Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore รายงานผลการประเมินโครงการศูนย์ซ่อมสร้างเพื่อชุมชน 2565

รายงานผลการประเมินโครงการศูนย์ซ่อมสร้างเพื่อชุมชน 2565

Published by ผาสุข ไชยสุรินทร์, 2023-07-10 04:17:17

Description: รายงานผลการประเมินโครงการศูนย์ซ่อมสร้างเพื่อชุมชน 2565

Search

Read the Text Version

รายงานผลการประเมินโครงการศูนย์ซ่อมสร้างเพ่อื ชมุ ชน (Fix it Center) แบบถาวร ประจาจงั หวัด ประจาปีงบประมาณ พ.ศ. 2565 งานโครงการพิเศษและการบริการชมุ ชน วิทยาลยั เทคนิคสตลู วทิ ยาลัยเทคนิคสตลู สถาบันการอาชีวศึกษาภาคใต้ 3 สานักงานคณะกรรมการการอาชีวศกึ ษา กระทรวงศึกษาธกิ าร

ก กติ ตกิ รรมประกาศ การรายงานผลการประเมนิ โครงการศูนย์ซ่อมสร้างเพื่อชุมชน (Fix it Center) แบบถาวร ประจา จังหวัด ฉบับนี้สาเร็จได้ด้วยความกรุณาให้คาปรึกษา แนะนา ช่วยเหลือเป็นอย่างดี จากคณะผู้บริหาร วทิ ยาลยั เทคนคิ สตลู คณะครู เจ้าหนา้ ที่ บุคลากร นักเรียน นักศึกษา ของวิทยาลัยเทคนิคสตูลตลอดจน ประชาชนที่รับบริการ ที่ได้มีส่วนร่วมในการดาเนินโครงการและจัดเก็บข้อมูลจนครบถ้วนสมบูรณ์และให้ ความร่วมมือเป็นอย่างดี ผู้รายงานขอขอบคุณทุกท่านท่ีได้ให้ข้อมูลในการศึกษาคร้ังนี้ ผู้รายงานผลการ ดาเนินงานโครงการขอกราบขอบพระคุณอย่างสงู ณ โอกาสน้ี งานโครงการพิเศษและการบรกิ ารชมุ ชน วิทยาลยั เทคนิคสตูล

สารบัญ ข กติ ติกรรมประกาศ หน้า สารบญั ก สารบัญตาราง ข สารบัญแผนภูมิ ง บทท่ี 1 บทนา จ 1 ความเปน็ มาและความสาคญั ของปัญหา 1 วัตถุประสงค์ของการประเมนิ โครงการ 2 กรอบแนวคิดในการประเมินโครงการ 3 กรอบรายละเอียดการประเมิน 4 ขอบเขตของการประเมินโครงการ 4 นิยามศัพท์ท่ีใช้ในการรายงานผลการประเมินโครงการ 5 ประโยชนท์ ค่ี าดว่าจะได้รบั 6 บทท่ี 2 เอกสารทีเ่ กยี่ วข้อง 7 สภาพทัว่ ไปของวทิ ยาลยั เทคนคิ สตลู 7 เอกสารทเ่ี กี่ยวข้องกับการประเมนิ ผลโครงการ แบบซิปโมเดล (CIPP Model) 8 เอกสารที่เก่ยี วข้องกบั ความพึงพอใจ 14 โครงการศูนยซ์ ่อมสร้างเพ่ือชุมชน (Fix it Center) แบบถาวร ประจาจังหวดั 20 บทท่ี 3 การดาเนนิ งาน 23 ประชากรและกล่มุ ตัวอย่าง 23 เครอ่ื งมอื ท่ใี ช้ในการรายงานผลการประเมนิ โครงการ 24 การสรา้ งเคร่อื งมือท่ีใชใ้ นการรายงานผลการประเมนิ โครงการ 25 การเกบ็ รวบรวมข้อมูล 25 การวเิ คราะหข์ อ้ มลู 26 สถิติท่ีใชใ้ นการวิเคราะห์ข้อมูล 26 บทท่ี 4 ผลการวิเคราะหข์ ้อมูล 28 ผลการวเิ คราะหข์ อ้ มลู 28 บทที่ 5 สรปุ อภิปรายผล และขอ้ เสนอแนะ 44 วตั ถปุ ระสงคข์ องการประเมินโครงการ 44 ขอบเขตของการประเมินโครงการ 44 การสรา้ งเครือ่ งมือที่ใช้ในการรายงานผลการประเมินโครงการ 45 สรปุ การรายงานผลการประเมินโครงการ 45 อภปิ รายผล 48 ข้อเสนอแนะ 49

สารบญั (ตอ่ ) ค ข้อเสนอแนะสาหรบั การศึกษาคร้ังตอ่ ไป หน้า บรรณานกุ รม 50 ภาคผนวก 51 53

ง สารบญั ตาราง หน้า ตารางที่ 1 แสดงจานวนและร้อยละของสถานภาพของผู้ตอบแบบประเมิน โครงการศูนย์ซ่อมสรา้ งเพ่ือชุมชน (Fix it Center) แบบถาวร ประจาจงั หวัดด้านบรบิ ท ดา้ นปจั จยั นาเขา้ ดา้ นกระบวนการ 28 ตารางท่ี 2 แสดงค่าเฉลย่ี ค่าเบ่ยี งเบนมาตรฐานและการแปลความหมายเก่ยี วกบั การประเมนิ โครงการศูนยซ์ ่อมสร้างเพื่อชุมชน (Fix it Center) แบบถาวร ประจาจังหวัด ด้านบริบท 29 ตารางท่ี 3 แสดงค่าเฉล่ยี ค่าเบ่ยี งเบนมาตรฐานและการแปลความหมายเกยี่ วกับ การประเมินโครงการศนู ยซ์ ่อมสรา้ งเพื่อชุมชน (Fix it Center) แบบถาวร ประจาจงั หวดั ด้านปจั จัยนาเขา้ 30 ตารางท่ี 4 แสดงค่าเฉลย่ี ค่าเบ่ยี งเบนมาตรฐานและการแปลความหมายเกี่ยวกบั การประเมนิ โครงการศูนย์ซอ่ มสรา้ งเพื่อชุมชน (Fix it Center) แบบถาวร ประจาจังหวดั ดา้ นกระบวนการ 31 ตารางที่ 5 แสดงผลการดาเนนิ งานด้านผลผลิต ด้านบริการซ่อม ( Repair) 32 ตารางที่ 6 แสดงผลการดาเนินงานดา้ นผลผลติ ดา้ นบริการสรา้ ง (Build 33 ตารางท่ี 7 แสดงผลการดาเนนิ งานดา้ นบรกิ ารพฒั นา (Top Up) 33 ตารางท่ี 8 แสดงค่าเฉลย่ี และค่าเบ่ียงเบนมาตรฐานของกลมุ่ ตวั อยา่ งทีม่ ีความพงึ พอใจ ต่อดา้ นการบรกิ ารซ่อม ( Repair) 34 ตารางท่ี 9 แสดงค่าเฉลี่ยและคา่ เบ่ียงเบนมาตรฐานของกล่มุ ตวั อย่างท่มี คี วามพึงพอใจต่อด้าน บรกิ ารสรา้ ง (Build) หลกั สูตรการทานา้ ยาถพู ้ืนแบบฆ่าเช้ือและนา้ ยาลา้ งจาน 35 ตารางที่ 10 แสดงคา่ เฉล่ียและค่าเบย่ี งเบนมาตรฐานของกลมุ่ ตัวอย่างที่มคี วามพงึ พอใจ ตอ่ ดา้ นบรกิ ารสรา้ ง (Build) หลักสูตรชา่ งตัดผมชาย 36 ตารางที่ 11 แสดงค่าเฉลย่ี และค่าเบย่ี งเบนมาตรฐานของกลมุ่ ตัวอยา่ งที่มีความพึงพอใจ ต่อดา้ นบรกิ ารสร้าง (Build) หลักสตู รซอ่ มรถจักรยานยนต์ 37 ตารางที่ 12 แสดงค่าเฉลี่ยและค่าเบย่ี งเบนมาตรฐานของกลุ่มตัวอยา่ งทม่ี ีความพึงพอใจ ต่อดา้ นบรกิ ารสร้าง (Build) หลกั สูตรซอ่ มเครื่องใชไ้ ฟฟา้ เบือ้ งต้น 38 ตารางท่ี 13 แสดงค่าเฉล่ยี และคา่ เบี่ยงเบนมาตรฐานของกลุ่มตัวอย่างทมี่ ีความพึงพอใจ ตอ่ ดา้ นบริการพฒั นา (Top Up) พัฒนาเครอื่ งหัน่ ขนมไทย 39 ตารางท่ี 14 แสดงค่าเฉลีย่ และคา่ เบ่ียงเบนมาตรฐานของกลุ่มตัวอยา่ งทมี่ คี วามพงึ พอใจ ตอ่ ด้านบรกิ ารพฒั นา (Top Up) พัฒนาเครอื่ งเหลาก้านจาก 40 ตารางที่ 15 แสดงค่าเฉลี่ยและค่าเบยี่ งเบนมาตรฐานของกลมุ่ ตวั อย่างท่มี คี วามพงึ พอใจ ตอ่ ดา้ นบริการพัฒนา (Top Up) การพฒั นาโรงเรือนตากปลาด้วยพลังงานแสงอาทิตย์ 41 ตารางที่ 16 แสดงค่าเฉลย่ี การประเมินโครงการศูนยซ์ ่อมสรา้ งเพ่ือชุมชน (Fix it Center) 42

สารบญั แผนภูมิ จ แผนภมู ิท่ี 1 กรอบแนวความคดิ ของการประเมนิ การจัดตงั้ ศูนย์ซอ่ มสรา้ งเพ่ือชุมชน หน้า ( Fix it Center ) แบบถาวร ประจาจงั หวดั 3 11 แผนภมู ิท่ี 2 แสดงความสมั พันธ์ของการตดั สนิ ใจและประเภทของการประเมนิ แบบ CIPP Mode

1 บทที่ 1 บทนา 1. ความเป็นมาและความสาคญั ของปัญหา การสร้างความสัมพันธ์ระหว่างสถานศึกษากับชุมชนนั้นเป็นส่วนหน่ึงของการบริหารใน สถานศึกษา เนอ่ื งจากสถานศกึ ษาย่อมสมั พันธก์ บั ชุมชน เพราะผูเ้ รียนในสถานศึกษามาจากครอบครัวท่ีอยู่ ในชุมชนนั้น ๆ นอกจากน้ีสถานศึกษายังให้ชุมชนเข้ามามีส่วนร่วมในการสนับสนุนหรือจัดการศึกษาอีก ด้วย ในพระราชบัญญตั ิการศกึ ษาแหง่ ชาติ พ.ศ.2562 ยงั ไดก้ าหนดให้สถานศึกษามีความสัมพันธ์กับชุมชน โดยให้สถานศึกษาร่วมกับบุคคล ครอบครัว ชุมชน องค์กรชุมชน องค์กรปกครองส่วนท้องถ่ิน เอกชน องคก์ รเอกชน องคก์ รวชิ าชพี สถาบันศาสนา สถานประกอบการ และ สถาบันทางสังคมอืน่ ส่งเสริมความ เข้มแข็งของชุมชนโดยจัดกระบวนการเรียนรู้ภายในชุมชน เพ่ือให้ชุมชนมีการจัดการศึกษาอบรม มีการ แสวงหาความรู้ข้อมูล ข่าวสาร และรู้จักเลือกสรรภูมิปัญญาและวิทยาการต่างๆ เพ่ือพัฒนาชุมชนให้ สอดคล้องกับสภาพปัญหาและความต้องการ รวมทั้งหาวิธีการสนับสนุนให้มีการเปลี่ยนแปลง ประสบการณ์การพัฒนาระหว่างชุมชน และให้มีการระดมทรัพยากรและการลงทุนด้านงบประมาณ การเงิน และทรัพย์สิน ท้ังจากรัฐ องค์กรปกครองท้องถิ่น บุคคล ครอบครัว ชุมชน องค์การชุมชนเอกชน องค์กรเอกชน องค์กรวิชาชีพ สถาบันศาสนา สถานประกอบการ สถาบันสังคมอ่ืนและต่างประเทศมาใช้ จดั การศกึ ษา ตามนโยบายเร่งด่วนของรัฐบาลในการดาเนินโครงการขยายโอกาสทางการศึกษาวิชาชีพและ พัฒนาทักษะวิชาชีพเพื่อเตรียมความพร้อมเข้าสู่ตลาดแรงงาน กิจกรรมศูนย์ซ่อมสร้างเพื่อชุมชน (Fix it Center)โดยมอบหมายให้สถานศึกษาสังกัดสานักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา ให้คาแนะนา ถ่ายทอดความรู้ประชาชนให้รู้วิธีการใช้ การดูแลรักษา และพัฒนาทักษะช่างชุมชนให้สามารถซ่อมบารุง เคร่ืองมืออุปกรณ์การประกอบอาชีพ และเคร่ืองมือเครื่องใช้ในครัวเรือน ตลอดจนสร้างความร่วมมือ ระหว่างสถานศึกษาและชุมชนในการสร้างเครือข่าย ถ่ายทอดความรู้ พัฒนาสุขภาพอนามัยพื้นฐานและ พฒั นาผลิตภัณฑ์ชุมชน เพื่อสร้างมูลค่าเพ่ิมและสร้างเสริมมาตรฐานผลิตภัณฑ์ชุมชน รวมทั้งการส่งเสริม การพัฒนาระบบรับรองตรวจสอบคุณภาพในขั้นต้นของสินค้าชุมชน อันจะเป็นการยกระดับพัฒนา คุณภาพชีวิตประชาชนในชุมชนโดยมีสานักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษาเป็นหน่วยงานหลัก รับผดิ ชอบ วิทยาลัยเทคนิคสตูล สังกัดสานักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา ได้เล็งเห็นความสาคัญใน การพัฒนาชุมชน สังคมและประเทศชาติ ซ่ึงวิทยาลัยเทคนิคสตูลมีบุคลากรทางการศึกษา ครู นักเรียน นักศึกษา ท่ีมีความรู้ความสามารถจัดการศึกษาเพ่ือพัฒนาชุมชนให้เข้มแข็ง โดยจัดทาโครงการขยาย โอกาสทางการศึกษาวิชาชีพและพัฒนาทักษะวิชาชีพเพ่ือเตรียมความพร้อมเข้าสู่ตลาดแรงงาน กิจกรร ม ศูนย์ซ่อมสร้างเพ่ือชุมชน (Fix it Center) ในการพัฒนารูปแบบการดาเนินงานศูนย์ซ่อมสร้างเพ่ือชุมชน แบบถาวรประจาจังหวดั ณ วทิ ยาลัยเทคนิคสตลู ในการบริหารจัดการศูนย์ซ่อมสร้างเพื่อชุมชน (Fix it Center) แบบถาวร ประจาจังหวัด นั้น วิทยาลัยฯได้ใช้กระบวนการ PDCA ในการดาเนินการโดยดาเนินการแต่งต้ังกรรมการดาเนินงานในการ ประชุมวางแผน สารวจและลงมือให้บริการ นาข้อสังเกตของปัญหาและข้อเสนอแนะจากประชาชนมา ร่วมกันแกป้ ญั หา เพอื่ ปฏิบตั ิงานตามภารกจิ ของศูนยโ์ ดยการให้บริการประชาชนด้านการบริการซ่อม

2 ( Repair) เคร่ืองมอื เครอื่ งจกั รกลการเกษตร ยานพาหนะ เครื่องใช้ไฟฟ้า เครื่องใช้ในครัวเรือนและอ่ืนๆ ด้านบริการสร้าง (Build) อาชีพใหม่หรือต่อยอดอาชีพโดยมีการสารวจความต้องการของชุมชน จัดทา หลักสูตรอาชีพ หลักสูตรการเป็นผู้ประกอบการ และจัดอบรมโดยวิทยากรผู้เชี่ยวชาญ หรือครูร่วมกับ นักเรียน นกั ศกึ ษา และดา้ นการพฒั นา (Top Up) ผลติ ภัณฑ์ชุมชน โดยครู นานักเรียน นักศึกษาไปศึกษา เรยี นรูแ้ ละนาเทคโนโลยี หรือสร้างนวัตกรรมรว่ มกบั ชุมชน เพือ่ เพม่ิ มลู คา่ และสง่ เสรมิ การรับรองมาตรฐาน คุณภาพ ภารกิจหลักดังกล่าวยึดหลักการให้บริการประชาชน ณ ศูนย์ซ่อมสร้างเพื่อชุมชน ( Fix it Center ) แบบถาวรประจาจังหวัด ซึ่งต้ังอยู่ ในวิทยาลัยเทคนิคสตูล โดยมีการประชาสัมพันธ์ผ่านสถานี วิทยุ ผ่านนักเรียน นักศึกษา ส่วนราชการ และผู้ปกครอง แต่อย่างไรก็ตามการบริการยังไม่ทั่วถึงความ ต้องการของประชาชน ซึ่งอาจวิเคราะห์ได้ว่าเป็นช่องว่างระหว่างความสัมพันธ์ระหว่างสถานศึกษากับ ประชาชน ความไม่สะดวกในการเดินทาง ความไม่มั่นใจในการบริการว่าจะได้รับผลสาเร็จตามที่ตน ต้องการหรือไม่ เปน็ ตน้ จากปัญหาดังกล่าววิทยาลัยฯจึงได้ประชุมคณะกรรมการดาเนินการเพ่ือร่วมกันวิเคราะห์และ แก้ปัญหาดังกล่าว โดยการบริการประชาชนถึงท่ีแบบเชิงรุกลงพื้นที่บริการประชาชนซึ่งยึดท่ีตั้งตาม โรงเรียนต่างๆ มุ่งเน้นโรงเรียนมัธยมขยายโอกาสที่ทาความร่วมมือด้วยกัน โดยให้นักเรียนนาอุปกรณ์ เครื่องมือเครื่องใช้มาจากบ้านท่ีชารุดมาซ่อมแซมท้ังเรียนรู้โดยมีนักศึกษาพ่ีเล้ียงในการช่วยเหลือแนะนา ซึ่งภารกิจดังกล่าวถือได้ว่าเป็นกิจกรรมการแนะแนวสู่การศึกษาต่อสายอาชีพไปด้วย สาหรับภารกิจ บรกิ ารสรา้ งอาชีพวทิ ยาลัยฯไดส้ ง่ เสริมการจัดหลกั สูตรระยะสั้นโดยการสารวจจากเยาวชนที่สนใจในสาขา อาชีพต่างๆ แล้วสนองตามความสนใจในสายอาชีพนั้นๆ นอกจากนี้ยังสารวจความต้องการพัฒนา ผลิตภัณฑ์ของชุมชนต่างๆเพ่ือยกระดับให้ได้มาตรฐานตามความต้องการของผู้บริโภคต่อไป และเพ่ือให้ ทราบผลการดาเนินงานศูนย์ซ่อมสร้างเพื่อชุมชน ( Fix it Center ) แบบถาวรประจาจังหวัด ใน ปีงบประมาณ 2565 ได้รายงานการประเมินโครงการศูนย์ซ่อมสร้างเพ่ือชุมชน ( Fix it Center ) แบบ ถาวรประจาจังหวัดตามแนวคิด และรูปแบบการประเมิน โครงการ CIPP Model ของ Daniel Stufflebeam ที่ครอบคลุมการประเมิน ท้ัง 4 ด้าน คือ ด้านบริบท ด้านปัจจัยนาเข้า ด้านกระบวนการ และด้านผลผลิต เพ่ือเป็นข้อมูลสารสนเทศ ในการปรับปรุง พัฒนา และตัดสินใจในการดาเนินงานตาม โครงการศูนย์ซ่อมสร้างเพ่ือชุมชน ( Fix it Center ) แบบถาวรประจาจังหวัดให้มีประสิทธิภาพและ ประสทิ ธผิ ลต่อไป 2. วัตถปุ ระสงค์ของการประเมนิ โครงการ 2.1 เพ่อื ประเมินบรบิ ทของโครงการศนู ย์ซ่อมสรา้ งเพ่ือชมุ ชน ( Fix it Center ) แบบถาวรประจาจังหวัด 2.2 เพือ่ ประเมนิ ปจั จยั นาเขา้ ของโครงการศูนย์ซ่อมสร้างเพ่ือชุมชน ( Fix it Center ) แบบถาวรประจาจังหวดั 2.3 เพือ่ ประเมินกระบวนการของโครงการศูนยซ์ ่อมสร้างเพอ่ื ชมุ ชน ( Fix it Center ) แบบถาวรประจาจังหวดั 2.4 เพอ่ื ประเมนิ ผลผลิตของโครงการศูนย์ซ่อมสรา้ งเพื่อชมุ ชน ( Fix it Center ) แบบถาวรประจาจังหวัด

3 กรอบแนวคดิ ในการประเมินโครงการ การประเมนิ ครง้ั น้ีไดน้ าแนวคิดและรปู แบบการประเมนิ โครงการ CIPP Model ของ Daniel Stufflebeam(1997 : 261 – 265 ) กาหนดกรอบความคดิ ไวด้ งั น้ี ประเมินบรบิ ท - การวเิ คราะหป์ ญั หาและความตอ้ งการ (Context Evaluation) - หลกั การและเหตผุ ลของโครงการ - วัตถุประสงคข์ องโครงการ - เป้าหมายของโครงการ - การวางแผนเตรียมการ ประเมินปัจจัยนาเข้า - บุคลากร (Input Evaluation) - วัสดุ อุปกรณ์ เครอ่ื งมือ - งบประมาณ - แหล่งเรยี นร้/ู สถานท่ี - ความร่วมมือกับองคก์ รภายนอก ประเมินกระบวนการ - การวางแผน (Process Evaluation) - การนเิ ทศ กากับ ตดิ ตาม - ประเมินผล - รายงานผล ประเมนิ ผลผลิต - ผลการดาเนนิ งานโครงการ (Product Evaluation) - ความพงึ พอใจของผู้รบั บริการ แผนภมู ิที่ 1 กรอบแนวความคดิ ของการประเมินการจดั ตัง้ ศูนย์ซอ่ มสรา้ งเพ่ือชมุ ชน ( Fix it Center ) แบบถาวร ประจาจงั หวัด

4 กรอบรายละเอยี ดการประเมินโครงการศูนย์ซ่อมสรา้ งเพ่ือชุมชน ( Fix it Center ) แบบ ถาวร ประจาจังหวดั โดยใช้ รปู แบบการประเมนิ โครงการ CIPP Model ของ Daniel Stufflebeam ดังนี้ ประเด็นการ แหล่งข้อมลู /ผู้ วธิ กี าร/เครอื่ งมือ การวเิ คราะห์ เกณฑก์ าร ประเมิน ประเมิน ประเมิน ดา้ นบรบิ ท ผ้บู รหิ าร ครู แบบประเมินใช้ X ค่าเฉลย่ี 3.51 ด้านปจั จัยนาเข้า S.D. ข้นึ ไป ดา้ นกระบวนการ เจ้าหนา้ ที่ มาตราส่วน ด้านผลผลติ นกั เรียน นักศึกษา ประมาณคา่ ประชาชน 5 ระดบั ผรู้ บั บริการ 3. ขอบเขตของการประเมินโครงการ 3.1 รูปแบบการประเมิน การประเมินโครงการศูนยซ์ อ่ มสร้างเพื่อชมุ ชน ( Fix it Center ) แบบถาวรประจาจงั หวดั ผ้รู ายงานได้ใช้ รปู แบบการประเมินโครงการแบบ CIPP Model ของ Daniel Stufflebeam (1997 : 261 – 265) ซ่งึ เปน็ การรายงานการประเมินใน 4 ดา้ น คอื 3.1.1 ดา้ นบริบท 3.1.2 ด้านปจั จยั นาเข้า 3.1.3 ดา้ นกระบวนการ 3.1.4 ด้านผลผลติ 3.2 ประชากรและกลมุ่ ตวั อย่าง 3.2.1 ประชากรที่ใชใ้ นการรายงานผลการประเมนิ โครงการในเร่ืองน้ีไดแ้ ก่ ประชาชนใน พืน้ ที่จงั หวัดสตูล 3.2.2 กลมุ่ ตัวอยา่ งที่ใชใ้ นการรายงานผลการประเมนิ โครงการในเรือ่ งน้ี ไดแ้ ก่ 1) กล่มุ ตัวอยา่ งท่ีใชใ้ นการรายงานผลการประเมนิ โครงการดา้ นบรบิ ท ดา้ นปัจจัย นาเข้า และดา้ นกระบวนการ จานวน 50 คน 2) ด้านผลผลติ จานวน 745 คน แยกตามรายการบรกิ าร ดังน้ี (1) ผรู้ ับบริการด้านการบริการซ่อม ( Repair) จานวน 525 คน (2) ผู้รบั บริการด้านบริการสร้าง (Build) หลักสูตรการทาน้ายาถูพื้นแบบฆ่าเชื้อและ น้ายาล้างจาน จานวน 25 คน (3) ผู้รับบรกิ ารดา้ นบริการสร้าง (Build) หลกั สูตรชา่ งตัดผมชาย จานวน 35 คน (4) ผูร้ บั บริการด้านบริการสร้าง (Build) หลกั สตู รซ่อมรถจักรยานยนต์ จานวน 35 คน (5) ผู้รับบริการด้านบริการสร้าง (Build) หลักสูตรซ่อมเครื่องใช้ไฟฟ้าเบ้ืองต้น จานวน 35 คน (6) ผู้รับบริการด้านบรกิ ารพัฒนา (Top Up) พฒั นาเคร่ืองหน่ั ขนมไทย

5 จานวน 30 คน (7) ผู้รบั บรกิ ารด้านบรกิ ารพัฒนา (Top Up) พฒั นาเครื่องเหลากา้ นจาก จานวน 30 คน (8) ผู้รบั บริการดา้ นบรกิ ารพัฒนา (Top Up) การพัฒนาโรงเรือนตากปลาดว้ ย พลงั งานแสงอาทิตย์ จานวน 30 คน 3.3 ระยะเวลาในการประเมนิ โครงการ ระยะเวลาของการประเมินโครงการจัดต้ังศูนย์ซ่อมสร้างเพ่ือชุมชน ( Fix it Center ) แบบ ถาวรประจาจังหวัดในคร้งั นก้ี าหนดระยะเวลาในการประเมิน ปงี บประมาณ 2565 4. นิยามศัพทท์ ่ใี ช้ในการรายงานผลการประเมนิ โครงการ 4.1 โครงการศูนยซ์ ่อมสรา้ งเพื่อชุมชน (Fix it Center) แบบถาวร ประจาจงั หวัด หมายถงึ โครงการท่ีใหบ้ ริการประชาชนดา้ นบริการซ่อม ( Repair) คือ การบริการซ่อมเครื่องมอื เครอ่ื งจักรกล การเกษตร ยานพาหนะ เคร่ืองใชไ้ ฟฟ้า เคร่ืองใช้ในครัวเรือนและอน่ื ๆ ดา้ นบรกิ ารสรา้ ง (Build) คอื การอบรมความรู้อาชีพใหมห่ รือตอ่ ยอดอาชีพโดยมีการสารวจความตอ้ งการของชมุ ชน จดั ทาหลกั สตู ร อาชีพ หลักสตู รการเปน็ ผปู้ ระกอบการ และจดั อบรมโดยวทิ ยากรผูเ้ ช่ียวชาญ หรือครูร่วมกับนกั เรียน นกั ศกึ ษา ด้านการพัฒนา (Top Up) คอื การบริการพัฒนาผลติ ภัณฑ์ชุมชน โดยครู นานกั เรยี น นักศึกษา ไปศึกษาเรยี นรู้และนาเทคโนโลยี หรือสรา้ งนวตั กรรมรว่ มกับชมุ ชน เพ่ือเพิ่มมูลค่าและสง่ เสริมการรับรอง มาตรฐานคุณภาพ 4.2 การรายงานการประเมนิ โครงการศนู ย์ซ่อมสรา้ งเพื่อชมุ ชน (Fix it Center) แบบถาวร ประจาจังหวดั หมายถงึ การนาเสนอกระบวนการที่มกี ารรวบรวมข้อมูล และวิเคราะห์ขอ้ มูลของการดาเนิน โครงการอยา่ งเป็นระบบระบบโดยการนารูปแบบจาลองซิปโมเดล (CIPP Model) ตามแนวคดิ ของ Daniel Stufflebeam ซง่ึ เป็นการประเมิน 4 ดา้ น ไดแ้ ก่ 4.2.1 ด้านบรบิ ท (Context) ประกอบดว้ ย การวเิ คราะหป์ ัญหาและความตอ้ งการหลักการ และเหตผุ ลของโครงการ วัตถุประสงค์ของโครงการ เป้าหมายของโครงการ การวางแผนเตรียมการ โครงการศนู ย์ซ่อมสรา้ งเพื่อชุมชน (Fix it Center) แบบถาวร ประจาจงั หวดั 4.2.2 ด้านปจั จยั นาเข้า (Input) ประกอบดว้ ย บคุ ลากร วัสดุ อุปกรณ์ เคร่ืองมอื งบประมาณ แหลง่ เรยี นร/ู้ สถานที่ ความร่วมมือกบั องค์กรภายนอกในการดาเนินโครงการศูนย์ซอ่ มสรา้ ง เพือ่ ชุมชน (Fix it Center) แบบถาวร ประจาจงั หวัด 4.2.3 ด้านกระบวน (Process) ประกอบดว้ ยกจิ กรรมดา้ นบรกิ ารซอ่ ม ดา้ นบรกิ ารสรา้ ง ด้านบรกิ ารพัฒนา การนิเทศ กากบั ติดตามการดาเนินโครงการศูนยซ์ ่อมสร้างเพ่ือชุมชน (Fix it Center) แบบถาวร ประจาจังหวดั 4.2.4 ด้านผลผลิต (Product) ประกอบดว้ ยผลการดาเนนิ งานโครงการศูนยซ์ ่อมสร้างเพื่อ ชมุ ชน (Fix it Center) แบบถาวร ประจาจงั หวดั ความพงึ พอใจของผรู้ บั บริการต่อโครงการศนู ย์ซ่อม สรา้ งเพอื่ ชมุ ชน (Fix it Center) แบบถาวร ประจาจงั หวัด

6 5. ประโยชน์ทีค่ าดวา่ จะได้รบั 5.1 ผลการประเมนิ โครงการเป็นขอ้ มูลสาคญั ในการวางแผนพัฒนา โครงการศูนย์ซ่อมสรา้ งเพื่อชุมชน (Fix it Center) แบบถาวร ประจาจังหวดั อยา่ งต่อเน่ือง 5.2 ผลทีไ่ ดจ้ ากการประเมนิ โครงการเปน็ ความรใู้ หม่ที่สามารถไปใช้อา้ งองิ หรือคดิ ค้น พฒั นางานใหมไ่ ด้ 5.3 ผรู้ ับผดิ ชอบโครงการและผู้เกย่ี วข้องนาผลการประเมินโครงการไปใชพ้ ฒั นางาน และเผยแพรผ่ ลการพฒั นาให้แพรห่ ลาย

7 บทท่ี 2 เอกสารที่เก่ยี วขอ้ ง การรายงานผลการประเมินโครงการศูนย์ซ่อมสร้างเพื่อชุมชน (Fix it Center) แบบถาวร ประจาจงั หวดั ผู้รายงานไดด้ าเนนิ การศกึ ษาเอกสารท่เี ก่ียวข้อง ดงั นี้ 1. สภาพทว่ั ไปของวิทยาลยั เทคนคิ สตลู 2. เอกสารท่เี ก่ียวขอ้ งกบั การประเมินผลโครงการ แบบซปิ โมเดล (CIPP Model) 3. เอกสารทเ่ี กย่ี วข้องกับความพึงพอใจ 4. โครงการศนู ยซ์ ่อมสร้างเพ่ือชุมชน (Fix it Center) แบบถาวร ประจาจังหวดั 1. สภาพทั่วไปของวทิ ยาลัยเทคนิคสตลู 1.1 ประวตั ิของสถานศกึ ษา วิทยาลัยเทคนิคสตูล (วิทยาลัยเทคนิคสตูล 2553) เดิมชื่อว่า “โรงเรียนช่างไม้สตูล” ตั้งขึ้นตาม คาส่ังกระทรวงศกึ ษาธิการ ทาพิธีเปดิ โรงเรยี นเมื่อวนั ท่ี 5 พฤศจกิ ายน 2481 เวลา 10.30 น. โดยมี นายเลื่อน สุวรรณาคร ธรรมการ จังหวัดสตูล เป็นผู้ทาพิธีเปิด เปิดทาการสอนใน ระดับอาชีวศึกษา ช้ันตน้ มีครเู พียงคนเดยี ว คอื นายเจรญิ ศรสี มบัติ มนี กั เรยี น 8 คน ปีตอ่ ๆ มา มนี ักเรียนเพิม่ ขน้ึ เรื่อยๆ ปี พ.ศ. 2491 กรมอาชวี ศกึ ษา ได้ให้ทุนอุดหนุนค่าอาหารแก่นักเรียนจานวน 20 ทุน ทุนละ 60 บาทตอ่ เดอื น และได้จัดใหม้ ีการเรยี นแบบอบรมขึ้นอกี ประเภทหนึ่งในปีนห้ี ลักสูตร 3 ปี ปี พ.ศ. 2499 ได้รับอนุญาตให้เปิดทาการสอน ถึงช้ันอาชีวศึกษาตอนปลายแผนกช่างไม้ปลูก สรา้ ง ปี พ.ศ. 2503 เปล่ียนจากโรงเรียนช่างไม้สตูลเป็น “โรงเรียนการช่างสตูล” ทาการสอนตาม แผนการศึกษาแห่งชาติ พ.ศ. 2503 คือ งดรับนักเรียน ชั้นอาชีวศึกษาตอนต้นปีท่ี 1 (ผู้จบชั้นประถมปี ที่ 4) เปดิ รบั นกั เรียนทีจ่ บชน้ั ประโยคมัธยมศึกษาตอนตน้ ปี พ.ศ. 2509 กระทรวงศึกษาธิการได้ประกาศรวมโรงเรียนการช่างสตรีสตูล และโรงเรียนการ ชา่ งสตูลเขา้ ดว้ ยกัน ตามประกาศลงวันท่ี 20 ตุลาคม 2509 ใชช้ อ่ื วา่ “โรงเรียนการช่างสตูล” (โรงเรียน การชา่ งสตรีสตลู ตงั้ อยู่ที่ ถนนสถติ ยุตธิ รรม มีเน้ือที่ท้ังสิ้นประมาณ 5 ไร่ 3 งาน) ปัจจุบันได้เปลี่ยนอาคาร เรยี นเปน็ บา้ นพกั อาศัยครู-อาจารย์ วันที่ 1 พฤษภาคม 2520 กระทรวงศึกษาธิการ ได้เปล่ียนช่ือ “โรงเรียนการช่าง สตลู ” เป็น “โรงเรียนเทคนิคสตลู ” ปี พ.ศ. 2524 กระทรวงศึกษาธิการได้ยกฐานะ“โรงเรียนเทคนิคสตูล เป็น“วิทยาลัยเทคนิค สตลู ” 1.2 ขนาดและทตี่ ้ัง วิทยาลัยเทคนิคสตูล ตั้งอยู่เลขท่ี 217 ถนนศุลกานุกูล บ้านศาลากันตง ตาบลพิมาน อาเภอเมือง จังหวัดสตลู มีเนอ้ื ที่ประมาณ 44 ไร่ 3 งาน 74 ตารางวา 1.3 สภาพชมุ ชน เศรษฐกิจ สงั คม การเมอื ง วทิ ยาลัยเทคนคิ สตลู ตัง้ อยเู่ ลขท่ี 217 ถนนศุลกานกุ ลู อาเภอเมอื ง จังหวดั สตูล

8 บริเวณโดยรอบเป็นท่พี ักอาศัยและรา้ นค้า ประชากรส่วนใหญ่มีอาชีพค้าขายสินค้าแปรรูปจากการประมง และการเกษตร ผลไม้ สถานที่ตง้ั อยูบ่ ริเวณชานเมอื ง หา่ งจากศาลากลางจังหวดั ประมาณ 1 กิโลเมตร การคมนาคมสะดวก มหี นว่ ยงานของรัฐและเอกชน ท่าเรือ อยู่บริเวณใกล้เคียงกัน มีท้ังชาวจีน ชาว ไทยพุทธ และชาวไทยมุสลิม อยู่ร่วมกันโดยสงบ รายได้ประชากรเฉลี่ยต่อคนประมาณ 30,000 - 50,000 บาท/ปี 1.4 สภาพปจั จุบันของวิทยาลัยเทคนคิ สตลู 1.4.1 วิสยั ทศั นข์ องสถานศึกษา วทิ ยาลัยเทคนิคสตลู มุ่งมั่นพัฒนาการบริหารจัดการอาชีวศึกษาโดยประสานประโยชน์การ ใชท้ รพั ยากรร่วมภาครฐั เอกชน ชุมชน สถานประกอบการและองคก์ รส่วนท้องถ่ิน เพ่ือผลิตกาลังคนระดับ ก่งึ ฝมี อื ระดับฝีมอื เทคนคิ และระดับเทคโนโลยีสาขาต่าง ๆ ให้มีความรู้ความสามารถ ทักษะ คุณธรรม จรยิ ธรรม อย่างมคี ุณภาพ พัฒนาสถานศึกษาก้าวทันเทคโนโลยีสู่มาตรฐานอาชีวศึกษาสอดคล้องกับการ เปลี่ยนแปลงทางสังคม สงิ่ แวดลอ้ มและประเทศชาติ 1.4.2 ปรัชญาการจดั การศึกษาของสถานศกึ ษา ทักษะเดน่ เน้นคุณธรรม ลา้ เลศิ วิชาการ ประสานสังคม 1.4.3 ระบบโครงสร้างบริหาร วิทยาลัยฯได้กระจายอานาจการบริหารงานให้บุคลากรในวิทยาลัยได้ร่วมกันคิด ร่วม ตดั สนิ ใจ และปฏิบัตริ ่วมกัน เพื่อบรรลุเป้าหมายในการดาเนินงานและผลสัมฤทธ์ิของผู้เรียนวิทยาลัย ได้ ใช้ระเบียบการบรหิ ารสถานศกึ ษา พ.ศ.2552 โดยมีโครงสร้างการบริหารงาน โดย มีผู้อานวยการวิทยาลัย เป็นศนู ยก์ ลาง มรี องผ้อู านวยการทั้ง 4 ฝ่าย แต่ละฝ่ายมีผู้ใต้บังคับบัญชาตามสายงานการบริหารงานแต่ ละปีการศึกษาจะเร่ิมต้นด้วยการออกคาสั่งแต่งตั้งมอบหมายหน้าท่ีการงานให้แก่บุคลากรทุกคน ตาม ความรูค้ วามสามารถ คุณวฒุ ิและความถนัด กาหนดหนา้ ท่ีของงานแตล่ ะงานไว้อยา่ งชดั เจน 1.4.4 การประเมินตามมาตรฐานการศกึ ษา วิธีการดาเนินการเพ่ือให้บรรลุเป้าหมายตามมาตรฐานท่ีกาหนดการวางแผนงานของ สถานศกึ ษา ใชก้ ารจดั การบริหารแบบมสี ว่ นร่วมโดยผูบ้ ริหาร ครู เจา้ หนา้ ท่ี นกั ศึกษา และชุมชนมีส่วน ร่วมในการวางแผนพัฒนาสถานศึกษาท้ังนี้สถานศึกษาและชุมชนมีการกาหนดเป้าหมายการดาเนินงาน ภายใตแ้ ตล่ ะมาตรฐานว่าต้องการให้เกิดสัมฤทธิผลในด้านใดระดับใดมีการกาหนดเกณฑ์มาตรฐานสาหรับ ตัดสินระดับความสาเร็จมีการวางแผนออกแบบกิจกรรม โครงการเพื่อนาการปฏิบัติโดยผู้เกี่ยวข้องเป็นผู้ เสนอแผนการปฏิบัติการ ตลอดจนระบบการกากับติดตาม 2. เอกสารทเ่ี กย่ี วขอ้ งกับการประเมินผลโครงการ แบบซิปโมเดล (CIPP Model) ในการดาเนินงานตามโครงการหรือการบริหารโครงการไม่ว่าจะเป็นโครงการของรัฐ รัฐวิสาหกจิ หรือเอกชนก็ตาม จะตอ้ งมีการวางแผนโครงการโดยกาหนดเป็นวัตถุประสงค์และเป้าหมายไว้ เพ่ือคาดหวัง ผลลัพธ์ที่จะเกิดขึ้นภายหลัง เม่ือวางแผนโครงการและมีการวิเคราะห์ความเป็นไปได้ของ โครงการ ตลอดจนการออกแบบโครงการเป็นอย่างดีแล้วผู้ท่ีมีอานาจก็จะทาการคัดเลือกโครงการและ อนุมัติโครงการ ต่อไป ต่อจากนั้นก็จะมีองค์กรนาโครงการไปปฏิบัติ หรือท่ีเราเรียกว่า “การบริหาร โครงการ” (Project Management) บุคคลท่ัวไปมักจะคุ้นเคยกับคากล่าวท่ีว่า “ถ้าการวางแผนโครงการ ดีก็เท่ากับงานสาเร็จไปแล้วครึ่งหน่ึง” แต่ในความเป็นจริงแล้วการวางแผนโครงการที่ดีแค่จะช่วยเพิ่ม

9 โอกาสสาหรับ ความสาเร็จเท่านั้น แต่ก็มิใช่เป็นหลักประกันความสาเร็จของนโยบาย/แผนงาน/โครงการ สาธารณะทั้งหมด ทั้งนเี้ พราะความสาเร็จหรือความล้มเหลวของนโยบาย/แผนงาน โครงการต่างๆ จะต้อง ผ่านกระบวนการ ต่างๆ อีกมาก โดยเฉพาะกระบวนการบริหารโครงการและการประเมินผลโครงการ ถ้า จะกล่าวให้ เข้าใจง่ายๆ ก็คือการวางแผน (Planning) เป็นเร่ืองของ “การคิด” การดาเนินการหรือการ บริหาร (Implementation / Operation) เป็นเร่ืองของ “การทา” ส่วนการประเมินผล (Evaluation)ก็ คือ “การเทียบ” ระหว่างการคิดกับการกระทานั่นเองการประเมินผลจึงเป็นขั้นตอนสุดท้ายท่ีจะทาให้ ทราบว่า การปฏบิ ตั งิ าน ตามโครงการนน้ั บรรลวุ ตั ถุประสงค์หรือไม่ เพียงใด มีการเบ่ียงเบนไปจากส่ิงที่คิด ไว้หรือไม่ถ้าเบ่ียงเบนจะได้หาวิธีปรับปรุงแก้ไขความคาดหวังกับการปฏิบัติจริงนั้นเป็นไปในทิศทาง เดียวกันให้ได้ โดยเฉพาะใน ปัจจุบันการบริหารการพัฒนาประเทศมิได้ประเมินเฉพาะผลสาเร็จของ โครงการจากผลผลิต (Output) ท่ีได้ จากการดาเนินโครงการเท่าน้ัน แต่ความสาเร็จของโครงการจะต้อง พิจารณาทั้งผลผลิต (Output) ผลลัพธ์ (Outcome) และผลกระทบ (Impact) ด้วย ซ่ึงเราเรียกว่า “การ บริหารแบบมุ่งผลสัมฤทธ์ิ” (Result Base Management) ดังนั้นการที่จะทราบถึงผลสัมฤทธิ์ของ โครงการต่าง ๆ ไดน้ ้ัน จาเป็นจะต้องอาศยั กระบวนการ ตดิ ตามและประเมนิ ผลท่ีเป็นระบบ 2.1 ความหมายของการประเมินผลโครงการ “การประเมินผลโครงการ หมายถงึ กระบวนการที่มุ่งแสวงหาคาตอบว่านโยบาย/แผนงาน/ โครงการ บรรลุตามวัตถุประสงค์และเป้าหมายที่กาหนดไว้หรือไม่ เพียงใด โดยมีมาตรฐานและเคร่ืองมือ ในการวดั ท่ี แม่นตรงและเช่อื ถือได้” การประเมินผลจึงคล้ายกับการหาใครสักคนหนึ่งเอากระจกมาส่องให้ เราเห็น หน้าตาตัวเองว่า สวยงามดีแล้วหรือยัง มีข้อบกพร่องอะไรบ้าง จะได้ปรับปรุงแก้ไขตนเอง จุดมุ่งหมายของการประเมินผลโครงการ มักจะมีคาถามอยู่ตลอดเวลาว่า “ประเมินผลเพ่ืออะไร” หรือ “ประเมินผลไปทาไม” ปฏิบัติงาน ตามโครงการแล้วไม่มีการประเมินผลไม่ได้หรือ ตอบได้เลยว่าการ บริหารแนวใหม่หรือการบริหารในระบบ เปิด (Open System) นั้นถือว่าการประเมินผลเป็นข้ันตอนที่ สาคัญมากซงึ่ จดุ มุ่งหมายของการประเมินผลโครงการมดี ังนี้ 2.1.1 เพ่ือสนับสนุนหรือยกเลิก การประเมินผลจะเป็นเคร่ืองมือช่วยตัดสินใจว่าควรจะยกเลิก โครงการ หรือสนับสนุนให้มีการขยายผลต่อไป โดยเฉพาะการมีโครงการใหม่ๆ ยังมิได้จัดทาในรูปของ โครงการ ทดลอง (Experimental) ซ่ึงมีโอกาสจะผิดพลาดหรือล้มเหลวได้ง่ายความล้มเหลวของโครงการ จึงมิใช่ความล้มเหลวของผู้บริหารเสมอไป ดังน้ันถ้าเราประเมินผลแล้วโครงการนั้นสาเร็จตามท่ีกาหนด วัตถุประสงค์ และเป้าหมายไว้ก็ควรดาเนินการต่อไป แต่ถ้าประเมินผลแล้วโครงการนั้นมีปัญหา หรือมี ผลกระทบเชิงลบมากกวา่ เรากค็ วรยกเลกิ ไป 2.1.2 เพ่ือทราบถึงความก้าวหน้าของการปฏิบัติงานตามโครงการ ว่าเป็นไปตามท่ีกาหนด วัตถปุ ระสงค์ และเปา้ หมาย หรอื กฎเกณฑห์ รือมาตรฐานท่ีกาหนดไว้เพยี งใด 2.1.3. เพอ่ื ปรบั ปรงุ งานถ้าเรานาโครงการไปปฏิบัติแล้ว พบว่าบางโครงการไม่ได้เสียทั้งหมดแต่ ก็ไม่บรรลุวัตถุประสงค์ที่กาหนดไว้ทุกข้อเราควรนาโครงการน้ันมาปรับปรุงแก้ไขให้ดีขึ้น โดยพิจารณาว่า โครงการน้นั บกพร่องในเร่อื งใด เช่น ขาดความรว่ มมอื ของประชาชน ขัดตอ่ ค่านิยมของประชาชน ขาดการ ประชาสัมพันธ์หรือสมรรถนะขององค์การท่ีรับผิดชอบ เมื่อเราทราบผลของการประเมินผลเราก็จะได้ ปรบั ปรงุ แกไ้ ขให้ตรงประเด็น 2.1.4 เพื่อศึกษาทางเลือก(Alternative) โดยปกติในการนาโครงการไปปฏิบัติน้ัน ผู้บริหาร โครงการจะพยายามแสวงหาทางเลือกท่ีดีท่ีสุดจากทางเลือกอย่างน้อย 2 ทางเลือก ดังน้ันการประเมินผล

10 จะเป็นการ เปรียบเทียบทางเลือกก่อนท่ีจะตัดสินใจเลือกทางเลือกใดปฏิบัติท้ังนี้เพื่อลดความเสี่ยงให้ นอ้ ยลง 2.1.5 เพ่ือขยายผลในการนาโครงการไปปฏิบัติถ้าเราไม่มีการติดตามและประเมินผลอย่าง ต่อเน่ืองเราอาจจะไม่ทราบถึงความสาเร็จของโครงการ แต่ถ้าเราประเมินผลโครงการเป็นระยะสม่าเสมอ ผลปรากฏว่าโครงการนั้นบรรลผุ ลสาเร็จตามท่ีกาหนดวัตถุประสงค์เราก็ควรจะขยายผลโครงการน้ันต่อไป แต่การขยาย ผลน้ันมิได้หมายความว่าจะขยายไปได้ทุกพื้นท่ี การขยายผลต้องคานึงถึงมิติของประชากร เวลา สถานท่ี สถานการณ์ต่างๆ เช่น โครงการปลูกพืชเมืองหนาวจะประสบความสาเร็จดีในพ้ืนที่ ภาคเหนือ แต่ถ้าขยายผล ไปยังภูมิภาคอื่นอาจจะไม่ได้ผลดีเสมอไป เพราะต้องคานึงถึงลักษณะภูมิ ประเทศ ภูมิอากาศเชื้อชาติค่านิยม ฯลฯ ดังน้ันส่ิงที่ต้องคานึงถึงคือ สิ่งที่นาไปในพื้นท่ีหนึ่งอาจได้ผลดีแต่ นาไปขยายผลในพื้นท่ีหน่ึงอาจไม่ ได้ผล หรือ สิ่งท่ีเคยทาได้ผลดีในช่วงเวลาหนึ่งอาจจะไม่ได้ผลดีในอีก ชว่ งเวลาหน่ึง 2.2 รูปแบบการประเมินผลแบบ CIPP Model คาว่า “รูปแบบ” หรือแบบจาลอง ภาษาอังกฤษใช้คาว่า “Model” ซึ่งหมายถึง วิธีการท่ี บุคคลใด บุคคลหน่ึงได้ถ่ายทอดความคิด ความเข้าใจ ตลอดจนจินตนาการที่มีต่อปรากฏการณ์หรือ เร่ืองราวใด ๆ ให้ ปรากฏโดยใช้การสื่อสารในลักษณะต่าง ๆ เช่น ภาพวาด ภาพเหมือน แผนภูมิแผนผัง ฯลฯ เพ่ือให้เข้าใจได้ ง่าย และสามารถนาเสนอเรื่องราวได้อย่างมีระบบ ( เยาวดีรางชัยกุล วิบูลย์ศรี. 2542 : 27 ) ในการ ประเมินผลโครงการน้ันมีแนวคิดและโมเดลหลายอย่าง แต่ในที่นี้ใคร่ขอเสนอแนวคิด และโมเดลการ ประเมินแบบซปิ หรอื “CIPP Model”ของสตฟั เฟิลบมี (Stufflebeam) เพราะเป็นโมเดลที่ ได้รับการยอมรับ กันท่ัวไปในปัจจุบันแนวคิดของสตัฟเฟิลบีม เน้นการแบ่งแยกบทบาทของการทางาน ระหว่างฝ่ายประเมิน กับฝ่ายบริหารออกจากกันอย่างเด่นชัด กล่าวคือฝ่ายประเมินมีหน้าที่ระบุ จัดหา และนาเสนอสารสนเทศ ให้กับฝา่ ยบรหิ าร สว่ นฝ่ายบริหารมหี น้าท่ีเรียกหาข้อมูล และนาผลการประเมินท่ี ได้ไปใช้ประกอบการ ตัดสินใจเพื่อดาเนินกิจกรรมใดๆ ท่ีเก่ียวข้องแล้วแต่กรณีท้ังน้ีเพื่อป้องกันการมีอคติ ในการประเมิน 2.3 ประเดน็ การประเมนิ ตามรปู แบบ CIPP Model สตัฟเฟลิ บมี ไดก้ าหนดประเด็นการประเมนิ ออกเป็น 4 ประเภท ตามอักษรภาษาอังกฤษตัวแรก ของ “CIPP Model” ซึ่งมรี ายละเอยี ดดงั น้ี 2.3.1 การประเมินสภาวะแวดล้อม (Context Evaluation : C ) เป็นการประเมินก่อนการ ดาเนนิ การโครงการ เพอื่ พจิ ารณาหลักการและเหตุผล ความจาเป็นท่ีต้อง ดาเนินโครงการ ประเด็นปัญหา และความเหมาะสมของเป้าหมายโครงการเช่น โครงการอาหารเสริมแก่เด็ก วัยก่อนเรียน เราจะต้องวัด ส่วนสงู และชัง่ นา้ หนัก ตลอดจน ดหู ิด เหากลากเกลอ้ื น ของเดก็ ก่อน 2.3.2 การประเมินปัจจัยนาเข้า (Input Evaluation : I ) เป็นการประเมินเพ่ือพิจารณาถึง ความเป็นไปได้ของโครงการ ความเหมาะสม และความพอเพียง ของทรัพยากรที่จะใช้ในการดาเนิน โครงการ เชน่ งบประมาณ บคุ ลากร วัสดุอุปกรณ์เวลา ฯลฯ รวมทั้ง เทคโนโลยีและแผนการดาเนนิ งาน 2.3.3. การประเมินกระบวนการ (Process Evaluation : P ) เป็นการประเมินเพ่ือหา ข้อบกพร่องของการดาเนนิ โครงการ ทีจ่ ะใชเ้ ปน็ ข้อมูลในการพัฒนา แก้ไข ปรับปรุง ให้การดาเนินการช่วง ต่อไปมีประสิทธิภาพมากข้ึน และเป็นการตรวจสอบกิจกรรม เวลา ทรัพยากรท่ีใช้ในโครงการ ภาวะผู้นา การมีส่วนร่วมของประชาชนในโครงการโดยมีการบันทึกไว้เป็น หลักฐานทุกขั้นตอน การประเมิน กระบวนการน้ีจะเป็นประโยชน์อย่างมากต่อการค้นหาจุดเด่น หรือจุดแข็ง (Strengths) และจุดด้อย

11 (Weakness) ของนโยบาย/ แผนงาน/โครงการซ่ึงมักจะไม่สามารถศึกษาได้ภายหลัง จากสิ้นสุดโครงการ แล้ว 2.3.4 การประเมินผลผลิต (Product Evaluation : P ) เป็นการประเมินเพื่อเปรียบเทียบ ผลผลิตที่เกิดขึ้นกับวัตถุประสงค์ของโครงการ หรือมาตรฐานท่ี กาหนดไว้รวมท้ังการพิจารณาในประเด็น ของการยุบ เลิกขยาย หรือปรับเปลี่ยนโครงการแต่การประเมินผล แบบน้ีมิได้ให้ความสนใจต่อเรื่อง ผลกระทบ (Impact) และผลลัพธ์( Outcomes ) ของนโยบาย / แผนงาน / โครงการเท่าทค่ี วร นอกจากน้ีสตัฟเฟิลบีมได้นาเสนอประเภทของการตัดสินใจท่ีสอดคล้องกับประเด็นท่ีประเมิน ดงั น้ี 1) การตัดสินใจเพื่อการวางแผน (Planning Decisions) เป็นการตัดสินใจท่ีใช้ข้อมูลจากการ ประเมิน สภาพแวดล้อมท่ีได้นาไปใช้ในการกาหนดจุดประสงค์ของโครงการให้สอดคล้องกับแผนการ ดาเนินงาน 2) การตดั สินใจเพื่อกาหนดโครงสร้างของโครงการ (Structuring Decisions) เป็นการตัดสินใจ ท่ีใช้ ข้อมูลจากปัจจัยนาเข้าท่ีได้นาไปใช้ในการกาหนดโครงสร้างของแผนงาน และข้ันตอนของการ ดาเนนิ การ ของโครงการ 3) การตัดสินใจเพ่ือนาโครงการไปปฏิบัต(ิ Implementation Decisions) เป็นการตัดสินใจท่ีใช้ ข้อมูล จากการประเมินกระบวนการเพ่ือพิจารณาควบคุมการดาเนินการให้เป็นไปตามแผน และปรับปรุง แก้ไขการดาเนินการใหม้ ปี ระสทิ ธิภาพมากทส่ี ดุ 4) การตัดสินใจเพ่ือทบทวนโครงการ(Recycling Decisions) เช่น การตัดสินใจเพื่อใช้ข้อมูล จากการ ประเมินผลผลิต ( Output ) ท่ีเกิดข้ึน เพ่ือพิจารณาการยุติ/ ล้มเลิก หรือขยายโครงการท่ีจะ นาไปใช้ในโอกาส ต่อไป จากข้อมูลเก่ียวกับประเด็นการประเมินแบบ CIPP ท้ัง 4 ประการและประเภท ของการตัดสินใจ ดังกล่าวข้างต้น พอจะสรุปความสัมพันธ์ระหว่างประเภทของการประเมินกับการ ตัดสนิ ใจ ดงั แผนภูมทิ ี่ 2 แผนภมู ทิ ี่ 2 แสดงความสมั พันธข์ องการตดั สินใจและประเภทของการประเมินแบบ CIPP Mode

12 2.4 เกณฑ์และตวั ชว้ี ัดความสาเร็จ การประเมินผลโครงการน้ันต้องมีเกณฑ์และตัวชี้วัด (Indicator) ระดับความสาเร็จของ โครงการให้ทราบซ่ึงโดยท่ัวไปแล้วเกณฑ์ท่ีใช้ในการประเมินผลโครงการ ( วรเดช จันทรศรและไพโรจน์ ภัทรนรากุล. 2541 : 44 ) มดี งั น้ี 2.4.1 เกณฑ์ประสิทธิภาพ (Efficiency) มีตัวช้ีวัด เช่น สัดส่วนของผลผลิตต่อค่าใช้จ่าย ผลิตภาพตอ่ หน่วยเวล าผลติ ภาพต่อกาลังคน ระยะเวลาในการใหบ้ ริการ 2.4.2 เกณฑ์ประสิทธิผล (Effectiveness) มีตัวชี้วัดเช่น ระดับการบรรลุเป้าหมาย ระดับ การบรรลตุ าม เกณฑ์มาตรฐาน ระดบั การมสี ว่ นร่วม ระดับความเส่ียงของโครงการ 2.4.3 เกณฑค์ วามพอเพียง (Adequacy) มตี วั ช้ีวดั เชน่ ระดับความพอเพียงของทรัพยากร 2.4.4 เกณฑค์ วามพึงพอใจ(Satisfaction) มีตวั ชี้วดั เชน่ ระดบั ความพงึ พอใจ 2.4.5 เกณฑ์ความเปน็ ธรรม (Equity) มีตัวช้วี ดั คือ การให้โอกาสกับผู้ด้อยโอกาส ความเป็น ธรรม ระหว่างเพศระหวา่ งกลุ่มอาชีพ ฯลฯ 2.4.6 เกณฑค์ วามกา้ วหน้า (Progress) มตี วั ชว้ี ัด เชน่ ผลผลิตเปรยี บเทยี บกับเป้าหมายรวม กิจกรรมทที่ าแล้วเสรจ็ ทรพั ยากรและเวลาที่ใชไ้ ป 2.4.7 เกณฑ์ความยั่งยืน ( Sustainability ) ตัวช้ีวัด เช่น ความอยู่รอดของโครงการด้าน เศรษฐกจิ สมรรถนะด้านสถาบนั ความเป็นไปไดใ้ นดา้ นการขยายผลของโครงการ 2.4.8 เกณฑ์ความเสียหายของโครงการ ( Externalities ) มีตัวชี้วัด เช่น ผลกระทบด้าน สิ่งแวดล้อม ผลกระทบด้านเศรษฐกิจผลกระทบด้านสังคมและวัฒนธรรม เป็นต้น สาหรับตัวชี้วัด (Indicators) ความสาเรจ็ ของโครงการนัน้ หมายถงึ ข้อความที่แสดงหรือระบุ ประเด็นที่ต้องการจะวัดหรือ ประเมิน หรือตัวแปรที่ต้องการจะศึกษา โดยจะมีการระบุลักษณะท่ีค่อนข้าง เป็นรูปธรรม ท้ังส่วนท่ีมี ลกั ษณะเชงิ ปรมิ าณ และสว่ นทีแ่ สดงลกั ษณะเชิงคุณภาพ 2.5 หลกั การสร้างตัวช้ีวดั ทด่ี ี ในการสรา้ งตัวชว้ี ดั ท่ดี จี าเป็นจะตอ้ งมีหลักการทใ่ี ช้เปน็ เปา้ หมายในการดาเนินการดังนี้ 2.5.1 เลอื กใช้/ สรา้ งตวั ชีว้ ดั ทเี่ ป็นตัวแทนทส่ี าคญั เท่าน้ัน 2.5.2 คาอธิบาย หรือการกาหนดตวั ช้วี ัดควรเป็นวลที ีม่ ีความชดั เจน 2.5.3 ตัวช้ีวัดอาจจะกาหนดได้ท้ังเชิงปรมิ าณ และเชงิ คณุ ภาพก็ได้ 2.5.4 ควรนาจดุ ประสงคข์ องโครงการ หรือประเด็นการประเมินมากาหนดตัวชว้ี ดั 2.5.5 การเก็บรวบรวมข้อมูลเก่ียวกับตัวช้ีวัดควรรวบรวมข้อมูลท้ังจากแหล่งปฐมภูมิและ ทุติยภูมิ 2.6 ยกตวั อยา่ งการจาแนกประเภทของตัวชว้ี ัดตามลักษณะของสิ่งท่ไี ดร้ ับการประเมิน 2.6.1 ตัวชีว้ ัดดา้ นบริบท ( Context ) ตัวช้ีวดั สามารพิจารณาได้จากส่ิงตา่ งๆ ดังนี้ 1) สภาวะแวดล้อมของกอ่ นมีโครงการ (ปัญหาวิกฤต) 2) ความจาเปน็ หรือความตอ้ งการขณะน้ัน และอนาคต 3) ความเข้าใจร่วมกันของทุกฝ่ายทีเ่ ก่ียวขอ้ งกบั โครงการ 2.6.2 ตวั ชวี้ ดั ด้านปัจจัยนาเขา้ ( Input ) ตัวชว้ี ัดสามารถพิจารณาได้จากสิ่งตา่ งๆ ดงั นี้ 1) ความชัดเจนของวตั ถุประสงค์ของโครงการ

13 2) ความพรอ้ มของทรัพยากร เช่น งบประมาณ คน วัสดุอปุ กรณ์เวลากฎระเบียบ 3) ความเหมาะสมของข้นั ตอนระหว่างปัญหา สาเหตุของปญั หาและกิจกรรม 2.6.3 ตัวชีว้ ัดด้านกระบวนการ( Process ) ตวั ชว้ี ดั สามารถพจิ ารณาไดจ้ ากส่ิงต่างๆ ดงั น้ี 1) การตรวจสอบกจิ กรรม เวลาและทรพั ยากรของโครงการ 2) ความยอมรับของประชาชนและหนว่ ยงานท่ีเก่ียวข้องกบั โครงการในพน้ื ท่ี 3) การมสี ว่ นร่วมของประชาชน และหน่วยงานทเี่ ก่ียวขอ้ งกบั โครงการ 4) ภาวะผู้นาในโครงการ 2.6.4 ตวั ชี้วดั ด้านผลผลติ ( Product ) ตัวช้ีวัดสามารถพิจารณาไดจ้ ากสิ่งต่างๆ ดงั นี้ 1) อตั ราการมีงานทาของประชาชนทย่ี ากจน 2) รายได้ของประชาชนท่เี ข้าร่วมโครงการ 3) ความพึงพอใจของประชาชนท่ีเข้าร่วมโครงการ 2.6.5 ตวั ชีว้ ัดด้านผลลัพธ์( Outcomes ) ตวั ชว้ี ดั สามารถพิจารณาไดจ้ ากส่ิงตา่ งๆ ดังนี้ 1) คณุ ภาพชีวิตของตนเองและครอบครวั ตามเกณฑม์ าตรฐาน 2) การไมอ่ พยพยา้ ยถน่ิ 3) การมสี ่วนรว่ มในการพัฒนาชุมชน 2.6.6 ตวั ชวี้ ัดดา้ นผลกระทบ ( Impact ) ตัวช้วี ัดสามารถพจิ ารณาได้จากส่ิงต่างๆ ดังนี้ 1) ผลกระทบทางบวก/ เปน็ ผลทีค่ าดหวงั จากการมีโครงการ 2) ผลกระทบทางลบ / เปน็ ผลทไ่ี มค่ าดหวังจากโครงการ เกณฑ์ และตัวช้ีวัดดังกล่าวนี้ สามารถใช้เป็นเครื่องมือในการประเมินผลโครงการได้ดี ซึ่งจะ ครอบคลุม มิติด้านเศรษฐกิจ สังคม ด้านบริหารจัดการ ด้านทรัพยากร และด้านส่ิงแวดล้อม เป็นต้น นอกจากนั้นยังสามารถวัดถึงความสาเร็จ และความล้มเหลวของโครงการพัฒนาต่างๆ ของรัฐได้ซึ่งในทาง ปฏิบัตินักประเมินผล จะต้องนาเกณฑ์และตัวช้ีวัดดังกล่าวมาปรับใช้ให้เหมาะสมกับลักษณะ และบริบท ของโครงการด้วย และจากการศึกษาถึงแนวคิดการประเมินโครงการของ สตัฟเฟิลบีม สรุปได้ว่ารูปแบบ การประเมินโครงการแบบ CIPP Model เป็นรูปแบบการประเมินที่มีความต่อเนื่องกันในการดาเนินงาน อย่างครบวงจร มีการเก็บรวมรวมข้อมูลตามที่ได้กาหนดไว้ แล้วนาข้อมูลที่ได้น้ันจัดทาให้เป็นสารสนเทศ เพื่อนาโครงการไปปฏิบัติ เพื่อปรับปรุงโครงการอย่างทันท่วงทีโดยแบ่งเป็น 4 ด้าน คือ ด้านบริบท ด้าน ปัจจัยนาเขา้ ดา้ นกระบวนการ และดา้ นผลผลิต

14 3. เอกสารทเี่ กย่ี วข้องกับความพงึ พอใจ 3.1 ความหมายความพงึ พอใจ ความหมายความพึงพอใจ ได้มีนักวิชาการหลายท่านทั้งชาวต่างประเทศและชาวไทยได้ให้ ความหมายไว้ ดังน้ี วรูม (Vroom. 1964: 328) กล่าวว่า ทัศนคติและความพึงพอใจในสิ่งหน่ึงสามารถใช้แทน กันได้ เพราะท้ังสองคานี้ หมายถึง ผลท่ีจะได้จากการท่ีบุคคลเข้าไปมีส่วนร่วมในส่ิง ๆ นั้น ทัศนคติด้าน บวกจะแสดงให้เห็นสภาพความพึงพอใจในสิ่งน้ัน และทัศนคติด้านลบจะแสดงให้เห็นถึงสภาพความไม่พึง พอใจ โวล์แมน (จันทร์เพ็ญ ตูเทศานันท์. 2542: 47; อ้างอิงจาก Wolman. 1973: 304) ให้ ความหมายของความพึงพอใจว่า ความพึงพอใจ คือ ความรู้สึกมีความสุขเมื่อประสบผลสาเร็จตามความ คาดหวัง ความต้องการจากแรงจูงใจ กิติมา ปรีดิลก (2524: 321-322) กล่าวว่า ความพึงพอใจ หมายถึง ความรู้สึกชอบหรือ พอใจท่ีมีต่อองค์ประกอบ และส่ิงจูงใจในด้านต่าง ๆ ของงาน และเขาได้รับการตอบสนองความต้องการ ของเขาได้ ชวลิต เหล่ารุ่งกาญจน์ (2538: 9) ได้ให้ความหมายของความพึงพอใจไว้ว่า ความรู้สึก ทางบวก ความรู้สึกทางลบ และความสุขที่มีความสัมพันธ์กันอย่างสลับซับซ้อน โดยความพึงพอใจจะ เกดิ ข้ึนเมื่อความรสู้ กึ ทางบวกมากกวา่ ความรูส้ ึกทางลบ สุวัฒนา ใบเจริญ (2540: 26) ได้ให้ความหมายของความพึงพอใจว่า ความพึงพอใจ หมายถงึ สภาพความตอ้ งการต่าง ๆ ท่ีได้รับการตอบสนอง ศิริวรรณ เสรีรัตน์ (2541: 45) ความพึงพอใจ หมายถึง ความสามารถของผลิตภัณฑ์ที่จะ สามารถสร้างความพึงพอใจใหก้ บั ลกู คา้ เป้าหมาย จากคานิยามดังกล่าวข้างต้น สรุปได้ว่า ความพึงพอใจ หมายถึง ความรู้สึกท่ีเกิดจากความ สมดุลหรือความสอดคล้องระหว่างส่ิงที่คาดหวังและสิ่งท่ีได้รับจริง หรือจากการท่ีความต้องการได้รับการ ตอบสนองหรอื จากประสบการณท์ เี่ ขา้ ไปใชบ้ ริการและประสบการณน์ นั้ ตรงตามความคาดหวัง 3.2 แนวคดิ และทฤษฎีท่เี ก่ียวขอ้ งกับความพึงพอใจ นักวิชาการได้พัฒนาทฤษฎีท่ีอธิบายองค์ประกอบของความพึงพอใจ และอธิบาย ความสมั พันธ์ระหวา่ งความพึงพอใจกบั ปัจจัยอ่นื ๆ ไว้หลายทฤษฎี โครแ์ มน (Korman, A.K., 1977 อา้ งอิงในสมศกั ด์ิ คงเที่ยง และอญั ชลี โพธ์ิทอง, 2542: 161-162) ไดจ้ าแนกทฤษฎีความพึงพอใจในงานออกเป็น 2 กลุม่ คือ 3.2.1 ทฤษฎีการสนองความต้องการ กลุ่มนี้ถือว่าความพึงพอใจ ในงานเกิดจากความ ต้องการส่วนบุคคลท่ีมีความสัมพันธ์ต่อผลที่ได้รับจากงานกับการประสบความสาเร็จตามเป้าหมายส่วน บคุ คล 3.2.2 ทฤษฎีการอา้ งอิงกลุ่มความพึงพอใจในงานมีความสมั พนั ธใ์ นทางบวกกับคุณลักษณะ ของงานตามความปรารถนาของกลุม่ ซง่ึ สมาชิกให้กลุ่มเป็นแนวทางในการประเมนิ ผลการทางาน มัมฟอรด์ (Manford, E., 1972 อา้ งถึงใน สมศักด์ิ คงเทีย่ ง และอัญชลี โพธิ์ทอง, 2542:162) ได้จาแนกความคิดเกย่ี วกับความพึงพอใจงานจากผลการวิจยั ออกเปน็ 5 กล่มุ ดงั น้ี

15 1) กลมุ่ ความต้องการทางด้านจติ วิทยา กลมุ่ นีไ้ ด้แก่ Maslow, A.H. , Herzberg. F และ Likert R.โดยมองความพึงพอใจงานเกิดจากความต้องการของบุคคลท่ีต้องการความสาเร็จของงานและ ความต้องการการยอมรบั จากบคุ คลอ่ืน 2) กลุ่มภาวะผู้นามองความพึงพอใจงานจากรูปแบบและการปฏิบัติของผู้นาที่มีต่อ ผใู้ ตบ้ ังคบั บัญชา กลุม่ นี้ไดแ้ ก่ Blake R.R., Mouton J.S. และ Fiedler R.R. 3) กลุ่มความพยายามต่อรองรางวัล เป็นกลุ่มที่มองความพึงพอใจจากรายได้ เงินเดือน และผลตอบแทนอื่น ๆ กลุ่มนี้ ได้แก่ กลุ่มบริหารธุรกิจของมหาวิทยาลัยแมนเชสเตอร์ (Manchester Business School) 4) กลุ่มอุดมการณ์ทางการจัดการมองความพึงพอใจจากพฤติกรรมการบริหารงานของ องคก์ ร ไดแ้ ก่ Crogier M. และ Coulder G.M. 5) กลุ่มเนื้อหาของงานและการออกแบบงาน ความพึงพอใจงานเกิดจากเน้ือหาของตัว งาน กลุ่มแนวคิดน้มี าจากสถาบนั ทาวิสตอค (Tavistock Institute) มหาวทิ ยาลยั ลอนดอน อับราฮัม มาสโลว์ (Abraham Maslow) เป็นผู้วางรากฐานจิตวิทยามนุษย์นิยม เขาได้ พัฒนาทฤษฎแี รงจงู ใจ ซง่ึ มีอิทธพิ ลต่อระบบการศึกษาของอเมริกันเป็นอันมาก ทฤษฎีของเขามีพ้ืนฐานอยู่ บนความคิดที่ว่า การตอบสนองแรงขับเป็นหลักการเพียงอันเดียวที่มีความสาคัญท่ีสุดซึ่งอยู่เบ้ืองหลัง พฤติกรรมของมนุษย์ โดยเน้นในเรื่องลาดับข้ันความต้องการเขามีความเช่ือว่า มนุษย์มีแนวโน้มท่ีจะมี ความต้องการอันใหม่ท่ีสูงขึ้นแรงจูงใจของคนเรามาจากความต้องการพฤติกรรมของคนเรา มุ่งไปสู่การ ตอบสนอง ความพอใจ มาสโลว์ แบ่งความต้องการพ้ืนฐานของมนุษย์ออกเป็น 5 ลาดับด้วยกัน (http://web.rmut.ac.th/larts/phy/module7/unit7_7.html) ไดแ้ ก่ 1) ความต้องการด้านร่างกาย (Physiological needs) เป็นความต้องการปัจจัย 4 เช่น ต้องการอาหารให้อิ่มท้อง เคร่ืองนุ่งห่มเพื่อป้องกันความร้อน หนาวและอุจาดตา ยารักษาโรคภัยไข้เจ็บ รวมทั้งที่อยู่อาศัยเพ่ือป้องกันแดด ฝน ลม อากาศร้อน หนาว และสัตว์ร้าย ความต้องการเหล่าน้ีมีความ จาเปน็ ต่อการดารงชีวติ ของมนุษยท์ กุ คน จึงมีความต้องการพ้ืนฐานข้ันแรกท่ีมนุษย์ทุกคนต้องการบรรลุให้ ไดก้ ่อน 2) ความต้องการความปลอดภัย (Safety needs) หลังจากท่ีมนุษย์บรรลุความต้องการ ดา้ นร่างกาย ทาให้ชีวิตสามารถดารงอยูใ่ นขั้นแรกแล้ว จะมีความต้องการด้านความปลอดภัยของชีวิตและ ทรัพย์สินของตนเองเพ่ิมขึ้นต่อไป เช่น หลังจากมนุษย์มีอาหารรับประทานจนอิ่มท้องแล้วได้เร่ิมหันมา คานึงถึงความปลอดภัยของ อาหาร หรือสุขภาพ โดยหันมาให้ความสาคัญกันเร่ืองสารพิษที่ติดมากับ อาหาร ซึง่ สารพิษเหล่าน้ีอาจสรา้ งความไมป่ ลอดภัยใหก้ ับชีวติ ของเขา เปน็ ต้น 3) ความต้องการความรักและการเป็นเจ้าของ (Belonging and love needs) เป็น ความต้องการท่ีเกิดขึ้นหลังจากการที่มีชีวิตอยู่รอดแล้ว มีความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินแล้ว มนุษย์ จะเร่ิมมองหาความรักจากผู้อ่ืน ต้องการท่ีจะเป็นจ้าของสิ่งต่างๆ ที่ตนเองครอบครองอยู่ตลอดไป เช่น ต้องการใหพ้ ่อแม่ พ่นี อ้ ง คนรกั รกั เราและตอ้ งการให้เขาเหล่านน้ั รักเราคนเดียว ไม่ต้องการให้เขาเหล่าน้ัน ไปรักคนอื่น โดยการแสดงความเปน็ เจ้าของ เป็นต้น 4) ความต้องการการยอมรับนับถือจากผู้อ่ืน (Esteem needs) เป็นความต้องการอีกข้ัน หนงึ่ หลงั จากไดร้ บั ความตอ้ งการทางร่างกาย ความปลอดภยั ความรักและเป็นเจ้าของแล้ว จะต้องการการ ยอมรบั นับถอื จากผอู้ น่ื ตอ้ งการได้รับเกยี รติจากผอู้ ่ืน เชน่ ต้องการการเรยี กขานจาก

16 บคุ คลทัว่ ไปอย่างสุภาพ ให้ความเคารพนับถือตามควรไม่ต้องการการกดขี่ข่มเหงจากผู้อ่ืน เน่ืองจากทุกคน มีเกียรติและศักด์ศิ รขี องความเป็นมนุษย์เทา่ เทียมกัน 5) ความต้องการความเป็นตัวตนอันแท้จริงของตนเอง (Self - actualization needs) เป็นความต้องการข้ันสุดท้าย หลังจากท่ีผ่านความต้องการความเป็นส่วนตัว เป็นความต้องการท่ีแท้จริง ของตนเอง ลดความต้องการภายนอกลง หันมาต้องการสิ่งท่ีตนเองมีและเป็นอยู่ ซึ่งเป็นความต้องการขั้น สงู สดุ ของมนษุ ย์ แตค่ วามต้องการในข้ันน้ีมักเกิดขึ้นได้ยาก เพราะต้องผ่านควาต้องการในขั้นอื่นๆ มาก่อน และตอ้ งมคี วามเขา้ ใจในชวี ิตเปน็ อยา่ งย่ิง เม่ือวิเคราะห์โดยรอบด้านแล้วจะพบว่าระดับความต้องการทั้ง 5 ระดับของมนุษย์ตาม แนวคิดของมาสโลว์นั้น สามารถตอบคาถามเรื่องความมุ่งหมายของชีวิตได้ครบถ้วน ในระดับหนึ่ง เพราะ มนุษย์เราตามปกติจะมีระดับความต้องการหลายระดับ และเม่ือความต้องการระดับต้นได้รับการ สนองตอบก็จะเกิดความต้องการในระดับสูงเพิ่มข้ึนเรื่อยไปตามลาดับจนถึงระดับสูงสุด การตอบคาถาม เร่ืองเป้าหมายและคุณค่าของชีวิตมนุษย์ตามแนวของจิตวิทยาแขนงมนุษย์นิยมจึงทาได้เราได้เห็นคาตอบ ในอกี แง่มุมหนง่ึ นฤมล มีชัย (2535. หน้า 15) กล่าวว่า ความพึงพอใจเป็นความรู้สึกหรือเจตคติที่ดีต่อ การปฏิบัติงานตามภาระหน้าท่ี และความรับผิดชอบน้ัน ๆ ด้วยใจรัก มีความกระตือรือร้นใน การทางาน พยายามต้งั ใจทางานใหบ้ รรลเุ ป้าหมาย และมีประสิทธภิ าพสูงสุด มคี วามสุขกับงาน ท่ีทาและมีความพอใจ เมื่องานนัน้ ไดผ้ ลประโยชน์ตอบแทน สเต้าส์ และเชเลย์ (Srauss and Sayles, 1960. P. 119-121) กล่าวว่า ความรู้สึก พอใจในงานท่ีทาและเต็มใจที่จะปฏิบัติงานนั้นให้บรรลุวัตถุประสงค์ขององค์กร คนที่จะพอใจในงานท่ีทา เมอ่ื งานนน้ั ใหผ้ ลประโยชรต์ อบแทนดา้ นวตั ถุและจิตใจ ซ่ึงสามารถสนองความต้องการขั้นพื้นฐานของเขา ได้ โวแมน (Wolman, 1973. p. 95) ให้ความหมายของความพึงพอใจว่า ความพึงพอใจคือ ความรู้สึกมีความสขุ เม่อื ไดร้ บั ผลสาเร็จตามความมงุ่ หมาย ต้องการ หรอื แรงจงู ใจ 3.3 ความสาคัญของความพึงพอใจ ความสาคัญของความพงึ พอใจนกั วชิ าการหลายทา่ นกลา่ วถงึ ความสาคัญของความพึงพอใจ ไวด้ ังน้ี จติ ตินนั ท์ เดชะคุปต์ (2543: 21) ได้กลา่ วว่า ความสาคญั สามารถแบง่ ออกเปน็ 1) ความสาคัญต่อผู้ให้บริการท่ีองค์กรต้องคานึงถึงความพึงพอใจต่อการบริการต่อไปนี้ ความพึงพอใจของลูกค้า เป็นตัวกาหนดคุณลักษณะของการบริการ ผู้บริหารการบริการ และผู้ปฏิบัติงาน บริการ จาเป็นต้องสารวจความพึงพอใจของลูกค้า เกี่ยวกับการบริการ และลักษณะของการนาเสนอ บริการ ท่ีลูกค้าช่ืนชอบ เพราะข้อมูลดังกล่าวจะบ่งบอกถึงการประเมินความรู้สึกและความคิดเห็นของ ลูกค้าต่อคุณสมบัติของการบริการท่ีลูกค้าต้องการ และวิธีการตอบสนองความต้องการแต่ละอย่างใน ลักษณะที่ลูกคา้ ปรารถนาซ่งึ เป็นผลดีต่อผู้ให้บริการในอันท่ีตระหนักถึงความคาดหวังของผู้รับบริการ และ สามารถตอบสนองบริการที่ตรงกับลักษณะและรูปแบบท่ีผู้รับบริการคาดหวังไว้ได้จริงความ พึงพอใจของ ลกู ค้าเปน็ ตัวแปรสาคัญ ในการประเมินคุณภาพของการบริการท่ีดี จะต้องมีคุณภาพตรงกับความต้องการ ความคาดหวัง และมีแนวโน้มจะใช้บริการซ้าอีกต่อๆ ไป คุณภาพของการบริการท่ีจะทาให้ลูกค้าพึงพอใจ ขึ้นอยู่กับลักษณะการบริการท่ีปรากฏให้เห็น เช่น สถานที่ อุปกรณ์ เคร่ืองใช้ บุคลิกลักษณะของพนักงาน บริการ เป็นต้น ความน่าเช่ือถือไว้วางใจของการบริการ ความเต็มใจที่จะให้บริการ ตลอดจนความรู้

17 ความสามารถในการบริหารด้วยความเชื่อมั่นและความเข้าใจต่อผู้อื่น ความพึงพอใจของผู้ปฏิบัติงาน บริการ เป็นตัวชี้คุณภาพ และความสาเร็จของงานบริการที่ให้ความสาคัญกับความต้องการและความ คาดหวังของผู้ปฏิบัติงานบริการเป็นเรื่องจาเป็นไม้ยิ่งหย่อนไปกว่าการให้ความสาคัญกับลูกค้าการสร้าง ความพึงพอใจในงานให้กับผู้ปฏิบัติงานบริการย่อมทาให้พนักงานมีความรู้สึกที่ดีต่องานที่ได้รับมอบหมาย และตั้งใจปฏิบัติงานอย่างเต็มความสามารถ อันนามาซ่ึงคุณภาพของการบริการท่ีจะสร้างความพึงพอใจ ใหก้ ับลกู ค้า และส่งผลให้กิจการบรกิ ารประสบผลสาเรจ็ 2) ความสาคัญตอ่ ผู้รบั บรกิ าร แบง่ ออกเป็น 2 ประเด็น ดงั นี้ (1) ความพึงพอใจของลูกค้า เป็นตัวผลักดันคุณภาพชีวิตที่ดี เม่ือองค์กรตระหนักถึง ความสาคัญของความพึงพอใจของลูกค้าก็จะพยายามค้นหาปัจจัยที่กาหนดความพึงพอใจของลูกค้า สาหรับนาเสนอบริการทเี่ หมาะสม เพื่อการแข่งขันแย่งชิงส่วนแบ่งตลาดของธุรกิจบริการ ผู้รับบริการย่อม ได้รับการบริการท่ีมีคุณภาพและสามารถตอบสนองความต้องการที่ตนคาดหวังไว้ การดาเนินที่ต้องพ่ึงพา การบริการในหลาย ๆ สถานการณ์ เพราะการบริการในหลาย ๆ ด้าน ช่วยอานวยความสะดวก และแบ่ง เบาภาระการตอบสนองความตอ้ งการของบคุ คลด้วยตนเอง (2) ความพึงพอใจของการปฏิบัติงานบริการ ช่วยพัฒนาคุณภาพชีวิตของงานบริการ และอาชพี บรกิ ารงานเป็นสิ่งสาคัญต่อชวี ิตของคนเราเพื่อได้มาซงึ่ รายได้ในการดารงชีวิตและการแสดงออก ถงึ ความสามารถในการทางานให้สาเรจ็ ลุล่วงไปด้วยดเี ป็นที่ยอมรับว่าความพึงพอใจในงานมีผลต่อการเพ่ิม ประสิทธิภาพของงานในแต่ละองค์กรเม่ือองค์กรให้ความสาคัญกับการสร้างความพึงพอใจในงานให้กับ ผูป้ ฏิบัตงิ านบริการ ทงั้ ในด้านสภาพแวดล้อมในงาน คา่ ตอบแทน สวสั ดิการ และความก้าวหน้าในชีวิตการ งาน เพื่อเป็นการเพ่ิมคุณภาพมาตรฐานของงานบริการให้ก้าวหน้าย่ิงๆ ขึ้นไปในการตอบสนองความ ตอ้ งการของลกู ค้าและการสร้างสายสัมพันธ์ท่ีดีกบั ลูกค้าใหใ้ ช้บริการตอ่ ๆ ไป ดนัย เทียนพุฒ (2543: 26) ได้กล่าวไว้ว่า ความพึงพอใจของลูกค้า ช่วยส่งผลต่อกาไรกับ ธรุ กจิ ใน 4 หนทางดว้ ยกนั คอื 1) เพมิ่ โอกาสในการซ้อื ซา้ 2) สร้างการส่งเสรมิ การขายเชงิ บวกแบบปากต่อปาก 3) เพม่ิ การจา่ ยเพ่มิ ข้นึ ในขณะท่ีทาการซ้ือของลกู คา้ 4) มีผลต่อกระแสเงนิ สดหมนุ เวยี น สวอร์บรูค (Swarbrooke. 1999: 238) ได้กล่าวไว้ว่า การสร้างความพึงพอใจแก่ นกั ทอ่ งเทยี่ วมีความสาคญั 3 ประการ ดงั น้ี 1) ก่อให้เกิดนักท่องเที่ยวรายใหม่ ๆ จากการแนะนาปากต่อปากไปยังเพ่ือน ญาติของ นกั ท่องเท่ยี ว 2) สร้างความพึงพอใจกับนักท่องเที่ยวท่ีมาเท่ียวเป็นคร้ังแรก เพื่อให้หวนกลับมาเที่ยวอีก คร้งั อันเปน็ การนามาซง่ึ รายได้ทแี่ น่นอน โดยไม่จาเป็นตอ้ งเสียค่าใชจ้ ่ายทางการตลาดเพ่มิ 3) ความไม่พึงพอใจของนักท่องเที่ยวมีต้นทุนที่สูง เสียเวลามาก และยังส่งผลเสียต่อ ชอื่ เสียงขององคก์ รอกี ด้วย นอกจากนี้ยงั รวมถึงต้นทุนโดยตรงท่ีจะเกิดขึ้นในรูปของเงินชดเชยค่าใช้จ่ายใน การแกป้ ัญหาข้อบกพร่อง จากความสาคัญของความพึงพอใจข้างต้นจึงสรุปได้ว่า ความสาคัญของความพึงพอใจ สามารถแบ่งเป็น 2 ลกั ษณะคือ ความพงึ พอใจของผู้รับบรกิ ารต่อการบรกิ าร และความพึงพอใจในงานของ

18 ผู้ปฏิบัติงานบริการท่ีมีส่วนสัมพันธ์กัน ท่ีจะทาให้เกิดการพัฒนาคุณภาพการบริการ และการดาเนินงาน ของวิทยาลัยเทคนคิ สตลู ใหม้ ปี ระสิทธิภาพและประสบผลสาเร็จ 3.4 ขอบขา่ ยความพึงพอใจ โดยทั่วไปการศึกษาเกี่ยวกับความพึงพอใจ มักนิยมศึกษาในสองมิติ คือ ความพึงพอใจใน งาน (Job satisfaction) และความพึงพอใจในการบริการ (Service satisfaction) ซึ่งสามารถขยายความ ได้ดงั น้ี (มหาวทิ ยาลัยสโุ ขทยั ธรรมาธริ าช. 2539: 22) 3.4.1 การศึกษาความพึงพอใจในงาน (Job satisfaction) ซ่ึงเน้นการประเมินค่าโดย บุคคลกรผู้ปฏิบัติงานต่อสภาพแวดล้อมภายในของการทางาน ประกอบด้วย ปัจจัยต่าง ๆ ท่ีมีอิทธิพลทา ให้ความพึงพอใจในงานแตกต่างกันไป เช่น ลักษณะงานที่ทา ความก้าวหน้า การบังคับบัญชา เพ่ือน ร่วมงาน สวสั ดกิ ารและประโยชนเ์ กอ้ื กลู 3.4.2 การศกึ ษาความพึงพอใจในการบริการ (Service satisfaction) ซึ่งเน้นการประเมิน ลูกค้าหรือผู้ใช้บริการต่อการจัดบริการเร่ืองใดเร่ืองหน่ึงหรือชุดของบริการท่ีกาหนด ซ่ึงเป้าหมายของ การศึกษาทั้งสองด้านนี้ เพ่ือค้นหาข้อเท็จจริงในระดับความพึงพอใจและค้นหาเหตุปัจจัยแห่งความพึง พอใจ ในกลุม่ เป้าหมายทตี่ ่างกัน 3.5 ลักษณะของความพึงพอใจ ความพึงพอใจในการบริการมีความสาคัญต่อการดาเนินงานบริการให้เป็นไปอย่างมี ประสิทธิภาพ ซึง่ มลี ักษณะท่วั ไปดงั นี้ (มหาวทิ ยาลัยสโุ ขทยั ธรรมาธิราช. 2539: 23-37) 3.5.1 ความพึงพอใจเป็นการแสดงออกทางอารมณ์และความรู้สึกในทางบวกของ บุคคล ต่อสิ่งหน่ึงส่ิงใด บุคคลจาเป็นจะต้องปฏิสัมพันธ์ต่อสิ่งแวดล้อมรอบตัวการตอบสนองความต้องการส่วน บุคคลด้วยการตอบโต้กับบุคคลอื่นและส่ิงต่างๆในชีวิตประจาวันที่ให้แต่ละคนมีประสบการณ์ การรับรู้ เรียนรู้ สง่ิ ทจี่ ะไดต้ อบแทนแตกต่างกันไปในสถานการณ์การบริการ เช่นเดียวกับ บุคคลรับรู้หลายสิ่งหลาย อย่างเกี่ยวกับการบริการไม่ว่าจะเป็นประเภทของการบริการหรือคุณภาพของการบริการซ่ึงประสบการณ์ ที่ได้รับจากการสัมผัสบริการต่างๆหากเป็นไปตามความต้องการของผู้รับบริการโดยสามารถทาให้ผู้รับ ผรู้ บั บรกิ ารได้รบั สงิ่ ทคี่ าดหวังกย็ ่อมกอ่ ใหเ้ กิดความรูส้ กึ ดแี ละพึงพอใจ 3.5.2 ความพึงพอใจเกิดจากการประเมินความแตกต่างระหว่างส่ิงท่ีคาดหวังกับส่ิงที่ได้รับ จริง ในสถานการณ์บริการก่อนลูกค้าจะมาใช้บริการใดก็ตาม มักจะมีมาตรฐานของการบริการนั้นไว้ในใจ ก่อนอยู่แลว้ ซง่ึ มแี หลง่ อา้ งอิงจากคุณค่าหรือเจตคติที่ยึดถือต่อบริการ ประสบการณ์ด้ังเดิมท่ีเคยใช้บริการ การบอกเล่าของผู้อ่ืน การรับทราบข้อมูล การรับประกันการบริการจากโฆษณา การให้คามั่นสัญญาของ ผู้ใช้บริการเหล่านี้เป็นปัจจัยพ้ืนฐานท่ีผู้รับบริการใช้เปรียบเทียบกับบริการท่ีได้รับในวงจรของการ ให้บริการตลอดช่วงเวลาของความจริง ส่ิงท่ีผู้บริการได้รับรู้เกี่ยวกับการบริการก่อนท่ีได้รับบริการ หรือ คาดหวังในส่ิงที่คิดควรจะได้รับ (Expectations) น้ีมีอิทธิพลต่อช่วงเวลาของการเผชิญความจริงหรือการ พบปะระหวา่ งผ้ใู ห้บรกิ ารและผ้รู บั บรกิ ารเป็นอย่างมาก เพราะผู้รับบริการจะประเมินเปรียบเทียบกับสิ่งท่ี ได้รับจริงในกระบวนการบริการที่เกิดขึ้น (Performance) กับสิ่งที่คาดหวังเอาไว้ หากส่ิงที่ได้รับเป็นตาม ความคาดหวังถือว่าเป็นการยืนยันที่ถูกต้อง (Confirmation) กับความคาดหวังที่มีผู้บริการย่อมเกิดความ พึงพอใจต่อการบริการดังกล่าว แต่ถ้าไม่เป็นไปตามท่ีคาดหวังอาจะสูงหรือต่ากว่านับเป็นการยืนยันที่ คลาดเคล่ือน(Disconfirmation) กับความคาดหวังดังกล่าว ท้ังนี้ช่วงความแตกต่าง (Discrepancy) ที่ เกิดข้ึนจะชี้ให้เห็นระดับความพึงพอใจ ถ้าการยืนยันเบ่ียงเบนไปในทางบวกแสดงถึงความพึงพอใจ ถ้าไป ในทางลบแสดงถงึ ความไม่พงึ พอใจ

19 3.6 ปัจจัยท่ีมีผลต่อความพงึ พอใจของผ้รู บั บริการ ความพงึ พอใจของผูร้ ับบริการเป็นการแสดงออกถึงความรู้สึกทางบวกของผู้รับบริการต่อ การใหบ้ รกิ ารซึ่งปจั จยั ที่มผี ลต่อความพึงพอใจของผ้รู บั บริการทส่ี าคญั ๆดงั นี้ (มหาวทิ ยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช. 2539: 38-40) 3.6.1 สถานที่บริการ การเข้าถึงการบริการได้สะดวกเม่ือลูกค้ามีความต้องการ ย่อม ก่อให้เกิดความพึงพอใจตอ่ การบรกิ าร ทาเลทต่ี ้งั และการกระจายสถานที่ให้บริการท่ัวถึง เพ่ืออานวยความ สะดวกแกล่ กู คา้ จึงเป็นเรื่องสาคัญ 3.6.2 การสง่ เสริมและการแนะนาการบริการ ความพึงพอใจของผู้รับบริการเกิดขึ้นได้จาก การได้ยินข้อมูลข่าวสารหรือบุคคลอ่ืนกล่าวขานถึงคุณภาพของการบริการไปในทางบวกซึ่งหากตรงกับ ความเช่ือถือที่มีก็มักจะมีความรู้สึกดีกับการบริการดังกล่าวอันเป็นแรงจูงใจผลักดันให้มีความต้องการ ตามมาได้ 3.6.3 ผ้ใู ห้บริการ ผู้ประกอบการบริหารการบรกิ าร และผปู้ ฏิบัติการส่วนใหญ่ เป็นบุคคลที่ มีบทบาทสาคัญต่อการปฏิบัติงานบริการให้ผู้ได้รับบริการเกิดความความพึงพอใจทั้งสิ้น ผู้บริหารการ บริการที่วางนโยบายการบริการ โดยคานึงถึงความสาคัญของลูกค้าเป็นหลัก ย่อมสามารถตอบ สนอง ความต้องการของลกู ค้าใหเ้ กดิ ความพึงพอใจง่าย เชน่ เดียวกับผู้ปฏิบัติงาน หรือพนักงานบริการที่ตระหนัก ถึงลูกค้าเป็นสาคัญ แสดงพฤติกรรมการบริการและตอบสนองบริการที่ลูกค้าต้องการความสนใจเอาใจใส่ อย่างเต็มทดี่ ้วยจิตสานึกของการบริการ 3.6.4 สภาพแวดล้อมของการบริการ สภาพแวดล้อมและบรรยากาศของการบริการมี อิทธิพลต่อความพึงพอใจของลูกค้า ลูกค้ามักช่ืนชมสภาพแวดล้อมของการบริการเก่ียวกับการออก แบบ อาคารสถานท่ี ความสวยงามของการตกแตง่ ภายในดว้ ยเฟอร์นิเจอร์ และการให้สีสันการจัด แบ่งพื้นที่เป็น สัดส่วน ตลอดจนการออกแบบวัสดุเคร่ืองใช้งานบริการ เช่น ถุงหิ้วใส่ของ กระดาษ จดหมาย ซอง ฉลาก สินคา้ เป็นต้น 3.6.5 กระบวนการให้บริการ มีวิธีการนาเสนอบริการ ในกระบวนการเป็นส่วนสาคัญใน การสร้างความพึงพอใจใหก้ บั ลกู ค้าประสทิ ธภิ าพการจัดระบบการบริการส่งผลให้การปฏิบัติงานบริการแก่ ลูกค้ามีความคล่องตัว และสนองต่อความต้องการของลูกค้าได้อย่างถูกต้องมีคุณภาพ เช่น การนา เทคโนโลยคี อมพิวเตอร์เข้ามาจัดระบบข้อมลู ของการสารองห้องพัก โรงแรม หรอื สายการบิน การใชเ้ ครอื่ งฝากถอนเงินอัตโนมัติ ในการรับ –โอนสายในการตดิ ตอ่ ขององคก์ ร ต่าง ๆ เปน็ ตน้ จากที่กล่าวข้างต้น พอจะสรุปได้ว่า ความพึงพอใจเปลี่ยนแปลงได้ตลอดเวลาตามปัจจัย แวดล้อมและสถานการณ์ที่เกิดขึ้น ความพึงพอใจเป็นความรู้สึกของสิ่งใดส่ิงหนึ่งท่ีแปรผันได้ตามปัจจัยที่ เข้ามาเกี่ยวข้องกับความคาดหวังของบุคคลในแต่ละสถานการณ์ ช่วงเวลาหน่ึงบุคคลหน่ึงอาจไม่พอใจต่อ สิ่งหนึ่ง เพราะไม่เป็นไปตามท่ีคาดหวังไว้ แต่ในช่วงหน่ึงหากสิ่งที่คาดหวังไว้ได้รับการตอบสนองที่ถูกต้อง บคุ คลกส็ ามารถเปลย่ี นแปลงความรสู้ ึกเดมิ ต่อสงิ่ น้ันไดอ้ ย่างทันที ทันใด แมว้ า่ จะเปน็ ความรู้สึกตรงกันข้าม ก็ตาม นอกจากน้ีความพึงพอใจเป็นความรู้สึกท่ีสามารถแสดงออกในระดับมากน้อยนั้นขึ้นอยู่กับความ แตกต่างของการประเมินส่ิงท่ีได้รับจริงกับส่ิงที่คาดหวังไว้ ส่วนใหญ่ลูกค้าจะใช้เวลาเป็นมาตรฐานในการ เปรียบเทียบความหวงั จากบริการตา่ ง ๆ

20 4. โครงการศนู ยซ์ อ่ มสร้างเพ่อื ชมุ ชน (Fix it Center) แบบถาวร ประจาจังหวดั โครงการขยายโอกาสทางการศึกษาวิชาชีพและพัฒนาทักษะวิชาชีพเพื่อเตรียมความพร้อม เข้าสตู่ ลาดแรงงาน กจิ กรรมศูนยซ์ ่อมสรา้ งเพื่อชมุ ชน (Fix it Center) แบบถาวรประจาจังหวดั ผรู้ บั ผิดชอบ นายวเิ ชียร บญุ เตยี่ ว ผอู้ านวยการวทิ ยาลยั เทคนคิ สตลู นางละอองแก้ว หมนื่ จร รองผูอ้ านวยการฝ่ายพฒั นากจิ การนกั เรียน นกั ศกึ ษา นายสุธา บวั ดา หัวหนา้ งานโครงการพเิ ศษและบริการชุมชน คณะกรรมการตามคาส่งั วิทยาลัยเทคนิคสตลู ระยะเวลาดาเนนิ การ ปงี บประมาณ 2565 หลกั การและเหตผุ ล ตามนโยบายเร่งด่วนของรัฐบาลในการดาเนินโครงการขยายโอกาสทางการศึกษาวิชาชีพและ พัฒนาทักษะวิชาชีพเพื่อเตรียมความพร้อมเข้าสู่ตลาดแรงงาน กิจกรรมศูนย์ซ่อมสร้างเพื่อชุมชน (Fix it Center)โดยมอบหมายให้สถานศึกษาสังกัดสานักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา ให้คาแนะนา ถ่ายทอดความรู้ประชาชนให้รู้วิธีการใช้ การดูแลรักษา และพัฒนาทักษะช่างชุมชนให้สามารถซ่อมบารุง เคร่ืองมืออุปกรณ์การประกอบอาชีพ และเครื่องมือเคร่ืองใช้ในครัวเรือน ตลอดจนสร้างความร่วมมือ ระหว่างสถานศึกษาและชุมชนในการสร้างเครือข่าย ถ่ายทอดความรู้ พัฒนาสุขภาพอนามัยพื้นฐานและ พัฒนาผลิตภัณฑ์ชุมชน เพื่อสร้างมูลค่าเพิ่มและสร้างเสริมมาตรฐานผลิตภัณฑ์ชุมชน รวมท้ังการส่งเสริม การพัฒนาระบบรับรองตรวจสอบคุณภาพในข้ันต้นของสินค้าชุมชน อันจะเป็นการยกระดับพัฒนา คุณภาพชีวิตประชาชนในชุมชนโดยมีสานักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษาเป็นหน่วยงานหลัก รับผิดชอบ วิทยาลัยเทคนิคสตูล สังกัดสานักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา ได้เล็งเห็นความสาคัญใน การพัฒนาชุมชน สังคมและประเทศชาติ ซ่ึงปัจจุบันวิทยาลัยเทคนิคสตูลมีบุคลากรทางการศึกษา ครู นักเรียน นักศึกษา ที่มีความรู้ความสามารถในด้านอุตสาหกรรม บริหารธุรกิจ คหกรรม ซ่ึงสามารถนา ความรู้เหล่านี้มาบูรณาการการเรียนการสอนเพ่ือพัฒนาชุมชนให้เข้มแข็ง จึงจัดทาโครงการขยายโอกาส ทางการศึกษาวชิ าชพี และพัฒนาทกั ษะวิชาชีพเพ่อื เตรียมความพรอ้ มเขา้ สู่ตลาดแรงงาน กิจกรรมศูนย์ซ่อม สร้างเพ่ือชุมชน (Fix it Center) ในการพัฒนารูปแบบการดาเนินงานศูนย์ซ่อมสร้างเพื่อชุมชนแบบถาวร ประจาจงั หวดั ณ วิทยาลยั เทคนคิ สตลู วัตถปุ ระสงค์ ผลตอ่ ประชาชน 1. เพ่ือให้คาแนะนาถ่ายทอดความรู้ ประชาชนให้รู้วิธีการใช้ ดูแลรักษาและพัฒนาทักษะช่าง ชมุ ชนให้สามารถซ่อมบารุงเคร่ืองมือ อุปกรณ์การประกอบอาชีพ และเครื่องมือเคร่ืองใช้ในครัวเรือน เพ่ือ ลดรายจ่าย โดยการยืดอายกุ ารใช้งานของเครือ่ งมอื อุปกรณก์ ารประกอบอาชพี และเคร่ืองใชใ้ นครัวเรอื น

21 2. เพื่อยกระดับฝีมือช่างชุมชนและพัฒนาทักษะอาชีพการซ่อมบารุงและเสริมสร้าง ประสบการณ์ด้านการบริหารจัดการแก่ช่างชุมชน ส่งเสริมการรวมกลุ่มช่างชุมชน ในการแลกเปล่ียน เรยี นรู้ และพัฒนาศนู ย์ซอ่ มสร้างเพอื่ ชุมชนใหเ้ กิดความย่งั ยืน 3. เพื่อสร้างเครือข่ายความร่วมมือระหว่างสถานศกึ ษากับชมุ ชนในการถ่ายทอดความรู้ พัฒนา สุขภาพอนามัยพ้ืนฐาน พัฒนานวัตกรรมต่อยอดเทคโนโลยีผลิตภัณฑ์ชุมชน เพิ่มประสิทธิภาพ กระบวนการผลิตของผลิตภัณฑ์ชุมชน พัฒนาผลิตภัณฑ์ชุมชน สร้างมูลค่าเพ่ิม สร้างมาตรฐาน ผลิตภัณฑ์ชมุ ชน และสนบั สนุนการตรวจสอบคุณภาพและการรับรองคณุ ภาพสินค้าเบ้ืองต้น 4. ลดรายจ่ายของประชาชนโดยการยืดอายุการใช้งานเครื่องมือเคร่ืองจักรท่ีใช้ในการประกอบ อาชีพ และเครอื่ งมืออปุ กรณด์ ารงชวี ิตประจาวันของครวั เรอื น 5. ลดการกู้ยืมเงินนอกระบบของครัวเรือนท่ีนามาใช้ในการดูแลรักษา และซ่อมแซมเคร่ืองมือ อปุ กรณ์ในการประกอบอาชพี ผลตอ่ นักเรียน นกั ศกึ ษา 1. เพิ่มประสบการณ์และความเช่ือม่ันให้กับนักเรียน นักศึกษาอาชีวศึกษาในการบริการ ประชาชน 2. สร้างแหลง่ ปฏิบตั ิงานจรงิ รวมท้งั การพฒั นาทักษะแก่นักเรียน นักศึกษาให้มีความสามารถ มี ประสบการณ์ มีสมรรถนะและความพรอ้ ม สร้างช่องทางในการประกอบอาชีพ และเพ่ิมขีดความสามารถ ในการแข่งขนั ของประเทศ ผลตอ่ เศรษฐกจิ ในภาพรวม 1. ประชาชนได้รับความรู้เร่ืองการบารุงรักษา การซ่อมบารุงเบื้องต้น และการยืดอายุการใช้ งานเครอ่ื งมือเคร่ืองจักรทใ่ี ชใ้ นการประกอบอาชีพ และเครอ่ื งมืออปุ กรณด์ ารงชีวิตประจาวันของครวั เรอื น 2. ชุมชนได้รับการสนับสนุนด้านการพัฒนากระบวนการผลิต พัฒนาผลิตภัณฑ์ และ มาตรฐานคณุ ภาพสินคา้ ตลอดจนได้รับการพฒั นาสุขอนามยั ทดี่ ีขนึ้ 3. ช่างชุมชนได้รับการพัฒนาและยกระดับโดยการเพิ่มทักษะจากการฝึกปฏิบัติจริงกับทีมช่าง ซ่อมประจาศูนย์ซ่อมสร้างเพ่ือชุมชน ในการให้บริการซ่อมแซม บารุงรักษา เคร่ืองมือเคร่ืองจักร ที่ใช้ใน การประกอบอาชีพ และเครอื่ งใชใ้ นครวั เรอื นของชุมชนอย่างยงั่ ยนื เปา้ หมาย เชิงปริมาณ 1. ศนู ยซ์ อ่ มสรา้ งเพื่อชมุ ชนถาวร ประจาจังหวัด 1 ศนู ย์ 2. ประชาชนรบั บริการ 500 คน/ปี 3. นกั เรียน นักศึกษาไดบ้ ริการประชาชน 200 คน/ปี เชิงคณุ ภาพ 1. ประสิทธภิ าพของเคร่อื งมือเครอ่ื งจักรท่ใี ชใ้ นการประกอบอาชีพ เครอ่ื งมืออุปกรณ์ดารงชีวิต ประจาวันของครัวเรือน ซึ่งสนับสนุนและอานวยความสะดวกในการประกอบอาชีพและดารงชีวิตของ ประชาชน คนยากจน บรรเทาปญั หาความเดือดรอ้ นของประชาชนจากการลดรายจา่ ย 2. ประชาชนมีความรู้ในการใช้ การดูแล รักษาเคร่ืองมือเคร่ืองจักรท่ีใช้ในการประกอบอาชีพ เครอื่ งมืออปุ กรณด์ ารงชีวติ ประจาวันของครัวเรือน

22 3. ช่างชุมชนที่ได้ยกระดับมีทักษะในการประกอบอาชีพ และขีดความสามารถในการบริหาร จัดการ สามารถประกอบอาชพี อิสระ สามารถสร้างงาน สร้างรายได้ 4. การรวมกล่มุ ชา่ งชมุ ชน ในการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ และพัฒนาศูนย์ซ่อมสร้างท่ยี ั่งยนื 5. ประชาชนมีสุขอนามัยที่ดี ลดความเส่ียงต่อการเกิดโรคและลดภาระค่าใช้จ่ายในการ รกั ษาพยาบาล และมีความพรอ้ มในการสร้างงานสร้างรายได้ 6. ประสิทธิภาพกระบวนการผลิตของผลิตภัณฑ์ชุมชน พัฒนาผลิตภัณฑ์ชุมชน สร้าง มูลค่าเพ่ิม เสริมสร้างมาตรฐานผลิตภัณฑ์ชุมชน และสนับสนุนการตรวจสอบคุณภาพและการรับรอง คณุ ภาพสินคา้ เบื้องตน้ 7. นักศึกษามีทักษะประสบการณ์ และความเชื่อม่ันในการออกไปประกอบอาชีพและ ปฏิบตั งิ านในชมุ ชน 8. สถานศึกษามีแหล่งฝึกปฏิบัติงานจริงในการพัฒนาทักษะแก่นักศึกษาให้มีความสามารถ ประสบการณ์ สมรรถนะ ความพร้อม และมีช่องทางในการประกอบอาชีพอิสระ เพ่ิมขีดความสามารถใน การแขง่ ขนั ของประเทศ วธิ ีดาเนนิ การ 1. ประสานงานร่วมกับสานักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษาและหน่วยงานท่ีเก่ียวข้องใน จังหวัดสตลู 2. เสนอโครงการตอ่ วิทยาลัย 3. ดาเนินงานตามโครงการ 4. รายงานผลต่อวทิ ยาลัยฯ และ สานกั งานคณะกรรมการการอาชวี ศกึ ษา สถานทด่ี าเนนิ การ วิทยาลัยเทคนคิ สตูลและพ้นื ที่ตามความต้องการของประชาชน คา่ ใชจ้ ่าย จานวนเงิน 200,000 บาท - คา่ บรหิ ารจัดการศนู ย์ 40,000 บาท - ค่าวัสดุ เครอื่ งมือ 80,000 บาท - พัฒนานวฒั กรรม/ฝึกอบรมอาชีพ 30,000 บาท - คา่ ตอบแทน 30,000 บาท - ชว่ ยเหลอื ผู้ประสบภยั 20,000 บาท ถวั เฉลย่ี ทุกรายการ ปัญหาอุปสรรค - การประเมนิ และตดิ ตามผล 1. รายงานการดาเนนิ งานเป็นระยะๆ 2. สรปุ ผลการดาเนินงานเสนอตอ่ วทิ ยาลยั ฯ 3. สรปุ รายงานผลการดาเนนิ งานเสนอต่อสานักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา

23 บทท่ี 3 การดาเนินการ การรายงานผลการประเมนิ โครงการศูนย์ซ่อมสรา้ งเพื่อชุมชน (Fix it Center) แบบถาวร ประจา จังหวัด ผู้รายงานได้ดาเนินการรายงานโดยมีการดาเนนิ การตามขนั้ ตอนสาคญั ดังน้ี 1. ประชากรและกลุ่มตัวอยา่ ง 2. เครือ่ งมือทใ่ี ช้ในการรายงานผลการประเมินโครงการ 3. การสรา้ งเครื่องมือท่ใี ชใ้ นการรายงานผลการประเมินโครงการ 4. การเก็บรวบรวมข้อมลู 5. การวเิ คราะหข์ ้อมูล 6. สถติ ทิ ่ใี ชใ้ นการวเิ คราะหข์ ้อมูล 1. ประชากรและกลมุ่ ตัวอย่าง 1.1 ประชากรทีใ่ ช้ในการรายงานผลการประเมนิ โครงการในเรอ่ื งนี้ได้แก่ ประชาชนในพื้นที่ จังหวดั สตูล 2.1 กล่มุ ตัวอย่างที่ใชใ้ นการรายงานผลการประเมินโครงการในเร่อื งนี้ ได้แก่ 1) กล่มุ ตวั อยา่ งท่ีใชใ้ นการรายงานผลการประเมินโครงการด้านบริบท ด้านปัจจัยนาเข้า และดา้ นกระบวนการ จานวน 50 คน 2) ด้านผลผลติ จานวน 745 คน แยกตามรายการบรกิ าร ดงั นี้ (1) ผรู้ บั บริการดา้ นการบริการซ่อม ( Repair) จานวน 525 คน (2) ผรู้ ับบริการดา้ นบรกิ ารสรา้ ง (Build) หลักสูตรการทาน้ายาถพู นื้ แบบฆา่ เชื้อและ นา้ ยาล้างจาน จานวน 25 คน (3) ผรู้ บั บริการด้านบริการสรา้ ง (Build) หลักสูตรชา่ งตัดผมชาย จานวน 35 คน (4) ผรู้ ับบรกิ ารด้านบริการสร้าง (Build) หลักสูตรซ่อมรถจกั รยานยนต์ จานวน 35 คน (5) ผรู้ บั บริการดา้ นบรกิ ารสร้าง (Build) หลกั สูตรซ่อมเครอ่ื งใช้ไฟฟ้าเบ้อื งตน้ จานวน 35 คน (6) ผูร้ บั บรกิ ารด้านบริการพัฒนา (Top Up) พัฒนาเครอื่ งห่นั ขนมไทย จานวน 30 คน (7) ผรู้ ับบรกิ ารดา้ นบรกิ ารพัฒนา (Top Up) พัฒนาเคร่ืองเหลาก้านจาก จานวน 30 คน (8) ผ้รู ับบริการด้านบริการพัฒนา (Top Up) การพฒั นาโรงเรอื นตากปลาด้วย พลงั งานแสงอาทิตย์ จานวน 30 คน

24 2. เครื่องมอื ทีใ่ ชใ้ นการรายงานผลการประเมนิ โครงการ เคร่อื งมือท่ีใช้ในการรายงานผลการประเมินโครงการครั้งนี้เป็นแบบประเมินท่ผี ู้รายงานไดส้ ร้าง ขึน้ เอง ดงั น้ี 2.1 แบบประเมนิ โครงการศูนยซ์ ่อมสร้างเพ่ือชุมชน (Fix it Center) แบบถาวร ประจาจังหวดั เป็นแบบประเมนิ เพ่ือประเมนิ ด้านบริบท ดา้ นปัจจัยนาเขา้ และด้านกระบวนการ ประกอบด้วย 3 ตอน ดงั น้ี ตอนที่ 1 ข้อมูลสถานภาพของผู้ตอบแบบประเมิน ตอนท่ี 2 แบบประเมนิ โครงการศูนย์ซ่อมสร้างเพ่อื ชมุ ชน (Fix it Center) แบบถาวร ประจา จงั หวัด แยกออกได้ ดงั น้ี 1) ดา้ นบรบิ ท เป็นแบบมาตรส่วนประมาณค่า (Rating Scale) 5 ระดบั จานวน 12 ขอ้ 2) ด้านปจั จยั นาเข้า เปน็ แบบมาตรสว่ นประมาณค่า (Rating Scale) 5 ระดบั จานวน 10 ขอ้ 3) ด้านกระบวนการ เปน็ แบบมาตรส่วนประมาณค่า (Rating Scale) 5 ระดบั จานวน 7 ข้อ ตอนท่ี 3 ข้อเสนอแนะ 2.2 แบบประเมนิ โครงการศูนยซ์ ่อมสร้างเพ่ือชมุ ชน (Fix it Center) แบบถาวร ประจาจงั หวดั เป็นแบบประเมินเพ่ือประเมินดา้ นผลผลติ ซ่ึงเป็นแบบประเมนิ ความพึงพอใจของผรู้ บั บริการประกอบด้วย 2 ตอน ดังน้ี ตอนท่ี 1 แบบประเมนิ ความพงึ พอใจผรู้ ับบรกิ ารดา้ นตา่ งๆ ประกอบดว้ ย 1) แบบประเมินความพึงพอใจผรู้ บั บรกิ ารดา้ นการบริการซ่อม ( Repair) เป็นแบบมาตรสว่ น ประมาณค่า (Rating Scale) 5 ระดับ จานวน 11 ข้อ 2) แบบประเมนิ ความพงึ พอใจผ้รู บั บรกิ ารดา้ นบริการสร้าง (Build) หลกั สูตรการทาน้ายาถู พื้นแบบฆ่าเชือ้ และน้ายาลา้ งจาน เปน็ แบบมาตรสว่ นประมาณค่า (Rating Scale) 5 ระดบั จานวน 9 ขอ้ 3) แบบประเมนิ ความพงึ พอใจผรู้ ับบรกิ ารด้านบรกิ ารสรา้ ง (Build) หลกั สูตรช่างตัดผมชาย เป็นแบบมาตรส่วนประมาณค่า (Rating Scale) 5 ระดบั จานวน 9 ขอ้ 4) แบบประเมินความพงึ พอใจผูร้ บั บริการด้านบรกิ ารสรา้ ง (Build) หลกั สูตรซอ่ ม รถจกั รยานยนต์ เปน็ แบบมาตรสว่ นประมาณค่า (Rating Scale) 5 ระดับ จานวน 9 ข้อ 5) แบบประเมนิ ความพงึ พอใจผรู้ ับบริการดา้ นบรกิ ารสรา้ ง (Build) หลกั สตู รซ่อม เคร่ืองใช้ไฟฟ้าเบื้องตน้ เป็นแบบมาตรส่วนประมาณคา่ (Rating Scale) 5 ระดับ จานวน 9 ข้อ 6) แบบประเมนิ ความพงึ พอใจผูร้ ับบรกิ ารด้านบริการพฒั นา (Top Up) พฒั นาเคร่ืองห่นั ขนม ไทยเป็นแบบมาตรส่วนประมาณคา่ (Rating Scale) 5 ระดับ จานวน 7 ข้อ 7) แบบประเมินความพึงพอใจผรู้ บั บริการด้านบริการพฒั นา (Top Up) พัฒนาเครอ่ื งเหลา ก้านจาก เป็นแบบมาตรสว่ นประมาณค่า (Rating Scale) 5 ระดับ จานวน 7 ข้อ

25 8) แบบประเมินความพงึ พอใจผรู้ บั บริการดา้ นบรกิ ารพฒั นา (Top Up) การพัฒนาโรงเรือน ตากปลาดว้ ยพลังงานแสงอาทิตย์ เปน็ แบบมาตรสว่ นประมาณคา่ (Rating Scale) 5 ระดับ จานวน 6 ข้อ ตอนท่ี 2 เปน็ ขอ้ เสนอแนะ 3. การสร้างเคร่อื งมือทใี่ ช้ในการรายงานผลการประเมินโครงการ 3.1 ศึกษาค้นคว้าตารา วารสาร บทความ เอกสารทเ่ี ก่ยี วข้องกบั การประเมินผลโครงการแบบซิป โมเดล (CIPP Model) งานทีเ่ กยี่ วข้องกับความพงึ พอใจ และรายละเอียดวตั ถปุ ระสงค์ของการายงานผล โครงการ เพื่อเปน็ แนวทางในการสร้างแบบประเมิน 3.2 ศึกษาวิธีการสรา้ งแบบประเมินเพื่อใช้เป็นแนวทางในการสร้างแบบประเมิน 3.3 ศกึ ษาความหมาย ทฤษฎี หลกั การ แนวคิด องค์ประกอบเพ่ือทานิยามเชิงปฏบิ ัติการและนา นยิ ามเชิงปฏบิ ัติการมาเปน็ แนวทางในการสร้างขอ้ คาถาม 3.4 พฒั นาแบบประเมนิ ใชใ้ นการรวบรวมข้อมลู ของผู้รบั บรกิ าร 4. การเก็บรวบรวมข้อมลู ผรู้ ายงานไดด้ าเนินการเกบ็ รวบรวมข้อมลู โดยวิธีการตอบแบบประเมิน ซึ่งมีข้ันตอนการดาเนนิ งาน ดงั นี้ 4.1 ดาเนนิ การเก็บรวบรวมข้อมูลโดยวธิ ีเก็บดว้ ยตนเอง และเก็บรวบรวมข้อมลู กลบั ดว้ ยตนเอง 4.2 ไดร้ บั แบบประเมนิ กลับคืนมาตรวจสอบความสมบรู ณ์ของแบบประเมนิ แยกตามรายการดังนี้ 4.2.1 ผู้ประเมนิ ด้านบริบท จานวน 50 คน คดิ เป็นร้อยละ 100 4.2.2 ผู้ประเมินดา้ นปจั จัยนาเขา้ จานวน 50 คน คิดเปน็ ร้อยละ 100 4.2.3 ผู้ประเมินด้านกระบวนการ จานวน 50 คน คิดเป็นร้อยละ 100 4.2.4 ผ้ปู ระเมนิ ดา้ นผลผลิตการรบั บริการซ่อม ( Repair) จานวน 525 คน คดิ เป็นร้อยละ 100 ( สุ่มแบบประเมินเพื่อวเิ คราะหข์ ้อมลู 234 ฉบับ) 4.2.5 ผู้ประเมินดา้ นผลผลิตการรบั บรกิ ารสร้าง (Build) หลักสูตรการทาน้ายาถพู ้ืนแบบฆา่ เชอ้ื และน้ายาลา้ งจาน จานวน 25 คน คดิ เปน็ รอ้ ยละ 100 4.2.6 ผู้ประเมินด้านผลผลิตการรับบริการสร้าง (Build) หลักสูตรช่างตัดผมชาย จานวน 35 คน คดิ เปน็ ร้อยละ 100 4.2.7 ผปู้ ระเมินดา้ นผลผลิตการรับบรกิ ารสร้าง (Build) หลักสตู รซ่อมรถจักรยานยนต์ จานวน 35 คน คิดเป็นรอ้ ยละ 100 4.2.8 ผปู้ ระเมินดา้ นผลผลติ การรบั บริการสรา้ ง (Build) หลักสตู รซอ่ มเครอ่ื งใช้ไฟฟา้ เบ้ืองต้น จานวน 35 คน คิดเปน็ รอ้ ยละ 100 4.2.9 ประเมินดา้ นผลผลิตการรบั บริการพัฒนา (Top Up) พฒั นาเครื่องห่นั ขนมไทย จานวน 30 คน คดิ เปน็ รอ้ ยละ 100

26 4.2.10 ประเมินด้านผลผลิตการรบั บริการพฒั นา (Top Up) พฒั นาเครอ่ื งเหลาก้านจาก จานวน 30 คน คิดเป็นร้อยละ 100 4.2.11 ประเมินดา้ นผลผลิตการรบั บรกิ ารพัฒนา (Top Up) การพฒั นาโรงเรือนตากปลา ด้วยพลงั งานแสงอาทติ ย์ จานวน 30 คน คดิ เปน็ ร้อยละ 100 4.3 นาแบบประเมินมาตรวจให้คะแนนดงั น้ี ผลการประเมินหรือความคิดเห็น ในระดบั มากทสี่ ุด ให้ 5 คะแนน ผลการประเมินหรือความคดิ เหน็ ในระดบั มาก ให้ 4 คะแนน ผลการประเมินหรือความคิดเหน็ ในระดับปานกลาง ให้ 3 คะแนน ผลการประเมินหรือความคดิ เห็น ในระดับน้อย ให้ 2 คะแนน ผลการประเมนิ หรือความคิดเห็น ในระดบั นอ้ ยทสี่ ดุ ให้ 1 คะแนน 4.4 นาคะแนนท่ไี ดจ้ ัดพิมพล์ งในเคร่ืองคอมพวิ เตอร์ เพื่อเตรียมการวเิ คราะห์ข้อมลู โดยใช้ โปรแกรมสาเร็จรูป 5. การวเิ คราะหข์ อ้ มลู การวเิ คราะห์ข้อมลู ผลการประเมนิ หรือความคิดเห็นของผู้รับบริการ ได้ทาการวเิ คราะห์ข้อมูล ดงั น้ี 5.1 วเิ คราะหข์ อ้ มูลผลการประเมินหรือความคิดเหน็ ของผู้ตอบแบบประเมนิ โดยรวม วเิ คราะห์ ขอ้ มูลโดยใชค้ ่าเฉลี่ยและส่วนเบีย่ งเบนมาตรฐานนาเสนอในรปู ตารางประกอบการบรรยาย 5.2 นาผลท่ีไดจ้ ากการวิเคราะหท์ างสถิติตามแบบประเมินความคิดเหน็ เป็นแบบมาตรฐาน ค่า 5 ระดับของลิเกิร์ต (Likert) ดงั น้ี ค่าเฉลย่ี 4.50 – 5.00 แปลความหมายวา่ ผลการประเมินอยูใ่ นระดับมากทีส่ ดุ คา่ เฉลย่ี 3.50 – 4.49 แปลความหมายวา่ ผลการประเมินอยใู่ นระดับมาก คา่ เฉลย่ี 2.50 – 3.49 แปลความหมายวา่ ผลการประเมินอยใู่ นระดบั ปานกลาง ค่าเฉลี่ย 1.50 – 2.49 แปลความหมายว่า ผลการประเมินอยูใ่ นระดบั น้อย คา่ เฉลย่ี 1.00 – 1.49 แปลความหมายวา่ มีผลการประเมนิ อยใู่ นระดับน้อยทส่ี ดุ 6. สถิตทิ ใี่ ชใ้ นการวเิ คราะห์ขอ้ มูล สถิตใิ ช้ในการวเิ คราะห์ข้อมูล โดยใช้สูตรดังต่อไปน้ี คะแนนเฉล่ยี (Mean) ของประชากรใชส้ ูตร (ลว้ น สายยศ. 2537:270) X  X n โดย X = คะแนนเฉลี่ย  X = ผลรวมท้ังหมดของคะแนน n = จานวนตัวอยา่ ง

27 ความเบี่ยงเบนมาตรฐาน (Standard Deviation) s n fx2  ( fx) 2 nn 1 โดย s = ความเบย่ี งเบนมาตรฐานของกลุม่ ตัวอยา่ ง n = จานวนคนในกลุม่ ตวั อย่าง  fx 2 = ผลรวมทงั้ หมดของ f คณู กับ x2 ( fx)2 = กาลังสองของผลรวมท้ังหมดของ f คณู กับ x2 การประเมินผลสัมฤทธิ์โครงการ ใช้สถิติร้อยละ ดงั นี้ ร้อยละ =  x 100 N โดย  x = ผลรวมของคะแนนท่ีได้ N = คะแนนเต็ม

28 บทที่ 4 ผลการวเิ คราะหข์ ้อมลู การนาเสนอผลการวิเคราะห์ข้อมลู การรายงานผลการประเมินโครงการศนู ย์ซ่อมสร้างเพื่อชมุ ชน (Fix it Center) แบบถาวร ประจาจังหวัด ผู้รายงานได้ใชร้ ูปแบบการประเมินแบบซปิ โมเดล (CIPP Model) ตามแนวคดิ ของ Daniel Stufflebeam ได้นาเสนอผลการวเิ คราะห์ข้อมูล ดังน้ี ตอนท่ี 1 สถานภาพของผตู้ อบแบบประเมินโครงการศูนย์ซ่อมสร้างเพือ่ ชุมชน (Fix it Center) แบบถาวร ประจาจงั หวดั ดา้ นบรบิ ท ด้านปัจจัยนาเขา้ ดา้ นกระบวนการ ตอนที่ 2 การประเมินโครงการศูนยซ์ อ่ มสร้างเพื่อชมุ ชน (Fix it Center) แบบถาวร ประจาจังหวดั ด้านบริบท ตอนที่ 3 การประเมนิ โครงการศูนยซ์ อ่ มสร้างเพื่อชุมชน (Fix it Center) แบบถาวร ประจาจงั หวดั ด้านปจั จยั นาเขา้ ตอนท่ี 4 การประเมนิ โครงการศูนยซ์ อ่ มสร้างเพื่อชมุ ชน (Fix it Center) แบบถาวร ประจาจงั หวดั ด้านกระบวนการ ตอนท่ี 5 การประเมินโครงการศูนย์ซ่อมสร้างเพื่อชมุ ชน (Fix it Center) แบบถาวร ประจาจงั หวดั ด้านผลผลติ ตอนท่ี 1 สถานภาพของผู้ตอบแบบประเมนิ โครงการศูนย์ซ่อมสรา้ งเพือ่ ชมุ ชน (Fix it Center) แบบถาวร ประจาจงั หวัดดา้ นบรบิ ท ดา้ นปัจจยั นาเขา้ ดา้ นกระบวนการ ตารางท่ี 1 แสดงจานวนและร้อยละของสถานภาพของผู้ตอบแบบประเมินโครงการศูนยซ์ อ่ มสร้างเพือ่ ชุมชน (Fix it Center) แบบถาวร ประจาจังหวดั ดา้ นบรบิ ท ดา้ นปัจจยั นาเขา้ ด้านกระบวนการ สถานภาพ จานวน ร้อยละ ผบู้ รหิ าร 5 10 ครู 10 20 เจ้าหนา้ ที่ 3 6 นักเรยี น นกั ศึกษา 15 30 ประชาชนผู้รบั บรกิ าร 17 34 50 100 รวม จากตารางที่ 1 พบวา่ ผู้ตอบแบบประเมินโครงการศนู ย์ซอ่ มสร้างเพื่อชมุ ชน (Fix it Center) แบบ ถาวร ประจาจงั หวัด สว่ นใหญเ่ ป็นประชาชนผ้รู ับบริการ จานวน 17 คน คดิ เป็นร้อยละ 34 รองลงมา คือ นักเรยี น นกั ศึกษา จานวน 15 คน คิดเป็นร้อยละ 30 ครู จานวน 10 คน คิดเปน็ ร้อยละ 20 ผ้บู รหิ าร จานวน 5 คน คดิ เป็นรอ้ ยละ 10 และเจา้ หน้าที่ จานวน 3 คน คดิ เป็นร้อยละ 6 ตามลาดบั

29 ตอนท่ี 2 การประเมนิ โครงการศนู ยซ์ ่อมสร้างเพอื่ ชุมชน (Fix it Center) แบบถาวร ประจาจงั หวดั ด้านบริบท ตารางที่ 2 แสดงค่าเฉล่ีย คา่ เบ่ียงเบนมาตรฐานและการแปลความหมายเกี่ยวกับการประเมินโครงการศนู ย์ ซ่อมสร้างเพ่ือชุมชน (Fix it Center) แบบถาวร ประจาจงั หวัด ดา้ นบริบท รายการประเมนิ ระดบั ความคิดเห็น 1.การวิเคราะห์ปัญหาและความตอ้ งการของการดาเนนิ งาน X S.D ความหมาย ลาดบั ที่ ตามโครงการ 4.78 0.35 มากทส่ี ดุ 6 2.การกาหนดหลกั การและเหตุผลของโครงการ สอดคล้องกบั 4.84 0.30 มากทส่ี ดุ 5 นโยบายของกระทรวงศกึ ษาธกิ าร 3.การกาหนดหลักการและเหตผุ ลของโครงการสอดคลอ้ งกับ 4.84 0.33 มากทส่ี ุด 5 นโยบายสานกั งานคณะกรรมการการอาชีวศกึ ษา 4.วัตถปุ ระสงคเ์ ปา้ หมายและกจิ กรรมของโครงการมีความ 4.90 0.27 มากที่สุด 4 สอดคล้องกัน 5.การกาหนดวตั ถปุ ระสงค์ของโครงการไว้อย่างชดั เจน 4.94 0.24 มากทีส่ ดุ 2 6.การกาหนดเปา้ หมายของโครงการไว้ชัดเจน 4.96 0.24 มากที่สดุ 1 7.การกาหนดข้นั ตอนของการดาเนินงานตามโครงการไว้ 4.92 0.33 มากที่สดุ 3 อยา่ งชัดเจน 8.การกาหนดข้ันตอนของการดาเนินงานตามโครงการมีความ 4.94 0.33 มากทส่ี ดุ 2 เปน็ ไปได้ในทางปฏิบตั ิ 9.การประชมุ ช้ีแจงวตั ถุประสงคข์ องโครงการให้ผ้เู กยี่ วข้อง 4.94 0.35 มากทส่ี ดุ 2 ได้รบั ทราบ 10.โครงการนี้สามารถสนองความต้องการของประชาชน 4.90 0.49 มากทสี่ ุด 4 11.การประสานความร่วมมรื ะหวา่ งบุคลากรในการดาเนิน 4.92 0.49 มากท่ีสดุ 3 โครงการ 12.ผูบ้ ริหารทกุ ระดับเหน็ ความสาคัญของโครงการและให้ 4.96 0.39 มากทส่ี ุด 1 การสนบั สนุน รวม 4.91 0.34 มากทส่ี ุด จากตารางท่ี 2 ผลการประเมินด้านบริบท โดยภาพรวมอยู่ในระดับมากที่สุด มีค่าเฉลี่ยคือ 4.91 ซึ่งสามารถเรียงลาดับจากมากไปหาน้อยดังนี้ การกาหนดเป้าหมายของโครงการไว้ชัดเจน และผู้บริหารทุก ระดับเห็นความสาคัญของโครงการและให้การสนับสนุน มีค่าเฉลี่ยคือ 4.96 รองลงมาคือ การกาหนด วตั ถปุ ระสงค์ของโครงการไวอ้ ยา่ งชัดเจน การกาหนดขนั้ ตอนของการดาเนินงานตามโครงการมีความเป็นไปได้ ในทางปฏิบตั ิ และการประชุมช้แี จงวตั ถปุ ระสงคข์ องโครงการใหผ้ ู้เกย่ี วขอ้ งไดร้ ับทราบ มีค่าเฉล่ียคือ 4.94 การ

30 กาหนดขนั้ ตอนของการดาเนินงานตามโครงการไว้อยา่ งชัดเจน และการประสานความร่วมมือระหว่างบุคลากร ในการดาเนินโครงการ มีคา่ เฉลีย่ คือ 4.92 ตามลาดับ ตอนที่ 3 การประเมนิ โครงการศนู ยซ์ ่อมสรา้ งเพือ่ ชมุ ชน (Fix it Center) แบบถาวร ประจาจังหวัด ด้านปจั จยั นาเขา้ ตารางที่ 3 แสดงค่าเฉล่ยี คา่ เบี่ยงเบนมาตรฐานและการแปลความหมายเก่ยี วกบั การประเมินโครงการศนู ย์ ซอ่ มสรา้ งเพอ่ื ชุมชน (Fix it Center) แบบถาวร ประจาจงั หวดั ดา้ นปัจจัยนาเข้า รายการประเมิน ระดบั ความคิดเหน็ X S.D ความหมาย ลาดบั ที่ 1.ครมู คี วามรู้ทักษะและความชานาญในการให้บริการ 4.92 0.27 มากทีส่ ดุ 1 2.นกั เรียน นักศึกษา มีความรู้ความสามารถในการบริการ 4.82 0.39 มากทส่ี ดุ 4 3.วิทยากรภายนอกมีความสามารถในการให้ความรู้และ บริการ 4.86 0.35 มากทส่ี ุด 3 4. การอานวยความสะดวกของเจ้าหน้าท่ี 4.80 0.40 มากท่สี ุด 5 5.วัสดุ อปุ กรณ์ เคร่ืองมือ มคี วามสอดคล้องกับการบริการ 4.90 0.30 มากทส่ี ดุ 2 6.วสั ดุ อุปกรณ์ เคร่ืองมือ มคี วามเพยี งพอต่อการให้บรกิ าร 4.80 0.57 มากทส่ี ุด 5 7. งบประมาณในการสนับสนุนมีความเพียงพอต่อการ 4.78 0.42 มากที่สุด 6 ใหบ้ ริการ 8.แหล่งเรยี นรู้/สถานท่ภี ายในเพียงพอต่อการสนบั สนุน 4.76 0.56 มากที่สุด 7 9.แหล่งเรียนร/ู้ สถานท่ภี ายนอกเพยี งพอต่อการสนบั สนนุ 4.68 0.74 มากที่สุด 8 10.องค์กรภายนอก/ชุมชนให้การสนบั สนนุ 4.78 0.62 มากที่สุด 6 รวม 4.81 0.46 มากที่สุด จากตารางท่ี 3 ผลการประเมินด้านปัจจัยนาเข้าโดยภาพรวมอยู่ในระดับมากท่ีสุด มีค่าเฉล่ียคือ 4.81 ซึ่งสามารถเรียงลาดับจากมากไปหาน้อยดังนี้ ครูมีความรู้ทักษะและความชานาญในการให้บริการ มี ค่าเฉลี่ยคือ 4.92 รองลงมาคือ วัสดุ อุปกรณ์ เครื่องมือมีความสอดคล้องกับการบริการ มีค่าเฉล่ียคือ 4.90 วิทยากรภายนอกมีความสามารถในการให้ความรู้และบริการ มคี ่าเฉลย่ี คือ 4.86 ตามลาดับ

31 ตอนท่ี 4 การประเมนิ โครงการศูนยซ์ ่อมสรา้ งเพอ่ื ชมุ ชน (Fix it Center) แบบถาวร ประจาจงั หวดั ดา้ นกระบวนการ ตารางที่ 4 แสดงค่าเฉล่ีย ค่าเบย่ี งเบนมาตรฐานและการแปลความหมายเกีย่ วกบั การประเมินโครงการศนู ย์ ซอ่ มสรา้ งเพื่อชมุ ชน (Fix it Center) แบบถาวร ประจาจงั หวัด ด้านกระบวนการ รายการประเมนิ ระดบั ความคิดเห็น 1.มีการวางแผนทางานอย่างเปน็ ระบบ X S.D ความหมาย ลาดับท่ี 2.มีการแต่งตั้งคณะกรรมการดาเนนิ งาน 3.มีการดาเนนิ กิจกรรมของโครงการทุกกจิ กรรม 4.92 0.27 มากที่สุด 1 4.92 0.27 มากทส่ี ุด 1 4. มกี ารนิเทศ ติดตาม การดาเนนิ โครงการ 4.84 0.37 มากท่สี ดุ 3 4.88 0.33 มากท่สี ุด 2 5.มีการประเมินผลโครงการอย่างเป็นระบบ 4.74 0.56 มากทีส่ ดุ 5 4.74 0.56 มากทส่ี ุด 5 6.มกี ารรายงานผลให้ผู้เกย่ี วข้องทราบ 7. ผู้บริหารครู นกั เรยี น นกั ศึกษา ชุมชนมีสว่ นรว่ มในการ 4.76 0.62 มากทส่ี ดุ 4 นิเทศ ติดตาม และประเมนิ ผลงาน 4.83 0.43 มากทสี่ ุด รวม จากตารางที่ 4 ผลการประเมินด้านกระบวนการ โดยภาพรวมอยู่ในระดับมากที่สุด มีค่าเฉล่ียคือ 4.83 ซึ่งสามารถเรียงลาดับจากมากไปหาน้อยดังนี้ มีการวางแผนทางานอย่างเป็นระบบและมีการแต่งตั้ง คณะกรรมการดาเนินงาน มคี ่าเฉลี่ยคอื 4.92 รองลงมาคือ มกี ารนิเทศ ติดตาม การดาเนินโครงการ มีค่าเฉล่ีย คอื 4.88 มกี ารดาเนนิ กจิ กรรมของโครงการทุกกจิ กรรม มคี า่ เฉล่ียคอื 4.84 ตามลาดบั

32 ตอนท่ี 5 การประเมินโครงการศูนยซ์ ่อมสรา้ งเพอ่ื ชมุ ชน (Fix it Center) แบบถาวร ประจาจังหวดั ดา้ นผลผลิต 5.1 การประเมินโครงการศนู ย์ซ่อมสรา้ งเพ่อื ชุมชน (Fix it Center) แบบถาวร ประจาจังหวดั ดา้ นผลผลิต ดา้ นบริการซอ่ ม ( Repair) ตารางที่ 5 แสดงผลการดาเนินงานด้านผลผลติ ดา้ นบริการซ่อม ( Repair) ประเภท ลาดบั ที่ รายการ จานวน 1. เคร่ืองมือ/เครื่องจักร 1. รถไถเดินตาม - 2. เครือ่ งพน่ ยา/พน่ ปุ๋ย 2 2. ยานพาหนะ 3. เครอ่ื งตดั หญา้ 1 4. เครอ่ื งเบนซินเลก็ /เคร่ืองยนต์เล็ก - 3. เครือ่ งใชไ้ ฟฟ้า/เคร่ืองใชใ้ น 5. เครอ่ื งยนต์ดีเซลสูบเดยี ว - ครวั เรอื น 6. เครอ่ื งสูบนา้ /เครือ่ งเติมอากาศในนา้ - 7. เครื่องจักรกลอ่ืนๆ 5 1. รถจกั รยานยนต์ 260 2. รถอีแตน๋ - 3. รถยนต์/รถกระบะ - 4. รถบรรทกุ 6 ลอ้ ข้นึ ไป - 5. จกั รยาน/ยานพาหนะอ่ืนๆ 8 1. พดั ลม 52 2. หมอ้ หุงข้าว 80 3. เตารีด 43 4. กาต้มนา้ /กระทะไฟฟ้า 31 5. โทรทศั น์ 40 6. ตูเ้ ยน็ - 7. ต้อู บ/เตาอบไฟฟ้า 20 8. เครอื่ งซักผ้า 2 9. เครื่องเสียง/วทิ ยุ เทป/ 30 CD/VCD/DVD

ตารางที่ 5 แสดงผลการดาเนนิ งานด้านผลผลิต ดา้ นบรกิ ารซ่อม ( Repair) (ตอ่ ) 33 ประเภท ลาดบั ท่ี รายการ จานวน 7 10. เครือ่ งคอมพวิ เตอร์ 23 604 11. เคร่อื งใช้ไฟฟ้าอ่ืนๆ 525 จานวนชิน้ จานวนผู้ใชบ้ ริการทัง้ หมด 5.2 การประเมินโครงการศนู ยซ์ ่อมสรา้ งเพอ่ื ชุมชน (Fix it Center) แบบถาวร ประจาจงั หวดั ด้านผลผลิต ด้านบรกิ ารสรา้ ง (Build) ตารางท่ี 6 แสดงผลการดาเนนิ งานด้านผลผลิต ดา้ นบริการสรา้ ง (Build) ลาดับ ด้านบริการสรา้ ง (Build) หลกั สตู ร จานวนผู้รับบรกิ าร 1. หลกั สูตรการทาน้ายาถพู ืน้ แบบฆ่าเชอ้ื และ น้ายาล้างจาน 25 2. หลักสตู รช่างตัดผมชาย 35 3. หลักสูตรซอ่ มรถจกั รยานยนต์ 35 4. หลักสตู รซอ่ มเครอื่ งใช้ไฟฟ้าเบ้อื งต้น 30 รวม 125 5.3 ผลการดาเนินงานโครงการศนู ย์ซอ่ มสร้างเพื่อชมุ ชน (Fix it Center) แบบถาวร ประจาจงั หวดั ดา้ นบริการพฒั นา (Top Up) ตารางท่ี 7 แสดงผลการดาเนินงานด้านบริการพัฒนา (Top Up) ลาดบั ด้านบรกิ ารพฒั นา (Top Up) จานวนสมาชกิ 1. พัฒนาเคร่ืองห่นั ขนมไทย 30 2. พัฒนาเคร่ืองเหลากา้ นจาก 30 3. การพัฒนาโรงเรือนตากปลาดว้ ยพลงั งานแสงอาทิตย์ 30 รวม 90

34 5.4 ความพึงพอใจของผูร้ บั บริการด้านการบริการซ่อม ( Repair) ตารางที่ 8 แสดงค่าเฉลยี่ และค่าเบย่ี งเบนมาตรฐานของกลุ่มตวั อย่างท่ีมคี วามพงึ พอใจตอ่ ดา้ นการบรกิ าร ซอ่ ม ( Repair) รายการประเมิน ระดับความคิดเห็น 1.ชดั เจนในการอธบิ าย ชแี้ จง แนะนาขัน้ ตอนการให้บรกิ าร X S.D ความหมาย ลาดับที่ 2.ขน้ั ตอนการใหบ้ รกิ ารมคี ลอ่ งตวั และไมย่ ุ่งยาก 3.มคี วามสะดวกรวดเร็ว ทันเวลาท่ีกาหนด 4.95 0.18 มากที่สดุ 4 4.ให้บริการความเสมอภาคตามลาดับก่อน-หลงั 4.97 0.13 มากทส่ี ดุ 3 5.ให้บริการดว้ ยความสขุ ภาพ และเป็นกนั เอง 4.89 0.36 มากทส่ี ดุ 5 6.มคี วามตอ้ งการทจ่ี ะมารับบรกิ ารจากศูนย์ในโอกาสตอ่ ไป 7.มคี วามเอาใจใส่ กระตือรือร้น และพร้อมที่จะใหบ้ ริการ 4.98 0.13 มากทส่ี ุด 2 8.ซอ่ื สตั ยส์ ุจรติ ในการปฏบิ ัติหนา้ ที่ เช่น ไมข่ อส่ิงตอบแทน 4.97 0.17 มากที่สุด 3 9.การประชาสมั พนั ธใ์ หม้ ารบั บริการจากศูนย์ 4.98 0.14 มากที่สุด 2 10.ความพึงพอใจของงานที่ผ่านการซอ่ ม 11.ได้รับบรกิ ารท่ีตรงตามความต้องการ 4.97 0.18 มากที่สดุ 3 4.99 0.14 มากที่สุด 1 รวม 4.95 0.25 มากที่สุด 4 4.98 0.20 มากที่สดุ 2 4.94 0.29 มากท่ีสดุ 5 4.96 0.20 มากท่สี ุด จากตารางที่ 8 แสดงให้เห็นว่า ผู้รับบริการด้านการบริการซ่อม (Repair) โดยภาพรวมอยู่ในระดับ มากท่ีสุด มีค่าเฉล่ียคือ 4.96 ซ่ึงสามารถเรียงลาดับจากมากไปหาน้อยดังน้ี ซ่ือสัตย์สุจริตในการปฏิบัติหน้าท่ี เช่น ไม่ขอส่ิงตอบแทน มีค่าเฉล่ียคือ 4.99 รองลงมาคือ ให้บริการความเสมอภาคตามลาดับก่อน-หลังและมี ความต้องการท่ีจะมารับบริการจากศูนย์ในโอกาสต่อไป มีค่าเฉลี่ยคือ 4.98 ขั้นตอนการให้บริการมีคล่องตัว และไมย่ ุ่งยากและใหบ้ รกิ ารดว้ ยความสขุ ภาพ และเปน็ กนั เอง มีค่าเฉลี่ยคอื 4.97 ตามลาดับ

35 5.5 ความพงึ พอใจของผู้รับบรกิ ารด้านบริการสรา้ ง (Build) หลักสูตรการทานา้ ยาถูพ้ืนแบบฆา่ เชอ้ื และน้ายาล้างจาน ตารางที่ 9 แสดงคา่ เฉลยี่ และค่าเบ่ียงเบนมาตรฐานของกลมุ่ ตวั อย่างท่ีมีความพงึ พอใจต่อด้านบรกิ ารสรา้ ง (Build) หลักสูตรการทาน้ายาถพู ้นื แบบฆา่ เชือ้ และน้ายาล้างจาน รายการประเมิน ระดับความคิดเห็น 1.การถา่ ยทอดความรขู้ องวิทยากรมีความชดั เจน X S.D ความหมาย ลาดับที่ 2.ความสามารถในการถ่ายทอดเน้ือหา 3.การใช้เวลาตามทีก่ าหนดไว้ 4.92 0.28 มากท่สี ดุ 1 4.การตอบข้อซักถามในการฝึกอบรม 4.76 0.44 มากท่สี ดุ 5 5.ระยะเวลาในการอบรมมคี วามเหมาะสม 4.80 0.41 มากทส่ี ุด 4 6.ความรู้ ความเข้าใจในเร่ืองน้ี กอ่ น การอบรม 4.84 0.37 มากท่สี ุด 3 4.88 0.33 มากทสี่ ดุ 2 7.ความรู้ ความเข้าใจในเร่อื งน้ี หลงั การอบรม 2.64 0.64 นอ้ ย 6 8.มีความมั่นใจและความสามารถนาความรูท้ ่ีได้ไปใช้ได้ 4.80 0.41 มากท่สี ดุ 4 9.สามารถนาความรู้ไปเผยแพร่ / ถา่ ยทอดได้ 4.84 0.37 มากที่สุด 3 รวม 4.80 0.41 มากทส่ี ดุ 4 4.59 0.41 มากทีส่ ุด จากตารางท่ี 9 แสดงให้เห็นว่า ว่า ผู้รับบริการด้านการสร้าง (Build) หลักสูตรอบรมการทาน้ายาถู พื้นแบบฆ่าเช้ือ และน้ายาล้างจาน โดยภาพรวมมีความพึงพอใจอยู่ในระดับมากท่ีสุด มีค่าเฉลี่ยคือ 4.59 ซ่ึง สามารถเรียงลาดบั จากมากไปหาน้อยดังน้ี การถ่ายทอดความรู้ของวิทยากรมีความชัดเจน มีค่าเฉล่ียคือ 4.92 รองลงมาคือระยะเวลาในการอบรมมีความเหมาะสม มีค่าเฉลี่ยคือ 4.88 การตอบข้อซักถามในการฝึกอบรม และมีความมั่นใจและความสามารถนาความรทู้ ไี่ ดไ้ ปใช้ได้ มคี า่ เฉลยี่ คือ 4.84 ตามลาดบั

36 5.6 ความพงึ พอใจของผู้รบั บริการด้านบริการสรา้ ง (Build) หลักสตู รช่างตัดผมชาย ตารางที่ 10 แสดงคา่ เฉลี่ยและคา่ เบย่ี งเบนมาตรฐานของกลมุ่ ตวั อย่างที่มีความพงึ พอใจต่อด้านบรกิ ารสร้าง (Build) หลักสตู รชา่ งตดั ผมชาย รายการประเมนิ ระดบั ความคดิ เห็น X S.D ความหมาย ลาดับที่ 1.การถ่ายทอดความรขู้ องวิทยากรมคี วามชดั เจน 4.83 0.44 มากทสี่ ุด 1 2.ความสามารถในการถ่ายทอดเนอ้ื หา 4.83 0.44 มากท่สี ุด 1 3.การใช้เวลาตามทีก่ าหนดไว้ 4.80 0.46 มากที่สุด 2 4.การตอบข้อซักถามในการฝึกอบรม 4.83 0.44 มากที่สดุ 1 5.ระยะเวลาในการอบรมมคี วามเหมาะสม 4.74 0.50 มากทส่ี ุด 3 6.ความรู้ ความเข้าใจในเรื่องน้ี กอ่ น การอบรม 2.29 0.46 น้อย 6 4.83 0.44 มากทส่ี ดุ 1 7.ความรู้ ความเข้าใจในเร่ืองน้ี หลัง การอบรม 4.71 0.58 มากทีส่ ุด 8.มคี วามมน่ั ใจและความสามารถนาความรทู้ ่ีได้ไปใชไ้ ด้ 4.69 0.46 มากที่สุด 4 9.สามารถนาความรู้ไปเผยแพร่ / ถ่ายทอดได้ 4.50 0.47 มากที่สุด 5 รวม จากตารางที่ 10 แสดงให้เห็นว่า ผู้รับบริการด้านการสร้าง (Build) หลักสูตรอบรมช่างตัดผมชาย โดยภาพรวมมคี วามพึงพอใจอยู่ในระดับมากท่ีสดุ มคี า่ เฉล่ียคือ 4.50 ซ่ึงสามารถเรียงลาดับจากมากไปหาน้อย ดังน้ี การถา่ ยทอดความรูข้ องวิทยากรมีความชัดเจน ความสามารถในการถ่ายทอดเน้ือหา การตอบข้อซักถาม ในการฝึกอบรมและความรู้ ความเข้าใจในเร่ืองน้ี หลัง การอบรม มีค่าเฉลี่ยคือ 4.83 รองลงมาคือการใช้เวลา ตามท่ีกาหนดไว้ มคี ่าเฉลี่ยคอื 4.80 ระยะเวลาในการอบรมมคี วามเหมาะสมมคี า่ เฉลีย่ คือ 4.74 ตามลาดับ

37 5.7 ความพึงพอใจของผูร้ บั บริการดา้ นบรกิ ารสร้าง (Build) หลักสตู รซ่อมรถจักรยานยนต์ ตารางท่ี 11 แสดงค่าเฉล่ยี และค่าเบย่ี งเบนมาตรฐานของกลมุ่ ตัวอย่างท่มี ีความพึงพอใจตอ่ ดา้ นบริการสร้าง (Build) หลักสูตรซ่อมรถจกั รยานยนต์ รายการประเมิน ระดบั ความคดิ เหน็ X S.D ความหมาย ลาดับที่ 1.การถ่ายทอดความร้ขู องวทิ ยากรมคี วามชดั เจน 4.83 0.44 มากที่สุด 1 2.ความสามารถในการถ่ายทอดเน้ือหา 4.83 0.44 มากทีส่ ดุ 1 3.การใช้เวลาตามที่กาหนดไว้ 4.80 0.46 มากท่ีสุด 2 4.การตอบขอ้ ซักถามในการฝกึ อบรม 4.83 0.44 มากท่ีสุด 1 5.ระยะเวลาในการอบรมมีความเหมาะสม 4.57 0.64 มากทส่ี ดุ 4 6.ความรู้ ความเข้าใจในเร่อื งนี้ กอ่ น การอบรม 2.34 0.49 นอ้ ย 5 4.83 0.33 มากทสี่ ุด 1 7.ความรู้ ความเข้าใจในเร่อื งนี้ หลัง การอบรม 4.74 0.28 มากที่สุด 8.มคี วามม่นั ใจและความสามารถนาความรทู้ ่ีได้ไปใชไ้ ด้ 4.74 0.41 มากท่สี ดุ 3 9.สามารถนาความรู้ไปเผยแพร่ / ถา่ ยทอดได้ 4.50 0.43 มากทส่ี ดุ 3 รวม จากตารางท่ี 11 แสดงให้เห็นว่า ผู้รับบริการด้านการสร้าง (Build) หลักสูตรอบรมซ่อม รถจักรยานยนต์โดยภาพรวมมีความพึงพอใจอยู่ในระดับมากท่ีสุด มีค่าเฉล่ียคือ 4.50 ซ่ึงสามารถเรียงลาดับ จากมากไปหาน้อยดังน้ี การถ่ายทอดความรู้ของวิทยากรมีความชัดเจน ความสามารถในการถ่ายทอดเนื้อหา การตอบข้อซกั ถามในการฝกึ อบรม ความรู้ ความเขา้ ใจในเรอ่ื งนี้ หลัง การอบรม มคี า่ เฉล่ียคอื 4.83 รองลงมา คือการใช้เวลาตามท่ีกาหนดไว้ มีค่าเฉล่ียคือ 4.80 มีความม่ันใจและความสามารถนาความรู้ท่ีได้ไปใช้ได้และ สามารถนาความรู้ไปเผยแพร่ / ถ่ายทอดได้ มีค่าเฉล่ยี คือ 4.74 ตามลาดบั

38 5.8 ความพงึ พอใจของผูร้ บั บรกิ ารดา้ นบริการสร้าง (Build) หลกั สตู รซ่อมเครื่องใช้ไฟฟ้าเบ้ืองต้น ตารางที่ 12 แสดงค่าเฉลีย่ และค่าเบีย่ งเบนมาตรฐานของกลมุ่ ตัวอยา่ งทม่ี ีความพึงพอใจตอ่ ด้านบริการสรา้ ง (Build) หลักสตู รซอ่ มเครือ่ งใช้ไฟฟ้าเบือ้ งตน้ รายการประเมนิ ระดับความคดิ เหน็ 1.การถ่ายทอดความรขู้ องวิทยากรมีความชดั เจน X S.D ความหมาย ลาดบั ที่ 2.ความสามารถในการถ่ายทอดเน้ือหา 3.การใชเ้ วลาตามทกี่ าหนดไว้ 4.86 0.41 มากท่สี ุด 1 4.การตอบขอ้ ซักถามในการฝกึ อบรม 4.83 0.44 มากทส่ี ุด 2 5.ระยะเวลาในการอบรมมคี วามเหมาะสม 4.74 0.49 มากท่ีสดุ 5 6.ความรู้ ความเข้าใจในเร่อื งนี้ กอ่ น การอบรม 4.77 0.48 มากทีส่ ุด 4 4.69 0.65 มากที่สุด 7 7.ความรู้ ความเขา้ ใจในเรื่องน้ี หลงั การอบรม 2.29 0.46 น้อย 8 8.มีความม่นั ใจและความสามารถนาความรทู้ ี่ได้ไปใช้ได้ 4.86 0.20 มากท่สี ดุ 1 9.สามารถนาความรู้ไปเผยแพร่ / ถ่ายทอดได้ 4.80 0.41 มากทส่ี ดุ 3 4.71 0.48 มากท่สี ดุ 6 รวม 4.50 0.44 มากทส่ี ุด จากตารางที่ 12 แสดงให้เห็นว่าผู้รับบริการด้านการสร้าง (Build) หลักสูตรอบรมซ่อม เคร่ืองใช้ไฟฟ้าเบ้ืองต้น โดยภาพรวมมีความพึงพอใจอยู่ในระดับมากท่ีสุด มีค่าเฉลี่ยคือ 4.50 ซึ่งสามารถ เรียงลาดับจากมากไปหาน้อยดังน้ี การถ่ายทอดความรู้ของวิทยากรมีความชัดเจน มีค่าเฉลี่ยคือ 4.86 รองลงมาคือความสามารถในการถา่ ยทอดเนอ้ื หา มีคา่ เฉล่ียคอื 4.83 มคี วามม่ันใจและความสามารถนาความรู้ ทีไ่ ด้ไปใช้ได้ มคี ่าเฉล่ียคือ 4.80 การตอบข้อซกั ถามในการฝกึ อบรม มคี า่ เฉลี่ยคอื 4.77 ตามลาดับ

39 5.9 ความพึงพอใจของผูร้ ับบรกิ ารด้านบริการพฒั นา (Top Up) พัฒนาเครื่องห่ันขนมไทย ตารางที่ 13 แสดงค่าเฉลี่ยและค่าเบย่ี งเบนมาตรฐานของกลมุ่ ตัวอย่างท่ีมีความพงึ พอใจต่อด้านบริการพัฒนา (Top Up) พัฒนาเครื่องห่นั ขนมไทย รายการประเมิน ระดับความคิดเหน็ X S.D ความหมาย ลาดบั ท่ี 1.ถูกสขุ ลักษณะอนามัย 4.80 0.41 มากทีส่ ุด 3 2.การเลือกใช้วัสดุ 4.73 0.45 มากที่สุด 5 3.ความปลอดภัยของผลติ ภณั ฑ์ 4.77 0.43 มากที่สดุ 4 4.ความสะดวกในการใชง้ าน 4.80 0.41 มากที่สดุ 3 5.ความสวยงามของขนมท่ผี า่ นการหน่ั 4.73 0.45 มากท่ีสุด 5 4.87 0.35 มากทส่ี ดุ 2 6.ประสทิ ธภิ าพ 4.90 0.31 มากท่สี ดุ 7.ประสทิ ธผิ ลความคุม้ ค่าต่อการลงทุน 4.80 0.40 มากทีส่ ดุ 1 รวม จากตารางที่ 13 แสดงให้เห็นว่า ผู้รับบริการด้านการพัฒนา (Top Up) การพัฒนาเครื่องห่ันขนมไทย โดยภาพรวมมคี วามพึงพอใจอยใู่ นระดบั มากทีส่ ดุ มคี ่าเฉลี่ยคือ 4.80 ซึ่งสามารถเรียงลาดับจากมากไปหาน้อย ดังนี้ ประสิทธิผลความคุ้มค่าต่อการลงทุน มีค่าเฉลี่ยคือ 4.90 รองลงมาคือประสิทธิภาพ มีค่าเฉลี่ยคือ 4.83 ความสะดวกในการใชง้ าน มคี ่าเฉลย่ี คือ 4.80 ตามลาดบั

40 5.10 ความพงึ พอใจของผู้รับบรกิ ารด้านบรกิ ารพัฒนา (Top Up) ) พฒั นาเครื่องเหลากา้ นจาก ตารางที่ 14 แสดงคา่ เฉล่ยี และคา่ เบยี่ งเบนมาตรฐานของกลุ่มตัวอย่างที่มีความพึงพอใจต่อด้านบริการพัฒนา (Top Up) พัฒนาเครอ่ื งเหลาก้านจาก รายการประเมนิ ระดบั ความคิดเห็น X S.D ความหมาย ลาดบั ที่ 1.ความสะดวกในการใช้งาน 4.87 0.37 มากที่สุด 3 2.ข้ันตอนการผลิต 4.80 0.44 มากทีส่ ดุ 4 3.ความปลอดภัยในการใชง้ าน 4.70 0.49 มากท่ีสดุ 6 4.คุณภาพของวัสดุ 4.73 0.48 มากท่สี ุด 5 5.ประโยชน์การใชง้ าน 4.90 0.31 มากที่สดุ 2 6.ประสิทธภิ าพ 4.87 0.35 มากทส่ี ุด 3 7.ประสิทธผิ ลความคมุ้ คา่ ตอ่ การลงทนุ 4.93 0.25 มากที่สุด 1 4.83 0.38 มากทีส่ ดุ รวม จากตารางที่ 14 แสดงให้เห็นว่าผู้รับบริการด้านการพัฒนา (Top Up) พัฒนาเครื่องเหลาก้านจาก โดยภาพรวมมีความพึงพอใจอย่ใู นระดบั มากทสี่ ุด มคี า่ เฉลี่ยคือ 4.83 ซ่ึงสามารถเรียงลาดับจากมากไปหาน้อย ดังนี้ ประสิทธิผลความคุม้ ค่าต่อการลงทุน มีค่าเฉล่ียคือ 4.93 รองลงมาคือประโยชน์การใช้งาน มีค่าเฉล่ียคือ 4.90 ความสะดวกในการใชง้ านและประสทิ ธิภาพ มีค่าเฉลี่ยคอื 4.87 ตามลาดับ

41 5.11 ความพึงพอใจของผู้รับบริการด้านบริการพัฒนา (Top Up) ) การพัฒนาโรงเรือนตากปลา ด้วยพลงั งานแสงอาทติ ย์ ตารางที่ 15 แสดงค่าเฉลย่ี และคา่ เบ่ียงเบนมาตรฐานของกลุ่มตัวอย่างท่ีมีความพึงพอใจต่อด้านบริการพัฒนา (Top Up) การพัฒนาโรงเรือนตากปลาด้วยพลังงานแสงอาทิตย์ รายการประเมิน ระดบั ความคิดเห็น X S.D ความหมาย ลาดับท่ี 1.ถกู สุขลกั ษณะอนามยั 4.90 0.31 มากที่สดุ 3 2.การเลอื กใชว้ สั ดุ 4.70 0.47 มากทส่ี ดุ 6 4.73 0.45 มากทส่ี ดุ 5 3.ขัน้ ตอนการพัฒนาผลิตภัณฑ์ 4.80 0.41 มากที่สดุ 4.ความน่าสนใจของผลติ ภณั ฑ์ 4.93 0.25 มากท่สี ดุ 4 5.ความปลอดภยั ของผลติ ภัณฑ์ 4.50 0.73 มากท่สี ดุ 2 6.ความรวดเร็วในการตากแห้ง 4.97 0.18 มากทสี่ ดุ 7 7.ประโยชนก์ ารใช้งาน 4.93 0.25 มากทส่ี ดุ 1 8.ประสิทธภิ าพ 4.97 0.18 มากทส่ี ดุ 2 9.ประสทิ ธิผลความค้มุ คา่ ตอ่ การลงทุน 4.83 0.36 มากที่สดุ 1 รวม จากตารางท่ี 17 แสดงให้เห็นวา่ ผูร้ บั บรกิ ารดา้ นการพฒั นา (Top Up) พฒั นาโรงเรือนตากปลาด้วย พลังงานแสงอาทิตย์ โดยภาพรวมมีความพึงพอใจอยู่ในระดับมากท่ีสุด มีค่าเฉล่ียคือ 4.83 ซ่ึงสามารถ เรยี งลาดบั จากมากไปหาน้อยดงั น้ี ประโยชน์การใช้งานและประสิทธิผลความคุ้มค่าต่อการลงทุน มีค่าเฉลี่ยคือ 4.97 รองลงมาคือความปลอดภัยของผลิตภัณฑ์และประสิทธิภาพ มีค่าเฉลี่ยคือ 4.93 ถูกสุขลักษณะอนามัย มคี า่ เฉลี่ยคอื 4.90 ตามลาดบั

42 ตารางท่ี 18 แสดงคา่ เฉลีย่ การประเมนิ โครงการศนู ย์ซ่อมสรา้ งเพ่ือชมุ ชน (Fix it Center) แบบถาวร ประจาจงั หวัด ทงั้ ดา้ นบริบท ด้านปจั จัยนาเขา้ ดา้ นกระบวนการ และด้านผลผลติ ท่ี การประเมินรายด้าน ค่าเฉลย่ี การแปลผล เกณฑ์ ผลการประเมนิ 1 ด้านบริบท X มากทส่ี ุด X ≥3.51 ผ่าน มากที่สดุ X ≥3.51 ผา่ น 2 ด้านปัจจัยนาเขา้ 4.91 มากทีส่ ดุ X ≥3.51 ผ่าน มากทส่ี ุด X ≥3.51 ผา่ น 3 ดา้ นกระบวนการ 4.81 มากทส่ี ดุ X ≥3.51 ผา่ น 4.83 4 ด้านผลผลิต 4.96 มากทสี่ ุด X ≥3.51 ผ่าน 4.59 4.1 ความพงึ พอใจของ มากที่สุด X ≥3.51 ผา่ น ผู้รับบริการด้านการ 4.50 บรกิ ารซอ่ ม ( Repair) มากทส่ี ุด X ≥3.51 ผา่ น 4.50 4.2 ความพงึ พอใจ ของผู้รับบรกิ ารดา้ น 4.50 บริการสร้าง (Build) หลักสูตรการทาน้ายาถู พื้นแบบฆ่าเชือ้ และ น้ายาลา้ งจาน 4.3 ความพึงพอใจ ของผรู้ บั บรกิ ารดา้ น บรกิ ารสรา้ ง (Build) หลกั สูตรช่างตดั ผมชาย 4.4 ความพึงพอใจ ของผรู้ บั บริการดา้ น บรกิ ารสรา้ ง (Build) หลกั สตู รซ่อม รถจักรยานยนต์ 4.5 ความพึงพอใจ ของผรู้ ับบริการดา้ น บรกิ ารสรา้ ง (Build) หลักสูตรซอ่ ม เครอ่ื งใช้ไฟฟ้าเบื้องต้น

43 ตารางท่ี 18 แสดงคา่ เฉล่ยี การประเมนิ โครงการศูนย์ซอ่ มสรา้ งเพื่อชุมชน (Fix it Center) แบบถาวร ประจาจังหวดั ท้งั ด้านบรบิ ท ด้านปจั จยั นาเขา้ ดา้ นกระบวนการ และดา้ นผลผลิต (ตอ่ ) ที่ การประเมินรายดา้ น ค่าเฉลยี่ การแปลผล เกณฑ์ ผลการประเมนิ มากท่ีสดุ ผา่ น 4 ด้านผลผลิต X X ≥3.51 ผา่ น มากท่สี ุด X ≥3.51 ผ่าน 4.6 ความพงึ พอใจ 4.80 X ≥3.51 มากทส่ี ุด ผา่ น ของผูร้ บั บรกิ ารด้าน ผ่านทุกดา้ น บริการพฒั นา (Top Up) พัฒนาเครื่องห่นั ขนมไทย 4.7 ความพงึ พอใจ 4.83 ของผู้รับบรกิ ารดา้ น บรกิ ารพัฒนา (Top Up) ) พัฒนาเครื่อง เหลากา้ นจาก 4.8 ความพงึ พอใจ 4.83 ของผ้รู ับบรกิ ารดา้ น บรกิ ารพัฒนา (Top Up) ) การพัฒนา โรงเรือนตากปลาด้วย พลงั งานแสงอาทติ ย์ ภาพรวมการผลประเมิน

44 บทที่ 5 สรปุ อภปิ รายผล และขอ้ เสนอแนะ การรายงานผลการประเมินโครงการศูนย์ซ่อมสร้างเพ่ือชุมชน (Fix it Center) แบบถาวร ประจา จังหวัดในคร้ังน้ีผู้รายงานได้ใช้รูปแบบการประเมินแบบซิปโมเดล (CIPP Model) ตามแนวคิดของ Daniel Stufflebeam ซึ่งประกอบดว้ ย 1. วตั ถปุ ระสงค์ของการประเมินโครงการ 1.1 เพอ่ื ประเมินบรบิ ทของโครงการศูนยซ์ อ่ มสร้างเพื่อชุมชน ( Fix it Center ) แบบถาวรประจาจังหวดั 1.2 เพอื่ ประเมนิ ปัจจยั นาเข้าของโครงการศูนยซ์ ่อมสร้างเพื่อชุมชน ( Fix it Center ) แบบถาวรประจาจังหวัด 1.3 เพ่อื ประเมินกระบวนการของโครงการศูนย์ซ่อมสร้างเพ่ือชมุ ชน ( Fix it Center ) แบบถาวรประจาจังหวดั 1.4 เพือ่ ประเมนิ ผลผลิตของโครงการศูนยซ์ ่อมสรา้ งเพ่ือชมุ ชน ( Fix it Center ) แบบถาวรประจาจงั หวดั 2. ขอบเขตของการประเมินโครงการ 2.1 รปู แบบการประเมิน การประเมินโครงการศูนย์ซ่อมสร้างเพ่ือชุมชน ( Fix it Center ) แบบถาวรประจา จังหวัด ผู้รายงานได้ใช้ รูปแบบการประเมินโครงการแบบ CIPP Model ของ Daniel Stufflebeam (1997 : 261 – 265) ซ่งึ เปน็ การรายงานการประเมินใน 4 ด้าน คือ 2.1.1 ดา้ นบรบิ ท 2.1.2 ด้านปจั จัยนาเข้า 2.1.3 ด้านกระบวนการ 2.1.4 ด้านผลผลิต 2.2 ประชากรและกลุ่มตัวอย่าง 2.2.1 ประชากรทใ่ี ช้ในการรายงานผลการประเมนิ โครงการในเร่ืองนี้ไดแ้ ก่ ประชาชนในพนื้ ที่ จงั หวดั สตลู 2.2.2 กลมุ่ ตัวอยา่ งท่ีใชใ้ นการรายงานผลการประเมินโครงการในเรอื่ งน้ี ได้แก่ 1) กลมุ่ ตัวอย่างที่ใช้ในการรายงานผลการประเมินโครงการด้านบรบิ ท ดา้ นปัจจัยนาเข้า และดา้ นกระบวนการ จานวน 50 คน