Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore แบบทดสอบข้อสอบปรนัย

แบบทดสอบข้อสอบปรนัย

Published by 022 มินตรา แสนโม่, 2021-06-08 09:00:14

Description: วัตถุประสงค์การจัดการเรียนการสอน รายวิชา การพัฒนาบนเรียนออนไลน์
1.เพื่อใช้ในการเรียนการสอนออนไลน์
2.เพื่อให้เกิดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน

Keywords: แบบทดสอบข้อสอบปรนัย

Search

Read the Text Version

เคร่ืองมื่อวดั พฤตกิ รรมการเรียนรู้ แบ่งเป็ น3ด้าน การวดั ด้านพทุ ธพิ สิ ัย เป็นการวดั ดา้ นสติปัญญา ไดแ้ ก่ความรู้ ความจา ความเขา้ ใจ การ จิตพิสยั ทกั ษะพสิ ยั นาไปใช้ การวิเคราะห์ การสงั เคราะห์ และ การประเมินค่า และอาจวดั พธุ ิพสิ ยั คุณลกั ษณะทางจิตพิสยั และทกั ษะพิสยั ไดด้ ว้ ย แบบทดสอบ คือชุดของคาถาม ที่สร้างข้ึนเพื่อใหผ้ ถู้ ูกทดสอบตอบสนองเป็ นผลที่ สามรถวดั ได้ แบบทดสอบท่ีแบ่งตามจุดม่งุ หมายในการสร้าง แบง่ เป็น 2 ประเภท -อตั นยั -ปรนยั ปรนัย (objective test )หรือแบบตอบส้ัน(short answer) เป็นแบบทดสอบที่กาหนดให้ตอบส้นั ๆ หรือมีคาตอบให้เลือก แบง่ ออกเป็น 4 รูปแบบ จับคู่ (matching) เลือกตอบ (multiple choice) ถูก-ผดิ (true-false) เตมิ คา (completion)

แบบทดสอบแบบถูกผดิ คือแบบทดสอบแบบเลือกตอบที่มีตวั เลือก 2 ตวั และเป็นตวั เลือกเหมือนๆ กนั ทุกขอ้ เช่น ถูก-ผดิ ใช่-ไม่ใช่ จริง-เท็จ ลกั ษณะของแบบทดสอบชนิดน้ีจะเป็นขอ้ ความท่ีเป็นสถานการณห์ รือปัญหาในรูปประโยคบอกเล่าหรือปฏิเสธซ่ึงมีท้งั ถกู และผิดตามหลกั วชิ า คละกนั ไป จึงเหมาะสาหรับการถามเก่ียวกบั เรื่องราวหรือขอ้ เทจ็ จริงท่ีไมม่ ีขอ้ แยงั รูปแบบคาถามของแบบทดสอบถูก-ผดิ 1.แบบคาถามเดย่ี ว (simple true-false test) จะเป็นประโยคหรือขอ้ ความท้งั ถูกและผิดคละกนั ไปแลว้ ใหต้ อบพจิ ารณตดั สินใจตอบวา่ ถูก (ถ) หรือผดิ (ผ) ใช่หรือไม่ใช่ เป็ นแบบทว่ั ไปและใชง้ า่ ยที่สุด ถ ผ 1) ออกซิเจนเป็ นแก๊สที่มีมากที่สุดในอากาศ ถ ผ 2) ทวีปเอเชีย เป็ นทวีปท่ีมีขนาดใหญ่ที่สุด ถ ผ 3) กาแฟเป็นสินคา้ ส่งออกสาคญั ท่ีสุดของบราซิล

2.แบบคาถามกล่มุ (cluster true-false test) รูปแบบคาถามจะมีประโยคหลกั มาก่อนหน่ึงขอ้ และตามดว้ ยขอ้ ยอ่ ยที่ เขียนขอ้ ความขยายรายละเอียดของเน้ือหาประโยคหลกั แลว้ ให้พิจารณาวา่ ประโยคในขอ้ ยอ่ ย ถูกหรือผิด ตามประโยคหลกั หรือไม่ เช่น 1) หากประเทศไทยอยใู่ นภาวะเงินเฟ้อ จะทาให้ ถ ผ 1.1) สินคา้ มีราคาแพง 3. แบบให้แก้ข้อความทผ่ี ดิ ให้ถูกต้อง (correction variety) ถ ผ 1.2) ตน้ ทุนการผลิตไมแ่ น่นอน ถ ผ 1.3) ความตอ้ งการซ้ือสินคา้ ลดลง รูปแบบคาถามจะกาหนดขอ้ ความใหแ้ ลว้ ใหผ้ ตู้ อบพิจารณาวา่ ขอ้ ความท่ีกาหนดใหข้ อ้ ถ ผ 1.4) การกระจายรายไดแ้ ยล่ ง ใดถูกหรือผิด ถา้ ขอ้ ใดให้ระบสุ ่วนที่ผดิ โดยขีดเสน้ ใตแ้ ละแกไ้ ขให้ถกู ตอ้ งดว้ ย เช่น ถ ผ- โลกหมุนรอบตวั เอง 1 รอบ ใชเ้ วลา 1 เดือน ร1้ อวนนัถ ผ -ประเทศที่อยใู่ กลเ้ สน้ ศูนยส์ ูตรมีอากาศเยน็ ถ ผ -ประเทศไทยมี 3 ฤดู

หลกั การสร้างแบบทดสอบถกู -ผิด 1.เขียนคาถามให้ชดั เจน เขา้ ใจงา่ ยไมค่ ลุมเครือ ถ ผ – เชกสเปี ยร์เป็นกวีผปู้ ราดเปร่ืองเรืองนามของโลก ถ ผ – เชกสเปี ยร์เป็นกวีเอกของโลก ถ ผ- เฮโรโดตสุ เป็นบิดานกั ประวตั ิศาสตร์ท่ีเลื่องชื่อแห่งโลกตะวนั ตก ถ ผ- เฮโรโดตสุ เป็นบิดาแห่งประวตั ิศาสตร์ตะวนั ตก 2. ไมค่ วรยกขอ้ ความหรือประโยคจากตาราโดยตรง เพราะเป็นการเนน้ ให้ผเู้ รียนมงุ่ ทอ่ งจามากกวา่ การใชก้ าร คิดเพื่อคน้ หาคาตอบ -ประชาธิปไตย เป็นระบอบการปกครองแบบหน่ึงซ่ึงการบริหารอานาจรัฐมาจากเสียงขา้ งมากของพลเมืองผู้ เป็นเจา้ ของอานาจอธิปไตย -ประชาธิปไตย เป็นการปกครองที่อานาจอธิปไตยเป็นของประชาชน -ระบอบเผด็จการ เป็นรูปแบบการปกครองแบบอตั ตาธิปไตย ซ่ึงรัฐบาลอยภู่ ายใตก้ ารบริหารของบุคคลเพียง คนเดียว หรือ ผเู้ ผด็จการ โดยไม่มีการสืบทอดตาแหน่งตามสายเลือด -ระบอบเผดจ็ การ เป็นรูปแบบการปกครองท่ีอานาจอยกู่ บั บุคคลหรือกลุ่มๆเดียว

3. ไมค่ วรใชป้ ระโยคปฏิเสธซอ้ น เพราะอาจทาให้ผตู้ อบงง หรือเขา้ ใจผิด ถ ผ- คนไมน่ บั ถือศาสนาไม่ใช่คนไมด่ ี ถ ผ – คนดีไม่จาเป็ นตอ้ งนบั ถือศาสนา ถ ผ – ไม่มีความสาเร็จใดไม่ไดม้ าจากการไม่พยายาม ถ ผ – ความสาเร็จไดม้ าจากความพยายาม 4. เขียนขอ้ ความหรือประโยคที่มีความถูกหรือผดิ อยา่ งซดั เจน ไม่ถูกหรือผดิ คร่ึงหน่ึง ถ ผ- โลกเป็นดาวฤกษท์ ่ีอยใู่ นระบบสุริยะจกั รวาล ถ ผ-โลกอยใู่ นระบบสุริยะจกั รวาล ถ ผ-กมั พชู าอยใู่ นทวปี ยโุ รปและมีอาณาเขตติดต่อกบั ไทย ถ ผ- กมั พชู าอยใู่ นทวีปยโุ รป

5. การสร้างขอ้ ผดิ โดยสะกดชื่อคนให้ผิด หรือเติมคาวา่ \"ไม่\" ลงในขอ้ ความที่ถูกเพือ่ ใหข้ อ้ น้นั ผดิ เป็ น การไม่เนน้ ที่สาระที่สาคญั ของเร่ืองหรือประเด็นท่ีถาม - ประหยดุ จนั ทโ์ อชาเป็นนายกรัฐมนตรีคนท่ี29ของไทย - ประยทุ ธ์ จนั ทร์โอชาเป็นนายกรัฐมนตรีคนท่ี28ของไตห้ วนั *สาระคาสัญคือลาดบั ท่เี ท่าไหร่ และประเทศอะไร -ประวติ ย์ ไมไ่ ดเ้ ป็นรองนายกรัฐมนตรีของไทย -ประวติ ร เป็นนายกรัฐมนตรีของไทย *สาระสาคญั อย่ทู ต่ี าแหน่งอะไร 6. ไมค่ วรใชค้ าช่วยใหค้ าตอบถูกหรือผิดเด่นชดั ข้ึน ไดแ้ ก เสมอๆ อาจจะ ไมค่ อ่ ยจะ ไม่เคย แน่ๆ ไม่มีส่ิงใด บางอยา่ ง ทุกๆ ท้งั หมด ควรใชข้ อ้ ความที่บอกปริมาณหรือจานวนที่แน่ชดั เช่น ถ ผ – ในสงครามครูเสดเกิดการรบบ่อย ๆ ถ ผ - ในสงครามครูเสดเกิดการรบถึง 9คร้ัง ถ ผ- สงครามโลกคร้ังท่ี2เป็นการสู้รบกนั ระหวา่ งหลายๆฝ่าย ถ ผ-สงครามโลกคร้ังท่ี2เป็นการสู้รบสองฝ่าย คือ ฝ่ายอกั ษะและฝ่ายพนั ธมิตร

7. พยายามหลีกเลี่ยงขอ้ ความที่เป็นคาสง่ั หรือคาขอ้ ร้อง ถ ผ - จงทาดีอยา่ งนอ้ ยวนั ละ 3 คร้ัง ถ ผ- ช่วยนาเคร่ืองสงั ฆทานในการทาบุญมาใหค้ รบถว้ น 8 .พยายามให้ขอ้ สอบแตล่ ะขอ้ เป็นคนละประเด็นเพอ่ื ไม่ใหข้ อ้ สอบขอ้ ใดขอ้ หน่ึงแนะ คาตอบขอ้ อ่ืน เช่น (อยา่ ให้ขอ้ สอบสปอยกนั ) ถ ผ- ประเทศไทยมีอาณาเขตทิศตะวนั ตกติดตอ่ กบั ประเทศเมียนมาร์ ถ ผ -ประเทศเมียนมาร์มีอาณาเขตตะวนั ออกติดกบั ประเทศไทย เพราะขอ้ สอบ 2 ขอ้ น้ีไม่เป็นอิสระตอ่ กนั ) ถ ผ-ภเู ขาไฟฟจู ิต้งั อยทู่ ่ีโตเกียวประเทศญี่ป่ นุ ถ ผ- ภูเขาไฟฟจู ิต้งั อยทู่ วปี เอเชีย

9. ควรใหม้ ีความยาวใกลเ้ คียงกนั และถา้ เป็นไปไดค้ วรจดั เรียงขอ้ สอบตามลาดบั ความยาวประโยค 10. ควรให้จานวนขอ้ ถูกและขอ้ ผดิ มีจานวนใกลเ้ คียงกนั และไม่ควรเรียงขอ้ ถูกและขอ้ ผิดใหเ้ ป็นระบบแบบใดแบบหน่ึงไดเ้ พอื่ ไมใ่ หผ้ สู้ อบ คาดเดา ถ ประเทศจีนมีประชากรมากที่สุดในโลก ผ ประเทศไทยถูกจดั อยใู่ นกลุ่มประเทศพฒั นาแลว้ ถ น้าตกแองแจลอยทู่ ี่เวเนซุเอลา ถ ประเทศอินโดนีเซียมีหมเู่ กาะมากที่สุดในโลก ถ นครรัฐวาติกนั มีพ้ืนที่นอ้ ยท่ีสุดในโลก ผ สหรัฐอเมริกาอยลู่ ะติจดู สูงที่สุดในอเมริกาเหนือ ถ นครวดั เป็น1ใน7สิ่งมหศั จรรยข์ องโลกอยทู่ ี่กมั พชู า ผ ซาฮาราเป็นทะเลทรายท่ีเล็กท่ีสุดในโลก ผ เมืองหลวงของเมียนมาร์คือ กุง้ ยา่ ง ผ เทือกเขาร็อกก้ีสูงที่สุดในโลก ถ เฝอคืออาหารยอดนิยมที่เวียดนาม ผ สิงคโ์ ปร์มีพ้ืนที่สีเขียวนอ้ ยกวา่ กรุงเทพมหานคร

ขอ้ ดี ขอ้ จำกดั การตรวจให้คะแนน 1. สรำ้ งไดง้ ่ำยและสรำ้ งไดท้ กุ วิชำ 1. เปิ ดโอกำสใหเ้ ดำไดม้ ำกเพรำะให้ เลอื ก การตรวจให้คะแนนขอ้ สอบถูก-ผดิ มีวธิ ีการดงั น้ี 2. ใช้เวลำในกำรสรำ้ งขอ้ สอบและกำร 1 กาหนดคะแนนใหเ้ ท่ากนั ทุกขอ้ โดยปกติจะให้ ตรวจ อยำ่ งใดอยำ่ งหนึ่งจำกสองอยำ่ ง ผูต้ อบ คะแนนขอ้ ท่ีตอบถูก 1 คะแนน ขอ้ ที่ตอบผดิ 0 คะแนน ใหค้ ะแนนน้อย มโี อกำสเดำถกู ถงึ 50% 2 ควรทาเฉลยคาตอบไวล้ ่วงหนา้ จะทาให้ตรวจได้ 3. สำมำรถถำมไดจ้ ำนวนมำกๆ ขอ 2. ไมส่ มำรถวนิ ิจฉยั จุดบกพรอ่ งหรือ ง่ายและรวดเร็ว วดั ไดค้ รอบกลุมเนื้อหำ จุดออ่ นขอ 3 ตอ้ งตรวจใหค้ ะแนนตวั ยความละเอียด รอบคอบ 4. ตรวจใหค้ ะแนนไดง้ ำ่ ย แน่นอน และ ผเู้ รยี นไดอ้ ยำ่ งแทจ้ รงิ เนือ่ งจำกโอกำส และครบถว้ นทกุ ขอ้ รวดเร็ว เดำถกู ข้อดแี ละข้อจากดั ของแบบทดสอบถูก-ผดิ 5. มคี วำมเทยี่ งตรง ยุตธิ รรมและมี มมี ำก แบบทดสอบถูก-ผดิ มีขอ้ ดีและขอ้ จากดั ควำม 3. ถำ้ ใชแ้ บบทดสอบถกู ผดิ บอ่ ย ๆ อำจ เป็ นปรนยั ในกำรตรวจใหค้ ะแนน สรำ้ ง นิสยั กำรเรยี นรทู้ ีไ่ มเ่ หมำะสมใหแ้ ก่ นกั เรยี น โดยมงุ่ ทจี่ ะหำเครอื่ งหมำยถกู หรือผดิ ไมไ่ ดฝ้ ึ ก- กำรคดิ ใหล้ กึ ซง้ึ ในกำรเรียนรู้ เป็ นกำรยำกทีจ่ ะสรำ้ งขอ้ ควำมใหเ้ ป็ น

แบบทดสอบจบั คู่ รูปแบบคาถามของแบบจับคู่ แบบหาความสัมพนั ธ์ ประกกอบดว้ ยขอ้ ความท่ีสอดคลอ้ งกนั เช่น เป็นแบบทดสอบแบบเลือกตอบชนิดพิเศษ ซ่ึงมีชุดของ ศพั ท์ กบั ความหมาย คาถามที่มีตวั เลือกชุหน่ึงร่วมกนั แลว้ ให้ผสู้ อบเลือกจบั คู่ท่ี ผลงาน กบั ช่ือบุคลที่คน้ พบ ตรงกนั กนั ตามเกณฑอ์ ยา่ งหน่ึงและในแตล่ ะคร้ังที่จบั คูต่ อ่ ไป เหตุการณ์สาคญั กบั ปี ท่ีเกิด จานวนตวั เลือกก็จะลดลงไปเรื่อยๆ ลกั ษณะของแบบทดสอบ จบั คูป่ ระกอบดว้ ยชุดของคาหรือขอ้ ความแยกออกเป็น 2 ชุดโดย ปกติจะใหช้ ุดทางซา้ ยมือเป็นตวั คาถาม ชุดทางขวามือเป็น คาตอบ แลว้ ให้ผสู้ อบเลือกจบั คูว่ า่ คาหรือขอ้ ความใดระหวา่ งแต่ ละชุด มีความสมั พนั ธก์ นั ลกั ษณะสาคญั ของแบบทดสอบจบั คู่ก็ คือ คาหรือขอ้ ความในแต่ละชุดควรมีลกั ษณคลา้ ยคลึงกนั หรือ เป็ นกลุ่มเดียวกนั

ตวั อยา่ ง คาช้ีแจง้ ให้ขอ้ ความทางซา้ ยเป็นเหตุการณ์สาคญั ขอ้ ความทางขวาเป็นเวลาท่ีเกิดเหตกุ ารณ์ ใหน้ กั เรียนนาอกั ษรมาใส่ในช่องวา่ งหนา้ เหตุการณ์สาคญั ให้ถูกตอ้ ง ค....1 พระสงฆส์ าวกของพระพทุ ธเจา้ จานวน ๑,๒๕๐ รูปมาประชุมพร้อมกนั ท่ี โดยมิไดน้ ดั หมาย ก.วนั แรม ๘ ค่า เดือน ๖ ง…2 พระพทุ ธเจา้ ประสูติ ตรัสรู้ ปรินิพพา ข.ข้ึน ๑๕ ค่า เดือน ๘ ก…3 วนั ถวายพระเพลิงพระพทุ ธสรีระเป็นวนั ที่ชาวพทุ ธตอ้ งวิปโยค ค.ข้ึน ๑๕ ค่า เดือน ๓ ข…4 พระพทุ ธเจา้ ทรงแสดง พระธรรมเทศนาแกป่ ัญจวคั คีย์ ท้งั 5 ง.ข้ึน ๑๕ ค่า เดือน

แบบแยกประเภท มีหวั ขอ้ หลกั อยไู่ มม่ าก และตอ้ งการทราบรายละเอียดของแตล่ ะขอ้ เช่น ยคุ สมยั ภมู ิภาค ตวั อยา่ ง จากภมู ิภาคในประเทศไทยและท่ีต้งั ความสาคญั ต่อไปน้ีให้นกั เรียนนาตวั อกั ษรมาใส่หนา้ ภูมิภาคในประเทศไทยให้ถูกตอ้ ง ……1ภาคเหนือ ก.ขนาบดว้ ยอา่ วไทยทางฝ่ังตะวนั ออก และทะเลอนั ดามนั ทางฝ่ังตะวนั ตก ……2.ภาคตะวนั ออกเฉียงเหนือ ข.ลกั ษณะภมู ิเทือกเขาสลบั ซบั ซอ้ น …….3.ภาคตะวนั ตก ค.ประกอบไปดว้ ยจงั หวดั เพยี ง 5 จงั หวดั …….4.ภาคกลาง ง.ต้งั อยบู่ นแอง่ โคราชและแอง่ สกลนคร มีแมน่ ้าโขงก้นั ประเทศลาว …….5.ภาคตะวนั ออก จ.มีกรุงเทพมหานคร เมืองหลวงของประเทศไทยต้งั อยู่ …….6.ภาคใต้ ฉ.อยตู่ ิดชายฝั่งอ่าวไทยดา้ นตะวนั ออก ช.เดิมถือเป็ นส่วนหน่ึงของภาคกลาง

แบบจดั เรียงใหม่ แบบน้ีตอ้ งการใหผ้ สู้ อบเรียงลาดบั ใหมซ่ ่ึงอาจจะเป็นลาดบั ของเหตุการณ์ ลาดบั ข้นั การพสิ ูจน์ ลาดบั ความสาคญั กฎเกณฑห์ รือลาดบั น้าหนกั เป็ นตน้ คาช้ีแจง จงเรียงลาดบั ข้นั ตอนของวธิ ีการทางประวตั ิศาสตร์ โดยใส่เลข 1 2 3 และ 5 ลงในวงเล็บหนา้ ขอ้ ความที่กาหนดให้ (……..)การประเมินคุณค่าของหลกั ฐานท่ีไดม้ า (…….)การกาหนดหวั เรื่องที่ตอ้ งการจะศึกษา (…….)การรวบรวมหลกั ฐานท่ีเก่ียวขอ้ ง (……..)การเรียบเรียงหรือการนาเสนอขอ้ มูล (.…….)การวิเคราะห์ สงั เคราะห์ และจดั หมวดหมขู่ อ้ มลู 1. การกาหนดหวั เร่ืองท่ีตอ้ งการจะศึกษา 2. การรวบรวมหลกั ฐานที่เกี่ยวขอ้ ง 3. การประเมินคุณค่าของหลกั ฐานท่ีไดม้ า 4. การวิเคราะห์ สงั เคราะห์ และจดั หมวดหมู่ขอ้ มูล 5. การเรียบเรียงหรือการนาเสนอขอ้ มูล

หลกั การสร้างแบบทดสอบจบั คู่ การสร้างแบบทดสอบจบั คู่ มีหลกั การสร้างดงั น้ี 1. ขอ้ ความหรือคาท่จี ะใหจ้ บั คู่ ควรเป็นเรื่องราวประเภทเดียวกนั ถา้ ตอ้ งการถามหลายๆ เรื่อง ควรแยกออกเป็นคนละชุด 2.ใหข้ อ้ ความหรือคาในคอลมั น์หน่ึงจะตอ้ งจบั คูไ่ ดถ้ ูกตอ้ ง ตรงกบั ชอ้ ยหรือคาเพียงขอ้ เดียวในอีกคอลมั น์หน่ึงเท่าน้นั จะไปจบั คู่ขอ้ ความหรือคาอ่ืนอีกไม่ได้ 3. ทกุ ขอ้ ความหรือคาในชุดหน่ึง ๆ ก็จะตอ้ งเป็นเร่ืองเดียวกนั 4.ใหข้ อ้ ความ หรือคาในคอลมั น์ที่เป็นตวั เลือก หรือคาตอบมีจานวนขอ้ มากกวา่ ขอ้ ความหรือคาในคอลมั น์ท่เี ป็นคาถาม หรือตวั ยนื อยา่ งนอ้ ยประมาณ 3-4 ขอ้ เพื่อลดโอกาส ในการเดาตอนทา้ ย ๆ 5.แบบทดสอบจบั คู่ชุดหน่ึงๆ ไม่ควรมีจานวนขอ้ มากเกินไป ถา้ มีมากเกินไปผสู้ อบจะเสียเวลาในการอ่านทาใหง้ ง ถา้ มีนอ้ ยเกินไป ผสู้ อบจะเดาคาตอบได้ 6 .การเรียงลาดบั ขอ้ ความ หรือคาในแต่ละคอลมั นค์ วรกระจายตาแหน่งกนั แลว้ ถูกตอ้ งสลบั กนั ไป ไม่ควรให้อยตู่ รงกนั เป็นคู่ๆ เพ่อื ป้องกนั การเดาและการช้ีแนะคาตอบ 7.ตอ้ งเขียนคาสั่งให้ชดั เจนวา่ ขอ้ ความหรือคาในแต่ละคอลมั นก์ บั เรื่องอะไร และอาจเขยี นชื่อหวั ขอ้ หรือช่ือเร่ืองไวต้ อนบนของแตล่ ะคอลมั น์จะช่วยใหผ้ สู้ อบเขา้ ใจลกั ษณะ ของเน้ือหาท่ีถามและตอบไดง้ ่าย 8. ในการจบั คู่หรือการตอบควรให้นาเฉพาะตวั อกั ษรหนขอ้ ความหรือหนา้ คาของคอลมั น์ท่เี ป็นตวั เลือกไปใส่ไวห้ นา้ ขอ้ ความหรือคาของคอลมั น์ทเ่ี ป็ นตวั ยนื หรือคาถาม 9. ในการจดั พมิ พค์ วรใหข้ อ้ สอบแต่ละชุดอยใู่ นหนเดียว ไม่ควรใหไ้ ปตอ่ หนา้ อ่ืนพระจะทาให้ผสู้ อบยงุ่ ยาก และเสียเวลาในการพลิกกลบั ไปกลบั มา

การตรวจให้คะแนน ข้อดี ข้อจากัด 1. เขียนคาถามให้วดั สมรรถภาพทางปัญญาข้นั สูง การตรวจให้คะแนนขอ้ สอบจบั คู่ มีวธิ ีการดงั น้ี 1. เหมาะสาหรับวดั ความรู้ความจา ประเภทใคร ไดย้ าก อะไร ท่ไี หน เมื่อไร และอยา่ งไรไดด้ ี 1. ควรทาเฉลยไวล้ ่วงหนา้ 2. สร้างไดง้ ่าย ตรวจให้คะแนนง่ายและการให้ 2. ขอ้ สอบแต่ละขอ้ มีโอกาสเดาถูกไม่เทา่ กนั ขอ้ 2. ควรใหค้ ะแนนเท่ากนั ทุกขอ้ โดยตอบถูกได้ 1 คะแนน ตอบผดิ ได้ 0 คะแนนมีความเป็ นปรนัย ตน้ ๆ มีโอกาสเดาถูกนอ้ ยกวา่ ขอ้ ทา้ ย 3. วลาตรวจใหน้ าเฉลยไปเทียบกบั สิ่งท่ีผสู้ อบตอบ 3. เหมาะสาหรับวดั ความสามารถในการมอง 3. เป็นการยากท่จี ะสร้างขอ้ สอบให้เป็นเรื่อง แลว้ ให้คะแนนเฉพาะขอ้ ท่ีตอบถูก ความสัมพนั ธ์ระหวา่ งสิ่งของหรือสาระ 2 ชุด เดียวกนั หรือเป็นเอกพนั ธ์ 4. ควรใชห้ ลกั การใหข้ อ้ มลู ยอ้ นกลบั เพ่อื ปรับปรุง 4.ประหยดั กระดายและเน้ือท่ใี นการเขียน 4.ในบางคร้ังคาหรือขอ้ ความหน่ึงอาจจบั คูก่ บั คา แกไ้ ข(feedbackrion) ถา้ นกั เรียนตอบผิดควรแกไ้ ข หรือขอ้ ความในอีกชุดหน่ึงไดม้ ากกวา่ 1 คาตอบ ให้ถูกก่อนจะส่งขอ้ สอบคืนให้นกั เรียน 5. โอกาสในการเดามีนอ้ ย

การสร้างแบบทดสอบเติมคา แบบทดสอบเติมคา เป็ นแบบดสอประเภทใหต้ อบส้นั ๆ มีขอบเขตในการตอบโดยให้ ผสู้ อบหาคาตอบเองและเติมคาตอบลงในช่องวา่ งที่กาหนดให้ มีลกั ษณะเป็นประโยคคาถามหรือ ประโยคบอกเล่าท่ีเป็นขอ้ ความยงั ไมส่ มบรู ณ์โดยเวน้ ช่องวา่ งส่วนใดของประโยคก็ไดเ้ พอ่ื ให้ ผสู้ อบไดเ้ ติมคาหรือขอ้ ความใหถ้ ูกตอ้ งสมบูรณ์ แบบประโยคคาถาม รูปแบบน้ีจะเขียนเป็ นประโยคคาถามแลว้ เวน้ ช่อง แบบประโยคไม่สมบูรณ์ รูปแบบน้ีจะเขียนประโยคบอกเล่าท่ีไม่ ไวใ้ หเ้ ขียนตอบทา้ ยประโยคเพียงคาเดียว วลีเดียว หรือตวั เลขจานวน สมบูรณ์โดยเวน้ คา วลี หรือตวั เลขท่ีเกี่ยวขอ้ งกบั ประโยคน้นั ไวเ้ ป็นช่องวา่ ง หน่ึงเท่าน้นั เช่น เพอื่ ใหผ้ สู้ อบเติมประโยคให้ไดใ้ จความถูกตอ้ งสมบรู ณ์ เช่น 1. ธงชาติไทยมีท้งั หมดกี่สี………….. 1.วิธีการทางประวตั ิศาสตร์มีท้งั หมด..................ข้นั ตอน 2. ประเทศไทยเสียกรุงศรีอยธุ ยาให้แก่พม่าคร้ังที่ 2 2.ภมู ิภาคที่มีจงั หวดั นอ้ ยท่ีสุดคือ.............. ในปี พ.ศ.ใด…………….. 3.แมน่ ้าชี แม่น้ามูลในภาคตะวนั ออกเฉียงเหนือไหลสู่...................... 3.ภูเขาสนั กาลาคีรีก้นั เขตแดนไทยกบั ประเทศใด..............

แบบประโยคไม่สมบูรณ์ รูปแบบน้ีจะเขียนประโยคบอกเล่าท่ีไม่ แบบใช้คาถามชุดเดยี วกนั หรือคาชี้แจงร่วมกนั รูปแบบน้ีจะ สมบรู ณ์โดยเวน้ คา วลี หรือตวั เลขที่เกี่ยวขอ้ งกบั ประโยคน้นั ไวเ้ ป็น ใชค้ าถามหรือคาช้ีแจงร่วมกนั เพอ่ื ให้ผสู้ อบไดเ้ ติมคาตอบในแตล่ ะ ช่องวา่ งเพ่อื ให้ผสู้ อบเติมประโยคให้ไดใ้ จความถูกตอ้ งสมบรู ณ์ เช่น ขอ้ ท่ีเวน้ ช่องวา่ งไว้ เช่น 1.วิธีการทางประวตั ิศาสตร์มีท้งั หมด..................ข้นั ตอน จงบอกเวลาของวนั สาคญั ของศาสนาพทุ ธดงั ต่อไปน้ี 1.วนั มาฆบูชา........................... 2.ภูมิภาคท่ีมีจงั หวดั นอ้ ยท่ีสุดคือ.............. 2.วนั วิสาขบชู า.................................. 3.แม่น้าชี แมน่ ้ามูลในภาคตะวนั ออกเฉียงเหนือไหลสู่...................... 3.วนั อาสาฬหบชู า...................................... จงเขียนพระนามของพระมหากษตั ริยไ์ ทยต่อไปน้ี 1.รัชกาลที่ 3..................................................... 2.รัชกาลที่ 4...................................................... 3.รัชกาลท่ี 5....................................................

แบบใช้การเปรียบเทยี บหรืออุปมาอุปมยั รูปแบบน้ีจะเขียนสิ่งท่ีมีความสมั พนั ธ์ กนั หรือเกี่ยวขอ้ งกนั ไวเ้ ป็นคูใ่ นตอนนาแลว้ ให้ผตู้ อบหาส่ิงท่ีมีความสมั พนั ธ์หรือ เกี่ยวขอ้ งกบั คูท่ ี่ตามมา เช่น เทอร์โมมิเตอร์ : วดั อุณหภูมิ – ........................... : วดั ความกดอากาศ แอมมิเตอร์ : ปริมาณของกระแสไฟฟ้า -……………………ปริมาณความร้อน แบบให้เตมิ คาประพนั ธ์ รูปแบบน้ีจะกาหนดคาประพนั ธม์ าใหแ้ ตไ่ มค่ รบจะเวน้ คาประพนั ธ์บางส่วนไวแ้ ลว้ ให้ผสู้ อบเติมให้ครบถว้ น เช่น วิชาเหมือนสินคา้ ............................ ตอ้ งยากลาบากไป จึงจะไดส้ ินคา้ มา ปากเป็นเอก………………………….. ฉลาดเหลือวาจาปรีชาฉาน

หลกั การสร้างแบบทดสอบเติมคา การสร้างแบบทดสอบเติมคา มีหลกั การสร้าง ดงั น้ี 1.เขียนคาสง่ั ใหช้ ดั จนวา่ ตอ้ งการใหผ้ ูส้ อบตอบอยา่ งไร และเขียนตอบท่ีไหน 2.เขียนคาถามใหช้ ดั เจน เฉพาะเจาะจงไม่คลุมเครือ ใหม้ ีคาตอบไดเ้ พียงคาตอบเดียว เช่น - ผูป้ ระดิษฐโ์ ทรศพั ท์ คือ…………………………….(ไม่ดี) - ผูป้ ระดิษฐโ์ ทรศพั ทข์ ้ึนเป็นคนแรก คือ.........................(ดีข้ึน) - สงครามโลกคร้ังที่ 1 เกิดข้ึนใน……………….(ไมด่ ี) -สงครามโลกคร้ังที่ 1 เกิดข้ึนในปี ..........(ดีข้ึน) 3.ในแตล่ ะขอ้ ไมค่ วรกาหนดช่องวา่ งใหเ้ ติมหลายแห่ง เพราะอาจทาใหผ้ ูส้ อบงงหรือตอ้ งใชค้ วามสามารถดา้ นอื่นช่วย เช่น ความสามารถในการ เรียบเรียง ถอ้ ยคาเพือ่ ตอ่ ความแลว้ เติมในช่องวา่ ง เช่น -พืช...............ส่วนมากผลิต............จาก…….และ……..(ไมด่ ี) - พีชใบเขียวส่วนมากผลิตน้าตาลจาก……..และ………(ดีข้ึน) 4. คาตอบท่ีตอ้ งการใหเ้ ติมน้นั ตอ้ งเป็นประเด็นหรือจุดสาคญั จริงๆ เช่น - พอ่ ขนุ รามคาแหงมหาราช.........อกั ษรไทยเม่ือปี พ.ศ.1826 (ไมด่ ี) - พอ่ ขุนรามคาแหมหาราชทรงประดิษฐอ์ กั ษรไทยเมื่อปี พ.ศ………….(ดีข้นึ )

5.ถา้ คาถามน้นั ตอ้ งตอบเกี่ยวกบั ตวั เลขที่มีหน่วยตอ้ งใส่หน่วยไวด้ ว้ ย เพ่ือไดม้ ีเพยี งคาตอบเดียว เช่น - รูปส่ีเหล่ียมผนื ผา้ มีดา้ นกวา้ ง 16 นิ้ว ดา้ นยาว 2 ฟตุ จะมีพ้นื ท่ี……...(ไม่ดี) - รูปสี่เหลี่ยมผนื ผา้ มีดา้ นกวา้ ง 16 นิ้ว ดา้ นยาว 2 ฟตุ จะมีพ้นื ที่……………ตารางนิ้ว (ดีข้ึน) 6.ช่องวา่ งที่ใหเ้ ติมคาตอบควรใหอ้ ยตู่ อนทา้ ยของประโยคหรือทา้ ยขอ้ ความ เช่น -……………………ทรงประกาศเลิกทาส (ไม่ดี) - พระมหากษตั ริยไ์ ทยที่ทรงประกาศเลิกทาส คือ………………(ดีข้ึน) 7.ไม่ควรลอกขอ้ ความจากหนงั สือหรือตาราโดยตดั ขอ้ ความบางเพราะจะเป็นการเนน้ หรือส่งเสริมให้ผเู้ รียนท่องจามากกวา่ การส่งเสริมใหค้ ิด เช่น - ชาวนาปลูก…………….ในฤดูฝน (ไมด่ ี) 8.การเวน้ ช่องวา่ งท่ีให้เติมคาตอบ ควรเวน้ ใหเ้ พียงพอสาหรับการตอบไดอ้ ยา่ งครบถว้ น และควรเวน้ ช่องวา่ งในแตล่ ะขอ้ ให้มีขนาดเทา่ ๆ กนั เพือ่ ป้องกนั การแนะคาตอบ

ข้อดี ข้อจากัด การตรวจให้คะแนน การตรวจให้คะแนนขอ้ สอบ 1.สร้างได้ง่ายกว่าแบบทดสอบเลือกตอบและ 1. ถา้ เขยี นขอ้ สอบไม่ดีจะวดั แตค่ วามรู้ความจาซ่ึง เติมคา มีวิธีการดงั น้ี แบบทดสอบจับคู่เพราะไม่ต้องคิดตวั เลือก เป็นสมรรถภาพทางปัญญาข้นั ตน้ เทา่ น้นั 1.ควรเฉลยคาตอบไวล้ ่วงหนและเตรียม 2.โอกาสในการเดาให้ถูกมนี ้อยมากหรือเดา 2. โดยท่ีลกั ษณะของขอ้ สอบให้ตอบส้นั ๆจงึ เป็นการ คาตอบอ่ืน ๆ ที่อาจเป็ นไปไดใ้ นขอ้ น้นั ๆไวด้ ว้ ย ได้ยากเพราะผ้สู อบต้องคิดหาคาตอบเองไม่มีคาตอบ ยากท่จี ะเขยี นขอ้ สอบใหว้ ดั สมรรถภาพทางปัญญาข้นั 2.ถา้ ขอ้ สอบขอ้ ใดมีคาตอบไดห้ ลายอยา่ ง สูงๆ เช่น การวเิ คราะห์ สังเคราะห์และประเมินคา่ ตอ้ งใหค้ ะแนนคาตอบท่ีถูกตอ้ งทกุ คาตอบ ให้เลือก 3.คาตอบที่เติมในแตล่ ะช่องควรให้คะแนน 3. สามารถเขยี นคาถามได้หลายข้อเพราะแต่ละข้อ 3. ถา้ ในแตล่ ะขอ้ ตอ้ งการใหเ้ ตมิ หลายเรื่องหรือ เทา่ กนั ทุกคาตอบ ให้ตอบส้ัน ๆ และใช้เวลาในการตอบไม่มากนักจึงทา หลายแห่งจะไม่เหมาะสม เพราะการเวน้ ที่ไวอ้ าจแนะ 4.ไม่ควรหกั คะแนนคาตอบที่ถูกแตส่ ะกดผดิ ให้วดั ได้ครอบคลมุ เนื้อหา คาตอบผสู้ อบได้ 5.เพอ่ื ความสะดวกในการตอบและการตรวจ 4.นักวดั ผลการศึกษาหลายท่านต่างก็มีความเหน็ 4.ถา้ เขียนขอ้ สอบไม่ดี ผสู้ อบจะตอบไปคนละทิศละ อาจให้นกั เรียนเขียนตอบในกระดาษคาตอบกไ็ ด้ ตรงกันว่าแบบทดสอบชนิดนีม้ ปี ระโยชน์อย่างย่งิ ใน ทางเพราะเขา้ ใจไม่ตรงกนั การวดั ผลวชิ าวิทยาศาสตร์และคณิตศาสตร์เพราะ 5.ตรวจใหค้ ะแนนยากกวา่ แบบทดสอบปรนยั ชนิดที่ สามารถวดั ความรู้เกยี่ วกับข้อเทจ็ จริง คาศัพท์ กาหนดคาตอบให้ เช่น แบบถูก-ผดิ หรือแบบ กฎเกณฑ์ความสามารถท่ีจะหาคาตอบโดยการคานวณ เลือกตอบ การตีความหมายของข้อมูล การแปลความจากรูป หรือแผนภูมิได้

การสร้างแบบทดสอบเลือกตอบ แบบทดสอบเลือกตอบ คือ เป็นแบบทดสอบที่ใหผ้ สู้ อบเลือกคาตอบที่ถูกตอ้ ง หรือ 1.ตอนนาหรือตวั คาถาม (tem) เป็นขอ้ ความท่ีกระตนุ้ จูงใจให้ผสู้ อบคน้ หา 2 ตวั เลือก (choices หรือ option) เป็นส่วนท่ีเป็นไปไดใ้ นการตอบคาถาม ซ่ึงแบ่งออกเป็น 2 ประเภทคือ ตวั ถูกหรือคาตอบ (correct shoice) และตวั ลวง (distrators หรือ decoys) โดยทว่ั ไปตวั เลือกมกั จะกาหนตใหม้ ี 3-5 ตวั เลือกซ่ึงข้ึนอยกู่ บั ความยากง่าย ของคาถามและระดบั ช้นั เรียน รูปแบบคาถามของแบบทดสอบเลือกตอบ แบบทดสอบเลือกตอบปแบบคาถามหลากหลายข้ึนอยกู่ บั จดุ ประสงคข์ องการถาม และเน้ือหาท่ีจะถาม แต่รูปแบบที่นิยมใชก้ นั มากมี 3 แบบคือ - แบบคาถามโดดหรือคาถามเดยี่ ว (single question) -แบบตวั เลือกคงท่ี (constant choice) -แบบกาหนดสถานการณ์ (situation test)

แบบคาถามโดดหรือคาถามเดย่ี ว รูปแบบคาถามน้ีเป็นแบบท่ีใชก้ นั อยทู่ วั่ ไป ลกั ณะของคาถามจะถามฉพาะเร่ืองหน่ึงจบลง ในตวั เองไมเ่ กี่ยวขอ้ งกบั อ่ืนๆรูปแบบคาถามชนิดน้ียงั แบง่ ออกเป็นแบบยอ่ ยๆ ไดอ้ ีกดงั น้ี 1.แบบตอบถูก 2.แบบเติมคา 3.แบบเปลี่ยนแทน 4.แบบคาตอบไม่จากดั 5.แบบคาตอบรวม 6.แบบคาตอบไม่สมบรูณ์ 7.แบบนิเสธ 8.แบบเรียงลาดบั 9.แบบอนุกรม 10.แบบขาดเกิน 11.แบบสมั พนั ธ์ 12. แบบหลกั การร่วม 13.แบบตรรกวิจารณ์ 14.แบบรูปภาพ

1.แบบคาตอบถูก เป็นรูปแบบทวั่ ไปของขอ้ สอบเลือกตอบใชก้ นั ทว่ั ไป และใชม้ ากท่ีสุด แบ่งยอ่ ยเป็นอีก 3 ชนิด 1.1 ชนิดคาตอบถูกตอ้ ง 1.2 ชนิดคาตอบดีที่สุด 1.3 ชนิดคาตอบใกลเ้ คียง 1.1 ชนิดคาตอบถูกต้อง คาถามเก่ียวหลกั วิชา factขอ้ เทจ็ จริง ชนิดคาตอบถูกตอ้ งแน่นอน คาตอบท่ีดีท่ีสุดเพียงอยา่ งเดียวเท่าน้นั วิธีการเขียนคาถาม •คาถามที่มีตอบถูกตอ้ งตามหลกั วิชาไม่มีขอ้ ขดั แยง้ ใดๆท้งั สิ้น •ถา้ ถามเป็นแนวคิด หรือ สมมติฐาน ตอ้ งระบวุ า่ เป็นของใคร •ทาให้ตวั เลือกท้งั ถูกและผิด อยใู่ นทิศทางเดียวกนั

1.2 ชนิดคาตอบดที ส่ี ุด ในบางเน้ือหาไมส่ ามารถกาหนดขอ้ ท่ีถูกได้ จึงตอ้ งใชค้ าระบใุ หช้ ดั เช่น ถูกตอ้ งท่ีสุด ดีท่ีสุด สาคญั สุด เหมาะสม วิธีเขียนคาถาม -ตวั เลือกมาจากหลายองคป์ ระกอบแต่ขอ้ ถูกตอ้ งเด่นไมเ่ หมือนขอ้ ลวง Ex. ขอ้ ใดเป็นลกั ษณะสาคญั ท่ีสุดของอารยธรรมเมโสโปเตเมีย - ถา้ ตวั ลวงเหมือนตวั ถูกเกินไปให้เพิ่มเงื่อนไขคาท่ีชดั เจนลงไป ก. พระราชวงั -ถา้ ใชค้ าวา่ ท่ีสุด ให้บอกดว้ ยวา่ ท่ีสุดในเรื่องอะไร? ดา้ นไหน? ข. อกั ษรเฮียโรกลิฟิ ก -ตวั เลือกมีความยาวเท่ากนั ค. การปกครองแบบนครรัฐ -ไมใ่ ช่ ผดิ ถูกขอ้ หรือ ผิดทกุ ขอ้ เพราะมกั เป็นตวั เลือกที่ถูกทนั ที ง. การแกะสลกั ภาพนูน 1.3 ชนิดคาตอบใกล้เคยี ง Ex. กรุงรัตนโกสินทร์สถาปนาข้ึนประมาณก่ีปี มาแลว้ เป็นคาถามท่ีให้หาความใกลเ้ คียง ต้งั ใจท่ีจะถามความใกลเ้ คียงของความ ก. 100 ปี จริง คาถามที่ถามเช่น ขนาด จานวน ปริมาณ ข. 200 ปี ค. 400ปี -ขอ้ ควรระวงั ห้ามใชต้ วั เลือก ผดิ ทุกขอ้ เพราะ จะกลายเป็นคาตอบถูก ง. 800ปี เพราะไมง่ ้นั จะทาขอ้ สอบประเภทน้ีมาทาไม

2.แบบเตมิ คา ดดั แปลงมาจากขอ้ สอบเติมคา ขอ้ เสียคือวดั แตค่ วามจา คุณภาพคาถามและการตรวจให้คะแนน แบง่ เป็น 2ชนิด ไดแ้ ก่ ชนิดใหเ้ ติมแห่งเดียว หรือใหเ้ ติม 2 แห่ง 2.1 ชนิดเติมคาแห่งเดียว ประกอบดว้ ยประโยคที่ไม่สมบรูณ์ 1 ประโยค เวน้ ที่ไว้ 1 แห่ง และเลือกจาก 3-5 ตวั เลือก เพือ่ ใหป้ ระโยคท่ีถูกเวน้ ไวถ้ ูกตอ้ งสมบรูณ์ 2.2 ชนิดเติมสองแห่ง  ถา้ อยากใหง้ า่ ย ตดั เพียงแห่งเดียวและช่วงทา้ ยประโยค  ตดั สองแห่งจะยากข้ึน ประกอบดว้ ยประโยคท่ีไม่สมบรูณ์ 1 ประโยค เวน้ ที่ไว้ 2  ตดั ตอนตน้ ประโยคจะยากกวา่ ตดั ทา้ ยประโยค แห่ง และเลือกจาก 3-5 ตวั เลือก โดยแต่ตวั เลือกจะมีคาตอบ  ใหเ้ ติมคาส้นั ง่ายกวา่ วลี 2คาตอบ ตามช่องท่ีวา่ งอยู่ เพอื่ ใหป้ ระโยคที่ถูกเวน้ ไว้  คานาม สรรพนาม < กริยา วิเศษณ์ ถูกตอ้ งสมบรูณ์ - คาท่ีตดั ออกตอ้ งสามรถนามาสร้างตวั ลวงได้ - ถา้ หากเติมสองแห่ง ตอ้ งทาตวั ลวงใหถ้ า้ เติมลงไปแลว้ ไม่ไกลเคียงกบั วิธีเขียน คาตอบท่ีถูกเกินไป -ทาประโยคขอ้ ความให้ชดั เจนให้เหมาะกบั วยั ของเด็ก แลว้ - ใหค้ ะแนนแต่ละแห่งเทา่ กนั ค่อยทาการตดั คาตอบออก - เติม2แห่งกพ็ อ ถา้ มีเน้ือหาเยอะควรไปทาขอ้ ใหม่ - ใชไ้ ดก้ บั ทุกวชิ า แตว่ ชิ าภาษา จะเหมาะท่ีสุด -การตดั ขอ้ คาตอบมีดงั น้ี

ประยกุ ต์ใช้ - ถา้ การเติมคางา่ ยอาจจะเปล่ียนเป็ นวลี หรือ เป็นการตอ่ ประโยคกไ็ ด้ - คาตอบแต่ละแห่งอาจไมต่ อ้ งเป็น คา วลี ประโยค แบบเดียวกนั ท้งั หมด - ใชร้ ูปประกอบเพือ่ ดึงดูดความสนใจได้ - ทาใหต้ วั เลือกสามารถที่การแทนที่กนั ไดใ้ นบางช่อง เพือ่ เพ่มิ ความยากได้ Ex. ประเทศไทยปกครองในระบอบ..........1...............ต้งั แตส่ มยั อยธุ ยาเป็นตน้ มา จนกระทง่ั ในรัชกาลท7่ี จึงไดเ้ ปลี่ยนระบอบการปกครองเป็น .........2................ ก. ประชาธิปไตย สมบูรณาญาสิทธิราชย์ ข. สมบรู ณาญาสิทธิราชย์ ประชาธิปไตย ค. ทรราชยธ์ ิปไตย ประชาธิปไตย ง. สมบรู ณาญาสิทธิราชย์ อภิชนาธิปไตย จ. ประชาธิปไตย ทรราชยธ์ ิปไตย

3.แบบเปลยี่ นแทน ใชม้ ากในวิชาภาษา วดั ความสามารถในการใชค้ าหรือสานวน แต่ถา้ เป็นวิชาอ่ืนจะเป็นการวดั ความแมน่ ยาในหลกั วชิ าน้นั ๆโดยมีการกาหนดจุดผิด จะ หาคาตอบมาแกใ้ ห้ถูกตอ้ งสมบรูณ์มี2ชนิดคือ 3.1 ชนิดเปลี่ยนแปลง 3.2 ชนิดปรับปรุง Ex. ขอ้ ความจากศิลาจารึกกล่าววา่ \" ใครจกั ใคร่คา้ ชา้ งคา้ ใครจกั ใคร่คา้ มา้ คา้ \" หมายถึงอะไร ก. การขายชา้ งและมา้ เพือ่ ทาศึกสงคราม Ex. พระบาทสมเดจ็ พระนง่ั เกลา้ เจา้ อยหู่ วั เสด็จทรงไปณวดั ภูเขาทอง ข. ชอบสตั วช์ นิดใดกข็ ายสตั วช์ นิดน้นั ค. การคา้ ท่ีเสรีสามารถขายอะไรกไ็ ด้ ง. การซ้ือขายท่ีใชส้ ตั วใ์ นการแลกเปล่ียนส่ิงของ ก. เสด็จพระราชดาเนิน ข. ทรงสเดจ็ ประพาสไป ค. ทรงพระราชดาเนินไป ง. ทรงเสด็จประพาส

4.แบบคาตอบไม่จากดั ดดั แปลงมาจากผดิ ถูก โดยใน1ขอ้ จะสามารถเลือกก่ีคาตอบกี่ตวั เลือกกไ็ ดแ้ บบไม่จากดั แต่ตอ้ งถูกตามที่กาหนดทุกขอ้ จึงจะนบั วา่ ขอ้ น้นั ถูกและนบั คะแนน หากตอบผิดตวั เลือกเดียวขอ้ น้นั ก็จะผดิ ทนั ที(เป็นขอ้ สอบที่เจอไดย้ าก โดยในonetจะออกขอ้ สอบประเภทน้ี) วธิ ีเขียน •เหมาะกบั เน้ือหาท่ีมีคาตอบที่ถูกหลายคาตอบ เป็นการวดั วา่ รู้ครบหรือไม่ •ตอ้ งเป็นเน้ือหาท่ีถูกผิดชดั เจน ไมใ่ ช่ ดีท่ีสุด ใกลเ้ คียง ตวั เลือกตอ้ งเทา่ เทียมกนั •ไมใ่ ช้ ถูกหรือผดิ ทุกขอ้ •เขียนชดั เจน รัดกมุ •ใชไ้ ดก้ บั ทกุ วิชาเหมาะกบั สอบยอ่ ย •ตอ้ งใหเ้ วลาเยอะกวา่ แบบตอบขอ้ เดียวเพราะตอ้ งคิดทกุ ตวั เลือก •ตอ้ งมีคาช้ีแจงที่ชดั เจนเพราะไมใ่ ช่ขอ้ สอบเลือกตอบแบบปกติทวั่ ไป Ex.ขอ้ ใดเป็นสินคา้ ฟ่ มุ เฟ่ื อย •ครีมกนั แดด •บตั รเติมเกม •เส้ือผา้ •ชาบู •น้าแร่

5. แบบคาตอบผสมหรือคาตอบรวมหรือคาตอบซ้อน เป็ นขอ้ สอบที่คิดข้ึนมาเพื่อแกไ้ ขขอ้ บกพร่องของขอ้ สอบตอบแบบไม่จากดั ที่ผตู้ อบที่มีความรู้เรื่องน้นั ดีแต่ลืมหรือเผลอขีดไมค่ รบ เปลี่ยนให้เป็น การขีดคาตอบเพียงตวั เลือกเดียวแทน มี 2 ชนิด 5.1 ชนิดคาตอบผสม 5.2 ชนิดคาตอบคู่ 5.1 ชนิดคาตอบผสม แตล่ ะตวั เลือกจะมีถูกผิดผสมกนั จะตอ้ งเลือกตวั เลือกที่มีคาตอบถูกตามที่โจทยก์ าหนด วิธีเขียน -เน้ือหาควรมีขอ้ ยอ่ ยมากๆ มีเงื่อนไขหลายเง่ือนไข สามารถนาส่วนยอ่ ย ตา่ งมาเป็น1ในคาตอบไดห้ ลายขอ้ -ขอ้ สอบแบบน้ีมีประโยชน์เพราะทาใหผ้ สู้ อบ ไดฝ้ ึกความรอบครอบ

5.2 ชนิดคาตอบคู่ เป็นขอ้ สอบท่ีถาม2คาตอบ ในขอ้ เดียวกนั โดยตอ้ งพจิ ารณาทีละ ข้นั เพื่อเช่ือมโยงหาเหตผุ ลจากส่วนแรกไปอีกส่วน หาขอ้ ท่ี สมั พนั ธ์กนั อยา่ งถูกตอ้ ง 6. แบบคาตอบไม่สมบูรณ์ คาถามแบบน้ีจะกาหนดตวั เลือกที่ยงั เลือกตอบไมไ่ ด้ ผสู้ อบจะตอ้ งคิดหาคาตอบจากตวั เลือกท่ีกาหนดให้อีกที่ หน่ึง คลา้ ยกบั การเล่นเกมทายคา แบ่งออกเป็ น 2ชนิด 6.1 ชนิดคาตอบยอ่ 6.2 ชนิดคาตอบไม่สาเร็จ

6.1 ชนิดคาตอบยอ่ วธิ ีเขียน การใชต้ วั อกั ษรหรือตวั เลขบางส่วนจากคาตอบจริงมาเป็นตวั เลือก ลดการ เดาและขอ้ สอบแนะนาคาตอบ ช่วยให้ผสู้ อบไดค้ ิดตามคาถามที่ตอ้ งการถาม -เหมาะกบั เน้ือหาท่ีสามารถประยกุ ตไ์ ด้ -ควรดูวา่ เลข หรือ ตวั อกั ษรที่ใช้ จะซ้ากนั หรือไม่ ถา้ ไม่ซ้าจะดีมาก จริงๆ -เรียงลาดบั ตามตวั อกั ษรหรือตวั เลข A-Z ก-ฮ 0-9 -ควรมีขอ้ ช้ีแจงเพราะขอ้ ไมเ่ หมือนการเลือกตอบทวั่ ไป -สามารถนาขอ้ สอบชนิดถูกท่ีสุดและเลือกใกลเ้ คียงมาทาไดง้ า่ ย 6.2 ชนิดตอบไมเ่ สร็จ มีความคลา้ ยกบั การตอบแบบยอ่ แต่ในชนิดน้ีตวั เลือกจะไม่แสดง ผลสาเร็จ ผสู้ อบจะตอ้ งใชห้ ลกั วชิ าเพ่อื เปรียบเทียบ คาถามและคาตอบที่ ตรงกนั

7.แบบนเิ สธ เป็นคาถามท่ีตอ้ งใหผ้ สู้ อบหาคาตอบวา่ สิ่งใดท่ีไมถ่ ูกตอ้ ง ขอ้ ใดผิด สะกดผดิ ตอบผิด หรือมีความหมายตรงขา้ มแบง่ เป็น 4 ชนิด 1.ชนิดตาแหน่งผิด 2.ชนิดประเภทของความผดิ 3. ให้บอกสิ่งตรงขา้ ม 4. ใหห้ าคาตอบผดิ 7.1 ชนิดตาแหน่งผิด เขียนไดง้ า่ ยท่ีสุด ใชไ้ ดก้ บั ทกุ วิชา ให้ผสู้ อบช้ีขอ้ ความท่ีเป็นจุดผิดไมต่ รง กบั หลกั วชิ า 7.2 ชนิดประเภทของความผดิ เป็ นการถามท่ีลึกกวา่ แค่การบอกตาแหน่ง แตเ่ ป็นการบอกวา่ ความผิด อยใู่ นลกั ษณะใดชนิดใดผสู้ อบจะตอ้ งมีความรู้ถึงในส่วนของชนิด หรือประเภทขอ้ มูล

7.3 ชนดิ ตรงข้าม เป็ นคาถามท่ีใหผ้ สู้ อบหาส่ิงที่มีความหมายหรือคุณสมบตั ิตรงขา้ ม ขดั แยง้ คนละฝ่ายกนั 7.4ชนิดคาตอบผดิ เป็ นคาถามประเภทเดียวกบั ชนิดคาตอบถูกตอ้ ง แตเ่ ปลี่ยนมาเป็ นให้ หาตวั เลือกท่ีผดิ แทนโดยมีคาตอบท่ีถูกเป็นตวั ลวง

8.แบบเรียงลาดบั เป็นคาถามที่ให้ผสู้ อบจดั ระเบียบวตั ถุ ส่ิงของ เร่ืองราวตา่ งๆ ใหเ้ ป็นหวดหมู่ มี5ชนิดดงั น้ี 8.1 ชนิดลาดบั เรื่องราว เป็นรูปแบบคาถามท่ีเหมาะสมกบั เน้ือหาท่ีเป็นคาบรรยายเกี่ยวกบั เหตกุ ารณ์ วดั ความคิดเช่ือมต่อตามลาดบั เหตุการณ์อยา่ งสมเหตุสมผล 8.2 ชนดิ ลาดบั เวลา ใชว้ ดั ความแมน่ ยาการเรียงลาดบั บุคคล หรือ เหตกุ ารณ์แตล่ ะยคุ สมยั

8.3 ชนดิ ลาดบั คณุ ลกั ษณะ เป็นคาถามเรียงคุณสมบตั ิหรือคุณภาพเรื่องราวตา่ งๆ เช่น ความยากงา่ ย ความไพเราะของบทเพลง Ex. ขอ้ ใดเรียงลาดบั ขนาดพ้นื ที่ของทวีปตา่ งๆจากใหญไ่ ปเลก็ ไดอ้ ยา่ ง ถูกตอ้ ง ก. อเมริกาเหนือ ยโุ รป ออสเตรเลีย 8.4 ชนิดลาดบั วธิ กี าร ข. เอเชีย ยโุ รป อเมริกาเหนือ เป็นคาถามใหผ้ สู้ อบจดั ลาดบั ข้นั ตอนการทางาน วธิ ีคิด วิธีใช้ วธิ ีสร้าง วิธีแกป้ ัญหา ค. เอเชีย แอตแลนติก ออสเตรเลีย ใหถ้ ูกตอ้ งตามหลกั ของวิชา และ ธรรมเนียมของประเพณีสงั คม ง. อเมริกาเหนือ อเมริกาใต้ แอฟริกา

8.5 ชนดิ ลาดบั เหตุผล เป็นคาถามใหผ้ สู้ อบเปรียบเทียบ คุณภาพหรือคุณคา่ ของการกระทาต่างๆ ตามหลกั วชิ า วา่ การกระทาใดมีความถูกผิด สาคญั -ไมค่ ญั ควร-ไมค่ วร มากนอ้ ยแตกตา่ งกนั อยา่ งไร

9.แบบอนุกรม ขการเรียงแบบอนุกรม คือการเรียงลาดบั ท่ีมีการเพมิ่ ข้ึน หรือ ลดลง เท่ากนั เป็นสดั ส่วนตามกฎเกณฑ์ ส่ิงเหมาะในการเรียงแบบอนุกรม คือ ตวั เลข รองลงมาคือ รูปภาพ สญั ลกั ษณ์ เครื่องหมาย แบง่ ออกเป็น 2 ชนิด 9.1ชนิดต่อแบบอนุกรม 9.2ชนดิ อนุกรมสัมพนั ธ์

10. แบบขาดเกนิ เป็ นคาถามที่ใหผ้ สู้ อบวินิจฉยั ดูความสมบรู ณ์ของเร่ืองราวต่างๆ วา่ บกพร่องในดา้ นใดบา้ งมี3ชนิด 10.1 ชนิดขาด 10.2 ชนิดเกนิ คน้ หาส่ิงที่บกพร่อง วา่ ความไมส่ มบูรณ์ ความไม่ถูกตอ้ งน้นั คน้ หาสิ่งท่ีบกพร่องของเร่ืองราวตา่ งๆ วา่ มีอะไรมากเกินไป ยงั ขาดอะไรท่ีเติมลงไปแลว้ จะสมบูรณ์ ไม่จาเป็นตอ้ งมีส่ิงน้นั สรุปผลเกินกวา่ เหตุหรือเหลือเช่ือเกินไป

10.3 ชนดิ พอเพยี ง คือ ชนิดคาถามที่ตอ้ งการคาตอบท่ีมีความเหมาะสม พอดีกนั ทาใหเ้ กิดผลดีสุด 11.แบบสัมพนั ธ์ แบบคาถามชนิดน้ีมุ่งให้ผสู้ อบหาความเก่ียวขอ้ งระหวา่ ง 2สิ่ง หรือ 2เรื่อง เป็นอยา่ งนอ้ ย เป็นการแยกเร่ืองที่สมบรู ณ์แลว้ ออกเป็นส่วนยอ่ ยๆ แลว้ เอา 2ส่วนที่เก่ียวขอ้ งกนั มาตอบ ทาให้ตอ้ งใชค้ วามสามารถในการวเิ คราะห์ แบ่งเป็น 3 ชนิด

11.1ชนดิ สาเหตุและผล เป็นคาถามหาผลที่สมั พนั ธก์ บั สาเหตุ ถา้ มีเหตุ ก็ตอ้ งมีผลตามมา ตอ้ งทาใหผ้ สู้ อบคิดอยา่ งรอบดา้ น ถึงส่ิงที่ส่งผลกระทบตอ่ กนั ระหวา่ งเหตุและผล 11.2 ชนิดอปุ มาอปุ ไมย เหมือนกบั ชนิดเหตแุ ละผล แตข่ อ้ สอบชนิดน้ี ผสู้ อบจะตอ้ งคิดหาความสมั พนั ธ์โดยการเปรียบเทียบวา่ ตวั เลือกใดมีความเป็นเหตผุ ลกนั เหมือนกบั คาถาม

11.3 ชนดิ เชื่อมโยง คาถามชนิดตอ้ งการคาตอบท่ีมีความเกี่ยวขอ้ งดว้ ยในลกั ษณะหน่ึง หรือ หลายลกั ษณะ ใน3ประการคือ 1เขา้ พวก 2ตา่ งพวก 3มีลกั ษณะรวมกนั 12.แบบหลกั การร่วม หลกั การ คือ หวั ใจของเรื่องน้นั เป็นส่วนสาคญั ที่เป็ นรากฐาน ของความรู้อ่ืนท่ีแยกยอ่ ยออกไปมี3แบบ คือ

12.1ชนิดรวมความหมาย เป็นคาถามในข้นั แรกที่ฝึ กการรวบรวมความคิดเขา้ เป็นหมวดหมู่ เหมาะสาหรับเด็กเลก็ 12.2ชนดิ สรุปความหมาย เป็นการใหผ้ สู้ อบสามารถกลน่ั แต่ความสาคญั ของเรื่องมาสรุปเป็นความคิดรวบยอด หาตวั เลือกที่เป็นการร่วมกนั ของคาถาม 12.3ชนิดขยายความหมาย เป็ นอีกข้นั หน่ึงที่เอาความคิดรวบยอดที่ได้ นาไปใชก้ บั เปรียบเทียบกบั สถานการณ์อ่ืน

13.แบบตรรกวจิ ารณ์ ดดั แปลงมาจากการหาเหตผุ ลทางตรรกศาสตร์ เป็นการหาขอ้ สรุปท่ีสมเหตสุ มผลตรงกบั ขอ้ เทจ็ จริงจากหลกั ฐานและเง่ือนไขใดๆ มี4 แบบ 13.1 ชนิดทวนิ ัย เหมาะกบั เด็กที่ไม่เคยฝึ กคิดชนิดตรรกมาก่อน ประกอบดว้ ยขอ้ ความ ตามหลกั วิชาการอยา่ งนอ้ ย 3ขอ้ หรือ4ขอ้ สาหรับเด็กโต โดยมีขอ้ ถูกผิดสลบั เท่าๆกนั คลา้ ยขอ้ สอบถูกผิด 13.2 ชนิดปฏินัย เอาขอ้ ความที่เป็ นกลางของหลกั วชิ าน้นั ๆ ให้ผสู้ อบพจิ ารณาวา่ ถา้ หากเรากลบั ความหมาย ขอ้ ความเป็นตรงกนั ขา้ มขอ้ ความท่ีใหมท่ ่ีถูกกลบั จะยงั คงเป็ นจริงตามหลกั วชิ าน้นั อยหู่ รือไม่

13.3 ชนดิ อนุนัย คาถามชนิดน้ีตอ้ งการให้ผสู้ อบขยายความจริงจากเร่ืองราวท่ีพิสูจน์แลว้ ให้กวา้ งกวา่ เดิม โดยการสรุปเป็นขอ้ ยอ่ ยๆ ข้ึนมาใหม่ ภายใตเ้ งื่อนไขของเดิม เพ่อื ฝึกใหผ้ สู้ อบไดข้ ยายความรู้ไดห้ ลายแง่มุมต่างๆ

14.แบบรูปภาพ เป็นการใชภ้ าพ สญั ลกั ษณ์ จดุ เสน้ สี ต่างๆ ในการถาม เพื่อใหผ้ สู้ อบเห็นภาพจริง ช่วยเพ่มิ ความเขา้ ใจและลดการบรรยายแบบยาว

แบบตวั เลือกคงท่ี ดดั แปลงมาจากแบบจบั คู่ โดยมีตวั เลือกให้3-5ตวั เลือก ผสู้ อบนาเอาคาถามจบั คูก่ บั ตวั เลือกที่กาหนดให้ อาจจะซ้า หรือไม่คู่กบั ตวั เลือกไหนเลยก็ได้ นิยม 3 ชนิด 1.ชนดิ จาแนกประเภท เป็นคาถามท่ีม่งุ จดั ประเภทเรื่องราวตา่ งๆ ใชง้ า่ ยไดห้ ลายวชิ า เรื่องที่นามาจาแนก เช่น ประเภทคา เหตกุ ารณ์ บคุ คล วตั ถุส่ิงของ เน้ือเรื่อง ความสาคญั เวลา-สมยั เป็นตน้ วธิ เี ขียน -ตวั เร่ืองเป็นหน่ึงเดียวกนั จดั อยใู่ นกลุ่มหรือลกั ษณะเดียวกนั เช่น เป็นช่ือบคุ คลเหมือน กนั สถานที่เหมือนกนั เวลาเหมือนกนั -ควรปรับคาใหมใ่ หเ้ ขา้ ใจง่ายแต่ตอ้ งยงั เกี่ยวขอ้ งกบั หลกั การ -เขียนคาถามดว้ ยประโยคที่เขา้ ใจไดง้ า่ ย ไมซ่ บั ซอ้ น ชดั เจน -ในหน่ึงชุดมีคาถาม2ขอ้ ข้ึนไป

2. ชนดิ หลายคาตอบ 3. ชนดิ หลายเงื่อนไข คาถามชิดน้ีดดั แปลงมาจาก แบบคาตอบผสม ลกั ษณะคาถามชนิดน้ีคือ มีอย3ู่ ตอน ตอนแรกจะเป็นการกาหนดเง่ือนไข2ชนิด โดยคาถามมีคาตอบที่ถูกหลายเงื่อนไข ใหผ้ สู้ อบยดึ เงื่อนไขไว้ ในข้นั ท่ีสองคือยกเร่ืองราวเหตุการณ์ท่ีเกิดข้ึนจริงมา ขอ้ สอบตอ้ งการวดั วา่ ผสู้ อบมีความรู้รอบดา้ นหรือไม่ เป็นกรณีปัญหา และในข้นั สุดทา้ ย ก็พิจารณาวา่ เหตกุ ารณ์ที่ใหม้ า ถูกตอ้ ง-ขดั แขง้ สนบั สนุน-ไมส่ นบั สนุน เงื่อนไขท่ีวางไวห้ รือไม่

แบบกาหนดสถานการณ์ รูปแบบคาถามน้ีเป็ นแบบที่กาหนดสถานการณ์ กาหนดข้ึนซ่ึงอาจอยใู่ นรูปของขอ้ ความหรือภาพ แลว้ เขียนคาถามเกี่ยวกบั ขอ้ ความหรือภาพ กาหนดเป็ นสถานการณ์น้นั โดยยดึ หลกั การวา่ อยา่ ถามตรงเรื่อง อยา่ ถามนอกเร่ือง แตค่ วรถามใหเ้ กี่ยวพนั หรืออา้ งอิงเร่ือง สถานการณ์หรือพาดพิงเรื่องราวน้นั แนวทางการเขยี นข้อสอบแบบกาหนดสถานการณ์ มีรูปแบบในการเลือก สถานการณ์หลายชนิดโดยใชส้ ่ิงต่างๆ เป็ นสถานการณ์ไดแ้ ก่ ขอ้ ความ โคลงหรือกลอน รูปภาพ แผนภูมิ กราฟ หรือตาราง โจทยเ์ ลข หรือการทดลอง บทสนทนา ประกาศขา่ ว บทความ โฆษณา จดหมาย หรือรูปแบบจดหมาย รูปประโยค ในที่น้ีไดน้ าเสนอเพียงบางรูป แบบเท่าน้นั ตงั ตวั อยา่ งต่อไปน้ี


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook