Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore การพัฒนาบทเรียนออนไลน์ รายวิชา วิทยาการคำนวณ สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 โรงเรียนบ้านสวนอุดมวิทยา

การพัฒนาบทเรียนออนไลน์ รายวิชา วิทยาการคำนวณ สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 โรงเรียนบ้านสวนอุดมวิทยา

Published by BisMark, 2022-06-19 15:56:55

Description: สารนิพันธ์_61040179

Search

Read the Text Version

การพฒั นาบทเรียนออนไลน์ รายวชิ า วทิ ยาการคานวณ สาหรบั นกั เรียนช้นั มธั ยมศกึ ษาปี ที่ 1 โรงเรียนบา้ นสวนอดุ มวทิ ยา กิตตศิ กั ด์ิ บุญมี สารนิพนธ์น้ีเป็นส่วนหน่ึงของการศกึ ษาตามหลกั สูตรการศกึ ษาบณั ฑิต สาขาวชิ าเทคโนโลยีการศกึ ษา ภาควิชานวตั กรรมและเทคโนโลยกี ารศกึ ษา คณะศกึ ษาศาสตร์ มหาวทิ ยาลยั บูรพา มีนาคม 2565

อาจารยน์ ิเทศก์และที่ปรึกษาสารนิพนธ์ไดพ้ จิ ารณาสารนิพนธ์ของ กิตตศิ กั ด์ิ บุญมี ฉบบั น้ีแลว้ เห็นสมควรรับเป็นส่วนหน่ึงของการศึกษาตามหลกั สูตรการศึกษาบณั ฑติ สาขาวชิ า เทคโนโลยกี ารศึกษา ของคณะศึกษาศาสตร์ มหาวทิ ยาลยั บรู พาได้ อาจารยน์ ิเทศและที่ปรึกษาสารนิพนธ์ อาจารยน์ ิเทศและทีป่ รึกษา (ผชู้ ่วยศาสตราจารย์ ดร.ธนะวฒั น์ วรรณประภา) ภาควชิ านวตั กรรมและเทคโนโลยีการศึกษาอนุมตั ใิ ห้รบั สารนิพนธฉ์ บบั น้ีเป็นส่วนหน่ึง ของการศกึ ษาตามหลกั สูตรการศกึ ษาบณั ฑิต สาขาวิชาเทคโนโลยีการศึกษาของมหาวิทยาลยั บูรพา (ผชู้ ่วยศาสตราจารย์ ดร.นคร ละลอกน้า) หัวหนา้ ภาควิชานวตั กรรมและเทคโนโลยกี ารศึกษา วนั ท่ี เดือน พ.ศ. 2565

ประกาศคณุ ูปการ สารนิพนธ์ฉบบั น้ีสาเร็จลงไดด้ ว้ ยความกรุณาจาก ผชู้ ่วยศาสตราจารย์ ดร.ธนะวฒั น์ วรรณประภา อาจารยน์ ิเทศก์และท่ีปรึกษาสารนิพนธ์ ทกี่ รุณาให้คาปรึกษาแนะนาแนวทางทถี่ กู ตอ้ ง ตลอดจนแกไ้ ขขอ้ บกพร่องตา่ ง ๆ ดว้ ยความละเอยี ดถถี่ ว้ นและเอาใจใส่ดว้ ยดีเสมอมา ผเู้ รียบเรียง สารนิพนธร์ ู้สึกซาบซ้ึงเป็นอยา่ งยิ่ง จึงขอกราบขอบพระคุณเป็นอยา่ งสูงไว้ ณ โอกาสน้ี ขอขอบพระคณุ อาจารยพ์ ีเ่ ล้ียง นายกรินทร์ วงั ทะพนั ธ์ โรงเรียนบา้ นสวนอุดมวทิ ยา ท่กี รุณาใหค้ วามรู้ ใหค้ าปรึกษา ตรวจแกไ้ ขและวจิ ารณผ์ ลงาน ทาให้สารนิพนธม์ ีความสมบูรณ์ย่ิงข้ึน นอกจากน้ียงั ไดร้ ับความ อนุเคราะห์จากเพ่ือนนิสิตสาขาเทคโนโลยกี ารศกึ ษา ภาคปกติ รุ่นปี การศกึ ษา 2564 ทใ่ี ห้ความร่วมมือ เป็นอยา่ งดี ทาใหส้ ารนิพนธ์ฉบบั น้ีสาเร็จไดด้ ว้ ยดี ขอกราบขอบพระคณุ คณุ พ่อ คณุ แม่ และพ่ี ๆ ทกุ คนทใ่ี ห้กาลงั ใจและสนบั สนุนผวู้ ิจยั เสมอมา คุณคา่ และประโยชนข์ องสารนิพนธ์ฉบบั น้ี ผวู้ จิ ยั ขอมอบเป็นกตญั ญูกตเวทิตาแด่บพุ การี บรู พาจารย์ และผูม้ ีพระคุณทุกทา่ นท้งั ในอดีตและปัจจบุ นั ทที่ าใหข้ า้ พเจา้ เป็นผูม้ ีการศกึ ษาและประสบ ความสาเร็จมาจนตราบเท่าทกุ วนั น้ี กิตตศิ กั ด์ิ บุญมี

ก 61040179: สาขาวชิ า: เทคโนโลยกี ารศกึ ษา; กศ.บ. (เทคโนโลยกี ารศึกษา) คาสาคญั : การพฒั นา/บทเรียนออนไลน์/วทิ ยาการคานวณ กิตติศกั ด์ิ บุญมี: การพฒั นาบทเรียนออนไลน์ รายวิชา วทิ ยาการคานวณ สาหรับนกั เรียน ช้นั มธั ยมศกึ ษาปี ที่ 1 โรงเรียนบา้ นสวนอุดมวิทยา อาจารยน์ ิเทศก์และทีป่ รึกษา: ผชู้ ่วยศาสตราจารย์ ดร.ธนะวฒั น์ วรรณประภา, 71 หนา้ . ปี พ.ศ. 2565. การศึกษาคน้ ควา้ คร้ังน้ีมีวตั ถปุ ระสงคเ์ พือ่ 1. เพอ่ื พฒั นาบทเรียนออนไลน์ รายวชิ า วิทยาการ คานวณ สาหรับนกั เรียนช้นั มธั ยมศกึ ษาปี ท่ี 1 โรงเรียนบา้ นสวนอุดมวทิ ยา ใหม้ ปี ระสิทธิภาพตามเกณฑ์ E1/E2 เท่ากบั 80/80 2. เพ่ือศึกษาดชั นีประสิทธิผลจากการเรียนดว้ ยบทเรียนออนไลน์ รายวิชา วิทยาการคานวณ สาหรับนกั เรียนช้นั มธั ยมศึกษาปี ที่ 1 โรงเรียนบา้ นสวนอุดมวทิ ยา ผลการศกึ ษาคน้ ควา้ สรุปวา่ 1) บทเรียนออนไลน์ รายวิชา วิทยาการคานวณ สาหรบั นกั เรียน ช้นั มธั ยมศกึ ษาปี ที่ 1 โรงเรียนบา้ นสวนอดุ มวทิ ยา มีผลการทดสอบประสิทธิภาพตามเกณฑ์ E1/ E2 เท่ากบั 94.19/96.10 ซ่ึงเป็นไปตามเกณฑท์ ี่กาหนดไวค้ อื E1/ E2 เทา่ กบั 80/80 2) ผลวิเคราะหด์ ชั นี ประสิทธิผลของบทเรียนออนไลน์ รายวชิ า วิทยาการคานวณ สาหรบั นกั เรียนช้นั มธั ยมศึกษาปี ท่ี 1 โรงเรียนบา้ นสวนอดุ มวทิ ยา มีค่าดชั นีประสิทธิผล เทา่ กบั 0.95 แสดงว่านกั เรียนมีความรู้เพ่ิมข้นึ 0.95 หรือคิดเป็นร้อยละ 95

ข สารบญั หนา้ บทคดั ยอ่ ภาษาไทย ................................................................................................................................. ก สารบญั ......................................................................................................................................................ข สารบญั ตาราง ............................................................................................................................................จ สารบญั ภาพ .............................................................................................................................................. ฉ บทที่ 1 บทนา.............................................................................................................................................1 ความเป็นมาและความสาคญั ของการศกึ ษาคน้ ควา้ ...............................................................................1 วตั ถปุ ระสงคข์ องการศึกษาคน้ ควา้ .......................................................................................................2 ขอบเขตของการศกึ ษาคน้ ควา้ ...............................................................................................................3 นิยามศพั ทเ์ ฉพาะ...................................................................................................................................6 บทที่ 2 เอกสารและงานวจิ ยั ที่เก่ียวขอ้ ง.....................................................................................................7 บทเรี ยนออนไลน์ .................................................................................................................................. 7 หลกั การออกแบบบทเรียนของเอ็ดดีโมเดล (ADDIE Model) ..............................................................8 Google Site .........................................................................................................................................14 การหาประสิทธิภาพและดชั นีประสิทธิผล .........................................................................................14 วิธีการประเมนิ ผลสื่อการเรียนการสอน..............................................................................................22 งานวิจยั ท่ีเก่ียวขอ้ ง ..............................................................................................................................26 บทท่ี 3 วิธีดาเนินการศึกษาคน้ ควา้ ..........................................................................................................32 ข้นั ตอนการวิเคราะห์ (Analysis).........................................................................................................32

ค สารบัญ (ต่อ) หนา้ ข้นั ตอนการออกแบบ (Design)...........................................................................................................34 ข้นั ตอนการพฒั นา (Development) .....................................................................................................35 ข้นั ตอนการนาไปใช้ (Implementation) ..............................................................................................39 ข้นั ตอนการประเมินผล (Evaluation)..................................................................................................39 บทที่ 4 ผลการศกึ ษาคน้ ควา้ .....................................................................................................................41 ตอนที่ 1 องคป์ ระกอบ และลกั ษณะของบทเรียนออนไลน์ รายวชิ า วทิ ยาการคานวณ สาหรับนกั เรียน ช้นั มธั ยมศึกษาปี ท่ี 1 โรงเรียนบา้ นสวนอุดมวิทยา .............................................................................41 ตอนท่ี 2 ผลการทดสอบประสิทธิภาพของบทเรียนออนไลน์ รายวิชา วิทยาการคานวณ สาหรับ นกั เรียนช้นั มธั ยมศึกษาปี ท่ี 1 โรงเรียนบา้ นสวนอุดมวิทยา ให้มีประสิทธิภาพตามเกณฑ์ E1/E2 เท่ากบั 80/80........................................................................................................................................45 ตอนท่ี 3 ผลดชั นีประสิทธิผลจากการเรียนดว้ ยบทเรียนออนไลน์ รายวิชา วทิ ยาการคานวณ สาหรับ นกั เรียนช้นั มธั ยมศึกษาปี ท่ี 1 โรงเรียนบา้ นสวนอดุ มวิทยา................................................................46 บทท่ี 5 อภปิ รายและสรุปผล...................................................................................................................47 วตั ถุประสงค.์ .......................................................................................................................................47 วธิ ีดาเนินการศึกษาคน้ ควา้ ..................................................................................................................47 เครื่องมอื ทีใ่ ชใ้ นการทาโครงงาน........................................................................................................48 การวเิ คราะห์ขอ้ มลู ..............................................................................................................................48 สรุปผลการศกึ ษาคน้ ควา้ .....................................................................................................................49

ง สารบญั (ต่อ) หนา้ อภปิ รายผลการศึกษาคน้ ควา้ ...............................................................................................................49 ขอ้ เสนอแนะ........................................................................................................................................52 บรรณานุกรม ........................................................................................................................................... 53 ภาคผนวก ................................................................................................................................................56 ภาคผนวก ก.........................................................................................................................................57 ภาคผนวก ข.........................................................................................................................................68 ประวตั ยิ อ่ ของผศู้ ึกษาคน้ ควา้ ...................................................................................................................71

จ สารบญั ตาราง หนา้ ตารางท่ี 1 คา่ ประสิทธิภาพของบทเรียนออนไลน์ รายวิชา วิทยาการคานวณ สาหรับนกั เรียน ช้นั มธั ยมศึกษาปี ที่ 1 โรงเรียนบา้ นสวนอุดมวทิ ยา.........................................................................45 ตารางท่ี 2 แสดงผลการวิเคราะหค์ ่าดชั นีประสิทธิผลของบทเรียนออนไลน์ รายวิชา วทิ ยาการคานวณ สาหรบั นกั เรียนช้นั มธั ยมศึกษาปี ท่ี 1 โรงเรียนบา้ นสวนอุดมวิทยา................................................46 ตารางท่ี 3 คะแนนทดสอบก่อนเรียน-หลงั เรียน และคะแนนแบบฝึกหดั ทา้ ยบทของบทเรียนออนไลน์ รายวชิ า วิทยาการคานวณ สาหรบั นกั เรียนช้นั มธั ยมศกึ ษาปี ที่ 1 โรงเรียนบา้ นสวนอุดมวิทยา......58 ตารางท่ี 4 คะแนนทดสอบประสิทธิภาพบทของบทเรียนออนไลน์ รายวิชา วิทยาการคานวณ สาหรับ นกั เรียนช้นั มธั ยมศกึ ษาปี ที่ 1 โรงเรียนบา้ นสวนอุดมวทิ ยา............................................................61 ตารางที่ 5 ผลการประเมนิ ความเหมาะสมบทเรียนออนไลน์ รายวชิ า วิทยาการคานวณ สาหรับนกั เรียน ช้นั มธั ยมศกึ ษาปี ที่ 1 โรงเรียนบา้ นสวนอุดมวทิ ยา โดยผูเ้ ช่ียวชาญ………..……………………..64 ตารางท่ี 6 ผลการประเมินตรวจสอบคุณภาพของเครื่องมือแบบทดสอบ ของบทเรียนออนไลน์ รายวิชา วิทยาการคานวณ สาหรับนกั เรียนช้นั มธั ยมศึกษาปี ท่ี 1 โรงเรียน บา้ นสวนอดุ มวิทยา โดยผูเ้ ช่ียวชาญ ................................................................................................................................65 ตารางท่ี 7 QR CODE แบบทดสอบกอ่ นเรียน-หลงั เรียน และแบบฝึกหดั ทา้ ยบท ของบทเรียนออนไลน์ รายวิชา วิทยาการคานวณ สาหรบั นกั เรียนช้นั มธั ยมศึกษาปี ท่ี 1 โรงเรียนบา้ นสวนอุดมวทิ ยา…..70

ฉ สารบญั ภาพ หนา้ ภาพท่ี 1 หลกั การออกแบบบทเรียนของเอ็ดดี โมเดล ...............................................................................9 ภาพที่ 2 ตวั อยา่ งแบบทดสอบกอ่ นเรียน .................................................................................................42 ภาพท่ี 3 ตวั อยา่ งเวบ็ ไซต์.........................................................................................................................44 ภาพท่ี 4 ตวั อยา่ งแบบฝึกหดั ทา้ ยบท........................................................................................................44 ภาพที่ 5 QR CODE บทเรียนออนไลน์ รายวชิ า วิทยาการคานวณ สาหรับนกั เรียนช้นั มธั ยมศกึ ษาปี ที่ 1 โรงเรียนบา้ นสวนอดุ มวิทยา...........................................................................................................69 ภาพที่ 6 QR CODE แบบประเมนิ ความเหมาะสมบทเรียนออนไลน์ รายวิชา วิทยาการคานวณ สาหรบั นกั เรียนช้นั มธั ยมศึกษาปี ที่ 1 โรงเรียนบา้ นสวนอุดมวิทยา โดยผูเ้ ช่ียวชาญ ..................................69 ภาพท่ี 7 QR CODE แบบประเมนิ คุณภาพของเครื่องมือแบบทดสอบ บทเรียนออนไลน์ รายวชิ า วทิ ยาการคานวณ สาหรับนกั เรียนช้นั มธั ยมศกึ ษาปี ท่ี 1 โรงเรียนบา้ นสวนอดุ มวทิ ยา โดย ผเู้ ช่ียวชาญ.......................................................................................................................................69

1 บทที่ 1 บทนา ความเป็ นมาและความสาคัญของการศึกษาค้นคว้า ปัจจบุ นั ประเทสไทยไดก้ า้ วเขา้ สู่ยคุ ไทยแลนด์ 4.0 ซ่ึงเป็นยคุ ทีข่ บั เคลอ่ื นทุกอยา่ งดว้ ย นวตั กรรมและเทคโนโลยี มกี ารติดตอ่ สื่อสาร การคมนาคมและอืน่ ๆ ที่เชื่อมตอ่ ถงึ กนั อยา่ งรวดเร็วดว้ ย เทคโนโลยี ดงั น้นั องคก์ รตา่ ง ๆ ตอ้ งปรบั ตวั พฒั นาองคก์ รให้ทนั ยคุ สมยั ทม่ี ีการเปล่ียนแปลงไป ซ่ึงใน ปัจจบุ นั น้ีเองก็ไดม้ ีการใชบ้ ทเรียนคอมพิวเตอร์ผ่านเวบ็ ไซต์ เขา้ มาเป็นส่วนหน่ึงในการช่วยพฒั นาการ เรียนรู้ของนกั เรียน เพราะนกั เรียนสามารถเรียนรู้เวลาใด สถานทไ่ี หนก็ได้ และสามารถรู้ผลลพั ธ์ของ การเรียนไดใ้ นทนั ทีโดยทีไ่ ม่ตอ้ งรอครูผสู้ อนมาตรวจให้คะแนน การแพร่ระบาดระบาดของเช้ือไวรัส COVID-19 ในประเทศไทยต้งั แต่ตน้ ปี พ.ศ. 2563 ท่ี ตอ่ เนื่องมาจนถงึ ปัจจุบนั ทาให้การใชช้ ีวติ ประจาวนั ของคนไทยเปลยี่ นไป ท้งั การสวมใส่หนา้ กาก อนามยั เมอ่ื ตอ้ งออกไปขา้ งนอก รวมไปถงึ การพกสเปรยแ์ อลกอฮอลห์ รือเจลลา้ งมอื ตดิ ตวั ไวต้ ลอดเวลา นอกจากน้ียงั ส่งผลถงึ รูปแบบการทางานในหลาย ๆ อาชีพ จากเดิมที่ตอ้ งไปทางาน ณ สถานท่ที างาน ตอ้ งปรับเปลีย่ นการทางานมาเป็นการทางานท่บี า้ น (Work Form Home) แทน และ จากการประกาศของศูนยบ์ ริหารสถานการณแ์ พร่ระบาดของโรคติดเช้ือไวรัสโคโรนา 2019 (ศบค.) จึง ทาให้สถานศกึ ษาทวั่ ประเทศตอ้ งปรบั เปลี่ยนการจดั การเรียนการสอน เพ่อื ใหส้ อดคลอ้ งกบั สถานการณ์ ปัจจุบนั ซ่ึงส่งผลใหค้ รูผสู้ อนตอ้ งปรับตวั ในการสอน โดยตอ้ งหาวธิ ีการสอนแบบตา่ ง ๆ มาทดแทนการ สอนแบบเดิม เพอื่ ให้เกิดความตอ่ เนื่องในการศึกษาและสอดคลอ้ งกบั สถานการณ์ทกี่ าลงั เกิดข้นึ ใน ปัจจบุ นั โรงเรียนบา้ นสวนอดุ มวทิ ยา สงั กดั สานกั งานเขตพ้ืนทีก่ ารศึกษาประถมศกึ ษาชลบุรี เขต 1 จึง ไดป้ รบั การจดั การเรียนการสอนให้เป็นแบบผสมผสาน โดยใหม้ ีท้งั การเรียนการสอน ณ สถานท่ีต้งั และการเรียนการสอนแบบออนไลน์ ในรายวชิ าวิทยาการคานวณ ระดบั ช้นั มธั ยมศึกษาปี ท่ี 1 เอง ได้ จดั การเรียนการสอนท้งั 2 รูปแบบ ดว้ ยความไม่พร้อมของนกั เรียนบางส่วนท่ีไมส่ ามารถเขา้ เรียน

2 ออนไลน์ตามตารางเรียนได้ จึงทาให้นกั เรียนมีผลการเรียนลดลง เป็นผลจากการไดร้ ับความรู้ทไี่ ม่ ตอ่ เน่ือง และไดร้ ับความรู้ไมค่ รบตามหลกั สูตร บทเรียนออนไลน์ (Online) e-Learning (อเี ลริ ์นนิง) คือ การเรียนรู้แบบออนไลน์ หรือ e- learning (อีเลริ ์นนิ่ง) การศึกษา เรียนรู้ผ่านเครือข่ายคอมพิวเตอร์อนิ เทอร์เน็ต (Internet) หรืออนิ ทราเนต็ (Intranet) เป็นการเรียนรู้ดว้ ยตวั เอง ผเู้ รียนจะไดเ้ รียนตามความสามารถและความสนใจของตน โดย เน้ือหาของบทเรียนซ่ึงประกอบดว้ ย ขอ้ ความ รูปภาพ เสียง วิดีโอและมลั ติมีเดียอื่นๆ จะถกู ส่งไปยงั ผเู้ รียนผ่าน Web Browser โดย ผเู้ รียน ผสู้ อน และเพ่ือนร่วมช้นั เรียนทุกคน สามารถตดิ ตอ่ ปรึกษา แลกเปลีย่ นความคิดเห็นระหว่างกนั ไดเ้ ช่นเดียวกบั การเรียนในช้นั เรียนปกติ โดยอาศยั เคร่ืองมอื การ ตดิ ต่อ ส่ือสารทที่ นั สมยั เช่น e-mail, webboard, chat) จึงเป็นการเรียนสาหรบั ทุกคน, เรียนไดท้ ุกเวลา และทุกสถานที่ (Learn for all : anyone, anywhere and anytime) (สุรสิทธ์ิ วรรณไกรโรจน์, 2550) ดว้ ยหลกั การและเหตุผลดงั กล่าว ผศู้ กึ ษาคน้ ควา้ จึงไดเ้ ลง็ เห็นถงึ ปัญหาทเี่ กิดข้นึ และไดพ้ ฒั นา บทเรียนออนไลน์ รายวชิ า วิทยาการคานวณ สาหรับนกั เรียนช้นั มธั ยมศึกษาปี ท่ี 1 โรงเรียน บา้ นสวนอุดมวิทยาข้นึ นอกจากจะช่วยให้นกั เรียนสามารถทบทวนเน้ือหาท่ีพ่งึ เรียนจบไปไดแ้ ลว้ ยงั ช่วยใหน้ กั เรียนท่ขี าดความพร้อมจนไม่สามารถเขา้ เรียนตามตารางเรียนได้ เขา้ มาเรียนรู้เน้ือหาภายใน ตวั บทเรียนไดต้ ามความตอ้ งการ เพื่อให้ไดร้ ับความรู้เทียบเท่าหรือใกลเ้ คยี งกบั นกั เรียนคนอืน่ ๆ อกี ดว้ ย ซ่ึงในตวั บทเรียนออนไลน์น้ีเองกม็ ที ้งั ภาพและสีสนั มากมาย ซ่ึงจะช่วยดึงดูดความสนใจของตวั นกั เรียน ทาให้นกั เรียนสามารถเรียนรู้อยา่ งกระตือรือร้น ประสบผลสาเร็จในการเรียน และมผี ลสมั ฤทธ์ิทางการ เรียนสูงข้ึน วตั ถปุ ระสงค์ของการศึกษาค้นคว้า 1. เพ่ือพฒั นาบทเรียนออนไลน์ รายวิชา วิทยาการคานวณ สาหรับนกั เรียนช้นั มธั ยมศกึ ษาปี ท่ี 1 โรงเรียนบา้ นสวนอดุ มวิทยา ใหม้ ีประสิทธิภาพตามเกณฑ์ E1/E2 เท่ากบั 80/80 2. เพือ่ ศึกษาดชั นีประสิทธิผลจากการเรียนดว้ ยบทเรียนออนไลน์ รายวิชา วทิ ยาการคานวณ สาหรบั นกั เรียนช้นั มธั ยมศกึ ษาปี ท่ี 1 โรงเรียนบา้ นสวนอดุ มวิทยา

3 ประโยชน์ทค่ี าดว่าจะได้รับจากการศึกษาค้นคว้า 1. ไดบ้ ทเรียนออนไลน์ รายวิชา วทิ ยาการคานวณ สาหรับนกั เรียนช้นั มธั ยมศึกษาปี ที่ 1 โรงเรียนบา้ นสวนอุดมวิทยา ทมี่ ีประสิทธิภาพตามเกณฑท์ ีก่ าหนด 2. ไดท้ ราบดชั นีประสิทธิผลจากการเรียนดว้ ยบทเรียนออนไลน์ รายวชิ า วทิ ยาการคานวณ สาหรับนกั เรียนช้นั มธั ยมศกึ ษาปี ท่ี 1 โรงเรียนบา้ นสวนอดุ มวิทยา มคี า่ มากกวา่ 0.5 3. ไดแ้ นวทางในการพฒั นาบทเรียนออนไลน์ในรายวิชากลมุ่ สาระอ่นื ๆ ขอบเขตของการศึกษาค้นคว้า การศกึ ษาคน้ ควา้ ในคร้ังน้ีไดก้ าหนดขอบเขตไวด้ งั น้ี 1. รูปแบบการศึกษาค้นคว้าเป็นรูปแบบวิจยั และพฒั นา 2. ประชากรและกล่มุ เป้าหมาย ประชากร ไดแ้ ก่ นกั เรียนช้นั มธั ยมศกึ ษาปี ท่ี 1 ปี การศึกษา 2564 โรงเรียน บา้ นสวนอุดมวิทยา ท้งั 4 หอ้ งเรียนคละความสามารถ กล่มุ ตวั อย่าง ไดแ้ ก่ นกั เรียนช้นั มธั ยมศกึ ษาปี ท่ี 1 ปี การศึกษา 2564 โรงเรียน บา้ นสวนอุดมวทิ ยา จานวน 1 หอ้ งเรียน คือห้อง ม.1/1 โดยการสุ่มแบบกลุม่ (Cluster Random Sampling) โดยใชห้ ้องเรียนเป็นหน่วยสุ่ม 3. เครื่องมือการศึกษาค้นคว้า 1. บทเรียนออนไลน์ รายวิชา วิทยาการคานวณ สาหรับนกั เรียนช้นั มธั ยมศึกษาปี ที่ 1 โรงเรียนบา้ นสวนอดุ มวิทยา 2. แบบทดสอบก่อน - หลงั เรียน รายวชิ า วทิ ยาการคานวณ สาหรับนกั เรียนช้นั มธั ยมศกึ ษาปี ที่ 1 โรงเรียนบา้ นสวนอุดมวทิ ยา

4 3. แบบฝึกหัดทา้ ยบท รายวชิ า วทิ ยาการคานวณ สาหรบั นกั เรียนช้นั มธั ยมศึกษา ปี ที่ 1 โรงเรียนบา้ นสวนอุดมวทิ ยา 4. แบบประเมินความเหมาะสมของบทเรียนออนไลน์ รายวชิ า วทิ ยาการคานวณ สาหรบั นกั เรียนช้นั มธั ยมศกึ ษาปี ที่ 1 โรงเรียนบา้ นสวนอุดมวทิ ยา โดยผเู้ ชี่ยวชาญ 5. แบบประเมินสาหรับผเู้ ชี่ยวชาญตรวจสอบคุณภาพของเครื่องมือแบบทดสอบกอ่ น - หลงั เรียน รายวิชา วทิ ยาการคานวณ ช้นั มธั ยมศกึ ษาปี ท่ี 1 โรงเรียนบา้ นสวนอดุ มวทิ ยา 4. เนื้อหาการวจิ ัย กลมุ่ สาระการเรียนรู้วทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี รายวิชา วิทยาการคานวณ ช้นั มธั ยมศึกษาปี ที่ 1 โรงเรียนบา้ นสวนอดุ มวิทยา ภาคเรียนที่ 2 ประกอบไปดว้ ย บทที่ 1 แนวคิดเชิงนามธรรม โดยจะมีเน้ือหา ดงั น้ี - แนวคิดเชิงนามธรรม - การคดั เลอื กคณุ ลกั ษณะท่ีจาเป็นต่อการแกป้ ัญหา - การถา่ ยทอดรายละเอียดของปัญหาและการแกป้ ัญหา บทท่ี 2 การแกป้ ัญหา โดยจะมีเน้ือหา ดงั น้ี - ข้นั ตอนการแกป้ ัญหา - การเขยี นรหัสลาลองและผงั งาน - การกาหนดค่าให้ตวั แปร - ภาษาโปรแกรม บทที่ 3 การโปรแกรมดว้ ยภาษาไพทอน 1 โดยจะมีเน้ือหา ดงั น้ี - รู้จกั ไพทอน - ตวั แปร - ชนิดขอ้ มูลพ้นื ฐาน - การแปลงชนิดขอ้ มลู บทที่ 4 การโปรแกรมดว้ ยภาษาไพทอน 2 โดยจะมีเน้ือหา ดงั น้ี

5 - การเขยี นโปรแกรมไพทอนในโหมดสคริปต์ - ฝึกเขียนโปรแกรมกบั เตา่ ไพทอน - การทางานแบบวนซ้า - การทางานแบบมีทางเลอื ก บทที่ 5 การโปรแกรมดว้ ย Scratch โดยจะมเี น้ือหา ดงั น้ี - รู้จกั กบั โปรแกรม Scratch - การทางานแบบวนซ้า - ตวั แปร - การทางานแบบมีทางเลอื ก - คาสง่ั วนซ้าแบบมเี ง่อื นไข บทที่ 6 ขอ้ มลู และการประมวลผล โดยจะมีเน้ือหา ดงั น้ี - ขอ้ มลู - การรวบรวมขอ้ มลู - การประมวลผลขอ้ มลู - การสร้างทางเลือกเพอ่ื ตดั สินใจ - ซอฟตแ์ วร์จดั การกบั ขอ้ มูล บทที่ 7 การใชเ้ ทคโนโลยีสารสนเทศอยา่ งปลอดภยั โดยจะมีเน้ือหา ดงั น้ี - ภยั คุกคามจากการใชเ้ ทคโนโลยีสารสนเทศและการป้องกนั - การใชเ้ ทคโนโลยีสารสนเทศ 5. ตวั แปรในการวจิ ัย ตัวแปรที่ 1 คือ การเรียนดว้ ยบทเรียนออนไลน์ รายวชิ า วทิ ยาการคานวณ สาหรบั นกั เรียนช้นั มธั ยมศึกษาปี ท่ี 1 โรงเรียนบา้ นสวนอดุ มวิทยา ตัวแปรที่ 2 คอื ผลการประเมินประสิทธิภาพบทเรียนออนไลน์ รายวชิ า วิทยาการ คานวณ สาหรบั นกั เรียนช้นั มธั ยมศึกษาปี ท่ี 1 โรงเรียนบา้ นสวนอดุ มวทิ ยา

6 ตวั แปรที่ 3 คือ ดชั นีประสิทธิผลจากการเรียนดว้ ยบทเรียนออนไลน์ รายวชิ า วทิ ยาการ คานวณ สาหรบั นกั เรียนช้นั มธั ยมศกึ ษาปี ท่ี 1 โรงเรียนบา้ นสวนอุดมวทิ ยา 6. ระยะเวลาดาเนินการ ภาคเรียนที่ 2 ปี การศึกษา 2564 (ธนั วาคม พ.ศ. 2564 ถงึ มนี าคม พ.ศ. 2565) นยิ ามศัพท์เฉพาะ 1. บทเรียนออนไลน์ หมายถึง เวบ็ ไซตท์ ี่ประกอบไปดว้ ยเน้ือหาวิทยาการคานวณ กิจกรรมฝึก ทกั ษะ แบบทดสอบวดั ผลสัมฤทธ์ิ สาหรับนกั เรียนช้นั มธั ยมศึกษาปี ที่ 1 โรงเรียนบา้ นสวนอุดมวทิ ยา 2. ประสิทธิภาพตามเกณฑ์ E1/E2 หมายถึง สูตรที่ใชท้ ดสอบประสิทธิภาพบทเรียนออนไลน์ รายวชิ า วทิ ยาการคานวณ สาหรบั นกั เรียนช้นั มธั ยมศึกษาปี ที่ 1 โรงเรียนบา้ นสวนอุดมวิทยา โดย กาหนดให้ E1 คอื ประสิทธิภาพของกระบวนการ และ E2 คือประสิทธิภาพของผลลพั ธ์ E1 คอื คะแนนของผเู้ รียนจากการทาชุดแบบฝึกหดั ทา้ ยบทเรียนแต่ละบท มคี า่ เฉล่ยี ร้อยละ 80 E2 คือ คะแนนของผเู้ รียนจากการทาแบบวดั ผลการเรียนรู้หลงั การเรียนดว้ ยบทเรียน ออนไลน์ รายวิชา วทิ ยาการคานวณ สาหรบั นกั เรียนช้นั มธั ยมศึกษาปี ท่ี 1 โรงเรียน บา้ นสวนอุดมวิทยา มคี า่ เฉลี่ยร้อยละ 80 3. ดชั นีประสิทธิผลทางการเรียนดว้ ยบทเรียนออนไลน์ หมายถึง ตวั เลขที่แสดงความกา้ วหนา้ ในการเรียนรู้ของผเู้ รียนโดยเปรียบเทียบคะแนนท่ีเพ่ิมข้ึนจากคะแนนทดสอบก่อนเรียนกบั คะแนน ทดสอบหลงั เรียนและคะแนนเต็ม หรือคะแนนสูงสุดกบั คะแนนท่ไี ดจ้ ากการทดสอบกอ่ นเรียน

7 บทที่ 2 เอกสารและงานวิจัยทเี่ กย่ี วข้อง ในการพฒั นาบทเรียนออนไลน์ รายวชิ า วิทยาการคานวณสาหรบั นกั เรียนช้นั มธั ยมศกึ ษา ปี ท่ี 1 โรงเรียนบา้ นสวนอุดมวิทยา ผูศ้ ึกษาคน้ ควา้ ไดศ้ ึกษาแนวคดิ ทฤษฎีทีเ่ กี่ยวขอ้ งเพอ่ื นามาวเิ คราะห์ และสงั เคราะห์ ในการพฒั นาบทเรียนออนไลน์ รายละเอยี ดดงั ต่อไปน้ี 1. บทเรียนออนไลน์ 2. หลกั การออกแบบบทเรียนของเอ็ดดีโมเดล (ADDIE Model) 3. Google Site 4. การหาประสิทธิภาพและดชั นีประสิทธิผล 5. วิธีการประเมินผลส่ือการเรียนการสอน 6. เอกสารงานวิจยั ที่เกี่ยวขอ้ ง บทเรียนออนไลน์ ความหมายของบทเรียนออนไลน์ บทเรียนออนไลน์ หมายถึงบทเรียนทจ่ี ดั ทาข้ึนเป็นส่ือการสอน ผ่านระบบเครือข่าย อินเทอร์เนต็ ประกอบไปดว้ ยโครงสร้างหลกั สูตร คาอธิบายรายวิชา หน่วยการเรียนรู้ การวางแผนการ จดั การเรียนรู้ เน้ือหา แบบทดสอบ แบบฝึกทกั ษะเพอ่ื ให้นกั เรียนและผทู้ ส่ี นใจศึกษา สามารถศึกษา คน้ ควา้ ความรู้ ไดด้ ว้ ยตนเอง โดยออกแบบไว้ ให้โตต้ อบกบั ผเู้ รียนได้ การเรียนการสอนผา่ นระบบเครือขา่ ยอินเทอร์เน็ตในรูปแบบดงั กลา่ วขา้ งตน้ น้ี ไดม้ ผี จู้ ดั ทา มาแลว้ เป็นจานวนมาก โดยอาจใชช้ ่ือเรียกแตกต่างกนั ไป เช่น เวบ็ ไซตช์ ่วยสอน บทเรียนผา่ น

8 เครือข่ายอนิ เทอร์เน็ต หรืออืน่ ๆ ซ่ึงลว้ นแลว้ แต่ต้งั อยบู่ นพ้นื ฐาน เดียวกนั คอื เป็นส่ือการสอน ประเภท เวบ็ ไซตช์ ่วยสอน แสดงผลผ่านระบบเครือขา่ ยอินเทอร์เน็ต ข้นึ อยกู่ บั ผูจ้ ดั ทาจะพฒั นาไปในรูปแบบใด จากการศึกษาและสืบคน้ เกี่ยวกบั บทเรียนออนไลน์ พบวา่ การใชบ้ ทเรียนออนไลน์ในการ จดั การเรียนการสอนมปี ระโยชน์หลายประการ เช่น - เหมาะกบั การเรียนรู้ตามความสนใจของแตล่ ะคน - มีเอกสารสาหรับการเรียนรู้หลากหลาย - เป็นการเรียนรู้สองทาง - งา่ ยตอ่ การสารวจความกา้ วหนา้ - เป็นการเรียนรู้ไดท้ กุ สถานทแ่ี ละทกุ เวลา - คา่ ใชจ้ ่ายในการเรียนของผเู้ รียนลดลง - สร้างโอกาสในการแลกเปลี่ยนในการเรียนรู้กบั บคุ คลอ่ืน - ประสิทธิภาพของการเรียนเพิ่มข้ึน - การส่ง หรือแลกเปลย่ี นเอกสารในการสอนรวดเร็ว แต่อยา่ งไรกต็ ามการจดั การเรียนการสอนผ่านบทเรียนออนไลนก์ ย็ งั มขี ดี จากดั เช่น ผสู้ อนและ ผเู้ รียนขาดปฏสิ ัมพนั ธ์ระหว่างกนั ครูผสู้ อนไมส่ ามารถสอดแทรกเรื่องคุณธรรมและจริยธรรมให้กบั ผเู้ รียนไดโ้ ดยตรง อีกท้งั การใชบ้ ทเรียนออนไลนเ์ หมาะสมกบั ผเู้ รียนและสถานศึกษาทีม่ คี วามพร้อม ดา้ นเทคโนโลยี (อรอนงค์ เวชจนั ทร์, 2550) หลักการออกแบบบทเรียนของเอ็ดดโี มเดล (ADDIE Model) หลกั การออกแบบบทเรียนของเอด็ ดี โมเดล (ADDIE Model) เป็นท่ียอมรับระดบั สากลวา่ สามารถนามาพฒั นาบทเรียนไดอ้ ยา่ งมีประสิทธิภาพ ซ่ึงกระบวนการของหลกั การออกแบบบทเรียน ของเอด็ ดี โมเดล (ADDIE Model) ถูกนามาใชก้ นั อยา่ งแพร่หลายในงานวิจยั (นนิดา สร้อยดอกสน, 2552) โดยมีกระบวนการทางานท้งั หมด 5 ข้นั ตอน (ฉลอง ทบั ศรี, 2549: 12) ไดแ้ ก่

9 การวิเคราะห์ (A : Analysis) การออกแบบ (D : Design) การพฒั นา (D : Development) การทดลองใช้ (I : Implementation) และการประเมนิ ผล (E : Evaluation) โดยมขี ้นั ตอนดงั น้ี ภาพท่ี 1 หลกั การออกแบบบทเรียนของเอด็ ดี โมเดล ADDIE Model เป็นระบบการออกแบบการสอน การออกแบบรูปแบบการสอนส่วนมากใน ปัจจุบนั เป็นลกั ษณะทีเ่ ปลี่ยนแปลงมาจาก ADDIE Model รูปแบบอน่ื ไมว่ า่ จะเป็น Dick & Carey, Kemp ISD Model สิ่งหน่ึงท่ีเป็นที่ยอมรบั กนั ทวั่ ไปในการปรบั ปรุงรูปแบบคือการใชห้ รือเริ่มจาก รูปแบบดงั เดิม ซ่ึงน้ีเป็นแนวคดิ ท่ียอมรบั กนั มาอยา่ งต่อเนื่องหรือเป็นขอ้ มูลสะทอ้ นทีไ่ ดร้ บั เพื่อการ พฒั นารูปแบบในขณะที่วสั ดกุ ารสอนถกู สร้างข้ึน รูปแบบน้ีพยายามทาใหป้ ระหยดั เวลาและคา่ ใชจ้ ่าย โดยการเขา้ ใจปัญหาทตี่ อ้ งการแกไ้ ข ทฤษฎีการเรียนการสอนเป็นส่ิงท่มี บี ทบาทสาคญั ในการออกแบบวสั ดุ หรือส่ือการเรียนการ สอน ตวั อยา่ งเช่นทฤษฎี Behaviorism, Constructivism, social learning และ Cognitivism ทฤษฎีเหลา่ น้ี ช่วยในการสร้างรูปแบบและกาหนดสื่อการสอน ใน ADDIE model แต่ละข้นั ตอนจะมีผลลพั ธ์ที่จะ นาไปสู่ข้นั ตอนตอ่ ไป ซ่ึงมรี ายละเอียดดงั น้ี ข้นั ที่ 1 ข้นั วิเคราะห์ (Analysis Phase) ในข้นั น้ีเป็นการทาความเขา้ ใจปัญหาการเรียนการสอน เป้าหมายของรูปแบบการสอนและ วตั ถปุ ระสงคท์ จ่ี ะสร้างข้นึ ตลอดจนสภาพแวดลอ้ มการเรียนรู้ และความรู้พ้นื ฐานและทกั ษะของผูเ้ รียน ทจ่ี าเป็นตอ้ งมี โดยพจิ ารณาจากคาถามเพอ่ื การวเิ คราะหด์ งั น้ี - ใครคือกลุม่ เป้าหมายและเขาตอ้ งมคี ณุ ลกั ษณะอยา่ งไร - ระบุพฤติกรรมใหมท่ ค่ี าดหวงั ว่าจะเกิดข้ึนกบั ผเู้ รียน

10 - มขี อ้ จากดั ในการเรียนรู้ทม่ี ีอยอู่ ะไรบา้ ง - อะไรที่เป็นทางเลอื กสาหรบั การเรียนรู้ท่ีมอี ยบู่ า้ ง - หลกั การสอนทพ่ี ิจารณาเป็นแบบไหน อยา่ งไร - มชี ่วงเวลาการพฒั นาเป็นอยา่ งไร ข้นั ที่ 2 การออกแบบ (Design Phase) ข้นั ตอนการออกแบบประกอบดว้ ย การสร้างจุดประสงคก์ ารเรียนรู้ กาหนดเคร่ืองมือวดั ประเมินผล แบบฝึกหัด เน้ือหา วางแผนการสอน และเลอื กส่ือการสอน ข้นั ตอนการออกแบบควรจะทา อยา่ งเป็นระบบและมเี ฉพาะเจาะจง โดยความเป็นระบบน้ีหมายถงึ ตรรกะ มีระเบียบแบบแผนของการ จาแนก การพฒั นา และการประเมินแผนยทุ ธวิธีทวี่ างไวเ้ พอื่ ใหบ้ รรลเุ ป้าหมาย สาหรบั ความ เฉพาะเจาะจงหมายถงึ แต่ละองคป์ ระกอบของการออกแบบรูปแบบการสอนจะตอ้ งเอาใจใส่ทกุ รายละเอียด ซ่ึงมขี ้นั ตอนดงั น้ี 1. เขียนวตั ถุประสงคแ์ ต่ละหน่วย (Write Objectives by Unit) 2. ระบกุ ารปฏิสัมพนั ธ์ของบทเรียน (Specify Instructional Interactions) 3. สร้างแบบทดสอบวดั ผล (Conduct Performance Test) 4. ออกแบบหนา้ จอและกราฟิก (Screen Design and Graphic) 5. ออกแบบเทมเพลทของบทเรียน (Screen Templates Design) 6. เขียนผงั งานบทเรียน (Write Lesson Flowcharts) 7. เขียนบทดาเนินเรื่อง (Storyboarding) 8. สร้างบทเรียนตน้ แบบ (Prototyping) ผลลพั ธท์ ่ีไดจ้ ากข้นั ตอนการออกแบบ มดี งั น้ี

11 1) วตั ถุประสงคข์ องบทเรียน (Objectives) 2) เน้ือหาบทเรียนทอ่ี อกแบบ (Design Document) 3) แบบฝึกหัดและแบบทดสอบวดั ผล (Exercises and Performance Test) 4) ตน้ แบบของการเรียนการสอน (Instructional Archetypes) 5) ผงั งานบทเรียน (Lesson Flowcharts) 6) บทดาเนินเร่ือง (Storyboard) 7) บทเรียนตน้ แบบ (Prototype) บคุ ลากรทเี่ ก่ียวขอ้ งในข้นั ตอนน้ี ไดแ้ ก่ ผูจ้ ดั การโครงการ ผอู้ อกแบบระบบการสอน ผู้ ประเมนิ โครงการ โปรแกรมเมอร์ ผอู้ อกแบบกราฟิก และผผู้ ลิตบทเรียน ข้นั ที่ 3 ข้นั การพัฒนา (Development Phase) ข้นั ตอนการพฒั นาคอื ข้นั ทผี่ ูอ้ อกแบบสร้างส่วนต่าง ๆ ท่ีไดอ้ อกแบบไวใ้ นข้นั ของการ ออกแบบซ่ึงครอบคลุมการ สร้างเคร่ืองมือวดั ประเมนิ ผล สร้างแบบฝึกหดั สร้างเน้ือหา และการพฒั นา โปรแกรมสาหรับสื่อการสอน เมอ่ื เรียบร้อยทาการทดสอบเพอ่ื หาขอ้ ผดิ พลาดเพอ่ื นาผลไปปรับปรุง แกไ้ ข 1. เตรียมวสั ดปุ ระกอบบทเรียน (Preparing Adjunct Materials) 2. เขียนบทเรียน (Writing/Authoring) ในข้นั น้ี ประกอบดว้ ย การสร้างสรรค์ กราฟิ ก (Creating Graphics) การสร้างการปฏสิ มั พนั ธ์บทเรียน และการสร้างบทเรียนพร้อม แบบทดสอบ 3. ดาเนินการผลติ (Conduct Production) ในข้นั น้ีประกอบดว้ ย การผลติ ข้นั ตน้ (Preproduction) การผลิตจริง (Production) และการดาเนินการหลงั การผลติ (Postproduction) 4. รวมส่ือท้งั หมดเขา้ ดว้ ยกนเป็นบทเรียนและเขยี นโปรแกรมจดั การ (Integrating Media and Coding)

12 ผลลพั ธ์ท่ไี ดจ้ ากข้นั ตอนการพฒั นา มดี งั น้ี 1. วสั ดปุ ระกอบการเรียน (Adjunct Materials) 2. ตวั บทเรียน ประกอบดว้ ยขอ้ ความ กราฟริก ภาพเคล่ือนไหว เสียง วดี ิทศั น์ และ การ ปฏสิ มั พนั ธ์ รวมท้งั เอกสารประกอบบทเรียน 3. โปรแกรมการจดั การบทเรียน บุคลากรท่เี ก่ียวขอ้ งในข้นั ตอนน้ี ไดแ้ ก่ ผจู้ ดั การโครงการ ผูอ้ อกแบบระบบการสอน ผปู้ ระเมนิ โครงการ โปรแกรมเมอร์ ผูอ้ อกแบบกราฟิก และผผู้ ลติ บทเรียน ข้นั ที่ 4 ข้นั การนาดาเนนิ การ (Implementation Phase) ในข้นั ตอนการดาเนินการน้ี หมายถึงข้นั ของการสอนโดยอาจจะเป็นรูปแบบช้นั เรียน การ ฝึกอบรม หรือหอ้ งทดลอง หรือรูปแบบการเรียนการสอนที่ใชค้ อมพวิ เตอร์ โดยจดุ มุ่งหมายของข้นั ตอน น้ีคือการสอนอยา่ งมปี ระสิทธิภาพและประสิทธิผล จะตอ้ งให้การส่งเสริมความเขา้ ใจของผเู้ รียน สนบั สนุนการเรียนรอบรู้ของผูเ้ รียนตามวตั ถุประสงคต์ า่ ง ๆ ท่ตี ้งั ไว้ ดงั น้ี 1. ตดิ ต้งั บทเรียน (Installation) 2. จดั ตารางเวลาพร้อมปรบั หลกั สูตร (Scheduling and Syllabus Adjustment) 3. ลงทะเบียนเรียนและบริหารบทเรียน (Enrollment and Administration) 4. ปฐมนิเทศผูเ้ รียน (Orientation) 5. วางแผนการสนบั สนุนจากผสู้ อน (Instructor Plans Facilitation) 23 6. จดั ส่ิงสนบั สนุนบทเรียน (Facilitation of Course) ผลลพั ธท์ ไ่ี ดจ้ ากข้นั ตอนการทดลองใช้ มดี งั น้ี 1. บญั ชีรายช่ือช้นั เรียน (Class Roster) 2. การเรียนการสอน (Instructional)

13 3. แผนการสนบั สนุนจากผสู้ อน (Instructor’s Facilitation Plan) บคุ ลากรท่เี ก่ียวขอ้ งในข้นั ตอนน้ี ไดแ้ ก่ ผูส้ อน ผเู้ รียน ผบู้ ริหารหลกั สตู ร และฝ่าย สนบั สนุน ดา้ นเทคนิค ข้นั ท่ี 5 ข้นั การประเมนิ ผล (Evaluation Phase) ข้นั การประเมินผลประกอบดว้ ยสองส่วนคอื การประเมินผลรูปแบบ (Formative) และการประ เมินผลในภาพรวม (Summative) การประเมนิ ผลรูปแบบคอื การนาเสนอในแตล่ ะข้นั ของ ADDIE Process ซ่ึงเป็นการประเมนิ ผลเพอื่ พฒั นา และการประเมนิ ผลในภาพรวมจะทาเมือ่ การสอนเสร็จสิ้น เพอ่ื ประเมินผลประสิทธิผลการสอนท้งั หมดขอ้ มูลจากการประเมินผลรวมโดยปกตมิ กั จะถกู ใชเ้ พอื่ การ ตดั สินใจเก่ียวกบั รูปแบบการสอน ดงั น้ี 1. จดั ทาเอกสารโครงการ (Documenting Project) 2. ทดสอบบทเรียน (Testing) 3. ปรบั บทเรียนให้ใชง้ านได้ (Validation) 4. ประเมินผลกระทบ (Conducting Impact Evaluation) ผลลพั ธ์ทีไ่ ดจ้ ากข้นั ตอนการประเมนิ ผล มีดงั น้ี 1. เอกสารโครงการ (Documentation) ไดแ้ ก่บนั ทึกขอ้ มลู ดา้ นเวลา (Record Time Data) รายงานผูใ้ ชบ้ ทเรียนและผคู้ วบคมุ (Trainees and Supervisors Report) และ ผลสรุปของขอ้ คาถามบทเรียน (Course Review Question Results) เป็นตน้ 2. คุณภาพของบทเรียน (Quality) ไดแ้ ก่ประสิทธิภาพ (Efficiency) ผลสมั ฤทธ์ิทางการ เรียนของผเู้ รียน (Effectiveness) และความพึงพอใจ (Satisfaction) เป็นตน้ 3. รายงานผลกระทบของบทเรียน (Impact Evaluation Report) บุคลากรทีเ่ กี่ยวขอ้ งใน ข้นั ตอนน้ี ไดแ้ ก่ ผจู้ ดั การโครงการ ผอู้ อกแบบระบบการสอน ผู้ ประเมนิ โครงการ โปรแกรมเมอร์ และ ผเู้ ชี่ยวชาญดา้ นตา่ ง ๆ

14 Google Site Google sites คืออะไร Google Sites คือโปรแกรมของ Google ท่ีใหบ้ ริการสร้างเวบ็ ไซตฟ์ รี สามารถสร้างเวบ็ ไซตไ์ ด้ งา่ ย ปรบั แตง่ รูปลกั ษณ์ไดอ้ ยา่ งอสิ ระ และสามารถรวบรวมความหลากหลายของขอ้ มูลไวใ้ นทเ่ี ดียว เช่น วิดีโอ, ปฏิทิน, เอกสาร อื่นๆ ทาให้ช่วยอานวยความสะดวกไดเ้ ป็นอยา่ งมาก ในการแกไ้ ขหนา้ เวบ็ จะ เป็นกลุ่ม หรือ ท้งั องคก์ ร ประโยชน์ของ Google Site 1. ประหยดั เวลาในการเขียน Code และการออกแบบกราฟฟิกส์ เน่ืองจากสามารถปรบั แตง่ เวบ็ ไซต์ โดยใช้เคร่ืองมอื ทม่ี มี าใหซ้ ่ึงสะดวก และรวดเร็วเป็นอยา่ งมาก 2. ไม่มคี า่ ใชจ้ า่ ย สามารถใชบ้ ริการไดฟ้ รี เพียงแค่มี Gmail 3. มคี วามยดื หยนุ่ เพราะสามารถแสดงผลบนหนา้ จอไดห้ ลากหลายอุปกรณ์ ไม่วา่ จะเป็น คอมพิวเตอร์ แท็บเลต็ หรือสมาร์ทโฟน 4. ไมต่ อ้ ง Update เวอร์ชนั่ ดว้ ยตวั เราเอง เพราะ Google จะเป็นผดู้ แู ลให้เรา 5. มีความเป็นสากล และใชบ้ ริการตา่ ง ๆ จาก Google ไดอ้ ยา่ งเตม็ ประสิทธิภาพ ไม่วา่ จะเป็น Youtube, ปฏิทิน, แผนท่ี และเอกสารต่าง ๆ ของ Google (Alongkorn, 2561) การหาประสิทธิภาพและดชั นีประสิทธผิ ล ชยั ยงค์ พรหมวงศ์ (2556, น. 7) ไดม้ ีการกล่าวถึงเน้ือหาเก่ียวกบั การหาประสิทธิภาพไวด้ งั น้ี ความหมายของการทดสอบประสิทธิภาพ การทดสอบประสิทธิภาพ หมายถงึ การนาสื่อหรือชุดการสอนไปทดสอบดว้ ยกระบวนการ สองข้นั ตอน คือ การทดสอบประสิทธิภาพใชเ้ บ้ืองตน้ (Try Out) และทดสอบประสิทธิภาพสอนจริง (Trial Run) เพ่ือหาคุณภาพของส่ือตามข้นั ตอนทกี่ าหนดใน 3 ประเด็น คอื การทาใหผ้ ูเ้ รียนมคี วามรู้

15 เพิม่ ข้นึ การช่วยใหผ้ ูเ้ รียนผา่ นกระบวนการเรียนและทาแบบประเมินสุดทา้ ยไดด้ ี และการทาใหผ้ เู้ รียนมี ความพงึ พอใจ นาผลทีไ่ ดม้ าปรบั ปรุงแกไ้ ขกอ่ นท่จี ะผลิตออกมาเผยแพร่เป็นจานวนมาก 1. การทดสอบประสิทธิภาพใช้ เบ้อื งตน้ เป็นการนาสื่อหรือชุดการสอนทีผ่ ลิตข้นึ เป็นตน้ แบบ (Prototype)แลว้ ไปทดลอบประสิทธิภาพ ใชต้ ามข้นั ตอนทีก่ าหนดไวใ้ นแต่ละระบบ เพ่อื ปรบั ปรุง ประสิทธิภาพของส่ือหรือชุดการสอนให้เท่าเกณฑ์ ทกี่ าหนดไวแ้ ละปรับปรุงจนถงึ เกณฑ์ 2. การ ทดสอบประสิทธิภาพ สอนจริง หมายถึง การนาสื่อหรือชุดการสอนท่ไี ด้ ทดสอบประสิทธิภาพใชแ้ ละ ปรับปรุงจนไดค้ ุณภาพ ถงึ เกณฑแ์ ลว้ ของแตล่ ะหน่วย ทกุ หน่วยในแตล่ ะวิชา ไปสอนจริงในช้นั เรียน หรือในสถานการณก์ ารเรียน ทแี่ ทจ้ ริงในช่วงเวลาหน่ึง อาทิ1 ภาคการศึกษาเป็น อยา่ งนอ้ ยเพ่ือ ตรวจสอบคุณภาพเป็นคร้ังสุดทา้ ยกอ่ น นาไปเผยแพร่และผลติ ออกมาเป็นจานวนมาก การทดสอบประสิทธิภาพท้งั สองข้นั ตอน จะตอ้ งผ่านการวจิ ยั เชิงวิจยั และพฒั นา (Research and Development-R&D) โดยตอ้ งดาเนินการวจิ ยั ในข้นั ทดสอบประสิทธิภาพเบ้ืองตน้ และอาจทดสอบ ประสิทธิภาพซ้าในข้นั ทดสอบประสิทธิภาพใชจ้ ริง ดว้ ยก็ไดเ้ พื่อประกนั คณุ ภาพของสถาบนั การศึกษา ทางไกลนานาชาติ ความจาเป็ นท่ีจะต้องหาประสิทธภิ าพ การทดสอบประสิทธิภาพของส่ือหรือชุดการสอนมีความจาเป็นดว้ ยเหตุผล 3 ประการ คอื 1. สาหรบั หน่วยงานผลิตสื่อหรือชุดการสอน การทดสอบประสิทธิภาพช่วยประกนั คุณภาพของส่ือหรือชุดการสอนวา่ อยใู่ นข้นั สูง เหมาะสม ทีจ่ ะลงทนุ ผลติ ออกมาเป็นจานวนมาก หากไม่มกี ารทดสอบประสิทธิภาพเสียกอ่ นแลว้ เมือ่ ผลติ ออกมา ใชป้ ระโยชนไ์ ม่ไดด้ ีกจ็ ะตอ้ งผลิตหรือทาข้นึ ใหมเ่ ป็นการสิ้นเปลืองท้งั เวลา แรงงานและเงนิ ทอง 2. สาหรับผใู้ ชส้ ่ือหรือชุดการสอน ส่ือหรือชุดการสอนทผี่ า่ นการทดสอบประสิทธิภาพจะทาหนา้ ท่เี ป็นเคร่ืองมอื ช่วยสอนไดด้ ีใน การสร้างสภาพการเรียนให้ผเู้ รียนไดเ้ ปลี่ยนแปลงพฤติกรรมตามทม่ี ุ่งหวงั บางคร้งั ชุดการสอนตอ้ งช่วย ครูสอนบางคร้ังตอ้ งสอนแทนครู (อาทิในโรงเรียนครูคนเดียว) ดงั น้นั กอ่ นนาส่ือหรือชุดการสอนไปใช้

16 ครูจึงควรมนั่ ใจว่าชุดการสอนน้นั มปี ระสิทธิภาพในการช่วยใหน้ กั เรียนเกิดการเรียนจริงการทดสอบ ประสิทธิภาพตามลาดบั ข้นั จะช่วยให้เราไดส้ ื่อหรือชุดการสอนทีม่ คี ณุ คา่ ทางการสอนจริงตามเกณฑท์ ่ี กาหนดไว้ 3. สาหรับผผู้ ลิตสื่อหรือชุดการสอน การทดสอบประสิทธิภาพจะทาใหผ้ ูผ้ ลติ มนั่ ใจไดว้ า่ เน้ือหาสาระท่ีบรรจลุ งในส่ือหรือชุดการ สอนมคี วามเหมาะสม ง่ายต่อการเขา้ ใจ อนั จะช่วยให้ผผู้ ลติ มคี วามชานาญสูงข้ึน เป็นการประหยดั แรงสมองแรงงาน เวลาและเงนิ ทองในการเตรียมตน้ แบบ การกาหนดเกณฑ์ประสิทธภิ าพ 1. ความหมายของเกณฑ์ (Criterion) เกณฑเ์ ป็นขดี กาหนดท่ีจะยอมรบั ว่าสิ่งใดหรือพฤติกรรมใดมีคุณภาพและหรือปริมาณทจี่ ะรบั ได้ การต้งั เกณฑต์ อ้ งต้งั ไวค้ ร้งั แรกคร้ังเดียวเพ่ือจะปรับปรุงคุณภาพให้ถงึ เกณฑข์ ้นั ต่าที่ต้งั ไวจ้ ะต้งั เกณฑก์ ารทดสอบประสิทธิภาพไวต้ า่ งกนั ไม่ได้ เช่น เม่ือมกี ารทดสอบประสิทธิภาพแบบเดี่ยว ต้งั เกณฑ์ ไว้ 60/60 แบบกลุ่ม ต้งั ไว้ 70/70 ส่วนแบบสนาม ต้งั ไว้ 80/80 ถอื วา่ เป็นการต้งั เกณฑท์ ี่ไม่ถูกตอ้ ง อน่ึงเนื่องจากเกณฑท์ ่ีต้งั ไวเ้ ป็นเกณฑต์ ่าสุด ดงั น้นั หากการทดสอบคณุ ภาพของส่ิงใดหรือ พฤติกรรมใดไดผ้ ลสูงกวา่ เกณฑท์ ี่ต้งั ไวอ้ ยา่ งมีนยั สาคญั ทีร่ ะดบั .05 หรืออนุโลมใหม้ ีความคลาดเคลื่อน ต่าหรือสูงกวา่ ค่าประสิทธิภาพท่ตี ้งั ไวเ้ กิน 2.5 ก็ให้ปรับเกณฑข์ ้ึนไปอีกหน่ึงข้นั แต่หากไดค้ า่ ต่ากวา่ ค่า ประสิทธิภาพทต่ี ้งั ไว้ ตอ้ งปรบั ปรุงและนาไปทดสอบประสิทธิภาพใช้หลายคร้งั ในภาคสนามจนไดค้ ่า ถึงเกณฑท์ ่ีกาหนด 2. ความหมายของเกณฑป์ ระสิทธิภาพ หมายถงึ ระดบั ประสิทธิภาพของส่ือหรือชุดการสอนทีจ่ ะช่วยให้ผเู้ รียนเกิดการเปลี่ยนแปลง พฤตกิ รรม เป็นระดบั ทีผ่ ลติ ส่ือหรือชุดการสอนจะพึงพอใจว่า หากสื่อหรือชุดการสอนมปี ระสิทธิภาพ

17 ถึงระดบั น้นั แลว้ ส่ือหรือชุดการสอนน้นั กม็ คี ณุ คา่ ที่จะนาไปสอนนกั เรียนและคุม้ แกก่ ารลงทุนผลติ ออกมาเป็ นจานวนมาก การกาหนดเกณฑป์ ระสิทธิภาพกระทาไดโ้ ดยการประเมนิ ผลพฤติกรรมของผเู้ รียน 2 ประเภท คอื พฤติกรรมตอ่ เน่ือง (กระบวนการ) กาหนดคา่ ประสิทธิภาพเป็น E1 = Efficiency of Process (ประสิทธิภาพของกระบวนการ) และพฤตกิ รรมสุดทา้ ย (ผลลพั ธ)์ กาหนดคา่ ประสิทธิภาพเป็น E2 = Efficiency of Product (ประสิทธิภาพของผลลพั ธ์) 2.1 ประเมินพฤตกิ รรมต่อเนื่อง (Transitional Behavior) คือประเมินผลต่อเน่ือง ซ่ึง ประกอบดว้ ยพฤติกรรมยอ่ ยของผเู้ รียน เรียกวา่ “กระบวนการ” (Process) ทเ่ี กิดจากการประกอบ กิจกรรมกลุม่ ไดแ้ ก่ การทาโครงการ หรือทารายงานเป็นกลุ่ม และรายงานบคุ คล ไดแ้ ก่งานทีม่ อบหมาย และกิจกรรมอืน่ ใดทผ่ี สู้ อนกาหนดไว้ 2.2 ประเมินพฤตกิ รรมสุดทา้ ย (Terminal Behavior) คือประเมินผลลพั ธ์ (Product) ของผเู้ รียน โดยพิจารณาจากการสอบหลงั เรียนและการสอบไล่ ประสิทธิภาพของส่ือหรือชุดการสอนจะกาหนด เป็นเกณฑท์ ผี่ สู้ อนคาดหมายวา่ ผเู้ รียนจะเปลี่ยนพฤตกิ รรมเป็นทพี่ ึงพอใจ โดยกาหนดให้ของผลเฉลี่ย ของคะแนนการทางานและการประกอบกิจกรรมของผูเ้ รียนท้งั หมดตอ่ ร้อยละของผลการประเมนิ หลงั เรียนท้งั หมด นน่ั คอื E1/E2 = ประสิทธิภาพของกระบวนการ/ประสิทธิภาพของผลลพั ธ์ ตวั อยา่ ง 80/80 หมายความวา่ เมอื่ เรียนจากส่ือหรือชุดการสอนแลว้ ผเู้ รียนจะสามารถทาแบบฝึก ปฏิบตั หิ รืองานไดผ้ ลเฉลย่ี 80% และประเมินหลงั เรียนและงานสุดทา้ ยไดผ้ ลเฉล่ีย 80% การท่จี ะกาหนด เกณฑ์ E1/E2 ใหม้ ีค่าเทา่ ใดน้นั ใหผ้ ูส้ อนเป็นผพู้ จิ ารณาตามความพอใจโดยพิจารณาพสิ ัยการเรียนท่ี จาแนกเป็นวิทยพสิ ัย (Cognitive Domain) จิตพิสัย (Affective Domain) และ ทกั ษพิสยั (Skill Domain) ในขอบข่ายวทิ ยพิสัย (เดิมเรียกว่าพุทธิพิสัย**) เน้ือหาที่เป็นความรู้ความจามกั จะต้งั ไวส้ ูงสุด แลว้ ลดต่าลงมาคอื 90/90 85/85 80/80 ส่วนเน้ือหาสาระท่เี ป็นจิตพิสัยจะตอ้ งใชเ้ วลาไปฝึกฝนและพฒั นา ไม่สามารถทาให้ถึงเกณฑ์ ระดบั สูงไดใ้ นหอ้ งเรียนหรือในขณะที่เรียน จึงอนุโลมให้ต้งั ไวต้ ่าลง นนั่ คอื 80/80 75/75 แต่ไม่ต่ากวา่

18 75/75 เพราะเป็นระดบั ความพอใจต่าสุด จึงไมค่ วรต้งั เกณฑไ์ วต้ ่ากวา่ น้ี หากต้งั เกณฑไ์ วเ้ ทา่ ใด กม็ กั ไดผ้ ลเท่าน้นั ดงั จะเห็นไดจ้ ากระบบการสอนของไทยปัจจบุ นั (2520) ไดก้ าหนดเกณฑ์ โดยไมเ่ ขยี นเป็น ลายลกั ษณอ์ กั ษรไว้ 0/50 นน่ั คอื ให้ประสิทธิภาพกระบวนการมีค่า 0 เพราะครูมกั ไมม่ เี กณฑเ์ วลาในการ ให้งานหรือแบบฝึกปฏิบตั ิแก่นกั เรียน ส่วนคะแนนผลลพั ธท์ ี่ให้ผ่านคือ 50% ผลจึงปรากฏว่า คะแนน วชิ าตา่ ง ๆ ของนกั เรียนต่าในทุกวิชา เช่น คะแนนภาษาไทยนกั เรียนช้นั ประถมศึกษาปี ที4่ โดยเฉลีย่ แต่ ละปี เพียง 51% เท่าน้นั วิธีการคานวณหาประสิทธภิ าพ วิธีการคานวณหาประสิทธิภาพ กระทาได2้ วิธีคือ โดยใชส้ ูตรและโดยการคานวณธรรมดา ก. โดยใชส้ ูตร กระทาไดโ้ ดยใชส้ ูตรต่อไปน้ี สูตรท่ี 1 ∑ ������ ���̅��� x100 E1 = ������ x100 หรือ ������ ������ เมอ่ื E1 คอื ประสิทธิภาพของกระบวนการ ∑ ������ คือ คะแนนรวมของแบบฝึกปฏิบตั กิ ิจกรรมหรืองานที่ทาระหวา่ งเรียนท้งั ที่ เป็นกิจกรรมในห้องเรียน นอกห้องเรียนหรือออนไลน์ A คือ คะแนนเต็มของแบบฝึกปฏบิ ตั ทิ กุ ชิ้นรวมกนั N คอื จานวนผเู้ รียน สูตรที่ 2 ∑ ������ ���̅��� x100 E2 = ������ x100 หรือ ������ ������ เม่อื E2 คอื ประสิทธิภาพของผลลพั ธ์

19 ∑ ������ คือ คะแนนรวมของผลลพั ธข์ องการประเมนิ หลงั เรียน B คือ คะแนนเต็มของการประเมนิ สุดทา้ ยของแตล่ ะหน่วย ประกอบดว้ ยผล การสอบหลงั เรียนและคะแนนจากการประเมินงานสุดทา้ ย N คือ จานวนผเู้ รียน การคานวณหาประสิทธิภาพโดยใชส้ ูตรดงั กล่าวขา้ งตน้ กระทาไดโ้ ดยการนาคะแนน รวมแบบฝึกปฏิบตั หิ รือผลงานในขณะประกอบกิจกรรมกลมุ่ /เดี่ยวและคะแนนสอบหลงั เรียน มาเขา้ ตารางแลว้ จึงคานวณหาคา่ /E1 E12 ข.โดยใชว้ ธิ ีการคานวณโดยไมใ่ ชส้ ูตร หากจาสูตรไม่ไดห้ รือไม่อยากใชส้ ูตรผผู้ ลติ สื่อหรือชุด การสอนกส็ ามารถใชว้ ิธีการคานวณธรรมดาหาค่า E1 และ E2 ได้ ดว้ ยวิธีการคานวณธรรมดา สาหรับ E1 คอื ค่าประสิทธิภาพของงานและแบบฝึกปฏิบตั ิกระทาไดโ้ ดยการนาคะแนนงานทกุ ชิ้นของนกั เรียนในแต่ละกิจกรรม แตล่ ะคนมารวมกนั แลว้ หาค่าเฉลย่ี และเทียบส่วนโดยเป็นร้อยละ สาหรบั ค่า E2 คือประสิทธิภาพผลลพั ธข์ องการประเมนิ หลงั เรียนของแต่ละสื่อหรือชุดการ สอน กระทาไดโ้ ดยการเอาคะแนนจากการสอบหลงั เรียนและคะแนนจากงานสุดทา้ ยของนกั เรียน ท้งั หมดรวมกนั หาคา่ เฉลย่ี แลว้ เทียบส่วนร้อย เพื่อหาคา่ ร้อยละ การตคี วามหมายผลการคานวณ หลงั จากคานวณหาค่า E1 และ E2 ไดแ้ ลว้ ผหู้ าประสิทธิภาพตอ้ งตีความหมายของผลลพั ธ์โดย ยดึ หลกั การและแนวทางดงั น้ี 1.ความคลาดเคลอื่ นของผลลพั ธใ์ ห้ มคี วามคลาดเคลอ่ื นหรือความแปรปรวนของผลลพั ธไ์ ดไ้ มเ่ กิน .05 (ร้อยละ 5) จากช่วงต่าไปสูง = ±2.5 นนั่ ให้ผลลพั ธ์ของคา่ E1 หรือ E2 ที่ถือวา่ เป็นไปตามเกณฑ์ มีค่าตา่ กวา่ เกณฑ์ ไมเ่ กิน 2.5% และ สูงกว่าเกณฑท์ ต่ี ้งั ไวไ้ ม่เกิน 2.5%

20 หากคะแนน E1 หรือ E2 ห่างกนั เกิน 5% แสดงวา่ กิจกรรมทใี่ หน้ กั เรียนทากบั การสอบหลงั เรียนไมส่ มดลุ กนั เช่น คา่ E1 มากกวา่ E2 แสดงวา่ งานทีม่ อบหมายอาจจะง่ายกวา่ การสอบ หรือ หากคา่ E2 มากกว่าคา่ E1 แสดงวา่ การสอบง่ายกว่าหรือไมส่ มดุลกบั งานทีม่ อบหมายให้ทาจาเป็นที่จะตอ้ ง ปรบั แก้ หากส่ือหรือชุดการสอนไดร้ บั การออกแบบและพฒั นาอยา่ งดีมคี ณุ ภาพ คา่ E1 หรือ E2 ที่ คานวณไดจ้ ากการทดสอบประสิทธิภาพ จะตอ้ งใกลเ้ คียงกนั และห่างกนั ไม่เกิน 5% ซ่ึงเป็นตวั ช้ีท่ีจะ ยืนยนั ไดว้ ่านกั เรียนไดม้ กี ารเปลย่ี นพฤตกิ รรมต่อเน่ืองตามลาดบั ข้นั หรือไมก่ อ่ นทีจ่ ะมกี ารเปล่ียน พฤติกรรมข้นั สุดทา้ ยหรืออกี นยั หน่ึงตอ้ งประกนั ไดว้ า่ นกั เรียนมคี วามรู้จริงไม่ใช่ทากิจกรรมหรือทา สอบไดเ้ พราะการเดา การประเมนิ ในอนาคตจะเสนอผลการประเมินเป็นเลขสองตวั คือ E1 คู่ E2 เพราะจะทาให้ ผอู้ ่านผลการประเมนิ ทราบลกั ษณะนิสยั ของผเู้ รียนระหว่างนิสัยในการทางานอยา่ งตอ่ เน่ือง คงเส้นคงวา หรือไม่ (ดจู ากคา่ E1 คือกระบวนการ) กบั การทางานสุดทา้ ยวา่ มคี ณุ ภาพมากนอ้ ยเพยี งใด (ดจู ากคา่ E2 คอื กระบวนการ) เพือ่ ประโยชน์ของการกลน่ั กรองบุคลากรเขา้ ทางาน ตวั อยา่ ง นกั เรียนสองคนคอื เกษมกบั ปรีชาเกษมไดผ้ ลลพั ธ์ E1/E2 = 78.50/82.50 ส่วนปรีชาได้ ผลลพั ธ์ 82.50/78.50 แสดงว่านกั เรียนคนแรกคือเกษม ทางานและแบบฝึกปฏิบตั ทิ ้งั ปี ได7้ 8% และสอบ ไล่ได้ 83% จะเห็นวา่ จะมีลกั ษณะนิสยั ท่เี ป็นกระบวนการสูน้ กั เรียนคนที่สองคือปรีชาท่ีไดผ้ ลลพั ธ์ E1/E2 = 82.50/78.50 ไม่ได้ (ชยั ยงค์ พรหมวงศ์, 2556) ความหมายของค่าดชั นปี ระสิทธผิ ล ดชั นีประสิทธิผล หมายถงึ ตวั เลขทแ่ี สดงถึงความกา้ วหนา้ ในการเรียนของผเู้ รียน โดย เปรียบเทียบคะแนนท่ีเพมิ่ จากคะแนนการทดสอบกอ่ นเรียนกบั คะแนนทไ่ี ดจ้ ากการทดสอบหลงั เรียน และคะแนนเตม็ หรือคะแนนสูงสุดกบั คะแนนทไ่ี ดจ้ ากการทดสอบก่อนเรียน เมอ่ื มีการประเมิน สื่อการ สอนทีผ่ ลิตข้ึน จะดูประสิทธิผลทางการสอน และการวดั ผลประเมนิ ผล ส่ือการสอนน้นั ตามปกติ การ ประเมนิ ความแตกตา่ งของคา่ คะแนนใน 2 ลกั ษณะคอื ความแตกตา่ งของคะแนนทดสอบกอ่ นเรียนและ

21 คะแนนการทดสอบหลงั เรียน หรือเป็นการทดสอบผลสมั ฤทธ์ิการเรียนระหวา่ งกลุ่มทดลองกบั กลุ่ม ควบคมุ ในการหาค่าดชั นีประสิทธิผล วธิ หี าค่าดัชนีประสิทธผิ ล เผชิญ กิจระการ (2546 : 1-6) ไดเ้ สนอแนวทางในการหาประสิทธิผลของแผนการเรียนรู้หรือ ส่ือทส่ี ร้างข้ึน โดยใหพ้ จิ ารณาจากพฒั นาการของนกั เรียนจากกอ่ นเรียนและหลงั เรียนว่ามคี วามรู้ ความสามารถเพ่ิมข้นึ อยา่ งเชื่อถอื ไดห้ รือไม่ หรือเพิ่มข้นึ เทา่ ใดซ่ึงอาจพิจารณาไดจ้ ากการคานวณค่า t- test แบบ Dependent Samples หรือหาค่าดชั นีประสิทธิผล (Effectiveness Index : E.I) มีรายละเอยี ด ดงั น้ี 1. การหาคา่ พฒั นาการที่เพ่มิ ข้ึนของผูเ้ รียนโดยอาศยั การหาคา่ t-test (แบบ Dependent Samples) เป็นการพิจารณาดูวา่ นกั เรียนมพี ฒั นาการเพิ่มข้นึ อยา่ งเชื่อถอื ไดห้ รือไม่ โดยทาการทดสอบ นกั เรียนทกุ คนกอ่ น (Pretest) และหลงั เรียน (Posttest) แลว้ นามาหาคา่ t-test แบบ Dependent Samples หากมนี ยั สาคญั ทางสถติ ิ ก็ถอื ไดว้ า่ นกั เรียนกลมุ่ น้นั มีพฒั นาการเพ่ิมข้นึ อยา่ งเชื่อถือได้ 2. การหาพฒั นาการที่เพ่ิมข้ึนของนกั เรียนโดยอาศยั การหาค่าดชั นีประสิทธิผล(Effectiveness Index : E.I) มีสูตรดงั น้ี ค่าดชั นีประสิทธิผล = ผลรวมของคะแนนหลงั เรียนทกุ คน – ผลรวมของคะแนนก่อนเรียนทุกคน (จานวนนกั เรียน x คะแนนเตม็ ) – ผลรวมของคะแนนกอ่ นเรียนทุกคน การหาค่า E.I เป็นการพจิ ารณาพฒั นาการในลกั ษณะทว่ี า่ เพมิ่ ข้ึนเท่าไร ไมไ่ ดท้ ดสอบว่าเพิม่ ข้นึ อยา่ งเชื่อถือไดห้ รือไม่ วิธีการอาจแปลงคะแนนใหอ้ ยใู่ นรูปของร้อยละก็ได้ ดงั น้ี ค่าดชั นีประสิทธิผล = ร้อยละของผลรวมของคะแนนหลงั เรียน – รอ้ ยละของผลรวมของคะแนนกอ่ นเรียน 100 – รอ้ ยละของผลรวมของคะแนนกอ่ นเรียนทุกคน

22 ข้อสังเกตบางประการทีเ่ กยี่ วกบั ค่า E.I. 1. E.I. เป็นเรื่องของอตั ราส่วนของผลต่าง จะมคี า่ สูงสุดเป็น 1.00 ส่วนค่าต่าสุดไม่สามารถกาหนด ไดเ้ พราะค่าต่ากว่า -1.00 และถา้ เป็นคา่ ลบแสดงว่า ผลคะแนนสอบกอ่ นเรียนมากกวา่ หลงั เรียน ซ่ึง หมายความวา่ ระบบการเรียนการสอนหรือสื่อท่สี ร้างข้นึ ไมม่ ีคณุ ภาพ 2. การแปลผล E.I. ในตาราง ผลการวเิ คราะหข์ อ้ มลู ในบทท่ี 4 ของงานวิจยั มกั จะใชข้ อ้ ความไม่ เหมาะสม ทาใหผ้ อู้ า่ นเขา้ ใจความหมายของ E.I. ผิดจากความเป็นจริง เช่น คา่ E.Iเท่ากบั 0.6240 ก็มกั จะ กลา่ วว่า “ค่าดชั นีประสิทธิผลเทา่ กบั 0.6340 ซ่ึงแสดงวา่ นกั เรียนมคี วามรู้เพิ่มข้ึนร้อยละ 62.40 ซ่ึงใน ความเป็นจริงค่า E.I. เทา่ กบั 0.6240 เพราะคิดเทียบจาก E.I. สูงสุดเป็น 1.00 ดงั น้นั ถา้ คิดเทียบเป็นร้อย ละ กค็ อื คิดเทียบจากค่าสูงสุดเป็น 100 E.I. จะมคี ่าเป็น62.40 จึงควรใชข้ อ้ ความวา่ “ ค่าดชั นีประสิทธิผล เท่ากบั 0.6240 แสดงว่านกั เรียนมคี วามรู้เพ่มิ ข้นึ 0.6240 หรือคดิ เป็นร้อยละ 62.40 ” 3. ถา้ ค่าของ E1/ E2 ของแผนการเรียนสูงกว่าเกณฑท์ ่กี าหนด และเมอื่ หา E.I. ดว้ ยพบว่า มี พฒั นาการเพ่ิมข้ึนถึงระดบั หน่ึงทผี่ ูว้ ิจยั พอใจ หากคานวณค่าความคงทนดว้ ยโดยใชส้ ูตร t-test แบบ Dependent Samples ก็ไมไ่ ดแ้ ปลวา่ จะไมม่ นี ยั สาคญั (เพราะผวู้ จิ ยั คาดหวงั วา่ หากสื่อ หรือแผนการ เรียนรู้มคี ุณภาพ ผลการเรียนหลงั สอนเมือ่ ผ่านไประยะหน่ึง เช่น ผา่ นไป 2 สัปดาห์ กบั ผลการเรียนจบ จะตอ้ งไมแ่ ตกต่างกนั ) ลกั ษณะเช่นน้ีมกั พบในงานวิจยั ของนิสิตบ่อยๆ คือ แผนการเรียนรู้ หรือส่ือมคี ่า E1/ E2 สูงกวา่ เกณฑท์ ี่กาหนด ค่า E.I ก็สูง แต่ผลการทดสอบความคงทนมนี ยั สาคญั ทางสถิติ ปัญหาน้ี น่าจะมาจากนกั เรียนไมไ่ ดต้ ้งั ใจหรือเบ่ือหน่ายในการทาขอ้ สอบอยา่ งจริงจงั แมว้ ่าผวู้ จิ ยั จะมีความรู้สึก ว่าส่ือหรือแผนทใ่ี ชจ้ ะมคี ณุ ภาพ ทาใหน้ กั เรียนเกิดความเขา้ ใจในเน้ือหาสาระทเ่ี รียนมาก หรือมคี วาม ตรึงตราตรึงใจต่อบทเรียนมากเท่าไรกต็ าม วิธกี ารประเมินผลสื่อการเรียนการสอน ทศั นีย์ รุ่งเรือง (2559) ไดก้ ล่าวไวว้ ่า การประเมนิ ส่ือการเรียนการสอนนบั วา่ เป็นข้นั ตอนท่ี สาคญั มากอีกข้นั ตอนหน่ึงของกระบวนการเรียนการสอนการประเมินสื่อการเรียนการสอนมกั จะควบคู่ ไปกบั วิธีการประเมนิ ไปดว้ ย การประเมินส่ือเป็นการพจิ ารณาประสิทธิภาพและคณุ ภาพของสื่อการ เรียนการสอน ซ่ึงถา้ จะใหไ้ ดผ้ ลดีน้นั ควรจะมกี ารประเมินส่ือน้นั เมอ่ื มกี ารใชส้ ื่อเป็น คร้ังแรกเพ่อื การ ปรับปรุงการใชส้ ื่อในคร้งั ตอ่ ไป การประเมนิ ส่ืออาจทาไดโ้ ดย

23 1. การประเมนิ โดยผสู้ อน ผสู้ อนควรเป็นผทู้ ีม่ ีประสบการณ์ในการสอน เคยไดร้ บั การฝึกอบรม จนมีความรู้ความชานาญเกี่ยวกบั การผลิตและมีประสบการณ์ในการใชส้ ่ือการเรียนการสอนมาเป็น อยา่ งดี 2. การประเมนิ โดยผูช้ านาญ ซ่ึงผชู้ านาญในทน่ี ้ี หมายถึง ผชู้ านาญดา้ นสื่อการเรียนการสอน และจะตอ้ งมีประสบการณ์ดา้ นการประเมินดว้ ย ดงั น้นั ผชู้ านาญอาจเป็นผสู้ อน เป็นอาจารยใ์ น มหาวทิ ยาลยั ท่สี อนในสาขาวชิ าสื่อและเทคโนโลยีการศึกษา รวมท้งั อาจารยด์ า้ นการวดั ผลและการ ประเมนิ ผลทม่ี คี วามรู้ความสามารถดา้ นสื่อการเรียนการสอน เป็นตน้ หลกั ในการประเมินผลสื่อการ เรียนรู้โดยผูเ้ ชี่ยวชาญมดี งั น้ี 1) ควรเลอื กผูเ้ ชี่ยวชาญทีม่ คี วามเชี่ยวชาญ รอบรู้ มีประสบการณ์เก่ียวกบั ส่ือน้นั ๆ รวมท้งั เก่ียวกบั เน้ือหาสาระทเ่ี สนอหรือถา่ ยทอดโดยส่ือน้นั 2) การใหผ้ ูเ้ ช่ียวชาญหลายคนประเมนิ ผลส่ือการเรียนรู้ ยอ่ มไดผ้ ลท่นี ่าเช่ือถอื มากกวา่ ประเมนิ ผลเพียงคนเดียวบง่ บอกคุณลกั ษณะและคุณภาพของส่ือการเรียนรู้วา่ มีความเหมาะสม ถูกตอ้ ง หรือเหมาะสมท่ีจะนาไปใชใ้ นการเรียนการสอนไดห้ รือไม่ 3) ในการประเมนิ ผลสื่อการเรียนรู้แต่ละประเภท ควรใชแ้ บบประเมนิ ผลเฉพาะของ ส่ือการเรียนรู้ประเภทน้นั ๆ ซ่ึงอาจมีความแตกตา่ งจากส่ือประเภทอ่นื ๆ 4) สาหรับสื่อการเรียนรู้ท่มี ีท้งั Hardware และ Software น้นั จะประเมินผล Software เป็นสาคญั แตถ่ า้ ตอ้ งการประเมนิ Hardware โดยเฉพาะก็จะมเี กณฑก์ ารประเมนิ สาหรับส่ือแต่ละ ประเภทเป็นเคร่ืองมอื สาหรบั การประเมนิ ส่ือน้นั ๆ อยา่ งไรก็ตามมปี ระเด็นสาคญั และเป็นขอ้ สังเกตบางประการทเ่ี ป็นปัญหาของการประเมินผล ส่ือการเรียนรู้โดยผูเ้ ช่ียวชาญหรือครูดงั ต่อไปน้ี 1. ส่ือการเรียนรู้ท่ีผสู้ อนสร้างข้ึนใชเ้ องโดยทว่ั ไปจะผลติ ออกมาตามความจาเป็นที่จะใชเ้ ท่าน้นั เช่น ผลิตส่ือโปรแกรมคอมพวิ เตอร์ช่วยสอน ( CAI ) 1 ชุด หรือผลิตสื่อหนงั สืออเิ ลก็ ทรอนิกส์( e-Book ) 1 เรื่องข้ึนมาใช้ การส่งใหผ้ ูเ้ ชี่ยวชาญพิจารณาอาจทาไดย้ ากโดยเฉพาะเม่ือตอ้ งการใหผ้ เู้ ชี่ยวชาญหลาย คนพิจารณา และการพจิ ารณา Software จะตอ้ งอาศยั Hardware ดว้ ยไมใ่ ช่ดูเฉพาะส่ือวสั ดุโดยไม่ ทดลองเปิ ดดู และถา้ จะใหด้ ีจะตอ้ งพิจารณาประกอบการใชจ้ ากผใู้ ชห้ รือนกั เรียนดว้ ย ดงั น้นั ในทาง ปฏบิ ตั ิจึงเป็นไปไดย้ ากทจ่ี ะประเมินผลโดยผเู้ ชี่ยวชาญในกรณีทก่ี ล่าวมา และสาหรับส่ือการเรียนรู้บาง

24 ประเภทโดยเฉพาะประเภทส่ือประสม ( Multimedia ) หรือส่ือเชิงปฏสิ ัมพนั ธ์ ( Interactive Media ) ก็ จะย่ิงมีปัญหามากในประเด็นการประเมินลกั ษณะดงั กล่าวน้ี 2. การท่ีจะทราบวา่ ส่ือการเรียนรู้น้นั มคี ุณลกั ษณะ คุณภาพดีตามความเห็นของผูเ้ ช่ียวชาญหรือ ครูผสู้ อน ไมไ่ ดเ้ ป็นการประเมนิ เพือ่ ตอบคาถามที่ว่า ผเู้ รียนเห็นวา่ สื่อน้นั ช่วยให้เกิดการเรียนรู้อย่างมี ประสิทธิภาพหรือไม่ และไมไ่ ดพ้ ิสูจน์ใหเ้ ห็นถงึ ประสิทธิภาพของสื่อการเรียนรู้น้นั จนกว่าสื่อน้นั จะ ถูกนาไปสู่กระบวนการวจิ ยั และพฒั นาให้เกิดผลที่ชดั เจนเสียก่อน 3. การประเมินโดยคณะกรรมการเฉพาะกิจ คณะกรรมการเฉพาะกิจเพอ่ื ประเมินสื่อการสอน เป็นกล่มุ บุคคลท่หี น่วยงานแตง่ ต้งั ข้นึ มาประเมินสื่อ ซ่ึงลกั ษณะของกรรมการชุดน้ีจะประเมิน คณุ ลกั ษณะ ประสิทธิภาพการใชแ้ ละคุณลกั ษณะดา้ นอ่นื ๆของส่ือการเรียนการสอนดว้ ย 4. การประเมินผลโดยผูเ้ รียน ผเู้ รียนเป็นเป้าหมายสาคญั ของการใชส้ ื่อการเรียนการสอน ผเู้ รียน เป็นผใู้ ช้สื่อหรือเรียนรู้จาสื่อการเรียนรู้น้นั ๆ หรือไดใ้ ชป้ ระสาทสัมผสั กบั ส่ือการเรียนรู้น้นั ในรูปแบบ ใดรูปแบบหน่ึงหรือ หลายรูปแบบ ดงั น้นั ผเู้ รียนจึงเป็นผทู้ ี่มปี ระสบการณ์ตรงและเป็นผูท้ ีม่ กี ารรับรู้ สามารถพิจารณาถงึ คุณลกั ษณะ คุณภาพ และคณุ คา่ ของสื่อการเรียนรู้ไดอ้ ยา่ งสมเหตุสมผล การประเมินผลส่ือการเรียนรู้โดยผ้เู รียนมหี ลักสาคัญดังต่อไปน้ี 1. จะตอ้ งประเมินผลทนั ทหี ลงั จากการใชส้ ื่อน้นั เสร็จแลว้ ไมค่ วรปล่อยไวน้ านเพราะจะจา ไม่ได้ หรือการปลอ่ ยทิ้งไวน้ านจะทาใหป้ ระสบการณ์จากการสัมผสั ส่ือการเรียนรู้น้นั เลอื นหายไปได้ 2. ใหผ้ เู้ รียนพิจารณาประเมินเฉพาะสื่อการเรียนรู้น้นั โดยแยกสิ่งทีไ่ ม่เกี่ยวขอ้ งออก เช่น แยก ความสามารถในการสอนของผสู้ อนออก 3. ใชแ้ บบประเมินผลเฉพาะของส่ือการเรียนรู้ชนิดน้นั ๆ ซ่ึงอาจแตกตา่ งจากสื่อการเรียนรู้ชนิด อน่ื ๆ ท่มี ีคุณลกั ษณะเฉพาะในตวั ส่ือเอง 4. ช้ีแจงให้ผูเ้ รียนเขา้ ใจอยา่ งถูกตอ้ งว่าการประเมนิ ผลส่ือ การเรียนรู้น้นั เพอื่ มุง่ ใหไ้ ด้ ขอ้ เท็จจริงเก่ียวกบั ส่ือการเรียนการสอน คุณคา่ ของการประเมินผลอยทู่ ีก่ ารตอบตรงกบั ความรู้สึกนึกคดิ ที่แทจ้ ริงของผู้ เรียนทุกคนท่มี ีต่อส่ือการเรียนรู้น้นั 5. การประเมนิ ประสิทธิภาพของสื่อ เป็นอีกวิธีหน่ึงทอ่ี าจทาไดด้ ว้ ยเช่นกนั ซ่ึงการประเมิน ประสิทธิภาพของส่ือน้นั ส่ือท่จี ะตอ้ งไดร้ บั การประเมิน ประสิทธิภาพส่วนใหญจ่ ะเป็นส่ือทีผ่ ลิตข้นึ ตาม หลกั การของการสอนแบบโปรแกรม เช่น บทเรียนโปรแกรมชุดการสอนโมเดลและโสตทศั นูปกรณ์

25 โปรแกรม เป็นตน้ การประเมินส่ือโดยวิธีน้ีจะคานึงถึงจดุ มุ่งหมายของสื่อการเรียนการสอนและการ วดั ผลสมั ฤทธ์ิทางการเรียนของผูเ้ รียนภายหลงั จากท่ีเรียนจากสื่อน้นั แลว้ 6. การประเมนิ ผลโดยตรวจสอบผลที่เกิดข้ึนกบั ผเู้ รียน การประเมนิ ผลสื่อการเรียนรู้โดย ตรวจสอบผลทีเ่ กิดข้นึ กบั ผเู้ รียน เป็นการหาประสิทธิภาพของส่ือการเรียนการสอนเพื่อหาความ เทยี่ งตรง และนบั ว่าเป็นการพิสูจนค์ ณุ ภาพและคณุ ค่าของส่ือการเรียนรู้น้นั การประเมนิ ผลโดยวิธีน้ี จะตอ้ งมกี ารวดั วา่ ผเู้ รียนเกิดการเรียนรู้อะไรบา้ ง โดยวดั เฉพาะผลทเี่ ป็นจุดประสงคข์ องการสอนท่เี กิด จากการใชส้ ่ือการเรียนรู้ น้นั ๆ การประเมินผลลกั ษณะดงั กลา่ วน้ีอาจจาแนกออกเป็น 2 วธิ ีใหญ่ ๆ คอื วธิ ีท่ี 1 กาหนดเกณฑห์ รือมาตรฐานข้นั ต่าสุดไวเ้ ช่น ผูเ้ รียนตอ้ งสอบได้ 80% หรือ 90% ของคะแนนเตม็ จึงจะถือว่าส่ือน้นั มปี ระสิทธิภาพ สื่อบางประเภทจะกาหนดเกณฑไ์ วม้ ากกว่า 1 เกณฑ์ เช่นการประเมนิ เพื่อหาประสิทธิภาพบทเรียนแบบโปรแกรม หรือ ชุดการสอน จากสูตร E1/E2โดย กาหนดเกณฑม์ าตรฐานการประเมินไวเ้ ช่น 80/80 Standard หรือ 90/90 Standard เป็นตน้ วธิ ีที่ 2 ไม่ไดก้ าหนดเกณฑม์ าตรฐานไวล้ ว่ งหนา้ แต่จะพิจารณาประสิทธิภาพจากการ เปรียบเทยี บ กล่าวคอื เปรียบเทียบผลการทดสอบหลงั เรียนสูงกวา่ กอ่ นเรียนอยา่ งมนี ยั สาคญั หรือไม่ หรือเปรียบเทียบว่าผลสัมฤทธ์ิจากการเรียนดว้ ยสื่อการเรียนรู้น้นั สูงกว่า (หรือเท่ากนั กบั ) ส่ือหรือ เทคนิคการสอนอยา่ งอนื่ เช่นการเปรียบเทยี บผลการทดสอบหลงั เรียนกบั กอ่ นเรียนจากการใช้ แบบทดสอบชุดเดียวกนั 2 คร้ัง (Pretest-Posttest) โดยใชส้ ถิติทดสอบชนิด t-dependent จากการคานวณ เปรียบเทยี บคา่ วกิ ฤตจากสูตร t-test, Z-test เป็นตน้ เคร่ืองมือที่ใช้ในการประเมนิ การประเมินสื่อสามารถทาไดห้ ลายวิธีและมีจดุ มงุ่ หมายที่ตา่ งๆกนั ดงั น้นั เคร่ืองมอื ที่ใชใ้ นการ รวบรวมขอ้ มลู เพื่อการประเมนิ สื่อจึงทาไดห้ ลายลกั ษณะ คอื 1. แบบทดสอบวดั ผลสมั ฤทธ์ิทางการเรียน จะเป็นเคร่ืองมือวดั ความรู้ของผเู้ รียนภายหลงั การ เรียนจากสื่อแลว้ 2. แบบทดสอบความถนดั เพื่อวดั สมรรถนะของผเู้ รียนภายหลงั เรียนจากส่ือ 3. แบบสอบถาม เป็นเคร่ืองมือที่ใชใ้ นการสารวจซ่ึงเคร่ืองมือน้ีจะประกอบดว้ ยขอ้ ความหรือคา ถามตา่ ง ๆ เก่ียวกบั สื่อหรืออาจจะมชี ่องวา่ งใหเ้ ติมขอ้ ความดว้ ยก็ได้ เครื่องมือลกั ษณะน้ีใชป้ ระเมินได้ กบั ทุกกลมุ่ เรียน

26 4. การสังเกตเป็นการเฝ้าดผู ลท่เี กิดข้นึ จากการใช้สื่อการสอนต้งั แต่เร่ิมตน้ จนจบกระบวนการใช้ 5. การสัมภาษณเ์ ป็นการซกั ถามและพดู คยุ กบั ท้งั ผูผ้ ลติ ผูใ้ ชแ้ ละผูเ้ รียนเก่ียวกบั สื่อน้นั เพ่ือนา ขอ้ มลู มาประกอบพิจารณาในการประเมนิ ส่ือ ลกั ษณะของเคร่ืองมือการประเมินสื่อการเรียนการสอน นอกจากทไี่ ดก้ ลา่ วมาแลว้ น้นั ยงั มเี ครื่องมืออีกหลายลกั ษณะท่ีสามารถนามาประยกุ ตใ์ นการออกแบบ เคร่ืองมือการประเมินสื่อได้ ท้งั น้ีข้นึ อยกู่ บั จดุ มงุ่ หมายและวธิ ีการประเมนิ งานวิจัยท่ีเก่ียวข้อง งานวจิ ัยในประเทศ บญุ ญานี เพชรสีเงิน (2560) ไดพ้ ฒั นาบทเรียนคอมพวิ เตอร์ผ่านเวบ็ ดว้ ย Google Site รายวิชา เทคโนโลยีสารสนเทศและการส่ือสาร สาหรบั นักเรียนช้นั มธั ยมศึกษาปี ท่ี 3 โดยการวจิ ยั คร้ังน้ีมี วตั ถุประสงค์ 1) เพ่อื เปรียบเทียบผลสมั ฤทธ์ิทางการเรียนในรายวชิ าเทคโนโลยสี ารสนเทศและการ สื่อสาร กอ่ นและหลงั ไดร้ บั การจดั การเรียนรู้และ 2) เพื่อศึกษาความพงึ พอใจตอ่ การจดั การเรียนรู้โดยใช้ บทเรียนคอมพวิ เตอร์ผา่ นเวบ็ กลุ่มตวั อยา่ งที่ใชใ้ นการวิจยั คือ นกั เรียนช้นั มธั ยมศกึ ษาปี ท่ี 3 ภาคเรียนท่ี 1 ปี การศึกษา 2560 โรงเรียนทุ่งสง อาเภอท่งุ สง จงั หวดั นครศรีธรรมราช จานวน 30 คน ท่ีไดม้ าโดยการ เลือกแบบแบ่งกลุม่ (Cluster Sampling) เคร่ืองมือท่ีใชใ้ นการวิจยั ไดแ้ ก่ 1) บทเรียนคอมพิวเตอร์ผ่าน เวบ็ ดว้ ย Google Site รายวชิ าเทคโนโลยีสารสนเทศและการส่ือสาร และ 2) แบบสสารวจพึงพอใจของ ผเู้ รียนท่มี ีต่อบทเรียนคอมพิวเตอร์ผ่านเวบ็ ดว้ ย Google Site รายวชิ าเทคโนโลยสี ารสนเทศและการ ส่ือสาร สถิตทิ ่ใี ชใ้ นการวิเคราะห์ขอ้ มูล ไดแ้ ก่ คา่ เฉลยี่ (������̅) ค่าเบ่ียงเบนมาตรฐาน (S.D.) และการ ทดสอบสมมตฐิ าน โดยใชส้ ถติ ทิ ดสอบ Pair sample t-test ผลการวิจยั พบว่า 1) ผลการเปรียบเทยี บ ผลสมั ฤทธ์ิทางการเรียนในรายวชิ าเทคโนโลยีสารสนเทศและการส่ือสารหลงั ไดร้ บั การจดั การเรียนรู้สูง กวา่ กอ่ นการจดั การเรียนรู้อยา่ งมีนยั สาคญั ทางสถติ ทิ ีร่ ะดบั .05 2) ความพงึ พอใจของผูเ้ รียนท่ีมีตอ่ การ พฒั นาบทเรียนคอมพิวเตอร์ผ่านเวบ็ ดว้ ย.Google Site รายวิชาเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร ใน ภาพรวมอยใู่ นระดบั มาก เมือ่ พิจารณาเป็นรายขอ้ พบว่า การพฒั นาบทเรียนคอมพิวเตอร์ผ่านเวบ็ ดว้ ย Google Site รายวิชาเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร เวบ็ ไซตม์ ีความน่าสนใจและน่าเรียนรู้อยใู่ น ระดบั มากทีส่ ุด (������̅= 4.60) รองลงมา คือ สื่อเสริมสร้างความเขา้ ใจในบทเรียนอยใู่ นระดบั มาก (������̅= 4.40) และมคี วามสนุกสนานระหวา่ งในการชมเวบ็ ไซตอ์ ยใู่ นระดบั มาก (������̅= 4.30)

27 สุดารัตน์ สุขเจริญ (2558) ไดพ้ ฒั นาบทเรียนอเี ลริ ์นน่ิง เร่ือง การเลอื กซอฟตแ์ วร์ให้เหมาะสม กบั งานสาหรบั ช้นั มธั ยมศกึ ษาปี ที่ 4 การศึกษาวิจยั คร้ังน้ีมวี ตั ถุประสงค์ 1) เพ่ือพฒั นาบทเรียน e- Learning 2) เพ่ือหาคุณภาพบทเรียน e-Learning และ 3) ศกึ ษาความพึงพอใจของผเู้ รียนท่ีมตี ่อบทเรียน e-Learning เร่ือง การเลอื กซอฟตแ์ วร์ให้เหมาะสมกบั งานกลมุ่ ตวั อยา่ งท่ีใชใ้ นการวจิ ยั คร้งั น้ีคอื นกั เรียน ช้นั มธั ยมศึกษาปี ท่ี 4/1 จานวน 30 คน โรงเรียนกุฉินารายณ์ ซ่ึงไดม้ าจากการสุ่มอยา่ งง่ายโดยวิธีการจบั สลาก เคร่ืองมือที่ใชใ้ นการศกึ ษาคร้งั น้ี ไดแ้ ก่ บทเรียน e-Learning เร่ือง การเลอื กซอฟตแ์ วร์ให้ เหมาะสมกบั งานแบบประเมนิ คณุ ภาพบทเรียน e-Learning และแบบสอบถามความพึงพอใจของผเู้ รียน สถิตทิ ใ่ี ชใ้ นการวิเคราะห์ขอ้ มลู ไดแ้ ก่ ค่าเฉล่ีย และส่วนเบ่ยี งเบนมาตรฐาน ผลการวจิ ยั พบว่าได้ บทเรียน e-Learning เร่ือง การเลอื กซอฟตแ์ วร์ให้เหมาะสมกบั งานสาหรับช้นั มธั ยมศึกษาปี ที่ 4 ท่ีมี คุณภาพตดั สินโดยผเู้ ชี่ยวชาญ อยใู่ นระดบั มากท่ีสุด (������̅ =4.50, S.D. =0.07) 3) และผเู้ รียนมคี วามพึง พอใจต่อการจดั การเรียนการสอนดว้ ยบทเรียน e-Learning โดยรวมอยใู่ นระดบั มาก (������̅ =4.39, S.D. = 0.14) พรเจตน์ จาปาศร (2560) ไดพ้ ฒั นาบทเรียนคอมพิวเตอร์ช่วยสอนออนไลน์ร่วมกบั การจดั การ เรียนรู้ดว้ ยตนเอง เร่ือง ภาษา HTML สาหรับนกั เรียนช้นั มธั ยมศกึ ษาปี ท่ี 3 การวิจยั คร้ังน้ีมวี ตั ถุประสงค์ เพ่อื 1) พฒั นาบทเรียนคอมพิวเตอร์ช่วยสอนออนไลนร์ ่วมกบั การจดั การเรียนรู้ดว้ ยตนเอง เรื่อง ภาษา HTML สาหรับนกั เรียนช้นั มธั ยมศึกษาปี ท่ี 3 2) หาประสิทธิภาพของบทเรียนคอมพวิ เตอร์ช่วยสอน ออนไลน์ 3) เปรียบเทียบผลสมั ฤทธ์ิทางการเรียนของผูเ้ รียนกอ่ นเรียนและหลงั เรียนดว้ ยบทเรียน คอมพวิ เตอร์ช่วยสอนออนไลน์ 4) หาความพงึ พอใจของผเู้ รียนท่ีมีต่อบทเรียนคอมพวิ เตอร์ช่วยสอน ออนไลน์ กลมุ่ เป้าหมายท่ีใชใ้ นการวิจยั คร้ังน้ี คอื นกั เรียนช้นั มธั ยมศึกษาปี ท่ี 3 โรงเรียนบางแพปฐม พิทยา จา้ นวน 35 คน เคร่ืองมอื ทใี่ ชใ้ นการวิจยั ไดแ้ ก่ 1) บทเรียนคอมพิวเตอร์ช่วยสอนออนไลน์ 2) แบบประเมินดา้ นเน้ือหา 3) แบบประเมินดา้ นเทคนิคและวิธีการ 4) แบบประเมินผลสัมฤทธ์ิทางการ เรียน และ 5) แบบประเมินความพึงพอใจของผเู้ รียน วิเคราะหข์ อ้ มลู ดว้ ยค่าเฉล่ีย ส่วนเบีย่ งเบน มาตรฐาน ประสิทธิภาพ E1/E2 และการทดสอบสถิติ t-test ผลการวจิ ยั พบวา่ 1) ผูเ้ ชี่ยวชาญดา้ นเน้ือหา และผเู้ ชี่ยวชาญดา้ นเทคนิคและวิธีการมีความคดิ เห็นตอ่ บทเรียนคอมพิวเตอร์ช่วยสอนออนไลนว์ า่ มี ความเหมาะสมอยใู่ นระดบั มากทส่ี ุด 2) บทเรียนคอมพวิ เตอร์ช่วยสอนออนไลน์ มีค่าประสิทธิภาพ

28 80.19/84.67 สูงกวา่ เกณฑท์ ีต่ ้งั ไว้ 3) ผูเ้ รียนที่เรียนดว้ ยบทเรียนคอมพิวเตอร์ช่วยสอนออนไลนม์ ี ผลสมั ฤทธ์ิทางการเรียนหลงั เรียนสูงกว่ากอ่ นเรียนอยา่ งมีนยั สาคญั ทางสถิตทิ ่ีระดบั .05 และ 4) ความพึง พอใจของผเู้ รียนทมี่ ีตอ่ บทเรียนคอมพิวเตอร์ช่วยสอนออนไลน์ อยใู่ นระดบั มากทีส่ ุด วชั ราภรณ์ เพง็ สุข (2559) ไดพ้ ฒั นาบทเรียนออนไลน์ วิชาคอมพิวเตอร์สาหรับนกั เรียนช้นั ประถมศกึ ษาปี ท่ี 4 โรงเรียนอนุบาลสุพรรณบุรี การวจิ ยั ในคร้ังน้ีมวี ตั ถปุ ระสงคเ์ พอ่ื พฒั นาบทเรียน ออนไลนว์ ิชาคอมพวิ เตอร์สาหรับนกั เรียนช้นั ประถมศึกษาปี ท่ี 4 ทม่ี ีประสิทธิภาพตามเกณฑ์ 80/80 ประชากรที่ใชใ้ นการวิจยั ไดแ้ ก่ นกั เรียนช้นั ประถมศึกษาปี ท่ี 4 โรงเรียนอนุบาลสุพรรณบุรีภาคเรียนท่ี 1 ปี การศึกษา 2559 กลมุ่ ตวั อยา่ ง ไดแ้ ก่ นกั เรียนช้นั ประถมศกึ ษาปี ที่ 4/5 โรงเรียนอนุบาลสุพรรณบรุ ีภาค เรียนที่ 1 ปี การศกึ ษา 2559 โดยใชก้ ารสุ่มทีไ่ ดม้ าจากการสุ่มสองข้นั ตอน (Two-Stage Random Sampling) จานวน 45 คน เคร่ืองมือทีใ่ ชใ้ นการวิจยั ไดแ้ ก่ แผนการจดั กิจกรรมการเรียนรู้ดว้ ยบทเรียน ออนไลนว์ ิชาคอมพิวเตอร์คู่มือการใชบ้ ทเรียนออนไลนว์ ิชาคอมพิวเตอร์ แบบทดสอบประเมนิ ผลสมั ฤทธ์ิทางเรียนวิชาคอมพิวเตอร์ทเ่ี รียนดว้ ยบทเรียนออนไลนแ์ ละแบบสารวจความคดิ เห็นของ นกั เรียนตอ่ รูปแบบบทเรียนออนไลน์วชิ าคอมพวิ เตอร์ ผลการศึกษาพบว่า บทเรียนออนไลนป์ ระกอบ ไปดว้ ย 5 องคป์ ระกอบ ไดแ้ ก่ เน้ือหาของบทเรียน ระบบบริหารการเรียนรู้การสื่อสาร การวดั ประเมินผล และการทาให้เกิดความสมั พนั ธแ์ ละมีคา่ ประสิทธิภาพของบทเรียนออนไลนเ์ ทา่ กบั 83.81/84.22 เป็นไปตามเกณฑท์ ีก่ าหนดไว้ 80/80 ปาณิสรา สิงหพงษ์ (2560) ไดพ้ ฒั นาบทเรียนออนไลน์ เร่ือง การจดั การเรียนรู้ผา่ นบทเรียน ออนไลน์ดว้ ยโปรแกรม Google Site เพอ่ื พฒั นาผลสมั ฤทธ์ิทางการเรียน รายวิชาโครงงานคอมพวิ เตอร์ (ง31231) ของนกั เรียนช้นั มธั ยมศึกษาปี ที่ 4 โรงเรียนสายปัญญารังสิต การศึกษามวี ตั ถุประสงคเ์ พ่ือ 1) สร้างและหาประสิทธิภาพของบทเรียนออนไลนด์ ว้ ยโปรแกรม Google Site ตามเกณฑ์ 80/80 2) เปรียบเทยี บผลสัมฤทธ์ิทางการเรียนของนกั เรียนหลงั การเรียนรู้จากบทเรียนออนไลน์ดว้ ยโปรแกรม Google Site กบั เกณฑร์ ้อยละ 70 3) ศึกษาความพงึ พอใจของนกั เรียนท่มี ตี ่อการจดั การเรียนรู้ผ่าน บทเรียนออนไลนด์ ว้ ยโปรแกรม Google Site ประชากรเป็นนกั เรียนระดบั ช้นั มธั ยมศึกษาปี ที่ 4 ภาค เรียนที่ 2 ปี การศกึ ษา 2559 โรงเรียนสายปัญญารังสิต จานวน 6 หอ้ งเรียน จานวน 275 คน กล่มุ ตวั อยา่ ง

29 เป็นช้นั มธั ยมศกึ ษาปี ท่ี 4/1 จานวน 48 คน ไดม้ าจากการสุ่มอยา่ งงา่ ย (Simple Random Sampling) ดว้ ย วิธีการจบั ฉลาก เคร่ืองมอื ที่ใชใ้ นการศึกษา ไดแ้ ก่ 1) บทเรียนออนไลน์ดว้ ยโปรแกรม Google Site 2) แผนการจดั การเรียนรู้ 3) แบบประเมินผลงานนกั เรียน 4) แบบทดสอบวดั ผลสมั ฤทธ์ิทางการเรียน 5) แบบประเมนิ ความพึงพอใจ สถติ ิทใ่ี ชใ้ นการวิเคราะหข์ อ้ มูลโดยการหาคา่ เฉล่ีย (������̅) ส่วนเบยี่ งเบน มาตรฐาน (S.D.) และสถิติทดสอบความแตกตา่ ง t-test ผลการศกึ ษาพบว่า 1) บทเรียนออนไลนด์ ว้ ย โปรแกรม Google Site มปี ระสิทธิภาพเทา่ กบั 91.69/88.65 ซ่ึงสูงกวา่ เกณฑท์ กี่ าหนดไว้ 2) ผลสัมฤทธ์ิ ทางการเรียนของนกั เรียนหลงั การเรียนรู้จากบทเรียนออนไลนด์ ว้ ยโปรแกรม Google Site สูงกวา่ เกณฑ์ ร้อยละ 70 อยา่ งมนี ยั สาคญั ทางสถิติท่รี ะดบั .05 3) ความพึงพอใจของนกั เรียนทีม่ ีต่อการจดั การเรียนรู้ ผ่านบทเรียนออนไลน์ดว้ ยโปรแกรม Google Site โดยภาพรวมมีความพึงพอใจอยใู่ นระดบั มาก (������̅ = 4.29, S.D.=0.52) โฮกโุ ตะ ชิบาซากิ และคณะ (2564) ไดพ้ ฒั นาพฒั นาแอปพลเิ คชนั บทเรียน วิชาภาษาองั กฤษ ระดบั ช้นั มธั ยมศึกษาปี ที่ 2 การวิจยั คร้ังน้ีมวี ตั ถุประสงคค์ ือ1) เพอื่ พฒั นาแอปพลิเคชนั บทเรียนวชิ า ภาษาองั กฤษระดบั ช้นั มธั ยมศกึ ษาปี ท่ี 2 ให้มปี ระสิทธิภาพตามเกณฑ์ 80/80 2) เพ่อื เปรียบเทียบคะแนน ก่อนและหลงั เรียนดว้ ยแอปพลิเคชนั บทเรียนฯ 3) เพอ่ื ศึกษาความพึงพอใจของผเู้ รียนทีม่ ตี ่อแอปพลิเค ชนั บทเรียนฯกลุม่ ตวั อยา่ งที่ใชใ้ นการวจิ ยั คอื นกั เรียนช้นั มธั ยมศึกษาปี ที่ 2 ในภาคเรียนที่ 2 ปี การศึกษา 2561 ท่สี นใจเขา้ ร่วมโครงการ 2 ห้องเรียน จานวน 49 คน สุ่มตวั อยา่ งแบบกลมุ่ (Cluster sampling) แยก เป็นห้องเรียนที่เป็นนกั เรียนผลการเรียนอยใู่ นเกณฑด์ ี 1 หอ้ งเรียน จานวน 22 คน กบั ห้องเรียนที่เป็น นกั เรียนผลการเรียนอยู่ในเกณฑอ์ ่อนและปานกลาง 1 หอ้ งเรียนจานวน 27 คน เครื่องมือทีใ่ ชใ้ นการวิจยั ไดแ้ ก่ 1) แอปพลิเคชนั บทเรียนฯ 2) แบบทดสอบก่อนเรียน-หลงั เรียน 3) แบบประเมนิ คณุ ภาพแอป พลเิ คชนั บทเรียนฯ และ 4) แบบศึกษาความพึงพอใจสถิติวเิ คราะห์ขอ้ มลู คอื ค่ารอ้ ยละคา่ เฉลยี่ คา่ ความ เบ่ยี งเบนมาตรฐานการทดสอบประสิทธิภาพ (E1/ E2) และ t-test ผลการวิจยั พบวา่ 1) แอปพลิเคชนั บทเรียนวิชาภาษาองั กฤษระดบั ช้นั มธั ยมศึกษาปี ท่ี 2 กล่มุ นกั เรียนผลการเรียนดีมปี ระสิทธิภาพเท่ากบั 85.38/84.94 และกลุม่ นกั เรียนผลการเรียนออ่ นและปานกลางเท่ากบั 82.54/80.56 เป็นไปตามเกณฑท์ ่ี กาหนด 2) คะแนนทดสอบหลงั เรียนดว้ ยแอปพลิเคชนั บทเรียนฯท้งั 2 กลมุ่ (กลุ่มนกั เรียนผลการเรียนดี กบั กลมุ่ นกั เรียนผลการเรียนออ่ นและปานกลาง) สูงกว่ากอ่ นเรียนอยา่ งมีนยั สาคญั ทางสถิติที่ระดบั .01

30 และ 3) ความพึงพอใจของผเู้ รียนหลงั เรียนดว้ ยแอปพลิเคชนั บทเรียนฯมคี วามพงึ พอใจอยใู่ นระดบั มาก ทส่ี ุด งานวิจยั ต่างประเทศ ริตา เบอซินา (Rita Birzina, 2012) ไดศ้ กึ ษาเกี่ยวกบั การเรียนรู้ผ่านสื่ออเิ ลก็ ทรอนิกส์ของ ประเทศลตั เวยี ซ่ึงเป็นการเปล่ยี นแปลงทางการศึกษาที่เปิ ดโอกาสให้ผเู้ รียนมีการเรียนรู้แบบผสมผสาน ระหวา่ งการศกึ ษาทีไ่ ม่เป็นทางการและเป็นทางการ โดยใชเ้ คร่ืองมอื อเิ ล็กทรอนิกส์ต่าง ๆ ในการ พฒั นาการเรียนรู้ของผเู้ รียน โดยมีวตั ถุประสงคเ์ พอื่ สารวจการใชส้ ่ือออนไลน์ในการเรียนรู้ผลการศกึ ษา พบวา่ 1) การเรียนรู้แบบ ซิสเตมมคิ -คอนสตรักตวิ ิสต์ การเรียนรู้แบบเช่ือมโยง หรือการเรียนรู้แบบ เครือขา่ ย เป็นการเรียนการสอนท่ีสามารถใชใ้ นการพฒั นาการเรียนรู้ออนไลน์ และการจดั สภาพแวดลอ้ มแบบอลิ ก็ ทรอนิกสไ์ ด้ ผเู้ รียนไดป้ ระสบการณ์การเรียนรู้และทกั ษะในการใชเ้ ทคโนโลยี สารสนเทศ ซ่ึงเป็นอกี ทางเลอื กหน่ึงของการเรียนรู้อเิ ล็กทรอนิกส์ 2) มกี ารสื่อสารของผเู้ รียนเป็นส่ิง สาคญั ซ่ึงเปิ ดโอกาสใหท้ างานกลมุ่ โดยการจดั สภาพแวดลอ้ มแบบอเิ ลก็ ทรอนิกส์ 3) การออกแบบการจดั การเรียนรู้โดยตรง ผสู้ อนมีการสื่อสารทีช่ ดั เจนในการนาเสนอหัวขอ้ ของ บทเรียน จดุ มุ่งหมาย และตารางเรียน ทาให้ผเู้ รียนมีความสนใจและให้ความสาคญั กบั การเรียนการสอน 4) ทาใหผ้ ูเ้ รียนเกิดความสนใจ สามารถใชข้ อ้ มูลท่หี ลากหลายและนาความรู้มาประยกุ ตใ์ ชไ้ ด้ 5) ผลการ เรียนรู้จากการเรียน โดยการจดั สภาพแวดลอ้ มแบบอิเล็กทรอนิกส์น้นั เป็นรูปแบบทีด่ ี ใชก้ ารสื่อสารที่ เขา้ ใจงา่ ย เอียว และคณะ (Eow, Yee Leng and others, 2010) ไดศ้ กึ ษาการใชบ้ ทเรียนคอมพิวเตอร์ช่วย สอนเพื่อเสริมสร้างการรับรู้เชิงสร้างสรรคข์ องผเู้ รียนในรายวชิ า การพฒั นาเกมคอมพวิ เตอร์ กลมุ่ ตวั อยา่ งเป็นนกั เรียนระดบั ช้นั มธั ยมศกึ ษาช้นั ปี ท่ี 1 ผลิตบทเรียนโดยใชท้ ฤษฎีการสอนแบบการเรียนรู้ ใหเ้ ห็นคณุ คา่ (Apreciative Carning) และทฤษฎีการกนั หาให้ เห็นคุณคา่ (Appreciative Inquiry) และ ใชแ้ บบสอบถามการรับรู้เชิงสร้างสรรคข์ องเคทเทนา-ทอร์รานซ์ (Khatena-Torrance Creative Perception Inventory) สอบถามผเู้ รียน ผลการวจิ ยั พบวา่ นกั เรียนรบั รู้ถงึ การเพิ่มความคิดสร้างสรรคใ์ น ตวั เองมากข้นึ และคะแนนเฉล่ียในการศกึ ษาบทเรียนของนกั ศกึ ษาเพม่ิ ข้ึนอยา่ งมี นยั สากญั ทางสถิตทิ ่ีระดบั .05 เม่อื เปรียบเทียบกบั ห้องเรียนทสี่ อนแบบปกติ

31 ทนู และคณะ (Tune and others, 2013) ศกึ ษาผลของรูปแบบการสอนดว้ ยบทเรียนออนไลน์ ช่วยเพ่ิมประสิทธิภาพของกล่มุ นกั ศึกษาระดบั บณั ฑิตศกึ ษาทเี่ รียนเกี่ยวกบั หวั ใจและหลอดเลอื ด ระบบ ทางเดินหายใจ และสรีรวทิ ยาของไต ซ่ึงมีวตั ถปุ ระสงคเ์ พอ่ื เปรียบเทยี บผลสมั ฤทธ์ิทางการเรียนดว้ ยการ จดั การเรียนรู้ดว้ ยบทเรียนออนไลน์กบั ห้องเรียนแบบปกติ ผลการศึกษาพบวา่ ผลของการใช้บทเรียน ออนไลน์ (E-Learning) ผเู้ รียนท่ไี ดร้ ับการจดั การเรียนรู้ดว้ ยบทเรียนออนไลนม์ ผี ลสมั ฤทธ์ิที่สูงข้นึ อยา่ ง มีนยั สาคญั ทางสถิตทิ ่ีระดบั .01 และกล่มุ นกั ศกึ ษาที่เรียนเก่ียวกบั สรีรวิทยาของไต มแี นวโนม้ คะแนน สูงกว่ากลมุ่ อน่ื โดยเพม่ิ ข้ึนร้อยละ 11 ซ่ึงข้นึ อยกู่ บั ประสบการณ์ และการศกึ ษาเองทบ่ี า้ นและมาทา กิจกรรมหรือแบบทดสอบในช้นั เรียนเป็นปัจจยั ทีส่ ร้างแรงจงู ใจทส่ี าคญั ท่มี แี นวโนม้ ทาใหก้ ารเพิ่มข้ึน ของประสิทธิภาพของการสอบของนกั ศกึ ษา

32 บทที่ 3 วธิ ีดาเนนิ การศึกษาค้นคว้า การพฒั นาบทเรียนออนไลน์ รายวชิ า วิทยาการคานวณ สาหรบั นกั เรียนช้นั มธั ยมศกึ ษา ปี ท่ี 1 โรงเรียนบา้ นสวนอดุ มวทิ ยา ดาเนินการโดยใชก้ ระบวนการตามข้นั ตอน ADDIE Model ดงั น้ี 1. ข้นั ตอนการวิเคราะห์ (Analysis) 2. ข้นั ตอนการออกแบบ (Design) 3. ข้นั ตอนการพฒั นา (Development) 4. ข้นั ตอนการทดลอง (Implementation) 5. ข้นั ตอนการประเมินผล (Evaluation) รายละเอียดของการวิจยั แต่ละข้นั ตอน มีดงั น้ี ข้นั ตอนการวิเคราะห์ (Analysis) มวี ิธีดาเนินการข้นั ตอนการวิเคราะหก์ ารพฒั นาบทเรียนออนไลน์ รายวชิ า วิทยาการคานวณ สาหรับนกั เรียนช้นั มธั ยมศึกษาปี ที่ 1 โรงเรียนบา้ นสวนอุดมวิทยา ดงั น้ี 1. วิเคราะห์ปัญหา จากการแพร่ระบาดของเช้ือไวรัส COVID-19 ทาให้โรงเรียนบา้ นสวนอุดมวทิ ยาตอ้ ง จดั การเรียนแบบผสมผสาน จึงทาให้นกั เรียนบางส่วนทีข่ าดความไมพ่ ร้อมไม่สามารถเขา้ เรียนออนไลน์ ตามตารางเรียนได้ จึงทาใหน้ กั เรียนมีผลการเรียนลดลง เป็นผลจากการไดร้ ับความรู้ทไ่ี ม่ตอ่ เนื่อง

33 2. วเิ คราะห์เนือ้ หา เน้ือหาทน่ี ามาใชใ้ นการการพฒั นาบทเรียนออนไลน์ รายวิชา วทิ ยาการคานวณ สาหรับนกั เรียนช้นั มธั ยมศึกษาปี ที่ 1 โรงเรียนบา้ นสวนอุดมวิทยา เน้ือหามีความยาก นกั เรียนไม่เขา้ ใจ ในเน้ือหา ผศู้ ึกษาคน้ ควา้ ไดก้ าหนดขอบเขตของเน้ือหาไวด้ งั น้ี บทที่ 1 แนวคดิ เชิงนามธรรม โดยจะมีเน้ือหา ดงั น้ี - แนวคิดเชิงนามธรรม - การคดั เลือกคณุ ลกั ษณะท่ีจาเป็นต่อการแกป้ ัญหา - การถ่ายทอดรายละเอียดของปัญหาและการแกป้ ัญหา บทท่ี 2 การแกป้ ัญหา โดยจะมเี น้ือหา ดงั น้ี - ข้นั ตอนการแกป้ ัญหา - การเขยี นรหสั ลาลองและผงั งาน - การกาหนดคา่ ให้ตวั แปร - ภาษาโปรแกรม บทที่ 3 การโปรแกรมดว้ ยภาษาไพทอน 1 โดยจะมีเน้ือหา ดงั น้ี - รู้จกั ไพทอน - ตวั แปร - ชนิดขอ้ มลู พ้นื ฐาน - การแปลงชนิดขอ้ มลู บทที่ 4 การโปรแกรมดว้ ยภาษาไพทอน 2 โดยจะมเี น้ือหา ดงั น้ี - การเขียนโปรแกรมไพทอนในโหมดสคริปต์ - ฝึกเขียนโปรแกรมกบั เตา่ ไพทอน - การทางานแบบวนซ้า - การทางานแบบมีทางเลอื ก

34 บทที่ 5 การโปรแกรมดว้ ย Scratch โดยจะมเี น้ือหา ดงั น้ี - รู้จกั กบั โปรแกรม Scratch - การทางานแบบวนซ้า - ตวั แปร - การทางานแบบมที างเลอื ก - คาสง่ั วนซ้าแบบมีเงอ่ื นไข บทท่ี 6 ขอ้ มลู และการประมวลผล โดยจะมีเน้ือหา ดงั น้ี - ขอ้ มลู - การรวบรวมขอ้ มูล - การประมวลผลขอ้ มลู - การสร้างทางเลอื กเพื่อตดั สินใจ - ซอฟตแ์ วร์จดั การกบั ขอ้ มลู บทที่ 7 การใชเ้ ทคโนโลยีสารสนเทศอยา่ งปลอดภยั โดยจะมีเน้ือหา ดงั น้ี - ภยั คุกคามจากการใชเ้ ทคโนโลยีสารสนเทศและการป้องกนั - การใชเ้ ทคโนโลยีสารสนเทศ ข้นั ตอนการออกแบบ (Design) ผศู้ กึ ษาคน้ ควา้ มวี ิธีการดาเนินการข้นั ตอนการพฒั นาบทเรียนออนไลน์ รายวิชา วิทยาการ คานวณ สาหรบั นกั เรียนช้นั มธั ยมศกึ ษาปี ท่ี 1 โรงเรียนบา้ นสวนอดุ มวิทยา ดงั น้ี 1. ออกแบบรูปแบบบทเรียนออนไลน์ โดยนาเสนอผ่าน Google Site และภายในเวบ็ ไซตจ์ ะประกอบไปดว้ ยเน้ือหา สื่อการสอน และภาพน่ิง 2. การออกแบบทดสอบก่อน - หลงั เรยี น ในแต่ละบท โดยใชข้ อ้ สอบรูปแบบปรนยั บทเรียนละ 10 ขอ้

35 3. ออกแบบแบบฝึ กหัดในแต่ละบท โดยเป็นแบบฝึกหัดรูปแบบปรนยั บทเรียนละ 5 ขอ้ 4. ออกแบบแบบประเมนิ คณุ ภาพ กาหนดหวั ขอ้ และสร้างแบบประเมนิ บทเรียนออนไลน์ โดยผศู้ กึ ษาคน้ ควา้ ไดแ้ บ่งการ ประเมินออกเป็น 2 ดา้ น ไดแ้ ก่ 1) ดา้ นเน้ือหาสาระภายในเวบ็ ไซต์ จานวน 4 ขอ้ 2) องคป์ ระกอบของเวบ็ ไซต์ จานวน 6 ขอ้ โดยแบ่งการประเมนิ มาตรการส่วนประมาณคา่ (Rating Scale) 5 ระดบั ดงั น้ี ระดบั 1 หมายถงึ เหมาะสม/เห็นดว้ ยอยใู่ นระดบั นอ้ ยท่ีสุด ระดบั 2 หมายถึง เหมาะสม/เห็นดว้ ยอยใู่ นระดบั นอ้ ย ระดบั 3 หมายถึง เหมาะสม/เห็นดว้ ยอยใู่ นระดบั ปานกลาง ระดบั 4 หมายถึง เหมาะสม/เห็นดว้ ยอยใู่ นระดบั มาก ระดบั 5 หมายถึง เหมาะสม/เห็นดว้ ยอยใู่ นระดบั มากทส่ี ุด ข้นั ตอนการพัฒนา (Development) 1. กระบวนการพัฒนาบทเรยี นออนไลน์ การพฒั นาบทเรียนออนไลน์ ผศู้ กึ ษาคน้ ควา้ มกี ระบวนการพฒั นา ดงั น้ี 1) ศกึ ษาเน้ือหารายวิชา วทิ ยาการคานวณ ช้นั มธั ยมศกึ ษาปี ที่ 1 โรงเรียน บา้ นสวนอดุ มวิทยา ภาคเรียนท่ี 2 2) กาหนดจดุ ประสงคก์ ารเรียนรู้และเน้ือหาสาหรบั ออกแบบบทเรียนออนไลน์ 3) สร้างบทเรียนออนไลน์ประกอบดว้ ย ขอ้ ความ และภาพน่ิง 4) นาบทเรียนตน้ แบบไปให้ครูพีเ่ ล้ียงพิจารณา จากน้นั นาไปให้ผเู้ ช่ียวชาญ 3 ท่าน ตรวจสอบ โดยใชแ้ บบประเมนิ ความเหมาะสมของบทเรียนออนไลน์ แปลความหมาย ดงั น้ี

36 ใหค้ ะแนน 4.51-5.00 อยใู่ นระดบั ท่ีเหมาะสมมากที่สุด ใหค้ ะแนน 3.51-4.50 อยใู่ นระดบั ท่ีเหมาะสมมาก ให้คะแนน 2.51-3.50 อยใู่ นระดบั ท่ีเหมาะสมปานกลาง ใหค้ ะแนน 1.51-2.50 อยใู่ นระดบั ท่ีเหมาะสมนอ้ ย ให้คะแนน 0.00-1.50 อยใู่ นระดบั ท่ีเหมาะสมนอ้ ยทสี่ ุด ผเู้ ชี่ยวชาญดา้ นวชิ าการมีคุณสมบตั ิ ดงั น้ี 1. จบการศกึ ษาระดบั ปริญญาตรีข้ึนไป 2. มปี ระสบการณ์การทางานดา้ นวชิ าการ ไม่นอ้ ยกว่า 5 ปี ผูเ้ ชี่ยวชาญมรี ายนามดงั ต่อไปน้ี 1. นางสมพร วิชยั ประเสริฐ หัวหนา้ ฝ่ายวิชาการ โรงเรียนบา้ นสวนอุดมวิทยา ผเู้ ชี่ยวชาญดา้ นวิทยาการคานวณมีคุณสมบตั ิ ดงั น้ี 1. จบการศึกษาระดบั ปริญญาตรีข้นึ ไป 2. มปี ระสบการณ์ดา้ นการสอนรายวิชา วิทยาการคานวณ ไม่นอ้ ยกว่า 3 ปี ผเู้ ช่ียวชาญมีรายนามดงั ตอ่ ไปน้ี 1. นางสาวณฎั ฐช์ ญานนั ท์ ชราชิต หัวหนา้ กล่มุ สาระการเรียนรู้วทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี โรงเรียนบา้ นสวนอดุ มวทิ ยา 2. นางสาวมสั ยา เรืองนาราบ คณุ ครูกลมุ่ สาระการเรียนรู้วทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี โรงเรียนบา้ นสวนอุดมวิทยา

37 2. กระบวนการพฒั นาแบบทดสอบ การพฒั นาแบบทดสอบ ผศู้ กึ ษาคน้ ควา้ มกี ระบวนการพฒั นา ดงั น้ี 1) สร้างแบบทดสอบประสิทธิผลจากการเรียนดว้ ยบทเรียนครอบคลุมวตั ถุประสงค์ และเน้ือหา รายวชิ า วทิ ยาการคานวณ 2) วิเคราะห์วตั ถุประสงคข์ องเน้ือหาเพ่ือนาไปกาหนดสดั ส่วนในการออกแบบทดสอบ ให้ครอบคลุมตามวตั ถปุ ระสงค์ 3) สร้างแบบทดสอบท่สี อดคลอ้ งกบั วตั ถปุ ระสงคข์ องเน้ือหา เป็นขอ้ สอบแบบปรนยั ชนิดเลอื กตอบ 4 ตวั เลือก จานวน 10 ขอ้ 4) นาแบบทดสอบทส่ี ร้างข้ึนเสนอครูพเี่ ล้ยี งเพอ่ื ตรวจสอบเน้ือหา และการใชภ้ าษา แลว้ นาขอ้ เสนอแนะจากครูพีเ่ ล้ยี งมาปรบั ปรุงแกไ้ ขใหถ้ กู ตอ้ ง ชดั เจน 5) นาแบบทดสอบทป่ี รบั ปรุงแกไ้ ขแลว้ ให้ผเู้ ชี่ยวชาญ จานวน 3 คน ตรวจสอบความ สอดคลอ้ งระหว่างแบบทดสอบกบั วตั ถุประสงคห์ รือเน้ือหา (Index of item objective congruence : IOC) โดยกาหนดเกณฑใ์ นการพิจารณาคา่ IOC ดงั น้ี ขอ้ คาถามทมี่ คี ่า IOC ต้งั แต่ 0.60-1.00 คดั เลือกไวใ้ ชไ้ ด้ ขอ้ คาถามทม่ี คี า่ IOC ต่า กว่า 0.60 ควรพจิ ารณาปรับปรุงหรือตดั ท้ิง 6) การตรวจสอบความสอดคลอ้ งระหว่างแบบทดสอบกบั วตั ถปุ ระสงคห์ รือเน้ือหา (Index of item objective congruence : IOC) ใชเ้ กณฑใ์ นการตรวจพจิ ารณาขอ้ คาถาม ดงั น้ี กาหนดคะแนนเป็น +1 มคี วามเห็นวา่ สอดคลอ้ ง กาหนดคะแนนเป็น 0 มีความเห็นวา่ ไมแ่ น่ใจ กาหนดคะแนนเป็น –1 มคี วามเห็นว่า ไม่สอดคลอ้ ง

38 จากน้นั นามาแทนค่าในสูตรหาดชั นีความสอดคลอ้ ง IOC = ∑R/N เมอื่ IOC หมายถงึ ดชั นีความสอดคลอ้ ง ∑R หมายถึง ผลรวมคะแนนความคดิ เห็นของผเู้ ช่ียวชาญ N หมายถึง จานวนผเู้ ช่ียวชาญ ไดผ้ ลการหาค่าความสอดคลอ้ งระหว่างแบบทดสอบกบั วตั ถุประสงคห์ รือเน้ือหา (Index of item objective congruence: IOC) อยรู่ ะหว่าง 0.87-1.00 แสดงวา่ มคี วามสอดคลอ้ งถอื วา่ อยใู่ น เกณฑใ์ ชไ้ ดไ้ ม่ตอ้ งทาการปรบั ปรุง 8) นาแบบทดสอบไปใชก้ บั กลมุ่ ตวั อยา่ ง 3. กระบวนการพฒั นาแบบประเมินบทเรยี นออนไลน์ การพฒั นาแบบประเมินบทเรียนออนไลน์ผศู้ กึ ษาคน้ ควา้ มกี ระบวนการพฒั นา ดงั น้ี 1) กาหนดวตั ถปุ ระสงคแ์ บบประเมิน 2) กาหนดโครงสร้างของแบบประเมนิ ไดแ้ ก่ คาช้ีแจง และหวั ขอ้ ทใี่ ชป้ ระเมนิ 3) ออกแบบแบบประเมนิ ตามวตั ถปุ ระสงคท์ ก่ี าหนด 4) สร้างแบบประเมนิ บทเรียนออนไลน์ โดยมเี กณฑก์ ารประเมนิ ความพงึ พอใจ 5 ระดบั ไดแ้ ก่ มากทส่ี ุด มาก ปานกลาง นอ้ ย และนอ้ ยทีส่ ุด 5) นาแบบประเมินบทเรียนออนไลน์ เสนออาจารยท์ ่ปี รึกษา เพ่ือตรวจสอบเน้ือหา และการใชภ้ าษา แลว้ นาขอ้ เสนอแนะจากอาจารยท์ ปี่ รึกษามาปรบั ปรุงแกไ้ ขขอ้ หวั ขอ้ แบบประเมินให้ ถูกตอ้ ง ชดั เจน 6) นาแบบประเมินบทเรียนออนไลน์ ท่ีปรบั ปรุงแลว้ ไปให้ผเู้ ช่ียวชาญ 3 ท่าน ประเมิน ความเหมาะสมของบทเรียนออนไลน์ แปลความหมาย ดงั น้ี

39 ให้คะแนน 4.51-5.00 อยใู่ นระดบั ที่เหมาะสมมากท่ีสุด ให้คะแนน 3.51-4.50 อยใู่ นระดบั ท่ีเหมาะสมมาก ให้คะแนน 2.51-3.50 อยใู่ นระดบั ที่เหมาะสมปานกลาง ให้คะแนน 1.51-2.50 อยใู่ นระดบั ท่ีเหมาะสมนอ้ ย ให้คะแนน 0.00-1.50 อยใู่ นระดบั ท่ีเหมาะสมนอ้ ยท่ีสุด ข้นั ตอนการนาไปใช้ (Implementation) นาไปใชก้ บั กลุ่มตวั อยา่ ง เพ่อื หาประสิทธิภาพและผลสมั ฤทธ์ิทางการเรียนดว้ ยบทเรียน ออนไลน์ รายวิชา วทิ ยาการคานวณ สาหรับนกั เรียนช้นั มธั ยมศึกษาปี ที่ 1 โรงเรียนบา้ นสวนอุดมวิทยา ข้นั ตอนการประเมินผล (Evaluation) หลงั จากเสร็จสิ้นการนาไปใช้ ผศู้ ึกษาคน้ ควา้ ทาการวเิ คราะห์ขอ้ มูลต่าง ๆ ดงั น้ี 1. การประเมนิ ประสิทธิภาพ เป็นการประเมินโดยใชเ้ กณฑป์ ระเมินประสิทธิภาพ E1/E2 ของ ศาสตราจารย์ ดร.ชยั ยงค์ พรหมวงศ์ ซ่ึงการศึกษาคน้ ควา้ คร้ังน้ีกาหนดเกณฑป์ ระสิทธิภาพ E1/E2 เท่ากบั 80/80 E1 = 80 คอื คะแนนของผเู้ รียนดว้ ยบทเรียนออนไลน์ จากการทาแบบฝึกหดั ระหว่าง เรียน มคี า่ เฉลี่ยร้อยละ 80 E2 = 80 คอื คะแนนของผเู้ รียนดว้ ยบทเรียนอออนไลน์ จากการทาแบบทดสอบ มี คา่ เฉลยี่ ร้อยละ 80 2. การหาค่าดชั นีประสิทธิผล (Effectiveness Index) ตวั เลขทีแ่ สดงถงึ ความกา้ วหนา้ ในการ เรียนของผเู้ รียน โดยการเทียบคะแนนทเ่ี พมิ่ ข้นึ จากคะแนนการทดสอบกอ่ นเรียนกบั คะแนนทไี่ ดจ้ าก การทดสอบหลงั เรียนและคะแนนเต็ม ซ่ึงการศกึ ษาคน้ ควา้ คร้ังน้ี ไดใ้ ชส้ ูตรในการหาคา่ ดชั นี ประสิทธิผล ดงั น้ี

40 ������. ������ = ������2 − ������1 200 − ������1 เม่ือ P2 แทน ผลรวมของคะแนนหลงั เรียนทกุ คน P1 แทน ผลรวมของคะแนนกอ่ นเรียนทุกคน 200 แทน ผลคณู ของจานวนนกั เรียนกบั คะแนนเตม็ 3) การประเมนิ ผลบทเรียนออนไลน์ หลงั จากเรียนดว้ ยบทเรียนออนไลน์ วิเคราะห์ผลการ ประเมินบทเรียนออนไลน์ในรูปแบบของมาตรประมาณค่า (Rating scale) 5 ระดบั โดยใช้เกณฑก์ าร แปลความหมายของคา่ เฉลี่ย คะแนนเฉล่ีย 4.51 - 5.00 หมายความวา่ มคี วามพงึ พอใจมากทีส่ ุด คะแนนเฉลย่ี 3.51 - 4.50 หมายความว่า มีความพงึ พอใจมาก คะแนนเฉลยี่ 2.51 - 3.50 หมายความว่า มคี วามพงึ พอใจปานกลาง คะแนนเฉล่ีย 1.51 - 2.50 หมายความว่า มีความพงึ พอใจนอ้ ย คะแนนเฉลย่ี 1.00 - 1.50 หมายความวา่ มีความพงึ พอใจนอ้ ยท่ีสุด

41 บทท่ี 4 ผลการศึกษาค้นคว้า การวเิ คราะหข์ อ้ มลู การศึกษาคน้ ควา้ เร่ือง การพฒั นาบทเรียนออนไลน์ รายวชิ า วทิ ยาการ คานวณ สาหรบั นกั เรียนช้นั มธั ยมศึกษาปี ท่ี 1 โรงเรียนบา้ นสวนอดุ มวทิ ยา แบ่งเป็น 3 ตอน ดงั น้ี ตอนที่ 1 องคป์ ระกอบ และลกั ษณะของบทเรียนออนไลน์ รายวชิ า วิทยาการคานวณ สาหรับ นกั เรียนช้นั มธั ยมศกึ ษาปี ท่ี 1 โรงเรียนบา้ นสวนอุดมวทิ ยา ตอนท่ี 2 ผลการทดสอบประสิทธิภาพของบทเรียนออนไลน์ รายวชิ า วทิ ยาการคานวณ สาหรับ นกั เรียนช้นั มธั ยมศกึ ษาปี ที่ 1 โรงเรียนบา้ นสวนอดุ มวิทยา ให้มีประสิทธิภาพตามเกณฑ์ E1/E2 เท่ากบั 80/80 ตอนท่ี 3 ผลดชั นีประสิทธิผลจากการเรียนดว้ ยบทเรียนออนไลน์ รายวิชา วทิ ยาการคานวณ สาหรับนกั เรียนช้นั มธั ยมศกึ ษาปี ท่ี 1 โรงเรียนบา้ นสวนอดุ มวิทยา ตอนที่ 1 องค์ประกอบ และลักษณะของบทเรียนออนไลน์ รายวชิ า วทิ ยาการคานวณ สาหรับนักเรียน ช้ันมัธยมศึกษาปี ที่ 1 โรงเรียนบ้านสวนอุดมวิทยา การพฒั นาบทเรียนออนไลน์ รายวชิ า วิทยาการคานวณ สาหรบั นกั เรียนช้นั มธั ยมศึกษาปี ที่ 1 โรงเรียนบา้ นสวนอุดมวิทยา ประกอบดว้ ยคาแนะนาการใชง้ านบทเรียน คาแนะนาการใชง้ านบทเรียน จุดประสงคก์ ารเรียนรู้ แบบทดสอบกอ่ นเรียน เน้ือหาบทเรียน แบบฝึกหดั ทา้ ยบท และแบบทดสอบหลงั เรียน มีลกั ษณะดงั น้ี 1. คาแนะนาการใชง้ านบทเรียนออนไลน์ 2. จดุ ประสงคก์ ารเรียนรู้