ทม่ี า : แผน ปลวิ เผยแพร ท่ี 151 กองเกษตรสมั พนั ธ กรมสงเสริมการเกษตร ก า ร เ พ า ะ เ ห็ ด ห อ ม จ า ก ข้ี เ ล่ื อ ย เรยี บเรยี ง : พมิ พก านต อรามพงษพันธุ กองโรคพืชและจุลชีววทิ ยา กรมวิชาการเกษตร จดั ทาํ เอกสารเผยแพรอิเล็กทรอนิกสโดย : สาํ นกั สง เสรมิ และฝก อบรม มหาวทิ ยาลยั เกษตรศาสตร • วัสดอุ ปุ กรณ ความนาํ • วิธีการเพาะ การเพาะเห็ดหอมในถุงพลาสติก ใน • การบมเสนใย • ปจจัยที่สาํ คญั และการดูแลรักษา สภาพธรรมชาตไิ ดป ระสบความสําเรจ็ มา ตง้ั • การเก็บผลผลติ และการทําแหง ทถ่ี กู วธิ ี แต พ.ศ. 2521 ปจจุบนั ในการเพาะเห็ดหอม ดวยวิธีเพาะเลียนแบบธรรมชาติโดยไมตองใช ไมกอ (ไมที่ควรสงวนและรักษา) โดยใชหลัก การที่วา เหด็ หอมสามารถยอ ยเซลลโู ลส และ ลิกนนิ ได ขเ้ี ลอ่ื ยจงึ เปน วสั ดเุ พาะทใ่ี กลเ คยี ง ที่สุด และชวยแกไขปญหาการนาํ ไมก อ มาใช เพาะเหด็ หอมไดอ กี ทางหนง่ึ วสั ดอุ ปุ กรณ ขเ้ี ลื่อยเพาะเห็ดหอม ไมกอเพาะเห็ดหอม 1. วัสดุเพาะทไ่ี ดผ ลดี คอื ขเ้ี ลอ่ื ยไมม ะขาม รองมาคอื ขเ้ี ลอ่ื ย ไมยางพารา ขเ้ี ลอ่ื ยไมก ระถนิ ณรงค หรือขเี้ ล่ือยไมเ บญจพรรณหมกั และวสั ดเุ สรมิ ซง่ึ มสี ว นผสมดงั น้ี ขเ้ี ลอ่ื ย 100 กก. ราํ ขา ว 5 กก. นา้ํ ตาลทราย 2 กก. ดเี กลอื 0.2 กก. ยิบซมั่ 0.5 กก. ผสมน้ําใหม ี ความชน้ื 55-65% 2. ถุงพลาสตกิ ทนรอ น และอปุ กรณก ารเพาะเหด็ ในถงุ พลาสตกิ 3. หมอน่ึงความดนั หรอื ถงั นง่ึ ไมอ ดั ความดนั พรอ มอปุ กรณ การใหความรอ นในการนง่ึ ฆา เชอ้ื 4. โรงเรอื น หรอื สถานทบ่ี ม เสน ใยและใหผ ลผลติ
วิธีการเพาะ 1. ผสมวสั ดุเพาะและวัสดเุ สริมท้ังหมดใหเ ขากันอยาใหแ หงหรอื แฉะ ใหวัสดุพอจับตัวกันได เมอ่ื บีบดูตองไมมหี ยดนาํ้ เมอ่ื คลายมอื ออกสว นผสมตอ งไมแ ตกรอ นออกอยา งรวดเรว็ 2. บรรจุสวนผสมลงในถงุ พลาสตกิ ทนรอ น อดั แนน พอประมาณ ถงุ ละ 1/2 กก.- 1 กก. ใสค อ ขวดปดจุกสาํ ลี และปด ทบั ดว ยกระดาษหรอื ฝาครอบกนั ไอนา้ํ 3. แลว นาํ ไปนง่ึ ฆา เชอ้ื ดว ยหมอ นง่ึ ความดนั เปน เวลา 40 นาที ถงึ 1 ชั่วโมง ดว ยความดนั 15- 20 ปอนดตอตารางนว้ิ (หรอื ใชถ งั นง่ึ ไมอ ดั ความดนั กไ็ ดผ ลดพี อควร โดยเรม่ิ จบั เวลาตง้ั แตไ อน้าํ เดอื ด พุงตรงสม่ําเสมอเปน เวลา2-4 ชั่วโมง ตอ งรกั ษาระดบั ไอนา้ํ ไวต ลอดเวลาดว ยการปรบั ความรอ นใหม ี อุณหภูมิภายในถงั นง่ึ 85-100 องศาเซลเซยี สตลอดเวลา) แลวทิ้งใหเย็น 4. แกะกระดาษหรอื ฝาครอบออก เปดจุกสาํ ลแี ลว ใสเ ชอ้ื เหด็ (นยิ มใชห วั เชอ้ื เหด็ จากเมลด็ ขา ว ฟาง) ควรทาํ ในบรเิ วณทส่ี ะอาด ปอ งกนั การปนเปอ นของเชอ้ื โรค แลวนาํ ไปบม เสน ใย การบม เสน ใย ระยะเวลาทบ่ี ม เสน ใย 3-4 เดอื น ขน้ึ กบั นา้ํ หนักอาหารที่ใช หรอื มกี ารสรา งตมุ ดอกประมาณ 2/3 ของกอ นเชอ้ื ปจ จยั ทส่ี ําคญั และการดแู ลรกั ษา 1. อุณหภูมิ การบมเสนใยเห็ดหอมที่ดีที่สุดคือที่อุณหภูมิ 25 องศาเซลเซยี ส การทําหอ งหรอื โรงเรอื นทต่ี ง้ั อยใู ตร ม เงาไมส าํ หรบั บม เสน ใยอยา งงา ย เชน ทําจากหญาคา, จากฟาง, ไมไผ ฯลฯ ก็ได และมีการให น้ําภายนอกโรงเรือน หรอื บรเิ วณพน้ื โรงเรอื นเปน ครง้ั คราวเมอ่ื อณุ หภมู สิ งู กวา 25 องศาเซลเซยี ส 2. ความชน้ื ระยะบมเสน ใย ตอ งการความชน้ื ในบรรยากาศในระดบั ปกติ คอื ประมาณ 50% ไมต อ งใหน า้ํ ที่ถุงเห็ด ถา มคี วามจาํ เปน ตอ งใหน า้ํ โรงเรอื นตอ งระวงั มใิ หน า้ํ ถูกสาํ ลีที่จุกปากถุง เพราะจะ เปนทางทาํ ใหเกิดเชื้อโรคไปทาํ ลายเชอ้ื เหด็ ได ความชื้นสัมพัทธท่ีเหมาะสมตอการสรางดอกเห็ดและการ เจริญของดอกเห็ด อยูระหวาง 80-90% และ 60-70% ตาม ลําดบั การผา นลมเย็นในขณะดอกเห็ดเจรญิ จะทาํ ใหหมวกเห็ดแตก คลา ยกบั ดอกเหด็ หอมทน่ี ําเขา จาก ตางประเทศ 3. อากาศ การถายเทอากาศที่ดีจาํ เปน ตอ การเจรญิ ของดอกเหด็ และทาํ ใหม กี ารสะสมเชอ้ื โรคนอ ยลงถา มี การสะสมกา ซคารบ อนไดออกไซดม ากจะทาํ ใหเ หด็ มกี า นยาว บางครง้ั หมวดเหด็ อาจจะไมเ จรญิ หรอื มี ลักษณะผดิ ปกตอิ น่ื ๆ
4. แสง ชวยกระตนุ ใหเ สน ใยเกดิ ตมุ เหด็ สรา งแผน สนี า้ํ ตาล และเจรญิ เปน ดอกเหด็ ไดเ รว็ กวา ทม่ี อื และ ยังชวยใหหมวดเห็ดมีสีเขมไมจางซีด 5. การแชนํา้ เยน็ หลังจากบม เสน ใยสมบรู ณแ ลว ใหแ ชก อ นเชอ้ื ในนา้ํ เย็น 2 ชั่วโมง หรอื คา งคนื กไ็ ด เพอื่ กระตนุ ใหเ กดิ ดอก การใหผ ลผลติ โดยเปดปากถงุ ใหอ อกดอกทางดา นบนหรอื เปลอื ยกอ นเชอ้ื โดยแกะถงุ พลาสตกิ ออกทง้ั หมดให กอนเช้ือสัมผสั อากาศเปน การกระตนุ ใหเ กดิ ดอกเหด็ ถา ตอ งการเหด็ ดอกใหญกเ็ ปด ใหม กี ารเกดิ ดอกเปน บางสว น การเปลอื ยกอ นเชอ้ื จะ ไดดอกเห็ดจาํ นวนมากแตด อกจะเลก็ และอาจจะมกี ารปนเปอ นจาก เชื้อโรคหรือถูกกระทบจากสภาพแวดลอมไดงาย ผลผลติ ดอกเหด็ สดจะได 50-400 กรมั ตอ กอ นเชอ้ื 1/2 - 1 กก. ขน้ึ กบั ความใสใ จ และเทคนคิ วธิ ีการของผูเ พาะเหด็ การเกบ็ ผลผลติ และการทําแหงที่ถูกวิธี ในการเก็บผลผลติ นน้ั ควรเกบ็ ดอกเหด็ ขณะท่ีหมวกเหด็ ยงั ไมบานเต็มที่ หรอื ขอบหมวกยงั งมุ อยู ซ่ึงเปน ลกั ษณะทต่ี ลาดตอ งการ และอยา ไดส ว นของดอกเหด็ เหลอื ติดอยทู ี่กอนเชอื้ จะทาํ ใหเ นา เสยี และเกดิ โรค ในขณะทเ่ี กบ็ ผลผลติ ถา มีการใหน ้ําที่ดอกเห็ดมากเกินไปจะทําใหด อกเหด็ เนา เสยี งา ย ถา ไมม ี การใหน า้ํ ดอกเหด็ เมอ่ื เกบ็ ดอกเหด็ แลว ใสถ งุ พลาสตกิ ไวจ ะสามารถ เก็บไวใ นตเู ย็นไดน าน 3-4 สัปดาห การทําแหง เหด็ หอม ทําได 2 วิธี 1. การตากแหง โดยตากแดด จนกวาดอกเห็ดจะแหงสนิท ควรหลกี เลย่ี งตากแดดจดั มากเกนิ ไป เพราะจะทาํ ให ดอกเห็ดไหมเกรียมและควรควาํ่ ดอกเหด็ ใหค รบี อยดู า นใตเ พอ่ื ปอ งกนั ครบี สคี ลา้ํ การตากแดดเปน วธิ ลี ด ความช้ืนในดอกเหด็ ในเวลาอนั รวดเรว็ ทําใหด อกเหด็ ยบุ ตวั มากเมอ่ื ดอกเหด็ แหง สนทิ ดแี ลว เกบ็ ใน ภาชนะท่ีกันความชน้ื มฉิ ะนน้ั อาจจะมเี ชอ้ื ราเกดิ ขน้ึ ได 2. การอบแหง ใชลมรอ นคอ ยๆ ลดความชน้ื ภายในดอกเหด็ ซึ่งจะไดเห็ดที่มีคุณภาพที่ดีกวาเห็ดที่ตากแดด การอบใชอ ณุ หภูมิ เรม่ิ แรกประมาณ 30 องศาเซลเซยี ส จากนน้ั เพม่ิ อณุ หภมู ขิ น้ึ ทลี ะ 1-2 องศา ทุก 1 ชั่วโมง จนถงึ 50 องศาแลว เพม่ิ ใหเ ปน 60 องศาและรกั ษาอณุ หภมู ริ ะดบั นไ้ี วป ระมาณ 1 ชั่วโมง เพื่อ เพ่ิมรสชาติ กลน่ิ และทาํ ใหด อกเหด็ หอมมลี กั ษณะเปน เงาสวยงาม จดั ทําเอกสารอิเลก็ ทรอนิกสโดย : สาํ นกั สง เสรมิ และฝก อบรม มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร
Search
Read the Text Version
- 1 - 3
Pages: