สถิติและการวิเคราะหข์ อ้ มูลสาหรบั R2R ทิวา มหาพรหม, คม.(บริหารการศึกษา), พย.ม.(การพยาบาลผใู หญ่) ภาควิชาการพยาบาลผใู้ หญ่และผสู้ งู อายุ วิทยาลยั พยาบาลบรมราชชนนี สุพรรณบุรี
สถิติและการวิเคราะห์ข้อมลู สาหรบั R2R • ขอ้ มูล/ตวั แปรประเภทต่างๆ • การเตรียมข้อมลู เพื่อการวิเคราะห์ • การเลือกวิธีวิเคราะหข์ อ้ มลู • การแปลผลการวิเคราะหข์ ้อมลู • สถิติทีใ่ ชใ้ นการวิจยั • การรายงานผลการวิเคราะหข์ ้อมลู • การสรปุ และอภิปรายผลการวิจยั
ความเป็นมาของสถิติ พนั ปี ก่อนคริสตกาล สมยั ศตวรรษที่ 6 ก่อนคริสตกาล คริสตศ์ ตวรรษท่ี 16 ปัจจบุ นั คริสตศ์ ตวรรษที่ 17
ความเป็นมาของสถิติ “สถิติ (Statistics)” หมายถึง วิธีการทีว่ ่าด้วยการเก็บรวบรวม ข้อมูล การนาเสนอข้อมลู การวิเคราะห์ข้อมลู และการ ตีความหมายข้อมลู สถิติในความหมายนี้เปน็ ทั้งวิทยาศาสตร์และ ศิลปศาสตร์ เรียกว่า \"สถิติศาสตร์ (Statistics)\"
ประโยชนข์ อง “สถิติ” ในงานวิจัย 1) ช่วยวางแผนงานวิจยั ต้ังแต่การเก็บรวบรวมข้อมลู การกาหนดขนาด ตัวอย่าง การออกแบบงานวิจัยในข้นั ตอนต่างๆ 2) เป็นเครือ่ งมือที่ช่วยให้เห็นเหตกุ ารณ์หรือความจริงที่เกิดขึ้น 3) หาสาเหตุทีท่ าให้เกิดเหตุการณ์ต่างๆ เพือ่ การวางแผน หรือหาทางแก้ไข
สถิติทีใ่ ช้ในการวิจยั
สถิติที่ใชใ้ นการวิจัย •สถิติเชิงพรรณา (Descriptive Statistics) เป็นสถิติทีใ่ ช้อธิบายคณุ ลักษณะตา่ ง ๆ ของสิง่ ที่ต้องการศึกษาในกล่มุ ใด กลุ่มหนึง่ ประกอบด้วย 1) การจดั กระทากับข้อมูลโดยนาเสนอในรูปของตารางหรือรูปภาพ 2) การแปลงคะแนนให้อย่ใู นรปู แบบอื่น ๆ เช่น เปอร์เซน็ ต์ไทล์ คะแนนมาตรฐาน ฯ 3) การคานวณหาค่าเฉลีย่ หรือการกระจายของข้อมลู เช่น พิสัย มัชฌิมเลขคณิต มธั ยฐาน ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน ฯ
สถิติทีใ่ ชใ้ นการวิจัย • สถิติเชิงพรรณา (Descriptive Statistics) • สถิติเชิงพรรณาสาหรบั ข้อมูลเชงิ คณุ ภาพหรือเชิงกลุ่ม ใช้สาหรับขอ้ มูลนามมาตรา (nominal scale) และอันดบั มาตรา (ordinal scale) ได้แก่ ความถ่ี นบั จานวน ร้อยละ และค่าฐานนิยม • สถิติเชิงพรรณาสาหรบั ขอ้ มูลเชงิ ปริมาณ ใช้สาหรับข้อมูลช่วงมาตรา (Interval Scale) และอตั ราส่วนมาตรา (Ratio Scale) เพื่อสรปุ ลกั ษณะข้อมลู ค่ากลาง และค่าการกระจายของขอ้ มูล ได้แก่ • การแจกแจงความถ่ี ร้อยละ • การวดั แนวโน้มเข้าสู่ศูนย์กลาง (ค่าเฉลี่ย ค่ามัธยมฐาน ค่าฐานนิยม) • การวัดการกระจาย (ค่าแปรปรวน ค่าเบี่ยงเบนมาตรฐาน ค่าเปอร์เซ็นต์ไทล์ ค่าควอไทล์ สมั ประสิทธิค์ วามผนั แปร ฯลฯ)
สถิติทีใ่ ช้ในการวิจัย •สถิติเชิงอนุมาน (Inferential Statistics) เป็นสถิติที่ใช้อธิบายคุณลักษณะของสิ่งที่ต้องการศึกษาในกลุ่มใดกลุ่ม หนึ่ง แล้วสามารถอ้างอิงไปยังกลุ่มอื่น ๆ ได้ โดยกลุ่มที่นามาศึกษาจะต้อง เป็นตัวแทนที่ดีของประชากร ตัวแทนที่ดีของประชากรได้มาโดยวิธีการสุ่ม ตวั อย่าง และตัวแทนทีด่ ีของประชากรจะเรียกว่า \"กล่มุ ตวั อย่าง\" สถิติอ้างอิง สามารถแบ่งออกได้เป็น 2 ประเภทย่อย คือ 1) สถิติมีพารามิเตอร์ (Parametric Statistics) 2) สถิติไร้พารามิเตอร์ (Nonparametric Statistics)
สถิติที่ใช้ ในการวิจยั
การสรุปลกั ษณะทีส่ าคัญของประชากร หรือ กลุ่มตวั อยา่ ง 11
การสรุปลกั ษณะทีส่ าคัญของประชากร หรือ กลุ่มตัวอยา่ ง •การแจกแจงความถี่ ร้อยละ •การวัดแนวโนม้ เขา้ สศู่ นู ยก์ ลาง • คา่ เฉลีย่ คา่ มัธยมฐาน คา่ ฐานนยิ ม • การวัดการกระจาย • คา่ แปรปรวน คา่ เบย่ี งเบนมาตรฐาน • คา่ ควอไทล์ ค่าเปอรเ์ ซ็นต์ไทล์ • สัมประสิทธิค์ วามผันแปร • ฯลฯ
การแจกแจกความถี่ • Ungrouped Data = ข้อมลู ที่ไมจ่ ดั หมวกหมู่ ใช้กบั ข้อมลู น้อยๆ • Grouped Data = ข้อมลู มากกว่า 30 จานวน ต้องทาการจดั หมวดหมู่ หรือแจกแจงความถี่ • เรียงข้อมลู จากนอ้ ยไปหามาก 44, 45, 46, 47, 48, 48, 50, 55, 60, 63, 64, 65, 65, 70, 71 • ความถี่ ( Frequency ) จานวนของคะแนนดบิ ท่มี ีอยู่ในคา่ หนึง่ ๆ หรือจานวนคะแนนทเ่ี กดิ ซ้ากนั ในกลุ่มหนึง่ ๆ ใช้สัญลกั ษณ์ “f” • การแจกแจงความถี่ ( Frequency Distributions) คอื การทาขอ้ มูลดิบทร่ี วบรวมได้มาจดั หมวดหมู่ให้เป็นระเบยี บ โดยเรยี งขอ้ มลู จากมากไปหาน้อยหรอื จากนอ้ ยไปมาก เพ่อื หาคะแนนทเ่ี กดิ ซ้ากนั ในแต่ละกลมุ่ หรือ ช่วงคะแนน
การแจกแจกความถี่ • การแจกแจงความถห่ี รือการจัดหมวดหมู่ ( Grouped Data ) ตารางแจกแจงความถ่ี ประกอบด้วยคะแนน รอยขีดคะแนน (Tally) และความถ่ี หรือจานวนขีดคะแนน (จานวนคะแนนแต่ ละค่า ) คะแนน รอยคะแนน ความถี่ ( f ) คะแนน รอยคะแนน ความถ่ี (f ) 150 // 2 161 /1 151 / 1 162 /1 152 / 1 163 // 2 153 /// 3 164 /1 154 // 2 165 /// 3 155 / 1 166 /1 156 - 0 167 /// 3 157 ///// 5 168 /// 3 158 // 2 169 /1 159 / 2 170 /1 160 //// 4
การแจกแจกความถี่ การแจกแจกความถี่ • ฮิสโตแกรม ( Histogram ) = แผนภมู ิแทง่ สี่เหลีย่ มผืนผา้ ชุดหนง่ึ • ความสูงของแต่ละแท่ง แทนคะแนนความถ่ขี องคะแนนแต่ละช้ัน • ความกว้างของแท่งแสดงระยะระว่างขีดจากดั ชั้นทีแ่ ท้จริงของแต่ละชั้น 15
การแจกแจกความถี่ การแจกแจกความถี่ • การแจกแจงความถีด่ ้วยรปู หลายเหลี่ยมความถ่ี = การโยงจุดกึง่ กลางของยอด แท่งของสีเ่ หลี่ยมของฮิตโทแกรมด้วยเส้นตรง หรือแผนภูมิเส้นทแ่ี สดงความถข่ี อง คะแนนแต่ละช้ัน 16
การแจกแจกความถี่ การแจกแจกความถี่ • โค้งความถส่ี ะสม = แผนภมู ิเส้นที่แสดงความถี่สะสมของคะแนนตั้งแต่คะแนนต่าสดุ ไปจนถึงคะแนนสงู สุด ใชห้ าตาแหน่งของคะแนนและการเปรยี บเทยี บตา่ งๆ 17
การแจกแจกความถี่ การแจกแจกความถี่ • ลักษณะโค้งตา่ งๆ ทีเ่ กิดจากการแจกแจงความถ่ี a) การแจกแจงแบบเบ้ทางลบ (Negatively Skewed) หรอื โคง้ เบ้ซ้าย (Skewness to the left) เกิดข้ึนเมอ่ื ชดุ ข้อมูลนนั้ มี ค่าเฉลี่ย (Mean) น้อยกว่า ค่ามัธยฐาน (Median) และค่ามธั ยฐาน (Median) น้อยกว่าค่าฐานนยิ ม (Mode) เชน่ คนส่วนน้อยได้คะแนนนอ้ ยและคนส่วนมากจะได้คะแนนมาก b) การแจกแจงแบบปกต(ิ Normal Distribution) หรอื โค้งปกติ(Normal Curve) เกิดข้ึนเมอ่ื ชุดข้อมลู นนั้ มคี ่าเฉลี่ย (Mean) ค่ามธั ยฐาน (Median) และค่าฐานนิยม (Mode) เท่ากนั พอดี เชน่ คนทีส่ อบได้คะแนนสงู และสอบได้คะแนนน้อยมจี านวนพอ ๆ กัน c) การแจกแจงแบบเบท้ างบวก (Positively Skewed) หรอื โคง้ เบ้ขวา (Skewness to the right) เกิดข้ึนเม่อื ชดุ ข้อมูลนนั้ มี ค่าฐานนยิ ม (Mode) น้อยกว่าค่ามัธยฐาน (Median) และค่ามัธยฐาน (Median) นอ้ ยกว่าค่าเฉลีย่ (Mean) เชน่ คนส่วนใหญ่จะได้คะแนนสอบน้อยและมคี นส่วนน้อยทีไ่ ด้ คะแนนมาก 18 http://www.isobudgets.com/probability-distributions-for-measurement-uncertainty/
การแจกแจกความถี่ การแจกแจกความถี่ • ลักษณะโค้งต่างๆ ที่เกิดจากการแจกแจงความถ่ี (a) U – Skewness (b) S-Shaped (c) J-Shaped a) โค้งรปู ตัวยู (U – Skewness) ลกั ษณะการแจกแจงขอ้ มูลโค้งนี้ คนสว่ นมากไดค้ ะแนนมาก และคนส่วนนอ้ ยได้คะแนนนอ้ ย b) โคง้ รปู ตวั เอส (S-Shaped) เป็นโค้งท่เี กดิ จากความถี่สะสมหรือคา่ ร้อยละของความถีส่ ะสม c) โค้งรปู ตัวเจ (J-Shaped) เปน็ โค้งทเ่ี กดิ ในกรณีขอ้ สอบง่ายมาก จะมีผู้สอบได้คะแนนสูงเกอื บท้ังหมด ผู้สอบได้คะแนนต่ามีนอ้ ยลง มาก ๆ ในทางตรงกนั ข้ามถ้าขอ้ สอบยากมากจะมีผู้สอบได้คะแนนตา่ เกอื บทงั้ หมดผู้สอบได้คะแนนสูงมีน้อยมาก รูปโค้งจะเป็นตัวเจ กลบั 19
