Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore การละเล่น

การละเล่น

Published by 34sarocha12com, 2019-11-26 01:27:43

Description: การละเล่น

Search

Read the Text Version

การละเล่นพ้นื บา้ นของไทย

รีรีข้าวสาร ประวตั ิ เป็นการละเล่นพ้นื บา้ นของเด็กไทยในสมยั กอ่ น ซ่ึงในปัจจุบนั น้ีอาจจะไม่ค่อยไดพ้ บเหน็ กนั บ่อยหนกั เนื่องจากวฒั นธรรมในชาติต่างๆ ไดเ้ ขา้ มาแผห่ ลายในประเทศไทยเรา จึงทาํ ใหก้ ารละเล่นพ้ืนบา้ นแบบไทยๆไดห้ าย สาปสูญไปในยุคสมยั น้ี วิธีการเล่น: 1. ใหเ้ ด็ก 2 คนยนื หนั หนา้ เขา้ หากนั โนม้ ตวั ประสานมือกนั เป็ นรูปซุม้ 2. เดก็ คนอ่ืนเกาะเอวยืนเรียงบต่อกนั เป็ นแถว 3. หวั แถวเดินลอดซุม้ จนถึงท่อน “คอยพานคนขา้ งหลงั ไว”้ คนท่ีประสานมือเป็ นซุ้มจะลดมือลงกนั คนสุดทา้ ยไว้และ คนสุดทา้ ยจะถกู คดั ออกไปจากแถว เล่นไปเรื่อยๆ จนกว่าจะหมดแถว ประโยชนท์ ี่ไดร้ ับจากการเล่นรีรีขา้ วสาร ช่วยใหเ้ ด็กๆ มีจิตใจร่าเริงแจ่มใส มีไหวพริบดี ใชก้ ลยุทธใ์ หต้ วั เองเอาตวั รอด จากการถกู คลอ้ งใหไ้ ด้ รวมท้งั เป็นการออกกาํ ลงั กาย พฒั นากลา้ มเน้ือส่วนต่างๆ ใหแ้ ข็งแรง

มอญซ่อนผ้า ประวตั ิ การเล่นมอญซ่อนผา้ เป็ นการเล่นที่ง่าย ไม่มีกฎกติกามากมายนกั มกั เป็ นการละเล่นของหนุ่มสาว โดยมากจะซ่อนเป็น คู่ ๆ เป็นการเจาะจงตวั ผซู้ ่อน นิยมเล่นในงานเทศกาลต่าง ๆ โดยเฉพาะเทศกาลตรุษสงกรานต์ วธิ ีการเล่น: 1. ใหเ้ ด็กๆ เล่นเส่ียงทาย ใครแพค้ นน้นั ตอ้ งเป็ น ‘มอญ’ ส่วนเดก็ คนอ่ืนๆ มานง่ั ลอ้ มวง 2. คนที่เป็นมอญจะตอ้ งถือผา้ ไวใ้ นมือแลว้ เดินวนอย่นู อกวง จากน้นั คนนงั่ ในวงจะร้องเพลงวา่ “มอญซ่อนผา้ ตุ๊กตาอย่ขู า้ งหลงั ไว้ โน่นไวน้ ี่ ฉนั จะตีกน้ เธอ” 3. ระหว่างเพลงคนที่เป็ นมอญ จะแอบท้ิงผา้ ไวข้ า้ งหลงั เดก็ คนใดคนหน่ึง และเดก็ คนน้นั ตอ้ งหยบิ ผา้ มาวิ่งไล่ตีมอญรอบวง มอญตอ้ ง รีบกลบั มานง่ั แทนท่ีเดก็ คนน้นั ใหเ้ ร็วท่ีสุด เพื่อหลุดพน้ จากการเป็ นมอญ และใหเ้ ดก็ คนน้นั กลายเป็ นมอญแทน อุปกรณก์ ารเล่น: ผา้ ขาวมา้ มดั ปลายใหเ้ ป็นปมใหญ่ ๆ เรียกว่า ผา้ ตีหรือลูกตมู ประโยชนท์ ี่ไดร้ ับจากการเล่นมอญซ่อนผา้ : สอนใหเ้ ด็กๆ รู้จกั สงั เกตวา่ ตนเองไดผ้ า้ ไหม และมีไหวพริบท่ีดี รวมท้งั ฝึ กกลา้ มเน้ือมดั ใหญ่ ใหเ้ ด็กๆ คล่องแคล่วว่องไว

ไม้หงึ่ หรือ อีหง่ึ ประวตั ิ เป็นการเล่นที่เล่นไดท้ ้งั หญิงและชาย มีกฎกติกาและระเบียบแบบแผนในการเล่น ที่เหน็ ไดอ้ ยา่ งชดั เจน มีการใชอ้ ุปกรณจ์ าํ เพาะ นิยม เล่นกนั ในเทศกลางตรุษสงกรานต์ วธิ ีการเล่น: ตีลกู ออกไปยงั ฝ่ าย ตรงขา้ มใหไ้ ดร้ ะยะไกลที่สุดและไม่ใหฝ้ ่ ายตรงขา้ มรับได้ เพราะถา้ รับไดก้ จ็ ะตอ้ งแพแ้ ละกลบั มาเป็น ผเู้ ริ่ม แต่ถา้ รับไม่ไดฝ้ ่ ายเริ่มเดิมกจ็ ะใหต้ ีไมต้ ่อไปจนใหค้ รบ ๓ คร้ัง และฝ่ ายรับกจ็ ะนาํ ไมล้ กู น้นั วิ่งกลบั มายงั หลุมโดยกล้นั หายใจและออกเสียง มาทาง จมูกใหม้ ีเสียง ห่ึม มาตลอดระยะการวง่ิ อุปกรณ์ 1. แม่ไม้ 1 อนั มีขนาดความยาวประมาณ 24-32 นิ้ว โตขนาดเท่าไมถ้ ือ 2. ลกู ไม้ 1 อนั มีขนาดความยาวประมาณ 3 น้ิว โตขนาดเท่าส่วนปลายของแม่ไม้ ประโยชนท์ ่ีไดร้ ับจากการเล่นไมห้ ่ึง หรือ อีห่ึง: วงของการเล่นจะมีเทคนิคการเล่นท่ีตอ้ งใชค้ วามสังเกต และฝึ กความชาํ นาญในโอกาสต่อ

ปิ ดตาตีหม้อ ประวตั ิ การปิ ดตาตีหมอ้ นิยมเล่นกนั มานานแลว้ โดยเฉพาะในเทศกาลวนั สงกรานตเ์ พราะเป็นการละเล่นที่ชวนใหส้ นุกท้งั คน เล่นและคนดู ฝึ กความจาํ การสังเกตทิศทางและการกะระยะทางใหไ้ ปถึงหมอ้ ที่จะตี ตอนน้ีเองท่ีคนดจู ะรู้สึกสนุกในการเชียร์ และ ขบขนั มากถา้ ผตู้ ีหมอ้ ตีไปในทิศทางอ่ืนหรือเฉียด ๆ หมอ้ ใบที่ตอ้ งตี วิธีการเล่น: ใหเ้ ด็กๆ แบ่งเป็นทีม แลว้ เลือกคนที่จะปิ ดตา 1 คน โดยคนที่ถูกปิ ดตาจะเป็ นคนตีหมอ้ ส่วนเด็กคนอื่นใหบ้ อกทิศทาง จนกวา่ เพอ่ื นจะตีถูกหมอ้ โดยมีขอ้ แมว้ ่าหา้ มพดู ภาษาไทย ถา้ ทีมไหนพดู ภาษาไทยใหป้ รับแพท้ นั ที ทีมที่ตีหมอ้ ไดก้ อ่ นเป็ นฝ่ ายชนะ อุปกรณ์ 1 หมอ้ ดิน หรือ ป๊ิ บ 2 ไมข้ นาดจบั ถนดั มือ ความยาวประมาณ 1.5 เมตร 3 ผา้ สาํ หรับปิ ด ประโยชนท์ ่ีไดร้ ับจากการเล่นปิ ดตาตีหมอ้ : สร้างความสนุกสนาน เพลิดเพลิน และความสามคั คี รวมถึงฝึ กไหวพริบ เพราะผลู้ ่นถกู ปิ ดตาจึงตอ้ งใชส้ มาธิในการฟัง เพื่อนๆ ใน ทีมใหด้ ี

งกู ินหาง ประวตั ิ งูกนิ หางเป็นการละเลน่ พ้ืนเมอื งเกา่ เลน่ กนั ทุกภาคของประเทศ ท้งั ภาคเหนือ ภาคตะวนั ออกเฉียงเหนือ และภาคใต้ พบวา่ มกี ารละเลน่ งูกนิ หางกนั แลว้ ในงานตรุษสงกรานต์ ณ จงั หวดั พระนครศรีอยธุ ยา เมอ่ื พ.ศ. 2475 การเลน่ งูกนิ หางเป็นการเล่นเลียนแบบชีวิตสตั ว์ คือ เลยี นแบบ ลกั ษณะท่าทางของงูท่ีมลี าํ ตวั ยาวเล้ือยคดไปคดมา นิยมเล่นในงานเทศกาล งานประจาํ ปี และงานร่ืนเริงต่างๆ ในสมยั กอ่ น งูกนิ หางส่วนมากสาวมอญ ไมค่ ่อยไดเ้ ลน่ เท่าไร เพราะไมค่ ่อยสุภาพ คือฝ่ ายผชู้ ายกบั ฝ่ ายผหู้ ญิงตอ้ งมาจบั มอื ถือแขนกนั ผใู้ หญไ่ ม่นิยมท่ีจะมาเล่นสนิทสนมกนั ส่วนมากจะเป็นคน ไทยเล่นกนั วิธีการเลน่ : เริ่มจากเส่ียงทายใครแพต้ อ้ งไปเป็น ‘พ่องู’ ส่วนคนท่ีชนะจะไดเ้ ป็น ‘แม่งู’ เด็กๆ ท่ีเหลอื จะไดเ้ ป็น ‘ลูกงู’ เกาะเอวแมง่ ูยนื เรียงเป็นแถว พอ่ งูและแมง่ ู รอ้ งเพลงไปเร่ือยๆ จนถึงท่อน “กนิ หวั กนิ หางกนิ กลางตลอดตวั ” พอ่ งูวิง่ ไลจ่ บั ลูกงูจากปลายแถว ส่วนแมง่ ูจะตอ้ งกางมือเพอ่ื ป้ องกนั ลูกงู หากลกู งูตวั ใดถกู พอ่ งูดึงจนหลดุ ออกจากแถว ตอ้ งออกจากการเลน่ เกมดาํ เนินไปเรื่อยๆ จนกวา่ ลกู งูจะถกู จบั จนหมด ประโยชน์ท่ีไดร้ ับจากการเล่นงูกนิ หาง: สอนใหเ้ ด็กๆ มีความสามคั คี ทาํ งานเป็นกล่มุ รู้จกั ช่วยเหลอื กนั และรู้จกั การต่อสู้ เอาตวั รอดเมอ่ื ภยั มาถงึ ตวั นอกจากน้ียงั ฝึกร่างกายใหแ้ ขง็ แรงและ จิตใจท่ีมีความสุข

เดนิ กะลา ประวตั ิ การเลน่ เดินกะลา เดก็ รุ่นกอ่ นๆ จะชอบเล่นเดินกะลามาก เพราะกะลาหาง่าย มีอยทู่ วั่ ไป วธิ ีการเลน่ : ให้ขีดเสน้ ชยั โดยห่างจากเสน้ เริ่มตน้ 3 เมตรหรือ 5 เมตรหรือตามแต่จะตกลงกนั ผเู้ ลน่ จะตอ้ งข้ึนไปยนื บนกะลาท่ีควา่ํ ลงท้งั สองซีก ใช้ นิ้วหวั แมเ่ ทา้ กบั นิ้วช้ีคีบหนีบเชือกไว้ มอื จบั เชือกดึงให้ถนดั เริ่มเลน่ โดยการให้ทุกคนเดินจากเสน้ เริ่มตน้ แข่งขนั กนั ใครที่ถึงเสน้ ชยั กอ่ นกช็ นะ หรือถา้ ไม่เลน่ แบบแข่งขนั กนั กใ็ ชเ้ ล่นเดินในสวน หรือที่สนามก็ ใชอ้ อกกาํ ลงั กาย กเ็ป็นการเล่นท่ีสนุกอีกแบบนึง วสั ดุอุปกรณ์ เชือก กะลา ประโยชนท์ ่ีไดร้ บั จากการเล่นเดินกะลา: เพือ่ ความสนุกเพลดิ เพลิน, เสริมสรา้ งความสามคั คีในหมู่คณะ และเป็นการฝึกการทรงตวั อีกดว้ ย การเดินกะลาไม่จาํ กดั จาํ นวนฝึกการ ทรงตวั พฒั นาความแข็งแรงของร่างกาย และสนุกสนานเพลดิ เพลิน

กาฟักไข่ ประวตั ิ กาฟักไข่เป็นกฬี าพ้ืนเมอื งเกา่ แกท่ ่ีเลน่ สืบเน่ืองต่อกนั มาเป็ นเวลานานแลว้ แต่ไม่ปรากฏหลกั ฐานว่ามีเลน่ มาต้งั แต่เม่ือใด พบว่ามกี าร เล่นกฬี ากาฟักไข่กนั แลว้ ในช่วงรัชสมยั รชั กาลที่ ๗ แห่งหรุงรตั นโกสินทร์ กาฟักไข่นิยมเล่นกนั ในจงั หวดั ต่างๆ ของภาคกลางสมยั กอ่ น เช่น นครปฐม กรุงเทพฯ ธนบุรี และกาญจนบุรี เป็นตน้ วธิ ีการเลน่ : 1. ขีดเสน้ เป็นวงกลมบนพ้ืนกวา้ งพอสมควร นาํ เอาไข่ของทุกคนไปรวมกนั ในวงกลม แลว้ หาผเู้ ล่น 1 คน ไปเป็นกาคอยรกั ษาไข่ไมใ่ หผ้ ูเ้ ล่นคนอื่นแยง่ ไข่ไปไดโ้ ดยผเู้ ป็นกาจะใชม้ ือหรือเทา้ ป้ องไข่ไว้ โดยจะป้ องกนั ไดเ้ ฉพาะในวง จะออกนอกวงไมไ่ ด้ 2. หลงั จากน้นั กาตอ้ งออกตามหาไข่ให้ไดค้ รบจาํ นวน ถา้ หาไมค่ รบแลว้ ยอมแพก้ จ็ ะถูกผซู้ ่อนไข่ดึงหูพาไปหาที่ซ่อนไข่จนครบ และตอ้ งเป็นกาต่อไป แต่ถา้ กาหาไข่ไดห้ มด เจา้ ของไข่ท่ีถูกกาหาพบคนแรกจะตอ้ งมาเป็นกาแทน ประโยชนท์ ี่ไดร้ บั จากการเลน่ กาฟักไข:่ 1. ดา้ นสติปัญญา การละเล่นกาฟักไข่ทาํ ใหเ้ ดก็ ไดใ้ ชไ้ หวพริบในการขยบั แขนและขา 2. ดา้ นร่างกาย เดก็ ๆ ใหอ้ อกกาํ ลงั กาย ฝึ กความวอ่ งไวของแขนขาและตา

ว่าว ประวตั ิ การเลน่ ว่าวในประเทศไทย มีมาต้งั แต่กรุงสุโขทยั (พ.ศ.๑๗๘๑-๑๙๘๑) คือสมยั ของพอ่ กรุงศรีอนิ ทราทิตย์ (หรือพระร่วง) วา่ วท่ีรู้จกั กนั มาก ไดแ้ ก่ \"วา่ วหง่าว\" หรือ”วา่ วดุ๋ยดุ่ย” ซ่ึงจะใชช้ กั ข้ึนในพิธี \"แคลง\" ทุกหนทุกแห่ง เป็นความเชื่อของประชาชนในสมยั น้ันวา่ เพือ่ เป็นการเรียกลม หรือความโชคดีให้เกดิ ข้ึน จึงอาจกลา่ วไดว้ ่า \"ว่าวหง่าว\" เป็นว่าวท่ีเกา่ แกท่ ่ีสุดของไทย ในสมยั กรุงศรีอยธุ ยา (พ.ศ. ๑๘๙๓-๒๓๑๐) คาํ วา่ “วา่ วจุฬา\" ปรากฏช่ือข้ึนในสมยั น้ี และยงั สามารถช่วยในการรบไดช้ นะ กล่าวคือ ไดน้ าํ ว่าวจุฬาข้ึนและผกู หมอ้ กระสุนดินดาํ โดยใชช้ นวนถ่วงเวลาและชกั ใหข้ า้ ม ไปในแดนของฝ่ ายตรงขา้ ม ทาํ ใหเ้ กดิ ระเบิดไฟไหมข้ ้ึน ทหารฝ่ ายอยธุ ยากเ็ขา้ เมืองได้ วสั ดุอปุ กรณ์ ไม้ กระดาษ เชือก วธิ ีการเล่น: 1.ชกั วา่ วให้ลอยลมปักอยกู่ บั ที่ เพ่อื ดูความสวยงามของว่าวรูปต่างๆ 2.บงั คบั สายชกั ให้เคล่อื นไหวไดต้ ามตอ้ งการนิยมกนั ที่ความงาม ความสูง และบางทีกค็ าํ นึงถงึ ความไพเราะของเสียงวา่ วอกี ดว้ ย ประโยชนท์ ่ีไดร้ ับจากการเล่นวา่ ว: ผูเ้ ลน่ น้นั ว่าวทาํ ใหด้ ีต่อสุขภาพ เสริมสรา้ งกาํ ลงั กายให้แข็งแรงเพราะตอ้ งใชเ้ ร่ียวแรงในการประคองสายป่ านท่ีตา้ นแรงลม

ม้าก้านกล้วย ประวตั ิ การข่ีมา้ กา้ นกลว้ ยเริ่มเลือนหายไปจากสงั คมปัจจุบนั แลว้ เน่ืองจากสภาพแวดลอ้ มทางสงั คมและยคุ สมยั ท่ีเปล่ียนแปลงไปจากแต่กอ่ น จึงทาํ ใหก้ ารละเล่นเด็กไทยต่างๆ ลดลงไปมาก แต่การขี่มา้ กา้ นกลว้ ยกย็ งั สามารถพบไดต้ ามงานวฒั นธรรมต่างๆ ท่ีจดั ข้ึนเป็นคร้งั คราว และยงั กลายเป็น สญั ลกั ษณ์ ในงานต่างๆ ที่ส่ือความเป็นเอกลกั ษณ์และวฒั นธรรมไทย วธิ ีการเล่น: วธิ ีการเลน่ คือ ข้ึนข่ีบนกา้ นกลว้ ย แลว้ ออกวิง่ จากน้นั ส่งเสียงร้อง ฮ้ีฮ้ี แต่ถา้ มีผเู้ ล่น2คนข้ึนไป กส็ ามารถจดั เป็นการแข่งขนั ข้ึนได้ โดย ฝ่ ายไหนว่งิ เร็วท่ีสุด กจ็ ะเป็นผูช้ นะ วสั ดุอุปกรณ์ -กา้ นกลว้ ย , มีด , ไมก้ ลดั , เชือก หรือเชือกฟางกไ็ ดแ้ ลว้ แต่เราสะดวกในการหา ประโยชน์ที่ไดร้ ับจากการเล่นว่าว: 1. การทาํ ท่าเหมอื นมา้ ทาํ ให้เด็กมจี ินตนาการ และ กลา้ แสดงออก 2. เป็นการออกกาํ ลงั กายอยา่ งดี 3. รกั ษาประเพณีพ้ืนบา้ นของไทย

หมากเกบ็ ประวตั ิ หมากเกบ็ เป็นการเล่นพ้ืนบา้ นของไทย นิยมเลน่ ในภาคกลาง โดยเฉพาะเด็กผหู้ ญงิ อายรุ าว 8-14๔ ปี เชื่อวา่ มีการเลน่ หมากเกบ็ มา ต้งั แต่สมยั กรุงศรีอยธุ ยา เลน่ ไดต้ ้งั แต่ 3-5คน จะนิยมเลน่ กนั บริเวณพ้ืนกระดาน หรือพ้ืนปูน ท่ีค่อนขา้ งเรียบ เช่น ระเบียงบา้ น ในหอ้ ง พ้ืนใตถ้ นุ บา้ น หรือบริเวณใดกไ็ ดท้ ี่ชอบ วิธีการเลน่ : 1. มี ๙ ข้นั ตอน คือ หมาก ๑ หมาก ๒ หมาก ๓ หมาก ๔ หมากจุ๊บ หมากเลก็ ใหญ่ หมากคาย หมากแกง และหมากลา้ น 2. ผเู้ ล่นจะตอ้ งตกลงกนั กอ่ นว่าจะเล่นสิ้นสุดเกมที่หมากใด แลว้ แต่ความสามารถของคู่แข่งขนั ถา้ ความสามารถนอ้ ย จะสิ้นสุดท่ีหมาก ๔ หาก ความสามารถมากข้ึนกอ็ าจจบที่หมากจุ๊บ หมากเลก็ ใหญ่ หมากคาย และหมากแกง เป็นตน้ แต่จะจบเกมท่ีข้นั ตอนใดกต็ าม จะตอ้ งลงทา้ ยดว้ ยหมากลา้ น เสมอ 3. ระหว่างการเล่นจะตอ้ งเลน่ ให้ถกู ตอ้ ง คือจะตอ้ งรับกอ้ นหินที่โยนข้ึนไปใหไ้ ด้ และจะตอ้ งหยบิ กอ้ นหินที่พ้ืน โดยไม่ใหก้ อ้ นอน่ื สะเทือน หรือไหว หากรบั ไมไ่ ดห้ รือเล่นแลว้ เกดิ การไหว กจ็ ะตอ้ งเปลีย่ นให้ฝ่ ายตรงขา้ มเล่นต่อ วสั ดุอุปกรณ์ กอ้ นหิน 5 กอ้ น ประโยชน์ท่ีไดร้ บั จากการหมากเกบ็ : 1. เป็นการใชเ้ วลาวา่ งให้เป็นประโยชน์ 2. ฝีกน้าํ ใจเป็นนกั กฬี า โดยปราศจากการพนนั อนั เป็นอบายมขุ 3. เป็นการปลูกฝังความรักความสามคั คีในหมู่เดก็

จดั ทาํ โดย นางสาวสโรชา สงเคราะห์กลุ Baimon Sarocha 0984970658bm 0984970658


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook