หน้า 1 กิจการของคณะลูกเสือแหง่ ชาติ พระบาทสมเดจ็ พระมงกฎุ เกล้าเจ้าอยู่หัว ผพู้ ระราชทานกอ่ กาเนดิ ลกู เสอื ไทย นบั ตั้งแต่พระบาทสมเดจ็ พระปรเมนทรมหาวชิราวธุ พระมงกุฎเกล้าเจ้าอยูห่ วั ได้ทรงสถาปนาคณะ ลูกเสือและทรงกรุณาโปรดเกลา้ ฯ ใหต้ ราข้อบงั คับลักษณะปกครองลูกเสอื ขนึ้ เมื่อวนั ที่ 1 กรกฎาคม พ.ศ.2454 ซึ่งเทียบเทา่ กับพระราชบญั ญัตลิ กู เสอื ไทยฉบบั แรกแล้วนัน้ ตอ่ มาได้มีการปรบั ปรงุ แกไ้ ขและเพิ่มเติมอีกหลายครั้ง ตามสภาพการเปล่ียนแปลงของบ้านเมือง จนถงึ พระราชบัญญตั ิลูกเสือ (ฉบับท่ี 4) พ.ศ.2530 ซ่งึ ถือปฏบิ ัติอยู่ ในปจั จุบันนี้ โดยมพี ระบาทสมเดจ็ พระเจ้าอยหู่ ัว ทรงดารงตาแหน่งองค์พระประมุขคณะลูกเสอื แหง่ ชาติ คณะลูกเสอื แห่งชาติ ประกอบด้วยบรรดาลูกเสือทง้ั ปวง ผู้บังคบั บัญชาลูกเสือ ผู้ตรวจการลูกเสือ กรรมการ ลูกเสอื และเจ้าหนา้ ทล่ี ูกเสือ มีวตั ถุประสงคเ์ พื่อพฒั นาลกู เสอื ทง้ั ทางกาย สติปญั ญา จิตใจ และศีลธรรม ใหเ้ ป็นพลเมืองดี มีความ รบั ผดิ ชอบชว่ ยสรา้ งสรรค์สังคมใหเ้ จริญก้าวหน้า เพื่อความสงบสุขและความมน่ั คงของประเทศชาติ ตาม แนวทางดังต่อไปนี้ 1. ใหม้ ีนิสยั ในการสงั เกต จดจา เช่อื ฟงั และพึ่งตนเอง 2. ใหซ้ ่อื สัตย์สจุ รติ มรี ะเบยี บวินัย และเหน็ อกเหน็ ใจผูอ้ ่ืน 3. ใหร้ ูจ้ กั บาเพ็ญตนเพ่ือสาธารณประโยชน์ 4. ใหร้ ูจ้ กั ทาการฝีมือ และฝึกฝนใหท้ ากิจกรรมต่าง ๆ ตามความเหมาะสม 5. ให้รจู้ ักรกั ษาและส่งเสรมิ จารีตประเพณี วัฒนธรรมและความม่ันคงของประเทศชาติ ทั้งนโี้ ดยไม่ เกย่ี วขอ้ งกบั ลทั ธิการเมอื งใด ๆ เนอ่ื งจากกจิ การลูกเสือได้มบี ทบาทการดาเนินงานเกี่ยวกบั การพฒั นางานเยาวชน ของชาติอย่างกว้างขวางทุกหนว่ ยงานของรัฐ และไม่เพยี งแตพ่ ัฒนาเยาวชนเท่านน้ั ในปจั จุบันการลกู เสือยังม่งุ ท่ี จะพฒั นาบุคลากรในสาขาอาชีพตา่ ง ๆ ให้มสี ่วนในการชว่ ยพฒั นาประเทศชาติอกี ดว้ ย จึงได้กาหนดใหม้ ีสภา ลูกเสอื ขนึ้ ประกอบ ดว้ ย งานเนตรนารี โรงเรียนสตรนี นทบรุ ี หลกั สูตรลูกเสอื โลก มัธยมศกึ ษาปีที่ 1 ภาคเรยี นท่ี 1/ 2558
หนา้ 2 แผนภูมิโครงสรา้ งสภาลูกเสอื แหง่ ชาติ นายกสภาลกู เสอื แหง่ ชาติ (นายกรฐั มนตรี) อุปนายกสภาลกู เสือแหง่ ชาติ (รองนายกรฐั มนตรี) กรรมการสภาลูกเสอื แหง่ ชาติ รมว.กระทรวงศึกษาธกิ าร รมว.กระทรวงกลาโหม รมว.กระทรวงมหาดไทย ปลัดกระทรวงศึกษาธิการ ปลดั กระทรวงกลาโหม ปลัดกระทรวงมหาดไทย ผบู้ ญั ชาการทหารสูงสดุ ผู้บญั ชาการทหารบก ผบู้ ญั ชาการทหารเรอื ผ้บู ญั ชาการทหารอากาศ อธิบดกี รมการปกครอง อธบิ ดกี รมตารวจ ผวู้ ่าราชการกรงุ เทพมหานคร ผู้ว่าราชการจังหวดั ศกึ ษาธิการเขตทกุ เขต อธบิ ดหี รอื หัวหนา้ ส่วนราชการทมี่ ีฐานะเปน็ กรมในกระทรวงศึกษาธิการ เลขาธกิ ารคณะกรรมการส่งเสริมและประสานงานเยาวชนแหง่ ชาติ กรรมการผ้ทู รงคุณวฒุ ิไมน่ ้อยกวา่ สส่ี บิ คนแต่ไม่เกนิ แปดสบิ คน (อยู่ในตาแหน่งคราวละ 4 ป)ี กรรมการและเลขาธิการสภาลูกเสอื แห่งชาติ (อธิบดีกรมพลศึกษา) กรรมการและรองเลขาธิการสภาลูกเสือแหง่ ชาติ (รองอธิบดีกรมพลศึกษา) กรรมการและผู้ช่วยเลขาธิการสภาลกู เสอื แห่งชาติ (ผอู้ านวยการกองการลกู เสือ) สภาลกู เสือแห่งชาตอิ าจมสี ภานายกกติ ติมศักด์ิ อปุ นายกกิตติมศกั ดิแ์ ละกรรมการกิตติมศักด์ิ ซึ่งจะได้ ทรงพระกรณุ าโปรดเกลา้ แต่งตั้ง สภาลกู เสอื แห่งชาติ มีหนา้ ทีด่ ังนี้ 1. วางนโยบายเพอื่ ความม่นั คงและความเจริญก้าวหน้าของคณะลกู เสือแหง่ ชาติ 2. พจิ ารณารายงานประจาปี 3. ให้คาแนะนาในการปฏิบัตงิ านของคณะกรรมการบรหิ ารลูกเสอื แห่งชาติ และเพ่ือให้การบริหารงานของคณะลกู เสือแหง่ ชาตเิ ปน็ ไปอยา่ งมปี ระสิทธภิ าพ จึง ไดก้ าหนดใหม้ คี ณะกรรมการบรหิ ารลกู เสือแหง่ ชาตเิ ปน็ ผูร้ ับผิดชอบ โดยกาหนดโครงสร้างไวด้ ังน้ี งานเนตรนารี โรงเรยี นสตรีนนทบรุ ี หลกั สตู รลูกเสือโลก มธั ยมศกึ ษาปที ่ี 1 ภาคเรียนที่ 1/ 2558
หน้า 3 คณะกรรมการบรหิ ารลกู เสือแห่งชาติ มอี านาจและหนา้ ท่ีดังนี้ 1. ดาเนินการตามวตั ถุประสงคข์ องคณะลูกเสือแหง่ ชาติ และตามนโยบายสภาลูกเสือแหง่ ชาติ 2. ส่งเสรมิ ความสมั พนั ธ์กบั คณะลูกเสอื นานาชาติ 3. จัดให้มกี ารฝกึ อบรมลูกเสือ ผู้บงั คับบญั ชาลูกเสือ ผ้ตู รวจการณ์ลูกเสือและเจ้าหน้าท่ลี ูกเสอื 4. จัดใหม้ ีการชุมนุมลูกเสอื ผู้บังคบั บญั ชาลูกเสือและเจา้ หนา้ ทลี่ ูกเสอื 5. จดั การทรัพยส์ นิ ของคณะลกู เสือแห่งชาติ 6. ลงทนุ เพื่อประโยชนข์ องคณะลูกเสอื แห่งชาติ 7. ออกข้อบงั คับคณะลกู เสือแห่งชาติ โดยประกาศในราชกจิ จานุเบกษา 8. วางระเบียบแบบแผนคณะลกู เสอื แห่งชาติ 9. จดั ทารายงานประจาปีเสนอสภาลกู เสือแห่งชาติพรอ้ มดว้ ยงบดุล 10. จัดตั้งอนุกรรมการเพื่อให้พจิ ารณาหรอื ปฏิบัตกิ ารอยา่ งใดอยา่ งหนึง่ 11. จดั ต้งั ตาแหน่งกติ ติมศกั ดห์ิ รือตาแหน่งอื่นใดทม่ี ิไดร้ ะบไุ วใ้ นพระราชบัญญตั ิ พ.ศ. 2507 12. กากับดูแลกจิ การลูกเสือชาวบ้าน คณะกรรมการลกู เสอื จงั หวดั มอี านาจหนา้ ท่ี ดงั นี้ 1. สง่ เสริมความมนั่ คงและความเจริญก้าวหนา้ ของการลูกเสือในจงั หวดั 2. พิจารณารายงานประจาปีลูกเสือจงั หวัด 3. ใหค้ าแนะนาผอู้ านวยการลกู เสือจังหวดั ในการปฏบิ ัตงิ านลูกเสือ สานักงานคณะกรรมการลูกเสือจงั หวัด มศี กึ ษาธกิ ารจงั หวัดเป็นผบู้ งั คบั บญั ชา รบั ผิดชอบ เพอื่ ให้การกระจายอานาจการบริหารกจิ การลูกเสือไปสู่ภูมิภาค จงึ ไดจ้ ดั โครงสรา้ งการบรหิ าร ระดับ จังหวัดไว้ ดังนี้ คณะกรรมการลูกเสืออาเภอ มอี านาจและหน้าท่ดี ังนี้ 1. ส่งเสริมความมั่นคงและความเจริญกา้ วหนา้ ของการลูกเสอื ในอาเภอ 2. พิจารณารายงานประจาปีของลกู เสอื อาเภอ 3. ให้คาแนะนาผอู้ านวยการลกู เสืออาเภอในการปฏบิ ัตงิ านลูกเสอื สานักงานคณะกรรมการลูกเสืออาเภอ มีศึกษาธกิ ารอาเภอเป็นผบู้ ังคับบัญชารับผิดชอบลกู เสอื ตามพระราชบญั ญัตลิ กู เสือ (ฉบบั ท่ี 3) พ.ศ.2528 แบง่ ประเภทลกู เสอื ไวด้ งั นี้ 1. ลูกเสือสารอง 3. ลกู เสือสามัญร่นุ ใหญ่ 2. ลกู เสือสามัญ 4. ลกู เสือวิสามัญ ลูกเสอื ทเี่ ป็นหญิงอาจใชช้ อื่ เรียกวา่ เนตรนารี หรอื ชือ่ อ่ืนซงึ่ ไดร้ ับความเห็นชอบจากคณะกรรมการบริหารลูกเสือ แหง่ ชาติ และบรรดาคาวา่ ลกู เสือใหห้ มายถึงลกู เสอื ท่เี ป็นหญิงดว้ ย งานเนตรนารี โรงเรียนสตรีนนทบรุ ี หลักสตู รลกู เสือโลก มธั ยมศกึ ษาปที ี่ 1 ภาคเรยี นท่ี 1/ 2558
หนา้ 4 ผู้บงั คับบัญชาลกู เสือ ตามพระราชบัญญัติลูกเสือ (ฉบบั ท่ี3) พ.ศ.2528 ได้กาหนดตาแหน่งผบู้ ังคับบัญชาลูกเสือไว้ดงั น้ี 1. ผู้อานวยการใหญ่ 10. ผอู้ านวยการลกู เสอื โรงเรียน 2. รองผอู้ านวยการใหญ่ 11. รองผู้อานวยการลูกเสอื โรงเรยี น 3. ผู้ชว่ ยผู้อานวยการใหญ่ 12. ผกู้ ากับกลมุ่ ลูกเสือ 4. ผ้อู านวยการลูกเสือจงั หวดั 13. รองผูก้ ากบั กลมุ่ ลกู เสือ 5. รองผู้อานวยการลกู เสือจงั หวัด 14. ผกู้ ากับกองลกู เสือ 6. ผ้ชู ว่ ยผ้อู านวยการลูกเสือจงั หวดั 15. รองผกู้ ากับกองลูกเสือ 7. ผอู้ านวยการลูกเสืออาเภอ 16. นายหมู่ลูกเสือ 8. รองผู้อานวยการลูกเสืออาเภอ 17. รองนายหมลู่ ูกเสือ 9. ผชู้ ว่ ยผู้อานวยการลูกเสอื อาเภอ รฐั มนตรีวา่ การกระทรวงศึกษาธิการเป็นผ้อู านวยการใหญ่ ปลัดกระทรวงศึกษาธกิ ารและอธิบดี กรมพลศึกษาเป็นรองผู้อานวยการใหญ่ รองอธิบดกี รมพลศึกษาและผอู้ านวยการกองการลูกเสือเปน็ ผู้ชว่ ยผู้อานวยการใหญ่ การแตง่ ตง้ั ผ้บู ังคับบญั ชาลกู เสอื ตงั้ แต่ลาดบั 10 ลงไปถึงลาดบั 17 ให้เปน็ ไปตามข้อบงั คับคณะ ลูกเสือแห่งชาติ ขอ้ บังคับคณะลูกเสอื แหง่ ชาติ คอื ข้อบังคบั ที่กาหนดข้ึนด้วยความเหน็ ชอบของคณะกรรมการ บริหารลกู เสอื แห่งชาติ งานเนตรนารี โรงเรยี นสตรีนนทบรุ ี หลกั สตู รลกู เสือโลก มัธยมศึกษาปที ี่ 1 ภาคเรียนท่ี 1/ 2558
หน้า 5 กจิ การของคณะลกู เสือโลกและความสมั พนั ธ์ระหวา่ งลูกเสือนานาชาติ คณะลกู เสอื โลก ภายหลงั จากความสาเรจ็ ของ บี-พี ในการทดลองการอยู่ค่ายพกั แรมของเด็กทจ่ี ดั ข้นึ ระหว่าง วันท่ี 1-9 สิงหาคม พ.ศ.2450 ท่ี เกาะบราวน์ซี ซ่ึงนบั เปน็ ค่ายลกู เสือแห่งแรกของโลก และการพมิ พ์หนังสือเร่ือง “การ ลกู เสอื สาหรบั เด็กชาย” ออกจาหนา่ ย ทาให้ท้ังเด็กและผู้ใหญ่ตา่ งก็อยากมสี ่วนร่วมในกิจการลูกเสือ และในชว่ั ระยะเวลาไม่นานกิจการลูกเสือก็ได้แพรห่ ลายไปยังประเทศตา่ ง ๆ ทว่ั โลก ต่อมาในปี พ.ศ.2463 สมาคมลูกเสอื องั กฤษไดจ้ ัดใหม้ ีการชุมนมุ ลูกเสอื จากทัว่ โลกเป็นครัง้ แรก ที่เมืองโอลมิ เปยี กรุงลอนดอน ประเทศองั กฤษ ซึ่งถือ เปน็ การชุมนมุ ลูกเสือโลกครั้งท่ี 1 และการประชมุ สมัชชาลูกเสือโลกคร้งั ที่ 1 ดว้ ย ขณะเดียวกนั กไ็ ด้มกี ารจดั ตั้ง สานักงานลกู เสือโลกขึ้น เพื่อการบริหารงานกจิ การลูกเสือ ในปี พ.ศ. 2465 ไดม้ ีการจดั ประชมุ สมัชชาลูกเสือโลกครงั้ ท่ี 2 ท่ีกรงุ ปารีส ประเทศฝร่ังเศส โดยมี ผเู้ ขา้ รว่ มประชุมจาก 31 ประเทศ ที่ประชมุ ไดเ้ ลือกตั้งคณะกรรมการลกู เสอื โลกจานวน 9 คน เพือ่ ทาหน้าที่เป็น คณะกรรมการบรหิ ารองค์การลูกเสือโลก คณะลูกเสือโลก หมายถงึ องค์กรท่ีทาหน้าทรี่ กั ษาและดารงไวซ้ งึ่ ความเปน็ เอกภาพ ทาหน้าทส่ี ง่ เสริม กิจการลูกเสือทว่ั โลกใหม้ ีการพฒั นาและก้าวหน้าอย่างต่อเนื่อง โดยมีธรรมนญู เป็นกฎหมายสาหรบั ยดึ ถือปฏบิ ัติ ในการดาเนินกิจการลูกเสือทั่วโลก หรือทีเ่ รียกในปจั จุบันว่า “องค์การลกู เสือโลก” สานักงานลูกเสือโลก มสี าขา 5 แหง่ ทว่ั โลก 1. สานักงานลกู เสอื โลกเขตอเมริกา ซานโฮเซ่, คอสตาริกา 2. สานกั งานลกู เสอื โลก เขตยโุ รป เจนีวา, สวิตเซอรแ์ ลนด์ 3. สานักงานลกู เสอื โลก เขตเอเชีย-แปซฟิ กิ มะนิลา, ฟิลิปปินส์ 4. สานกั งานลูกเสือโลก เขตอาหรบั ไคโร, อียปิ ต์ 5. สานักงานลูกเสอื โลกเขตแอฟริกา ไนโนบี, เคนยา งานเนตรนารี โรงเรยี นสตรนี นทบรุ ี หลักสตู รลูกเสือโลก มัธยมศกึ ษาปีที่ 1 ภาคเรยี นที่ 1/ 2558
หนา้ 6 เคร่อื งหมายลกู เสอื โลก องค์การลูกเสือโลก ประกอบดว้ ยองค์กรที่สาคัญ 3 องค์กร คอื 1. สมชั ชาลูกเสือโลก คือทป่ี ระชมุ ใหญ่ประกอบด้วยผู้แทนประเทศสมาชกิ มาประชมุ รว่ มกันทุก ๆ สามปี ยกเวน้ กรณีที่ปีใดสถานการณ์ของโลกมีความวุ่นวายหรือมีเร่อื งรา้ ยแรงหรือเศรษฐกิจป่นั ป่วนก็ใหง้ ดการ ประชุมในช่วงเวลาดงั กล่าว เช่นในปี พ.ศ.2484 ไม่มีการประชมุ เนอ่ื งจากการถงึ แกอ่ สัญกรรมของ ลอรด์ เบเดน เพาเวลล์ ผใู้ ห้กาเนิดลูกเสือโลก สมชั ชาลูกเสือโลกมีหนา้ ที่ 1. พจิ ารณานโยบายและมาตรฐานของการลกู เสอื ทัว่ โลก และกาหนดแนวทางใหอ้ งค์การลูกเสือ สมาชิกทกุ ประเทศปฏบิ ตั ิตาม เพื่อใหบ้ รรลุวตั ถุประสงคข์ ององค์การลกู เสือโลก 2. กาหนดนโยบายทั่วไปขององค์การลกู เสอื โลก 3. พิจารณาการเขา้ เป็นสมาชกิ ขององค์การลกู เสือโลกโดยยึดหลักเกณฑ์ว่าองค์การลูกเสือแหง่ ชาติที่ สมคั รเขา้ เปน็ สมาชกิ น้นั จะตอ้ งปฏิบัตติ ามวัตถุประสงค์(Purpose) หลักการ (Principles) วธิ ีการ (Method) ขององค์การลกู เสือโลก และยดึ คาปฏิญาณและกฎของลูกเสอื ตามที่ไดบ้ ัญญัติไว้ใน ธรรมนูญลกู เสือโลก โดยเครง่ ครดั เสยี ก่อน 4. พจิ ารณาให้องคก์ ารสมาชิกออกจากการเป็นสมาชิกขององค์การลกู เสือโลกในกรณที ่ีไมป่ ฏบิ ตั ิตาม บทบญั ญตั ิที่กาหนดไวใ้ นธรรมนญู ลูกเสือโลก 5. เลอื กตั้งกรรมการลกู เสอื โลกใหค้ รบจานวนตามหลักเกณฑ์และวธิ ีการทก่ี าหนดไวใ้ นธรรมนญู ลกู เสอื โลก 6. พจิ ารณารายงาน และข้อเสนอแนะของกรรมการลกู เสือโลก 7. พจิ ารณาขอ้ เสนอแนะจากองค์การลูกเสือสมาชิกฯ 8. พิจารณาแก้ไข ปรับปรงุ เพิ่มเตมิ ธรรมนูญลูกเสือโลก 9. ปฏบิ ัติหน้าทีอ่ น่ื ๆ ทุกเรอื่ ง ตามท่ไี ด้กาหนดไว้ในธรรมนญู ลูกเสอื โลก 2. คณะกรรมการลกู เสอื โลก คือกรรมการท่ที าหนา้ ท่ีบริหารองคก์ ารลกู เสือโลก กรรมการลูกเสอื โลกถือวา่ เปน็ ผ้บู งั คับบัญชาลกู เสืออาสาสมคั รเพราะไม่ได้รับเงนิ เดือนจากองคก์ ารลูกเสอื โลก มจี านวน 12 คน ซง่ึ ไดร้ ับเลอื กตงั้ ในท่ปี ระชุมสมัชชาลกู เสือโลก ตามวิธีการและเงือ่ นไขและบทบญั ญตั ทิ ี่กาหนดไวใ้ น ธรรมนญู ลกู เสือโลก คณะกรรมการลูกเสือโลกมหี น้าท่ี 1. ปฏิบัตหิ นา้ ทแ่ี ทนสมัชชาลูกเสอื โลก ในชว่ งเวลาที่ไมม่ กี ารประชุมสมชั ชาลกู เสอื โลก ในเรื่องที่ต้องมี การตดั สนิ ใจ ให้คาแนะนาตา่ ง ๆ และการกาหนดนโยบายต่าง ๆ รวมทงั้ เปน็ ตัวแทนขององค์การ ลกู เสอื โลกในกจิ กรรมลูกเสือแหง่ ชาติ และกจิ กรรมลกู เสือระหว่างประเทศ 2. ชว่ ยส่งเสริมกิจการลกู เสือทัว่ โลก ดว้ ยการเยยี่ มเยยี น การตดิ ตอ่ ทางหนงั สอื ให้การฝกึ อบรมตาม หลกั สูตรการฝกึ อบรมต่าง ๆ ตลอดจนกิจกรรมอ่นื ๆ ที่เหน็ สมควร 3. ให้คาแนะนาและความช่วยเหลือแก่องค์การลกู เสือสมาชิก ในการดาเนินกจิ การลกู เสือให้บรรลุ วัตถุประสงค์ หลักการและวธิ ีการกระบวนการลกู เสือ 4. ให้คาแนะนาแก่องค์การลูกเสอื แหง่ ชาติ ท่ีจะสมคั รเข้าเป็นสมาชกิ องคก์ ารลูกเสือโลก งานเนตรนารี โรงเรยี นสตรนี นทบรุ ี หลกั สตู รลกู เสอื โลก มัธยมศกึ ษาปีท่ี 1 ภาคเรียนท่ี 1/ 2558
หนา้ 7 5. หยดุ ย้ังการเป็นสมาชกิ ของสมาคมลูกเสือแหง่ ชาติไวช้ ่วั คราว ในเมอ่ื ไมไ่ ด้ปฏบิ ตั ติ าม หลักการ และ วิธีการ ทกี่ าหนดไว้ในธรรมนูญลูกเสือโลก 6. จัดเตรยี มวาระการประชมุ และระเบียบการประชมุ สมชั ชาลกู เสือโลก 7. พจิ ารณาข้อเสนอแนะขององคก์ ารลูกเสือแหง่ ชาติ (สมาคมลกู เสือแหง่ ชาติ) 8. แตง่ ตงั้ ประธาน รองประธาน การประชุมสมชั ชาลกู เสือโล 9. แต่งตั้งเลขาธกิ ารองคก์ ารลูกเสือโลก และแต่งตั้งรองเลขาธกิ ารฯ โดยคาแนะนาของเลขาธิการฯ 10. ดแู ล แนะนาการบริหารงานของสานกั งานลูกเสอื โลก 11. อนมุ ตั ิงบประมาณของสานักงานลกู เสอื โลก 12. รบั ผดิ ชอบในการหาเงนิ เพม่ิ เตมิ เข้ากองทนุ ลกู เสือโลก 13. อนมุ ตั ิธรรมนูญลูกเสือโลก และธรรมนญู ลกู เสอื ของเขตต่าง ๆ ของโลก 14. พจิ ารณาแต่งตง้ั ท่ีปรกึ ษาแก่องค์การตา่ ง ๆ ท่ีให้ความชว่ ยเหลือและสนับสนนุ กจิ การลูกเสือ 15. พจิ ารณาให้รางวัลเหรยี ญลกู เสือสดุดแี ห่งโลก ท่เี รียกว่า “บรอนซ์วลู ฟ์” (Bronze Wolf) 16. ปฏบิ ตั หิ นา้ ทอ่ี ่นื ๆ ที่กาหนดไว้ในธรรมนูญลกู เสอื โลก 3. สานักงานลูกเสอื โลก คือ สานกั งานเลขาธิการขององค์การลกู เสือโลก เป็นศูนย์ประสานงานระหวา่ ง องค์การลกู เสอื โลกสมาชิกทวั่ โลกซ่งึ มีจานวน 144 ประเทศ เพ่ือสรา้ งความสัมพนั ธ์ รักษาและดารงไวซ้ งึ่ ความเป็นเอกภาพของขบวนการลูกเสือโลก และเพอ่ื ใหก้ ารปฏบิ ตั งิ านเปน็ ไปอยา่ งมีประสิทธภิ าพ จึงได้ แบง่ เปน็ สาขา 5 เขต คือ 1. องค์การลูกเสอื เขตแอฟริกา 2. องค์การลกู เสือเขตอาหรบั 3. องค์การลูกเสือเขตเอเชยี -แปซิฟิก 4. องค์การลูกเสือเขตยโุ รป 5. องค์การลกู เสือเขตอเมริกา สานกั งานลกู เสือมหี น้าท่ี 1. ช่วยสมชั ชาลูกเสอื โลก และคณะกรรมการลูกเสอื โลก ในการปฏิบัตงิ านในหน้าทใี่ ห้ประสบ ความสาเร็จดว้ ยดี โดยเฉพาะอย่างยง่ิ จัดเตรียมการประชมุ ทกุ ๆ เรอ่ื ง 2. นาเอามติของสมชั ชาลูกเสือโลก และของคณะกรรมการลูกเสอื โลกไปปฏิบัตใิ หเ้ กดิ ผลเป็น รูปธรรม 3. ใหบ้ รกิ ารทุกเร่อื งทจี่ าเปน็ ต่อการสง่ เสรมิ กจิ การลูกเสือทวั่ โลก เช่น เรอื่ งการวิจัยเอกสาร วิชาการ การฝึกอบรมผบู้ งั คบั บญั ชาลูกเสอื การฝกึ อบรมลูกเสอื การประชาสัมพันธ์ และ การพิมพ์คู่มือต่าง ๆ ออกเผยแพร่ 4. ดารงไว้ซึง่ ความสัมพนั ธ์กับองค์การลูกเสือสมาชิกและใหค้ วามชว่ ยเหลือในการพัฒนาการ ลกู เสอื 5. ช่วยพัฒนากิจการลกู เสือให้เกิดขนึ้ ในประเทศต่าง ๆ ทย่ี ังไม่มีการลกู เสือ 6. ชว่ ยเหลอื องคก์ ารลกู เสอื แห่งชาตทิ ่ียังไม่ได้เปน็ สมาชิกฯ ให้มมี าตรฐานทด่ี ี เพ่ือจะได้เข้า เป็นสมาชกิ ขององคก์ ารลกู เสือโลกในโอกาสต่อไป 7. หาทางให้ (ข้อ 5,6) สมคั รเข้าเป็นสมาชกิ ขององคก์ ารลกู เสือโลกหากมีทางช่วยเหลอื ได้ ก็ ช่วยเหลอื โดยมิไดช้ ักช้า งานเนตรนารี โรงเรยี นสตรนี นทบรุ ี หลกั สตู รลูกเสือโลก มัธยมศกึ ษาปที ี่ 1 ภาคเรียนท่ี 1/ 2558
หนา้ 8 8. ดแู ลแนะนาการจดั กจิ กรรมลูกเสือนานาชาติ หรือกจิ กรรมลกู เสือของเขตต่าง ๆ ของโลก 9. สรา้ งความสมั พนั ธ์กับองคก์ ารนานาชาตอิ ่ืน ๆ ทเี่ กี่ยวขอ้ งกับกิจกรรมเยาวชน ความสมั พันธร์ ะหวา่ งลกู เสือนานาชาติ ในหลกั การของขบวนการลูกเสือนนั้ ถอื ว่าลกู เสือทั่วโลกมคี วามเปน็ พน่ี อ้ งกนั ตามกฎของลูกเสือ ข้อ 4 “ลูกเสือเปน็ มติ รของคนทกุ คนและเปน็ พนี่ ้องกบั ลูกเสืออนื่ ท่ัวโลก” ดังน้นั จึงตอ้ งมกี จิ กรรมเพ่ือส่งเสริมมติ รภาพ และสร้างความสมั พนั ธอ์ ันดรี ะหวา่ งกันซ่ึงแบ่งออกไดด้ ังนี้ 1. กจิ กรรมเสนอแนะที่ลกู เสือสามารถปฏบิ ตั ิได้อยา่ งเป็นรปู ธรรม คอื 1. การเขียนจดหมายถึงเพ่อื นลูกเสือดว้ ยกันอาจผ่านผู้กากับลูกเสอื หรือผู้ตรวจการลกู เสอื ฝ่าย ต่างประเทศของประเทศน้ันๆหรอื ลกู เสืออาจตดิ ต่อโดยตรงกบั เพื่อนลกู เสือในตา่ งประเทศก็ได้ Dear Pen – Pal Dept. W.S.,Box 4054 Santa Barbara, California 93103 U.S.A. 2. การตดิ ต่อหาเพื่อนทางคอมพิวเตอร์ สานักงานลกู เสือโลกกับลกู เสอื อเมรกิ าได้รว่ มมือกันจัดโป รมแกรมมิตรภาพจดั หาเพื่อนลูกเสอื ทว่ั โลกโดยไม่คดิ ค่าบริการ การหาเพ่อื นทางคอมพิวเตอร์ ใหจ้ ่าหนา้ ซอง ดังน้ี , ลกู เสอื จะต้องแจ้ง ช่อื ตาบลทอี่ ยู่ ความสนใจ ภาษาทใ่ี ช้ในการตดิ ต่อ ประเทศ และความประสงค์ และจะส่งรายละเอยี ดเกย่ี วกับลกู เสอื ทตี่ ้องการตดิ ต่อมาให้ 3. การแลกเปล่ยี นรปู ภาพ คือการแลกเปลยี่ นภาพถ่ายกิจกรรมของกองหรือของกลุม่ ลกู เสือ 4. การแลกเปล่ียนภาพสไลดก์ จิ กรรมลกู เสอื พร้อมคาบรรยายสามารถนาไปแสดงหรอื จดั นิทรรศการ 5. การแลกเปลี่ยนวารสารลูกเสือ ขา่ วสารของกองหรอื กลุ่มลูกเสือกับคณะลูกเสือต่างประเทศ 6. การแลกเปลีย่ นดวงตราไปรษณียท์ ้ังท่เี ปน็ ดวงตราไปรษณยี ์ท่ัวไป และดวงตราไปรษณยี ์ เก่ียวกับลูกเสือ 2. กิจกรรมงานชุมนุมลกู เสือ เช่น 1. การชุมนุมลกู เสือเขต 2. การชมุ นุมลกู เสือโลก งานเนตรนารี โรงเรียนสตรนี นทบรุ ี หลกั สูตรลกู เสือโลก มธั ยมศึกษาปีที่ 1 ภาคเรยี นที่ 1/ 2558
หน้า 9 บทบาทของตนเองในฐานะท่เี ปน็ ลกู เสือสามญั รุ่นใหญ่ บทบาทของตนเองในฐานะลูกเสอื สามัญรุ่นใหญ่ ลกู เสอื สามัญรุ่นใหญ่ หมายถึงลกู เสอื ที่มอี ายุระหวา่ ง 14 – 18 ปี หรือกาลังเรยี นเรียนอยใู่ นช้นั มธั ยมศึกษา กองลูกเสือสามัญร่นุ ใหญป่ ระกอบด้วยหมลู่ ูกเสอื อย่างน้อย 2 หมู่ ไมเ่ กิน 6 หมู่ หมู่หน่งึ มลี ูกเสือ 4 – 8 คน รวมทั้งนายหมูแ่ ละรองนายหมู่ด้วย หมลู่ กู เสือสามัญรุ่นใหญเ่ ป็นหนว่ ยในการจัดกจิ กรรมตามแนวท่คี ณะกรรมการดาเนินการของกองลูกเสือ สามญั รุ่นใหญ่กาหนด กรณที ี่มีกิจกรรมพิเศษอาจจัดลูกเสือขน้ึ เปน็ ชดุ หรือหน่วยพเิ ศษก็ได้ คณะกรรมการดาเนนิ งานของกองลกู เสอื สามัญรุ่นใหญ่ ประกอบดว้ ยนายหมเู่ ป็นประธาน ผ้ชู ่วยหวั หนา้ นาย หมเู่ ปน็ รองประธาน ให้นายหม่แู ละรองนายหมูใ่ นกองเลอื กกันเองเป็นกรรมการฝา่ ยตา่ ง ๆ เชน่ เลขานุการ เหรัญญกิ ปฏคิ ม กรรมการกีฬา กรรมการนนั ทนาการ กรรมการพฒั นาสาขาต่าง ๆ แล้วนาเสนอผู้กากับ พจิ ารณาแตง่ ตัง้ โดยมีผบู้ งั คับบญั ชาลูกเสอื เปน็ ทป่ี รึกษา และใหม้ ีการประชุมคณะกรรมการดาเนินงานอยา่ ง น้อยเดือนละ 1 ครงั้ คณะกรรมการดาเนินงานของกอง มีหน้าท่ดี งั นี้ 1. วางแผนและจดั ทารายงานกจิ กรรมประจากองลูกเสือ 2. ในกรณที ี่มกี จิ กรรมพิเศษ อาจพิจารณาแต่งตง้ั ลกู เสือสามัญร่นุ ใหญ่ ในกองคนหนึ่งให้เป็นหัวหน้า กจิ กรรมน้ัน 3. บรหิ ารกิจกรรมภายในกองลูกเสอื 4. รกั ษาเกียรตขิ องกองลกู เสือ 5. ควบคมุ การรับจ่ายในกองลกู เสอื 6. ใหป้ ระธานหรือผไู้ ดร้ ับมอบหมายเป็นผแู้ ทนของกองในการติดต่อกับบคุ คลภายนอก กจิ กรรมของลูกเสือสามัญรุ่นใหญ่ เนื่องจากลูกเสือสามัญรุน่ ใหญ่เป็นเดก็ โต มคี วามรูค้ วามสามารถ ตลอดจนการตัดสนิ ใจท่ีดเี ปน็ สว่ นใหญ่ จึงเปน็ ทีต่ อ้ งการของชมุ ชนในการช่วยพัฒนาท้องถ่นิ สาธารณะประโยชน์และสิ่งแวดลอ้ มให้นา่ อยู่อาศัย ดงั น้นั การดาเนนิ งานของคณะกรรมการจงึ มงุ่ ที่จะให้ลูกเสอื สามัญร่นุ ใหญไ่ ด้ชว่ ยเหลือในโครงการตา่ ง ๆ มากมาย เช่น โครงการพัฒนาชมุ ชนและสง่ิ แวดล้อม ชุมชน หมายถึง บคุ คลต้ังแต่ 2 คนขึ้นไป ทง้ั หญิงและชายอยรู่ ่วมกันในอาณาบริเวณแหง่ หน่ึง มีหลายวัย หลายอาชีพ มี ฐานะแตกต่างกนั ในด้านเศรษฐกิจ ความรู้ ประสบการณ์ นิสัยใจคอและความประพฤติ ดังนั้น เราอาจสรปุ ได้วา่ ชุมชน คอื สภาพตา่ ง ๆ ที่อยใู่ กลช้ ดิ กบั เราและมคี วามเก่ียวขอ้ งสมั พนั ธ์กันใน เรอ่ื งของบคุ คล สถานทีแ่ ละส่ิงต่าง ๆ ทีไ่ ม่เหมือนกัน ลูกเสือกับการพัฒนาชมุ ชน สานักงานลูกเสือโลกและสมาคมลูกเสอื ประเทศต่าง ๆ ไดใ้ ห้ความสนใจเร่อื งน้ีเป็นพเิ ศษเพราะคานึงถึง ความสาคัญของกิจการลูกเสอื ทจ่ี ะให้กบั สงั คม โดยเฉพาะตัวลูกเสือซ่งึ เปน็ ส่วนหน่ึงของสังคมควรจะได้ช่วยเหลอื ชุมชนท่ีตนเองอาศยั อยู่ได้เปน็ อย่างดี และในการสมั มนาเรื่องกิจการลูกเสือกบั การพัฒนาชมุ ชน ทปี่ ระชมุ ได้มี มตวิ า่ งานเนตรนารี โรงเรยี นสตรนี นทบรุ ี หลักสตู รลูกเสือโลก มัธยมศกึ ษาปที ่ี 1 ภาคเรยี นที่ 1/ 2558
หน้า 10 “ถึงแมค้ วามแตกตา่ งในทางเศรษฐกจิ ของสมาชิกในสงั คมยังมีอยมู่ าก ขบวนการลูกเสือต้องพยายาม ช่วยพัฒนาสภาพความเปน็ อยู่ของสังคมใหเ้ ขา้ กับสภาพท่ีใคร ๆ ในสังคมนนั้ พอยอมรบั ได้” กิจกรรมเกี่ยวกับการพัฒนาชมุ ชน ความแตกตา่ งของสภาพทอ้ งถน่ิ ในดา้ นเศรษฐกจิ การเมืองและสงั คมตลอดจนวฒั นธรรมประเพณี คา่ นยิ มและความเชือ่ เป็นสงิ่ ผกู้ ากบั ลกู เสือตอ้ งพยายามคัดเลอื กโครงการทม่ี ีกจิ กรรมที่ใหป้ ระโยชน์มากทส่ี ดุ แก่ ชมุ ชนของตน ดงั น้ันการพฒั นาชมุ ชนจึงเป็นสว่ นหนึง่ ของการบาเพ็ญประโยชนข์ องลกู เสอื ที่มีคุณคา่ และเป็นการ ใหบ้ รกิ ารไปพร้อม ๆ กัน ตัวอย่างกจิ กรรมเก่ยี วกับการพัฒนาชุมชน มดี ังน้ี ● การรณรงค์รักษาความสะอาด ● การอนรักษ์ธรรมชาติและสง่ิ แวดลอ้ ม ● การจดั สถานท่ีพกั ผ่อนสาธารณะ ● การขดุ ลอกแหลง่ น้า ● การกาจดั ผักตบชวา ● การฝกึ อบรมวชิ าชพี ระยะส้นั โดยรว่ มกับวทิ ยากรของส่วนราชการตามความต้องการของ ทอ้ งถนิ่ ฯลฯ ข้นั ตอนการดาเนินงานตามโครงการ ในการพัฒนาชุมชนของกองลกู เสอื สามญั รนุ่ ใหญผ่ ูก้ ากบั ลูกเสอื จาเป็นต้องจดั ลาดับขนั้ ตอนในการ ดาเนินงานตามโครงการ ดงั ต่อไปน้ี 1. ขัน้ วางแผน ● สารวจข้อมูลเบื้องต้น ● วางแผนเขยี นโครงการ ● กาหนดรายละเอียดการปฏบิ ัตทิ ุกข้ันตอน ● เตรียมอปุ กรณ์ เครื่องอานวยความสะดวกต่าง ๆ 2. ขัน้ ปฏิบตั ิการ ● ชีแ้ จงรายละเอยี ด วตั ถุประสงค์ เปา้ หมาย และควรปฏบิ ัติอย่างถูกวธิ ี ● มอบอปุ กรณ์เครื่องใช้ ● การปฏบิ ตั ิงานตามกาหนดเวลา สถานที่ ● ปฏิบัตงิ าน จนสาเร็จลลุ ว่ ง 3. ขน้ั ประเมินผลการปฏบิ ัตงิ าน ● พิจารณาว่าได้ดาเนินงานถูกต้อง ครบถว้ นเพยี งใด ● มปี ญั หา อุปสรรค และส่งิ ท่ีต้องปรบั ปรุงแกไ้ ขอะไรบ้าง ● ความร่วมมือของประชาชนในชมุ ชน ● สรปุ ผลการปฏิบัติงาน ตดิ ป้ายประกาศใหท้ ุกคนทราบ ● ปรบั ปรงุ โครงการให้เหมาะสมเพ่อื เตรียมการดาเนินงานต่อไป จะเห็นได้วา่ ลกู เสือสามัญรุ่นใหญม่ บี ทบาทโดยสรุป คือการบาเพญ็ ประโยชนต์ ่อชุมชนด้วยการพฒั นา ชุมชนในรูปแบบตา่ ง ๆ ดงั กล่าวมาแลว้ ซ่งึ นบั วา่ เปน็ บทบาททีส่ าคญั ในการชว่ ยเหลือชมุ ชน งานเนตรนารี โรงเรยี นสตรีนนทบรุ ี หลกั สูตรลกู เสือโลก มัธยมศกึ ษาปีที่ 1 ภาคเรยี นที่ 1/ 2558
หน้า 11 คาปฏญิ าณและกฎของลูกเสอื คาปฏญิ าณและกฎของลูกเสือ ขบวนการลูกเสือเปน็ ขบวนการอาสาสมคั รที่มีเกยี รติและเป็นท่ียอมรบั วา่ ผู้อยูใ่ น ขบวนการน้ีจะเป็นผู้มีระเบยี บวินยั มีความซื่อสตั ย์ เสยี สละ อดทน ปฏิบตั หิ น้าท่ีอย่างมกี ฎเกณฑแ์ ละยินดี ชว่ ยเหลอื ผู้อนื่ ทกุ เม่ือ ลกู เสือทุกคนในกระบวนการนจ้ี ะยึดถือคาปฏิญาณและกฎของลูกเสอื เป็นแนวปฏบิ ัตอิ ย่าง มเี กยี รติ 1. คาปฏญิ าณหมายถงึ “การใหค้ ามัน่ โดยสุจรติ ใจ” ลูกเสอื ทุกคนต้องมีความสานึกวา่ การกล่าวคาปฏิญาณของเขาเปน็ ที่เช่ือถือของ บคุ คลอ่ืน ดงั นน้ั การรักษาคาพดู จงึ มีความสาคญั อย่างยิ่งโดยเฉพาะคามนั่ สญั ญาท่ีใหไ้ ว้ “ขา้ สญั ญาวา่ จะทา อย่างไรแล้วตอ้ งทาเหมือนปากพดู ทกุ อยา่ ง” ดงั คาปฏิญาณทีก่ ลา่ วว่า “ดว้ ยเกียรติของข้า ข้าสัญญาว่า ขอ้ 1 ข้าจะจงรักภักดีต่อชาติ ศาสนาและพระมหากษัตริย์ ข้อ 2 ข้าจะชว่ ยเหลอื ผ้อู นื่ ทุกเม่ือ ขอ้ 3 ขา้ จะปฏบิ ัติตามกฎของลกู เสอื จากคาปฏิญาณดงั กลา่ ว แสดงใหเ้ หน็ วา่ ลูกเสอื มีหนา้ ทดี่ งั ต่อไปน้ี หน้าทต่ี ่อชาติ ชาติไทย คือ แผ่นดินและนา่ นน้าทีร่ วมกันเรยี กว่าประเทศไทย ประกอบด้วยประชาชนพลเมอื ง ที่ รวมกนั เรยี กว่าคนไทย ธงชาติ เป็นเครือ่ งหมายแทนชาติ ฉะนนั้ ธงชาติจึงเป็นส่ิงที่ควรแก่การเคารพ เป็นหนา้ ท่ีของลกู เสอื ทุก จะตอ้ งแสดงความเคารพในโอกาสทีเ่ ชิญธงชาตขิ ึน้ สู่ยอดเสา และเวลาเชญิ ธงชาติลงจากยอดเสา พิธเี ชิญธงชาตขิ น้ึ สู่ยอดเสาหรือเชิญธงชาติลงจากยอดเสาน้ี เปน็ พิธีสาคัญอย่างหน่งึ ของลูกเสอื ซง่ึ จะตอ้ งกระทาดว้ ยความเปน็ ระเบียบเรยี บรอ้ ย ผู้ที่ไดร้ ับมอบหมายใหเ้ ชญิ ธงชาติลงควรถือวา่ เปน็ เกยี รตทิ ่ีได้รับ มอบหมายให้ทางานน้ี และต้องระมัดระวงั ไม่ใหส้ ว่ นหนึ่งส่วนใดของธงสัมผัสกับพื้นดินเปน็ อนั ขาด ลูกเสือไม่ ควรกระทาการใด ๆ ในอนั ทจ่ี ะนามาซึ่งความเสื่อมเสยี เกยี รตขิ องธงชาติ เช่น นาผืนธงไปปพู ้ืนเช็ดสิ่งของหรอื เหยียบยา่ และกองไวแ้ ทบเท้า ธงชาตไิ ทยเรียกวา่ “ธงไตรรงค์” แปลว่า ธงสามสี ลูกเสอื ควรจะทราบดว้ ยว่าแตล่ ะสีมีความหมาย อย่างไร สัญลักษณ์อีกอยา่ งหนง่ึ ของธงชาติไทย คือ เพลงชาติ ลกู เสือและผูบ้ ังคับบญั ชาลูกเสือทุกคนจะตอ้ ง สามารถร้องเพลงชาติได้อย่างถตู อ้ ง หน้าที่ตอ่ ศาสนา ลกู เสือจะนบั ถอื ศาสนาใด ๆ กไ็ ด้เพราะทกุ ศาสนาก็มคี วามมุง่ หมายอย่างเดียวกนั คอื สอนให้บุคคลเป็น คนดี ไดแ้ กก่ ารละเวน้ ความช่ัวกระทาแต่ความดี และทาใจใหผ้ อ่ งใสบริสทุ ธ์ิ หนา้ ท่ตี ่อพระมหากษตั ริย์ ผกู้ ากับลูกเสือพงึ หาวธิ กี ารตา่ ง ๆ ทจ่ี ะทาใหล้ กู เสอื สนใจในพระราชกรณียกิจของพระมหากษตั ริย์ โดย เนน้ ถึงเวลาทีพ่ ระองคท์ รงอุทิศให้แก่บ้านเมืองและเสดจ็ พระราชดาเนนิ ไปทรงเยยี่ มเยียนประชาชนในท้องถนิ่ ต่าง ๆ ทวั่ ราชอาณาจกั ร พระมหากษัตริยท์ รงเปน็ ประมขุ ของชาติ เปน็ ท่ีรวมแห่งความเคาระสักการะและความสามคั คีของคน ไทยทงั้ ชาติ นอกจากน้ันพระองค์ทรงเป็นพระประมขุ ของคณะลูกเสอื แห่งชาตดิ ว้ ย งานเนตรนารี โรงเรียนสตรีนนทบรุ ี หลักสูตรลูกเสือโลก มธั ยมศกึ ษาปีที่ 1 ภาคเรียนท่ี 1/ 2558
หนา้ 12 การช่วยเหลือผู้อนื่ ทกุ เม่ือ การบาเพ็ญประโยชนต์ ่อผู้อื่นเป็นหลักสาคัญประการหนึ่งของลกู เสือ และเปน็ ส่ิงหน่งึ ที่ทาใหก้ ารลูกเสือ มชี ่ือเสียง ได้รบั การยกย่องจากประชาชนโดยทว่ั ไป แหลง่ หรอื โอกาสที่ลูกเสือจะบาเพญ็ ประโยชนน์ นั้ ควรเริม่ จากสิ่งใกล้ตัวเด็กก่อน แล้วขยายออกไปตามวยั และความสามารถของเด็ก กลา่ วคือ 1. บา้ นของลูกเสือ ควรส่งเสริมใหเ้ ดก็ ทางานในบ้านหรอื บาเพ็ญประโยชน์ต่อครอบครัว เพื่อเปน็ การ เพาะนิสยั ท่ดี ีใหแ้ กเ่ ดก็ 2. โรงเรยี นหรอื ท่ีต้ังกองลกู เสอื ผู้บงั คับบญั ชาลกู เสอื ควรสง่ เสริมให้เด็กไดท้ างานเปน็ ประโยชนต์ อ่ เพือ่ น ต่อห้องเรยี น ต่อโรงเรียนให้มากที่สดุ โดยสอนใหล้ ูกเสือตระหนักว่างานเปน็ สง่ิ ที่มีเกยี รติ งานเทา่ นั้นเป็นเครอ่ื งวัดคุณค่าของคน 2. กฎของลูกเสอื หมายถงึ ข้อกาหนดท่ีลกู เสือต้องปฏิบตั ิ ประกอบด้วย ขอ้ 1 ลูกเสือมีเกยี รตเิ ช่ือถือได้ ขอ้ 2 ลูกเสอื มีความจงรักภกั ดีตอ่ ชาติ ศาสนา พระมหากษตั รยิ ์ และซื่อตรงต่อผูม้ ีพระคุณ ข้อ 3 ลกู เสือมหี นา้ ท่กี ระทาตนใหเ้ ป็นประโยชนแ์ ละช่วยเหลือผู้อนื่ ขอ้ 4 ลกู เสอื เปน็ มติ รของคนทกุ คนและเปน็ พี่น้องกบั ลกู เสืออืน่ ท่ัวโลก ขอ้ 5 ลูกเสอื เปน็ ผู้สุภาพเรยี บร้อย ขอ้ 6 ลูกเสือมคี วามเมตตากรณุ าต่อสตั ว์ ข้อ 7 ลูกเสอื เชื่อฟังคาส่ังของบดิ ามารดาและผู้บงั คับบญั ชาดว้ ยความเคารพ ข้อ 8 ลูกเสือมีใจร่าเรงิ และไม่ย่อท้อต่อความยากลาบาก ข้อ 9 ลกู เสือเป็นผู้มัธยสั ถ์ ข้อ 10 ลูกเสอื ประพฤตชิ อบดว้ ยกายวาจาใจ กฎของลูกเสอื 10 ข้อ นไ้ี ด้ดัดแปลงมาจากกฎของลกู เสือ 10 ข้อ ตามธรรมนูญของสมชั ชาลกู เสือโลก ทวี่ ่า “ลกู เสือเป็นผ้สู ะอาดในทางความคิด วาจา และการกระทา” ข้อ 1 ลกู เสอื มีเกียรติเชือ่ ถือได้ ลูกเสือท่ีแทจ้ รงิ ถือว่า เกยี รติของเขาสาคญั กว่าส่งิ ใด เกยี รติของเขาเป็นสง่ิ ศักดิส์ ิทธ์ิ คนที่รู้จักรกั ษา เกยี รติ เปน็ ผู้เชอื่ ถือไดเ้ สมอ เขาจะไมก่ ระทาส่งิ ใด ๆ ทีเ่ สยี เกียติ เชน่ การพูดเท็จกับผูบ้ งั คับบญั ชาหรือผู้อย่ใู ต้ บงั คับบญั ชา และเขาจะทาตวั ใหเ้ ป็นทนี ับถือของคนทว่ั ไปในฐานะท่เี ปน็ ลกู เสือ โดยไมย่ อมให้สง่ิ ยั่วยวนใจ ไมว่ ่า จะลึกลับหรือรนุ แรงเพียงไรมาชกั จงู ใหก้ ระทาการใด ๆ ที่ไม่สุจริตหรือเปน็ ทน่ี า่ สงสัย และจะไมล่ ะเมดิ คามนั่ สญั ญาเปน็ อันขาด ข้อ 2 ลูกเสือมคี วามจงรกั ภักดตี ่อชาติ ศาสนา พระมหากษัตรยิ ์ และซ่อื ตรงต่อผู้มพี ระคุณ ในฐานะเปน็ พลเมอื งดี ลูกเสือต้องระลึกเสมอวา่ ตนเองเป็นคนหนึ่งในคณะหรือเปน็ อิฐก้อนหนงึ่ ใน กาแพง จะต้องทาหน้าทใ่ี ห้ดีท่ีสดุ และซื่อตรงกบั ผูม้ สี ว่ นเกย่ี วข้อง เช่น พ่อ แม่ พ่ี น้อง ลกู เสือตอ้ งไม่ทาลาย เกยี รตขิ องตนดว้ ยการเล่นไม่ซื่อ นอกจากนนั้ ตนต้องไมท่ าให้ผู้ทไ่ี วว้ างใจผิดหวัง บรรพบรุ ุษไดท้ างานดว้ ยความ เขม้ แข็ง รบดว้ ยความทรหด และตายด้วยความองอาจเพ่ือรกั ษาบา้ นเมอื งไว้ ขออย่าให้บรรพบุรษุ มองมาจาก สวรรค์ แลเห็นลกู เสือเที่ยวเตร่ เอามอื ใส่กระเปา๋ โดยไม่ได้ทาประโยชนอ์ ะไรเพ่ือบา้ นเมอื งเลย ข้อ 3 ลกู เสือมีหน้าที่กระทาตนให้เป็นประโยชนแ์ ละช่วยเหลอื ผู้อน่ื งานเนตรนารี โรงเรยี นสตรนี นทบรุ ี หลักสูตรลูกเสือโลก มัธยมศึกษาปที ี่ 1 ภาคเรยี นที่ 1/ 2558
หนา้ 13 ลกู เสอื จะพยายามใหค้ วามเมตตากรณุ าเพ่ือบาเพญ็ ประโยชนต์ ่อประชาชนอยเู่ สมอ ความคิดเหน็ ของเขา มวี า่ ทุกคนต้องตาย แตค่ วรจะทาใจวา่ กอ่ นเวลาจากโลกน้ีไปตามวถิ ีทางของธรรมชาติ ควรจะทาความดบี ้าง ฉะนนั้ จงทาทันที เพราะจะไม่อาจรูเ้ ลยวา่ เม่ือใดจะตอ้ งลว่ งลบั ไป ข้อ 4 ลกู เสือเปน็ มิตรของคนทุกคนและเป็นพี่นอ้ งกับลูกเสืออื่นท่วั โลก ในฐานะที่เป็นลูกเสือ จะต้องยอมรบั รูว้ ่าคนอื่นเปน็ เพื่อนมนษุ ย์ และต้องไม่รังเกยี จความแตกตา่ งในเร่อื ง ความคดิ วรรณะ ศาสนา หรือชาตบิ า้ นเมือง ลูกเสือตอ้ งขจัดอตขิ องตนและมองหาจุดดีของคนอื่น ส่วนจดุ ช่วั นั้น คนโงก่ ย็ อ่ มวิจารณไ์ ด้ ถา้ ลกู เสือแสดงไมตรีจิตต่อคนชาติอืน่ ไดเ้ ช่นน้ี กน็ ับวา่ ไดช้ ่วยกอ่ ให้เกิดสนั ติภาพ ไมตรีจติ ระหวา่ งประเทศ และมวลมนุษยชาตไิ ด้ ข้อ 5 ลกู เสอื เปน็ ผู้สภุ าพเรยี บรอ้ ย ในฐานะเป็นลกู เสือ จะต้องสุภาพ และคานึงถึงผ้หู ญงิ คนแก่ เดก็ และบุคคลทวั่ ๆ ไป และยงิ่ กวา่ นัน้ จะต้องสภุ าพต่อฝา่ ยตรงข้ามด้วย รวมความว่าลกู เสือต้องเปน็ สภุ าพชน สภุ าพชนคอื ผู้ปฏบิ ตั ติ ามกฎแหง่ การ บาเพญ็ ประโยชน์ของลูกเสอื ขอ้ 6 ลกู เสือมคี วามเมตตากรุณาต่อสตั ว์ สตั ว์ทัง้ หลายมคี วามรักและหวงแหนชีวิตของตนย่งิ กว่าสงิ่ ใด ต่างก็ดน้ิ รนตอ่ สู้เพื่อใหม้ ชี ีวติ อยรู่ อด ปลอดภัยจากอันตราย ทกุ ชวี ติ ปรารถนาความสุข ความรกั ความอบอุน่ และการชว่ ยเหลือเกื้อกลู แตเ่ กลยี ดกลวั และหวาดระแวงต่อการล่วงเกินเบยี ดเบยี น และทารา้ ย ภารกจิ อันสาคญั ของลูกเสือ คอื การชว่ ยเหลือผ้อู นื่ ให้พ้นจากความทุกข์ และการบริการผ้อู นื่ ให้ได้รบั ความสขุ ดังนั้น ลูกเสือทุกคนควรจะเปน็ ผมู้ ีความรักและความเมตตากรณุ าต่อสตั ว์ไม่เบยี ดเบยี นหรอื รงั แกสัตว์ให้ ไดร้ บั ทกุ ข์หรอื อันตราย ข้อ 7 ลกู เสอื เชอ่ื ฟังคาสง่ั ของบดิ ามารดาหรอื ผบู้ ังคบั บัญชาดว้ ยความเคารพ ในฐานะทเ่ี ป็นลูกเสือ ย่อมบังคบั ตนเองและเต็มใจเชือ่ ฟงั คาสงั่ ของพอ่ แม่ ครู อาจารย์ นายหมู่ และผู้ กากบั ลกู เสือ โดยชอบดว้ ยเหตุผล ไม่มกี ารโตแ้ ย้ง ชุมชนทม่ี วี นิ ยั เป็นชุมชนทค่ี วามสขุ ทสี่ ุด แต่วนิ ัยต้องเกดิ มา จากภายใน มิใช่ถูกบงั คบั จากภายนอก ดังนัน้ ควรปฏิบตั ติ นเป็นตัวอย่างที่ดีแก่ผู้อนื่ จงึ เป็นสง่ิ ทีม่ ีคุณค่ามาก ขอ้ 8 ลกู เสอื มใี จร่าเริงและไม่ย่อท้อต่อความยากลาบาก ในฐานะที่เปน็ ลูกเสอื คนอ่นื ๆ จะคอยมองดูและคดิ อยเู่ สมอว่า คงจะไมห่ วั เสยี และจะยนื หยดั ตอ่ สดู้ ว้ ย ความเขม้ แขง็ และร่าเรงิ อดทนในเมอ่ื เหตุการณ์ฉุกเฉนิ เกดิ ขน้ึ ข้อ 9 ลกู เสอื เปน็ ผมู้ ธั ยัสถ์ ในฐานะทเี่ ป็นลูกเสือ จะต้องมองไปข้างหน้าและไมย่ อมเสียเวลาและเสยี เงนิ สาหรบั ความสุขสาราญใน ปจั จบุ ัน แต่จะใชโ้ อกาสนั้นเพ่อื ใหบ้ รรลุความสาเรจ็ ในหน้าทท่ี ่ีกระทา ทง้ั น้ีเพ่ือจะไดไ้ ม่ต้องเปน็ ภาระแก่ผู้อน่ื แต่กลับจะเป็นการชว่ ยเหลอื ผู้อน่ื ได้อีกดว้ ย ข้อ 10 ลกู เสือประพฤตชิ อบด้วย กาย วาจา ใจ งานเนตรนารี โรงเรยี นสตรีนนทบรุ ี หลักสตู รลกู เสอื โลก มธั ยมศึกษาปีที่ 1 ภาคเรยี นที่ 1/ 2558
หนา้ 14 ระเบยี บแถว ระเบียบแถว การฝกึ ระเบยี บแถวลกู เสือมีคามมุ่งหมายโดยท่ัวไฟเพ่ือฝกึ ใหล้ กู เสือเปน็ ผมู้ ีระเบียบวนิ ัยอันดงี าม รู้จกั ฟัง คาบอก คาสัง่ และปฏิบัติตามไดโ้ ดยถกู ต้อง มุ่งส่งเสริมให้เกดิ ความมานะอดทน โดยส่วนบุคคลการฝกึ ระเบยี บ แถวใหไ้ ดผ้ ล 2 ทางคือ ทางร่างกายและจิตใจ ในทางรา่ งกายเป็นผ้มู รี า่ งกายแข็งแรง มีทรวดทรงสมสว่ น มี ทา่ ทางองอาจ ผึ่งผาย และเปน็ ผูม้ ีประสาทตนื่ ตวั สามารถเคล่อื นไหวอิรยิ าบถได้คลอ่ งแคล่ววอ่ งไว ในทาง จติ ใจฝึกให้เปน็ ผ้มู ีอุดมคตินางการรกั ษาเกยี รติ วนิ ัย กล้าหาญ อดทน และมคี วามเช่ือมันในตนเองทีจ่ ะปฏบิ ัติ กจิ การในหน้าท่ีโดยสว่ นรวม การทไี่ ด้ทาการฝกึ รว่ มกนั ซึ่งต้องอาศัยความรว่ มมือร่วมใจและความพรอ้ มเพรยี ง ย่อมก่อให้เกิดความสามคั คแี ละความสามารถควบคุมกันได้ด้วยความเปน็ ระเบียบเรียบร้อย สง่าผ่าเผยสมเกียรติ ของลกู เสอื ทัง้ มุ่งฝึกให้สามารถเป็นผ้นู าและผตู้ ามไดเ้ ป็นอยา่ งดีด้วย การจัดรปู แถวของลกู เสือ ปกติจัดเปน็ แถวตอนหรือแถวหนา้ กระดานและขบวน ทง้ั นี้อาจจดั แถวชดิ หรอื แยกหน่วยกไ็ ด้ แถวตอน คอื แถวลูกเสอื ซึ่งจัดวางบคุ คลซ้อนกนั ในทางลึก ระยะหา่ งระหว่างคนหนา้ กับคนหลงั เรยี กว่า ระยะต่อ แถวหน้ากระดาน คอื แถวลูกเสอื ซึง่ อยูเ่ รียงเคียงเปน็ แนวเดยี วกนั ในทางกวา้ งระยะระหว่างบุคคล จากศอกถึงศอก เรยี กว่า ระยะเคยี ง วิธสี ่ังการ มี 5 วธิ ี คือ 1. คาบอก 2. ท่าสญั ญาณ 3. คาบอกและท่าสัญญาณประกอบกนั 4. แตรหรอื นกหวีด 5. คาสง่ั ดว้ ยปากหรือเขยี น คาบอก คาบอกในการบอกแถว ตอ้ งใหล้ กู เสือไดย้ นิ ท่วั ถงึ เพ่ือใหป้ ฏิบัตไิ ด้ทันที คาบอกมี 2 วธิ ี คอื คาบอก แบง่ และคาบอกรวด คาบอกแบง่ แบ่งออกเปน็ 2 ตอน ตอนแรกเรียกวา่ คานา ตอนหลังเรียกวา่ คาสัญญาณคานาจะบอก เสยี งยาว เวน้ ระยะเล็กนอ้ ยแล้วเปล่งคาสญั ญาณ ซงึ่ ออกเสียงหนกั และสน้ั เช่นจะบอกใหท้ าท่าตรง ใช้คาบอก แบง่ ว่า “แถว – ตรง” “แถว” เป็นคานา “ตรง” เปน็ คาสัญญาณ คาบอกรวด เมอื่ ต้องการให้ลูกเสอื ปฏบิ ตั ิด้วยอาการฉับไว ทันที ในท่าท่ีไม่ต้องทาพร้อมกนั หรอื ไม่ อาจแบ่งแยกกระทาออกเป็นตอนๆได้ เชน่ ให้แสดงความเคารพด้วยท่าวันทยหัตถ์ใชค้ าบอกรวดวา่ “วันทยหัตถ์” ทา่ สญั ญาณ ท่าสัญญาณในการฝึกระเบยี บแถวใชแ้ ทนคาบอกเมื่ออย่หู ่างไกลจากลูกเสอื หรือไม่สามารถใชค้ าบอก ให้ได้ยินท่วั ถึง หรือในกรณที ี่ต้องการความสงบเงยี บ งานเนตรนารี โรงเรยี นสตรีนนทบรุ ี หลกั สูตรลกู เสือโลก มัธยมศกึ ษาปีที่ 1 ภาคเรยี นที่ 1/ 2558
หน้า 15 การสัง่ ดว้ ยท่าสัญญาณ ให้ใช้ท่าสัญญาณแขนและมือในการฝึกระเบยี บแถว เช่น 1. เตรียม คอยฟงั คาสัง่ หรือหยุด เหยียดแขนขวาขน้ึ ตรงเหนือศีรษะ มือแบห้านิ้วชิดกัน หันฝา่ มือไป ขา้ งหน้า ลกู เสือหยุดการเคล่ือนไหวหรือการกระทาใดๆท้ังสิ้น ถ้าลกู เสือในแถวจะยืนอยู่ทา่ ตรง 2. รวมหรอื กลับมา เหยียดแขนขวา มอื แบหมนุ เปน็ เปน็ วงกลมเหนือศีรษะจากซา้ ยไปขวา 3. จดั แถวหน้ากระดาน เหยียดแขนทัง้ สองไปข้างเสมอแนวไหล่ ฝ่ามอื แบไปขา้ งหน้าจัดแถวหน้า กระดานใหท้ ศิ หน้าแถวหันตรงหนา้ ผใู้ ห้สัญญาณ 4. จัดแถวตอน เหยยี ดแขนท้งั สองไปขา้ งหน้าในแนวเดยี วกบั ไหล่ แขนขนานกนั ฝา่ มือแบเข้าหากนั 5. เคล่อื นไปข้างหนา้ ทางขวา(ซ้าย) กงึ่ ขวา ก่ึงซ้าย หรือไปทางหลงั ผู้ใหส้ ัญญาณหันหน้าไปยังทศิ ทาง ทต่ี อ้ งการ ชแู ขนขวาข้ึนเหนือศรี ษะ ฝ่ามือแบไปข้างหนา้ แล้วลดแขนลงข้างหน้าเสมอแนวบา่ 6. นอนลงหรือเข้าท่ีกาบงั แขนขวาเหยียดตรงไปขา้ งหน้าเสมอแนวไหล่ ฝา่ มือแบควา่ ลดแขนขา้ ว หนา้ แลว้ กลับท่ีเดิมหลายๆครง้ั 7. เร่งจังหวะหรือเรว็ ขน้ึ แขนขวางอ มอื กาเสมอบา่ ชูขนึ้ ตรงเหนือศีรษะแลว้ ลดลงหลายคร้ัง หมายเหตุ ก่อนจะให้สัญญาณแตล่ ะท่าน้นั ใหท้ าสญั ญาณ “เตรยี ม” กอ่ นทกุ ครั้ง แตรหรือนกหวีด เม่อื ลกู เสืออยรู่ วมกนั ในกรณีพิเศษหลายกองอยปู่ ะปนกับประชาชน หรอื เมื่อไปเดินทางไกลและอยู่คา่ ย พักแรมแตล่ าพัง อาจใช้สญั ญาณแตรหรือนกหวดี สาหรับการฝึกประจาวนั กด็ ี ในโอกาสท่ีอยหู่ ่างไกลจากลกู เสือก็ดี ผบู้ งั คบั บัญชาลูกเสืออาจใช้สัญญาณ นกหวีดบงั คับแถวลูกเสอื ดงั นี้ 1. หวดี ยาว 1 ครั้ง ( ____ ) ถา้ เคลอื่ นทีใ่ ห้หยุด ถ้าหยดุ อยู่เตือน เตรยี มตัวหรือคอยฟังคาสัง่ 2. หวดี ยาว 2 คร้ัง ( __ __ ) เดินตอ่ ไป เคล่อื นที่ต่อไป ทางานต่อไป 3. หวีดสน้ั หนึง่ คร้งั หวดี ยาวหนึ่งคร้งั สลับกนั ไป ( _ __ _ __ _ __ ) เกดิ เหตุ 4. หวดี สั้น 3 ครง้ั หวดี ยาว 1 คร้ัง ติดต่อกนั ไป ( _ _ _ __ _ _ _ __ ) เรยี กนายหมู่มารับคาสง่ั 5. หวดี สน้ั ติดกันหลายๆครง้ั ( _ _ _ _ _ _ _ _ ) ประชมุ รวม หมายเหตุ จะใช้สัญญาณนกหวีดใดๆก็ตาม ใหใ้ ช้สัญญาณ หวดี ยาว 1 ครัง้ ก่อนทกุ คร้ัง คาส่ังด้วยปากหรือเขียน คาส่งั ด้วยปากหรือเขยี น ผูบ้ ังคบั บญั ชาลูกเสอื มงุ่ หวังให้ลูกเสือปฏิบัตติ ามความต้องการเป็นสว่ นรวม เช่น “ใหท้ กุ หมแู่ ยกทาการฝึกระเบยี บแถวภายในเวลา 30 นาที แลว้ พักได้” จงึ อาจส่งั ด้วยปากหรอื เขยี นเปน็ ลายลักษณ์อักษร ใหป้ ฏิบัตติ ามความต้องการ การฝึกระเบียบแถวลกู เสือใหไ้ ด้ผลดีสมความมุง่ หมายนัน้ จาเป็นต้องมีวธิ ฝี ึกใหถ้ ูกต้องและเหมาะสม หา้ มเปลี่ยนแปลงท่าทก่ี าหนดไว้หรือนาเอาท่าและคาบอกอื่นใดทมี่ ิไดก้ าหนดไว้ในแบบฝึกมาใชใ้ นการฝึกโดย พลการเป็นอันขาด งานเนตรนารี โรงเรยี นสตรีนนทบรุ ี หลักสูตรลกู เสอื โลก มัธยมศกึ ษาปีที่ 1 ภาคเรียนท่ี 1/ 2558
หนา้ 16 ท่าตา่ งๆของระเบียบแถว 1.ทา่ ตรง ทา่ ตรงเม่ือไม่มไี ม้ง่าม คาบอก “แถว – ตรง” การปฏบิ ัติยืนให้สน้ เทา้ ชดิ และอยใู่ นแนวเดียวกันปลายเทา้ แบะออก ขา้ งละ เทา่ ๆกนั ห่างกนั ประมาณ 1 คบื (ทามมุ 45 องศา) เข่าเหยียด ตงึ และบบี เขา้ หากัน แขนท้ังสองห้อยอยูข่ ้างตัวและเหยียดตรง ลาตัว ยดื ตรง อกผายพลิกศอกไปข้างหนา้ เล็กน้อยจนไหล่ตึง นว้ิ มือเหยียด และชิดกัน นว้ิ กลางติดขาตรงกง่ึ กลางประมาณแนวตะเข็บ กางเกง เปิดฝา่ มือออกเล็กน้อยลาคอยืดตรงไม่ยน่ื คางตามองตรงไปขา้ งหนา้ ได้ระดับน้าหนกั ตัวอยบู่ นเทา้ ทัง้ สองเท่าๆกันและนง่ิ ท่าตรงเป็นทา่ เบื้องตน้ และเป็นรากฐานของการปฏิบัติท่าอ่ืนๆ และยังใชเ้ ป็นท่าสาหรบั แสดงความเคารพได้ท่าหนึ่ง 2. ท่าพกั ก. พกั ตามปกติ คาบอก “พกั ” การปฏบิ ัติ หย่อนเขา่ ขวาก่อน ต่อไปจึงหย่อนและเคลอ่ื นไหวส่วนตา่ งๆของรา่ งกาย และเปลี่ยนเขา่ พกั ไดต้ ามสมควร แต่เท้าท้ังสองคงอย่กู ับท่ี ห้ามพดู คยุ กัน เพื่อฟังคาสัง่ “แถว – ตรง” เม่ือไดย้ ินคาบอกว่า “แถว” ใหย้ ดื ตวั ขน้ึ และจดั ทุกส่วนของ ร่างกายอยู่ในท่าตรง นอกจากเขา่ ขวาซึ่งยงั หยอ่ ยอยู่ คร้ันเม่ือได้ยินคาบอก “ตรง” ใหก้ ระตุก เข่าขวาโดยเรว็ และแขง็ แรงกลบั ไปอยใู่ นลักษณะ ของทา่ ตรง ข. พักตามระเบยี บ คาบอก “ตามระเบียบ พัก” การปฏิบัติ แยกเท้าออกไปทางซ้ายประมาณ 30 ซม. (ครงึ่ ก้าว) อยา่ ง แข็งแรงและองอาจพร้อมกับจับมอื ไขว้หลังให้หลังมือเขา้ หาตวั มอื ขวาทบั มอื ซ้ายนิ้วหวั แม่ม ขวาจับน้วิ หวั แมม่ ือซา้ ยหลงั มือซ้ายแนบชิดลาตวั ในแนวกง่ึ กลางหลังและอยู่ในเข็มขัด เล็กนอ้ ย ขาท้ังสองตงึ นา้ หนกั อยู่บนเทา้ ทัง้ สองเท่าๆกันและน่งิ เม่ือได้ยนิ คาบอก“แถว– ตรง”ให้ชกั เทา้ ซา้ ยชดิ เทา้ ขวาอยา่ งแรงพรอ้ มกบั มอื ทงั้ สองกลบั ไปอยู่ในลักษณะทา่ ตรง ตามเดมิ ค. พักตามสบาย คาบอก “ตามสบายพัก” การปฏบิ ัติ หยอ่ นเขา่ ขวากอ่ นเชน่ เดียวกับ “พัก” ต่อไป จึงเคลื่อนไหวร่างกาย อยา่ งสบายและพดู จากนั ได้ แต่เขา่ ข้างหน่ึงต้องอยู่กับที่ ถ้ามิไดร้ ับอนญุ าตใหน้ ่ังจะน่งั ไม่ได้ ง. พกั นอกแถว คาบอก “พกั แถว” การปฏบิ ัติ ตา่ งคนตา่ งแยกออกจากแถว แตต่ ้องอยู่บริเวณใกล้เคยี งและไม่ทา งานเนตรนารี โรงเรียนสตรนี นทบรุ ี หลกั สตู รลูกเสือโลก มธั ยมศึกษาปที ่ี 1 ภาคเรยี นที่ 1/ 2558
หน้า 17 เสยี งอึกทึก เม่ือไดย้ นิ คาว่า “แถว” ใหร้ ีบกลับมาเข้าแถวตรงทีเ่ ดิมโดยเร็วในรูปแถวเดิม เมื่อจดั แถวให้อยใู่ นทา่ ตรงจนกวา่ จะมีคาบอกคาส่งั ต่อไป หมายเหตุ สาหรบั ท่าพัก ท่าพักเป็นทา่ ที่เปลย่ี นอริ ยิ าบถจากทา่ ตรง เพ่ือผอ่ นคลายความตงึ เครยี ดตามโอกาสต่าง ๆ คือ 1. พักตามปกติใช้พกั ในโอกาสระหว่างฝึก-สอน เพ่ืออธิบายหรือแสดงตัวอย่างแก่ลูกเสอื 2. พักตามระเบยี บ ใช้พักในโอกาสเกยี่ วกับพีธกี ารตา่ ง ๆ เชน่ ตรวจพลสวนสนามหรอื อย่ใู นแถวกอง เกียรติยศ ฯลฯ 3. พักตามสบาย ใชพ้ ักในโอกาสท่ตี อ้ งรอรบั คาสงั่ เพอื่ ปฏบิ ัตติ อ่ ไปเป้นระยะเวลาสัน้ ๆ เช่น เมอื่ ผู้ ควบคุมแถวต้องไปรับคาส่งั จากผู้บังคับบญั ชา ท่าเคารพ วนั ทยหตั ถ์ คาบอก “วนั ทยหตั ถ์” และ “มอื ลง” การปฏิบัติ ยกมือขวาข้ึนโดยเร็วและแขง็ แรง จัดนว้ิ อย่างเดียวกับท่ารหัสของลูกเสือใหป้ ลายน้วิ ช้ีแตะ ขอบล่างของหมวก คอ่ นไปข้างหน้าเลก็ นอ้ ยในแนวหางตาขวา มือเหยียดตามแนวแขนขวาท่อนล่าง น้ิวเหยียด ตรงและเรยี งชิดกนั ข้อมือไม่หักลง เปิดฝ่ามอื ขนึ้ ประมาณ 30 องศา แขนขวาท่อนบนย่นื ไปขา้ งหน้า อยปู่ ระมาณ แนวไหล่ เม่อื อยใู่ นที่แคบใหล้ ดข้อศอกลงไดต้ ามความเหมาะสม รา่ งกายสว่ นอื่นตอ้ งไม่เสียลกั ษณะท่าตรง เมอ่ื ได้ยนิ คาว่า “มือลง” ให้ลดมือลงอยใู่ นทา่ ตรงโดยเรว็ และแขง็ แรง ลกู เสือจะสวมหมวกหรอื มิได้สวมหมวก ให้ทาวันทยหตั ถ์ได้ ถ้าไม่ได้สวมหมาวกให้ปลายนิว้ ช้ีแตะที่หาง คว้ิ ขวา ถา้ ผู้ท่ีจะทาความเคารพอยูท่ างขวา ทางซ้าย หน้าตรง ใช้คาบอก “ทางขวา” (ทางซ้าย ตรงหนา้ ) วันทยหัตถ์ ผทู้ ่ีปฏิบตั สิ ะบดั หน้าไปยังผรู้ ับการเคารพพร้อมกับยกมือทาวนั ทยหัตถก์ ่อนถึงผรู้ ับการเคารพ 3 ก้าว ปฏบิ ตั ิจนกระท่งั ผรู้ บั การเคารพผา่ นพ้นไปแลว้ 2 กา้ ว ใหส้ ะบดั หนา้ กลับพร้อมกบั มือลง ทา่ หนั อยู่กับท่ี 1. ขวาหัน คาบอก “ขวา – หนั ” การปฏิบัติ ทาเป็น 2 จังหวะ คือ จังหวะหน่ึง เปิดปลายเทา้ ขวาและยกส้นเท้าซ้าย ทนั ใดนั้นใหห้ ันตวั ไปทางขวาจนได้ 90 องศา หมนุ เท้าทัง้ สองไปโดยให้สน้ เทา้ และปลายเท้าซ่งึ เป็นหลกั นั้นตดิ อยกู่ ับพ้ืน น้าหนักตวั อยู่ทเ่ี ทา้ ขวา ขา ซา้ ยเหยียดตึงปดิ สน้ เทา้ ซา้ ยออกข้างนอกพอตงึ จังหวะสอง ชกั เทา้ ซ้ายมาชดิ เท้าขวาในลกั ษณะทา่ ตรงโยเร็วและแข็งแรง 2. ซา้ ยหัน คาบอก “ซา้ ย – หัน” การปฏบิ ตั ิ ทาเป็น 2 จงั หวะ คืออย่างเดยี วกบั กับท่าขวาหนั โดยเปล่ียนคาวา่ “ขวา” เปน็ “ซา้ ย” 3. กลบั หลังหัน คาบอก “กลบั หลัง – หัน” การปฏบิ ตั ิ ทาเป็น 2 จงั หวะ คอื งานเนตรนารี โรงเรียนสตรีนนทบรุ ี หลักสูตรลูกเสือโลก มัธยมศึกษาปีท่ี 1 ภาคเรยี นท่ี 1/ 2558
หนา้ 18 จงั หวะหน่ึง ทาเช่นเดยี วกบั ท่าขวาหนั จังหวะหนึง่ แต่หนั เลยไปจนกลับหน้า เป็นกลบั ครบ 180 องศา และใหป้ ลายเท้าซ้ายไปหยดุ อยู่ข้างหลงั เฉียงประมาณคร่ึงก้าวและในแนวส้นเท้าขวา จงั หวะสอง ทาเชน่ เดยี วกับท่าขวาหนั จงั หวะสอง ทา่ เดนิ – ท่าหยุด ซอยเท้าอยกู่ บั ที่ ตามจังหวะเสยี งนกหวดี หรือเสยี งกลอง คาบอก “ซอยเทา้ -ทา” การปฏบิ ัติ เมือ่ หยุดอยกู่ บั ท่ี ถา้ ไดย้ นิ คาบอกวา่ “ซอยเทา้ -ทา” ให้ยกเท้าข้ึนลงสลับกนั อยกู่ ับท่ีตาม จังหวะเดนิ โดยยกเท้าซ้ายข้ึนก่อน ให้พ้นื รองเท้าสงู จากพืน้ ประมาณหนึ่งคบื ลักษณะมือและการแกวง่ แขนคงเปน็ ไปตามทา่ เดนิ คร้ังนน้ั เมื่อได้ยินคาบอก “แถว-หยดุ ” ไมว่ ่าเท้าใดจะตกถงึ พื้นกต็ าม ใหท้ า ต่อไปอกี จังหวะแลว้ หยดุ ในท่าตรง ท่าเดนิ การเดินตามจังหวะเสยี งนกหวดี หรือเสียงกลอง คาบอก “หนา้ -เดิน” การปฏบิ ตั ิ โน้มตัวน้าหนกั ไปข้างหน้า พร้อมกับก้าวเทา้ ซ้ายออกเดินก่อน ขาเหยยี ด ตึงปลายเทา้ งมุ้ ส้นเท้าสงู จากพื้นประมาณ 1 คบื วางเทา้ ซา้ ยและเท้าขวาต่อไป สลบั กัน ขณะเดินแกวง่ แขนตามธรรมดาเฉยี งไปข้างหลังพองาม เมื่อแกว่งแขนไป ขา้ งหนา้ ข้อศอกงอเลก็ น้อย เม่อื แกว่งแขนไปขา้ งหลังใหเ้ หยียดแขนตรงตามธรรมชาติ หนั หลังมอื อกนอกตวั น้วิ เรยี งชิดกนั หนา้ มองตรง ความยาวของก้าว 40-60 ซม. (จาก ส้นเทา้ หนา้ ถึงสน้ เท้าหลัง) ท่าหยดุ คาบอก “แถวหยุด” การปฏบิ ัติ ในขณะท่ีกาลังเดนิ เมื่อไดย้ นิ คาวา่ “แถวหยดุ ” ไมว่ า่ เท้าขา้ งใดข้างหนงึ่ จะ ตกถงึ พน้ื กต็ าม ใหป้ ฏิบตั เิ ปน็ 2 จังหวะ คอื จงั หวะ 1 ก้าวเท้าต่อไปอกี หน่ึงกา้ ว จงั หวะ 2 ชักเทา้ หลังไปชิดเท้าหน้าในลักษณะทา่ ตรงอยา่ งแข็งแรง การใชอ้ าวุธ 1. ทา่ ตรงและทา่ พกั ในขณะถอื ไม้งา่ ม เหมือนกับท่ามอื เปลา่ แต่ถือไมง้ ่ามดว้ ยมือขวา ตน้ ไมง้ ่ามอยู่ ประมาณโคนนิ้วก้อยเทา้ ขวาและชิดกบั เท้าขวา ไมง้ ่ามอยู่ในระหว่างนิว้ หัวแม่มอื กบั น้วิ ชี้ นิว้ หวั แมม่ อื จับไม้ง่าม ชิดขา น้ิวอ่ืนอีก 4 นิว้ จบั ไม้ง่ามเฉยี งไปเบ้อื งลา่ งน้วิ เรยี งชิดกนั ปลายไม้ง่ามอยชู่ ่องไหล่ขวา ไมง้ ่ามต้งั ตรงแนบตัว สาหรับพักตามระเบียบ เหมือนกบั ทา่ มือเปล่า มือขวาที่ถอื ไมง้ ่ามใหเ้ ล่ือนข้ึนมาเสมอ เอว แลว้ ย่นื ไมง้ ่ามเฉยี งไปขา้ งขวาประมาณ 45 องศา มือซา้ ยไพลห่ ลงั โดยมือแบตามธรรมชาตนิ ้ิวเรียงชดิ ตดิ กัน 2. ทา่ วนั ทยาวุธ-เรยี บอาวธุ ท่าวันทยาวธุ เปน็ ท่าแสดงความเคารพ คาบอก “วันทยา-วธุ ” การปฏิบตั ิ ใหล้ ูกเสอื ทาจงั หวะเดียว โดยยกแขนซ้ายขน้ึ มาเสมอแนวไหล่ ข้อศอกงอ ไปขา้ งหนา้ ให้ตั้งฉากกบั ลาตัว ฝ่ามือแบคว่า รวมหัวแม่มอื กับนิ้วก้อยจดกนั คงเหลอื นิว้ ช้ี นิ้วกลาง และนว้ิ นาง เหยยี ดตรงและชดิ กนั ให้ปลายนิ้วชแ้ี ตะไม้ง่ามในร่องไหล่ขวา 3. แบกอาวธุ -เรยี บอาวธุ งานเนตรนารี โรงเรยี นสตรีนนทบรุ ี หลักสตู รลกู เสอื โลก มธั ยมศึกษาปที ่ี 1 ภาคเรยี นท่ี 1/ 2558
หน้า 19 ท่าแบกอาวธุ ใชค้ าบอกวา่ “แบก-อาวุธ” ให้ลูกเสอื ทาเป็น 2 จังหวะ จงั หวะ 1 ยกไม้งา่ มดว้ ยมือขวาผ่านหนา้ เฉยี ดลาตัวไปทางซ้าย ใหต้ น้ ไม้งา่ มอยู่ในอุ้งมอื ซา้ ย ลาไม้ง่าม ตง้ั อยูต่ รงร่องไหล่ซ้าย มือขวายงั คงจบั ไม้งา่ มอยทู่ ีเ่ ดิม งอขอ้ ศอกไปข้างหนา้ แนวเดยี วกับไหล่ จงั หวะ 2 ดนั ไม้ง่ามดว้ ยมือซ้าย ใหไ้ ม้ง่ามพาดขึ้นไปบนบ่าซ้าย แขนซ้ายท่อนบนชิดลาตัว ศอกซ้ายงอ หนา้ แขนทามุม 100 องศา กับลาตัว ขณะเดียวกนั ลดมือขวาลงอยู่ในทา่ ตรงโดยเร็ว ในการทาท่าแบกอาวุธ ศีรษะตอ้ งอยนู่ ง่ิ อย่าให้ศีรษะเคล่ือนหลบไมง้ า่ ม ไมง้ า่ มตอ้ งให้ได้ระดับไม่เฉไปมา ท่าเรียบอาวุธ ใช้คาบอก “เรียบ-อาวธุ ” ใหล้ กู เสอื ทาเป็น 3 จงั หวะ จังหวะ 1 ยกมือขวาข้นึ จับไม้งา่ ม ขอ้ ศอกงอไปขา้ งหนา้ ในแนวเดยี วกบั ไหล่ พร้อมกับเหยียดแขนซา้ ยโดย ลดไมง้ ่ามลงชิดลาตวั จงั หวะ 2 นาไม้ง่ามด้วยมือขวามาไว้ข้างลาตวั ในรอ่ งไหลข่ วา แขนขวาเหยยี ดเกอื บสดุ ระยะ ขณะเดียวกัน ยกมือซา้ ยขน้ึ จับไม้ง่ามท่รี ่องไหลข่ วา ขอ้ ศอกงอไปขา้ งหนา้ แนวเดียวกบั ไหล่ จงั หวะ 3 ลดแขนซา้ ยอยใู่ นท่าเรยี บอาวุธ พรอ้ มกับเหยยี ดแขนขวาสดุ ระยะ ลดไมง้ ่ามลงจรดพืน้ สญั ญาณมือในการเรยี กแถวของลูกเสอื สากล การใช้สญั ญาณมอื เรียกแถวรูปต่าง ๆ ในฝึกอบรมลูกเสือแบบสากลของลูกเสือทุกประเภท ผบู้ ังคบั บญั ชา ลูกเสือท่ีจะเรียกแถวน้ัน จะเลอื กสถานทใ่ี ห้เหมาะสมเสียก่อน และยืนตรง แล้วจึงเรียก “กอง” และให้สญั ญาณ 1. แถวหน้ากระดานแถวเด่ียว (หน้ากระดานเรียง 1) ผูเ้ รยี ก เหยยี ดแขนทง้ั สองออกไปทางข้างเสมอไหล่ มือแบ น้ิวท้ังห้าชิดกัน หนั ฝา่ มือไปข้างหนา้ การเข้าแถว ให้เข้าแถวหนา้ กระดานแถวเด่ยี วข้างหนา้ ผู้เรียก หมู่ท่ี 1 อย่ซู า้ ยมือ ผู้เรยี ก ให้กงึ่ กลางของแถวอยู่ตรงหนา้ ผู้เรียก ห่างประมาณ 6 กา้ ว การจดั แถว ระยะเคียงระหวา่ งบุคคลยกมือซ้ายขน้ึ เทา้ ตะโพก ใหฝ้ า่ มือพกั อยู่ บนตะโพก นิ้วเหยียดชิดกนั และชี้ลงพน้ื นว้ิ กลางอยู่ประมาณแนว ตะเขบ็ กางเกง ศอกอยู่เสมอแนวลาตวั การจัดแถวใช้แขนขวาจด ปลายศอกซ้ายไม่เว้นระยะเคียงระหว่างหมู่ ทุกคนจดั แถวทางขวา ผูเ้ รียกแถว จัดการตรวจแถว แลว้ สั่ง “นงิ่ ” ลกู เสือทุกคนลดมือลงพร้อมกับสะบดั หน้า มาอยูใ่ นทา่ ตรง 2. แถวตอนเรียงหน่ึง (หลายหมู่เรยี กว่าแถวตอนหมู่) ผเู้ รยี ก เหยียดแขนทัง้ สองข้างออกไปขา้ งหน้าเสมอแนวไหล่ มือแบนว้ิ ทั้งห้า ชิดกัน หันฝ่ามอื เข้าหากันและขนานกัน การเขา้ แถว (ถ้าหมู่เดยี ว) ให้มาเขา้ แถวหน้าผ้เู รยี ก นายหมูอ่ ยู่ตรงหน้าผู้เรียกหา่ ง ประมาณ 6 ก้าว ลูกหมเู่ ข้าหลังนายหมู่ การจัดแถว ระยะต่อสดุ ชว่ งแขนของลูกเสอื ยน่ื ไปจดหลังของผู้อยู่ขา้ งหนา้ ทุกคน ตามลาดับ ผู้เรยี กแถว จัดการตรวจแลว้ ส่ัง “นิง่ ” ลูกเสือทกุ คนลดมือลงอยใู่ นทา่ ตรง ถา้ มี มากกวา่ 1 หมู่ ให้เรยี กว่า “แถวตอนหมู่” การเขา้ แถว ใหห้ มทู่ เ่ี ป็นหลกั เข้าแถวตอนตรงหนา้ ผเู้ รยี ก หา่ งประมาณ 6 กา้ ว หมอู่ ื่นเขา้ แถวเป็นตอนเป็นแนวเดียวกัน ไปทางซ้ายและขวาของหมู่ งานเนตรนารี โรงเรยี นสตรีนนทบรุ ี หลักสตู รลกู เสือโลก มธั ยมศึกษาปที ี่ 1 ภาคเรยี นที่ 1/ 2558
หน้า 20 หลัก (เช่นมี 5 หมู่ หมู่ 3 เป็นหมหู่ ลกั ถ้ามี 4 หมู่ หมู่ 2-3 เปน็ หมู่ หลกั ) การจดั แถว ระยะเคียงระหวา่ งหมู่ ยกมือซา้ ยขึ้นเทา้ ตะโพก ระยะต่อ 1 ชว่ งแขน ผ้เู รยี ก จดั การตรวจแถว แลว้ สั่ง “นิ่ง” ลูกเสอื ทุกคนลดมือลง และอยใู่ นท่า ตรง 3. แถวหนา้ กระดานหมปู่ ดิ ระยะ ผู้เรยี ก มอื กาทง้ั สองขา้ ง เหยยี ดแขนตรงออกไปข้างหน้าขนานกบั พืน้ งอ ข้อศอกข้นึ เปน็ มุมฉากหันหน้ามอื เข้าหากนั การเข้าแถว ใหห้ มู่ท่ี 1 มาเข้าแถวหน้ากระดานผู้เรียก ใหก้ ึง่ กลางของหมู่ตรงหนา้ ผู้เรยี กห่างประมาณ 6 ก้าว หมูต่ อ่ ๆ ไป เข้าแถวหน้ากระดาน ดา้ นหลังหมู่ 1 ตามลาดับ ระยะตอ่ ระหว่างหมู่ 1 ช่วงแขน การจดั แถว ระยะเคียงระหว่างบุคคลในหมู่ ยกมือซ้ายข้นึ ตะโพก สะบดั หน้าไป ทางขวา ผู้เรียกแถว จดั การตรวจแถว แล้วส่งั “นิ่ง” ลกู เสอื ทุกคนลดมือลงพรอ้ มกับสะบัด หน้ามาอยใู่ นทา่ ตรง 4. แถวหน้ากระดานหมูป่ ดิ ระยะ ผู้เรยี ก มอื กาทั้งสองข้าง งอศอกเปน็ มมุ ฉาก แขนท่อนบนแบะออกเป็นแนว เดียวกับไหล่ หนั หน้ามอื ไปข้างหน้า การเข้าแถวและการจดั แถว เชน่ เดยี วกับ “ปดิ ระยะ” แต่ระยะต่อระหวา่ งหมู่ 3 ช่วงแขน 5. แถวรปู ครง่ึ วงกลม ผเู้ รยี ก มือแบทงั้ สองข้าง เหยียดตรงลงขา้ งลา่ ง คว่าฝา่ มือเข้าหาตัวโบกผ่าน ลาตวั ประสานกันด้านหนา้ ชา้ ๆ เป็นรปู คร่ึงวงกลม การเข้าแถว ให้หมู่ 1 อย่ทู างซ้ายมือผู้เรยี ก โดยนายหม่อู ยแู่ นวเดียวกบั ผู้เรียก หมู่ ที่ 2 และหมู่ต่อ ๆ ไป อยูท่ างซา้ ยของหมู่ 1 ตามลาดับ จนคนสุดท้าย ของหมูส่ ุดทา้ ย อยู่แนวเดียวกับผ้เู รียก โดยผเู้ รียกเปน็ จุดศูนยก์ ลาง ไม่เวน้ ระยะหมู่ การจดั แถว ระยะเคยี งระหว่างบุคคล เชน่ เดยี วกบั การเข้าแถวหนา้ กระดาน ผเู้ รียกแถว สง่ั “นง่ิ ” ลูกเสือทาท่าตรงพร้อมกนั 6. แถวรูปวงกลม ก. แบบผู้เรยี กอยใู่ นตาแหนง่ จกุ ศูนยก์ ลาง ผู้เรยี ก มือแบทง้ั สองข้าง เหยยี ดตรงลงข้างลา่ ง คว่าฝ่ามือเขา้ หาลาตัว โบก ผ่านลาตวั ประสานกันดา้ นหน้า จดด้านหลังเปน็ รปู วงกลม การเขา้ แถว ใหห้ มู่ 1 อย่ดู ้านซ้ายมือผูเ้ รียก โดยนายหมอู่ ยแู่ นวเดยี วกับผเู้ รยี ก หมทู่ ี่ 2 และหมู่ต่อ ๆ ไปอยู่ทางซ้ายของหมู่ 1 ตามลาดบั จนคนสดุ ท้ายของหมูส่ ดุ ท้าย ไปจดนายหมู่ท่ี 1 ผู้เรียกเป็นศนู ยก์ ลางไม่เวน้ ระยะหมู่ การจัดแถว ระยะเคยี งระหวา่ งบุคคล ปฏิบตั เิ ช่นเดียวกับการจดั แถวหน้า งานเนตรนารี โรงเรียนสตรนี นทบรุ ี หลกั สูตรลูกเสอื โลก มัธยมศกึ ษาปที ี่ 1 ภาคเรียนท่ี 1/ 2558
หน้า 21 กระดานเรียง 1 ผู้เรียกแถว ส่งั “น่ิง” ลูกเสอื อยู่ในท่าตรง 1. แบบผเู้ รียกแถวอยทู่ ีเ่ สน้ รอบวง (เป็นสว่ นหนง่ึ ของเส้นรอบวง) ผ้เู รยี ก มือขวากา เหยียดแขนออกไปข้างหนงึ่ ขึน้ ข้างบน และเสยไปหลัง หมุนเปน็ วงกลม การเข้าแถว การจัดแถว ทาเช่นเดยี วกบั แบบ “ก” แต่นายหมู่ 1 อยู่ตดิ กบั ผ้เู รียก ทางซ้าย คนสุดทา้ ยตดิ อยกู่ บั ผู้เรียกทางขวา ผเู้ รียกแถว สัง่ “นงิ่ “ ลูกเสอื อยู่ในท่าตรง 7. แถวสเี่ หลีย่ มเปิดด้านหนง่ึ (แถวสามด้าน) ผู้เรียก ศอกงอทง้ั สองขา้ ง ยกแขนท้ังสองข้างขน้ึ ข้างหน้า ให้หนา้ แขนไขวก้ นั ตรงฝา่ มือ ฝา่ มือท้ังสองแบเหยยี ดหนั ไปข้างหน้า ฝ่ามือขวาทบั ฝ่ามอื ซา้ ย ประมาณแนวลูกคาง หา่ งลกู คางประมาณ 1 ฝ่ามือ การเข้าแถว (ถา้ มี 3 หมู่) ให้หมู่ท่ี 1 เข้าแถวหนา้ กระดานทางด้านซา้ ยมือของ ผเู้ รียก ให้นายหม่อู ยเู่ สมอกบั ผ้เู รยี ก หนั หนา้ เข้าในรปู สเี่ หล่ียม ใหห้ มู่ ที่ 3 เข้าแถวหน้ากระดานตรงขา้ มกบั หมู่ 1 หนั หน้าเข้าหาหมู่ 1 หมูท่ ี่ 2 เข้าแถวหนา้ กระดานตรงข้ามกับผเู้ รยี ก หันหนา้ เข้าหาผเู้ รียก โดย นายหมู่ 2 อย่ชู ดิ กับคนสดุ ท้ายหมู่ 1 และคนสดุ ทา้ ยหมู่ 2 อย่ชู ดิ กับ นายหมู่ หมู่ 3 ถ้ามีลูกเสือมากกว่า 3 หมู่ ใหผ้ ้เู รียกพจิ ารณา โดยใหจ้ านวนหมู่ดา้ นซา้ ยมือ กับจานวนหม่ดู า้ นขวามอื มจี านวนเท่ากนั การจัดแถว ปฏิบตั ิเชน่ เดียวกบั การเขา้ แถวหน้ากระดานเรียง 1 ผู้เรียกแถว ตรวจ แลว้ สงั่ “น่งิ ” ลกู เสอื อยใู่ นทา่ ตรง 8. แถวรศั มี หรอื แถวล้อเกวียน ผูเ้ รียก มือขวาแบควา่ กางนวิ้ ออกทุกนิว้ ชไู ปข้างหนา้ ทามมุ ประมาณ 45 องศา การเข้าแถว ใหท้ กุ หมู่เขา้ แถวตอนหมหู่ นา้ ผู้เรยี ก หา่ งจากผู้เรียกประมาณ 6 กา้ ว เป็นรูปรัศมี โดยให้หมูท่ ี่ 1 อยู่ทางซ้ายมือผเู้ รียก ทามมุ ออกไป ประมาณ 45 องศา หมู่ 2 และหมูต่ ่อ ๆ ไปอยูท่ างด้านซ้ายของหมู่ 1 ตามลาดับจนถึง หมสู่ ดุ ทา้ ยจะอยู่ทางขวามือของผเู้ รยี กทามุมออกไปประมาณ 45 องศา ระยะต่อของ หมู่ 1 ชว่ งแขน ระยะเคยี งของนายหมู่พอสมควร การจัดแถว ปฏบิ ัตเิ ชน่ เดียวกับการเข้าแถวตอน ผูเ้ รยี กแถว ตรวจแล้วสัง่ “นิ่ง” ลกู เสอื อยู่ในทา่ ตรง งานเนตรนารี โรงเรียนสตรีนนทบรุ ี หลกั สูตรลกู เสือโลก มธั ยมศกึ ษาปีที่ 1 ภาคเรียนที่ 1/ 2558
หน้า 22 การกางเตน็ ท์ การกางเตน็ ท์ การอย่คู ่ายพักแรมของลูกเสอื สามญั ร่นุ ใหญโ่ ดยทั่วไปแล้วจะใชเ้ ตน็ ทบ์ ุคคลซงึ สะดวก การนาติดตวั เพื่อใชน้ อน 2 คน ตอ่ 1 เต็นท์ และเต็นทท์ ่จี ะนาไปกางสว่ นมากจะเป็นเต็นท์ 5 ชาย ลกู เสือแตล่ ะคนจะแบง่ ผา้ เต็นท์ไปคนละ 1 ผืน ส่วนเสาและสมอบกจ็ ะแบง่ กนั ตามส่วนท่เี หมาะสม เมือ่ ถึง จุดหมายท่จี ะกางเต็นท์ก็จะรวมอปุ กรณข์ องทั้ง 2 คนเขา้ ด้วยกันเป็นเต็นทท์ ีส่ มบูรณ์ ปัจจบุ ันเต็นทท์ ่ผี ลิตขึน้ มา มขี นาดเบาและกะทัดรัดเหมาะสาหรับการนาตดิ ตวั แตย่ งั คงไม่แพร่หลายนักนอกจากนี้มเี ต็นท์ทีส่ ามารถนอน ได้ทงั้ หมู่ภายในเต็นท์ 1 หลงั ในทนี่ ีจ้ ะกล่าวถึงการกางเต็นท์ 5 ชาย ซง่ึ ใชเ้ ป็นเต็นทท์ ีพ่ ักสาหรบั ลกู เสอื 2 คน มีขนาดกะทดั รดั เหมาะต่อการกางและเคล่ือนยา้ ย การเลือกสถานทกี่ างเตน็ ท์ 1. เปน็ ทงุ่ นาหรือเป็นทีโ่ ล่ง มหี ญ้าปกคลุมบ้างเล็กน้อย 2. พืน้ ที่ราบเรียบหรือลาดเอียงเล็กน้อย ไมข่ รขุ ระหรอื มีของแหลมคม ก่อเกดิ อนั ตายได้ 3. พืน้ ทไี่ มเ่ ป็นแอ่ง ทล่ี ุม่ หบุ เขาหรือที่ซ่งึ น้าสามารถผ่านไดง้ า่ ย 4. อยู่ใกลแ้ หลง่ นา้ 5. ไมอ่ ยู่ใตต้ น้ ไม้ใหญ่ เพราะอาจถูกก่งิ ไม้หักหล่นเม่ือเกดิ พายุ 6. ไมเปน็ ทางเดนิ ผ่านของสตั ว์ โดยสงั เกตดูจากรอยเท้าสัตว์ หลังจากหาสถานที่กางเต็นทไ์ ดแ้ ลว้ ให้ปรับพ้ืนท่เี ก็บก้อนกรวดหรือหนิ ใหญๆ่ ออกให้ หมดหาหญ้าแหง้ ปรู องพ้ืนกอ่ นที่จะนาผ้าปูทับอีกที อปุ กรณแ์ ละส่วนประกอบของเตน็ ท์ 5 ชาย 1. ผ้าเต็นท์ 2 ผืน 2. เสาเตน็ ท์ 2 ต้น ละ 3 ท่อน (แตล่ ะท่อนสามารถต่อเขาดว้ ยกันไดด้ ้วยไม้หรือมี โลหะมีความสูงตามลกั ษณะของเตน็ ท์) 3. สมอบก ทาด้วยไมหรืโลหะจานวนขึน้ อยกู่ บั ลักษณะของเตน็ ท์ 4. เชอื กรั้งหวั - ท้ายเต็นท์ ( ดงึ เสาหลกั ยาวประมาณ 3 เมตร 2 เส้น วธิ ีกางเต็นท์ 1. ดูทิศทางลม ถา้ เปน็ ฤดูหนาวหรอื ฤดูฝน ใหห้ นั ด้านหลงั ของ เตน็ ทห์ าทิศทางลม ถ้า เปน็ ฤดูร้อนให้หันประตูเต็นท์หาทิศทางลม 2. ตดิ กระดุมของผา้ เตน็ ท์ท้ัง 2 ผืนเข้าด้วยกัน 3. ต่อเสาเต็นทท์ ง้ั สามท่อนเข้าด้วยกันกดให้แน่น 4. เสียบปลายเสาเขา้ กบั รูทหี่ ลังคาเตน็ ท์ท้ังสองขา้ ง พร้อมกับต้งั เสา 5. ขงึ เชือกดึงปลายเสาท้ังสองกบั สมอบก 6. ตอกสมอกับห่วงชายเตน็ ท์ท้งั สองดา้ นให้ครบ งานเนตรนารี โรงเรียนสตรนี นทบรุ ี หลกั สตู รลกู เสือโลก มธั ยมศึกษาปีที่ 1 ภาคเรียนท่ี 1/ 2558
หน้า 23 การรื้อเต็นท์ 1. แก้เชือกท่ีดงึ ปลายเสาทง้ั สองข้างกับสมอบกออก 2. ล้มเสาเต็นท์ท้งั สองข้างลง 3. ถอนสมอบกท่ยี ึดชายเตน็ ทแ์ ละทด่ี งึ เสาท้ังสองข้าง 4. แกะกระดุมเพ่ือแยกผ้าเต็นทเ์ ปน็ สองผนื 5. ทาความสะอาดและพับผ้าเต็นท์ใหเ้ รียบร้อย 6. นาผ้าเต็นทอ์ ุปกรณเ์ กบ็ รวบรวมไวท้ ่เี ดียวกันพร้อมทจี่ ะเคลื่อนยา้ ย การรกั ษาเต็นทแ์ ละอุปกรณ์ 1. ระวังไม่ใหผ้ า้ เต็นท์ฉีกขาด ถ้าหากมรี อยฉีกขาดต้องซ่อมแซม 2. เวลากลางวนั ให้เปิดเต็นท์เพ่ือระบายอากาศและใหแ้ ดดสอ่ งเขา้ ไปได้ 3. สมอบกต้อตอกให้ปาทแยงเข้าหาเตน็ ท์ เวลาถอนให้ดึงข้ึนมาตรงแนวทต่ี อกลงไป 4. เตน็ ทเ์ ลกิ ใช้ต้องทาความสะอาดและผ่งึ ผ้าเต็นท์ใหแ้ ห้งกอ่ น การวางผังกางเตน็ ท์ การตง้ั คา่ ยของลูกเสอื น้ัน เตน็ ท์ทก่ี างจะคานึงถงึ ความเหมาะสมในการจดั กจิ กรรมโดยจะอยู่กันเป็น ย่อมๆตามหมูห่ า่ งกัน 6 เมตร หรือกวา่ นัน้ เปน็ รูปวงกลมใหญ่ๆรอบเตน็ ทผ์ ู้กากบั ลูกเสอื ท่จี ะอยู่ศนู ยก์ ลาง ดว้ ยเสาธงพร้อมดว้ ยเสาธงและทีแ่ สดงรอบกองไฟ การตัง้ เต็นทร์ บั ทิศทางลม งานเนตรนารี โรงเรียนสตรนี นทบรุ ี หลกั สตู รลกู เสือโลก มธั ยมศึกษาปีท่ี 1 ภาคเรียนท่ี 1/ 2558
หน้า 24 การบรรจุเคร่อื งหลงั การบรรจุเครือ่ งหลงั การเดินทางไกลเปน็ กจิ กรรมที่สาคัญท่ีสุดของลกู เสือ บางครัง้ อาจมีการไปเพื่อพักแรมคืนเปน็ เวลาสนั้ หรือ นาน ลกู เสือสามัญรุน่ ใหญ่มีกิจกรรมระหวา่ งการพักแรมหลายอยา่ งหลายวัน ด้ังนั้นการเดินทางจาเปน็ ต้องมี การเตรียมวสั ดุ ส่งิ ของ อุปกรณ์ เคร่ืองมือเคร่อื งใชท้ ่จี าเป็น รวมทง้ั อาหารแหง้ สาหรบั การใชช้ วี ิตอยู่ค่ายพัก แรมตามท่ีกองลกู เสือโรงเรยี นได้กาหนดสิง่ ของดงั กล่าวแล้วลูกเสือตอ้ งนาติดตวั โดยใส่ภาชนะทเ่ี รยี กว่าเครื่องหลงั โดยนาไปเฉพาะส่งิ ทจ่ี าเปน็ จริงๆ เพราะลูกเสือจะต้องแบกเครอ่ื งหลังตลอดเวลาการเดนิ ทางดว้ ยเทา้ ถ้า สัมภาระในเครื่องหลังมากเกนิ ไปอาจมปี ญั หาในการเดินทาง ในการเลือกหาเครอื่ งหลังลูกเสอื จะต้องเลือกขนาดท่ีเหมาะสม ไม่ใหญห่ รือเลก็ กนิ ไป ทง้ั น้ีเพ่ือใหส้ ะดวก ตอ่ การเคล่อื นย้ายขณะเดนิ ทางไกล สิง่ ของเคร่อื งใช้ที่จาเปน็ ทบี่ รรจุลงเครอ่ื งหลัง การเตรยี มอปุ กรณเ์ ครอ่ื งใชท้ บี่ รรจลุ งเคร่ืองหลงั ลูกเสอื จะต้องนาไปเฉพาะท่ีจาเป็นและใชเ้ ฉพาะ ฤดูกาลเทา่ นนั้ มิฉะน้นั จะเป็นการเพิ่มน้าหนกั ให้กับเคร่ืองหลัง ส่งิ ท่ลี ูกเสอื ควรนาติดตัวไปมดี ังน้ี 1. เคร่ืองใช้ประจาตัว เช่นสบู่ แปรงสีฟัน ผ้าขาวมา้ รองเท้าแตะ ไฟฉาย ชอ้ นส้อม จานขา้ ว ยากัน ยุง ถุงพลาสตกิ สาหรับใสเ่ สื้อผา้ เปียกชืน้ 2. เครอ่ื งนอน เชน่ ถงุ นอน ผ้าหม่ เต็นท์ ผ้ารองนอน 3. เครือ่ งแบบลูกเสอื ลาลองเช่น เสอื้ ยดื ถุงเทา้ กางเกง 4. ยาประจาตัวและอุปกรณป์ ฐมพยาบาล เช่น ยาใสแ่ ผลสด พลาสเตอร์ยา สาลี แอมโมเนยี 5. เข็มทิศ สมดุ บนั ทึก 6. อาหารแห้งตามรายการท่กี าหนด นอกจากนี้ยังมีอปุ กรณ์และของใช้ที่จาเป็นแตไ่ ม่ตอ้ งบรรจุลงเครื่องหลงั เช่น กระตกิ น้า เขม็ ทิศ (ใชค้ าดท่ีข้อมือ) หมอ้ ข้าวสนาม มดี พับ ไม่ง่าม ขอ้ แนะนาในการบรรจสุ ่ิงองลงเคร่ืองหลัง 1. บรรจุของที่มนี า้ หนักมากหรอื สิ่งของท่ีใช้ภายหลงั ไว้ข้างล่าง สว่ นสง่ิ ของท่ีใช้ก่อนใหไ้ ว้ ดา้ นบน เชน่ แปรงสีฟัน ยาสฟี ัน สบู่ ไฟฉาย เพื่อสะดวกตอ่ การหยบิ ใช้ 2. ของแตล่ ะช้ินทบี่ รรจุลงเคร่อื งหลงั จะต้องไมใ่ หญ่หรือเล็กเกินไป 3. สง่ิ ของเครื่องใชท้ ่ีอาจแตกหัก หรือเปล่ียนสภาพได้ควรใสใ่ นถุงพลาสติกและใสช่ ัน้ บนสดุ 4. สง่ิ ของทีผ่ กู ติดไวน้ อกเคร่ืองหลงั เชน่ ผ้าเต็นท์ เสาเตน็ ท์ เสื้อกันฝน หม้อขา้ วสนาม ถงุ นอน 5. สาหรบั อาหารควรนาไปเฉพาะอาหารแหง้ และเปน็ ไปตามรายการอาหารทก่ี าหนด ควรเป็นชนดิ ทีท่ างา่ ย ไม่ยุ่งยาก และใช้เวลาประกอบไมน่ าน งานเนตรนารี โรงเรยี นสตรีนนทบรุ ี หลักสูตรลกู เสือโลก มธั ยมศึกษาปีที่ 1 ภาคเรยี นที่ 1/ 2558
หน้า 25 การก่อและจดุ ไฟกลางแจ้ง การกอ่ และจดุ ไฟกลางแจง้ การก่อกองไฟเป็นกจิ กรรมสาคญั อย่างหน่ึงของลูกเสือท่ตี ้องอาศยั ความรู้ ความสามารถและความ ระมัดระวงั เปน็ พเิ ศษ เพราะนอกจากจะให้ประโยชน์แล้วทางตรงข้ามหากลูกเสือขาดความระมดั ระวงั อาจเป็น อันตรายแกต่ นเอง ทรพั ยส์ นิ และสภาพแวดลอ้ มได้ ดง้ั นัน้ จาเปน็ ตอ้ งเรียนรเู้ พื่อขจัดปัญหาและอนั ตรายท่ีอาจ เกิดขึน้ ได้ การก่อกองไฟ การก่อกองไฟของลูกเสอื แต่ละอยา่ งตอ้ งทาตามวตั ถปุ ระสงคห์ รอื ความตอ้ งการ เช่น ตอ้ งการแสงสว่างการ หงุ หาอาหาร ความอบอุน่ หรอื เพื่อประกอบกิจกรรมแต่ละอยา่ งจะมีความแตกตา่ งกนั ฉะนน้ั ก่อนที่จะก่อกองไฟ ควรคานงึ ถึงสง่ิ ต่อไปน้ี สถานที่ 1. บริเวณทีจ่ ะก่อกองไฟตอ้ งแห้งและไม่มีใบไมห้ รือเชื้อเพลิงท่ีไวต่อการลุกไหม้ 2. หา่ งจากอาคาร บ้านเรอื น หรอื สิง่ ปลกู สร้าง 3. ถา้ ก่อกองไฟเพอ่ื ปรุงอาหารควรจดั สถานทีใ่ หก้ ะทัดรดั ขุดหลมุ หรือมกี ้อนหินวางเพ่ือรองภาชนะ 4. หากเปน็ ไปไดค้ วรมีถังนา้ อยูบ่ รเิ วณใกล้เคยี ง การเตรียมเช้อื เพลิง ในการก่อกองไฟโดยท่ัวไปใชเ้ ชอื้ เพลงิ (เศษไม้) ในบริเวณใกลเ้ คยี งกบั สถานทีต่ ั้งค่ายพักแรม ถา้ หากไม่มกี จ็ าเปน็ ต้องเตรียมไปจากทีต่ ง้ั ก่อนการเดินทาง เพราะการปรุงอาหารบางครงั้ ตอ้ งใชเ้ ชือ้ เพลงิ ทีต่ ิด ไฟได้นานรวมถงึ การให้แสงสวา่ งในเวลากลางคืนด้วย รูปแบบของการก่อกองไฟ ดังไดก้ ล่าวแลว้ ว่าการกอ่ กองไฟต้องเป็นไปตามวตั ถุประสงคห์ รือความต้องการ ลูกเสอื จงึ สามารถกอ่ กองไฟไดห้ ลายรูปแบบดังน้ี 1. การก่อกองไฟรปู กระโจม หรือรยี กอีกอย่างหนึง่ วา่ แบบกระโจมอนิ เดียแดง คือการเอาเศษกง่ิ ไมเ้ ล็กๆ มาสุมกองเป็นเช้อื เพลิง แล้วจึงเอาก่ิงไม้ใหญ่มาตงั้ สุมกนั คลา้ ยกระโจม การก่อกองไฟแบบน้จี ะให้ความรอ้ นมาก และให้แสงสว่างมากกวา่ แบบอ่นื 2. การก่อกองไฟแบบเชงิ ตะกอน โดยการนาเอาฟืนท่อนใหญ่กองไขวก้ ัน เอาเศษก่ิงไมเ้ ล็กๆ กองสมุ อยู่ ตรงกลางเป็นเชื้อเพลงิ แล้วใชไ้ ม้ท่อนเลก็ ๆพาดดา้ นบนอีกประมาณ 2-3 ชน้ั ก็ได้ งานเนตรนารี โรงเรียนสตรีนนทบรุ ี หลกั สตู รลกู เสือโลก มธั ยมศกึ ษาปที ี่ 1 ภาคเรียนท่ี 1/ 2558
หนา้ 26 3. การกอ่ กองไฟแบบดาว เป็นการก่อโดยนาเอาทอ่ นไม้มาวางปลายชนกันเปน็ รปู วงกลมคล้ายซี่ล้อ รถจักรยาน โดยปลายไม้ท่ชี นกันจะวางอยบู่ นเศษไม้เล็กที่ทาเป็นเชอื้ เพลงิ การก่อกองไฟ การก่อไฟแบบน้ี จะใหไ้ ฟที่มีเปลว 1. การก่อกองไฟแบบผสม เป็นการก่อกองไฟแบบเชงิ ตะกอน โดยนาเอาทอ่ นไม้ใหญม่ าเรยี งเป็นรปู สเ่ี หลีย่ มกอ่ น จากน้นั ตรงกลางจึงใช้ท่อนไมว้ างสุมเป็นรปู กระโจม วิธกี ารนใี้ ช้ในการเล่นรอบกองไฟ การก่อไฟควรก่อให้โปรง่ อากาศผ่านได้สะดวก เมื่อกองไฟติดดีแล้วต้องคอยเตมิ ฟนื ข้อควรระวงั ในการก่อกองไฟ 1. อย่าทงิ้ กองไฟไว้โดยไม่ดับให้เรียบร้อยก่อน 2. การดบั ไฟควรใชน้ ้าหรือทรายหรอื ดินเปยี ก 3. เมอ่ื ไฟดับแล้ว ควรกลบและปรบั พืน้ ท่ใี หเ้ หมือนเดิม การประกอบอาหาร ในการอยู่คา่ ยพกั แรมลกู เสอื จาเป็นต้องเรียนรแู้ ละสามารถประกอบอาหารรบั ประทานภายในหมู่ของ ตนเองได้ การประกอบอาหารกใ็ หท้ าแบบง่ายๆ วสั ดุอปุ กรณบ์ างอย่างหาไดใ้ นท้องถิน่ สว่ นอาหารกใ็ ห้ปรุง หรือทาแบบชาวป่า ดงั ตวั อย่างตอ่ ไปนี้ การหงุ ขา้ วเชด็ นา้ 1. ล้างหมอ้ ให้สะอาด 2. ตวงข้าวใสห่ มอ้ ซาวนา้ ให้ขา้ วสะอาด แลว้ รนิ น้าทงิ้ 3. เตมิ น้าสะอาดลงไปในหมอข้าวประมาณ 2 สว่ นต่อขา้ ว 1 สว่ น 4. ยกหมอ้ ข้าวขนึ้ บนเตาไฟ แล้วปิดฝาใหส้ นทิ 5. เมื่อข้าวเริม่ เดือดใหค้ นเปน็ ระยะๆเพื่อไมใ่ ห้ขา้ วตดิ หม้อ 6. เมื่อข้าวเดอื ดตักขา้ วออกมาลองบบี ดู หากขา้ วเริ่มน่ิมก็ให้ยกหมอ้ ขา้ วลง 7. ปิดฝาหมอ้ ใหส้ นทิ ใช้ไมข้ ัดหมอ้ ใหแ้ น่น 8. รินนา้ ข้าวออกจนแห้ง 9. ตักถา่ นออกจากเตาให้เหลือไฟอ่อนๆ ยกหมอ้ ขา้ วดึงข้นึ ตงั้ ดงให้ขา้ วสกุ ซ่ึงจะใชเ้ วลาประมาณ 10-15 นาที 10. เมอ่ื ข้างสุกแลว้ ให้ยกลง ตักรับประทานได้ การหงุ ข้าวไมเ่ ช็ดน้า 1. ลา้ งหมอ้ ใหส้ ะอาด 2. ตวงข้าวใส่หม้อ ซาวนา้ ใหข้ าวสะอาดแล้วรนิ นา้ ทงิ้ 3. เตมิ น้าสะอาดลงในหม้อข้าวประมาณ 2 สว่ น ต่อขา้ ว 1 สว่ น 4. ยกหมอ้ ขา้ วขึน้ ตัง้ บนไฟแล้วปิดฝา ไฟที่ใช้ต้องแรง มิฉะนั้นข้าวจะแฉะ 5. เมื่อข้าวเริม่ เดือดให้คนขา้ วเป็นระยะ เพ่ือไมใ่ ห้ข้าวไหม้ติดก้นหม้อ 6. เมื่อข้าวเดอื ดและนา้ แห้งแล้วให้ตักถ่านออกจากเตาเหลือเพียงถา่ นเลก็ น้อย งานเนตรนารี โรงเรียนสตรนี นทบรุ ี หลกั สูตรลูกเสือโลก มธั ยมศึกษาปที ่ี 1 ภาคเรยี นที่ 1/ 2558
หนา้ 27 7. หมนุ หม้อขา้ วกลบั ไปกลบั มาใหห้ มอ้ ได้รับความร้อนทวั่ ทกุ ส่วน โดยใช้ระยะเวลาประมาณ 20-25 นาที 8. เมอื่ ข้าวสุกแลว้ ใหย้ กลง ตกั รับประทานได้ การหลามข้าว 1.เอาไม้ไผ่สดตดั เป็นปล้อง เปดิ ปล้องข้างบน ไว้เพือ่ บรรจขุ ้าว 2. ซาวขา้ วด้วยน้า 1 ครั้ง เพอื่ ลา้ งสิง่ สกปรกและละอองตา่ งๆ แลว้ แชน่ ้าไวป้ ระมาณ 3 ชัว่ โมง 3. กรอกข้าวลงในกระบอกไม้ไผ่ เตมิ น้าให้ทว่ มข้าวประมาณครึง่ นว้ิ แลว้ เอาใบตองแหง้ ห่อกาบมะพรา้ วอดุ ปากกระบอก ใหม้ ีชอ่ งวา่ ง ตรงปากกระบอกไว้พอสมควร เพอ่ื ให้น้าเดือด 4. ขดุ เตาราง ก่อกองไฟในเตารางใหเ้ ชอ้ื เพลงิ เผาไหมเ้ ป็นถ่านอย่างดี เอาต้นกลว้ ยเสยี บ ขา้ งทาเปน็ ขาอย่างตั้งไว้หัวท้ายของต้นกลว้ ย (ใช้ทอ่ นเหลก็ ก็ได้) เอากระบอกไม้ไผพ่ งิ ไวก้ บั ต้นกล้วย ให้ความร้อนจากไฟโดยทว่ั ถงึ เมื่อข้าวเสรจ็ แลว้ ปอกผวิ กระบอกไมไ้ ผท่ ี่ เกรยี มออก เพื่อสะดวกต่อการรับประทาน การปิง้ การย่าง เป็นการทาอาหารให้สุกโดยการนาเอาเน้ือสัตวม์ าหนีบหรอื เสยี บแลว้ นาไปปง้ิ หรอื ยา่ งบนกองไฟ หมนุ พลิกเน้ือสัตวก์ ลบั มาเพือ่ ใหส้ ุกทัว่ กนั ถา้ เปน็ ไข่ต้องวางบนตะแกรงและใชไ้ ฟอ่อน หมน่ั พลิกบ่อยๆจึงจะสุกท่วั กัน การอบ เป็นการทาอาหารให้สุกด้วยการนาภาชนะมาครอบอาหารแล้วใช้ความรอ้ นจากไฟท่ีสมุ นอกภาชนะหรือ จะขดุ หลุมลกึ พอประมาณ นาเน้อื สัตวห์ อ่ ใบตองหลายๆชั้น ใส่ในหลมุ แลว้ กลบด้วยดินหนาประมาณ 1 นิ้ว จากนน้ั จงึ สุมไฟเหนือดนิ ที่กลบสาหรบั ระยะเวลาน้ันใหค้ ะเนโดยประมาณ ทัง้ น้ีข้นึ อยู่กับความรอ้ นทส่ี ุม ถา้ มาก อาหารก็จะสกุ เร็วขึน้ งานเนตรนารี โรงเรยี นสตรีนนทบรุ ี หลักสตู รลกู เสือโลก มธั ยมศึกษาปีท่ี 1 ภาคเรียนท่ี 1/ 2558
หนา้ 28 การใช้แผนที่และเขม็ ทิศ การใชแ้ ผนทีแ่ ละเข็มทิศ แผนทีน่ ับเป็นภาษาเขียนท่ีเก่าแก่ที่สดุ ท่ีมกี ารบนั ทึกไว้ สมัยโบราณอาศยั ดวงดาว และดวงอาทิตยเ์ ปน็ หลกั ในกาหาทิศทางและทาลงบนทราย หนิ เปลอื กไม้ หนงั สตั ว์ และแผ่นดนิ เหนยี วเพ่ือ แสดงแหลง่ ทามาหากนิ ในสมัยโบราณแผนทปี่ ระเทศไทยก็ไม่ปรากฏหลักฐานการบนั ทึกทแ่ี นช่ ัด ส่วนมากจะ นยิ มทาแผนที่ท่ีเรยี กว่าลายแทงเกบ็ ไว้เฉพาะตวั ไม่มีการเผยแพร่และเป็นเพยี งแผนท่ีท่ีไมใ่ หญโ่ ตนัก เพ่ิงจะ เริ่มทากนั อยา่ งจรงิ จังในสมยั พระบาทสมเดจ็ พระจลุ จอมเกล้าเจ้าอย่หู วั แผนท่ี แผนที่ คอื สิง่ ที่แสดงรายละเอยี ดของภมู ปิ ระเทศบนผิวโลกซง่ึ มีอยตู่ ามธรรมชาติและสง่ิ ที่มนุษยส์ รา้ งขนึ้ โดยจาลองไว้บนวตั ถุที่มพี นื้ ระนาบตามมาตราสว่ น รายละเอียดต่างๆ จะแสดงดว้ ยเส้น สี และสัญลักษณต์ า่ งๆ ชนิดของแผนที่ทั่วไป 1. แผนที่ราบ (Planimetric Maps) คอื แผนท่ี แสดงพน้ื ผวิ โลกในทางราบ ไม่แสดงความสูงตา่ ให้ ประโยชน์มากในการใชแ้ สดงตาแหน่ง ระยะทางและเสน้ ทาง เชน่ แผนทีโ่ ลก แผนทป่ี ระเทศไทย แผนท่ี จังหวดั เป็นตน้ 2.แผนท่ภี มู ิประเทศ (Topographic Maps) คอื แผนที่สองมิติทีแ่ สดงพน้ื ผงิ ของโลกให้เห็นทั้งทางระดบั (ทาง ราบ) และทางด่ิง(ทางสูง) ให้ประโยชนม์ ากกวา่ แผนท่รี าบ 3.แผนท่ภี าพถ่าย (Picto Maps) หรือ (Orthophoto Maps) คอื แผนที่ท่ีทาขนึ้ โดยวธิ ีถ่ายภาพทางอากาศ สามารถแสดงใหเ้ ห็นลักษณะตา่ งๆทงั้ ทเี่ ป็นธรรมชาติและมนษุ ยส์ ร้างขึน้ ไดอ้ ยา่ งละเอียดถกู ต้องมากท่ีสดุ ชนดิ ของแผนทต่ี ามลกั ษณะใช้งาน 1. แผนทท่ี ว่ั ไปเชน่ แผนท่ีโลก แผนทท่ี วีปต่างๆแผนท่ีประเทศต่างๆ ใชม้ าตราส่วน 1: 1,000,000 แสดงอาณาเขตประเทศ เมอื ง มีความสงู ตา่ ตามลักษณะภูมิประเทศ 2.แผนทีท่ รวดทรง หรือแผนที่นนู แสดงความสงู ตา่ ของภมู ปิ ระเทศ 3. แผนทท่ี หาร เป็นแผนทยี่ ทุ ธศาสตร์ ยุทธวิธี แผนท่ีทหารปนื ใหญ่ 4. แผนที่เดนิ อากาศ ใชส้ าหรับการบนิ เพื่อบอกตาแหน่ง และทิศทางของเครื่องบนิ 5. แผนทเี่ ดินเรอื ใชใ้ นการเดนิ เรอื ซึ่งแสดงถึงความลึก สันดร แนวปะการงั เขตน้าตื้น 6. แผนที่การขนสง่ แสดงการคมนาคมทางบก เรือ และอากาศ 7. แผนทเ่ี ศรษฐกิจ แสดงผลผลติ เขตกสิกรรม ความหนาแนน่ ของประชากร 8. แผนท่ีประวัติศาสตรแ์ สดงอาณาเขตและยคุ สมยั ต่างๆ 9. แผนทร่ี ฐั กจิ แสดงเขตการปกครอง ดินแดน และอาณาเขต 10. แผนท่เี คา้ โครง แสดงลายเสน้ รูป กราฟ สถิติ 11. แผนทีผ่ ังเมือง แสดงอาคารสถานท่ขี องตวั เมือง ถนน สถานท่สี าคัญ ใชม้ าตราส่วน 1: 20,000 12. แผนที่ทางหลวง แสดงถนนสาบสาคญั ใชม้ าตราส่วน 1 : 1,000,000 งานเนตรนารี โรงเรยี นสตรีนนทบรุ ี หลักสูตรลูกเสือโลก มัธยมศกึ ษาปีท่ี 1 ภาคเรียนท่ี 1/ 2558
หนา้ 29 13.แผนทโี่ ฉนดที่ดิน แสดงการถือกรรมสิทธ์ิที่ดินของเจ้าของท่ดี ิน กรมที่ดนิ เป็นผ้อู อกให้ 14. แผนทเี่ พื่อการนเิ ทศ ใช้ในการโฆษณา ในการท่องเท่ียว เพ่ือแสดงสถานท่ีสาคญั ปชู นียวตั ถุ สถานท่ตี ากอากาศ ฯลฯ การอ่านแผนที่ แผนทจ่ี ะบอกให้ทราบถึงท่ีต้ัง ระยะทาง ทศิ ทาง ความสงู ต่า และทรวดทรง 1. ทต่ี ั้ง การหาทตี่ ้ังต้องทราบ ระบบพิกดั ภูมศิ าสตร์ และระบบพกิ ดั ตาราง 1. ระบบพิกัดภมู ศิ าสตร์เป็นระบบกาหนดที่ตงั้ ของสง่ิ ตา่ งๆ ในแผนทด่ี ว้ ยคา่ ละติจูดและลองจิจูด 2. ระบบพิกดั ตาราง กาหนดท่ตี ั้งของส่งิ ต่างๆในแผนท่ีโดยอาศัยเสน้ ตรง 2 จดุ คือเสน้ ละตจิ ูดและลอง ตจิ ดู เป็นเสน้ ตรงขนานกนั ในแนวตะวันออก – ตก และแนวเหนือ – ใต้ เส้นเหล่านี้ มตี วั เลขกากบั แต่ ละเสน้ เส้นตรง 2 ชดุ จะตัดกนั เปน็ รูปสี่เหล่ียมจตั รุ สั เรียกวา่ พกิ ดั กริด 2. หลกั การอา่ นพิกัดตารางในแผนที่ ● อ่านจากซ้ายไปทางขวา ● อ่านจากล่างข้นึ ขา้ งบน เคร่ืองหมายที่แสดงในแผนที่ เครอื่ งหมายท่แี สดงไว้ในแผนที่มี 2 ประเทศ คอื เครื่องหมายแผนท่กี บั เครอ่ื งหมายแผนทก่ี บั เครือ่ งหมายทางทหารในที่นี้จะกลา่ วถงึ เฉพาะเครื่องหมายแผนท่ีเท่านนั้ เครื่องหมายแผนท่ีเป็นท่ีมคี วามหมายท่ีใช้แสดงความหมายของสงิ่ ตา่ งๆบนผิวพิภพทเ่ี กิดขึ้นเองตาม ธรรมชาติ หรือมนุษย์สรา้ งขึ้น ผู้ผลติ ท่ี จะพยายามใหเ้ หมือนของจรงิ และส่วนใหญ่จะมีลกั ษณะเหมือนมองจาก ข้างบน และแสดงเป็นสัญลกั ษณส์ ากล เครื่องหมายแผนที่ (เพ่ิมเติมจากหนงั สือ กิจกรรมลกู เสอื – เนตรนารี ชนั้ ม.1) หนา้ ท่ี 84 – 85 ฉบับ คณะอนุกรรมการลูกเสือฝา่ ยวิชาการ สานักงานคณะกรรมการบรหิ ารลูกเสอื แหง่ ชาติ การใชส้ ปี ระกอบเพ่อื บอกความหมายในแผนที่ สีทป่ี รากฏเปน็ มาตรฐานในแผนท่มี ี 5 สี 1. สีดาหมายถงึ ลักษณะภมู ิประเทศทางวฒั นธรรม หรอื สิง่ ท่มี นษุ ยส์ ร้างขน้ึ เชน่ วดั บา้ น ทางรถไฟ และถนนธรรมดา 2. สีนา้ เงนิ หมายถึงลกั ษณะทเ่ี ป็นน้า เช่น แมน่ า้ ทะเลสาบ หนอง บึง เปน็ ต้น 3. สีนา้ ตาล หมายถึงลกั ษณะภมู ปิ ระเทศที่มีความสูงต่า แสดงไว้โดยเส้นเรยี กว่า เสน้ ชน้ั ความสูง หรอื เส้นลายขอบเขา 4. สีเขียว หมายถงึ พนื้ ทเ่ี ปน็ ป่า 5. สีแดง หมายถึงถนนสายหลัก บางโอกาสแสดงถึงพน้ื ที่หวงห้ามหรือพ้นื ทอี่ ันตราย งานเนตรนารี โรงเรยี นสตรีนนทบรุ ี หลักสตู รลูกเสือโลก มัธยมศกึ ษาปีที่ 1 ภาคเรยี นท่ี 1/ 2558
หน้า 30 เข็มทศิ เขม็ ทิศ (Compass) คือ เคร่อื งหมายที่ใช้ในการหาแนวทิศเหนือ(ทศิ เหนือแมเ่ หล็ก) ประวัติ หลายชาติตา่ งก็อ้างวา่ คนในประเทศของตนเป็นผ้คู ดิ คน้ ขนึ้ แต่โดยทว่ั ไปเชอ่ื ว่าจนี เป็นชาตแิ รกท่ี ค้นพบความลับของทศิ แม่เหล็กมากกว่า4,000 ปแี ลว้ ชาวจนี ไดใ้ ชป้ ระโยชน์ในการเดินเรอื แล้วตอ่ มาได้ แพรห่ ลายไปสู่ในประเทศยุโรป โดยคนละตระกลู โปโล คือ มาฟฟิโอ และ นโิ คโล ซ่ึงเป็นพอ่ และลงุ ของ มาร์ โคโปโล นักเดินชาวยโุ รปทบี่ ันทึกการเดินทางถึงประเทศจีนมีผลให้ยโุ รปกระตือรอื ร้นที่จะเดินทางสภู่ ูมภิ าค เอเชีย คือจีนและอินเดยี ในเวลาต่อมา การทางานของเข็มทิศสมั พนั ธก์ บั การทางานของแมเ่ หล็ก คือ ปลายขา้ งหน่ึงจะชี้ไปทางทศิ เหนือเสมอ เรยี กว่า ปลายช้ีเหนือ ส่วนปลายอกี ข้างหนงึ่ จะช้ีไปในทางตรงกันข้าม ทเ่ี ปน็ เช่นน้ีก็เพราะวา่ โลกมีคุณสมบัติ เหมอื นแทง่ แมเ่ หล็กขนาดมหึมา มขี ั้วแม่เหลก็ โลกทางทิศเหนือ(Magnetic North pole) อย่ทู ่ีชายฝัง่ เหนือ เกาะ ปรนิ ซ์ ออฟ เวลส์ (Prince of Wales) ในประเทศแคนนาดาตอนเหนอื คอยสง่ อานาจดงึ ดดู ใหป้ ลาย ชี้เหนือของแม่เหล็กช้ีไปทางนั้น ส่วนทางขว้ั แม่เหล็กโลกทางด้านทศิ ใต้(Magnetic South pole) อยทู่ ่ี บริเวณเซาทว์ คิ ตอเรยี แลนด์ (South Victoria Land) ในทวปี แอนตาร์กติกา ตาแหนง่ ของขั้วแมเ่ หลก็ โลก ทางทิศเหนือน้ันมิได้อยู่คงทเ่ี สมอไป มันเคลอ่ื นท่ไี ปมาได้ในแตล่ ะปี เมือ่ เป็นเชน่ น้ี ขั้วเหนือของแมเ่ หล็กก็ เปลี่ยนแปลงไปด้วย แต่ว่าเพียงปลี ะเล็กน้อยเทา่ น้นั และเมื่อหลายปเี ข้ากส็ ามารถคานวณได้วา่ เปลีย่ นแปลง ไปเท่าไร เข็มทิศมีหลายชนิด เชน่ เข็มทศิ ตลับธรรมดา เขม็ ทศิ ข้อมอื เข็มทิศแบบเลนซาติก(Lensatic) และ เขม็ ทิศแบบซลิ วา (Silva) เขม็ ทิศที่นยิ มใชใ้ นวงการลกู เสอื คือเข็มทิศแบบซิลวา ของสวเี ดน เป็นเข็มทศิ และไมโ้ ปรแทรกเตอร์ รวมอย่ดู ว้ ย ท่วั โลกนยิ มใช้มาก ใชท้ าแผนท่แี ละหาทศิ ทางไดด้ ี เหมาะสมกับลูกเสือเพราะใชง้ า่ ยและสะดวก เขม็ ทิศทน่ี ยิ มใชใ้ นการลูกเสอื ไดแ้ กเ่ ข็มทิศ ซิลวาของประเทศสวีเดน ส่วนประกอบของเขม็ ทศิ ซิลวา 1. แผน่ ฐานทาโดยวัตถโุ ปร่งใส 2. ขอบฐานมีมาตราส่วนเปน็ นิว้ และเซนติเมตร 3. เลนส์ขยาย 4. ลูกศรชีท้ ศิ ทางที่จะไป 5. ตลบั เขม็ ทิศเปน็ วงกลมติดกบั ฐานหมุนไดร้ อบบนกรอบมีหน้าปดั แบง่ ออกเป็น 360 องศา 6. ตลับเขม็ ทิศ ตรงกลางมีเขม็ แมเ่ หล็กสแี ดงซ่งึ จะช้ีทางทิศเหนือเสมอ 7. ตาแหนง่ สาหรับตั้งมุม และอ่านค่ามมุ อย่ตู รงลกู ศรชท้ี ิศทาง การใช้เข็มทศิ ซิลวา 1. เมื่อทราบค่าหรอื บอกมุมอาซีมุทให้ ต้องการร้วู า่ จะต้องเดินทางไปทางทิศใด สมมตุ ิว่าบอกมุมอาซีมุท 80 องศา 1. เอาเข็มทศิ วางบนฝ่ามอื หรือปกสมดุ ในแนวราบขนานกบั พ้ืน 2. หมนุ กรอบหนา้ ปัด(5) ของตลับเข็มทิศให้เลข 80 อย่ตู รงปลายลูกศรชี้ทศิ ทาง 3. จบั ฐานเขม็ ทิศหันไปจนแมเ่ หลก็ สีแดงในตลบั เข็มทิศชีต้ รงกับอกั ษร N บนกรอบหน้าปัด งานเนตรนารี โรงเรยี นสตรีนนทบรุ ี หลักสูตรลกู เสอื โลก มธั ยมศกึ ษาปีที่ 1 ภาคเรยี นที่ 1/ 2558
หน้า 31 4. ดูลกู ศรชท้ี ศิ ทางช้ไี ปทางใดก็เดนิ ไปตามทศิ น้นั การเดนิ ตามทิศทาง ทล่ี กู ศรช้ีนั้นใหม้ องหาจุดเด่น เช่น ตน้ ไม้ ก้อนหนิ บ้าน เสารวั้ เปน็ หลักแลว้ เดนิ ไปยังจดุ ๆน้นั ข. กรณีทจ่ี ะหาค่ามุมอาซีมุท จากจุดทเี่ รายืนอยู่ไปยังจุดท่เี ราเดินไป 1. วางเข็มทิศบนฝ่ามือหรือปกสมดุ ในแนวราบ (ขนานกับพื้น) 2. หันลกู ศรชที้ างไปยังจุดท่ีเราเดนิ ไป 3. หมนุ รอบหน้าปดั เข็มทศิ ไปจนกว่าอักษร N บนกรอบหนา้ ปดั อยู่ตรงปลายเขม็ แม่เหล็กสี แดงในตลับ ระวังอยู่ใหฐ้ าน (ลูกศรช้ที ิศทาง) เคล่อื นท่ี 4. ตวั เลขบนกรอบหน้าปัดที่อยตู่ รงปลายลกู ศรชท้ี าง คือค่ามุมทเ่ี ราต้องการทราบ ขอ้ ควรระวังในการใช้เข็มทศิ จบั เข็มทิศดว้ ยความระมัดระวัง แรงกระแทกอาจทาให้เสยี หายเพราะบอบบาง การอา่ นเขม็ ทศิ ไม่ควร กระทาใกล้สง่ิ ทเ่ี ป็นเหล็กหรอื วงจรไฟฟ้า ระยะปลอดภยั ในการใช้เข็มทศิ สายไฟแรงสูง 60 หลา รถถัง 20 หลา รถยนต์ 20 หลา สายโทรเลข 10 หลา โทรศัพท์ 10 หลา ลวดหนาม 10 หลา ปนื ใหญ่ 10 หลา ปืนเลก็ 1 หลา หมวกเหล็ก 1 หลา เมือ่ ลูกเสือออกเดินทาง จะเปน็ ทางเดินทางไกล หรอื เดนิ ทางสารวจ จะสงั เกตทิศโดยเขม็ ทิศและจง สงั เกตทศิ ทางลมท่กี าลงั พัด ซึ่งจะชว่ ยในกรณีที่ลูกเสอื ไม่มีเข็มทศิ หรือไม่มีแดดการหาทศิ ทางท่ลี มกาลังพัดน้ันให้ โยนหญ้าหรือฝุน่ ขน้ึ ไปในอากาศ ลูกเสือก็จะทราบว่าลมพัดมาจากทิศไหน ในชนบท อาจสังเกตวัตถทุ เ่ี ป็นหมาย เชน่ เนนิ เขา หอคอย เสาอากาศสถานวี ทิ ยุ โบสถ์ ต้นไม้ใหญ่ สะพาน ฯลฯ สงิ่ เหล่านีจ้ ะช่วยใหล้ ูกเสือสามารถหาทางกลับ หรอื จะส่งั ให้ผอู้ ่นื ตามไปทางเดียวกนั ถา้ ลกู เสือ จาวตั ถทุ ีห่ มายได้ กจ็ ะหาทางกลับได้เสมอโดยอาศยั วตั ถนุ ั้น แต่ควรจะหนั หนา้ กลับมาดูวตั ถุน้ันเปน็ ครั้งคราว เมอ่ื ลกู เสือหลงทาง ลกู เสอื จะต้องรจู้ ักบรเิ วณท่ตี นอยู่คณะนั้น แล้วเรมิ่ หาทิศหรอื สังเกตส่งิ แวดลอ้ มท่ี สามารถมองเหน็ ไดด้ ้วยตาเปล่า งานเนตรนารี โรงเรียนสตรีนนทบรุ ี หลกั สูตรลูกเสือโลก มธั ยมศึกษาปีท่ี 1 ภาคเรยี นท่ี 1/ 2558
หน้า 32 การผูกเงอื่ น การผูกเงอื่ น ลกู เสอื สามัญรุ่นใหญม่ ีวิชาเก่ียวขอ้ งกบั การใช้เง่ือนที่สาคญั เช่นบกุ เบกิ และการผจญภยั ซึ่งลูกเสือต้อง สามารถผูกเง่ือนและเลอื กใช้ประโยชนจ์ ากเงื่อนได้อยา่ งคล่องแคล่วรวดเรว็ และปลอดภัยดงั นั้นลกู เสือประเภทน้ี จะเน้นเรื่องการผกู เง่ือนตา่ งๆ ทไ่ี ด้กาหนดไว้ รวมถงึ การใช้ประโยชนจ์ ากเงือ่ นดังกลา่ ว โดยในข้ันตน้ จะทบทวน ถงึ ชนดิ และประเภทของเชอื กที่สามารถจะนาไปผูกเปน็ เงื่อนต่างๆ ทงั้ น้ีเพื่อความถูกตอ้ งปละปลอดภยั ในการใช้ เง่ือนดงั นี้ ชนิดของเชือก 1. เชอื กมนิลา มคี วามเหนยี ว อ่อนตัวดีกว่าเชือกทกุ ชนิด ถ้าใชใ้ นทแ่ี หง้ จะทนดี แต่ถ้าเปียกน้าบ่อยๆจะ ผเุ รว็ 2. เชอื กกาบมะพร้าว ทาจากกาบมะพร้าวมีน้าเบา ลอยน้าได้ไม่จมน้า เหมาะสาหรับการใช้งานในนา้ ใช้ กาลังได้ไมม่ าก มกี าลงั เพียง ¼ ของเชือกมนลิ าทีม่ ีขนาดเทา่ กนั 3. เชอื กป่าน ทาจากป่านชนดิ หนึ่ง มีสีเหลืองอ่อน ไม่ขาวเท่ามนิลา มคี วามเหนียวเทาเชอื กมนิลา แตผ่ ุ เรว็ ราคาถูกกวา่ 4. เชอื กไนลอน ทาดว้ ยไนลอน มีทกุ ขนาด ผกู ยาก เพราะคลายตวั ง่าย ถ้าออกกาลังมาก เชอื กยึดได้ เหมาะใช้การในนา้ 5. เชือกปอ เปน็ เชือกขนาดเล็ก ทาดว้ ยปอกระเจา ใช้ไดช้ ่ัวคราว เช่นใช้ขนั ชะเนาะ 1.เง่อื นพริ อด เปน็ เง่ือนที่ใชใ้ นชีวติ ประจาวนั สาหรบั ผูกปลายเชอื ก 2 สองขา้ งเข้าด้วยกนั เง่ือนพิรอดมีวทิ ผี กู หลายแบบ แตท่ ุกแบบมจี ดุ ประสงค์เดยี วกัน คือ ผูกใหส้ ะดวกในการแก้ ลักษณะในการใช้ ควรใช้ผกู วัตถุชนิดเดยี วกัน เช่น ถา้ เปน็ เชอื กกค็ วรมีขนาดและความเหนียวของเชือก เท่ากนั ถ้าใชเ้ ชือกที่ไมเ่ หมือนกัน เมอื่ ดึงจนตึง จะทาให้แกย้ าก กลายเป็นเงื่อนตาย ดงั น้ันเพอื่ ความปลอดภัยใน การใช้เงอ่ื นชนิดนใี้ ห้ไดป้ ระโยชน์ใช้สอย ควรใชเ้ ชอื กขนาดเดียวกนั ประโยชน์ 1.ใช้ผกู วตั ถุ เชน่ เชือกผกู รองท้า โบ เปน็ ตน้ 2.ใช้เชอื กทีม่ ีขนาดเท่ากนั ให้มีความยาวตามท่ีต้องการ 2. เง่อื นขดั สมาธิ เปน็ เง่อื นที่ใช้ต่อเชือกที่มขี นาดไลเ่ ลีย่ กนั ประโยชน์ 1.ตอ่ ดา้ ยหรือเชือก ถ้าเชอื กมขี นาดไมเ่ ท่ากัน ให้เอาเสน้ โตหรอื เสน้ ท่ีแข็งกวา่ ทาบ่วง แล้ว เอาเสน้ ท่ีเลก็ หรือเสน้ อ่อนเปน็ เสน้ ขัดสมาธิ 2.เหมาะสาหรับการต่อวัตถุที่มลี กั ษณะแข็ง เชน่ ตอก เถาวลั ย์ เปน็ ต้น การผูกเงื่อนขดั สมาธิ มหี ลายวธิ ี งานเนตรนารี โรงเรียนสตรีนนทบรุ ี หลักสูตรลูกเสอื โลก มัธยมศกึ ษาปีที่ 1 ภาคเรยี นที่ 1/ 2558
หนา้ 33 3.เง่ือนกระหวดั ไม้ เปน็ เงือ่ นทมี่ าจากเง่ือนตะกรดุ เบด็ สามารถใชผ้ กู กับเชือกไดห้ ลายชนดิ ทุกขนาด เงอ่ื นนใี้ ชผ้ กู วัตถุดว้ ย หางเชอื กข้างหนึง่ ใช้กับตะกรุดเบด็ 2 ชนั้ ถา้ ผกู แบบถาวรต้องหักคอเชือกดว้ ยเพื่อกันหลุด ประโยชน์ 1. ใช้ในการผกู รอก 2. ใช้ผกู หลกั แต่หมนุ รอบไมไ่ ดเ้ หมอื นบว่ งสายธนู 4. เง่อื นบ่วงสายธนู เป็นเงือ่ นทใี่ ชใ้ นชีวติ ประจาวัน เพระไม่หลุดหรือเล่ือนไดง้ ่าย มคี วามสัมพนั ธก์ บั เงอื่ นขดั สมาธิ ประโยชน์ 1. ใช้การผกู เชอื กเพื่อทาเปน็ บ่วงคล้องวัตถตุ ่างๆ 2. ใชผ้ กู สัตว์ไวก้ ับหลกั หรือต้นไม้ สัตว์สามารถเดนิ รอบหลัก โดยเชือกไม่พนั หรือรัดคอสัตว์จนเกนิ ไป 3. ใชแ้ ทนเง่อื นเก้าอี้ สาหรบั คนนัง่ หย่อนลงในท่ีตา่ หรอื ยกข้ึนในทส่ี ูง 4. ใชค้ ล้องคันธนู 5. ผูกเรอื กับหลักเม่ือเวลานา้ ขน้ึ หรอื ลงกไ็ มม่ ีปัญหา 5. เงอื่ นตะกรุดเบด็ เปน็ เงอื่ นผูกแนน่ แต่แกง้ ่าย ใชใ้ นการผูกของ ผกู เสารว้ั ผกู หลัก ผกู ตอม่อในการสรา้ งสะพานทาหอคอย ผูกเบด็ 1. เง่อื นตะกรุดเบด็ กลืน กอ่ นจะผกู เง่ือนควรพนั รอบหลกั หรอื เสา 2 รอบ พนั ไปทางเดยี วกันและผกู เง่ือนตะกรดุ เบด็ เก็บปลาย เชือกด้วยเง่อื นสายธนู ประโยชน์ ใชแ้ ขวนรอก ผูกเชือกกบั สมอเรอื 2. เง่ือนตะกรุดเบ็ด 2 ชั้น หรอื หลายชนั้ ใชพ้ นั เชือกกับวตั ถุ พันสองรอบหรอื มากกวา่ นนั้ ก่อนจะผูกเงือ่ นตะกรุดเบ็ด ประโยชน์ ใช้ผกู วตั ถุ เช่น เสาทอ่ นา้ เพ่ือลากหรือยกขึ้นสูง 6. เงือ่ นประมง ใช้ตอ่ เชือกไดท้ ุกชนดิ โดยเฉพาะเชือกเส้นเลก็ ไนลอนเชือกสายเบ็ด ต่อไดด้ ีกวา่ เงื่อนอน่ื ๆ จงึ เปน็ ทนี่ ิยม ของนักตกปลา ชาวประมงและงานตอ่ เชอื กทั่วๆไป 7. เง่อื นผกู ซุง เปน็ เง่ือนทผี่ ูกงา่ ย แตแ่ น่นและแข็งแรง ใชห้ างเชอื กผูก ไมเ่ ปลืองเชอื ก ประโยชน์ – ใชร้ ากซุงหรือวัตถทุ รงกลม หรือวัตถทุ รงกระบอก 8. เงอ่ื นผูกรั้ง ใชส้ าหรบั ผูกสายเตน็ ท์ เสาธง เพอ่ื กันล้ม หรอื รัง้ ต้นไมก้ ันล้ม หรือใช้สาหรบั ผกู กับหว่ งตา่ งๆ เพราะเงื่อน น้เี ลอ่ื นให้ตึงหรือหย่อนได้ งานเนตรนารี โรงเรยี นสตรีนนทบรุ ี หลักสตู รลูกเสอื โลก มธั ยมศึกษาปีที่ 1 ภาคเรยี นท่ี 1/ 2558
หน้า 34 9. เงอ่ื นปมตาไก่ ใช้ขมวดหวั เชือกท่ีมีขนาดไม่ใหญ่นัก ถา้ ต้องการให้ปมใหญก่ ็ขมวดหลายครัง้ จะมชี ือ่ เรยี กว่าปมตาไก่ หรือใช้ผกู แทนกันหัวเชอื กช่วั คราว 10. การผูกแน่น การผกู แน่นแบง่ ออกเปน็ 3 ลักษณะ คือ ผูกประกบ ผกู กากบาท และผูกทแยง 10.1 ผูกปะกบ ใช้สาหรบั ผูกไมห้ รือเสา 2 ตน้ เขา้ ดว้ ยกนั มคี าดคอ เริ่มผูกด้วยเงอื่ นตะกรุดเบด็ ท่ไี ม้หลัก ลงด้วยเงื่อน ตะกรดุ เบ็ดที่ไมต้ ่อ ประโยชน์ 1.ต่อไม้ยาวหรอื ไม้มัดเข้าดว้ ยกัน 2.ทาให้ได้ความยาวของไม้ สาหรบั งานก่อสรา้ งอาคาร 10.2 ผกู กากบาท ขนึ้ ตน้ ด้วยเงอ่ื นตะกรดุ เบ็ดทไี่ ม้ตวั ใดตัวหน่ึง และหักคอลงดว้ ยเง่ือนตะกรดุ เบด็ ทไ่ี ม้อีกตวั หน่ึงการ วางให้วางพาดกนั ต้ังฉาก ประโยชน์ 1.ใช้ในงานก่อสร้าง ทานัง่ ร้านทาสีอาคาร 2.ใชใ้ นงานสรา้ งค่ายพักแรม อุปกรณ์การพักแรม 10.3 ผกู ทแยง เป็นการผกู ไม้ใหต้ ดิ กัน ใชก้ ลางเชือกพนั ข้นึ ต้นดว้ ยเงอื่ นผูกซงุ แล้วพนั ทแยงมุมไขว้กนั ในมุม ตรงกนั ข้าม จบลงดว้ ยเงอ่ื นพิรอดที่ไม้ตวั ใดตัวหน่งึ ก็ไดแ้ ลว้ หักคอ ประโยชน์ 1.ใช้ในงานก่อสรา้ ง 2.ใชค้ ้าหรือยนั เพอื่ ป้องกันมใิ หล้ ้ม งานเนตรนารี โรงเรียนสตรนี นทบรุ ี หลกั สูตรลูกเสอื โลก มัธยมศึกษาปที ่ี 1 ภาคเรยี นที่ 1/ 2558
หน้า 35 การปฐมพยาบาล การปฐมพยาบาล การปฐมพยาบาล คือการช่วยเหลอื เบอ้ื งต้นแกผ่ ้ไู ดร้ ับบาดเจบ็ จากอบุ ัติเหตหุ รือการเจบ็ ปว่ ย เพอื่ 1. ช่วยชวี ติ ผูป้ ว่ ย 2. ชว่ ยผู้ป่วยมใิ หต้ อ้ งทพุ พลภาพ 3. เพื่อลดความเจบ็ ปว่ ยอย่างรนุ แรง 4. เพ่ือใหห้ ายเป็นปกติได้เรว็ ขึ้น หลักการท่วั ไปของการปฐมพยาบาล 1. อย่าตื่นเตน้ ตกใจ 2. ปฏิบตั ิการดว้ ยความรวดเร็ว วอ่ งไวและละเอยี ดรอบคอบ 3. ปลอบใจให้ผู้ป่วยสงบ ให้ความอบอุน่ นอนในท่าทส่ี บาย ไม่ขัดต่อการปฐมพยาบาล 4. ขยายเคร่ืองแตง่ กายให้หลวม เพือ่ ผปู้ ว่ ยหายใจได้สะดวก 5. อย่าใหค้ นมงุ ดู ในเม่ือจาเป็นก็ควรขอร้องให้คนมุงดเู ข้าใจว่าผูป้ ว่ ยต้องการอากาศ ถ่ายเทท่สี ะดวก 6. รีบติดต่อแพทยห์ รือพยาบาลท่อี ยู่ใกล้ทส่ี ดุ แล้วรีบนาผู้ป่วยส่งสถานพยาบาลโดยเร็ว 7. พยาบาลอยา่ ใหผ้ ู้ปว่ ยทราบวา่ ตนเองอาการสาหสั หรืออย่าให้ผู้ป่วยเห็นบาดแผลของตนเอง 8. พยายามปฐมพยาบาลต่อสิ่งทีจะเปน็ อนั ตรายมากเสียกอ่ น เชน่ การห้ามเลอื ด ก่อนทจี่ ะให้การปฐม พยาบาลกระดกู หักต่อไป 9. ถ้าผูบ้ าดเจ็บมีอาการอาเจียน ใหผ้ ้ปู ว่ ยนอนศรี ษะต่า ตะแคงหนา้ ไปขา้ งใดข้างหนึ่ง เพือ่ กันไม่ให้สง่ิ ท่ี อาเจยี นเขา้ ไปในหลอดลม หรือปอด ขอ้ ควรระวัง อย่า ลืมช่วยผายปอดเมอื่ จาเปน็ เช่น มีการหยุดหายใจ อยา่ ลืมเอาฟันปลอมหรือหมากฝรงั่ ฯลฯ ออกจากปากผู้ทหี่ มดสติ อย่า ปลอ่ ยให้เลอื ดไหลโดยไมร่ บี ห้ามเลือด อยา่ ลมื สังเกตอาการชอ็ กทีอ่ ยู่ อยา่ ให้ผปู้ ่วยทสี่ ลบหรือหมดสตดิ ืม่ น้าหรือกินยา อย่า แตะต้องบาดแผลของผ้ปู ว่ ยดว้ ยมอื ทไ่ี ม่สะอาด ปิดบาดแผลดว้ ยผา้ สะอาด กอ่ น นาส่งแพทย์ อยา่ ทาใหผ้ วิ หนงั ของผบู้ าดเจบ็ พองไหม้ เพราะการวางกระเป๋าน้าร้อนหรือขวดนา้ ร้อนโดย ไมห่ อ่ หุ้มก่อน อย่า เคลอื่ นยา้ ยผูป้ ว่ ยทีม่ ีกระดกู หักหรือสงสยั วา่ มกี ระดูกหักโดยไม่ไดเ้ ข้าเฝอื กช่ัวคราง อยา่ เคลื่อนไหวผปู้ ว่ ยโดยไมจ่ าเป็น เพราะอาจทาใหม้ ีอันตรายเพิ่มมากข้นึ งานเนตรนารี โรงเรยี นสตรีนนทบรุ ี หลกั สตู รลูกเสอื โลก มธั ยมศึกษาปที ี่ 1 ภาคเรยี นที่ 1/ 2558
หนา้ 36 1. การปฐมพยาบาลบาดแผล บาดแผลคือผิวหนงั หรอื เนื้อเย่อื และส่วนทลี่ ึกลงไปกวา่ ชั้นผิวหนงั ถูกทาลายแยกจากกัน หลักสาคัญในการปฐมพยาบาล 1. ถ้ามีการตกเลือดต้องหา้ มเลอื ด 2. ถ้ามอี าการช็อกหรือเปน็ ลม ควรรกั ษาอาการชอ็ ก 3. ควรฉีดยากันบาดทะยัก การปจั จุบนั พยาบาลบาดแผล การแตง่ บาดแผล ตอนแรกๆ ควรปลอ่ ยให้เลอื ดไหลออกเสียบ้าง เล็กน้อย เพ่ือใหเ้ ลือดที่ออกมานน้ั ชะล้างส่ิงสกปรกในบาดแผลออกเสยี บา้ ง แลว้ ทาการห้ามเลอื ด วธิ ีการชะ ล้าง ควรลา้ งรอบๆ นอกของบาดแผล การแต่งบาดแผลทาเพ่ือ 1. ปอ้ งกันการอักเสบ 2. เพอื่ ใหแ้ ผลปดิ สนิทดี 3. เพอ่ื ให้แผลหายเรว็ ข้นึ การปฐมพยาบาล 1. เมือ่ เหน็ ว่าแผลสะอาดพอสมควรแล้วใช้ยาฆา่ เชือ้ โรค เช่น แอลกอฮอล์ 70% หรือทงิ เจอร์ ไอโอดีนทารอบๆบาดแผล 2. เมื่อแผลแหง้ ใสย่ าแผลสด เช่น ยาแดง 3. ปิดแผลด้วยผ้ากอ๊ สหรือผา้ ปดิ แผล การให้แผลหายเร็วขน้ึ 1. อยา่ รบกวนแผลบ่อยๆ เชน่ แตง่ แผลบอ่ ยๆ จะทาให้หายช้า 2. ควรใหบ้ ริเวณน้นั ได้พักผ่อน 3. ถา้ มีแผลมากแหง่ และมีบริเวณกว้าง ควรกินอาหารประเภทโปรตีนมากๆ 2. บาดแผลถูกไฟไหม้ เมอื่ ถูกไฟไหมห้ รอื น้าร้อนลวก ผบู้ าดเจ็บจะมอี าการเจ็บปวดมาก เนื่องจากผวิ หนงั ถูกทาลาย ลกึ ลงไป จาเป็นตอ้ งไดร้ บั ความช่วยเหลอื หรือปฐมพยาบาลโดยทันที การปฐมพยาบาล 1. ใชข้ ้ผี ึ้ง วาสลินบริสุทธ์ิ นา้ มนั พืช ปา้ ยแผล 2. ปิดแผลดว้ ยผ้ากอ๊ ส หรือพนั แผลประมาณ 2 ชนั้ เพอ่ื ป้องกันมใิ หบ้ าดแผลถูกอากาศภายนอก เพราะจะทาใหป้ วดแสบปวดร้อนและบรรเทาอาการเจบ็ ปวด 3. ถ้าถกู ความรอ้ นลวกทมี่ ือ ให้เอามือแชน่ ้าอนุ่ เพื่อระงบั ความเจ็บปวด 4. พาผู้ป่วยไปหาหมอ งานเนตรนารี โรงเรียนสตรีนนทบรุ ี หลักสูตรลกู เสือโลก มัธยมศึกษาปที ี่ 1 ภาคเรียนที่ 1/ 2558
หน้า 37 3.การปฐมพยาบาลคนเป็นลม การเป็นลมเนือ่ งจากเลือดไปเล้ยี งสมองน้อยชัว่ คราว อาจเนอื่ งจากรา่ งกายออ่ นเพลยี อยู่ในท่ีอากาศอบ อา้ วหรืออยู่กลางแดดเปน็ ระยะนานๆ การปฐมพยาบาลควรปฏบิ ัติดงั น้ี 1. ให้ผู้ป่วยนอนราบศีรษะตา่ กวา่ เท้า 2. ใหผ้ ู้ปว่ ยเอยี งหน้าไปด้านขา้ ง ขา้ งใดขา้ งหน่ึงเพื่อป้องกันล้ินตกไปปดิ ทางเดินหายใจ 3. คลายเข็มขดั หรอื เส้ือผ้าผูป้ ่วยใหห้ ลวมๆเพื่อใหห้ าใจไดส้ ะดวก 4. ถา้ มเี ศษอาหารหรือเสมหะในปาก ให้ใช้ผ้าเชด็ หนา้ พันนว้ิ มอื แล้วล้วงเศษอาหารออกให้หมด 5. โดยปกติคนเปน็ ลมจะฟ้ืนภายใน1 – 2 นาที ถ้านานเกิน 5 นาทใี หน้ าส่งหมอ 6. ให้ผูป้ ่วยดมยาเพื่อกระตนุ้ ให้รู้สกึ ตัว ห้ามรบั ประทานยาหรือน้าจนกว่าจะร้สู ึกตัว 4. การปฐมพยาบาลผู้ถูกงูกัด 1.ต้องตรวจดรู อยเข้ียวงูทีบ่ าดแผล ถ้าเปน็ งูพิษ จะมรี อยเข้ยี วท่ีบาดแผลลกึ อยู่2รอย บาดแผลจะมลี กั ษณะเขียวช้าดว้ ยพษิ งู ถา้ เปน็ งูไม่มีพษิ บาดแลจะมลี ักษณะลึก เท่ากนั เหมือนฟนั ธรรมดา 2.ถา้ เป็นงูพิษใหใ้ ช้ผา้ หรอื เชือกรัดเหนือบาดแผลประมาณ4-5ซ.ม. ระหวา่ งบาดแผล กบั หัวใจอยา่ รัดให้แนน่ เกนิ ไปจะเกดิ อาการบวม 3.พยายามบีบเลือดบริเวณบาดแผลใหอ้ อกมากๆ เป็นระยะๆ 4.ลา้ งแผลด้วยน้าด่างทับทิมแก่ 5.ถ้าผู้ป่วยเป็นลมใหด้ ม่ื นา้ กาแฟแกๆ่ หรือชาร้อน ห้ามดม่ื สุรา 6.รีบนาผู้ปว่ ยไปหาหมอโดยเร็วทส่ี ดุ 5. การปฐมพยาบาลผู้ถกแมงมุมกดั 1.ใชเ้ ชือกหรอื ผา้ รดั เหนือบาดแผล เพือ่ ป้องกนั มิใหพ้ ิษไหลเขา้ หาหวั ใจ 2.พยายามบบี เลือดบริเวณบาดแผลให้ออกมากทสี่ ดุ 3.ทาแผลดว้ ยทงิ เจอร์ไอโอดนี 4.ถา้ บรเิ วณบาดแผลบวมให้ประคบดว้ ยนา้ แข็งอาการบวมจะยุบ 5.ควรพาผปู้ ว่ ยไปหาหมอ 6. การปฐมพยาบาลผถู้ ูกแมลงกดั ต่อย 1. พยายามเอาเหลก็ ในออก โดยใชร้ ูกุญแจกดลง ตรงกลางของบาดแผล เหล็กในจะ โผลอ่ อกมาแลว้ ใชค้ มี หนบี ออก 2. เมื่อเหล็กในออกแล้ว ใชส้ าลชี บุ แอมโมเนยี โซดาไบคาบอรเ์ นต นา้ ปูนใส นา้ เกลือ ปิดแผลไว้ 3.ถา้ เมอ่ื มอี าการปวดใหร้ ับประทานยาแก้ปวด 4.ถา้ ผปู้ ว่ ยมีอาการบวมหรอื หายใจไม่สะดวกควรรีบไปหาหมอ งานเนตรนารี โรงเรียนสตรีนนทบรุ ี หลกั สูตรลกู เสือโลก มัธยมศกึ ษาปที ่ี 1 ภาคเรยี นที่ 1/ 2558
หนา้ 38 7. การปฐมพยาบาลผิวหนงั ถลอก 1.ใช้ยาฆา่ เชื้ออย่างอ่อนหรือแอลกอฮอลล์ ้างแผลให้สะอาด อยา่ ใช้นา้ ลา้ งแผลอาจ ทาให้ตดิ เชื้อหรือมเี ลือดไหลออกมา 2. ใชย้ าทาแผลสดทาให้ทัว่ บริเวณแผล อาจไม่ตอ้ งปิดแผลก็ ได้ สง่ิ สาคญั คืออย่าให้ แผลถูกนา้ หรือสง่ิ สกปรก 8. การปฐมพยาบาลเทา้ แพลง สาเหตเุ นื่องจากข้อตอ่ ท่ีข้อเท้าเคลอื่ นออกจากกันแล้วกลับเข้าทเ่ี ดิม ความเจบ็ ปวดยังมีอยู่ เพราะ กล้ามเนอื้ สว่ นใหญ่ถูกกระทบกระเทือนมากจนเกนิ ไป การปฐมพยาบาลควรปฏิบัตดิ ั้งน้ี 1. ใช้ความเยน็ ประคบบรเิ วณข้อเทา้ ทนั ทเี พ่ือมิใหเ้ ลอื ดตกภายใน 2. ให้ข้อเท้าอยนู่ ิ่งๆห้ามนวดหรือบบี เพราะจะทาให้อาการอักเสบมากข้ึน ให้ข้อเท้าอยู่ในท่าท่ผี ปู้ ่วยไม่ เจบ็ ปวด 3. เม่อื ครบ 24 ช่ัวโมง ใหใ้ ช้น้ามันนวดบริเวณข้อเทา้ ท่ีแพลง 4. กรณีทม่ี ีอาการปวดมากขน้ึ ควรรีบไปหาหมอ งานเนตรนารี โรงเรยี นสตรนี นทบรุ ี หลกั สูตรลกู เสอื โลก มธั ยมศกึ ษาปที ่ี 1 ภาคเรยี นท่ี 1/ 2558
หน้า 39 ความปลอดภัยในการปฏบิ ัติกิจกรรม ความปลอดภยั ในการปฏบิ ตั กิ ิจกรรม ความปลอดภยั ในการปฏิบัตกิ จิ กรรม หมายถงึ การควบคมุ การปฏบิ ัตกิ จิ กรรมต่างๆเพ่ือให้พน้ ภัยและ ปราศจากอนั ตรายตา่ งๆ กิจกรรมที่ลกู เสือสามญั รุน่ ใหญต่ ้องปฏบิ ัตมิ ีมากและบางกิจกรรมตอ้ งอาศัยความสุขุมรอบคอบและ การควบคมุ ใกลช้ ดิ เพื่อมิให้เกิดอนั ตรายทง้ั ตอ่ ลูกเสือและเพ่ือนๆภายในหมู่ ดังนั้นจึงมคี วามจาเปน็ ป้องกนั อนั ตรายหรอื อุบัติเหตุอนั อาจเกดิ ขึ้นได้โดยลูกเสือจะตอ้ งเตรียมพร้อมในเรื่องต่อไปน้ี 1.ความปลอดภยั ในการปฏบิ ัติกจิ กรรมบกุ เบกิ การบุกเบิก หมายถึงการเบกิ ทางหรือเปิดทางเพ่ือให้เกิดความสะดวกสบายและปลอดภยั แก่ตัวเอง และผทู้ ่จี ะตามที่หลัง เพอ่ื เปิดทางใหก้ วา้ งออก จึงนามาเป็นแนวทางในการจัดกจิ กรรมตา่ งๆ ให้ สอดคล้องกับกจิ กรรมลูกเสือ เชน่ การสร้างสะพานขา้ มแม่น้า ข้ามเหว การปีนป่ายที่สูง การสรา้ งสง่ิ ต่างๆ รวมทง้ั การสารวจกิจกรรมดงั นนั้ กจิ ดังกล่าวน้ี จาเป็นต้องทราบถงึ ใช้อปุ กรณ์เพื่อท่ีจะทาให้เกิด ความปลอดภัย ดังน้ี 1. เชอื ก การใชเ้ ชอื กให้ปลอดภยั ควรคานงึ ถึงส่งิ ต่อไปน้ี 1.1 ชนดิ ของเชอื ก เชือกแตล่ ะชนดิ ควรมคี วามคงทนและการใชง้ านแตกต่างกัน เชน่ เชอื กที่ ทาจากมนลิ า ปอ หนงั สตั ว์ หรือลวดสลิง เหมาะในการใชง้ านบุกเบิกประเภทใหญ่ ๆ และรับนา้ หนัก มาก ๆ ซ่งึ ตา่ งจากเชือกที่ทาจากใยกาบมะพรา้ ว ต้นกก หรอื ตน้ กล้วย 1.2 ขนาดของเชือก เชอื กที่มขี นาดต่างกันจะรับนา้ หนักได้ต่างกนั จึงควรเลือกใชก้ ับงานท่ี เหมาะสมจะเกิดความปลอดภัยมากขน้ึ ก่อนจะนาไปใชค้ วรคานวณการรบั น้าหนักจากสูตรการใชเ้ ชอื ก ท่ีวัด ความยาวของเสน้ รอบวง เปน็ น้วิ ดงั นี้ น้าหนกั ท่เี ชือกรับไดเ้ ตม็ ที่ = (เสน้ รอบวงของเชือก) x 50 กก. = (เส้นรอบวงของเชือก) x 112 ปอนด์ สูตรการใช้เชอื กดงั กลา่ วน้ี หมายถงึ เชอื กใหมช่ นดิ เชอื กมนิลา ปอ หนังสตั ว์ ไนลอน ถ้าเป็นเชือกทเ่ี คย ใชง้ านแล้วหรอื ผูกต่อกันด้วยเงือ่ น ควรใช้สตู ร ดงั นี้ 1.3 อายกุ ารใชง้ านของเชอื ก เชอื กใหม่จะปลอดภยั กว่าเชือกทเ่ี คยใช้งาน แลว้ 1.4 การเก็บรกั ษาเชอื ก เกบ็ ในท่สี ะอาดไม่เปียกชื้น และเก็บอย่างเปน็ ระเบยี บ จะทาให้อายุการใชง้ าน คงทนและปลอดภัย 1.5 การผูกเง่อื น ต้องให้ถูกต้องกบั งานที่จะใชแ้ ละคานวณการรับนา้ หนัก ของเชือกด้วย 2. รอก เปน็ เคร่อื งกลทใ่ี ช้ผ่อนแรงหรอื ช่วยอานวยความสะดวกในการทางาน รอกอาจทาดว้ ยโลหะ ไม้ หรอื วสั ดอุ ื่นซึ่งข้ึนอยกู่ บั ความเหมาะสมในการใชง้ าน งานเนตรนารี โรงเรียนสตรนี นทบรุ ี หลักสตู รลกู เสอื โลก มัธยมศกึ ษาปที ี่ 1 ภาคเรียนท่ี 1/ 2558
หนา้ 40 ตวั รอกทาเปน็ ล้อแบน ๆ หมุนไดค้ ล่องตัว ยึดดว้ ยแกนทีต่ ิดกบั เรือนรอก ริมขอบตวั รอกทาเปน็ รอ่ งลึก สาหรบั วางเส้นเชอื กเพื่อดึงหรือรงั้ สิ่งต่าง ๆ การวัดขนาดของรอกวัดเป็นนว้ิ โดยวดั เสน้ ผา่ ศนู ยก์ ลางของตวั รอก เชือกท่ใี ชร้ ้อยรอกตอ้ งเปน็ เชอื กทวี่ างไดเ้ ต็มรอกพอดี และหมนุ ได้คล่องตัว จงึ จะใชง้ านไดด้ ี 3. สมอบก มีอยู่หลายชนิด แตล่ ะชนิดเหมาะในการใช้งานตา่ งกัน ซง่ึ ขนึ้ อยกู่ ับสถานที่ ประเภทของ งาน และสง่ิ แวดล้อมดว้ ย ควรพิจารณาใหร้ อบคอบก่อนท่จี ะใช้ ควรคานึงถงึ ส่ิง ต่อไปนี้ 3.1 ชนิดของขนาดของสมอบก ใหเ้ หมาะสมกับงานทใี่ ช้ 3.2 สภาวะและการเลอื กทเี่ หมาะสม สภาพภมู ิประเทศ เช่น พืน้ ดนิ ท่จี ะใชต้ อกสมอบกหรอื ผัง นั้น มีความปลอดภัยมากนอ้ ยเพยี งใด 4. ไม้ เลอื กใชไ้ มใ้ หเ้ หมาะสมกบั งาน คานงึ ถึงความแข็งแรงของเน้ือไม้ ขนาดของไม้ 2. ความปลอดภัยในการปฏิบตั ิกจิ กรรมการผจญภยั การผจญภยั เปน็ กิจกรรมท่ีท้าทายใหล้ กู เสือได้ใช้กาลังความคิด ร่วมกนั คดิ แก้ปญั หา ช่วยกันทา อปุ กรณ์แก้ปัญหา ตลอดจนการตัดสินใจของนายหม่ทู จี่ ะต้องดาเนินการ เพื่อใหส้ ามารถนาหมู่ของตนผ่านพน้ เหตุการณท์ เ่ี ผชิญอยู่นั้น ไปไดด้ ้วยความสาเรจ็ และปลอดภยั กันทุกคน กจิ กรรมผจญภยั น้ีแยกออกเปน็ หมวด ใหญ่ ๆ ได้ 3 หมวด คอื 1. กิจกรรมทางนา้ ลูกเสือผู้ปฏบิ ัตจิ ะต้องว่ายน้าเป็นและรจู้ กั ชว่ ยคนตกน้าได้ แม้ลกู เสือมี ความสามารถดังกล่าวน้แี ลว้ กย็ งั ประมาทไมไ่ ด้ ทกุ ครงั้ ท่ที ากิจกรรมทางนา้ ต้องปฏิบตั ิ ดงั น้ี 1.1 ต้องมเี พอ่ื นในการปฏบิ ัติกิจกรรมอยา่ งน้อย 1 คน คอยชว่ ยเหลืออยู่ตลอดเวลา 1.2 ต้องมีผชู้ ่วยคอยระวังเหตุ อยใู่ นบริเวณท่ีทากจิ กรรมและสามารถช่วยเหลือไดท้ ันทว่ งที 1.3 ต้องมีอุปกรณส์ าหรบั ช่วยเหลือ เชน่ แพ ชูชีพ และเสาไมส้ าหรบั เกาะ หรอื ขึงเชือกไวส้ าหรับเกาะ อยใู่ กล้ ๆ ใหส้ ามารถควา้ ไดท้ ัน 1.4 ต้องมีสขุ ภาพดี แข็งแรง คนทม่ี โี รคประจาตวั เชน่ ลมบ้าหมู หา้ มทากิจกรรมทางน้าโดยเดด็ ขาด 1.5 ผู้บงั คบั บญั ชาลูกเสอื ต้องอยูใ่ กลล้ กู เสอื ตลอดเวลา 2. กจิ กรรมทางบก เป็นกิจกรรมท่ีท้าทายและสนุกสนานสาหรบั ลกู เสือมาก เช่นสะพานที่สร้างด้วย เชือก สะพานทส่ี ร้างด้วยไม้ การไต่หน้าผา การลอดอโุ มงค์ การขึ้นตน้ ไมม้ ีความสมั พันธก์ บั กจิ กรรมบกุ เบกิ สาหรบั ผทู้ จ่ี ะปฏิบัตกิ จิ กรรมผจญภัยทางบกนน้ั ควรคานึงความปลอดภยั ดงั น้ี 1. ลกู เสือควรแต่งกายรัดกมุ เพ่ือป้องกนั มิให้เคร่ืองแตง่ กายไปเกย่ี วหรอื ตดิ กับฐานทีล่ ูกเสือจะผา่ นไป อาจทาให้ลูกเสือพลดั ตกลงไปได้ 2. ลกู เสือควรสวมรองเท้าผ้าใบหุ้มส้นขณะปฏิบตั กิ จิ กรรม 3. อย่าพกอาวุธ เช่น มดี ขวาน ติดตัวไปขณะปฏบิ ัติกิจกรรม ถ้าพลดั ตกลงลงมาจะเกดิ อันตราย 4. ผู้กากับหรือพี่เล้ียงที่อยู่ประจาฐานต่างๆ ต้องมคี วามสามารถแนะนาลูกเสือได้ 5. ลกู เสอื ตอ้ งมีความมั่นใจทจ่ี ะปฏบิ ตั กิ จิ กรรมน้นั ๆได้ ถ้าไม่ม่ันใจ อย่าปฏบิ ัติอาจพลดั ตกลงได้ งานเนตรนารี โรงเรียนสตรนี นทบรุ ี หลักสตู รลกู เสือโลก มัธยมศึกษาปีที่ 1 ภาคเรยี นที่ 1/ 2558
หนา้ 41 3. กิจกรรมทางอากาศ กจิ กรรมนส้ี ่วนใหญเ่ ปน็ เหตกุ ารณ์สมมติ เช่น สมมติใหล้ กู เสือเป็นพลร่มกระโดดร่มลงมาค้างข้างบน ตน้ ไมแ้ ละหมดสติไป ลูกเสือไปประสบเหตุการณ์ จงึ ได้เขา้ ชว่ ยเหลือผู้ทีเ่ ข้าช่วยเหลอื ต้องรจู้ กั วธิ ีการใช้ เชอื กและผูกเงื่อนทจ่ี ะชว่ ยเหลอื คนจากทีส่ งู โดยจะรว่ มกิจกรรมกันท้ังหมู่ 3.ความปลอดภยั ในการปฏบิ ัตกิ ิจกรรมเดนิ ทางไกล 1. เดนิ ทางไกลโดยเท้า 1.1 ถา้ เป็นถนนใหญท่ มี่ ีทางเท้า ใหเ้ ดินบนทางเท้า 1.2 ควรหลีกเลย่ี งท่จี ะใช้ถนนท่ีมีการจราจรคับค่ัง ถา้ หลกี เล่ียงไม่ไดใ้ หเ้ ดนิ เรียงเดย่ี วชดิ ถนน ข้างขวามือเป็นระบบหมู่ แต่ละหม่เู ดนิ ทางห่างกนั พอสมควร 1.3 ไม่ควรเดินตามรางรถไฟ 1.4 ถา้ จาเป็นถนนหรือทางรถไฟ ควรระมัดระวังเป็นพิเศษ 1.5 ถา้ เดินทางไกลในเวลากลางคืน ต้องมคี บไฟ หรอื ไฟฉายประจาหมเู่ พื่อเปน็ ทสี่ ังเกตของผู้ ขับขี่ รถและให้ความสว่างในการเดินทาง 1.6 ไม่ควรสวมรองเท้าท่ีซื้อใหมห่ รือคับจนเกินไปเพราะอาจบีบหรือรัดเท้าทาให้เดินไม่ สะดวก 1.7 ควรระมดั ระวงั สตั วเ์ ล้ียงบางชนดิ ทีอ่ าจจะทาใหเ้ กดิ อนั ตรายได้ เช่น สนุ ขั วัว ควาย ชา้ ง เปน็ ต้น 1.8 ถา้ สน้ ทางเดินที่ตอ้ งผา่ นป่าหรือทุ่งนา ลกู เสือควรจะต้องหมน่ั สังเกตและจดจาเพ่อื ป้องกนั การหลงทาง 1.9 ควรมีไม้ง่ามซ่ึงเป็นอาวุธประจาตัวไปดว้ ยทุกครงั้ 2. เดนิ ทางโดยรถยนตห์ รอื รถโดยสาร 2.1 อยา่ ย่ืนอวัยวะส่วนหนงึ่ สว่ นใดออกนอกรถ 2.2 การลงรถให้ลงทางดา้ นซ้าย 2.3 เมอื่ ลงรถแลว้ ถา้ จะขา้ มถนนให้ระวงั เป็นพิเศษ 2.4 อย่ายนื หรอื น่งั บนบนั ใดรถ 2.5 อย่าชักชวนผู้ขบั รถคุยจนเกินไป หรืออยา่ สง่ ส่งิ ของให้กับผู้ขบั รถ 2.6 อย่าขึน้ หรือลงก่อนรถหยุด ฯลฯ 3. เดนิ ทางโดยจกั รยานหรือจักรยานยนต์ 3.1 ถ้าเปน็ ถนนใหญ่ที่มีไหลท่ างสาหรับขบั ขร่ี ถจกั รยานหรือจกั รยานยนต์ ใหข้ ีร่ ถบนเสน้ ทางที่เขา กาหนด 3.2 ใหข้ ีร่ ถเรยี งเด่ยี ว อย่าขร่ี ถแซงกันหรอื ซ้อนกัน 3.3 อยา่ เลน่ กนั ในขณะข่ีรถ 3.4 ต้องปฏิบตั ติ ามกฎจราจรอยา่ งเครง่ ครัด งานเนตรนารี โรงเรยี นสตรนี นทบรุ ี หลักสูตรลกู เสอื โลก มธั ยมศกึ ษาปที ี่ 1 ภาคเรยี นที่ 1/ 2558
หน้า 42 3.5 ถา้ รถเกิดเสียไมส่ ามารถจะขับขีต่ ่อไปได้ให้นารถออกไปซ่อมนอกเส้นทางรถ 3.6 เมอ่ื เหนอ่ื ยและต้องการพัก ให้จอดรถพักนอกเส้นทางเดินรถ เพื่อจะได้ไม่กีดขวางทางจราจร ฯลฯ 4. เดนิ ทางโดยเรือ 1. อย่านั่งห้อยเท้าหรือยนื่ แขนออกกราบเรือ 2. อยา่ นั่งบนราวหรอื ลกู กรงเรือ หรอื กราบเรือ 3. อยา่ ใชอ้ ุปกรณห์ รือชะโงกหน้าออกไปตักนา้ 4. ถ้านัง่ อยู่ด้านหน้า อยา่ ท้ิงเศษอาหารหรือบว้ นน้าลาย 5. อย่าโหนหรือเกีย่ วลูกกรงเรือ 6. อย่าบรรทุกเกินอตั รา 7. อยา่ ถอดเสอ้ื ใหล้ มโกรก อาจทาให้เกิดปว่ ยไข้ได้ 8. ตอ้ งเชือ่ ฟงั นายท้ายเรือ 4. ความปลอดภัยในการปฏบิ ัตกิ จิ กรรมการอยคู่ ่ายพกั แรม การอยู่คา่ ยพักแรมเปน็ กิจกรรมทีส่ อนใหล้ ูกเสือรู้จักชว่ ยตนเองได้ดีทีส่ ุด เพราะลูกเสือจะตอ้ ง ทาทุกอยา่ งดว้ ยตนเอง และจะต้องชว่ ยเหลือผู้อื่นไปพร้อมๆกัน จงึ จาเปน็ ต้องคานงึ ถึงความปลอดภัย ดงั ตอ่ ไปน้ี 1. จะต้องปฏบิ ัติตามคาส่ังของผู้บงั คับบญั ชาลูกเสืออยา่ งเคร่งครดั 2. อยา่ ไปหา่ งจากค่ายพักแรมในเวลากลางคืนเพียงอยา่ งเดียว 3. ต้องระมัดระวังการใชม้ ดี ใช้ขวาน หรอื อปุ กรณต์ า่ งๆ อย่างเครง่ ครัด และเมื่อใช้เสร็จ ตอ้ ง เกบ็ เข้าท่ี อย่านามาหยอกลอ้ กันเป็นอนั ขาด 4. การทากิจกรรมตา่ งๆในบรเิ วณค่ายพักแรมจะต้องทาด้วยความระมัดระวัง 5. การออกนอกค่ายพักแรมจะต้องไดร้ ับอนุญาตจากผ้บู งั คับบัญชาลกู เสอื ก่อนทุกครงั้ 6. การทาอุปกรณ์อยู่ค่ายพักแรม เช่น กางเตน็ ท์ ตอกสมอบก ตอ้ งใหป้ ลอดภยั จากการสะดุดหรือ เหยียบ ต้องช่วยกนั ดูแลรักษาบรเิ วณรอบเตน็ ท์ 7. ลูกเสอื จะต้องมกี ารสงั เกตเป็นพิเศษ จะต้องรู้วา่ ตน้ ไม้ตน้ ใดมีพษิ และไม่มีพษิ และต้องระวัง สตั วเ์ ลือ้ ยคลาน แมลงต่าง ตลอดทั้งงูพษิ ก่อนนอนทุกคร้ังจะต้องตรวจตราดูวา่ มีอะไร แปลกปลอมเข้าอยใู่ นเต็นท์บ้าง 8. การอาบน้า ลูกเสือไม่ควรไปอาบนา้ ตามลาคลอง หรอื ตามลาพัง ควรอาบน้าในบริเวณที่ผู้ กากับกาหนดให้ 5. อุปกรณ์ทจี่ าเป็นในการอยคู่ ่ายพกั แรม อุปกรณ์ทีจ่ าเปน็ ในการอยู่คา่ ยพักแรม ไดแ้ ก่ มดี ขวาน จอบ เสยี ม เลื่อย ลกู เสือจะต้องร้จู กั ใช้ วธิ ีการพกพาไป และวธิ ีเกบ็ รกั ษาดงั ต่อไปน้ี 1. มีด แบ่งออกเป็น 2 ประเภท 1. มดี เลก็ ได้แก่ มีดพกประจาตวั และมีดทีใ่ ชใ้ นการทาครวั 2. มดี ใหญ่ ไดแ้ ก่ มดี โต้ มีดดายหญ้า มดี พรา้ ถาง ใชต้ ัดก่งิ ไม้ใหญ่ ผา่ ฟนื ดายหญ้า งานเนตรนารี โรงเรยี นสตรนี นทบรุ ี หลกั สตู รลูกเสือโลก มัธยมศกึ ษาปีท่ี 1 ภาคเรยี นท่ี 1/ 2558
หนา้ 43 2. ขวาน แบง่ ออกเปน็ 2 ชนดิ คือ ขวานไทยและขวานฝร่ัง มีทงั้ ขวานใหญ่และขวานเล็ก 1. ขวานใหญ่ ใช้สาหรับโค่นตน้ ไม้ ตัดก่งิ ขนาดใหญ่ ผา่ ฟืน 2. ขวานเล็ก ใชส้ าหรบั ตดั ทอ่ นก่งิ ไมข้ นาดเล็ก ผ่าฟนื หรือใช้แทนคอ้ นตอกตะปูหรือ สมอบก 3. จอบ ใชใ้ นการปรับพน้ื ที่ ขุดตอ่ ไม้ ขดุ รางระบายนา้ รอบเตน็ ท์ ขดุ หลุมเปยี ก หลมุ แห้ง ขดุ หลุม ส้วม สรา้ งเตา ฯลฯ การใชต้ อ้ งระวงั ก้อนหิน 4. เสยี ม ใชข้ ดุ ใชป้ รับพ้นื ท่ี ขดุ หลุมเปยี กหลุมแหง้ ฯลฯ 5. เลื่อย ไดแ้ ก่ เลอื่ ยลนั ดา เล่อื ยคนั ธนู การรกั ษา 1. หลงั ใช้ ปดั แปรงเช็ดสงิ่ สกปรกออก ชโลมนา้ มันใหท้ ั่ว 2. ต้องแขวน ไม่วางหรอื พงิ 3. หาปลอกหมุ้ ป้องกนั ฟันเล่ือยบนิ่ 4. กอ่ นจะเลือ่ ยไมต้ ้องไม่มเี หล็กหรอื ตะปฝู งั อยู่ หากไมเ้ ป้ือนดนิ ทราย โคลน ต้องทาให้สะอาดก่อนเล่อื ย 5. การส่งเลื่อยข้ึนทส่ี ูงให้ผกู ด้านสาวขน้ึ ไป ถ้ายืนสง่ ไม่ถึง 6. ใชล้ บั ดว้ ยตะใบสามเหลี่ยม วธิ ีใชแ้ ละการรักษามดี ขวาน 1. ไม่วางมดี หรือขวานให้ทางคมหงายข้ึน 2. ไมใ่ ช้หัน่ ถาก ฟัน วตั ถทุ ่ีแข็งเกินไปจนคมทื่อ บน่ิ 3. ไม่ใช้กรดี ทาลายทรัพยส์ ินให้เสยี หาย 4. ไม่นาไปลนไฟ หรือวางใกล้ไฟเกนิ ควร 5. การสง่ มีด ใหจ้ บั สนั มดี หนั คมออกส่งทางด้านคมออกนอกตัว 6. การแบกหรือถือมีด ขวานขนาดใหญ่ให้หันด้านคมออกนอกตวั 7. การส่งขวานใหญ่ จบั ปลายดา้ นขวานให้ตัวขวานหอ้ ยลง คมขวานหันออกขา้ งๆ 8. สง่ ขวานขนาดเลก็ ใหจ้ บั ที่ขวาน หันคมไปด้านหลังปล่อยด้ามขวานชลี้ ง การเกบ็ รักษา 1. ดา้ มขวานหลวมเอาลิ่มขนาดต้องการ ตอกสลกั เข้าไปทาใหแ้ น่น 2. ลบั มดี ขวานให้คม 3. มดี ใชแ้ ล้วเช็ดให้แหง้ หยอดน้ามันเกบ็ เขา้ ท่ี 4. ขวานใช้แล้วเช็ดให้แห้ง ทาน้ามนั กันสนมิ ขวานใหญ่ควรสบั เก็บไว้กบั ขอนไม้ กฎแห่งความปลอดภัยของการใช้ขวาน 1.ขณะฟันระวงั อยา่ ให้พลาดลงไปในดิน 2. วางขนานตามยาวและซ่อนคมไว้ 3. ไม่โยนขวานจะทาให้เสียคมและอาจเกิดอนั ตรายได้ 4. เกบ็ ขวานให้พ้นดิน จะไม่เปน็ สนมิ และกร่อน 5. ใชแ้ ลว้ ทาให้แห้ง แลว้ เชด็ ด้วยน้ามนั เกบ็ เข้าปลอกหรือสับไวก้ ับขอนไม้ 6. ตรวจดูสลักหวั ขวาน หากหลวมใชล้ ่ิมตอกให้แนน่ งานเนตรนารี โรงเรยี นสตรีนนทบรุ ี หลกั สูตรลกู เสือโลก มธั ยมศึกษาปที ี่ 1 ภาคเรียนท่ี 1/ 2558
หนา้ 44 เครือ่ งหมายวิชาพิเศษลกู เสือสามัญรนุ่ ใหญ่ ม.1 การผจญภัย การผจญภัยเปน็ กจิ กรรมทใี่ หค้ วามสนกุ สนาน และรจู้ กั การตัดสนิ ใจอย่างฉับพันในปัญหาเฉพาะหน้า การ ผจญภัยการผจญภัยของลกู เสือมกี ารฝกึ การทดสอบกาลงั ใจคลา้ ยทหารแตเ่ ป็นเพียงเร่มิ ต้นเทา่ นัน้ โดยมี วัตถุประสงค์เพ่อื 1.เป็นการฝึกผนู้ าและผ้ตู ามทีด่ ี 2.รูจ้ ักการแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้าดว้ ยความเร็ว 3.กลา้ ตดั สนิ ใจและมีไหวพริบ 4.รจู้ ักนาความรู้ ความสามารถและความชานาญในวิชาลูกเสอื ใชอ้ ย่างผสมกลมกลืน เชน่ การใชแ้ ผนที่ เขม็ ทศิ การเดนิ ทางสารวจ บุกเบิก การเดินทางไกล 5.ก่อให้เกดิ ความสนุกสนานและเปน็ การออกกาลังกาย หลกั ความปลอดภัยในการผจญภัย 1.ลูกเสอื ต้องตรวจสุขภาพ ความสมบูรณ์ของร่างกาย กอ่ นปฏิบตั กิ ิจกรรมผจญภยั 2.พิจารณาและหาวิธกี ารทจ่ี ะทาใหก้ ารผจญภยั ใหป้ ลอดภัยมากท่สี ดุ 3.ตอ้ งปฏบิ ตั ิการผจญภยั ดว้ ยความระมัดระวงั ไม่ประมาท 4.ตดั สนิ ใจด้วยความมัน่ ใจไมล่ ังเล 5.อา่ นคาสั่งใหเ้ ข้าใจก่อนลงมือปฏบิ ตั แิ ละปฏบิ ัตติ ามคาส่งั โดยเครง่ ครดั 6.ใหน้ ึกวา่ เหตุการณ์ต่างๆทีผ่ กู้ ากับลูกเสอื สมมตขิ ึน้ เป็นเรอื่ งจรงิ การปฏบิ ตั ิกิจกรรมระหว่างการอย่คู ่ายพกั แรม 1. ระหว่างการเดินทางไกลเพื่อไปพักแรม 1 คืน ลกุ เสอื จะต้องปฏิบตั กิ จิ กรรมท่สี มมติเหตุการณ์ข้ึน อยา่ งน้อย 4 อยา่ ง 1.ช่วยเหลือผูป้ ระสบภัยหรือมผี ูต้ ดิ อยใู่ นทีส่ ูง 2.การใช้เข็มทิศ 3.การสะกดรอย 4.การปฏบิ ัตงิ านในเวลากลางคืน 5.การเรยี นรเู้ รือ่ งดวงดาว 6.เหตุฉุกเฉินทางนา้ ฯลฯ ลกู เสือจะต้องปฏิบัติกจิ กรรมดงั กล่าวอยา่ งน้อย 4 อย่างระหว่างทางทงั้ นผ้ี ็กากบั ลกู เสือจะเปน็ ผู้ สมมติเหตุการณ์ให้ลกู เสือปฏบิ ัติ 2. ปฏบิ ัตกิ ิจกรรม 3 อยา่ ง ดงั น้ี 1. การขว้างหรือโยนเชอื กชว่ ยชีวติ ลกู เสอื จะต้องขวา้ งหรือโยนเชือกซ่ึงยาว 18 เมตร โยนให้เชอื กตกอย่รู ะหวา่ งหลัก 2 หลกั ซ่งึ ปักอย่หู ่างกนั 1.20 เมตร โดยผขู้ ว้างหรือโยนยืนห่าง 15 เมตร โยนให้เชือกตกอยู่ระหวา่ งหลัก 2 ใน 3 ครง้ั งานเนตรนารี โรงเรียนสตรนี นทบรุ ี หลกั สตู รลกู เสอื โลก มธั ยมศกึ ษาปีที่ 1 ภาคเรยี นท่ี 1/ 2558
หน้า 45 ขอ้ เสนอแนะในการโยนน้ีคอื 1. การเก็บเชอื กมาถือเพื่อเตรยี มโยน มีวิธีดังนี้ 1. มือซา้ ยจบั เชอื ก หงายฝ่ามือ ให้ปลายเชือกหนั ปลายชี้ออกนอกลาตวั 2. มือขวาจบั เชือก หา่ งจากมอื ซ้ายประมาณ 1 วาของผจู้ ับและสมา่ เสมอทุกครั้งทจ่ี ับ 3. ก่อนทจ่ี ะนาเชอื กจากมือขวาทจี่ บั มาทม่ี ือซา้ ย ให้พยายามหมุนเกลยี วเชือกดว้ ยนว้ิ หัวแมม่ อื กับ น้วิ ชี้ สว่ นน้ิวอืน่ เพียงช่วยประคองเท่านนั้ เม่ือเชือกกระชับเกลียวดีแล้ว สง่ มอื ซ้ายกาไว้ จะ พบว่าวงกลมที่เกดิ ข้นึ จะไมบ่ ิดงอและสะดวกในการโยน 4. มอื ซ้ายทีก่ าเชือกนน้ั พยายามกาเชือกไวใ้ หแ้ น่นทั้งหมดท่ีมือขวาสง่ มา 5. เปลี่ยนมือขวามาจบั เชือกทั้งหมดส่วนมือซ้ายเพียงจับแตป่ ลายเชือกขา้ งหน่ึงไว้เท่าน้นั 2. การวางเท้าและการโยน 1. ผ้ทู ถ่ี นัดมือขวาให้ก้าวเทา้ ซา้ ยไปข้างหนา้ 2. เทา้ ซา้ ยจะเป็นหลกั ในการโยน เมื่อมีการโยน ให้ยกเทา้ ขวาเคลื่อนเขา้ มาใกล้เทา้ ซ้ายเพื่อเปน็ แรง สง่ 3. ผูโ้ ยนโนน้ ตัวไปข้างหนา้ เพ่ือเตรยี มโยนเล็กนอ้ ย 4. มือขวาทจ่ี บั เชอื กเหยยี ดไปข้างหลงั เตรียมโยน 5. เมอ่ื พร้อมแลว้ โยนเชอื กผา่ นสะโพกไป ปลอ่ ยมือขวาที่จับเชอื กระหวา่ งกลมุ่ เชือกถึงหน้าอก ( ใช้ คาดคะเน ) เชือกจะลอยสงู จากพืน้ ทามุม 45 องศา 6. ปลายเชอื กจะลอยไปตกยังจุดหมายพอดี 2. การไตเ่ ชอื ก ลกู เสอื จะต้องใชม้ ือทัง้ สองจับเชือกให้แน่น เกร็งข้อมือและแขนเพอื่ ดึงตัวขน้ึ โดยใชเ้ ท้าท้งั สองชว่ ยในการ ยึดเชอื กและใช้มือทง้ั สองสาวเชอื กสลับกนั ไป เพื่อไต่ให้สงู ข้ึนจนถึงความสูงท่ีตอ้ งการความสงู ที่กาหนดไวอ้ าจทา เป็นปมก็ไดเ้ พ่ือใช้เป็นที่พกั ชวั่ คราว (ความสงู ไม่นอ้ ยกว่า 4.50 เมตร 3. การโรยตัว การโรยตวั จากทส่ี งู อาจทาได้ 2 วธิ ีคือ การโรยตวั จากท่ีสูงในลักษณะแนวดงิ่ และลกั ษณะจากทเ่ี อียง หรอื ชนั การปฏิบัตมิ อื ท้ังสองจบั เชอื กให้แน่น ห้อยตวั ลงให้เชอื กอย่รู ะหว่างเขาท้ังสองข้าง เท้าทั้งสองยืนยนั กับ ผนงั อาจเปน็ กาแพงหรือหน้าผา คอ่ ยๆ สลบั มือปลอ่ ยใหต้ ัวเคล่ือนลงขา้ งล่าง เทา้ ท้ังสองตอ้ งพยุงลาตวั ขน้ึ ถึงพ้ืน ถ้าเปน็ การโรยตวั ในแนวด่ิงเทาทัง้ สองจะต้องหนบี เชอื กหรือเหยยี บปมเชอื กเปน็ ระยะ รูดมอื ทงั้ สองตามลงไป ตลอดจนถงึ พนื้ (ระยะความสูง 6.00 เมตร) การสมมตเิ หตุการณ์เปน็ การจัดเพือ่ การประเมนิ ผล สังเกตการณท์ างานในระบบหมู่ การตดั สินใจ การคิด แกป้ ัญหา สงิ่ ท่ีสาคัญจะไดพ้ ิจารณาวา่ ลูกเสอื มีขดี ความสามารถเป็นนกั ผจญภัยในภมู ปิ ระเทศท่ไี ม่คุน้ เคย ตวั อยา่ งรายช่ือฐาน 1. สะพานเชือกเส้นเดียว 17. ลอดลวดหนาม 2. สะพานเชอื กสองเส้นขนานบนล่าง 18. ขา้ มเหวดว้ ยกระเชา้ สวรรค์ 3. สะพานเชอื กสองเส้นขนานในแนวนอน 19. ขา้ มสะพานเชอื ก 4. โหนเชอื กข้ามลาธาร 20. เดินก้นขวด 5. ต้มน้าบนต้นไม้ 21. ปนี กาแพง งานเนตรนารี โรงเรียนสตรนี นทบรุ ี หลกั สตู รลกู เสอื โลก มธั ยมศึกษาปที ี่ 1 ภาคเรียนที่ 1/ 2558
หนา้ 46 6. ตามเสยี ง 22. ขา้ มสะพานไม้เดยี่ ว 7. สะพานแกว่ง 23. เข้าถ้า 8. ปดิ ตากางเต็นท์ 24. ลอดห่วงยาง 9. เผาขา่ ว 25. โหนเชอื กขา้ มลาธารโดยเงื่อน 10. ลาเลยี งน้า 11. หนีไฟ บกุ เบกิ 12. เดนิ ไมส้ ูง 26. เรอื บก 13. ลาเลียงคนดว้ ยเปล 27. เดนิ ทางไกลยามคา่ คืน 14. แหกคา่ ยลงปล่อง 28. แนวสัญญาณไฟ 15. ชว่ ยคนลงจากทีส่ งู 29. ไต่หนา้ ผา 16. หาที่หมายดว้ ยเขม็ ทิศ 30. เหตุฉุกเฉนิ ทางอากาศ 31. การสง่ สญั ญาณ 1. กจิ กรรมเกย่ี วกับเชอื ก ตัวอยา่ งคาสั่งสมมตใิ นการทดสอบสมมติฐาน ฐานตามเสียง คาส่ัง ลูกเสือเดนิ ทางไกลไปพักแรมในป่า เผอญิ หลงทางไม่สามารถจะหาทางออกได้ ขณะน้ันได้ยนิ เสียง เคาะสญั ญาณจากหมบู่ ้าน ซึ่งมผี ู้คนอาศัยอยหู่ ลายครัวเรอื น เสียงเคาะสญั ญาณดงั กลา่ วดังเปน็ จงั หวะๆ ให้ พยายามเดนิ ตามเสียงนน้ั ไป เป็นทางเดยี วทจ่ี ะรอดตายได้(เงียบและเรว็ ท่สี ดุ ภายในเวลา 10 นาท)ี สะพานแกวง่ คาสงั่ หมขู่ องทา่ นกาลังจะเดินทางไปรบั งานดว่ นจากหน่วยเหนือ แตม่ ีหน้าผาระหวา่ งช่วงเขาเผอิญมี ลกู เสือรนุ่ ก่อนๆ ได้ทาสะพานแกว่งไวน้ านแลว้ ขอใหท้ า่ นนาหมูข่ องทา่ นพยายามข้ามสะพานไปทลี ะคน ดว้ ย ความระมัดระวัง (เงียบทสี่ ุดและเร็วทีส่ ดุ ) ฐานปนี กาแพง คาสัง่ สมมติว่าทา่ นและหม่ขู องทา่ นได้รับคาส่ังไปจารกรรมยงั ฐานทัพแหง่ หนึ่งซง่ึ มีทางลัดทจี่ ะไปได้ทาง เดียว คอื ปีนข้ามกาแพงนี้ไปเท่านนั้ จงนาหมูข่ องทา่ นขา้ มไปให้เร็วที่สุดเพราะยามรักษาการณ์ ฐานแนวสัญญาณไฟ คาสั่ง แบง่ ลูกเสอื เป็นคู่ๆ แตล่ ะคู่มแี ผนท่ีตาบลใหล้ ูกเสือวาดแผนการส่งสัญญาณไฟอยา่ งงา่ ย (จุดมองเห็น ได้ 3 ก.ม.) จากจุดท่ีกาหนดให้ไปยงั อกี แห่งหนง่ึ ซง่ึ ห่างออกไป 24 ก.ม. พร้อมด้วยจดุ สัญญาณแตล่ ะแห่ง ต้องให้มีแผนทใี่ ช้เปน็ คู่มอื อา้ งอิง ทาแผนการสง่ สญั ญาณไฟ ของแตล่ ะคนมา วิจารณ์เปรียบเทียบ แลว้ จึงนามา ปฏบิ ัติภายหลัง งานเนตรนารี โรงเรียนสตรีนนทบรุ ี หลักสูตรลกู เสอื โลก มธั ยมศกึ ษาปที ่ี 1 ภาคเรยี นท่ี 1/ 2558
หนา้ 47 ฐานขา้ มลาธารโดยใชเ้ ง่ือนบุกเบิก คาส่งั ทา่ นนาลกู หม่ขู องทา่ นมาถงึ ลาธารที่ตน้ ไม้ใหญ่แผ่กิ่งกา้ นอยหู่ ลายต้นริมลาธารน้นั ให้พาหมขู่ ้ามลา ธารแห่งน้ี โชคดที มี่ ผี ูท้ งิ้ เชอื กเสน้ ใหญไ่ ว้เสน้ หนึ่ง ใหท้ ่านผูกเงอื่ นบุกเบกิ กบั ก่ิงไม้ แลว้ นาลกู หมโู่ หนโยนตวั ข้ามไปทลี ะคนแลว้ ใหน้ าเชือกติดไปกบั หมู่ของท่านด้วย ใชเ้ วลา 10 นาที ฐานหนีไฟ คาส่งั หมู่ลกู เสอื ของท่านตดิ อย่บู นอาคารสูง ไฟกาลงั ไหมล้ กุ ลามมา ไม่มที างที่จะช่วยตน เองได้ นอกจากจะลงดา้ นหลังของอาคารทางเดียวเท่านน้ั ซ่ึงมฉี ุกเฉนิ อยู่โดยใช้ทางรถยนต์ จึงขอใหพ้ าหมขู่ องทา่ นลง ทางฉกุ เฉนิ โดยเรว็ ท่ีสุด(ใหเ้ สร็จภายใน 10 นาท)ี ฐานลอดห่วงยาง คาสัง่ หม่ลู กู เสอื ของท่านเดนิ ทางมาถึงสถานทๆ่ี มลี วดหนามอย่างหนาแนน่ เปน็ สงิ่ กีดขวางไม่สามารถจะ ผา่ นได้ มที างเดียวทีจ่ ะเดนิ ทางผา่ นไปไดค้ ือ ลอดหว่ งยางซ่งึ แขวนไว้ ใหห้ มลู่ ูกเสือของท่านลอดห่วงยางไปทลี ะ คนดว้ ยความรวดเร็ว ใช้เวลา 10 นาที ฐานปิดตากางเตน็ ท์ คาส่งั ขณะท่ี ทา่ นและหมขู่ องท่านกาลังเดินทางมาถึงทแี ห่งหน่งึ เกิดอาการแปรปรวน มดื ฟา้ มัวดิน ไม่ สามารถเดนิ ทางต่อไปได้ ทา่ นต้องกางเตน็ ท์พักท่ีน่ี ใหช้ ว่ ยกนั กางเต็นท์หลังละ 2 คนให้เสร็จภายในเวลา 10 นาที (ใหท้ ุกคนใชผ้ ้าผกู ตาและช่วยกนั กางเต็นท์) ฐานสะพานเชอื ก คาสง่ั สมมตวิ ่าทา่ นและหมูข่ องท่านเดนิ ทางสารวจเพือ่ หาขา่ วให้ทางราชการ ซง่ึ มฝี า่ ยตรงข้ามติดตาม มา แตห่ มู่ของท่านจาเปน็ จะต้องเดนิ ทางต่อไปตามเส้นทางนี้ ซง่ึ มเี หวข้างหน้า แตโ่ ชคยังเข้าขา้ งทา่ นท่ีได้มนี ัก บกุ เบกิ รุ่นก่อนๆไดท้ าสะพานเชือกไว้ ใหท้ ่านนาหมูข่ องท่านเดนิ ข้ามไปทลี ะคน ใหเ้ สรจ็ ภายในเวลา 10 นาที โดยเงียบท่สี ดุ พิธขี องการเข้าฐาน ในการปฏบิ ตั กิ ิจกรรมการผจญภัยตามฐานตา่ งๆ วิชาลูกเสือได้กาหนดข้นั ตอนในการปฏบิ ัติ เปน็ แบบแผนในการเรียนการฝึกอบรมเมื่อพบผูป้ ระจาฐานไวด้ ังนี้ 1. การแสดงความเคารพ บางครงั้ ลกู เสือมีอาวธุ ท้งั หมดทกุ คน บางครั้งมีเฉพาะนายหมบู่ าครั้งอยู่ใน ลักษณะบคุ คลท่ามือเปลา่ จงึ ขอแยกกล่าวดังน้ี 1.1 การแสดงความเคารพ เม่อื มีอาวุธทั้งหมู่ ใชค้ าบอกส่ัง และปฏิบัตดิ ังนี้ นายหม่บู อกทาความเคารพ หมู่...ตรง วันทยา – วธุ ให้ทุกคนแสดงความเคารพด้วยท่าวันทยาวธุ ตอ่ จากนนั้ ให้นายหมู่เอามอื ลงใน ทา่ ตรง ก้าวไปขา้ งหน้า 1 กา้ ว พรอ้ มแสดงการเคารพในท่าวนั ทยาวธุ แลว้ กล่าวรายงาน หมู่...พร้อมท่จี ะ รบั ฟงั การทดสอบแลว้ ครับ จากนัน้ ใหเ้ อามือลงอยใู่ นท่าตรง ถอยหลงั กลับเข้าทีแ่ ละให้แสดงการเคารพในท่าวนั ทยาวุธ แล้วสั่งเรียบอาวธุ และสัง่ พักเพื่อฟังคาช้แี จงของผปู้ ระจาฐานตอ่ ไป งานเนตรนารี โรงเรียนสตรีนนทบรุ ี หลักสูตรลูกเสือโลก มัธยมศึกษาปที ่ี 1 ภาคเรยี นท่ี 1/ 2558
หนา้ 48 1.2 การแสดงความเคารพ เมื่อมีอาวุธเฉพาะนายหมู่ให้ปฏิบตั ิดังน้ี นายหมู่บอกทาความเคารพ หมู่...ตรง เฉพาะนายหมู่แสดงการเคารพในทา่ วันทยาวธุ ส่วนคนอ่ืนๆใหแ้ สดงการเคารพดว้ ยทา่ ตรง เสรจ็ แล้วรายงาน โดยยดึ แนวปฏิบัติตามทีก่ ลา่ วข้างตน้ 1.3 การแสดงการเคารพเม่ืออยใู่ นทา่ บคุ คลทา่ มือเปล่าใหป้ ฏบิ ตั ิดังนี้ นายหมูบ่ อกทาความเคารพ หมู่...ตรง ทุกคนอยใู่ นท่ายนื ตรงก่อนทีจ่ ะรายงานใหน้ ายหมู ทาวนั ทยหัตถ์ แล้วเอามือลงก้าวไปข้างหน้า 1 ก้าว ทา วนั ทยหตั ถ์ อกี คร้ังหน่งึ และรายงาน (คารายงานใช้คารายงานทก่ี ลา่ วแล้ว) เสร็จแล้วเอามอื ลงอยูใ่ นทา่ ตนรง ถอยหลงั กลบั ทีเ่ ดมิ ทาวันทยหตั ถอ์ ีกครัง้ หน่ึงเอามือลงแลว้ สัง่ พัก การเปลีย่ นฐาน สญั ญาณจะใชใ้ นกรณีท่เี ร่มิ การฝกึ กิจกรรมและส้ินสดุ เวลาการปฏิบตั ิงานในฐาน โดยทัว่ ไปก่อนออกจากฐานจะใช้สญั ญาณเตอื น 1 ครงั้ ในระหว่างนี้ นายหมเู่ ตรยี มตัวเปลีย่ นฐานมแี บบแผน ใหป้ ฏิบัติดังน้ี นายหมบู่ อกตรง แลว้ สงั่ ทาความเคารพ (วนั ทยา – วุธ หรือตรง แล้วแตก่ รณี) เสร็จแลว้ ให้นายหมู่บอก กล่าว ขอบคณุ ครับ ตอ่ ไปสัง่ (เรยี บอาวธุ ในกรณีท่มี อี าวุธ) แล้วสง่ั ขวา - ซ้ายก้าวออกจากฐานไป งานเนตรนารี โรงเรยี นสตรนี นทบรุ ี หลกั สูตรลูกเสอื โลก มธั ยมศึกษาปที ี่ 1 ภาคเรียนท่ี 1/ 2558
หนา้ 49 นกั สะกดรอย การสะกดรอย สะกดรอย หมายถึง การค้นหาหรอื การตามรอยสง่ิ ต่างๆ เช่นรอยเทา้ คนรอยเทา้ สตั ว์ หรอื เคร่ืองหมายต่างๆ ดงั น้นั นกั สะกดรอยในทน่ี ีห้ มายถึง ลกู เสือทท่ี าหนา้ ท่คี น้ หาหรอื สะกดรอยสิ่งต่างๆ รวมถึงการสงั เกต จดจาสิง่ ทก่ี าหนดไว้ตามจดุ หมายหรือเส้นทางดว้ ยการทาเคร่อื งหมายรอยเท้าคน สัตว์ต่างๆ ทั้งทีป่ รากฏบนดนิ ทรายหรือบนพื้นทีท่ ส่ี ามารถสังเกตได้จากวสั ดธุ รรมชาติ การสังเกตรอยเท้า เปน็ สิง่ สาคญั ทลี่ กู เสือจะตอ้ งฝึกสงั เกตความแตกต่างของรอยเท้าในเรื่องของ รอยเทา้ แล้วบันทกึ ความแตกตา่ งตามที่ได้เห็นและสงั เกตประสบการณ์ของลูกเสอื จะทาใหล้ ูกเสอื สามารถ แยกแยะความแตกต่างของรอยเท้าได้อยา่ งชดั เจน การสงั เกตรอยเทา้ เปล่า ในการสงั เกตรอยเท้าขั้นแรกควรดูรอยเทา้ เปลา่ ของตนเองเสยี กอ่ น รอยเท้าของพี่ๆ นอ้ งๆ เพือ่ นๆ รอยเทา้ ของผู้ใหญร่ อยเท้าของเดก็ ผชู้ าย – ผู้หญงิ และสงั เกตวา่ ความแตกตา่ งน้นั ๆ แตกต่างกันอยา่ งไรในเร่ือง ของ รปู ร่าง หรือตาหนิอืน่ ๆอีก เมื่อพบรอยเท้าคนหลายๆรอย ควรหารอยท่ีเด่นท่ีสดุ และวัดส่วนตา่ งๆ ดว้ ยความระมัดระวังมใิ ห้ รอยเท้าน้นั มีตาหนหิ รอื ขดู ขดี หลมุ และรางเลือนไปจากสภาพเดิม กล่าวคือ ให้ลากเส้นตรงจากปลายน้ิวก้อย และสงั เกตนวิ้ ทั้งสามตรงกลางวา่ แต่ละนวิ้ น้นั อยใู่ นตาแหนางชิดหรอื หา่ งเพียงใดจากเสน้ ตรงดังกลา่ ว และเมื่อ เปรยี บเทยี บกบั รอยเท้าอีกรอยหนึ่ง ซ่งึ เกิดจากอีกบุคคลหนงึ่ แล้วจะมคี วามแตกต่างกนั อย่างไร สว่ นในการจด บันทกึ เกี่ยวกับรอยเท้านน้ั ควรจดบันทึกเฉพาะสว่ นทเ่ี ดน่ ท่ีสุด แตกตา่ งกันในลักษณะพิเศษมากทีส่ ดุ การสนั นษิ ฐานรอยเทา้ ของคน เดก็ หรือผูใ้ หญ่ สังเกตจากขนาดของเทา้ และสน้ เทา้ คนอ้วนหรอื ผอม สงั เกตจากความยาวของเท้าและขนาดความกวา้ งของรอย คนเดิน สังเกตจากรอยเท้าเต็มหา่ งกนั ประมาณ 1 หลา คนวง่ิ สังเกตจากรอยน้วิ จกิ ลงไปในดนิ หา่ งประมาณ 1 หลา คนเดินถอยหลงั สังเกตจากรอยเท้าส้นั ลงน้วิ เทา้ เข้าข้างในมากข้นึ รอยเทา้ ลึกลงย่ิงข้นึ คนเดนิ ขากระเผลก สงั เกตจากรอยเท้าทัง้ สองมักติดต่อกนั หรอื ใกล้กัน มรี ะยะไมเ่ ท่ากันรอยส้ันอาจมีรอยไม้ ถือประกอบก็ได้ คนตาบอด สงั เกตจาก รอยเทา้ ก้าวสนั้ ๆ อาจมีไม้ถือประกอบดว้ ย การสงั เกตรอยเท้าของคนและสัตวน์ ับวา่ สาคญั มาก เพราะสามารถใหเ้ ราวนิ ิจฉัยเร่ืองราวตา่ งๆได้ ถูกต้อง คนท่ีอยู่ทช่ี นบทและเคยเลี้ยงสตั ว์ป่ามาบ้างแล้วคงทราบดี ถา้ สัตว์เลีย้ งของตน เช่น ววั ควาย ม้า ฯลฯ เกดิ หายหรอื หลงเขา้ ป่า การตามหาก็ต้องอาศัยรอยเท้า ในขนั้ ตน้ เขาจะดวู า่ เป็นรอยเก่าหรือรอยใหม่ แล้วเขา จะพจิ ารณาวา่ รอยใหม่ๆ เพ่ือดูวา่ สัตว์กาลังซ่อนอยู่ทางไหน ครน้ั แลว้ ภายหลังที่พบรอยใหม่จะตามรอยพบ งานเนตรนารี โรงเรยี นสตรนี นทบรุ ี หลกั สูตรลกู เสอื โลก มธั ยมศึกษาปีท่ี 1 ภาคเรียนท่ี 1/ 2558
หนา้ 50 การสะกดรอยในเวลากลางคืน มลี ายละเอียดดงั ต่อไปน้คี ือ ลกู เสือต้องสามารถสังเกตรายละเอยี ด เลก็ นอ้ ยในเวลากลางคนื เชน่ เดยี วกบั กลางวัน และในตอนกลางคืนจะตอ้ งทาการดว้ ยการฟงั เสยี งเป็นสว่ นใหญ่ และในบางครงั้ ต้องสมั ผสั และดมกล่นิ ในยามเงยี บสงัดตอนกลางคนื เสยี งได้ยินไปไกลกว่าตอนกลางวัน ถา้ เอา หแู นบกับพ้นื ดินหรอื แนบกับไม้เทา้ หรอื โดยเฉพาะกับกลองซ่ึงสัมผสั กับพ้ืนดิน ก็จะไดย้ ินเสยี งสะท้อนของกลีบ ม้าหรอื เสยี งเท้าคนเดินตบพื้นดนิ เป็นระยะไกลออกไป นอกจากลกู เสอื ไดฝ้ ึกหดั หารอยและบนั ทึกข้อมลู เกย่ี วกบั รอยเท้าของคนแล้ว ลูกเสอื จะต้องเป็นคน สงั เกตรอยเทา้ สัตวต์ า่ งๆ เริ่มตั้งแตส่ ัตว์เล้ียงภายในบา้ น เช่น แมว สุนัข แล้วคอ่ ยๆสงั เกตหรือศึกษาไปทล่ี ะเรื่อง จะตอ้ งรู้ด้วยว่ารอยเท้าของสัตว์เก่าเพยี งใด ลูกเสอื จะตอ้ งใช้เวลาฝกึ หัดมาก ตลอดจนมปี ระสบการณม์ าก่อนท่ี จะวินิจฉัยได้อยา่ งถูกต้องจรงิ ๆ ในการสังเกตรอยเท้าคนหรือรอยเทา้ สตั วน์ น้ั ทตี่ ้องระวงั ก็คอื อย่าให้มีส่ิงของ เล็กนอ้ ยต้องผา่ นการสงั เกตไป เชน่ กระดมุ เส้ือ กระดมุ กางเกงเพยี ง 1 เม็ด ข้ีบุหร่ี ขนนก ใบไม้ ฯลฯ อาจเป็นสงิ่ สาคญั มาก ลูกเสือจะต้องไมม่ องแต่ข้างหน้า จะตอ้ งมองข้างๆ และขา้ งหลังด้วย ข้อแนะนาในการตามรอย 1. เม่ือพบรอยทต่ี ้องการ จงสังเกตใหล้ ะเอียดและจาใส่ใจไว้ (ถ้าบันทึกไว้ได้ก็เป็นการดี) 2. ถ้าเห็นรอยเท้ามาก ตามปกติจะไมต่ ิดตามรอยเท้าใกล้มากนัก เพราะสตั วท์ ี่ถูกไล่หรือถกู ตามมักจะ หันกลับมาดเู นืองๆ เพื่อรักษาตัวมันให้พ้นอนั ตราย ในกรณเี ชน่ น้ี ผู้สะกดรอยจะเดนิ เป็นวงกลมอีกวงหนง่ึ ให้ ไกลออกไป จนไม่พบรอยแล้ว จะรู้วา่ อยู่ขา้ งหนา้ สตั ว์ ตอ่ จากนัน้ จะทาวงกลมให้ใกลเ้ ข้ามาจนพบสัตว์ท่ี ต้องการ 3. ถา้ หารอยไดย้ าก เช่น บนพืน้ ดินแข็งหรอื ใบหญา้ จงสังเกตรอยสุดท้ายและใหม้ องไปข้างหนา้ 20 – 30 หลา เราอาจพบต้นหญ้าล้มหรอื ถูกเหยียบย่า ก้อนหินอาจเคล่ือนท่ีเดมิ หรือมีรอยขีดขว่ นจากต้นไม้ ซึ่ง อาจจะเปน็ รอยท่ีต้องการ 4. ถา้ รอยหายไปไมส่ ามารถจะหาได้ ใหท้ าวงกลมรอบสดุ ท้าย เช่น รศั มี 30 – 50 หลา หรือ 100 หลา ในระหวา่ งนั้นลกู เสืออาจพบรอยท่ีต้องการในการทาวงกลมล้อมรอบจงใช้สามญั สานึกพจิ ารณาว่า สตั ว์อาจ ไปทางไหน หรอื ซ่อนอยู่ไหน 5.การตามรอยสัตวป์ ่าควรอยูใ่ ตล้ ม ตัวอยา่ งการอ่านร่องรอย ซาดิก เปน็ นักสะกดรอยชัน้ เยี่ยมในเปอรเ์ ซีย วันหน่งึ มา้ ทดี่ ที สี่ ุดของพระราชาได้หนีไปและตาม หาไม่พบ เขากาลงั เดินท่องเท่ยี วอยู่ในปา่ ในเม่ือทหารมหาดเลก็ ของพระราชทานพบเขาและถามว่าไดเ้ หน็ มา้ ทีห่ นไี ปหรือไม่ เขาตอบวา่ ท่านหมายถงึ ม้าสเี ทาพนั ธดุ์ ีสงู ประมาณ 15 แฮน เหล็กปากมา้ มีลายดนุ เป็นลายทอง สว่ นเกือกม้าทาดว้ ยเงิน ขาขา้ งขวาเดนิ กระเผลกใชไ่ หม มหาดเลก็ ตอบว่า ใชม่ ้าน้ันอย่ทู ี่ ไหนเลา่ ซาดกิ วา่ ฉันไมร่ แู้ น่ไมเ่ ห็นม้านั้นเลย มหาดเลก็ จงึ จบั เขาไว้โดยคิดว่าเขาเปน็ คนขโมยม้าของพระราชา แตต่ อ่ มาไม่ชา้ ก็มีคนตามม้าน้ันจนพบ แล้วเอาตัวกลบั มา พวกมหาดเล็กจึงถามพวกซาดิกต่อไปอกี และ เขาก็ได้อธบิ ายดังนี้ ฉันไดเ้ ห็นรอยเท้ามนั บนทางในป่าซ่ึงแสดงวา่ มันกาลังวง่ิ เรยี บในขณะทผี่ า่ นไปทางน้ัน แตเ่ ท้าหนา้ ข้างขวาก้าวส้ันกว่าเท้าหนา้ ขา้ งซ้าย ดังนัน้ ข้างทางทผี่ ่านมา แต่ฝนุ่ น้ีได้ถูกหางม้าปัดเปน็ แห่งๆ ในเม่ือหางม้าน้ันไดส้ ะบัดไปมาทางกวา้ ง 5 ฟตุ ดงั นน้ั หางมา้ จึงยาวประมาณ 5 ฟุต ณ ท่แี ห่งหนง่ึ งานเนตรนารี โรงเรียนสตรีนนทบรุ ี หลกั สตู รลกู เสือโลก มธั ยมศกึ ษาปีท่ี 1 ภาคเรียนที่ 1/ 2558
Search