ดร.วรี พงษ์ ศรัทธาผล 99 ซ่ึงแผนที่ของแต่ละคนก็ไม่เหมือนกัน แถมคนถือแผนที ่ ก็คนละคนอีก ดงั น้ันจึงแทบจะคาดเดาอะไรไมไ่ ดเ้ ลยครับ แผนที่น้ีถูกใช้ทุกวันและจะเห็นได้ชัดเจนว่า เราใช้มัน อย่างไรเม่ือเราเจอกับเหตุการณ์บางอย่างท่ีเราไม่คาดคิด เช่น คุณเป็นคนสนุกสนานเฮฮา มองโลกในแง่ดี นับถือคำสอนของ พระพุทธเจ้า และให้ความสำคัญกับครอบครัวมาก วันดีคืนดี บังเอิญมีคนขับรถปาดหน้ารถคุณ พร้อมกับเปิดกระจกยก น้ิวกลางให้อีกต่างหาก สมองคุณก็ทำงานร่วมกับแผนที่ทันที ครับ สมองตีความว่าเขาด่ามา แต่คุณไม่โกรธเพราะคิดว่าเขา อาจจะรีบไปเข้าห้องน้ำข้างหน้าก็ได้ ซ่ึงคุณเป็นคนขับรถช้า และขวางทางเขา สุดท้ายคุณก็ให้อภัยเขา เพราะถูกสอนมาว่า “เวรยอ่ มระงับด้วยการไม่จองเวร” การแก้แค้นคืนไม่ดีแน่ๆ มีแต่จะนำความเดือดร้อนมาให้ ไม่เฉพาะตัวคุณ รวมท้ังครอบครัวคุณอาจจะเดือดร้อนไปด้วย ถ้าเกิดคนนั้นเขาทำอันตรายคุณข้ึนมาจะทำอย่างไร คุณก็เลย ไมค่ ดิ มากและตัดสนิ ใจขับรถไปทำงานตามปกติ
100 ในทางกลับกัน ถ้าหากคุณเป็นคนอารมณ์ร้อน ถูกเล้ียง มาแบบเอาแต่ใจ อะไรๆ ในชวี ติ ก็ขวางหูขวางตาไปหมด วัดวา ก็ไม่เข้า โตมากับทีวี และเฟซบุ๊ก และอยากจะเป็นคนสำคัญ เสมอ เม่อื เจอเหตกุ ารณ์เดียวกัน คุณคิดวา่ จะเกดิ อะไรขน้ึ งานน้ี อาจจะมีการยงิ กนั ตายเกิดข้ึนกไ็ ด้ แค่นึกก็ขนลกุ แล้วครบั เห็นไหมว่า คนเราทุกคนล้วนมีแผนที่ในสมองที่ต่างกัน และแผนที่นี้ก็ไม่ได้ถูกต้องเสมอไป หากคุณจะใช้แผนท่ีของคุณ พยายามเดินไปในชีวิตคนอ่ืน ก็เหมือนกับเอาแผนที่กรุงเทพฯ ไปเดนิ ที่ปารสี ยังไงยงั งั้นเลยครับ โอกาสเดินถูกทางคงมีนอ้ ยกวา่ เพราะวา่ มนั เป็นคนละพ้ืนทกี่ ัน โปรดระลกึ ไว้เสมอว่า “แผนท่ีไมใ่ ช่พนื้ ทจี่ ริง” (Map is not territory) นะครบั สำเร็จไว Trick#16 สงิ่ ต่างๆ ทเ่ี กดิ ขนึ้ ในชีวติ มนั อาจจะเปน็ จริงสำหรบั คุณ แต่มันไมเ่ ป็นจรงิ สำหรับคนอนื่
ดร.วีรพงษ์ ศรัทธาผล 101 7. ความตอ้ งการของมนุษย์ 6 อยา่ ง คุณเคยสงสัยไหมว่า ว่าทำไมคนเราถึงทำอะไรต่างๆ มากมาย ไปที่โน่นที่น่ี เช้าเข้าวัดทำบุญ ตกเย็นกลับบ้านด่า คนที่บ้าน ทำงานหามรุ่งหามค่ำ ชอบเม้าท์มอยกันในเวลา ทำงาน บ้าเข้าเรียนสัมมนาต่างๆ ชอบทะเลาะกับคนอ่ืนไปทั่ว หรือชอบชว่ ยเหลือคนอน่ื ตลอดเวลา มนั มีแรงจงู ใจอะไรในสงิ่ ท่เี ขาทำกนั แน่ แอนโทนี่ ร็อบบ้ินส์ นักคิด นักสร้างแรงบันดาลใจที ่ มีช่ือเสียงระดับโลก ได้ให้แนวคิดไว้ว่า ไม่ว่ามนุษย์จะทำอะไร ก็ตาม น่ันก็เพยี งเพื่อตอบสนองตอ่ ความตอ้ งการหลัก 6 อยา่ ง (6 Human Needs) ของตวั เขาเอง ซึง่ กไ็ ด้แก่
102 7.1) Certainty (ความมน่ั คง ปลอดภยั ความม่นั ใจ คาดเดา และควบคุมได้): ลองนึกดูว่า ต่ืนเช้ามาคุณคาดเดา อะไรไม่ได้เลยเก่ียวกับการเดินทาง ไม่ว่าถนนหนทางข้างหน้า จะเป็นอย่างไร รถจะมาเม่ือไหร่ ใช้เวลาประมาณเท่าไรจะถึง ท่ีทำงาน เหล่านี้คงจะทำให้คุณเครียดพอสมควร หรือบางคน ทำงานหนักต้องการมีเงินเก็บมากๆ เพื่อจะได้ไม่ลำบากใน อนาคต 7.2) Variety (ความตืน่ เต้น หลากหลาย แปลกใหม่ ไม่ซ้ำซากจำเจ): คนเราก็ต้องการความตื่นเต้นกันบ้าง ไม ่ อยา่ งน้นั ธุรกิจของขวัญคงเจง๊ ไปนานแลว้ หรือบางคนกอ็ ยากไป ทใี่ หมๆ่ ลองทำอะไรใหมๆ่ กินอะไรใหมๆ่ หรืออยากเปล่ยี นรถ คันใหม่ เหลา่ นเี้ ปน็ ตน้ 7.3) Significance (การเป็นคนสำคัญ คนสำเร็จ ได้รับการยกย่อง มีคนเห็นคุณค่า): คงไม่มีใครไม่อยากเป็น คนสำคัญ เราจะรู้สึกดีมากๆ เวลาเป็นคนสำคัญ จริงไหมครับ และการเป็นคนสำคัญก็เป็นได้หลายแบบ ท้ังแบบช่วยเหลือ เก้ือกูล หรือแบบทำลายล้าง เขาบอกว่าเวลาคนเราโกรธหรือ เวลาเราด่าว่าใคร เพราะเราอยากเป็นคนสำคัญจึงแสดง พฤตกิ รรมแบบน้อี อกมาเพอื่ เรยี กรอ้ งความสนใจ
ดร.วรี พงษ์ ศรทั ธาผล 103 7.4) Connection & Love (ความรกั ความใกล้ชิด สนิทสนม ความเป็นพวกเดียวกัน): มนุษย์เป็นสัตว์สังคม หมายความว่าโดยส่วนใหญ่แล้วจะอยู่คนเดียวไม่ได้ เขาจะต้อง มีเพ่ือนคู่คิด มิตรคู่ใจ เพราะต้องการความใกล้ชิดสนิทสนม การได้รักใครสกั คนหรือการถูกใครสักคนรกั 7.5) Growth (ความก้าวหน้า เรียนรู้ และการ เติบโต): คงไม่มีใครอยากย่ำอยู่กับท่ีตลอดเวลา ไม่ว่าจะเป็น ดา้ นความคิดหรอื จิตวญิ ญาณ ตอนเป็นเดก็ ก็อยากโตเปน็ ผใู้ หญ่ ตอนเรียนก็อยากเลื่อนชั้น ตอนทำงานก็อยากก้าวหน้า เรามี ความต้องการทีจ่ ะเรยี นรู้เพือ่ การเติบโตด้วยกันทง้ั น้ันครับ 7.6) Contribution (การเป็นผู้ให้ ผู้สร้าง ผู้ ช่วยเหลือ): สุดท้าย มนุษย์เราก็ต้องการท่ีจะเป็นผู้ให้ อยาก ช่วยเหลือผู้อื่น บางคนก็อาจแคบลงมา คืออยากให้แค่คน ในครอบครัว คนรัก หรือหมาแมว ส่วนบางคนความต้องการ ที่จะเป็นผู้ให้ของเขาก็ขยายขอบเขตออกไปมากกว่าน้ันคือ สู่ชุมชน สู่สังคม ส่ิงแวดล้อม หรือเพ่ือประเทศชาติ ส่วน ผู้ยิ่งใหญ่หลายๆ คนก็ขยายออกไปสู่มวลมนุษยชาติเลยทีเดียว เชน่ บลิ เกตส์ เจา้ พ่อไมโครซอฟต์ และมหาเศรษฐอี นั ดบั โลก อกี หลายๆ คน
104 ความต้องการ 4 อันดับแรก เป็นส่ิงท่ีเกิดขึ้นกับมนุษย ์ อยู่ทุกเมื่อเชื่อวัน มันเป็นความต้องการข้ันพื้นฐานท่ีทุกคนม ี ในทางกายภาพและจิตใจ ส่วนสองคือความต้องการหลังเป็น ความต้องการเชิงจิตวิญญาณท่ีแยกตัวออกมาจาก 4 ความ ต้องการแรก คนทั่วไปอาจมีสองอันหลังน้อย แต่คนที่สร้างอะไรได ้ ย่ิงใหญ่กว่าจะมีสองตัวหลังนี้มากมายมหาศาล ดังน้ัน ลอง สังเกตตัวเราดู แล้วจะพบว่า เรามีความต้องการเหล่านี้อยู่ ในทกุ เบ้อื งหลงั ของการกระทำตลอดเวลา เขาบอกว่า การที่คนเราจะทำอะไรก็ตาม แล้วมันเตมิ เตม็ ความต้องการของเราอย่างน้อยสามอย่าง เราก็จะเสพติดการ กระทำนั้นครับ ลองสำรวจตัวเองดูว่า เราเสพติดการกระทำ อะไรบา้ งหรือเปล่า
ดร.วรี พงษ์ ศรัทธาผล 105 ถ้าจะเปรียบไป ความต้องการเหล่านี้ก็เหมือนเป้าธนู ครับ ไล่เลียงมาตั้งแต่ความต้องการพ้ืนฐาน “ความมั่นคง ม่ันใจ” ท่ีอยู่ขอบนอกสุดมาจนถึงขอบด้านใน ท่ีคะแนน สูงสุดคือ “การเปน็ ผู้ให”้ หากคุณลองเลง็ เป้ายงิ ธนจู ากท่ไี กลๆ โดยยงิ ใหถ้ กู เฉพาะ ความต้องการของคุณในบริเวณแถบนอกแถบเดียว โอกาสยิง ไม่ถูกมีมากกว่าครับ แต่ถ้าคุณเล็งไปท่ีเป้าตรงกลางแล้วยิง ออกไป แน่นอนว่า มันอาจจะไมโ่ ดนเป้าตรงกลางทเ่ี ลง็ แต่มนั อาจไปโดนความตอ้ งการแถบอ่นื ๆ ของคุณแทน คราวนี้เห็นหรือยังครับว่า คนท่ีเขาประสบความสำเร็จ และมีความสขุ ทำไมเขาถงึ ตง้ั เป้าหมายของการเป็นผใู้ ห้ เพราะ ว่าเขาจะได้ทุกอย่างกลับมาแทนอย่างไรละ่ ครบั สำเรจ็ ไว Trick#17 ในทกุ ๆ การกระทำ ล้วนมีความต้องการ ซ่อนอยู่เสมอ
106 8. ทำความสำเรจ็ ให้เปน็ วิทยาศาสตร์ คนเราไมว่ า่ จะลงมือทำอะไรกต็ าม สว่ นใหญจ่ ะทำไปเพื่อ ตอบสนองความต้องการบางอย่างของเขาทั้งนั้น ไม่ว่าจะเป็น ความมั่นคง สนุกสนาน การเป็นคนสำคัญ หรือความสำเร็จ ตา่ งๆ ทงั้ หลายท่เี ขาเช่ือวา่ ใช่ แต่มีหลายคนท่ีเชื่อว่า ความสำเร็จต้องแลกมาด้วยอะไร บางอยา่ ง ไม่วา่ จะเปน็ เรื่องเวลา ความสมั พนั ธ์ เช่น การทำงาน หามรุ่งหามค่ำจนไม่มีเวลาให้ครอบครัว หรือบางคนก็เลือก ทจ่ี ะไมแ่ ต่งงานไปเลย เพราะงานท่ที ำกห็ นักพออยแู่ ล้ว กลวั ว่า จะมาปวดหัวกบั การทะเลาะกบั แฟนอกี
ดร.วีรพงษ์ ศรัทธาผล 107 หรือบางคนก็เช่ือว่า คนเราจะสำเร็จได้ เก่งอย่างเดียว ไมพ่ อต้องเฮงด้วย หรือไมก่ ็ต้องใช้ศกั ด์ศิ รเี ขา้ แลก ดงั นัน้ เวลา พูดถึงความสำเร็จ มกั จะมีข้อเสยี และเร่ืองลบๆ แฝงตวั อยู่เสมอ และยังจะต้องมาพ่ึงพาโชคชะตาอีกต่างหาก ทำให้หลายๆ คน ไม่อยากนกึ ถงึ ความสำเร็จแบบจริงๆ จงั ๆ สักท ี หากความสำเร็จสามารถอ้างอิงได้ในเชิงวิทยาศาสตร์ก็ คงจะดีไม่นอ้ ย สำหรบั ในทางวิทยาศาสตรน์ ั้น การท่ีมีอุบตั กิ ารณ์ หนึง่ ๆ (Event) เกดิ ข้ึนนัน้ มนั ตอ้ งมีสาเหตุมาจากอะไรบางอยา่ ง และมักพูดกันเสมอว่า “เหตุบังเอิญไม่มีในโลก” หรือถ้าจะ เปรียบเทียบกับศาสนาพุทธของเราก็คือ “เมื่อส่ิงนี้มี ส่ิงน้ี กต็ อ้ งมี เมอ่ื สง่ิ น้ีเกิด ส่ิงนก้ี ต็ ้องเกดิ ” ถ้าความสุขและความสำเร็จเป็นผลลัพธ์ของบางสิ่ง บางอย่าง ดังนั้นมันก็ต้องมีสาเหตุที่ทำให้มันเกิดขึ้น และมัน ต้องเกิดขึ้นอีกพร้อมสามารถทำนายได้ด้วย เราเรียกสิ่งน้ีว่า กฎแหง่ เหตุตน้ ผลลัพธ์ (Law of Cause and Effect) มาดูชีวิตในปัจจุบันกันดีกว่าครับ ถ้าจะให้ความสำเร็จ ของชีวิตคุณ (Result) ประกอบด้วย ความสำเร็จด้านการเงิน การงาน สขุ ภาพ เวลา อารมณ์ สภาพแวดล้อม ความสมั พันธ์ จติ วญิ ญาณ ตอนน้ีคุณอยูต่ รงไหนของความสำเร็จบา้ ง
108 ถ้าลองให้คะแนนดู จากคะแนน 0 พอใจน้อยสุด ถึง คะแนนเตม็ 10 พอใจมากที่สดุ ในแต่ละด้าน คุณพอใจและมีความสุขกับชีวิตมากน้อย แค่ไหน บางคนอาจตอบ 7 หรอื 8 ซง่ึ นนั่ ก็ดีมากๆ สำหรับคน ที่ตอบเต็ม 10 ผมอยากจะรู้จักคุณจังครับ คุณคือบุคคลท่ี เปน็ ต้นแบบอย่างแท้จริง แต่ถ้าคณุ ตอบวา่ นอ้ ยกวา่ 5 ในบางด้าน คณุ อาจจะตอ้ ง กลับมาคิดแล้วละครับว่า ทำไมคะแนนมันน้อยจัง มันต้องมี สาเหตอุ ะไรสักอยา่ งแน่นอน ส่ิงท่เี รียกว่า ความสำเร็จของชวี ติ คณุ (Result) น่แี หละ คือปลายเหตุที่เป็นผลลัพธ์ (Effect) จากการทำอะไร บางอย่าง ซ่ึงมันมีที่มาท่ีไป ไม่ใช่ว่าอยู่ๆ มันก็เกิดข้ึนเองตาม ธรรมชาติ เพื่อที่เราจะได้ผลลัพธ์ตัวน้ี (Effect) เราสามารถ ย้อนกลับไปดูที่เหตุต้น (Cause) ของมันว่า มันเกิดข้ึนได้ อย่างไร โดยจะอธิบายเอาไวด้ ังน ้ี
ดร.วีรพงษ์ ศรทั ธาผล 109 เหตุตน้ ความคดิ อารมณ์ การกระทำ ผลลัพธ์ เหตุต้น (CAUSE) => ความคดิ (Thought) ความคิด (Thought) => อารมณ์ (Emotion) อารมณ์ (Emotion) => การกระทำ (Action) การกระทำ (Action) => ความสำเรจ็ (Result) ความสำเรจ็ (Result) => ผลลพั ธ์ (EFFECT) จากเง่ือนไขน้ี ทุกผลลัพธ์ในชีวิตคุณจะเร่ิมมาจาก ‘ความคดิ ’ กอ่ นเป็นอันดับแรก เหตุตน้ (Cause) => ผลลพั ธ์ (Effect) ซึ่งตัวความคิดนี้เอง ท่ีเป็นตัวกระตุ้นทำให้คุณแสดง อารมณ์ออกมา ไมว่ า่ จะดหี รือรา้ ย ลบหรือบวก หรือเฉยๆ ซึ่ง มันส่งผลให้คณุ มีการกระทำบางอยา่ งออกไป แต่ถา้ คร้ังสองคร้ัง ก็เป็นแค่การกระทำ (Actions) ชัว่ คราวเท่าน้ัน
110 แต่หากคณุ มีการทำอะไรทที่ ำซ้ำๆ ทำบอ่ ยๆ ตลอดเวลา เราเรียกมันว่า พฤติกรรม (Behaviors) อย่างคนที่ชอบทำ อะไรซ้ำๆ ไม่เปล่ียนไปทำอย่างอื่นเลย จะเป็นอุปนิสัยที่มีมา แต่กำเนิดแก้ไม่หาย เช่ือว่าหลายคนคงเคยได้ยินคำพูดท่ีว่า “ทำจนเป็นสันดาน” คำน้ีครับ ไม่ว่าการกระทำจะเป็นไปใน ทิศทางไหน ทำลายหรือสร้างสรรค์ ในทางดีงามหรือชั่วร้าย สุดท้ายมันก็ก่อให้เกิดผลลัพธ์ (Effect) ซ่ึงก็คือ ความสำเร็จ ในชวี ติ (Result) ไมท่ างใดกท็ างหน่งึ • คนบางคนคิดว่า การเรียนนำไปสู่ชีวิตท่ีดี เขาก็ต้ังใจ เรยี นจน• จคบนอบอากงคมนามคีงดิ าวนา่ ทกำาทรี่ดเรี ยีมนเี งไินมเ่สดำือคนัญสูงกๆเ็ ร ยี นไปเรื่อยเปอ่ื ย จบออก•ม คานกบม็ งีาางนคนทคำแิดตว่อ่าาจคจวะาไมมส่ดำ ี เร็จหาได้นอกห้องเรียน เขา กด็ ิน้ รน•ห คานจบนารงำ่ครนวคยิดทวั้ง่าทเี่ รเยีขนาดไมูไมจ่ ่ดบีพอะอไทร่ีจ ะมีคนมาชอบ เขาก็ จะอยเู่ ป• น็คโนสบดาไงปคอนีกคนดิ าวน่า ไมร่ ู้จะหุ่นดีไปทำไม เขากจ็ ะอวบอว้ น อยอู่ ยา่ งนนั้
ดร.วีรพงษ์ ศรทั ธาผล 111 ยังมีอีกหลายๆ ความคิดที่มีความสำคัญซึ่งได้นำผู้คน ไม่น้อยออกมาสคู่ วามเป็นตัวเขาในวันน้ี ดังคำกล่าวทวี่ า่ ... “ถ้าคณุ อยากประสบความสำเรจ็ คุณต้องคิดเหมือนคนท่ีประสบความสำเร็จ เม่อื คณุ คดิ เหมือนคนที่ประสบความสำเร็จอยู่ตลอดเวลา คณุ ก็จะสามารถสำเรจ็ เหมือนเขาได้” สำเรจ็ ไว Trick#18 เม่ือคุณคิดและเหน็ เชน่ ไร คณุ ก็จะได้และเห็นเช่นน้ัน
112 9. ควบคมุ ความคิดพชิ ิตความสำเรจ็ ถา้ เราให้ความสขุ ความสำเรจ็ ในชวี ิตเป็นไปตาม ‘กฎตน้ เหตุ และผลลพั ธ’์ (Law of Cause and Effect) ตวั แปรของกฎน ี้ กจ็ ะมคี วามสำคญั มาก เพราะมนั สามารถทำให้เกิดผลลัพธอ์ ยา่ ง ที่ต้องการได้ ซึง่ ตัวแปรที่ว่าน้ีกค็ อื “ความคดิ ” น่นั เอง เราคงเคยได้ยินได้ฟังเร่ืองราวเก่ียวกับความคิดกันมา มากมาย ว่าแต่เราเองรู้จักความคิดกันมากน้อยแค่ไหน และ ไอ้เจ้าความคิดนี้ มันคืออะไรและมาจากไหน ถ้าจะพูดง่ายๆ แบบกำปน้ั ทุบดนิ ความคิด ก็คอื ส่ิงทอ่ี ย่ใู นหัวเรานีเ่ อง และ เขากอ็ ยูก่ บั เราเกือบตลอดเวลา โดยที่มอี งค์ประกอบหลักอยู่ 3 สว่ นด้วยกันคอื
ดร.วรี พงษ์ ศรัทธาผล 113 1. ภาพในหัว: ถ้าคุณลองสังเกตตัวเองดีๆ จะพบว่า ในหัวคุณจะมีภาพปรากฏแวบๆ บ่อยมาก ไม่ว่าจะเป็นภาพ ทบ่ี ้าน พ่อแม่ แฟน ลกู หลาน เพื่อนรว่ มงาน หมา แมว สถานที่ ท่องเท่ียวต่างๆ เช่น ทะเล น้ำตก และอื่นๆ อีกมากมาย ที่ สำคัญคือ ภาพเหลา่ นี้มกั จะผุดข้นึ มาเองแวบๆ โดยมิได้รบั เชิญ และเราก็หา้ มเขาไม่ไดด้ ้วย ไม่เช่ือลองมาดกู ันครบั ถา้ ผมบอกคณุ ว่า ‘หา้ ม’ ขดี เส้นใตค้ ำวา่ ‘ห้าม’ นะครับ ห้ามนึกถึงภาพกระต่ายสีขาว มีขนปุกปุย ตาสีแดง ว่ิงตัด สนามหญ้าสีเขียว เป็นไงครับ หวังว่าคุณคงไม่ได้นึกถึงภาพท่ ี ผมบอกใช่ไหมครบั
114 2. เสียงในหัว: ถ้าคุณอ่านมาถึงตรงน้ี คุณได้ยินเสียงใน หัวคุณไหมครับ อย่าเพิ่งงง ก็เสียงอ่านข้อความของผมน่ีแหละ ว่าแตร่ บกวนชว่ ยเชก็ หน่อยวา่ เสยี งผมหลอ่ ไหมครบั (ฮ่า ฮา่ ) อันที่จริงเสียงในหัวของเรา มันก็เกิดข้ึนเกือบตลอดเวลา เหมอื นกัน คณุ อาจจะไดย้ นิ เสยี งคุณเอง เสยี งเพอื่ น แม่ หรอื เสยี งอน่ื ๆ ทส่ี มองคุณเก็บเอาไวค้ รบั หรือบางคนรกั เจ้านายมาก กจ็ ะมเี สียงเจ้านายดังอยใู่ นหวั ตลอดเวลา หรอื ว่ามนั อาจจะเปน็ เสียงท่ีคุณไม่ชอบใจ ได้ยินทีไรหัวใจก็ห่อเห่ียวทุกที ลองฟัง เสยี งในหวั คณุ สคิ รับ สนุกดี 3. Self-Talk ขอใช้คำว่า ‘พูดกบั ตวั เอง’ กแ็ ล้วกนั ครับ: ตัวนจี้ ะมหี ลายชนดิ หน่อย • กลมุ่ แรก จะเป็นคำถาม (Question) ของเราที่เรา ได้ยินเอง ลองนกึ ถงึ เหตกุ ารณ์ทีค่ ณุ กำลังคยุ กบั คนอื่น แลว้ คุณ กไ็ ด้ยินเสียงในหวั ว่า จรงิ เหรอ จะมาไมไ้ หน ทำไมน่าเบ่ืออยา่ งนี้ ทำไมฉันไม่เก่งเลย หรืออยู่ดีๆ ก็มีคำถามดังในหัวตัวเอง เช่น น่ีเรากำลังทำอะไรอยู่ วันนี้จะทำอะไรดี แต่คุณไม่ได้พูดมัน ออกมาใชไ่ หมครบั
ดร.วรี พงษ์ ศรทั ธาผล 115 • กลุ่มท่ีสอง จะเป็นเรื่องราว (Metaphors) เป็น เหตุการณต์ ่างๆ ทีเ่ ราจดจำมนั ไว้ เชน่ เหตุการณใ์ นอดตี ที่เรา ใหค้ วามหมายไว้ ไม่ว่าจะดีหรอื ไม่ดี ซ่งึ เราเห็นไดภ้ ายในหัวเรา อีกอันหนึ่งที่สำคัญก็คือ การพูดตอกย้ำกับตัวเอง (Incanta- tion) เช่น ฉนั เกง่ ฉนั สุดยอด เรานี่ตลกจงั หรอื ไม่กต็ รงข้าม ไปเลย เช่น ฉนั ไม่เอาไหน ฉันไม่เกง่ ฉนั ไมพ่ รอ้ ม • กลุ่มที่สาม จะเป็นภาษาและสัญลักษณ์ (Word/ Label) ที่เราให้ความหมายโดยตัวเราเอง ลองนึกถึงช่วง เหตุการณ์ความไม่สงบทางการเมืองสิครับ ชัดเจนดี สีแดง สเี หลือง ธงชาตไิ ทย หรืออาจจะเป็นภาษา เชน่ ตำรวจ ทหาร นักการเมือง คนรวย ชาวนา คำพูด ซึ่งสัญลักษณ์เหล่าน้ ี ล้วนมีความหมายเฉพาะต่อเราทั้งน้ัน คล้ายกับว่าแค่เห็นก็มี อารมณร์ ่วมไปแล้ว ถ้าคุณพอจะจำได้ ความคิดเป็นสาเหตุให้เกิดอารมณ์ ความรู้สึก ทดลองดูทีละอันก็ได้ครับ เมื่อคุณเห็นภาพในหัว เสียงในหัว หรือพูดกับตัวเองแล้ว มันมีอะไรเกิดข้ึนไหม แต ่ อยา่ ไปฝนื ยิง่ ฝืนมากๆ เขาจะยิ่งมามาก เชื่อไหมว่า การพูดคุยกันหรือพูดกับตัวเองทำให้เกิด กระบวนการนที้ ั้งหมด จงึ มคี ำกล่าวทวี่ า่ ...
116 (The quality of your life depends on the quality of your communication both to yourself and other) “คุณภาพชีวติ ของคุณ ขน้ึ อยู่กับคุณภาพในการพดู คยุ กบั คนอืน่ และพดู คยุ กบั ตัวคณุ เอง” เมื่อความคิดสำคัญมากขนาดนี้ ถ้าเราควบคุมเขาให้เป็น ไปในทางที่เราต้องการได้ คงจะเปน็ ส่งิ ที่วิเศษมาก แตก่ ารที่จๆู่ จะไปบังคับความคิดให้เป็นไปตามที่เราต้องการอาจจะเป็นเรื่อง ที่ยากสักหน่อย ดังน้ัน ผมอยากเชิญชวนให้ทุกท่านเลือกพูด แตส่ ง่ิ ดๆี ในการพูดคยุ กัน แล้วมาดวู ่า ชวี ิตของเราจะเปลี่ยนไป ในทางไหนบ้าง มาลองไปพร้อมๆ กนั เลยครบั เราสามารถควบคุมความคิดได้ด้วยการกำหนดทิศทาง การคิดให้เขาได้ โดยการ ‘ตง้ั คำถามกับตวั เอง’ เช่น เมื่อคุณ นึกถึงภาพ เสียง หรือความรู้สึกท่ีคุณไม่ชอบ ลองต้ังคำถาม เหล่านด้ี ู ความคิดคุณจะโฟกสั ทันท ี “มนั มอี ะไรดีจากเหตุการณ์น้บี า้ ง” หรือ “ฉันได้เรยี นรอู้ ะไรจากเหตุการณน์ บ้ี า้ ง”
ดร.วีรพงษ์ ศรัทธาผล 117 เม่ือคุณมีเป้าหมายบางอย่าง คุณสามารถควบคุมความ คิดให้ไปในทางท่ีคุณต้องการได้ โดยการถามตัวคุณเองตลอด เวลา ทุกเช้าทุกวัน ต่ืนนอน เดินทางไปทำงาน กลับบ้าน กอ่ นนอน อยา่ งเช่น “เป้าหมายของฉันคอื อะไร” “ทำอยา่ งไรฉนั ถงึ จะร่ำรวยและมคี วามสุข” “ฉันจะประสบความสำเร็จได้อย่างไร” “อะไรคือสง่ิ สำคญั ที่สุดทฉี่ นั ต้องทำวันนี้” “ฉนั ตอ้ งทำยังไงถงึ จะคิดบวกไดต้ ลอดเวลา” คำถามเหล่านี้จะเป็นตัวช่วยควบคุมให้ความคิดของคุณ มีทิศทาง ความคิดคุณเหมือนจะถูกล็อกเอาไว้ไม่ให้เคล่ือนท ี่ ไปไหน ทันทีที่คุณต้ังคำถาม สมองของคุณก็จะรับคำถามน้ ี มา แล้วเขาจะช่วยหาคำตอบให้ คุณจะได้รับคำตอบแน่นอน ขอเพียงแคอ่ ย่าหยดุ ตั้งคำถามครับ สำเรจ็ ไว Trick#19 คุณภาพของชวี ติ คุณ ขน้ึ อยู่กบั คุณภาพของคำถาม ท่คี ุณถามตวั เอง
มาทำความสำเรจ็ ใหเ้ ปน็ จริง ความสำเร็จน้ัน อยดู่ ีๆ คงเกดิ ขึน้ ไม่ได้ จำเป็นตอ้ งมีกระบวนการเพื่อใหไ้ ดม้ า เร่ิมต้นดว้ ยการต้งั เป้าหมาย และทำให้เป้าหมายน้ันชดั เจนขึ้น เพราะเปา้ หมายย่งิ ชัดเจนมากเทา่ ไร ความสำเร็จทีต่ ้งั ไว้ กอ็ ยไู่ ม่ไกลเทา่ น้นั
1. เรมิ่ ต้นด้วยการตัง้ เปา้ หมาย ลองนึกภาพดคู รับ ถา้ คณุ มีเพือ่ นสนทิ มาบอกว่า เขาจะออกเดนิ ทางทอ่ งเทย่ี ว สกั สามเดอื น พอคณุ ถามว่าจะไปเทย่ี วท่ไี หนบา้ งและไปอย่างไร เขาก็บอกคุณว่าไปเรื่อยๆ ค่ำท่ีไหนก็แวะนอนที่น่ัน แต่กับ เพื่อนอีกคนหนึ่งบอกว่า เขาจะเดินทางท่องเที่ยวไปเร่ือยๆ สัก สามเดอื นเหมอื นกัน และจะไปสดุ ทางทเี่ ชยี งใหม่ คณุ วา่ อกี สามเดือนคุณจะเจอพวกเขาไดท้ ่ีไหนครบั
120 อีกตวั อยา่ งหน่ึง มเี รอื 2 ลำ เรือลำหนึ่ง แลน่ ออกไป ในทะเลท่ีกว้างใหญ่ เพ่ือไปตามหาเกาะมหาสมบัติ โดยไม่มี ทิศทางแน่นอน ล่องไปเรื่อยๆ นึกอยากจะล่องไปทางไหน ก็ไป แต่เรืออีกลำก็ล่องออกทะเลไปตามหาเกาะมหาสมบัต ิ เช่นกัน โดยมุ่งหน้าไปทางทิศตะวันออกเท่านั้น เรือท้ังสองลำ ขณะท่ีกำลังล่องไปก็เจอพายุฝนซัดกระหน่ำจนเรือโคลงไป เอียงมา พอพายุสงบก็ล่องเรือกันต่อไป มีเจอเกาะแก่งตาม รายทาง ก็แวะพกั ผอ่ นกัน ผา่ นไปคร่งึ ปีคุณว่าเรอื ทัง้ สองลำนจ้ี ะอยู่ที่ไหนครบั เรือทั้งสองลำอาจจะเจอหรือไม่เจอสมบัติก็ได้ แต่เรือ ลำแรกอาจจะวนกลับมาที่เดิมคือจุดเร่ิมต้น ส่วนเรือลำท่ีสอง น้ันจะอยู่ห่างจากจุดเริ่มต้นไปมากโข หรือในทางกลับกันเรือ ท้งั สองลำกำหนดทิศทางทจ่ี ะไป ลำหนึ่งมงุ่ ไปทาง 13 นาฬกิ า สว่ นอีกลำมุ่งไปทาง 14 นาฬิกา ผา่ นไปสามเดอื นเรือสองลำน้ี จะอยทู่ ่ีไหนครับ กำหนดเวลาหา่ งกนั เพียงนดิ เดียว กท็ ำให้เรือ ไปสู่จุดหมายท่ตี า่ งกนั ได้อย่างมโหฬาร เปา้ หมายกเ็ ช่นเดยี วกนั หากคุณไม่เคยตัง้ เอาไว้ คุณก็ จะไปไม่ถึงไหน ดังนั้นมันจึงมีความสำคัญมากในการกำหนด ทิศทางและสถานท่ีท่ีคุณจะไป แต่ถ้าคุณต้ังไว้ในทิศทางท่ี ผิดๆ คุณก็อาจไปไม่ถงึ ทหี่ มาย
ดร.วีรพงษ์ ศรัทธาผล 121 แต่เชื่อไหมครับว่า มีคนหลายคนที่ไม่เคยตั้งเป้าหมายเลย ซึ่งมีเหตุผลหลกั ๆ อยู่ 3 อย่างดังนี้ 1. ไม่รู้ว่าการต้ังเป้าหมายมีความสำคัญ ไม่รู้จะต้ังไป ทำไม หรอื ตง้ั ไม่เป็น 2. ต้ังเป้าหมายแล้ว แต่ไม่มีวิธีการที่สามารถบรรล ุ เป้าหมายได ้ 3. กลัวล้มเหลว ลองถามตัวเองดูครับว่า คุณมีอุปสรรคข้อใดข้อหน่ึงใน สามขอ้ นห้ี รือไม่ สำเรจ็ ไว Trick#20 การไม่บรรลเุ ปา้ หมาย อาจทำใหค้ ณุ เสยี เวลาไปบ้าง แตก่ ารไม่ต้ังเปา้ หมายเลย อาจทำใหค้ ณุ เสียทุกอยา่ งได้
122 2. ใชห้ ลกั SMART Goals ในการตง้ั เป้าหมาย ในการต้ังเป้าหมายท่ีดีนั้นควรจะใช้หลัก Smart Goals มาช่วยเพ่ือให้เกิดความชัดเจนขึ้นในสมอง อย่างที่ได้กล่าวไป แล้วในบทก่อนครับว่า “Clarity is power” “ความชัดเจน คือพลัง” ดังน้ันเวลาต้ังเป้าหมายเราต้องมีความชัดเจนกับมัน ด้วย โดยหลกั ของ Smart Goals มีดังตอ่ ไปนี้ S: Specific (เฉพาะเจาะจง) เปา้ หมายน้นั ควรจะเปน็ อะไรที่เฉพาะเจาะจง เช่นแทนท่ี คุณจะต้ังเป้าว่า ฉันจะรวย ฉันอยากมีเงินเพ่ิมข้ึน ก็ลอง เปลี่ยนมาเปน็ ฉันมรี ายไดเ้ พมิ่ ขึน้ เดอื นละ 20,000 บาท ฉัน มีทรัพย์สินร้อยล้าน ฉันได้กำไรจากหุ้น 20% หรือถ้าเป็น เร่ืองลดน้ำหนัก แทนที่จะต้ังเป้าว่าจะลดน้ำหนัก ก็เปล่ียนเป็น ฉันมีน้ำหนักอยู่ที่ 65 กิโลฯ (จากแต่ก่อน 78 กิโลฯ) อะไร ทำนองน้คี รบั
ดร.วรี พงษ์ ศรัทธาผล 123 M: Measurable (วดั ผลได้) คุณจะรู้ได้อย่างไรครับว่าคุณได้บรรลุเป้าหมายแล้ว ถ้า คุณตอบได้ก็แสดงว่า วัดผลได้ แต่ถ้าตอบไม่ได้แสดงว่า อาจ ต้องลองพิจารณาต้ังเป้าหมายใหม่ เช่น ถ้าเป้าหมายเป็นเงิน หรือรายได้ คุณก็รู้ไดจ้ ากการท่มี ีเงินเข้ามาเยอะๆ หรอื นำ้ หนัก ของคณุ ทล่ี ดลง มแี ฟนเปน็ ตัวเป็นตน อยา่ งน้ีเปน็ ตน้ A: Attainable (พอเปน็ ไปได)้ เป้าหมายทค่ี ุณต้งั ไว้ต้องพอเปน็ ไปไดด้ ว้ ย ไมใ่ ชว่ ่าต้ังอะไร ทีม่ ันเปน็ ไปไดย้ าก เชน่ อายุ 23 ปี จากเงินเดือน 10,000 บาท ต้ังเป้ารายได้ปีละล้าน ตอนอายุ 24 ปี มันอาจจะได้ครับ แต่ต้องไม่ใช่งานประจำแบบมนุษย์เงินเดือนแน่ๆ หรือบางคน อยากมีแฟนหล่อเหมือนณเดชน์ ถ้าคุณตั้งเป้าหมายอย่างน้ ี ก็ลำบากหน่อยครับ เร่ืองการลดน้ำหนักก็เช่นกัน บางคน จากหนัก 100 กโิ ลฯ ต้งั เปา้ ลด 20 กิโลฯ ภายใน 1 อาทิตย์ อยา่ งนีก้ ็เตรียมหามสง่ โรงพยาบาลไดเ้ ลยครบั
124 R: Relevant (สำคญั กับคณุ ยงั ไง) บางคนพอบอกให้ตั้งเป้าหมายก็ตั้งทันทีครับ คือต้ังตาม คนอนื่ ๆ ไปอย่างนน้ั แตพ่ อถามวา่ เป้าหมายนีส้ ำคัญกบั คุณยังไง อะไรคือแรงจูงใจท่ีคุณอยากได้เป้าหมายนี้ และเป้าหมายน้ ี ถ้าบรรลุแล้วมันให้อะไรกับคุณบ้าง ถ้าคุณตอบไม่ได้ แสดงว่า อันนี้ไม่ใช่เป้าหมายท่ีเก่ียวข้องหรือมีความสำคัญกับคุณ ผมว่า แนวโน้มที่จะล้มเหลวหรอื ลม้ เลกิ มีสูงมาก T: Time (มีระยะเวลา) เร่ืองเวลาก็สำคัญกับการตั้งเป้าหมายครับ เราควรจะ กำหนดระยะเวลาให้ชัดเจน เพ่ือที่เราจะรู้ได้ว่า เรามีความ คืบหน้าไปบ้างแล้ว และจะได้นำมาปรับเปลี่ยนให้เหมาะสม เช่น ฉันมรี ายได้ปลี ะลา้ นในอีกห้าปขี า้ งหนา้ ฉนั ตอ้ งมีแฟนภายใน 12 เดือน ฉันจะลดน้ำหนกั ได้ 10 กโิ ลฯ ภายใน 3 เดอื น
ดร.วีรพงษ์ ศรทั ธาผล 125 เพราะการที่เรากำหนดเวลาไว้ ก็เพ่ือที่เราจะได้รู้ว่า เป้าหมายใกล้เข้ามาแล้ว ซึ่งเราจะได้เตรียมตัวเพื่อฉลองความ สำเรจ็ ครบั บางคนอาจเรยี กวา่ “Dead line” หรือ “เสน้ ตาย” แต่ผมรู้สึกว่ามันทำให้เรากังวลใจ ยิ่งใกล้เวลาที่กำหนดมาก เท่าใด ก็ย่ิงรู้สึกใกล้เส้นตายทุกที เราลองมาเปล่ียนใหม่เป็น คำว่า “Celebration line” หรือ “วันเฉลิมฉลองความ สำเร็จ” จะดกี ว่าครบั เพื่อวา่ เวลาเราใกล้บรรลุเปา้ หมายเราจะ มีกำลงั ใจมากขึน้ สำเร็จไว Trick#21 ตัง้ เป้าหมายดี มีชยั ไปกว่าครึ่ง
126 3. ต้ังเป้าหมายท่เี ร้าใจ และเป็นบวก การตง้ั เปา้ หมายมีอยูด่ ้วยกัน 3 แบบครบั แบบที่หน่ึง ก็คือค่อนข้างม่ันใจได้แน่นอน ถ้าต้ังอย่างนี้ กลบั บา้ นไปนอนดกี วา่ ครับ แบบทสี่ อง ก่งึ มั่นใจและไมม่ น่ั ใจ แตก่ ็พอเหน็ ว่ามแี นวทาง เปน็ ไปได้ แบบทส่ี าม แบบพิเศษแถมให้ครบั เป็นการตง้ั ที่อนั ตราย และเปน็ ไปไดย้ ากมากๆ เขตอันตราย ตายแน่ๆ เขตท้าทาย แไตมต่ แ่ ืน่ นเ่ใตจ้น เขตปลอดภัย สำเร็จไดง้ ่ายๆ
ดร.วรี พงษ์ ศรทั ธาผล 127 การตั้งเปา้ หมายท่ดี นี น้ั ตอ้ งตง้ั ในแบบทส่ี องครบั คอื มนั่ ใจแบบ 50/50 หรอื ตง้ั แต่ 50-70 เปอรเ์ ซ็นต์ วา่ คุณ น่าจะทำได้ และต้องตั้งในแบบที่คุณรู้สึกเร้าใจ คือหมายความ วา่ เป้าหมายน้นั คอ่ นข้างทา้ ทาย (Challenge) คุณ การตัง้ เป้าแบบท่ีมคี วามเปน็ ไปไดต้ ่ำมาก คณุ กอ็ าจจะ รู้สึกว่ามันยากมากและถอดใจไปเสียก่อน หรือถ้าต้ังโดยมี ความเป็นไปได้คอ่ นข้างสูง ก็อย่างท่ีบอกแหละครบั มนั กไ็ มม่ ี อะไรท่จี ะเปน็ แรงจูงใจให้คณุ เคลื่อนตอ่ ไปข้างหนา้ ตัวอย่างการตั้งเป้าหมายที่คุณต้องการเป็นบวกและ เร้าใจ ก็จะประมาณนค้ี รับ ถา้ คณุ มหี นี้สนิ มากมายและอยากปลดหน้ี ถา้ คุณต้ังเปา้ วา่ ฉันจะปลดหนี้สามแสนให้หมดภายใน 3 เดือน อันน้ีแค่เริ่ม ก็พาคุณลงเหวแล้วครับ เพราะเป้าหมายคุณยังมีคำว่า “หน้ี” อยู่ ในหัวก็จะมีภาพหนี้ส่งมาให้ตลอด และอย่าลืมว่า ถ้าคุณ นึกถึงเรื่องไหนบ่อยๆ สมองก็จะดึงสิ่งท่ีอยู่ในหัวคุณมาให้ ตลอดเวลา ตกลงคุณอยากไดห้ น้ี หรอื คณุ อยากได้เงนิ ครบั อีกอยา่ งระยะเวลาอาจจะโหดเกินไป สำหรบั บางคนอาจ หมดแรงไปก่อนได้ ลองเปลี่ยนมาต้งั ใหม่เปน็ “ฉนั มีเงนิ เพม่ิ ข้นึ สามแสนในบัญชธี นาคารอกี หกเดือน” ต้ังอยา่ งน้ีทงั้ สมองและ จติ ใต้สำนึกจะพุ่งไปทกี่ ารหาเงินเพ่ิมแทนครับ
128 หรืออีกตัวอย่างท่ีพบเห็นบ่อยๆ ก็คือเรื่อง “ลดความ อ้วน” แค่คุณต้ังเป้าเขียนไว้ที่ข้างฝาห้อง “ลดความอ้วน 10 กโิ ลฯ” คณุ เหน็ มันทุกวนั ๆ คณุ คดิ วา่ สมองและจติ ใตส้ ำนกึ คุณ จะเห็นอะไรครบั แน่นอนครบั ความอว้ นนัน่ เอง คุณลองต้งั ใหม่ เป็นฉันจะหุ่นดี มนี ้ำหนัก 50 กโิ ลฯ ภายในปีน้ี (จากแต่กอ่ น 60 กิโลฯ) อย่างนเ้ี ปน็ ต้น ส่วนเร่ืองแฟนนี่ค่อนข้างซับซ้อน เพราะมันเป็นปัจจัย ที่ควบคุมเพียงคุณฝ่ายเดียวไม่ได้ มันต้องมีแรงดึงดูดจากอีก ฝ่ายด้วย เขาบอกว่าถ้าอยากได้แฟนแบบไหน ก็ลองต้ัง เป้าหมายให้ตัวเองเป็นอย่างน้ันก่อนจะดีท่ีสุด เช่น ฉันเป็น ผู้หญิงร่าเริง ดูดี ม่ันใจในตัวเอง และจะมีแฟนหล่อภายในปีน้ี เป็นตน้ สำเร็จไว Trick#22 เปา้ หมายถ้ารวู้ า่ ได้แนๆ่ ก็กลบั บ้านไปนอนดกี ว่า มนั เสยี เวลา
ดร.วีรพงษ์ ศรัทธาผล 129 4. ปกั หมุดเป้าหมายของคุณใหอ้ ยใู่ นสมอง สมองของคนเรามีความสามารถพิเศษ ถ้าเราเช่ืออะไร เราก็จะเหน็ แต่ส่งิ นน้ั เราเรยี กวา่ “ระบบนำร่องสมอง” RAS (Reticular Activated System) เหมือนบางคนเชือ่ ว่าคนนี้ ไม่ดี คุณคิดว่าเขาจะเห็นอะไรจากคนน้ีครับ ต่อให้มีเหตุการณ ์ ท่ีจะบ่งบอกว่าคนน้ีก็มีดี แต่สมองคนเราก็เลือกท่ีจะไม่รับ ถา้ หากปกั ใจเช่อื ไปแลว้ เป้าหมายก็เช่นเดียวกันครับ ถ้าเราพุ่งไปท่ีเป้าหมาย และเชื่อว่ามันต้องมีทางบรรลุเป้าหมาย สมองส่วนนำร่องก็ จะพยายามหาอะไรมาสนับสนุนให้คุณเห็นแต่ความเป็นไปได้ เสมอ เราเรียกมันรวมๆ ว่า พลังแห่งการพุ่งเป้าความสนใจ (The power of focus) และพลังอนั น้จี ะเข้มข้นข้ึน เม่ือคุณ เทปูนคอนกรีตเสริมเหล็กกับความเช่ือของคุณ ด้วยคำถาม เกี่ยวกับเป้าหมายดงั น้ี
130 1. ทำไมคณุ ถงึ ต้องไดเ้ ปา้ หมายน้ีด้วย (ยิง่ คณุ ใหเ้ หตุผลหนกั แน่นเทา่ ไรยิ่งด)ี 2. เป้าหมายนี้ให้ความสุขความพึงพอใจอะไรแก่คุณบ้าง (ยิ่งมีความสุขมากเท่าไรก็ยิ่งด)ี 3. ถ้าคณุ ไมไ่ ด้มนั มา แลว้ เรอ่ื งเลวรา้ ยทส่ี ุดจะเกดิ ข้นึ (ยิ่งคุณหาส่ิงแย่ๆ จากการที่ไม่บรรลุเป้าหมายได้มาก เทา่ ไรก็ยง่ิ ด)ี อย่างเช่น บางคนตง้ั เป้าหมายมีเงนิ ลา้ น เพอ่ื ท่ีจะเอาไป ดแู ลแม่ ปลดหนี้ เท่ยี วรอบโลก ซ้อื บา้ น เพ่อื จะได้อยูส่ ุขสบาย เป็นที่นับหน้าถือตา สามารถช่วยเหลือคนอ่ืนได้ ถ้าหากไม่ บรรลุเป้าหมายชีวิตก็จะแย่ต่อไป อยู่คนเดียว ตายคนเดียว หรืออาจถึงขัน้ ล้มละลายเลยทเี ดียว ลองเอาคำถามเหล่านี้ไปต้ังเป้าหมายของคุณดูนะครับ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องงาน เร่ืองเรียน เร่ืองสุขภาพ เรื่องความรัก และถ้าจะให้ดีย่ิงขึ้นไปอีก ในแต่ละเป้าหมายของคุณควรจะ มีชื่อเรียกตามท่ีคุณรู้สึกว่าพูดป๊ับมีพลังปุ๊บอะไรทำนองน้ัน เช่น คุณตั้งเป้าหมายเร่ืองการเงินแล้วได้ตามหลัก SMART Goals และปักหมุดเอาไว้ในสมองแล้วตอกหมุดน้ันให้จมมิดลงไปใน สมองดว้ ยการตัง้ ชอ่ื มันข้นึ มา
ดร.วีรพงษ์ ศรัทธาผล 131 วิธีง่ายๆ ในการตั้งช่ือเป้าหมาย ก็แค่ถามตัวคุณเองว่า ถ้าจะให้คำสามคำกับเป้าหมายนี้ คุณอยากจะตั้งชื่อมันว่าอะไร เอาทีม่ นั โดนคณุ นนั่ แหละ เช่น “รวยโคตรโคตร” “เงินไหลมา” “หนุ่ น่าเซยี้ ” “หลอ่ ระเบิด” “เทพเรียกพ่”ี คำโดนๆ เหล่าน้ี จะทำให้การต้ังเป้าหมายของคุณ สนุกสนานกว่าเดมิ ครบั สำเร็จไว Trick#23 ความชดั เจนในเป้าหมายคือพลงั จะย่ิงขลังถ้ามีความสนกุ ดว้ ย
132 5. ยอ่ ยเป้าหมายลงมาทีละขั้น หากมีคนมาถามคุณว่า “คุณจะกินช้างทั้งตัวได้ยังไง” อะไรคือคำตอบครับ ลองมาคิดดูเล่นๆ ดีกว่า ให้เวลาคิด เล็กนอ้ ยครบั ติก๊ ตอ๊ ก ติ๊กต๊อก ติ๊กต๊อก ตกิ๊ ตอ๊ ก ต๊กิ ตอ๊ ก หมดเวลาแลว้ ครบั คำเฉลยคือ “ก็กนิ ทลี ะคำไงครับ” เปา้ หมายกเ็ ชน่ เดยี วกัน เม่ือคุณมเี ปา้ หมายใหญแ่ ล้ว แต่ อาจจะต้องมีการใช้เวลาพอสมควร เช่นบางคนมีเป้าหมาย หาเงินร้อยล้านก่อนอายุ 40 หาแฟนภายใน 1 ปี หรือหุ่นดี ภายในหกเดือน เหลา่ นถ้ี า้ คุณตงั้ เป้าใหญเ่ กินไป ระหว่างทางก็ อาจจะหมดแรงเสียก่อน เพราะยงั มองไม่เห็นเปา้ หมายสักที
ดร.วรี พงษ์ ศรทั ธาผล 133 เคล็ดลับก็คือ เราต้องย่อยเป้าหมายลงมาทีละขั้นก่อน แบบท่แี นะนำกค็ ือ เปา้ หมายย่อยไม่ควรต้ังเกิน 90 วัน หรอื 3 เดอื น คอื ในระยะเวลา 90 วันตอ่ จากนไี้ ป คุณอยาก เหน็ ผลลพั ธ์อะไร ที่จะช่วยใหค้ ณุ บรรลเุ ปา้ หมายใหญ่ของคณุ ได้ เพือ่ ที่เราจะได้มแี รงทำมนั ถ้าจะให้ดใี หย้ ่อยเปา้ หมาย 90 วันลงมาอีกเปน็ รายเดือน รายสัปดาห์ หรือแม้กระท่งั รายวนั ถา้ ทำได้ เช่น • จากเปา้ หมายเงนิ ร้อยล้าน กต็ ั้งเปา้ หาเงนิ เพิ่มขน้ึ เดือนละ หมื่นกอ่ นภายในสามเดือนน้ี • จากเปา้ หมายหาแฟน กเ็ ริม่ ทำความร้จู ักคนใหม่ๆ สกั คนสองคนกอ่ นภายใน 1 เดือน • หรือถ้าต้ังเปา้ หุ่นดี กล็ ดน้ำหนักใหล้ ง 3-5 กโิ ลฯ ก่อน ภายในสองอาทติ ย์
134 อย่างน้ีก็จะมีกำลังใจทำง่ายกว่าเดิม เมื่อเราทำขั้นนี้ได้ สำเร็จ ขนั้ ต่อไปก็ไมใ่ ชเ่ รื่องยากอีกแล้ว เหมือนทเ่ี ขาบอกว่า... “Success breeds Success” “ความสำเรจ็ นำมาซึ่งความสำเร็จ” สำเรจ็ ไว Trick#24 ข้ึนบนั ไดให้ก้าวขึ้นทลี ะข้ัน อยา่ กา้ วข้ามหลายขัน้ เดยี๋ วพลาดพลัง้ ตกลงมา
ดร.วรี พงษ์ ศรทั ธาผล 135 6. เป้าหมายได้เดี๋ยวน้เี ลย หลายคนเมอ่ื ตั้งเป้าหมายแลว้ เป็นการต้ังไปท่คี วามสำเร็จ ในอนาคตข้างหนา้ เช่น ฉันจะมีบ้านราคา 10 ล้าน ฉันจะมีเงนิ 100 ลา้ น ฉนั จะหุ่นดมี ซี ิกแพก็ ฉันจะมีธุรกจิ ของตัวเอง ให้คุณลองนึกภาพ ถ้าเราเอากิ่งไม้ผูกติดกับหลังม้า ด้านหน่ึง แล้วเอาแคร์รอตสีส้มสดผูกติดกับอีกปลายข้างหน่ึง ให้เลยหวั มา้ ไปทางด้านหนา้ เพ่ือใหม้ ้ามองเหน็ ถ้ามา้ อยากกนิ แคร์รอต คุณวา่ มันจะทำยงั ไงครับ มันก็ต้องเริ่มเดินออกไปถูกไหมครับ สายตาก็ไม่ละจาก เป้าหมายด้วย แน่นอนครับทันทีที่มันเริ่มออกเดิน แคร์รอต ก็เคล่ือนไปข้างหน้าพร้อมกับม้าเหมือนกัน คุณว่าแล้วเม่ือไหร่ มันจะได้กินแคร์รอตล่ะครับ โดยเฉพาะถ้ามันอยากกินมากๆ มันจะเร่ิมวิ่งแบบเหยาะๆ ก่อน แต่ก็ยังไม่ได้กินอยู่ดี จากน้ัน มันจะเร่งฝีเท้าให้เร็วข้ึนแบบห้อตะบึงไปข้างหน้าจนสุดแรงเกิด มันเหนอ่ื ยจนนำ้ ลายฟูมปากกย็ งั ไม่ไดก้ นิ แครร์ อตอยูด่ ี
136 การต้ังเป้าหมายก็เช่นกัน ถ้าคุณมองว่ามันเป็นเร่ืองใน อนาคตทย่ี ังมองไม่เหน็ และจบั ต้องไมไ่ ด้ คุณกจ็ ะดน้ิ รนเหน่ือย จนสายตวั แทบขาดเหมอื นม้าตัวนแ้ี หละครบั เคล็ดลบั กค็ อื ใหค้ ณุ รู้สึกไปเลยว่า คณุ ไดเ้ ปา้ หมายน้นั แลว้ และมันมีสิ่งท่บี อกว่าคณุ ทำสำเรจ็ แล้ว ตัวนีแ้ หละท่ีเรา เรียกวา่ ‘จนิ ตภาพ’ ครบั และมันมีพลังมาก ดังท่ไี อน์สไตน์ เคยกลา่ วไว้วา่ ... “Imagination is everything. It is the preview of life’s coming attractions” “จนิ ตภาพคือทุกส่ิงอย่าง มันคอื ภาพฉายของอนาคตท่กี ำลังเกดิ ขน้ึ จรงิ ” ให้คุณใช้จินตนาการนึกถึงภาพท่ีคุณจะเห็นในวันท่ีบรรลุ มันแล้ว เสียงท่ีคุณจะได้ยิน และท่ีสำคัญ คุณรู้สึกอย่างไรบ้าง ดีใจ ภูมิใจ ตื่นเต้น ต้ืนตันใจ มาลองทำภาพน้ันให้ชัดครับ อาจจะเป็นการปริ้นต์ภาพออกมา แล้วติดไว้ที่ข้างฝาห้องหรือ เซฟเอาไว้ในมือถือ เพ่ือจะได้ดูตลอดเวลาก็ยิ่งดี ภาพเหล่าน้ ี เราเรยี กวา่ Vision Board หรือกระดานวิสยั ทศั นค์ รับ แต่ส่งิ สำคญั ก็คอื วา่ คุณตอ้ งมีความรสู้ ึกรว่ มไปกับภาพน้ัน ดว้ ยนะครบั
ดร.วีรพงษ์ ศรทั ธาผล 137 ผมเองก็มีประสบการณ์ตรงเกี่ยวกับเรื่องน้ี เพราะตอน ข้ึนปีสามขณะเรียนอยู่มหาวิทยาลัย ผมเห็นอาจารย์แต่ละคน จบจากต่างประเทศท้ังอเมรกิ า ยุโรป ผมกเ็ ริม่ มคี วามคดิ อยากไป เรยี นตอ่ บ้าง พูดงา่ ยๆ คอื อยากเป็นนักเรียนนอกเหมอื นเขาบา้ ง มนั คงดูโก้และเท่ระเบิด ส่วนจะไปอยา่ งไรนัน้ เหรอครับ เร่ืองเงินนี่ ไมต่ อ้ งพูดถึง ขอใหม้ ีใช้ในแตล่ ะเดอื นกบ็ ุญโขแลว้ มีหนทางเดยี ว ที่เป็นไปได้คือ ผมต้องสอบชิงทุนเท่านั้น แต่ก็ไม่รู้จะไปสอบ ท่ไี หนอกี วิธีแก้ปัญหาของผมเหรอครับ ผมก็ฝันกลางวันเอาไว้เลย (ท่ีสำคญั คอื มันไมเ่ สียตังค์ และฟินสุดๆ ดว้ ย) ผมอ่านนิยายมาเยอะ ก็จะนึกถึงภาพพระเอกก่อนไป เรียนต่อเมืองนอก จะมีฉากพ่อแม่ญาติพ่ีน้องไปส่งที่สนามบิน กันท้ังครอบครัว ภาพโบกมือลาที่ประตูทางเข้า ภาพพระเอก นั่งอยู่ในเครื่องบินริมหน้าต่างในชุดสูทดำ สายตาอำลาอาลัย และมีแอร์โฮสเตสสาวสวยมาเสิร์ฟน้ำให้ เมื่ออยู่เมืองนอก พระเอกก็น่ังเขียนจดหมายถึงพ่อกับแม่ที่ริมหน้าต่าง (อาย ุ ผู้เขียน คุณสามารถคาดเดาได้เลยครับ เพราะสมัยนั้นยังไม่ม ี อีเมล) ใส่เส้ือคอเต่าสีเทาอุ่นหนา สลับกับภาพหิมะขาวที่ โปรยปรายตกลงมาให้เห็นข้างนอกหน้าต่าง ท่ามกลางอากาศ อันหนาวเย็น
138 จากน้นั ภาพพระเอกเดนิ ออกไปท่ามกลางหมิ ะตกโปรยปราย ใสเ่ สื้อโคท้ สีดำยาวคลุมเข่า มอื ลว้ งกระเป๋าทง้ั สองข้าง เดนิ เทๆ่ ผ่านหน้าตึกในมหาวิทยาลัยท่ีเป็นทรงยุโรป และเต็มไปด้วย หิมะขาวโพลนปกคลุมท่ัวทางเดิน (นี่คงเป็นสูตรสำเร็จของ ภาพยนตร์แนๆ่ ) มนั ฟนิ ใช่ไหมล่ะครับ ตัดภาพกลับมา เกือบทุกเย็นที่ห้องเช่าโกโรโกโส ผม จะออกมาน่ังทีห่ น้าระเบยี ง และแหงนหนา้ มองดเู ครอื่ งบินที่บนิ ผ่านไป พรอ้ มกับไดย้ ินเสียงของเครอ่ื งยนตด์ ังแหวกผ่านอากาศ มากระทบหู (มหาวิทยาลัยอยู่ใกล้ดอนเมืองครับ เห็นตัว เครือ่ งบนิ ได้ระยะใกลม้ าก) ผมก็จะมโนเอาวา่ ตัวเองเป็นพระเอก ท่ีเรียนจบแล้วกำลังน่ังเคร่ืองบินกลับมาเมืองไทย มันฟินสุดๆ ผมเห็นภาพตวั เองทกุ อยา่ งเหมอื นในหนงั เลยครับ (จนเพอ่ื นมนั วา่ ผมบ้า) แท้ที่จริงในตอนน้ัน ผมก็ไม่คาดคิดว่ามันจะเกิดข้ึนจริง เหมอื นในจนิ ตนาการหรอกครับ มนั เหมือนจักรวาลจัดสรร ผม โชคดีท่ีสอบชิงทุนรัฐบาลญ่ีปุ่นได้ แต่ตอนนั้นก็รู้สึกตงิดใจตรง ทีว่ ่าพระเอกท่ี “มโน” ไว้ ไมไ่ ดจ้ บจากประเทศญ่ปี ุ่นแน่ๆ และ ตัวผมเองก็ไม่เคยรู้จักอะไรเก่ียวกับประเทศน้ีเลย นอกจาก การ์ตูน โดราเอมอน อกิ คิวซงั และดรากอนบอล
ดร.วรี พงษ์ ศรทั ธาผล 139 ตึกหรืออาคารที่ผมวาดฝันเอาไว้ มันช่างแตกต่างกัน สดุ ข้ัว ระหว่างปราสาทโชกนุ กบั ภาพตกึ โบราณทรงยโุ รป กไ็ ดแ้ ต่ นึกในใจว่า ไหนๆ ก็มาท่ีนี่แล้ว เราเป็นพระรองก็ได้ ยังไงก็ ขน้ึ ตน้ ดว้ ยคำวา่ ‘พระ’ เหมอื นกนั รู้ไหมครับว่า ท่ีญ่ีปุ่นมหัศจรรย์มาก ผมได้พบสิ่งต่างๆ เหมือนที่ “มโน” เอาไว้ทุกประการเลย ไม่ว่าจะเป็นตึกใน มหาวิทยาลัยโตเกียวท่ีผมเรียนอยู่ ถูกออกแบบเป็นทรงยุโรป และสวยสง่าอลังการมาก ไม่มีเค้าโครงปราสาทโชกุนเหมือน ของญี่ปุ่นแม้แต่นิดเดียว ดังนั้นคุณจะไม่แปลกใจเลยท่ีเห็น ผมใสเ่ สื้อโค้ทดำยาวถงึ เข่า มอื ล้วงกระเปา๋ เดินไปเดินมารอบๆ มหาวิทยาลัยในวันหิมะตก เหมือนพระเอกมิวสิก ที่ผม จนิ ตนาการไว้ไม่มผี ดิ สำเร็จไว Trick#25 ถา้ คุณรู้สกึ ได้ถงึ เปา้ หมายทคี่ ณุ ต้องการ คุณกจ็ ะได้มนั มางา่ ยขึ้น
140 7. รา่ ยมนต์ใส่ตัวเองเพือ่ ความสำเรจ็ จากบทแรกๆ ท่ีผ่านมา ทำให้เราทราบว่า สมองมีการ บันทึกข้อมูลในรูปแบบของภาพ เสียง สัมผัส เป็นส่วนใหญ่ นอกจากน้ันก็ยังมี คำถาม คำพูดในหัว (self-talk) ที่คอยดึง โฟกัสเราตลอดเวลา สิ่งเหล่าน้ีจะมีผลต่ออารมณ์ความรู้สึกเรา (state) ทำให้เราผีเข้าผีออก อยากทำหรือไม่อยากทำอะไร บางอยา่ ง ดังนั้นเพื่อที่เราจะได้มุ่งไปสู่เป้าหมายท่ีตั้งไว้ เทคนิค ร่ายมนตใ์ สต่ วั เอง (Incantation) นน่ั ก็คอื การพดู กับตัวเอง ซึ่งเป็นอีกเคล็ดลับหนึ่งที่จะช่วยให้คุณบรรลุเป้าหมายได ้ เร็วขน้ึ ครับ เทคนิคน้ีเราเรียกได้ว่า เป็นการร่ายมนต์ใส่ตัวเองสู่ระดับ จิตใต้สำนึก เพราะมันเป็นการพูดที่มีอารมณ์ความรู้สึกเข้ามา ประกอบด้วย
ดร.วรี พงษ์ ศรัทธาผล 141 เช่นถา้ คณุ ตงั้ เปา้ หมายเป็นจำนวนเงนิ บ้าน แฟน หุน่ ดี คุณกต็ อ้ งมภี าพเหลา่ นนั้ กอ่ น อาจจะเอามาจาก vision board ก็ได้ ให้เอาไปติดไว้ข้างฝา หน้ากระจก หรือในมือถือ แล้วให้ คุณมองภาพนั้นราวกับว่าคุณได้มันมาแล้ว และก็พูดกับตัวเอง เบาๆ หรอื ตะโกนดงั ๆ ก็ได้ไมม่ ีปญั หา ขอแคใ่ หค้ ณุ มคี วามรสู้ กึ ร่วมไปกับภาพนั้น จำไว้ว่า คำพูดที่คุณเลือกใช้จะมีผลต่อความรู้สึกคุณ อย่างมาก ดังนั้นให้เลือกคำพูดท่ีเป็นบวกและอินไปกับมัน การรา่ ยมนต์ใสต่ ัวเองมี 2 แบบด้วยกันครบั แบบแรก เป็นการร่ายมนต์เพ่ือเสกตัวตนที่คุณต้องการ ข้ึนมา หรอื ถา้ เอาแบบเหมารวมไปเลยก็พดู เปน็ ชดุ เลอื กคำพูด ทค่ี ณุ ชอบ ท่ีคุณอยากเปน็ เช่น “ฉนั คอื นักขายท่ีสดุ ยอด” “ฉันคือนกั เรยี นท่เี ก่งที่สดุ ” “ฉันคือคนทห่ี ุ่นดที ่สี ดุ ในสามโลก” “ฉันคอื คนท่ีร่ำรวยมัง่ คัง่ ”
142 อย่างเช่น มีน้องนักมวยคนหน่ึงซ่ึงตัวเล็กมากๆ เวลา ขึ้นชกทีไรก็แพ้แบบนอนมาตลอด น้องคนน้ีได้รับการแนะนำ ให้ใช้วิธีการร่ายมนต์ใส่ตัวเองในแนวปลุกพลังของพันโทอานันท์ เพ่ือสร้างตัวตนใหม่ จนสามารถเอาชนะคู่ต่อสู้ได้อย่างเหนือ ความคาดหมาย เตะคู่ต่อสู้ล้มกล้ิงไปเลยครับ และน้องคนนี้ก็ เปน็ แชมป์ได้โดยการใช้คำพดู แบบรา่ ยมนต์กับตวั เองดงั ๆ วา่ ... “ฉันเกง่ ทส่ี ุด ฉันดีทสี่ ุด ฉนั เย่ยี มทีส่ ุด ฉนั สดุ ยอดทส่ี ดุ เสมอ” แบบท่ีสอง เป็นการร่ายมนต์ปลุกพลังตัวเอง (Moti- vated) ในสถานการณ์ต่างๆ หรือในเวลาที่เราเหนื่อย ท้อ หมดพลัง กเ็ ลือกคำพูดมาปลกุ พลังตัวเอง เชน่ “ส้โู ว้ย” “กูทำได”้ “Yes I can”
ดร.วรี พงษ์ ศรัทธาผล 143 เ ว ล า คุ ณ พู ด ห รื อ ต ะ โ ก น อ อ ก ไ ป ใ น ทั้ ง ส อ ง แ บ บ นั้ น ประสิทธิภาพจะมากข้ึนถ้ามีการใช้ร่างกายประกอบด้วย ไม่ว่า จะเอามือเหว่ียงไปข้างหน้า หรือเอากำป้ันทุบหน้าอกตัวเอง เวลาพูด หรือกระชากมือเข้ามาหาตัวในลักษณะสะใจ เพ่ือให้ ระบบประสาททุกส่วนรับรู้ร่วมกันเป็นการฝังพลังเอาไว้ท่ีตัวเรา อย่างมั่นคง และให้ความรู้สึกฝังลึกลงไปในระดับจิตใต้สำนึก และคงอยู่เช่นนัน้ ตลอดไป! สำเรจ็ ไว Trick#26 เปา้ หมายจะบรรลุได้ เมือ่ คุณรู้ว่า คณุ เปน็ ใครเท่านน้ั
สำเร็จไวใช้สูตรสำเรจ็ ข้ันเทพ เม่ือเรามเี ป้าหมายแล้ว คำถามหน่งึ ทเ่ี กดิ ข้นึ คอื เราจะตอ้ งทำอยา่ งไรตอ่ ถงึ จะสำเร็จและบรรลุเปา้ หมายโดยเรว็ สตู รความสำเร็จขั้นเทพในบทน้ี มคี ำตอบ เพยี งแคค่ ณุ ทำตามสูตรลับความสำเร็จระดบั โลก ความสำเรจ็ จะเกดิ ขนึ้ กบั คณุ โดยเรว็ และง่ายขน้ึ กวา่ เดิม อย่างนา่ อศั จรรย์
1. รเู้ ปา้ หมาย ขอ้ แรกเปน็ จุดเรมิ่ ต้นทส่ี ำคัญมากคอื รวู้ า่ เป้าหมายท่ีเรา ต้องการ (Outcome) ซึ่งทำให้เราต่ืนเต้นหรือมีพลังได้ทุกวัน คอื อะไร เป้าหมายมีความสำคัญมาก เพ่ือกระตุ้นระบบนำร่อง สมองให้ทำงาน (RAS) เม่ือเราเปิดระบบแล้ว สมองเราก็จะ หาหนทางหรือบังคับเราไปท่ีเป้าหมาย ทำให้เราสามารถจดจ่อ กับสงิ่ ที่เราตอ้ งการ และเหน็ ความเปน็ ไปได้ทจี่ ะบรรลุเปา้ หมาย อยตู่ ลอดเวลา
146 ยงิ่ ถ้าเปา้ หมายน้นั ทำใหเ้ รารสู้ ึกต่ืนเต้นเรา้ ใจ และเราร้วู า่ ทำไมถึงอยากได้สิ่งที่อยู่ข้างหน้านี้ เม่ือได้มันมาแล้ว มันจะให้ อะไรแกเ่ ราบ้าง เราได้เหน็ เราได้ยนิ และรู้สึกอย่างไรเมอื่ บรรลุ เปา้ หมายแลว้ ซึง่ กระบวนการน้ีเรียกวา่ “เปา้ หมายได้เด๋ียวน้ี” คำถามก็คอื ว่า แล้วเราจะทำอยา่ งไร ถึงจะสามารถคิดถึง เปา้ หมายท่เี ราอยากได้ทกุ วัน ทุกเวลา วธิ ีทหี่ นงึ่ ใช้ Vision Board ครบั เปน็ รูปภาพเป้าหมาย ท่เี ราอยากได้ อยากมี อยากเปน็ โดยอาจจะเอารปู ตา่ งๆ เหลา่ นี้ ติดไว้ท่ีข้างฝาบ้าน ที่โต๊ะทำงาน หรือทำเป็นโปรไฟล์เซฟไว้ใน โทรศัพท์มือถือก็ได้ เราสามารถเปิดดูภาพเหล่านี้ได้ตลอดเวลา
ดร.วรี พงษ์ ศรทั ธาผล 147 วธิ ที ส่ี อง ใช้ “คำถาม” เพอื่ ควบคมุ สมองให้โฟกัสไปท่ี เป้าหมายครับ เช่น พอเริ่มเบื่อๆ เซ็งๆ ก็ถามตัวเองทันทีเลย วา่ ... “อะไรคอื เปา้ หมายทเ่ี รา้ ใจของฉัน ณ ตอนน้ี” “อะไรคอื ความสำเรจ็ ของฉัน” หรือบางคนก็แปะคำถามน้ีไว้ทุกท่ีท่ีเขาสามารถมองเห็น ได้ครบั เม่อื เราใช้ภาพและคำถามเหล่าน้อี ยูต่ ลอดเวลา สมองเรา จะถูกโฟกัสไปท่ีเป้าหมายมากย่ิงข้ึน ไม่กระจัดกระจายฟุ้งซ่าน ทำให้เรามีพลังและเดินทางไปสู่เป้าหมายได้เร็วข้ึนกว่าเดิมครับ ยกตัวอย่าง คุณบัณฑิต อึ้งรังษี วาทยกรชาวไทยที่ม ี ชื่อเสียงระดบั โลก เมอื่ เขาอยากเป็นอะไร อยากเหน็ อะไร เขา ก็จะเอารูปน้ันมาแปะที่ผนังบ้าน บางภาพมีการแปะภาพของ เขาเองไปอยู่ในน้ันด้วย ซ่ึงแต่ละภาพมีขนาดใหญ่เลยทีเดียว ตื่นเชา้ กนิ ขา้ ว เดินผ่าน กลับบ้าน กอ่ นนอนเขากจ็ ะเห็นภาพนี้ ไดต้ ลอดเวลา
148 นอกจากน้ี เขากต็ ั้งคำถามอยใู่ นหัวตลอดเวลาวา่ เป้าหมาย ที่เขาต้องการคืออะไร เขาทำแบบนี้ตลอด จนได้ในสิ่งท่ีเขา ต้องการ และต้ังใจแบ่งปันเทคนิคน้ีให้แก่ผู้ที่ต้องการประสบ ความสำเรจ็ อยา่ งจริงจงั มาก ความลับความสำเรจ็ ความสำเร็จเกดิ ขนึ้ 2 ครัง้ ครั้งแรกเกดิ ขนึ้ ในจนิ ตนาการ และครัง้ ที่สองเกิดขึน้ จรงิ สำเร็จไว Trick#27 เปา้ หมายท่ีดี คือ เป้าหมายที่คณุ สามารถ เหน็ ไดย้ ิน และรูส้ กึ ได ้
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105
- 106
- 107
- 108
- 109
- 110
- 111
- 112
- 113
- 114
- 115
- 116
- 117
- 118
- 119
- 120
- 121
- 122
- 123
- 124
- 125
- 126
- 127
- 128
- 129
- 130
- 131
- 132
- 133
- 134
- 135
- 136
- 137
- 138
- 139
- 140
- 141
- 142
- 143
- 144
- 145
- 146
- 147
- 148
- 149
- 150
- 151
- 152
- 153
- 154
- 155
- 156
- 157
- 158
- 159
- 160
- 161
- 162
- 163
- 164
- 165
- 166
- 167
- 168
- 169
- 170
- 171
- 172
- 173
- 174
- 175
- 176
- 177
- 178
- 179
- 180
- 181
- 182
- 183
- 184
- 185
- 186
- 187
- 188
- 189
- 190
- 191
- 192
- 193
- 194
- 195
- 196
- 197
- 198
- 199
- 200
- 201
- 202
- 203
- 204