การแจกแจกความถี่ การแจกแจกความถี่ • ลกั •ษลณกั ะษโณคง้ ะตโา่คงง้ ๆตา่ทงี่เๆกิดทจีเ่ กากิดกจาารกแกจากรแแจจกงคแวจางมคถว่ีามถี่ (a) Bimodal Curve (b) Multi–modal Curve a) โค้งสองยอด (Bimodal Curve) เปน็ โค้งท่แี สดงการแจกแจงความถี่ของขอ้ มลู คลา้ ยโค้งรปู ระฆงั แตม่ ี 2 ยอดแสดงให้เห็นว่ามีขอ้ มลู ท่มี ีความถี่สูงสุด 2 คา่ b) โค้งหลายตอน (Multi–modal Curve) เป็นโค้งทแ่ี สดงการแจกแจงความถีข่ องขอ้ มูลคลา้ ยโค้งรูประฆงั แต่มีหลายยอดแสดงให้ เหน็ ว่าขอ้ มูลที่มีความถีส่ งู สดุ หลายค่า 20
ร้อยละหรือเปอร์เซนต์ (Percentage or Percent) •สัดส่วนเมื่อเทียบต่อ 100 การคานวณโดยเอา 100 ไปคณู สัดส่วนทีต่ ้องการหา ผลลัพธ์ ก็จะออกมาเปน็ ร้อยละ หรือเปอร์เซนต์ ตัวอยา่ ง ในโรงพยาบาลแห่งหนง่ึ มคี นไข้อยู่ 750 คน แยกเป็นคนไข้ประเภทต่าง ๆ ดงั นี้ คนไข้โรคระบบ ทางเดินหายใจ180 คน ระบบทางเดินอาหาร 154 คน ระบบประสาท 145 คน โรคตา หู คอ จมกู 112 คน โรคอื่น ๆ 159 คน ระบบทางเดินหายใจ 180 (180 x 100)/750 = 24.0% ระบบทางเดินอาหาร 154 (154 x 100)/750 = 20.5% ระบบประสาท 145 (145 x 100)/750 = 19.3% ตา หู คอ จมกู 112 (112 x 100)/750 = 14.9% โรคอืน่ ๆ 159 (159 x 100)/750 = 21.2% รวม 750 100% 21
อัตราสว่ น (Ratio) • ความสัมพนั ธ์ระหว่างตัวแปรทม่ี ีตอ่ กนั • เปน็ การเปรยี บเทยี บตัวเลขจานวนหนึ่งหรือหลายจานวนกับตวั เลขอีกจานวนหนึง่ • ตัวเลขทใ่ี ชเ้ ปรียบเทียบ เรียกวา่ “ ฐาน ” • การคานวณหาอัตราส่วนได้โดยใช้ตัวเลขจานวนท่เี ราตอ้ งการเปรยี บเทยี บตง้ั หาร ด้วยตวั ฐาน อตั ราส่วนระหว่าง 502 ต่อ 251 คือ 2 ต่อ 1 หรือ 2:1 เมื่อตวั เลข 251 เป็นฐาน 502 เปน็ ตัวเลขทีต่ ้องการเปรียบเทียบ 22
อัตราสว่ น (Ratio) •อตั ราส่วน (Ratio) ที่พบบอ่ ย 23
การวัดแนวโนม้ เขา้ ส่สู ่วนกลาง • เป็นระเบียบวิธีทางสถิตใิ นการหาคา่ เพียงคา่ เดียวท่จี ะใชเ้ ป็นตวั แทนของข้อมลู ทง้ั ชดุ • คา่ ทีห่ าได้ทาให้สามารถทราบถงึ ลักษณะของข้อมลู ทง้ั หมดที่เกบ็ รวบรวมมาคา่ ที่หาได้น้ี เป็นคา่ กลาง ๆ เรยี กวา่ ค่ากลาง • ประเภทของการวัดแนวโน้มเข้าสู่ส่วนกลางทีน่ ยิ ม ได้แก่ 1. ค่าเฉลีย่ เลขคณติ (Arithmetic Mean) 2. มัธยฐาน (Median) 3. ฐานนิยม (Mode) 24
การวัดการกระจาย 1. การวัดการกระจายสมั บูรณ์ (Absolute Variation) เป็นการวดั การกระจาย ข้อมลู เพียงชดุ เดียว มีดงั นี้ • พิสยั (Range : R) • ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน (Standard Deviation : S.D.,S,s) 2. การวัดการกระจายสมั พทั ธ์ (relative Variation) คือ การหาคา่ การกระจาย เพื่อเปรียบเทียบการกระจายระหว่างข้อมูลมากกวา่ หนึ่งชุด โดยใช้อตั ราส่วน การ เปรยี บเทยี บการกระจายของข้อมูลระหว่างชุดท่นี ิยม มี 2 ชนดิ คือ • สัมประสิทธิข์ องพิสัย(coefficient of range) • สมั ประสิทธ์ขิ องการแปรผนั (coefficient of variation) 25
การวัดการกระจาย: การวดั การกระจายสมั บรู ณ์
การวดั การกระจาย: การวัดการกระจายสัมพัทธ์ 27
ระดบั ของตวั แปร: ปจั จัยทีส่ ่งผลตอ่ การเลือกใชส้ ถิติ 28
ระดับมาตรวัดตวั แปร •นามบัญญตั ิ (Nominal Scale): ไม่สามารถวดั ค่า ได้(เพศ, เช้อื ชาติ, รหัสประจาตวั ) •เรียงลาดับ (Ordinal Scale): ตัวเลขแสดงอนั ดบั (ตาแหน่งทางวิชาการ, อันดับการสอบได้, ยศ ทหาร)
ระดบั มาตรวดั ตัวแปร •ช่วง (Interval Scale): มีค่าต่อเนื่อง ไม่มีศนู ย์แท้ +/- ได้ แต่ คูณหารไม่ได้ (คะแนนสอบ, ระดับอุณหภมู ิ, IQ) •อตั ราสว่ น (Ratio Scale): มีค่าต่อเนือ่ งมีศูนย์แท้ (ความสูง, น้าหนกั ., ระยะทาง, ความเร็ว, อายุ, ระดบั อุณหภูมิองศา เคลวิน)
การวิเคราะห์ขอ้ มลู ดว้ ยโปรแกรม SPSS (Statistical Package for the Social Science for Windows) 31
การเตรียมข้อมลู เพื่อการวิเคราะห์ การเตรียมขอ้ มูลเพื่อการวิเคราะห์ 1. การรวบรวมข้อมูล หรือควบคุมการเคลือ่ นย้ายเอกสาร (Source document) 2. การตรวจสอบ หรือบรรณาธิกร (Editing) 2.1 ความสมบรู ณ์ 2.2 ความถูกต้อง 2.3 ตรวจดใู ห้ตรงกับข้อตกลงในการปฏิบตั ิ 3. การแยกประเภทของข้อมูล (Categorization) 32
การเตรียมข้อมูลเพื่อการวิเคราะห์ การเตรียมขอ้ มูลเพือ่ การวิเคราะห์ 4. การวิเคราะห์ข้อมลู 4.1 การกาหนดรหสั (encoded) 4.1.1 การกาหนดเลขหมายประจาตวั 4.1.2 การกาหนดรหัสในแต่ละข้อคาถาม 4.2 การลงรหสั (coding) 4.3 การกาหนดสถิติที่ใช้ 4.3.1 วิเคราะห์จดุ มุ่งหมาย หรือสมมติฐานของการวิจยั 4.3.2 เลือกใช้สถิติในการวิเคราะห์สมมติฐาน 33
การวิเคราะห์ลักษณะที่สาคญั ของประชากร หรือกลุม่ ตวั อยา่ ง ด้วยโปรแกรม SPSS 34
การวิเคราะหล์ กั ษณะทีส่ าคญั ของประชากร หรือ กลุม่ ตัวอยา่ ง ดว้ ยโปรแกรม SPSS 1 3 2 45 6 35
กกดกว้าาลรยร่มุ ววโตปิเิเคคัวรรอแราากยะะรา่หหมง์ลล์ ักดSกั ษPว้ ษSยณSณโะปทะรี่สทแาี่สกคารญั คมญัขSอขPงอปSงSรปะชราะกชรากหรรือหกรลือมุ่ ตวั อย่าง • ผลการวิเคราะหข์ อ้ มูล 36
การวิเคราะห์ลกั ษณะทีส่ าคญั ของประชากร หรือ กล่มุ ตัวอย่าง ดว้ ยโปรแกรม SPSS 1 3 37
การวิเคราะหล์ กั ษณะทีส่ าคญั ของประชากร หรือ กลุ่มตวั อย่าง ด้วยโปรแกรม SPSS • ผลการวิเคราะห์ขอ้ มลู . จากผลการวิเคราะห์ขอ้ มลู จงบรรยายว่า พยาบาลวิชาชีพใน โรงพยาบาลเจ้าพระยายมราช 1) มลี กั ษณะอย่างไร 2) มคี วามเครยี ดระดบั ใด 3) แหล่งที่มาของความเครียด ได้แก้อะไรบา้ ง 4) มวี ิธีเผชิญกับความเครียด อย่างไร 38
ตวั อยา่ งการนาเสนอขอ้ มูลของกลมุ่ ตัวอยา่ งด้วยสถิติบรรยาย 4.1 อม ว่ อม ่ียว า แ ะ อม าร รรม า อ อาย ่ี 4.1 อม ว่ อม ี่ยว า แ ะ อม าร รรม า อ อาย ี่ ออ า าย วย (N = 30) ออ า าย วย (N = 30) ( อ) () () 16 53.30 มอ อ ร 6 20.00 าย 14 46.70 อ วมแวน า รอ าร อ ร วย า * 19 76.00 อาย อน น (60 - 69 ี ) 6 20.00 แวน าย า 5 20.00 อาย อน า (70 - 79 ี ) 15 50.00 วอรค อร 1 4.00 อาย อน าย (80 ี น ) 9 30.00 ม า1 า 5 17.90 (mean = 74.50, SD = 6.54) * 21 75.00 มี าร ระ อ รรม า าย 1 น 2 7.10 าน คน ราว า 21 70.00 มี าร ระ อ รรม า าย 2 น นย คราะ คน รา าน าะแ ว 9 30.00 มี าร ระ อ รรม า ายมา วา 2 น 24 41.40 13 22.40 มมี รค ระ า ว * 7 23.30 * 10 17.20 มี รค ระ า ว านวน 1 รค 10 33.30 าความ ะอา าน 5 8.60 มี รค ระ า ว านวน 2 รค 7 23.30 3 5.20 มี รค ระ า ว านวน 3 รค 6 20.00 มรอ าน 2 3.40 นออ า าย/ น ม 1 1.70 ความ น 15 45.50 แ วแ น มน น อ 9 27.30 วย าน ร ครว อ อ น รอร 4 12.10 า วาน 1 3.00 า นว า อ 1 3.00 ่น รยาน 1 3.00 มะ ร านม 1 3.00 มมีอา าร 12 40.00 อม มา 1 3.00 มีอา าร * ว 14 66.70 น่ ว น รว 5 23.80 ม อ ร ระ านยา 9 30.00 นาม 1 4.80 อ ยาร ระ าน 21 70.00 า น่ 1 4.80 แ น าออนแร *1 *1 39 (ทวิ า มหาพรหม สุปรดี า มน่ั คง และศภุ ร วงศว์ ทัญญู, 2560)
ตวั อยา่ งอธิบายผลการวิเคราะหข์ อ้ มลู ดว้ ยสถิติบรรยาย จากตารางแสดงผลการวิเคราะห์กลุ่มตัวอย่างจานวน 200 คน อายุต่าสุด เท่ากบั 16 ปี สงู สุดเท่ากับ 89 ปี พิสัยของอายุเท่ากบั 73 ปี อายุเฉลี่ยเท่ากับ 49.34 ปี ค่าเบ่ียงเบนมาตรฐานเท่ากับ 21.571 ค่าความแปรปรวนเท่ากับ 465.319 โค้งการ กระจายของข้อมลู มีความเบ้เทา่ กับ .095 มีความโด่งเท่ากบั -1.187 ดัชนีมวลกายต่าสุดเท่ากับ 17 กิโลกรัมต่อตารางเมตร สูงสุดเท่ากับ 42 กิโลกรัมต่อตารางเมตร พิสัยของดัชนีมวลกายเท่ากับ 25 กิโลกรัมต่อตารางเมตร ดัชนีมวลกายเฉลี่ยเท่ากับ 29.37 กิโลกรัมต่อตารางเมตร ค่าเบ่ียงเบนมาตรฐาน เท่ากบั 6.078 คา่ ความแปรปรวนเทา่ กบั 36.938 โคง้ การกระจายของข้อมูลมีความเบ้ เท่ากับ -.003 มีความโด่งเทา่ กบั -.759 .................................... 40
การพิสูจนส์ มมติฐานทางการวิจยั 41
ประเภทของการพิสูจน์สมมติฐานทางการวิจัย การทดสอบสมมติฐานทางสถติ ิ มี 2 วธิ ี ได้แก่ • การทดสอบสมมติฐานแบบสองทาง (Two – Tail Test) • การทดสอบสมมติฐานนแบบทางเดียว (One – Tail Test) 42
การยอมรบั หรือปฏิเสธสมมติฐานทางการวิจัย การยอมรบั หรือปฏิเสธสมมติฐานทางการวิจัยขึ้นอยกู่ ับ •เขตการยอมรับและปฏิเสธ (Ho) oขอบเขตวิกฤต (Critical Region) oค่าวิกฤต (Critical Region) •ระดบั ความมีนยั สาคญั (Level of Significance) หรือ ค่าระดับ นัยสาคญั ทางสถิติ •ระดบั ความเชือ่ ม่นั (Level of Confidence) 43
การยอมรบั หรือปฏิเสธสมมติฐานทางการวิจยั ปจั จยั ทีม่ ีผลตอ่ ระดับความเชือ่ ม่นั (Level of Confidence หรือ Power of test) • ระดับแอลฟา • ระดับเบตา • ขนาดตวั อย่าง • ขนาดอิทธิพล
การยอมรบั หรือปฏิเสธสมมติฐานทางการวิจยั ยอมรับสมมติฐานทีผ่ ดิ ปฏเิ สธสมมติฐานทีถ่ กู 45
การยอมรับหรือปฏิเสธสมมติฐานทางการวิจยั Sample size เพิม่ ขึน้ p-value จะลดลง ในขณะที่ power of test จะสงู ขน้ึ 46
การยอมรับหรือปฏิเสธสมมติฐานทางการวิจัย ขนาดอิทธิพล 47
การยอมรบั หรือปฏิเสธสมมติฐานทางการวิจยั ปัจจยั ทีม่ ผี ลตอ่ ระดบั ความเชือ่ ม่นั (Level of Confidence หรือ Power of test)
การยอมรบั หรือปฏิเสธสมมติฐานทางการวิจยั ปัจจยั ทีม่ ผี ลตอ่ ระดบั ความเชือ่ ม่นั (Level of Confidence หรือ Power of test)
สถิติสาหรับพิสูจนส์ มมติฐานการวิจัย • สถิตพิ าราเมตริก (Parametric Statistics) • การทดสอบเกีย่ วกับค่าพารามเิ ตอร์ของประชากร • อาจเปน็ การทดสอบเกีย่ วกับค่าเฉลีย่ หรือสัดส่วนในประชากร • มขี ้อตกลงเบื้องต้น ได้แก่ กลุ่มตวั อย่างที่สุ่มมานั้นมาจากประชากรทีม่ ีการแจกแจงปกติ ความ แปรปรวนของประชากรคงที่ และผลการวัดมาจากตวั แปรตามที่อยู่ในมาตราอันตรภาค หรือ อตั ราส่วน • สถิติพาราเมตริกที่นิยมใช้ในการทดสอบสมมตฐิ าน ได้แก่ ▪ Z-test และ t-test (Independent t-test, Paired t-test) ▪ การวิเคราะห์ความแปรปรวน (Analysis of Variance, ANOVA) ▪ การวิเคราะห์ความแปรปรวนร่วม (Analysis of Covariance, ANCOVA) ▪ การวิเคราะห์ความถดถอยและสหสมั พันธ์ (Regression and Correlation) 50
Search