เลี้ยงไกพื้นเมือง1 \" ขอ มูลเลย้ี งไกพืน้ เมอื ง รศ. ดร. อภิชัย รตั นะวราหะ2 ! ไกพื้นเมืองกับคนไทย ! ไกพ น้ื เมอื งกบั ความสามารถในการผลติ ! พนั ธแุ ละการผสมพนั ธุ ! การสรา งคอกไก ! การปรบั ปรงุ บํารงุ พนั ธุ ! การเลอื กและฟก ไกพ น้ื เมอื ง ! การสองไขฟก ! การเลย้ี งไกว ยั ออ น ! การใหอ าหารลกู ไก ! การใหอ าหารไกร นุ ไกพ น้ื เมอื งกบั คนไทย ไกพ้ืนเมอื งหรอื ไกบ า น คอื ไกท เ่ี ลย้ี งไวใ ตถ นุ บา นของเกษตรกร นักวิชา การบางทา นเรยี ก “ไกต กสํารวจ” มีจํานวนรวมทว่ั ประเทศ ประมาณ 800-120 ลานตัว เปน พนั ธไุ กช นบา ง ไกแ จบ า ง สว นหนง่ึ กลายเปน อาหารของชาวบา น แต อีกสวนหน่ึงกลายเปน เงนิ ออมกระแสรายวนั ตอ งการเงนิ เมอ่ื ใดกจ็ บั ขายใหพ อ คา ชวยแกปญหาเมอ่ื เกดิ ความลม เหลวจากการเกษตรได ราคาไกพน้ื เมอื ง หรอื ไกบ า นแพงกวา ราคาของไกพ นั ธเุ นอ้ื และไกกระทง ประมาณรอยละ 25-30 ไกพ ื้นเมืองจึงใหผ ลตอบแทนทางเศรษฐกิจสูงกวา ขณะทต่ี น ทุนผลิตตํ่ามากหรอื เกอื บไมม เี ลย เพราะไกพ น้ื เมืองหากินจากเศษอาหารทีต่ กหลนจาก ครัวเรือน ขา วเปลอื กหลน หลงั เกบ็ เกย่ี ว หนอนและแมลงในธรรมชาติ ไกพ้ืนเมืองในแงการบริโภคเปนอาหารก็มีเนื้อท่ีรสชาติดีกวาไกพันธุเนื้อจาก ตางประเทศ เปน ทย่ี อมรบั กนั ดอี ยแู ลว และยงั เปน อาหารโปรตนี ทด่ี ที ส่ี ดุ อยา งหนง่ึ สําหรับชาวบา นในชนบท และงานเทศกาล งานประเพณตี า งๆ กน็ ํามาปรงุ เปน อาหาร ………………………………………………………… 1. จาก มติชนบท เทคโนโลยี ชาวบาน ป 4 ฉบับที่ 38 พฤศจิกายน 2534, ป 4 ฉบับที่ 39 ธันวาคม 2534 และ ป 4 ฉบับที่ 40 มกราคม 2535 2. สาํ นกั วจิ ยั และสงเสริมวิชาการเกษตร สถาบันเทคโนโลยีการเกษตรแมโจ เชยี งใหม
เลี้ยงไกพื้นเมือง # 2 ตอ นรบั แขกเหร่ือไดอยางดี โดยทเ่ี กษตรกรไมต อ งสน้ิ เปลอื งคา ใชจ า ยมากนกั จงึ นา จะมี การสนับสนุนใหช าวบา นในชนบทขยายการเลย้ี งไกพ น้ื เมอื งออกไปใหม ากกวา น้ี โดยจะ ตอ งหาวิธีทาํ อยา งไรใหไ กไ มตายจากโรคระบาด และมคี าํ แนะนําการปรบั ปรงุ พันธใุ หไ ก พ้ืนเมืองของเราโตเรว็ ไขด กมากขน้ึ ไกพ น้ื เมอื งกบั ความสามารถในการผลติ แมวาความสามารถในการผลติ เชน การใหเ นอ้ื และไขข องไกพ น้ื เมอื งเพอ่ื การ คาในปจจุบัน แตจริงๆ แลวผลตอบแทนจากไกพื้นบานจะนาสนใจทีเดียว เพราะในอายุ 8 สัปดาหเทากัน แมไ กพ น้ื เมอื งจะมนี า้ํ หนกั นอ ยกวา (768 กรัม) เมื่อเทียบกับไกพันธุ เนอ้ื อายุ 8 สัปดาหเทากัน (1,997 กรัม) แตก ก็ นิ อาหารนอ ยกวา กนั ถงึ 2 กิโลกรัม และไกพ น้ื เมอื งขายไดร าคาดกี วา คอื กโิ ลกรมั ละ 2.62 บาท ขณะทไ่ี กพ นั ธเุ นอ้ื ขายได เพยี งกโิ ลกรมั ละ 1.30 บาท เทา นน้ั กระทง่ั อตั รารอดกส็ งู กวา ไกพ นั ธเุ นอ้ื มีหลักฐานจากการศกึ ษาของนกั วชิ าการยนื ยนั วา ไกพ น้ื บา นมคี วามตา นทาน ตอโรคและพยาธิดีกวาไกพันธุจากตางประเทศ จากการศกึ ษาของ สวสั ด์ิ ธรรมบตุ รและคณะพบวา แมไกพื้นบาน 1 ตัวจะฟก ลูกไกได 19 ตวั ตอ ป ซง่ึ ถา ลกู ไกด งั กลา วไมต าย และเตบิ โตเตม็ ทข่ี นาดประมาณ 1 กิโลกรัม ปห นง่ึ ๆ ควรจะมรี ายไดจากไกประมาณ 600 บาท ตอ แมต อ ป โดยเฉลี่ยเกษตรกร จะเลี้ยงไกไวกับบาน ประมาณ 5-10 แมต อ ครอบครวั ดงั น้ัน รายไดใ นแตล ะปค วรจะเปน 3,000 บาท-9,000 บาท สําหรับ 1 ครอบครวั ซึ่ง เปนรายไดท ไ่ี มเ ลวนกั ซ่งึ จะเหน็ ไดว าเปน รายไดที่ 1. อยูในขดี ความสามารถทท่ี ําได 2. เปนรายไดที่คิดจากผลผลิตที่ต่ําสุดที่ไกพื้นเมืองจะทําไดในสภาพการ เล้ียงดขู องเกษตรกรในระดบั หมบู า น ถาหากเกษตรกรรจู กั การปรบั ปรงุ การเลย้ี งดู พยายามศึกษาการปองกนั โรค ระบาดดวยวคั ซนี อยเู สมอ รายไดจากไกพ้ืนเมืองทีค่ วรจะไดรบั จริงๆ นน้ั ยอ มไดเ พม่ิ ขน้ึ อยา งแนน อน
เลี้ยงไกพื้นเมือง # 3 พนั ธแุ ละการผสมพนั ธุ ไกพน้ื เมอื งทน่ี ยิ มเลย้ี งกนั ทว่ั ไปมอี ยู 2 พันธุ คอื 1. ไกอู เปน ไกพ นั ธุหนกั ลาํ ตัวใหญ เนอ้ื มาก น้าํ หนกั มาก ตวั เมยี ขนสดี ํา ปก คลุมทั้งตัว สว นตวั ผมู ลี กั ษณะเปน ไกช นมขี นาดใหญ แข็งแรง ลักษณะคลายไกฝรั่ง พันธุคอรนิช หนาอกใหญ หงอนมหี ลายชนดิ เชน หงอนกุหลาบ (ไกชนสวนใหญมี หงอนชนิดน)้ี หงอนจักร เนอ้ื ดํา เนอ้ื แดง ขนขาว ขนลาย ขนเขยี ว เปน ตน 2. ไกชน เปนไกพ นั ธพุ น้ื เมอื งทช่ี าวบา นเลย้ี งไวเ พอ่ื เกมกฬี า แตน า จะถอื ไดว า เปนสายพันธแุ ทข องไกพ น้ื เมอื งของคนไทยเราไดด พี นั ธหุ นง่ึ เพราะไดผานการผสม พันธุและคัดเลือกพันธุมาเปนเวลาชานาน ควรทจ่ี ะใชเ ปน พนั ธพุ น้ื ฐานในการขยาย พันธุและปรับปรุงพันธุเพื่อผลทางดานเศรษฐกิจตอไป อีกพันธุหนง่ึ เปน ไกพ นั ธพุ น้ื บา นของไทยเหมอื นกนั คอื ไกแจ เปน ไกพ นั ธเุ ลก็ นิยมเล้ียงไวดเู ลน แตใหไขดก ถา มกี ารปรบั ปรงุ พนั ธใุ หด อี าจกลายเปน ไกพ น้ื เมอื งพนั ธุ ไขไ ปกไ็ ด นอกจากน้ี ไกพ นั ธพุ น้ื เมอื งทน่ี ยิ มเลย้ี งไวต ามทอ งถน่ิ ตา งๆ ในประเทศไทยยังมี อีกหลายพันธุ อาทิ ไกตะเภา ไกเบตง เปน ตน ไกทุกเพศทุกรุน จะถกู ปลอ ยรวมกนั ในบรเิ วณบา น การผสมพนั ธเุ ปน ไปตาม ธรรมชาติ แมไกจะไดรับการผสมพันธุจากตัวผูที่คุมฝูง จาํ นวนไกพ อพนั ธุตอ แมพ นั ธใุ ห อยูประมาณ 1 ตวั ตอ แมพ ันธุ 7 ตวั แมไ กจะวางไขช ุดละ 10-15 ฟอง ปล ะประมาณ 3 ชุด เม่ือแมไ กวางไขจ นหมดชดุ แลว กจ็ ะหยดุ ไขแ ละเรม่ิ ฟก ไข เมอ่ื ลกู ออกเปน ตวั แมไ ก จะเลี้ยงดูลูกไกไประยะหนึ่ง จนลกู ไกห ากนิ เองได แมไ กจ ะเรม่ิ วางไขอ กี ครง้ั การสรา งคอกไก โดยทั่วไป เกษตรกรมกั จะมองไมเ ห็นความสาํ คญั ของการสรา งคอก หรือกรง สําหรบั ใหไ กพ น้ื เมอื งอาศยั อยู จึงมักประสบปญหาทั้งในแงที่ทําใหผลผลติ ที่ไดจากไกล ด นอยลงไป ปลอ ยใหศ ตั รขู องไกเ ชน สนุ ขั แมว งู พังพอน หนู นกเคา แมว หรือนกเหยี่ยว ทําอนั ตรายตอ ลกู ไก หรอื พอ แมไ กไ ดง า ย และยังเปนสาเหตุทาํ ใหไกมีโอกาสเกิดโรค ระบาดไดง า ย
เลี้ยงไกพื้นเมือง # 4 การสรางคอก หรอื กรงไกจ งึ นบั วา มคี วามสําคญั อยา งย่งิ มองขา มไมไ ดท เี ดยี ว สวนหลักในการสรา งคอกหรอื กรงไกพ น้ื เมอื งนน้ั มอี ยวู า ตอ งใชว สั ดทุ ม่ี อี ยใู นทอ งถน่ิ ไว กอน เพราะเปน หนทางหน่งึ ทีจ่ ะชวยประหยดั คากอสรา งได เชน ไมไผ แฝก หญาคา ใบ ตองตึง และจาก เปน ตน เพราะคอกหรอื กรงนน้ั มเี ปา หมายอยทู ก่ี ารปอ งกนั ลมและฝน และศัตรูของไก เมอ่ื เกดิ โรคระบาดกส็ ามารถควบคมุ ไดไ มใ หน าํ เชอ้ื ไประบาดในยา น อ่ืนๆ ไดด ว ย หรอื เมอ่ื ฉดี วคั ซนี กท็ ําไดง า ย ลักษณะของคอกหรือกรงไก ควรจะมลี กั ษณะดงั น้ี 1. ตองระบายอากาศไดด ี กนั ลมโกรก และกนั ฝนสาดไดด ี 2. สรา งไดง า ย ประหยัดเงิน 3. อากาศเยน็ สบาย ไมอ บั ชน้ื 4. รักษาความสะอาดไดง า ย ใชน า้ํ ยาฆาเชื้อโรคไดทั่วถึง 5. สะดวกตอ การเขา ไปปฏบิ ตั ดิ แู ลไก คอกไกที่นิยม สวนมากเปนแบบเพง่ิ หมาแหงน เพราะเปน แบบทส่ี รา งไดง า ย ไมซับซอน สว นหนา ของคอกใหอยทู างทศิ ตะวนั ออก สว นทา ยคอกอยทู างตะวนั ตก จะ ชวยลดผลเสียอนั เกดิ จากแดดในตอนบา ยเมอ่ื อากาศรอ นไดด ี และคอกไมค วรหนั หนา เขาหาแนวลมมรสมุ ควรมชี ายคายน่ื ยาวออกมาขา งละ 1 เมตร เพื่อบรรเทาไอแดด และละออง
เลี้ยงไกพื้นเมือง # 5 การปรบั ปรงุ บํารงุ พนั ธุ ไกพ น้ื เมอื ง ไกพ้ืนเมืองจะตอ งมกี ารปรบั ปรงุ บํารงุ พนั ธุ เพอ่ื ใหม ีสายพันธดุ ีขน้ึ โดยสามารถ ทาํ ไดง า ยๆ ดงั น้ี 1. คัดแตตัวที่ดีไวขยายพันธุตอไปโดยเฉพาะพอพันธุ อยาเสียดายตัวที่มี ลักษณะไมด ไี วใ นฝงู 2. อยาใหม กี ารผสมพนั ธกุ นั ระหวา งพอ กบั ลกู หรอื พน่ี อ งชดุ เดยี วกนั ผสมกนั ที่เราเรียกวาการผสมแบบเลือดชิด ควรมกี ารปรบั ปรงุ พอ พนั ธบุ อ ยๆ 3. อัตราสว น พอพันธแุ มพ ันธุไ มควรเกนิ 1 ตอ 10 (แมพันธุ 10 พอพันธุ 1) 4. ลักษณะของไกพ น้ื เมอื งทด่ี ี ควรมรี ปู ทรงดงั น้ี - หลงั กวา ง - กระดกู อก ยาว ลกึ ลาํ ตวั มคี วามจุ - ขาแข็งแรง ทึบ หนา หางกัน - คอสน้ั - ขนงอกเร็ว ลักษณะไกพ ืน้ เมอื งที่ไมดี - หลังแคบ - กระดกู อกส้นั ตน้ื - ขายาวบาง ชิดกัน - คอยาว - ขนงอกชา 5. เนนลักษณะ การเจรญิ เตบิ โตเรว็ เปน หลกั มากกวา การใหไ ข เพราะลักษณะ นี้คัดไดงายกวา และโดยทว่ั ไปเราเลย้ี งไกพ น้ื เมอื งเพอ่ื กนิ เนอ้ื มากกวา เพอ่ื กนิ ไข การเลอื กและฟก ไกพ น้ื เมอื ง ไขฟก คือ ผลทเ่ี กดิ จากการผสมพนั ธใุ นการสบื สายเลอื ดลกู ยอ มไดล กั ษณะ ตางๆ ของพอ พันธแุ ละแมพนั ธุ ซง่ึ อาจไดท ง้ั ลกั ษณะดแี ละลกั ษณะเลว การคดั เลอื กไข เขา ฟก จงึ ควรพจิ ารณาดงั น้ี 1. ควรเปน ไขท ม่ี าจากฝงู พอ พนั ธุ แมพันธุที่ดี 2. ภายนอกสะอาด ไขร ปู ทรงปกตไิ มร า ว ไมเบี้ยว เปลอื กบาง ชอ งอากาศ หลุดลอยหรืออยูผิดที่ มจี ดุ เลอื ดโต เปน ตน 3. ขนาดไข ไมใ หญห รอื เล็กเกินควร
เลี้ยงไกพื้นเมือง # 6 4. ไมควรเกบ็ ไวน านเกนิ 14 วัน โดยเฉพาะในฤดรู อ น อณุ หภมู ทิ เ่ี กบ็ ไขค วร อยูระหวาง 50-60 องศาฟาเรนไฮต (18 องศาเซลเซยี ส) ความชน้ื ในหอ งเกบ็ 80- 90 เปอรเ ซน็ ต 5. ควรมีการกลบั ไขว นั ละครง้ั กอนแมไกจะฟก 6. จาํ นวนไขฟ ก ควรอยรู ะหวา ง 10-12 ฟอง ดงั นน้ั ไข 1-2 ฟองแรกควรนํา ไปบริโภคจะดีที่สุด เพราะไขจ ะมเี ลก็ วา ปกติ อายุการเก็บมักจะเกิน 14 วัน เชื้อมักจะ ไมดีและจะเปนการแกปญหา “ไขล น อกแม” ไปในตวั ดว ย 7. หมั่นตรวจรังฟกอยูเสมอวามีตัวหมัด เหา ไร บา งหรอื เปลา ถามีใหยายแม ไกและไขฟ ก ไปรงั อน่ื สว นรงั ทม่ี ี หมัด เหา ไร น้นั ใหเผาไฟเสยี ปอ งกนั ไมใ หแพรพ นั ธุ ตอไป เพราะไรเปน ศตั รสู าํ คญั ในการบน่ั ทอนสขุ ภาพของไก หากมี เหา ไร เหลอื อยใู น รัง เมอ่ื ลกู ไกก ะเทาะเปลอื กไขอ อกมา จะถูกตัว เหา ไร กดั กนิ เลอื ด ทําใหลูกไกเสียสุข ภาพตั้งแตเล็กๆ เปน ของไมด เี ลย ฉะนน้ั ขอใหท า นระวงั เรอ่ื งนใ้ี หจ งหนกั 8. ในหนารอน (มนี าคม-เมษายน) แมไกจะฟกไขออกไมดี ควรพน นา้ํ ที่ไขฟก แมไกฟก ไขไดประมาณ 1 สัปดาห พนเชา-บา ย บรเิ วณรงั ไขท กุ วนั จะชว ยใหไ ขฟ ก ออก ไดม ากขน้ึ การสอ งไขฟ ก ประโยชนของการสอ งไขเ พอ่ื เอาไขท ฟ่ี ก ไมอ อก เชน ไขไ มม เี ชอ้ื ไขเ ชอ้ื ตาย และ ไขเสียออกทง้ิ กอ นทม่ี นั จะแตกสง กลน่ิ เหมน็ ในรงั ฟก การปฏิบัติเชนนี้ยิ่งทาํ ไดม ากครง้ั ก็ยิ่งชวยเปอรเซ็นตการฟกมากขึ้น สาํ หรับไขท ี่ไมม ีเชอ้ื ทสี่ อ ง 3 วัน อาจใชป รงุ อาหารได วิธีทําทส่ี อ งไขอ ยา งงา ยๆ อาจทาํ ไดโ ดยอาศัยแสงแดด ดว ยการมว นกระดาษ แข็งเปนวงกลมขนาดไข แลวนาํ ไขฟ ก มาใสต รงปลายกระดาษมว น แบบยอนแสงแดด ถาไขมีเชื้อแลวจะเหน็ เปนรางแห เสน เลอื ดกระจายอยใู นไขฟ ก ถา ไมม ีเช้อื ไขฟก จะวา ง เปลา วธิ เี ลย้ี งลกู ไกว ยั ออ น เมื่อลูกเจี๊ยบออกจากไขสักพักหนึ่ง ขนที่เปยกอยูจะแหง และเรม่ิ เดนิ เตาะแตะ ไดแลว แตย งั อยใู นความดแู ลของแมไ กต อ ไป ในระยะเวลาประมาณ 7 วนั แรก ลูกไกวัย ออนยังอยูในระยะอันตรายมากไมสมควรที่จะปลอยใหแมไกออกจากกรง มาเที่ยวคุย เขี่ยควรขังแมไกเอาไว โดยใชส มุ หรอื กรงขงั พเิ ศษทป่ี ลอ ยใหล กู ไกอ อกมาเดนิ เลน ยดื เสนยืดสายได แตต อ งระมดั ระวงั ศตั รขู องลกู ไก เชน หมาและแมงใหมาก บางทีเหยี่ยวก็ เปนตวั อนั ตรายมากตวั หนง่ึ
เลี้ยงไกพื้นเมือง # 7 การปลอ ยแมไ กอ อกมาคยุ เขย่ี อาหารใหล กู ไก ควรทาํ ไดบ า งหลงั จาก 1 สัปดาห ไปแลว แตไ มค วรปลอ ยในเวลาเชา ตรู เพราะน้าํ คางยังไมแ หง และไมค วรปลอ ยในเวลา ที่ฝนกาํ ลงั ตกหรอื เพง่ิ หยดุ ตกใหมๆ จะทาํ ใหลูกไกหนาวตายได และที่คอยระวังใหดีก็ คือตัวแมไ กเ อง เพราะบางทแ่ี มไ กเ องอาจปฏบิ ตั หิ นา ทข่ี องแมบ กพรอ ง เชน นาํ ลกู ไป เที่ยวตามที่ชื้นแฉะ หรอื ตามปา รกรา ง บอ ยครง้ั ในเวลาคยุ เขย่ี อาหารใหก บั ลกู ไก แมไก อาจทาํ ใหเศษไม เศษหิน เศษดิน กระเดน็ ไปถกู ลกู เขา กไ็ ด เปนเหตุใหลูกไกบอบชาํ้ เสียสุขภาพหรอื อาจถงึ พกิ ารตง้ั แตย งั อยใู นวยั ออ นหรอื ไมก อ็ าจทาํ ใหถ งึ ตายได เมื่อลูกไกอายุไดประมาณ 1 เดอื น หรอื เกนิ กวา นไ้ี ปแลว จึงคอยใสใจนอยลง นอกจากเร่ืองของอาหาร เพราะในวยั ขนาดนล้ี กู ไกข องเราแขง็ แรงพอแลว การทเ่ี ราไม ประคบประหงมลูกไกในชว งทกี่ าํ ลงั เตบิ โต เชน น้ี จะยง่ิ เปน ผลดตี อ ลกู ไกด ว ยซา้ํ เพราะ จะทําใหลูกไกมีชีวิตชีวา กระโดดโลดเตน ไปตามธรรมชาตขิ องมนั ลกู ไกจ ะแขง็ แรงและ อดทนทรหด ในลานปลอยควรมีท่ีทางกวางขวางเพียงพอท่ีลูกไกจะว่ิงเลนซุกซนไดเพียงพอ ถาเปนลานหญา ก็จะดมี ากๆ เพราะลกู ไกจ ะไดม โี อกาสวง่ิ ไลจ บั แมลงในทแ่ี จง ไดน านๆ และควรเปนลานที่มีแสงสวางสองทั่วถึง ในเวลากลางคนื ควรใหล กู ไกไ ดห ลบั นอกตาม ความสมัครใจ แตต อ งใหล กู ไกน อนบนคอนเตย้ี ๆ หางๆ อยา ใหน อนบนลานเดด็ ขาด เพราะจะทาํ ใหม นั เสยี สขุ ภาพ กระดกู แขง ขาจะไมแ ขง็ แรง ไมม น่ั คง การใหอาหารลูกไก การใหอาหารลูกไกน ้ัน มคี วามสาํ คญั ไมน อ ย เพราะลกู ไกต า งอายกุ นั ยอ ม ตองการอาหารไมเ หมอื นกนั วธิ ใี หอ าหารขอแนะนํา ดงั น้ี ลูกไกอ ายุ 1 วนั เม่ือแรกเอาลงจากรงั ยงั ไมส มควรจะใหก นิ อาหารกอ น เพราะ ลูกไกม อี าหารสํารองหรอื ไขแ ดงอยใู นกระเพาะแลว จงึ ควรใหก นิ เฉพาะนา้ํ สะอาดและ กรวดทรายเมด็ เลก็ ลูกไกอ ายุ 2-7 วนั ควรใหกนิ ปลายขา วผสมกบั อาหารไกท ข่ี ายเปน ถงุ ตาม รานขายอาหารสัตวทั่วไป จะสะดวกตอการเลี้ยงและทาํ ใหลูกไกโตเร็ว ให 2 เวลา เชา และเย็น และใหกนิ ครง้ั ละนอ ยๆ เทาที่ลูกไกจะกินหมดภายใน 3 ถงึ 5 นาที และมนี า้ํ สะอาดกับกรวดทรายเล็กๆ ตกั ทง้ิ ไวใ หก นิ ตลอดวนั ลูกไก 8-30 วนั เปนระยะที่ลูกไกหาอาหารอื่นๆ กนิ ไดบ า งแลว แตเ ราตอ งมี อาหารใหลูกไกวัยนี้กินดวยเชนกัน อาหารลกู ไกอ ายปุ ระมาณ 2 สปั ดาหข น้ึ ไป มปี ลาย
เลี้ยงไกพื้นเมือง # 8 ขา วอยา งดี 2 สวน หรือจะเปนจาํ พวกรําขา วหยาบจากโรงสใี นทอ งถน่ิ กไ็ ด เพราะคงจะ สะดวกในการจัดหา รวมกบั อาหารไกร นุ ใชเ ลย้ี งลกู ไกพ น้ื เมอื งไดจ นอายุ 30 วัน เมอ่ื พนระยะดังกลาวไปแลว ไกพ น้ื เมอื งกโ็ ตพอทจ่ี ะหาอาหารจากธรรมชาตไิ ดเ อง การใหอ าหารไกร นุ อายุ 30 ถงึ 70 วนั อายุไกรุนขนาดนี้ การใหอ าหารงา ยมาก ผเู ลย้ี งควรตง้ั ตน ใหก นิ ขา วกลอ งและ ขาวเปลือกไดแ ลว ในวนั ตอ ๆ ไปใหก นิ ขา วเปลอื กอยา งเดยี ว วนั ละครง้ั ตอนบา ย แตถา หากในลานที่ผเู ล้ียงปลอ ยใหไกอาหารไดเองจากธรรมชาติ เชน ไสเ ดอื น ปลวก แมลง แกลบ และหญา ออนๆ ไมค อ ยได กใ็ หผ เู ลย้ี งเพม่ิ อาหารมอ้ื เชา และมอ้ื กลางวนั ใหไ กร นุ ดวย สาํ หรับมื้อเชาควรใหจาํ พวกผัก ตอนกลางวนั ควรเปน ขา วสารหรอื ขา วหงุ สกุ มอ้ื เย็นใหขาวเปลือก ในฤดรู อ นและฤดฝู นไกม กั จะขาดสารอาหาร ควรใหอ าหารเสรมิ จาํ พวกใบกระถิน โดยการนาํ ไปตากแหง แลวแชนํ้าสะอาด 1 วัน เพอ่ื ลดสารพษิ จะชวย เพ่ิมธาตอุ าหารใหแ กไ กพ น้ื เมอื งเปน อยา งดี การใหอาหารไกใ หญ (อายุ 70 วนั ขึ้นไป) ในชวงอายุขนาดนี้ ไกจะอยูในระยะที่จะเริ่มใหผลผลิต เชน ไขไก เมอ่ื เตบิ โตถงึ ข้ันนี้แลว ไกจ ะมคี วามสามารถในการหาอาหารตามธรรมชาตไิ ดด ี แตเ นอ่ื งจากระยะน้ี ไกเร่ิมใหผลผลติ เพอ่ื การสบื พนั ธุ ไกจ งึ มคี วามตอ งการอาหารเพม่ิ มากขน้ึ กวา ปกตจิ าก ท่ีเคยตองการอาหารเพอ่ื ดํารงชพี และความเตบิ โต การเสรมิ อาหารในระยะนจ้ี งึ มคี วาม จําเปน นอกจากรําขา ว ปลายขา ว ขา วเปลอื ก ถา เปนไปไดค วรจะมกี ารเสรมิ วตั ถดุ บิ ทีใ่ ห สารอาหารที่เปนแรธาตุจาํ พวกแคลเซียมและฟอสฟอรัส ซง่ึ มอี ยใู นเปลอื กหอย และ กระดองปู ซง่ึ เปน สง่ิ จาํ เปน สาํ หรบั ไกน ําไปใชส รา งเปลอื กไข เปลอื กหอย และกระดองปู จะมอี ยมู ากในฤดฝู น การจุดไฟใหแ สงสวา งภายในบา นจะเปน ประโยชนใ นการรวบรวมแมลง ซง่ึ เปน อาหารอยางหนง่ึ ของไกพ น้ื เมอื งไดเ ปน อยา งดี โดยวิธีจัดใหมีภาชนะใสนาํ้ รองรบั ไวใ ต หลอดไฟ หรือตะเกยี งเมอ่ื ถงึ เวลาเชา คอ ยชอ นแมลง รวบรวมเอาไปใหเ ปน อาหารไก ตอไป ปริมาณสารอาหารทไ่ี ดจ ากแมลงจะชว ยลดปญ หาการขาดแคลนโปรตนี ในไกไ ด ระดับหน่ึง ในระยะที่ไกมีอายุเกิน 70 วนั ขน้ึ ไป ควรตดั ปากไกเ พอ่ื ปอ งกนั การจกิ กนั และจะชวยใหไกเจริญเติบโตไดดี ชวยปองกันมิใหไกเกิดบาดแผลโดยไมจําเปน # ทม่ี า : วารสารเกษตรกาวหนา ปที่ 7 ฉบับที่ 1 มกราคม – กมุ ภาพนั ธ 2535
Search
Read the Text Version
- 1 - 8
Pages: