” นายบ้านหัตถิปาละไปตามเอาช้างคืนจากผีเสื้อบ้านเป็นผลสำเร็จ ตั้งแต่นั้นคนท้ังหลายในบ้านเมืองก็เล่าลือกันไปว่ามีหมอโหรตาทิพย์มา อยู่ท่ีบ้านหัตถิปาละ มีผู้คนเข้ามาขอความช่วยเหลือจากจันตะคาดกัน มากมาย ยังมีอีกหมู่บ้านหน่ึง เกิดเหตุเภทภัยใหญ่หลวงข้ึนในบ้านของ เศรษฐีห้าตระกูล ผู้คนเจ็บป่วยตายจำนวนมาก เศรษฐีท้ังห้าจึงพากัน ขอให้จันตะคาดทำนายว่าเป็นเพราะอะไร จันตะคาดอมลูกแก้วแล้ว ส่องดูแล้วบอกกับเศรษฐีท้งั ห้าตระกูลน้ันวา่ “ท่านเศรษฐี ใต้บ้านของท่านแต่ละคนมีไหคำฝังอยู่ แต่ละไห มีทองคำอยูห่ นึ่งแสน ผยี กั ษ์มันรกั ษาไหคำนนั้ ไว้ ท่านตอ้ งขุดเอาไหคำ พวกนัน้ ไปฝงั ทอี่ นื่ เสยี ผียกั ษจ์ ะไมร่ งั ควานท่านอกี ” เศรษฐีทั้งห้ากลัวผียักษ์ ไม่กล้าจะไปขุดไหคำ จึงอ้อนวอนขอ จนั ตะคาดให้ชว่ ย “พ่อหมอ พวกข้าจนปัญญาจริงๆ ไม่มีใครกล้าไปขุดไหของ ผียักษ์หรอก ข้าว่าพ่อหมอคงจะมีบารมีมากพอที่จะขุดไหได้ เมตตา

76 จันตะคาด พวกขา้ ดว้ ยเถอะ” จันตะคาดได้ฟังคำอ้อนวอนของเศรษฐีท้ังห้าก็เห็นใจ จึงใช้ดาบ กายสิทธิ์ขุดไหคำท้ังห้าใบไปฝังไว้ในป่า ตั้งแต่นั้นมา ผู้คนอยู่สุขสบาย ไม่มีใครเจ็บป่วยตายอีกเลย เศรษฐีท้ังห้าคนจึงมอบทรัพย์สินเงินทอง จำนวนมากเปน็ การตอบแทนบุญคุณ จนั ตะคาดแบ่งสว่ นหนึง่ ใหล้ กู สาว เศรษฐีทง้ั สามคน ทเี่ หลอื ทำบุญและแจกจ่ายให้กับยาจกเขญ็ ใจจนหมด จันตะคาดและลูกสาวเศรษฐีสามคนอาศัยอยู่ในเมืองปาฏลีบุตร นานสองเดือน ได้ช่วยเหลือชาวบ้านมากมาย แต่ละคนยินดียกทรัพย์ สมบัติยกลูกสาวให้ แต่จันตะคาดไม่ยอมรับสิ่งใดทั้งส้ิน เมื่อเห็นว่า ชาวเมืองปาฏลบี ุตรสงบสุขดแี ลว้ จึงออกเดินทางไปยงั เมอื งสงั กัสสะ ของวิเศษที่จันตะคาดได้รับจากวิทยาธรน้ันมีประโยชน์อย่างย่ิง เม่ือพบว่ามีภูเขาสูงเสียดฟ้ากั้นขวางทางไป จันตะคาดให้ลูกสาวเศรษฐี ทัง้ สามคนเกาะแขนตนไวแ้ ลว้ เหาะขา้ มภูเขาไปได้ดว้ ยรองเท้าวิเศษ ครง้ั หน่ึง ท้ังสพี่ ลดั หลงไปยังเมืองโจร ฝงู โจรหา้ รอ้ ยคนจะมาแยง่ ชิงลูกสาวเศรษฐที ัง้ สาม จนั ตะคาดก็อมุ้ นางทั้งหลายเหาะหนขี ้ามแม่น้ำ ใหญ่ด้วยกำลงั ดังช้างสาร แต่เมื่อหนพี ้นหมโู่ จรมาได้ ทัง้ สคี่ นกเ็ ดนิ หลง เขา้ ไปในทอ่ี ยขู่ องยักษผ์ วั เมยี คหู่ นึ่ง เวลานั้น ยักษ์ผัวน้ันออกไปหาอาหาร ส่วนยักษ์เมียเมื่อเห็น มนษุ ยก์ ็จำแลงตนเป็นหญงิ เฒา่ แลว้ ไตถ่ ามว่า “หลานน้อยเอ๋ย เจ้ากำลังจะไปไหนกันหรอื ” “พวกเรากำลงั จะไปเมอื งสังกัสสะจะ้ ” จันตะคาดตอบ ยักษ์เมยี จึงบอกวา่ “วันนี้ก็ค่ำเสียแล้ว หากหลานๆ จะเดินทางไปเมืองสังกัสสะ

จันตะคาด 77 คงจะตอ้ งนอนคา้ งในปา่ เป็นแน่ จงนอนพกั ท่บี า้ นยายเถดิ หลานเอย๋ ” ลูกสาวเศรษฐีทั้งสามดีใจยิ่งนักเพราะต่างเหนื่อยล้าจากการเดิน ทาง จนั ตะคาดรู้วา่ ยายเฒา่ เป็นยักษ์จำแลงจงึ กระซิบบอกพวกนาง แต่ ไม่มใี ครเชอ่ื ทันใดนั้นยักษ์ผัวกลับมาถึงพร้อมกับร่างมนุษย์สามร่างที่มัน ฆ่าเพ่ือนำมาเป็นอาหาร ลูกสาวเศรษฐีเห็นดังนั้นก็กลัวจนตัวส่ัน จนั ตะคาดตอ้ งกระซบิ ใหข้ ม่ ความกลวั ไว้ แลว้ แกลง้ ขอตวั พากนั ไปอาบนำ้ เม่ือถึงท่าน้ำ จันตะคาดให้ทั้งสามนางเกาะแขนตนไว้แล้วเหาะ ขึ้นไปในอากาศ ยักษ์ผัวท่ีย่องตามมาหมายจะจับกินเห็นดังนั้น จึงรีบ คว้าแขนนางปทุมมาไว้ จันตะคาดชักดาบกายสิทธิ์ฟันแขนยักษ์ขาด ทันทแี ละเหาะหนไี ปจนพ้นเมอื งยักษ ์

78 จันตะคาด จันตะคาดและลูกสาวเศรษฐีเดินทางระหกระเหินอยู่นานถึงหก เดือน ในท่ีสุดก็ถึงเมืองสังกัสสะ เศรษฐีท้ังสามตระกูลดีใจเป็นอันมาก ที่ลกู สาวของตนกลบั มาถงึ บ้าน จงึ ต้อนรับจนั ตะคาดเปน็ อย่างดี ทง้ั หา เสอ้ื ผา้ ใหม่ หาอาหารใหก้ ินและมอบทรพั ย์สมบตั ิใหอ้ ีกมากมาย จันตะ คาดนำทรัพย์สมบัตินั้นถวายทานแก่วัดและพระสงฆ์จนหมดส้ิน แล้ว อำลาเศรษฐีท้ังสามตระกูล เพื่อเดินทางตามหานางเทวธิสังกา เมียรัก ของตน จันตะคาดเดินทางไกลจากเมืองสังกัสสะ จนกระท่ังถึงริมฝั่งแม่ อจริ วดี จึงไดห้ ยดุ พักเอนกายหลบั ไปใตต้ น้ ไม้ใหญ่ริมนำ้ นนั่ เอง

จนั ตะคาด 79 เจ็ด ความแคน้ ของสตรี

80 จันตะคาด

จนั ตะคาด 81 ความแค้นของสตรี ขณะที่จันตะคาดกำลังนอนเอนกายพักผ่อนอยู่ใต้ร่มไม้ริมฝั่งน้ำ กไ็ ด้ยินเสียงร้องไห้ ครำ่ ครวญด้วยความเสียใจดงั ไปท่วั ปา่ จนั ตะคาดลกุ ขึ้นน่ังสำรวจไปรอบๆ เห็นหญิงหนึ่งร้องไห้อยู่บนแพที่ลอยน้ำมาจึงรีบ ไปช่วยนางขึน้ ฝงั่ แลว้ ไตถ่ าม “น้องหญงิ นีเ่ จา้ ถกู โทษทณั ฑอ์ ะไรหรอื ถึงถูกลอยแพมาอย่างน้ี” หญิงนางนั้นรอ้ งไหส้ ะอึกสะอื้นหนกั ขน้ึ เมอื่ คิดถงึ ส่ิงตนถูกกระทำ “ข้าชื่อพรหมจารีเป็นธิดาของพญาธรรมขันต์ เจ้าเมืองเมือง อนุราช มีลูกพญาเมืองอนุมัติชื่อเจ้าสุทัศนจักร ไปสู่ขอข้าเป็นชายา แต่ข้าไปอยู่ด้วยได้แค่เจ็ดวัน เจ้าสุทัศนจักรก็จะให้ข้าไปเป็นนางรับใช้ แล้วแต่งตั้งผู้หญิงคนใหม่เป็นชายา พอข้าไม่ยินยอม เจ้าสุทัศนจักร กล็ อยแพข้ามาเชน่ นี้แหละ”

82 จนั ตะคาด จันตะคาดได้ฟังนึกสงสารนางพรหมจารีย่ิงนัก แต่ไม่กล้าพานาง ไปดว้ ยเพราะนางเปน็ เมียของคนอนื่ จงึ กล่าวว่า “เจ้าน่าสงสารนัก แต่ว่าตอนนี้ข้าช่วยเจ้าขึ้นมาได้แล้ว เจ้าจะ ทางไปไหนแลว้ แต่ใจเจ้าเถอะ” นางพรหมจารีได้ฟังคำกล่าวของจันตะคาดก็น้อยใจ เสียใจ รอ้ งไหข้ ้นึ มาอีก “ข้าน้ีมนั รูปช่วั นักหนาใช่ไหม ท่านถงึ ไดไ้ ลข่ า้ ใหไ้ ปเสยี พ้นๆ อยู่ กับผัว ผัวก็ไม่รัก เอาข้าลอยแพมา ข้ามาพบท่านก็คิดว่าท่านจะช่วย เหลือเจอื จุน แต่ทา่ นก็เกลยี ดชังข้า ไลข่ า้ ไปเสยี ให้พ้น ขา้ น้อยใจย่ิงนกั ”

จันตะคาด 83 “ถ้าข้าพาเจ้าไปด้วยจะเป็นท่ีครหา เจ้ามีคู่ครองแล้ว ข้าเกรงว่า เจ้าจะเสือ่ มเสยี ชอื่ เสยี ง แตถ่ า้ เจ้าประสงคจ์ ะไปกบั ข้า ข้าจะพาเจา้ ไปส่ง ทีเ่ มืองอนุมตั ”ิ จนั ตะคาดบอกเหตผุ ล แต่นางพรหมจารีแย้งขึ้นมา “ถ้าท่านจะพาข้าไปส่งให้ผัวข้า ท่านฆ่าข้าเสียตอนนี้เลยดีกว่า ข้าไม่อยากจะเห็นหน้าผู้ชายใจร้ายอย่างนั้นแม้แต่นิดเดียว” นาง พรหมจารีเอย่ ถึงเจา้ สทุ ศั นจกั รอยา่ งเกลียดชงั “ถ้าอย่างนั้น ข้าจะพาเจ้าไปส่งพ่อแม่ของเจ้าที่เมืองอนุราชก ็ แล้วกัน” นางพรหมจารไี ดย้ นิ ดงั น้ันรีบพดู ว่า “ข้าน้ันรักพ่อแม่ย่ิงนัก แต่หากกลับไปหาพวกท่าน ผู้คนคงจะ หัวเราะเยาะพ่อแม่ที่ลูกสาวถูกผัวเอาลอยแพ ข้าขายหน้าเขานัก ท่าน เอ็นดูข้าเถดิ ให้ขา้ ติดตามทา่ นไปดว้ ย จะให้เปน็ คนรบั ใช้ของท่านกไ็ ด้” นางพดู พลางสะอืน้ นา่ สงสาร จันตะคาดได้ฟังคำอ้อนวอนของนางพรหมจารีก็รู้สึกหนักใจ แต่คิดว่าจะต้องหาช่องทางพานางไปส่งพ่อแม่ให้ได้ จึงพูดให้นาง สบายใจวา่ “ถ้าเช่นน้ัน ข้าก็ไม่ขัดข้อง แต่ว่าวันน้ีมืดค่ำแล้ว เราพักกันที่ ชายป่านี้เถอะ” คืนน้ัน เม่ือนางพรหมจารีหลับสนิทแล้ว จันตะคาดก็อุ้มนาง ออกจากป่าจนไปถึงบ้านอรัญคาม เมืองปัญจาล พอถึงรุ่งเช้า นาง จารตี ื่นข้นึ มา เหลียวซา้ ยแลขวาเห็นบ้านเมืองผดิ ตาไปจากเมอ่ื คืน กค็ ิด ว่าชายผู้น้ีคงจะเป็นพระอินทร์เนรมิตกายมาชว่ ยชวี ิตตนเปน็ แน่ นางพรหมจารีซักถามชาวบ้านจนรู้ว่าเป็นบ้านอรัญคาม เมือง

84 จนั ตะคาด ปญั จาล นางดใี จย่งิ นกั เพราะเปน็ บ้านของย่าเฒา่ สุรโยธา ผู้ที่เคยเป็น แมน่ มของนางมากอ่ น ย่าเฒ่าสุรโยธานี้มีความรู้ความสามารถในการต่อสู้ ใช้อาวุธได ้ ทุกชนิด เม่ือครั้งที่เป็นแม่นมให้กับนางพรหมจารี ย่าเฒ่าสุรโยธาได้ สอนวิชาการต่อสู้ให้กับลูกหลานเจ้าเมืองหลายคน นางพรหมจารีบอก จนั ตะคาดวา่ “ท่านโปรดรอข้าสักครู่ เมืองนี้คือเมืองปัญจาลเป็นบ้านของย่า เฒ่าสุรโยธา แม่นมของข้าเอง” แล้วนางก็รีบเดินไปหาย่าเฒ่าสุรโยธา บ้าน ฝา่ ยยา่ เฒ่าเหน็ นางพรหมจารกี ด็ ใี จระคนแปลกใจ ถามไถว่ า่ “น่ีพระธิดามาถึงเรือนของแม่ได้อย่างไรกัน พระบิดาของท่าน ยกทา่ นใหก้ ับพระโอรสเจ้าเมอื งอนมุ ัติไปแลว้ ไมใ่ ชร่ ”ึ “แม่จา๋ เจา้ สุทัศนจกั ร ลกู เจา้ เมอื งอนุมัตินน้ั ช่ัวร้ายนัก มาเชญิ ไปเป็นเมียได้เจ็ดวัน ก็จะลดข้าไปเป็นนางรับใช้เพ่ือจะยกหญิงอ่ืนเป็น ชายา ข้าไม่ยอมก็เอาข้าลอยแพ กะจะให้ข้าตายไปกับน้ำ ดีที่ ท่านมาช่วยข้าและเดินทางมากบั ขา้ น่แี หละจ้ะ” ย่าเฒ่าสุรโยธามองจันตะคาดท่ียืนรออยู่นอกเรือน แล้วบอก นางพรหมจารวี ่า “ชายผนู้ น้ั ไมใ่ ช่พระอนิ ทร์หรอก เป็นมนุษยเ์ รานแ่ี หละ พระธิดา ไปเชญิ เขาเขา้ มากินน้ำกินทา่ ใหห้ ายเหน่ือยเสียกอ่ นเถอะ” หลังจากจันตะคาดกินข้าวกินปลาที่เรือนของย่าเฒ่าสุรโยธาอย่าง อ่ิมหนำสำราญก็ได้นอนพักในเรือนน้ันเอง ส่วนนางพรหมจารีนอนใน มุง้ เดยี วกนั กับย่าเฒ่าสุรโยธา และรำพนั ใหอ้ ดีตแมน่ มของตนฟงั ว่า “แม่จ๋า ข้าเป็นทุกข์เหลือเกิน ไม่รู้จะมีชวี ติ อยู่ตอ่ ไปอยา่ งไรดี”

จันตะคาด 85 “ทำไมพระธิดาถงึ ได้พดู อยา่ งนน้ั ไม่เอาเพคะ อยา่ พดู อยา่ งนน้ั ” ย่าเฒา่ ปลอบ “แม่จะไม่ให้ขา้ เปน็ ทกุ ขไ์ ด้ยังไง จะกลบั ไปหาพ่อแม่ ข้ากอ็ บั อาย ขายหน้าผู้คนเหลือเกิน ข้าไม่อยากจะมีชีวิตอยู่ต่อไปแล้ว แม่จ๋า” นางพรหมจารนี ำ้ ตาคลอ “พระธิดาอย่าได้คิดมากเลย ท่านกลับไปหาพระบิดาพระมารดา ท่ีเมืองอนุราชแล้วค่อยยกทัพไปทำศึกกับเจ้าสุทัศนจักรเป็นการล้างอาย จะดีกว่า” “แล้วข้าจะทำได้ยังไงล่ะจ๊ะแม่ ข้าไม่มีอะไรจะไปสู้รบกับเจ้า สทุ ัศนจกั รได้เลย” นางพรหมจารกี ลา่ ว อดตี แม่นมของนางจงึ บอกวา่ “แม่นี่แหละ จะสอนท่านให้เก่งทั้งหมัด มวย มีด ดาบ หอก ขอแต่ท่านอยู่กับแม่สักเดือนหนึ่ง แม่จะสอนวิชาความรู้ให้พระธิดาจน หมดจนสน้ิ เลยทเี ดียว” นางพรหมจารีได้ฟังดังนั้นก็ดีใจ ความทุกข์ท่ีหนักอ้ึงค่อยผ่อน คลายลง นางและจนั ตะคาดจงึ อาศยั อย่กู ับย่าเฒา่ สุรโยธาเพ่ือเรยี นวชิ า การตอ่ สู้ จนเช่ียวชาญแลว้ จึงอำลากลับไปยังเมืองอนุราช ช่วงเวลานั้นเอง ยังมีพญากาวินทะครองเมืองไพสาลี เม่ือพระ มเหสีสิ้นพระชนมล์ ง พญากาวินทะกอ็ ยากได้มเหสอี งคใ์ หม่ จงึ ใหท้ หาร รับใช้จัดแต่งเครื่องบรรณาการไปสู่ขอนางพรหมจารีพระธิดาเจ้าเมือง อนุราช โดยท่ไี ม่รวู้ า่ เจา้ เมืองอนมุ ตั ไิ ดม้ าขอนางไปแล้ว พญาธรรมขันติ จึงบอกแกท่ หารของพญากาวินทะวา่ “ข้าคงจะยกลูกสาวของข้าให้กับพญาของพวกเจ้าไม่ได้หรอก เพราะเจ้าเมืองอนุมัติได้มาขอนางไปแล้ว ตอนนี้นางเป็นชายาของเจ้า

86 จนั ตะคาด สุทศั นจกั ร” เวลาน้ัน นางพรหมจารีกับจันตะคาดก็เดินทางมาถึงวังและขอ เข้าเฝ้าพญาธรรมขนั ติทนั ที พญาธรรมขันติดีใจย่ิงนักที่พระธิดาเสด็จมา เม่ือเห็นจันตะคาด ก็เข้าใจว่าเป็นลูกเขยของตน เพราะไม่เคยได้พบกับเจ้าสุทัศนจักรมา ก่อนจึงบอกให้มาน่ังยังแท่นแก้ว แต่จันตะคาดเจียมตนว่าเป็นเพียงคน ยากไร้ธรรมดา ไม่สมควรจะไปนั่งยังแท่นแก้วของเจ้าฟ้าเจ้าแผ่นดินจึง ปฏิเสธ แม้ว่านางพรหมจารีจะอ้อนวอนอย่างไรก็ไม่ไป นางจึงนั่งอยู่ ขา้ งๆ จนั ตะคาดน้นั เอง พญาธรรมขันติจงึ เอ่ยถามนางวา่ “ลกู รักของพ่อ ทำไมลูกถึงไม่มานัง่ บนนล้ี ่ะ” “เสด็จพ่อ ลูกไปเป็นชายาของเจ้าสุทัศนจักรได้เจ็ดวัน ท่านก็จะ ให้ผู้หญิงคนใหม่เป็นชายา แล้วจะให้ลูกไปเป็นนางรับใช้ ลูกไม่ยอม เจ้าสุทัศนจักรลอยแพลูกให้ตายไปกับน้ำ โชคดีที่จันตะคาดท่านน้ีได ้ ช่วยชีวิตลูกไว้ แล้วมาส่งลูกถึงในวัง แต่ท่านไม่ยอมเข้าไปน่ังกับลูก เพคะ” พญาธรรมขันติจงึ กลา่ วกบั จนั ตะคาดว่า “หลานเอย๋ ทำไมเจา้ ถงึ ไมเ่ ขา้ มานงั่ บนแทน่ แกว้ นล้ี ะ่ เจา้ มบี ญุ คณุ กับลูกสาวลุงถึงขนาดนี้ เข้ามาน่ีเถอะ หลานน้อย” จนั ตะคาดจึงกราบทูลดว้ ยความอ่อนน้อมถ่อมตนว่า “ข้าน้ีไม่ใช่เชื้อชาติท้าวพญามหากษัตริย์ เป็นเพียงแค่ชาวบ้าน ทุกข์ไร้เข็ญใจ ไม่สมควรน่งั ยงั ทอี่ นั ศักด์สิ ิทธน์ิ ั้น ขา้ ได้พาพระธดิ ามาส่ง ถึงเมืองแล้วจะขออำลาไปพระพทุ ธเจา้ ข้า” พญาธรรมขันติจึงเสด็จลงมาจับมือจันตะคาดให้ลุกข้ึนยืนแล้ว

จันตะคาด 87 กล่าววา่ “หลานรกั ของลงุ เจา้ อยา่ พดู เชน่ นนั้ เลย เจา้ มบี ญุ คณุ กบั พรหมจารี นกั ถึงเจา้ จะทุกข์ไรเ้ ขญ็ ใจ ลงุ ก็จะมอบสมบตั ิใหก้ ับเจ้า ใหม้ มี ากมายยิ่ง กว่าใครๆ ถึงเจ้าจะไม่มีเชื้อสายเจ้าฟ้าเจ้าแผ่นดิน แต่เป็นคนดีได้ช่วย เหลือชวี ติ ลกู สาวของลงุ ลงุ นับวา่ เจ้าเป็นเหมือนลูกอกี คนหนึง่ นบั แตน่ ้ี ขอให้เจ้าคิดเสียว่าลุงน้ีเป็นเหมือนพ่อ ส่วนพรหมจารีเป็นน้องสาว ของเจ้าแลว้ กนั มาเถอะ มาน่งั บนแท่นน้ี” เม่ือได้ฟังดังน้ัน จันตะคาดจึงยินยอมไปน่ังบนแท่นแก้วเคียงคู่ กับพระธดิ าพรหมจารี ส่วนบรรดาทหารคนรบั ใชข้ องพญากาวินทะที่นงั่ อยู่ในท้องพระโรงได้รู้ว่าบัดน้ีพระธิดาพรหมจารีไม่มีพันธะใดๆ แล้ว จึงกราบทูลพญาธรรมขันติเพื่อขอให้ยกพระธิดาพรหมจารีให้กับพญา กาวนิ ทะเจ้านายของตนเถดิ แต่พญาธรรมขันตปิ ฏิเสธ “ข้าคงจะยกลูกสาวข้าให้ใครไม่ได้หรอก ข้ากลัวว่าเหตุการณ์จะ ซำ้ รอย พวกเจ้ากลบั ไปบอกพญากาวินทะเถอะว่าขา้ ไม่ยกให้” เหล่าทหารจึงตอ้ งกราบทูลลากลบั ไปเมืองไพสาลี ส่วนจันตะคาดนั้นเป็นที่รักของทุกคนในเมืองอนุราช ทั้งยังได้รับ การยกย่องเสมอเหมือนกับที่รักและเคารพพญาธรรมขันติ จันตะคาด จึงพักอาศัยอยู่ที่เมืองอนุราชอย่างมีความสุข แต่ยังคงต้ังใจท่ีจะออกไป ตามหานางเทวธิสังกาผ้เู ป็นภรรยา ฝ่ายทหารของพญากาวินทะเมื่อกลับไปถึงเมืองไพสาลีก็กราบทูล พญากาวินทะว่า “พระธิดาพรหมจารีน้ันเคยถูกส่งไปเป็นชายาของเจ้าสุทัศนจักร

88 จันตะคาด เมืองอนุมัติ แต่ถูกเจ้าสุทัศนจักรจับลอยแพ เพราะจะลดให้พระธิดาไป เป็นคนรับใช้แต่นางไม่ยอม มีชายคนหนึ่งช่วยชีวิตนางไว้แล้วพาไปส่ง ท่ีเมืองอนุราช พวกข้าพระพุทธเจ้ากราบทูลขอพระธิดาแล้ว แต่พญา ธรรมขันติไม่ยอมยกให้ พวกข้าพระพุทธเจ้าก็ไม่รู้จะทำอย่างไรดี จึงกลับมากราบทลู พระองค์พระพุทธเจา้ ขา้ ” “แลว้ พระธิดาพรหมจารรี ูปร่างหนา้ ตาเป็นอยา่ งไรบ้าง สวยไหม” พญากาวินทะตรสั ถาม “งดงามยิ่งนักราวกับนางฟ้านางสวรรค์เลยทีเดียวพระพุทธ เจา้ ขา้ ” ทหารรบั ใช้กราบทลู พญากาวินทะได้ฟังดใี จย่งิ นกั จงึ ส่งั ว่า “ถา้ อย่างนัน้ พวกเจ้าจัดขบวนไปขอนางมาอีกครงั้ หนง่ึ เถอะ” บรรดาทหารของพญากาวินทะจึงจัดขบวนไปเมืองอนุราช เพื่อ ขอนางพรหมจารีอีกครั้งหน่ึง แต่นางปฏิเสธและย้ำว่าไม่ต้องจัดคนมา ขออีกเป็นคร้ังท่ีสามเพราะยังไงเสียนางจะไม่มีวันยอมไปเป็นชายาของ พญากาวนิ ทะเป็นแน่ พญากาวินทะได้ฟังความทหารนำมากราบทูลก็โกรธมาก จึง เสนาอำมาตย์ให้จัดเตรียมไพร่พลเพ่ือยกทัพไปทำศึกกับเมืองอนุราช ท้งั ประกาศว่าจะจบั นางพรหมจารีมาเป็นนางรบั ใชค้ อยล้างเท้าพระองค ์ เมื่อนางพรหมจารีรู้ว่าพญากาวินทะนำกองทัพมา ก็ส่ังให้ ช่างเหล็กตีดาบเล่มยาวใหญ่เท่าใบกล้วย แล้วเกณฑ์หญิงสาวจำนวน แสนคนมาเป็นบรวิ ารในการทำศึก พญากาวินทะเม่ือยกพลมาต้ังอยู่นอกเมืองก็ร่ายคาถาเป่าเชือก ให้กลายเป็นงไู ปรดั นางพรหมจารี นางพรหมจารกี ็ร่ายคาถาเปา่ เชือกให้ กลายเป็นนกเหยี่ยวคาบงูของพญากาวินทะไปเสีย พญากาวินทะร่าย

จนั ตะคาด 89 คาถาให้ไฟไหม้ปราสาทของนางพรหมจารี นางก็ร่ายคาถาให้เกิดฝนไป ดับไฟน้ันเสีย พญากาวินทะร่ายคาถาให้เกิดน้ำฝนไปตกยังปราสาท นางพรหมจารรี ่ายคาถาใหล้ มใหญ่หอบเอาน้ำฝนนน้ั ไปตกท่ีอืน่ เสีย นางพรหมจารขี ช่ี า้ งออกไปนอกเมอื ง พรอ้ มกองทัพหญิงท้งั หมด กวา่ แสนคน นางรอ้ งตะโกนท้าพญากาวนิ ทะไปวา่ “พญากาวินทะ ท่านอย่ามัวเสียเวลาเล่นกลอยู่เลย ท่านมา ชนช้างกับขา้ ดกี วา่ ” พญากาวินทะได้ยินคำท้านั้นโมโหแทบจะเต้น จึงรีบไสช้างออก รบ แต่ไม่มีใครแพ้ใครชนะจึงแยกย้ายกันไปหยุดพัก พญากาวินทะคิด อุบายจะล่องหนไปจับเอานางพรหมจารีถึงในปราสาท จึงเรียกทหาร มาสามหมื่นแปดพนั คน แลว้ รา่ ยคาถากำบงั กายท้ังกองทพั จันตะคาดอมลูกแก้ววิเศษมองเห็นกองทัพของพญากาวินทะ กำลังจะเข้ามาในปราสาทจึงบอกนางพรหมจารวี ่า “น้องหญิง พญากาวินทะได้นำทหารมามากมายหมายจะมา จับน้องแลว้ นะ” นางพรหมจารีมองไม่เห็น จันตะคาดจึงเอาน้ำลายของตนป้าย ตานาง นางจึงเห็นพญากาวินทะและไพร่พลมากมายอยู่ที่ลานกว้าง หนา้ ปราสาท นางพรหมจารจี งึ ขอนำ้ ลายจนั ตะคาดมาปา้ ยตาทหารหญงิ ทั้งแสนคน แล้วร่ายคาถากำบังไว้ จึงกลายเป็นว่า ทัพนางพรหมจารี มองเห็นพญากาวินทะและทหารทั้งสามหมื่นแปดพันคน แต่ทัพของ พญากาวนิ ทะนัน้ กลับมองไม่เหน็ ใครเลย ทหารหญิงท้ังแสนคนจับกุมไพร่พลของพญากาวินท่ีมีจำนวน น้อยกว่าได้ทั้งหมด พญากาวินทะแพ้จึงต้องเสียบ้านเมืองให้กับนาง

90 จนั ตะคาด พรหมจารี บา้ นเมอื งอื่นๆ อกี สามหมื่นแปดพนั เมอื งทเี่ ปน็ เมอื งขึ้นของ เมอื งไพสาลีกต็ อ้ งมาสวามภิ ักดิ์กับนางพรหมจารดี ้วยเช่นกนั นางพรหมจารีได้เป็นใหญ่มีอำนาจและกองทัพมากมายแต่ก็ยัง คงคิดเคียดแค้นเจ้าสุทัศนจักร จึงจัดผู้คนในเมืองไพสาลีเกือบสามแสน คนยกทพั ไปเมอื งอนุมัต ิ ฝา่ ยจนั ตะคาดน้ัน เมื่อช่วยเหลือนางพรหมจารที ำศึกกับพญากา วินทะเสร็จส้ินแล้วก็อำลาพญาธรรมขันติเพ่ือไปตามหาเมียของตน เพราะจันตะคาดรู้ด้วยอิทธิฤทธิ์ของลูกแก้ววิเศษแล้วว่านางเทวธิสังกา นั้นเคยอาศัยอยู่กับแม่เฒ่าปริสุทธ์ิในเมืองอนุมัติและบัดน้ีนางบวช เปน็ ชแี ล้ว จันตะคาดเดินทางไปถึงเมืองอนุมัติตามหาบ้านของแม่เฒ่า ปริสทุ ธ์จิ นพบและขออาศยั อยดู่ ้วย “แมจ่ ๋า ขา้ นีพ้ ลัดหลงมาจากเมอื งไกล ขา้ ขออาศัยอยู่กับแม่ดว้ ย จะได้ไหมจะ๊ ” แม่เฒ่าปริสุทธกิ์ ็ตอบไปว่า “ลูกเอ๊ย แม่เป็นคนยากคนจน ลูกจะมาอยู่อาศัยกับแม่ได้ยังไง กนั ” “แม่จา๋ ข้านีก้ เ็ ปน็ คนทุกข์ไร้เข็ญใจพลดั บา้ นมา ถงึ แมจ่ ะทุกข์จะ ยากแค่ไหน ข้าจะช่วยทำมาหากินดูแลแม่ตามกำลังของข้านะจ๊ะแม่จ๋า ขอให้ข้าได้อยู่อาศัยด้วยคนเถอะจ้ะ” จันตะคาด อ้อนวอนจนแม่เฒ่า สุทธิ์ใจอ่อนยอมให้อาศัยอยู่ด้วย จันตะคาดจึงเล่าความเป็นไปของตน ให้แม่เฒ่าได้ฟังจนหมด และช่วยทำงานบ้านทุกอย่างเท่าท่ีจะทำได้

จันตะคาด 91 เหมือนดังลูกปฏิบัติต่อพ่อแม่ของตนเป็นที่ชื่นใจของแม่เฒ่าปริสุทธิ ์ ย่งิ นัก วันหนึ่งแม่ชีเทวธิสังกามาเยี่ยมแม่เฒ่าปริสุทธิ์ จันตะคาดเห็น นางเดินมาแต่ไกลก็ไปหลบอยู่ในป่าเสีย เพราะกลัวว่าหากนางเทวธิ สังกาเห็นตนเองเข้าอาจจะเข้ามากอดด้วยความลืมตัว จะทำให้ศีล ทรี่ ักษาอยนู่ ้นั ขาดลง ส่วนนางเทวธิสังกาเมื่อมาถึงก็เห็นความเปล่ียนแปลงเกิดขึ้น ในเรือนของแม่เฒ่า อีกท้ังยังเห็นเส้ือผ้าผู้ชาย จึงไต่ถามด้วยความ แปลกใจ แม่เฒ่าปริสุทธิ์จึงเล่าว่ามีชายคนหนึ่งช่ือจันตะคาด เป็นคน ทุกข์ไร้เกิดในเมืองจำปานคร ต่อมาไปอยู่ยังเมืองกาสีแล้วไปได้เมีย ท่ีเมืองอินทปัตถ์ ต่อมาท้ังคู่จะเดินทางไปเมืองกาสี แต่เรือก็มาแตก กลางทะเล พลัดเมยี มาก็เดนิ หาจนกระทง่ั มาถึงเรือนน้ี แม่ชีเทวธิสังการู้แน่ว่าเป็นจันตะคาดสามีของตน จึงรีบกลับวัด ไปขอลาสกิ ขาบทแลว้ กลบั มายังเรอื นของแมเ่ ฒา่ ปรสิ ทุ ธ์ิ เม่ือจนั ตะคาด เหน็ นางเทวธิสังกาก็วงิ่ ออกไปกอดนางดว้ ยความรัก เมอื่ แมเ่ ฒ่าปรสิ ทุ ธ์ิ รูเ้ ร่อื งราวท้ังหมดก็ดีใจ จึงผูกข้อมือรบั ขวญั จันตะคาดแล้วให้สองผัวเมีย อยดู่ ้วยกนั ในเรือนตน ฝ่ายเจ้าสุทัศนจักรได้ข่าวว่าแม่ชีเทธิสังกาสึกออกมาแล้วก็ให ้ คนไปรับนางเข้าวัง แต่แม่เฒ่าปริสุทธ์ิปฏิเสธและบอกว่านางเทวธิสังกา น้ันมีผัวเสียแล้ว เม่ือเจ้าสุทัศนจักรทราบความก็โกรธแม่เฒ่าปริสุทธ ์ิ ยง่ิ นกั ส่งั ให้ทหารไปนำตัวแม่เฒ่าเข้าไปในวังแล้วขูว่ า่ “ยายเฒ่าปริสุทธ์ิ เจ้าน่ีช่างเลวนัก ตอนท่ีข้าจะไปรับนางเทวธิ สังกามาเปน็ เมยี เจา้ ทำอุบายเอานางไปบวชชี ข้าบอกเจา้ แล้วไม่ใช่รึว่า

92 จันตะคาด ถา้ นางสึกออกมาเม่อื ไหร่ ข้าจะไปเอานางมาอยูใ่ นวัง แตน่ ีเ่ จ้ากลับบอ กว่านางมีผวั แล้ว เอาอยา่ งน้ีก็แล้วกัน ยายเฒ่า เจา้ จงไปหาชา้ งมารอ้ ย เชอื ก มา้ ร้อยตัว วัวร้อยตวั ทองคำร้อยชัง่ แก้วแหวนเงินทองอีกรอ้ ย หีบมาให้ข้า ถ้าเจ้าเอามามอบให้ข้าไม่ได้ ข้าจะฆ่าเจ้าเสีย เข้าใจไหม ยายเฒ่าเจา้ เล่ห์” ฝ่ายแม่เฒ่าปริสุทธ์ิเม่ือถูกข่มขู่ดังน้ันก็เดินร้องไห้กลับเรือน เล่าเรื่องราวท่ีถูกเจ้าสุทัศนจักรข่มขู่มาท้ังหมดให้จันตะคาดและนาง เทวธสิ ังกาฟงั จันตะคาดจงึ บอกวา่ “แม่ไม่ต้องวิตกเลยนะจ๊ะแม่ เด๋ียวลูกจะจัดการทุกอย่างให้ เรยี บรอ้ ยเอง” แล้วจันตะคาดก็สวมรองเท้าวิเศษแล้วเหาะไปอุ้มช้าง ม้า วัว ป่าใหญ่อย่างละร้อยตัวมาใส่ไว้ในคอกของเจ้าสุทัศนจักร จากนั้นจึง

จันตะคาด 93 อมลูกแก้ววิเศษแล้วก้มมองดูในพ้ืนดิน เห็นว่าตรงไหนมีเงินทองแก้ว แหวนก็ไปขุดเอามาเท่าท่ีเจ้าสุทัศนจักรต้องการ จากน้ันจึงให้แม่เฒ่าไป เขา้ เฝ้า เจ้าสุทัศนจักรเห็นแม่เฒ่าปริสุทธ์ิหาทุกส่ิงมาให้ได้ ก็แค้นใจแต่ ไม่รู้จะทำอยา่ งไรได้ จงึ บอกใหเ้ สนาอำมาตยไ์ ปสบื ดวู า่ ยงั มพี ระธดิ าของ เจ้าเมืองไหนท่ีมีรูปร่างหน้าตาสวยงามอยู่บ้าง จะได้เอาสมบัติท่ีบังคับ เอาจากแมเ่ ฒ่าปรสิ ุทธนิ์ ้ันไปสขู่ อ ฝ่ายเสนาอำมาตย์พบว่าพระธิดาของเมืองคันธรัฐช่ือนางอุดม ธานีมีความงดงามราวกับนางฟ้าก็กลับมากราบทูลเจ้าสุทัศนจักร เจ้าสุ ทัศนจักรจึงสั่งให้เสนาอำมาตย์เหล่านั้นนำข้าวของบรรณาการเดินทาง ไปสู่ขอนางอุดมธานี

94 จนั ตะคาด ส่วนจันตะคาดและนางเทวธิสังกาน้ันก็อาศัยอยู่กับแม่เฒ่า ปริสุทธ์ิท่ีเมืองอนุมัติต่อไป เพ่ือช่วยดูแลปรนนิบัตินางเป็นการ บุญคุณ

จนั ตะคาด 95 แปด ผลของการกระทำดี

96 จันตะคาด

จนั ตะคาด 97 ผลของการกระทำดี เสนาอำมาตย์ของเจ้าสุทัศนจักรออกเดินทางไปสู่ขอพระธิดา อุดมธานียังเมืองคันธรัฐได้หนึ่งเดือน กองทัพของพญาธรรมขันติและ พระธดิ าพรหมจารีก็เดินทางมาถงึ ชานเมอื งอนมุ ตั ิ เสียงโหร่ ้องของเหล่า ทหารดังอ้ืออึง ชาวเมืองอนุมัติเห็นขบวนกองทัพเมืองอนุราชยกมา มากมายอยา่ งน้ันตกใจกลัวกันเป็นอันมาก ฝ่ายเจ้าสุทัศนจักรจึงเรียกนางแม่เฒ่าปริสุทธิ์เข้าเฝ้าแล้วสั่งให้ ย้ายไปอยปู่ ากทางเข้าเมือง ยงั เจ็บแค้นแมเ่ ฒา่ ปรสุทธไ์ิ ม่หาย “ยายเฒ่า เจ้าจงย้ายบ้านไปอยู่ปากทางเข้าเมืองโน่น ข้าไม่ เหน็ หน้า ไปเสยี วันนี้เลยนะ ไมเ่ ชน่ นนั้ ข้าสั่งฆ่าเจ้าท้ังบา้ นแน่” เม่ือร้จู นั ตะคาดเรื่องราวทัง้ หมดก็บอกแม่เฒา่ วา่ “แม่ไมต่ อ้ งกลัวหรอกจะ้ เดีย๋ วลกู จะจัดการทุกอยา่ งเอง” จันตะคาดจัดการย้ายบ้านไปอยู่ปากทางเข้าเมืองแล้วเขียหนังสือ ไว้ที่หน้าบ้านว่าบ้านหลังน้ีเป็นบ้านของจันตะคาด ผู้ท่ีเคยพาพระธิดา พรหมจารีไปส่งท่ีเมืองธรรมขันติ จากน้ันจึงบอกให้แม่เฒ่าปริสุทธ ์ิ

98 จันตะคาด และนางเทวธิสังกาอยู่ในบ้าน ปิดประตูหน้าต่างเสียให้หมด ส่วน ไปเก่ียวหญา้ อยู่ขา้ งนอก เมื่อกองทัพของเมืองอนุราชเคล่ือนทัพมาถึงปากทางเข้าเมือง พระธิดาพรหมจารขี ่ีช้างนำหนา้ ขบวน เห็นจนั ตะคาดเกี่ยวหญ้าอยู่หน้า บ้านหลังหน่ึงก็ดีใจย่ิงนัก รีบลงจากหลังช้างมาทรุดตัวหมอบไหว้อยู่ แทบเทา้ จนั ตะคาด “พ่ีจันตะคาด นี่พม่ี าทำอะไรอยทู่ ่ีเมืองน”้ี จันตะคาดประคองนางพรหมจารีให้ลุกข้ึนยืน เล่าเรื่องราว ทั้งหมดใหน้ างฟังและบอกว่าบา้ นหลังนี้ ตนอาศยั อย่กู บั เมยี และแมเ่ ฒา่ ผู้มีบุญคุณ นางพรหมจารีจึงส่ังห้ามไม่ให้ไพร่พลทุกคนทำร้ายคนใน บ้านน้ี แลว้ ลาจนั ตะคาดกลบั ไปบญั ชากองทพั ต่อไป

จนั ตะคาด 99 นางพรหมจารีร่ายมนต์คาถากำบังกองทัพทั้งหนึ่งแสนคนน้ันไม่ ให้ใครมองเห็นได้ แล้วนำทัพบุกเข้าไปในเมืองอนุมัติอย่างห้าวหาญ เสียงดาบท่ีฟาดฟันกันดังสนั่นทั่วทั้งเมือง ขบวนช้างท่ียกพลเข้าไปในวัง น้ัน เหยียบย่ำไปทางไหน แผ่นดินทรุดแตกราวกับจะทะลุไปถึงเมือง บาดาล เสียงโห่ร้องของเหล่าทหารเมืองอนุราชนั้นดังสน่ันราวกับเสียง พญามัจจุราชจะมาเอาชีวิต ชาวเมืองอนุมัติต่างว่ิงหนีกันคนละทิศละ ทาง บ้างวิ่งลงเรือได้ก็รีบพายหนีออกจากฝ่ัง บ้างว่ิงหนีไปซ่อนตามป่า ตามเขา


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook