ÇÃó¡ÃÃÁàÂÒǪ¹¾×鹺ŒÒ¹ ÀÒ¤µÐÇѹÍÍ¡à©Õ§à˹×Í ÍÀÔ¹ÔËÒúҴÒŹ¤Ã เรอ่ื ง สรรัตน จิรบวรวิสทุ ธิ์ ภาพ เบญจมาศ คำบุญมี
วรรณกรรมเยาวชนพื้นบ้าน ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ อภินิหารบาดาลนคร เรือ่ ง สรรตั น์ จิรบวรวสิ ุทธ์ิ ภาพประกอบ เบญจมาศ คำบุญมี
ผู้เชี่ยวชาญท่ปี รกึ ษาคณะบรรณาธิการ ศ.ดร.ฉวลี กั ษณ์ บณุ ยะกาญจน ผศ.วีณา วสี ะเพญ็ คณะบรรณาธกิ ารอำนวยการ นางทัศนัย วงศ์พเิ ศษกุล นางสาวเฉยี ดฉตั รโฉม ปริพนธพ์ จนพสิ ุทธ์ิ นายวัฒนชัย วินิจจะกูล นางสาวนันธนา เจริญภกั ด ี คณะบรรณาธิการตน้ ฉบบั รศ.สกุ ัญญา สุจฉายา ผศ.ดร.ชลภสั ส์ วงษป์ ระเสริฐ นายเรอื งศกั ดิ์ ปนิ่ ประทีป นายณัฐพร ศรีมกุ ด ์ พิสูจนอ์ กั ษร นนั ทธ์ นตั ถ์ จิตประภัสสร อารีณะ วรี ะวัฒน ์ อภนิ หิ ารบาดาลนคร เรื่อง สรรัตน์ จิรบวรวิสทุ ธิ์ ภาพประกอบ เบญจมาศ คำบุญม ี เหมาะสำหรบั เดก็ และเยาวชนอายุ 9 ปี ข้นึ ไป พิมพค์ รงั้ ท่ี 1 พฤศจิกายน พ.ศ. 2551 จำนวนพิมพ์ 3,000 เลม่ ราคา 125 บาท เลขมาตรฐานสากลประจำหนงั สอื 978-974-287-789-7 เจ้าของโครงการและดำเนินการจัดพมิ พ์ สำนกั งานอุทยานการเรยี นรู้ สำนกั งานบรหิ ารและพฒั นาองค์ความรู้ (องค์การมหาชน) สงั กดั สำนกั นายกรฐั มนตร ี สว่ นบรกิ าร อาคารเซน็ ทรลั เวิลด์ ชนั้ 8 Dazzle Zone โทรศัพท์ 0-2257-4300 โทรสาร ต่อ 125 ส่วนสำนกั งาน 999/9 อาคารสำนักงานเซ็นทรลั เวลิ ด์ ชนั้ 17 ถนนพระราม 1 โทรศพั ท์ 0-2264-5963-65 โทรสาร 0-2264-5966 www.tkpark.or.th ดำเนนิ การจัดทำต้นฉบบั มูลนธิ ิหนงั สือเพ่อื เดก็ โทรศพั ท์ 0-2805-0202 โทรสาร 0-2805-1308 www.thaibby.in.th ออกแบบรูปเล่ม จดั พิมพ์ และจดั จำหน่าย บริษทั แปลน ฟอร์ คดิ ส์ จำกัด 1/999 ถนนกำแพงเพชร 6 (โลคัลโรด) แขวงสีกนั เขตดอนเมอื ง กรงุ เทพมหานคร 10210 โทรศพั ท์ 0-2575-2828 โทรสาร 0-2575-2558 www.planforkids.com
คำนำ ในการจดั ตงั้ อทุ ยานการเรยี นรภู้ มู ภิ าคตน้ แบบแตล่ ะภาคนนั้ สำนกั งาน อุทยานการเรียนรู้ (TK Park) ไดม้ ีการเตรยี มการคขู่ นานกนั ไปทง้ั ดา้ นกายภาพ และเนอื้ หาสาระ กลา่ วคอื ในระหวา่ งทอี่ งคก์ รปกครองสว่ นทอ้ งถนิ่ กำลงั ปรบั ปรงุ หรือก่อสร้างอาคารสถานที่สำหรับห้องสมุดมีชีวิตในรูปแบบอุทยานการเรียนรู้ สำนักงานอุทยานการเรียนรู้ก็ประชุมหารือกับบุคลากรในท้องถิ่นและร่วมกัน คัดเลือกหนังสือ ดนตรี และกิจกรรมต่างๆ ไปพร้อมกัน เพื่อเตรียมการด้าน หนงั สอื และสือ่ ต่างๆซึ่งถือเสมอื นเปน็ จิตวญิ ญาณของห้องสมดุ โครงการนิทานพ้ืนบ้าน เป็นส่วนหนึ่งของการเตรียมการทางด้าน เน้ือหาสาระ ด้วยเล็งเห็นว่าเรื่องเล่าในแต่ละชุมชน มีทั้งสาระ ความสนุกสนาน และจนิ ตนาการ สบื ทอดกนั มาจากภูมปิ ัญญาท้องถิน่ อนั ลำ้ ลกึ มคี วามหมายต่อ การเช่ือมโยงวิถีชีวิต วัฒนธรรม และการดำรงอยู่ร่วมกันระหว่างมนุษย์กับ มนุษย์ และมนุษย์กับธรรมชาติ แม้จะเป็นเร่ืองเล่าเฉพาะกลุ่มชนในพื้นที่ แต่ สาระท่แี ฝงอย่ใู นเนือ้ หาเรอ่ื งราวของนทิ านนัน้ คอื คตสิ อนใจ ซงึ่ เปน็ ความรสู้ ากล ทีส่ ามารถนำไปประยกุ ตใ์ ชไ้ ด้ทุกหนแห่ง สำนักงานอุทยานการเรียนรู้ จึงมอบให้มูลนิธิหนังสือเพื่อเด็ก เป็นผู้ ดำเนนิ การประสานงานกบั ปราชญช์ าวบา้ น นกั วชิ าการ และผทู้ รงคณุ วฒุ ิ รว่ มกนั คัดเลือกนิทานเรื่องเล่าพ้ืนบ้านที่มีคุณค่า มีอิทธิพลต่อความคิดและจินตนาการ ของเยาวชนในทางสร้างสรรค์ นำมาเรียบเรียงและจัดทำภาพวาดประกอบ ขึ้นใหม่ เพื่อจัดพิมพ์เป็นหนังสือที่มุ่งเสริมสร้างจินตนาการให้อ่านง่ายและ เพลิดเพลิน โดยหวังว่าจะเป็นส่ือจูงใจให้เด็กและเยาวชนท่ัวไปสนใจและรัก การอ่านมากยิ่งข้ึน ท้ังยังสามารถนำไปประกอบการเล่านิทานในครอบครัว โรงเรียน และแหล่งเรียนรู้ต่างๆ เป็นการสืบทอดภูมิปัญญาท้องถิ่นให้คงอยู่ สบื ไป
หวังเป็นอย่างย่ิงว่า นอกเหนือจากบทบาทในฐานะผู้จุดประกาย แนวคดิ หอ้ งสมดุ มชี วี ติ ในประเทศไทย ใหเ้ ปน็ พน้ื ทแี่ สวงหาความรใู้ นบรรยากาศ การเรียนรู้อย่างสร้างสรรค์และทันสมัยแล้ว สำนักงานอุทยานการเรียนรู้ยังจะ ได้ทำหน้าที่ปลูกฝังและส่งเสริมนิสัยรักการอ่านแก่เด็กและเยาวชน บนพื้นฐาน ของความเคารพและภาคภูมิใจในภูมิปัญญาของแต่ละท้องถิ่น เสริมสร้างการ ยอมรับความแตกต่างหลากหลายและใช้สติปัญญาแก้ไขปัญหา อันจะนำไปสู่ สังคมสันติสมานฉนั ท์ในที่สุด สำนกั งานอุทยานการเรยี นร้ ู
สารบัญ ≤ เพือ่ นใหม่ 7 ≤ แมข่ าวจัน 19 ≤ ลองด ี 35 ≤ ประจนั หนา้ 47 ≤ บาดาลนคร 59 ≤ ประทปี แหง่ ศรทั ธา 73
หนึ่ง เพื่อนใหม่ พยับเมฆสีเทาแก่กำลังเคลื่อนเข้าปกคลุม ฟ้าแลบแปลบปลาบเป็น สีเงินยวง อากาศรอบตัวชื้นเหนียวและเย็นลงเร่ือยๆ แสงสว่างเหลือน้อยเต็มที โลกสนธยาถูกปกคลุมดว้ ยอำนาจทม่ี องไมเ่ ห็น ใต้ลำน้ำโขงเย็นเยยี บเงียบสงบ เวลาชา่ งเนิ่นนานนกั ภายในสถานทคี่ มุ ขังอนั คับแค้น เงยี บร้าง มนั ไม่ ต่างจากขมุ นรกอนั โหดร้าย ร่างหน่ึงซุกกายน่ิงสนิทเป็นเงาเลื่อมๆ อยู่ซอกหลืบคุก ไม่คิดขยับ เขย้ือนกาย รอคอยเวลาที่พันธนาการจะถูกถอดถอน แววตาฉายประกายสีแดงฉานด้วยเพลิงแค้นแน่นรุมสุมอก จ้องเขม็ง ไปยังโขดหินหลืบถ้ำท่ีแข็งกระด้าง ร่างที่สงบงันค่อยชันคอขึ้นมาราวกับสัมผัส ถึงความเปลย่ี นแปลง มนตราที่ ‘เจา้ ป’ู่ คมุ ขังออ่ นแรงเต็มทีใกลเ้ สอ่ื มคลาย เขายนิ ดียงิ่ ไมน่ านจะได้รบั อสิ รภาพ... เมือ่ อิสรภาพมาถงึ สิ่งแรกที่จะทำคือ...แกแ้ คน้ ... แนน่ อน...เขน่ ฆา่ ศัตรูให้พนิ าศส้ิน!
อภนิ ิหารบาดาลนคร ไมล่ มื ...ไม่ลืมหรอก...ข้าไมล่ มื แค้นน้เี ดด็ ขาด ความพยาบาทอาฆาตแคน้ ทฝี่ งั ใจมาเนน่ิ นาน ควรไดร้ บั การชดใชอ้ ยา่ ง สาสมให้คุม้ ค่ากับรอยแคน้ ท่ีฝงั จิตฝังใจ ความสูญเสีย ความโดดเดี่ยววังเวงเช่นน้ี ความคับแค้นสุมใจเน่ินนาน เชน่ น ี้ ข้าไม่มีวันลมื ... พอคดิ ได้ค่อยสงบใจ...รอคอย...ซุกเศียรลง หลบั ตา และรอเวลา เวลาเคลอ่ื นผ่านอีกชวั่ ขณะ ส้ันยาวเท่าไรสดุ ร ู้ บรม้ึ ! พ้ืนหินทั้งสี่มุมรอบนาคราชระเบิดข้ึน ลำแสงสีเงินยวงเจิดจ้านับร้อยๆ สายพวยพุง่ ขนึ้ จากพืน้ ล่างสวา่ งแวบแสบนยั นต์ า เม็ดฝนขนาดใหญ่สาดซัดหนักอึ้ง ไม่ต่างจากเม็ดกรวด ท้องฟ้าวิปริต สายลมยังไม่ขาดสาย เสียงหวั เราะกระห่มึ กด็ งั แทรกขึน้ มาก้องพืน้ นำ้ ประกายสแี ดงสวา่ งจ้าขนึ้ มาวูบหนงึ่ ครานน้ั มเี สียงดังเลือ่ นลัน่ ครดื ... โขดหินท่ีเคยปิดปากถ้ำนานนับกัปกัลป์ล้วนหายวับ หลงเหลือเพียง ร่างหนึ่งเดียวที่เคยถูกคุมขัง ค่อยๆ ยันกายยืดตัวเต็มร่าง เงยหน้าตะโกนก้อง สุดกำลัง ฮา่ ...ฮา่ ...ฮ่า... กู่ร้องด้วยใจสุดแสนปรีดา ความคับแค้น เจ็บปวดถูกถ่ายทอดออกมา พร้อมกับเสียงน้ี และแล้ว...แผนการชำระแค้นถูกเริ่มนับหน่ึง...สอง...จนกว่าจะถึงวัน พนิ าศแหง่ มนั !
เพอื่ นใหม่ 13 ค่ำ เดอื น 11 กำพร้าถลาขึ้นจากเส่ือกกท่ีปูลาดบนพ้ืนปูนซีเมนต์ท่ีขัดเรียบจนเงาวับ กุมคอเส้ือตัวเองไว้แน่นราวกับจะปลอบขวัญไม่ให้หนีหาย พลางสูดหายใจลึกๆ เหงื่อกาฬชุ่มตวั “ฝนั อยา่ งนี้อีกแล้ว” เขาฝนั ว่าถกู กองทพั งไู ล่ลา่ แบบนี้ติดๆกนั มาเป็นสิบๆครัง้ แล้ว มองดูนาฬิกาพรายน้ำ บอกเวลาตีสามครง่ึ “ทกุ ทเี ลย ฝนั ทไี รสะดงุ้ ตื่นช่วงน้ที กุ คร้งั ...” คนฝันร้ายคิดในใจ จะเป็นการบังเอิญหรือไม่ก็ตาม...ยามสะดุ้งต่ืนจาก ฝนั มกั จะอยู่ในชว่ งเวลาตสี ามถงึ ตีสเี่ ป็นประจำ กำพร้ายกมือลูบหน้าผากคล้ายจะพยายามลบความจำเก่ียวกับฝันร้าย เมอื่ คร่ทู ิ้ง “หายงว่ งเลยเรา” เจ้าตัวยงั คงบน่ อบุ อิบ เขาเคยได้ยินคนเฒ่าคนแก่ทำนายว่าฝันเห็นงูเลื้อยมารัดพันกายจะได้ พบเนือ้ คู่ แต่น่ี...เลื้อยมาท้ังกองทัพ เหมือนตามมาเข่นฆ่าราวีอย่างน้ี ดีร้าย ประการไฉน แสงจนั ทรส์ อ่ งภาพเขยี นท่ผี นังให้อยใู่ นเงาสลัว กำพร้าเดินเข้าไปจนชดิ ผนงั โบสถ์ จงึ ไดเ้ ห็นว่าจิตรกรรมฝาผนงั น้นั วาดเปน็ ภาพภรู ทิ ัตชาดก พญานาคภรู ทิ ตั มพี ระนามเดมิ วา่ ทตั ตกมุ าร เปน็ ราชโอรสของพญานาค ชื่อท้าวธตรฐ ผู้ครองนาคพิภพกับพระนางสมุททชา ธิดาของพระเจ้าพาราณสี ซ่งึ ถอื กำเนิดจากพระมารดาที่เป็นนาค พระภูริทตั มพี ่ีน้องร่วมสายโลหติ สพ่ี ระองค์คือ สทุ สั สนกมุ าร ทตั ตกุมาร สโุ ภคะ และอัจจะมขุ ี
10 อภินิหารบาดาลนคร ครง้ั หนงึ่ ทา้ ววริ ปู กั ษเ์ สดจ็ ไปสวรรคช์ นั้ ดาวดงึ ส์ ทตั ตกมุ ารไดโ้ ดยเสดจ็ ด้วย และได้แก้ปัญหาต่อเบ้ืองพระพักตร์ของพระอินทร์จนเป็นท่ีพอพระทยั จงึ พระราชทานนามใหว้ า่ ภรู ทิ ตั แปลวา่ ผมู้ ปี รชี าญาณกวา้ งขวางเหมอื นพน้ื ปฐพ ี ต่อมา พระภูริทัตมีความประสงค์จะไปเกิดบนสรวงสวรรค์จึงทูลลา พระมารดาไปรักษาอุโบสถศีลอยูใ่ ตต้ น้ ไทร รมิ ฝัง่ แมน่ ้ำยมนุ าตลอดวนั ตลอดคืน ต่อมามีพรานป่าสองพ่อลูกไปพบเข้า แล้วนำความไปบอกพราหมณ์ ผู้มีมนตร์ ปราบงูได้ เพ่อื หวังค่าตอบแทน… เรือ่ งราวขาดช่วงลงทตี่ รงน้!ี ภาพเขียนท่ีเหลือถูกน้ำฝนชะล้างรางเลือน บางส่วนก็หลุดลอกเผยให้ เหน็ เน้อื ปูนสีขาวหมน่ เขายงั จำความรสู้ กึ ขณะทย่ี า่ งกา้ วเขา้ มายงั วดั แห่งนี้ได้ด.ี .. กระแสความเยน็ ใจแผซ่ า่ นมาในอากาศ กำพร้ากำซาบความรสู้ กึ นนั้ ดง่ิ ลกึ ลงหัวอก ปตี แิ ผ่จบั หวั ใจ สายตามองเห็นจีวรเหลืองๆ มาพร้อมกับพระภิกษุรูปหน่ึงอยู่ในวัยราว หกสิบ ร่างกายแข็งแรง ใบหน้าเป่ียมราศี กิริยาสำรวมงดงาม รอยยิ้มเมตตา ผุดพราย ญาติโยมถวายเคร่ืองไทยธรรม แล้วหลวงพ่อก็สวดให้พร น้ำเสียงเบา นมุ่ หลั่งไหลคลา้ ยกระแสน้ำฉ่ำเย็น หลวงพอ่ มองอยา่ งปรานี พูดจาทักทายตาม สมควร จากนน้ั ญาตโิ ยมกก็ ราบลา ถอยกลบั เขาคลานเข่าเข้าไปขออนุญาตหลวงพ่อเจ้าอาวาสอาศัยหลับนอนที่วัด น้ี หากออกพรรษาเมอื่ ไรก็จะรีบเดินทางกลบั มหาสารคามทันที ทา่ นยม้ิ ไมว่ ่ากระไร บอกให้มานอนท่นี ี่ โบสถเ์ กา่ หลังนพ้ี อคุ้มลมคุ้มฝนเปน็ ทีพ่ ักพงิ ไดช้ ว่ั คร้ังชว่ั คราว กำพร้ารู้สกึ เหมอื นหวั ใจยังคา้ งคา อยากพูดจากบั ท่านโดยเฉพาะ ทง้ั ที่ ไม่รู้จะพูดเรอื่ งอะไร ขบปญั หาคาใจไมอ่ อก ลกึ ลงไปคลา้ ยจะบอก...
เพอื่ นใหม่ 11 มีโอกาสพบท่านนับเป็นบุญหนักหนา จะกลับไปเพียงแค่มาเท่ียวเสร็จ สิ้น มนั ก็นา่ เสียดาย หนองคายเปน็ จังหวัดในภาคอสี านตอนบน ช่ือจังหวดั มาจากชื่อของหนองน้ำใหญ่ทอ่ี ยู่ทางทิศตะวันตกของจังหวดั ตวั เมอื งตง้ั อยรู่ มิ ฝ่งั แม่น้ำโขง ตรงขา้ มกับทา่ เดอ่ื ของฝั่งลาว ทกุ ๆ ปใี นช่วงเทศกาลออกพรรษา เวลาโพลเ้ พลห้ ลังพระอาทติ ยต์ กดนิ จะเกิดปรากฏการณ์บ้ังไฟพญานาค คือมีลูกไฟพุ่งข้ึนจากแม่น้ำโขงคล้ายคนจุด พลุ ประชาชนและนักท่องเท่ียวจะแห่แหนรอชมปรากฏการณ์นี้กันอย่างเนือง แน่น เขารสู้ ึกเหมอื นมบี างสิ่งดึงดดู ใหเ้ ขามาที่นี.่ .. มาเพอื่ ทำหนา้ ที่บางอย่าง กำพร้ากราบพระประธานด้วยท่าเบญจางคประดิษฐ์ จากนั้นจึงน่ังขัด สมาธิ จติ เคน้ คิดเหตุแห่งความฝันรา้ ยซ้ำซากของตนคนเดียวอย่างเงยี บๆ ถอน ลมหายใจยาว สายตาจับจอ้ งแน่น่ิงไปยังพระพทุ ธรูปปนู องค์ขาว รอยแย้มย้ิมละมุนบนพระพักตร์แห่งพระปฏิมากรศิลปะล้านช้าง ช่วย ให้หวั ใจสงบลง ความร้อนรมุ่ คลายจาง เขายิ้มใหก้ บั รูปสมมติแห่งองคพ์ ระสัมมาสมั พทุ ธเจ้า “หลวงพ่อช่วยบอกหนอ่ ย ทำไมฝันแบบนเ้ี รื่อยเลย” เขาบอกความในใจกับพระพุทธรูปองค์ประธาน ท้ังๆ ท่ีรู้ว่ามิอาจได ้ คำตอบ วตั ถุธาตอุ นั เปน็ สิ่งสมมติ ฤาจะมชี วี ิต
12 อภินิหารบาดาลนคร 14 ค่ำ เดือน 11 อำเภอโพนพิสัย จงั หวดั หนองคาย บริเวณทา่ น้ำริมโขง ปรากฏการณ์บั้งไฟพญานาคเรียกขานผู้คนท่ัวทุกสารทิศให้แห่แหนมา กันมากมายมืดฟ้ามัวดิน แน่นขนัดตั้งแต่บนถนน รถราไม่สามารถขยับเขยื้อน เลยจนถงึ บรเิ วณวดั และมากท่สี ุดริมทา่ น้ำ วันนย้ี งั เยอะขนาดน้ี พรุ่งนีย้ ง่ิ ไม่ตอ้ งพูดถึง... ชาวอีสานเช่อื กันวา่ พญานาคเปน็ หัวหนา้ งู มถี น่ิ ท่อี ย่ใู ตบ้ าดาล นาคเป็นผู้พทิ ักษศ์ าสนสถานท่ีสำคญั รวมทงั้ บรรดาทรัพยส์ มบัติตา่ งๆ ที่มีผู้อุทิศให้พระศาสนา เป็นผู้ให้ฝนให้ฟ้า กำหนดความอุดมสมบูรณ์ และเป็น ผูร้ กั ษากฎแห่งลุ่มน้ำโขงตลอดมาจนปัจจุบัน ด้วยเหตนุ ี้ หลงั งานทอดกฐินเสรจ็ สน้ิ ชาวบ้านสองฝ่ังโขงจะมปี ระเพณี ส่วงเฮือ หรือ แข่งเรือ เพื่อบูชาพญานาคท้ังสิบห้าตระกูลท่ีทำหน้าท่ีพิทักษ์ รักษาบ้านเมือง และขอความคุ้มครองจากพญานาค ให้พืชพันธุ์ธัญญาหารไม่ เสยี หายในฤดกู าลผลติ ฮีตหนง่ึ นั้น เดอื นสิบสองมาแลว้ ลมวอยหนาวส่นั เดอื นนีห้ นาวสะบัน้ บ่คอื แท้แต่หลัง ในเดือนนเ้ี พน่ิ ว่าใหล้ งทอดพายเฮือ ซ่วงกันบูชาฝูงนาโคนาคเนาวใ์ นพน้ื ซือ่ ว่าอซุ ุพะนาโคเนาวใ์ นพนื้ แผน่ สบิ หา้ สกุลบอกไวบูชาใหส้ ่งสะการ จงให้ทำทกุ บ้านบูซาท่านนาโค แลว้ ลงโมทาดอมซมื่ ซมกันเลน่ กลางเวน็ กลางคนื ให้ระงมกันขับเสพ จงึ สิสุขอยสู่ ร้างสบายเน้อื อย่เู ยน็
เพอื่ นใหม่ 13 ท่มี มุ หนงึ่ รมิ ท่านำ้ ... กลุ่มผู้จัดทำรายการโทรทัศน์กำลังบันทึกภาพผู้คนที่หลั่งไหลมาร่วม ชมปรากฏการณ์นีอ้ ยา่ งตั้งอกตงั้ ใจ มีชาวบ้านสนใจยืนดไู ม่นอ้ ย กำพร้ากเ็ ช่นกัน เขายืนอยดู่ ้านหน้า ใหค้ วามสนใจเป็นพิเศษ ผสู้ อ่ื ข่าวสาวท่ีอยดู่ า้ นหน้าดูโดดเดน่ กว่าใคร รา่ งสงู สมสว่ น แขง็ แรง ผมยาวประบา่ นยั นต์ าหวานมเี สนห่ ์ ผวิ สนี ำ้ ผง้ึ ทำให้เป็นผู้หญิงท่ีสวยจัดคนหน่ึง เธอทำหน้าท่ีคล่องแคล่ว ไม่เคอะเขิน ม่ันใจ ในตัวเองสงู ชาวบ้านรอบๆ ช้ีพลาง ซุบซิบพลาง เพราะนอกจากการเป็นผู้สื่อข่าว แล้ว สาวสวยคนนย้ี งั ผา่ นงานพธิ กี ร และภาพยนตร์หลายตอ่ หลายเร่อื ง ด้วยบุคลิกเฮฮา วาจาดุเดือดจึงทำให้เธอก้าวเป็นดาราชั้นแนวหน้าได้ ไม่ยากนัก “บั้งไฟพญานาคจะเป็นเพียงปรากฏการณ์ธรรมชาติ หรือศรัทธาจาก พญานาคใต้ลำน้ำโขงเองก็สุดท่ีจะคาดเดา เรามาฟังความเห็นจากผู้มาร่วมชม ปรากฏการณค์ ร้งั น้ีแบบสดๆกันดีกว่าค่ะ…” สายตาของเธอกวาดมองไปท่ัวบริเวณ ก่อนท่ีจะหยุดกึกตรงหน้าเขา เธอโปรยยม้ิ หวานให้ “น้องช่อื อะไรคะ” กำพร้าอึกอัก ไมค่ ิดวา่ จะเป็นตนเอง “เอ่อ...ชือ่ ...กำพร้าครบั ” “นอ้ งเดนิ ทางมาจากที่ไหนคะ” “สารคามครับ...อำเภอนาดูน จงั หวัดมหาสารคาม” ทำไมถงึ ตน่ื เต้นอย่างนีน้ ะ เขาพยายามบีบขอ้ มือตวั เอง “แล้วนอ้ งคดิ ว่าปรากฏการณ์บั้งไฟพญานาคเกิดจากอะไรคะ” “เอ่อ...ใต้ลำน้ำโขงบริเวณหนองคายเป็นช่วงท่ีลึกมาก เรียกว่าสะดือ แม่น้ำโขง อาจมีการทับถมของซากพืชซากสัตว์อยู่ตรงน้ีเป็นจำนวนมาก จน เกิดกา๊ ซทตี่ ดิ ไฟขนึ้ ครเู คยสอนว่า คืนท่พี ระจันทรเ์ ตม็ ดวง อากาศบนพืน้ ผิวน้ำ
14 อภนิ หิ ารบาดาลนคร จะเบา จึงทำให้กลุ่มก๊าซใต้น้ำเหล่าน้ันพุ่งข้ึนมาได้ บ้ังไฟพญานาคจึงอาจเกิด จากความร้อนใตพ้ ภิ พบวกกบั แรงดงึ ดดู ของดวงจันทรค์ รับ” เขาพยายามนึกถงึ ความร้ทู ่เี คยรำ่ เรยี นมาตอบ ไมใ่ หข้ าดตกบกพร่อง “และน่ีก็เป็นอีกหนึ่งความคิดเห็นสำหรับปรากฏการณ์บั้งไฟพญานาค ในวนั พรงุ่ นจี้ ะเปน็ อยา่ งไร ทมี ขา่ วของเราจะเกาะตดิ รายงานทกุ ความเคลอื่ นไหว คะ่ พชั รมาศ เบญจศรี รายงานจากแมน่ ำ้ โขง อำเภอโพนพสิ ยั จงั หวดั หนองคาย” “คัท” เสยี งผู้กำกับสัง่ หยดุ กลอ้ ง “โอเค...เรียบร้อย” พชั รมาศยมิ้ กอ่ นปลดไมโครโฟนจากปกเสอ้ื ออกมายนื่ ใหท้ มี งาน จากนน้ั ก็เดินไปยงั รถตูท้ ีจ่ อดอยู่ห่างๆ กำพรา้ ร้สู กึ เสยี ดายอยากทกั ทายขอลายเซ็น แต่เกรงวา่ จะรบกวนเวลา นักข่าวคนดัง ช่วั ครูท่ มี งานคนหนง่ึ กว็ ิง่ ลงมาจากรถตู้ แล้วยื่นของส่ิงหนึง่ ให ้ “พ่พี ัชรมาศฝากมาใหค้ รับ” กำพร้ายกมือไหว้ นึกประหลาดใจระคนดใี จ เขารีบกางสงิ่ นน้ั ออก เสื้อยืดสีขาวสกรีนภาพการ์ตูนล้อนักข่าวสาวชื่อดัง มีลายเซ็นหวัดๆ พออ่านออก ว่า มอบใหน้ อ้ งกำพรา้ คะ่ ... พัชรมาศ เบญจศร ี เขาดีใจแทบตะโกนออกมา สังเกตเห็นคุณป้าข้างๆ ส่งสายตาอิจฉา นิดๆ แกคงชอบพ่พี ัชรมาศเหมอื นกนั รถตู้เคล่ือนตัวอย่างเช่ืองช้า ผ่านฝูงชนออกไป กำพร้าโบกมือให้จน ลับตา กำพรา้ เดินกลับวัดดว้ ยหัวใจปลมื้ เปรม คืนนี.้ .. ดวงดาวน้อยใหญ่ดารดาษกลาดเกลื่อนเต็มผืนฟ้ากำมะหยี่สีหมึก พระจนั ทรเ์ กอื บจะกลมฉายดวงลอยเด่น
เพื่อนใหม่ 15 ภายในวัดเงียบสงบ กล่ินดอกไม้กลางคืนกระจายโชยกรุ่นท่ัวท้ังลาน กุฏิน้อยใหญ่ที่เรียงกันห่างๆ มีแสงไฟวับแวมส่องลอดพอให้เห็นว่าเริ่มมีผู้คนมา ถอื ศีลบ้างแลว้ ตกค่ำหลังจากสวดมนต์ทำวัตรเย็นเสร็จเรียบร้อย หลวงตาจะเทศนา สง่ั สอน อบรมจิตภาวนาแกส่ านุศษิ ย์และชาวบา้ นผมู้ าถอื ศีลบำเพ็ญเพยี ร กระแสธรรมของท่านอบอุ่น อ่อนโยน เยือกเย็นจับจิตจับใจเหล่าผู้ฟัง ทัง้ หลาย โขดหินหลังศาลาการเปรียญแลเป็นเงาตะคุ่ม แสงไฟจากกุฏิด้านบน ไมอ่ าจส่องมาถงึ มเี พยี งแสงจันทรช์ ว่ ยไขมา่ นมดื ใหม้ องเห็น เด็กชายในชุดขาวคนหนึ่งซุ่มตัวเงียบๆ หลังโขดหินริมแม่น้ำ คล้าย กำลงั รอคอยบางอยา่ ง กำพร้าเห็นเงาชุดขาวของเด็กวัยเดียวกันแวบๆ จึงเดินเข้าไปหาและ พบเพ่อื นใหมถ่ กู ชะตา เพอ่ื นใหม่แนะนำตวั วา่ ชื่อ ‘นาคน้อย’ กำพร้าชวนเดก็ ผชู้ ายคนนน้ั เล่นขาโถกเถก นาคน้อยทำหนา้ ฉงนย้อนถามกลบั ว่า “เล่นยังไง?” กำพร้าย้ิม พลางกวาดตามองหาไม้ยาวมีก่ิงย่ืนออกมาจากไม้ สำหรับ พอยืนเหยยี บได้ ให้สงู จากพ้นื ดนิ ประมาณสองสามศอก ลำไม้ยาวสงู ทว่ มศรี ษะ ผเู้ ล่น จำนวนคนละหนง่ึ ค ู่ กำพร้าหาลำไม้ไผ่ขนาดท่อนแขน แล้วลิดกิ่งให้เหลือพอยืนเหยียบได้ เขาข้ึนไปยนื ต่อขาทดลองเดนิ นาคนอ้ ยลองเดนิ โดยใช้ไม้ตอ่ ขาดบู า้ ง เวลาเดนิ ต่อเทา้ สงู จากพื้น รู้สึก เก้งกา้ ง ไม่ค่อยคุ้นเคย ผิดกับกำพร้าท่ีเล่นเดินไม้โถกเถกบ่อย เพราะตามใต้ถุนบ้านมีข้ีวัว ขค้ี วาย ขีเ้ ป็ด ขไ้ี ก่ ปะปนอยู่บนพนื้ ดนิ พอฝนตกกเ็ ฉอะแฉะ เปน็ ทน่ี ่ารังเกยี จ ประกอบกับบางครั้งจะมีสัตว์มีพิษ เช่น ตะขาบ แมงป่อง หรืองูตามพื้นดิน จึง ใชข้ าไม้มาตอ่ ให้สงู ขึ้น เพ่ือใช้เดนิ ผ่านไป
16 อภนิ หิ ารบาดาลนคร น่แี หละหนา ภมู ปิ ัญญาชาวอีสาน... จากนั้นกำหนดให้มีเส้นเรมิ่ ตน้ และเสน้ ชยั กำพร้าและนาคนอ้ ยถือไมย้ าว ท้ังคเู่ ตรยี มพร้อมไวท้ ีห่ ลงั เส้นเรมิ่ เมื่อไดส้ ญั ญาณเร่ิมเลน่ แตล่ ะคนก็ขนึ้ เหยียบบนกง่ิ ไม้ทเี่ ป็นขน้ั ยืน่ ออก มา มือท้งั สองจับไม้ให้มัน่ แลว้ เดินดว้ ยไมย้ าวแข่งกันไปยงั เส้นชัย ใครถึงเสน้ ชัยก่อนเปน็ ผชู้ นะ ใครตกจากไม้ระหวา่ งทางจะถือวา่ แพ้ กำพรา้ ชำนาญกวา่ จงึ ชนะนาคนอ้ ยทุกคร้ังไป จนกระท่งั คอ่ นคืน… “กลับละนะ” เพือ่ นใหม่กระซบิ ลา “เดย๋ี ว” กำพรา้ ร้องเรียก “บ้านนายอยไู่ หน” เพอื่ นใหมห่ ันกลบั มามอง ยิ้มให้นดิ ๆแลว้ ช้มี อื ไปกลางลำนำ้ กำพรา้ มองตามมอื ทชี่ ี้ เห็นแคส่ ายนำ้ กบั แนวป่าไม้ของประเทศท่ีอยู่ฝง่ั ตรงขา้ ม กำพร้านกึ ในใจ เพ่อื นใหมค่ งอยู่ฝั่งลาว “แลว้ เราจะไดเ้ จอกนั อีกไหม” “แม่ขาวจนั เท่าน้นั ท่รี ”ู้ คำตอบยงั ไมใ่ หค้ วามกระจา่ ง “แม่ขาวจันเปน็ ใคร” เดก็ ชายชุดขาวชีน้ ้วิ ไปทางท้ายวัด กำพร้าหันหลังไปมอง เห็นศาลาการเปรียญเก่าแก่ตั้งโดดเดี่ยวอยู่หลัง หนึง่ เขาหันกลับมา เพอื่ นใหมห่ ายไปแลว้ หายไปช่ัววิบตานนั้ ... เขาเห็นบางสิง่ ลำตวั ยาวกำลงั มดุ นำ้ โผลพ่ น้ เพยี งหางขนึ้ มาแทนท่ ี กำพร้าตัวเกร็งทื่อ พดู อะไรไมอ่ อก เหตกุ ารณพ์ สิ ดารทีเ่ พิ่งปรากฏปลกุ เรา้ ความอยากร้ภู ายใน เพื่อนใหม่เปน็ ใครกันแน่?
17
สอง แม่ขาวจัน ดึกสงัด... ศาลาการเปรียญท้ายวัดยืนทะมึนเด่นตระหง่านอยู่ท่ามกลางความมืด ของรัตตกิ าล แสงจนั ทร์สาดส่องลงมา แลเหน็ เสาแตล่ ะตน้ เปน็ เงาตะคมุ่ สายลม โบกโบยพัดยอดไม้เอนไหวตัวซซู่ า่ จกั จ่ันแมลงราตรีเงยี บเสยี งนานแลว้ กำพร้าเดนิ ตรงไปยงั ศาลาหลงั น้นั หยดุ ยืนนิ่งท่ีเชงิ บนั ได กระแสความเยน็ ใจแผซ่ า่ นมาในทกุ อณูของอากาศ กำพร้าสัมผัสความรู้สึกนั้นดำด่ิงลึกลงหัวอก คล่ืนความเย็นฉ่ำกระทบ ความอบอ่นุ ใจแผเ่ ปน็ กระแสเชื่อมโยง “ขึ้นมาสิ” น้ำเสียงอ่อนโยนหล่ังไหลคล้ายกระแสน้ำฉ่ำเย็น ดังมาจากความมืด ภายใน กำพร้าเคล่ือนตัวขนึ้ บันไดไม้ มองเห็นร่างในชุดขาวนั่งอยู่ตรงหน้าพระประธาน เทียนจุดสว่าง ตาม ด้วยธูป เขาได้กลิ่นธูปหอมจรุงใจข้ึนมาทันควัน กลิ่นมาก่อนปลายธูปจะโดน เปลวเทียนดว้ ยซำ้ ปักธูปใส่กระถางเรียบร้อยจึงค่อยกราบพระด้วยกิริยางดงาม จากแสง เทียนวบั แวม กำพร้าพอมองออกว่ารา่ งในชดุ ขาวเปน็ ผหู้ ญิง
20 อภนิ หิ ารบาดาลนคร อาจเปน็ ชีพราหมณ.์ ..เส้นผมสดี ำขลบั เกลา้ เป็นมวยเรียบ นิ่งสักพัก ก่อนจะมีเสียงสวดมนต์ดังกังวานขึ้น กำพร้าขนลุกซู่ตลอด ร่าง กระแสเสียงแห่งการสาธยายพระพุทธคุณ พระธรรมคุณ และพระสังฆคุณ ดึงจติ เขาให้สคู่ วามสงบ ซาบซา่ น เขามองเห็นผู้หญิงครองผ้าขาวนั่งพับเพียบ ดวงตาฉายแววสงบนิ่ง ผมดำยาวรวบม่นุ เปน็ มวยไวด้ า้ นหลัง รอยย้มิ เมตตาผดุ พราย กำพร้าทรดุ ตวั น่งั พับเพยี บ พนมมอื ไหวน้ อบน้อม “แม่ขาวจนั ใช่ไหมครบั ” หญิงนางน้ันพยักหน้าแทนคำตอบ รบั รองดว้ ยทีท่าสงบเยน็ เสียงสวดมนต์เงียบหายนานแล้ว แม่ขาวจันยังน่ังพับเพียบอยู่ท่ีเดิม เขารูส้ กึ ว่า แมข่ าวจันกำลังรอเขาอยู่ พ้นื กระดานดังเอ๊ียดอา๊ ดทง้ั ทเี่ ขาพยายามคลานให้เบาท่สี ุด จนเกอื บถงึ หน้าพระประธานเขาก็หยุด และนั่งพับเพียบเบื้องหลังแม่ขาวจัน เว้นระยะห่าง พอสมควร เงียบกันอยู่นาน กำพร้ามองเพียงไหล่เล็กๆ ท่ีถูกคลุมด้วยผ้าสีขาว สะอาดกับกรอบเส้นผมท่ถี กู แสงเทียนจบั เป็นเงามลังเมลือง เสียงจากเบ้ืองหน้าดงั ข้ึน โดยเจา้ ตัวมิได้หนั มา “เราพบกันวันน้ี นับว่ามีบุญวาสนาท่ีได้ทำร่วมกันมาแต่ปางก่อน หนู อยากฟังนิทานสกั เรือ่ งไหม” “ครับ” “นานมาแล้ว...” เปน็ การเรมิ่ ต้นทีไ่ มผ่ ดิ จากนิทานท่ัวไป “ณ บริเวณหนองแส ซึ่งตั้งอยู่ทางทิศเหนือของเมืองขอม มีพญานาค สองตนครองความเป็นใหญ่อยู่ ตนหนึ่งช่ือ ท้าวสุวรรณนาค ครองอยู่หัวหนอง ส่วนอีกตนหนึ่งชื่อ ท้าวศรีสุทโธนาค ครองอยู่ท้ายหนองกับชีวายนาค ผู้เป็น หลาน
แมข่ าวจนั 21 พญานาคสองตนอยู่ร่วมหนองน้ำแห่งเดียวกันอย่างสันติสุข มีมิตรจิต มติ รใจไปมาหาสู่และแบง่ ปนั อาหารแก่กนั อยู่เนอื งๆ เน่ืองจากพญานาคทั้งสองถืออุโบสถศีลเคร่งครัด ไม่ฆ่าสัตว์ตัดชีวิต ตา่ งจงึ ให้คำสตั ย์ไว้แก่กนั ว่า ถา้ หากมสี ตั วต์ ัวใดตวั หนึง่ ชะตาขาด พลดั ตกลงมา ตาย ทห่ี ัวหนองกด็ ี ทท่ี ้ายหนองก็ดี จะต้องเอาเนอื้ สัตวน์ น้ั มาแบง่ ปันแกก่ ันเพอื่ เลีย้ งชวี ติ แลว้ ตัง้ ชีวายนาคให้เปน็ สักขพี ยานคร้ังน้ี” เสยี งเล่าแผว่ เบา คลา้ ยเปน็ การยอ้ นทวนวนั วานท่ีลว่ งผา่ นมาแสนนาน “ครั้นอยู่มาวันหนึ่ง มีช้างใหญ่เชือกหนึ่งพลัดตกลงมาตายที่ท้ายหนอง ท้าวศรีสุทโธนาคดีพระทัยมาก จัดการแบ่งเนื้อช้างไปให้ท้าวสุวรรณนาคท่ีอยู่ หัวหนอง เป็นท่ีอ่ิมหนำสำราญกันท้ังสองฝ่าย ต่อมาอีกสองสามวัน มีเม่นตัว หนึ่งพลดั ตกทหี่ วั หนอง ท้าวสุวรรณนาคกจ็ ดั แจงแบ่งปนั ไปใหท้ า้ วศรีสทุ โธนาค เช่นเดียวกัน แต.่ ..เม่นตัวเลก็ กว่าช้างมาก เนื้อทแ่ี บ่งไปใหจ้ งึ น้อยนดิ ” คำพดู สะดุดชั่วครู่ ก่อนจะไหลเลือ่ นราวสายนำ้ ในธารใส “เรื่องน้ีคงไม่มีปัญหาอะไร ถ้าหากท้าวศรีสุทโธนาคไม่บังเอิญเหลือบ ไปเห็นขนเม่นเข้า เพราะขนเม่นทั้งใหญ่และยาวกว่าขนช้างอย่างชนิดเทียบกัน ไมไ่ ด ้ ท้าวศรีสุทโธนาคจึงคิดว่าสัตว์ที่ตกลงมาจะต้องตัวใหญ่กว่าช้างเป็นแน่ จึงนำขนเม่นเป็นหลักฐานไปให้ชีวายนาคผู้เป็นหลานดู ชีวายนาคก็เห็นพ้อง ด้วยวา่ ทา้ วสวุ รรณนาคเลน่ ไม่ซือ่ แนๆ่ ” คำพดู ขาดชว่ ง น้ำเสยี งมกี งั วานสะทา้ นนอ้ ยๆ ท้าวศรีสุทโธนาคเรียกบริวารของตนได้เจ็ดโกฏิ พากันไปถึงที่อยู่ของ ท้าวสวุ รรณนาค แลว้ กล่าวว่า “สหายนี้ไม่รักกันแท้หนอ เม่ือได้อาหารตัวใหญ่ตัวโตถึงเพียงนี้ เหตุไร จึงแบ่งไปใหเ้ ราแต่นดิ หนอ่ ย แม้แต่เพียงดมกไ็ ม่พอจักเหม็นสาบ”
22 อภินหิ ารบาดาลนคร ท้าวสวุ รรณนาคจึงกลา่ ววา่ “สัตว์น้ีมีขนโตก็จริง แต่ตัวเล็ก เราได้แบ่งเป็นสองส่วน ส่งไปให้ท่าน สว่ นหนง่ึ ดงั ท่ีเคยกระทำมาแลว้ ” ทา้ วศรีสุทโธนาคได้ฟงั เข้ากโ็ กรธ “ชาตสิ ัตว์ตวั มีขนใหญถ่ งึ ปานนี้ เหตไุ รทา่ นจึงว่าตัวเลก็ เลา่ กไู ม่เชื่อฟงั ถอ้ ยคำมึงละ มงึ น้ีหาความสัตย์บ่มไิ ด”้ กลา่ วจบทา้ วศรสี ทุ โธนาคกไ็ ดพ้ าบรวิ ารของตนเขา้ กระทำยทุ ธกบั บรวิ าร ทา้ วสวุ รรณนาค มเี สียงอนั กึกกอ้ งโกลาหลสนนั่ หว่นั ไหว “พญานาคท้ังสองที่เป็นเพื่อนเกลอกันมานานต้องมาผิดใจกันเพียง เพราะเรื่องอาหารแค่นหี้ รอื ครบั ” กำพรา้ สงสัย “คำสตั ยส์ ญั ญายอ่ มมาเหนอื สงิ่ อืน่ ใด...” “แลว้ เร่ืองเปน็ ยงั ไงตอ่ ครับ” “สองพญานาคต่างต่อสู้รบรากันอุตลุดเป็นที่เดือดร้อนแก่บรรดาสัตว์ท่ี ร่วมหนองนำ้ ทงั้ หลาย เพราะบริวารนาคท้ังสองฝา่ ยตา่ งยกโขยงเขา้ กล้มุ รมุ ต่อสู้ กัน จนเกิดคลื่นมหึมา น้ำในหนองขุ่นด้วยโคลนตมและเลือดพวกนาค ฝั่งตล่ิง พงั ทลายยบั เยนิ สัตวท์ ้ังหลายทอี่ าศยั อยู่ในหนองนั้นตายจนส้นิ ” เรอ่ื งราวหยดุ ชะงกั ความเงียบซึมซาบเขา้ ไปทกุ อณูความมืด “รบกันอยู่นานเจ็ดวันเจ็ดคืน ร้อนถึงพระอินทร์ต้องมีบัญชาให้พระ- วิสุกรรมลงมาห้ามปรามและขับไล่นาคท้ังสองให้ไปจากหนองน้ัน จึงทำให้ศึก ของพวกนาคสงบลงได”้ “พระวิสุกรรมน่ีเป็นใครเหรอครับ ทำไมพวกนาคถึงได้กลัวนักหนา” กำพร้ารีบถามด้วยความอยากรู้ “พระวิสุกรรมก็คือพระวิศวกรรมนั่นแหละ พระองค์เป็นนายช่างเอก แห่งสรวงสวรรค์ เปน็ เทพบรวิ ารผ้รู บั ใช้ใกลช้ ิดกบั พระอนิ ทรท์ ่ีสุดท่านหนงึ่ คกู่ ับ พระมาตลุ ี จอมสารถีแหง่ สรวงสวรรค ์
แมข่ าวจัน 23 พระองค์ทรงมีพระขรรค์ที่ทรงมหิทธานุภาพมาก พวกนาคจึงได้เกรง กลัวนัก เพราะเพียงแค่พระขรรค์ของพระองค์กวัดแกว่งไปท่ีใด ที่แห่งนั้นย่อม วนิ าศเปน็ จุณมหาจณุ ...” กำพร้าพยักหน้าชา้ ๆ “พระวสิ กุ รรมมบี ญั ชาใหท้ า้ วสวุ รรณนาคนำบรวิ ารขดุ ดนิ ทำทางนำ้ จาก หนองแสลงใต้ผ่านป่าเขา ออกสู่ทะเล กลายเป็นแม่น้ำโพระมิงหรือแม่น้ำน่าน และสร้างเมอื งนนั ทบุรนี ครขน้ึ เส้นทางทช่ี ีวายนาคหนีไปกลายเป็นอรุ งั คนทีหรอื แม่นำ้ อู และชวี ายนที หรือแมน่ ้ำชี ซึ่งไหลผา่ นเมอื งขอมด้วย ส่วนเส้นทางท่ีท้าวศรีสุทโธนาคเลื้อยหนีก็กลายเป็นแม่น้ำโขง คำว่า โขงมาจากคำวา่ โคง้ หรอื ไมต่ รง และสรา้ งเมอื งศรสี ตั นาคนครขนึ้ ทงั้ ยงั นำปลาบกึ จากทะเลขนึ้ มาปลอ่ ยท่แี มน่ ำ้ โขง ทำให้แม่นำ้ โขงมปี ลาบกึ น่นั เอง หลังจากท่ีหนีมาอยู่ท่ีแม่น้ำโขงแล้ว ท้าวศรีสุทโธนาคก็ครองเมืองศรี- สัตนาคนครอยู่อย่างสขุ สงบ” “จบแล้วหรือครับ” กำพร้าถามเมื่อเห็นแม่ขาวจนั ยกถว้ ยนำ้ ชาข้ึนจบิ “ยงั ... นเ่ี พง่ิ เริ่มตน้ ต่างหาก” หญงิ ชราตอบเรียบๆ “แคเ่ รม่ิ ตน้ ยงั นา่ สนใจขนาดนี้ เนอ้ื เรอ่ื งตอ่ ไปคงสนกุ นา่ ด”ู เขาพดู เหมอื น เดก็ เล็กๆ บรเิ วณรอบๆ คอ่ นขา้ งเงยี บ จนเหมอื นกบั วา่ มเี พยี งแคเ่ ขากบั แมข่ าวจนั เท่านนั้ บนโลกน ้ี แมข่ าวจนั เรม่ิ ต้นเล่าตอ่ .... “จนกระทงั่ พญามหาสรุ อทุ ก กษตั รยิ ผ์ คู้ รองเมอื งหนองหานหลวง เสดจ็ ประพาสป่าโดยรอบเขตแดนอาณาจักรมาถงึ บรเิ วณลมุ่ แมน่ ้ำโขง อำมาตย์ผู้หนึ่งได้กราบทูลถึงความเป็นมาของดินแดนบริเวณนี้ว่า พญาสมุทรอุทก พระราชบิดาของพระองค์ได้ทรงมอบให้อยู่ในความดูแลรักษา ของทา้ วศรีสุทโธนาค
24 อภนิ ิหารบาดาลนคร พญามหาสุรอุทกได้ฟังก็ไม่พอพระทัย และทรงเห็นว่าพระองค์เองก็ ทรงมีฤทธ์ิอำนาจมิย่ิงหย่อนกว่าผู้ใด จึงถือพระขรรค์ก้าวเดินไปบนผิวน้ำของ แม่นำ้ โขงเพ่อื แสดงฤทธ์ิ ท้าวศรีสุทโธนาคซึ่งนอนสงบน่ิงอยู่ใต้ลำน้ำโขง จู่ๆ ก็มีมนุษย์มาแสดง ฤทธ์ิเดชเดินไปมาอยู่เหนือหัว ก็รู้สึกเหมือนว่ากำลังถูกหยามน้ำหน้าอย่างแรง จึงโผล่พรวดขึน้ มาเลน่ งานทนั ที ศึกระหวา่ งมนษุ ยก์ บั นาคจงึ เปิดฉากข้นึ อยา่ งดุเดือด! ทัง้ สองส้รู บกนั พัลวันสูสี ไม่มีทีทา่ วา่ ใครจะเอาชนะใครได้งา่ ยนกั พญามหาสรุ อทุ กไดส้ งั หารโอรสของชวี ายนาคทร่ี ว่ มรบดว้ ยสน้ิ พระชนม์ ชีวายนาคเสียพระทัยย่งิ นกั จึงยกทพั นำศพลกู ชายกลบั ศรสี ตั นาคนคร ท้าวศรีสุทโธนาคเห็นว่าขืนต่อสู้กันเน่ินนานออกไป คงต้องเพล่ียงพล้ำ พ่ายแพ้แกม่ นุษยเ์ ป็นแน่ จึงกลับไปตัง้ หลกั ทเี่ มืองบาดาลก่อน...” แมข่ าวจนั เลา่ พลางเออ้ื มมอื หยบิ วตั ถอุ ยา่ งหนง่ึ จากใตฐ้ านพระประธาน มีลักษณะคล้ายบาตรพระ แต่ฝากว้างกว่า ฐานทำดว้ ยแก้วสขี าวขนุ่ แม่ขาวจนั หยิบมาวางชิดกบั ดวงเทยี น กำพรา้ เขยบิ เขา้ ไปชดิ พลางกม้ ลงมอง แตไ่ มเ่ หน็ อะไรมากไปกวา่ นำ้ ใส ที่บรรจุอยเู่ กือบคอ่ น แต่พอขยบั จะถามก็ไดย้ ินแม่ขาวจนั บอก “ดูใหด้ ี นีแ่ หละผลกรรม...” น้ำที่ใสสะอาดจนมองเห็นก้นภาชนะได้ถนัด ก็เร่ิมวนขุ่นข้ึน อาการ หมนุ จนเป็นเกลยี วกวา้ งขน้ึ ทำใหร้ ้สู ึกตาลายจนแทบอยากจะเลกิ มอง กำพร้าไมส่ ามารถถอนสายตาไปยังทีอ่ น่ื ได้ รู้สึกคล้ายกบั วา่ มีอะไรบาง อย่างมาดึงดดู ไวเ้ ชน่ น้นั ครู่ใหญ่ๆ กระแสจึงค่อยๆ คลายอาการหมุนเกลียว กลับสว่างใสกว่า เดมิ แล้วเขากเ็ หน็ ภาพวาด แต่ชัดเจนกวา่ คลา้ ยกับจำลองของจรงิ มา ภาพ น้ันค่อยๆ หมุนไปช้าๆ จนในที่สุดก็ปรากฏชัดขึ้น จนดูราวกับว่าได้มาลอยอยู่ ตรงหนา้
แม่ขาวจัน 25 บนตัง่ เตย้ี ... โอรสชีวายนาคทอดรา่ งสงบ บนตง่ั ล้วนแตเ่ ป็นสีขาว ขา้ งใตต้ ้ังฟนื กอง ใหญอ่ นั มไี มจ้ ันทน์ ไมก้ ฤษณา ไม้กลำพกั และกำยาน ชีวายนาคลูบไล้ร่างลูกนอ้ ยอยา่ งแผ่วเบา นำ้ ตารนิ ไหลดจุ สายเลือด อก เกรยี มกรม มอื เกร็ง...บอกชดั “ขา้ จะตามจองเวรมันทกุ ชาติทกุ ภพ!” แสงเพลิงเรงิ รุ่ง ปราสาทไม้ปิดทองลอ่ งชาดงดงามกำลงั ถูกไฟแลบเลีย พิธสี งสะการโอรสชวี ายนาค... ดวงพักตรผ์ ู้เปน็ พ่อโศกศลั ย์ ตะลงึ แลดแู สงเพลิงนั้น อัคคีเผาผลาญ หากความร้อนรุมเริงโรจน์ในหัวใจผู้แลมอง ความแค้น ถูกครอบคา้ งแน่นหวั อก เงาน้ำกระเพ่ือมขนุ่ มวั หมุนเวียนคว้างวบั หายไปทนั ท!ี แมข่ าวจันที่น่ังพบั เพียบอยู่ตรงหน้า ยังคงอยู่ในท่าเดมิ แสงเทียนเป็นประกายวบั แวม เสยี งปกั ษายามราตรีร้องแหลมโหยหวน ราวกบั จะพลอยเสียใจไปด้วย “กงเกวียน กำเกวียน กฎแห่งกรรม วิถีแห่งชีวิต ใครเลยจะห้ามได้ ไม่มีอะไรท่ีจีรังย่ังยืน ไม่มีอะไรท่ีเที่ยงแท้แน่นอน ภาพทุกภาพในโลกน้ีเป็น มายา เปลี่ยนแปลงได้ สูญสลายได้ มีอะไรในโลกน้ีบ้างท่ีเป็นของเรา แม้แต่ตัว ของเรา ท่ีเราคิดวา่ มันเป็นของเรามากทสี่ ุดกย็ ังไมใ่ ชข่ องเรา เพราะเราบังคบั ให้ ไม่แก่ ไม่เจ็บ ไมต่ าย ไมไ่ ด้ ฉะนีแ้ ลว้ เราจะยังไปบงั คับสิ่งใดได”้ บางตอนกระแสเสียงน้ันทอดต่ำปนทอดถอนลมหายใจ ราวกับว่า หนักใจอะไรอย ู่ “ฝ่ายพญามหาสุรอุทกเข้าพระทัยว่าพระองค์ได้ชัยชนะอย่างเด็ดขาด แลว้ กป็ ระมาท ไม่ได้ระมัดระวงั เหตรุ า้ ย แล้วกลางดึกคนื นนั้ เอง...” ภาพท่ีเลือ่ นซอ้ นข้ึนมา ทำใหก้ ำพรา้ ขนลกุ ซกู่ รูเกรยี ว มอื ไม้เยน็ เฉียบ
26 อภนิ หิ ารบาดาลนคร นภากาศเหนือเมืองหนองหานหลวงละม้ายมีแต่รัตติกาลกับสายพิรุณ กระหน่ำท่ีมีแต่หนักทวี ธรณีเร่ิมเจ่ิงล้นด้วยน้ำ บ้านเรือนกลางเมืองเป็นแอ่งต่ำ ต้องอพยพผ่อนผนั ขน้ึ ทดี่ อนเรอ่ื ยไป ท้ายสุดแม้ทางตำหนักหลวงทกี่ ล่าวไวว้ ่าเป็นที่สูง น้ำยงั ทะลกั เขา้ มา ลำนำ้ เริ่มขยายวงกว้าง สุดสายตา น้ำพลั่ง พล่ังลงมาจากปากพญานาคร่วมสิบหมื่น ระลอกระร้ิวซัดเป็น คล่ืนใหญ ่ ชวี ายนาคสั่งแกบ่ ริวาร “โหมข้นึ อีก!” บ้านเรือนถูกน้ำพลัดพรายกระจายไป ต้นไม้ถอนรากถอนโคนไหลลิ่ว ลงมา ทกุ สรรพส่งิ ถูกพัดพาจอ่ มจม คนในเมอื งเร่มิ วติ ก มีบา้ งอพยพขึน้ ภเู ขา พายุโหมฮือ สายวัชระแปลบปลาบ ฟ้าฟาดวาบวาบ มีแต่ราตรีกับ ความมดื มดิ พญานาคตนี ำ้ ป่วนป่นั กลายเปน็ คลน่ื กระหน่ำซดั ลมย่ิงแรง คลื่นยิ่งใหญ่ ม้วนรัดทุกอย่างพินาศ หนองหานหลวงกลาย เปน็ ทะเลบ้า คนเมอื งหนองหาน...รู้ชา้ เกนิ ไป ไมไ่ ด้ระแวดระวังเหตุร้าย พระราชวังเริม่ พงั ทลาย ผคู้ นหวดี รอ้ งตระหนกอกสนั่ เสยี งลมหวีดราว ผรี ้ายกู่ก้อง คลน่ื ตีฟองกระแทกหอคำ บางส่วนเอนราน้ำ มินาน...จะพงั ภินท ์ พญามหาสรุ อทุ กวิ่งลงเรอื หลวงเร่งรอ้ น คล่ืนใหญต่ ีฟองกระหน่ำ หอคำเอียงทลาย เรือทงั้ หลายกระจายจากกนั ในความมดื มน เสยี งคน เสยี งพายุ เสียงน้ำ เสยี งนาค สายฟา้ ฟาดซำ้ หนองหานหลวงกลายเป็นทะเลนรก คนทงั้ หลายลอยไปในทะเลกรรม เรอื หลวงถกู คลน่ื ยกสงู แล้วละลวิ่ ลงต่ำ พญามหาสรุ อทุ กประทบั กลาง ลำ รอรับชะตากรรมโดยดี แล้วคลื่นกลับยกสูงอีกที เรือหลวงละลิ่วกระแทกขัด กับอะไรบางอย่าง ในแสงฟา้ ขาววาบ พญามหาสรุ อุทกเห็นร่างยาวเงาปลาบคลา้ ยงใู หญ ่ ร่างนนั้ ผา่ นมา่ นนำ้ ลยุ มาหา...ชีวายนาค!
แมข่ าวจนั 27 พญามหาสุรอุทกหนาว ตัวชา กระดิกกระเด้ียแทบมิได้ คล่ืนใหญ่ซัด ซำ้ รา่ งน้นั ลากพระองคจ์ ากนาวา ท่ลี อยละล่วิ ผ่านตาไปรวดเร็ว แลว้ พระองค์ก็ ถกู ลากเอวไปจนได้ พระองค์พยายามไขว่ควา้ หาที่ยดุ รา่ งไว้ หอบ กระอกั กระไอสำลักน้ำ คลื่นบ้าคลั่งเป็นฟองขาว โยนตัวม้วนใหญ่ กระแทกวรองค์คร้ังแล้ว ครงั้ เล่า กำแพงน้ำมหึมา กระแทกโถม ร่างพญามหาสุรอุทกม้วนหายเข้าไป ภายใน ลมหายใจเฮือกสุดทา้ ยดับลง นภาดำมืดค่อยคล่ีคลาย ดาวค่อยพริบไสวทีละดวง ผืนน้ำแผ่ท่วมเป็น ระร้ิวระลอก เหลือพ้ืนดินเป็นเกาะอยู่กลางน้ำเพียงแห่งเดียวคือ...เกาะดอน สวรรค์ หนองหานหลวง...ลม่ ละลาย พญามหาสรุ อุทกสญู หาย คงไว้แตต่ ำนาน ภาพนน้ั เลอื นจางลง นำ้ ใสแจว๋ คงสงบนงิ่ จนมองเหน็ กน้ ภาชนะไดถ้ นดั ดจุ เดิม นทิ านจบ กำพรา้ คอ่ ยสลบั ขานงั่ พบั เพยี บ สายตามองขนึ้ ไปยงั พระพทุ ธ- รปู “จบแลว้ ใชไ่ หมครบั ” กำพร้าถามนมุ่ นวล “แล้วหนูอยากให้มีตอ่ อีกไหม” คำถามยอ้ น เขากม้ หน้ารอฟังต่อ “เม่ือชีวายนาคได้แก้แค้นสมใจปรารถนาแล้ว ก็กลับลงไปใต้ลำน้ำโขง ตามเดิม ภายหลังท้าวศรีสุทโธนาคทรงรู้ว่าหลานชายตัวดีทำเกินกว่าเหตุ แอบ อ้างกระแสรับส่ังเจ้าปู่ให้ถล่มเมืองหนองหานหลวงจนล่มจมท้ังเมือง จึงคุมขัง ชีวายนาคด้วยมนตราให้สาสมกับความผดิ ไวใ้ ต้ลำน้ำโขงจนกระทั่งถงึ ทกุ วันน ้ี หลังจากนั้น ท้าวศรีสุทโธนาคก็เสด็จกลับนครพรหมประกายโลก เพ่ือ บำเพ็ญศลี ภาวนานับพนั ป”ี “นครพรหมประกายโลกอยู่ท่ไี หนเหรอครบั ”
28 อภนิ หิ ารบาดาลนคร “คำชะโนด...ดินแดนที่เป็นสัปปายะเหมาะสมต่อการบำเพ็ญเพียรเพ่ือ จะไดพ้ น้ ภพภูมิเดรัจฉานขนึ้ สู่ความเปน็ มนษุ ย์” “คำชะโนด ทีอ่ ำเภอบา้ นดุง อดุ รธานีนะ่ หรอื ครบั ” “ใช่...ที่ได้ชื่อนี้เพราะที่น่ีมีต้นชะโนดเป็นสัญลักษณ์ ลักษณะคล้ายต้น หมาก ต้นมะพร้าว และต้นตาลผสมอย่างละเท่าๆ กัน ในเวลาหนึ่งเดือนทาง จันทรคติ ข้างขึ้นสิบห้าวัน ท้าวศรีสุทโธนาคจะกลายร่างเป็นมนุษย์ และอีก สิบหา้ วนั ข้างแรมจะกลายร่างเป็นนาค” แมข่ าวจันตอบเรียบๆ “แลว้ ...ชวี ายนาคล่ะครบั ” “ชวี ายนาคถกู ผกู มดั ดว้ ยมนตราจนสน้ิ ฤทธ์ิ อำนาจมนตราทพี่ นั ธนาการ พญานาคตนน้ัน ย่อมมีการเส่ือมวันหน่ึงในกาลข้างหน้า มีเพียงคัมภีร์เล่มหน่ึง เทา่ น้ันท่จี ะใช้ปราบพญานาคตนนีไ้ ดใ้ นอนาคต” “คัมภีร์อะไรครับ” กำพร้าไม่อาจสะกดใจต้องหลุดปากถามด้วยความ อยากร ู้ แม่ขาวจันเอื้อมมือหยิบคัมภีร์ใบลานเล่มบางๆเล่ือนวางไว้ให้ ความ เก่าของมันนา่ จะมอี ายุรว่ มร้อยปี เขารบั มาด้วยใจเตน้ ระทึก “มนตร์อาลมั พายน์” แมข่ าวจนั ตอบ มนตร์นี้เป็นเช่นไร มีความเป็นมาสำคัญอย่างไร ถึงสามารถสยบ พญานาคผู้ทรงอิทธิฤทธิ์ได้ กำพร้าชะงักคำถามต่างๆ ไว้ที่ริมฝีปาก ในสมองเหมือนมีประกาย สว่างแวบผา่ น มนตร์อาลัมพายน์ก่อให้เกิดปฏิกริ ยิ ารนุ แรงที่ใจ เขารับคัมภีร์มาด้วยมืออันเย็นเฉียบ ใจสั่นระรัว กลัวมันจะเปื่อยยุ่ยคา มือ บรรยากาศเงียบงันขรึมเคร่งกดดันให้เกิดความหว่ันหวาดไม่เป็นตัวของ ตวั เอง มนตรอ์ าลมั พายน์ สิ่งน้หี รอื คือคปู่ รับกบั พญานาคศตั รตู วั ร้าย “ในทศชาติก่อน พระพุทธองค์จะบรรลุสัมโพธิญาณ พระองค์ได้เสวย พระชาตเิ ปน็ พญานาคช่ือ ภรู ิทัต มีพระประสงคจ์ ะบำเพ็ญศีลบารมี งดเวน้ จาก การเบยี ดเบยี นฆา่ สัตว์
แม่ขาวจัน 29 สมัยนั้นมีดาบสฤาษีตนหนึ่งได้รับมนตร์จับนาคจากพญาครุฑ มนตร์นี้ ชื่อมนตร์อาลัมพายน์ มีอานุภาพยิ่งใหญ่ คร้ันฤาษีสำเร็จมนตร์น้ีกลับมีจิต ละโมบ หวังช่ือเสียงเงินทอง ทำตัวเป็นหมองู จนไปพบพระภูริทัตซึ่งกำลัง จำศีลบำเพ็ญบารมอี ยู่ จงึ ใช้มนตรน์ จ้ี ับพระบรมโพธสิ ตั ว์ ตอนหลงั ไดพ้ ่ีน้องของ พระองค์ช่ือสุทัศน์พญานาคกับนางอัจจะมุขีนาคีช่วยออกมาได้ ความร้ายกาจ ของมนตร์น้เี ปน็ ทเี่ ลอื่ งลือ เหลา่ นาคานาคลี ้วนเกรงกลัว แต่จะหาผู้สำเร็จมนตร์ นช้ี า่ งยากเย็นยงิ่ นกั ยิง่ หาคนท่เี ปล่งอานุภาพแหง่ มนตรน์ ี้ไดเ้ ต็มทีแ่ ทบจะไมม่ ”ี “อยากถามอะไรอกี ไหม” แมข่ าวจันเอ่ยขึ้นหลงั เงยี บครใู่ หญ่ “แลว้ แมข่ าวจนั เล่าเรอื่ งนีใ้ หผ้ มฟงั ทำไมเหรอครับ” “ชีวายนาคถูกมนตราเจ้าปู่ศรีสุทโธนาคกักขังพันธนาการนับพันปี.... จนเพิง่ หลดุ รอดมาไมน่ าน เวลาน้ชี วี ายนาคเป็นอิสระแลว้ ” “หา...” กำพรา้ อ้าปากคา้ ง “ส่วนพญามหาสุรอุทก...กลับชาติมาเกิดเป็นหลวงพ่อเจ้าอาวาสท่ีน่ี ท่ี วดั แห่งน.้ี ..” กำพรา้ ถึงกบั นิ่งอึง้ “เรื่องทแี่ ม่เลา่ ใหห้ นูฟงั ไม่ใชแ่ คน่ ิทาน” “ถ้าอย่างน้นั เราจะจัดการกับชีวายนาคยังไงล่ะครบั ” “ด้วยคมั ภรี ์เล่มน”้ี “ถ้าอย่างน้ันเราก็มีทางต่อสู้แล้ว” กำพร้ากระหย่ิมใจ แต่พอเห็นสีหน้า แมข่ าวจนั ก็นึกสงสัยว่ามันจะไม่งา่ ยอย่างที่คดิ “มปี ัญหาอะไรหรอื ครบั ” “มนตร์อาลัมพายน์ใช่มนตราที่จะมาท่องบ่นปาวๆ ต่อหน้าชีวายนาค แล้วจะสำเร็จเสียเมื่อไหร่ ถ้าเป็นอย่างนั้นเด็กประถมที่อ่านหนังสือออกก็ย่อม สามารถสยบนาคราชทท่ี รงฤทธไ์ิ ด้เหมอื นกัน” จริงสิ...มีใครเคยคดิ ถึงประเด็นนบี้ ้าง คาถา...เวทมนตร์...ทุกบททุกบาทเป็นเพียงส่ือที่ชักนำอำนาจแห่งจิต ให้เกิดอานุภาพ มุ่งตรงยังเจตนาที่กำหนด การท่องบ่นแบบปาวๆ เป็นนกแก้ว นกขุนทองยอ่ มไมบ่ ังเกิดผลใดๆได้เลย
30 อภินหิ ารบาดาลนคร “งน้ั กว่าจะฝึกมนตรบ์ ทนีไ้ ด้ หลวงพอ่ ก็คง...” กำพร้าบ่น แลว้ ฉกุ คิดได้ “ผมนึกได้แล้ว ทำไมหลวงพ่อไม่ใช้มนตร์บทน้ีกำราบชีวายนาคล่ะ ผม ว่าอำนาจจติ หลวงพอ่ ตอ้ งเพียงพอตอ่ การใช้มนตร์อาลมั พายน์แนๆ่ ” แม่ขาวจนั พดู เรยี บๆ “การเบียดเบียนชีวิตสัตว์ถือว่าผิดศีลขั้นอาบัติปาราชิก อีกอย่างภูมิจิต ท่านกน็ ่าเข้าสโู่ ลกตุ รธรรมแล้ว ทา่ นคงไมเ่ สยี เวลากับเร่ืองทางโลกหรอก” “หลวงพ่อท่านกำลังปฏิบัติธรรมอยู่ในช่วงสุดท้าย หัวเลี้ยวหัวต่อ” แม่ ขาวจันพดู อีกเรอื่ ง “ต่อให้หนูเจอท่านพรุ่งน้ีก็ไม่ควรคุยเร่ืองเหล่านี้กับบรรพชิตหรอกจ้ะ แม่ถงึ ตอ้ งมาคยุ กบั หนูเอง” “แล้วทา่ นจะรอให้ชวี ายนาคมาสังหารนะ่ หรอื ” แม่ขาวจันไม่ตอบ “แล้วผมจะต้องทำอยา่ งไรบา้ ง” “ฝกึ มนตร์อาลัมพายน์” กำพรา้ กล้ำกลนื กอ้ นขมๆลงคอ “บอกตรงๆ ผมไม่เข้าใจความหมายในคัมภีร์ ต่อให้ท่องมนตร์ผิดๆ ถกู ๆกค็ งจะไมม่ ฤี ทธิ์เดชอะไร” “คาถาเปน็ เพียงเคร่ืองกำกับจติ กำหนดแนวทางวา่ จะใช้พลงั อำนาจไป ในทิศทางใด แต่ถ้าจิตผู้ใช้ไม่มีกำลัง ไม่มีอำนาจ ต่อให้ท่องได้ก็เหมือนนกแก้ว นกขุนทอง” “มวี ิธสี ร้างพลังเพ่อื ใช้มนตร์นีไ้ หมครบั ” “ความตั้งมั่นคือฐานกำลังของใจ เจตจำนงคือการกำหนดพลังเพ่ือใช้ งาน” “แลว้ ทำไมตอ้ งเป็นผม” ความสับสน รันทดทอ้ หมดหวงั พลงุ่ พลา่ นในใจ
แม่ขาวจนั 31 เดก็ นอ้ ยอยา่ งเขา ฤาหาญกลา้ ตอ่ กรกับพญานาคผูย้ งิ่ ใหญ ่ “กรรมที่ร้อยรัดผูกพันกันมาเป็นเครื่องกำหนด อย่าคิดอะไรให้มากนัก เลย มนษุ ย์เรามีกรรมเป็นเคร่อื งกำเนดิ และหลอ่ เลีย้ งชีวติ แมบ่ อกได้เพยี งน”ี้ น้ำเสยี งกังวาน สดใส ราบเรยี บเกือบจะไมแ่ สดงอารมณ์ใดๆ นอกจาก ความเยือกเย็นม่นั คง ทำให้กำพรา้ ระงับอารมณ์ไดอ้ ย่างรวดเร็ว “ผมเขา้ ใจแลว้ ” “แมใ่ ห”้ แมข่ าวจนั พดู แคส่ องคำ พรอ้ มกบั วางสงิ่ ของบางอยา่ งลงตรงหนา้ กำพรา้ มนั เป็นเกล็ดขนาดเกอื บเทา่ ฝา่ มอื หนาราวหนงึ่ เซนตเิ มตร มสี เี ขยี วใส แวววาวเหมอื นมรกต รูปกลมรีคล้ายพัด ลวดลายในเนอื้ เป็นเส้นบางๆ “ใหผ้ มหรอื ครับ” กำพรา้ มองอย่างงุนงง “สิ่งนี้จะช่วยหนไู ดใ้ นยามคับขนั ” “ขอบคณุ ครบั ” ทนั ทที กี่ ำพรา้ หยบิ เกลด็ ชน้ิ นน้ั ขนึ้ มา เขากส็ ะดงุ้ เฮอื กเหมอื นโดนกระแส ไฟรุนแรงแล่นปลาบน่ิงงัน ตาค้าง ภาพหลายภาพวิ่งผ่านในหัวสมองเหมือน ขบวนรถไฟ มันเร็วจนจบั ไมท่ นั แยกไมอ่ อกเปน็ ภาพสิ่งใดบา้ ง เขาคลายมือมองเกล็ดสีเขียวมรกตอีกคร้ัง รู้สึกราวกับเคยเป็นเจ้าของ มาก่อน กำพร้าหย่อนมันลงกระเป๋าเส้ือ นึกสงสัยเพียงอย่างเดียว เกล็ดช้ินน้ีมี ประโยชน์อย่างไร “วนั นว้ี นั ดดี ถิ อี นั วเิ ศษ ขอไทเ้ ทเวศอำนวยกศุ ลผลบญุ ถงึ เจา้ คลาดแคลว้ ภัยกรรมเคราะห์ท้ังหลายอยา่ ได้ม”ี แมข่ าวจันอวยพรให ้ ในความสลัว น่าแปลก คลับคล้ายร่างนางสว่างเห็นชัด ราวแสงจันทร์ สิบหา้ คำ่ ทอดสว่างเข้ามาก็มใิ ช่ เขาพับขาข้ึนคุกเข่า ก้มลงกราบแม่ขาวจันด้วยกิริยาเคารพนอบน้อม สูงสุด
32 อภินหิ ารบาดาลนคร เมอ่ื เงยหนา้ ข้ึน เขาพบวา่ ตนเองกำลังอย่โู ดดเดีย่ วท่ามกลางแสงเทยี น วับแวมและกลน่ิ ธปู กรนุ่ กำจาย กำพรา้ ได้เหน็ แมข่ าวจันเป็นครง้ั สดุ ทา้ ย ยามเม่อื ไหวว้ ันทาลาออกมา
33
สาม ลองดี คืนนัน้ ทง้ั คืน กำพรา้ ทุ่มสมองใหก้ ับมนตราอนั แปลกประหลาด... มนตร์ทีจ่ ะใชป้ ราบชวี ายนาค! เขาจะตอ้ งทำใหส้ ำเรจ็ กอ่ นทชี่ วี ายนาคจะกลบั มาลา้ งแคน้ พญามหาสรุ - อุทก ซึ่งในชาติภพน้ีท่านเป็นพระสงฆ์ผู้ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบ หลวงพ่อ พระผู้มี กระแสอันอบอ่นุ เยอื กเยน็ ผิดกบั พระรปู อืน่ ทีเ่ คยเห็น เสยี งทอ่ งคาถาทุ้มต่ำไหลเน่อื งเหมือนเกลียวนำ้ มีบางคำผิดเพีย้ นไป ลมยามเช้ามืดโชยพัดเข้ามาจนหนาวยะเยือก แต่เขากลับไม่รับรู้ความ รู้สกึ นั้น กำพร้าเร่ิมท่องคาถาบทที่หน่ึงอย่างช้าๆ ชัดถ้อยชัดคำ แล้วก็บทท่ี สอง...บทท่ีสาม...
36 อภินหิ ารบาดาลนคร นิทานปรัมปราท่แี ม่ขาวจันเลา่ จะเปน็ จรงิ หรอื ไม?่ แตร่ อ่ งรอยบางอยา่ งก็สอดคล้องกับหลกั ฐานทางโบราณคด ี ผู้คนในภูมิภาคอุษาคเนย์ยกย่องนับถือนาคหรืองูมาแต่ดึกดำบรรพ์ เม่ือไม่น้อยกว่าสองหรือสามพันปีมาแล้ว เพราะมีหม้อลายเขียนสีบางใบพบที่ บ้านเชียง อดุ รธานี เขยี นลวดลายเป็นรปู งกู ระหวัดรัดพนั กันอย ู่ แสดงว่ามนษุ ย์สมยั น้นั มคี ติหรอื ลัทธิบูชางู นับถือเป็นสัตวศ์ ักด์ิสทิ ธ์ ิ ตามตำนานเขมรมีความเช่ือว่ากษัตริย์ตนสืบเช้ือสายจากพญานาค มี พญานาคสร้างเมืองให้ นิทานจีนยังมีเร่ืองนางพญางูขาวท่ีมารักกับคน จนเกิด บุตรชาย และยังมีความเช่ือท่ีว่ากันว่าพญานาคสามารถแปลงกายมาสมสู่กับ มนษุ ยไ์ ด ้ ในบรรดาชุมชนบ้านเมืองท่ัวภูมิภาคอุษาคเนย์ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง บริเวณสองฝ่ังแม่น้ำโขง ตั้งแต่ตอนใต้มณฑลยูนนานของจีนลงมาถึงปากแม่น้ำ โขง ลว้ นเลื่อมใสลทั ธบิ ูชานาคทงั้ ส้ิน หลักฐานทางประวัติศาสตร์ชี้ชัดว่า หนองแส ตามตำนานหมายถึง ทะเลสาบทเ่ี มืองคุนหมงิ มณฑลยนู นาน แหล่งผลติ กลองมโหระทกึ ทีเ่ กา่ แก ่ ถ้าเช่นน้ัน หลังจากพระวิสุกรรมขับไล่นาคให้ออกจากหนองแส พวก นาคก็ต้องอพยพลงมายังแถบมณฑลกวางสีของจีน อันเป็นถิ่นที่อยู่ของชนชาติ จว้ ง และภาคเหนอื ของเวียดนาม ทเ่ี รยี กว่าถ่ินวัฒนธรรมดองซอน แล้วกระจาย ไปส่ดู ินแดนอนื่ ๆ รวมทงั้ แม่น้ำโขง ประเทศไทย! ใต้ลำน้ำโขง... ชีวายนาคน่ังอยู่บนแท่นหินในถ้ำ แสงจันทร์ยังเป็นโคมดวงเดียวให้ ความสว่างแกส่ ถานทีน่ ้ี ใบหนา้ เยน็ ชา โหดลึก ดวงตาทอประกายเยอื กเยน็ เสียงสาธยายมนตร์อาลัมพายน์ของกำพร้าแว่วกระทบหู มันไม่ก่อให้ เกิดปฏิกิริยาใดๆ นอกจากความขุ่นใจเล็กๆ เม่ือได้ยินมนตราท่ีครั้งหนึ่ง มนุษย์ เคยใช้ปราบเผา่ พนั ธ์ุนาคของตน ทำใหไ้ รอ้ ิสรภาพมานานนับพนั ๆป ี
ลองดี 37 “เด็กน้อยเอ๋ย...เจ้ายังห่างไกลนัก หากคิดจะใช้มนตร์น้ีมากำราบข้า” ชวี ายนาคเหยยี ดยิม้ หยัน มนตราสามารถสำแดงเดชได้มากน้อยข้ึนอยู่กับผู้ใช้มนตร์ อยู่ท่ีจิต ตัง้ ม่ันทรงพลานุภาพ และบญุ กุศลท่ีเคยสัง่ สมมา กำพรา้ ไมอ่ าจทำใหช้ วี ายนาค กังวลใจ “ขา้ จะไม่รอใหถ้ ึงวนั ท่ีเจ้าสำเรจ็ มนตร์หรอก หึ...ห.ึ ..” ยังเช้ามืดอยู่ กำพร้าเตรียมขา้ วปลาอาหารสำหรบั ใสบ่ าตรทำบุญ กับข้าวในถาดไม่มีอะไรมาก มีเพียงข้าวเหนียวกับเนื้อเค็มเท่านั้น แต่ หวั ใจเขานน้ั ศรทั ธายง่ิ ใหญ่ ยดึ เหนยี่ วคณุ แกว้ ประเสรฐิ สามประการอนั เปน็ สรณะ แห่งโลกา พุทธรัตนะ คอื องค์สมเดจ็ พระสัมมาสมั พทุ ธเจา้ ผู้นำสัตว์โลกข้ามโอฆ- สงสาร ขจัดความมืดหลง ใหด้ ำรงในอริยสจั ดำเนนิ ตามมรรคมงุ่ สนู่ พิ พาน ธรรมรัตนะ อันประเสริฐ เลิศแล้วด้วยคำสอน ขจัดกิเลสมัวหมองแล ตัณหา ขจดั อวชิ ชาอนั มดื มน จนสวา่ งแจม่ ใส สงั ฆรัตนะ อรยิ สงฆ์ผอู้ ยู่ในระบอบพทุ โธวาท ปฏิบตั ิดีปฏิบัตชิ อบ เห็น กรรมเหน็ วิบาก เปน็ เขตบุญแห่งโลก เขาได้แต่หวังให้กศุ ลวันนชี้ ่วยเก้ือหนุนเหตุการณ์ผา่ นพน้ ดว้ ยด ี เหตุการณบ์ างอย่างกำลงั เกดิ ขึ้น... งูใหญ่ตัวดำมะเมื่อมนอนขวางอยู่เบื้องหน้า ตรงบันไดข้ันสุดท้ายอย่าง สบายอารมณ ์ เขาชะงักเท้าก่อนเลี่ยงเดินหลบทางอ่ืน แต่พอสาวเท้าอีกแค่สองสาม กา้ ว งอู ีกตวั กเ็ ลอ้ื ยตัดผ่านหน้า ใจวูบหลบอกี ทาง สายตาปะทะกบั งูอกี ตัวกำลัง เลอ้ื ยพ้นกอหญ้าขึ้นมาชคู อสูง เขากา้ วถอยหลงั อยา่ งระมดั ระวงั เหลยี วมองรอบตวั คลา้ ยระแวงไปหมด ในใจนึกแผเ่ มตตาตามท่แี มใ่ หญ่นวลเคยสอน
38 อภินหิ ารบาดาลนคร สัพเพ สัตตา.... สัตว์ท้ังหลายทั้งปวงท่ีเป็นเพื่อนทุกข์ เกิด แก่ เจ็บ ตาย ดว้ ยกนั ทั้งหมดทั้งส้ิน อะเวรา โหนตุ... จงเปน็ สุข เปน็ สุขเถิด อยา่ ได้มเี วรแก่กนั และกนั เลย อัพพะยาปัชฌา โหนตุ... จงเป็นสุข เป็นสุขเถิด อย่าได้เบียดเบียนซ่ึง กนั และกันเลย อะนีฆาโหนตุ... จงเปน็ สุข เปน็ สขุ เถิด อย่าไดม้ ีความทุกขก์ าย ทุกข์ใจ เลย สขุ ี อตั ตานงั ปริหะรนั ตุ... จงมีความสขุ กายสุขใจ รักษาตนให้พ้นจาก ทกุ ขภ์ ัยท้งั ส้ินเถิด กำพร้าเดินเลี่ยงอสรพิษเหล่านั้น ตรงมายังที่หน้าลานเพื่อเตรียมใส่ บาตร อรณุ รงุ่ เพง่ิ มาเยอื น ผคู้ นไมม่ ากนกั คอ่ นขา้ งบางตากวา่ ปกติ อากาศเยน็ สดชื่น ฝูงนกบินจับกลุ่มใหญ่ออกหากิน สายลมแรกตะวันพัดผ่านแมกไม้โบก สะบดั พาไอบรรยากาศยามเช้าก้าวมาถงึ เขารอใสบ่ าตรจนแดดเริ่มจัด ไมม่ ีพระผ่านมาสักรูป ทัง้ ๆ ท่ีเป็นลานวัด ซ่งึ ปกติจะมีพระเดนิ บณิ ฑบาตหลายรปู แตว่ นั นเ้ี งียบเหงาวงั เวงผิดปกต!ิ กำพรา้ รสู้ กึ ตะครน่ั ตะครอ สะบดั รอ้ นสะบดั หนาว มพี ลงั อำนาจบางอยา่ ง ครอบคลมุ บริเวณน ้ี “สงสยั ผมคงไม่มีวาสนาไดท้ ำบุญม้งั ครับ แม่ขาวจนั ” กำพรา้ รำพงึ แผ่ว เบา “ตอ้ งมสี ”ิ เสยี งกระซิบแม่ขาวจันดงั แผ่วมาตามลม หมอกขาวโรยตวั มาจากไหนไมป่ รากฏ แรกๆ กำพรา้ ไมไ่ ด้สนใจ แตไ่ ม่ นาน มนั ค่อยๆหนาแนน่ ข้ึนจนเตม็ ลานวดั มองดูราวกบั อยู่กลางทะเลหมอก
ลองดี 39 “หมอกอะไรกันนะ” แววตาเริ่มสงสยั ทะเลหมอกแผ่กว้าง ลอยต่ำ ดูราวผืนน้ำสีขาวขยับไหวรอบตัว ท่ามกลางการเคลอ่ื นไหวของสายหมอก เสยี งบางอยา่ งก็แวว่ ข้ึน ครดื ...ครดื ... เสียงคล้ายลากขอนไม้ขนาดใหญ่ทีม่ ีลำยาวไมส่ ้ินสดุ กำพร้าจ้องมองยงั ทะเลหมอกขา้ งหน้า แรกทเี ดยี วไม่เห็นอะไร นอกจากเสียง ครืด...ครดื ...ทีด่ งั เป็นระยะ แลว้ บางสิ่งบางอยา่ งกแ็ สดงตัวขน้ึ ตอ่ หนา้ มันเป็นลำตัวของสัตว์เลื้อยคลานขนาดใหญ่ ลักษณะคล้ายต้นตาล สี ทึมๆ ไม่สามารถเห็นมันอย่างชัดเจน กระทั่งสายหมอกค่อยคลายตัว ลักษณะ สสี ันของมันจึงชดั เจนกระจ่างตา มันคือลำตัวงูขนาดมหึมา เกล็ดสีน้ำตาลอ่อนส่องประกายสะท้อนแสง เคล่ือนตัวผ่านเชื่องช้า เสยี งครดื ...ครืด...ดังไมข่ าดระยะ สายตาของเขาจ้องมองตะลงึ ลาน ทำอะไรไม่ถูก ผ่านไปราวหน่ึงหรือสองนาที เสียงครืดค่อยๆ แผ่วลง แผ่วลง คล้าย เจา้ ของเสียงเล้อื ยไกลออกไป กำพรา้ คอ่ ยไดส้ ติ ลมหายใจถกู ระบายออกมา เมอ่ื ครเู่ ขากลนั้ ลมหายใจ ไม่กลา้ สง่ เสยี ง กลวั ส่ิงท่เี หน็ จะแสดง ‘อะไร’ ใหด้ ูมากกวา่ นี้ ควนั มนตราลอยคลุ้งมีอำนาจสะกดไม่ให้ผ้คู นอยากผ่าน แมก้ ระทั่งพระ ทีจ่ ะมาบิณฑบาตก็เปลี่ยนเส้นทาง ชีวายนาคกลนั่ แกลง้ กระท่ังเรื่องบญุ กุศล นาคราชตนน้ีไม่ศรัทธาพระพุทธศาสนาอยู่แล้วจึงไม่แปลกที่คิดแกล้ง กันเชน่ น ้ี กำพร้าคกุ เข่าลงประนมมอื ยกถาดอาหารทจี่ ะใสบ่ าตรจรดหวา่ งคิ้ว
40 อภินหิ ารบาดาลนคร อมิ านิ มะยงั ภณั เต ภตั ตานิ สะปะรวิ ารานิ ภกิ ขสุ งั ฆสั สะ โอโณชะยามะ สาธโุ นภันเต ภกิ ขสุ งั โฆ อมิ านิ ภตั ตานิ สะปะรวิ ารานิ ปะฏิคคัณหาตุ อมั หากัง ทีฆะรัตตัง หิตายะ สุขายะ... ข้าแต่พระสงฆ์ผู้เจริญ ข้าพเจ้าขอน้อมถวายภัตตาหาร กับท้ังบริวาร เหลา่ นี้แกพ่ ระภิกษสุ งฆ์ ขอพระภิกษสุ งฆ์จงรับ ภตั ตาหาร กบั ทั้งบริวารเหล่าน้ี เพอ่ื ประโยชน์และความสขุ แกข่ า้ พเจ้าส้นิ กาลนานเทอญ... เขาต้ังใจสวดถวายอาหารจนจบ จิตจดจ่อถึงพระสงฆ์ผู้ปฏิบัติดีปฏิบัติ ชอบ นอ้ มจิตอาราธนานมิ นตท์ ่านมารับบาตรด้วยจติ เคารพศรทั ธา “ขอพระสงฆ์ผู้เป็นเนื้อนาบุญอันไพศาลแก่โลก ได้เมตตามาโปรดสัตว์ รบั บิณฑบาตจากกระผมด้วยเถิด” มา่ นหมอกเริม่ เจือจางลง จนกลมกลืนกับอากาศธาตุ จติ แน่วน่ิงเป็นหนึ่งเดยี ว ปีติเกิดขนลุกซู่ กระแสความเย็นแผ่กระทบใจ ลมื ตาข้นึ มองเหน็ ชายจีวรเหลืองๆมาแตไ่ กล หลวงพ่อเจ้าอาวาสเดินนำหน้าราศีฉายชัด พระภิกษุเดินตามอีกสอง รูป กริ ิยาสงบสำรวมยง่ิ แสงแดดอ่อนกระทบชายจวี รดมู ลังเมลอื งชวนศรทั ธา พระภิกษุท้ังสามเดินมารับบาตรเงียบๆ ดวงตาทอดต่ำเฉพาะฝาบาตร ไม่เหลียวเหลือบแลรอบๆ กำพร้าหยบิ อาหารใส่บาตรด้วยความเคารพ ปตี กิ ำซาบใจ รอบตวั เต็ม ไปดว้ ยกลน่ิ อายแห่งความอบอนุ่ มแี สงออ่ นๆเจดิ จา้ ตลอดกาล กระทั่งพระท้ังสามรูปเดินจาก กำพร้าคุกเข่าพนมมือลา รู้สึกแปลกใจ เมื่อเงยหนา้ ไมเ่ ห็นกระทง่ั ชายจีวร เขารู้สึกใจอ่ิมปีติล้นหัวอก พาให้กายเบาใจเป็นสุขอย่างไม่เคยเกิดมา ก่อน มองทกุ ส่ิงรอบตัวสวยงามไปหมด วัดป่าแห่งนี้ร่มคร้ึมด้วยต้นไม้ใหญ่ กำแพงวัดทอดยาวเป็นแนวเห็นแต่ ไกล ตัวศาลาเป็นไม้ใต้ถุนสูง ด้านล่างเทปูนขัดมันปล่อยโล่ง ส่วนด้านบนจะมี
ลองดี 41 พระพุทธรูปองค์ใหญ่ต้ังเป็นประธานด้านใน ต้ังแท่นเทียนบูชา บรรยากาศสงบ ร่มเย็น เงียบ ไมม่ ีผคู้ นพลุกพล่าน ส่วนประกอบต่างๆ ของสถาปัตยกรรมตั้งแต่ช่อฟ้า ลงมาจนถึงราว บนั ได ลว้ นมนี าคประดับประดาอยูท่ ้ังสน้ิ ชาวหนองคายยกยอ่ งนับถือนาคเปน็ บรรพบรุ ุษของพวกตน ตอนเด็กๆ กำพร้าเคยถามแมใ่ หญ่นวล หญงิ ชราที่คอยเลย้ี งดชู ชู ุบเมือ่ ครงั้ ยงั เยาวว์ า่ ...ทำไมบนั ไดทางขนึ้ วัดจงึ มรี ปู ปน้ั ของพญานาค แมใ่ หญห่ วั เราะเหน็ ฟนั ดำป๋ี และเลา่ วา่ พญานาคเปน็ สตั วท์ อี่ ยใู่ นตำนาน ไทยมานานแสนนานแลว้ ตำนานในศาสนาพุทธเล่าว่า เม่ือพระพุทธเจ้าทรงตรัสรู้แล้ว พระองค์ ทรงเสด็จไปประทับท่ีต่างๆ เมื่อสัปดาห์ที่สามทรงเสด็จผ่านต้นมุจลินท์ ทางทิศ ตะวันออกเฉยี งเหนือของต้นศรมี หาโพธิ์ มจุ ลนิ ท์ หรือท่คี นไทยเรียกว่าต้นจกิ เป็นตน้ ไม้ที่ข้นึ ตามทีช่ ่มุ ชนื้ เชน่ ห้วย หนอง คลอง บึง เป็นไม้เนื้อแข็ง ดอกสีขาวและสีแดง ใบหนาแน่นให้ ร่มเงา พระองคจ์ ึงทรงประทบั ณ ใต้ตน้ ไมน้ นั้ ช่วงที่พระพทุ ธเจ้าทรงประทบั อยู่ ณ ทีน่ นั้ ฝนเทลงมาอย่างหนกั ตลอด เจ็ดวนั ไมข่ าดสาย พญานาคนาม มุจลินท์ เลอ้ื ยขึ้นมาจากบึงน้ำใกลๆ้ เขา้ ไปวง ขนดหางเจ็ดรอบ แผพ่ ังพานปกปอ้ งพระพุทธองค์ มิใหต้ ้องลมฝน ครั้นฝนหาย พญานาคมุจลินท์คลายขนดออก และจำแลงเป็นมาณพ เฝ้าพระพทุ ธองค ์ ตำนานเร่ืองน้ีเป็นท่ีมาของการสร้างพระพุทธรูปปางนาคปรก ที่ถือว่า ศักด์สิ ทิ ธทิ์ างเมตตา เพราะสอนใหเ้ ห็นอานิสงสแ์ ห่งเมตตาทแ่ี ผ่ไปยังสรรพสัตว์ นาค จึงถือเป็นผู้พิทักษ์ศาสนสถานท่ีสำคัญ รวมท้ังบรรดาทรัพย์ สมบตั ติ ่างๆในวดั ด้วยเหตนุ ้ี
42 อภนิ หิ ารบาดาลนคร กำพรา้ เปิดประตูอุโบสถเข้าสู่ภายใน สายลมกรูเกรียวหมุนรอบร่างเขา เปน็ การทักทาย กำพร้าขนลกุ ซู่ รบี ตั้งสต.ิ .. มสี ง่ิ ผดิ ปกตเิ กิดขึน้ แล้ว เขายนื น่งิ ใช้สายตาเกบ็ รายละเอียดรอบตัวอยา่ งรวดเรว็ แต่แล้วแสงสว่างก็ดับลงในฉับพลัน มดื ...มนั มดื สนทิ ไมผ่ ดิ กบั โลกนั ตน์ รก กำพรา้ ตวั ชาดกิ พยายามควบคมุ สตแิ ละจิตใจใหส้ งบตั้งมน่ั ได ้ มันเริ่มแลว้ เขาบอกกับตวั เอง... เสียงฟู่ดังเบาๆ คล้ายเสียงลมหายใจของอสูรร้าย ความมืดเร่ิมแปร เปลยี่ น...แสงสีแดงฉานคอ่ ยสว่างขน้ึ เปน็ แสงท่เี หมือนส่องผา่ นเลือดสดๆ กำพร้าแทบระงับใจไมอ่ ยู่ เมอ่ื มองเหน็ บริเวณรอบๆตวั ... ท่ีนไ่ี ม่ใช่โบสถ์เกา่ ในวดั ทีเ่ ขารู้จกั อกี แลว้ มันคอื ทีไ่ หนกัน? เขาไม่อาจตอบได้...แต่ท่ีแน่ๆ มันไม่ใช่โบสถ์ที่คุ้นเคย ห้องสี่เหลี่ยมท่ีปู ไม้กระดานกลับกลายเป็นสถานที่โล่งกว้างสุดลูกหูลูกตา กลุ่มเมฆหมอกลอย ปกคลมุ ทั่ว มีกล่ินกำมะถันเจือในอากาศ แสงสีแดงฉาบทาบริเวณรอบๆ ตัวเขา และกินอาณาเขตออกไปราว เกอื บร้อยเมตร และไกลกว่าน้ันคือ เขตแดนความมดื อันน่าขนลกุ เกรียว “มีใครอยู่บ้างไหม?” เสียงจากปากที่กู่ตะโกนเหมือนก้อนหินโยนลง บ่อน้ำ มันสะทอ้ นก้องเป็นจงั หวะคลื่น เขาอยากจะหันหลงั กลับ แต่ประตูที่เดินเข้ามาเมอื่ ครกู่ ลับอันตรธานไป ไหนไม่รู ้ กำพร้ากำลังเหยยี บอยูบ่ นดนิ เหลวๆ เฉอะแฉะ กลิน่ คาวจัดฉุนตดิ จมูก เขายกขาก้าวออกไปด้วยความยากลำบาก ส่ิงต่างๆ ในห้องสูญหาย กลายเป็น พันธุ์ไม้รูปร่างประหลาดขึ้นระเกะระกะ ไม่มีหญ้าและไม้ดอกให้เห็น มีแต่เฟิร์น จิงกโ์ ก้ และดงกกท่สี ูงเกือบห้าเมตร
ลองดี 43 ดรู าวกบั ว่าเขาพลัดหลงเขา้ มายังโลกดึกดำบรรพ์เรน้ ลับ สัตว์ประหลาดรูปร่างคล้ายแมงมุม แต่เป็นแมงมุมตัวใหญ่ท่ีสุดเท่าท่ี เคยเห็น กำลังไตอ่ ยบู่ นต้นสนและปาลม์ ท่ขี ึน้ เบยี ดเสียดยัดเยียดแย่งหาแสง เขาตอ้ งใชค้ วามสามารถของตนบกุ ฝ่าแดนมายาน่ีออกไปให้ได ้ รอบตัวเขาระเกะระกะด้วยเนินดินสูงๆ ต่ำๆ พอหย่ังขา เท้าก็จมลึกถึง ตาตุ่ม ยกขน้ึ มากแ็ สนยาก กลนิ่ คาวยงิ่ รนุ แรงกว่าเดมิ ฟู่...ฟ.ู่ .. เสียงประหลาดดังขึ้นจากเบื้องหน้า เนินดินท่ีน่ิงสงบกลับมีอาการ เคลือ่ นไหว คล้ายลูกคลืน่ ในทะเลกว้าง กำพร้าต้ังสติระลึกถึงพระพุทธคุณ แต่ยังไม่ทันถึงเส้ียววินาที เสียง ระเบิดกกึ กอ้ งก็ดงั ข้ึน บรมึ้ ! ดนิ เหลวแตกกระจาย รา่ งสุดอัปลักษณ์แสนพิกลพกิ ารพงุ่ ขึน้ มา กำพร้าปาดเศษดนิ ที่กระเซน็ มาโดนหน้า พรอ้ มกับมองฝา่ แสงสแี ดง... ร่างท่ีโผล่ข้ึนมาทำให้เขานึกพร่ันพรึง หัวของมันและล้ินท่ีแลบปลาบ ไมต่ า่ งจากงู แตล่ ำตัวกลบั คล้ายกิง้ ก่า มีเกลด็ ชนิ้ ใหญๆ่ ตดิ ตามผวิ หนงั หวั ใหญ่ ส่ายไปมาปากอ้าเห็นเขยี้ ววาววับ ฟันแต่ละซีย่ าวถึงสามนิ้ว คมราวมดี โกน ตวั ของมันน่าเกลียดนา่ กลัว ยนื ตรงดว้ ยเท้าแข็งแรงทั้งสอง กำพร้าเหลียวมองรอบกาย กอ่ นหยบิ ทอ่ นไมเ้ หมาะมือ แลว้ รอจังหวะ พอมันเข้ามาใกล้ เขาก็กระหน่ำหวดไปเต็มแรง น้ำเมือกหนืดๆ ติดอยู่ ปลายไมน้ ่าขยะแขยง มันไม่ตาย แตก่ ลบั เพ่มิ ความโกรธแคน้ ใหก้ ับมันอีก มันคำรามก้อง กอ่ นกระโจนล่วิ เข้าใส่! กำพร้าเบี่ยงตัวหลบ ร่างเสียหลักล้มลงไปในดินเหลว เขาพยายาม ตะเกียกตะกายหนี คาถาตา่ งๆกลบั เลือนหลง ไม่อาจใช้ทนั ท่วงท ี “แฮ.่ ..” ล้นิ ยดื ยาวแปลบปลาบฉกพันขอ้ เท้าเขา
44 อภินิหารบาดาลนคร กำพร้ากลั้นใจดึงล้ินอันมีเมือกลื่นออก แต่ไม่สำเร็จ หนำซ้ำมันกลับดึง เขาเข้าไปหา มือทั้งสองของเขากดดันพื้นแน่น ฝืนตัว...แต่ไร้ผล ดินเหลวถูกไถเป็น ทางยาว “ฮะ...ฮะ...ฮา่ ...” เสียงหวั เราะดังเสียดประสาทแวว่ ขึ้นมา “ดูสิว่ามนตรข์ องเอง็ กบั อำนาจของขา้ ใครจะเหนอื กวา่ กัน” กำพรา้ รู้ชดั มนั เป็นเสียงของชวี ายนาค... “เอ็งอยากลองดีกับข้า ช่วยอ้ายพญามหาสุรอุทกนักไม่ใช่รึ” คำถาม กอ้ งมา “เอาชนะสมุนของข้าได้ คอ่ ยวา่ กนั ” เทา้ ทแี่ นน่ ดว้ ยมดั กลา้ มพารา่ งยาวของเจา้ อสรุ กายเยอื้ งยา่ งเขา้ มาอยา่ ง ช้าๆเสียงคำรามสะทา้ นแก้วหู น้ำลายเหนยี วๆไหลยืดยาด กำพร้าหลับตาสำรวมใจ กำหนดดินเหลวเป็นอารมณ์ จากน้ันกอบดิน ข้ึน อธิษฐานจิตถึงแม่ขาวจันและขว้างออกไปสุดแรง ขณะที่มันฉกปากเข้าหา เป้าหมาย ขออำนาจบารมีแห่งพระรัตนตรัย จงค้มุ ครองข้าน้อยให้สามารถทำการ ไดล้ ลุ ่วงด้วยเถิด ดนิ เหลวกลับกลายเป็นลูกไฟพ่งุ เข้าใสป่ ิศาจน้ันอย่างจงั “อ๊าก...” มันร้องออกมาคำเดียว ลิ้นคลายจากข้อเท้า มันรีบเลื้อยมุดหายลงไป ใตโ้ คลน ช่ัวแวบแสงสีแดงก็หายไป ทุกอย่างกลับคืนสู่สภาวะปกติ เขานอนฟุบ อยูภ่ ายในโบสถห์ ลังเก่าทีเ่ ดิม พระพุทธรูปปูนองค์ขาวประดิษฐานอยู่ที่เดิม เช่นเดียวกับภาพภูริทัต ชาดกท่ีฝาผนงั
ลองดี 45 ภาพลวงท่เี กดิ จากอำนาจมนตรม์ ายาหายไป คลา้ ยไม่มีอะไรเกดิ ขึ้น แต่...กำพร้าพบบางสิ่งบางอย่างทฉ่ี ุดกระชากใจให้ไหววูบ ที่หน้าอกของเขามีคราบงูใหม่ๆ ขนาดเท่าแขนเด็กยาวเกือบสองเมตร วางพาดเด่นสง่า ยืนยันส่ิงท่ีพบเห็นเมื่อครู่ไม่ใช่ความฝัน ไม่ใช่กลมายา มันคือ ความจริง! ความจรงิ ท่ีหาคำตอบไมไ่ ด.้ ..มนั เกิดข้นึ อย่างไร กำพรา้ สดู ลมหายใจอยา่ งหนาวเหนบ็
สี่ ประจันหน้า สถานท่ีแห่งนั้นเป็นถ้ำกว้าง เพดานสูง ตามผนังเต็มไปด้วยหินงอก หินย้อยสะทอ้ นแสงวบั แวมราวกับกรวดเพชร ในถ้ำมีเสียงของสายน้ำดังแว่วๆ คล้ายมีลำธารลอดผ่าน พื้นถ้ำเรียบ เป็นทรายนุ่ม กลางคูหามีบุรุษหนึ่งยืนเด่นสง่า เงยหน้ารับแสงจันทร์ท่ีส่องผ่าน โพรงถ้ำเบือ้ งบน เขาอยู่ในชุดคลุมยาวสีดำสนิท ดวงตาที่เพ่งต่อแสงจันทร์เคล่ือนต่ำลง มายงั ผนงั ถ้ำ ทนี่ ่ันมีภาพสลักของพญานาคตนหน่งึ บรุ ุษผู้นนั้ คกุ เข่าหมอบราบแสดงความเคารพต่อรูปสลักนนั้ “ขา้ ชวี ายนาคขอสกั การะตอ่ เจา้ ปศู่ รสี ทุ โธนาคผยู้ ง่ิ ใหญแ่ หง่ บาดาลนคร” ชีวายนาคอยโู่ ดดเดยี่ วท่ามกลางความมดื และหนิ ผา พญานาคผู้ทรงฤทธ์ิหย่ิงผยองและเต็มไปด้วยเพลิงอาฆาตกำลังคุกเข่า ตอ่ เจา้ ป่ทู ีเ่ ขาเคารพยึดถอื เปน็ สรณะสงู สดุ
48 อภินหิ ารบาดาลนคร “ถึงแมเ้ จา้ ปจู่ ะกกั ขังข้าดว้ ยมนตราเป็นเวลานบั พนั ๆป.ี ..” ยามกลา่ วถึง ดวงตาสวา่ งเจิดจ้า ราวกบั บรรจเุ พลงิ อนั รอ้ นแรงเอาไว ้ “แต่ข้า...กย็ งั ไมล่ ืมส่งิ ทอี่ ้ายพญามหาสรุ อทุ กกระทำต่อลูกขา้ ” สหี น้าเปล่งประกายแค้นเคอื ง “ไมว่ า่ มนั จะเกดิ อีกก่รี อ้ ยกี่พนั ชาติ ขา้ ก็จะตามไปจองลา้ งมนั ทุกภพ” รอยกระหยมิ่ ผดุ ขนึ้ ทม่ี ุมปาก เป็นท้ังหมายมาดและเย้ยหยนั “ขา้ จะทำใหม้ นั ต้องพบกบั ความวิบัติ สญู เสีย ใหม้ ันร้องขอชวี ติ กอ่ นจะ ตายอย่างทุกข์ทรมาน” พดู จบกย็ นั รา่ งข้นึ ยนื เงยหนา้ มองแสงจันทร์ดังเดมิ “ความเจ็บปวดที่ถูกพันธนาการนับพันๆ ปี จะต้องได้รับการทดแทน สาสม” คนื น้ี ลานวดั เงียบเหงาวงั เวงไม่ผิดกับป่าช้า แม้ผู้คนด้านนอกจะคึกคัก กำพร้าแยกตัวเข้าพระอุโบสถอย่างเงียบๆ หยิบคัมภีร์อาลัมพายน์มาอ่านอีกครั้ง ทำใจคิดว่ามันเป็นหนังสือเล่มหน่ึง ไม่ คาดหวังจะได้เห็นอทิ ธฤิ ทธิใ์ ดจากมัน เขาปล่อยใจสบายๆ อ่านไปเร่ือยๆ พลิกอ่านแต่ละหน้า ลองอ่านช้าๆ พยายามทำความเขา้ ใจกบั ภาษาทไี่ มร่ ู้คำแปล พออา่ นไปรสู้ ึกว่ามีจงั หวะ ต่อให้ ไม่เข้าใจความหมายเลย แต่จังหวะที่เป็นช่วงๆ กลับช่วยให้มนตร์บทนี้ซึมเข้า สมองอยา่ งไมร่ ู้ตวั ผ่านไปค่อนคืน ไม่รู้อ่านมนตร์บทน้ีย้อนไปย้อนมาก่ีเที่ยว ลองปิด หนังสือแล้วสาธยายทบทวนช้าๆ ช่วงแรกตะกุกตะกักอยู่บ้าง พอนึกถึงจังหวะ เขาก็ทวนคำได้คลอ่ งล้ินจนกระทง่ั จบ หนา้ ทข่ี องเขาคอื ตอ้ งปกปอ้ งหลวงพอ่ เจา้ อาวาสใหป้ ลอดภยั จากชวี าย- นาคท่ถี ูกมิจฉาทฐิ เิ ขา้ ครอบงำ
ประจนั หนา้ 49 ปีกราตรีคลี่คลุมมาอย่างรวดเร็ว ท้องฟ้ามีพยับเมฆสีเทาเคลื่อนตัว เชอ่ื งชา้ จันทรเ์ พญ็ กลมโตลอยเด่นส่องสกาวกอ่ นมรี ิ้วเมฆบางๆพาดผา่ นใหเ้ กิด รอยราค ี บรเิ วณลานวัดสงดั เงยี บ อึมครึมยิ่งกว่าปา่ ชา้ อายุนับร้อยปี ใบไม้ทุกใบ น่ิงสนิท ก่ิงก้านไม่ไหวเอน ยอดหญ้าสงบงันดังเป็นแดนต้องห้าม ถูกกล่ินอาย มนตราต้องสาป อุโบสถต้ังโดดเด่น แสงจันทร์ระเร่ืออาบไล้ฉาบทามองเห็นหลืบเงาแห่ง ความวังเวง เมฆดำเข้าบดบงั จนั ทรากั้นรัศมฉี ายทำให้ทุกสง่ิ ตกอย่ใู นเงาตะคุ่ม อากาศเยน็ โชยผะแผว่ สมั ผสั แขน กลน่ิ จางๆ ลอยเออ่ื ยกระทบ นยั นต์ า กำพร้ายงั ปดิ สนิทหากประสาทกลบั ตื่นตวั สติพร้อม หูแวว่ เสยี งแสกสากเคลอ่ื น เข้ามารอบตัว กำพร้าลืมตาลุกขึ้นยืน สาวเท้ามายังด้านหน้า ปรับสายตารับภาพ ชัดเจน ขบวนงูนับหม่ืนแสนประมาณจำนวนไม่ถูกกำลังเลื้อยเต็มสนามหญ้า มี บางส่วนเล้ือยถึงเขตอุโบสถ ท่าทางฮึกเหิมลำพองใจ อาการเคลื่อนตัวพวกมัน ดงั คลื่นทยอยซัดเป็นระลอก หลายตัวที่เลื้อยเข้ามาต่างชูคอแผ่แม่เบ้ียแสดงอาการคุกคามจนน่า ขยาด รอบตัวเรียงรายด้วยอสรพิษร้าย แต่กำพร้ากลับไม่รู้สึกกลัวสักนิด คิด ฮึกเหิม มีมนตราอาลัมพายน์ที่ใช้ปราบได้แม้กระท่ังพญานาคอยู่ในมือ จะมา กลัวอะไรกับเหล่าอสรพิษพวกน้ี กำพร้าเดินออกจากห้องประจันกับทัพหน้าฝูง อสรพิษท่ีชูคอแผ่แม่เบี้ยกันสลอน หมายจะท่องมนตราอันศักด์ิสิทธ์ิสังหาร กองทพั งูร้ายให้ตายส้ิน แต่...กระแสคำสอนของแม่ใหญ่นวล หญิงชราท่ีเขารักย่ิงมิต่างจาก บพุ การแี วว่ ยอ้ นใหห้ วนคดิ ถึง เขาเคยไปช้อนปลากัดที่ก่อหวอดในพงหญ้า ช้อนได้ปลากัดลูกหม้อตัว เขียวป๋ือ ก็วิ่งโร่เอาไปอวดแม่ใหญ่นวล แต่แม่ใหญ่กลับดุใส่ บอกให้เอามันกลับ ไปปลอ่ ยซะ
Search