Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore รายงานวิจัยภาษาชอง

รายงานวิจัยภาษาชอง

Description: รายงานวิจัยภาษาชอง.

Search

Read the Text Version

ลําดบั ท่ี ภาษาชอง ความหมาย ลาํ ดับท่ี ภาษาชอง ความหมาย ๑๒๑. ลองกอง ลองกอง ๑๓๑. อดู ค่าบ พร่ี ๑๒๒. ละ กะ ละ ฮอง ผกั โขมปา่ ๑๓๒. อดู คา่ บ โพร่ง ไม้รวก ๑๒๓. ละ ยี รา ยีห่ รา่ , กระเพรา ๑๓๓. อูดคา่ บ มะ รวก ญวน ๑๓๔. อดู ค่าบ ลา่ ย ไม้ตะเคยี น ๑๒๔. ลาํ ใย ลําไย ๑๓๕. อูดคา่ บ ลาํ มะ มะค่าโมง ๑๒๕. วาน นา่ ม หวา้ น้ํา ลอก ผกั หวาน ๑๒๖. อูดค่าบ ไผ่ ๑๓๖. อูด ตะเคยี ว ตงั หัน ๑๒๗. อูดค่าบ คันรมุ ๑๓๗. อดู มะค่า ๑๒๘. อดู คา่ บ เช้ ไม้ซี้ ๑๓๘. ฮละ ปรจิ ๑๒๙. อดู คาบ ซกุ ๑๓๙. ฮับ ปราป ๑๓๐. อดู ค่าบ ต็อง ทั้งนี้พบชื่อพืชท่ีเป็นคําเรียกของชาวชอง แต่ยังไม่สามารถเทียบเคียงกับชื่อเรียกภาษาไทยได้ทั้งหมด จาํ เป็นตอ้ งมกี ารศกึ ษาค้นคว้าต่อไป นอกจากน้ียังมีการรวบรวมคําศัพท์ไว้ในพจนานุกรมภาษาชอง ท้ังฉบับท่ี ชุมชนได้รวบรวมไว้๑ และฉบับท่ีนักวิชาการได้รวบรวมไว้ ในพจนานุกรมภาษาชอง๒ และพจนานุกรมภาษา ชอง – ไทย – อังกฤษ๓ โดย สวุ ิไล เปรมศรีรตั น์และคณะ ๒.๔ ลกั ษณะการส่ือสาร ตัวอยา่ งประโยคพ้ืนฐานในชวี ิตประจําวันของชาวชอง ถาม ตอบ เจว ปะนิฮ เจว ดงึ วด่ั / เจว โรง่ เรี่ยน ไปไหน ไปวัด / ไปโรงเรียน                                                             ๑ คณะกรรมการภาษาชอง. (๒๕๔๑). พจนานุกรมภาษาชอง ฉบับชาวบ้าน พ.ศ. ๒๕๔๔. โครงการอนุรักษ์และฟ้ืนฟูภาษาชอง ต.ตะเคยี นทอง – คลองพลู อ.เขาคชิ ฌกฏู . จ.จันทบุรี ๒ สุวิไล เปรมศรีรัตน์และคณะ. (๒๕๕๑). พจนานุกรมภาษาชอง. ศูนย์ศึกษาและฟ้ืนฟูภาษาและวัฒนธรรมในภาวะวิกฤต สถาบนั วจิ ยั ภาษาและวัฒนธรรมเพือ่ พัฒนาชนบท มหาวทิ ยาลยั มหดิ ล. ๓ สวุ ไิ ล เปรมศรีรัตนแ์ ละคณะ. (๒๕๕๑). พจนานกุ รมภาษาชอง – ไทย – องั กฤษ. ศนู ย์ศึกษาและฟน้ื ฟูภาษาและวัฒนธรรมใน ภาวะวิกฤต สถาบนั วิจยั ภาษาและวฒั นธรรมเอเชีย มหาวทิ ยาลยั มหิดล. ๔๕   

ทอ่ กะปิฮ เล่ง ลูกคาง ซา / โชย ปางอูด ทาํ อะไร เล่นลูกข่างกัน / ปลูกดอกไม้ ฮอบ ปล็อง อฮิ โด ฮอบ เฮย / โด กนิ ข้าวหรอื ยงั กนิ แล้ว / ยังหรอก ฮอบ ปลอ็ ง มอ็ ง่ กะปิฮ ฮอบปล็อง ม็อง่ ช่ิวแลก กินข้าวกบั อะไร กนิ ขา้ วกับแกงไก่ พ่ิ อฮิ แต พิ่ / พ่ิ อิฮ อร่อยไหม อร่อย / ไม่อร่อย ตอ็ ง กยึ ปะนฮิ ตอ็ ง ชนั กึย ตฮิ คลองกะมลู่ ติฮ บ้านอยทู่ ีไ่ หน บา้ นฉนั อยู่โน่น คลองพลูโน่น ๒.๕ คณุ ค่าภาษาชอง ภาษาชอง ถือเป็นภาษาในกลุ่มชาติพันธ์ุที่อยู่ในภาวะวิกฤต ปัจจุบันมีผู้พูดภาษาชองได้ดีประมาณ ๒๐๐ คน ของจํานวนคนชองท้ังหมดประมาณ ๒,๐๐๐ คน (สุวิไล เปรมศรีรัตน์, ๒๕๔๓) ปัจจุบันชาวชอง อาศัยอยู่หนาแน่นในเขตอําเภอเขาคิชฌกูฏ จังหวัดจันทบุรี โดยเฉพาะ ๒ ตําบลทางตอนเหนือของอําเภอ คือ ตําบลตะเคียนทอง และตําบลคลองพลู ส่วนตําบลที่อยู่ทางตอนใต้ คือ ตําบลพลวง และตําบลชากไทย มี ประชากรที่พูดภาษาไดจ้ ํานวนไมม่ าก และในตําบลทับไทรของอําเภอโป่งน้ําร้อนน้ันมีประชากรที่พูดภาษาชอง เหลอื อยนู่ อ้ ยมาก ภาษาและวัฒนธรรมท้องถ่ินมีความสําคัญและคุณค่าหลายประการ ได้แก่ ๑) ภาษาท้องถ่ินเป็นเคร่ืองมือในการสื่อสารและถ่ายทอดความรู้จากรุ่นสู่รุ่น เป็นเคร่ืองมือสําคัญ ของการรู้หนังสือ การศกึ ษา และการพัฒนากลุ่มชนต่าง ๆ ๒) ภาษาท้องถิ่นเป็นแหล่งรวบรวมมรดกทางภูมิปัญญาด้านต่าง ๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งระบบ ความคิด ระบบความรู้ ความเข้าใจโลกและสิ่งแวดล้อม อันแสดงออกถึงภูมิปัญญา และอัตลักษณ์ทาง วฒั นธรรม เปน็ ปูมบันทกึ ประวัตศิ าสตร์ องคค์ วามรทู้ อ้ งถิ่นและคณุ ค่าท่สี ืบทอดจากอดีต ๓) ภาษาท้องถ่ินเป็นอัตลักษณ์ของกลุ่มชน เป็นส่ิงที่แสดงลักษณะเฉพาะหรือความเป็นตัวตนของ กลุ่มชน และเสริมสร้างความภาคภูมิใจในการเป็นสมาชิกกลุ่มชาติพันธุ์ของตนท่ีสามารถอยู่ร่วมกับสังคมใหญ่ ไดอ้ ยา่ งมศี กั ดศ์ิ รี ๔๖   

๔) ภาษาท้องถ่ินเป็นกลไกสําคัญในการเชื่อมโยงความสามัคคี และเสริมสร้างความมั่นคงของ ประเทศ ในการดาํ รงรักษาความม่นั คงของประเทศไทย กล่าวโดยสรุปคือ การดํารงอยู่ของภาษาและวัฒนธรรมของกลุ่มชาติพันธุ์ ถือเป็นการสร้างอัตลักษณ์ ของชุมชน ทําให้เกิดความเข้มแข็งและสามารถนําไปสู่ความมั่นคงของสังคมไทย ถือเป็นฐานรากที่มี ความสําคัญอย่างยิ่งต่อการพัฒนาคุณภาพชีวิตและการดํารงอยู่ร่วมกันในสังคมอย่างมีศักดิ์ศรีและมีสันติสุขที่ ยงั่ ยนื ๒.๖ การถ่ายทอดและการสบื ทอด ภาษาชอง จดั อยูใ่ นกลุม่ ภาษาท่อี ยใู่ นภาวะวิกฤต มผี ู้พดู ทสี่ ามารถใช้ภาษาชองได้อย่างดจี ํานวนไม่มาก ทั้งน้ีเนื่องจากปัจจัยหลายประการ เช่น การเปลี่ยนแปลงสภาพเศรษฐกิจ ระบบการคมนาคม ระบบการ ส่ือสารมวลชน ไดแ้ ก่ วิทยุ โทรทัศน์ และหนังสือพิมพ์ ตลอดจนระบบการศึกษา ทําให้การใช้ภาษาภายในบ้าน ตลอดจนองคค์ วามรภู้ มู ิปญั ญาท่ีเคยถา่ ยทอดมารุน่ ตอ่ รุ่นขาดหายไป จนกระทง่ั ในปี ๒๕๔๗ ชุมชนชาวชองได้มี ความพยายามในการฟ้ืนฟูภาษาและวัฒนธรรมของตนเอง โดยผ่านกระบวนการงานวิจัยเพ่ือท้องถ่ิน (ดู รายละเอียดในบทที่ ๕) ทําให้เกิดการถ่ายทอดภาษาและองค์ความรู้ภูมิปัญญาในด้านต่าง ๆ สู่กลุ่มเด็กและ เยาวชนชอง เช่น เกิดการเรียนการสอนภาษาชองในห้องเรียน ในโรงเรียนวัดคลองพลู โรงเรียนทุ่งกบิล โรงเรียนวัดน้ําขุ่น และโรงเรียนวัดตะเคียนทอง เป็นต้น เกิดการถ่ายทอดภูมิปัญญาท้องถ่ินของชาวชอง โดย ผ่านรูปแบบการจดั กจิ กรรมผ่านศนู ยก์ ารเรยี นรู้ชุมชน เชน่ การเรยี นรกู้ ารใช้ประโยชนจ์ ากป่า เปน็ ต้น นอกจากน้ีในการดําเนินโครงการ “บันทึกรวบรวม เพ่ือการสงวนรักษาภาษาและภูมิปัญญาท้องถ่ิน ของกลุ่มชาติพันธุ์ : ภาษาชอง” ยังทําให้เกิดการถ่ายทอดองค์ความรู้สู่กลุ่มเยาวชนอีกด้วย ดังเช่น การจัด กิจกรรมทําชอง โดยการถ่ายทอดองค์ความรู้จากกลุ่มแม่ครัวสู่กลุ่มเยาวชน เกิดความรู้ในการประกอบอาหาร และการใชป้ ระโยชน์จากทรัพยากรท้องถ่นิ หรือแหล่งอาหารในชุมชนอีกด้วย อย่างไรกต็ ามการฟ้ืนฟูภาษาและ วัฒนธรรมของชาวชอง ยังจําเป็นต้องดําเนินการอย่างต่อเน่ือง โดยได้รับการสนับสนุนจากหน่วยงานภาครัฐ และหนว่ ยงานอืน่ ๆ ทเ่ี กย่ี วขอ้ งในพ้ืนท่ี เชน่ สํานักงานวัฒนธรรมจังหวัด องค์การบรหิ ารส่วนตาํ บล เป็นต้น ๔๗   

บทท่ี ๓ ภาษาและองคความรทู อ งถ่ิน องคความรูทองถ่ินของกลุมชาติพันธุชอง จะสามารถศึกษาผานวรรณกรรมทองถิ่น นิทาน เพลง กลอน บันทกึ ประเพณี พิธีกรรม และอาหารพนื้ บาน ดงั ตัวอยา งตอไปนี้ ๓.๑ นิทาน ๑) ยาย มอง กะทง ยาย เจว แซ กอก กะทาย ลองปง โอจ เจว ชา ทุกอาว. กะทง พ่ิจ ฮิว เพราะ อิ อีน กะป ชา อิฮ เลย. เพาะ ดี ท่ัง ยาย กอก กะทาย ลองปง, ทอ ยังอิฮ จะ โอจ ลองปง ชา อีน. คิ่ด อีน จะ ทอ แปน พิ่จ โฮจ ฟาง ครา ยาย เจว. ยาย ทั่ง กะทง พจิ่ โฮจ ฟาง ครา ก็ ดไี จ. นก่ึ ลอก กะทง พ่จิ โฮจ จะ โอจ เจว ทึ่ม ชิ่ว ชา. ชีบ กะทง ไซ กะทาย ลองปง กอก เจว ตาม ครา. กะทง ก็ ดีไจ อีน ลองปง ยาย. ชา เฮย โอจ กะเกาะ โยน เจว ปะงาย ยาย. “มิฮ ชา ลองปง เจว ตอย อิญ” ยาย พูด. เจว วิจ ก็ เจอะ กะเกาะ ลองปง. “มิฮ ชา ลองปง เจว ตอย อิญ” ยาย พูด. กะทง แพก ดีไจ ฮัจ ออก จาก กะทาย, ยาย ทอย วาย กะทง. กะทง แพก ดีไจ โจก ทู ท่ีง พร่ี เจว ฮดี . คําแปล เรื่อง ยายกับกระตา ย ยายกําลังไปนา แบกกระบุงใสกลวยสุกไปกินท่ีนาทุกวัน กระตายนอนหลับต่ืนมาหิว เพราะไมมี อะไรกินเลย พอดีเห็นยายแบกกระบุงกลวยสุก ก็คิดวาจะทําอยางไรจึงจะเอากลวยสุกมากินได แลวก็คิดไดวา จะแกลงทาํ เปน นอนตายขวางทางทีย่ ายกาํ ลงั จะไป พอยายเห็นกระตา ยนอนตายขวางทางอยูก็ดีใจ คิดวาจะนํา กระตายไปหุงแกงกิน จึงจับกระตายใสกระบุงกลวยสุกแลวแบกไปตามทาง กระตายก็ดีใจท่ีไดกินกลวยสุกของ ยาย กินแลวก็เอาเปลือกโยนท้ิงไปขางหนายาย ยายก็พูดวา “ใครนะกินกลวยสุกไปกอนกู” พอเดินไปอีกก็เจอ เปลือกกลวยสุกอีก ยายก็พูดขึ้นอีก “ใครนะกินกลวยสุกไปกอนกู” กระตายหัวเราะดีใจกระโดดออกจาก กระบุง ยายเหน็ จึงวิ่งไลตกี ระตา ย กระตา ยหวั เราะดีใจวงิ่ หนหี ายเขา ปา ไป ๒) อดู มะฮอม กะมราชม ดกั แปน ช่มึ วัด่ อูดมะฮอม ตอก. ดัก นะ โอจ เจว จอก เพาะ อีน ปรัก ทิ่ว กะปฮ ท้ิว ลุก ชา โมยนึ่ม ๆ. กะมราชม ดัก ว่ัด อูดมะฮอม อิ คัฮ ชิ้ว ดอง ตอ ชิ้ว ดอง. วั่นโมย ระดูพรัง ดัก กราก ซะเบยี ง เจว จังนอ น ๆ ร่ยั อูดมะฮอม เจว เรื่อย ๆ. เพาะ ทั่ง อูดมะฮอม กะมราชม ดัก ก็ วาง ซะเบียง ออญ. เฮย ดกั ก็ โอจ กะตาน บอง เนม มะฮอม รั่ย. แต ก็ อิ อีน แกน อฮิ เลย. กะมราชม ดัก ก็ เลย เจว ตอ วิจ. ดัก เจว ปาก นอ ง จฮุ ฮุบ ท่งี พรี่ ลกึ เจว เรอื่ ย ๆ. กะมราชม ดัก เจว กา จ งา ย ยังอิฮ ดัก ก็ อิ คัฮ ตัวนอน. กะตูจ กะมราชม ดัก ก็ อึด เค้ิม อูดมะฮอม. เฮย ก็ ทั่ง อูดมะฮอม เนม ตักโป เยอะ แยะ เจว มัด. กะมราชม ดัก ก็ ๔๘

โอจ กะตาน บอง อูดมะฮอม ร่ัย วิจ. เฮย ดัก ก็ ทั่ง แกน มะฮอม. ว่ันท่ัน กะมราชม ดัก เลย อีน มะฮอม กราก กลบั ตอ็ ง เยอ ะ กวา ทกุ อาว. คําแปล เรื่อง ไมหอม นาชมมีอาชีพหาไมหอมขาย เขาจะนําไปขายพอมีเงินซื้อกะปซ้ือพริกไวกินเปนป ๆ นาชมหาไม หอมไมรูก่ีครั้งตอกี่คร้ัง วันหน่ึงในชวงหนาแลง นาชมหาบเสบียงไปคนเดียว หาไมหอมไปเรื่อย ๆ พอเห็นไม หอมนาชมก็วางเสบียงลง แลวเขาก็ใชขวานปูลูเจาะตนไมหอมดู แตก็ไมพบแกนไมหอมเลย นาชมก็เลยไปตอ อีก เขาไปข้ึนเขาลงหุบเขา และเขาปาลึกไปเรื่อย ๆ เขาเดินไปไกลเทาไรก็ไมทันรูตัว จมูกของนาชมก็ไดกลิ่น หอมของไมหอมเขา แลวเขาก็พบไมหอมตนใหญมากมายเต็มไปหมด นาชมก็เลยเอาขวานปูลูเจาะไมหอมดูอีก แลว กเ็ ห็นแกน ไมห อม วันนั้นนา ชมเลยไดไมห อมกลับบานมากกวาทกุ ครัง้ ๓) อูญยามอก ม่็อง เคนพะซา อญู ยามมอก ญา ย คนึ่ จดั คาว คอง อีน โตดชก อนี แลก อนี นม อนี ครา ญ อีน ปล็อง อีน กะโค ปางอูด ทบู เทยี่ น แซ็ด เฮย ก็นํ่า เจว ตอ็ ง พรฮั กยึ โตดวายแซ คาง ตอ็ งพรฮั อนี เนม มะคาม กยึ โมย เนม ตัก อีน โพรง อูญยามอก เจว โตด ก็ จัด คาวคอง ออญ ดึง ซาน จัด ชก แลก นม คราญ คนพะซา ดอด ตาม โมน อูญยามอก เจว ม็อก ตัว ดึง โคน มะคาม อูญยามอก จุด ทูบเท่ียน บ็อน ญาย อึด จาวที่ ชา ชก ชาแลก ชา นม ชา คราญ เคนพะซา รั่บ เออ เออ อูญยามอก ญาย ตอ น่ึม อนั โชย ฮาย โมย ทัง ลูม อดึ อนี โมย รอ ย ทงั เทดิ เคนพะซา เออ เออ ญา ย ตอ วิจ นึ่ม อัน ทอ แซ ลูม มา ย อดึ งวั่ กะปาว ม็อ่ ง กะช่มึ ทอ แซ มาย คัด่ ทุ เลย เออ เออ อูญยามอก เช่นิ จา วที่ จุฮ เจน ชา เทิด เคน พะ ซา พูด พู ล็อบ เจว อึด งาย ตอย อิญ เคละ ชา อีนอิฮ อูญยามอก ล็อบ เจว งาย จาว เคนพะซา ออก เจน ก็ ชา มัด อูญยามอก กลับ เจน รั่ย ทั่ง ชก แลก นม คราญ มัด ลอบ คอง กลับ ต็อง ทึง ต็อง พูด ม่็อง ค่ึน ญาย ค่นึ นึ่ม อนั ดี ลอ จาวที่ จา วทา ง ชา มัด บ็อน ยังอิฮ ญา ย ยังอฮิ ก็ รบ่ั เออ เออ จอ็ บ คําแปล เร่อื ง พอ ตา กบั ลกู เขย เริ่มทํานามีการบอกเจาที่เจาทาง มีพอตากับลูกเขย พอตาก็บอกใหเมียจัดขาวของ มีหัวหมู มีไก มีขนม มีเหลา มีขาวสุก ขาวสาร ดอกไม ธูป เทียน เสร็จแลวก็นําไปท่ีศาลเจา ศาลเจาอยูท่ีหัวทุงนา ขางศาล เจามีตนมะขามอยูตนหนึ่ง ตนใหญและมีโพรง พอตาไปถึงก็วางหัวหมูไวบนศาล จัดหมู ไก ขนม เหลา ดอกไม ธูปเทียน เสร็จก็บนบานเจาที่เจาทางในทองที่มารับเคร่ืองเซนไหว มีหมู ไก ขนม เหลา ลูกเขยยองตามหลัง พอ ตาไปซอ นตวั ทีต่ นมะขาม พอตาจดุ ธูปเทียนบอกเจา ที่ กนิ หมูกนิ ไก กินขนมกนิ เหลา ลูกเขยรับ เออ เออ ขอ ตออีก ปนี้ทํานาขออยาใหวัวควายและผูคนทํานาเจ็บปวยเลย ลูกเขยรับ เออ เออ พอตาก็เชิญเจาที่ลงมาเสวย เถิด ลูกเขยพูด มึงหลบไปกอน กูอายกินไมได พอตาหลบไปไกล ลูกเขยออกมากินก็กินหมดเกลี้ยง พอตา กลับมาเห็นหมูไก ขนมเหลาหมดเกลี้ยง ก็เก็บของกลับบาน ถึงบานพูดกับเมีย บอกวาปนี้ดีมาก เจาที่เจาทาง กนิ หมด บนพูดวาอะไรกร็ ับ เออ เออ จบ ๔๙

๔) ยักษกบั ชาวนา คอย เจน เฮย อีน ย่ัก โมย ตัว อาซัย กึย ดึง นอง กาด ม็่อง แซ กึย เจน โมย วั่น ยั่ก ก็ ทั่ง ชอง ชุก เจน ทอ แซ ยั่ก เลย ชับ ชองซุก อีน ย่ัก ก็ ฮา กา จะ ชา ชองซุก ชองซุก เลย พูด ล็่อก ยุด ละ มาย ชา ชัน เลย ยั่ก เลย ทาม ทออิฮ ละ ชองซุก เลย ญาย ล็่อก ชา ชัน จ็องนอน พาอิฮ เลย ปลอย ชัน เทอะ เดียว ชัน จะวั่ด ชอ งซกุ เพา ะ ยกั่ ปลอย ชองซกุ เฮย ชอ งซกุ ก็ คิด่ ล็่อก จะ ทอ ยงั อฮิ อิอึด ยก่ั ชา ตัวนอน เลย ญาย ยั่ก ล่็อก โอจ ยัง อันนุฮ เจน แคง ทอ เจดี ซา ทา มิฮ ทอเฮย ตอย ก็ แปน พู ชะนัฮ ทา ชัน ชะนัฮ ก็ ปลอย ชัน เลาะ ทา ชัน แพ ก็ ชา มูแฮง เทอะ ทา แก แพ ก็ ออก เจว จาก แซ ชันเลาะ ยั่ก ญาย ต็อกลง ยั่ก ค่ิด ต็่อง แปน พู ชะนัฮ แน เฮย จะอีน ชา ชองซุก ลาย น่ัก เพาะ จัก เฮน ชองซุก ก็ เจว ญาย ชองซุก ชองซุก ชวย ซา ทอ เจดี ซา ยาย พร็อฮ ตอง ทอ ย่ักซา ซวน ยัก ก็ ทอ เจดี นัจ ทออิฮ นัจ เพระ ยั่ก คิ่ด ดู ทอน ชองซุก ล่็อก พ่ัย ต่็อง ชะนัฮ แน เพาะ วั่น เวลา พาน เจว ชองซุก ก็ ทอ เจดี แซ็ด เฮย ยัก่ ทั่ง โชย เจดี คอง ชองซกุ ก็ ต็อกไจ เพา ะ ทอ นจั ทอ อิฮ นัจ พั่ย ก็ โจก ท่งี เระ พร่ี เจว ฮดี คําแปล เรอื่ งยักษก บั ขาวนา นานมาแลวมียักษอยูตัวหน่ึงอาศัยอยูท่ีภูเขาใกลกับนา อยูมาวันหนึ่งยักษเห็นชาวนามาทํานา ยกั ษเลยจบั ชาวนาได ยกั ษอา ปากจะกินชาวนา ชาวนาก็พูดวาหยุดกอน อยาเพ่ิงกินฉันเลย ยักษเลยถาม ทําไม ละ ชาวนาตอบวา กินฉันคนเดียวไมอ่ิมหรอก อยากินฉันเลย ปลอยฉันไปเถอะ เดี๋ยวฉันจะหาชาวนาหลาย ๆ คนให จะไดกินอ่ิมกวากินฉันคนเดียว ยักษเลยปลอยชาวนาไป พอยักษปลอยชาวนาแลว ชาวนาก็คิดวาจะทํา อยา งไรดีทจ่ี ะไมใ หยกั ษก นิ ตวั เองเลยบอกกับยักษวา เอาอยางนแ้ี ลว กัน มาแขงสรางเจดียกันดีกวา ถาใครสราง เสร็จกอนเปนผูชนะ ถาฉันชนะก็ปลอยฉัน ถาฉันแพก็กินพวกฉันเถิด ถาทานแพก็ออกไปจากนาฉัน ยักษตอบ ตกลง ยักษคิดวาตัวเองตองเปนผูชนะแน ๆ แลวจะไดกินชาวบานหลายคนพรอมกัน หลังจากนั้นชาวนาก็ไป บอกชาวบาน ชาวบานก็ชวยกันสรางเจดียกันใหญเพราะกลัวยักษกิน สวนยักษก็สรางเจดียบางไมสรางบาง เพราะยักษคิดดูถูกชาวบานวามันตองชนะแน ๆ พอวันเวลาผานไป ชาวบานก็สรางเจดียเสร็จ ยักษพอเห็น ปลายเจดียช าวบา นกต็ กใจ เพราะมนั ทาํ บา งไมทําบาง มนั ก็หนีเขาปา ไป ๕) คองวเิ่ ซด อีน พราม แปน โบด ลึง ซา โพน นั่ก แปน ชึ่ม อีน ฟาม ชอบ ทอ ฟามดี อึด ตัวนอน ชอบ กึย ซันโดด อิวาง ยุง ม็่อง ซังคมอิฮ ก็ แทก ซา เจว บวด แปน รือซี กึย เระพรี่ ปาฮิมมะพาน ก็ อีน ชวย ซา ทอ ชาลา กึย อาซัย นา นั่ก โมย ลัง กึย ซา แปน แทว พร็อฮ กึย ม็่อง ซา เจน คอย ลาย นึ่ม ลึง ตัก ก็ อีน โฮจ เจว ก็ อนี เกดิ แปน พระอนิ กยึ ดึง ซะวนั ชัน่ ดาววะ ดงึ จาก กาน ท่ี ตัวนอน ทอ แต ฟามดี ทุก ยาก นะ กึย แปน มะนุด ท่ัง ล่็อก ตัวนอน อีน บาระมี เจน เกิด แปน พระอิน เฮย อาซัย ล็่อก ใจ ตัวนอน อีน ฟามรัก ฟามเมตตา แปน ฮวง คิ่ดทึง โบบด เพว นก่ั โด ก็ จฮุ ซะวัน เจน วดั่ งก โบด รือซี เพว น่ัก ก็ อีน ท่ังล็่อก โบด อีน ฟามทุก ม่็อง ซา เจว โมย ยาง โมย ยาง โบด ตัก แปน ช่ึม อีน โรก ซัจ ตัว ซัน ต่็อง ว่ัด อูด ตูด เพลว ซัจ ตะลอด ทั่งงิ ท่ังแคลง ฟามร่ัก โบด มึด โบด ก็ ทาม โบด ล่็อก โบด วาง อีน กะป ลึง จะ เนระมิด อึด โบด ก็ กึย คิ่ด นึ่ก อีน ล่็อก ชัน วาง อีน คองวิ่เซด ออญ แก ซัจ แก ซัน นะ อีน ต็่อง ลําบาก เจว กลิจ เนมอูด อิฮ ๕๐

พร็อฮ เซียดาย เนม เระ พร่ี อัน เลือ เกิน โบด กะญาย เฮย ลึง พระอิน ก็ เนระม่ิด จาด ว่ิเซด อึด โบด ญาย ล่็อก ทา โบด วาง อีน กะป ก็ ลูม จาด อัน และ จาด จะอึด อีน ทุกยาง โบด รอง กะดาย ญาย ลึง ล่็อก ชัน ชอบ ซาอาด ชัน วาง อีน คอง ทอ ฟามซาอาด ลึง ก็ อึด กะโพน ออญ ตูญ ลูม อีน ทูกยาง โบด ซุกทอง ญาย ล่็อก ชัน กะคิ่ เลอื ง อนี แรง อฮิ เลย วา ง อีน คอง วเิ ซด อึด ทอ ทากทุเชาะ ออญ ชา อึด อีน แรง ลึง ก็ เนระ มิด แกะ วเ่ิ ซด อึด ออญ ลมู ทากทุ เชา ะ ชา วาง อีน กะป ก็ อดึ ลมู ม่อ็ ง แกะ ก็ จะ อีน ทูกยาง โบด ทั่ง เพว น่ัก ก็ อีน ฟาม ยินดี ดีใจ เฮย คอบบุน คอบคุน อึดลึง พระอิน นับเจน จัก เฮน โบด รือซี ทั่ง เพว นั่ก ก็ อีน แรง กําลัง จําซีน พาวะนา กึย เจน อีน ฟามซะบาย ตะลอด ลึง อีน ฟามร่ัก โบด แต โบด จะอีน ฟามร่ัก ลึง แค นิฮ คอง วิ่เซด เปรียบ ยงั พ่ิจโพะ แต ทุก น่ัก ก็ ชอบ วาง อนี จึง ฮีด เจา คา คาํ แปล เรอ่ื ง ของวเิ ศษ มีพราหมณ ๔ คน เปนพี่นองกัน เปนคนท่ีชอบทําความดี ชอบอยูสันโดษ ไมชอบเขาสังคม ก็เลย ชวนกันไปบวชเปนฤาษีอยูในปาหิมพานต ก็ชวยกันสรางศาลาอาศัยคนละหลังอยูเปนแถว พออยูกันไปหลายป พ่ีคนโตก็ตายไป ก็ไปเกิดเปนพระอินทรอยูบนสวรรคช้ันดาวดึงส เหตุเพราะที่ตัวเองทําแตความดีทุกอยาง จะ อยูเปนมนุษยก็เห็นวาตัวเองมีบารมีไปเกิดเปนพระอินทรก็อาศัยวาใจตัวเองมีความรักความเมตตาเปนหวง คิดถงึ นอ ง ๓ คน ก็ลงมาจากสวรรค เย่ียมนอ งฤาษี ๓ ตน กเ็ หน็ วานอ งมีความทกุ ขด วยกนั ไปคนละอยา ง คนโตเปน โรคหนาวสั่น ตอ งหาไมม าจุดไฟตลอดทั้งวันท้ังคืน ดวยความรักนอง สงสารนอง จึงถาม นองวา นองอยากไดอะไร พ่ีจะเนรมิตให นองก็น่ังนึกวา ฉันอยากไดของวิเศษไวแกหนาว จะไดไมตองลําบาก ไปตัดไม เพราะเสียดายตนไมในปา นองบอกเลยพี่พระอินทรก็เนรมิตมีดวิเศษใหนอง บอกวาถานองอยากได อะไรใหขอมดี นี้ แลวมีดจะใหทุกอยาง นองคนรองบอกพี่วา ฉันชอบสะอาด ฉันอยากไดของทําความสะอาด พ่ี ก็ใหกลองไวตี ขอไดทุกอยาง นองคนสุดทองบอกวา ฉันผอมไมมีแรงเลยอยากไดของวิเศษไวทํานํ้ารอนไวกินมี แรง พ่ีก็เนรมิตหมอวิเศษไวขอน้ํารอนกิน อยากไดอะไรก็นึกก็ขอกับหมอไดทุกอยาง นองท้ัง ๓ คนดีใจ เลย ขอบคุณพี่พระอินทร จากนั้นมานองฤาษีทั้ง ๓ ตนก็มีแรงจําศีลภาวนาดวยความสบายตลอด พี่มีความรักนอง แตน องจะมคี วามรกั พี่แคไ หน ของวเิ ศษเปรยี บเหมือนความฝน แตทุกคนก็ชอบอยากได ของวิเศษจึงหายไป ๖) โพนเกลอ โมย แลกอู พาย แลกแจ เพว ชี้มอูด โพน ชี้มแลกทา ก แลกอู แลกแจ ชี้มอูด ชี้มแลกทาก ปรึกซา ซา ทออิฮ ชองมะนุด ชอบ ชา มูแฮง ทั่งมัด พูด ค่ันซิ จะ ทอ ยังอิฮ อึด ดัก ชา แฮง อิฮ ชี้มแลกทาก พูด ต่็อง เจว ญาย พระอิน ชี้มอูด พูด ทูก ทูก มิฮ จะ เจว ชี้ม แลกทาก พูด วิจ อึด แลกอู เจว แลกอู พูด อิญ เจว อิเยาะ อิญ ตัว ตัก ฮึยไง ฮึย ปากอิฮ ชี้มอูด พูด วิจ ทูก ทูก อึดแลกแจ เจว เทอะ ฮึย เร็่ว แลกแจ ต็อกลง แลกแจ ก็ ฮึย เจว ทึง พระอิน พูด ม็่อง ทออิฮ พวก มะนุด ชอบ ชา แต พวก ญั่ง อึด พระอิน ชวย เจว ญาย พวก มะนุด ม็่อง เฮย เฮย ญาย อีนอิฮ อิญ ก็ ยัง ชอบ ชา แลกแจ ตอง พระอิน จึง ร่ีบ เจน เพาะ แลกแจ กลับ เจน ทึง แลกอู ก็ ทาม ดัก จะ โอจ ยังอิฮ โวย แลกแจ ญาย ดักจะ โอจ วจิ ชม้ี อดู พดู วจิ ทูก ทูก... ช้ีมแลก ทาก พูด วิจ กูวา ยกยก กูวา ยก ยก กูวา ยก ยก... โดน อฮิ แต ก็ คฮั อิฮ ลอง แง เซยี ง มูพยั่ เทว รือ มพู ่ยั คลา ลอง แง จ็อบ ๕๑

คําแปล เร่ือง ส่เี กลอ หนง่ึ ไกอ ู สอง ไกแจ สาม นกกระปดู ส่ี นกกวกั ไกอู ไกแจ นกกระปูด นกกวัก ปรึกษากัน ทําไม พวกมนุษยชอบกินพวกเรา ท้ังหมดพูด น่ันซิ จะ ทํายังไงท่ีจะใหเขาไมกินเรา นกกวักพูดวาเราตองไปฟองพระอินทร นกกระปูดพูดวา ถูก ใครจะไป นกกวักพูด อีก ใหไ กอไู ป ไกอูพดู อีกวา กไู มไป กูตัวโต ตัวหนัก บินไมขึ้น นกกระปูดพูดอีก ถูก ไกแจไปเถอะ บินเร็ว ไกแจ ตกลง ไกแจบนิ ไปถึงพระอินทรพดู กับพระอนิ ทรว า ทําไมพวกมนุษยถึงชอบกินแตพวกเรา ใหพระอินทรไปชวย บอกพวกมนุษยท ี พระอินทรบอก เฮย บอกไมไ ด ไปไป กกู ็ยังชอบกิน ไกแจกลัวพระอินทรจึงบินกลับมา พอไก แจกลับมาถึง ไกอูถามวาจะเอายังไงโวย ไกแจบอกวา เขายังจะเอาอีก (ดัก จะ โอจ วิจ) นกกระปูดพูดอีก ถูก ถูก ถกู นกกวักพูดอีกวา กวู า ยก กวู า ยก ถกู หรอื เปลากไ็ มรู ลองฟง เสียงพวกมนั ขันหรือรอ งดู จบ ๗) ศัตรูขาว พาง ว่ันท่ิด จุก ชอบ ตาม อูญ เจว แซ บอย บอย จุก ม่็อง อูญ เจว ตามครา จ็อน โทด แซ เฮย จุก ทั่ง เนมฮาย คาง แซ ทัก ลาย คม จุก ทาม อูญ ล่็อก “เนม ฮาย แปน กะป” อูญ ญาย ล็่อก คอน แซ พั่ย ตับ นัฮ เคน คอน แซ แปน ซัตรูฮาย วิจ โมย ยาง” อูญ ญาย วิจ “มัด จัก คอน แซ เฮย อีน กะป วิจ ท่ีแปน ซดั ตรู ฮาย” จกุ ทาม อญู วิจ ม็่อง วา ง คัฮ “ก็ อีน มเู พลย้ี กะทวิ ม็อ่ ง ช้ีมริจ “ เฮย อูญ จะทอ ยังอิฮ ม็่อง พ่ัย ดี” “เฮง ต็่อง เปรอ กะนํา ที่ ทอ อีน จัก คอง ทําชาด แฮง ต็อง โอจ เรด ฮาง ไล งัย โตด กะญา ละซูเดา งั้ด โตด กะดีง ชึด ชึด โอจ เจน มัก ม่็องซา เฮย โอจ ทาก ที่ มัก อีน เจน พน เระ แซ ฮาย” “ทออิญ อูญ อิฮ ท่ิว กะนํา เมื่อ เจน เปรอ” จุก ทาม อูญวิจ “กะนํา เมื่อ อีน พิด อันตราย แฮง เปรอ กะนํา ท่ี ทอ นอน เพ่ือ ความ ปลอดภัย แก ตัว แฮง ม่็อง และ ฮายม่็อง” อูญ ม็่อง จุก เจว ร่ัย ฮาย เระ แซ ร่ัย ล็่อก อีน ซัดตรู ฮาย กะป วิจ ที่ ทอ ฮาย บอ็ ง คําแปล เร่อื ง ศตั รูขา ว เชาวันอาทิตย จุกชอบตามพอ ไปนาเสมอ จกุ กบั พอเดนิ ตามทางจนถงึ นาแลว จกุ เหน็ ตนขา วริมนา ขาดหลายกอ จุกจึงถามพอวา “ตนขาวเปนอะไร” พอบอกวา “หนูนามันกัดนะลูก” “หนูนาก็เปนศัตรูขาว อยางหนึ่ง” พอบอกอีก “นอกจากหนูนาแลวยังจะมีอะไรอีกบางที่เปนศัตรูขาว” จุกถามพอดวยความอยากรู “ก็มีพวกเพลี้ย ต๊ักแตน และพวกนกกระจิบ” “แลวพอจะทํายังไงกับพวกมันดี” “เราจะตองใชยาที่ทําไดจาก ธรรมชาติ เอาตองเอารากหางไหลแดง หัวกลอย ใบสะเดาขม หัวขาแก ๆ มาหมักรวมกัน แลวเอานํ้าท่ีหมัก ไดมาพนในนาขา ว” “ทําไมพอไมซ้ือยาในเมอื งมาใช” จุกถามพออีก “ยาในเมืองมีพิษ และอันตราย เราควรใช ยาที่ทําขนึ้ เอง เพอ่ื ความปลอดภัยของตวั เราเองและตนขาวดว ย” พอ และจุกตางเดินดูขาวในนา ดูวามีศัตรูขาว อะไรอีกที่ทําขา วใหเ สยี หาย ๘) ยายคาน มอตําแย อุแว อุแว อีน เนว เกิด พลา ปะนิฮ ต่็อง อีน ยายคาน กึย ม่็อง ทั่ง เฮน ว่ัน อัน ก็ ยั่ง ซา ยาย คาน เจน โอจ เคน ออก อดึ เมส อน “อีปรกิ เอย พู ต็อม ทากทุ ออญ ลอ” “แปญ ยั่งอิฮ นัจ เคน พั่ย คั่ด อีน ๕๒

ลม เบง อิโด” “อีน เฮย แมเอย โอย โอย ฮือ ฮือ” “เมสอน ยาม คลา วาง ค่ัด” “เอาพู เอา เบง เอา ฮือ ฮือ ยายคาน ทอ เบง นอ น” “เอา เบง อึด ลอลอ เนว จะ เกิด เฮย เอา เบง วิจ เบง วิจ อุแว อุแว เนว เกิด เฮย อี ปริก โอจ ทากทุ เจน เร่็ว อปี รกิ โจก โอจ ทา กทุ อดึ ยา ยคาร ยายคาน ซ็อมทา ก ฮมู เจว พูด เจว “อีสอน เอย เคน พู แปน จํามลอง บุน คอง พู เฮย” นางสอน พ่ิจ ค่ัด ซึม มัด ทั่ง ตัว แง ยายคาน แก พูด เจว เร่ือย ๆ เพาะพั่ย ตัก ดึง พ่ัยก็พอ ชา เลี่ยง แฮง ยายคาน ฮูม ทาก เนว เฮย ก็วาง เนว ออญ ดึง วก เระ กะเปาะ เระ กะเปาะ คาง เนว อีน นังซือ อีน กะมา อีน ละปรัก ละทอง ยายคาร โอจ เทะ กะพอง ม็่อง คะเมด ลาบ ทั่ว ตัว เนว คอด กะโลน โอจ อดู เพลว เจน อปี รกิ เอย จะอึด อสี อน พ่ัย กึย เพลว จุด เพลว อึด นางสอน พั่ย กึย เฮย ยายคาน ก็โอจ วก มะฮาม เจว พุฮ ยายคาน แกทอ ยัง อัน ทอ เฮย ทอ วิจ ลาย นึ่ม เจน เฮย แก อิอีน เคน อิเยาะ แต มิฮ มิฮ ก็ เคว แก เม เม มัด ต็อง เพาะ แก แปน ยาย กะมอบ ชวย ชีวิด ทั้งเม ท้ังเคน เจน ลอ จอ็ น นบั่ อวิ ัย อิฮ คําแปล เรือ่ ง ยายคาร หมอตําแย อุแว อุแว มีเด็กเกิดใหมท่ีไหนตองมียายคารอยูดวยทั้งนั้น วันนี้ก็เหมือนกัน ยายคารมาทําคลอด ใหแมสอน “อีปริกเอย มึงตมนํ้ารอนเอาไวนะ เปนอยางไรบางลูก มันเจ็บมีลมเบงหรือยัง” “มีแลวแมเอย โอย โอย ฮือ ฮือ” แมสอนรองไหดวยความเจ็บปวด “เอา มึงเบง เอามึงเบง เอา” ฮือ ฮือ ยายคารทําเปนเบงเอง “เอาเบงแรง ๆ เด็กจะออกแลว เอา เบงอีก เบงอีก “อุแว อุแว” เด็กเกิดแลว อีกปริกเอาน้ํารอนมาเร็ว อีปริก ว่ิงเอานํ้ารอนใหยายคาร ยายคารผสมนํ้าอาบใหเด็ก อาบไปพูดไป “อีสอนเอย ลูกมึงเปนผูชาย บุญของมึง แลว ” นางสอนนอนซมระบมหมดทง้ั กาย ฟงยายคารแกพูดเรื่อย ๆ “พอมันโตขึ้นจะไดทํากินเล้ียงเรา” ยายคา รอาบน้ําใหเด็กแลวก็วางเด็กบนผาไวในกระดง ในกระดงขางเด็กมีหนังสือ ใบเข็ม ใบเงิน ใบทอง ยายคารเอา เดนิ สอพองกับขมนิ้ ทาเด็กจนท่ัว พรอมท้ังผูกสายสะดือ “เอาไมฟนมา อีปริกเอย จะใหอีสอนมันอยูไฟ” จุดไฟ ใหน างสอนอยไู ฟแลวยายคารกเ็ อาผา เปอนเลอื ดไปซกั ยายคารแกทําอยางน้ี ทาํ แลว ทําอีกมาหลายป แกไมเคย มีลูกเองหรอก แตใ คร ๆ ก็เรยี กแก แม ๆ ๆ หมดทุกบาน เพราะแกเปนหมอตําแย ชวยชีวิตทั้งแมทั้งลูกมามาก จนนับไมถว นแลว ๙) ซบั ปะเรอ ท็อมดาว ท็อมดาว กึย ต็อง อิฮแต ฮือ ฮือ เซียง จําคึน ญาย อูญ ชัน โฮจ เฮย ท็อม ชวย ช่ัน ม็่ อง ทอ ซ็อบ อูญ ชัน ม็่อง เฮย ทั่ง งาย ซา ทุก อาว ก็ แฮก เจว ตอยวิจ ท็อมดาว พูด เฮย ก็ เปก ปะตู เจน ปะกาย เออ ไย เอย อญู พู ก็ ชึด ลอ เฮย ยงั อิฮ แก ก็ ต็่อง โฮจ มา ย ยา ม นกั เลย กลับ เจว ต็อง เตรย่ี ม ทา ก ฮูม ซ็อบ เตรียม คอด กะปอฮ ม่็อง ละ พู เจว ตอ ย ละ อิญ จะ เจว พอย ท็อมดาว จัดแจง กะป ตอ กะป เฮย ก็ จุฮ จัก ต็อง เจว เพาะ ทึง ต็อง ซ็อบ ท็อมดาว ก็ จัดแจง ฮูมทาก ซ็อบ ไซ เอา ปด กุงกิง อัน เมาะ เมาะ เม็ง คอด กะปอฮ ดอย เฮย ก็ โอจ เครื่อง ซูจ เฮย ก็ แซ็ด พิ่ที่ เปก โลง ท็อมดาว โอจ ละลอง เจน ทอ กรวย ไซ ตี ซ็อบ เระ กราย อีน ทูบเทียน ปางอูด พรอม ปรัก โมย บาด ทอ กรวย ไซ ตี ช็อบ เฮย ก็ โอจ ซ็อบ ที่ง โลง ตัง ซ็อบ ท่งี โลง ตัง ซอ็ บ เฮย ก็ ตอ็ กลง ซา จะ ออญ ซอ็ บ ช้ีว แคลง ช่ึม ก็ โฮจ เจว เฮย ออญ ลอ แคลง ก็ บอ็ ง ปรัก ลอ ชัน จะ ออญ เพว แคลง อูจ เจว อิฮแต ท็อม เจา พาบทาม ต็อก แคลง พระ ที่ นิ่มน ออญ ก็ ๕๓

เจน ซวด พระ ซวดเฮย อีน กะป ก็ โอจ เจน เล่ียง กะเม ที่เจนเพาะ ทึง ว่ัน พูย ชึ่ม ก็ เจน ลอ เดว เดว ท็อม ดาว เปก โลง โอจ ทากดูง ราบ งาย ซ็อบ กลิจ กะปอฮ ดอย เฮย ก็ บ็อน จ็องนอน จ็องนอน วิจ โมย เฮย ซับ ปะเรอ ยา ง แฮง ช้วี อาว อเิ ยาะ แฮง ตอ่็ ง ทอ น ดกั พูย ยงั ซา คาํ แปล เรื่อง สปั เหรอ (ความตาย) ลุงดาว ลุงดาว อยูบา นหรือเปลา ฮอื ฮอื เสยี งผหู ญิงรองไห พอฉันตายแลว ลุงชวยฉันดวย ชวยทํา ศพพอ ฉันดวย เออ เหน็ หนา กันทุกวนั ก็มาดว นไปกอ นซะแลว ลงุ ดาวพูดแลว กเ็ ปดประตอู อกมาขางนอก เออใย เอย พอมึงก็แกมากแลว ยังไงแกก็ตองตาย อยารองไหไปเลย กลับไปบาน เตรียมอาบน้ําศพ เตรียมผูกตราสัง เถอะ มึงไปกอนเถอะ กูจะไปทีหลัง ลุงดาวจัดแจงอะไรตอมิอะไรแลวก็ลงจากบานไป พอถึงบานศพ ลุงดาวก็ จัดแจงอาบนํ้าศพ ใสเส้ือนุงกางเกงใหสวยงาม ผูกดวยตราสังแลวก็เอาเคร่ืองเซนไปเปดโลง ลุงดาวทํานํ้ามนต ประโลงเซนแลวเสร็จพิธีเปดโลง ลุงดาวเอาใบตองมาทํากรวยใสมือศพ ในกรวยมีธูปเทียน ดอกไมและเงิน ๑ บาท ทํากรวยใสมือศพแลวก็เอาศพเขาโลง ตั้งศพแลวตกลงกันวาจะเอาศพไวก่ืคืน คนก็ตายไปแลว เอาไวมาก คนื กเ็ สียเงินเยอะ ฉันจะไวสามคืน นอยไปหรือเปลาลุง เจาภาพถาม ตกกลางคืน พระท่ีนิมนตไวก็มาสวด พระ สวดแลว มีอะไรก็เอามาเลี้ยงแขกท่ีมา พอถึงวันเผา คนก็มามากจริง ลุงดาวเปดโลงเอาน้ํามะพราวลางหนาศพ ตัดดายตราสังแลว ลุงดาวก็บนคนเดียว อีกหน่ึงแลว สัปเหรออยางเรา ไมกี่วันหรอก เราก็ตองถูกเผา เหมอื นกนั ๑๐) ลกุ กะท่ิ ยายดํา ม็่อง ตาบนุ วา ง ชา ลูกกะทิ่ ยายดาํ เปรอ ตาปุน จอฮ ดงู คดู ดูง อึด ยาย ดํา พัก กะ เทด ชอก ลุก เฮย ตาบุน แทก ยายดํา เจว คีด กะพึด โอจ เจน ไซ ลุกกะทิ่ ยาย ดํา แปน ช่ึม คีด ตาบุน แปน ชึ่ม คึ่ง กะทาย ยายดํา คีด อีน โอจ ไซ เระ กะทาย ตาบุน จ็อน เพาะ ยายดํา แทก ตาบุน ทอ กะพึด คาจ ลอย ทา ก มดั ยา ยดํา เพม ม่อ็ ง ตาบนุ ทาม พู เคก โตด อิญ ทอ อิฮ พู ทอ อฮิ พู ทอ กะทา ย คาจ ทออิจ กลับ ต็อง อิญ จะ อึด พู ฮอบปล็อง มอ็่ ง ลุกกะโมย คาํ แปล เรื่องนํ้าพรกิ กะทิ ยายดาํ กับตาบญุ อยากกินนํ้าพริกกะทิ ยายดําใชตาบุญไปปอกมะพราว ขูดมะพราวเอาไว ยาย ดําเก็บพริก ตํานํ้าพริกเอาไว แลวชวนตาบุญไปชอนกุงเอามาใสน้ํากะทิ ยายดําเปนคนชอน ตาบุญเปนคนถือ กระบุง ยายดําชอนไดใสในกระบุงท่ีตาบุญถือ จนพอแลวก็ชวนกันกลับบาน ตาบุญเกิดเหยียบกอนหิน ลื่นหก ลมหัวท่ิม กุงหกลอยนํ้าหมด ยายดําเคืองตาบุญทํากุงหก ยายดําเลยเขกหัวตาบุญ ตาบุญถาม แกเขกหัวฉัน ทําไม ยายทํากต็ อบแกทาํ กงุ หกทาํ ไม กลับบานฉนั จะใหแ กกินขาวกบั เกลือ ๑๑) อญู ยา มอง ญาย อูญยามอก ญาย เคนพะซา จูด ฮาย ปอด ฮาย แช็ด เฮย ค็อน ปาก ยุง ชาง เรี่ยบ รอย เฮย ที่ อัน พู ตอ็่ ง เจว ญาย ลา จา วทีจ่ าวทาง คอื ลา ชิ่ง ช่ัง ฮาย เคนพะซา ก็ญาย อึด คึน จัด คาวคอง ก็อีน ชก อี นแลก อีน นม อีน คราญ อีน ปล็อกชีน กะโค ปางอูด ทูบ เท่ียน แซ็ด เฮย ก็นํ่า เจว ท่ี ซานจาว เคนพะซา ๕๔

เจว ทึง จัด คาวคอง ออญ ดึง ซานเจา ก็ จัด ชก แลก นม คราญ ปางอูญ ทูบเที่ยน แซ็ด ก็บ็อนบาน จาวท่ี จาวทาง ญาย ล็่อก โชย ฮาย ทอ แซ จูด ฮาย แซ็ด เร่ียบรอย เฮย เจน ญาย ลา อึด กึย ยูเย็น แปนซุก เซน จฮุ เจน ชา ชก ชาแลก ชานมซา ครา ญอึด พา ซําราน เทดิ อญู ยามอก ตาม ชูย เคน ซา เจน ดอด ทึง เจว กึย เระ พอก มะคาม ก็ พูด ล็่อก เออ เออ เคนพะซา อีนซัง ก็ ญาย เซน จุฮ เจน ชา เทิด ชัน จะล็อบ เจว ตอง จาว คะเคละ อูญยามอก พูด เออ เออ ตอยท่ี เคยพะซา จะ ล็อบ เจว เคนพะซา เจว โอจ กะนึ์ง โยน กอง ออญ ดึง โคน มะคาม โอจ เพลว จุด เฮย ล็อบ เจว อูญยามอก ทุ เพลว ยาม โอย โอย ทุ เคนพะซา โจก กลับ เจน พจิ เพลว เอย พดู ล็่อก อูญยามอก เฮาะแฮ นึก ล่็อก จาวมะคา ม จอ็ บ คําแปล เรอ่ื งพอตากบั ลูกเขย พอตาบอกลูกเขย เก่ียวขาว นวดขาวเสร็จแลว เข็นข้ึนยุงฉางเรียบรอยแลว ทีนี้มึงตองไปบอก ลาเจาท่ีเจาทางคือเซนลา เออ เออ ลูกเขยก็บอกเมียใหจัดส่ิงของ ก็มี หมู ไก ขนม มีเหลา มีขาวสุก มีขาวสาร ดอกไมธูปเทียน เสร็จแลวก็พาไปที่ศาลเจา ลูกเขยไปถึง จัดขาวของไวบนศาลเจา ก็จัดหมู ไก ขนม เหลา ดอกไมธ ปู เทียน เสรจ็ แลวก็บนเจาที่เจาทาง บอกวาปลูกขาวทํานาเกี่ยวขาวเสร็จเรียบรอยแลวมาบอกลาใหอยู เย็นเปนสุข เชิญมากินหมูกินไก กินขนมกินเหลาใหสําราญเถิด พอตาตามตูดลูกเขยมาออมเขาไปในโพรง มะขาม ก็พูดวา เออ เออ ลูกเขยไดยินก็บอกวา เชิญลงมากินเถิด ผมจะหลบไปกลัวเจาจะอาย พอตาพูดวา เออ เออ กอนท่ีลูกเขยจะหลบไป ลูกเขยจึงเอาฟางไปโยนไวที่โคนตนมะขาม เอาไฟจุดแลวหลบไป พอตารอน ไฟรอ งโอย ๆ รอน ลูกเขยว่งิ มาดับไฟแลว พูดวาพอตาดอกหรอื นกึ วา เจามะขาม จบ ๑๒) วนั อาสาฬหบูชา เอย ทึง ต็อง ทึง คะนํา เฮย ยาย อายุ กะนูย เซ นึ่ม พูด ม่็อง โจแลง วาง กะทาย ออญ ตงทั่น และ ยาย เดียว ชัน จะลอบ นอน วั่นอั่น ช่ึม ทอบุน ดึง ว่ัด ลอ เดว เดว โจแลง พูด เจว เมร็จ มรูจ เจว ก็ ว่ัน อัน่ คึน่ รายทํา ค่าํ กาง ตี เฮย นาย กร็อง มอ็่ ง ว่ัน อาซานฮะ ชึ่ม ต็องนิฮ ก็ เจว ทอบุน ซา ท่ังเฮน วั่นอาซาน ฮะ ทานซมพาน ท่ัน โต ญาย ออญ ยาย เพาะ จําอีน ล่็อก พายพ่ัน กวา น่ึม เจน เฮย พระพุดทะอ็อง เจว โปรด รือซี พรํา อ็อง อึด ม่ัด ท่ัง ทํา เระ พรี่อิซิปะตะนะ ติฮ ตั่งแต ทั่น เจน รัดตะนะ ท่ัง เพว ก็ ยังเกิด ดึง แฮง แปนชาวพุด ทอบุน ออญ เทอะ อิโฮจ อิฮโด ก็ อีน ความซุก เฮย พาง วั้น วิจ โมย อาว ก็ เปน ว่ัน ปะ วาระนา ที่ พนั ซา พระ ดัก ก็ จําวั่ด อิเจว นฮิ เจน นฮิ วิจ “ทออิฮ พระ ดัก อิเจว นิฮ เจน นิฮ เระ ระดู ทงี่ พันซา” โจแลง ทาม ยาย “ก็ ระดู พันซา มะ ลอ ทาก ลอ มูนิฮ ต็อง นิฮ ดัก ก็ โชย กะตาก ทูง ฮาย ซา มัด เฮย พระ ดัก ตอ ง ชั่น กะตาก ชั่น ฮาย บ็อง ตอง ชั่น ซัด กิจ กิจ ม็่อง เออ พางวั้นโจ จะ ทอ กะป เจว ดึง ว่ัด” “โจ จะ ทอ นม ปอก ทอ นม กะโลก เจว” “ยา ง เฮน แฮง เจน เตรยี ม คอง ทอ นม ซา เทอะ โจ แฮง จะอนี บุน ลอ ฮอ” คาํ แปล เรื่องวันอาสาฬหบชู า เอย ถึงบานชองแลว ยายอายุ ๗๐ พูดกับหลานสาว “วางกระบุงไวตรงนั้นแหละยาย เด๋ียวฉัน จะเก็บเอง วันนี้คนทําบุญท่ีวัดกันเยอะจริง ๆ “ หลานสาวพูดไปยิ้มไป “ก็วันน้ีขึ้น ๑๕ คํ่า เดือน ๘ แลวนี่นา ๕๕

ตรงกับวันอาสาฬหบูชา คนบานไหนก็ไปทําบุญกันทั้งนั้นแหละ วันอาสาฬหบูชาทานสมภารสอนยายไว ยาย พอจําไดวา สองพันปกวามาแลว พระพุทธองคเคยไปโปรดฤาษี ๕ องค ใหดวงตาเห็นธรรม ในปาอิสิปตะนะ โนน ต้ังแตนั้นมา รัตนะท้ัง ๓ ก็เกิดขึ้น เราเปนชาวพุทธ หลานเอง ทําบุญไวเถอะ ยังไมตายก็มีความสุขแลว เชา พรุง นีอ้ ีกวนั กจ็ ะเปน วนั ปวารณาเขา พรรษา พระทา นก็จะจําวดั ไมไปไหนมาไหนอกี “ทาํ ไมพระทา นไมไปไหนมาไหนในฤดูพรรษา” หลานสาวถามยาย “ก็ฤดูพรรษาฝนมาก น้ํามาก หมูบานไหนเขาก็ปลูกถั่วดํานากันหมดแลว พระทานกลัวเหยียบ ถ่วั เหยียบขา วเสียหาย กลัวสัตวเล็กสัตวนอยดวย เออ เชาพรุงน้ีหลานจะทําอะไรไปท่ีวัด” “หลานจะทําขนม หอ ทาํ ขนมดีกริมไป (ปะกรมิ ) “อยางนน้ั เรามาเตรียมของทาํ ขนมเถอะหลาน เราจะไดบ ญุ มาก ๆ” ๓.๒ เพลง ๑) เพลง ชับ กบู กะมะ ลัก่ กูบ กอง พั่ย ยาม พวก แฮง แทก ทาม จะ เท่ียว ชับ กูบ ชับ กูบ จะ โอจ เจน ญ่ํา ชับ กูบ จะ โอจ เจน ญ่าํ แฮง มาย ทอ รมุ ราม เดยี ว จะ ออ็ ด ญํ่า กบู คําแปล เพลง ชบั กูบ ฝนตกไดย นิ เสยี งอะไรบาง เวลาฝนตกเราทําอะไรบาง เพลงที่จะรองใหฟงน่ีเปนเพลงชองเกี่ยวกับ กิจกรรมจบั กบในเวลาฝนตก ๒) เพลง ลิงประกอบทาทาง ทาว พัย่ กยึ พ่ัย ทอ ทา ยัง กะ ชึม่ วา วา วา พ่ยั ทอ ทา ยัง กะ ช่มึ พ่ัย กดึ พยั่ ทาว พยั่ ก็ เจว ยัง กะ ชึ่ม วา วา วา พ่ัย ทอ ทา ยงั กะ ช่มึ พย่ั เจอะ ลอง ปง พั่ย ก็ ชา ยัง กะชมึ่ วา วา วา พั่ย ทอ ทา ยงั กะ ชึม่ พ่ยั โดน ชกึ กะชุย พ่ัย มะโฮ ยงั กะช่ึม วา วา วา พ่ยั ทอ ทา ยงั กะ ชึ่ม พ่ยั คําแปล เพลงลงิ ประกอบทา ทาง มันยืน มันนงั่ มนั ทําทา เหมอื นคน ลิง ลิง ลิง มนั ทําทา เหมือนคน มันลกุ มันยนื มันทําทา เหมอื นคน ลงิ ลงิ ลิง มันทําทา เหมือนคน มนั เจอกลว ยสกุ มนั ก็กนิ เหมอื นคน ลงิ ลิง ลิง มนั ทาํ ทาเหมอื นคน มันโดนหยิกกน มนั โมโหเหมือนคน ลงิ ลิง ลงิ มันทาํ ทา เหมอื นคน ๓) เพลง ฮอบ ปล็อง ม็อ่ ง กรบึ ฮอบ ปลอ็ ง มอ่็ ง กรบึ ฮอบ อนี ซา ชบึ ยัง ซา เพ่ือน เอย ฮอบ ปล็อง ม่อ็ ง ทา ก นํา่ ปลา ก็ พ่ิ ยงั ซา นะ เพื่อน เอย เจว ดงึ เจว ตา ก็ แว็ฮ คยุ ซา ละซิ เพ่ือน เอย ๕๖

เจว นฮิ กะชุ กะชา ก็ แวฮ็ ชา ทาก ละซิ เพอื่ น เอย ๔) เพลงแก ชาย – หญิง ชาย “จฮุ ฮบุ ปาก นอง มฮิ จะ ครอ ง พูไ ฮ นาง เอย ๆ” หญิง “จุฮ ฮุบ ปาก นอ ง อึด ลึง ครอ ง ชนั ม่อ็ ง ลึง เอย ๆ” หญงิ “เอย โมย กะชอบ พา ย กะชอบ ออิ ีน ลอบ อเิ ยาะ ลงึ เอย ๆ ๆ” ชาย“เอย โมย รอ ย โมย ชั่ง อทิ อย ลงั อิเยาะ โบด เอย ๆ ๆ” ๕) เพลง ปากนอง เจว ทอ กะปฮ ซา-ไอ โบด ลึง เจว ปะนฮิ คะงิ คะงิ ฮึฮ จะ เจว ปาก นอ ง เจน ซา ก็ ดี จะ แทก เจว เทีย่ ว พร่ี จะ เจว เจอะ วา ชา ซี ละ มนั ปาก นอ ง ก็ เจว ตาม ครา จะ เจว โอจ พรงี ซา ดี กวา ซีละมัน พั่ย ก็ ปง ปง จะ เจว กดั กะตอ โอจ เจว ดอง พกั พรีง อดึ ลอ ลอ จะ เจว ลอบ ญอง โอจ เจว ตอ็ ง ชนั กราก กะตอ จุฮ นอ ง อัน และ ช่ึม ชอง แฮง ชอบ ซา เจน ชว ย เจน ชว ย ชัน ม่็อง ๖) เพลง ชม วาย ทอง เฮเ ฮ. .... ฮา ฮา.... ปร้อื เฮเฮ.... ฮาฮา มูแฮง ชวย ซา ฮะ เม่ือ เวลา จําเปน ฮูย คลุย ฮะ ตึก ปาว ทุย เจว เจน ยายพ่ัด ตวั แทน แฮง เจว เจน ตาม พลอื แซ นุก ทั่ง อาว ทื่ด กอง โลง ปาว ปาว ซาตู เจน พา ทั่น กูบ พั่ย คลา อูบ อูบ พ่ัย ตัก ฮัน วา เซียง กอ ง พ่ยั คลา เวลา มะ พรํา ชมี้ กระรอก เวด ชา แนกนอก ก็ พร็อฮ รอก กอก โคง ท่ัน ทาม ูมปูจ เคลาะ ชูย โดง ทาม ูจ ตวั โกง พ่ัย วา ง ชา เคลาะโร เคียว เลือง เรือง รอง วายแซ ซีทอง มอง ปานิฮ ระยอ ท่ัน พัด ยาม เอะ มิฮ กําลัง คุดทอ ช่ึม คอ็ ฮ กะลอ แง แปน แพลง ตะลุง นุกนาน เดวเดว จูด ฮาย ตอน เปว แฮง ก็ ยุด ชา คราญ จูด ฮาย เฮย แฮง ก็ แพก ูกญาญ แฮง ยดุ ชา ครา ญ เฮย แฮง ก็ เจว โตม พอน เฮเฮ... ฮาฮา.... พวกแฮง ชวย ซา ฮะ เมื่อ เวลา จําแปน ฮูย คลุย ฮะ ตึก ปาวทุย เจว เจน ยาย พ่ัด ตวั เอน แฮง เจว เจน ตาม พลือ แซ ๕๗

๗) เพลง ฮอบ ปล็อง ม่อ็ ง กรบึ เจอะ กะยาง พ่ัยตบึ กึด ดึง พาง พาง ชอ พัย่ ก็ เกว พย่ั ก็ เจว แซว ทงึ คลึบ ชัน กลับ เจว ตอ็ ง กลบั เจว ตอ็ ง ฮอบปลอ็ ง มอ็่ ง กรึบ ฮอบ อีน ก็ จะชึบ ฮอบ ปลอ็ ง ม่อ็ ง กรึบ พยั่ ก็ พิ่ ยงั ซา ๘) เพลง ซกุ แฮง อีน กาน ซกุ แฮง อนี กาน ต่็อง ทอ นม จุก ท่ึม ช่ิว ชอก ลุก เฮย ทอ นม ตอ็ ม นมเที่ยน โบด ลึง เคน โจ ตาง เจน แวฮ เวย่ี น แวฮ ชา นมเท่ยี น นม ต็อง นม จกุ นมปาย นม ปอ ก คะนอ็ ก ตัก ตกั แฮง อนี ความรั่ก แฮง แบ ซาซา รวมแรง รว มไจ แฮงโบด ลงึ ซา ชว ย ซา ทอ ชา ชวย ซา ทอ กาน คําแปล เพลงบา นเรามีงาน บานเรามงี านตองทาํ ขนมจนี ตํานํ้าพริกกบั แกงแลวทําขนมเทยี น พนี่ อ งลกู หลานตา งมาแวะเวียน แวะกนิ ขนมเทยี นขา วตม ขนมจีน ขนมปายขนมปอกทห่ี อ โต ๆ เพราะมีความรกั เราแบงกันกิน รว มแรงรว มใจพีน่ อ งทว่ั ถ่ิน ชวยกนั ทํากินชว ยกนั ทาํ งาน ๓.๓ กลอน ๑) กลอน มด่ั ต่กั มด่ั อเิ ท ตกั โป โทเ มเอย เคนช้ีมกกู อดึ อัด รั่ยมั่ดเม โทเ คนเอย ม่ดั ตกั โป อิคัฮต็อน เมญ า ยเคน มดั่ อญิ พยู ังซาเลย คาํ แปล ตาไมเท ใหญโต โอแ มเ อย ลูกนกเคาแมว อึดอัด มองตาแม โธล กู เอย ตาใหญโต ไมรูตน แมบอกลูก ตากมู งึ เหมอื นกันเลย ๕๘

๒) กลอน โชบชอ งมั่ด จะกยึ กดึ ทง่ั เจว เพล่นิ นักนา โชบชองมดั่ กึยซาเจน รยั่ ฟามซกุ เรนอนี คุน มอ่็ งมด่ั เดวจรงิ ๆ เจนว่นั โมย โชบทะลึ่ง เอยปนยา มดั่ จึงอนี ชม นา ง และซบั ซงิ โชบชว ยน่ํา มั่ดเจว ท่ีตาง ๆ เรน โชบอัน แปนคอง ควนบชู า เพราะชะนัน ดวงมั่ด จงปะวิง จงึ เรน ญาย ออกเจว โดยคัด่ มด่ั อีนแง โชบคุยโม กม็ ่ันไซ ร่ยั คลา เซดแกวคะละ พัย่ ชอบโชก เรน ทโี่ ชบ เจวเฮนิ อีน ก็พร็อกม่ัด โชบไมค วน จะเรน คดิ ดมู นิ พร็อฮอนั และ มัด่ จึง ซําคันกวา ท่ัวทานิน โชบเจวอีน กพ็ รอ็ ฮมดั่ ซะรุบเรน มัด่ อนี คา ยิ่งกวาโชบ เรง ฮัจ ออกเจว กา ดนาพา โชบอนี แง อดึ คง่ั แคน แซนจะเพม ดวงชีวา ดบั เจว ดัฮอฮิ เลย พร็อฮอวดดี คยุ แบง็ แก็งกวามดั่ กเ็ พม แกลงระงบั พ่ิจม่ดั เชย ม่ดั ท่ังโชบ ทอ แกง็ เรงจะฮจั ลกั่ พาเลย มอระนา ทัง่ มดั่ โชบ โชบนามดั ทะลาเงจ็ ท่งั โงนเงย คําแปล กลอน ตีนกับตา จะนง่ั ลุก ยืนเดิน เพลินหนักหนา ตีนกบั ตา อยูก นั มา อยางผาสุก วา มคี ุณ แกต า เสียจริง ๆ มาวนั หน่งึ ตนี ทะล่ึง เอย ปรชั ญา ตาจึงได ชมทาง และสรรพสง่ิ ตนี ชว ยตา พาไป ท่ีตา ง ๆ วา ตนี น้ี เปน ส่ิง ควรบูชา เพราะฉะนั้น ดวงตา จงประวงิ จงึ รอ งบอก ออกไป ดวยโทษา ตาไดฟง ตนี คยุ โม กห็ มัน่ ไส ดมู รรคา เศษแกวหนาม ไมต าํ ตนี วา ท่ีตีน เดนิ เหินได ก็เพราะตา ตนี ไมค วร จะมา คิดดหู ม่นิ เพราะฉะนนั้ ตาจึง สาํ คัญกวา ทว่ั ธานินทร ตีนไปได กเ็ พราะตา สรปุ วา ตามคี า สงู กวาตนี เรงกระโดด ออกไป ใกลหนา ผา ตีนไดฟ ง ค่ังแคน แสนจะโกรธ ดวงชวี า จะดบั ไป ไมรเู ลย เพราะอวดดี ทําเบง เกงกวา ตา กพ็ โิ รธ แกลง ระงับ หลับตาเฉย ตาเห็นตนี ทําเกง เรง กระโดด ตกผาเลย มรณา ทัง้ ตาตีน ตีนพาตา ถลาลม ทงั้ กมเงย อญิ จะเอย น่ทิ าน บูรานญาย ๓) กลอนนทิ าน ท่ังดําญาย อีดซดั นัดประชุม ต้งั คอ ยค่ิ เกนิ กาน คอยเจน เฮย ทอชดั เจน ย่ังอฮิ งิชึบพาง ราดชะซี จอมพรี่ แหงพงไพร โคย ญายมอ่็ ง พา งงชิ บึ อดึ เพาะซา ทงั กจิ ตกั เจนทน่ี ัด ซัดทั้งเฮน โคยญา ยควาง พา งงชิ ึบ งชิ ิบพาง กะนายญาย งิชายกาง ชบึ เพว กาง กะนายญา ง งิชายกาง ชึบเพว กาง ๕๙

กะนายคอ ย งชิ า ยกาง ชึบเพวกาง โคย กายพาง พางงิชบึ ชึบงิเอย คาํ แปล นานนม เกินกาล ผานมาแลว ฉันจะเอย นิทาน โบราณบอก ราชสหี  จอมปา แหง พงไพร ทง้ั บอกกลาว ใหส ตั ว นดั ประชมุ ทงั้ เล็กใหญ ทีม่ านดั สัตวท ัง้ นั้น ทาํ ชัดเจน อยางไร กลางวันกลางคนื เชา ชา งบอกกลางวนั ๙ เดอื น กลางคืน ๓ เดือน กิง้ กา บอกบาง เชากลางวันกลางคนื เทากนั ชางบอกกลางวนั ๙ เดือน กลางคืน ๓ เดอื น กิง้ กาขวาง เชา กลางคนื กลางวัน กลางวันกลางคนื เชา ชางชา กลางวนั ๙ เดอื น กลางคืน ๓ เดือน ก้งิ กาขวาง เชากลางวันกลางคนื กลางคนื กลางวนั เอย ๓.๔ บนั ทึกประเพณี พิธีกรรม ๑) พิที ปาก ต็อง พลา พทิ ี ปาก ตอ็ ง พลา อีน ช่ึมชดึ กยึ ดงึ ตอ็ ง โมย นั่ก อีน มอ ทอ ทา กมน ปาก ต็อง พลา โอจ ดิว โอจ มอน ปอ แมว โมย ตวั มอ นํา่ เวยี่ น ตอ็ ง อีน มอ ทอ ทา กมน ปาก ต็อง เพส รอบ เจน ทึง งาย กะซอง ก็ เคว ตา กึย ดึง ต็อง ตา ชัน ลูม กึย ม่็อง ชัน อีน ต็อง อิฮ เลย เจน ลูม ตา กึย ม่็อง ตา ก็ พูด เจน เทอะ เจน กยึ ม็อ่ ง ตา มอ ก็ พา ปาก เจว ดึง ต็อง พลา ตา ก็ พูด อึดพอน กึย ต็อง พลา อึด รํ่ารวยตลอดไป มอ ก็ โอจ ทากมน เท่ียว ประ อึด ท่ัว ต็อง พลา คําแปล พธิ ขี ้ึนบา นใหม พิธีข้ึนบานใหม ตองมีคนแกอยูบนบานหนึ่งคน มีหมอทํานํ้ามนตขึ้นบานใหม เจาของบานอา หมอน เอาเสื่อ อุมแมวตัวหน่ึง หมอนําเวียนรอบบานสามรอบ มาถึงหนาบันได ก็เรียกตาที่อยูบนบาน “ตาฉัน ขอไปอยดู ว ย ฉันไมม บี านเลย มาขอตาอยูดวย” ตาก็พูด “มาเถอะ มาอยูกับตา” หมอก็พาขึ้นบนบาน ตาก็พูด ใหพร “อยบู า นใหมใ หร ่าํ รวยตลอดไป” หมอก็เอานา้ํ มนตเท่ยี วประใหทว่ั บาน ๒) เรือ่ ง โกยจกุ ระวาง กาง โพน อีน กาน มงคน กาน โกยจุก เนว ตอย ตอย เนม เกิด พลา พลา ทา ยาม แก็ง แก็ง ต่อ็ ง ออญ จุก เนว จะ ฮีด ยา ม ทึง ราย โมย กาง ทงึ จะ โกย อนี เว ลา โกย ต่็อง เจว มน พระ เจน ซวด มน ญาย ชม่ึ เจน ทอ บุน ชว ย ซา ทอ นมจกุ นม เทยี น นม ต็อม ทอ บายซี ตอน เพว ต็่อง ซาน เซพา อีน พระ ซวด ตอน เปว เพา ะ ตอน พาง พระ ก็ เจน ทอ พทิ ี โกยจุก เฮย ก็ คอด ตี เนว ๖๐

คาํ แปล เร่อื งโกนจุก ระหวางเดือนสี่มีงานมงคลคืองานโกนจุก เด็กแตกอนแรกเกิด เด็กบางคนก็งอแง แมมักจะไวจุก แลวก็หายงอแง แมก็ตองไวจุกไวไดประมาณ ๑๑ ขวบ ถึงจะโกน ไดเวลาโกนตองจัดงาน ตอนจัดงานตอง นิมนตพระมาเจริญพระพุทธมนต พระเจริญพระพุทธมนตก็ตองมีบายศรี ชวยกันทําขนมจีน ขนมเทียน ขนม ตม บอกพ่นี องไปชวยงานโกนจุกของชอง ตอนเชา พระทําพิธีโกนจกุ โดยพระจะเปนผูตัดผมกอน จากนั้นก็จะมี นายฤกษโ กนผมจกุ แลว ก็ผกู ขอ มือ ๓) เรอื่ ง ทอ บุน ซาด ตอย จะทอ บุน ซาด โอจ ฮายมีบ เจน คั่ว แปน บูน เฮย โอจ ฮายมีบ เจน คั่ว ทอ แปน บูน เฮย โพย จักทั่น ก็ โอจ เจน กูย แปน กะยาซาด เคร่ืองปรุง กะยาซาด อีน ดูงนม ออยนมตาน นมตานปบ แปะแซ กะเพา ลอง กะโง กะทุฮ ตุงเทด ตุงโอยเค้ิม จักเฮน ก็ โอจ เจว เช่ือม ม็่อง นมตานตอย เฮย จักเฮน ก็โอจ กะ ดูง เจว ค่ัน ทากกะท่ิ โอจ เจว เคี่ยว เพาะดี เฮย ก็ โอจ กะทุฮ โอจ บูน โอจ กะโง โอจ กะตาก นมออย น มตาน แปะแซ โอจ เจว กูย ม่็องซา เพาะ ช้ีน เฮย ก็ ว็อก ไซ ชาม เพาะ ตอน พาง ๆ รายทํ่า ค่ํา วั่น ทอบุน ซาด เจว ทอ บุนซาด ดึง ว่ัด ดัก ก็ เจว ว่ัด โอจ ช่ิว โอจ ปล็อง โอจ นม กะยาซาด เจว วั่ด ทอ บุน เฮน จัก เฮย มั่ดงิ บาย ว่ัน โมย ซา เมต็อง ดัก ก็ โอจ ติวลิว เจวปก ดึง มุม แซ เฮยโอจ เครื่อง ซูจ เม โพซบ เพาะ ลา แมโพซบ ก่ําลั่ง ปุง ดัก เลย โอจ ลอง โอจ เชาะ โอจ เนมออย กะยาซาด ปอก คอด ติด ม็่อง ติวลิว ดึง มุม แซ เฮย โพย จัก เฮน ดัก ก็ เซน เมโพซบ ดัก ก็ ออก เจน ร่ับ เคร่ือง ซูจ นะตอย ดัก อึด จํามลอง โอจ เครื่อง ซูจ เมโพซบ เพาะ ซูจ เมโพซบ ดัก ก็ ออก เจน ชา นม จํามลอง ทั่ง เมโพซบ ดัก เมาะ เลย ทอย ปลํา ดัก เฮน จกั เฮน ดกั อึด จําคีน ซจู เมโ พซบ ตะลอด เจน เฮย คําแปล เรอ่ื งทาํ บญุ สารท กอนจะทําบุญสารท เอาขาวเหนียวมาคั่วเปนขาวตอก แลวเอาขาวเหนียวมาตําเปนขาวเมา แลว หลังจากน้ันเอามากวนเปนกระยาสารท เครื่องปรุงกระยาสารทมีมะพราว น้ําออย น้ําตาลทราย นํ้าตาลปบ แปะแซ ฟกทอง กลวย เผือกหอม มันเทศ งา ถั่วลิสง เอามาพราวมาค่ัวกะทิใหเปนมัน เอาขาวตอก ขาวเมา ถั่วลิสง งา นํ้าออย น้ําตาล แบะแซ แลวกวนดวยกัน พอสุกดีใสภาชนะ พอตอนเชาแรมสิบหาค่ํา วันทําบุญ สารท เขาก็ไปวัดกัน เอากับขาว ขนม กระยาสารท ไปวัดทําบุญกัน หลังจากนั้น ตอนบายวันเดียวกันนั้น แมบานเขาทําติวลิวไปปกท่ีหัวมุมนาพรอมดวยเคร่ืองเซนแมโพสพ เพราะวาแมโพสพกําลังทอง เคร่ืองเซนแม โพสพมี กลวย ออย สม กระยาสารท มัดติดกันกับติวลิวที่มุมหัวคันหา แลวเขาก็อัญเชิญแมโพสพมารับ เคร่ืองเซน พอเซนเสร็จแมโพสพก็ออกมารับเครื่องเซน เมื่อกอนเขาใหผูชายคนนั้น เห็นแมโพสพสวยเกิดชอบ ข้ึนมาเลยไลปลํ้า แมโพสพเลยหนีไปที่หัวคันนา ตั้งแตน้ันมาเขาเลยใหผูหญิงเปนคนนําของเซนแมโพสพตลอด มา ๖๑

๔) เรอื่ ง ทอบุน กรุจ ซงกราน ระดู กรุจ ระดู ซงกราน ชอง ครองกะมลู แทก ซาเจว ทอบุญ ดึง ว่ัด ครองกะมลู เจว ตักบาด ทะวายทาน เฮย ก็ กลบั ตอ็ ง ฮอบปลอ็ ง ก็ แทก วา เจว ฮูม ทาก พระ ฮูม ทาก ชองชึด ตาม ประเพนี คอง ช อง เฮย จาก เฮน ก็ เลง ซะบา เลงคาง พะนัน ซา คาง มิฮ แพ ก็ เซีย ปรั่ก ท่ิว คราญ อึด ซา ซา คะนุกเฮฮา ตาม ประเพนี ชอง เพาะ ชึบ ก็ เลง ซอง ลําวง ซาวิจ จ็อน กะท่ัง ดึก ก็กลับ ต็อง พ่ิจ เพาะ ทึง ตอน พาง ก็ เจว เลง ซาวิจ จ็อน เพว แลง คําแปล ทําบุญตรษุ สงกรานต ฤดูตรุษสงกรานต ชาวคลองพลูก็ชวนกันไปทําบุญวัดคลองพลู ไปตักบาตร ถวายทานแลวก็กลับ บานกินขาว แลวชวนกันไปอาบนํ้าพระ และรดนํ้าคนเฒาคนแกตามประเพณีของชอง แลวจากนั้นก็มีการเลน สะบา เลนตลี ูกขางแขงกัน ใครแพก็ตองเสียเงิน ซื้อเหลาเลี้ยงกันจนสนุกสนานเฮฮา ตามประเพณีของชอง พอ ตกตอนค่ําก็มีการเลน ราํ วงอะไรตอมิอะไร พอหมดเวลาก็กลับบา น รงุ เชา กม็ าเลน ตอจนครบสามวนั ๓.๕ อาหารพ้นื บานชอง ๑) กานทอ ลกุ กะทิ่ ซวนพะซอ็ ม โมย ดูงคูด เพว กิโล พา ย เทดซอ็ ด เพวคีด เพว ทม่ี , ฮัวฮอม โมยกําตี โพน กะปฮ เพวคดี พราํ ละมะกรดู เพาะประมาน กะตอง ชก ซบั คร่ึงกิโล วิทีทอ ๑. คน่ั กะทิ่ ไซกะทาฮ ตังเพลง อึดแปน ปริง่ ๒. โอจ เทด , ฮวั ฮอม, ทม่ิ , กะปฮ ไซโคลอก โคลก พรอ มซาวจ็อดลีด ๓. เพาะทากกะทิ่แปนปรั้งก็โอจเทดไซกะทาฮ ม็่องชกซับ เคียวอึดพัฮเพาะประมาน ปรุงร ดตามใจชอบ โรยละมะกรดู เพอื่ อดึ กลินเค้ิม คําแปล การทาํ น้าํ พรกิ กะทิ สวนผสม ๑. มะพราวขดู ๓ กิโล ๒. พรกิ สด ๓ ขดี ๓. กระเทยี ม หอม (อยา งละ) ๑ กํามอื ๔. กะป ๓ ขดี ๖๒

๕. ใบมะกรดู พอประมาณ ๖. หมสู บั ครง่ึ กิโล วธิ ที าํ ๑. คั้นกะทใิ สกระทะ ตั้งไฟ ใหขน้ึ ตานา้ํ มัน ๒. นําพริก หอม กระเทียม กะปใ สครก ตาํ พรอ มกันใหล ะเอียด ๓. พอน้ํากะทิข้ึนมนั ก็นํานา้ํ พริกใสล งไปในกระทะ แลว ใสหมูสบั และเค่ยี วใหแหง พอประมาณ ปรุงรสตามตอ งการ โรยใบมะกรูดเพ่ือทําใหไดก ล่นิ หอม ๒) ชว่ิ ควั เมวกะวาญ ซวนพะซ็อม โมย ลกุ ชวิ่ ครง่ึ กโิ ล พา ย เมวซบั เพว กิโล เพว หนอกะวาญฮัน รา ยนอ โพน ละชะพลูฮัน เพว เซละ พราํ ละเพราย่ีรา ซอย โมยกาํ ตี กะตองพกั ชีฟะรังซอยเพาะประมาน วทิ ที อ โอจลกุ ชิว่ ไซกะทาฮคัวอึดชี้น ไซทา กเจวม่อ็ งอูจมาย โอจชูจ เมวไซกะทาฮ ควั อดึ ชเู มวชี้น ไซกะ วาญ, ชะพลู ละเพรา ยี่รา พกั ชี วอ็ กพล็อกอึดคัฮรด เตมิ รดตามใจชอบ ซบั พะคนุ ช่วิ คัวกะวาญ ชว ยคับลม บํารงุ รางกาย ชว ยอึด มะ ฮาม ลม ซะดวก คําแปล แกงค่วั ปลากระวาน สวนผสม ๑. น้ําพรกิ แดง คร่งึ กโิ ล ๒. ปลาสับ ๓ กิโล ๓. หนอ กะวานห่ัน ๑๐ หนอ ๔. ใบชะพลูห่นั ๓๐ ใบ ๕. ใบยี่หรา ซอย ๑ กาํ มอื ๖. ผกั ชีฝร่งั ซอย พอประมาณ วิธที าํ นําน้ําพรกิ แกงใสกระทะควั่ ใหส ุก โดยใสนา้ํ ลงไปดว ยเลก็ นอย ใสเ นอ้ื ปลาลงไปใหเนอื้ ปลาสกุ ใส กระวาน ชะพลู ยี่หรา ผักชี ชิมรสและปรุงรสตามตอ งการ สรรพคุณ แกงค่ัวกะวาน ชว ยขบั ลม บาํ รงุ รา งกาย ชวยใหเลือดลมเดินสะดวก ๖๓

๓) นมตงุ คอ น ซวนพะซอ็ ม โมย ซึกมบี โมย กโิ ล พาย ซกึ โพย ครึ่งกิโล เพว ลุกโมย พายชอน โพน ทาก เพวทว ย พรําดูงฮา วคดู เพาะประมาน วทิ ีทอ โอจซกึ โพยซกึ มีบ เจน พะ ซอ็ มซาโอจ ทา กท่ีพะ ซอ็ มลุกโมย คลกุ จุฮเจวนวดอึดเคาซาดี ก็ปนแปน รูบญา มตี ไซเจวละแก็ฮทา กพฮุ เพา ะนม ลอย ก็วอ็ กโอจเจว กราํ ทากชกั่ ว็อกไซชามคลุก ม่อ็ งดูงท่ีพะ ซ็อมลุกโมย คลุกอดึ ดี ชาอีนเลย คําแปล ขนมเล็บมืองนาง สว นผสม ๑. แปงขาวเหนียว ๑ กโิ ล ๒. แปงขา วจา ว คร่ึงกโิ ล ๓. เกลือ ๒ ชอนโตะ ๔. น้ํา ๓ ถวย ๕. มะพรา วขดู พอประมาณ วธิ ีทาํ นําแปงขาวจาว และแปงขาวเหนียวมาผสมกัน นําน้ําที่ผสมเกลือเทลงไป แลวนวดพอเขากันดี ปนเปน รปู นิว้ มอื ใสล งไปในหมอ น้าํ เดอื ด พอขนมลอยกต็ กั ขน้ึ และแชใ นนาํ้ เยน็ ตักใสภ าชนะ คลุกดวยมะพราว ทีผ่ สมเกลอื คลกุ เคลาใหเ ขา กันดี รบั ประทานไดเ ลย ๔) ชว่ิ ชก เชา ะยา ก ซวนพะซอ็ ม โมย เทด พายคดี พา ย ทีม่ พรําโตด เพว ฮวั ฮอม พรําโตด โพน กะมจู เพวเนม พราํ กะปฮ พายชอ น กะตอง ลกุ กะโมย พายชอ นชิว่ นูย เชาะยาก พายรงึ ๖๔

กะตี ชก พายกโิ ล วทิ ที อ โอจทา วไซกะทาฮ เพา ะทา กพฮุ โอจลุกช่วิ ไซกะทาฮ เพา ะลุกชิ่วเคมิ้ ไซชก เพาะชน้ี ไซเชาะยาก เพาะชน้ี เตมิ ทากอุยมา ย วิทที อลกุ ช่วิ ไซกะมูจ ทมี่ ฮวั ฮอม เทด ชอกอึด ลี่ดเฮย ไซกะปฮชอกอดึ ลี่ด คําแปล แกงหมูชะมวง สวนผสม ๑. พรกิ ๒ ขีด ๒. กระเทยี ม ๕ หัว ๓. หวั หอม ๕ หวั ๔. ตะไคร ๓ ตน ๕. กะป ๒ ชอ น ๖. เกลือ ๒ ชอนแกง ๗. ใบชะมวง ๑ ถว ย ๘. หมู ๒ กิโล วิธที าํ เอาน้าํ ใสก ระทะ พอนํา้ เดือดเอานาํ้ พรกิ แกงใสก ระทะ พอน้ําพริกแกงหอม ใหใ สหมพู อสกุ แลว ใสใบชะมวง เติมน้ําเล็กนอย วธิ ีทาํ พรกิ แกง ใสต ะไคร กระเทยี ม พรกิ หัวหอม ตําใหเ ขากนั แลว ใสก ะป ตาํ ใหละเอียด ๕) ชิ่วฮงุ เพว โมย ซวนพะ ซ็อม พา ยโล โมย ฮงุ เพว เนม พาย แลก พายโตด เพว กะมจู โมยโมย โพน กะดงิ่ พรําโตด พราํ มะ กรูด พราํ โตด กะตอง ฮัวฮอม โมยกํา นูย ทีม่ เพวคดี กะตี ปางกะเพรา กะชาย เทดญัด่ ๖๕

รา ย กะปฮ พายคดี รายโมย ลกุ กะโมย พา ยชอน วทิ ที อ โอจทา กไซกะทาฮ ไซลุกชว่ิ พดั อึดเคม้ิ กไ็ ซแลก พดั อดึ ชี้น ไซฮุง เตมิ ทาก พัดจ็อนพุฮ เมือดละเพ รามอ่็ งละยี่ราเฮย ยกออก วิทีทอลุกช่วิ โอจกะมูจดีงมะกรูด ฮัวฮอม ท่ีม ปางกะเพรา เทดซ็อด ไซรวมซา ชอกอึดลี่ด เฮยไซกะปฮ ชอก อดึ ลีด่ วิจโมยแลง คําแปล แกงมะละกอ สว นผสม ๑. มะละกอ ๓ ลกู ๒. ไก ๒ กโิ ล ๓. ตะไคร ๓ ตน ๔. หวั ขา ๒ หัว ๕. มะกรดู ๑ ลูก ๖. หวั หอม ๕ หวั ๗. กระเทยี ม ๕ หวั ๘. ดอกกระเพรา ๑ กํามอื ๙. พรกิ สด ๓ ขดี ๑๐. กะป ๒ ขดี ๑๑. เกลือ ๒ ชอ น วธิ ที าํ เอานาํ้ ใสกระทะ เอาพริกแกงใส ผัดใหมีกลนิ่ หอม ใสไกผดั ใหสุกและใสม ะละกอ เติมนาํ้ ผดั จน นํา้ เดอื ด ใสใ บกระเพรา และใบยีห่ รา แลว ยกขึ้น วธิ ีทาํ พริกแกง เอาตะไคร หัวขา มะกรูด หัวหอม กระเทียม ดอกกระเพรา พริกสด เกลือ ใสรวมกันแลวตําให ละเอยี ด ใสก ะป ตาํ ใหล ะเอยี ดอกี คร้ัง ๖) นม ปอก โมย โลคร่งึ ซวนพะซ็อม พายชอน โมย ซึกโคมีบ โมยโล พา ย ลกุ โมย เพว ดงู คดู ๖๖

วิทีทอ ลายลุกโมย โอจทากลุกโมย เจนญํ่าม็องซึก ปนซึกอึดกล็อม บีบอัดแบน ไซไซดูงที่ เคลาม็องลุก โมย ฮะบบี อดึ กล็อม โอจไซละลอง ปอกเฮย กลัดมอ็่ งอดู ทางดงู โอจ เจวนึงอึดชีน้ คําแปล ขนมปอ ก สว นผสม ๑. แปงขา วเหนียว ๑ กิโลครง่ึ ๒. เกลอื ๒ ชอน ๓. มะพรา วขูด ๑ กโิ ล วิธที าํ เอาเกลือใสนํ้า แลวเอานํ้าเกลือมานวดแปงใหเขากัน แลวเอาแปงมาปนใหกลม แลวบีบใหแบน ใสมะพราวขูดตรงกลางท่ีคลุกดวยเกลือ ปนใหเปนกอนกลม หอดวยใบตอง แลวกลัดดวยกานมะพราว นําไป นง่ึ จนสุก ๗) เลียงพูด งัด่ ไซเชา ะยาก ซวนพะซอ็ ม โมย เชาะยา ก โมยกํา พา ย พูดงั่ด พราํ เนม เพว ฮัวฮอม เพวโตด โพน กะปฮ คร่งึ ชอ น พราํ ลกุ โมย ครงึ่ ชอน วทิ ที อ ต็อมพูดงั่ดอึดพูฮ ไซกะปฮ ฮัวฮอม ลุกโมย เจวม่็อง จ็อนพูดงั่ดเปอย เฮยไซ ละเชาะยาก จ็อน อิ่นรด เชาะ แซด็ เฮย ยกออก คาํ แปล แกงเลยี งยอดหวาย สวนผสม ๑. ใบชะมวง ๑ กํา ๒. ยอดหวาย ๕ ตน ๓. หอมแดง ๓ หวั ๔. กะป คร่ึงชอ น ๕. เกลือ ครงึ่ ชอน วธิ ีทาํ ๖๗

ตมยอดหวายใหเดือด โดยใสกะป หัวหอมและเกลือลงไปตมดวยจนยอดหวายเปอย และใสใบ ชะมวงทําใหมรี สเปรี้ยว เสรจ็ แลวยกออก ๘) ช่วิ มลองมอ่็ งพูด ง่ดั ซวนพะ ซอ็ ม โมย มลอ ง ครึง่ โล พา ย พดู ง่ดั นยู เนม เพว ลุกชิ่ว พา ยคดี โพน ละมะ กรดู อจู มาย พราํ ละเพรา อูจ มา ย วิทที อ โอจทากไซกะทาฮ อูจ มาย พัดลกุ ช่วิ จอ็ นเค้ิม เฮยไซ มลอ ง พดั จอ็ นชน้ี จากอันไซพูดง่ัด เฮยพัดวิจ โมย แลงปรงุ จ็อนอีนรดชา ดพอใจ เฮยไซละมะกรูด ฮะกอ ละเพราโรย งาย เฮยยกออก คาํ แปล แกงปลาไหลกับยอดหวาย สวนผสม ๑. ปลาไหล ครึ่งกโิ ล ๒. ยอดหวาย ๗ ยอด ๓. พรกิ แกง ๒ ขีด ๔. ใบมะกรดู เลก็ นอ ย ๕. ใบกะเพรา เลก็ นอย วิธีทํา เอานํ้าใสกระทะเล็กนอย ผัดพริกแกงจนหอม แลวใสปลาไหลผัดจนสุก จากนั้นใสยอดหวายแลว ผัดอีกคร่งึ หน่งึ ปรงุ จนไดร สชาตทิ ีพ่ อใจ เสรจ็ แลวใสใ บมะกรูด และใบกะเพราโรยหนาแลวยกออก ๙) ชิว่ ชกไซพลลี อง ซวนพะซอ็ ม โมย ชก พา ยโล พาย ลอง โมย โล เพว ลุกช่ิว พา ยคีด โพน ละมะ กรดู อูจมา ย วิทที อ โอจทากไซกะทาฮ พัดลกุ ชิว่ จอ็ นเคิ้ม ไซชก พัดจอ็ นชีน้ โอจลอง ทฮี่ นั ออญไซเจว พดั อดึ ชีน้ วจิ โม ยแลง โรย ละมะ กรูด เฮยยก ออก คําแปล แกงเผด็ หมใู สล ูกกลว ย ๖๘

สว นผสม ๑. หมู ๒ กิโลกรัม ๒. ลูกกลว ย ๑ กิโลกรมั ๓. พรกิ แกง ๒ ขีด ๔. ใบมะกรดู เลก็ นอ ย วิธีทาํ เอานํ้าใสกระทะ ผัดพริกแกงจนหอม ใสหมูผัดจนสุก แลวนํากลวยที่หั่นไวใสลงไป ผัดใหสุกอีก ครง่ึ หน่งึ โรยดว ยใบมะกรูด แลวยกออก ๑๐) นมปาย ซวนพะ ซ็อม โมย ซกึ โคมบี่ พา ยโล พาย ดูงคูด พา ยโล เพว ลกุ โมย พา ยชอน โพน นาํ่ ตาน โมย โล พราํ โงโ พรง เพา ะประมาน กะตอง นํา่ มนั พดื พายลิด วทิ ีทอ ตอ็ มทากอึดอุน โอจเจวเตลา ม็่องซกึ โคม่ีบ ไซดงู คดู ลุกโมย น่ําตาน โงโ พรง นวดอึดเคาซา ปนแปน เปลก้ิ โอจเจวทอดจ็อนชี้น คาํ แปล ขนมปาย สวนผสม ๑. แปงขาวเหนียว ๒ กิโลกรัม ๒. มะพราวขดู ๒ กิโลกรัม ๓. เกลือปน ๒ ชอน ๔. น้าํ ตาล ๑ กิโลกรมั ๕. งาขาว พอประมาณ ๖. นา้ํ มันพชื ๒ ลติ ร วิธีทาํ ตมนาํ้ ใหอุน แลว นาํ มาเคลากบั แปง ขาวเหนียว ใสม ะพราวขูด เกลอื ปน นาํ้ ตาล และงาขาว นวด ใหเ ขา กัน ปนเปนชนิ้ แลว นาํ ไปทอดจนสุก อาจกลาวไดวา การศึกษาภาษาชองโดยผานวรรณกรรมทองถ่ิน ท้ังนิทาน เพลง กลอน ประเพณี พิธีกรรม อาหารพื้นบาน ฯลฯ ทําใหเห็นโลกทัศน วิถีชีวิต และภูมิปญญาทองถิ่นของชาวชอง นอกจากนี้จะ ๖๙

เห็นวา การใชภ าษาชองหลายคาํ มกี ารใชคาํ ทบั ศัพทใ นภาษาไทยเปนจํานวนมาก นั่นแสดงใหเห็นวา ภาษาชอง กําลังอยูในภาวะวิกฤตข้ันรุนแรง ทั้งน้ีการบันทึกองคความรูทองถิ่นเหลานี้ ยังบันทึกทั้งในภาษาไทยและภาษา ชอง ซ่ึงถือเปนเอกสารหรือหลักฐานสําคัญท่ีทําใหเด็กหรือเยาวชนรุนหลังไดเรียนรู เขาใจ วัฒนธรรมและภูมิ ปญญาของตนเองอกี ดว ย ๗๐

บทท่ี ๔ เงือ่ นไขภาวะวิกฤต / ปจั จยั คุกคามของภาษา ๔.๑ สภาพปจั จบุ นั ปัจจุบันชาวชองอาศัยอยู่หนาแน่นในเขตอําเภอเขาคิชฌกูฏ จังหวัดจันทบุรี โดยเฉพาะ ๒ ตําบลทาง ตอนเหนือของอําเภอ คือ ตําบลตะเคียนทอง และตําบลคลองพลู ส่วนตําบลท่ีอยู่ทางตอนใต้ คือ ตําบลพลวง และตาํ บลชากไทย มีประชากรชองที่พดู ภาษาไดจ้ ํานวนไม่มาก และในตําบลทับไทรของอําเภอโป่งน้ําร้อนนั้นมี ประชากรท่ีพูดภาษาชองเหลอื อยู่นอ้ ยมาก ส่วนใหญ่ชาวชองนับถือศาสนาพุทธ มีวัดเป็นศูนย์กลางประกอบพิธีกรรม เช่น งานศพ การทําบุญ เล้ยี งพระ แต่ยังมีประเพณที ี่เป็นเอกลกั ษณเ์ ฉพาะของชาวชอง ได้แก่ การแต่งงานแบบชอง หรือ “กาตัก” และ การเล้ียง “ผีห้ิง” และ “ผีโรง” ซ่ึงเป็นพิธีกรรมท่ีจัดข้ึนในวาระพิเศษเพื่อการ “สนทนา” กับบรรพบุรุษที่ ลว่ งลบั ไปแล้วผ่านทาง “คนทรง” นอกจากนี้ชาวชองยังมีวัฒนธรรมและภูมิปัญญาที่น่าสนใจอื่น ๆ อีก ซึ่งควร ค่าแก่การดํารงรักษาไว้ เช่น ประวัติศาสตร์ความเป็นมาของกลุ่มชาติพันธ์ุชอง ประเพณีและความเชื่อเก่ียวกับ ชีวิต วัฒนธรรมการรกั ษาโรคภัยไข้เจบ็ วัฒนธรรมการทําเกษตร ประเพณี วิถชี ีวติ และความเชื่อ ฯลฯ ภาษาชอง เป็นภาษาที่พูดอยู่ในตระกูลออสโตรเอเชียติก สาขามอญ – เขมร กลุ่มย่อยเปียริก ซึ่งเป็น กลุ่มคนกลุ่มหน่ึงในอาณาจักรเขมร ถือเป็นภาษาท่ีเป็นที่สนใจของนักภาษาศาสตร์เป็นอย่างย่ิง เน่ืองจากมี ลกั ษณะนาํ้ เสยี งถึง ๔ ลักษณะ (สเุ รขา ๒๕๒๕; สริ กิ าญจน์ ๒๕๓๐; ธรี ะพันธ์ ๒๕๓๔) ในขณะท่ีภาษาส่วนใหญ่ ในสาขามอญ – เขมร จะมีเพียง ๒ ลักษณะน้ําเสียงเท่าน้ัน ดังท่ีปรากฏในภาษามอญ กูย – กวย ญัฮกุร เปน็ ตน้ ลกั ษณะเด่นของลักษณะนํ้าเสียงในภาษาชอง คือ การกักท่ีเส้นเสียง (Glottal Constriction) ซ่ึงถือว่า เป็นเอกลักษณ์ของภาษาชอง ลักษณะน้ําเสียงในภาษาชอง ๔ ลักษณะ ได้แก่ ๑) ลักษณะน้ําเสียงปกติ ๒) ลักษณะน้ําเสียงปกติ ตามด้วยการกักของเส้นเสียง ๓) ลักษณะนํ้าเสียงก้อง มีลม ๔) ลักษณะนํ้าเสียงก้องมีลม ตามด้วยการกกั ของเส้นเสียง นอกจากนี้ยังมลี ักษณะทางไวยากรณท์ ่ีเปน็ เอกลกั ษณ์ ภาษาชองจัดอยู่ในภาษาภาวะวิกฤตใกล้สูญ เนื่องจากในปัจจุบันมีจํานวนคนที่สามารถพูดภาษาชอง ได้ดีมีประมาณ ๒๐๐ คนของจํานวนคนชองทั้งหมดประมาณ ๒,๐๐๐ คน (สุวิไล เปรมศรีรัตน์, ๒๕๔๓) ผู้พูด ส่วนใหญ่อยู่ในกลุ่มผู้สูงอายุ และยังใช้กันในกิจกรรมทางวัฒนธรรมและวิถีชีวิตบางโอกาสเท่านั้น ทําให้ชาว ชองไดม้ ีความพยายามทีจ่ ะฟ้นื ฟูภาษาและวัฒนธรรมของตนเองตั้งแต่ปี พ.ศ. ๒๕๔๗ ดําเนินการในพ้ืนที่ตําบล ตะเคียนทอง และตําบลคลองพลู อําเภอเขาคิชฌกูฏ จังหวัดจันทบุรี และได้รับทุนสนับสนุนจากสํานักงาน กองทุนสนับสนุนการวิจัย (สกว.) ฝ่ายวิจัยเพื่อท้องถิ่นต่อเนื่องหลายโครงการ เช่น การสํารวจสถานการณ์ทาง ภาษา การสร้างระบบตัวเขียน การสอนภาษาชองในโรงเรียนเป็นหลักสูตรท้องถ่ิน การพัฒนาศูนย์การเรียนรู้ เพื่อฟื้นฟูภาษา – วัฒนธรรมชอง การศึกษาความรู้ของชาวชองเรื่องคลุ้ม – คล้า (รุ่นทาก – รุ่นเชอ) และการ ปรับปรุงและพัฒนาหลักสูตรและวัฒนธรรมประเพณีชอง แบบบูรณาการโรงเรียนวัดตะเคียนทอง โดยชุมชนมี ๗๑   

ส่วนร่วม ซึ่งในการทํางานฟ้ืนฟูดังกล่าวได้ทําให้เกิดองค์ความรู้ภูมิปัญญาท้องถิ่น ตลอดจนเกิดการพัฒนา ศักยภาพชุมชนอกี ดว้ ย ปัจจุบันชาวชองยังมีการฟื้นฟูภาษาและวัฒนธรรมของตนเองอย่างต่อเนื่อง ดังจะเห็นได้จากความ ร่วมมือของชุมชน โดยเฉพาะกลุ่มเยาวชนและกลุ่มแม่บ้านในการดําเนินงานโครงการ “รักษ์ครัวช์อง” ภายใต้ โครงการ “การฟื้นฟูของกินพ้ืนบ้านเพ่ือเสริมสร้างความมั่นคงทางอาหารและสืบสานวัฒนธรรมในกลุ่มชาติ พันธุ์” สนับสนุนงบประมาณโดยกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) ซ่ึงจากการดําเนินโครงการน้ี ทําให้เกิดการถ่ายทอดองค์ความรู้ด้านอาหารพื้นบ้านจากรุ่นสู่รุ่นอีกด้วย นอกจากนี้ปัจจุบันชาวชองยังเป็นที่ รู้จักของกลุ่มคนทั่วไป ดงั จะเห็นได้โดยมีส่ือสาธารณะได้ให้ความสนใจ และมีการถ่ายทํารายการที่เกี่ยวข้องกับ คนชอง ในแง่มุมต่าง ๆ เช่น ภาษา วัฒนธรรม วิถีชีวิตของชาวชองเผยแพร่ให้เป็นที่รู้จักของคนทั่วไปอีกด้วย เช่น รายการพนั แสงรุ้ง รายการฟู้ดส์ ฟัน แฟร์ ฮอลิเดย์ เป็นต้น นอกจากนี้ชาวชองยังมีคู่มือระบบเขียน ภาษา ชอง อกั ษรไทย ซ่งึ ได้รับการรับรองจากราชบณั ฑิตยสถานเป็นทเ่ี รียบร้อยแล้ว อย่างไรก็ตามภาษาและวัฒนธรรมของชาวชอง ยังจําเป็นต้องมีการฟ้ืนฟูอย่างต่อเนื่อง เพื่อการชะลอ การตายของภาษาและวัฒนธรรม ทั้งนี้ควรได้รับการสนับสนุนจากหน่วยงานที่เก่ียวข้องในพ้ืนท่ี เช่น โรงเรียน องค์การปกครองสว่ นทอ้ งถน่ิ เป็นตน้ ๔.๒ ปัจจยั คกุ คาม ภาษาชอง ถือเป็นภาษาที่อยใู่ นภาวะวกิ ฤตใกล้สูญ เน่อื งจากมีผพู้ ูดเปน็ จํานวนน้อย สามารถพูดได้ดีใน รุ่นสูงอายุ ยังมีการใช้ในบ้านและในชุมชนไม่มากนัก ทั้งนี้มีสาเหตุสําคัญที่ทําให้ภาษาอยู่ในภาวะวิกฤต ๒ ประการ ได้แก่ ๑) เกิดจากกระแสโลกาภิวัตน์ ที่ส่งผลทําให้เกิดความเจริญก้าวหน้าทางเทคโนโลยีด้านต่าง ๆ เช่น ระบบการคมนาคมขนสง่ ระบบการสือ่ สาร เทคโนโลยสี ารสนเทศ เปน็ ตน้ ทาํ ให้เกิดการเปล่ียนแปลงทางสังคม และวัฒนธรรมอย่างรวดเร็ว ตลอดจนการเปล่ียนแปลงของสภาพเศรษฐกิจ ดังเช่น แต่เดิมชุมชนชอง อาศัย การเพาะปลูกเพ่ือเลี้ยงชีพ ประกอบกับการพึ่งพิงทรัพยากรจากป่า เช่น การเพาะและเก็บลูกกระวานของชาว ชอง การล่าสัตว์ เป็นต้น ปัจจุบันการเลี้ยงชีพได้เปลี่ยนไปสู่การเกษตรท่ีเช่ือมโยงกับระบบตลาดอย่างชัดเจน นอกจากน้ียังมีการพัฒนาระบบคมนาคม ระบบส่ือมวลชน ได้แก่ วิทยุ โทรทัศน์ และหนังสือพิมพ์ ท่ีล้วนใช้ ภาษาไทยเปน็ ภาษาในการสือ่ สาร รวมถึงการอพยพเข้ามาของประชากรกลุ่มชาติพันธุ์อื่น การติดต่อค้าขายกับ คนตา่ งถ่ิน ล้วนสง่ ผลให้ภาษาชองสญู เสยี สถานะของการเป็นภาษาหลกั ในชีวติ ประจาํ วันของชุมชนลงไปเร่ือยๆ รวมถงึ สง่ ผลต่อการสญู เสยี ภูมิปัญญา วัฒนธรรมทอ้ งถนิ่ และอัตลักษณ์ทางชาตพิ นั ธ์ุของตนเองอกี ด้วย ๒) เกิดจากนโยบายของภาครัฐ ดังจะเห็นได้ชัดเจนจากการท่ีรัฐบาลไทยออกกฎหมายการศึกษา ภาคบังคับ (พ.ศ. ๒๔๖๘) ท่ีกําหนดให้เยาวชนทั่วประเทศเข้าเรียนในโรงเรียนสามัญของกระทรวงศึกษาธิการ ซึ่งจัดการเรียนการสอนและสื่อการเรียนการสอนเป็นภาษาไทยซึ่งเป็นภาษาราชการ ประกอบกับการจัดการ เรียนการสอนที่ขาดการเชื่อมโยงอย่างเป็นระบบ ระหว่างภาษาและวัฒนธรรมท้องถิ่นกับภาษาและวัฒนธรรม ๗๒   

ของโรงเรียนซ่ึงใช้ภาษาราชการ (ภาษาไทย) เพียงภาษาเดียวเป็นส่ือ (สุวิไล เปรมศรีรัตน์ และคณะ, ๒๕๕๓) ทาํ ใหเ้ ดก็ และเยาวชนกลุ่มชาตพิ ันธ์ุไมไ่ ด้ใชภ้ าษาท้องถน่ิ ในโรงเรยี น จากปัจจัยดังกล่าวทําให้คนในชุมชน หรือเจ้าของภาษาท้ังกลุ่มชอง มีความพยายามในการฟื้นฟูภาษา รวมถึงวัฒนธรรมและภูมิปัญญาท้องถิ่นของตนเอง ด้วยตนเอง โดยได้รับการสนับสนุนทางด้านวิชาการจาก กลุ่มนักวิชาการทางด้านภาษาศาสตร์ จากสถาบันวิจัยภาษาและวัฒนธรรมเอเชีย มหาวิทยาลัยมหิดล และ ได้รับงบประมาณสนับสนุนการทําวิจัยในรูปแบบงานวิจัยเพื่อท้องถ่ินจากสํานักงานกองทุนสนับสนุนการวิจัย (สกว.) ดังจะกลา่ วในรายละเอียดตอ่ ไปในบทที่ ๕ ๗๓   

บทท่ี ๕ การอนรุ กั ษฟ์ ้นื ฟูภาษาและภมู ปิ ญั ญาทอ้ งถิน่ โดยชุมชน ภาษาชองถือเปน็ กลุ่มทมี่ ภี าษาอยใู่ นภาวะวกิ ฤตใกล้สญู (สวุ ิไล เปรมศรีรัตน์, ๒๕๔๓) เนื่องจากมีผู้พูด ภาษาได้ดีมีจํานวนไม่มาก ประกอบกับกระแสโลกาวิภัฒน์ และนโยบายของประเทศซึ่งถือเป็นปัจจัยสําคัญที่ ทําให้ภาษาชาติพันธ์ุตกอยู่ในภาวะวิกฤต อย่างไรก็ตามชุมชนชาวชองยังคงเห็นคุณค่าและความสําคัญของ ภาษาและวัฒนธรรมตนเองที่กําลังจะสูญหายไป โดยผ่านการดําเนินงานฟื้นฟูภาษาและวัฒนธรรมในลักษณะ งานวิจัยเพ่ือท้องถ่ิน ได้รับการสนับสนุนทุนจากสํานักงานกองทุนสนับสนุนการวิจัย (สกว.) มีเป้าหมายเพ่ือ ชะลอการตายของภาษาและการสูญเสียภูมิปัญญาท้องถิ่นโดยเจ้าของภาษาเป็นผู้ดําเนินการด้วยตนเอง กระบวนการดังกล่าวสามารถทําให้ชุมชนเกิดการตื่นตัวในการฟ้ืนฟูภาษาและภูมิปัญญาของกลุ่มชาติพันธุ์ ตนเอง ตลอดจนสรา้ งความมน่ั ใจและความเขม้ แข็งใหก้ ับคนในชุมชนอกี ด้วย ๕.๑ การอนรุ กั ษ์ฟนื้ ฟูภาษาและภูมิปญั ญาท้องถน่ิ โดยชมุ ชนชอง ๕.๑.๑ การดาํ เนนิ งานฟืน้ ฟภู าษาและภูมิปัญญาท้องถ่ินที่ผ่านมา หากมองย้อนกลับไปเม่ือประมาณปี พ.ศ. ๒๕๓๗ กลุ่มนักภาษาศาสตร์จากสถาบันวิจัยภาษา และวัฒนธรรมเอเชีย มหาวิทยาลัยมหิดล นําโดยอาจารย์สุวิไล เปรมศรีรัตน์ และนักภาษาศาสตร์ชาว ต่างประเทศผู้เช่ียวชาญด้านสัทศาสตร์ ซ่ึงมีโอกาสไปศึกษาสํารวจลักษณะนํ้าเสียงภาษาชองท่ีบ้านคลองพลู อาํ เภอเขาคิชฌกูฏ จังหวัดจันทบุรี อาจารย์สุวิไลได้พบชาวชองอาวุโส ๔ – ๕ ท่าน จากการพูดคุยทําให้ได้รับรู้ ถึงความวิตกของคนชอง เรื่องการถดถอยในการใช้ภาษาและความรู้ความเข้าใจวัฒนธรรมชองในหมู่เยาวชน แต่ในขณะเดียวกันก็ได้เห็นความกระตือรือร้น ความพยายามท่ีจะรักษาและเผยแพร่มรดกทางภาษาและ วฒั นธรรมชอง ความตอ้ งการท่ีจะให้มีพิพิธภัณฑ์ท้องถิ่นชอง ความพยายามที่จะเขียนภาษาชองตามระบบของ ตนเอง และความภมู ใิ จทจี่ ะสอนภาษาชองแก่เยาวชนและคนท่ัวไป (สวุ ิไล เปรมศรีรัตน์ และคณะ, ๒๕๕๐) ต่อมาในปี พ.ศ. ๒๕๔๑ อาจารย์สุวิไลได้มีโอกาสกลับไปท่ีบ้านคลองพลูอีกคร้ังหน่ึง และได้ พบอดีตกํานนั เฉิน ผันผาย ผ้มู ีความกระตือรือร้นในการอนุรักษ์และวัฒนธรรมชอง อาจารย์สุวิไลจึงได้ชวนชาว ชองจํานวน ๓ คน ไปร่วมสอนนักศึกษาปริญญาโท สาขาวิชาภาษศาสตร์ ในวิชา “ระเบียบวิธีวิจัยภาษาศาสตร์ ภาคสนาม” ร่วมกับผู้พูดภาษากะซองและภาษาซัมเรจากจังหวัดตราด ซ่ึงเป็นภาษาใกล้เคียงกับภาษาชอง หลังจากนั้นนักศึกษาระดับปริญญาโท ได้ลงพ้ืนที่ภาคสนาม โดยศึกษาตามประเด็นท่ีน่าสนใจ และสามารถ สื่อสารดว้ ยภาษาชองในขนั้ พนื้ ฐานได้ ทาํ ให้ชาวชองมีความพอใจที่นักศึกษาสามารถใช้ภาษาชองในการสื่อสาร ได้ ๗๔   

ภาพ การเก็บขอ้ มูลภาคสนามภาษาชองของอาจารยแ์ ละนกั ศกึ ษาภาษาศาสตร์ ผลจากการท่ีมีนักศึกษาลงพื้นท่ีภาคสนาม และมีการศึกษาในระดับลึก ทําให้เกิดความรู้ทาง โครงสร้างภาษาที่ชัดเจน และผลจากการทดลองสร้างระบบตัวเขียนกับชุมชนชอง ทําให้เห็นโอกาสที่จะ ดําเนินงานฟื้นฟูภาษาชองและการสอนภาษาชองแก่เยาวชนและคนทั่วไปได้ โดยท่ีคณะนักภาษาศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล ได้เห็นถึงความร่วมมือของชาวชองและความสนใจมุ่งม่ันที่จะรักษาภาษาชองไว้ และใน ขณะเดียวกันชาวชองได้เห็นช่องทางว่าภาษาชองสามารถเขียนได้อย่างเป็นระบบ สามารถนําไปใช้เป็น เครื่องมือในการบันทึกภาษา วัฒนธรรม ประเพณี นิทานพ้ืนบ้าน ตํานาน และประวัติคนชอง รวมท้ังเป็น เครอื่ งมือในการสอนภาษาชองแก่ลูกหลานชาวชองและผู้สนใจทั่วไป ๕.๑.๒ การฟืน้ ฟูภาษาและวฒั นธรรมชองภายใตง้ านวิจัยเพอื่ ทอ้ งถ่นิ ต้งั แตป่ พี .ศ. ๒๕๔๔ เปน็ ต้นมา ชุมชนชองได้รว่ มกนั จัดทําโครงการวิจัยเพื่อท้องถ่ิน ซ่ึงมุ่งเน้น การดําเนินงานตามความต้องการของชุมชน ชุมชนมีส่วนร่วม และสร้างกระบวนการเรียนรู้ให้กับชุมชน เพื่อ นําไปสู่ความเป็นชุมชนเข้มแข็ง โดยมีทีมพี่เลี้ยงจากศูนย์ประสานงานวิจัยเพ่ือท้องถิ่น ประเด็นภาษาและ วัฒนธรรมในภาวะวิกฤต ร่วมกับนักวิชาการด้านภาษาศาสตร์ สถาบันวิจัยภาษาและวัฒนธรรมเอเชีย มหาวิทยาลัยมหิดลเป็นผู้คอยหนุนเสริมการดําเนินงานวิจัยเพ่ือท้องถ่ินให้เกิดความสําเร็จ และได้เสนอขอรับ ทุนสนับสนุนจากสาํ นกั งานกองทนุ สนบั สนุนการวิจัย (สกว.) เพื่อดําเนินงานอนุรักษ์และฟ้ืนฟูภาษาชองด้วยตัว ชมุ ชนเอง ดงั รายละเอยี ดดังน้ี โครงการที่ ๑ “โครงการอนุรักษ์และฟ้ืนฟูภาษาชอง” (ปีพ.ศ. ๒๕๔๔) คณะกรรมการ อนุรักษ์และฟื้นฟูภาษาชอง นําโดยนายเฉิน ผันผาย และคณะ ได้ดําเนินกิจกรรมการวิจัยเพ่ือหาวิธีการให้ ๗๕   

ชุมชนชองในเขตตําบลตะเคียนทองและตําบลคลองพลู อําเภอเขาคิชฌกูฎ จังหวัดจันทบุรี ได้อนุรักษ์ฟ้ืนฟู ภาษาชองในชวี ิตประจําวนั โดยมีกิจกรรมหลกั ๓ กิจกรรมดงั นี้ (สุวิไล เปรมศรรี ัตน์ และคณะ, ๒๕๕๐) ๑) การสํารวจสํามะโนประชากรคนรู้ภาษาชอง ซ่ึงเป็นการเก็บข้อมูลเกี่ยวกับประชากร ชาวชองในพื้นที่ตําบลตะเคียนทองและตําบลคลองพลู และเป็นการสํารวจเกี่ยวกับความสามารถในการใช้ ภาษาชอง (ฟงั – พดู ) การใช้ภาษาชองในชีวิตประจาํ วัน รวมถึงความสนใจและความตอ้ งการเกี่ยวกับการเรียน ภาษาชอง ๒) รวบรวมและบันทึกภาษาชอง ได้แก่ การสร้างระบบตัวเขียนภาษาชอง โดยใช้ อักษรไทยให้สามารถอ่าน – เขียนภาษาชองได้ ทําให้ได้ระบบตัวเขียนภาษาชอง เพื่อเป็นเครื่องมือในการ รวบรวมและบันทึกองค์ความรู้ของชาวชอง ตลอดจนรวบรวมและบันทึกคําศัพท์ในภาษาชอง เพื่อจัดพิมพ์เป็น พจนานกุ รมเบอื้ งตน้ ใหส้ ามารถนําไปใชไ้ ดเ้ หมอื นกันในชุมชนชองอ่ืน ๆ ๓) วางแผนการทํางานในระยะต่อไป โดยนําเอาข้อมูลและบทเรียนท่ีสรุปได้จากการ ดําเนินกิจกรรม ๒ กิจกรรมข้างต้นมาใช้เป็นข้อมูลประกอบการวางแผน โดยมีข้อสรุปที่เป็นประโยชน์ต่อการ ดําเนินงานอนุรักษ์และฟื้นฟูภาษาชองในข้ันต่อไป คือ ประชากรส่วนใหญ่ท้ังผู้ใหญ่และเยาวชนมีความเห็น สอดคล้องกันในการสนับสนุนการอนุรกั ษ์และฟน้ื ฟภู าษา และต้องการให้มีการเรียนการสอนภาษาชอง และยัง ต้องมีการรวบรวมและบันทึกภาษาชองให้ครบถ้วยสมบูรณ์และเป็นระบบ ซ่ึงพบว่านักเขียนชองสามารถใช้ “ระบบเขยี นภาษาชอง” ไดอ้ ยา่ งดี จนประสบความสาํ เรจ็ ในการผลติ หนังสือ และนําไปเผยแพรใ่ นชุมชน ภาพการทดสอบระบบตวั เขยี นภาษาชอง โครงการท่ี ๒ “โครงการอนุรักษ์และฟ้ืนฟูภาษาชอง ระยะที่ ๒” (ปีพ.ศ. ๒๕๔๗) เป็นการ ดําเนินโครงการต่อยอดจากการดําเนินโครงการท่ี ๑ มีนายเฉิน ผันผายเป็นหัวหน้าโครงการ โดยมุ่งเน้นการ สร้างหลกั สูตรทอ้ งถ่นิ ทางด้านภาษาชอง ด้วยเน้อื หาวัฒนธรรมชองในช้ันเรียนประถมศึกษาปีที่ ๓ – ๔ ร่วมกับ ๗๖   

โรงเรียนประถมในท้องถ่ิน อีกท้ังยังมีวัตถุประสงค์เพื่อรวบรวมและบันทึกเน้ือหาทางวัฒนธรรมชองท่ีจะนํามา เปน็ หลกั สตู ร และสื่อการเรยี นการสอน โดยใชร้ ะบบเขยี นภาษาชองและส่อื อน่ื เพอื่ พฒั นาหลักสูตรท้องถ่ินโดย ความร่วมมือระหว่างโรงเรียนในพื้นที่และชุมชนชอง เพ่ือให้มีการอนุรักษ์และฟ้ืนฟูภาษาชองโดยใช้แนว ทางการพัฒนาหลักสูตรท้องถ่ินร่วมกับโรงเรียนในชุมชน และเพื่อประชาสัมพันธ์โครงการ และกิจกรรมศูนย์ การเรยี นรู้ชุมชนซงึ่ เปน็ การเสรมิ สร้างการเรยี นรู้ของนกั เรียนอกี ดว้ ย (เฉิน ผันผาย, ๒๕๔๗) ภาพการประมวลผลข้อมูลจากการสาํ รวจสถานการณภ์ าษาชอง โครงการท่ี ๓ “การสร้างหลักสูตรภาษาชองโดยการมีส่วนร่วมของชุมชน” (ปีพ.ศ. ๒๕๔๘ – ๒๕๕๐) หัวหน้าโครงการคือนายสุรพล ไชยพงษ์ (ผู้อํานวยการโรงเรียนวัดคลองพลู) การดําเนินงานโครงการน้ี มุ่งเน้นการเรียนการสอนภาษาชอง ยกระดับหลักสูตรท้องถิ่นภาษาชองสู่หลักสูตรท้องถ่ินภาษาชองเพ่ิมเติม และขยายผลหลักสูตรท้องถิ่นภาษาชองสู่โรงเรียนอ่ืน โดยมีวัตถุประสงค์หลักคือ ให้เด็กรุ่นใหม่ได้เรียนรู้ภาษา ชองโดยสามารถพูด อ่าน เขียน และใช้ภาษาชองควบคู่กับภาษาไทยได้มากข้ึน ได้จัดกระบวนการจัดการเรียน การสอนหลักสูตรท้องถ่ินภาษาชองที่เหมาะสมกับผู้เรียน ได้หลักสูตรท้องถ่ินภาษาชอง เป็นต้นแบบในการ จัดการเรียนการสอนหลักสูตรท้องถ่ินด้านภาษาแก่ชุมชนภาษาและวัฒนธรรมในภาวะวิกฤตท่ีน่าสนใจ เด็กรุ่น ใหม่เกดิ ความตระหนักเห็นคณุ ค่า ภูมใิ จในวัฒนธรรมของตนเอง อีกท้ังยังสามารถใช้หลักสูตรท้องถ่ินภาษาชอง เชื่อมความสัมพันธอ์ นั ดรี ะหวา่ งโรงเรยี นกับชมุ ชนในด้านตา่ ง ๆ ได้ (สุรพล ไชยพงษ,์ ๒๕๕๐) ๗๗   

ภาพ ฝึกกลวธิ กี ารสอนใหก้ ับครูภมู ปิ ัญญาชอง ภาพ การเรียนการสอนภาษาชองในโรงเรียน โครงการท่ี ๔ “การพัฒนาศูนย์การเรียนรู้ฟื้นฟูภาษา – วัฒนธรรมชองเป็นแหล่งเรียนรู้ ชุมชน โดยชุมชนมีส่วนร่วม” (ปี พ.ศ. ๒๕๔๘ – ๒๕๕๑) โดยมีนายรุ่งเพชร ผันผาย เป็นหัวหน้าโครงการ มุ่งเน้นให้ศูนย์การเรียนรู้ฟื้นฟูภาษา – วัฒนธรรมชอง เป็นแหล่งการเรียนรู้ของชุมชน โดยชุมชนมีส่วนร่วม เพื่อพัฒนาศูนย์การเรียนรู้ ฟื้นฟูภาษา – วัฒนธรรมชอง ให้เป็นแหล่งการเรียนรู้ของชุมชนท้ังด้านภาษาและ วัฒนธรรมชอง เพื่อหากระบวนการให้คนในชุมชนเข้ามามีส่วนร่วมในการดําเนินกิจกรรมศูนย์การเรียนรู้ฟ้ืนฟู ภาษา – วัฒนธรรมชอง และเพ่ือหาแนวทางสร้างความเข้มแขง็ ให้ชุมชนอย่างยง่ั ยนื โดยใช้พนื้ ที่ศูนย์การเรียนรู้ ชมุ ชนเป็นสถานทด่ี าํ เนินการ จากการพัฒนาศูนย์การเรียนรู้ฟ้ืนฟูภาษา – วัฒนธรรมชอง ทําให้เกิดนิทรรศการภายในศูนย์ การเรียนรู้ ซ่ึงมีเนื้อหา ๖ สว่ นด้วยกนั ไดแ้ ก่ ๑) ส่วนนํา ประวัติความเป็นมาของศูนย์การเรียนรู้ ฟ้ืนฟูภาษาวัฒนธรรมชอง ประกอบดว้ ย ประวตั ิความเป็นมา ทําเนยี บคณะกรรมการ และโครงสร้างส่วนการจัดแสดง ๒) สว่ นที่ ๑ คนชอง ประกอบด้วย คนชองในประเทศไทย จนั ทบุรี และภาษาชอง ๗๘   

๓) ส่วนที่ ๒ ประวัติความเป็นมา ประกอบด้วย ความเป็นมาตามประวัติศาสตร์ และคํา บอกเล่า ลกั ษณะท่วั ไป เช่น การแต่งกาย ลกั ษณะนสิ ัย ชีวิตความเปน็ อยู่ อาหารการกนิ ๔) ส่วนที่ ๓ วฒั นธรรมชอง ประกอบด้วยประเพณีเกี่ยวกับชีวิตของคนชอง กิจกรรมใน รอบปี สมนุ ไพรและสขุ ภาพ ๕) ส่วนที่ ๔ ภาษาและการอนุรกั ษ์ ประกอบดว้ ย ภาษาชอง การอนุรกั ษฟ์ ืน้ ฟู โครงการ ขยายผล ๖) ส่วนที่ ๕ ประกอบด้วยงานวิจัยท่ีเก่ียวกับภาษาและกลุ่มชาติพันธุ์ชอง (รุ่งเพชร ผัน ผาย, ๒๕๕๑) ภาพ กระบวนการเรียนรู้ในศูนย์การเรียนรู้ภาษา – วัฒนธรรมชอง โครงการที่ ๕ “การศึกษาความรู้ชาวชองเร่ืองคลุ้ม – คล้า (รุ่นทาก – รุ่นเชอ) โดยใช้ภาษา ชองเป็นแนวทางในการศึกษา” (ปี พ.ศ. ๒๕๔๘ – ๒๕๕๐) มีนายมณเฑียร พัฒเสมา เป็นหัวหน้าโครงการ มงุ่ เนน้ การศกึ ษาและฟ้ืนฟพู ืชคลมุ้ – คล้าให้คงอยคู่ กู่ ับชมุ ชนชอง มีวัตถุประสงค์เพ่ือทําการศึกษารวบรวมและ บันทึกข้อมูลด้านต่าง ๆ ของคลุ้ม – คล้าในชุมชน และทําเส้นทางศึกษาคลุ้ม – คล้าในชุมชน เพ่ือส่งต่อข้อมูล คลุ้ม – คล้าสําหรับผลิตหนังสือและส่ือนิทรรศการชุดความรู้เกี่ยวกับคลุ้ม – คล้า เผยแพร่ภายในศูนย์การ เรียนรู้ชุมชน เพื่อทําการฟื้นฟูและพัฒนาคลุ้ม – คล้าในรูปแบบของเคร่ืองจักสานหัตถกรรมภูมิปัญญาพ้ืนบ้าน ชาวชองให้คงอยู่ตลอดไป และเพื่อให้คนในชุมชนมีส่วนร่วมในการดําเนินกิจกรรมอนุรักษ์และฟื้นฟูภาษาและ วัฒนธรรมเพ่อื ความคงอยคู่ ู่ชมุ ชนตลอดไป (มณเฑยี ร พัฒเสมา, ๒๕๕๐) ๗๙   

ภาพ ต้นคลมุ้ – คล้าทพ่ี บในชุมชน ภาพ ผลติ ภณั ฑ์จากพชื คล้มุ – คลา้ โครงการที่ ๖ “ศึกษาแนวทางการปรับปรุงและพัฒนาหลักสูตรภาษาและวัฒนธรรม ประเพณีชองแบบบูรณาการโรงเรียนวัดตะเคียนทอง (เพชโรปถัมภ์) โดยชุมชนมีส่วนร่วม ตําบลตะเคียนทอง อําเภอเขาคิชฌกูฎ จังหวัดจันทบุรี” (ปี พ.ศ. ๒๕๕๒ – ๒๕๕๔) มีนายประวีร์ บรรจงการ (ผู้อํานวยการ โรงเรียนวัดตะเคียนทอง) เป็นหัวหน้าโครงการ มุ่งเน้นการปรับปรุงและพัฒนาหลักสูตรภาษาและวัฒนธรรม ประเพณีชองแบบบูรณาการของโรงเรียนวัดตะเคียนทอง โดยชุมชนมีส่วนร่วม มีวัตถุประสงค์เพ่ือศึกษาข้อมูล สภาพปญั หาและความต้องการของชุมชนในการจัดการเรียนการสอนภาษาชอง เพื่อศึกษาข้อมูลชุมชนและภูมิ ปญั ญาทอ้ งถิน่ ในสาขาต่าง ๆ สาํ หรับนํามาเป็นเนื้อหาในการพัฒนาหลักสูตรภาษาและวัฒนธรรมประเพณีชอง แบบบูรณาการ เพ่ือศึกษาสถานการณ์ต้นทุน / ศักยภาพ ปัจจัยที่มีผลต่อการใช้การเรียนภาษาชองของ ๘๐   

นักเรียนโรงเรียนวัดตะเคียนทองที่ผ่านมา เพ่ือทดลองสร้างหลักสูตรภาษาและวัฒนธรรมประเพณีชองแบบ บรู ณาการในโรงเรียนวัดตะเคยี นทอง โดยชุมชนมีส่วนร่วม ภาพ การเรียนการสอนนักเรยี นภาษาชองนอกห้องเรยี น ๘๑   

๕.๒ ผลที่ไดจ้ ากการดําเนนิ งานฟืน้ ฟูภาษาและวฒั นธรรมชอง จากการดําเนินงานฟน้ื ฟูภาษาและวัฒนธรรมชอง ทาํ ให้เกดิ ผลลัพธท์ ี่หลากหลาย สามารถแบง่ เปน็ ประเภทต่าง ๆ ดงั น้ี ๑) ประเภทระบบตัวเขียนภาษาชอง อกั ษรไทย ๑.๑ ระบบตัวเขยี นภาษาชอง ประกอบด้วย - พยญั ชนะต้น จาํ นวน ๒๒ ตวั - ตัวสะกด จาํ นวน ๑๑ ตัว - สระ จาํ นวน ๒๔ ตัว - วรรณยกุ ต์ จํานวน ๑๖ ตัว ๘๒   

ภาพ แผน่ ภาพตวั อักษรภาษาชอง ๑.๒ คมู่ ือระบบตัวเขยี น “ภาษาชอง” อักษรไทย (ฉบับราชบณั ฑิตสถาน) ได้รบั การจัดพิมพ์ ปี พ.ศ. ๒๕๕๕ ๑.๓ พจนานุกรม หมวดคาํ ศพั ท์ ๔๐ หมวด ประมาณ ๔,๐๐๐ คาํ (ฉบบั รา่ ง ๑ พ.ศ. ๒๕๔๔ และ ฉบับร่าง ๒ พ.ศ. ๒๕๔๗) ประกอบไปดว้ ย ๔๐ หมวด ดังน้ี ๑. หมวดคําศัพท์ตรงข้าม ๑๔. หมวดสตั ว์เลอ้ื ยคลาน ๒. หมวดอุปกรณย์ านพาหนะ ๑๕. หมวดสตั วป์ ีก ๓. หมวดเคร่อื งจับสตั วน์ ้ําและวธิ ีจบั ๑๖. หมวดสตั วบ์ ก ๔. หมวดเคร่อื งทํานา การทาํ นา ทาํ ไร่ ๑๗. หมวดสัตว์น้าํ ๕. หมวดความรสู้ กึ ๑๘. หมวดพืชล้มลกุ ๖. หมวดโลกพภิ พจกั รวาล ๑๙. หมวดพืชสมนุ ไพร ๗. หมวดโลกพน้ื ดินอากาศ ๒๐. หมวดของใช้ในบ้าน ๘. หมวดกําหนดระยะเวลาขนาด ๒๑. หมวดทายาท ๙. หมวดแขง็ และออ่ นเบา ๒๒. หมวดกริ ิยาผสมสรรพนาม ๑๐. หมวดปฏิเสธ ๒๓. หมวดกริ ยิ าและขยายประโยค ๑๑. หมวดกริ ิยาสมั ผสั ประสาท ๒๔. หมวดกริ ยิ า ๑๒. หมวดล้นิ สมั ผสั ๒๕. หมวดกริ ิยาทางมือ ๑๓. หมวดวิเศษนาม ๒๖. หมวดกิรยิ าใช้มอื และตีน ๘๓   

๒๗. หมวดกิริยาทาํ อาหาร ๓๔. หมวดพืชยนื ต้น ๒๘. หมวดกริ ิยาทาํ รา้ ยรา่ งกาย ๓๕. หมวดผลไมบ้ ้าน ผลไม้ป่า ๒๙. หมวดกิริยาเคลอ่ื นไหว ๓๖. หมวดไม้ไผ่ต่างๆ ๓๐. หมวดวิธีปรุงอาหาร ๓๗. หมวดตน้ ไม้ยนื ต้น ๓๑. หมวดอาหารคาว ๓๘. หมวดอาหารของมนุษย์ ๓๒. หมวดปา่ เขาภูมิประเทศต่าง ๆ ๓๙. หมวดลําดบั ญาติเช้อื สาย ๓๓. หมวดลักษณะทางภมู ศิ าสตรแ์ ละ ๔๐. หมวดอวยั วะร่างกาย ทรัพยากรธรรมชาติ ๒) ประเภทเรื่องเล่า นทิ าน ส่อื การเรียนการสอนภาษาชอง ๒.๑ หนงั สอื เลม่ เล็ก ๖๖ เร่อื ง ได้แก่ ๑. กะค่อ ม็อง่ กะท่ง ๒๓. ตาเบย้ี ว ๒. กะทง่ ม็อง่ กะยาง ๒๔. ตาอิน ม็อง่ ตามา ๓. กะปาว อิ อนี โซจ ๒๕. โตด เทีย่ ว พร่ี ๔. กะมรา ม็อง่ โจ ปอด ฮาย ๒๖. เที่ยว พร่ี ๕. กะยาง ม่อง ซี กะล่อง ๒๗. นายพรานล่าสตั ว์ ๖. กะว่าย เคน กิจ ๒๘. เน้ว พ์าย นก่ั เจอะ ว่าย ซู้จ ๗. กะว่าย ตบั ช์ก ๒๙. เน้ว พา์ ย นัก่ ทงั่ ครัง่ ๘. แกว้ วา์ ง คัฮ ๓๐. บงิ บาง ท่ัง กู้บ ๙. คะนญั มะฮดั ซะจนั ๓๑. บุญธรรม เจว โรง่ เรย่ี น ๑๐. คะเน้ว ซุก ญญั ๓๒. เพลงรําวง ๑๑. คะเน้ว ติ โม์ย นก่ั ๓๓. มู ตอ็ ง แสน สขุ ๑๒. คะเนว้ นัฒ เจว โรง่ เรีย่ น ๓๔. เม่ กะตา มอ็ ง่ เคน ๑๓. คะเน้วๆ เจอะ ค้ยุ จัง๊ ๆ ๓๕. แมงท่บั ม่อง มะง่าม ๑๔. เคน ช้มิ ร่อด โฮจ ๓๖. ย่าย มอ็ ่ง กะทง่ ๑๕. งิ บาย วน่ั เซา คอล หนู นา ๓๗. รัก เนม้ อดู ตาํ ลงึ ๑๖. ชอ ทอย ก้บู ๓๘. โรง่ เรย่ี น คอง หนู ดี ๑๗. ชอ์ ง ท่อ แซ มอ่ ง ซี วาก ๓๙. เลง่ ทด่ื ม่า กาบ ลอง ๑๘. ชม่ึ ชอง ตอ้ ง สู้ ๔๐. วา น่อง (ฉบบั ทดสอบ) ๑๙. แดง ทู่ โร๋งเร่ียน ๔๑. เจวจันทะบยู ๒๐. ตาญกุ ปาก นอ่ ง เจอะ กะว่าย ซู้จ ๔๒. เลย่ี งโบด เล่ียงกะปาว ๒๑. ตาติงกบู้ ม็อ่ง โจ ๔๓. เน้วกะม่าง ๒๒. ตาทุย ๔๔. ชอ์ งโฮจแทฮจัก ๘๔   

๔๕. ชึ่มชอ์ ง นะ ตอ้ ย ๕๖. กอ็ งร่ญู ๔๖. เคียนจักเคนมา่ งเมม่ ่างอูญ ๕๗. ทืด่ ม่า กะล่ัก พงั่ กะปาว ๔๗. เมอ่ ูญ เคน ๕๘. กะท่ง มอ็ ่ง กะวา่ ย ๔๘. ชะมัยต้อยชนั แป็นเนว้ ๕๙. ท่อ กะทา่ ย ๔๙. ค็อบขัน ๖๐. นิทานโบราณ ๕๐. กึยอดึ อนี เทล่ว เจวอดึ อนี เพอ่ื น ๖๑. ตาพา เลยี่ ง ง่วั ๕๑. ชนั รอค โฮจ เพร่ะ อดู กะค่าบ ๖๒. เท่ียว กะเพลิง ๕๒. ยา่ ยกะตา ๖๓. ชึม่ เลีย่ ง งวั่ ๕๓. เพว้ นกั เจวเท่ยี วพร่ี ๖๔. เน้ว เล่ียง กะปาว ๕๔. กะปาวปอดฮาย ๖๕. กะยาง ม็อ่ง ซี ๕๕. ทอ่ ซวนกะวาญ ๖๖. คะเนว้ กะฮอด แท็ฮ ปงึ ๒.๒ หนังสอื สาํ หรบั ระดบั ๒ (เรื่องเลา่ ) จาํ นวน ๔๓ เรอื่ ง ไดแ้ ก่ ๑. กะช่มึ พจู ม่ันยาง พรี่ ครอง กะโค ๒๐. ตาตงิ ก้บู มอ็ ง่ โจ โจว พร่ี น่อง ๒. กระท่ง จอม ปอ็ ด ๒๑. ตาเทน ๓. กะท่ง แกลง กะวา่ ย 1 ๒๒. ตาบุน ยา่ ยจัน มอ็ ่ง โจ ท่อ แซ ๔. กะทง่ แกลง กะว่าย 2 ๒๓. ตายุ คอด กะเพลิง ๕. กะทง่ มอ็ ่ง เคลาะ ๒๔. ท็อมพงี ทึ่ง พรี่ ๖. กะแทฮ็ ล่อย ท่าก ๒๕. ทู่เรย่ี นเพ่ือนรั่ก ๗. กะมลอฮ โตด กะมลา่ ง ๒๖. นก่ั มะ่ โฮจ ๘. กะว่าย ซะมงิ ๒๗. นา่ งปาง ๙. เขาลูกชา้ ง เกาะช้าง ๒๘. นายพร่าน เปรียว ๑๐. คะเนว้ ชอ์ ง ครองมลู่ ตอ็ ง พร่ี ๒๙. พรอก คี เบอื คอก แซ ๓๐. พย่ั ยัง ค่ัน อิฮ เยาะ ๑๑. คะเน้ว พา์ ย นั่ก ม็อง่ ช้มึ ๓๑. มูจ้ เย่าะ ต้อง ตาหลอม ๑๒. คะเน้ว เลง่ นงั กะติก ๓๒. เม์ว กะมล่อง ๑๓. คะเนว้ เลง่ ร่ด ซุง ๓๓. แม่โพซบ ๑๔. คะเนว้ เลยี่ ง กะปาว ๓๔. แมว ม็อง่ ชอ ๑๕. คะเนว้ อิ อีน วก่ เอา ๓๕. รมคะนํา ๑๖. เจ้น รึ เพลง ซา ๓๖. ร่าย พ่าย นาง ๑๗. ชอโง่ ๓๗. เร่ือง เพว้ เกลอ ๑๘. ช้มื แกล็ฮ มอ็ ่งชม้ึ กะลา่ ง ๓๘. เรอื่ งโกฮก ๑๙. ตาญกุ กราก มัน่ ยาง ๓๙. ลกู แก่ว วิเ่ ซด ๘๕   

๔๐. วีระ่ บรุ ดุ ชึม่ พ่ยุ ๔๒. อูญ ยา่ ย มอก ม็อง เคน พะซา ๒ ๔๑. อญู ย่าย มอก ม็อง เคน พะซา ๑ ๔๓. อดู ค่าย มอ็ ่ง อูด ครกั ๒.๓ หนังสือรวมเร่อื งเล่านิทาน เพลง และบทกลอน ภาษาชอง จํานวน ๖๑ เร่อื ง ๑. ท่ืด กะปฮั ม่า ๒๙. ลูกกตญั ญู ๒. เพลง ชับกูบ้ ๓๐. โกนจกุ ๓. ยักษ์กบั ชาวนา ๓๑. พ่อตากับลูกเขยถากเสาบนเขา ๔. ตาํ นาน ซุกควิ่ ทอง (ตะเคียนทอง) ๓๒. ตักน้าํ มันยาง ๕. ดาํ นา ๓๓. เพลง ช่มว่ายท่อง ๖. เพลงลงิ ประกอบทา่ ทาง ๓๔. กลอนมด่ั ดัก ๗. ตาํ นาน ซกุ ล่าํ พงั ๓๕. เพลงฮอบ ปล็อง ม็อง่ กรบึ ๘. ลงุ หนกู ับน้าบุญขายเงาะ ขาย ๓๖. เรื่อง ทําบญุ สาร์ท ทุเรียน ๓๗. ชม่ึ ช์อง เที่ยว พกั พลกี ะทง่ (หาลูก ๙. ลงึ ชอบลาบวช เร่ว) ๑๐. เพลง วด่ั เม์ว ๓๘. การทอ่ ซวนกะวาญ ๑๑. เพลง ฮอบ ปลอ็ ง มอ็ ง่ กรบึ ๓๙. เพลงบา้ นเรามีงาน ๑๒. กะล่างกลัก พา่ ยทก่ ๔๐. กาตัด ๑๓. การเล่น ญกิ ญองพอ่ งแจง ๔๑. ตีนกับตา ๑๔. นายมากบั นายเบีย้ ว ๔๒. ลุกกะท่ิ ๑๕. น่ทิ ่าน เรื่อง คองวเ่ิ ซด ๔๓. ตาโปง้ ท่อบาย ๑๖. เพลงแก้ ชาย – หญิง ๔๔. เพลง กอ้ งปาก ๑๗. เรอื่ งสเ่ี กลอ ๔๕. รักษาภาษาชอง ๑๘. ศัตรขู า้ ว ๔๖. เขาพังน้าํ ทว่ ม (นอ่ งพั่ง) ๑๙. ยา่ ยคาร มอตําแย ๔๗. เพลง กล่อมลกู ๒๐. ซบั ปะเรอ (ความตาย) ๔๘. คองฮดี ๒๑. การเลน่ ซีชาพดั ๔๙. ท่อบุนกรจุ ซงกราน ๒๒. ตาํ นาน ขนมจีน ๕๐. ช้มึ รอก มอ็ ง่ กะปาว ๒๓. เรอื่ งวันอาสาฬหบูชา ๕๑. เมย่ ายกับลกู เขย ๒๔. เรอ่ื ง ผี ๕๒. คาํ คม ๒๕. ลงุ ดาํ กับลงุ เขยี น (แตง่ กง่ิ ผลไม)้ ๕๓. เพลงจําใหไ้ ด้ ๒๖. ขน้ึ บ้านใหม่ ๕๔. เน้ว พ์ายนกั่ ๒๗. เพลง ปากนอ่ ง ๕๕. เร่ืองของเพ่ือบ้านอกั ษร ล. ๒๘. เม่ย่าง มอ็ ่ง เคนยา่ ง ๕๖. คาํ คล้องจอง ๘๖   

๕๗. กลอน ๖๐. เสอื กับเตา่ ๕๘. วนั กลอนพรรษา ๖๑. เพลง ก้กู ว่า ๕๙. พ่อตากับลกู เขยตอนที่ 2 ๒.๔ หนังสอื ๑๐๐ บรรทดั จํานวน ๒ เร่อื ง ไดแ้ ก่ เร่ือง อึด ซาน เซพา และ เร่อื ง ช้ีมกยึ โฮจ ๓) ประเภทคมู่ ือครภู มู ิปัญญา และแบบเรยี นการเบื้องตน้ ภาษาชอง - คูม่ ือครูภูมิปญั ญา หลักสูตรทอ้ งถ่ินภาษาชอง ช้ันประถมศึกษาปที ี่ ๓ ภาคการศึกษา ท่ี ๑ ปกี ารศกึ ษา ๒๕๔๖ (โครงการอนรุ กั ษแ์ ละฟ้นื ฟูภาษาชอง) - คมู่ ือครภู มู ปิ ญั ญา หลกั สูตรทอ้ งถน่ิ ภาษาชอง ชัน้ ประถมศกึ ษาปีท่ี ๔ ภาคการศกึ ษา ที่ ๑ ปกี ารศกึ ษา ๒๕๔๖ (โครงการอนรุ ักษ์และฟ้นื ฟภู าษาชอง) - คูม่ ือครูภูมปิ ัญญา หลักสูตรทอ้ งถน่ิ ภาษาชอง ชัน้ ประถมศึกษาปีที่ ๓ ภาคการศึกษา ท่ี ๑ ปีการศกึ ษา ๒๕๔๗ (โครงการอนรุ ักษแ์ ละฟ้ืนฟูภาษาชอง) - คูม่ อื ครภู ูมปิ ญั ญา หลกั สตู รทอ้ งถ่ินภาษาชอง ชั้นประถมศึกษาปที ี่ ๔ ภาคการศกึ ษา ท่ี ๑ ปกี ารศกึ ษา ๒๕๔๗ (โครงการอนุรักษแ์ ละฟืน้ ฟภู าษาชอง) - แบบเรยี นเบือ้ งตน้ ภาษาชอง สาํ หรับนักเรียนประถมศกึ ษา ท่ีอา่ นออกเขยี น ภาษาไทยได้ (โครงการอนรุ ักษแ์ ละฟื้นฟภู าษาชอง จันทบรุ ี พ.ศ. ๒๕๔๕) จาํ นวน ๑๗ บท ๔) ประเภทองคค์ วามรูแ้ ละภมู ปิ ัญญาท้องถน่ิ ๔.๑ หนงั สอื ชุดความรู้ “พืชคลมุ้ และคลา้ (รนุ่ ท่าก – รุน่ เชอ) ประกอบดว้ ยเนือ้ หาดังน้ี - เส้นทางการศึกษาพชื คลุ้มกบั งานวิจัย - ลักษณะสกลุ ของคลมุ้ - ภาวะปัจจบุ นั ของพชื คลมุ้ - คลุ้มกับความสมั พนั ธ์ในธรรมชาติ - พืชคล้มุ กบั ความเชื่อ - คุณลกั ษณะเดน่ ของพืชคลุม้ – คล้า - การใชป้ ระโยชนจ์ ากคลุ้ม – คล้า - สภาพดั้งเดมิ และความเปลี่ยนแปลง - คุณลกั ษณะคลา้ กบั ธรรมชาติและถ่นิ อาศยั - การนําคล้ามาใช้ประโยชน์ - ความรู้ทวั่ ไปเกี่ยวกับพืชคลมุ้ คลา้ (๑) - ความรทู้ ่วั ไปเกย่ี วกับพชื คลมุ้ คล้า (๒) - นทิ านเกี่ยวกับพชื คลุม้ เรือ่ ง ยายกะตยุ กับกระต่าย และ ยา่ ย ม็อ่ง กะทง่ - ทําเนียบภมู ิปัญญาจกั สานในชมุ ชน ๘๗   

๔.๒ ข้อมลู องคค์ วามรู้ของชาวชอง (จากโครงการศนู ยก์ ารเรียนรู้ฟืน้ ฟูภาษา – วฒั นธรรมชอง) ดงั รายละเอียดตอ่ ไปนี้ ๑) บริบทท่ัวไปของชาวชอง - ชาวชอง : ชนพืน้ เมอื งในภาคตะวันออกของประเทศไทย - ถิ่นฐานที่ตง้ั ของชมุ ชนชาวชองในตาํ บลตะเคียนทองและตําบลคลองพลู - ข้อมูลทัว่ ไปของชาวชองในชมุ ชนตะเคียนทองและตาํ บลคลองพลู ๒) ประวตั ิความเป็นมาของชาวชอง - ตํานานจนั ทบุรีกบั คนชอง - ตาํ นานเมืองกาไวกับคนชอง - พญากาํ พุชกบั ชาวชอง - สมเดจ็ พระเจ้าตากสนิ มหาราชกับชาวชอง - คาํ บอกเลา่ ของหลวงพอ่ เพ็ชร และวัดโบราณ - ประวตั ิศาสตร์ความทรงจําเกยี่ วกบั วถิ ีชีวิตชาวชอง ๓) บริบทชาวชองในปัจจบุ นั - การตัง้ ถ่นิ ฐานและบ้านเรือนของชาวชอง - ความสมั พนั ธ์ของคนในชมุ ชน - วิถีการผลิต เศรษฐกจิ และการทํามาหาเลี้ยงชพี ๔) วฒั นธรรมชอง - ภาษาท้องถน่ิ (ภาษาชอง) - วัฒนธรรมการแต่งกาย - ประเพณแี ละความเช่ือเกี่ยวกับชีวติ - วฒั นธรรมการพยาบาล - วฒั นธรรมการเกษตร - จารตี ประเพณี และพิธกี รรมความเชอ่ื ของชาวชอง - ข้อห้ามของชาวชอง - การให้ศาลพระภูมเิ จ้าท่ี - การทาํ พิธีเลน่ ผหี ง้ิ - ประเพณเี ซน่ ไหวศ้ าลประจาํ หมู่บา้ น - อาหารพ้ืนบ้านของชาวชอง - ดนตรแี ละเพลงพืน้ บา้ น - ศิลปหัตถกรรมพื้นบ้าน เครื่องใช้สอยในการดําเนินชีวิตของชาวชอง - วฒั นธรรมการผลิตและการทาํ มาหากินของชาวชอง ๘๘   

- กจิ กรรมของชมุ ชนชองในรอบปี - งานประเพณที ั่วไปของชุมชน - ลักษณะบ้านเรอื นของชาวชอง อาจกล่าวสรุปการดําเนินงานฟื้นฟูภาษาและภูมิปัญญาท้องถ่ินของชาวชอง ทําให้เกิดการ รวบรวมองค์ความรแู้ ละภูมปิ ญั ญาทอ้ งถน่ิ ของชาวชองในรปู แบบตา่ ง ๆ มากมาย อาทิเช่น ระบบตัวเขียนภาษา ชอง พจนานุกรมภาษาชอง เรอื่ งเล่า นทิ าน ตลอดจนองค์ความรู้และภูมิปัญญาท้องถ่ินของชาวชอง นอกจากนี้ ยงั เกดิ การถ่ายทอดสกู่ ลุม่ เยาวชน โดยการนําภาษาชองเขา้ ไปสอนในระบบโรงเรียน ท้ังในรูปแบบรายวิชา ตาม หลกั สตู รทอ้ งถิ่น และรูปแบบการบูรณาการเข้ากับสาระการเรียนรู้ ซ่ึงถือเป็นการฟ้ืนฟูภาษาและวัฒนธรรมท้ัง ภายในชุมชนและในระบบโรงเรียน เกิดการสืบทอดภาษาและวัฒนธรรมของชาวชองต่อไปยังรุ่นเยาวชน นอกจากนี้กระบวนการทํางานวิจัยเพ่ือท้องถ่ินยังถือเป็นกระบวนการเรียนรู้ ทําให้ชุมชนได้เรียนรู้ภาษาและ องค์ความรู้ภูมิปัญญาท้องถิ่นของชาวชอง อีกทั้งยังสามารถสร้างศักยภาพนักวิจัยท้องถ่ินชาวชองให้สามารถ พัฒนาชมุ ชนในดา้ นอน่ื ๆ ตอ่ ไปได้อกี ด้วย ๕.๓ กา้ วตอ่ ไปของการฟ้ืนฟูภาษาและภูมิปญั ญาทอ้ งถิ่นของชมุ ชนชอง การฟื้นฟูภาษาและภูมิปัญญาท้องถิ่นของชุมชนชองได้มีการดําเนินงานมาอย่างต่อเน่ืองต้ังแต่ปี พ.ศ. ๒๕๔๔ โดยเกิดขึ้นในลักษณะการบันทึกรวบรวมภาษา และภูมิปัญญาท้องถ่ินของชาวชอง โดยใช้ระบบ ตวั เขยี นภาษาชองเป็นเครอ่ื งมือในการบนั ทกึ ตลอดจนการถ่ายทอดองค์ความรู้ด้านภาษาและวัฒนธรรมสู่กลุ่ม เยาวชนในชุมชน ท้ังภายในชุมชนและภายในระบบโรงเรียน นอกจากน้ีปัจจุบัน (พ.ศ. ๒๕๕๖) ชาวชองยังได้ รวมกลุ่มกัน โดยเกิดการดําเนินงานวิจัยในโครงการ “เยาวชนรักษ์ครัวช์อง” ภายใต้โครงการ “การฟื้นฟูของ กินพ้ืนบ้านเพ่ือเสริมสร้างความมั่นคงทางอาหารและสืบสานวัฒนธรรมในกลุ่มชาติพันธุ์” ได้รับสนับสนุนทุน จากสํานักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) ซ่ึงได้มีการทํากิจกรรมร่วมกัน โดยกลุ่มแม่บ้าน รว่ มกันถา่ ยทอดองค์ความรู้และภูมิปัญญาท้องถ่ินในการประกอบอาหารพ้ืนบ้านของตนเอง ให้แก่กลุ่มเยาวชน โดยผ่านการปฏิบตั ิจรงิ และมีการบนั ทึกเมนูอาหาร สว่ นประกอบ และวธิ ีการปรงุ อาหารร่วมกัน ซึ่งสามารถทํา ให้เด็กและเยาวชนชองสามารถซึมซับวัฒนธรรมชองได้ในระดับหนึ่งด้วย นอกจากนี้ชุมชนยังได้รับการส่งเสริม และสนบั สนนุ จากสาํ นักงานสนับสนุนการวจิ ยั ใหเ้ กิดแหลง่ เรยี นรู้และแหลง่ ทอ่ งเทย่ี วเชงิ อนรุ ักษอ์ กี ด้วย แต่อย่างไรก็ตาม การฟื้นฟูภาษาและภูมิปัญญาท้องถิ่นของชุมชนชองอย่างยั่งยืน ยังคงมีความ จําเป็นตอ้ งได้รับการสนับสนุนและการจัดกิจกรรมอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะการจัดให้มีการเรียนการสอนภาษา และวัฒนธรรมชองในโรงเรียนอย่างต่อเน่ือง นอกจากน้ียังต้องได้รับการสนับสนุนทั้งการทํางานและ งบประมาณจากหนว่ ยงาน หรือองค์กรที่เกี่ยวข้องในพืน้ ทอี่ ย่างต่อเนือ่ งอีกดว้ ย ๘๙   

๕.๔ ขอ้ เสนอใหเ้ ปน็ มรดกภูมปิ ัญญาทางวฒั นธรรมของชาติ / มนุษยชาติ ๕.๔.๑ เหตผุ ล ภาษาชอง ถือเป็นภาษากลุ่มชาติพันธุ์ในตระกูลออสโตรเอเชียติก สาขามอญ – เขมร เป็น เครื่องมือท่ีใช้ส่ือสารในวิถีการดํารงชีวิตของกลุ่มชาติพันธ์ุ ที่อาศัยอยู่ในประเทศไทย ซ่ึงสะท้อนโลกทัศน์ ภูมิปัญญา และวัฒนธรรมของแต่ละกลุ่มชน ท้ังเสียงพูด ตัวอักษร หรือสัญลักษณ์ท่ีใช้แทนเสียงพูด ทั้งภาษา ชองมีลักษณะท่ีโดดเด่นดังน้ี ภาษาชอง มีระบบเสียงท่ีแสดงลักษณะของภาษากลุ่มมอญ – เขมรท่ีชัดเจน โดยมี พยัญชนะต้น (๒๒ ตัว) พยัญชนะสะกด (๑๑ ตัว) โดยเฉพาะอย่างยิ่งการใช้ตัวสะกด จ ญ และ ฮ เป็นต้น และ มีลักษณะน้ําเสียงท่ีโดดเด่น ๔ ลักษณะ ได้แก่ ๑) ลักษณะนํ้าเสียงกลางปกติ เช่น กะวาญ = กระวาน, กะปาว = ควาย ๒) ลักษณะนํ้าเสียงต่ําใหญ่ (เสียงก้องมีลม) เช่น กะว่าย = เสือ, มะง่าม = ผึ้ง ๓) ลักษณะน้ําเสียงสูง บีบ (เสียงปกติตามด้วยการกักของเส้นเสียง) เช่น ค้อน = หนู, ซู้จ = มด ๔) ลักษณะนํ้าเสียงต่ํากระตุก (เสียง ก้องมีลมตามด้วยการกักของเส้นเสียง) เช่น ช์อง = ชอง, เม์ว = ปลา ไวยากรณ์ภาษาชองโดยท่ัวไปมีลักษณะ เรียงคําแบบประธาน – กริยา – กรรม เช่นเดียวกับภาษากลุ่มมอญ-เขมรอื่น ๆ เช่น ประโยคว่า อูญ ฮอบ ปล็อง ม่อง เม์ว <พ่อ-กิน-ข้าว-กับ-ปลา> = พ่อกินข้าวกับปลา ลักษณะไวยากรณ์ที่เป็นเอกลักษณ์ คือการใช้ คําปฏิเสธ ๒ คํา ประกบหน้าและหลังคํากริยาหรือกริยาวลี เช่น ย่าย ม่อง ตา พ์าย น่ัก อิฮ อีน กะปิฮ ฮอบ ปล็อง อิฮ <ยาย-กบั -ตา-สอง- คน-ไม่-มี-อะไร-กนิ -ขา้ ว-ไม่> = สองคนตายายไมม่ อี ะไรจะกิน เปน็ ต้น ปัจจุบันการใช้ภาษาชอง ตลอดจนวัฒนธรรมของชาวชองอยู่ในภาวะถดถอยเป็นอย่างมาก คนชอง ส่วนมากใช้ภาษาไทยในการส่ือสารในชีวิตประจําวันแม้แต่ผู้สูงอายุ เยาวชนชาวชองรุ่นอายุตํ่ากว่า ๓๐ ปี ไม่ สามารถพูดภาษาชองได้ และใช้ภาษาไทยเป็นภาษาที่หนึ่ง ภาษาชองจึงจัดเป็นภาษาท่ีอยู่ในภาวะวิกฤตขั้น รุนแรงใกล้สูญ ซ่ึงมีผลต่อการสูญเสียภูมิปัญญาท้องถ่ินและองค์ความรู้ในด้านต่าง ๆ ท่ีสะท้อนผ่านคําศัพท์ใน ภาษาชอง เช่น เรื่องเก่ียวกับป่า พรรณพืช อาหารพื้นบ้าน สมุนไพร พิธีกรรม ความเชื่อและประเพณี เช่น พิธี แต่งงาน “กาตัก” ของชาวชอง และการละเลน่ พื้นบ้าน เชน่ “ซะบา” เป็นต้น ทั้งนี้ภาษาชอง ถือเป็นภาษาที่มีคุณสมบัติอยู่ในเกณฑ์การพิจารณาขึ้นทะเบียนเป็นมรดกภูมิปัญญา ทางวฒั นธรรมของชาติ / มนุษยชาติ กล่าวคือ เป็นมรดกทางภูมิปัญญาของชุมชน เป็นภาษาท่ีเคยใช้หรือใช้ใน ชุมชน และเสี่ยงต่อการสูญหายหรือเผชิญกับภัยคุกคาม มีการสืบทอดและยังปฏิบัติอยู่ในวิถีชีวิต และเป็น เอกลักษณ์ของชาติ หรอื อัตลักษณข์ องชมุ ชนหรอื ภมู ภิ าค ดังนั้น ภาษาชอง จึงได้รับการประกาศขึ้นทะเบียนเป็นมรดกภูมิปัญญาทางวัฒนธรรมของชาติ สาขา ภาษา ประจําปี พ.ศ. ๒๕๕๕ โดยมีวัตถุประสงค์เพ่ือบันทึกประวัติความเป็นมา ภูมิปัญญาและอัตลักษณ์ของ มรดกภูมิปัญญาทางวัฒนธรรม เพื่อเป็นฐานข้อมูลสําคัญเกี่ยวกับมรดกภูมิปัญญาทางวัฒนธรรมท่ีอยู่ใน อาณาเขตประเทศไทย เพื่อเสริมสร้างบทบาทสําคัญ และความภาคภูมิใจของชุมชน กลุ่มคน หรือบุคคลที่เป็น ผู้ถือครองมรดกภูมิปัญญาทางวัฒนธรรม เพ่ือส่งเสริมและพัฒนาสิทธิชุมชนในการอนุรักษ์ สืบสาน ฟื้นฟู และ ปกป้องคุ้มครองมรดกถูมิปัญญาทางวัฒนธรรมของท้องถ่ินและของชาติ และเพื่อรองรับการเข้าเป็นภาคี ๙๐   

อนุสัญญาเพื่อการสงวนรักษามรดกวัฒนธรรมท่ีจับต้องไม่ได้ของยูเนสโก ทั้งน้ีการประกาศขึ้นทะเบียนมรดก ภูมิปัญญาทางวัฒนธรรม จึงเป็นหนทางหนึ่งในการปกป้องคุ้มครอง และเป็นหลักฐานสําคัญของประเทศไทย ในการประกาศความเป็นเจา้ ของมรดกภมู ปิ ัญญาทางวฒั นธรรม (กรมสง่ เสริมวฒั นธรรม, ๒๕๕๕) ๕.๔.๒ แนวทางการส่งเสริมให้ภาษาชองเป็นมรดกภมู ปิ ญั ญาทางวฒั นธรรมของชาต/ิ มนษุ ยชาติ ทีมวิจัยได้ดําเนินการจัดประชุมในเวที “ระดมความคิดเห็น แนวทางในการสงวนรักษา ภาษาและภูมิปัญญาท้องถ่ินของกลุ่มชาติพันธุ์ชอง” โดยชุมชนชองได้ร่วมกันระดมความคิดเห็นร่วมกันใน ประเดน็ ปัจจยั หรือแนวทางที่จะทาํ ให้สามารถฟื้นฟภู าษาและวฒั นธรรมของตนเอง มรี ายละเอียดตอ่ ไปน้ี ทีมวิจัยและชุมชนชาวชองได้ร่วมกันจัดเวที “ระดมความคิดเห็น แนวทางในการสงวนรักษา ภาษาและภูมิปัญญาท้องถ่ินของกลุ่มชาติพันธ์ุ : ภาษาชอง” ในวันท่ี ๓๑ กรกฎาคม ๒๕๕๖ ณ ศาลาวัดทุ่ง กบนิ ทร์ ต.คลองพลู อ.เขาคิชฌกฏู จ.จนั ทบรุ ี โดยมีผ้ทู รี่ ่วมระดมความคดิ เห็นได้แก่ คนในชุมชนท้ังตําบลคลอง พลู และตาํ บลตะเคียนทอง, ปราชญ์ชุมชน, กํานัน ผู้ใหญ่บ้าน, เทศบาลตําบลพลวง, กลุ่มเยาวชน ต.คลองพลู, ครูจากโรงเรียนวัดคลองพลู, ครูจากโรงเรียนวัดตะเคียนทอง, อาจารย์จากมหาวิทยาลัยราชภัฎรําไพพรรณี, นักวิชาการวัฒนธรรมชํานาญการ วัฒนธรรมอําเภอเขาคิชฌกูฏ, ศึกษานิเทศจากสํานักงานเขตพื้นท่ีการศึกษา ประถมศึกษาจันทบุรี เขต ๒ โดยได้แบ่งกลุ่มย่อย และร่วมกันระดมความคิดเห็น สามารถสรุปปัจจัยหรือ แนวทางที่จะทาํ ใหส้ ามารถฟื้นฟูภาษาและวัฒนธรรมชองไดด้ ังนี้  ผู้นําชุมชน และหน่วยงานที่เก่ียวข้องมีการทํางานด้านการอนุรักษ์ ฟื้นฟูภาษาและ วฒั นธรรมชองรว่ มกันอยา่ งจรงิ จัง  เกดิ เครือข่ายคณะทํางานทงั้ ในระดับชุมชน ตําบล และจงั หวดั  ได้รับการสนับสนุนทั้งในด้านการทํางานและงบประมาณจากหน่วยงานราชการ ให้เกิด กิจกรรมด้านการอนุรักษ์ภาษาและภูมิปัญญาท้องถิ่นอย่างต่อเน่ือง และสามารถเชื่อมโยงสู่ด้านการท่องเที่ยว เชิงอนุรักษ์ภาษาและวัฒนธรรมชอง (ภาษาชอง เกษตรอินทรีย์ ความม่ันคงทางอาหาร สมุนไพร ผลิตภัณฑ์ พน้ื บ้านชอง)  เกิดเครือข่ายผู้รู้ หรือครูภูมิปัญญา ท่ีสามารถถ่ายทอดองค์ความรู้ทางด้านภาษาและ วฒั นธรรมสลู่ กู หลานคนชอง  ทําให้คนชองเกิดสํานึกรักบ้านเกิด เสริมสร้างอัตลักษณ์ของตนเอง และกระตุ้นให้คน ชองมคี วามตนื่ ตัวในการอนรุ กั ษ์ภาษาและวัฒนธรรมของตนเอง  สนับสนุนและส่งเสริมให้มีจัดการเรียนการสอนภาษาชอง ตามหลักสูตรท้องถิ่นใน โรงเรียนอย่างตอ่ เนอ่ื ง  จัดกิจกรรมการถ่ายทอดความรู้สู่กลุ่มเด็กและเยาวชน เช่น ฝึกพูดภาษาชอง, ฝึก ทาํ อาหารชอง, ฝกึ เขยี นภาษาชอง, เรยี นรูค้ วามเปน็ อย่ขู องคนชองในอดีต  รณรงค์ใหค้ นชองพูดภาษาชองกบั คนในครอบครวั / เพ่ือนบา้ น ๙๑   

 จัดกิจกรรมวัฒนธรรม ประเพณีพื้นบ้านและการละเล่นของคนชอง ตามงานหรือ เทศกาลตา่ ง ๆ เช่น การเลน่ สะบา้ การรํายนั แย่ ในงานสงกรานต์ เปน็ ตน้  ชว่ ยกันอนุรักษ์พืชผักสมนุ ไพรพ้นื บ้านของชอง เช่น กระวาน ตะไคร้ ขา่ แลว้ นํามา ประกอบอาหารชองทานกันเอง  จดั ต้ังชมรมคนใชภ้ าษาชอง  สนับสนนุ ใหม้ กี ารเผยแพรภ่ าษา และภูมปิ ญั ญาท้องถิ่นของชาวชองอย่างต่อเนอื่ ง อาจกล่าวสรุปได้ว่า ชุมชนชองมีความต้องการให้เกิดการอนุรักษ์และฟื้นฟูภาษาของตนเอง อย่างต่อเนื่องและเกิดความยั่งยืน ทําให้ชุมชนเกิดความตระหนักและเห็นคุณค่าในภาษาและวัฒนธรรมของ ตนเอง โดยการจัดกิจกรรมในชุมชนหลากหลายรูปแบบ เช่น การจัดกิจกรรมส่งเสริมการอนุรักษ์และฟ้ืนฟู ภาษาและวัฒนธรรม การจัดทําแหล่งเรียนรู้ในชุมชน การส่งเสริมให้พูดภาษาท้องถ่ินภายในบ้าน การจัดให้มี การเรียนการสอนท้ังในระบบโรงเรียน และภายในชุมชน ท้ังน้ีควรได้รับการสนับสนุนการทํากิจกรรมและด้าน งบประมาณจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในพื้นที่ เช่น องค์กรปกครองส่วนท้องถ่ิน สํานักงานเขตพ้ืนที่การศึกษา ประถมศกึ ษา เป็นตน้ ๙๒   

บรรณานุกรม กรมส่งเสริมวัฒนธรรม. ๒๕๕๕. มรดกภูมิปัญญาทางวัฒนธรรมของชาติ. กรมส่งเสริมวัฒนธรรม กระทรวง วัฒนธรรม. ฉวีวรรณ ประจวบเหมาะ. ๒๕๕๕. เอกสาร (ร่าง) แนวทางการรวบรวมและจัดเก็บข้อมูลมรดกภูมิปัญญาทาง วฒั นธรรม. เอกสารอัดสําเนา เฉิน ผันผาย. ๒๕๔๗. รายงานฉบับสมบูรณ์ โครงการการอนุรักษ์และฟื้นฟูภาษาชอง ต.ตะเคียนทอง และ ต. คลองกลู กงิ่ อ.เขาคชิ ฌกูฎ จ.จันทบุรี ระยะที่ ๒. สํานักงานกองทุนสนับสนนุ การวิจัย (สกว.). _____. ม.ป.ป. บันทกึ วัฒนธรรมชอง. เอกสารอดั สําเนา. ชัยอนันต์ สมุทรวานิช. ๒๕๕๑. ปาฐกถาพิเศษ เร่ือง “ความสําคัญของนโยบายภาษาแห่งชาติ” ในการประชุม ทางวิชาการเรื่อง “ความหลากหลายและความสําคัญของภาษาท้องถิ่นที่นําไปสู่นโยบายภาษา แห่งชาต”ิ . ประวีร์ บรรจงการ. ๒๕๕๔. รายงานฉบับสมบูรณ์ โครงการแนวทางการปรับปรุงและพัฒนาหลักสูตรภาษา และวฒั นธรรมประเพณชี องแบบบูรณาการโรงเรยี นวดั ตะเคยี นทอง (เพชโรปถัมภ์) โดยชุมชนมีส่วนร่วม ตาํ บลตะเคยี นทอง อําเภอเขาคิชฌกูฏ จังหวดั จนั ทบรุ ี. สาํ นกั งานกองทุนสนบั สนนุ การวิจัย (สกว). มณเฑยี ร พัฒเสมา. ๒๕๕๐. รายงานฉบบั สมบูรณ์ โครงการการศกึ ษาความรชู้ าวชองเรื่องคลุ้ม – คล้า (รุ่นทาก – ร่นุ เชอ) โดยใช้ภาษาชองเป็นแนวทางในการศึกษา. สาํ นักงานกองทนุ สนับสนุนการวิจัย (สกว.). ราชบัณฑติ ยสถาน. ๒๕๕๕. คู่มอื ระบบเขยี น ภาษาชอง อกั ษรไทย. ราชบัณฑิตยสถาน. รุ่งเพชร ผันผาย. ๒๕๕๑. รายงานฉบับสมบูรณ์ โครงการวิจัยการพัฒนาศูนย์การเรียนรู้ฟ้ืนฟูภาษา – วัฒนธรรมชอง เป็นแหล่งเรียนรู้ชุมชน โดยชุมชนมีส่วนร่วม. สํานักงานกองทุนสนับสนุนการวิจัย (สกว.). สายฝน เหล่ือมคั้น. ๒๕๓๔. ภาษาชอง หมู่บ้านนํ้าขุ่น ๑ ตําบลคลองพลู อําเภอมะขาม จังหวัดจันทบุรี. วิทยานิพนธ์ปริญญามหาบัณฑิต สาขาวิชาจารึกภาษาไทย ภาควิชาภาษาตะวันออก บัณฑิตวิทยาลัย มหาวิทยาลัยศิลปากร. สิริรัตน์ สีสมบัติ. ๒๕๕๒. แหล่งเรียนรู้ชุมชนกับการฟ้ืนฟูอัตลักษณ์ทางชาติพันธ์ุของชาวชอง. วิทยานิพนธ์ ปรญิ ญามหาบัณฑติ สาขาวัฒนธรรมศกึ ษา บัณฑติ วิทยาลัย มหาวทิ ยาลัยมหิดล. สุรพล ไชยพงษ์. ๒๕๕๐. รายงานฉบับสมบูรณ์ โครงการการสร้างหลักสูตรภาษาชองโดยการมีส่วนร่วมของ ชุมชน ต.คลองพลู และ ต.ตะเคียนทอง กิ่งอ.เขาคิชฌกูฎ จ.จันทบุรี. สํานักงานกองทุนสนับสนุนการ วิจยั (สกว.). สุเรขา สุพรรณไพบูลย์. ๒๕๒๕. ระบบเสียงในภาษาชองหมู่บ้านตะเคียนทอง ตําบลตะเคียนทอง อําเภอ มะขาม จังหวัดจันทบุรี. วิทยานิพนธ์ปริญญามหาบัณฑิต บัณฑิตวิทยาลัย มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิ โรฒประสานมิตร. _____. ๒๕๓๐. การศึกษากลุ่มชาตพิ ันธ์ชุ าวชอง. สมาคมสังคมศาสตรแ์ หง่ ประเทศไทย. _____. ๒๕๔๒. สารานุกรมวัฒนธรรมไทย ภาคกลาง เล่ม ๔. มูลนิธิสารานุกรมวัฒนธรรมไทย ธนาคารไทย พาณชิ ย์. ๑๐๒

สวุ ิไล เปรมศรรี ัตน์. ๒๕๔๓. “พฒั นาระบบเขยี นภาษาชอง”. วารสารภาษาและวฒั นธรรม ฉบบั ท่ี ๒: ๕ – ๑๘. สุวิไล เปรมศรีรัตน์ และสิริรัตน์ สีสมบัติ. ม.ป.ป. สารานุกรมชอง. สถาบันวิจัยภาษาและวัฒนธรรมเอเชีย มหาวิทยาลัยมหิดล. สุวิไล เปรมศรีรัตน์ และคณะ. ๒๕๔๗. แผนที่ภาษาของกลุ่มชาติพันธ์ุต่าง ๆ ในประเทศไทย. สํานักงาน คณะกรรมการวัฒนธรรมแหง่ ชาติ. _____. ๒๕๕๓. โครงการวิจัยปฏิบัติการเรื่อง “การจัดการเรียนการสอนโดยใช้ภาษาท้องถิ่น และภาษาไทย เป็นส่ือ : กรณีการจัดการศึกษาแบบทวิภาษา (ภาษาไทย – ภาษามลายูถิ่น) ในโรงเรียนเขตพ้ืนที่ ๔ จังหวัดชายแดนภาคใต้. ศูนย์ศึกษาและฟ้ืนฟูภาษาและวัฒนธรรมในภาวะวิกฤต สถาบันวิจัยภาษาและ วฒั นธรรมเอเชีย มหาวิทยาลยั มหิดล. _____. ๒๕๕๐. ประสบการณ์การฟ้ืนฟูภาษาในประเทศไทย กรณีภาษาชอง จังหวัดจันทบุรี. สํานักงาน กองทนุ สนับสนนุ การวจิ ัย (สกว.). _____. ๒๕๕๑. พจนานุกรมภาษาชอง. ศูนย์ศึกษาและฟ้ืนฟูภาษาและวัฒนธรรมในภาวะวิกฤต สถาบันวิจัย ภาษาและวฒั นธรรมเพอ่ื พัฒนาชนบท มหาวทิ ยาลยั มหดิ ล. อิสระ ชูศร.ี ๒๕๔๓. “วิถคี นชอง วัฒนธรรมการกินของชนชั้นดั้งเดิมในจันทบุรี”. วารสารครัว ฉบับที่ ๗๑: ๗๐ – ๗๗. _____. ๒๕๔๖. ชอง ฟ้นื ความหลงั และไปข้างหน้า”. วารสารเมืองโบราณ ฉบับท่ี ๓ : ๖๐ – ๖๗. Isara Choosri. 2002. Mapping Dialects of Chong in Chanthaburi Province, Thailand: An Application of Geographical Information System (GIS). The degree of Master of Art (Linguistic) Faculty of Graduate Studies Mahidol University. Nattamon Rojanakul. 2009. Chong Syntax. The degree of Master of Art (Linguistic) Faculty of Graduate Studies Mahidol University. Siripen Ungsittipoonporn. 2001. A phonological comparison between Klongphlu Chong and Wangkraphrae Chong. The degree of Master of Art (Linguistic) Faculty of Graduate Studies Mahidol University. ๑๐๓