1
บทท$ี & ระบบย่อยอาหาร (Digestive System) 2
ระบบย่อยอาหาร (Digestive System) 3
การย่อยอาหาร (Digestion) สง#ิ มีชีวิตทกุ ชนิด มีความต้องการหาอาหารเพ#ือให้ตนเองสามารถดํารงชีพอยบู่ นโลกได้ ดงั นนัD เราสามารถจะจําแนกสง#ิ มีชีวิตตามการจดั หาอาหารออกเป็น J พวกใหญ่ ๆ คือ 1. Autotroph คือสง#ิ มีชีวิตท#ีสามารถสร้างอาหารเองได้จากสารอนินทรีย์ ได้แก่ การ สงั เคราะห์ด้วยแสง (Photosynthesis) เชน่ พวกพืชสเี ขียวตา่ ง ๆ ได้พลงั งานในการ สงั เคราะห์ด้วยแสงโดยใช้พลงั งานจากแสงอาทิตย์ และการสงั เคราะห์ด้วยปฏิกิริยาเคมี (Chemosynthesis) เชน่ ในแบคทีเรียบางชนิด อาศยั พลงั งานจากปฏิกิริยาเคมี 2. Heterotroph คือสงิ# มีชีวิตที#สร้างอาหารเองไมไ่ ด้ ได้แก่ พวกสตั ว์ได้อาหารจากสงิ# ท#ีสร้าง มาแล้ว เราสามารถแบง่ ชนิดของสตั ว์ตามเกณฑ์ตา่ งๆ ได้ดงั นี D แบ่งตามชนิดของอาหารท?กี นิ เข้าไป Herbivore สตั ว์กินพืช เชน่ กระตา่ ย กอริลลา ววั หอยทาก เป็นต้น Carnivore สตั ว์ที#กินเนือD เชน่ เสอื แมว ฉลาม Omnivore สตั ว์ที#กินทงัD พืชและสตั ว์ เชน่ แมลงสาบ อีกา และคน 4
ประเภทของการย่อยอาหาร 1. การย่อยภายในเซลล์ (Intracellular digestion) คือ การท,ีเซลล์ นําอาหารเข้าไปภายในจนทําให้เกิดถงุ อาหาร (Food vacuole)แล้วใช้นํายอ่ ยยอ่ ยอาหารในเซลล์นนัQ 2.การย่อยภายนอกเซลล์ (Extracellular digestion) คือ การท,ี เซลล์ขบั นําQ ยอ่ ยออกมายอ่ ยอาหารนอกเซลล์จนกลายเป็นโมเลกลุ เลก็ ๆ แล้วดดู ซมึ ไปใช้ประโยชน์ตอ่ ไ5ป
ประเภทของทางเดนิ อาหาร M.ทางเดนิ อาหารแบบสมบรู ณ์ (Complete digestion) ประกอบด้วยชอ่ งเปิด J ชอ่ ง ทําหน้าท#ีเป็นปากและทวาร หนกั ตามลาํ ดบั X.ทางเดนิ อาหารแบบไม่สมบรู ณ์ (Incomplete digestion) ประกอบด้วยชอ่ งเปิดเพียง a ชอ่ ง คือ อาหารเข้าทางปากและ กากอาหารออกทางเดียวกนั 6
ภาพแสดงประเภทของทางเดนิ อาหาร 7
หน้าท'ขี องทางเดนิ อาหาร แบ่งออกเป็ น 6 ประการ คือ !. การกนิ (Ingestion) เป็นการนําอาหารเข้าร่างกาย 3. การย่อยอาหาร (Digestion) เป็นการทําให้ได้สารอาหารเพื#อนําไปใช้ได้ 9. การดดู ซมึ (Absorption) เป็นการนําสารอาหารโมเลกลุ เลก็ เหลา่ นนัD เข้าสู่ เซลล์ เพื#อเข้าสรู่ ะบบไหลเวียนตอ่ ไป C .การขับออก (Elimination หรือ Egestion) โดยจะขบั สารที#ยอ่ ยไมไ่ ด้ ออกเป็นกากอาหาร 8
ขันA ตอนของการย่อยอาหาร 1.การย่อยเชิงกล (Mechanical digestion) เป็นการยอ่ ยอาหารโดยการบดหรือเค2ียวเพื5อใหอ้ าหารมีขนาดเลก็ ลง เช่นใน vertebrate ใชฟ้ ันบดเค2ียว ในไสเ้ ดือนดินใชก้ นึ& (Gizzard) บด เป็นตน้ 2. การย่อยเชิงเคมี (Chemical digestion) เป็นการยอ่ ยอาหาร โดยใชน้ 2าํ ยอ่ ย หรือเอนไซม์ (Enzyme) เขา้ ช่วย เพื5อใหอ้ าหารมีโมเลกลุ เลก็ ท5ีสุด แลว้ จึงทาํ การดูดซึมเขา้ สู่เซลลไ์ ด้ 9
การย่อยอาหารของจุลนิ ทรีย์ ดาํ รงชีวติ เป็นผยู้ อ่ ยสลายสารอินทรียใ์ นระบบนิเวศสิ=งมีชีวติ เหล่าน@ีส่วนใหญ่ จะมีการยอ่ ยอาหาร โดยปล่อยเอนไซมอ์ อกมานอกเซลล์ เพ=ือยอ่ ยสารอินทรีย์ จนเป็นสารอาหารโมเลกลุ เลก็ (Extracellular digestion) แลว้ จึงดูดซึมเขา้ สู่เซลล์ 10
การย่อยอาหารของอะมีบา -มีการนําอาหารเข้ าส่ ูเซลล์ ร่ างกายโดยตรง -ย่อยอาหารภายในเซลล์ (intracellular digestion) -เคล?ือนย้ายสารอาหารท?ยี ่อยได้จาก food vacuole สู่ไซโตพลาสม -ขับกากอาหารออกทาง anal pore 11
การย่อยอาหารของพารามีเซียม -มีการนําอาหารเข้ าส่ ูเซลล์ ร่ างกายโดยตรง -ย่อยอาหารภายในเซลล์ (intracellular digestion) -เคล?ือนย้ายสารอาหารท?ยี ่อยได้จาก food vacuole สู่ไซโตพลาสม -ขับกากอาหารออกทาง anal pore 12
การย่อยอาหารของสัตว์ทFไี ม่มีทางเดนิ อาหาร ฟองนํา& (Spongy) ฟองน2าํ กินอาหารโดยการจบั อนุภาคอาหารขนาดเลก็ ท5ีปะปนอยใู่ นน2าํ ทะเล ซ5ึงถูกพดั พาผา่ นรูเลก็ ๆ ของช่องน2าํ เขา้ ถูกกรองเขา้ ไปในตวั ฟองน2าํ โดย เซลลท์ 5ีมีแฟลกเจลลมั ซ5ึงเรียกวา่ โคแอนโนไซต์ (Choanocyte) โบกน2าํ ผา่ น เขา้ มาและใชเ้ มือกจบั อนุภาคอาหารน2นั แลว้ ใชก้ ระบวนการฟาโกไซโทซิส จบั อาหารเขา้ เซลลพ์ ร้อมกบั สร้างฟูดแวคิวโอล (Food vacuole) อาหารจะ ถูกยอ่ ยและส่งไปตามส่วนต่าง ๆ โดยเซลล์อะมีโบไซต์ (Amoeocyte) 13
ภาพแสดงการกนิ อาหารของฟองนํา1 14
Intracellular and extracellular digestion - พบในหนอนตวั แบน(พลานาเรีย) และ cnidarians(เชน่ แมงกะพรุน, ไฮดรา) -มี gastrovascular cavity ท?เี ป็ นช่องสาํ หรับนําk , อาหาร และอากาศเข้าสู่ร่างกาย -ทางเข้าและออกของอาหารเป็ นทางเดยี วกัน (incomplete digestive tract) -หลังจากอาหารเข้าสู่ gastrovascular cavity จะมีการปล่อยเอนไซม์จากเซลล์ออกมาย่อย เรียกการย่อยนีวk ่า extracellular digestion -อาหารท?ยี ่อยแล้วยังมีขนาดใหญ่อยู่ จะถกู นําเข้าสู่เซลล์โดยวธิ ี phagocytosis และย่อยต่อไป 15
ขันU ตอนการย่อยแบบ extracellular digestion ในไฮดรา 16
17
พลานาเรีย (Planaria) เป็นสตั วพ์ วกหนอนตวั แบนชนิดหน5ึงท5ีดาํ รงชีพอิสระ จบั เหยอ5ื โดยการปล่อย เมือกออกมาและใชล้ าํ ตวั คลุมลงบนตวั เหยอื5 เหยอ5ื จะถูกเมือกพนั ตวั ทาํ ให้ เคลื5อนไหวไม่ได้ และจะใชง้ วงหรือฟาริงซ์ยน5ื ออกมาดูดของเหลวในตวั เหยอ5ื เป็นอาหาร หรือกลืนเหยอ5ื เขา้ ไปช่องแกสโทรวาสควิ ลาร์ท5ีแตกแขนงทอดยาว ไปตามลาํ ตวั เซลลต์ ่อมที5อยตู่ ามผนงั ทางเดินอาหารจะปล่อยเอนไซมอ์ อกมา ยอ่ ยอาหาร และชิ2นส่วนท5ียอ่ ยแลว้ จะมีเซลลท์ ี5ผนงั ทางเดินอาหารโอบลอ้ ม อาหารเขา้ ไปยอ่ ยภายในเซลลต์ ่อ ส่วนกากอาหารที5ยอ่ ยไม่ไดก้ จ็ ะกลบั ออกมา ทางปาก (ภาพท5ี 1.9) 18
ภาพแสดงลกั ษณะทางเดนิ อาหารของพลานาเรีย 19
พยาธิใบไม้ (Fluke) เป็นสตั ว์กลมุ่ เดียวกบั หนอนตวั แบน มีทางเดินอหารคล้ายพลานาเรียมีปากไมม่ ี 20 ทวารหนกั ลกั ษณะทางเดนิ อาหารไมม่ ีกิ,งก้านสาขามากบริเวณสว่ นหวั มี อวัยวะดดู เกาะ (Oral sucker) ใช้ดดู เลอื ดจากเหยื,อเข้าปาก ตอ่ จากปากเป็น คอหอยและลาํ ไส้แยกออกเป็นแขนง กายอ่ ยอาหารเป็นการยอ่ ยแบบภายในเซลล์
พยาธิตวั ตืด (Tape worm) เป็นสตั วก์ ลุ่มเดียวกบั หนอนตวั แบน บริเวณส่วนหวั มีอวยั วะ ดูดเกาะหลายอนั อยรู่ อบ ๆ ส่วนหวั เรียกวา่ สโคเลก็ ซ์ (Scolex) ไม่มที างเดนิ อาหารจึงตอ้ งดูดซึมสารอาหารทCียอ่ ย แลว้ จากทางเดินอาหารของผถู้ ูกอาศยั (Host) เขา้ สู่ร่างกาย โดยไม่ตอ้ งยอ่ ย(ภาพทCี 1.11) 21
ภาพแสดงโครงสร้างของพยาธิตวั ตืด 22
การย่อยอาหารของสัตว์ทมีD ที างเดนิ อาหารสมบูรณ์ หนอนตวั กลม (Nematode) เป็นสัตว์พวกแรกทม<ี ที างเดนิ อาหารสมบูรณ์ ประกอบดว้ ย ปาก (Mouth) คอหอย(Pharynx) ซ5ึงมีลกั ษณะเป็นท่อยาวท5ีมีกลา้ มเน2ือบุผนงั หนามาก ช่อง ภายในค่อนขา้ งแคบ การบีบตวั การคลายตวั ของกลา้ มเน2ือบุผนงั ฟาริงซ์ จะทาํ ใหเ้ กิดแรงดูด ทาํ ใหอ้ าหาร เคล5ือนเขา้ สู่ลาํ ไส้ (Intestine) ซ5ึงเป็นท่อยาวมีลิ2น ปิ ดเปิ ดระหวา่ งลาํ ไสก้ บั คอหอย การยอ่ ยอาหารและดูดซบั อาหารเกิดข2ึนภาย ในลาํ ไส้ การยอ่ ยอาหารเป็นการยอ่ ยแบบภายนอกเซลล์ จากน2นั ขบั กากออก ทางทวารหนัก (Anus) (ภาพที5 1.12) สาํ หรับหนอนตวั กลมที5เป็นปรสิต มกั จะ กินเน2ือเยอ5ื ต่าง ๆ หรือกินอาหารท5ียอ่ ยแลว้ ของผถู้ ูกอาศยั 23
ภาพทแDี สดงลกั ษณะทางเดนิ อาหารของหนอนตวั กลม ปาก คอหอย ลาํ ไสเ้ ลก็ ไสต้ รง ทวารหนกั 24
ภาพทแDี สดงลกั ษณะทางเดนิ อาหารของหนอนมปี ล้อง -มีทางเปิ ดของปาก(mouth)และ ทวารหนัก(anus) แยกกันเรียก complete digestive tract หรือ alimentary canal -crop และกระเพาะอาหารทาํ หน้าท?เี กบ็ อาหาร (บางครังk อาจมีการย่อย) -gizzard ทาํ หน้าท?บี ดอาหาร Extracellular digestion in complex animals พบในสัตว์ส่วนใหญ่ ตงัk แต่หนอนตวั กลมจนถงึ สัตว์มีกระดกู สันหลัง 25
26
แมลง (Insect) ทางเดินอาหารคลา้ ยกบั พวกแอนเนลิด แต่อวยั วะต่าง ๆ เปลี5ยนแปลงไปบา้ เพ5ือ เพิ5มประสิทธิภาพในการกินอาหาร หรือเพ5ือใหเ้ หมาะกบั ชนิดของอาหาร เช่น ปากของแมลง มีหลายชนิด มกั ใช้นําI ลายในการดูดอาหาร โดยยงุ ใชน้ 2าํ ลายพน่ ใส่เลือดเพ5ือไม่ใหเ้ ลือดแขง็ ตวั ยงุ จึงดูดไปใชไ้ ด้ ผเี ส2ือดูน2าํ หวาน โดยใชง้ วงซ5ึงมว้ นเป็นวงดูดเขา้ ไป ส่วนแมลงวนั ปล่อยน2าํ ลายออกมาละลา อาหารแลว้ จึงดูดอาหารเขา้ ปาก จึงเห็นไดว้ า่ การทาํ ใหอ้ าหารเปล5ียนสภาพมี ขนาดเลก็ ลงน2นั เร5ิมตน้ ที5ปาก 27
ภาพท<ี 1.14 แสดงลกั ษณะปากของแมลงชนิดต่าง ๆ 28
หากนาํ ตกั( แตนมาผา่ ดูทางเดินอาหาร จะพบวา่ ประกอบดว้ ยปาก (Mouth) ถดั ไปเป็นคอ หอย(Pharynx) หลอดอาหาร (Esophagus) เป็นทางเดินอาหารทีBค่อย ๆ พองออกจนเป็นถุง ใหญ่เรียกวา่ ถุงพกั อาหาร (Crop) สองขา้ งของหลอดอาหารมีต่อมนํา4 ลาย(Salivary gland) สีขาว รูปร่างคลา้ ยกิBงไม้ ส่วนปลายของถุงพกั อาหารนJีมีกระเปาะแขง็ ๆ เรียกวา่ โปรเวนตริ คูลสั หรือกน6ึ (Proventiculus หรือ Gizzard) ภายในมีหนามแหลม ๆ ยนืB ออกไปรวมกนั ตรงกลางมีไวเ้ พืBอใชก้ รองอาหาร ส่วนทBีต่อกบั กPึนมีถุงเลก็ ๆ รูปร่างคลา้ ยนิJวมือ 8 ถุง เรียกวา่ แกสตริกซีกา (Gastric ceca) เชืBอกนั วา่ ทาํ หนา้ ทีBสร้างนJาํ ยอ่ ย ช่วงนJีจะต่อกบั ทางเดินอาหารส่วนกลาง (Mid gut) ตอนกลางของลาํ ตวั จะมีอวยั วะกาํ จดั ของเสีย เรียกวา่ หลอดมลั พเิ กยี น (Malpighian tubule) เป็นเสน้ ฝอยบาง ๆ สีเหลืองอยกู่ นั เป็นกระจุก ถดั ไปเป็นโคลอน (Colon) เป็นส่วนหนBึงของลาํ ไสใ้ หญ่ ส่งกากอาหารไปยงั ไส้ตรง (Rectum) แลว้ จึงเปิ ดออกทBีทวารหนัก (Anus) (ภาพ) 29
ภาพแสดงลกั ษณะทางเดนิ อาหารของตกัI แตน 30
31
ปลา (Fish) • เป็นสตั วท์ ี5มีกระดูกสนั หลงั ปลากินอาหารหลากหลายชนิด สามารถแยก ออกเป็นกลุ่มใหญ่ ๆ ไดแ้ ก่ แพลงก์ตอน พืช สัตว์ ปลาท5ีกินอาหารแต่ละชนิด จะมีความแตกต่างของอวยั วะยอ่ ยอาหารต2งั แต่ลกั ษณะของปาก ฟัน และ ทางเดินอาหาร • ปลาที5กนิ แพลงก์ตอนเป็นอาหาร ตวั อยา่ งเช่นปลาทู (Reatrelliger spp.) ปลา อกแล (Sardinella spp.) ปลาแป้น (Leiognathus spp.) ปลาเหล่าน2ีมีฟันขนาด เลก็ มาก หรือไม่มีฟันเลย นอกจากน2นั ขากรรไกรกไ็ ม่แขง็ แรง ปลาแป้นมีปาก ขนาดเลก็ แต่ยดื ออกไม่ได้ ส่วนปลาปากแตร (Fistularidae) ปากคลา้ ยหลอด ดูด สาํ หรับดูดกินแพลงกต์ อน 32
• ปลาตะเพยี นปลาในมีฟันบดบริเวณคอหอยสาํ หรับบดพืชนJาํ หรือสาหร่ายทีBกินเขา้ ไปให้ ละเอียด • ปลาพวกมปี ากแขง็ แรง เช่น ปลกนกแกว้ ปลาสลิดหิน มีฟันขดุ มีลกั ษณะคลา้ จะงอยปากนก เพืBอใชข้ ดุ กินสาหร่ายทีBอยใู่ นหินปะการัง • สําหรับปลาล่าเหยืHอ เช่น ปลาอินทรีย์ ปลาปากคม ส่วนมากมีขากรรไกรทJงั ล่างและบน แขง็ แรงดี มีฟันแหลมคม มองเห็นไดช้ ดั เจน ปลาพวกนJีจบั เหยอBื ทีละตวั พวกปลากระเบน มี ฟันแผงแขง็ แรง จนสามารถใชข้ บเปลือกหอยใหแ้ ตกเพBือกินเนJือหอย • สําหรับทพีH ืน4 ปากมลี นิ4 ขนาดเลก็ มาทีBไม่ใชง้ าน ทาํ หนา้ ทBีรับสมั ผสั อาหาร เมBืออาหารเขา้ ปาก แลว้ กจ็ ะเคลBือนผา่ นคอหอยหลอดอาหาร กระเพาะอาหารลาํ ไส้ ไพโลริกซีกา (Pyloric ceca) พบเฉพาะปลากินเนJือ และออกมาทางทวารหนกั โดยการยอ่ ยอาหาร จะอาศยั ต่อมสร้าง นJาํ ยอ่ ย ทBีประกอบดว้ ย ตบั (Liver) ซBึงมีถุงนํา4 ด(ี Gall bladder) เกบ็ นJาํ ดี และตบั อ่อน (Pancreas) สร้างนJาํ ยอ่ ย 33
ภาพแสดงลกั ษณะทางเดนิ อาหารของปลา 34
นก (Bird) • นกกินอาหารที5มีพลงั งานสูงและมีการยอ่ ยอาหารอยา่ งรวดเร็ว นกไม่มฟี ัน และต่อมนําI ลายเจริญไม่ดี แต่สามารถสร้างเมือกสาํ หรับคลุกเคลา้ อาหาร และหล่อล5ืน ลิ2นมีต่อมรับรสนอ้ ยแต่กร็ ับรสไดบ้ า้ ง คอหอยส2นั หลอด อาหารค่อนขา้ งยาวมีผนงั กลา้ มเน2ือตอนปลายมีกระเพาะพกั อาหาร (Crop) มีหนา้ ท5ีเกบ็ อาหาร และนาํ ไปยอ่ ยในกระเพาะอาหาร (Stomach หรือ Proventriculus) • สร้างน2าํ ยอ่ ย ถดั ไปเป็นกระเพาะบดหรือกน&ึ (Gizzard) มีกลา้ มเน2ือหนา ผนงั ดา้ นในเป็นสนั ใชบ้ ดอาหาร นอกจากน2ีนกยงั มีการกลืนกอ้ นกรวด ขนาดเลก็ เขา้ ไปช่วยในการบดอาหาร ถดั ไปเป็นลาํ ไสเ้ ลก็ ลาํ ไสใ้ หญ่ และ โคลเอกา (ภาพที5 1.17) 35
ภาพทDี 1.17 แสดงลกั ษณะทางเดนิ อาหารของนก 36
37
การย่อยอาหารในกระเพาะอาหารของสัตว์เคียU วเอือU ง 1)เรJิมแรกวัวจะเคียP วและ 4)วัวจะกลืนcudจาก(3)กลับเข้าสู่กระเพาะ กลืนหญ้า ในรูปของbolus ส่วน omasum ทJมี ีการดดู นําP กลับ เข้าสู่rumen 2)bolusบางส่วนอาจเคลJือนเข้าสู่ reticulum ทงัP rumenและreticulum มีsymbiotic prokaryotesและ protistsทาํ หน้าทJยี ่อยเซลลูโลส และหลJังกรดอะมโิ นออกมา 3)อาหาร(cud)บางส่วนจาก(2)จะ ถกู นํากลับออกมาเคียP วใหม่ 5)cudทJมี ีปริมาณจุลนิ ทรีย์มากๆ จะเคลJือนสู่กระเพาะส่วน abomasum กระเพาะส่วนนีมP ีการ หลJังเอนไซม์ออกมาย่อยอาหาร ดงั นันP อาจถอื ได้ว่าส่วนนีเP ป็ นกระเพาะอาหารทJแี ท้จริง และ 3 ส่วนแรกถอื เป็ นส่วนขยายของหลอดอาหาร 38
กระเพาะอาหารของสัตว์เคยี1 วเอือ1 ง 1. รูเมน (Rumen) หรือกระเพาะผ้าขรีI ิIว 39
2. เรตคิ วิ ลมั (Reticulum) หรือกระเพาะรังผงึ& 40
3.โอมาซัม (Omasum)หรือกระเพาะสามสิบกลบี 41
4. แอบโอมาซัม (Abomasum) กระเพราะแท้จริง 42
ภาพแสดงลกั ษณะกระเพาะอาหารของสัตว์เคยี& วเอือ& ง 43
กระบวนการกนิ อาหาร (food processing) ประกอบด้วย 1. Ingestion (การกนิ ) การนําอาหารเข้ าส่ ูร่ างกาย 2. Digestion (การย่อย) การทาํ ให้อาหารทCกี นิ เข้า ไปมีขนาดเล็กลง 2.1 Mechanical digestion -การเคียR ว 2.2 Chemical digestion -การย่อยโดยเอนไซม์ 3. Absorption (การดดู ซมึ ) 4. Elimination (การขับออก) 44
ระบบทางเดนิ อาหารของคน ประกอบด้วย 1. ช่องปาก (oral cavity) 2. คอหอย (pharynx) 3. หลอดอาหาร (esophagus) 4. กระเพาะอาหาร (stomach) 5. ลาํ ไส้เล็ก (small intestine) 6. ลาํ ไส้ใหญ่ (large intestine or colon) 7. ลาํ ไส้ตรง (rectum) 8. ทวารหนัก (anus) 45
ช่องปาก (oral cavity) -ในช่องปากมีต่อมนําk ลาย 3 คู่ -ในนําk ลายมีนําk ย่อย amylase -นําk ลายประกอบด้วยสารไกลโคโปรตนี สาํ หรับย่อยแป้งและไกลโคเจน ท?มี ีลักษณะล?ืน เรียก mucin มีบทบาท ในการทาํ ให้อาหารล?ืน กลืนง่าย -ลนิk ในช่องปากทาํ หน้าท?คี ลุกเคล้า ป้องกันเย?อื บุช่องปากและฟันไม่ให้ผุ อาหารให้เป็ นก้อนเรียก bolus 46
The major salivary glands 47
ฟัน • ฟันแต่ละซ<ีมี 2 ส่วน คือ ตวั ฟัน (crown) และรากฟัน (root) • ส่วนนอกสุดของตวั ฟัน คือ สารเคลือบฟัน ( enamel) • ถดั มาเป็ นชิIนเนืIอฟัน ( dentine) และโพรงฟัน ( pulp cavity ) ส่วนประกอบต่างๆ ของฟัน 48
ต่อมนําU ลาย • มี 3 คุ่ อยขู่ า้ งกกหู ใตล้ ิJน และใตข้ ากรรไกร • ผลิตนJาํ ลายวนั ละประมาณ 1-1.5 ลิตร • นJาํ ลายมีนJาํ เป็นองคป์ ระกอบร้อยละ 99.5 มี pH 6.2-7.4 • มีส่วนประกอบทBีเป็นเมือก ทาํ หนา้ ทีBหล่อลืBนอาหาร • มีเอนไซมอ์ ะไมเลสยอ่ ยแป้ง 49
คอหอยและหลอดอาหาร(pharynx and esophagus) 3.esophageal sphincter 1.เมJือไม่มีอาหาร 2.เมJืออาหารมาถงึ คอ คลายตวั อาหารเคลJือนสู่ esophageal หอยจะกระตุ้นการกลืน หลอดอาหาร sphincterหดตวั กล่องเสียง(larynx)และ 4.กล้ามเนือP หด-คลายตวั เป็ น epiglottisยกขนึ P glottisยกตวั ขนึP epiglottis จงั หวะ(peristalsis)ดนั อาหาร glottisเปิ ด เคลJือนตวั ลงมาปิ ด จากหลอดอาหาร -ทางเดนิ หายใจเปิ ด -ทางเดนิ หายใจปิ ด สู่กระเพาะอาหาร -ทางเดนิ อาหารปิ ด -ทางเดนิ อาหารเปิ ด 50
Search