Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore ความหลากหลายของพืชอาหารป่าและการใช้ประโยชน์จากชุมชนบริเวณลุ่มน้ำห้วยหลวง จังหวัดอุดรธานี เรื่อง ผักพื้นบ้าน

ความหลากหลายของพืชอาหารป่าและการใช้ประโยชน์จากชุมชนบริเวณลุ่มน้ำห้วยหลวง จังหวัดอุดรธานี เรื่อง ผักพื้นบ้าน

Description: ความหลากหลายของพืชอาหารป่าและการใช้ประโยชน์จากชุมชนบริเวณลุ่มน้ำห้วยหลวง จังหวัดอุดรธานี เรื่อง ผักพื้นบ้าน.

Search

Read the Text Version

44 เล่มที่ 3 เร่ือง ผกั พืน้ บ้าน ผกั ติ้ว ช่ือทวั่ ไป : ผกั ตว้ิ แคน ตว้ิ เกลย้ี งติ้วส้มขีต้ ิ้วติ้วใบเลอื่ มติ้วหมน่ ลาตว้ิ ชื่อวิทยาศาสตร์ : Cratoxylum cochinchinense (Lour.) Blume. ชื่อวงศ์ : GUTTIFERAE ลกั ษณะ : ไมย้ นื ต้นขนาดเลก็ ถงึ ใหญ่ ผลดั ใบ สงู 10-30 เมตร เปลอื กเรยี บ หรอื แตกเป็นสะเกด็ สเี ทาอมน้าตาล ใบเด่ยี ว เรยี งตรงขา้ ม รูปไข่กลับ ปลายแหลม ขอบใบเรยี บ แผ่นใบบางคลา้ ย กระดาษถึงก่งึ หนาคล้ายแผ่นหนัง ดอกเด่ยี ว ออกเป็นกระจุก 2-5 ดอก ท่ซี อกใบหรือปลายกงิ่ ดอกสมบรู ณ์เพศ ดอกมกี ลน่ิ หอม สสี ม้ หรอื สม้ แดง รปู ไขก่ ลบั ผวิ กลบี เกลย้ี ง ผลแบบผลแหง้ แตก รปู วงรี แขง็ เกลย้ี งเป็นมนั กลบี เลย้ี งตดิ ทน ผลแกแ่ ตกตามรอยประสาน เป็น 3 พู เมลด็ 6-8 เมลด็ ต่อช่อง เมล็ดมีปี กแบนและบางใสพบได้ในป่ าเต็งรัง ป่ าเบญจพรรณ ความสูงตัง้ แต่ใกล้ ระดบั น้าทะเล ออกดอกและเป็นผล ระหว่างเดอื นมกราคม-สงิ หาคม ส่วนที่นามาบริโภค : ใบอ่อน ยอดอ่อน รบั ประทานเป็นผกั สด ฤดกู าลท่ีสามารถใช้ประโยชน์ : ฤดรู อ้ น

ความหลากหลายของพชื อาหารป่ าและการใช้ประโยชน์จากชมุ ชน 45 ผกั ติ้ว ช่ือทิ้งถ่ิน : ติ้วขาว ติ้วส้มติ้วหอม ชื่อวิทยาศาสตร์ : Cratoxylum formosum (Jack) Dyer. ชื่อวงศ์ : GUTTIFERAE ลกั ษณะ : ไม้ยนื ต้นขนาดเลก็ ถึงกลาง ผลดั ใบและผลใิ บใหม่พรอ้ มกบั ออกดอก ลาต้นมหี นาม รอบๆ แผ่กงิ่ กา้ นออกเป็นทรงพมุ่ สงู 8-15 เมตร ใบมลี กั ษณะเรยี วยาวปลายแหลม เรยี งเป็นค่ตู รง ขา้ มกนั หลงั ใบเป็นมนั มสี เี ขม้ กว่าทอ้ งใบ ใบแกม่ สี แี สดหรอื แดง ดอกมสี ชี มพหู รอื สขี าว กลบี ดอก รูปไข่ เป็นดอกสมบูรณ์เพศ ออกเป็นดอกเด่ยี วๆ หรอื เป็นกระจุกตามงาม มกี ลบี เล้ยี ง และมกั รวมกนั เป็นกลมุ่ ผวิ ของ ผลแขง็ รปู กระสวย สนี ้าตาลถงึ น้าตาลดา มนี วลขาวตดิ บรเิ วณผวิ ผลเมอ่ื แก่จดั จะแตกตามรอย ประสานเป็นสามแฉก มองเหน็ เมลด็ ซง่ึ มปี ีกเป็นรปู โคง้ เรยี งอดั แน่นกา้ นผล มขี นกระจายอย่ทู วั่ ๆไป ส่วนที่นามาบริโภค : ใบออ่ น ยอดอ่อน รบั ประทานเป็นผกั สด ฤดกู าลท่ีสามารถใช้ประโยชน์ : ฤดรู อ้ น

46 เล่มที่ 3 เร่ือง ผกั พืน้ บ้าน ติ้วขน ช่ือทิ้งถ่ิน : ผกั ตว้ิ ขาว ตาว ตว้ิ แดง ตว้ิ ยาง ตว้ิ เลอื ด ชื่อวิทยาศาสตร์ : Cratoxylum formosum (Jack) Dyer subsp. pruniflorum (Kurz) Gogel. ชื่อวงศ์ : GUTTIFERAE ลกั ษณะ : ไมย้ นื ตน้ ขนาดกลาง สงู 3-12 เมตร ผลดั ใบ โคนต้นมหี นาม เปลอื กสนี ้าตาลแดง แตก ล่อนเป็นสะเกด็ ใบเด่ยี ว เรยี งตรงขา้ ม รูปวงรแี กมไข่กลบั หรอื รูปขอบขนาน โคนใบสอบเรยี บ ปลายใบมนหรอื แหลม ดอกช่อออกเป็นกระจุกตามก่ิงเหนือรอยแผลใบ กลบี ดอกสขี าวอมชมพู อ่อนถึงแดง กลีบดอกบาง มี 5 กลบี มกี ลนิ่ หอมอ่อนๆ ออกตามซอกใบ ร่วงง่าย ผลมนี วลขาว ตดิ ตามผวิ เม่อื แก่มสี นี ้าตาลหรอื น้าตาลดา ผลแบบแคปซูล ปลายแหลม แตกออกเป็น 3 แฉก มี เมล็ดสนี ้าตาล พบตามป่ าเต็งรงั ป่ าดิบแล้ง และป่ าเบญจพรรณ ออกดอกช่วงเดือนมกราคม - พฤษภาคม ส่วนที่นามาบริโภค : ใบอ่อน ยอดอ่อน รบั ประทานเป็นผกั สด ฤดกู าลท่ีสามารถใช้ประโยชน์ : ฤดรู อ้ น

ความหลากหลายของพชื อาหารป่ าและการใช้ประโยชน์จากชมุ ชน 47 ส้มโมง ชะมว่ ง ชื่อทวั่ ไป : สม้ โมงชะมว่ ง ชื่อวิทยาศาสตร์ : Garcinia cowa Roxb.ex DC. ช่ือวงศ์ : GUTTIFERAE ลกั ษณะ : ไมต้ ้น ผลดั ใบ สงู 4-10 เมตร มยี างเหลอื ง ใบเดย่ี ว เรยี งตรงขา้ ม รปู รหี รอื รูปรแี กม ขอบขนาน ดอก สเี หลอื ง แยกเพศอยรู่ ่วมต้น ดอกเพศผอู้ ย่รู วมกนั เป็นช่อ เกสรเพศผจู้ านวนมาก ดอกเพศเมยี อย่เู ดย่ี วหรอื ออกเป็นช่อ 2-3 ดอก รงั ไขก่ ลม ผลเป็นผลสดสด รปู กลมหรอื เบย้ี ว เป็น ร่องตามยาวโดยรอบพบตามป่ าผลดั ใบ ทร่ี ะดบั ความสงู ไม่เกนิ 1,500 เมตร ออกดอกและตดิ ผล เดอื นกมุ ภาพนั ธ-์ พฤษภาคม ส่วนท่ีนามาบริโภค : ใบอ่อน ยอดออ่ น รบั ประทานเป็นผกั สด หรอื ใสแ่ กง ฤดกู าลท่ีสามารถใช้ประโยชน์ : ฤดรู อ้ น

48 เล่มท่ี 3 เร่ือง ผกั พืน้ บ้าน ผกั โฮบเฮบ ชื่อทวั่ ไป : สนั ตะวาใบพาย ผกั โตวา ผกั กะโตวา ผกั โหมเหบ ชื่อวิทยาศาสตร์ : Ottelia alismoides (L.) Pers. ช่ือวงศ์ : HYDROCHARITACEAE ลกั ษณะ : ไมน้ ้า มรี ากยดึ ตดิ ดนิ สว่ นต่างๆ ของตน้ อยใู่ ต้น้า (ยกเวน้ ดอก) ลาตน้ สนั้ มากไม่มไี หล มีแต่รากย่อย ใบเด่ียวรูปร่างของใบเป็นรูปหวั ใจหรอื รูปใบหอก ก้านใบยาวแผ่นใบไม่เรยี บมี ลกั ษณะขยกุ ขยกิ เป็นคล่นื บางและกรอบ ฐานใบกลมหรอื มกั เวา้ เป็นรปู หวั ใจ ขอบใบเรยี บหรอื หยกิ เป็นคล่นื ดอกเดย่ี วสขี าวกา้ นดอกยาวโผล่ขน้ึ มาเหนือน้าเลก็ น้อย โคนกลบี สเี หลอื งมกี ลบี 3 กลบี กลบี ดอกร่วงง่าย ผลมปี ีกขยุกขยกิ เช่นเดยี วกบั แผ่นใบ เมลด็ มจี านวนมากเม่อื แก่มสี มี ่วงดาพบ ภาคตะวนั ออกเฉียงเหนือ ภาคกลาง ภาคเหนอื ส่วนที่นามาบริโภค : ใบออ่ น ตน้ ออ่ น รบั ประทานเป็นผกั สด ฤดกู าลท่ีสามารถใช้ประโยชน์ : ฤดฝู น

ความหลากหลายของพชื อาหารป่ าและการใช้ประโยชน์จากชุมชน 49 ผกั กะเดียง ชื่อทิ้งถิ่น : ผกั กะเดยี ง ปอผี สะเดาดนิ ช่ือวิทยาศาสตร์ : Hydrolea zeylanica (L.) Vahl ช่ือวงศ์ : HYDROPHYLLACEAE ลกั ษณะ : ไมล้ ม้ ลกุ ทอดเลอ้ื ยตามพน้ื ดนิ ชยู อดตงั้ ขน้ึ ลาต้นกลมเกลย้ี ง แขง็ มรี ากออกตามขอ้ ใบเด่ยี ว เรยี งสลบั เวยี น รูปใบหอกถึงรูปรี โคนใบแหลม ปลายใบแหลม ขอบใบเรยี บ ไม่มหี ูใบ ดอกช่อแบบช่อกระจะแยกแขนง หรอื ดอกเดย่ี ว ออกทซ่ี อกใบและปลายยอด มดี อกย่อยสมบรู ณ์ เพศจานวนมาก กลบี ดอกสนี ้าเงนิ อมม่วง/สมี ่วงอมเขยี ว กลางดอกสขี าว ผลแห้งแตก ทรงรี ห่อ ดว้ ยกลบี รองดอก มกี ลบี เลย้ี งตดิ คงทน เมลด็ รปู ไขแ่ กมขอบขนาน มจี านวนมาก ชอบขน้ึ บนดนิ ชน้ื และมนี ้าขงั ตามนาขา้ ว หรอื แผค่ ลมุ ผวิ น้า ออกดอกช่วงเดอื นธนั วาคม-กมุ ภาพนั ธ์ ตดิ ผลราวเดอื น มกราคม-เมษายน ส่วนท่ีนามาบริโภค : ตน้ ออ่ น รบั ประทานเป็นผกั สด ฤดกู าลท่ีสามารถใช้ประโยชน์ : ฤดฝู น

50 เล่มที่ 3 เรื่อง ผกั พืน้ บ้าน ผกั หเู สือ ชื่อทวั่ ไป : Indian borage, Country borage, Oreille, Oregano หอมดว่ นหลวง หอมดว่ นหเู สอื ช่ือวิทยาศาสตร์ : Plectranthus amboinicus (Lour.) Spreng. ช่ือวงศ์ : LAMIACEAE ลกั ษณะ : ไมล้ ม้ ลกุ อายุ 2-3 ปี ลาตน้ อวบน้า ตน้ ออ่ นมขี นขน้ึ หนาแน่น ใบเดย่ี ว ออกตรงขา้ มกนั รปู ไขก่ วา้ งค่อนขา้ งกลมหรอื เป็นรปู สามเหลย่ี มดา้ นเท่า ปลายใบกลมมน ขอบใบจกั เป็นคล่นื มนๆ สเี ขยี ว ดอกเป็นดอกช่อ ออกตามปลายกง่ิ หรอื ยอด ช่อหน่ึงมดี อกย่อย 6-8 ดอก ผลมขี นาดเลก็ รูปกลมแป้นสนี ้าตาลอ่อน เปลอื กผลแขง็ พบขน้ึ ตามทร่ี กรา้ งทวั่ ไป ท่ลี ุ่มชน้ื แฉะ ทวั่ ทุกภาคของ ประเทศ แต่พบไดม้ ากทางภาคเหนอื ส่วนที่นามาบริโภค : ใบออ่ น ยอดอ่อน รบั ประทานเป็นผกั สด ฤดกู าลที่สามารถใช้ประโยชน์ : ทงั้ ปี

ความหลากหลายของพชื อาหารป่ าและการใช้ประโยชน์จากชุมชน 51 กระโดน ชื่อทวั่ ไป : Indian Oak, Freshwater Mangrove, จกิ น้ากระโดนน้า ช่ือวิทยาศาสตร์ : Barringtonia acutangula (L.) Gaertn. ช่ือวงศ์ : LECYTHIDACEAE ลกั ษณะ : ไม้ยนื ต้นขนาดกลาง สูง 6 – 8 เมตร ใบรูปไข่กลบั หอกกลบั หรอื รูปรี ปลายใบทู่ โคนใบสอบ ดอกสชี มพูแกมแดง ออกเป็นช่อหอ้ ยลงจากปลายกงิ่ กลบี เล้ยี งโคนเช่อื มตดิ กนั เป็น ท่อสนั้ ๆ รูปสเ่ี หลย่ี ม ปลายแยกเป็น 4 กลบี โคนเช่อื มตดิ กนั และตดิ กบั กลบี ดอก ผล รปู สเ่ี หลย่ี ม ปลายตดั ภายในมเี มลด็ เดยี ว พบไดท้ วั่ ไปในแถบภูมภิ าคเอเชยี ตะวนั ออกเฉียงใต้ ในประเทศไทย พบทุกภาค ตามรมิ ฝัง่ น้า คลอง บงึ ป่าพรุ และป่าชายเลน ส่วนท่ีนามาบริโภค : ใบออ่ น ยอดอ่อน รบั ประทานเป็นผกั สด ฤดกู าลท่ีสามารถใช้ประโยชน์ : ทงั้ ปี

52 เล่มท่ี 3 เร่ือง ผกั พืน้ บ้าน กระโดนโคก ชื่อทิ้งถิ่น : Tummy-wood, Patana oak, กระโดนโคก กระโดนบก ตน้ จกิ ชื่อวิทยาศาสตร์ : Careya sphaerica Roxb. ชื่อวงศ์ : LECYTHIDACEAE ลกั ษณะ : ไม้ยนื ต้นขนาดกลาง ผลดั ใบ สูง 10-20 เมตร ใบเดย่ี ว เรยี งสลบั เวยี นเป็นกลุ่มตาม ปลายกงิ่ รปู ไขก่ ลบั ปลายใบมน มตี ง่ิ แหลมยน่ื ฐานใบสอบเรยี ว เน้อื ใบหนา คอ่ นขา้ งนิ่ม หน้าแลง้ ใบแก่สแี ดงแลว้ ทง้ิ ใบเม่อื ออกใบอ่อน ยอดอ่อนสนี ้าตาลแดง ดอกขนาดใหญ่ ช่อแบบกระจะ สนั้ มาก มี 2-6 ดอก ออกตามปลายกง่ิ ทไ่ี ม่มใี บ ดอกลกั ษณะคลา้ ยเป็นดอกเดย่ี ว ผลรูปกลม หรอื รปู ไข่ สีเขียว ผิวเรยี บ เปลือกหนา ท่ีปลายผลมีกลีบเล้ียงติดทน และก้านเกสรเพศเมีย ผลสุก เปลย่ี นเป็นสนี ้าตาล ภายในผลมเี มลด็ จานวนมาก เมลด็ แบน สนี ้าตาลอ่อน พบทวั่ ไปตามป่าเบญจ พรรณ และป่าเตง็ รงั ออกดอกเดอื นมกราคม-เมษายน ออกผลเดอื นกุมภาพนั ธ-์ มถิ ุนายน ส่วนที่นามาบริโภค : ใบออ่ น ยอดออ่ น รบั ประทานเป็นผกั สด ฤดกู าลที่สามารถใช้ประโยชน์ : ฤดรู อ้ นถงึ ตน้ ฤดฝู น

ความหลากหลายของพชื อาหารป่ าและการใช้ประโยชน์จากชุมชน 53 ส้มเส่ียว ชื่อทวั่ ไป : สม้ เสย่ี ว เสย้ี วใหญ่ ชื่อวิทยาศาสตร์ : Bauhinia malabarica Roxb. ชื่อวงศ์ : LEGUMINOSAE-CAESALPINIOIDEAE ลกั ษณะ : ไม้ต้น สูง 3 – 15 เมตร ใบเด่ียว เรยี งสลบั ใบรูปเกอื บกลม ปลายใบเว้าเป็น 2 พู กลม กวา้ ง ปลายเวา้ กวา้ ง โคนใบตดั หรอื รูปหวั ใจ ดอกสขี าวออ่ น เป็นชอ่ เชงิ หลนั่ ประกอบหอ้ ยลง กลบี เลย้ี งรปู ทรงกระบอกหรอื รปู กรวย สเี ขยี ว ปลายแยกเป็น 5 แฉก โดยเรยี งเป็นสามกลุม่ ๆ ละ 2 กลบี กลมุ่ หน่งึ มี 1 กลบี กลบี เลย้ี งค่อนขา้ งตงั้ กลบี ดอกแยก รปู หอก โคนสอบ ปลายแหลมหรอื ตงิ่ มน กลบี ตงั้ โคนกลบี สเี ขยี ว ผลเป็นฝักไม่แตกผวิ เกลย้ี งมเี มลด็ 10 – 30 เมลด็ พบมากในป่ า เตง็ รงั ส่วนท่ีนามาบริโภค : ใบออ่ น ยอดออ่ น รบั ประทานเป็นผกั สด ฤดกู าลที่สามารถใช้ประโยชน์ :

54 เล่มท่ี 3 เร่ือง ผกั พืน้ บ้าน ผกั กาดยา่ ช่ือทวั่ ไป : ผกั ป่ยู ่า ผกั หญา้ หนามป่ยู ่า ผกั กาดหญา้ ผกั ขะยา ผกั กายา ช่ือวิทยาศาสตร์ : Caesalpinia mimosoides Lamk. ช่ือวงศ์ : LEGUMINOSAE-CAESALPINIOIDEAE ลกั ษณะ : เป็นไมพ้ ุ่มรอเลอ้ื ยขนาดเลก็ สงู ประมาณ 2 เมตร ลาต้นเลก็ มขี นและหนามทวั่ ทงั้ ต้น ลาตน้ ออ่ นสเี ขยี วปนแดง ใบประกอบแบบขนนกสองชนั้ เรยี งสลบั ชอ่ ใบย่อย 10-30 คู่ ใบยอ่ ย 10- 20 คู่ รูปขอบขนานใบร่วงง่ายใบสเี ขยี วมกี ลนิ่ ฉุน ใบตอบสนองต่อการสมั ผสั คล้ายพวกไมยราพ คือ ใบท่ถี ูกสมั ผสั จะหุบลง ดอกช่อ ออกท่ปี ลายกิ่ง กลีบดอกสเี หลอื งผลเป็นฝัก รูปร่างคล้าย กระเพาะโป่งพองเกดิ ตามป่าละเมาะทวั่ ไปในภาคตะวนั ออกเฉียงเหนอื ส่วนที่นามาบริโภค : ยอดออ่ น รบั ประทานเป็นผกั สด ฤดกู าลที่สามารถใช้ประโยชน์ : ฤดฝู น

ความหลากหลายของพชื อาหารป่ าและการใช้ประโยชน์จากชุมชน 55 ขี้เหลก็ ช่ือทัว่ ไป : Siamese senna, Siamese cassia, Cassod tree, Thai copperpod, ข้ีเหล็กแก่น ขเ้ี หลก็ บา้ น ช่ือวิทยาศาสตร์ : Senna siamea (Lam.) Irwin & Barneby ช่ือวงศ์ : LEGUMINOSAE-CAESALPINIOIDEAE ลกั ษณะ : ไมย้ นื ต้น สงู 10-15 เมตร แตกกงิ่ กา้ นเป็นพุ่มแคบ เปลอื กต้นสนี ้าตาล แตกเป็นร่อง ตน้ื ๆ ตามยาว ใบเป็นใบประกอบแบบขนนก ออกเรยี งสลบั มใี บยอ่ ย 13-19 ใบ รปู รี ปลายใบเวา้ ต้ืนๆ โคนใบมน ขอบใบเรยี บ แผ่นใบเรยี บ สเี ขยี ว ก้านใบร่วม สนี ้าตาลแดง ดอกออกเป็นช่อ แบบช่อแยกแขนง ทป่ี ลายกง่ิ ดอกสเี หลอื ง กลบี เลย้ี งกลม มี 3- 4 กลบี ปลายมน กลบี ดอกมี 5 กลบี ปลายมน โคนเรยี ว หลุดร่วงง่าย เกสรเพศผูม้ ีหลายอนั ผลเป็นฝักแบนยาว หนาสนี ้าตาล เมลด็ มหี ลายเมลด็ ส่วนท่ีนามาบริโภค : ใบอ่อน ยอดอ่อน ทาแกงขเ้ี หลก็ ฤดกู าลที่สามารถใช้ประโยชน์ : ทงั้ ปี

56 เล่มที่ 3 เร่ือง ผกั พืน้ บ้าน มะขาม ชื่อทวั่ ไป : Tamarind, Indian date, มะขาม ช่ือวิทยาศาสตร์ : Tamarindus indica L. ช่ือวงศ์ : LEGUMINOSAE-CAESALPINIOIDEAE ลกั ษณะ : ไมย้ นื ต้นขนาดกลางถงึ ใหญ่ สงู 15-30 เมตร แตกกง่ิ กา้ นสาขามาก เปลอื กต้นขรุขระ และ ใบประกอบแบบขนนก ใบย่อยรปู ขอบขนาน จานวน 10-20 คู่ ออกตรงขา้ ม ใบเลก็ ออกเป็นคู่ ทป่ี ลายใบ ช่อดอกแบบช่อเชงิ ลดหอ้ ยลง ออกตามปลายกง่ิ ขนาดเลก็ กลบี ดอกสเี หลอื ง มจี ุดประสี แดงหรอื ม่วงแดงอยู่กลางดอก กลีบดอก มี 5 กลบี ผลแบบฝัก โคง้ ยาว รปู ร่างยาวหรอื โคง้ ฝัก ออ่ นมเี ปลอื กสเี ขยี วอมเทา สนี ้าตาลเกรยี ม เน้ือในตดิ กบั เปลอื ก เม่อื แก่ฝักเปลย่ี นเป็นเปลอื กแขง็ กรอบหกั ง่าย เน้ือมีรสเปร้ยี วหรอื หวาน ฝักจะมเี มลด็ 3–12 เมล็ด เมลด็ แก่แบนเป็นมนั และมีสี น้าตาล ส่วนท่ีนามาบริโภค : ใบออ่ น ยอดอ่อน ผลดบิ ผลสกุ เคร่อื งแกง ฤดกู าลท่ีสามารถใช้ประโยชน์ : ทงั้ ปี

ความหลากหลายของพชื อาหารป่ าและการใช้ประโยชน์จากชมุ ชน 57 ส้มป่ อย ช่ือทวั่ ไป : Soap Pod, สม้ ป่อย ช่ือวิทยาศาสตร์ : Acacia concinna (Willd.) DC. ช่ือวงศ์ : LEGUMINOSAE-MIMOSOIDEAE ลกั ษณะ : ไมพ้ ุ่มรอเลอ้ื ย สงู 3-6 เมตร ไม่มมี อื เกาะ เถามเี น้อื แขง็ ขนาดใหญ่ มขี นกามะหยห่ี นา นุ่มตามลาต้น กงิ่ กา้ นมหี นามแหลมสนั้ อย่ทู วั่ ไป ใบเป็นใบประกอบแบบขนนกสองชนั้ ออกเรยี ง สลบั ใบย่อยเรยี งตรงขา้ ม ไม่มกี ้านใบย่อย รปู ขอบขนานขนาดเลก็ ดอกช่อกระจุกรูปทรงกลม ท่ี ปลายกงิ่ หรอื อกตามซอกใบขา้ งลาต้น 1-3 ช่อดอกต่อขอ้ มดี อก 35-45 ออกดอกเดอื นมกราคม- พฤษภาคม ผลเป็นฝัก รูปขอบขนาน แบนยาว ผวิ ฝักเป็นลอนคล่นื เป็นขอ้ ๆ ตามเมลด็ แต่ละฝักมี เมล็ด 5-12 เมลด็ รูปทรงแบนรี สดี าผวิ มนั ติดผลเดือนพฤษภาคม-ตุลาคม พบข้นึ ตามป่ าคืน สภาพ ป่าดบิ แลง้ ป่าเบญจพรรณ ทร่ี าบเชงิ เขา และทร่ี กรา้ งทวั่ ไป ส่วนท่ีนามาบริโภค : ใบออ่ น ยอดออ่ น เคร่อื งแกงใชแ้ ทนมะขาม ฤดกู าลท่ีสามารถใช้ประโยชน์ : ทงั้ ปี

58 เล่มที่ 3 เรื่อง ผกั พืน้ บ้าน ชะอม ชื่อทวั่ ไป : Climbing Wattle, Acacia, Cha-om, ผกั ขา ผกั หละ ผกั หา อม ชื่อวิทยาศาสตร์ : Acacia pennata (L.) Willd. Subsp. Insuavis (Lace) I.C. Nielsen ช่ือวงศ์ : LEGUMINOSAE-MIMOSOIDEAE ลกั ษณะ : ไมพ้ ุ่มรอเลอ้ื ย ลาตน้ และกง่ิ มหี นาม ใบประกอบแบบขนนกสองชนั้ เรยี งสลบั ช่อดอก แบบช่อกระจุกแยกแขนง ออกท่ซี อกใบและปลายกง่ิ ช่อดอกย่อยมใี บประดบั รูปชอ้ น ดอกย่อยมี กลบี เลย้ี งเช่อื มตดิ กนั รปู ถ้วย ปลายแยก 5 แฉก มขี น กลบี ดอกเช่อื มกนั 5 กลบี มขี นาดเลก็ ออก ตามซอกใบ มสี ขี าวถงึ ขาวนวล ดอก ผลเป็นฝักแบน รปู ขอบขนาน กวา้ ง 2.9 ซม. ยาว 21 ซม ส่วนท่ีนามาบริโภค : ยอดอ่อน รบั ประทานเป็นผกั ลวก ทาอาหาร เช่น ใสแ่ กงสม้ ไขเ่ จยี วชะอม แกงแบบอสี าน เชน่ แกงหนอไม้ แกงเหด็ ฤดกู าลท่ีสามารถใช้ประโยชน์ : ทงั้ ปี

ความหลากหลายของพชื อาหารป่ าและการใช้ประโยชน์จากชุมชน 59 กระถิน ช่ือทวั่ ไป : White Popinac, Lead Tree, Horse tamarind, Leucaena, lpil-lpil, กระถนิ ไทย กระถนิ บา้ น ชื่อวิทยาศาสตร์ : Leucaena leucocephala (Lamk.) de Wit ชื่อวงศ์ : LEGUMINOSAE-MIMOSOIDEAE ลกั ษณะ : ไมพ้ ุ่ม สงู 3-10 เมตร ไม่ผลดั ใบ ใบเป็นใบประกอบแบบขนนกสองชนั้ เรยี งสลบั กนั ใบ แยกแขนง 3-19 คู่ ใบย่อย 5-20 คู่ รูปขอบขนาน ดอกมสี ขี าว ออกดอกเป็นช่อแบบกระจุดแน่น ตามงา่ มใบและปลายกงิ่ ประมาณ 1-3 ชอ่ ออกดอกเดอื นพฤษภาคม-มถิ ุนายน ฝักแบน ปลายฝัก แหลม โคนสอบ ฝักเม่อื แก่จะแตกตามยาว ในฝักมเี มลด็ เรยี งตามขวางอยู่ประมาณ 15-30 เมลด็ ออกผลเดอื นกรกฎาคม-มกราคมเมลด็ มลี กั ษณะเป็นรปู ไขแ่ บนกวา้ ง สนี ้าตาลและเป็นมนั ส่วนที่นามาบริโภค : ยอดออ่ น ผลออ่ น เมลด็ รบั ประทานเป็นผกั สด ฤดกู าลท่ีสามารถใช้ประโยชน์ : ทงั้ ปี

60 เล่มที่ 3 เร่ือง ผกั พืน้ บ้าน กระเฉดโคก ชื่อทวั่ ไป : กระเฉดโคก กาเสดโคก กระเฉดตน้ แหว้ ระบาด ชื่อวิทยาศาสตร์ : Neptunia javanica Miq. ช่ือวงศ์ : LEGUMINOSAE-MIMOSOIDEAE ลกั ษณะ : ไมล้ ม้ ลุกอายุหลายปี ทอดเลอ้ื ย ยาวไดถ้ งึ 1 ม. หใู บรปู หวั ใจ ใบประกอบมี 1-3 ต่อม เหน็ ไม่ชดั เจน ใบย่อยมี 7-20 คู่ รปู ขอบขนาน เบย้ี ว ปลายใบมนหรอื แหลม มตี ง่ิ ทป่ี ลาย โคนใบ ตดั เสน้ ใบไม่ชดั เจน ช่อดอกแบบช่อกระจุกกลม สเี หลอื ง ออกตามง่ามใบ ช่อหน่ึงมี 10-15 ดอก กลบี ดอกรูปรหี รอื รปู ใบหอก เกสรเพศผทู้ เ่ี ป็นหมนั รปู เสน้ ดา้ ยแกมรูปแถบ ดอกสมบูรณ์เพศ กลบี ดอกรูปรหี รอื รปู ขอบขนานแกมรูปใบหอก ปลายแหลม รงั ไข่ เกลย้ี ง ไรก้ า้ น ผลเป็นฝัก แบน โคง้ เมลด็ 7-11 เมลด็ รปู รี ส่วนท่ีนามาบริโภค : ยอดออ่ น รบั ประทานเป็นผกั สด ฤดกู าลที่สามารถใช้ประโยชน์ : ทงั้ ปี

ความหลากหลายของพชื อาหารป่ าและการใช้ประโยชน์จากชมุ ชน 61 กระเฉดน้า ชื่อทวั่ ไป : Water mimosa, กระเฉดน้า ผกั รนู้ อน ชื่อวิทยาศาสตร์ : Neptunia oleracea Lour. ชื่อวงศ์ : LEGUMINOSAE-MIMOSOIDEAE ลกั ษณะ : พชื ลอยน้า อายุหลายปี รากออกตามขอ้ ลาตน้ กลม มนี วมสขี าวฟูหมุ้ ช่วยใหล้ อยน้า ใบ ประกอบแบบขนนก เม่อื ถูกสมั ผสั จะหุบได้ รปู ขอบขนาน ดอกออกเป็นช่อกลมสเี หลอื ง ดอกย่อย สมบูรณ์เพศอย่ตู รงกลาง กลบี เลย้ี งเช่อื มกนั ปลายแยก 5 แฉก กลบี ดอก 5 กลบี ยาว 3-4.3 มม. เกสรเพศผู้ 10 อนั ดอกทเ่ี ป็นหมนั ขนาดใหญ่กว่าอยู่ดา้ นนอก ผล เป็นฝักแบน ขอบขนานกวา้ ง 0.8-1 ซม. ยาว 1.5-3 ซม. แหง้ แล้วแตก มี 4-8 เมลด็ รูปไข่พบขน้ึ ในเขตรอ้ นทวั่ ไป ในประเทศ ไทยพบไดท้ กุ ภาค ส่วนที่นามาบริโภค : ยอดออ่ น รบั ประทานเป็นผกั สด ผกั ลวก ประกอบอาหารหลายชนดิ เช่น ยา แกง ผดั ฤดกู าลท่ีสามารถใช้ประโยชน์ : ทงั้ ปี

62 เล่มที่ 3 เร่ือง ผกั พืน้ บ้าน อญั ชนั ชื่อทวั่ ไป : Blue Pea, Butterfly Pea, แดงชนั อญั ชนั เออ้ื งชนั ช่ือวิทยาศาสตร์ : Clitoria ternatea L. ช่ือวงศ์ : LEGUMINOSAE-PAPILIONOIDEAE ลกั ษณะ : ไมล้ ม้ ลกุ เลอ้ื ยพนั ยาว 1-5 เมตร ใบประกอบแบบขนนก เรยี งสลบั ใบย่อย 3-9 ใบ รปู รแี กมขอบขนานหรอื รูปรแี กมไขก่ ลบั กวา้ ง 1-3 ซม. ยาว 2-5 ซม. ดอกเดย่ี ว ออกทซ่ี อกใบ กลบี ดอกรปู ดอกถวั่ สนี ้าเงนิ ม่วงหรอื ขาว ตรงกลางกลบี สเี หลอื งหม่นขอบสีขาว ผลเป็นฝัก รปู ดาบ โคง้ เลก็ น้อย ปลายเป็นจะงอย แตกเป็น 2 ฝา เมลด็ รปู ไต จานวน 6-10 เมลด็ ส่วนท่ีนามาบริโภค : ดอก รบั ประทานเป็นผกั สด ฤดกู าลท่ีสามารถใช้ประโยชน์ : ทงั้ ปี

ความหลากหลายของพชื อาหารป่ าและการใช้ประโยชน์จากชุมชน 63 ผา ชื่อทวั่ ไป : Water meal,ผา ไขแ่ หน ไขน่ ้า ไขข่ า ชื่อวิทยาศาสตร์ : Wolffia globosa (Roxb.) Hartog & Plas ชื่อวงศ์ : LEMNOIDEAE (LEMNACEAE) ลกั ษณะ : พืชท่ีลอยอยู่บนผิวน้า ผาเป็นพืชน้า คล้ายตะไคร่น้า รูปร่างเป็นเมด็ กลมเล็กๆ มี เสน้ ผ่าศนู ยก์ ลางประมาณ 0.1-0.2 มม.มรี ปู ร่างรี ๆ ค่อนขา้ งกลมมสี เี ขยี วลอยอย่บู รเิ วณผวิ น้าเป็น แพ ไม่มรี าก ไม่มใี บ ต้นประกอบดว้ ยเซลลช์ นิดพาเรงคมิ าเป็นส่วนใหญ่ มชี ่องอากาศแทรกอยู่ ระหว่างเซลล์ ทาใหเ้ หน็ เป็นฟองน้า และชว่ ยใหม้ กี ารลอยตวั อย่ใู นน้าได้ ไมม่ เี น้อื เย่อื ทท่ี าหน้าทน่ี า น้าและอาหาร มชี ่องใหอ้ ากาศเขา้ ออกไดอ้ ย่ทู างบนของต้นมกั เกดิ ในธรรมชาตทิ น่ี ้าใส นิ่ง เช่น บงึ หนองน้า ส่วนท่ีนามาบริโภค : นามาทาลาบ แกง ฤดกู าลที่สามารถใช้ประโยชน์ : ฤดฝู น

64 เล่มท่ี 3 เร่ือง ผกั พืน้ บ้าน ผกั พาย ชื่อทวั่ ไป : ผกั พาย ช่ือวิทยาศาสตร์ : Butomopsis latifolia (D. Don) Kunth ชื่อวงศ์ : LIMNOCHARITACEAE ลกั ษณะ : ไมล้ ม้ ลุก อายุหลายปี ใบเดย่ี ว ใบสเี ขยี วออกน้าเงนิ ลกั ษณะใบรูปสเี หลย่ี มพน้ื ผา้ รูป ใบหอก หรอื รูปสเี หล่ยี มพ้นื ผา้ แกรม ใบหอกปลายแหลมลาต้นเป็น เหงา้ ฝังจมอยู่ในโคลนเจรญิ เป็ นต้น ใบข้ึนเหนือผิวน้า ดอกสีขาว มักจาผิดระหว่าง Limnocharis flava(L.) Buch หรือ ตาลปัตรฤาษี พบตามแหล่งน้าทวั่ ไป มกั เกดิ ในธรรมชาติ ส่วนที่นามาบริโภค : ใบอ่อน ยอดออ่ น รบั ประทานเป็นผกั สด ฤดกู าลที่สามารถใช้ประโยชน์ : ฤดฝู น

ความหลากหลายของพชื อาหารป่ าและการใช้ประโยชน์จากชุมชน 65 ผกั คนั จอง ช่ือทวั่ ไป : Yellow burhead, ผกั พาย ตาลปัตรฤาษี บอนจนี ผกั กา้ นจอง ชื่อวิทยาศาสตร์ : Limnocharis flavaBuch. ชื่อวงศ์ : LIMNOCHARITACEAE ลกั ษณะ : ไม้ล้มลุกอายุหลายปี ชอบอาศยั อยู่ในน้า ลาต้นเป็นเหง้าสนั้ ๆ ใต้ดนิ มไี หลสนั้ ๆ มี น้ายางสขี าวท่กี ้านและใบ ใบเด่ยี วแตกจากโคนเป็นกระจุก เรยี งเวยี นซ้อนกนั แผ่นใบรูปไข่ถึง เกอื บกลม สเี ขยี วนวล ดอกช่อสเี หลือง ออกเป็นช่อแบบซ่รี ่ม มดี อกย่อย 7-12 ดอก ผลเป็นผล แบบผลกลุ่ม รปู ก่งึ ทรงกลม ผลย่อยติดกนั เป็นกระจุกแน่น สนี ้าตาลเมลด็ จานวนมาก สนี ้าตาล เขม้ รปู เกอื กมา้ มสี นั นูน ออกดอกเดอื นมถิ ุนายน-กรกฎาคม พบตามหนองน้า คู คลอง รมิ หว้ ย ท่ี ชน้ื แฉะ และในนาขา้ ว ส่วนท่ีนามาบริโภค : ใบอ่อน ยอดออ่ น รบั ประทานเป็นผกั สด หรอื ผกั ลวก ฤดกู าลที่สามารถใช้ประโยชน์ : ทงั้ ปี

66 เล่มที่ 3 เรื่อง ผกั พืน้ บ้าน กระเจ๊ียบ ช่ือทวั่ ไป : เกง็ เคง็ สม้ เกง็ เคง็ เงย้ี ว สม้ ปู ช่ือวิทยาศาสตร์ : Hibiscus sabdariffa L. cv. group Sabdariffa ช่ือวงศ์ : MALVACEAE ลกั ษณะ : ไมล้ ม้ ลกุ อายุหน่งึ ปี ใบเดย่ี ว เรยี งสลบั ขอบใบหยกั เวา้ ลกึ 3-5 หยกั ดอกสเี หลอื งออ่ น กลางดอกสมี ว่ งแดง ออกเดย่ี วๆ ตามงา่ ม ผลรปู ไขป่ ้อม สแี ดง กลบี เลย้ี งทข่ี ยายใหญ่ รองรบั อยจู่ น ผลแก่ เมลด็ สนี ้าตาล รปู ไต ส่วนที่นามาบริโภค : ใบอ่อน ยอดออ่ น เปลอื กผลสด ใสแ่ กงสม้ เปลอื กหมุ้ ผลตากแหง่ นามาตม้ ทาน้ากระเจย๊ี บ ฤดกู าลที่สามารถใช้ประโยชน์ : ทงั้ ปี

ความหลากหลายของพชื อาหารป่ าและการใช้ประโยชน์จากชมุ ชน 67 ผกั แวน่ ช่ือทวั่ ไป : ผกั แว่น ผกั ลน้ิ ป่ี ช่ือวิทยาศาสตร์ : Marsilea crenata Presl ชื่อวงศ์ : MARSILEACEAE ลกั ษณะ : พชื ลม้ ลุกจาพวกเฟิรน์ สงู ไดถ้ งึ 20 ซม. มไี หลกลมเรยี วยาว และมเี หงา้ ฝังตวั ในโคลน ใบ ยอดอ่อนขดม้วนเป็นวงกลม ใบแก่มใี บย่อย 4 ใบ รูปไข่กลบั กา้ นใบตงั้ ขน้ึ อบั สปอร์ เป็นอบั กอ้ นแขง็ สดี า แตกจากโคนกา้ นใบ ภายในบรรจุอบั สปอรเ์ พ่อื ใชข้ ยายพนั ธุ์พบขน้ึ ทวั่ ไปในเขตรอ้ น ตามทช่ี น้ื แฉะหรอื โผล่ขน้ึ เหนือน้า บรเิ วณน้าตน้ื ใบอ่อนรบั ประทานเป็นผกั สด ส่วนท่ีนามาบริโภค : ใบออ่ น ยอดอ่อน รบั ประทานเป็นผกั สด ฤดกู าลท่ีสามารถใช้ประโยชน์ : ฤดฝู น

68 เล่มท่ี 3 เรื่อง ผกั พืน้ บ้าน สะเดาบา้ น ชื่อทวั่ ไป : สะเดา สะเลยี มเดา ชื่อวิทยาศาสตร์ : Azadirachta indica A. Juss. Var. Siamensis Valeton ช่ือวงศ์ : MELIACEAE ลกั ษณะ : ไมย้ นื ตน้ ขนาดกลางถงึ ใหญ่ สงู 20-25 ใบสเี ขยี วเขม้ เม่อื ออ่ นสแี ดง ใบเป็นใบประกอบ แบบขนนกปลายค่ี รปู ใบหอกกง่ึ รปู เคยี วโคง้ ปลายใบแหลมหรอื เรยี วแหลม ขอบใบเป็นจกั คลา้ ย ฟันเล่อื ย ค่อยขา้ งเกลย้ี ง ในพ้นื ท่แี ลง้ จดั ตน้ จะทง้ิ ใบ ดอกมขี นาดเลก็ สขี าวหรอื สเี ทา กลนิ่ หอม อ่อนๆ แตกกง่ิ กางออกเป็น 2-3 ชนั้ ทป่ี ลายเป็นช่อกระจุกอยู่ 1-3 ดอก มขี นคลา้ ยไหม ออกดอก เดอื นธนั วาคม-มนี าคม ผลกลมรี ผลออ่ นสเี ขยี ว เม่อื สุกสเี หลอื งอมเขยี ว เมลด็ มลี กั ษณะกลมรี ผวิ ค่อนขา้ งเรยี บหรอื แตกเป็นรอ่ งเลก็ ๆ ตามยาวสเี หลอื งซดี หรอื เป็นสนี ้าตาล ส่วนท่ีนามาบริโภค : ใบอ่อน ยอดออ่ น รบั ประทานเป็นผกั สด และผกั ลวก ฤดกู าลที่สามารถใช้ประโยชน์ : ยอดอ่อนทงั้ ปี ดอกฤดหู นาว

ความหลากหลายของพชื อาหารป่ าและการใช้ประโยชน์จากชมุ ชน 69 พลองเหมอื ด ช่ือทิ้งถ่ิน : พลองเหมอื ดพลองดาเหมยี ด เหมอื ดแอ่ ชื่อวิทยาศาสตร์ : Memecylon edule Roxb ชื่อวงศ์ : MEMECYLACEAE ลกั ษณะ : ไมพ้ ุ่มขนาดเลก็ สงู 3-12 เมตร เปลอื กสเี ทาอมน้าตาล แตกเป็นรอ่ งลกึ ใบเดย่ี วเรยี ง ตรงขา้ ม รปู ไข่ ปลายท่หู รอื แหลม โคนมนหรอื สอบ ขอบเรยี บ ผวิ เกลย้ี งทงั้ สองดา้ น ช่อดอกแบบ ชอ่ กระจกุ ออกตามซอกใบ หรอื ตามขอ้ ทใ่ี บรว่ งไปแลว้ ดอกในช่อ 2-8 ดอก กลบี ดอก 4 กลบี หนา สขี าวอมม่วงหรอื สนี ้าเงนิ เขม้ ผลสดแบบผลมเี น้ือหน่ึงถึงหลายเมลด็ ทรงกลม สเี ขยี วอมเหลอื ง เม่อื สุกสมี ่วงถึงดา พบตามป่ าเต็งรงั ชายป่ าเบญจพรรณ และป่ าดิบแล้ง ออกดอกและเป็นผล ระหวา่ งเดอื นเมษายน-พฤษภาคม ส่วนที่นามาบริโภค : ใบอ่อน ยอดอ่อน รบั ประทานเป็นผกั สด ฤดกู าลท่ีสามารถใช้ประโยชน์ : ตน้ ฤดฝู น

70 เล่มที่ 3 เรื่อง ผกั พืน้ บ้าน แก่นส้ม ชื่อทวั่ ไป : แกน่ สม้ ผกั สม้ ผกั สเี สยี ด ชื่อวิทยาศาสตร์ : Glinus herniarioides (Gagnep.) Tardieu ช่ือวงศ์ : MOLLUGINACEAE ลกั ษณะ : ไมล้ ม้ ลุก มลี าต้นเตย้ี ๆ หรอื ตดิ ราบกบั ดนิ แตกกง่ิ กา้ นสาขาแผ่กระจายออกไปรอบๆ ต้น ลาต้นอ่อนมขี นปกคลุม ใบเป็นใบเด่ยี ว มขี นาดของใบเลก็ ยาวเรยี ว ปลายใบแหลมหรอื มน โคนใบสอบ ขอบใบเรยี บ สเี ขยี ว ก้านใบสนั้ มีรสขม ดอกออกเป็นช่อออกท่ปี ลายยอด มี 2 – 6 ดอก ดอกย่อยเป็นดอกสมบูรณ์เพศรวมกนั อย่ตู ามขอ้ ต้น ดอกสขี าวอมเขยี ว ผลรปู ยาวรี เม่อื ผล แก่จะแตกออกเป็น 3 แฉก ภายในมเี มลด็ จานวนมาก ขนาดเท่าเมด็ ทราย สนี ้าตาลแดงออกดอก และผลเดอื นกรกฎาคม – กนั ยายน ส่วนที่นามาบริโภค : ใบอ่อน ยอดออ่ น ประกอบอาหารประเภทแกงอ่อม ฤดกู าลท่ีสามารถใช้ประโยชน์ : ฤดฝู น

ความหลากหลายของพชื อาหารป่ าและการใช้ประโยชน์จากชมุ ชน 71 แก่นขม ชื่อทวั่ ไป : ผกั ขวง สะเดาดนิ ผกั ขข้ี วง ผกั ขม ช่ือวิทยาศาสตร์ : Glinus oppositifolius (L.) Aug.DC. ชื่อวงศ์ : MOLLUGINACEAE ลกั ษณะ : ไมล้ ม้ ลุก สงู 8-16 ซม. ลาตน้ อ่อนมขี นปกคลุม ใบเด่ยี ว มขี นาดของใบเลก็ ยาวเรยี ว กวา้ ง 2-5 มม. 5-20 มม. ขอบใบแบบเรยี บปลายใบแหลมโคนใบสอบ ขอบใบเรยี บ สเี ขียว กา้ น ใบสนั้ ดอกออกเป็นช่อทป่ี ลายยอดมี 2-6 ดอก ดอกย่อยเป็นดอกสมบูรณ์เพศ ดอกสขี าวอมเขยี ว มสี มมาตรตามแนวรศั มกี ลบี รวม 5 กลบี รปู รา่ ง elliptic เกสรเพศผู้ 3-5 อนั เกสรเพศเมยี มรี งั ไข่ 1 อนั ผลรูปยาวรี เม่อื ผลแก่จะแตกออกเป็น 3 แฉก ภายในมเี มลด็ จานวนมากขนาดเท่าเมด็ ทราย สนี ้าตาลแดงออกดอกและผลเดอื นกรกฎาคม-กนั ยายน ส่วนท่ีนามาบริโภค : ใบออ่ น ยอดออ่ น ประกอบอาหารประเภทแกงออ่ ม ฤดกู าลที่สามารถใช้ประโยชน์ : ฤดฝู น

72 เล่มท่ี 3 เรื่อง ผกั พืน้ บ้าน มะเดือ่ น้า ชื่อทิ้งถิ่น : มะเด่อื เกลย้ี ง มะเดอ่ื เดอ่ื น้า มะเดอ่ื หอม หมากเดอ่ื มะเด่อื ดง ชื่อวิทยาศาสต ร:์ Ficus racemosa L. ชื่อวงศ์ : MORACEA ลกั ษณะ : ไมต้ น้ สงู 10-30 เมตร ใบเดย่ี วเรยี งเวยี นสลบั รปู รี ไปจนถงึ รปู ไขก่ ลบั ปลายคอ่ นขา้ ง แหลม หรอื เรยี วแหลม โคนสอบแคบ หรอื สอบกวา้ ง ขอบเรยี บ ดอก อย่ใู นโครงสรา้ งทม่ี ลี กั ษณะ คลา้ ยผลทเ่ี รยี กวา่ ผลแบบมะเดอ่ื (fig หรอื syconium) ออกเป็นช่อใหญ่ตามลาตน้ บนกง่ิ ทไ่ี ม่มใี บ และกง่ิ ใหญ่ๆ ยาวถงึ 25 ซม. เม่อื แก่สแี ดงอมสม้ รปู ค่อนขา้ งกลม ถงึ รูปผลแพร์ มกั มชี ่องอากาศ แกมตุ่ม ผลรปู ทรงกลม เมอ่ื ออ่ นสเี ขยี ว เมอ่ื แกเ่ ปลย่ี นเป็นสแี ดงมว่ ง เกลย้ี ง เมลด็ รปู เลนส์ เรยี บ หรอื มสี นั เลก็ น้อย พบตามรมิ ธารในป่าเบญจพรรณ ป่าดบิ แลง้ ทร่ี ะดบั ความสงู 350-650 เมตร ส่วนที่นามาบริโภค : ผลอ่อน รบั ประทานเป็นผกั สด ผลสกุ รบั ประทานเป็นผลไม้ ฤดกู าลที่สามารถใช้ประโยชน์ : ฤดฝู น

ความหลากหลายของพชื อาหารป่ าและการใช้ประโยชน์จากชุมชน 73 หม่อน ช่ือทิ้งถ่ิน :Mulberry tree, White Mulberry, หมอ่ น ช่ือวิทยาศาสตร์ : Morus alba Linn. ชื่อวงศ์ : MORACEA ลกั ษณะ : เป็นไมพ้ ุม่ สงู 2-7 เมตร ใบเดย่ี ว ออกเรยี งสลบั รปู ไข่ หรอื รปู ไขก่ วา้ ง ปลายใบแหลม ยาว โคนใบเวา้ เป็นรูปหวั ใจ ขอบใบเรยี บหรอื หยกั เว้าเป็นพู แผ่นใบสเี ขยี วเขม้ เรยี บเงา หลงั ใบ สากระคายมอื มหี ใู บเป็นรปู แถบแคบปลายแหลม ออกดอกเป็นชอ่ ตามซอกใบและปลายยอด แยก เพศแต่อยู่บนต้นเดยี วกนั ดอกรูปทรงกระบอก ดอกย่อยมขี นาดเลก็ วงกลบี รวมเป็นสขี าวหม่น หรอื เป็นสขี าวแกมสเี ขยี ว ช่อดอกเป็นหางกระรอก ผลเป็นผลรวมอย่ใู นกระจุกเดยี วกนั ออกตาม ซอกใบ รูปทรงกระบอก ผลสเี ขยี ว เม่อื ผลสกุ สมี ่วงแดงเข้มหรอื สมี ่วงดา เกอื บดา เน้ือนิ่ม ฉ่าน้า และมีรสหวานอมเปร้ียว พ บได้ทัว่ ไปในป่ าดิบ ปลูกกันมากทางภาคเหนือและภาค ตะวนั ออกเฉยี งเหนือ ส่วนที่นามาบริโภค : ใบออ่ น ยอดออ่ น นิยมใสแกงเพอ่ื เพม่ิ รสชาติ ฤดกู าลท่ีสามารถใช้ประโยชน์ : ทงั้ ปี

74 เล่มท่ี 3 เร่ือง ผกั พืน้ บ้าน ผกั อีฮมุ ชื่อทวั่ ไป : Moringa, มะรมุ ชื่อวิทยาศาสตร์ : Moringa oleiferaLam. ชื่อวงศ์ : MORINGACEAE ลกั ษณะ : ไมย้ นื ต้น สงู 3-10 ม. ใบประกอบแบบขนนก ใบย่อย 8-10 คู่ ขอบใบเป็นคล่นื ปลาย ใบเรยี วแหลม รปู ไขก่ ลบั หรอื รปู ขอบขนาน กวา้ ง 5-20 ม.ปลายมน หรอื เวา้ ต้นื ดอก ออกเป็นช่อ แบบแยกแขนง ท่ีปลายยอด ดอกย่อย 12-20 ดอก กลีบดอกสเี ขียวอ่อน กว้าง 5-8 มม. ยาว 10-17 มม. ผลเป็นฝักรปู ดาบ หรอื กระบอง ยาว 18-45 ซม. ทสี นั หลกั 3 สนั เมลด็ ขนาดประมาณ 10 มม. มปี ีก ออกดอกตลอดทงั้ ปีพบไดท้ วั่ ไปในประเทศไทย ส่วนท่ีนามาบริโภค : ใบอ่อน ยอดออ่ น ลวกรบั ประทาน เน้อื ในฝักนยิ มนามาแกงมะรมุ ฤดกู าลท่ีสามารถใช้ประโยชน์ : ทงั้ ปี

ความหลากหลายของพชื อาหารป่ าและการใช้ประโยชน์จากชุมชน 75 ผกั เมก็ เสมด็ แดง ช่ือทวั่ ไป : เสมด็ ชนุ ไครเ้ มด็ ยมี อื แล เสมด็ เขา เสมด็ แดง เหมด็ ชุน ขะเมก็ ชื่อวิทยาศาสตร์ : Syzygium gratum (Wight) S.N. Mitra var. gratum ชื่อวงศ์ : MYRTACEAE ลกั ษณะ : ไม้ต้น สูง 5-20 เมตร ลาต้นสนี ้าตาลแดง เปลอื กบาง ซ้อนกนั หลายๆ ชนั้ ใบเดย่ี ว เรยี งตรงขา้ ม รูปไข่ รปู รถี งึ รปู ใบหอก ปลายใบแหลม โคนใบแหลมหรอื มน ขอบใบเรยี บ ใบอ่อนสี น้าตาลปน ดอกชอ่ แยกแขนง ออกทซ่ี อกใบและปลายยอด ดอกย่อยสขี าว ไม่มกี า้ นดอก ฐานดอก รปู ถว้ ย ทรงรปู กรวยแกมทรงกระบอก กลบี เลย้ี ง 5 กลบี รปู สามเหลย่ี ม กลบี ดอก 5 กลบี แยกกนั สขี าว รปู เกอื บกลม สเี หลอื งอ่อน เกสรเพศผจู้ านวนมาก เกสรเพศเมยี มรี งั ไข่อย่ใู ต้วงกลบี ผลสด ทรงกลม สขี าว ฐานผลนูนออกมาและบมุ๋ กระจายพนั ธุแ์ ถบป่าผลดั ใบ และรมิ ลาธาร ออกดอกช่วง เดอื น เมษายน-พฤษภาคม ส่วนที่นามาบริโภค : ใบออ่ น ยอดอ่อน รบั ประทานเป็นผกั สด ฤดกู าลที่สามารถใช้ประโยชน์ : ระหว่างเดอื นมกราคม-พฤษภาคม

76 เล่มที่ 3 เรื่อง ผกั พืน้ บ้าน กลว้ ยป่ า ช่ือทิ้งถิ่น : กลว้ ยป่า ชื่อวิทยาศาสตร์ : Musa acuminata Colla ช่ือวงศ์ : MUSACEAE ลกั ษณะ : พชื ลม้ ลุก มลี าตน้ เทยี มสงู 2.5-3.5 เมตร ขนาดผา่ ศนู ยก์ ลางประมาณ 15 ซม. กาบลา ต้นมนี วลเลก็ น้อย ใบเป็นใบเด่ยี ว รูปขอบขนาน กวา้ ง 40-60 ซม. ยาว 2-3 เมตร ชูขน้ึ ค่อนขา้ ง ตรง กา้ นใบสชี มพูอมแดงมกั มปี ระ ดอกออกเป็นช่อเอนคลา้ ยงวง สว่ นปลายเป็นปลลี กั ษณะทรง กระสวย ใบประดบั รูปไข่กวา้ งค่อนขา้ งยาว ปลายแหลม ด้านบนสมี ่วงอมแดง มนี วล ดา้ นล่างท่ี โคนสแี ดงจดั เม่อื เปิดจะมว้ นงอออก ภายในมแี ถบเกสรทเ่ี รยี งตวั คลา้ ยน้ิวมอื หรอื หวี ไม่ซอ้ นมาก หลายชนั้ จะบานจากส่วนโคนปลลี งมาหาปลายช่อปลี ผลเป็นหวี ผลเดย่ี วรูปทรงกลมแกมขอบ ขนาน โคนมน ปลายสอบ โคง้ งอเลก็ น้อย ผลมเี น้ือบาง สขี าว รสหวาน ภายในมเี มลด็ เรยี งอดั แน่น จานวนมาก สดี า ผนงั หนา แขง็ ส่วนท่ีนามาบริโภค : หวั ปลี รบั ประทานเป็นผกั สด หรอื นามาหมกใสเ่ น้อื สตั ว์ หยวกกลว้ ยนามา แกง ฤดกู าลที่สามารถใช้ประโยชน์ : ทงั้ ปี

ความหลากหลายของพชื อาหารป่ าและการใช้ประโยชน์จากชุมชน 77 บวั สาย ช่ือทวั่ ไป : Lotus stemบวั แดง สตั ตบรรณ ชื่อวิทยาศาสตร์ : Nymphaea lotus L. var. pubescens Hook. f. & Thomson ช่ือวงศ์ : NYMPHAEACEAE ลกั ษณะ : ไมล้ ม้ ลุก มเี หงา้ ใตด้ ิ เจรญิ เตบิ โตไดด้ ใี นระดบั น้าลกึ 0.3-1 เมตร ใบเป็นใบเดย่ี ว เรยี ง สลบั แผน่ ใบกลม ขอบใบหยกั และแหลม ฐานหยกั เวา้ ลกึ หใู บเปิด ผวิ ใบอ่อนวางอยบู่ นผวิ น้า แผ่น ใบดา้ นบนสเี ขยี วเหลอื บน้าตาลออ่ นหรอื สแี ดงเลอื ดหมู ผวิ ใบดา้ นล่างของใบออ่ นสมี ่วง ใบเมอ่ื แก่สี เขยี วมขี นนุ่มๆ เสน้ ใบใหญ่นูนก้านใบสนี ้าตาลอมเขยี วอ่อนค่อนข้างเปราะ ข้างในก้านใบเป็นรู อากาศ ดอกมีกลบี ดอกจานวนมากเรยี งซ้อนกนั อยู่หลายชนั้ รูปหอกบานในช่วงเวลาใกล้ค่าถึง ตอนสายของวนั รุ่งขน้ึ และจะหุบในเวลากลางวนั ผลสดเรยี กว่า “โตนด” มเี น้ือและมเี มลด็ ลกั ษณะ กลมจานวนมาก เมลด็ มขี นาดเลก็ สดี าอย่ใู นเน้อื หุม้ เป็นวุน้ ใสๆ ส่วนที่นามาบริโภค : กา้ นชดู อกรบั ประทานเป็นผกั สด หรอื นามาแกง ฤดกู าลที่สามารถใช้ประโยชน์ : ทงั้ ปี พบมาในช่วงฤดหู นาว

78 เล่มท่ี 3 เรื่อง ผกั พืน้ บ้าน ผกั หวานป่ า ชื่อทวั่ ไป : ผกั หวาน ช่ือวิทยาศาสตร์ : Melientha suavis Pierre ช่ือวงศ์ : OPILIACEAE ลกั ษณะ : ไมย้ นื ตน้ ขนาดเลก็ สงู 4-11 เมตร ผลดั ใบตามฤดกู าล ใบเดย่ี ว รปู ไข่ ปลายใบมนหรอื แหลม โคนใบสอบเรยี ว ใบออ่ นเป็นสเี ขยี วอ่อน เม่อื แก่สเี ขยี วเขม้ ดอกช่อเป็นช่อยาว ออกตามกงิ่ หรอื ตามซอกใบ ดอกแยกเพศอย่บู นกา้ นดอกเดยี วกนั ดอกเพศผมู้ กี ลบี สเี ขยี วอ่อน เกสรสเี หลอื ง ดอกเพศเมียมีกลีบดอกสีเขียวเข้ม และก้านดอกจะสนั้ กว่าดอกเพศผู้ ออกดอกในช่วงเดือน ธนั วาคม-มนี าคม ผลเดย่ี วอย่บู นช่อยาวทเ่ี ป็นช่อดอกเดมิ รปู ไข่ ผลอ่อนสเี ขยี ว เมอ่ื แกส่ เี หลอื งสม้ หรอื สแี ดง พบไดท้ วั่ ทุกภาคของประเทศไทยตามป่ าเบญจพรรณในทร่ี าบ หรอื เชงิ เขาทม่ี คี วามสงู ไมเ่ กนิ 600 เมตร จากระดบั น้าทะเล ชอบขน้ึ บนดนิ ร่วนปนทราย ส่วนที่นามาบริโภค : ใบอ่อน ยอดออ่ น ช่อดอก นยิ มนามาแกง ฤดกู าลที่สามารถใช้ประโยชน์ : ฤดแู ลง้

ความหลากหลายของพชื อาหารป่ าและการใช้ประโยชน์จากชมุ ชน 79 ผกั ส้ม ส้มกบ ช่ือทิ้งถ่ิน : สม้ กบ สม้ สามตา สงั สม้ สม้ ดนิ หญา้ ตานทราย ช่ือวิทยาศาสตร์ : Oxalis corniculataLinn. ชื่อวงศ์ : OXALIDACEAE ลกั ษณะ : พชื ลม้ ลุก มรี ากตามขอ้ สงู 5-20 ซม. ใบเป็นใบประกอบ มี 3 ใบ ใบย่อยรูปหวั ใจ โคน ใบสอบ ปลายใบเวา้ ดอกสเี หลอื ง ออกเป็นช่อมนี ้อยดอก กลบี ดอก 5 กลบี รูปไข่กลบั แกมขอบ ขนาน ผลเป็นผลแหง้ แก่แลว้ แตก รูปทรงกระบอก เมลด็ รูปไข่แบน ขน้ึ เป็นวชั พชื ทวั่ ไป ในเขต รอ้ นของทวปี เอเชยี ตามบรเิ วณทช่ี น้ื หรอื น้าขงั ตน้ื ๆ ขา้ งทาง ทุ่งหญา้ และในสวน จากระดบั ใกลน้ ้า ทะเล ถงึ ระดบั 2,500 ม. ออกดอกและตดิ ผลตลอดปี ส่วนท่ีนามาบริโภค : ใบออ่ น ยอดอ่อน นามาคนั้ ทาสม้ ผกั ฤดกู าลท่ีสามารถใช้ประโยชน์ : ทงั้ ปี

80 เล่มท่ี 3 เรื่อง ผกั พืน้ บ้าน หวายนัง่ ชื่อทวั่ ไป : หวายนงั่ หวายดง ชื่อวิทยาศาสตร์ : Calamus acanthophyllus Becc. ชื่อวงศ์ : PALMACEAE ลกั ษณะ : ไมเ้ ถาพชื จาพวกปาลม์ ขนาดเลก็ ตน้ เต้ยี สงู 0.5-1 เมตร ลาตน้ สนั้ ป่อง ลาตน้ กา้ นใบ มหี นามแหลม ทนไฟป่าไดด้ ี ใบเป็นใบประกอบแบบขนนก ออกเรยี งสลบั เวยี นรอบลาต้น รูปดาบ โคนใบหนาแผ่หุ้มลาต้น กาบในใบอ่อนเป็นหลอด ก้านใบมหี นามกระจายอยู่ห่างๆ ใบมหี นาม ทวั่ ไป ดอกเป็นช่อตามซอกใบ ช่อดอกตงั้ ตรง ดอกย่อยแยกเพศอยู่บนตน้ เดยี วกนั ดอกสเี หลอื ง นวล ผลเป็นรูปทรงกลมหรอื รปู รเี กือบกลม เปลอื กผลเหนียว มีเกลด็ ขนาดเลก็ สคี รมี เมลด็ รูปรี เขตการกระจายพนั ธเ์ ฉพาะในประเทศลาวและทางภาคตะวนั ออกเฉียงเหนือของไทย ตามทโ่ี ล่งใน ป่าทุ่งหญา้ หรอื ใตป้ ่าเตง็ รงั ทเ่ี ป็นหนิ ทราย ทร่ี ะดบั ความสงู จากระดบั น้าทะเลไม่เกนิ 300 เมตร ส่วนที่นามาบริโภค : หนออ่อน นามาแกง มรี สขมมาก ฤดกู าลที่สามารถใช้ประโยชน์ : ฤดฝู น

ความหลากหลายของพชื อาหารป่ าและการใช้ประโยชน์จากชุมชน 81 หวายนา ช่ือทวั่ ไป : หวายดง หวายขม ชื่อวิทยาศาสตร์ : Calamus viminalisWild. ช่ือวงศ์ : PALMACEAE ลกั ษณะ : ไมเ้ ถาพชื จาพวกปาลม์ ลาตน้ สเี ขยี วแตกกอ ลาตน้ และกาบใบมหี นาม กาบหุม้ ลาตน้ สี เขยี วเขม้ เคลอื บด้วยไขสขี าวบาง มหี นามโดยรอบ ใบประกอบแบบขนนก ก้านใบมหี นาม ใบ คลา้ ยใบมะพรา้ ว มอี วยั วะทใ่ี ชเ้ ลอ้ื ยเกาะ และมหี นามโดยตลอด ดอกช่อออกมาจากลาตน้ ตรงสว่ น ทม่ี กี าบใบหมุ้ ผลค่อนขา้ งกลม มลี กั ษณะเป็นเกลด็ ซอ้ นทบั กนั เป็นชนั้ ๆ ผลอ่อนสเี ขยี วเมอ่ื แกแ่ ลว้ มสี เี หลอื งขาว เน้ือในมรี สฝาด เมลด็ แขง็ ผวิ ขรุขระ เม่อื อายุได้ 2-3 ปี จะเรมิ่ ตดิ ดอก และใหผ้ ลท่ี สามารถนาไปขยายพนั ธุไ์ ด้ ตดิ ผลราวเดอื นมนี าคม-เมษายน พบตามป่าเตง็ รงั ป่าดงดบิ ทช่ี ุม่ ชน้ื ส่วนที่นามาบริโภค : หนอออ่ น นามาแกง มรี สขม ฤดกู าลท่ีสามารถใช้ประโยชน์ : ฤดฝู น

82 เล่มที่ 3 เร่ือง ผกั พืน้ บ้าน หวายน้า ชื่อพนื้ เมอื ง : หวายเขยี ว หวายขม หวายบุ่น ช่ือวิทยาศาสตร์ : Calamus siamensis Becc. ช่ือวงศ์ : PALMAE ลกั ษณะ : เป็นไม้เถาลาต้นเล้อื ยหรอื แตกกอมกั เล่อื ยพนั ต้นไม้อ่นื มีกาบหุ้มลาต้นสเี ขยี วเขม้ เคลือบด้วยไขสขี าวบางและมีหนามยาวรอบเถา ใบเป็นใบประกอบมีใบย่อยเรยี งสลบั ในแนว ระนาบขอบใบมีหนามแหลมเล็กๆ ปลายใบแหลม ดอกออกเป็ นช่อสเี หลืองออกดอกเดือน พฤษภาคม-มถิ ุนายนผลค่อนขา้ งกลมผลอ่อนสเี ขยี วเม่อื แกส่ เี หลอื งผวิ ผลเป็นเกลด็ บางๆเรยี งซอ้ น กนั เมลด็ แขง็ ผวิ ขรขุ ระ หน่ึงผลมี 1-2 เมลด็ ออกผลเดอื นกรกฎาคม-กนั ยายนป่ าดบิ แลง้ และป่ าคนื สภาพ ส่วนที่นามาบริโภค : หนออ่อน นามาแกง มรี สขม ฤดกู าลท่ีสามารถใช้ประโยชน์ : ฤดฝู น

ความหลากหลายของพชื อาหารป่ าและการใช้ประโยชน์จากชุมชน 83 ผกั สาบ ชื่อทิ้งถ่ิน : ผกั สาบ ช่ือวิทยาศาสตร์ : Adenia viridiflora Craib ช่ือวงศ์ : PASSIFLORACEAE ลกั ษณะ : ไมเ้ ล้อื ย เถามมี อื เกาะ อายุหลายปี ใบเด่ยี วออกตรงกนั ขา้ ม ก้านใบสนั้ ใบรูปหวั ใจ โคนใบสอบ ปลายใบแหลม ขอบใบเรยี บ แผ่นใบเรยี บค่อนขา้ งแข็ง สเี ขยี วเขม้ ดอกออกเป็นกลุ่ม ตามซอกใบแบบกา้ นร่ม กลบี ดอกสเี ขยี วออกเหลอื ง ผลลกั ษณะทรงกลมสเี ขยี วขนาดเทา่ หวั แมม่ อื ภายในมเี มลด็ เดยี วส่วนทใ่ี ชบ้ รโิ ภคยอดอ่อนผลอ่อนการขยายพนั ธุเ์ มลด็ ปักชา้ สภาพแวดล้อมท่ี เหมาะสมทด่ี อนทนแลง้ ไดด้ แี ละอย่รู ่วมกบั ตน้ ไมใ้ หญ่ฤดกู าลทใ่ี ชป้ ระโยชน์ตลอดปี ส่วนที่นามาบริโภค : ใบอ่อน ยอดออ่ น ดอก ลวกรบั ประทานเป็นผกั รสขม ฤดกู าลท่ีสามารถใช้ประโยชน์ : ฤดแู ลง้

84 เล่มที่ 3 เร่ือง ผกั พืน้ บ้าน หมากห่มห่อ ชื่ อ ทิ้ งถ่ิ น : passionflower, Stinking Passion Flower, Fetid passionflower, Scarletfruit, กระทกรกป่า รงุ้ นก ตาลงึ ทอง ผกั ขร้ี ว้ิ ห่อทอง รกชา้ ง ชื่อวิทยาศาสตร์ : Passiflora foetida L. ช่ือวงศ์ : PASSIFLORACEAE ลกั ษณะ : ไมเ้ ถาเลอ้ื ย มอี ายุประมาณ 2-5 ปี มมี อื ใชย้ ดึ เกาะ มขี นขน้ึ ปกคลุมอย่ทู ุกส่วนของลา ตน้ และใบ ทข่ี นมนี ้ายางเหนียว ใบเดย่ี ว ออกเรยี งสลบั รูปหวั ใจ ปลายใบแหลม โคนใบเวา้ ขอบ ใบเวา้ เป็น 3 แฉก ดอกเป็นดอกเดย่ี ว ออกตามซอกใบ กลบี ดอกมี 10 กลบี กลบี กดา้ นนอกสเี ขยี ว อ่อน ดา้ นในสขี าว มกี ระบงั รอบเป็นเสน้ ฝอยสขี าวโคนมว่ ง ผลรปู ทรงกลม ผลอ่อนสเี ขยี ว เม่อื สกุ สี เหลอื งอมสสี ม้ มใี บประดบั เสน้ ฝอยคลุมอยู่ ภายในผลมเี น้ือหุม้ เมลด็ ใสและฉ่าน้า (คลา้ ยกบั เมลด็ แมงลกั แช่น้า) มรี สหวานแบบปะแลม่ ๆ ออกดอกออกผลในชว่ งเดอื นสงิ หาคม-กนั ยายน ส่วนท่ีนามาบริโภค : ใบออ่ น ยอดออ่ น ลวกรบั ประทานเป็นผกั ฤดกู าลท่ีสามารถใช้ประโยชน์ : ทงั้ ปี พบมาในฤดฝู น

ความหลากหลายของพชื อาหารป่ าและการใช้ประโยชน์จากชมุ ชน 85 ผกั สงั ช่ือทวั่ ไป : ผกั กะสงั ชากรดู กกดู ผกั ราชวงศ์ ผกั ฮากกลว้ ย ชื่อวิทยาศาสตร์ : Peperomia pellucida (L.) Humb., Bonpl. & Kunth ช่ือวงศ์ : PIPERACEAE ลกั ษณะ : เป็ นพืชล้มลุกอวบน้า สูง20 – 60ซม.ลาต้นขาวใส ตงั้ ตรง แตกกงิ่ มาก กงิ่ ทโ่ี ค้งลง แนบตดิ กบั พน้ื ดนิ สามารถเกดิ รากทบ่ี รเิ วณขอ้ ได้ การเกาะตดิ ของใบบนกว่ิ แบบสลบั ใบเดย่ี วรปู ไข่ ถงึ สามเหลย่ี ม ขนาดโดยประมาณ ผวิ ใบดา้ นบนเป็นมนั ดา้ นล่างขนุ่ และสอี อ่ นกว่า ดอกออกเป็น ช่อท่ซี อกและปลายกงิ่ ดอกย่อยขนาดเลก็ มาก ไม่มีกลบี เลย้ี งและกลบี ดอก ผลสดรูปทรงกลม เมลด็ สดี าทรงกลมขนาดเลก็ ส่วนที่นามาบริโภค : ตน้ ออ่ น ลวกรบั ประทานเป็นผกั หรอื นามาผดั ฤดกู าลท่ีสามารถใช้ประโยชน์ : ทงั้ ปี

86 เล่มที่ 3 เร่ือง ผกั พืน้ บ้าน ชะพลู ชื่อทวั่ ไป : ชะพลู ช่ือวิทยาศาสตร์ : Piper sarmentosum Roxb. ชื่อวงศ์ : PIPERACEAE ลกั ษณะ : ไมล้ ม้ ลุก สงู ประมาณ 2 ฟุต ลกั ษณะลาต้นจะเป็นขอ้ ๆ ใบเป็นใบเดย่ี ว (simple leaf) เรยี งสลบั (alternate) รูปร่างใบเป็นรูปหวั ใจ (cordate) เสน้ ใบชดั เจน 5-7 เสน้ ปลายใบแหลม ผวิ ใบไม่เรยี บ ใบใหญ่ สเี ขยี วแก่และมรี สเผด็ เลก็ น้อย ดอก ลกั ษณะดอกจะออกยาวเป็นปุ่มๆ คลา้ ย กับดอกดีปลี แต่สนั้ กว่าช่อดอกสีขาวและเปล่ียนเป็นสีเขียว ไม่มีกลีบดอก ผล เป็ นผลรวม (multiple fruit) แบบเบอรร์ ่ี (berry) รปู ทรงกระบอก เมลด็ ขนาดเลก็ ส่วนท่ีนามาบริโภค : ใบออ่ น ยอดอ่อน รบั ประทานเป็นผกั สด ฤดกู าลที่สามารถใช้ประโยชน์ : ทงั้ ปี

ความหลากหลายของพชื อาหารป่ าและการใช้ประโยชน์จากชุมชน 87 ผกั กาดน้า ช่ือทิ้งถิ่น : Common Plantain, Greater Plantain, Waybread, หญา้ เอน็ หยดื หมอน้อย ผกั กาด น้าไทย ผกั กาดน้าใหญ่ ชื่อวิทยาศาสตร์ : Plantago majorLinn. ชื่อวงศ์ : PLANTAGINACEAE ลกั ษณะ : ไม้ล้มลุกขนาดเลก็ เน้ืออ่อน อายุหลายปี โคนต้นติดกบั ดนิ ใบแทงขน้ึ มาจากใต้ดิน คลา้ ยกบั ใบผกั กาด กา้ นใบยาวเท่ากบั แผน่ ใบ ใบเป็นใบเรยี งสลบั โคนลาตน้ มกี าบใบห่อหุม้ อยู่ รปู ไข่กลบั มขี นาดกวา้ ง โคนใบสอบ ขอบใบเป็นคล่นื ๆ มเี สน้ ใบตามยาวประมาณ 5-7 เสน้ เม่อื นา กา้ นใบมาหกั แล้วค่อยๆ ดงึ ออกจะเหน็ เสน้ เอน็ ยดื ออกมา ดอกเป็นดอกช่อ ชูขน้ึ มาจากกลางกอ ดอกย่อยขนาดเลก็ แหง้ เป็นสเี ขยี วอ่อนหรอื สนี ้าตาล ไม่มกี า้ นดอก ผลพบไดใ้ นดอก เป็นผลแหง้ รปู ร่างไม่แน่นอน ผลมขี นาดเลก็ สเี ขยี วอมสนี ้าตาลหรอื เป็นสนี ้าตาลถงึ สดี า เม่อื สุกแลว้ จะแตก ออก ภายในผลมเี มล็ด 8 -15 เมลด็ พบได้ทวั่ ทุกภาค โดยมกั ขน้ึ ตามทุ่งหญ้า พ้นื ทโ่ี ล่งแจง้ ท่มี ี ความช่มุ ชน้ื ส่วนท่ีนามาบริโภค : ใบอ่อน ยอดอ่อน รบั ประทานเป็นผกั สด ฤดกู าลที่สามารถใช้ประโยชน์ : ฤดฝู น

88 เล่มที่ 3 เร่ือง ผกั พืน้ บ้าน ผกั แพว ช่ือทวั่ ไป : ผกั ไผ่น้าพรกิ มา้ ผกั ไผ่ หอมจนั ทร์ จนั ทนโ์ ฉม จนั ทน์แดง ช่ือวิทยาศาสตร์ : Polygonum odoratum Lour. ช่ือวงศ์ : POLYGONACEAE ลกั ษณะ : ไมล้ ม้ ลกุ ปีเดยี ว ลาตน้ เลอ้ื ยและตงั้ ตรงมรี ากงอกออกตามสว่ นทส่ี มั ผสั ดนิ มกี ลนิ่ ฉุนทงั้ ต้นและใบ ลาต้นสีเขยี วแกมสนี ้าตาลแดง ตามลาต้นมขี ้อเป็นระยะๆ บรเิ วณขอ้ มกั มีรากงอก ออกมา ใบเดย่ี วออกสลบั แผน่ ใบรปู หอก หรอื รปู หอกแกมรปู ไข่ ปลายใบแหลม ฐานใบรูปลม่ิ มหี ู ใบสขี าวบาง มขี นหยาบคลา้ ยสะเกด็ ใบสเี ขยี ว มแี ตม้ สแี ดงทข่ี อบใบและเสน้ ใบย่อย ดอกช่อยาว ออกท่ซี อกใบ แบบเชงิ ลดแคบๆ มีดอกจานวนมากดอกเด่ยี วหรอื เป็นคู่ๆ หรอื เป็นกลุ่มกระจุก ดอกสมบูรณ์เพศ กลบี ดอกมี 5 กลบี สขี าว ถึงชมพูแกมม่วง ไม่ร่วงเม่อื ผลแก่ ผลมขี นาดเลก็ สี น้าตาล มเี มลด็ จานวนมาก พบตามป่าใกลร้ มิ น้า ทงุ่ นา คลองบงึ แอ่งน้าต่างๆ ส่วนท่ีนามาบริโภค : ใบออ่ น ยอดออ่ น รบั ประทานเป็นผกั สด ฤดกู าลท่ีสามารถใช้ประโยชน์ : ทงั้ ปี

ความหลากหลายของพชื อาหารป่ าและการใช้ประโยชน์จากชุมชน 89 ผกั ตบชวา ชื่อทิ้งถิ่น : Water Hyacinth, บวั ลอย ผกั ปง ผกั ปอด ผกั ป่อง สวะ ชื่อวิทยาศาสตร์ : Eichornia crassipes(Mart.) Solms ช่ือวงศ์ : PONTEDERIACEAE ลกั ษณะ : พชื น้าล้มลุก ลาต้นสนั้ แตกใบเป็นกอลอยไปตามน้า มไี หล ลาตน้ อวบน้า ผวิ เรยี บสี เขยี วออ่ นและเขม้ ลาตน้ สนั้ หรอื ยาวจะขน้ึ อยกู่ บั ความอดุ มสมบรู ณ์ของแม่น้า กา้ นใบพองออกตรง ช่องกลาง ภายในมรี ูพรุนช่วยพยุงลาตน้ ใหล้ อยน้าได้ ใบเดย่ี ว แตกจากลาตน้ เป็นกอ โคนกา้ นใบ แผ่เป็นกาบหุม้ ประกนั ไว้ รูปไขห่ รอื เกอื บกลม ใบมขี นาดกวา้ งใหญ่ ดอกเป็นช่ออย่กู ลางกอ ไม่มี กา้ นดอก ขนาดเลก็ หลายดอก 3-25 ดอก ดอกย่อยเป็นสชี มพอู มฟ้าหรอื สมี ่วง มจี ุดสเี หลอื งทก่ี ลาง กลีบ ออกดอกช่วงปลายฤดู-ต้นฤดูร้อน ผลเป็นแบบแคปซูลแห้งและแตกได้ รูปทรงกระบอก แบง่ เป็นพู 3 พู เม่อื แก่จะแตกกลางพู ภายในมเี มลด็ จานวนมาก รปู กลม ส่วนท่ีนามาบริโภค : ชอ่ ดอกออ่ น ลวกรบั ประทานเป็นผกั ฤดกู าลท่ีสามารถใช้ประโยชน์ : ทงั้ ปี

90 เล่มท่ี 3 เรื่อง ผกั พืน้ บ้าน ผกั ตบไทย ชื่อทิ้งถิ่น : Monochria, Monochoria arrowleaf falsepickerelweed, ผกั สน้ิ ผกั ตบ ผกั โป่ ง ผกั ตบเขยี ด ช่ือวิทยาศาสตร์ : Monochoria hastate (L.) Solms ช่ือวงศ์ : PONTEDERIACEAE ลกั ษณะ : ไมล้ ม้ ลุกมอี ายุไดห้ ลายปี อาศยั อย่ใู นน้า มเี หงา้ ใหญ่ แตกลาต้นเป็นกอ สงู 50-100 ซม. ลาตน้ อย่ใู ตด้ นิ ชูกา้ นใบเหนือระดบั น้า ใบเดย่ี ว แทงออกมาจากลาตน้ ใตด้ นิ กา้ นใบสว่ นล่างมี กาบหุม้ ซอ้ นๆ กนั สว่ นกา้ นใบส่วนบนกลมยาวและอวบน้า แผ่นใบเป็นรปู หวั ใจหรอื รปู สามเหลย่ี ม คลา้ ยหวั ลกู ศร ปลายใบแหลม โคนใบมนเวา้ ขอบใบเรยี บ ดอกแทงมาจากราก สงู ประมาณ 2 ใน 3 ของกา้ นใบ กลบี ดอกสนี ้าเงนิ ปนม่วง สฟี ้าปนม่วงหรอื มสี ขี าวแต้มบา้ งเลก็ น้อย กลบี ดอกบาง ดอกย่อยสมี ว่ งหรอื สขี าวแตม้ บา้ งเลก็ น้อย ออกดอกเดอื นพฤษภาคม-พฤศจกิ ายน ผลแบบแคปซลู รปู รี แหง้ และแตกได้ ภายในมเี มลด็ จานวนมาก สนี ้าตาล ส่วนท่ีนามาบริโภค : ชอ่ ดอกออ่ น ลวก หรอื น่งึ รบั ประทานเป็นผกั ฤดกู าลที่สามารถใช้ประโยชน์ : ฤดหู นาว

ความหลากหลายของพชื อาหารป่ าและการใช้ประโยชน์จากชุมชน 91 ผกั อีฮีน ผกั ขาเขยี ด ชื่อทิ้งถ่ิน : ขา่ เขยี ด ช่ือวิทยาศาสตร์ : Monochoria vaginalis (Burm. f.) Presl var. Solms ช่ือวงศ์ : PONTEDERIACEAE ลกั ษณะ : เป็นไมล้ ม้ ลกุ อายฤุ ดเู ดยี ว สงู 5-35 ซม. ลาตน้ ตงั้ ตรงมเี หงา้ อยใู่ ตด้ นิ เม่อื เจรญิ ในน้าจะ มไี หลสนั้ ๆ มรี ากฝอยสนี ้าตาลแดงจานวนมาก ใบเป็นใบเดย่ี วรูปหวั ใจคลา้ ยผกั ตบชวาแต่เลก็ กว่า ใบกวา้ ง 2-45 มม. ยาว 9-85 มม. ออกสลบั กนั ทโ่ี คน สเี ขยี วออ่ น กา้ นใบยาวและอวบน้า โคนกา้ น ใบแผ่ออกเป็นกาบหมุ้ ใบทอ่ี ่อนกว่าดา้ นในของกา้ นใบมเี ยอ่ื บางสขี าว ดอกเป็นช่อดอก กลบี ดอกสี ม่วงออกจากกา้ นใบ ดอกยอ่ ย 6-15 ดอก ดอกย่อยมกี ลบี ดอก 6 กลบี กลบี ดอกมสี มี ่วงน้าเงนิ โคน กลบี ตดิ กนั ผลมเี มลด็ มากขนาดยาวประมาณ 1 ซม เมลด็ สนี ้าตาล ส่วนท่ีนามาบริโภค : ใบออ่ น ยอดอ่อน รบั ประทานเป็นผกั สด ฤดกู าลท่ีสามารถใช้ประโยชน์ : ฤดฝู น

92 เล่มที่ 3 เรื่อง ผกั พืน้ บ้าน ผกั ก้านตง ช่ือทิ้งถ่ิน : กา้ นตรง กา้ นถงึ กา้ นเถง่ิ กา้ นเถงิ คนั ซง คนั ซุง คนั ชุง คนั ทรง กะทรง ทรง เพลโพ เดา๊ ะ ผกั หวานตน้ กา้ นเถง ช่ือวิทยาศาสตร์ : Colubrina asiatica L. ex. Brongn. ช่ือวงศ์ : RHAMNACEAE ลกั ษณะ : เป็นไมพ้ ุ่มขนาดกลางกง่ึ ไมเ้ ลอ้ื ย สูง 2-3 เมตร แตกกง่ิ กา้ นมากตงั้ แต่โคนต้น กงิ่ กา้ นมี ขนาดเลก็ กลม สเี ขยี วเขม้ เป็นมนั เปลอื กต้นสเี ทา ใบเดย่ี วออกเรยี งสลบั รูปรี รปู ไข่ รูปไข่กวา้ ง ปลายแหลม โคนใบมน ขอบใบหยกั แผน่ ใบบาง ดอกเป็นช่อกระจกุ เลก็ ๆ ตามซอกใบตามกง่ิ กา้ น เรยี งเป็นแถวเป็นช่อเล็กๆ สเี หลืองอ่อนปนเขยี ว มกี ลิ่นหอมอ่อนๆ ออกดอกเดือนมิถุนายน- ธนั วาคม ผลเป็นผลเด่ยี ว รูปทรงกลม ทข่ี วั้ ผลมวี งกลบี เล้ยี งสเี ขยี วตดิ อยู่ เรยี งหอ้ ยลงเป็นแถวๆ ตามกง่ิ ปลายผลเวา้ เขา้ แบ่งออกเป็นพู 3 พู ผลสเี ขยี วแลว้ จะเปลย่ี นเป็นสนี ้าตาลเม่อื ผลแก่ เมลด็ ขนาดเลก็ 3 เมลด็ แบน สดี าหรอื สนี ้าตาลเทา ตดิ ผลเดอื นกนั ยายน-ธนั วาคม พบตามป่ าราบ ป่ า ดงดบิ ป่าละเมาะ หรอื ทร่ี กรา้ งขา้ งทางทวั่ ไป ส่วนท่ีนามาบริโภค : ใบออ่ น ยอดออ่ น นามาแกง หรอื ลวกเป็นผกั ฤดกู าลที่สามารถใช้ประโยชน์ : ทงั้ ปี

ความหลากหลายของพชื อาหารป่ าและการใช้ประโยชน์จากชุมชน 93 มะตมู ช่ือทวั่ ไป : มะปิน กะทนั ตาเถร ตมู ตุ่มตงั บวั ตูม หมากตูม ช่ือวิทยาศาสตร์ : Aegle marmelos (L.) Correa ex Roxb. ชื่อวงศ์ : RUTACEAE ลกั ษณะ : ไมย้ นื ตน้ ขนาดกลาง ผลดั ใบ สงู 10-15 ใบประกอบแบบมใี บยอ่ ย 3 ใบ ออกเรยี งสลบั ใบรปู ไข่ สองใบลา่ งมขี นาดเลก็ และตดิ ตรงขา้ มกนั ปลายใบสอบ โคนใบแหลม ขอบใบเรยี บหรอื มี หยกั มนๆ แผ่นใบเรยี บเกลย้ี งเป็นมนั ใบอ่อนสเี ขยี วออ่ นหรอื สชี มพู มขี นละเอยี ด ใบแกส่ เี ขยี วเขม้ เรยี บเกล้ยี ง ดอกช่อออกตามซอกใบและปลายกงิ่ ออกรวมกนั เป็นช่อสนั้ ๆ สขี าวอมเขยี วหรอื สี เหลอื งออ่ น ดอกมกั ออกพรอ้ มกบั ใบอ่อน มกี ลนิ่ หอม ผลรปู รกี ลมหรอื รยี าว ผวิ เรยี บเกลย้ี ง เปลอื ก หนา แขง็ มาก ไม่แตก ผลอ่อนมสี เี ขยี วพอสุกมสี เี หลอื ง เน้ือผลมสี เี หลอื ง น่ิม มกี ลนิ่ หอม และมี เน้ือเย่อื สสี ม้ ทม่ี ยี างเหนียวๆ ภายในมี 8-15 ช่อง เมลด็ สนี ้าตาลอ่อน จานวนมาก ออกดอกเดอื น มนี าคม-พฤษภาคม และตดิ ผลเดอื นธนั วาคม-กุมภาพนั ธ์ ส่วนท่ีนามาบริโภค : ใบออ่ น ยอดออ่ น รบั ประทานเป็นผกั สด ฤดกู าลที่สามารถใช้ประโยชน์ : เดอื นมนี าคม-พฤษภาคม