Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore คู่มือ มือเล็ก ๆ เรียนรู้เท่าทันสื่อ

คู่มือ มือเล็ก ๆ เรียนรู้เท่าทันสื่อ

Published by 000bookchonlibrary, 2021-03-15 07:02:08

Description: คู่มือ มือเล็ก ๆ เรียนรู้เท่าทันสื่อ

Search

Read the Text Version

คูม่ ือ มือเล็ก ๆ เรียนรู้เทา่ ทนั ส่ือ สนบั สนนุ โดย กองทุนพัฒนสือ่ ปลอดภยั และสรา้ งสรรค์

ผูแ้ ตง่ /เรยี บเรยี ง : รศ.ดร.สัญลักข์ ปญั วัฒนลิขิต อาจารยพ์ ศนิ พรหมกิ่งแกว้ นายอรรถวฒุ ิ ศริ ปิ ัญญา รปู เลม่ /ปก : นายอรรถวฒุ ิ ศิรปิ ญั ญา ชอ่ื หนงั สอื : คู่มอื มือเลก็ ๆ เรยี นร้เู รยี นเทา่ ทนั สอื่ พิมพ์ : ครั้งที่ 1 มีนาคม 2563 จำนวน : 1,000 เลม่ พิมพท์ ่ี : หา้ งหนุ้ ส่วนจำกัด ไอเดยี กรุ๊ป ปริน้ ท์ต้งิ แอนด์ แอดเวอร์ไทซิง่ เลขที่ 300/253 หมู่ 10 หม่บู า้ นแกรนด์วิว ต.แม่เหยี ะ อ.เมอื ง จ.เชยี งใหม่ 50100 โทรศพั ท์ 053 804 413 โทรสาร 053 805 111 เจ้าของ : กองทุนพัฒนาสื่อปลอดภยั และสร้างสรรค์ 388 อาคารเอส.พ.ี (IBM) อาคาร บี ชน้ั 6 ถ.พหลโยธิน แขวง สามเสนใน เขต พญาไท กรุงเทพมหานคร 10400 ข้อมลู ทางบรรณานุกรม : กองทุนพฒั นาสอื่ ปลอดภัยและสร้างสรรค์ “คู่มือ มอื เลก็ ๆ เรียนรเู้ ทา่ ทนั สอ่ื ” - เชยี งใหม่ : ห้างหนุ้ ส่วนจำกดั ไอเดีย กรุ๊ป ปรนิ้ ท์ต้ิง แอนด์ แอดเวอร์ไทซิ่ง , 2562 124 หน้า 1. ภาพรวมของสือ่ ในชวี ติ ประจำวัน 2. ทำไมต้องร้เู ทา่ ทนั สือ่ 3. บทบาท และประโยชนข์ องส่อื ดิจทิ ลั 4. อิทพล และผลกระทบของสื่อดิจทิ ลั ทมี่ ีต่อเยาวชน 5. จรรยาบรรณ และกฎหมายเก่ยี วกบั การใชส้ ่อื สงั คมออนไลน์ 6. แนวทางการพฒั นากระบวนการเรียนรู้ ดา้ นการรเู้ ทา่ ทนั สอื่ ในกลุ่มเดก็ และเยาวชน ให้ประสบความสำเรจ็ กรณีศึกษา โครงการมอื เล็ก ๆ เรยี นรเู้ ทา่ ทันสือ่ เลขท่มี าตรฐานสากลประจำหนงั สือ : ISBN 978-616-93522-1-1 วตั ถปุ ระสงค์จัดพิมพ์ : เพื่อการศกึ ษา และประโยชน์สาธารณะ ลขิ สทิ ธ์ิเผยแพร่ : กองทนุ พฒั นาสอ่ื ปลอดภัยและสรา้ งสรรค์ 2563

ค่มู ือ มอื เลก็ ๆ เรยี นร้เู ทา่ ทันส่อื I 01

สารบญั 04 06 คำนิยม ผจู้ ัดการกองทุนพฒั นาสอ่ื ปลอดภยั และสรา้ งสรรค์ 09 คำนำ ผ้เู ขยี น 15 บทที่ 1 บทนำ 17 คูม่ อื มือเล็ก ๆ เรียนรเู้ ทา่ ทันสอ่ื 18 บทท่ี 2 ภาพรวมของส่ือในชวี ติ ประจำวนั 21 กระบวนการสอื่ สาร 25 พฒั นาการของส่อื สารสนเทศ และเทคโนโลยดี ิจทิ ลั 27 การหลอมรวมสอื่ 30 บทท่ี 3 ทำไมต้องรเู้ ทา่ ทันสื่อ 30 ความหมายของ “การรเู้ ท่าทันส่อื ” 34 องคป์ ระกอบสำคัญของการรู้เทา่ ทนั สื่อ 36 แนวคิดทางพทุ ธศาสนากบั การร้เู ทา่ ทันส่อื 39 การรเู้ ท่าทันส่อื สารสนเทศ และดจิ ิทลั 44 ทำไมตอ้ งรเู้ ทา่ ทันสื่อ สารสนเทศ และดจิ ทิ ัล 48 บทที่ 4 บทบาทและประโยชนข์ องสือ่ ดิจิทัล 51 การเปน็ พลเมืองดจิ ิทลั 52 ประโยชน์ของสอื่ ดจิ ิทลั 55 บทที่ 5 อิทธพิ ล และผลกระทบของสอ่ื ดิจิทัลท่มี ตี อ่ เยาวชน 61 สถาการณ์และแนวโนม้ รูปแบบการละเมิดสทิ ธเิ ด็กทีพ่ บมากในสื่อมวลชน รายงานขา่ วเดก็ อยา่ งไรจึงไมล่ ะเมิดสทิ ธิ 02 I ค่มู อื มอื เลก็ ๆ เรียนรู้เทา่ ทันส่อื

สารบัญ บทที่ 6 จรรยาบรรณ และกฎหมายท่เี ก่ยี วข้องกับการใชส้ ือ่ สังคม 63 ออนไลน์ และกรณศี กึ ษา 65 ข้อกำหนดเชิงจรรยาบรรณ 68 อนสุ ญั ญาวา่ ดว้ ยสิทธิเด็ก 77 รัฐธรรมนญู แห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ.2560 78 พระราชบัญญตั ิการกระทำความผดิ ทางคอมพิวเตอร์ 80 พ.ศ.2550 แกไ้ ขเพ่มิ เตมิ (ฉบบั 2) พ.ศ.2560 83 พระราชบญั ญตั ิลขิ สทิ ธ์ิ พ.ศ.2537 แก้ไขเพมิ่ เตมิ (ฉบับ2) 86 พ.ศ.2558 94 พระราชบญั ญัตคิ มุ้ ครองผบู้ ริโภค พ.ศ.2522 103 พระราชบญั ญตั ิคมุ้ ครองเด็ก พ.ศ.2546 กรณีศกึ ษา 104 บทที่ 7 แนวทางการพัฒนากระบวนการเรียนรู้ ด้านการรเู้ ทา่ ทันสอ่ื 109 ในกลมุ่ เดก็ และเยาวชนใหป้ ระสบความสำเร็จ กรณศี กึ ษา โครงการมอื เลก็ ๆ เรียนรเู้ ทา่ ทนั ส่ือ แนวคดิ กระบวนการจัดการเรียนรู้เทา่ ทนั ส่ือ แนวทางการพัฒนากระบวนการเรียนรู้เท่าทันส่อื ไปประยุกต์ ใช้จริง กรณีศกึ ษา โครงการมอื เลก็ ๆ เรียนรเู้ ท่าทันสอ่ื บรรณานกุ รม 119 คมู่ ือ มือเลก็ ๆ เรยี นรเู้ ทา่ ทันสือ่ I 03

คำนิยม ผจู้ ัดการกองทุนพฒั นาสอ่ื ปลอดภัยและสร้างสรรค์ ณ ขณะทก่ี ำลงั เขียนคำนยิ มนี้ โลกของเรากำลงั ประสบกบั ภาวะวกิ ฤต โรคระบาดครง้ั ใหญ่ ทำใหร้ ฐั ตอ้ งออกมาตรการตา่ ง ๆ เพอื่ ลดอตั ราการแพรร่ ะบาด โดยเฉพาะการรณรงคใ์ หป้ ระชาชน “เวน้ ระยะหา่ งทางสงั คม” (Social Distancing) ซึ่งหมายถึง การสร้างระยะห่างระหว่างบุคคล การหลีกเล่ียงกิจกรรมต่าง ๆ ในพน้ื ทีส่ าธารณะ ตลอดจนการกกั ตวั (Quarantine) และการทำงานจากท่บี า้ น (Work from Home) จงึ เหน็ ได้ว่า ไม่วา่ ในยามสงบ หรือ ยามวกิ ฤต บา้ นคือสถานทป่ี ลอดภัย เสมอ โดยเฉพาะในกลุม่ เด็กและเยาวชน ซ่งึ มีบา้ นและครอบครัวเป็นเกราะกำบัง คอยปกปอ้ งคมุ้ ครองดแู ล ใหค้ วามอบอนุ่ ใหก้ ารเรยี นรู้ และเตบิ โตอยา่ งมคี ณุ ภาพ แตเ่ ม่ือภมู ิทศั น์ส่อื เปลย่ี นแปลงอย่างรวดเร็ว และเข้าสู่ยคุ ดจิ ทิ ลั อยา่ งเต็มรูปแบบ สอื่ ออนไลนไ์ ดก้ ลายมาเปน็ บา้ นคขู่ นานของเดก็ และเยาวชนอกี หลงั หนง่ึ ซง่ึ ผใู้ หญ่ ยากจะเข้าถงึ เมือ่ ไดท้ ราบว่าโครงการ “มือเล็ก ๆ เรยี นรเู้ ท่าทันสื่อ” ได้นำผลสรุป จากการดำเนนิ โครงการ มาตอ่ ยอดและจดั ทำคมู่ อื เลม่ นี้ เพอื่ รวบรวมสาระความรู้ ดา้ นการรเู้ ทา่ ทนั สอ่ื ตลอดจนขอ้ กฎหมายตา่ ง ๆ ทเี่ กยี่ วขอ้ งกบั การปกปอ้ งคมุ้ ครอง เด็ก ผมจึงยินดีเป็นอย่างยิ่ง ท่ีภาคีเครือข่ายของกองทุนพัฒนาส่ือปลอดภัยและ สร้างสรรค์ ได้เหน็ ความสำคญั ของการเสนอแนะแนวทางในการปกปอ้ งคมุ้ ครอง เดก็ และสานตอ่ พนั ธกจิ สำคญั ของกองทนุ ฯ ในการสง่ เสรมิ ใหป้ ระชาชนโดยเฉพาะ เด็ก เยาวชน และครอบครวั มที ักษะในการรู้เท่าทันส่อื และเฝา้ ระวังสอื่ 04 I ค่มู อื มอื เล็ก ๆ เรยี นรู้เทา่ ทันส่อื

เช่ือว่าคู่มือเล่มนนี้จะเป็นประโยชน์อย่างย่ิงสำหรับผู้อ่านทุกท่าน โดยเฉพาะครอบครัวและผู้แวดล้อมเด็ก และหวังเป็นอย่างยิ่งว่าด้วยทักษะ การรู้เท่าทันส่ือ เราจะสามารถสร้างพ้ืนที่ออนไลน์ให้เป็นบ้านที่ปลอดภัยสำหรับ “มอื เล็ก ๆ” ไดใ้ นอนาคตอนั ใกล้น้ี วสันต์ ภยั หลกี ล้ี ผ้จู ัดการกองทุนพฒั นาส่อื ปลอดภัยและสรา้ งสรรค์ คู่มือ มอื เลก็ ๆ เรียนรเู้ ทา่ ทนั สือ่ I 05

คำนำ คมู่ อื “มอื เลก็ ๆเรยี นรเู้ ทา่ ทนั สอื่ ”ถอื เปน็ อกี หนง่ึ ผลงานและผลผลติ ของ การดำเนนิ โครงการมือเลก็ ๆ เรียนรูเ้ ทา่ ทนั สื่อ ภายใต้การสนับสนนุ จาก กองทุน พฒั นาส่อื ปลอดภยั และสรา้ งสรรค์ ทงั้ นี้ โครงการมือเลก็ ๆ เรียนรเู้ ท่าทันสือ่ เกิดขึ้นจากการตระหนกั ถงึ ความสำคัญของปัญหาด้านการใช้และเข้าถึง “สื่อ” ของกลุ่มเด็กและเยาวชน ที่ในบางคร้ังยังขาดความรอบคอบและขาดสติปัญญาในการรู้เท่าทัน จึงนำมาสู่ ปญั หาการใชส้ อ่ื ในทางทผี่ ดิ หรอื การตกเปน็ ผเู้ สยี หายจากการใชส้ อื่ ดงั นนั้ เพอื่ รว่ ม เปน็ สว่ นหนง่ึ ของกระบวนการทางสงั คมในการแกไ้ ขปญั หาดงั กลา่ ว ทางโครงการฯ จึงได้ดำเนินงานในลักษณะของการเสริมสร้างพลังแห่งปัญญา“ด้านการรู้เท่าทัน สอ่ื ” ในกลมุ่ เดก็ และเยาวชน พนื้ ทจ่ี งั หวดั เชยี งใหม่ นอกจากนย้ี งั มงุ่ เนน้ เปดิ โอกาส ใหเ้ ดก็ และเยาวชนไดน้ ำความรดู้ งั กลา่ วไปพฒั นาตอ่ ยอดขยายผลสกู่ ลมุ่ เปา้ หมาย อืน่ ๆ ทัง้ กลุ่มเพ่ือนเยาวชน ผ้ปู กครอง และชุมชน อนั จะเปน็ เสมือนอกี กลไกหน่ึง ในการร่วมสร้างสรรค์ และขับเคล่ือนสังคมเมืองเชียงใหม่ให้เป็นสังคมแห่งการ เรยี นรเู้ ทา่ ทนั สื่ออยา่ งยั่งยนื ต่อไป หนงั สอื คมู่ อื “มอื เลก็ ๆ เรยี นรเู้ ทา่ ทนั สอ่ื ” มวี ตั ถปุ ระสงค์ เพอื่ รวบรวม สาระความรดู้ า้ นการรเู้ ทา่ ทนั สอื่ และดา้ นกฎหมายทเ่ี กย่ี วขอ้ ง โดยความรดู้ งั กลา่ ว เป็นความรู้ที่มีความจำเป็นอย่างยิ่งต่อเด็กและเยาวชน รวมถึงประชาชน ท่ัวไป เพราะในปัจจุบันน้ีการใช้ส่ือและการเปิดรับส่ือ ได้กลายเป็นปัจจัยพ้ืนฐาน ของการดำเนนิ ชวี ติ ดงั นนั้ การเสรมิ สรา้ งความรู้ ความเขา้ ใจ ในสาระความรขู้ า้ งตน้ จะเป็นอีกแนวทางหน่ึงในการช่วยให้เด็กและเยาวชน รวมถึงประชาชนท่ัวไป สามารถใช้ส่อื ไดอ้ ยา่ งรู้เทา่ ทนั และสรา้ งสรรค์ 06 I ค่มู อื มอื เล็ก ๆ เรยี นรู้เทา่ ทนั ส่อื

พรอ้ มกนั นเ้ี พอ่ื ใหห้ นงั สอื คมู่ อื ดงั กลา่ วกอ่ เกดิ ประโยชนอ์ ยา่ งสงู สดุ ทาง คณะผจู้ ดั ทำ ไดเ้ พม่ิ เตมิ เนอื้ หาสาระเกยี่ วกบั รปู แบบและแนวคดิ การจดั การเรยี นรู้ ดา้ นการรเู้ ทา่ ทนั สอ่ื โดยหยบิ ยกผลการดำเนนิ โครงการ มอื เลก็ ๆ เรยี นรเู้ ทา่ ทนั สอ่ื มาเป็นกรณีศึกษาตัวอย่าง พร้อมกับนำเสนอผลสรุปการถอดสรุปบทเรียน การเรยี นรู้ ของเดก็ และเยาวชนจากสถานศกึ ษาภาคเี ครอื ขา่ ยตน้ แบบทง้ั 10 แหง่ ที่เข้าร่วมโครงการโดยมุ่งหวังว่าสาระความรู้ดังกล่าวจะสามารถนำไปใช้เป็น แนวทางในการสรา้ งการเรียนรู้ ด้านการรู้เท่าทันสอ่ื แก่หนว่ ยงาน องค์กร หรือ สถาบันการศึกษาตา่ ง ๆ ในทา้ ยทสี่ ดุ นที้ างคณะผจู้ ดั ทำหวงั เปน็ อยา่ งยงิ่ วา่ เนอื้ หาสาระและความรู้ ที่ปรากฏในหนังสือคู่มือเล่มน้ีจะเป็นส่วนหน่ึงของการร่วมสร้างพลังแห่งปัญญา ดา้ น การรเู้ ทา่ ทนั สอ่ื แกเ่ ดก็ และเยาวชน รวมถงึ ภาคสว่ นตา่ ง ๆ ทมี่ สี ว่ นเกย่ี วขอ้ ง และหากมีข้อบกพร่อง ผิดพลาดประการ คณะผู้จัดทำขอน้อมรับไว้ เพื่อทำการ ปรับปรงุ ใหส้ มบูรณต์ อ่ ไป คณะผ้จู ัดทำ รศ.ดร.สญั ลักข์ ปัญวฒั นลิขติ หวั หน้าคณะทำงาน อาจารยพ์ ศนิ พรหมก่ิงแกว้ คณะทำงาน อรรถวุฒิ ศริ ปิ ญั ญา คณะทำงาน คมู่ ือ มอื เล็ก ๆ เรียนรเู้ ทา่ ทันสื่อ I 07

08 I คู่มอื มอื เลก็ ๆ เรยี นร้เู ท่าทนั ส่อื

บทท่ี 1 บทนำ คู่มือ มอื เลก็ ๆ เรยี นรู้เท่าทนั สอื่ คู่มือ มือเลก็ ๆ เรยี นร้เู ท่าทนั สื่อ I 09

บทนำ คมู่ ือ “มอื เล็ก ๆ เรียนร้เู ท่าทันส่ือ” “คมู่ อื มือเล็ก ๆ เรียนรู้เท่าทันสอื่ ” เป็นการนำเสนอสาระความร้ดู า้ น การรู้เท่าทันส่ือ รวมถึงข้อกฎหมายต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้อง ท่ีเด็กและเยาวชน และ ประชาชนโดยทั่วไปควรรู้ โดยรวบรวมความรู้จากการศึกษาค้นคว้าข้อมูลของ คณะผจู้ ดั ทำ ผนวกรวมเขา้ กบั ขอ้ สรปุ ทไี่ ดร้ บั จากการถอดสรปุ บทเรยี นการเรยี นรู้ และประสบการณ์การเข้าร่วมกิจกรรมของเด็กและเยาวชนในสถานศึกษาภาคี เครอื ขา่ ยตน้ แบบ ทั้ง 10 แห่ง พร้อมกบั นำเสนอ รูปแบบและแนวคดิ การจัดการ เรียนรู้ด้านการรู้เท่าทันส่ือในกลุ่มเด็กและเยาวชนให้ประสบความสำเร็จ โดย ใช้ผลสรุปการดำเนินโครงการมือเล็ก ๆ เรยี นร้เู ทา่ ทนั ส่อื เป็นกรณศี ึกษาตวั อย่าง ท้ังน้ี การดำเนินการจัดทำคู่มือ “มือเล็ก ๆ เรียนรู้เท่าทันสื่อ” ด้าน การศกึ ษาคน้ ควา้ ขอ้ มลู ประกอบดว้ ย รองศาสตราจารย์ ดร.สญั ลกั ข ์ ปญั วฒั นลขิ ติ อาจารยป์ ระจำ คณะนติ ศิ าสตร์ มหาวทิ ยาลยั พายพั อาจารย์พศนิ พรหมกงิ่ แกว้ อาจารยป์ ระจำ คณะการสอื่ สารมวลชน มหาวทิ ยาลยั เชยี งใหม่ และนายอรรถวฒุ ิ ศริ ปิ ญั ญา คณะทำงานโครงการมอื เลก็ ๆ เรยี นรเู้ ทา่ ทนั สอื่ ซง่ึ มเี นอื้ หาทงั้ หมด 7 บท ดงั นี้ บทที่ 1 สว่ นนำ คมู่ อื มือเล็ก ๆ เรียนรู้เทา่ ทันสอ่ื กลา่ วถงึ รายละเอยี ดความเปน็ มาและวตั ถปุ ระสงคก์ ารดำเนนิ การจดั ทำ หนงั สอื พร้อมกบั กลา่ วถึงรายละเอียดในภาพรวมของเน้ือหาหนงั สือในแตล่ ะบท 10 I ค่มู อื มอื เลก็ ๆ เรียนรู้เทา่ ทนั ส่ือ

บทท่ี 2 ภาพรวมของส่อื ในชวี ิตประจำวัน การปูพน้ื ฐานความรู้ ความเข้าใจ เบอ้ื งตน้ เกีย่ วกบั กระบวนการสื่อสาร พฒั นาการของสอ่ื สารสนเทศ และเทคโนโลยีดจิ ิทัล รวมไปถงึ การหลอมรวมสื่อ ในยุคปัจจับัน ดังนั้น ความเข้าใจในบริบทการส่ือสารย่อมจะช่วยก่อให้เกิด กระบวนการสอ่ื สารท่ปี ระสทิ ธิภาพ และมปี ระโยชน์ต่อตนเอง และสังคมสบื ไป บทท่ี 3 ทำไมเราตอ้ งรเู้ ทา่ ทนั สื่อ กลา่ วถงึ ความหมายของการรเู้ ทา่ ทนั สอ่ื รวมถงึ องคป์ ระกอบสำคญั ของ การรเู้ ทา่ ทนั สอื่ ผนวกรวมเขา้ กบั แนวคดิ ทางพทุ ธศาสนากบั การรเู้ ทา่ ทนั สอื่ รวมถงึ การรู้เท่าทันส่ือในยุคดิจิทัล ความรู้ดังกล่าวจะช่วยเสริมสร้างให้ผู้อ่านมีความรู้ ความเข้าใจ เกย่ี วกบั การรเู้ ทา่ ทนั สอ่ื ทเ่ี พ่ิมมากข้ึน บทท่ี 4 บทบาทและประโยชนข์ องสื่อดจิ ทิ ัล บทบาทความก้าวหน้าของเทคโนโลยีการส่ือสารท่ีนำพาให้สังคมของ ประเทศไทยได้ก้าวไปสู่การเป็นสังคมดิจิทัล ดังน้ันการเป็นพลเมืองยุคดิจิทัล ทกุ คนควรมคี วามรพู้ นื้ ฐานของการเปน็ พลเมอื งยคุ ดจิ ทิ ลั และเรยี นรถู้ งึ ประโยชน์ ของสื่อในยคุ ดิจลิ บทท่ี 5 อทิ ธพิ ลและผลกระทบของสื่อดิจทิ ัล กล่าวถึงสถานกาณ์และแนวโน้มของการใช้ส่ือดิจิทัลของประชาชน ในสังคมไทย รวมไปถึงกลุ่มเด็กและเยาวชน ซ่ึงมีแนวโน้มของจำนวนผู้ใช้สื่อ ดจิ ทิ ลั ทเี่ พมิ่ ขน้ึ อยา่ งรวดเรว็ และนำเสนอแนวคดิ การปกปอ้ งคมุ้ ครองสทิ ธเิ ดก็ จาก การนำเสนอข่าวของสอ่ื มวลชนในสงั คมยคุ ดจิ ทิ ลั คู่มือ มอื เลก็ ๆ เรียนรเู้ ทา่ ทนั ส่อื I 11

บทที่ 6 จรรยาบรรณและกฎหมายทเี่ กยี่ วกบั การใชส้ อื่ สงั คมออนไลน์ และกรณีศึกษาทเ่ี กย่ี วข้อง กลา่ วถงึ จรรยาบรรณการใชส้ อ่ื ดจิ ทิ ลั หรอื สอื่ สงั คมออนไลน์ เพอื่ ไมใ่ ห้ กระทบต่อผู้อ่ืนและสังคม นอกจากนี้ยังนำเสนอสาระความรู้ด้านข้อกฎหมาย ตา่ ง ๆ ทเ่ี กยี่ วขอ้ ง เพอื่ ใหผ้ อู้ า่ นไดม้ คี วามรู้ ความเขา้ ใจ เกย่ี วกบั การใชง้ านสอ่ื ดจิ ทิ ลั อยา่ งถกู ตอ้ ง และไมก่ อ่ ใหเ้ กดิ การกระทำความผดิ ตามทกี่ ฎหมายกำหนด พรอ้ มทงั้ นำเสนอตัวอย่างกรณศี กึ ษาที่เกดิ ขน้ึ จริงในสังคม สำหรบั ใชเ้ ป็นแนวทางแก่ผอู้ า่ น ได้มีความระมัดระวงั ในการใชส้ ่อื อย่างถกู ตอ้ ง บทที่ 7 แนวทางการพฒั นากระบวนการเรียนรู้ ดา้ นการร้เู ทา่ ทนั สอื่ ในกลุ่มเด็กและเยาวชนให้ประสบความสำเร็จ กรณศี กึ ษา โครงการมอื เลก็ ๆ เรยี นรเู้ ทา่ ทนั สอ่ื นำเสนอรูปแบบและแนวทางการพัฒนากระบวนการการเรียนรู้ด้าน การรู้เท่าทันสื่อ ในกลุ่มเด็กและเยาวชนให้ประสบความสำเร็จมีแนวทาง หรือ ข้ันตอนอย่างไร พรอ้ มนำเสนอรูปแบบการจดั การเรยี นรู้ และการเผยแพร่ความรู้ ดา้ นการรเู้ ท่าทนั สอ่ื ของโครงการมือเลก็ ๆ เรยี นรเู้ ทา่ ทนั สือ่ มาเปน็ กรณีศกึ ษา ตัวอย่าง ทั้งน้ีในบทที่ 7 จะได้กล่าวถึงการถอดสรุปบทเรียนการเรียนรู้ และ ประสบการณก์ ารเขา้ รว่ มกจิ กรรม การผลติ ผลงานสอ่ื สรา้ งสรรค์ (Clip VDO) เพอ่ื ส่งเสริมการเรียนรู้เท่าทันส่ือ ของเด็กและเยาวชนในสถานศึกษาภาคีเครือข่าย ตน้ แบบ ทง้ั 10 แห่ง 12 I ค่มู ือ มือเลก็ ๆ เรียนรู้เทา่ ทนั สื่อ

ในท้ายท่ีสดุ นี้ คณะผู้จดั ทำหวังเปน็ อย่างยง่ิ ว่า เนื้อหาสาระของ “ค่มู ือ มอื เลก็ ๆ เรยี นรเู้ ทา่ ทนั สอื่ ” จะมสี ว่ นชว่ ยเสรมิ สรา้ งความรู้ ความเขา้ ใจ ดา้ นการรู้ เทา่ ทันสื่อทเี่ พิ่มมากขน้ึ แกท่ ่านผ้อู ่าน รวมถงึ หนว่ ยงาน หรือ สถานศกึ ษาตา่ ง ๆ ทส่ี ามารถนำความรดู้ งั กลา่ วไปใชเ้ ปน็ แนวทางในการขบั เคลอื่ นการสรา้ งการเรยี นรู้ ด้านการร้เู ท่าทนั ส่ือให้เกดิ ข้นึ อย่างยง่ั ยืนสบื ไป คูม่ อื มอื เลก็ ๆ เรียนรเู้ ทา่ ทันส่อื I 13

14 I คู่มอื มอื เลก็ ๆ เรยี นร้เู ท่าทนั ส่อื

บทที่ 2 ภาพรวมของสอ่ื ในชีวติ ประจำวนั คูม่ ือ มอื เล็ก ๆ เรยี นรู้เทา่ ทันส่อื I 15

ภาพรวมของสอ่ื ในชีวติ ประจำวนั อริสโตเต้ิล นักปราชญ์ผู้ย่ิงใหญ่ของกรีกได้กล่าวไว้ว่า “มนุษย์เป็นสัตว์ สงั คม (Humanbeing is social animal)” เพราะมนุษย์มกี ารอาศยั อยู่ร่วมกันอย่างเป็นหมวดหมู่ มิได้ใช้ชีวิตอยู่เพียงคนเดียวตามลำพังแต่อย่างใด เนอื่ งจากมนษุ ยต์ อ้ งทำกจิ กรรมรว่ มกนั อยตู่ ลอดเวลา ตอ้ งพพึ่ าอาศยั ซงึ่ กนั และกนั และแตล่ ะชวี ติ ตา่ งกต็ อ้ งการทจ่ี ะเสรมิ สรา้ งความสขุ ความมนั่ ใจ และความปลอดภยั ใหก้ บั ตนเองอยเู่ สมอ ดงั นนั้ สงั คมจงึ เปน็ แหลง่ รวมศนู ยท์ างความคดิ ทมี่ นษุ ยไ์ ดส้ รา้ ง ขนึ้ มา เพอื่ แสวงหาคำตอบทกุ ๆ อยา่ งใหก้ บั ตนเอง และการดำรงอยขู่ องความเปน็ สตั วส์ งั คม มนษุ ย์จงึ เช่ือมรอ้ ยความสมั พนั ธ์ระหว่างบุคคล และความสัมพนั ธ์ทาง สงั คมผ่านการสื่อสาร ซง่ึ มีการพัฒนามาอย่างต่อเนื่อง มนษุ ยเ์ รมิ่ ตน้ การสอ่ื สารผา่ นการแสดงทา่ ทางเพอ่ื บง่ บอกความตอ้ งการ บางส่ิงบางอย่างของตน จากนั้นพฒั นาสู่การสอ่ื สารผ่านภาพวาดดงั ทีเ่ ห็นปรากฏ เป็นหลักฐาน เช่น ภาพวาดบนผนังถ่ำเพื่อแสดงอารยธรรมการดำรงชีพของตน ในสงั คมช่วงขณะน้ัน จากน้ันพฒั นาส่กู ารมภี าษาพดู ภาษาเขยี น และพฒั นามาสู่ การนำเอาเทคโนโลยีการส่ือสารมาปรับใช้ในชีวิตประจำวัน จนทำให้บริบท การสื่อสารของมนุษยส์ ามารถขยายการส่อื สารเปน็ วงกว้าง อาจกล่าวได้ว่าการส่ือสารนั้นเป็นปัจจัยสำคัญในการดำรงชีวิต มนุษย์ จำเป็นต้องติดต่อส่อื สารกนั อยู่ตลอดเวลา ดงั นน้ั การสอ่ื สารจงึ มีบทบาทสำคัญต่อ การดำเนินชีวติ ของมนษุ ย์ โดยเฉพาะการสอ่ื สารในยุคปัจจบุ ันซึ่งถือไดว้ า่ เปน็ ยคุ ของข้อมูลขา่ วสาร 16 I คู่มอื มอื เล็ก ๆ เรียนรู้เท่าทันส่อื

การส่ือสารมีประโยชน์ทั้งในแง่บุคคลและสังคม การสื่อสารทำให้คนมี ความรู้ และโลกทศั นท์ ก่ี วา้ งขวางขนึ้ การสอื่ สารเปน็ สว่ นหนง่ึ ของกระบวนการทาง สงั คมทนี่ ำไปสกู่ ารพฒั นาสงั คมใหม้ คี วามเจรญิ กา้ วหนา้ อยา่ งไมห่ ยดุ ยงั้ และทำให้ มนษุ ย์สามารถสบื ทอดพฒั นา เรียนรู้ และรับรู้วฒั นธรรมของตนเอง และสงั คมได้ ดังน้ัน การเข้าใจในบริบทของกระบวนการส่ือสารย่อมก่อให้เกิดกระบวนการ สอ่ื สารทปี่ ระสทิ ธิภาพ และมีประโยชน์ตอ่ ตนเอง และสงั คมสบื ไป กระบวนการสอ่ื สาร (Communication Process) กระบวนการสอื่ สาร หมายถงึ ขนั้ ตอนของการสอื่ สารจากผสู้ ง่ สารทำการ สง่ สารไปยงั ผรู้ บั สาร โดยผา่ นชอ่ งทางการสอ่ื สาร และอาจมปี ฎกิ ริ ยิ าสะทอ้ นกลบั จากผู้รับสารสู่ผู้ส่งสาร โดยในกระบวนการส่ือสารนั้น ผู้ส่งสารจะทำหน้าที่เป็น ผู้รับสารบางขณะ และผู้รับสารก็จะทำหน้าที่เป็นผู้ส่งสารในบางขณะ สลับสับ เปลีย่ นไปตามบทบาทในขณะน้นั ทั้งนี้ ในกระบวนการส่ือสารอาจมีส่ิงรบกวนมา ขัดขวางกระบวนการส่อื สารได้ แบบจำลองทฤษฎกี ารส่อื สารของมนุษย์ S Encode M essege C Decode R eceiver ender hannel ทกั ษะการสอ่ื สาร เน้อื หา การเห็น ทกั ษะการส่ือสาร ทัศนคติ องค์ประกอบ การไดย้ นิ ทศั นคติ ความรู้ สว่ นเสรมิ การไดก้ ล่นิ ความรู้ ระบบสังคม โครงสรา้ ง การสัมผัส ระบบสงั คม วัฒนธรรม รหัส การตีความ การชิม วัฒนธรรม คู่มือ มอื เลก็ ๆ เรยี นรเู้ ทา่ ทันสื่อ I 17

ในกระบวนการสอื่ สารนนั้ “สอ่ื ” ถอื ไดว้ า่ เปน็ ชอ่ งทางของการสอื่ สารทม่ี ี ประสทิ ธภิ าพ และสอื่ ยอ่ มมอี ทิ ธพิ ลตอ่ การสอื่ สาร สอื่ แตล่ ะสอื่ ยอ่ มมคี วามสามารถ แตกตา่ งกนั หากผสู้ ง่ สารเลือกใชส้ ื่อท่ีเหมาะสมกับผูร้ ับสารก็จะทำให้การส่ือสาร มีประสทิ ธิผล พัฒนาการของสือ่ สารสนเทศ และเทคโนโลยดี จิ ิทลั สอื่ มอี ยหู่ ลายประเภทในทนี่ ี้ หมายถงึ สอื่ มวลชนประเภทวทิ ยุ โทรทศั น์ ภาพยนตร์ หนังสอื พิมพ์ นิตยสาร และอนิ เทอร์เนต็ ท่จี ำแนกตามลกั ษณะเฉพาะ ของสอื่ ตามการพฒั นาระบบเทคโนโลยสี ารสนเทศ การพฒั นาระบบเทคโนโลยสี ารสนเทศมลี กั ษณะเปน็ พลวตั (Dynamic) คอื ไมห่ ยดุ นงิ่ ดงั จะเหน็ ไดจ้ ากสอ่ื อนิ เทอรเ์ นต็ มกี ารพฒั นาไปอยา่ งมาก เพอื่ ความ สะดวกในการติดต่อสื่อสารที่เพิ่มขึ้นจากเดิม ดังน้ัน การเปลี่ยนแปลงของระบบ เทคโนโลยีสารสนเทศน้ี จึงทำให้สามารถแบ่งส่ือตามลักษณะของการใช้ส่ือ เป็น 2 ประเภท คอื สอื่ ดง้ั เดมิ (Traditional Media) หมายถงึ สอื่ ทผี่ สู้ ง่ สารทำหนา้ ทส่ี ง่ สาร ไปยงั ผู้รับสารได้ทางเดยี ว ผู้รบั สารไม่สามารถตดิ ตอ่ กลบั ทางตรงไปยังผสู้ ง่ สารได้ สามารถแบง่ ย่อยได้ ดังนี้ 1. สอ่ื ทที่ ำหนา้ ทส่ี ง่ สารเพยี งอยา่ งเดยี ว หมายถงึ สอ่ื ทส่ี ง่ สาร ตวั หนงั สอื เสียง หรือ ภาพ เพยี งอย่างเดยี ว เชน่ สื่อสง่ิ พมิ พ์ สอื่ วทิ ยุ 2. ส่ือที่ทำหน้าที่ส่งสารสองอย่าง หมายถึง ส่ือท่ีส่งทั้งภาพและเสียง ไปพร้อมกัน เชน่ สื่อโทรทัศน์ สอ่ื ภาพยนตร์ 18 I ค่มู ือ มอื เลก็ ๆ เรียนรเู้ ท่าทนั สื่อ

ส่ือใหม่ (New Media) หมายถึง ส่ือที่เอ้ือให้ผู้ส่งสารและผู้รับสาร ทำหนา้ ทส่ี ง่ สารและรบั สารไดพ้ รอ้ มกนั เปน็ การสอ่ื สารสองทาง และสอ่ื ยงั ทำหนา้ ท่ี สง่ สารหลายอยา่ งรวมกนั คอื ภาพ เสยี ง และขอ้ ความไปพรอ้ มกนั โดยรวมเอาระบบ เทคโนโลยขี องสอ่ื ดงั้ เดมิ รวมเขา้ กบั ความกา้ วหนา้ ของระบบเทคโนโลยแี บบประสม (Multimedia) เช่น สอ่ื อินเทอรเ์ นต็ ส่ือโทรศพั ท์เคล่ือนที่ นอกจากนย้ี งั มกี ารพฒั นาโดยนำเอาสอื่ ดงั้ เดมิ มารวมกบั สอ่ื อนิ เทอรเ์ นต็ เรยี กวา่ สอื่ โทรทศั นแ์ บบปฏสิ มั พนั ธ์ ซง่ึ ทำหนา้ ทส่ี ง่ สารไดห้ ลายอยา่ ง เชน่ ภาพ เสยี ง และขอ้ ความ ดงั นน้ั เมอ่ื ผบู้ รโิ ภคดรู ายการโทรทศั นจ์ งึ สามารถมปี ฎสิ มั พนั ธผ์ า่ นสอื่ อนิ เทอรเ์ น็ตพร้อมกนั การจดั ประเภทสอื่ ในรูปแบบอน่ื ๆ ดงั นี้ แบง่ ตามประเภทอุตสาหกรรมส่ือ (Mass Media Industries) 1. สอ่ื สงิ่ พิมพ์ (Ink on paper) เชน่ หนังส่ือพิมพ์ นติ ยสาร 2. สอื่ เสยี ง (Sound media) เชน่ วทิ ยกุ ระจายเสยี ง วทิ ยผุ า่ นดาวเทยี ม พอดแคสตงิ (Podcasting มาจาก broadcasting + iPod) หรอื การเผยแพรเ่ สยี ง ทรี่ วมไปถงึ การพดู คยุ เลา่ เรอ่ื ง สนทนาเรอ่ื งตา่ ง ๆ ผา่ นทางระบบอนิ เทอรเ์ นต็ และ วทิ ยตุ ามความตอ้ งการของผฟู้ งั (on-demand radio) ทสี่ ามารถรบั ฟงั รายการสด หรือ ยอ้ นหลังได้ 3. ส่อื ภาพเคล่อื นไหว (Motion picture) เชน่ โทรทัศน์ ภาพยนตร์ ค่มู ือ มือเลก็ ๆ เรียนร้เู ทา่ ทันสื่อ I 19

4. ภมู ิทศั น์สอ่ื ใหม่ (New media landscape) เช่น สอื่ สงั คมออนไลน์ (social media) บลอ็ ก นวนิยาย มอื ถือ เกม โปรแกรมในการค้นหาขอ้ มลู ต่าง ๆ ผ่านระบบเว็บไซต์ และเครือข่ายอินเทอร์เน็ต (Search engine) วิกิพิเดีย (wikipedia) แบง่ ตามประเภทเนอ้ื หาสอ่ื (Mass Media Content) 1. ข่าว (News) เป็นการรายงานเหตุการณ์ต่าง ๆ ท่ีเกิดขึ้นในหลาย รูปแบบ เชน่ การรายงานสด สกูป๊ ข่าว วิเคราะหข์ ่าว 2. การโฆษณา (Advertising) มีความมงุ่ หวังด้านการขายสินค้า หรือ สว่ นแบง่ ทางการตลาด (Market share) 3. ความบันเทิง (Entertainment) เป็นการสร้างความสนุกสนาน เพลิดเพลนิ กับผรู้ ับสาร เชน่ ดนตรี กีฬา เกมโชว์ วาไรต้ี แบ่งตามประเภทเทคโนโลยสี อื่ (Mass Media Relations) 1. เทคโนโลยกี ารพมิ พ ์ (Printing technology) จากการคดิ คน้ แทน่ พมิ พ์ และตัวพมิ พโ์ ลหะได้ในราวกลาง ปี ค.ศ.1440 นั้น การสือ่ สารด้วยการเขียนไปยัง มวลชนก็เปล่ียนเป็นการพิมพ์ ซึ่งมีผลต่อการดำรงชีวิตของมนุษย์ยุคนั้น เป็นอย่างมาก จนกระทั่งปลาย ปี ค.ศ.1800 มีการนำเทคโนโลยีด้านภาพถ่าย มาผสมผสานกบั การพมิ พท์ ำให้ส่อื สง่ิ พมิ พ์ได้รับความนิยมมากขนึ้ 2.เทคโนโลยเี คมี(Chemistrytechnology)ตามประวตั ศิ าสตรก์ ลา่ วไวว้ า่ ภาพถา่ ยมรี ากฐานมาจากการคน้ พบทางปฏกิ ริ ยิ าเคมี และพฒั นาการตอ่ เนอ่ื งตง้ั แต่ ยคุ สงครามกลางเมอื งของสหรฐั อเมรกิ า ทงั้ นเี้ พอื่ สรา้ งรปู แบบใหมใ่ นการเกบ็ บนั ทกึ 20 I คู่มอื มือเล็ก ๆ เรยี นรเู้ ทา่ ทันสือ่

เม่อื มีการนำภาพถ่ายมาใชใ้ นส่ือส่ิงพมิ พท์ ่เี ป็นมรดกทางความคิดของ Johannes Gutenberg สอ่ื มวลชนเรมิ่ เขา้ สยู่ คุ การสอ่ื สารดว้ ยภาพ จากนน้ั ในราวปลาย ค.ศ. 1800 ภาพยนตรถ์ กู สร้างข้ึนจากเทคโนโลยีเคมีเช่นกนั พรอ้ ม ๆ กบั การประดิษฐ์ กลอ้ งถ่ายภาพ กลอ้ งถา่ ยภาพยนตร์ และเคร่ืองฉายภาพ 3. เทคโนโลยไี ฟฟา้ (electrical technology) เกดิ จากการปรบั เปลย่ี น รูปแบบการดำเนนิ ชวี ิตของผูค้ นราวตน้ ค.ศ.1900 ทต่ี ้องการความเปน็ สุนทรยี ท์ ี่ สมั ผสั ได ้ อตุ สาหกรรมเพลงจงึ เฟอื่ งฟขู นึ้ ประกอบกบั เทคโนโลยกี ารบนั ทกึ เสยี งและ การเปดิ ฟงั เสยี งทม่ี คี ณุ ภาพมากขน้ึ สง่ ผลใหส้ อ่ื มวลชนประเภทวทิ ยแุ ละโทรทศั น์ ไดร้ บั ความนยิ ม รวมทงั้ มกี ารพฒั นาเทคโนโลยไี ฟฟา้ เพอื่ การรบั สง่ สญั ญาณนอ้ี ยา่ ง ตอ่ เน่ืองจนถึงปจั จุบัน 4. เทคโนโลยีดิจทิ ลั (Digital technology ) ทกุ วนั น้เี ทคโนโลยีดิจิทัล ถูกนำมาใช้อย่างมีประสิทธิภาพในทุก ๆ ด้านของการดำเนินชีวิตมนุษย์ รวมทั้ง บรู ณาการกบั สอื่ เดมิ ตา่ ง ๆ ทเ่ี ชอ่ื มตอ่ กนั ดว้ ยระบบอนิ เทอรเ์ นต็ และใยแกว้ นำแสง (Fiber optic) เกดิ การนยิ ามสอื่ มวลชนรปู แบบใหมน่ ว้ี า่ การหลอมรวมสอ่ื (Media convergence ) การหลอมรวมสือ่ (Media Convergence ) ในบรบิ ทของการสอื่ สาร หมายถงึ การรวมกนั ของชอ่ งทางสอื่ และเนอ้ื หา ของสื่อหลายแพตฟอรม์ รวมถึงพฤตกิ รรมการบริโภคสื่อผ่านทางเทคโนโลยี ซง่ึ มี ความรว่ มมอื ระหวา่ งอตุ สาหกรรมสอื่ หลาย ๆ รปู แบบ การหลอมรวมดา้ นเทคโนโลยี ของสอ่ื ทำใหผ้ บู้ รโิ ภคไดร้ บั ความสะดวกสบายมากขน้ึ ทำใหม้ คี วามตอ้ งการบรโิ ภค มากข้นึ คู่มือ มือเลก็ ๆ เรียนร้เู ทา่ ทนั สือ่ I 21

การบรโิ ภคเทคโนโลยเี หลา่ นกี้ อ่ ใหเ้ กดิ สอ่ื ใหม่ (New Media) จำพวกสอื่ ดิจทิ ัล ซ่ึงแต่ละชนิดต่างมขี ้อเดน่ แตกต่างกันไป เช่น สื่ออินเทอร์เน็ต โดยเฉพาะ เว็บไซต์น้ันมีข้อดีท่ีสามารถสื่อสารภาพและเสียงได้อย่างสมบูรณ์ และสะดวก ต่อการใช้งานทำให้มีจำนวนผู้ใช้มากข้ึน ดังน้ันจึงเกิดการเปล่ียนแปลง โดย หลอมรวมสื่อทางด้านโทรคมนาคม รวมถึงวิทยุกระจายเสียง และวิทยุโทรทัศน์ ส่ือสงิ่ พิมพ์ท่ีเขา้ สู่ระบบดิจิทัล ปจั จบุ นั สอ่ื ใหม่ (New Media) จงึ กลายเปน็ สว่ นหนง่ึ ของวถิ ชี วี ติ คนทวั่ ไป เป็นท้ังสังคมเทคโนโลยี เป็นสื่อบนพ้ืนที่สาธารณะ หรือ เป็นพ้ืนที่ส่วนตัว ซ่ึง เทคโนโลยกี ารสอื่ สารกำลงั ผสมผสานกนั อยา่ งรวดเรว็ เพอื่ กา้ วไปสกู่ ารเปน็ สอื่ ใหม่ ในยคุ ดจิ ิทัลอย่างเตม็ รปู แบบ การผลกิ ผันทางดิจทิ ลั Digital Disruption สภาวะการเปลยี่ นแปลงอยา่ งพลกิ ผนั จากความกา้ วหนา้ ของเทคโนโลยี ดจิ ทิ ลั ทง้ั ดา้ นเศรษฐกจิ สงั คม การเมอื ง ความมน่ั คง และอกี หลาย ๆ ดา้ น ซง่ึ ความ กา้ วหนา้ นก้ี อ่ ใหเ้ กดิ รูปแบบธรุ กจิ นวัตกรรม หรอื สินค้า และบรกิ ารข้นึ มาใหม่ อกี นยั หนงึ่ คอื ทดแทน หรอื ทำลายธรุ กจิ เดมิ ๆ ทไ่ี มส่ ามารถปรบั ตวั ไดท้ นั ตอ่ การ เปลี่ยนแปลง หรอื ไมส่ ามารถตอบสนองความต้องการของผใู้ ชง้ านทีม่ ีพฤติกรรม เปลย่ี นไปตามยคุ สมัยได ้ ตวั อยา่ งการผลกิ ผันทางดจิ ิทลั Digital Disruption การผลิกผันทางดิจิทัล (Digital Disruption) ในธุรกิจส่ือและบันเทิง เกดิ ผลติ ภณั ฑ์หรอื บรกิ ารรปู แบบใหม่เชน่ StreamingMedia,Videoon Demand Television Program on Demand ผา่ นเครือข่ายอินเทอร์เนต็ ซึ่งเปลีย่ นวิธกี าร เข้าถึงของผู้บริโภค และสร้างรายได้จากการโฆษณา ทำให้วงการสื่อและวงการ 22 I ค่มู ือ มือเล็ก ๆ เรียนรเู้ ทา่ ทันสื่อ

บันเทงิ หรือ วงการคา้ แบบดั้งเดิม เชน่ โทรทัศน์ วิทยุ สื่อสิ่งพิมพ์ (หนังสือพิมพ์ นิตยสาร วารสาร) ทม่ี รี ายไดห้ ลักจากการโฆษณา ไดร้ บั ผลกระทบตอ่ ธรุ กจิ ต้อง สน่ั สะเทือน หรอื หยุดชะงกั และอาจปดิ ตัวลงในทีส่ ดุ การผลกิ ผนั ทางดจิ ทิ ลั (Digital Disruption) ในธรุ กจิ การเงนิ การธนาคาร เกิดธรุ กจิ ที่ทำธรุ กรรมทางการเงนิ ด้วย Smartphone ผ่านเครือขา่ ยอนิ เทอร์เน็ต โดยไม่ผ่านธนาคารอีกต่อไป การปรับเปล่ียนมาใช้เงินดิจิทัล (Digital Money) หรอื เงนิ เสมอื นจรงิ (Virtual Currency)เชน่ Bitcoin , Ethereum Litecoin เปน็ ตน้ กลไกระบบเงินตราแลกเปลี่ยนแบบ Centralized มาเป็นแบบ Decentralized ผลของ Digital Disruption ได้แก่ กลไกการควบคุม และกำกับระบบ เงนิ ตราเปลยี่ นไป ธนาคารทยอยปดิ สาขาลง อกี ทงั้ แนวโนม้ การซอื้ ขายผลติ ภณั ฑ์ หรอื บรกิ ารในโลกแหง่ ความเปน็ จรงิ ดว้ ยเงนิ เสมอื นจรงิ มมี ากยง่ิ ขน้ึ กอ่ ใหเ้ กดิ การ บรรจบกันระหว่างโลกแห่งความเป็นจริงกับโลกเสมือนจริง (Convergence of Reality and Virtual Reality) ภายใตบ้ รบิ ทการเปล่ยี นแปลงของ “สอ่ื ” ที่ก้าวเข้าสยู่ คุ ของการหลอม รวมสอื่ (Media Convergence) ยอ่ มมผี ลกระทบตอ่ รปู แบบการสอ่ื สารในวงกวา้ ง โดยเฉพาะการเกดิ ขนึ้ ของสอ่ื ใหมอ่ ยา่ งอนิ เทอรเ์ นต็ และสอื่ สงั คมออนไลน์ ทท่ี ำให้ ทุกคนในสังคมสามารถเข้าถึงข้อมูลข่าวสารได้อย่างมากมายในเวลาอันรวดเร็ว และในทุกท่ีทุกเวลา นอกจากน้ียังก่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงทางด้านพฤติกรรม ของผู้คนในสังคม ท่ีปัจจบุ นั ไดก้ ลายเป็นทงั้ ผูร้ ับสารและผสู้ ่งสารในเวลาเดียวกนั ดังน้ัน จึงก่อให้เกิดประเด็นที่น่าสนย่ิงต่อบริบทการเปลี่ยนแปลง ดงั กลา่ ววา่ การเกดิ ขน้ึ “สอื่ ” และ “สาร” ในจำนวนมาก และหลากหลายรปู แบบนน้ั จะกอ่ ใหเ้ กดิ ผลดี หรอื ผลเสยี ตอ่ ผคู้ นในสงั คมอยา่ งไร และจะมผี ลกระทบอยา่ งไร ต่อบรบิ ทการพัฒนาสงั คมตอ่ ไปในอนาคตเช่นไร คมู่ อื มอื เล็ก ๆ เรียนร้เู ทา่ ทนั สอ่ื I 23

24 I คู่มอื มอื เลก็ ๆ เรยี นร้เู ท่าทนั ส่อื

บทที่ 3 ทำไมเราต้องรเู้ ท่าทนั ส่อื คู่มอื มือเลก็ ๆ เรียนร้เู ท่าทนั ส่อื I 25

ทำไมเราตอ้ งร้เู ท่าทันส่อื ภายใตบ้ รบิ ทของการเปลย่ี นแปลงทางดา้ นเทคโนโลยใี นยคุ ปจั จบุ นั ไดน้ ำพา ให้โลกก้าวไปสู่การสื่อสารในยุคดิจิทัลจนเกิดปรากฏการณ์ที่เรียกว่า Media Disruption ผลจากปรากฏการณ์ดังกล่าวได้ทำให้สื่อแบบดั้งเดิม (Old Media) เร่ิมเสือ่ มมนตข์ ลัง และถูกแทนท่ดี ว้ ยสอื่ สมยั ใหม่ (New Media) ทง้ั นก้ี ารเกดิ ขนึ้ ของสอ่ื สมยั ใหม่ โดยเฉพาะสอ่ื อนิ เทอรเ์ นต็ และสอ่ื สงั คมออนไลน์ ได้ทำให้บริบททางสังคม และพฤติกรรมของผู้คนในสังคมเปลี่ยนแปลงไป เช่น พฤตกิ รรมการเขา้ ถงึ สอ่ื และการใชส้ อ่ื ทีอ่ าจกล่าวไดว้ ่าในทกุ วนั นีท้ กุ คนในสังคม สามารถเป็นไดท้ ้งั ผู้รบั สอื่ และสร้างสรรค์สอื่ ในเวลาเดยี วกัน จงึ เป็นผลให้เกิดการ ไหลบ่าของข้อมูลข่าวสารจำนวนมาก (Big Data) ในสังคม ซึ่งแนวโน้มของการ เปล่ียนแปลงดังกล่าวจะเป็นไปอย่างรวดเร็ว และจะยังคงมีคลื่นกระแสของการ เปลย่ี นแปลงท่ีก้าวต่อไปเรือ่ ย ๆ ตามความก้าวหน้าของเทคโนโลยกี ารส่ือสาร ผลจากการเปลี่ยนแปลงดังกล่าวข้างต้นได้ก่อให้เกิดการเพิ่มขึ้นของ “ขา่ วสาร” จำนวนมาก และในจำนวนขอ้ มลู ขา่ วสารอนั มากมายอาจจะเปน็ ขอ้ มลู ในดา้ นทด่ี มี ปี ระโยชน์ แตใ่ นบางครงั้ อาจเปน็ ขอ้ มลู ขา่ วสารทไ่ี มเ่ หมาะสม เชน่ ขอ้ มลู อนั เปน็ เทจ็ ขอ้ มลู ทก่ี อ่ ใหเ้ กดิ ผลกระทบตอ่ สทิ ธขิ องผอู้ นื่ เปน็ ตน้ ดงั นน้ั แลว้ ผรู้ บั สาร จงึ จำเปน็ อยา่ งยง่ิ ทจี่ ะตอ้ งเปน็ ผทู้ มี่ คี วามรทู้ เ่ี ทา่ ทนั ตอ่ “ขา่ วสาร” ทไี่ ดร้ บั โดยเฉพาะ ในกลมุ่ เดก็ และเยาวชน ซงึ่ เปน็ กลมุ่ เปราะปรางทคี่ วรไดร้ บั การปกปอ้ งคมุ้ ครองดแู ล เปน็ พิเศษ 26 I คู่มอื มอื เล็ก ๆ เรียนรูเ้ ท่าทันสื่อ

ความหมายของ “การรเู้ ทา่ ทนั ส่ือ” การรู้เท่าทันสื่อ (Media Literacy) เป็นแนวคิดท่ีองค์การยูเนสโก (UNESCO) ไดใ้ หค้ วามสำคญั พรอ้ มทงั้ ผลกั ดนั การดำเนนิ งานในเชงิ นโยบาย และ ยทุ ธศาสตรส์ ง่ ผลใหป้ ระเทศตา่ ง ๆ ไดน้ ำแนวคดิ นไ้ี ปขบั เคลอ่ื นในประเทศของตน ซง่ึ รวมถึงประเทศไทยดว้ ย ความหมายของการรเู้ ท่าทนั ส่อื ตามแนวคิดของยูเนสโก (UNESCO) การรเู้ ทา่ ทนั สอ่ื คอื ความสามารถในการวเิ คราะห์ วจิ ารณ์ และประเมนิ คา่ สอื่ ความสามารถในการเขา้ ถงึ สอื่ นำเสนอสอ่ื ในแบบฉบบั ของตนเอง และผลติ สอ่ื เพอ่ื สอ่ื สารไดห้ ลายรปู แบบ นอกจากนก้ี ารรเู้ ทา่ ทนั สอ่ื ยงั หมายรวมถงึ กจิ กรรมทาง การศกึ ษาเพอ่ื พฒั นาทกั ษะการวเิ คราะห์ วจิ ารณ์ และสรา้ งโอกาสในการเขา้ ถงึ สอื่ ส่วนความหมายของการรู้เท่าทันสื่อ ในทัศนะคติของนักวิชาการด้าน สอ่ื สารมวลชน ของประเทศไทย กฤษณา ชาวไทย กลา่ ววา่ การรเู้ ทา่ ทนั สอื่ คอื การมี ความรเู้ กย่ี วกบั การสอื่ สารจากสอ่ื และสภาพแวดลอ้ มรอบตวั มคี วามเขา้ ใจบทบาท หน้าที่ของส่ือ กระบวนการสื่อสาร และผลกระทบของสื่อ มีความตระหนักถึง ผลกระทบของส่อื ตอ่ บคุ คล และสงั คม มที กั ษะเก่ยี วกับสอื่ ไดแ้ ก่ การเข้าถึงสอ่ื ทเ่ี หมาะสม และตอบสนองตอ่ ความจำเปน็ ความตอ้ งการของตนเอง และวเิ คราะห์ สารและสอ่ื ประเมนิ คณุ คา่ ของการสรา้ งสารใหม่ ในรปู แบบของตนเอง และสอื่ สาร หรอื โตต้ อบไปยงั สอื่ หรอื ผ้รู บั สารอืน่ ผา่ นสือ่ ค่มู อื มือเล็ก ๆ เรียนร้เู ท่าทนั ส่อื I 27

อาจกลา่ วโดยสรปุ วา่ การรเู้ ทา่ ทนั สอื่ หมายถงึ ความรู้ความเขา้ ใจเกย่ี วกบั สอื่ การสอ่ื สารจากสอื่ และการใชง้ านสอื่ มวลชน ความสามารถในการอา่ น วเิ คราะห์ สอ่ื ประเมนิ คณุ คา่ ของสาร และแปลความหมายของสารได้ ตลอดจนสามารถสรา้ ง การสื่อสารผา่ นสือ่ ในรปู แบบหลากหลาย เพอ่ื ส่อื สาร หรือ ตอบโตไ้ ปยังผูร้ ับสาร อืน่ ไดอ้ ยา่ งเหมาะสม และมปี ระสิทธภิ าพ ทงั้ นี้วตั ถปุ ระสงคข์ องการรเู้ ทา่ ทนั สอ่ื คอื การเสรมิ สรา้ งความรู้ความเขา้ ใจ ของบคุ คลเพอ่ื ใหไ้ ม่ตกอย่ภู ายใตก้ ารครอบงำของสอ่ื ลกั ษณะของสือ่ และส่งิ ทเ่ี ราตอ้ งทราบเกี่ยวกบั สอื่ มดี ังต่อไปนี้ 1. สอ่ื ทั้งหมดถกู ประกอบสร้างขึน้ สอ่ื ไม่ใชก่ ระจกเงาสะทอ้ นเรื่องราว ของโลกอยา่ งตรงไปตรงมา สอ่ื ทกุ สอื่ ลว้ นแตถ่ กู มนษุ ยส์ รา้ งขนึ้ โดยมกี ารผสมผสาน ทศั นคติ และค่านิยมของผู้สรา้ งลงไปด้วย ไม่ว่าจะตง้ั ใจ หรือ ไม่ต้งั ใจก็ตาม 2. สอ่ื สรา้ งภาพความจรงิ สง่ิ ทเี่ ราคดิ และรสู้ กึ เกย่ี วกบั โลกมากมายมาจาก การท่ีเราเรียนรู้ผ่านส่ือ โดยปกติจะถูกจัดลำดับกำหนดความสำคัญก่อนหลัง และเนน้ ยำ้ โดยสอื่ ซงึ่ มอี ทิ ธพิ ลในการกลอ่ มเกลาความรสู้ กึ เกยี่ วกบั ความจรงิ และ ค่านิยมทางสังคมของเรา แต่เรากลับยอมรับโดยปกติว่ามันคือส่ิงท่ีเป็นธรรมชาติ ดงั นน้ั การรเู้ ทา่ ทนั สอื่ จงึ เปน็ ตวั กระตนุ้ ใหเ้ ราอยากจะตงั้ คำถามเกยี่ วกบั ความจรงิ ท่ีสื่อนำเสนอ 3. สอ่ื มกั จะสรา้ งความหมายและใช้เนือ้ หาในเชงิ การค้า (สื่อ คือ ธุรกิจ) ส่ือมวลชนเกือบทั้งหมดมีเป้าหมายเพื่อสร้างผลกำไร ผู้ชมจะถูกำหนดให้เป็น กลุ่มเปา้ หมาย เนือ่ งจากเป็นกลุ่มผู้บริโภคทม่ี ีกำลังในการซื้อสินค้า หรอื บริการ 28 I ค่มู ือ มอื เลก็ ๆ เรยี นรเู้ ท่าทนั สอ่ื

4. สื่อทุกชนิดมีเน้ือหาสะท้อนค่านิยม สื่อทุกชนิดนำเสนอให้เห็นถึง คา่ นยิ ม และวถิ ชี วี ติ ในรปู แบบตา่ ง ๆ สอื่ จะชนี้ ำโดยอาจแสดงออกอยา่ งชดั เจน หรอื ไม่ก็แสดงนยั ว่าธรรมชาติของโลกและสงั คมท่ีเราควรยอมรับเป็นอยา่ งไร 5. สอื่ มีนยั ทางสงั คม และการเมอื ง ส่ือมีอิทธพิ ลในทางการเมอื ง และ ในการเปลย่ี นแปลงทางสงั คมจากการนำเสนอภาพลกั ษณข์ องบคุ คล หรอื สะทอ้ น เหตุการณ์ต่าง ๆ เพ่ือชี้ให้เห็นว่าประเด็นใดเป็นประเด็นท่ีสำคัญของชาติ และ ประเดน็ ร่วมของโลก ต้องเปน็ ประเดน็ ทีส่ ำคัญของผ้รู บั ส่อื นั้น ๆ ด้วย 6. สอ่ื แตล่ ะสอื่ มรี ปู แบบ แบบแผน และสนุ ทรยี ภาพเปน็ ของตวั เอง สอ่ื แต่ละส่อื มีวิธกี ารเฉพาะตวั ในการสรา้ งความเป็นจรงิ สื่อตา่ งชนิดกนั อาจรายงาน เหตุการณ์ในเร่ืองเดียวกัน แต่จะสร้างภาพความประทับใจ และลักษณะเนื้อหา ข่าวสารท่แี ตกต่างกนั 7. การรูเ้ ท่าทนั สือ่ เปน็ ความรู้ ความเขา้ ใจ ทน่ี ำมาสกู่ ารคิดสรา้ งสรรค์ ทม่ี ากขนึ้ และเพ่ิมพูนความสามารถในการสื่อสาร การศกึ ษาเรอ่ื งการรเู้ ทา่ ทนั สอื่ มไิ ดม้ งุ่ หวงั เพยี งเพอื่ ใหส้ ามารถวเิ คราะห์ วิจารณ์ส่ือได้เท่าน้ัน แต่มุ่งนำเสนอข้อวิเคราะห์น้ันมาใช้เพ่ือเป็นการป้องกัน ตนเองได้ นอกจากนยี้ งั มงุ่ หวงั ใหเ้ ราสามารถตระหนกั ถงึ สทิ ธใิ นการสอื่ สารของเรา และสามารถสือ่ สารไดอ้ ย่างสรา้ งสรรคใ์ นสงั คม คูม่ ือ มอื เลก็ ๆ เรยี นรเู้ ทา่ ทนั สอื่ I 29

องค์ประกอบสำคญั ของการรเู้ ทา่ ทันสื่อ ความรู้ ความเข้าใจ อีกประการหน่ึงที่ผู้ใช้สื่อในยุคปัจจุบันพึงมี คือ องค์ประกอบของการรเู้ ท่าทนั สอ่ื ในภาพรวม ซึง่ Center for Media Literacy ไดก้ ำหนดแนวคำถาม อนั เปน็ องคป์ ระกอบสำคญั ในการศกึ ษาเรอีื่ งการรเู้ ทา่ ทนั สอื่ โดยอยูใ่ นแนวคดิ หลกั 5 ประการดงั น้ี 1. ใครเป็นผู้สรา้ งสารนั้นขึน้ มา 2. สอื่ น้นั ใช้เทคนิคอะไรเพ่ือดึงดูดความสนใจของผู้รบั สาร 3. ผรู้ บั สารเข้าใจสารในสื่อน้นั อย่างไร 4. ส่อื เสนอค่านิยม วถิ ชี วี ติ และความคดิ เห็นอะไรในสาร 5. สารนน้ั ถกู สง่ ออกมาเพื่อวัตถุประสงค์ใด ท้ังน้ี การตั้งคำถามต่อส่ือและสารตามองค์ประกอบข้างต้นจะทำให้ ผรู้ บั สารตระหนกั วา่ “ใครเปน็ ผสู้ ง่ สาร” “สารนน้ั ถกู สง่ ออกมาอยา่ งไร ดว้ ยขอ้ ความ ภาพ หรอื เสยี ง” “สารน้นั มีนัยยะอยา่ งไร” และ“ผสู้ ่งสารนั้นส่งออกสารมาเพอ่ื จุดประสงค์ใด” ซงึ่ จะเป็นการชว่ ยใหผ้ รู้ ับสารมวี ิจารณญาณ และรู้เท่าทนั ต่อสือ่ และสารทีไ่ ด้รับ แนวคดิ ทางพทุ ธศาสนากับการรู้เท่าทันสอื่ หลักกาลามสูตร เป็นหลักที่พระพุทธเจ้าตรัสเอาไว้ให้แก่พุทธบริษัท ท้ังหลายได้ศึกษา เนื่องจากพระองค์ทรงเห็นว่าในทุกยุคทุกสมัย มนุษย์ย่อมมี ความเชอื่ ตามความเหน็ และความเขา้ ใจของตนเอง ซงึ่ ความเชอ่ื นจี้ ะมอี ยใู่ นมนษุ ย์ ทุกหมู่เหล่า พระพุทธเจ้าจึงได้เสด็จไปแสดงธรรมโปรดกลุ่ม กาลามชน เพื่อให้ พวกเขาเหล่าน้ันได้เปลี่ยนความเชื่อถือให้เป็นไปตามหลักเหตุและผลที่ถูกต้อง เพราะชนกลุ่ม กาลามชน เหล่าน้ีมีความเช่ือถือไปตามความเข้าใจของตนเอง 30 I ค่มู อื มือเล็ก ๆ เรียนรู้เท่าทันส่อื

พากนั เชอ่ื โดยไมม่ เี หตผุ ลมารองรับความถูกผดิ ซ่งึ หลักกาลามสตู รทพ่ี ระพทุ ธเจา้ ตรสั ไว้ มีดว้ ยกนั ทั้งหมด 10 ประการ ดงั น้ี 1. อยา่ ได้เชื่อเพียงสักว่า ไดฟ้ ังตาม ๆ กันมา ในส่ือสังคมออนไลน์ทุกวันนี้เต็มไปด้วยข้อมูลข่าวสารอันมากมาย บางครงั้ ขา่ วสารจากการรบั ฟงั หรอื บอกเลา่ ตอ่ กนั มาอาจเปน็ ขา่ วลอื หรอื ขา่ วปลอม ดงั นน้ั ผรู้ บั สารจงึ ตอ้ งพงึ ตระหนกั เสมอวา่ ขอ้ มลู ขา่ วสารทเ่ี ราไดร้ บั จากการเลา่ ตอ่ อาจเปน็ ข่าวปลอม หรอื เทจ็ ก็เปน็ ได้ 2. อย่าไดเ้ ชื่อเพยี งสกั ว่า เป็นของเก่าทีเ่ คยทำสบื ต่อ ๆ กันมา การกระทำบางคร้ังในอดีตอาจจะเป็นเรี่ืองดี แต่บางครั้งก็อาจจะเป็น เรี่ืองที่ไม่ดี เช่น ในอดีตการนำเสนอข่าวสารของสื่อมวลชน จะมุ่งเน้นเสนอข่าว ทมี่ คี วามตนื่ เตน้ เรา้ อารมณ์ มภี าพทส่ี ยดสยอง เพราะเชอื่ วา่ จะไดร้ บั ความนยิ มจาก ผู้บริโภค ซ่ึงการนำเสนอข่าวเช่นนั้นอาจจะไม่ใช่เรืี่องท่ีถูกต้อง เพราะอาจจะ เปน็ การละเมดิ สทิ ธขิ องผทู้ ถ่ี กู นำเสนอขา่ วกไ็ ด้ ดงั นน้ั ในฐานะผรู้ บั สาร หรอื ผบู้ รโิ ภค จงึ ควรตระหนกั วา่ การนำเสนอขา่ วสารทเี่ นน้ ความตน่ื เตน้ เรา้ อารมณใ์ นแบบอดตี ที่ผา่ นมาอาจไม่ใช่การกระทำทถี่ ูกต้อง 3. อยา่ ไดเ้ ช่อื เพียงสกั วา่ กติ ตศิ พั ทอ์ ันเป็นขา่ วลือ ในปัจจุบันน้ีจะเห็นได้ว่าส่ือสังคมออนไลน์ ได้ถูกนำมาใช้เป็นช่องทาง ในการติดต่อส่ือสารของผู้คนในสังคม และยังใช้เป็นช่องทางในการจัดจำหน่าย สินคา้ ซึง่ ในบางครัง้ การนำเสนอขอ้ มูลเก่ียวกับสินค้าจะมเี พยี งขอ้ มูลดา้ นดี หรือ ดา้ นท่ีผู้ขายอยากใหผ้ ซู้ ือ้ ได้รบั รู้เทา่ นั้น โดยมิได้บอกถงึ ขอ้ เสยี หรอื ขอ้ ควรระวงั จึงทำให้หลายต่อหลายครั้งผู้บริโภคหลงเชื่อในข้อมูลเหล่าน้ัน และซ้ือสินค้า คมู่ อื มือเล็ก ๆ เรียนรูเ้ ทา่ ทันส่อื I 31

แตเ่ มอื่ ไดส้ นิ คา้ กลบั ไมเ่ ปน็ ไปตามทผ่ี ขู้ ายไดใ้ หข้ อ้ มลู ไว้ ดงั นนั้ การพจิ ารณาซอื้ สนิ คา้ ในสอ่ื สงั คมออนไลน์ผู้บรโิ ภคควรศกึ ษาขอ้ มูลตา่ ง ๆ ใหค้ รบถ้วนรอบดา้ น 4. อยา่ ได้เชอ่ื เพยี งสกั ว่า อา้ งมาจากตำรา หรือ คำภรี ์ พระพทุ ธองคไ์ มต่ อ้ งการใหเ้ ราเชอื่ โดยผกู ขาดในตำราเพยี งฝา่ ยเดยี ว แต่ ตอ้ งการใหเ้ รามคี วามมนั่ ใจในเหตผุ ลทรี่ จู้ รงิ เหน็ จรงิ ตามความเปน็ จรงิ ดว้ ยปญั ญา ของเราเอง ไมใ่ ชว่ า่ ในตำราวา่ อยา่ งไรกเ็ ชอื่ กนั ไปอยา่ งนน้ั หรอื ครบู าอาจารยส์ อน อยา่ งไรกเ็ ชอื่ ไปตามนนั้ 5. อย่าไดเ้ ชอื่ เพยี งสกั ว่า ตรรกะ คดิ คำนวณดว้ ยการสุม่ เดา เปน็ พทุ ธพจนอ์ กี ขอ้ หนง่ึ ทพี่ ระพทุ ธเจา้ ไดเ้ ตอื นสตมิ นษุ ยเ์ ราไว้ เพราะการ สมุ่ เดานน้ั มคี วามเสีย่ งตอ่ การผดิ พลาดไดง้ า่ ย และหากจะแกไ้ ขใหถ้ กู ตอ้ งตามเดมิ กย็ ากทจ่ี ะแก้ไขได้ 6. อย่าได้เชื่อเพียงสักว่า คาดคะเนไปตามเหตุผลของปรัชญาเพียง อยา่ งเดยี ว ตามหลกั ของวธิ ปี รชั ญานน้ั เราควรวเิ คราะห์ พจิ ารณาใหด้ วี า่ ควรเชอ่ื ถอื ได้เพียงใด เน่ืองจากปรัชญาเป็นเพียงหลักวิชาการของคนอ่ืนเขาท่ีเขาคาดคะเน เอาไว้ว่าสิ่งน้ันควรเป็นอย่างนั้น สิ่งนี้ควรเป็นอย่างน้ี เพราะฉะนั้นการคาดคะเน อาจจะถกู หรอื ผดิ กไ็ ด้ หากคาดการณโ์ ดยตคี วามหมายเขา้ ขา้ งตวั เองหรอื หาเหตผุ ล ประกอบเพอื่ เขา้ ขา้ งตวั เอง เชน่ นแ้ี ลว้ อาจกลายเปน็ “มจิ ฉาทฏิ ฐ”ิ หรอื ความเหน็ ผดิ ซ่ึงในบางยุคบางสมัยสื่อได้กลายเป็นเคร่ืองมือของฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งทางการเมือง เพอื่ เสนอความคดิ ความเชอ่ื บางอยา่ งสสู่ งั คม ดงั นน้ั การรบั ขอ้ มลู ขา่ วสารของผคู้ น ในสงั คมจงึ พงึ ตระหนกั เสมอวา่ ความคดิ ความเชอ่ื เหลา่ นน้ั เปน็ สงิ่ ทถี่ กู ตอ้ งหรอื ไม่ 32 I ค่มู อื มอื เล็ก ๆ เรียนร้เู ท่าทันส่อื

เพื่อท่ีจะไดไ้ มต่ กเปน็ เหยอ่ื ของข้อมลู ขา่ วสารทไี่ ดร้ ับ 7. อยา่ ไดเ้ ชื่อเพียงสักวา่ ตรกึ ตามอาการ คำว่า “ตรึก” หมายถึง การนึกข้ึนได้ ส่วนคำว่า “ตรอง” หมายถึง การพจิ ารณาไปตามอาการ เม่ือมีตรึก หรอื นึกขึน้ ได้ในเรือี่ งอะไร ก็จงอยา่ ปกั ใจ เชื่อว่าการนึกขึ้นได้ในส่ิงนั้นจะถูกต้องไปเสียหมด เพราะเมื่อตรึกถูกเป็นได้ ตรกึ ผดิ กเ็ ปน็ ไดเ้ ชน่ กนั ดงั นนั้ เราควรใชว้ ธิ กี ารตรอง นน่ั คอื การนำตรกึ มาพจิ ารณา ดว้ ยปญั ญา ใหร้ เู้ หน็ ในเหตผุ ลทเี่ ปน็ จรงิ เรากจ็ ะเกดิ ความเขา้ ใจไดอ้ ยา่ งชดั เจน วา่ ตรกึ อย่างไรเช่ือถือได้ และตรกึ อย่างไรเช่ือถือไมไ่ ด้ 8. อย่าไดเ้ ชอื่ เพียงสกั ว่า ชอบใจท่เี ข้ากันไดก้ ับทฏิ ฐิของเรา โดยปกติมนุษย์เรามีทิฏฐิ หรือ ความเห็นอยู่ในใจแล้ว แต่เราต้องมีสติ ปัญญาตีความหมายให้ชัดเจนว่า ทิฏฐิท่ีอยู่ในใจเรานั้นเป็นความเห็นผิด หรือ เหน็ ถกู หากผอู้ น่ื มคี วามเหน็ ผดิ ไปในทศิ ทางเดยี วกบั เรา ตรงกบั ความเชอ่ื มนั่ ของเรา เราก็จะเกิดความเชอื่ มน่ั เต็มท่ี และไมว่ ่าใครจะมาพดู วา่ ความคดิ เหน็ นผ้ี ดิ อย่างไร กจ็ ะเกิดการตอ่ ต้าน และโต้แยง้ ว่าถกู ตอ้ งแลว้ จากมิจฉาทิฏฐิ หรอื ความเห็นผิด กจ็ ะกลายเป็นความเข้าใจวา่ เปน็ สมั มาทิฏฐิ หรอื ความถูกตอ้ งชอบธรรมในทส่ี ดุ 9. อยา่ ได้เชอ่ื เพยี งสกั วา่ ผู้พูดเปน็ ทนี่ ่าเช่อื ถอื ได้ เป็นอุบายหนึ่งที่เราควรนำมาฝึกตนเอง เพ่ือเป็นการฝึกนิสัยไม่ให้เชื่อ อะไรเรว็ เกนิ ไป แมว้ า่ ผพู้ ดู น้ันจะน่าเชื่อถือกต็ าม แตเ่ ราควรนำเรือ่ี งทไี่ ด้รบั ฟังนน้ั มาพจิ ารณาดว้ ยปญั ญา เพอ่ื ใหเ้ ขา้ ใจในเหตผุ ลเสยี กอ่ นวา่ เรอีื่ งนน้ั มเี หตผุ ลเพยี งพอ ทจี่ ะเชอ่ื ถอื ไดห้ รอื ไม่ ผา่ นการพจิ ารณาดว้ ยปญั ญาใหร้ รู้ อบตามเขา้ เปน็ จรงิ จนเกดิ ความแยบคาย หรอื โยนิโสมนัสิการ แล้วค่อยตดั สินใจวา่ เชื่อได้ หรือ ไม่ คู่มือ มอื เลก็ ๆ เรียนรู้เทา่ ทันส่ือ I 33

10. อย่าได้เชอ่ื เพยี งสกั วา่ สมณะเคยเปน็ ครูของเรา พทุ ธพจนอ์ กี ขอ้ หนง่ึ ของพระพทุ ธเจา้ ไดเ้ ตอื นสตมิ นษุ ยเ์ อาไว้ คอื เมอ่ื เรา ยงั ไมเ่ ขา้ ใจในความเหน็ ของครบู าอาจารยท์ า่ นอยา่ งถกู ตอ้ ง เรากอ็ ยา่ เพงิ่ ตดั สนิ ใจ เชอื่ วา่ ทา่ นจะแนะนำ อบรมสง่ั สอนใหเ้ ราไดร้ บั ความถกู ตอ้ งได้ แมว้ า่ ทา่ นจะมสี มณะ เปน็ ผสู้ อน หรอื นกั บวชกต็ าม เมอ่ื ไดฟ้ งั สงิ่ ใดจากทา่ นแลว้ เราควรนำมาพจิ ารณา ก่อนวา่ เรือี่ งทท่ี ่านพูดมเี หตผุ ลพอเชื่อถอื ไดเ้ พียงใด ไมใ่ ชว่ ่าเปน็ ครขู องเราแล้วก็ จะเชือ่ ท่านไปเสยี หมด จากหลกั ธรรมกาลามสตู รทงั้ 10 ประการ จะเปน็ ประโยชนอ์ ยา่ งยง่ิ หาก นำมาประยุกต์ใช้เพื่อเสริมสร้างทักษะการรู้เท่าทันสื่อ เพ่ือไม่ให้คนเราตัดสินใจ เชื่อสิ่งใดเร็วเกินไป โดยปราศจากการวิเคราะห์ด้วยเหตุผล และการพิจารณา ด้วยปญั ญาอย่างใครค่ รวญ การรเู้ ทา่ ทนั สอ่ื สารสนเทศ และดจิ ทิ ลั (Media Information and Digital Literacy-MIDL) ตามพฒั นาการของสอื่ สารสนเทศ และเทคโนโลยดี จิ ทิ ลั ดงั ทไี่ ดก้ ลา่ วถงึ ในบทท่ี1ซงึ่ นกั วชิ าการไดใ้ หน้ ยิ ามวา่ หมายถงึ ความสามารถของบคุ คลในการเขา้ ถงึ และรับขา่ วสารจากสื่อดจิ ทิ ัลบนเครือขา่ ยอนิ เทอร์เน็ต โดยมีความรู้ ความเข้าใจ ทจี่ ะวเิ คราะหเ์ นอ้ื หาขา่ วสาร เพอื่ ไมห่ ลงรบั รู้ เชอื่ คดิ และมพี ฤตกิ รรมไปตามทส่ี อื่ ดิจทิ ัลกำหนด โดยสามารถวัดไดจ้ ากความสามารถของบคุ คล 4 ด้าน ดงั น้ี 1. ความสามารถในการเขา้ ถงึ (Access) สอ่ื ดจิ ทิ ลั ในดา้ นการครอบครอง อปุ กรณเ์ ชอ่ื มตอ่ อนิ เทอรเ์ นต็ การเขา้ ถงึ เนอื้ หา และบรกิ ารทมี่ อี ยบู่ นอนิ เทอรเ์ นต็ รวมทงั้ การควบคมุ การใชง้ านอนิ เทอรเ์ นต็ การคน้ หาเนอ้ื หาบนอนิ เทอรเ์ นต็ สามารถ 34 I คู่มอื มอื เล็ก ๆ เรียนรูเ้ ท่าทันสื่อ

สรา้ ง หรอื ผลติ เนอื้ หาดว้ ยตนเอง การเปผ็ ทู้ สี่ ามารถใชง้ านปฏสิ มั พนั ธ์ (Interaction) ตอบโต้ และสรา้ งการมสี ว่ นร่วมบนอินเทอรเ์ นต็ ได้ เข้าถึงขอ้ มลู จากอินเทอรเ์ นต็ มาใชใ้ นการใช้งานของตนเองได้ 2. ความสามารถในการทำความเขา้ ใจเนอื้ หา (Understanding) สอ่ื ดจิ ทิ ลั เป็นความสามารถในการประเมินเน้ือหา ความเข้าใจเน้ือหาในส่ือดิจิทัล และใช้ ความคดิ เชงิ วพิ ากษไ์ ปวเิ คราะหค์ ณุ ภาพ ความถกู ตอ้ ง ความนา่ เชอ่ื ถอื ของเนอื้ หา และมุมมองของผผู้ ลติ เนือ้ หาทีต่ ้องการสื่อสารกบั ผ้รู ับสาร 3. ความสามารถวเิ คราะห์ และประเมนิ เนอ้ื หา (Evaluation) ในด้าน ผลกระทบของเนอ้ื หาไดท้ ง้ั ดา้ นดี และดา้ นเสยี่ งตอ่ อนั ตรายจากการใชอ้ นิ เทอรเ์ นต็ สามารถนำหลักการดา้ นความรับผิดชอบ และจริยธรรมมาใชใ้ นชีวิตประจำวันได้ 4. การมปี ฏสิ มั พนั ธอ์ ยา่ งปลอดภยั ตอ่ เนอ้ื หา (Response) เปน็ ความตงั้ ใจ ของบคุ คลท่ีจะไม่หลงรับรู้ หรอื เช่ือ หรือ คดิ หรอื แสดงพฤตกิ รรมไปตามทส่ี อื่ ดจิ ทิ ลั กำหนด สถาบนั สอื่ เดก็ และเยาวชน (สสย.) รว่ มกบั เครอื ขา่ ย ไดใ้ หค้ วามสำคญั ถงึ คณุ ลกั ษณะของพลเมอื งทม่ี คี วามสลบั ซบั ซบั ซอ้ น และเปลย่ี นแปลงไปตามเงอ่ื นไข สถานการณ์ทีเ่ กิดข้ึนใหม่ตลอดเวลา จงึ ได้นำเสนอคุณลกั ษณะของพลเมืองแตล่ ะ แบบ ดงั นี้ แบบแรก พลเมอื งทม่ี คี วามรบั ผดิ ชอบ หมายถงึ พลเมอื งทสี่ ามารถเขา้ ถงึ สื่อ แหล่งสารสนเทศ และส่ือสารสนเทศ และสื่อดิจิทัลท่ีหลากหลาย มีทักษะ วิเคราะห์ ประเมินคุณภาพคุณค่าส่ือ ข่าวสาร เลือกรับ และใช้ให้เกิดประโยชน์ ตอ่ ตนเอง และครอบครวั อยา่ งปลอดภยั มคี วามรบั ผดิ ชอบ ปฏบิ ตั ติ ามกฎระเบยี บ มีจรยิ ธรรม และรอ้ งเรียนให้เกิดการแก้ไขปญั หาเมือ่ ไดร้ ับผลกระทบโดยตรง คมู่ อื มอื เลก็ ๆ เรียนรเู้ ท่าทนั ส่อื I 35

แบบทสี่ อง พลเมอื งทมี่ สี ว่ นรว่ ม หมายถงึ พลเมอื งทน่ี อกจากจะมคี วามรู้ ความเข้าใจ และทักษะทีม่ ีในพลเมืองแบบแรกแลว้ พลเมอื งทีมสี ว่ นรว่ มจะใชส้ อ่ื สารสนเทศ และสอ่ื ดจิ ทิ ลั เปน็ เครอื่ งมอื ในการสอ่ื สารอตั ลกั ษณข์ องตนเองและรวม กล่มุ เพื่อแก้ปญั หา และพฒั นาส่ือ ขา่ วสาร และแหล่งสารสนเทศใหเ้ กดิ ประโยชน์ ต่อกล่มุ และชุมชน แบบทสี่ าม พลเมอื งทมี่ งุ่ เนน้ ความเปน็ ธรรมในสงั คม หมายถงึ พลเมอื ง ทมี่ คี วามรู้และเขา้ ใจในเรอ่ื งโครงสรา้ งระบบสอ่ื สารสนเทศสอื่ ดจิ ทิ ลั ใชเ้ พอื่ สรา้ งการ เปลย่ี นแปลงสงั คมใหด้ ขี น้ึ มบี ทบาททำใหเ้ กดิ การแกไ้ ขปญั หา และพฒั นาในระดบั โครงสร้างกฎหมายวัฒนธรรม ทำไมตอ้ งรู้เท่าทันส่ือ สารสนเทศและดจิ ทิ ลั 1. พฒั นาการของสอื่ สารสนเทศ และดจิ ทิ ลั ไดท้ ำใหส้ งั คมทว่ั โลกเคลอ่ื น เขา้ สู่ยคุ ส่ือหลอมรวม (Media Covergence) ซึง่ มกี ารเปล่ียนแปลงอย่างรวดเร็ว 2. เครอื ขา่ ยอนิ เทอร์เน็ต มสี ว่ นสำคัญในการเปล่ียนวิถกี ารดำเนนิ ชวี ิต การสื่อสาร และการเรียนรขู้ องผคู้ น 3. เทคโนโลยดี จิ ทิ ลั ในโลกเสมอื นจรงิ (Virtual World) สง่ ผลใหเ้ กดิ ยคุ แหง่ การสอ่ื สารไรพ้ รมแดน และเปน็ ยคุ หลงั ขอ้ มลู สารสนเทศ (Post Information Age) ท่ีผู้คนจากท่ัวทุกมุมโลกสามารถเข้าถึงสื่อสารสนเทศด้วยเทคโนโลยีดิจิทัล ได้อย่างรวดเร็ว 4. การเข้าถงึ สื่อ สารสนเทศ และดิจทิ ลั ถอื เปน็ สิทธิเสรภี าพข้นั พื้นฐาน ในฐานะพลเมือง และเป็นสทิ ธมิ นษุ ยชน 36 I คู่มอื มือเล็ก ๆ เรยี นรู้เท่าทันสอ่ื

5. พลเมอื งจำเปน็ ตอ้ งมขี อ้ มลู ทน่ี า่ เชอื่ ถอื และหลากหลายเพอ่ื ประกอบ การคิด ตัดสินใจ และลงมือปฏิบัติการในฐานะพลเมืองในสังคมประชาธิปไตย 6. การเขา้ ถึง เขา้ ใจ เท่าทัน และการใช้สื่อสารสนเทศ และดิจิทัล เปน็ เครื่องมือ และเป็นสมรรถนะสำคัญทีพ่ ลเมอื งจะใชใ้ นการปกปอ้ งสิทธิข้ันพน้ื ฐาน เพอ่ื การแสดงออกทางความคดิ การตดิ ตาม ตรวจสอบ ตอ่ รองกบั อำนาจรฐั ทนุ และ ธุรกิจสื่อ เพื่อสร้างการเปลี่ยนแปลงให้เกิดสังคมที่ผู้คนอยู่ร่วมกันโดยยึดความ ยตุ ิธรรมเป็นหลกั สำคญั คมู่ อื มือเลก็ ๆ เรยี นรูเ้ ทา่ ทนั ส่อื I 37

38 I ค่มู อื มอื เลก็ ๆ เรยี นรเู้ ทา่ ทันสื่อ

บทท่ี 4 บทบาท และประโยชน์ของส่ือดจิ ทิ ลั คูม่ อื มือเลก็ ๆ เรยี นรู้เทา่ ทนั สื่อ I 39

บทบาท และประโยชน์ของสือ่ ดิจิทลั ในโลกสารสนเทศปจั จุบนั สอ่ื ดิจิทัล รวมถึงการผลติ และสรา้ งสรรค์สื่อดิจิทลั ถอื เปน็ อกี เรอ่ื งทมี่ คี วามสำคญั เพราะในระยะเวลาเพยี งไมก่ สี่ บิ ปี มกี ารเกดิ ขน้ึ ของนวัตกรรมสื่อดิจิทัลหลากหลายและมากมาย ตั้งแต่โลกแห่งสื่อสังคม หรือ โซเชยี ลมเี ดยี ทเี่ ปน็ สอื่ งทรงพลงั แหง่ ศตวรรษ ไปจนถงึ วทิ ยอุ อนไลน์ ทวี ดี จิ ทิ ลั และ อนิ เทอร์เนต็ อาจกลา่ วได้วา่ มีสอื่ ดิจิทัลใหม่ ๆ เกิดข้นึ อยู่ตลอดเวลา ตง้ั แตเ่ รม่ิ เขา้ สตู่ น้ ศตวรรษท่ี 21 ทสี่ อ่ื ดจิ ทิ ลั เขา้ มามบี ทบาทเปลย่ี นแปลง วงการนเิ ทศศาสตรอ์ ยา่ งมนี ยั สำคญั คนจำนวนไมน่ อ้ ยเรม่ิ ใชช้ อ่ งทางของสอื่ ดจิ ทิ ลั ในการสรา้ ง และแพรก่ ระจายสอ่ื ของแตล่ ะปจั เจกขนึ้ มาเองไดอ้ ยา่ งเสรี ทำใหส้ ง่ิ ท่ี เรยี กวา่ นเิ ทศศาสตรไ์ มส่ ามารถจะจำกดั อยแู่ ตส่ อื่ กระแสหลกั อยา่ ง วทิ ยุ โทรทศั น์ หรอื หนงั สือพิมพ์ได้อกี ต่อไป การใชเ้ ทคโนโลยีสอื่ สงั คม หรอื โซเชียลมเี ดีย ทำให้เกิดกลุม่ บคุ คลใหม่ ข้ึนมา ตลอดทั้งคนกลุ่มใหม่เหล่าน้ีได้มีสิ่งท่ีเรียกว่า “อัตตาสาธารณะ” (EgocentricPublic) ถ้าบุคคลกลุ่มใหม่นี้ส่วนใหญ่มีความเห็นไปในทิศทาง เดียวกันก็อาจนำไปสู่การปฏิเสธความคิดเห็นท่ีแตกต่างกันอย่างส้ินเชิง ดังน้ัน การที่ส่ือสังคม หรือ โซเชียลมีเดีย อาทิ เฟซบุ๊ก (Facebook) อินสตาแกรม (Instagram) และทวิตเตอร์ (Twitter) เข้ามามบี ทบาทอยา่ งมากในปจั จบุ นั ทำให้ สอื่ สงั คมกลายเปน็ ปจั จยั หลกั ปจั จยั หนง่ึ ทที่ ำใหแ้ ตล่ ะบคุ คลตดั สนิ ใจ เชอ่ื หรอื ไม่ เชอ่ื ข่าวสาร ขอ้ มูล หรอื แนวความคดิ ใดความคิดหนง่ึ 40 I ค่มู อื มอื เล็ก ๆ เรียนรเู้ ท่าทันสอื่

ตอ่ มาจงึ เกดิ สงิ่ ทเ่ี รยี กวา่ “ความคลา้ ยคลงึ และการกดี กนั การเขา้ สมู่ โนคติ (Ideological Homophily and Segregation)” ขึ้นมาในมิติของส่ือดิจิทัล ซ่ึงสามารถขยายความให้เข้าใจได้ง่ายขึ้นผ่านการอธิบายในเชิงของนิเทศศาสตร์ โดยอ้างถึงทฤษฎีการสื่อสารมวลชนในสมัยศตวรรษท่ี 20 ของ Rogers and Smoemaker (1971) ทก่ี ลา่ วถงึ คสู่ อ่ื สารทจี่ ะสอ่ื สารไดอ้ ยา่ งมปี ระสทิ ธภิ าพ และ ราบเรยี บนน้ั ควรจะตอ้ งมคี วามคลา้ ยคลงึ (Homophily) กนั ในระดบั หนง่ึ จะมาก หรอื นอ้ ยกแ็ ลว้ แต่ แตต่ อ้ งมคี วามคลา้ ยคลงึ กนั อยบู่ า้ ง ซงึ่ ความคลา้ ยคลงึ กนั เขา้ สู่ มโนคติในสมัยใหมก่ เ็ ช่นกัน สื่อสังคม หรือ โซเชียลมีเดียมีบทบาทอย่างมากที่จะมีส่วนโน้มน้าว แนวความคดิ ของกลมุ่ ชนสาธารณะทง้ั กลมุ่ เดยี ว หรอื หลาย ๆ กลมุ่ ใหม้ คี วามเชอื่ ไปในทศิ ทางหนงึ่ ไดเ้ ปน็ อยา่ งดี ทำใหส้ ามารถกำหนดทศิ ทางของสงั คมใหข้ บั เคลอ่ื น ไปในทศิ ทางหนึ่งได้ ซ่ึงวิวฒั นาการของสอ่ื สังคม หรอื โซเชยี ลมเี ดยี เองก็มผี ลตอ่ กลมุ่ ชนสาธารณะในทง้ั สองแง่คอื ทง้ั ในเชงิ บวกและในเชงิ ลบในบางกรณกี ท็ ำใหเ้ กดิ ความเครยี ดนำพาใหเ้ กดิ โรคซมึ เศรา้ ได้ อยา่ งในตวั อยา่ งงานวจิ ยั ของ Yang et al. (2014) ทท่ี ำการศกึ ษาจากกลมุ่ วยั รนุ่ ในประเทศไตห้ วนั (สาธารณรฐั จนี ) ทท่ี ำการ เกบ็ ขอ้ มลู จากผใู้ ชส้ อื่ สงั คมจากเดก็ ชายจำนวน 93 คน และเดก็ หญงิ จำนวน 82 คน ในโรงเรยี นทง้ั หมดสามเทอม เพอื่ มาวเิ คราะหห์ าความเชอื่ มโยงระหวา่ งโรคซมึ เศรา้ กับการใช้ส่อื สงั คม ซึ่งผลการวจิ ัยกแ็ สดงใหเ้ ห็นว่ามคี วามเชื่อมโยงกนั เป็นต้น รายงานการศึกษาของ Gutnick et al. (2011) จากเซซามเี วิร์กชอป (Sesame Workshop) ในสหรัฐอเมริกาที่ได้ระบุว่าแนวโน้มของการบริโภค สื่อดิจิทัลของเยาวชนสมัยใหม่เพิ่มสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว โดยส่ิงสำคัญอีกอย่างหน่ึง คือ ปัจจุบันเยาวชนสมัยใหม่ไม่ได้บริโภคส่ือดิจิทัลสื่อใดส่ือหนึ่งเพียงอย่างเดียว เหมอื นในสมยั กอ่ นอกี ตอ่ ไปแลว้ แตพ่ วกเขาบรโิ ภคสอื่ ดจิ ทิ ลั หลาย ๆ สอื่ ทแ่ี ตกตา่ ง กันไปพรอ้ ม ๆ กันในเวลาเดียวกนั หรือ หมายความวา่ คนในยุคสมัยใหมน่ ี้ โดย สว่ นมากจะเป็นกลมุ่ พวกทเี่ สพสอ่ื พร้อมกนั หลาย ๆ อยา่ ง ทั้งทางวิทยุ โทรทศั น์ คู่มือ มือเล็ก ๆ เรียนรู้เทา่ ทนั ส่อื I 41

แลป็ ทอ็ ปคอมพวิ เตอร์ และ สมารท์ โฟน ไปพรอ้ ม ๆ กนั ซงึ่ จะแตกตา่ งกบั กลมุ่ คน ในยคุ ตน้ ศตวรรษท่ี 20 ทก่ี ลมุ่ บคุ คลเหลา่ นน้ั อาจจะไมน่ ยิ มแยกประสาทการทำงาน ในหลาย ๆ ส่งิ ใหท้ ำงานพร้อมกนั ได้ ในมิติหน่ึงน้ัน การทำหลายสิ่งหลายอย่างพร้อมกันคงต้องยอมรับว่า อาจจะมีข้อเสียอยบู่ า้ ง เพราะการทบ่ี คุ คลใดบุคคลหนงึ่ สามารถทำสงิ่ หลายอย่าง จากหลายอวัยวะของร่างกายในเวลาเดยี วกนั โดยส่วนใหญ่แลว้ มักจะไมส่ ามารถ ทุ่มเทให้ผลงานแต่ละอย่างได้อย่างเต็มที่เต็มประสิทธิภาพ แต่ในอีกมิติหน่ึงนั้น ในเมอื่ โลกยคุ โลกาภวิ ฒั นท์ ส่ี อื่ ดจิ ทิ ลั ทำหนา้ ทย่ี น่ ยอ่ ระยะเวลาของการประมวลผล การทำงานหรอื สง่ิ หลาย ๆ อยา่ งใหล้ ดสน้ั ลงเหลอื เพยี งความเหลอื่ มลำ้ กนั ในเสย้ี ว วนิ าที ซงึ่ การยน่ ยอ่ นน้ั ในบางครง้ั กส็ ามารถยอ่ ไดส้ นั้ เสยี จนดเู สมอื นวา่ สง่ิ เหลา่ นนั้ เกดิ ขนึ้ ไดพ้ รอ้ ม ๆ กนั อาทิ จากทเ่ี คยตอ้ งรอจดหมายนานนบั สปั ดาหก์ เ็ หลอื เพยี ง กดเฟสไทมต์ ดิ ตอ่ พดู คยุ กนั โดยใชเ้ วลาแคเ่ สยี้ ววนิ าทใี นการคลกิ ไมก่ ค่ี ลกิ จากทเ่ี คย ต้องไปยนื ตอ่ แถวยาวเพื่อทำธรุ กรรมการเงิน ปัจจบุ นั เพียงเขา้ โปรแกรมประยกุ ต์ ที่เก่ียวข้องแล้วใส่รหัสที่ตั้งเอาไว้ ก็สามารถทำการโอนเงินจำนวนมากได้อย่าง รวดเร็วไม่เว้นแม้แต่เรื่องการเรียนท่ีในอดีตนั้นต้องตระเวนเข้าห้องสมุดหลาย ๆ ห้องสมุดในแต่ละมหาวิทยาลัย เพื่อท่ีจะรวบรวมหนังสือตำราท่ีต้องการให้ครบ ในปัจจุบันบริบทนั้นเปลี่ยนไปมีการนำอีไลบราลี่ (E-Library) หรือ ห้องสมุด อเิ ลก็ ทรอนกิ สม์ าให้ หรอื แตล่ ะบคุ คลสามารถคน้ หาโดยเขา้ เสริ ช์ เอนจนิ อยา่ งเชน่ กูเกิล ก็สามารถค้นเจอข้อมูลได้อย่างมหาศาล เวลาที่เหลือจากการเดินทาง ก็เปลยี่ นมาใช้ในการวิเคราะห์สงั เคราะหข์ อ้ มูลแทน คนสว่ นใหญม่ ักรับ-ส่งขอ้ มลู ผา่ นช่องทางโซเชียลมีเดยี ในขณะเดียวกัน พฤติกรรมการบริโภคสอ่ื ก็เปลี่ยนแปลงไป การพฒั นาของสือ่ สงั คมออนไลน์ทำให้ ผบู้ รโิ ภคมโี อกาสเปลย่ี นบทบาทจากผรู้ บั สอ่ื มาเปน็ ผผู้ ลติ สอ่ื ไดอ้ ยา่ งงา่ ยดาย และ รวดเรว็ มากยงิ่ ขนึ้ และเมอื่ มกี ารสลบั บทบาทในการรบั และสง่ ขอ้ มลู ขา่ วสาร ทำให้ นักข่าวไม่จำกัดเพียงแค่สื่อมวลชนหลักอีกต่อไปจึงทำให้เกิดปรากฏการณ์ของ นกั ขา่ วพลเมอื ง 42 I ค่มู อื มอื เล็ก ๆ เรียนรเู้ ทา่ ทันส่ือ

โดย Pete (2010) อธบิ ายวา่ นกั ขา่ วพลเมอื งมกั ใชอ้ ปุ กรณ์ คอื โทรศพั ท์ มอื ถอื หรอื สมารท์ โฟน โดยจะถา่ ยภาพ และเพมิ่ คำอธบิ าย หรอื เขยี นขอ้ ความสนั้ ๆ โดยอัพโหลดผ่านอินเทอร์เน็ต สำหรับเพื่อนในโลกออนไลน์ รวมไปถึงคนอ่ืน ๆ ทส่ี ามารถเข้าถึงได้เชน่ กัน นอกจากน้ีMarkGlaser(2006)อธบิ ายวา่ นกั ขา่ วพลเมอื งคอื คนธรรมดา ท่ีไม่เคยผ่านการอบรมเพื่อเป็นส่ือมืออาชีพ สามารถใช้เครื่องมือของเทคโนโลยี สมยั ใหม่ และการกระจายตวั ไปท่ัวในโลกอินเทอรเ์ นต็ ในการสร้าง ตอ่ ยอด หรอื ตรวจสอบสอ่ื ดว้ ยตนเอง หรือ ดว้ ยการร่วมมอื กับคนอน่ื ดังนั้น นักข่าวพลเมือง คือ ใครก็ตามท่ีลงไปทำข่าวเองโดยไม่มีสังกัด ในการทำงานทเ่ี กยี่ วขอ้ งกบั สอื่ หลกั แตม่ ตี วั ตนชดั เจน สามารถตดิ ตามการทำงานได้ รวมถงึ สามารถบอกเลา่ เรอื่ งราว รายงานเหตกุ ารณ์ ในรปู แบบของขอ้ ความ รปู ภาพ และวดี โี อ และยง่ิ ปจั จบุ นั ทเี่ ทคโนโลยมี คี วามกา้ วหนา้ ทำใหส้ อื่ ใหม ่ หรอื สอ่ื สงั คม ออนไลน์ ทเี่ ปน็ พน้ื ทที่ มี่ กี ารแลกเปลย่ี นขอ้ มลู ขา่ วสารอยา่ งอสิ ระ ไมม่ กี ารควบคมุ หรือ คัดกรองในการเผยแพร่ข้อมูลทำให้ผู้ใชง้ านสามารถผนั ตัวเองมาเป็นนกั ขา่ ว พลเมอื งในการรายงานข่าว หรอื เผยแพร่ข้อมูลข่าวสาร โดยไม่รู้ตวั ซง่ึ เครือขา่ ย สังคมออนไลน์เป็นพ้ืนที่ที่สร้างอำนาจการสื่อสารให้กับมนุษย์ธรรมดา และ ในขณะเดียวกันก็เป็นช่องทางให้คนธรรมดาได้สร้างเนื้อหาข่าวสารด้วยตนเอง ได้อกี ด้วย คู่มือ มอื เล็ก ๆ เรียนรูเ้ ทา่ ทนั สอื่ I 43

การเปน็ พลเมืองดิจทิ ัล สถาบันส่ือเด็กและเยาวชน (สสย.) และเครือข่ายการศึกษาเพื่อสร้าง พลเมอื งประชาธปิ ไตย หรอื Thai Civil Education (TCE) ไดผ้ ลติ เอกสารเผยแพร่ “กรอบแนวคดิ พลเมอื งประชาธปิ ไตย เทา่ ทนั สอ่ื สารสนเทศและดจิ ทิ ลั ” ไดก้ ลา่ วถงึ คุณลกั ษณะของพลเมืองประชาธิปไตยท่เี ชอื่ มโยงกับ MIDL ดังน ้ี “พลเมอื งทมี่ สี มรรถนะในการเขา้ ถงึ เขา้ ใจ วเิ คราะห์ ตคี วาม ตรวจสอบ และคิดอย่างมีวิจารณญาณ สามารถประเมินประโยชน์ และโทษในการเลือกรับ ใชป้ ระโยชนแ์ ละสรา้ งสรรคส์ อื่ สารสนเทศ และดจิ ทิ ลั เพอ่ื สรา้ งความเขา้ ใจเกย่ี วกบั โครงสรา้ งอำนาจรฐั ทนุ สอื่ ตลอดจนบรบิ ททางสงั คมและเศรษฐกจิ เปน็ ผทู้ เ่ี คารพ สทิ ธ ิ และอยรู่ ว่ มกบั ผอู้ นื่ ในสงั คมทหี่ ลากหลายไดอ้ ยา่ งรบั ผดิ ชอบและสามารถใชส้ อื่ สารสนเทศ และดจิ ทิ ลั เปน็ เครอื่ งมอื ในการตอ่ รองอำนาจและสรา้ งการเปลยี่ นแปลง ในฐานะพลเมอื งประชาธปิ ไตยยคุ ดจิ ทิ ลั ทกี่ ระตอื รอื รน้ ในการมสี ว่ นรว่ มและมงุ่ เนน้ ความยุติธรรมทางสังคมเป็นสำคัญ” การเปน็ พลเมอื งดจิ ทิ ลั ไมไ่ ดห้ มายถงึ พลเมอื งทม่ี คี วามสามารถในการใช้ อปุ กรณต์ า่ งๆไมว่ า่ จะเปน็ มอื ถอื คอมพวิ เตอร์หรอื แทบ็ เลต็ ในชวี ติ ประจำวนั เทา่ นน้ั แต่ความหมายของคำน้ีครอบคลุมหลากหลายมิติของชีวิต และมีพัฒนาไปตาม ความเปลยี่ นแปลงของเทคโนโลยอี กี ทง้ั ยงั เกย่ี วขอ้ งกบั ชดุ ของทกั ษะความสามารถ และความรใู้ นการเทา่ ทนั ซง่ึ เปน็ เรอื่ งทต่ี อ้ งผา่ นกระบวนการเรยี นรู้ ทงั้ ใน และนอก ห้องเรยี นรวมถึงการเรียนร้ตู ลอดชัว่ ชวี ติ ของเราด้วย 44 I ค่มู ือ มอื เล็ก ๆ เรียนรเู้ ทา่ ทันสือ่

Mike Ribble ผู้บริหารด้านการศึกษา และอาจารย์มหาวิทยาลัยที่มี ชอ่ื เสียงคนหนงึ่ ของสหรฐั อเมรกิ า เสนอวา่ ความเป็นพลเมอื งดิจทิ ลั เป็นเรอื่ งของ บรรทดั ฐานการใชเ้ ทคโนโลยอี ยา่ งมคี วามรบั ผดิ ชอบ และเหมาะสม ซง่ึ เขาไดเ้ สนอ ประเด็น ท้ัง 9 ประการ ท่พี ลเมืองดจิ ทิ ัลควรตระหนกั ได้แก่ 1. โอกาสในการเขา้ ถงึ ดจิ ทิ ลั อยา่ งเทา่ เทยี ม (Digital access) เขาเสนอวา่ ผู้ใช้เทคโนโลยีต้องตระหนักว่า ไม่ใช่ทุกคนท่ีมีโอกาสเข้าถึงเทคโนโลยี ดังน้ัน การทำงาน เพอ่ื สรา้ งโอกาสใหท้ ุกคนได้รบั สทิ ธทิ างดจิ ิทัล และการสนับสนนุ การ เขา้ ถงึ จดุ เร่มิ ตน้ ของความเป็นพลเมืองดิจทิ ัล 2. การพาณชิ ย์ดจิ ทิ ัล (Digital commerce) เราต้องเขา้ ใจวา่ เศรษฐกิจ ระบบตลาดปัจจุบันได้กระทำผ่านอิเล็กทรอนิกส์ ซ่ึงท้ังผู้ซ้ือและผู้ขายต้อง ตระหนักว่าการซื้อสินค้าและบริการในชีวิตประจำวันเกิดข้ึนในอินเทอร์เน็ต ซ่ึง หลายเร่ืองอาจจะขัดแย้งกับกฎหมาย หรือ ศีลธรรมในบางประเทศ เช่น การดาวน์โหลดส่ิงผิดกฎหมายในบางประเทศภาพโป๊ การพนัน เป็นต้น ดังนั้น ผู้ใช้อินเทอร์เน็ตควรเรียนรู้ในการเป็นผู้บริโภคที่มีประสิทธิภาพในเศรษฐกิจ ดิจิทลั ใหม่นด้ี ว้ ย 3. การสอ่ื สารดจิ ทิ ลั (Digital Communication) การตดิ ตอ่ สอ่ื สารนบั เปน็ การเปล่ียนแปลงในการปฏวิ ัติดจิ ิทัลมากท่สี ุด เพราะในศตวรรษท่ี 21 ทางเลือก การสอื่ สารมคี วามหลากหลาย ไมว่ า่ จะเปน็ อเี มล มอื ถอื การสง่ ขอ้ ความ แตล่ ะคน สามารถสอื่ สารพดู คยุ กบั ทกุ คน ทกุ ท่ี ทกุ เวลา แตส่ ง่ิ หนงึ่ ทเ่ี ขาเหน็ วา่ นา่ เสยี ดาย คอื ผใู้ ชเ้ ทคโนโลยจี ำนวนมากไมไ่ ดถ้ กู สอนวา่ การตดั สนิ ใจทเี่ หมาะสมเปน็ อยา่ งไร เมอ่ื เราต้องเจอกับทางเลือกในการส่ือสารดจิ ทิ ัลท่ีหลากหลายเชน่ นี้ คมู่ อื มือเล็ก ๆ เรียนร้เู ท่าทนั สือ่ I 45

4.เท่าทนั ดิจทิ ัล (Digital Literacy) เปน็ การจดั ให้มีกระบวนการ หรอื ขนั้ ตอนการสอน และการเรยี นรเู้ กยี่ วกบั โทคโนโลยี และการเขา้ ใช้ เหน็ วา่ ขนั้ ตอน การสอนในระดับโรงเรียนควรพิจารณาว่า เทคโนโลยีอะไรที่ควรสอนแก่นักเรียน และเทคโนโลยแี ตล่ ะอยา่ งนนั้ ควรนำไปใชอ้ ยา่ งไร ขณะทแ่ี รงงานบางสาขาวชิ าชพี ต้องการทักษะในเร่ืองการค้นคว้า และการประมวลผลข้อมูลที่รวดเร็วฉับพลัน ขั้นตอนการเรียนรู้สำหรับพวกเขาก็ต้องมีความละเอียดอ่อนเฉพาะกลุ่ม ดังนั้น ผเู้ รียนควรได้รับการเรยี นรูท้ ่ีมคี วามเฉพาะเรือ่ ง เฉพาะท่ี เฉพาะเวลา ความเปน็ พลเมืองดิจิทัลจึงเป็นเรื่องของการให้การศึกษาวิธีการใหม่ ๆ กับประชาชน ซ่ึงต้องการทักษะการเท่าทันข้อมูลข่าวสารในระดับท่ีสูงเพียงพอต่อความ เปลยี่ นแปลง 5.มารยาททางดจิ ทิ ลั (digital Etiquette) เปน็ มาตรฐานของแนวปฏบิ ตั ิ กวา่ เราจะรบั รวู้ า่ พฤตกิ รรมหนง่ึ ๆ ไมเ่ หมาะสมในโลกดจิ ทิ ลั กต็ อ่ เมอ่ื การกระทำนนั้ เกิดข้ึน และเราได้เห็นแล้ว แต่ก่อนที่แต่ละคนจะใช้เทคโนโลยีเราไม่ได้เรียนรู้ มากอ่ นลว่ งหนา้ วา่ มารยาทใดพงึ หรอื ไมพ่ งึ กระทำ และหลาย ๆ คนพบวา่ ไมค่ อ่ ย สบายใจท่ีจะไปต่อว่าคนอนื่ เกยี่ วกับพฤติกรรมท่ีไม่เหมาะสม วิธีการทน่ี ิยมทำกัน คอื การออกกฎหรอื ระเบยี บเพอ่ื ควบคมุ พฤตกิ รรมหรอื ไมก่ ใ็ ชเ้ ทคโนโลยใี นการหยดุ การใชท้ ่ีไมเ่ หมาะสม แต่การสร้างกฎ หรอื นโยบายไม่เพียงพอ ส่ิงทต่ี ้องทำ คือ การสอนให้ทกุ คนเป็นพลเมืองดิจทิ ัลทม่ี ีความรับผดิ ชอบในสงั คมใหม่นี้ 6.กฎหมายเกย่ี วกบั ดจิ ิทลั (Digital Law) เปน็ เร่อื งกฎหมายท่สี ัมพันธ์ กับจริยธรรมในเรื่องเทคโนโลยีของสังคมหน่ึง ๆ การใช้เทคโนโลยีในรูปแบบ การก่ออาชญากรรมถือเป็นการใช้ท่ีผิดจริยธรรม พลเมืองดิจิทัลควรรู้กฎกติกา และตระหนักในพฤติกรรมท่ีผิดกฎหมาย และผิดจริยธรรม เช่น การแฮกข้อมูล ของผอู้ น่ื การดาวนโ์ หลดสอ่ื ทผ่ี ดิ กฎหมาย การลอกเลยี นแบบโดยไมอ่ า้ ง การปลอ่ ย ไวรัส ส่งสแปม หรอื ขโมยอตั ลักษณข์ องคนอื่น เปน็ ตน้ 46 I ค่มู อื มอื เลก็ ๆ เรยี นรู้เท่าทนั สือ่

7. สทิ ธแิ ละความรบั ผดิ ทางดจิ ทิ ลั (Digital Rights and Responsibilities) บรรดาสิทธิท่ีปรากฏในรัฐธรรมนูญของสหรัฐอเมริกาเป็นชุดแนวคิดที่ขยายมาสู่ พลเมอื งดิจทิ ลั ดว้ ยเช่นกนั พลเมืองดจิ ิทัลมสี ทิ ธใิ นเรอื่ งความเป็นสว่ นตัว เสรีภาพ ในการพดู ซงึ่ ตอ้ งไดร้ บั การทำความเขา้ ใจ แลกเปลย่ี น อภปิ ราย และแนน่ อนวา่ สทิ ธิ เหล่านี้ควบคู่มากับความรับผิดชอบด้วย ดังน้ันผู้ใช้จึงต้อช่วยนิยามว่าการใช้ เทคโนโลยีอยา่ งเหมาะสมควรเปน็ อย่างไร 8. สขุ ภาพ ความเปน็ อยทู่ ด่ี ที างดจิ ทิ ลั (Digital Health and Wellness) หมายถึง ความเปน็ อยู่ทั้งทางจิตใจ และรา่ งกายในโลกท่ีใช้เทคโนโลยีดิจิทัลด้วย ตั้งแต่ความปลอดภัยของสายตา อาการเครียดท่ีเกิดจากการมีพฤติกรรมซ้ำ ๆ การปฏบิ ตั ทิ เี่ กย่ี วขอ้ งกบั สรรี ะ ลว้ นเปน็ เรอ่ื งทจ่ี ะตอ้ งถกู กลา่ วถงึ ในโลกเทคโนโลยี ใหมน่ ี้ รวมทง้ั เรอ่ื งทางจิตวทิ ยา เช่น การติดเนต็ (internet addiction) ซง่ึ ผู้เรยี น ควรไดร้ ับการสอนใหร้ ถู้ ึงโทษของเทคโนโลยีดว้ ย ความเปน็ พลเมอื งดจิ ทิ ัลจึงเป็น เร่ืองที่รวมถึงวัฒนธรรมซึ่งผู้ใช้เทคโนโลยีได้รับความรู้ในการปกป้องตนเอง โดย อาจจะผ่านการศึกษา หรอื การอบรม ค่มู อื มือเลก็ ๆ เรียนร้เู ทา่ ทนั สือ่ I 47

9.ความปลอดภัยทางดิจิทัล (Digital Security) ในแง่ของการสร้าง ความปลอดภัยในโลกดิจิทัล และสังคมทั่วไปไม่ได้แตกต่างกัน ตราบใดที่เราต้อง ใส่กุญแจท่ีประตู หรือ ตั้งสัญญาณกันขโมย เพ่ือสร้างความปลอดภัยบางระดับ ใหก้ บั ตวั เรา ในโลกดจิ ทิ ลั กเ็ ชน่ เดยี วกนั เราตอ้ งมรี ะบบปอ้ งกนั ไวรสั มกี ารแบค็ อพั ขอ้ มลู หรอื ควบคมุ การเขา้ ถงึ อปุ กรณเ์ ครอ่ื งมอื ของเรา ดงั นนั้ ในฐานะพลเมอื งดจิ ทิ ลั ทม่ี คี วามรบั ผดิ ชอบ เราตอ้ งเรยี นรทู้ จี่ ะปกปอ้ งขอ้ มลู ขา่ วสารของเราจากภายนอก ซ่ึงอาจนำอันตรายมาสู่เราได้ ประโยชน์ของสื่อดิจทิ ัล จะเห็นได้ว่าการพัฒนาเทคโนโลยีคอมพิวเตอร์ในช่วงที่ผ่านมามีการ พัฒนาการอย่างรวดเร็ว และเทคโนโลยีได้เปลี่ยนวิถีทางการดำเนินชีวิต รวมท้ัง การสอ่ื สารของคนในสงั คมอย่างมาก ซึง่ เปน็ ข้อบ่งชีว้ ่าสือ่ หรอื เครอ่ื งมอื ส่อื สาร ที่ได้รับความนิยมในแต่ละช่วงเวลาจะมีอิทธิพลต่อความคิดของคน และปัจจัย ทกี่ ำหนดกรอบแนวคิด และความเขา้ ใจในการมองโลกในปัจจุบันของแตล่ ะคน อินเตอร์เน็ตได้กลายเป็นแหล่งข้อมูลท่ีใหญ่ที่สุดในโลก ทำให้เกิด การเปลี่ยนแปลงรูปแบบการส่ือสารแบบด้ังเดิมในโลกแห่งความเป็นจริงมาสู่ การใช้เทคโนโลยีการส่ือสารในยุคดิจิทัลแห่งโลกเสมือนจริง (Virtual World) ก่อใหเ้ กดิ ยุคแหง่ การสื่อสารไร้พรมแดน ทำให้คนท่ัวโลกจำนวนมากมีการดำเนิน ชวี ิตท้งั ในสังคมของโลกแห่งความเป็นจริง และสงั คมแหง่ โลกเสมือนจรงิ ผลจากความกา้ วหนา้ ของระบบอนิ เทอรเ์ นต็ คอมพวิ เตอร์ และเทคโนโลยี การสื่อสารก่อให้เกิดนวัตกรรมใหม่ทางสังคม คือ เครือข่ายสังคมใหม่ที่รู้จักกัน อยา่ งแพรห่ ลายวา่ “สงั คมออนไลน”์ (Online Community) หรอื “สงั คมเสมอื น” (Virtual Community) หรือ “เครือข่ายสังคมออนไลน์” (Social Network) โดยเครือข่ายสังคมออนไลน์นี้เป็นพ้ืนท่ีสาธารณะท่ีสมาชิกทุกคน ทุกเพศ ทุกวัย 48 I คู่มือ มือเลก็ ๆ เรียนรเู้ ทา่ ทนั สอ่ื


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook