Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore e-book วัดในอยุธยา

e-book วัดในอยุธยา

Published by atjimana, 2021-09-26 09:59:59

Description: e-book วัดในอยุธยา

Search

Read the Text Version

วดั ในจังหวดั อยธุ ยา วดั ใหญ่ชัยมงคล วัดหนั ตรา วดั มงคลบพติ ร วัดพทุ ธไทสวรรค์ วดั ไชยวฒั นาราม วัดพระญาติการาม วดั อโยธยา วดั พนัญเชงิ

วดั ใหญช่ ยั มงคล ประวตั ิ วัดใหญ่ชัยมงคล เป็นวัดท่ีเก่าแก่วัดหนึ่ง สร้างข้ึนในสมัยอยธุ ยา ตอนตน้ คือในรชั สมัยของ สมเด็จพระรามาธิปดีที่ 1 หรอื อกี พระนามหนึ่งคอื สมเด็จพระเจา้ อ่ทู องพระมหากษตั รยิ ์ ผู้สถาปนากรุงศรอี ยุธยา ตามตานานกล่าวว่า เม่ือ พ.ศ.1900 สมเด็จ พระเจ้าอู่ทองได้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯให้ขุดศพเจ้าแก้ว ซึ่ง ทิวงคตด้วยอหิวาตกโรคขึ้นมาเผา ที่ปลงศพนั้นโปรดให้สถาปนาเป็น พระอาราม นามวา่ วัดป่าแกว้ ตอ่ มาคณะสงฆ์สานักวัดป่าแก้วบวชเรียนมา จากสานักรัตนมหาเถระ ในประเทศศรีลังกาคณะสงฆ์น้ีได้เป็นท่ีเคารพเลื่อมใสแก่ชาวกรุงศรี อยุธยาเป็นอันมาก ทาให้ผู้คนต่างมาบวชเรียนในสานักสงฆ์คณะป่า แก้วมากขึ้น สมเด็จพระเจ้าอู่ทอง จึงทรงตั้งอธิบดีสงฆ์นิกายน้ีเป็น สมเด็จพระวันรัตน มีตาแหน่งเป็นพระสังฆราชฝ่ายขวาคู่กับสมเด็จ พระพุทธโฆษาจารย์ซึง่ มตี าแหนง่ เปน็ สงั ฆราชฝา่ ยคนั ถธุระ

วัดหนั ตรา ประวัติ วัดหันตรา เป็นวัดสมัยอยุธยาต้ังอยู่ท่ีบ้านหันตราหมู่ 2 ตาบล หันตรา อาเภอพระนครศรีอยุธยา เดิมช่ือแขวงรอบกรุง จังหวัด พระนครศรีอยุธยา ซ่ึงปรากฏหลักฐานการสถาปนาวัดในพระราช พงศาวดารกรุงศรีอยุธยาหลายฉบับเช่น ในฉบับพระราชหัตถเลขากล่าว วา่ “จลุ ศกั ราช 1100 ปมี ะเมีย สัมฤทธิศก ณ เดือน 6 สมเด็จพระเจ้าแผ่นดินเสด็จพระราชดาเนินโดย กระบวนนาวาพยุหไปฉลองวัดหารตรา ให้มีงานมหรสพสมโภชพระ อารามสามวันทรงถวายไทยทานแก่ พระภิกษุสงฆ์เป็นอนั มาก ในวันเป็น ท่ีสดุ นั้นให้เอาช้างออกบารูกัน บังเกิดพายุใหญ่ฝนตกหนัก เสร็จการแล้ว เสด็จกลบั เข้าพระนคร...” ส่ิงก่อสร้างในวัดเช่น โบสถ์แบบมหาอดุ ซ่ึงไม่ มีประตูด้านหลังและไม่เจาะช่องหน้าต่าง เชื่อกันว่าใช้เป็นท่ีประกอบพิธี ปลูกเสกเคร่ืองรางของขลังท่ีศักด์ิสิทธิ์ย่ิง โดยเฉพาะทุ่งหันตราเป็นสถาน ที่ตั้งทัพรับศึกเป็นท่ีประชุมทัพสมเด็จพระบรมราชาธิราชที่ 2 เจ้าสาม พระยา

วดั มงคลบพิตร ประวัติ วัดมงคลบพิตร ต้ังอยู่ทางด้านใต้ของวัดพระศรีสรรเพชญ์ พระมงคลบพิตร เป็นพระพุทธรูปบุสัมฤทธ์ิองค์ใหญ่องค์หนึ่งใน ประเทศไทย เดิมอยู่ทาง ทิศตะวันออกนอกพระราชวัง สมเด็จพระเจ้า ทรงธรรมโปรดฯ ใหย้ ้ายมา ไว้ทางด้านตะวนั ตก ท่ีซึ่ง ประดิษฐานอยู่ใน ปัจจุบันและโปรดฯ ให้ก่อมณฑปสวมไว้ เป็นวัดโบราณสาคัญแห่งหนึ่ง ในจังหวัดพระนครศรีอยุธยาโดยท่ีตั้งของ วัดมงคลบพิตรและ พระราชวังโบราณต้งั อยู่ติดกนั นกั ทอ่ งเที่ยวจึงนยิ มเขา้ มานมัสการหลวง พ่อมงคลบพิตรก่อน จะเข้าชม พระราชวังโบราณ และบริเวณทางด้าน หน้าวิหารวัดพระมงคลบพิตร มีร้านค้าตั้งเรียงรายมากมายหลายร้าน จาหน่าย ผลิตภัณฑ์ พ้ืนเมืองแทบทุกชนิดเช่น ปลาตะเพียน เคร่ืองจัก สานเคร่ืองหวาย มีดอรัญญิก ผลไม้กวน และขนมชนิดต่างๆ เหมาะ สาหรับผูส้ นใจ ซือ้ สินค้าพนื้ เมืองและของท่รี ะลกึ ต่างๆ

วดั พุทไธศวรรค์ ประวตั ิ วัดพุทไธศวรรย์ เป็นพระอารามหลวงตั้งอยู่ริมแม่น้าเจ้าพระยาฝ่ัง ตะวันตก ในตาบลสาเภาล่ม อาเภอพระนครศรีอยุธยา ในสมัยกรุงศรี อยุธยา วัดพุทไธศวรรย์เป็นพระอารามหลวงที่ใหญ่โตและมีช่ือเสียงวัด หน่ึง ปรากฏตามตานานว่าสมเด็จพระรามาธิบดีท่ี 1 (พระเจ้าอู่ทอง) ทรงสร้างข้ึนในบริเวณท่ีซึ่งเป็นท่ีตั้งพลับพลาที่ประทับเม่ือทรงอพยพมา ตง้ั อยกู่ ่อนสถาปนากรุงศรีอยุธยาเป็นราชธานี ที่ตรงน้ีมีช่ือปรากฏในพระ ราชพงศาวดารว่า \"ตาบลเวียงเล็ก หรือ เวียงเหล็ก\" ครั้นเม่ือสถาปนา กรุงศรีอยุธยาแล้ว ถึง พ.ศ. 1896 จึงโปรดให้สร้างวัดนี้ขึ้นเป็นพระราช อนุสรณ์ ณ ตาบลซึ่งพระองค์เสด็จมาตั้งม่ันอยู่แต่เดิม และ พระมหากษัตริย์องค์ต่อ ๆ มาก็คงจะได้โปรดให้สร้างถาวรวัตถุ เพ่ิมเติมข้ึนอีกหลายอย่าง เม่ือเสียกรุงฯ ในปี พ .ศ. 2310 วดั พุทไธศวรรยเ์ ป็นอีกวดั หนึง่ ท่มี ิได้ถกู ข้าศึกทาลายเหมือนวัดอนื่ ๆ ทุก วนั น้จี ึงยงั มโี บราณสถานไวช้ มอกี มากมาย

วัดไชยวฒั นาราม ประวตั ิ ป ร า ง ค์ ป ร ะ ธ า น ต้ั ง อ ยู่บ ริ เ ว ณ ต ร ง ก ล า ง ข อ ง พ้ื น ที่ ฐานประทักษิณ ซ่ึงฐานประทักษิณ ได้ยกสูงขึ้นมา จากพ้ืน 1.5 เมตร มีลักษณะเป็นปรางค์ จัตุรมุข(มีมุขยื่นออกมาท้ัง4ด้าน)ใน ส่วน ของมุขด้านตะวันออก จะเจาะมุขทะลุเข้าสู่เรือนธาตุ ซึ่ง ภายในจะประดิษฐานพระพุทธรูปนั่ง (ปัจจุบันไม่พบแล้ว) ยอดของ องค์ปรางค์ ทาเป็นรัดประคดซ้อนกัน 7 ชั้น แต่ละชั้น เป็นลวดลาย ใบขนุน กลีบขนุน ส่วนบนสุดเป็นทรงดอกบัวตูม ปรางค์แบบนี้ มีลักษณะเหมือน ปรางค์ในสมัย อยุธยาตอนต้น ซึ่ง วัดไชยวัฒนา รามน้ัน สร้างในสมัยอยุธยาตอนกลาง จึงอาจกล่าวได้ว่าเป็นการ นาเอาพระปรางค์ท่ีนิยมสร้างในสมัยอยุธยาตอนต้นมาก่อสร้างอีก ครงั้ หนงึ่

วัดพระญาตกิ าราม ประวัติ วัดพระญาติการาม เป็นวัดที่สร้างข้ึนตั้งแต่ครั้งที่กรุงศรี อยุธยาเป็นราชธานี ต้ังอยู่เลขท่ี 15 ตาบลไผ่ลิง อาเภอ พระนครศรีอยุธยา จังหวัดพระนครศรีอยุธยา เดิมเรียกว่า วัด พบญาติ โดยมีตานานเล่าว่า มีหมู่บ้านหน่ึงที่หญิงสาวจะมี ผิวพรรณหน้าตาดี เม่ือความทราบถึงพระเจ้าแผ่นดิน พระองค์ จึงเสด็จมาหมู่บ้านแห่งนี้ และได้ขอรับบุตรสาวของชาวบ้านไป อุปถัมภ์ เมื่อหญิงสาวผู้น้ันจะเข้าไปยังพระราชวัง พวกญาติ ของหญิงสาวได้ไปรอพบเพ่ือล่าลา จนเมื่อหญิงสาวผู้นั้นได้เป็น มเหสีแล้ว จึงเสด็จฯ มาเยี่ยมญาติในหมู่บ้านเดิม และโปรดฯ ให้สร้างวัดขึ้นบริเวณท่ีญาติ ๆ มารอพบ และตั้งช่ือว่า \"วัดพบ ญาติ\" และเปลยี่ นเป็น \"วัดพระญาตกิ าราม\" ในเวลาตอ่ มา

วัดอโยธยา ประวัติ การเกิดขึ้นของเมืองอโยธยา โดยทั่วไปมักจะเช่ือกันว่า เกิดข้ึนในปี พ.ศ. 1893 (ปลายพุทธศตวรรษท่ี 19) โดยพระเจ้าอู่ทอง หรือสมเด็จ พระรามาธิบดีท่ี 1 ทรงอพยพผู้คนมาหนีโรคระบาดจากเมืองอู่ทอง (ใน จงั หวัดสุพรรณบุรี) มาตง้ั เมืองใหม่อยู่บริเวณรมิ หนองโสน อย่างไรก็ตาม การศึกษาทางประวัติศาสตร์และโบราณคดีในปัจจุบันพบว่าเมืองอู่ทองมี สภาพท่ถี กู ท้ิงร้างไปกอ่ นหน้านแี้ ล้ว ดงั นั้นพระเจ้าอทู่ องจึงไม่ได้อพยพมา จากเมืองอู่ทองในเขตเมืองสพุ รรณบุรี ขณะเดียวกัน อ.มานิต วัลลิโภดม และอ.ศรีศักร วัลลิโภดม ได้เสนอเรื่อง การดารงอยู่ของเมืองอโยธยา ในช่วงพุทธศตวรรษที่ 18 จากการศึกษาหลากหลายแขนงวิชาและนามา บูรณาการ อาทิ ภาพถ่ายทางอากาศ แผนท่ี เอกสารตานาน จารึกและ พงศาวดาร รวมทั้งการเดินเท้าสารวจในพื้นที่ทางทิศตะวันออกของเกาะ เมืองอยุธยา โดยเน้นที่เร่อื งของภูมิวัฒนธรรม (cultural landscape) เป็น ส่งิ สาคญั

วดั พนญั เชิง ประวัติ วัดพนัญเชิง เป็นวัดท่ีมีประวัติอันยาวนาน ก่อสร้างก่อนการ สถาปนากรุงศรีอยุธยา และไม่ปรากฏหลักฐานท่ีแน่ชัดว่าใครเป็นผู้สร้าง ตามหนังสือพงศาวดารเหนือกล่าวว่า พระเจ้าสายน้าผึ้งเป็นผู้สร้าง และ พระราชทานนามว่า วัดเจ้าพระนางเชิง[และพระราชพงศาวดารกรุงเก่า ฉบับหลวงประเสริฐอักษรนิติ์กล่าวไว้ว่า ได้สถาปนาพระพุทธรูปพุทธเจ้า พแนงเชิง เมื่อปี พ.ศ. 1867 ซึ่งก่อนพระเจ้าอู่ทองจะสถาปนากรุงศรี อยุธยาถึง 26 ปี พระพุทธไตรรัตนนายก หรือหลวงพ่อซาปอกง เป็น พระพุทธรูปขนาดใหญ่ และใหญ่ท่ีสุดในพระนครศรีอยุธยา หน้าตักกว้าง 20 เมตรเศษ สูง 19 เมตร เป็นพระพุทธรูปปูนปั้นปางมารวิชัย เคยได้รับ ความเสียหายในสมัยเสียกรุง แต่ก็ได้รับการบูรณะซ่อมแซมมาโดยตลอด จนกระท่ังในสมัยพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวแห่งกรุง รัตนโกสินทร์ เม่ือ พ.ศ. 2394 ได้โปรดเกล้าให้บูรณะใหม่หมดท้ังองค์ และพระราชทานนามใหมว่ ่า พระพุทธไตรรัตนนายก

จดั ทาโดย/เสนอ ด.ช.วนั เฉลมิ สายทศั น์ ม.2/1 เลขที่ 4 ด.ช.ภมู พิ ฒั น์ เปารกิ ม.2/1 เลขที่ 11 เสนอ ครู อัจจมิ า บารงุ นา ข้อมลู จาก www.google .com


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook