Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore คู่มือ มือเล็ก ๆ เรียนรู้เท่าทันสื่อ

คู่มือ มือเล็ก ๆ เรียนรู้เท่าทันสื่อ

Published by 000bookchonlibrary, 2021-03-15 07:02:08

Description: คู่มือ มือเล็ก ๆ เรียนรู้เท่าทันสื่อ

Search

Read the Text Version

ภาพ หรอื การระบชุ อื่ บคุ คลทม่ี คี วามสมั พนั ธเ์ ปน็ ญาตมิ ติ ร ทำใหส้ ามารถเขา้ ใจไดว้ า่ บุคคลในภาพเป็นใคร โดยเฉพาะเด็กนั้นเป็นการละเมิดศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ ซึ่งเป็นการกระทำท่ผี ิดกฎหมายและผดิ ต่อจริยธรรมในอาชพี ของตนเองท่นี ักข่าว ทกุ คนพงึ ระลกึ ถงึ และตระหนกั ไวเ้ สมอ เพราะเปน็ สงิ่ สำคญั ในการประกอบวชิ าชพี ของตน หากนักข่าวและส่ือมวลชนทุกคนระลึก และตระหนักถึงจริยธรรม จรรยาบรรณในการประกอบวชิ าชพี ของตนเปน็ สำคญั แลว้ กจ็ ะไมม่ กี ารกระทำผดิ กฎหมายดงั กล่าวข้างต้น คูม่ อื มอื เล็ก ๆ เรียนร้เู ทา่ ทันส่อื I 99

กรณที ่ี 2 การพาดหัวขา่ ว สื่อมวลชนมักตัดสินพิพากษาผู้ท่ีตกเป็นข่าวว่าเป็นผู้กระทำผิดจริง ด้วยการใช้คำว่า “ฆาตกร” ในการเขียนพาดหัวข่าวและความนำข่าว เช่น “ผลดเี อน็ เอมดั จบั โจ๋16ฆาตกรคดีม.6โปงลาง”หรอื “รวบตวั แลว้ โจว๋ ยั 17ปีฆาตกร โหดขม่ ขืนฆา่ นกั เรียนหญิงดาววงโปงลางโรงเรียนเมืองอบุ ลฯ” ดังภาพ การด่วนสรุปตัดสินดังกล่าวเป็นการตีตราให้กับผู้ถูกกล่าวหาทั้งท่ียัง ไมเ่ ขา้ สกู่ ระบวนการยตุ ธิ รรม ซง่ึ ถอื เปน็ การละเมดิ ศกั ดศิ์ รคี วามเปน็ มนษุ ยแ์ บบหนง่ึ หากภายหลงั อาจพบวา่ ผู้ถกู กล่าวหาอาจมิได้กระทำผิด แตข่ า่ วที่เผยแพรอ่ อกไป ก็ไดท้ ำใหผ้ ูร้ บั สารเข้าใจเชน่ น้ันไปแล้ว ย่งิ ในกรณผี ถู้ ูกพพิ ากษาจากส่ือมวลชนเป็นเดก็ อายุไมถ่ ึง 18 ปี สมควร ไดร้ ับการคมุ้ ครอง เพราะเขาตอ้ งเตบิ โต และมีโอกาสทีจ่ ะปรบั เปล่ยี นพฤตกิ รรม กลับมาเปน็ สมาชกิ ท่ดี ขี องสงั คมได้ 100 I ค่มู อื มอื เลก็ ๆ เรียนรู้เทา่ ทันสอื่

การด่วนสรุปพิพากษาเช่นน้ีก็ไม่ต่างจากการตีตราไว้บนหน้าผาก อาจทำใหเ้ ด็กเหล่าน้ี (รวมไปถึงครอบครวั ) ถกู สงั คมพิพากษาว่าเปน็ บุคคลท่ไี ม่ดี ตามไปด้วยการพาดหัวข่าว และการใช้วาทกรรมในการเรียกขานผู้ตกเป็นข่าว ก่อให้เกิดการสร้างภาพแบบเหมารวม (Stereotype) ให้กับเด็กส่วนใหญ่ มักเป็นภาพเหมารวมเชิงลบและก่อให้เกิดทัศนคติเชิงลบกับเด็ก เช่น วาทกรรม “นักเรยี นนักเลง” ถกู ใชก้ บั กรณีทนี่ กั เรยี นอาชวี ะยกพวกตกี ัน รวมไปถึงนกั เรยี น อาชีวะสถาบันหน่ึงไล่ล่าล้างแค้นนักเรียนจากอีกสถาบันหนึ่งไม่ว่าบุคคลนั้น จะเป็นค่กู รณีที่แท้จริง หรือ ไม่ก็ตาม ก่อใหเ้ กิดภาพเหมารวมว่านกั เรยี นอาชีวะ เปน็ นกั เรยี นทเ่ี กยี่ วขอ้ งกบั การทะเลาะววิ าท นยิ มความรนุ แรง นา่ กลวั ไมน่ า่ เขา้ ไป ยงุ่ เก่ียว เปน็ ตน้ จากตวั อยา่ งขา้ งตน้ ถงึ แมจ้ ะไมไ่ ดม้ กี ารเผยแพรภ่ าพเกย่ี วกบั เดก็ ทง้ั ทเี่ ปน็ ผกู้ ระทำผดิ และผถู้ กู กระทำ แตก่ ารนำเสนอความนำขา่ ว หรอื พาดหวั ขา่ วดงั กลา่ ว ขา้ งต้นก็เปน็ การกระทำทล่ี ะเมิดสิทธิมนุษยชน และสทิ ธเิ ดก็ อกี ทางหน่งึ โดยเปน็ การใชค้ ำพดู ทเี่ ปน็ การกลา่ วโทษหรอื ใหร้ า้ ยเดก็ ซงึ่ ทำใหเ้ ดก็ และครอบครวั ไดร้ บั ความเสื่อมเสียชื่อเสียง เกียรติคุณ ฯลฯ ตามอนุสัญญาว่าด้วยสิทธิเด็กและตาม พระราชบญั ญตั ิคมุ้ ครองเด็ก พ.ศ.2546 มาตรา27 บญั ญัติวา่ “หา้ มมใิ หผ้ ใู้ ดโฆษณา หรอื เผยแพรท่ างสอื่ มวลชน หรอื สอ่ื สารสนเทศ ประเภทใด ซงึ่ ขอ้ มลู เกย่ี วกบั ตวั เดก็ หรอื ผปู้ กครอง โดยเจตนาทจี่ ะทำใหเ้ กดิ ความ เสียหายแก่จิตใจ ช่ือเสียง เกียรติคุณ หรือ สิทธิประโยชน์อ่ืนใดของเด็ก หรือ เพื่อแสวงหาประโยชนส์ ำหรับตนเอง หรือ ผู้อ่นื โดยมิชอบ” คมู่ อื มอื เลก็ ๆ เรยี นรู้เทา่ ทันส่ือ I 101

102 I ค่มู ือ มอื เลก็ ๆ เรยี นร้เู ท่าทนั ส่อื

บทท่ี 7 แนวทางการพัฒนากระบวนการเรียนรู้ ดา้ นการรูเ้ ท่าทนั ส่ือ ในกล่มุ เดก็ และเยาวชน ให้ประสบผลสำเรจ็ กรณีศึกษา โครงการมอื เล็ก ๆ เรียนรเู้ ท่าทันส่ือ คมู่ ือ มอื เล็ก ๆ เรยี นรูเ้ ท่าทันสอื่ I 103

แนวทาง และรูปแบบการพัฒนากระบวนการเรียนรู้ เทา่ ทันสือ่ ใหป้ ระสบความสำเร็จ ในกลมุ่ เด็กและเยาวชน “การเรียนรู้เท่าทันส่ือ” ถือว่าเป็นความรู้และทักษะท่ีมีความจำเป็น อยา่ งยงิ่ สำหรบั เดก็ และเยาวชนในยคุ ปจั จบุ นั นี้ เพราะสอื่ ไดก้ ลายมาเปน็ สว่ นหนง่ึ ในชวี ิตประจำวนั อีกท้ังยังมีอิทธพิ ลต่อความคดิ พฤตกิ รรม และวิถชี ีวติ ของเดก็ และเยาวชน ดงั นนั้ การมที กั ษะ และความรทู้ เี่ ทา่ ทนั ตอ่ สอื่ จะมสี ว่ นชว่ ยใหเ้ ดก็ และ เยาวชนสามารถเลอื กทจ่ี ะเปิดรบั และใช้สือ่ ได้อย่างสร้างสรรค์ ทงั้ นี้จากการศกึ ษาของเออ้ื จติ วโิ รจนไ์ ตรรตั น์เรอ่ื ง“ระดบั การรเู้ ทา่ ทนั สอ่ื ในกลุ่มนักเรียนระดับมัธยมศึกษา และอุดมศึกษา” พบว่าการรู้เท่าทันสื่อของ เยาวชนไทยยังไม่ได้รับการพัฒนาเท่าท่ีควร เยาวชนส่วนใหญ่ยังไม่รู้เท่าทันส่ือ หรอื ถกู ครอบงำโดยสอื่ ดงั นน้ั เพอ่ื ใหเ้ ดก็ และเยาวชนมคี วามรแู้ ละทกั ษะทเี่ ทา่ ทนั สอ่ื จำเปน็ อยา่ งยงิ่ ทเี่ ดก็ และเยาวชนควรจะไดร้ บั การเพาะบม่ ความรดู้ า้ นดงั กลา่ ว ผ่านกระบวนการเรยี นรู้ทีห่ ลากหลาย ดงั น้ัน เพ่ือเดก็ และเยาวชนสามารถเรยี นรู้ด้านการรู้เท่าทันส่ือ ได้อยา่ ง หลากหลายมติ ิ และมปี ระสทิ ธภิ าพ จงึ จำเปน็ อยา่ งยง่ิ ทจ่ี ะตอ้ งมกี ารพฒั นารปู แบบ หรือ แนวทางในการสร้างการเรยี นรใู้ นเร่อืี งดงั กลา่ ว 104 I คู่มือ มือเลก็ ๆ เรยี นรเู้ ทา่ ทันสอื่

ทง้ั น้ี กระบวนการจดั การเรยี นรเู้ ทา่ ทนั สอ่ื ใหป้ ระสบความสำเรจ็ ในกลมุ่ เด็กและเยาวชน ประกอบด้วย 3 ส่วนหลกั ทีส่ ำคญั ดงั นี้ 1. ปจั จยั ภายในของผเู้ รยี นรู้ ซงึ่ สามารถแยกยอ่ ยออกเปน็ 3 ปจั จยั ยอ่ ย ดังน้ี 1.1 การคดิ วจิ ารณญาณ (Critical Thinking) เปน็ ปจั จยั พนื้ ฐาน ท่ีสำคัญท่ีสุดท่ีมีผลต่อการรู้เท่าทันส่ือของเด็กและเยาวชน และเป็นหัวใจของ กระบวนการเรียนรู้เท่าทันสื่อ การส่งเสริมการคิดอย่างมีวิจารณญาณ สามารถ เร่ิมต้นดว้ ยกระบวนการตง้ั คำถามเชิงวพิ ากษ์ หรอื การหยบิ ยกกรณศี กึ ษาท่ีเป็น เรีอื่ งใกลต้ ัวสำหรับเดก็ และเยาวชน ขึ้นพดู คยุ แลกเปลย่ี นเรยี นรู้ 1.2 ความตระหนักในอิทธิพลของส่ือ (Media Effect Awareness) หากเดก็ และเยาวชนมีความรู้ ความเข้าใจ ถึงเหตุปัจจยั ของสารท่ี ถูกนำเสนอผ่านช่องส่ือต่าง ๆ ว่าแท้จริงแล้วเป้าหมายของสื่อสารน้ัน คือ อะไร มีวัตถุประสงค์เพ่ือส่ิงใด เด็กและเยาวชนก็จะเข้าใจถึงผลกระทบของส่ือนั้นที่มี ตอ่ ตวั เดก็ และเยาวชน และสามารถตดั สนิ ไดว้ า่ ผลแบบใดทต่ี อ้ งการ และผลแบบใด ท่ีควรหลีกเลี่ยง ซึ่งการตระหนักถึงผลกระทบดังกล่าวจะช่วยให้เด็กและเยาวชน สามารถปกป้องตนเองได้ 1.3 การรเู้ ทา่ ทนั ตนเอง (Self Awareness) คอื การคดิ วเิ คราะห์ เพอื่ พฒั นาตนเอง โดยใช้หลักคิดทวี่ ่าตนเองควรรจู้ ักตนเองใหด้ ี เสยี กอ่ น ซ่ึงการ ตระหนกั รเู้ ชน่ นจ้ี ะนำไปสคู่ วามสามารถในการเลอื กเปน็ โดยรวู้ า่ จะเลอื กรบั ขอ้ มลู ขา่ วสารใดมาใชป้ ระโยชน์ อย่างเหมาะสมกับตนเอง คู่มือ มอื เล็ก ๆ เรยี นรู้เท่าทันส่ือ I 105

2. ปจั จยั ทสี่ ง่ เสรมิ การรเู้ ทา่ ทนั สอ่ื ของกลมุ่ เดก็ และเยาวชน สามารถ แบ่งออกเป็น 4 ปจั จยั ย่อยดังนี้ 2.1 กลมุ่ เพอ่ื นและกลมุ่ ครู (Peer Group & Teacher) จะเปน็ กลุ่มที่มีอิทธิพลอย่างสูงต่อเด็กและเยาวชน ในการตระหนักถึงอิทธิพลของสื่อ หากเดก็ และเยาวชน รวมถงึ คณุ ครทู ม่ี คี วามรู้ ความเขา้ ใจ ทดี่ ไี มค่ ลอ้ ยตามกระแสสอ่ื จะเกิดการเรียนรู้เท่าทันส่ือในระดับท่ีมีผลต่อเนื่ีองถึงการเปล่ียนแปลงพฤติกรรม และสามารถท่จี ะเปน็ แกนนำในสรา้ งการรับรอู้ ยา่ งถูกต้องแก่กลมุ่ เพอื่ นเยาวชน 2.2การเปดิ รบั สอ่ื สรา้ งสรรค์(MediaExposure) และการใชส้ อ่ื และเทคโนโลยสี อื่ อยา่ งสรา้ งสรรค์ (Media Uses) ควรมีการใชส้ ื่อทหี่ ลากหลาย สอดคลอ้ งกับธรรมชาติของการเรียนรขู้ องเด็ก 2.3 การอา่ น (Reading) เปน็ กระบวนการคดิ และการตคี วาม ซงึ่ เป็นกระบวนการทางปญั ญาท่ีเปน็ ฐานสำคัญของการรูเ้ ท่าทนั ส่ือ 2.4 สนุ ทรยี ภาพ (Aesthetic) การเรยี นรอู้ ยา่ งมคี วามสขุ และ มคี วามสมดล เหน็ ถึงสภาพความเป็นจรงิ 3. องคป์ ระกอบกระบวนการเรยี นรเู้ ทา่ ทนั สอ่ื มี 4 องคป์ ระกอบยอ่ ยดงั น้ี 3.1 กระบวนทศั นก์ ารเรยี นรู้ (Learning Paradigm) หมายถงึ มิติมุมมองของผู้เรียนที่มีต่อเรี่ืองราวการเรียนรู้ อาทิ กำลังเรียนรู้เนื้อหาอะไร ช่องทางการเรยี นรู้เป็นอย่างไร และขั้นตอนของการเรยี นรูเ้ ปน็ อย่างไร 106 I คมู่ อื มือเลก็ ๆ เรยี นรู้เท่าทนั สื่อ

3.2 ผจู้ ดั กระบวนการเรยี นรู้ (Learning Facilitator) ทำหนา้ ท่ี เปน็ ผกู้ ำกบั กระบวนการเกดิ การเรยี นรู้ เปน็ ผอู้ อกแบบวธิ เี รยี นรู้ คดั สรรเนอ้ื หา เลอื ก แหลง่ เรยี นรู้ พรอ้ มกบั ประเมนิ สถานการณก์ ารเรยี นรู้ และปรบั การเรยี นรทู้ เี่ กดิ ขน้ึ ใหด้ ำเนนิ ไปสเู่ ปา้ หมาย 3.3 การออกแบบกระบวนการเรียนรู้ (Learning Process Design) เปน็ การมองกระบวนการเรยี นรอู้ ยา่ งเปน็ องคร์ วม ทกุ องคป์ ระกอบมคี วาม สมั พนั ธเ์ ชอื่ มโยงกนั อยา่ งเปน็ ลำดบั ขนั้ ตอนทต่ี อ่ เนอื่ ง เพอื่ นำไปสผู่ ลลพั ธป์ ลายทาง คอื การเรยี นรเู้ ทา่ ทนั สอ่ื ประกอบดว้ ย การเรยี นรเู้ ชงิ รกุ กระบวนการกลมุ่ กระบวน การมสี ว่ นรว่ ม การใชส้ อ่ื ทเี่ หมาะสมในกจิ กรรมการเรยี นรู้ การจดั กจิ กรรมการเรยี นรู้ ทห่ี ลากหลาย เนื้อหาการเรียนรสู้ ามารถบูรณาการเขา้ กับวิถชี วี ิต เปน็ ต้น 3.4 ความต่อเน่ือง (Continuity) การเรียนรู้อย่างต่อเน่ีือง ไดแ้ ก่ การทำซำ้ และการมพี นื้ ทเี่ รยี นรอู้ ยา่ งตอ่ เนอื่ ง สามารถทำใหเ้ ดก็ และเยาวชน เกดิ การเรยี รเู้ ทา่ ทนั สอ่ื ในระดบั การปรบั เปลย่ี นพฤตกิ รรม ซง่ึ เปน็ ระดบั การเรยี นรทู้ ี่ แท้จริง จากองคป์ ระกอบพน้ื ฐานดา้ นกระบวนการจดั การเรยี นเทา่ ทนั สอ่ื ขา้ งตน้ จะเชอ่ื มโยงมาสู่ แนวทางการพฒั นากระบวนการเรยี นรเู้ ทา่ ทนั สอื่ สำหรบั เดก็ และ เยาวชน มีอยู่ 4 แนวทางดังนี้ 1. แนวทางการฝกึ คดิ อยา่ งมวี จิ ารณญาณ (Critical Thinking Approach) การมุ่งเน้นให้เด็กและเยาวชน ฝึกต้ังคำถาม ฝึกการวิพากษ์วิจารณ์ สังเกตถึง กระบวนการทำงานของสอื่ เพอ่ื หาเหตผุ ลตา่ ง ๆ ทสี่ อ่ื สง่ ผลตอ่ ชวี ติ หรอื ฝกึ วเิ คราะห์ สอ่ื ทม่ี คี วามหมาย และมคี วามสมั พนั ธก์ บั ชวี ติ เยาวชน เชน่ การวเิ คราะหโ์ ฆษณาทม่ี ี เยาวชนเป็นกลุ่มเป้าหมาย รวมถึงการฝึกคิดวิเคราะห์ประเด็นท่ีมีความซับซ้อน คู่มือ มือเลก็ ๆ เรยี นรู้เท่าทันสือ่ I 107

ท่ีส่ือมวลชนได้บิดเบือนด้วยเทคนิค และกระบวนการผลิตนานาประการ และ ประการทีส่ ำคัญของการวิเชิงวจิ ารณญาณ คือ การนำเอาเรีอื่ งการรเู้ ทา่ ทนั ส่ือเขา้ มาอยใู่ นชีวติ ประจำวนั ด้วยการชวนคิดชวนคยุ มาก ๆ ซง่ึ จะกอ่ ใหเ้ กดิ ผลดีแกเ่ ด็ก และเยาวชนในการรู้เท่าทันส่ือ 2. แนวทางการสร้างภูมิคุ้มกันอิทธิพลของสื่อ (Media Influence Inoculation) ดว้ ยการสรา้ งใหเ้ กดิ ความตระหนกั ในอทิ ธพิ ลของสอ่ื เชน่ การเรมิ่ ตน้ การเรียนรู้ด้วยการนำเสนอสื่อท่ีแรงและมีพลังอยู่ในวิถีชีวิตของเยาวชนใช้เร้าใจ สร้างการเรียนรู้ และควรเป็นกิจกรรมท่ีทำให้ผู้เรียนเกิดความรู้สึกถึงขั้นอุทาน ขึ้นมา เม่ือพบว่าสิ่งทส่ี ่ือนำเสนอมีผลและมีอทิ ธพิ ลต่อตนเองเพยี งไร หรือ การใช้ โจทย์คำถามท่ีเกี่ยวข้องกับพฤติกรรมในชีวิตประจำวันของผู้เรียนตั้งขึ้น เพ่ือให้ ผเู้ รียนถามตนเองและคน้ พบคำตอบดว้ ยตนเอง 3. แนวทางการเรียนรู้จากกระบวนการผลิตสอ่ื (Media Production Approach) มดี งั น้ี กอ่ นการผลติ สอ่ื สรา้ งสรรค์ เดก็ และเยาวชนควรมคี วามรู้ ความ เขา้ ใจ เกย่ี วกบั การรเู้ ทา่ ทนั สอื่ ซงึ่ อาจจะมาจาการตง้ั คำถามตอ่ สอื่ ในชวี ติ ประจำวนั จากน้ันเด็กและเยาวชนนำหัวข้อของการต้ังคำถามมาสรุปร่วมกันเพ่ือหาคำตอบ ของคำถามน้ัน แล้วนำมาเป็นประเด็นในการผลิตสร้างสรรค์ นอกจากน้ีควรให้ ผ้เู รยี นเป็นผู้เลอื ก สือ่ คิดออกแบบ แกไ้ ขปัญหา กำหนดหัวขอ้ เนอ้ื หาในการผลิต สอ่ื เอง ประการทสี่ ำคญั การใชแ้ นวทางดงั กลา่ วตอ้ งมงุ่ เนน้ และใหค้ วามสำคญั ตอ่ เนื้อหามากกว่าเทคนิค หรอื วิธีการผลติ 4. แนวทางการรู้เท่าทันตนเอง (Self Awareness Approach) คือ แนวทางการในฝึกวิเคราะห์พฤติกรรมของตนเอง เพ่ือประเมินศักยภาพของตน ในการตดั สนิ ใจ วา่ จะเลอื กเปิดรับขอ้ มูลข่าวสารจากสือ่ มาใชก้ ับตนเองในเรีอื่ งใด และจะใชอ้ ยา่ งไรใหเ้ หมาะสม หรอื การฝกึ วเิ คราะหท์ บทวนตวั เองในดา้ นพฤตกิ รรม การรบั ขา่ วสารในชวี ติ ประจำวนั ฝกึ สรา้ งสถติ ใิ นการรบั ขา่ วสารดว้ ยการตระหนกั รู้ 108 I คู่มือ มอื เลก็ ๆ เรียนร้เู ทา่ ทนั สือ่

วา่ ตนเองรบั ขอ้ มลู ขา่ วสารอะไรบา้ ง และสง่ั สมเปน็ วธิ คี ดิ หรอื พฤตกิ รรมดา้ นบวก หรอื ดา้ นลบอยา่ งไร หรอื การฝกึ รเู้ ทา่ ทนั อารมณ์ และจดุ ออ่ นทางอารมณข์ องตนเอง และฝกึ รู้หลกั ในการควบคมุ อารมณ์ เปน็ ตน้ จากแนวทางการพัฒนากระบวนการเรียนรู้เท่าทันสื่อสำหรับ เด็กและ เยาวชน ทง้ั 4 แนวทาง สามารถนำไปใชแ้ นวทางใดแนวทางหนึง่ หรอื ประยกุ ต์ ผสมผสานเขา้ ดว้ ยกันตามความเหมาะสม การนำแนวทางการพฒั นากระบวนการเรียนรู้เท่าทนั สื่อ ในเด็กและเยาวชนไปประยกุ ต์ใช้จรงิ กรณีศกึ ษา โครงการมือเล็ก ๆ เรียนรู้เทา่ ทันสื่อ โครงการมือเล็ก ๆ เรียนรู้เท่าทันสื่อ เกิดขึ้นจากการตระหนักถึง ความสำคัญของปัญหาด้านการใช้และเข้าถึง “ส่ือ” ของกลุ่มเด็กและเยาวชนท่ี ในบางครงั้ ยงั ขาดความรอบคอบและขาดสตปิ ญั ญาในการรเู้ ทา่ ทนั จงึ นำมาสปู่ ญั หา การใช้ส่ือในทางท่ผี ิด หรอื การตกเป็นผ้เู สียหายจากการใช้ส่ือ ดังนนั้ เพื่อร่วมเป็น ส่วนหนึ่งของกระบวนการทางสังคมในการแก้ไขปัญหาดังกล่าว ทางโครงการฯ จึงได้ดำเนินงานในลักษณะของการเสริมสร้างพลังแห่งปัญญา“ด้านการรู้เท่าทัน สอ่ื ” ในกลมุ่ เดก็ และเยาวชน พน้ื ทจี่ งั หวดั เชยี งใหม่ นอกจากนย้ี งั มงุ่ เนน้ เปดิ โอกาส ให้เด็กและเยาวชนได้นำองค์ความรู้ดังกล่าวไปพัฒนาต่อยอดขยายผลสู่กลุ่ม เปา้ หมายอื่น ๆ ทงั้ กลุ่มเพ่ือนเยาวชน ผู้ปกครอง และชมุ ชน อนั จะเป็นเสมอื นอกี กลไกหน่ึงในการร่วมสร้างสรรค์ และขับเคลื่อนสังคมเมืองเชียงใหม่ให้เป็นสังคม แห่งการเรียนรเู้ ทา่ ทนั ส่อื อย่างย่ังยนื ต่อไป คมู่ ือ มือเล็ก ๆ เรยี นรูเ้ ทา่ ทันสือ่ I 109

จากแนวคดิ หลกั สำคญั ของโครงการมอื เลก็ ๆ เรยี นรเู้ ทา่ ทนั สอ่ื ทม่ี งุ่ เนน้ เสริมสร้างพลังแห่งปัญญา“ด้านการรู้เท่าทันส่ือ”ในกลุ่มเด็กและเยาวชน พ้ืนท่ี จงั หวดั เชยี งใหม่ ดงั นน้ั หลกั สำคญั ของการดำเนนิ โครงการทจ่ี งึ มงุ่ เนน้ ไปทกี่ ารสรา้ ง การเรยี นรดู้ า้ นการรเู้ ทา่ ทนั สอื่ ใหเ้ กดิ ขนึ้ ในกลมุ่ เดก็ และเยาวชน ผา่ นกระบวนการ ดำเนนิ กจิ กรรมหลกั ๆ ของโครงการ 3 กจิ กรรมไดแ้ ก่ 1. กิจกรรม Road Show Project “เพาะบม่ ปญั ญารู้เทา่ ทันสอื่ ” 2. กิจกรรม มือเลก็ ๆ สร้างสรรค์พลงั เรียนร้เู ทา่ ทนั สอ่ื 3. กิจกรรม ค่ายพลังมือเล็ก ๆ เรยี นรูเ้ ท่าทันส่อื ทง้ั 3 กจิ กรรมดงั กลา่ วนน้ั มขี นั้ ตอนและการดำเนนิ กจิ กรรม ทส่ี อดคลอ้ ง กับแนวทางการพฒั นากระบวนการเรยี นรู้เทา่ ทนั สื่อข้างตน้ ดังน้ี 1.กจิ กรรมRoadShowProjectเพาะบม่ ปญั ญารเู้ ทา่ ทนั สอ่ื เปน็ กจิ กรรม การเผยแพรส่ าระความรดู้ า้ นการรเู้ ทา่ ทนั สอ่ื สกู่ ลมุ่ เดก็ และเยาวชนในสถานศกึ ษา เปา้ หมายทงั้ 10 แหง่ ในจงั หวดั เชยี งใหม่ โดยมกี ระบวนการเรยี นรู้ ทป่ี ระกอบดว้ ย การบรรยายใหค้ วามรู้ การแลกเปลยี่ นเรยี นรู้ การนำเสนอกรณศี กึ ษา ซง่ึ แนวทาง การดำเนินกิจกรรมดังกล่าวสอดคล้องกับแนวคิดการพัฒนากระบวนการเรียนรู้ แบบการฝึกคิดวจิ ารณญาณ (Critical Thinking Approach) 2.กจิ กรรมมอื เลก็ ๆ สรา้ งสรรคพ์ ลงั เรยี นรเู้ ทา่ ทนั สอื่ เปน็ กจิ กรรมทเี่ ปดิ โอกาสใหเ้ ดก็ และเยาวชนจากสถานศกึ ษาภาคเี ครอื ขา่ ยตน้ แบบทง้ั 10 ทง้ั ไดร้ วม กลมุ่ กนั ขน้ึ เพอ่ื ผลติ ผลงานสอ่ื สรา้ งสรรค์ (Clip VDO) เพอ่ื สง่ เสรมิ การรเู้ ทา่ ทนั สอ่ื ซง่ึ กระบวนการดำเนนิ กจิ กรรมดงั กลา่ วสอดคลอ้ งกบั แนวทางการพฒั นากระบวนการ เรียนรู้เท่าทนั สอื่ โดยใช้กระบวนการผลิตสอื่ (Media Production Approach) 110 I คมู่ อื มือเล็ก ๆ เรยี นรู้เทา่ ทนั สื่อ

3.กจิ กรรมคา่ ยพลงั มอื เลก็ ๆเรยี นรเู้ ทา่ ทนั สอ่ื เปน็ การดำเนนิ กจิ กรรมเพอ่ื ถอดสรุปบทเรียนการเรียนรู้ ของเด็กและเยาวชนท่ีเข้าร่วมกิจกรรมการผลิตสื่อ สร้างสรรค์ (Clip VDO) เพ่ือส่งเสริมการเรยี นร้ดู า้ นการรเู้ ทา่ ทันสอ่ื การถอดสรปุ บทเรยี นการเรยี นรู้ ไดป้ ระเดน็ ขอ้ สรปุ จากเดก็ และเยาวชนท่ี นา่ สนใจยง่ิ โดยเฉพาะการนำเสนอมมุ มองผา่ นประสบการณท์ ไ่ี ดเ้ ดก็ และเยาวชน ไดล้ งมอื สรา้ งสรรคผ์ ลงาน Clip VDO เพอ่ื สง่ เสรมิ การเรยี นรเู้ ทา่ ทนั สอ่ื เพราะเดก็ และเยาวชน ในแต่ละสถานศึกษาต่างตระหนักถึงความสำคัญของการเรียนรู้ เท่าทันสื่อ โดยเฉพาะในสื่อสังคมออนไลน์ เด็กและเยาวชนได้หยิบยกประเด็น ใกล้ตัวมานำเสนอใน Clip VDO ซ่ึงสะท้อนให้เห็นว่าเด็กและเยาวชนสามารถ นำความรู้ที่ได้รับจากโครงการไปปรับใช้จริงในชีวิตประจำวันและพร้อม ที่จะเผยแพร่เร่ีืองดังกล่าวไปสู่กลุ่มเป้าหมายอ่ืน ๆ ให้เกิดความตระหนักถึง ความสำคัญของเร่ืีองดังกล่าว สามารถสรุปขั้นตอนการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ และ ผลการเรียนรดู้ งั นี้ 1.เด็กและเยาวชนท่ีเข้าร่วมกิจกรรมแต่ละโรงเรียนนำเสนอผลงาน สื่อสร้างสรรค์ (Clip VDO) เพ่อื สง่ เสริมการเรยี นรเู้ ทา่ ทนั สือ่ จำนวน 10 ผลงาน 2.คณะทำงานและทีมวิทยากร ให้ข้อคิดเห็นเก่ียวกับผลงานส่ือ สร้างสรรค์ดังกล่าว โดยทีมวิทยากรประกอบด้วย อาจารย์พศิน พรหมกิ่งแก้ว อาจารย์ประจำคณะการสือ่ สารมวลชน มหาวทิ ยาลัยเชียงใหม่ คณุ สุธดิ า แซเ่ ตยี๋ ว ผู้บริหารเชียงใหม่นิวส์ออนไลน และคุณนวพรรณ ไชยวรรณ์ นักสื่อสารมวลชน ชำนาญการ สำนกั งานประชาสมั พนั ธ์ เขต 3 จังหวัดเชียงใหม่ 3. เด็กและเยาวชนท่เี ขา้ รว่ มกจิ กรรมแต่ละโรงเรยี นร่วมกนั อภปิ รายผล การเรียนรู้ ท่ีได้รับจากาการเข้าร่วมโครงการ และคณะทำงานโครงการนำผล การอภปิ ราย และขอ้ คิดเหน็ จากทมี วทิ ยากรมาสงั เคราะหแ์ ละสรปุ ผลการเรียนรู้ ค่มู อื มือเล็ก ๆ เรยี นรู้เทา่ ทนั สื่อ I 111

สามารถสรุปผลได้ดงั นี้ 1. โรงเรยี วดั ดอนจ่ัน ไดข้ อ้ คิดถึงการตระหนักถึงความสำคญั ของการมี วจิ ารณญาณในการตดิ ตามการรวี วิ แนะนำสนิ คา้ ตา่ งๆ ไมห่ ลงเชอื่ ในสง่ิ ทสี่ อ่ื นำเสนอ โดยสรุปความคดิ ดังกลา่ วผ่านผลงาน Clip VDO เรื่อี ง “ชีวิตตดิ รวี ิว” 2. โรงเรียนวัดช่างเคี่ยน ได้ข้อคิดถึงการส่ือสังคมออนไลน์อย่างมีสติ รวมไปถึงการไม่ใช้สื่อสังคมออนไลน์เพื่อไปกล่ันแกล้งเพ่ือน ๆ โดยสรุปความคิด ดงั กล่าวผา่ นผลงาน Clip VDO เรือ่ ง “ภูผาทีถ่ กู บดบงั ” 112 I คูม่ อื มอื เลก็ ๆ เรยี นร้เู ท่าทนั ส่ือ

3. โรงเรยี นเมตตาศกึ ษา ไดข้ อ้ คดิ จากเรอื่ี งราวความรกั ในวยั รนุ่ ทม่ี กี ารใช้ ส่ือสังคมออนไลน์ไปในทางท่ีผิดจนส่งผลกระทบต่อตัวเอง โดยสรุปความคิด ดังกลา่ วผา่ นผลงาน Clip VDO เรือ่ ง “ความรักวัยร่นุ ” 4. โรงเรยี นหอพระ ไดข้ อ้ คดิ จากการสอื่ สารอยา่ งไรบนสอ่ื สงั คมออนไลน์ ใหถ้ กู ตอ้ ง และไมเ่ สยี่ งทจี่ ะนำไปสกู่ ารกระทำผดิ หรอื นำไปสกู่ ารกลน่ั แกลง้ บนโลก ออนไลน์ โดยสรปุ ความคิดดังกล่าวผา่ น ผลงาน Clip VDO เรอ่ื ง “5 ขอ้ ควรรู้ สอ่ื สารอยา่ งไรใหป้ ลอดภยั ” ค่มู ือ มือเลก็ ๆ เรยี นรูเ้ ทา่ ทันสือ่ I 113

5. โรงเรยี นแมอ่ อนวิทยาลยั ได้ข้อคิดจากการไมเ่ ปดิ เผยขอ้ มลู สว่ นตัว บนโลกออนลไน์ ซึ่งข้อมูลส่วนตัวของเราอาจถูกนำไปใช้ เพ่ือกระทำความผิดได้ โดยสรุปความคดิ ดงั กล่าวผา่ นผลงาน Clip VDO เร่ือง “Bewar Social Media” 6. โรงเรียนเทพศิรินทร์ เชียงใหม่ ได้ข้อคิดจากการมีสติก่อนโพสต์ เรอีื่ งราวตา่ งๆทงั้ ของตนเองและผอู้ นื่ บนสอื่ สงั คมออนไลน์เพราะวา่ เรอืี่ งราวทโ่ี พสต์ หรอื นำเสนอนนั้ อาจกลบั มาทำรา้ ยผโู้ พสตไ์ ดใ้ นอนาคต โดยสรปุ ความคดิ ดงั กลา่ ว ผ่านผลงาน Clip VDO เรอืี่ ง “Social is Back” 114 I คมู่ ือ มือเล็ก ๆ เรียนร้เู ท่าทนั สอ่ื

7. โรงเรยี นจอมทอง ไดข้ อ้ คดิ จากเรอ่ืี งราวของการไมต่ ดั สนิ คนอนื่ ๆ จาก เรือี่ งราวทถ่ี กู นำเสนอ หรอื พบเหน็ บนสื่อสังคมออนไลน์ เพราะเรอี่ื งราวบางเรอีื่ ง อาจจะไม่ใช่เร่ืีองจริง โดยสรุปความคิดดังกล่าวนำเสนอผ่านผลงาน Clip VDO เรีอื่ ง “ชวั ร์ ก่อน แชร”์ 8. โรงเรียนแม่แตง ได้ข้อคิดจากการใช้สื่อสังคมออนไลน์อย่าง มสี ติ ไมห่ ลงเชอ่ื ขอ้ ความทถี่ กู สง่ ตอ่ กนั มา ซงึ่ อาจเปน็ ขอ้ มลู ทก่ี อ่ ใหเ้ กดิ ความเขา้ ใจ ผิดจนนำไปสู่ปัญหาความแตกแยกกันในกลุ่มเพ่ือน โดยสรุปความคิดดังกล่าว นำเสนอผ่านผลงาน Clip VDO เรือี่ ง “สวยใสไรส้ มอง” คูม่ ือ มอื เลก็ ๆ เรยี นรูเ้ ท่าทันสอื่ I 115

9. โรงเรยี นฝางชนปู ถมั ภ์ ไดข้ อ้ คดิ จากการควรหลงเชอีื่ การโฆษณาสนิ คา้ บนสอ่ื ออนไลน์ ควรมสี ตแิ ละศกึ ษาขอ้ มลู อยา่ งรอบดา้ นกอ่ นการตดั สนิ ใจซอื้ สนิ คา้ ในโลกออนไลน์ โดยเฉพาะพวกผลิตภัณฑ์อาหารเสริมโดยสรุปความคิดดังกล่าว ผ่านผลงาน Clip VDO เรอ่ืี ง “สวย(จะตาย)” 10. โรงเรยี นมธั ยมกลั ยาณวิ ฒั นา ไดข้ อ้ คดิ การใชส้ อ่ื ออนไลนอ์ ยา่ งมสี ติ โดยเฉพาะการเลน่ เกมออนไลน์ ทอี่ าจจะตอ้ งสญู เสยี เงนิ โดยไมร่ ตู้ วั จนสง่ ผลกระทบ ไปถึงผู้ปกครองโดยสรุปความคิดดังกล่าวผ่านผลงาน Clip VDO เรีื่อง “Game Over” 116 I คู่มอื มือเลก็ ๆ เรยี นรู้เทา่ ทันสื่อ

ท้งั น้ี การจัดกจิ กรรมตา่ ง ๆ ทางโครงการฯมีกระบวนการจัดการเรียนรู้ อย่างหลากหลาย เชน่ การบรรยายให้ความรู้ การแลกเปลี่ยนเรยี นรู้ การศกึ ษา จากกรณีศึกษา การใช้ส่ือการเรียนรู้ การจัดกิจกรรมสันทนาการ เป็นต้น โดยกระบวนการจดั การเรยี นรดู้ ังกลา่ วสอดคลอ้ งกบั ผลงานวิจัย เรอ่ื ง “แนวทาง การพัฒนากระบวนการเรียนรู้เท่าทันส่ือของแกนนำเยาวชน”ของ อุลิชษา ครุฑะเสน มหาวิทยาลัยราชภัฏสวนดุสิต ที่กล่าวถึงองค์ประกอบกระบวนการ เรียนรู้เทา่ ทนั ส่อื มี 4 องค์ประกอบ ได้แก่ 1.กระบวนทัศน์การเรียนรู้ 2.ผู้จดั การ กระบวนการเรยี นรู้ 3.การออกแบบกระบวนการเรยี นรู้ ซง่ึ ประกอบดว้ ยการเรยี นรู้ ท่ีหลากหลายรปู แบบ เชน่ การเรียนรู้เชิงรุก การเรียนร้เู ชิงวเิ คราะห์ การอภิปราย แลกเปล่ียน การเรียนรู้แบบมีส่วนร่วม การใช้ส่ือการเรียนรู้ท่ีเหมาะสม และ หลากหลาย และ 4.ความตอ่ เนีอื่ งของการเรียนรู้ นอกจากนที้ างโครงการฯ ยังนำเอาแนวคิดเรอ่ืี งการจดั การเรยี นรแู้ บบ Edutainment เขา้ มาเป็นองค์ประกอบหน่งึ ของการจดั การเรียนรู้ ซ่งึ แนวคิดดัง กลา่ วเป็นรปู แบบของการเรียนรู้ ทมี่ ุ่งเน้นการสรา้ งการเรียนร้ดู ว้ ยรูปแบบความ บนั เทงิ ความสนุกสนาน ผสมผสานด้วยสาระความรู้ คูม่ อื มือเลก็ ๆ เรียนร้เู ท่าทันสือ่ I 117

องคป์ ระกอบการเรยี นร้เู ท่าทนั สือ่ 1.กระบวนทศั นก์ ารเรยี นรู้ เนอ้ื หาสาระมีความน่าสนใจ 2.ผู้จัดกระบวนการเรียนรู้ มคี วามรู้ ความเขา้ ใจ และประสบการณ์ 3.การออกแบบกระบวนการเรยี นรู้ มรี ปู แบบและสื่อทีห่ ลากหลาย นา่ สนใจ 4.ความต่อเน่ืองในกระบวนการเรยี นรู้ เน้นใหเ้ กดิ การเรียนรู้ทสี่ ามารถพฒั นาตอ่ ยอด Time : ระยะเวลาการจดั กิจกรรมสำหรับเดก็ ช่วงอายุ 14 – 17 ป ี เวลาทเ่ี หมาะสมคอื ประมาณ 1.30 – 2.30 ชวั่ โมง เพราะเป็นช่วง ระยะเวลาทีส่ ามารถดงึ ดูด และสรา้ งความสนใจให้แก่เด็กได้เป็นอยา่ งดี Activity : รปู แบบกจิ กรรมควรมหี ลากหลาย เนน้ กิจกรรมท่ีมีความสนุกสนาน และกอ่ ใหเ้ กิด การแลกเปลี่ยนเรียนร ู้ เน้นการตั้งคำถาม ชื่อเชือ่ มโยงกับสถานการณ ์ หรอื สภาพความเปน็ จรงิ นอกจากน้ใี นกิจกรรมสันทนาการอาจมีการเลน่ เกม หรือ การเปิดเพลงร่วมขณะทำกจิ กรรม Media : ส่อื ควรมหี ลากหลายรูปแบบ เช่น ส่อื ออนไลน ์ การเปดิ Clip VDO ทเี่ ป็นเหตกุ ารณ์ ใกล้ตัวสำหรบั เด็กและเยาวชน เพื่อนำไปสกู่ ารตงั้ คำถามแลกเปลย่ี นเรยี นรู ้ หรือ สือ่ สิ่งพมิ พ์ เช่น แผน่ พับความรู้ ควรเน้นรูปแบบท่ีน่าสนใจ หรือ นำเสนอในรปู แบบ infographic Lecture: การบรรยายเนอ้ื หาสาระที่มคี วามซบั ซอ้ นเข้าใจยาก อย่างเช่น เรอื่ งกฎหมาย ควรเปน็ การบรรยายในรปู แบบการถามตอบ หรือ การนำเสนอ สถานการณ์แล้วให้ผู้ฟังช่วยกันแสดงความคิดเห็นซึ่งจะเป็นการช่วยให้ การบรรยายมสี สี นั และสรา้ งความนา่ สนใจเป็นอยา่ งย่ิง Time + Activity + Lecture + Media = Edutainment 118 I ค่มู อื มอื เลก็ ๆ เรียนรเู้ ท่าทนั สอื่

บรรณานกุ รม คูม่ ือ มอื เลก็ ๆ เรยี นรู้เท่าทนั ส่อื I 119

บรรณานกุ รม ภาษาไทย กติ ตพิ งศ ์ กมลธรรมวงศ.์ รวมกฎหมายการสอ่ื สารมวลชน. – กรงุ เทพฯ – วญิ ญชู น 2555. ชุติสนั ต์ เกิดวิบลู ย์เวช. สอ่ื ดจิ ิทัล..สอ่ื แห่งอนาคต. – พมิ พค์ ร้ังที่ 1 – กรุงเทพฯ -- : สำนกั พิมพ์สถาบนั บัณฑติ พฒั นบริหารศาสตร,์ 2559. พนม คล่ีฉายา. รายงานวิจัยเรื่อง การใช้งาน ความเสี่ยงการรู้เท่าทันส่ือดิจิทัล และแนวทางการสอนเพื่อการรู้เท่าทันส่ือดิจิทัลสำหรับนักเรียน มัธยมในประเทศไทย ระยะท่ี 1. สำนักงานกองทุนสนับสนุนการวิจัย และจฬุ าลงกรณม์ หาวทิ ยาลัย, 2559. พนม คล่ีฉายา. รายงานวิจยั เรอ่ื ง การใช้งาน ความเสยี่ ง การรู้เท่าทนั สื่อดิจิทลั และแนวทางการสอนเพ่ือการรู้เท่าทันส่ือดิจิทัลสำหรับนักเรียนมัธยม ในประเทศไทยระยะที่ 2. สำนักงานกองทุนสนับสนุนการวิจัย และจฬุ าลงกรณม์ หาวทิ ยาลยั , 2559. พรพิทักษ์ แมน้ ศิร.ิ จรรยาบรรณและกฎหมายเกีย่ วกบั การใชส้ ือ่ สังคมออนไลน์ .(ออนไลน์) 2560. สืบค้นเม่ือวันที่ 8 เมษายน 2562.แหล่งที่ https://www.prd.go.th/download/article/ article_20170801174209.pdf พริ งรอง รามสตู . ประทษุ วาจากบั โลกออนไลน.์ – กรงุ เทพฯ – มลู นธิ เิ พอื่ การศกึ ษา ประชาธิปไตยและการพฒั นา (โครงการจดั พิมพค์ บไฟ), 2558. 120 I คมู่ ือ มือเล็ก ๆ เรยี นรู้เท่าทันสอ่ื

ภรี กาญจน ์ ไคน่ นุ่ นา. รเู้ ทา่ ทนั สอื่ คอื ภารกจิ พลเมอื ง. – สงขลา : เอสพรนิ้ ท์ (2004), 2559. มานิตย์ จุมปา. คำอธิบายกฎหมายว่าด้วยการกระทำผิดเก่ียวกับคอมพิวเตอร์. –พมิ พค์ รัง้ ท่ี 2 – กรงุ เทพฯ : วิญญชู น, 2554. วนดิ า แ สงสารพนั ธ.์ หลกั กฎหมายสอ่ื สารมวลชน.–พมิ พค์ รง้ั ที่6–กรงุ เทพฯ:วญิ ญชู น, 2557. โสภิดา วรี กุลเทวัญ. เทา่ ทันสื่อ : อำนาจในมือพลเมืองดิจทิ ลั . – กรงุ เทพฯ - : สถาบันสอื่ เด็กและเยาวชน. 2561. อดิศกั ด์ิ ลมิ ปรงุ่ พัฒนกิจ. ภมู ิทศั น์สอื่ ใหม:่ Digital Media ทีวพี นั ช่อง.กรงุ เทพฯ: เนก็ ท์บคุ๊ แอด็ ซายน์ เอน็ บี ซี, 2556. เอกพล เธยี รถาวร และฐติ ชิ ยั อฏั ฏวชั ระ. ภมู ทิ ศั นส์ อื่ คอนเวอรเ์ จนซ ์ ในหลกั และ แนวคิดวารสารศาสตร์คอนเวอร์เจนซ์. กรุงเทพฯ: สมาคมนักข่าว นักหนงั สอื พมิ พแ์ หง่ ประเทศไทย, 2557. เอ้ือจิต วิโรจน์ไตรรัตน์.“การวิเคราะห์ระดับมีเดียลิตเตอเรซีของนักศึกษา ระดับอุดมศึกษาในประเทศไทย”. วิทยานิพนธ์ปริญญาดุษฎีบัณฑิต สาขาเทคโนโลยีและสื่อสารการศึกษา บัณฑิตวิทยาลัยจุฬาลงกรณ์ มหาวทิ ยาลยั , 2540 ภาษาองั กฤษ Marcus Leaning.MediaandInformationLiteracyAnIntegratedApproachfor the 21st Century. CP Chandos Publishing, 2017. W. James Potter. Media Literacy.- 6th Edition. SAGE Publication, Inc. 2013. Henry Jenkins. (2006).Eight Trait of The New Media Landscape. The Official Weblog of Henry Jenkins. สืบค้นเมื่อวันที่ 2 เมษายน2562 แหลง่ ทม่ี าhttp://henryjenkins.org/2006/11/eight_traits_of_the_ new_media.html. คู่มือ มือเลก็ ๆ เรียนร้เู ทา่ ทันส่อื I 121

122 I ค่มู ือ มอื เลก็ ๆ เรยี นร้เู ท่าทนั ส่อื


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook