Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore รายงาน5-6กลุ่ม3

รายงาน5-6กลุ่ม3

Published by Bawonluck Rakaprasert, 2020-10-04 09:08:56

Description: รายงาน5-6กลุ่ม3

Search

Read the Text Version

รายงาน วชิ าวทิ ยาการคานวณ รหัส ว30118 จดั ทำโดย 1.นำงสำวแพรณิกำ พนิ ิจงำม เลขที่ 31 2.นำงสำวบวรลกั ษณ์ รักขประเสริฐ เลขที่ 32 3.นำงสำวทิพยเ์ กษร มงั คุด เลขท่ี 44 4.นำงสำวนสั รีย์ อนิ พ่วง เลขที่ 45 ช้นั มธั ยมศึกษำปี ท่ี 5/6 เสนอ ครูจิรำยุ ทองดี รำยงำนเล่มน้ีเป็นส่วนหน่ึงของวชิ ำวิทยำกำรคำนวณ รหสั วชิ ำ ว30118 โรงเรียนนวมินทรำชินูทิศ เตรียมอดุ มศึกษำนอ้ มเกลำ้ ภำคเรียนท่ี 1 ปี กำรศึกษำ 2562 สังกดั กระทรวงศึกษำธิกำร

1 คานา รำยงำนฉบบั น้ีเป็นส่วนหน่ึงของรำยวิชำวิทยำกำรคำนวณ ช้นั มธั ยมศึกษำปี ท่ี5 จดั ทำข้ึนเพอ่ื ศึกษำคน้ ควำ้ และเพือ่ ทำเป็นเอกสำรประกอบกำรเรียยนอีกดว้ ย โดยเลม่ รำยงำนน้ีประกอบดว้ ยเน้ือหำดงั น้ี กระบวนกำรเทคโนโลยี พ้ืนฐำนภำษำซี และเทคโนโลยีประยกุ ต์ อีกท้งั ยงั เป็นกำรตรวจสอบควำมเขำ้ ใจแก่ผศู้ ึกษำเองอีกดว้ ยจึงไดจ้ ดั ทำรำยงำนเลม่ น้ีข้ึนมำ ท้งั น้ีคณะผจู้ ดั ทำหวงั เป็นอยำ่ งยงิ่ วำ่ รำยงำนเลม่ น้ีจะเป็นประโยชนแ์ ก่ตวั ผศู้ ึกษำเป็นอยำ่ งดี ผจู้ ดั ทำไดศ้ ึกษำมำเป็นอยำ่ งดี ขอ้ มลู ครบและถี่ถว้ น และทำงคณะผจู้ ดั ทำขอขอบคุณผทู้ ่ีมีส่วนช่วยใหร้ ำยงำนเลม่ น้ีสำเร็จข้ึนมำ ณ โอกำสน้ีดว้ ย ผจู้ ดั ทำ นำงสำวบวรลกั ษณ์ รักขประเสริฐ

สารบญั 2 เร่ือง หน้า คำนำ 1 สำรบญั 2 1.วิทยำกำรคอมพวิ เตอร์ 3-10 2.พ้นื ฐำนภำษำซี 3.กระบวนกำรเทคโนโลยี 11-16 4.เทคโนโลยปี ระยกุ ต์ 17-29 5.บรรณำนุกรม 30-36 6.ภำคผนวก 37 38

3 วทิ ยาการคอมพวิ เตอร์ การนาวิทยาการคอมพวิ เตอร์ไปใชช้ในชีวิตประจาวนั Internet of Things (IoT) อินเตอร์เนต็ เพื่อทุกสรรพส่ิง หรืออินเตอร์เน็ตในทุกส่ิง คือกำรนำอุปกรณ์ตำ่ งๆ มำเชื่อมโยงกบั เครือข่ำยอินเตอร์เน็ต ซ่ึงสำมำรถสื่อสำรและควบคุมใชง้ ำนผำ่ นอุปกรณ์เคลื่อนที่ เช่น Smart Phone หรือ Tablet โดยมีแอปพลิเคชนั่ ในกำรสัง่ กำรรวมไปถึงกำรใชง้ ำนเครื่องจกั รในโรงงำน รถยนตร์ เครื่องใชภ้ ำยในบำ้ น ช่วยทำใหก้ ำรดำเนินชีวติ มีควำมสะดวกและปลอดภยั ยง่ิ ข้ึน การนาเทคโนโลยี Internet of Things ประยกุ ต์ใช้ในด้านต่างๆ Smart Industry กำรนำเทคโนโลยี Internet of Things มำประยกุ ตใ์ ชเ้ พื่อช่วยเพิ่มประสิทธิภำพในกำรผลิต แกป้ ัญหำ และลดตน้ ทุกกำรผลิต เพมิ่ คุณภำพของสินคำ้ และลดควำมเสี่ยงจำกกำรใชง้ ำนของอุปกรณ์เคร่ืองจกั รที่มีอนั ตำยสูง

4 เช่น กำรเปิ ด-ปิ ดเคร่ืองจกั ร กำรจดั กำรคลงั สินคำ้ ซ่ึงสำมำรถทำใหท้ รำบปริมำณสินคำ้ ในคลงั สินคำ้ Smart City กำรนำเทคโนโลยี Internet of Things มำประยกุ ตใ์ ชเ้ พ่ือช่วยปรับใชโ้ ครงสร้ำงพ้ืนฐำนและระบบตำ่ งๆ ของเมืองที่เนน้ กำรอนุรักษส์ ิ่งแวดลอ้ ม และกำรพฒั นำอยำ่ งยงั่ ยนื ครบวงจรยกตวั อยำ่ ง เช่น ระบบโดยสำรใชร้ ะบบไฟฟ้ำท้งั หมด โดยมีรถยนต์ จกั รยำน ท่ีสำมำรถใชร้ ่วมกนั ได้ กรณีฉุกเฉินก็มีรถยนตร์ไฮบริดไวส้ ำรอง ไม่จำเป็นตอ้ งมีรถส่วนตวั ระบบกำรบริหำรพลงั งำนรูปแบบระบบนิเวศ (Ecosytem) ครบวงจร ประเทศไทยไดเ้ ริ่มจดั ทำโครงกำรนำร่อง Smart City เมืองน่ำอยู่ 2 แห่ง ประกอบดว้ ยเขตเทศบำลเมืองป่ ำตองและเขตเทศบำลนครภูเกต็ โดยนำอินเทอร์เนต็ เพอื่ ทุกสรรพส่ิงมำประยกุ ตใ์ ชก้ บั เมืองใหน้ ่ำอยู่ และปลอดภยั มำกย่ิงข้ึน Smart Life กำรนำเทคโนโลยี Internet of Things มำประยกุ ตใ์ ชใ้ นชีวติ ประจำวนั เพอ่ื ตอบสนองรูปแบบกำรใชช้ ีวติ ในยคุ ปัจจุบนั ทำใหส้ ำมำรถจดั กำรกบั อุปกรณ์เคร่ืองมือต่ำงๆ ใหท้ ำงำนผำ่ นระบบเครือขำ่ ยอินเทอร์เนต็ ซ่ึงอปุ กรณ์เคร่ืองมือตำ่ งๆ จะมีชิปประมวลผลฝังตวั อยซู่ ่ึงสำมำรถแลกเปลี่ยนขอ้ มูลกนั ผำ่ นระบบอินเทอร์เน็ต ทำใหส้ ำมำรถควบคุมอปุ กรณ์เหลำ่ น้นั ได้ เช่น ตูเ้ ยน็ อจั ฉริยะ

5 สำมำรถตรวจสอบจำนวนส่ิงของที่อยใู่ นตูเ้ ยน็ วนั หมดอำยขุ องอำหำรที่แช่ในตูเ้ ยน็ และทำกำรแจง้ เตือนผำ่ นแอปพลิเคชนั บน Smart Phone เคร่ืองซกั ผำ้ อจั ฉริยะ สำมำรถควบคุมและต้งั คำ่ ระบบกำรซกั ผำ้ ในโหมดตำ่ งๆ และรำยงำนสถำนกำรณ์ของกำรซกั ผำ้ เสร็จ สำมำรถตรวจจบั วำ่ เจำ้ ของกลบั ถึงบำ้ นแลว้ เครื่องซกั ผำ้ จะทำปิ ดเคร่ืองอตั โนมตั ิ ปัญญาประดษิ ฐ์ (Artificail Intelligence) ปัญญำประดิษฐเ์ ป็นระบบคอมพวิ เตอร์ท่ีถูกพฒั นำใหม้ ีควำมสำมำรถในกำรเรียนรู้ ใชเ้ หตุผลพฒั นำและปรับปรุงขอ้ บกพร่องใหด้ ีข้ึนกำรทำงำนใกลเ้ คียงกบั ระบบประมวลผลและ กำรตอบสนองของมนุษยแ์ ต่ละสถำนกำรณ์ เพอ่ื ใหค้ อมพวิ เตอร์ปฎิบตั ิงำนแทนมนุษยไ์ ดอ้ ยำ่ งมีประสิทธิภำพเป็นเทคโนโลยีที่ทำใหค้ อมพวิ เ ตอร์มีลกั ษณะเสมือนมนุษยต์ ่ำงหรือจกั รกลอจั ฉริยะ ไมว่ ำ่ จะเป็นในเร่ืองของควำมคิด กำรวเิ ครำะห์ หรือแมก้ ระทง่ั กำรเลียนแบบพฤติกรรมของมนุษยต์ ำ่ งๆ โดยใชโ้ ปรแกรมหรือซอฟตแ์ วร์ต่ำงๆ ที่มนุษยน์ ้นั ไดเ้ ขียนหรือจดั ทำชุดคำสัง่ ข้ึนมำ แลว้ นำมำประมวลผลหรือนำมำฝังไวก้ บั อปุ กรณ์ส่วนใดส่วนนึง เพอื่ ทำใหเ้ กิดระบบจกั รกลอจั ฉริยะหรืออปุ กรณ์น้นั ๆ สำมำรถที่จะส่ือสำรกบั มนุษย์ ปัญญำประดิษฐส์ ำมำรถแยกไดห้ ลำยประเภทดงั น้ี การประมวลผลแบบกลุ่มเมฆ (Cloud Computing)

6 Cloud Computing คือ กำรประมวลผลผำ่ นเครือข่ำยอินเทอร์เน็ต กำรใหบ้ ริกำรที่ครอบคลุมถึงกำรใชจ้ ดั เตรียมทรัพยำกรสำหรับกำรประมวลผล แอปพลิเคชนั หน่วยจดั เก็บขอ้ มลู และระบบออนไลน์ตำ่ งๆโดยผูใ้ ชง้ ำนจะตอ้ งเช่ือมต่อระบบอินเทอร์เน็ต ขอ้ ดี คือ ไมจ่ ำเป็นตอ้ งลงทนุ ซ้ือฮำร์ดแวร์(Hardware) และซอฟตแ์ วร์(Software)เองท้งั ระบบ ไม่ตอ้ งวำงระบบเครือขำ่ ยเอง ลดควำมรับผดิ ชอบในกำรดูแลระบบ ผใู้ ชท้ ุกคนสำมำรถเขำ้ ถึงระบบขอ้ มูลต่ำงๆผำ่ นอินเทอร์เนต็ สำมำรถจดั กำรบริหำรทรัพยำกรของระบบผำ่ นเครือขำ่ ย และสำมำรถแบ่งใชท้ รัพยำกรร่วมกนั (Shared Resource)มีท้งั แบบบริกำรฟรีและแบบชำระคำ่ บริกำร ส่ือดิจทิ ลั ในชีวิตประวัน สื่อดิจทิ อล (Digital Media) หมำยถึง สื่อท่ีมีกำรนำเสนอขอ้ ควำม กำรฟฟิ ก ภำพเคล่ือนไหว เสียง มำจดั รูปแบบ โดยอำศยั เทคโนโลยคี วำมเจริญกำ้ วหนำ้ ทำงดำ้ นคอมพิวเตอร์ สื่อสำรทำงออนไลน์ หรือตวั กลำงท่ีถูกสร้ำงข้ึนโดยอำศยั ควำมกำ้ วหนำ้ ทำงเทคโนโลยคี อมพิวเตอร์ที่นำขอ้ ควำม กำรฟิ ก ภำพเคล่ือนไหว เสียง และวดิ ีโอมำจดั กำรตำมกระบวนกำร และวธิ ีกำรผลิตโดยนำมำเช่ือมโยงกนั เพอ่ื ใหเ้ กิดประโยชนใ์ นกำรใชง้ ำน เช่น กำรพมิ พร์ ำยงำนจำกโปรแกรมประมวลผลคำ กำรนำเสนอผลงำนจำกโปรแกรมนำเสนอขอ้ มลู

7 กำรถำ่ ยภำพหรือวิดีโอจำกกลอ้ งดิจิทลั ซ่ึงในปัจจุบนั จะทำกำรสร้ำงสื่อและจดั เก็บในรูปแบบดิจิทลั ส่ือดิจิทลั ทใ่ี ช้ในชีวติ ประจาวนั โดยทว่ั ไปบุคคลจะรับรู้เน้ือหำดำ้ นตำ่ งๆ จำกสื่อรูปแบบตำ่ งๆเช่น โทรทศั น์ วิทยุ หนงั สือพิมพ์ ซ่ึงในปัจจุบนั ระบบคอมพวิ เตอร์เขำ้ มำพฒั นำกระบวนกำรดำ้ นต่ำงๆ ของส่ือ ต้งั แตก่ ำรผลิตเน้ือหำ(Content) สื่อกลำงในกำรส่ือสำร (Media) ช่องทำงกำรสื่อสำร (Channel)รูปแบบกำรสื่อสำรที่สำมำรถทำใหผ้ สู้ ่งสำรและผรู้ ับสำรสำมำรถโตต้ อบกนั ไดง้ ่ำยข้ึน รวดเร็วข้ึน เทคโนโลยสี ารสนเทศในชีวิตประจาวนั เทคโนโลยีสารสนเทศ กำรประยกุ ตใ์ ชค้ อมพวิ เตอร์ เพ่ือจดั เก็บ กำรคน้ หำ กำรส่งผำ่ น และกำรดำเนินกำรขอ้ มลู ขององคก์ รที่เก่ียวขอ้ งกบั ธุรกิจหรือองคก์ รดำ้ นอื่นๆ ท่ีตอ้ งใชค้ อมพวิ เตอร์เเละเครือขำ่ ยคอมพวิ เตอร์รวมถึงเทคโนโลยอี ื่นๆ กำรนำเทคโนโลยมี ำสร้ำงมลู ค่ำใหก้ บั สำรสนเทศ เพอ่ื ใหเ้ กิดประโยชน์จำกกำรใชง้ ำนท่ีส่งต่อหรือสื่อสำรระหวำ่ งกนั เทคโนโลยสี ำรสนเทศยงั มีควำมสำคญั ตอ่ วิถีชีวิตของประชำชนดำ้ นกำรติดต่อส่ือสำร รวมท้งั เป็นแหลง่ ขอ้ มูลควำมรู้ดำ้ นกำรศึกษำ กำรดำเนินธุรกิจ และดำ้ นอ่ืนๆอีกมำก

8 ความหมายของเทคโนโลยีสารสนเทศ กำรประยกุ ตค์ วำมรู้ทำงวิทยำศำสตร์มำใชใ้ นระบบสำรสนเทศ ต้งั แต่กระบวนกำรจดั เก็บประมวลผล และกำรเผยแพร่สำรสนเทศ เพอ่ื ช่วยใหไ้ ดส้ ำรสนเทศท่ีมีประสิทธิภำพ และรวดเร็วทนั ต่อเหตกุ ำรณ์ โดยเทคโนโลยสี ำรสนเทศ ความหมายของสารสนเทศ สำรสนเทศ (Information) หมำยถึง ขอ้ มลู ต่ำงๆ ที่ไดผ้ ำ่ นกำรเปลี่ยนแปลงหรือมีกำรประมวลผลหรือวเิ ครำะห์สรุปผลดว้ ยวธิ ีกำรต่ำง ๆแลว้ เก็บรวบรวมไว้ เพ่ือนำมำใชป้ ระโยชน์ตำมตอ้ งกำรกำรประมวล (Data Processing)เป็นกำรนำขอ้ มูลจำกแหลง่ ตำ่ งๆที่เก็บรวบรวมไวม้ ำผำ่ นกระบวนกำรต่ำงๆเพือ่ แปร สภำพขอ้ มูลใหเ้ ป็นระบบและอยใู่ นรูปแบบท่ีตอ้ งกำร องค์ประกอบของสารสนเทศ 1. ฮาร์ดแวร์ เป็นองคป์ ระกอบสำคญั ของระบบสำรสนเทศ หมำยถึง เคร่ืองคอมพิวเตอร์ อุปกรณ์รอบขำ้ ง เช่น เคร่ืองพิมพ์ เคร่ืองกรำดตรวจ รวมท้งั อุปกรณ์สื่อสำรสำหรับเช่ือมโยงคอมพวิ เตอร์เขำ้ เป็นเครือขำ่ ย 2. ซอฟต์แวร์ หรือโปรแกรมคอมพิวเตอร์เป็นองคป์ ระกอบที่สำคญั ประกำรท่ีสอง ซ่ึงกค็ ือลำดบั ข้นั ตอนของชุดคำสั่งที่สัง่ งำนใหฮ้ ำร์ดแวร์ทำงำน เพ่ือประมวลผลขอ้ มูลให้ไดผ้ ลลพั ธ์ตำมควำมตอ้ งกำรของกำรใชง้ ำน

9 ในปัจจุบนั มีซอฟตแ์ วร์ควบคุมระบบงำน ซอฟตแ์ วร์สำเร็จทำใหก้ ำรใชง้ ำนคอมพิวเตอร์ในระดบั บุคคลเป็นไปอยำ่ งกวำ้ งขวำง และส่งเสริมกำรทำงำนของกลุม่ มำกข้ึน ส่วนงำนในระดบั องคก์ ร ส่วนใหญม่ กั จะมีกำรพฒั นำระบบตำมควำมตอ้ งกำร โดยกำรวำ่ จำ้ งบริษทั ท่ีรับพฒั นำซอฟตแ์ วร์ หรือโดยนกั คอมพวิ เตอร์ที่อยใู่ นฝ่ ำยคอมพวิ เตอร์ขององคก์ ร เป็นตน้ 3. ข้อมูล เป็นองคป์ ระกอบที่สำคญั อีกประกำรหน่ึงของระบบสำรสนเทศ เป็นตวั ช้ีควำมสำเร็จหรือควำมลม้ เหลวของระบบได้ เน่ืองจำกตอ้ งมีกำรเก็บขอ้ มลู จำกแหล่งกำเนิด ขอ้ มูลจะตอ้ งมีควำมถูกตอ้ งและทนั สมยั มีกำรกลน่ั กรองและตรวจสอบแลว้ เทำ่ น้นั จึงจะมีประโยชนโ์ ดยเฉพำะอยำ่ งยิ่งเม่ือใชง้ ำนในระดั บกลุ่มหรือระดบั องคก์ ร ขอ้ มูลตอ้ งมีโครงสร้ำงในกำรจดั เก็บที่เป็นระบบระเบียบเพือ่ กำรสืบคน้ ท่ีรวดเร็วและมีประสิทธิ ภำพ 4. บุคคลากร บุคลำกรในระดบั ผใู้ ช้ ผบู้ ริหำร ผพู้ ฒั นำระบบ นกั วเิ ครำะหร์ ะบบ และนกั เขียนโปรแกรม เป็นองคป์ ระกอบสำคญั ในควำมสำเร็จของระบบสำรสนเทศ บคุ ลำกรมีควำมรู้ ควำมสำมำรถทำงคอมพวิ เตอร์มำกเท่ำใด โอกำสท่ีจะใชง้ ำนระบบสำรสนเทศและระบบคอมพิวเตอร์ไดเ้ ตม็ ศกั ยภำพและคุม้ ค่ำยง่ิ มำกข้ึนเ ทำ่ น้นั

10 โดยเฉพำะระบบสำรสนเทศในระดบั บคุ คลซ่ึงเครื่องคอมพวิ เตอร์มีขีดควำมสำมำรถมำกข้ึน ทำใหผ้ ใู้ ชม้ ีโอกำสพฒั นำควำมสำมำรถของตนเองและพฒั นำระบบงำนไดเ้ องตำมควำมตอ้ งกำร สำหรับระบบสำรสนเทศในระดบั กล่มุ และองคก์ รที่มีควำมซบั ซอ้ นมำก อำจจะตอ้ งใชบ้ ุคลำกรในสำขำคอมพิวเตอร์โดยตรงมำพฒั นำและดูแลระบบงำน 5. กระบวนการวิเคราะห์ ข้นั ตอนกำรปฏิบตั ิงำนท่ีชดั เจนของผใู้ ชห้ รือบุคลำกรท่ีเก่ียวขอ้ งก็เป็นเร่ืองสำคญั อีกประกำรหน่ึ ง เม่ือไดพ้ ฒั นำระบบงำนแลว้ จำเป็นตอ้ งปฏิบตั ิงำนตำมลำดบั ข้นั ตอน ในขณะใชง้ ำนกจ็ ำเป็นตอ้ งคำนึงถึงลำดบั ข้นั ตอนกำรปฏิบตั ิของคนและควำมสัมพนั ธก์ บั เคร่ือง ท้งั ในกรณีปกติและกรณีฉุกเฉิน เช่น ข้นั ตอนกำรบนั ทึกขอ้ มูล ข้นั ตอนกำรประมวลผล ข้นั ตอนปฏิบตั ิเมื่อเคร่ืองชำรุดหรือขอ้ มูลเสียหำย และข้นั ตอนกำรทำสำเนำขอ้ มลู สำรองเพื่อควำมปลอดภยั เป็นตน้ ส่ิงเหล่ำน้ีจะตอ้ งมีกำรซกั ซอ้ ม มีกำรเตรียมกำร และกำรทำเอกสำรคูม่ ือกำรใชง้ ำนท่ีชดั เจน ความสาคญั ของเทคโนโลยสี ารสนเทศ สำรสนเทศมีควำมสำคญั และเป็นประโยชน์ต่อกำรจดั กำรทุกระดบั ขององคก์ ำร ท้งั ในกำรปฏิบตั ิงำน และกำรบริกำร ใชช้ ่วยในกำรตดั สินใจ กำรวำงแผน และกำรประเมินผลเปรียบเทียบช่วยเพ่ิมระดบั ควำมรู้ (Knowledge) ควำมเขำ้ ใจเก่ียวกบั ขอ้ เท็จจริงสำรสนเทศจะมีคำ่ หรือควำมหมำยมำกข้ึนเมื่อมีกำรใชง้ ำนมำกข้ึน และสำรสนเทศน้นั ส่งผลกระทบถึงกำรตดั สินใจหรือกำรกระทำที่ดำเนินกำร

11 พืน้ ฐานภาษาซี ประวตั ิความเป็ นมาของภาษาซี ภำษำซีเกิดข้ึนในปี ค.ศ. 1972 ผคู้ ิดคน้ คือ Dennis Rittchie โดยพฒั นำมำจำกภำษำB และ ภำษำ BCPL แต่ยงั ไม่มีกำรใชง้ ำนอยำ่ งกวำ้ งขวำงนกั ในปี ค.ศ. 1978 Brain Kernighan ไดร้ ่วมกบั Dennis Ritchie มำพฒั นำมำตรฐำนของภำษำซี เรียกวำ่ K&R ทำใหม้ ีผสู้ นใจเก่ียวกบั ภำษำซีมำกข้ึน จึงเกิดภำษำซีอีกหลำยรูปแบบเพรำะยงั ไม่มีกำรกำหนดรูปแบบภำษำซีที่เป็นมำตรฐำน และในปี 1988 Ritchie จึงไดก้ ำหนดมำตรฐำนของภำษำซีเรียกวำ่ ANSI C เพ่อื ใชเ้ ป็นตวั กำหนดมำตรฐำนในกำรสร้ำงภำษำซีรุ่นต่อไปภำษำซี เป็นภำษำซีระดบั กลำงเหมำะสมสำหรับกำรเขียนโปรแกรมแบบโครงสร้ำง เป็นภำษำท่ีมีควำมยดื หยนุ่ มำกคือใชง้ ำนไดก้ บั เคร่ืองตำ่ งๆ ไดแ้ ละปัจจุบนั ภำษำซีเป็ นภำษำพ้นื ฐำนของภำษำโปรแกรมรุ่นใหม่ ๆ เช่น C++ ข้นั ตอนการพฒั นาโปรแกรมภาษาซี ข้นั ตอนท่ี 1 เขยี นโปรแกรม (source code) ใช้ editor เขียนโปรแกรมภำษำซีและทำกำรบนั ทึกไฟลใ์ หม้ ีนำมสกุลเป็น .c เช่น work.c เป็ นตน้ editor คือ โปรแกรมท่ีใชส้ ำหรับกำรเขียนโปรแกรม โดยตวั อยำ่ งของ editor ที่นิยมนำมำใชใ้ นกำรเขียนโปรแกรมไดแ้ ก่ Notepad,Edit ของ Dos ,TextPad และ EditPlus

12 เป็นตน้ ผเู้ ขียนโปรแกรมสำมำรถเลือกใชโ้ ปรแกรมใดในกำรเรียนโปรแกรมก็ได้ แลว้ แตค่ วำมถนดั ของแตล่ ะบุคคล ข้นั ตอนที่ 2 คอมไพล์โปรแกรม (compile) นำ source code จำกข้นั ตอนท่ี 1 มำทำกำรคอมไพล์ เพ่อื แปลจำกภำษำซีท่ีมนุษยเ์ ขำ้ ใจไปเป็นภำษำเครื่องที่คอมพวิ เตอร์เขำ้ ใจได้ ในข้นั ตอนน้ีคอมไพเลอร์จะทำกำรตรวจสอบ source code วำ่ เกิดขอ้ ผิดพลำดหรือไม่ หำกเกิดขอ้ ผิดพลำด จะแจง้ ใหผ้ เู้ ขียนโปรแกรมทรำบ ผเู้ ขียนโปรแกรมจะตอ้ งกลบั ไปแกไ้ ขโปรแกรม และทำกำรคอมไพลโ์ ปรแกรมใหม่อีกคร้ัง หำกไม่พบขอ้ ผิดพลำด คอมไพเลอร์จะแปลไฟล์ source code จำกภำษำซีไปเป็นภำษำเครื่อง (ไฟลน์ ำมสกุล .obj) เช่นถำ้ ไฟล์ source code ช่ือ work.c ก็จะถกู แปลไปเป็นไฟล์ work.obj ซ่ึงเก็บภำษำเครื่องไวเ้ ป็นตน้ compile เป็นตวั แปลภำษำรูปแบบหน่ึง มีหนำ้ ที่หลกั คือกำรแปลภำษำโปรแกรมท่ีมนุษยเ์ ขียนข้ึนไปเป็น ภำษำเคร่ือง โดยคอมไพเลอร์ของภำษำซี คือ C Compiler ซ่ึงหลกั กำรท่ีคอมไพเลอร์ใช้ เรียกวำ่ คอมไพล์ (compile) โดยจะทำกำรอำ่ นโปรแกรมภำษำซีท้งั หมดต้งั แต่ตน้ จนจบ แลว้ ทำกำรแปลผลทีเดียว

13 นอกจำกคอมไพเลอร์แลว้ ยงั มีตวั แปลภำษำอีกรูปแบบหน่ึงท่ีเรียกวำ่ อินเตอร์พรีเตอร์ กำรอ่ำนและแปลโปรแกรมทีละบรรทดั เมื่อแปลผลบรรทดั หน่ึงเสร็จก็จะทำงำนตำมคำส่งั ในบรรทดั น้นั แลว้ จึงทำกำรแปลผลตำมคำสง่ั ในบรรทดั ถดั ไป หลกั กำรที่อินเตอร์พรีเตอร์ใชเ้ รียกวำ่ อินเตอร์เพรต (interpret) ข้นั ตอนที่ 3 เช่ือมโยงโปรแกรม (link) กำรเขียนโปรแกรมภำษำซีน้นั ผเู้ ขียนโปรแกรมไม่จำเป็นตอ้ งเขียนคำสง่ั ต่ำง ๆ ข้ึนใชง้ ำนเอง เน่ืองจำกภำษำซีมีฟังกช์ ้นั มำตรฐำนใหผ้ เู้ ขียนโปรแกรมสำมำรถเรียกใชง้ ำนได้ เช่น กำรเขียนโปรแกรมแสดงขอ้ ควำม “Lumpangkanyanee” ออกทำงหนำ้ จอ ผเู้ ขียนโปรแกรมสำมำรถเรียกใชฟ้ ังกช์ น่ั printf() ซ่ึงเป็นฟังกช์ น่ั มำตรฐำนของภำษำซีมำใชง้ ำนได้ โดยส่วนกำรประกำศ (declaration) ของฟังกช์ น่ั มำตรฐำนตำ่ ง ๆ จะถกู จดั เก็บอยใู่ นเฮดเดอร์ไฟลแ์ ตล่ ะตวั แตกตำ่ งกนั ไปตำมลกั ษณะกำรใชง้ ำน ดว้ ยเหตุน้ีภำษำเคร่ืองที่ไดจ้ ำกข้นั ตอนที่ 2 จึงยงั ไม่สำมำรถนำไปใชง้ ำนได้ แตต่ อ้ งนำมำเช่ือมโยงเขำ้ กบั library ก่อน ซ่ึงผลจำกกำรเชื่อมโยงจะทำใหไ้ ด้ executable program (ไฟลน์ ำมสกุล.exe เช่น work.exe) ที่สำมำรถนำไปใชง้ ำนได้

14 ข้นั ตอนท่ี 4 ประมวลผล (run) เมื่อนำ executable program จำกข้นั ตอนที่ 3 มำประมวลผลกจ็ ะไดผ้ ลลพั ธ์ (output) ของโปรแกรมออกมำ (ถำ้ มี) การออกแบบโปรแกรมแบบโครงสร้าง 1. โปรแกรมหลกั (Main program) หลกั กำรออกแบบโปรแกรมแบบโครงสร้ำงคือจะแบง่ โปรแกรมออกเป็นส่วนๆ แต่ละส่วนกเ็ หมือนเป็นโปรแกรมยอ่ ย โดยจะตอ้ งมีโปรแกรมส่วนหน่ึงทำหนำ้ ท่ีในกำรเป็ นศนู ยก์ ลำงของกำรทำงำน ที่ทำกำรเรียกใชส้ ่วนอื่นๆเพือ่ ทำงำนใหส้ อดคลอ้ งและเป็นไปตำมวตั ถุประสงคข์ องโปรแกรมใ หญ่ ส่วนท่ีทำหนำ้ ท่ีเป็นศูนยก์ ลำงน้ีเรียกวำ่ โปรแกรมหลกั

15 2. โปรแกรมย่อย (Subprogram) เป็นโปรแกรมท่ีแบง่ ออกมำจำกโปรแกรมหลกั โดยควรตอ้ งเป็นโปรแกรมท่ีมีควำมชดั เจนในตวั เอง คือเป็นโปรแกรมที่ออกแบบมำเพือ่ ใหท้ ำงำนอยำ่ งใดอยำ่ งหน่ึงโดยเฉพำะ ในภำษำซีไดแ้ บ่งโปรแกรมยอ่ ยออกเป็น 2 แบบ คือโปรแกรมยอ่ ยภำยใน และโปรแกรมยอ่ ยภำยนอก - โปรแกรมย่อยภายใน (Internal subprogram) เป็นโปรแกรมยอ่ ยที่อยภู่ ำยในโปรแกรมประยกุ ต์ เป็นส่วนหน่ึงของโปรแกรมประยกุ ต์ โดยที่โปรแกรมที่เรียกใชอ้ ำจเป็นโปรแกรมหลกั หรือโปรแกรมยอ่ ยดว้ ยกนั ได้ คือภำยในโปรแกรมยอ่ ยสำมรรถมีคำส่งั บำงคำสง่ั ท่ีเรียกใช้ โปรแกรมยอ่ ยอื่นๆ ได้ -โปรแกรมย่อยภายนอก (External subprogram) เป็นโปรแกรมยอ่ ยท่ีแยกออกจำกโปรแกรมประยกุ ต์ สำมำรถถูกเรียกใชโ้ ดยโปรแกรมต่ำงๆ ได้ โปรแกรมยอ่ ยภำยนอกเหลำ่ น้ีมีไวเ้ พื่ออำนวยควำมสะดวกใหก้ บั นกั เขียนโปรแกรม มกั ถกู เก็บไวใ้ นไลบรำรี (Library) ของระบบ โปรแกรมยอ่ ยภำยนอกมกั จะใชง้ ำนร่วมกบั หลำยโปรแกรมได้ กำรเรียกใชโ้ ปรแกรมยอ่ ยเหลำ่ น้ี นกั เขียนโปรแกรมไม่ตอ้ งใชเ้ ทคนิคเพ่มิ เติมแต่จะตอ้ งรู้วำ่ โปรแกรมยอ่ ยเหล่ำน้ีอยทู่ ่ีไหนและมีช่ื อโปรแกรมวำ่ อะไรและตอ้ งส่งขอ้ มูลอะไรไปใหโ้ ปรแกรมยอ่ ยบำ้ งจ่ึงจะไดส้ ่ิงที่ตอ้ งกำรกลบั มำ

16 โปรแกรมหลกั จะประกอบดว้ ยคำส่งั ในกำรเรียกใชโ้ ปรแกรมยอ่ ยตำ่ งๆ เรียกตำมลำดบั ข้นั ตอนท่ีไดว้ ิเครำะห์ไวล้ ่วงหนำ้ แลว้

17 กระบวนการเทคโนโลยี เป็นข้นั ตอนกำรแกป้ ัญหำหรือตอบสนองตอ่ ควำมตอ้ งกำรซ่ึงจะก่อใหเ้ กิดกำรเปล่ียนแปลงจำกท รัพยำกรใหเ้ ป็นผลผลิตหรือผลลพั ธ์ระบบเทคโนโลยปี ระกอบดว้ ยกระบวนกำรเทคโนโลยกี ่อให้ เกิดประโยชนใ์ ชส้ อย ตำมที่มนุษยต์ อ้ งกำรและเปล่ียนแปลงกำรเพมิ่ ประสิทธิภำพในกำรทำกิจกรรมต่ำงๆของมนุษย์ เพรำะมนุษยม์ ีควำมตอ้ งกำรในกำรสร้ำงสิ่งอำนวยควำมสะดวกตำ่ งๆในกำรดำรงชีวติ ซ่ึงจะนำไปสู่ปัญหำท่ีอำจเกิดจำกกำรประดิษฐค์ ิดคน้ ตำ่ งๆที่มนุษยส์ ร้ำงข้ึน และบำงคร้ังปัญหำอำจเกิดกำรผลิตสิ่งของตำ่ งๆไมต่ รงตำมควำมตอ้ งกำรไม่ไดค้ ุณภำพจึงตอ้ งมี กำรออกแบบ เพอื่ จะนำมำแกป้ ัญหำท่ีเกิดข้ึน กระบวนการเทคโลยสี ารสนเทศมี ดังนี้ 1.กำรรวบรวมขอ้ มลู วธิ ีกำรดำเนินกำร เพอื่ เกบ็ รวบรวมขอ้ มลู และบนั ทึกขอ้ มูลใหอ้ ยใู่ นรูปแบบใดรูปแบบหน่ึงเพ่ือกำรประมวลผล เช่น บนั ทึกในแฟ้ม เอกสำร บนั ทึกไวใ้ นคอมพวิ เตอร์ จดบนั ทึกไวใ้ นสมดุ เป็นตน้ 2.กำรตรวจสอบขอ้ มูล

18 ข้นั ตอนกำรตรวจสอบขอ้ มูลในลกั ษณะตำ่ งๆ เช่น กำรตรวจสอบ เพอ่ื หำขอ้ ผดิ พลำด ควำมน่ำเชื่อถือ ควำมสมเหตุสมผล เพือ่ ใหม้ ีควำมมน่ั ใจไดว้ ำ่ ขอ้ มลู ท่ีไดร้ ับกำรรวบรวมและบนั ทึกไวอ้ ยำ่ งถูกตอ้ ง 3.กำรประมวลผลขอ้ มูล หมำยถึง วิธีกำรดำเนินกำรกระทำขอ้ มลู ใหเ้ ป็นสำรสนเทศ ขอ้ มลู กำรประมวลผลสำรสนเทศขอ้ มลู หมำยถึง ขอ้ เทจ็ จริงที่เป็นตวั เลข ขอ้ ควำม รูปภำพ เสียง ท่ีเกี่ยวกบั คน สตั ว์ ส่ิงของ หรือเหตุกำรณ์ต่ำงๆหรือส่ิงท่ียอมรับวำ่ เป็นควำมจริง สำหรับใชเ้ ป็นหลกั อนุมำน การจดั การข้อมูล ข้อมูล(Data) เป็นองคป์ ระกอบที่สำคญั ของระบบสำรสนเทศคอมพิวเตอร์ ไดจ้ ำกกำรสงั เกต กำรจดบนั ทึกและกำรสอบถำม แต่ขอ้ มลู น้ีตอ้ งไมม่ ีกำรประมวลผลหรือ ท่ีเรียกวำ่ ข้อมูลดบิ โดยที่ยงั ไม่สำมำรถนำไปใชป้ ระโยชนไ์ ดท้ นั ที การจดั การข้อมูล (Data Management) เป็นกลยทุ ธ์หน่ึงในกำรบริหำรองคก์ ำรใหม้ ีประสิทธิภำพ โดยเฉพำะอยำ่ งยง่ิ ในยคุ ของเทคโนโลยขี ำ่ วสำร คอมพวิ เตอร์ที่เจริญกำ้ วหนำ้ ไปอยำ่ งรวดเร็ว กำรจดั กำรและบริหำรองคก์ ำรใหป้ ระสบควำมสำเร็จน้นั กำรตดั สินใจท่ีถูกตอ้ ง รวดเร็ว และทนั ตอ่ เหตกุ ำรณ์ถือเป็นหวั ใจของกำรทำธุรกิจในยคุ ปัจจุบนั

19 ดงั น้นั กำรจดั กำรขอ้ มลู ให้มีประสิทธิภำพ เพ่อื นำไปสู่กำรตดั สินใจท่ีถูกตอ้ งจะช่วยใหอ้ งคก์ ำรอยรู่ อดไดใ้ นกำรแขง่ ขนั กบั องคก์ ำรอ่ืนๆ หลกั ในการจดั การข้อมูล 1.การเข้าถึงข้อมูล(Data Access) คือควำมสำมำรถในกำรเขำ้ ถึงขอ้ มูลไดง้ ำ่ ย รวดเร็ว และถกู ตอ้ ง จะตอ้ งมีกำรกำหนดสิทธิในกำรเรียกใชข้ อ้ มลู ตำมลำดบั ควำมสำคญั ของผใู้ ช้ 2.ความปลอดภยั ของข้อมูล(Data Security) ขอ้ มูลท่ีจดั เก็บไวจ้ ะตอ้ งมีระบบรักษำควำมปลอดภยั เพอื่ ป้องกนั กำรจำรกรรมขอ้ มูล 3.การแก้ไขข้อมูล(Data Edit) คือควำมสมำรถในกำรเปลี่ยนแปลงแกไ้ ขในอนำคตไดท้ ้งั น้ี เนื่องจำกแผนท่ีวำงไวอ้ ำจตอ้ งมีกำรเปลี่ยนแปลงตำมสถำนกำรณ์จึงทำใหต้ อ้ งมีกำรจดั ระเบียบข้ อมลู แกไ้ ขขอ้ มลู พร้อมจดั หำขอ้ มูลเพ่มิ เติม

20 4.การปรับปรุงข้อมูล(Data Update) คือ ขอ้ มลู ท่ีจดั เก็บอยอู่ ำจจะมีกำรจดั แบง่ เป็นส่วนหรือสร้ำงเป็นตำรำง เพื่องำ่ ยแก่กำรปรับปรุงขอ้ มูล ประเภทของข้อมูล 1.พจิ ารณาจากแหล่งที่มาของข้อมูล 1.ข้อมูลปฐมภูมิ ( Primary Data)คือขอ้ เทจ็ จริงหรือรำยละเอียดท่ีผเู้ กบ็ ขอ้ มลู ลงมือเกบ็ ดว้ ยตนเองไดม้ ำ จำกแหล่งกำเนิดที่แทจ้ ริง เช่น ขอ้ มลู จำกกำรสมั ภำษณ์ กำรสังเกต กำรทดลอง กำรทดสอบหรือกำรวดั จำกกลุ่มตวั อยำ่ งโดยตรง

21 2.ข้อมูลทุตยิ ภูมิ (Secondary Data) คือขอ้ เทจ็ จริง หรือรำยละเอียดท่ีผอู้ ่ืนรวบรวมไวอ้ ยำ่ งเป็นระบบ สำมำรถนำมำเป็นขอ้ มลู โดยไมต่ อ้ งลงมือเก็บรวบรวมเอง เช่น ขอ้ มลู จำกระเบียนสะสม รำยงำนประจำปี สำรำนุกรม เอกสำรเผยแพร่ เป็นตน้ 2.พจิ ารณาจากหลกั เกณฑ์ลกั ษณะของการจัดการข้อมูล 1.ข้อมูลเชิงปริมาณ (Quantitative Data) เป็นขอ้ มลู ที่เป็นตวั เลขหรือหน่วยนบั ได้ เช่น ขอ้ มูลจำนวนประชำกร รำยได้ ยอดขำยในแต่ละเดือน 2.ข้อมูลเชิงคณุ ภาพ(Qualitative Data) เป็นขอ้ มูลที่บรรยำยลกั ษณะหรือคุณสมบตั ิของส่ิงตำ่ งๆ ท่ีไม่สำมำรถระบเุ ป็นหน่วยนบั หรือตวั เลขได้ เช่นเพศ เช้ือชำติ ศำสนำ ทศั นคติ ควำมคิดเห็น ขอ้ แนะนำ ขอ้ มูลเชิงปริมำณ 3.พจิ ารณาจากหลกั เกณฑ์ลกั ษณะของการทาข้อมูล 1.ข้อมูลดบิ (Raw Data) เป็นขอ้ มลู ที่ไดจ้ ำกกำรเก็บรวบรวม ยงั ไมไ่ ดผ้ ำ่ นกำรประมวลหรือเปลี่ยนแปลงใดๆ ท้งั ส้ิน

22 ขอ้ มูลประเภทน้ีจึงมีลกั ษณะกระจดั กระจำย ทำใหไ้ มส่ ะดวกตอ่ กำรคำนวณหรือนำไปใชป้ ระโยชน์ 2. ข้อมูลจัดกลุ่มหรือผ่านการประมวลแล้ว (Groupped or Processing Data) เป็นขอ้ มูลท่ีผำ่ นกระบวนกำรประมวลผลแลว้ เพือ่ ทำใหข้ อ้ มูลอยใู่ นรูปแบบท่ีเป็นหมวดหมู่ มีกำรแจกแจงควำมถี่ กะทดั รัด มีควำมหมำย และสะดวกต่อกำรนำไปใช้ ขอ้ มลู จดั กลมุ่ หรือผำ่ นกำรประมวลแลว้ 4.พจิ ารณาจากการจดั เกบ็ ในส่ืออเิ ล็กทรอนกิ ส์ -ข้อมูลตวั อกั ษร เช่น ตวั หนงั สือ ตวั เลข และสญั ลกั ษณ์ ขอ้ มลู ประเภทน้ีมกั มีนำมสกุลตอ่ ทำ้ ยช่ือไฟลเ์ ป็น .txt .doc docx

23 -ข้อมูลภาพ เช่น ภำพกรำฟิ กต่ำง ๆ และภำพถ่ำยจำกกลอ้ งดิจิทลั ขอ้ มูลประเภทน้ีมกั มีนำมสกุลตอ่ ทำ้ ยชื่อไฟลเ์ ป็น .png .gif .jpg - ข้อมูลเสียง เช่น เสียงพดู เสียงดนตรี และเสียงเพลง ขอ้ มลู ประเภทน้ีมกั มีนำมสกุลต่อทำ้ ยช่ือไฟลเ์ ป็น .wav .mp3 - ข้อมูลภาพเคล่ือนไหวเช่น ภำพเคล่ือนไหว ภำพมิวสิกวีดีโอ ภำพยนตร์ คลิปวดิ ีโอ ขอ้ มูลประเภทน้ีมกั มีนำมสกุลต่อทำ้ ยชื่อไฟลเ์ ป็น .avi .mov.mp4 5.พจิ ารณาตามระบบคอมพวิ เตอร์ - ข้อมูลเชิงจานวน มีลกั ษณะเป็นตวั เลขที่สำมำรถนำมำคำนวณดว้ ยคอมพิวเตอร์ได้ เช่น จำนวนเงินในกระเป๋ ำ จำนวนค่ำโดยสำรรถประจำทำง และจำนวนนกั เรียนในหอ้ งเรียน - ข้อมูลอกั ขระ มีลกั ษณะเป็นตวั อกั ษร ตวั หนงั สือ และสญั ลกั ษณ์ ต่ำงๆ ซ่ึงสำมำรถนำเสนอขอ้ มูลและเรียงลำดบั ไดแ้ ตไ่ มส่ ำมำรถนำมำคำนวณได้ เช่น หมำยเลขโทรศพั ท์ เลขท่ีบำ้ นและชื่อของนกั เรียน

24 - ข้อมูลกราฟิ ก เป็นขอ้ มูลที่เกิดจำกจุดพกิ ดั ทำงคอมพวิ เตอร์ ทำใหเ้ กิดรูปภำพหรือแผนท่ี เช่น เครื่องหมำยกำรคำ้ แบบก่อสร้ำงอำคำร และกรำฟ - ข้อมูลภาพ เป็นขอ้ มลู แสดงควำมเขม้ และสีของรูปภำพที่เกิดจำกกำรสแกนของสแกนเนอร์เป็นหลกั ซ่ึงสำมำรถนำเสนอขอ้ มลู ยอ่ หรือขยำย และตดั ตอ่ ได้ แตไ่ มส่ ำมำรถนำมำคำนวณหรือดำเนินกำร อยำ่ งอ่ืนได้ ขอ้ มูลอกั ขระ การประมวลผลข้อมูล การประมวลผลข้อมูล (Data Processing) กำรประมวลผลขอ้ มลู ท่ีเก็บรวบรวมไดม้ ำผำ่ นกระบวนกำรตำ่ งๆ เพือ่ แปรสภำพขอ้ มลู ใหอ้ ยใู่ นรูปแบบที่ตอ้ งกำรเรียกวำ่ ขอ้ สนเทศหรือสำรสนเทศ (Information)

25 วธิ ีการประมวลผลข้อมูล อำจจำแนกได้ 3 วธิ ีโดยจำแนกตำมอุปกรณ์ที่ใชใ้ นกำรประมวลผล ไดแ้ ก่ ข้ันตอนที่ 1 การนาข้อมูลเข้า (Input Data) 1.การเกบ็ รวบรวมข้อมูล (Data Collections) กำรเก็บรวบรวมขอ้ มลู จำกแหล่งตำ่ งๆ เช่น แบบสอบถำม กำรสัมภำษณ์ งำนทะเบียน ใบส่ังซ้ือ เป็ นตน้ การรวมข้อมูล(Data Merging) หมำยถึง กำรนำขอ้ มูลต้งั แตส่ องชุดข้ึนไป มำรวมกนั ใหเ้ ป็นชุดเดียว 1.1 ความถูกต้องแม่นยา (Accuracy) 1.2 ความทันเวลา (Timeliness) 1.3 ความสมบูรณ์ครบถ้วน(Completeness) 1.4 ความกระทดั รัด (Conciseness) 1.5 ความตรงต่อความต้องการของผ้ใู ช้ (Relevance) 1.6 ความต่อเนื่อง (Continuity) 2.การเปลยี่ นสภาพข้อมูล (Data Conversion)

26 กำรจดั เตรียมขอ้ มูลท่ีรวบรวมมำไดแ้ ลว้ ใหอ้ ยใู่ นรูปที่สำมำรถนำไปประมวลผลท่ีสะดวกยง่ิ ข้ึน 2.1 การบรรณาธิกร (Editing) คือ กำรตรวจสอบควำมถกู ตอ้ งสมบูรณ์ของแบบสอบถำมแตล่ ะชุด ต้งั แตก่ ำรตรวจนบั จำนวนแบบสอบถำมจดั เรียงเลขแตล่ ะชุด จำกน้นั จึงเริ่มตรวจสอบควำมสมบูรณ์ คือตอบครบตำมเง่ือนไขที่ตอ้ งกำร 2.2การลงรหสั (Coding) สำมำรถทำไดท้ ้งั ในข้นั ที่ตรวจสอบขอ้ มูลเสร็จเรียบร้อยแลว้ รหสั ท่ีใชอ้ ำจอยใู่ นรูปของตวั เลขหรือตวั อกั ษร กำรลงรหสั เป็นกำรเปล่ียนคำตอบใหอ้ ยใู่ นรูปของรหสั ซ่ึงจะใชร้ หสั บนั ทึกขอ้ มลู ไดน้ ้นั ตอ้ งมีกำรกำหนดไวล้ ่วงหนำ้ จะใชก้ ลุ่มตวั เลขหรือตวั อกั ษรเป็นรหสั 3.การจดั ระเบียบข้อมูล (Data Tabulation) เป็นกำรนำขอ้ มลู ไปคำนวณและวิเครำะห์ทำงสถิติเพื่อแบ่งขอ้ มูลไปใชป้ ระโยชนต์ ่อไป 4.การแปรสภาพข้อมูล (Data Transforming) เป็นกำรเปล่ียนรูปแบบของขอ้ มูลเพ่อื สะดวกในกำรประมวลผล เป็นกำรนำขอ้ มลู ท่ีอยใู่ นรูปแบบรหสั จำกขอ้ มูลที่เก็บรวบรวมมำบนั ทึกลงในแบบฟอร์มกำรลงร หสั หรือสื่อบนั ทึกขอ้ มูลต่ำงๆ เช่นแฟลชไดร์ฟ จะสะดวกในกำรเก็บรักษำ

27 ข้นั ตอนที่ 2 การประมวลผล (Process) 1.การจัดแบ่งกล่มุ ข้อมูล (Data Classify) กำรจดั กำรขอ้ มลู โดยกำรแยกออกเป็นกลมุ่ หรือประเภทตำ่ งๆ 2.การจัดเรียงข้อมูล (Data Surting) กำรเรียงลำดบั ขอ้ มลู แบ่งเป็น 2 ประเภท คือกำรเรียงขอ้ มูลตวั เลขและกำรเรียงขอ้ มูลตวั อกั ษร 3.การสรุปผลข้อมูล (Data Summarizing) ขอ้ มูลท่ีจดั เก็บมีเป็นจำนวนมำกจำเป็นตอ้ งมีกำรสรุปผลเพอ่ื นำไปใชป้ ระโยชน์ ขอ้ มูลที่สรุปไดน้ ้ีอำจส่ือควำมหมำยไดด้ ีกวำ่ เช่น สถิติจำนวนยอดขำยตำมเขตกำรขำย 4.การคานวณข้อมูล (Data Calculation) กำรคำนวณ หมำยถึง กำรนำขอ้ มมูลที่เป็นตวั เลขมำทำกำรบวก ลบ คูณ หำร ยกกำลงั เช่น กำรคำนวณภำษี กำรคำนวณคำ่ แรง 5.การวิเคราะห์ข้อมูล(Data Analysis) แบ่งออกได้ 2 ระดบั คือ กำรวเิ ครำะหข์ อ้ มูลข้นั ตน้ เป็นกำรหำคำ่ สถิติพ้นื ฐำน และกำรวเิ ครำะห์ขอ้ มลู ช้นั สูง เป็นกำรวิเครำะห์ที่มีควำมซบั ซอ้ น ข้นั ตอนที่ 3 แสดงผลลพั ธ์ (Output Information) \"สารสนเทศ\" 1.กาารดึงข้อมูล (Retrieving) กำรคน้ หำ และกำรนำขอ้ มลู ท่ีตอ้ งกำรมำจำกแหล่งเก็บเพอ่ื นำไปใชง้ ำน

28 2.การทารายงาน (Reporting) กำรนำขอ้ มลู มำจดั พมิ พร์ ำยงำนรูปแบบตำ่ งๆ 3.การบนั ทึก (Recording) กำรจดบนั ทึกขอ้ มูลโดยกำรคกั ลอกขอ้ มลู จำกตน้ ฉบบั แลว้ จดั เก็บเขำ้ แฟ้ม(Filing) 4.การปรับปรุงรักษาข้อมูล (Updating) กำรเพิ่ม(Add)หรือกำรลบ(Delete)และกำรเปลี่ยนคำ่ (Change) ขอ้ มลู ที่อยใุ่ นแฟ้มใหท้ นั สมยั อยเู่ สมอ เครื่องมือทใ่ี ช้ในการประมวลผลข้อมูล 1.กำรประมวลผลดว้ ยมือ (Manual Data Processing) เป็นวธิ ีกำรท่ีใชม้ ำต้งั แตอ่ ดีตโดยใชอ้ ุปกรณ์ง่ำย ๆ สำมำรถจำแนกตำมอุปกรณ์ที่ใชไ้ ดเ้ ป็น 3 ประกำร คือ – อุปกรณ์ท่ีอำนวยควำมสะดวกในกำรเก็บรักษำ และคน้ หำขอ้ มลู ไดแ้ ก่ บตั รแขง็ แฟ้ม ตเู้ กบ็ เอกสำร – อปุ กรณ์ท่ีช่วยในกำรนบั และคิดคำนวณเป็นอุปกรณ์ที่งำ่ ยต่อกำรใช้ ไดแ้ ก่ ลูกคิด เครื่องคิดเลข เป็ นตน้ – อุปกรณ์ท่ีใชใ้ นกำรคดั ลอกขอ้ มูล ไดแ้ ก่ กระดำษ ปำกกำ ดินสอ เคร่ืองอดั สำเนำ เป็นตน้

29 กำรประมวลผลแบบน้ีเหมำะกบั ธุรกิจขนำดเล็กท่ีมีขอ้ มูลปริมำณไมม่ ำกนกั และกำรคำนวณไมย่ งุ่ ยำกซบั ซอ้ น 2. กำรประมวลผลขอ้ มูลดว้ ยเคร่ืองจกั รกล (Mechanical Data Processing) เป็นวิวฒั นำกำรมำจำกกำรประมวลผลดว้ ยมือ แตย่ งั ตอ้ งอำศยั แรงคนบำ้ ง เพ่ือทำงำนร่วมกบั เคร่ืองจกั รกล ในกำรประมวลผลทำงธุรกิจ เครื่องท่ีใชก้ นั มำกท่ีสุด คือ เคร่ืองทำบญั ชี (Accounting Machine) และเคร่ืองที่ใชใ้ นกำรประมวลผลทวั่ ไปเป็นเครื่องก่ึงอิเลก็ ทรอนิกส์ เรียกวำ่ เครื่อง Unit Record 3. กำรประมวลผลขอ้ มูลดว้ ยเครื่องอิเลก็ ทรอนิกส์ (EDP : Electronic Data Processing) หมำยถึงกำรประมวลผลดว้ ยเคร่ืองคอมพวิ เตอร์ น้นั เอง ลกั ษณะงำนที่เหมำะสมต่อกำรประมวลผลดว้ ยเคร่ืองคอมพวิ เตอร์ คือ – งำนท่ีมีปริมำณมำก ๆ – ตอ้ งกำรควำมถูกตอ้ งรวดเร็ว – มีข้นั ตอนในกำรทำงำนซ้ำ ๆ กนั เช่น งำนบญั ชี งำนกำรเงิน งำนทะเบียนประวตั ิและงำนสถิติ เป็ นตน้ – มีกำรคำนวณที่ยงุ่ ยำกและสลบั ซบั ซอ้ น เช่น งำนวิจยั และวำงแผน งำนดำ้ นวิศวกรรมศำสตร์ เป็ นตน้

30 เทคโนโลยปี ระยกุ ต์ กำรประยกุ ตใ์ ชง้ ำนเทคโนโลยสี ำรสนเทศในปัจจุบนั ไดม้ ีกำรนำมำใชใ้ นหลำยสำขำวิชำชีพ ท้งั ในดำ้ นกำรศึกษำ ดำ้ นธุรกิจอตุ สำหกรรม ดำ้ นกำรแพทย์ ดำ้ นวิทยำศำสตร์และเทคโนโลยี เพ่ืออำนวยควำมสะดวกในกำรประกอบธุรกิจ กำรทำงำน กำรศึกษำหำควำมรู้ ทำใหค้ ุณภำพชีวิตของคนในสงั คมปัจจุบนั ดีข้ึน นอกจำกน้ีหน่วยงำนรำชกำรตำ่ งๆ ก็นำเทคโนโลยสี ำรสนเทศและ ระบบคอมพิวเตอร์ เขำ้ มำอำนวยควำมสะดวกใหก้ บั ประชำชน ในกำรติดต่อประสำนงำนกบั ทำงรำชกำร และในธุรกิจเอกชนทำงดำ้ นกำรโรงแรม และกำรทอ่ งเท่ียว ก็ใหบ้ ริกำรขอ้ มลู ข่ำวสำร และบริกำรลกู คำ้ ผำ่ นทำงระบบอินเทอร์เนต็ ทำไดอ้ ยำ่ งสะดวกรวดเร็วทนั เหตกุ ำรณ์

31 เทคโนโลยเี พ่ือการศึกษา เทคโนโลยสี ำรสนเทศไดเ้ ขำ้ มำมีบทบำทตอ่ กำรศึกษำอยำ่ งมำก โดยเฉพำะเทคโนโลยที ำงดำ้ นคอมพิวเตอร์และกำรสื่อสำรโทรคมนำคมมีบทบำทท่ีสำคญั ตอ่ กำ รพฒั นำกำรศึกษำ ดงั น้ี 1. เทคโนโลยสี ำรสนเทศเขำ้ มำมีส่วนช่วยเร่ืองกำรเรียนรู้ ปัจจุบนั มีเคร่ืองมือท่ีช่วยสนบั สนุนกำรเรียนรู้ หลำยดำ้ น มีระบบคอมพวิ เตอร์ช่วยสอน (CAI) ระบบสนบั สนุนกำรรับรู้ขำ่ วสำร เช่น กำรคน้ หำขอ้ มูลขำ่ วสำรเพอื่ กำรเรียนรู้ในWorld Wide Web เป็นตน้ 2. เทคโนโลยสี ำรสนเทศเขำ้ มำสนบั สนุนกำรจดั กำรศึกษำ โดยเฉพำะกำรจดั กำรศึกษำสมยั ใหมจ่ ำเป็นตอ้ งอำศยั ขอ้ มูลขำ่ วสำรเพอ่ื กำรวำงแผน กำรดำเนินกำร กำรติดตำมและประเมินผลซ่ึงอำศยั คอมพวิ เตอร์และระบบสื่อสำรโทรคมนำคมเขำ้ มำมีบทบำท ที่สำคญั

32 3. เทคโนโลยสี ำรสนเทศกบั กำรส่ือสำรระหวำ่ งบุคคล ในเกือบทกุ วงกำรท้งั ทำงดำ้ นกำรศึกษำจำเป็นตอ้ งอำศยั สื่อสัมพนั ธ์ระหวำ่ งตวั บคุ คล เช่น กำรส่ือสำรระหวำ่ งผสู้ อนกบั ผเู้ รียน โดยใชอ้ งคป์ ระกอบที่สำคญั ช่วยสนบั สนุนใหเ้ กิดประสิทธิภำพในกำรดำเนินงำน เช่น กำรใชโ้ ทรศพั ท์ โทรสำร ไปรษณียอ์ ิเลก็ ทรอนิกส์ เทเลคอมเฟอเรนซ์ เป็นตน้ เทคโนโลยีด้านการสาธารณสุขและการแพทย์ การประยกุ ต์ใช้เทคโนโลยสี ารสนเทศในด้านการแพทย์ หมายถงึ วิทยาการท่เี กย่ี วกบั ศิลปะในการนาเอาวทิ ยาศาสตร์มาประยกุ ต์ใช้ เพื่อให้เกดิ ประโยชน์ต่อมนุษย์ในด้านการแพทย์ เช่น การตรวจ การรักษาพยาบาล และการป้องกนั โรค ด้วยวธิ ีการต่าง ๆ ไดแ้ ก่ 1. กำรพฒั นำเคร่ืองมือและอปุ กรณ์ โดยอำศยั ควำมรู้ดำ้ นวิศวกรรมเป็น หลกั ในกำรผลิตเครื่องมือและอุปกรณ์ต่ำง เช่น 1.1 เพอ่ื กำรตรวจและวนิ ิจฉยั โรค เคร่ืองเอกซเรย์ เคร่ืองโทโมกรำฟี แบบคอมพิวเตอร์เคร่ืองถ่ำยภำพแบบนิวเคลียร์แมกนิติกเร โซแนน์อิมเมจเครื่องถำ่ ยภำพโดยเรดิโอกรำฟฟี เครื่องอุลตรำซำวด์ เคร่ืองตรวจกำรทำงำนขอหวั เคร่ืองตรวจกำรรับฟังเสียง

33 1.2 เพ่ือกำรรักษำพยำบำล มีดผำ่ ตดั เลเซอร์ เครื่องกรอครำบหินปนู ที่ฟันโดยคล่ืนเสียงควำมถี่สูง เครื่องนวดคลำยควำมเมื่อยลำ้ โดยคล่ืนเสียงควำมถี่สูง เคร่ืองฉำยรังสี เคร่ืองควบคุมกำรใหอ้ อกซิเจนในระหวำ่ งกำรผำ่ ตดั เครื่องกระตนุ้ กำรทำงำนของหวั ใจ แวน่ ตำ คอนแทกเลนส์- กำรสร้ำงอวยั วะเทียม 1.3 เพ่ือกำรป้องกนั โรค เตำอบและตูอ้ บฆ่ำเช้ือ กำรใชร้ ังสี เคร่ืองฉำยรังสี อุปกรณ์สำรหบั กำรสวมครอบหรือสอดใส่เขำ้ ไปในรูหู 2. กำรพฒั นำเทคโนโลยเี พอื่ กำรผลิตยำ สำร หรือวิธีกำรท่ีใชใ้ นทำงกำรแพทย์ ในกำรพฒั นำบำงคร้ังตอ้ งอำศยั เทคโนโลยี เทคนิค และวิธีกำรตำ่ งๆ เช่น เทคโนโลยชี ีวภำพ และเทคนิคทำงดำ้ นวศิ วกรรม ไดแ้ ก่ กำรพฒั นำวิธีกำรเพำะเล้ียงเช้ือซ่ึงเก็บตวั อยำ่ งมำจำกผปู้ ่ วย กำรสร้ำงเดก็ หลอดแกว้ กำรหำสำเหตแุ ละกำรรักษำโรคท่ีเกิดจำกควำมบกพร่องทำงพนั ธุกรรม อตุ สำหกรรมกำรผลิตยำ กำรผลิตเซรุ่ม กำรผลิตวคั ซีนป้องกนั โรค

34 รูปแสดงการนาเทคโนโลยสี ารสนเทศมาใช้ในวงการสาธารณสุขและการแพทย์ -ดำ้ นกำรลงทะเบียนผปู้ ่ วย ต้งั แต่เริ่มทำบตั ร จ่ำยยำ เกบ็ เงิน -กำรสนบั สนุนกำรรักษำพยำบำล โดยกำรเช่ือมโยงระบบคอมพิวเตอร์ของโรงพยำบำล ตำ่ งๆ เขำ้ ดว้ ยกนั สำมำรถสร้ำงเครือข่ำยขอ้ มลู ทำงกำรแพทย์ แลกเปล่ียนขอ้ มลู ของผปู้ ่ วย -สำมำรถใหค้ ำปรึกษำทำงไกล โดยแพทยผ์ เู้ ช่ียวชำนำญ เทคโนโลยสี ำรสนเทศ จะช่วยใหแ้ พทยส์ ำมำรถเห็นหนำ้ หรือท่ำทำงของผูป้ ่ วยได้ ช่วยใหส้ ่งขอ้ มลู ท่ีเป็นเอกสำร หรือภำพเพือ่ ประกอบกำรพิจำรณำของแพทยไ์ ด้ -เทคโนโลยสี ำรสนเทศจะช่วยในกำร ใหค้ วำมรู้แก่ประชำชนของแพทย์ หรือหน่วยงำนสำธำรณสุขตำ่ งๆ เป็นไปดว้ ยควำมสะดวก รวดเร็ว ไดผ้ ลข้ึน โดยสำมำรถใชส้ ื่อต่ำงๆ เช่นภำพนิ่ง ภำพเคล่ือนไหวมีเสียงและอื่นๆ เป็นตน้ -เทคโนโลยสี ำรสนเทศ ช่วยใหผ้ บู้ ริหำรสำมำรถกำหนดนโยบำย และติดตำมกำกบั กำรดำเนินงำนตำมนโยบำยไดด้ ียิง่ ข้ึน โดยอำศยั ขอ้ มลู ท่ีถกู ตอ้ งฉบั ไว และขอ้ มลู ท่ีจำป็น ท้งั น้ีอำจใชค้ อมพวิ เตอร์เป็นตวั เก็บขอ้ มลู ตำ่ งๆ ทำใหก้ ำรบริหำรเป็นไปไดด้ ว้ ยควำมรวดเร็ว ถูกตอ้ งมำกยงิ่ ข้ึน -ในดำ้ นกำรใหค้ วำมรู้หรือกำรเรียน กำรสอนทำงไกล เทคโนโลยสี ำรสนเทศ โดยเฉพำะดำวเทียม จะช่วยใหก้ ำรเรียนกำรสอนทำงไกล ทำงดำ้ นกำรแพทยแ์ ละสำธำรณะสุข เป็นไปไดม้ ำกข้ึนประชำชนสำมำรถเรียนรู้พร้อมกนั ไดท้ วั่ ประเทศและ ยงั สำมำรถโตต้ อบหรือถำมคำถำมไดด้ ว้ ย

35 เทคโนโลยีในงานธุรกจิ กำรประยกุ ตใ์ ชเ้ ทคโนโลยสี ำรสนเทศในสำขำธุรกิจ พำณิชย์ และสำนกั งำน มีวตั ถุประสงคเ์ พอื่ เพิ่มประสิทธิภำพในกำรผลิตและกำรบริกำร ตวั อยำ่ งกำรประยกุ ตใ์ ชเ้ ทคโนโลยสี ำรสนเทศดำ้ นธุรกิจ พำณิชย์ และสำนกั งำน จำแนกได้ ดงั น้ี 1) การพาณชิ ย์อเิ ลก็ ทรอนิกส์ (e-commerce) คือ กำรทำกิจกรรมทำงธุรกิจผำ่ นช่องทำงอิเล็กทรอนิกส์ ในทกุ ช่องทำงเช่น อินเทอร์เน็ต โทรศพั ท์ วทิ ยุ แฟกซ์ เป็นตน้ ท้งั ในรูปแบบขอ้ ควำม เสียง และภำพ โดยกิจกรรมทำงธุรกิจจะเนน้ กำรขำยสินคำ้ หรือบริกำรซ่ึงเร่ิมต้งั แตส่ ่วนของผชู้ ื่อ สำมำรถดำเนินกำรเลือกซ้ือสินคำ้ หรือบริกำร คำนวณเงิน ชำระเงิน รวมถึงกำรไดร้ ับบริกำรหลงั กำรขำยไดโ้ ดยอตั โนมตั ิ ส่วนของผขู้ ำย สำมำรถนำเสนอสินคำ้ รับเงินชำระค่ำสินคำ้ ตดั สินคำ้ จำกคลงั สินคำ้ และประสำนงำนไปยงั ผจู้ ดั ส่งสินคำ้ รวมถึงกำรบริหำรหลงั กำรขำยไดโ้ ดยอตั โนมตั ิ

36 2) สานักงานอตั โนมตั ิ (office automation) เป็นกำรนำเอำเทคโนโลยสี มยั ใหม่ ไดแ้ ก่ เคร่ืองคอมพวิ เตอร์ ซอฟตแ์ วร์ โทรศพั ท์ เทเลเทก็ ซ์ เครื่องเขียนตำมคำบอกอตั โนมตั ิ (dictating machines) เคร่ืองถ่ำยเอกสำรแบบหน่วยควำมจำ เครื่องโทรสำร ฯลฯ มำใชช้ ่วยใหก้ ำรปฏิบตั ิงำนในสำนกั งำน เกิดประสิทธิภำพและควำมสะดวกรวดเร็วมำกข้ึน กำรใชอ้ ปุ กรณ์คอมพิวเตอร์จะช่วยในเรื่องกำรประมวลผลขอ้ มูลไดอ้ ยำ่ งรวดเร็ว กำรติดต่อส่ือสำรภำยในสำนกั งำนเป็นไปอยำ่ งมีประสิทธิภำพ และยงั ช่วยใหล้ ดปริมำณกำรใชก้ ระดำษของสำนกั งำนไดเ้ ป็นอยำ่ งดี

37 บรรณานุกรม https://sites.google.com/ntun.ac.th/kanom1163/home/%E0%B8%A7%E0%B8%97%E0%B8 %A2%E0%B8%B2%E0%B8%81%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B8%84%E0%B8%AD% E0%B8%A1%E0%B8%9E%E0%B8%A7%E0%B9%80%E0%B8%95%E0%B8%AD%E0%B 8%A3 https://sites.google.com/ntun.ac.th/nasreeinpong/home/%E0%B9%82%E0%B8%84%E0%B8 %A3%E0%B8%87%E0%B8%AA%E0%B8%A3%E0%B8%B2%E0%B8%87%E0%B8%A0 %E0%B8%B2%E0%B8%A9%E0%B8%B2%E0%B8%8B?authuser=0 https://sites.google.com/ntun.ac.th/thipkesorn/%E0%B8%81%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E 0%B8%9A%E0%B8%A7%E0%B8%99%E0%B8%81%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B9 %80%E0%B8%97%E0%B8%84%E0%B9%82%E0%B8%99%E0%B9%82%E0%B8%A5% E0%B8%A2?authuser=0 https://sites.google.com/ntun.ac.th/bambawonluck/%E0%B9%80%E0%B8%97%E0%B8%84 %E0%B9%82%E0%B8%99%E0%B9%82%E0%B8%A5%E0%B8%A2%E0%B8%9B%E0 %B8%A3%E0%B8%B0%E0%B8%A2%E0%B8%81%E0%B8%95?authuser=0

38 ภาคผนวก 1.)ภำพสถิติเก่ียวกบั ผเู้ ขำ้ ชมกำร(live)หรือนำเสนอออนไลน์ https://m.facebook.com/story.php?story_fbid=1187229758328752&id=100011252176280 2.)ยอดผเู้ ขำ้ ดเู วบ็ ไซตข์ อง Admin https://sites.google.com/ntun.../kanom1163/home/teamwork…


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook