Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore ถอดความคิดขบวนการเอกราชปาตานี : รุ่งรวี เฉลิมศรีภิญโญรัช : 2556

ถอดความคิดขบวนการเอกราชปาตานี : รุ่งรวี เฉลิมศรีภิญโญรัช : 2556

Published by Ismail Rao, 2023-07-25 00:23:25

Description: ถอดความคิดขบวนการเอกราชปาตานี: รุ่งรวี เฉลิมศรีภิญโญรัช
: 2556

Search

Read the Text Version

ถอดความคิด ขบวนการเอกราชปาตานี โดย รงุ่ รวี เฉลมิ ศรภี ญิ โญรชั และกองบรรณาธกิ ารโรงเรียนนกั ข่าวชายแดนใต้ ศูนย์เฝ้าระวงั สถานการณ์ภาคใต้ พมิ พ์ครง้ั ที่ 2 : โครงการจดั พิมพ์ deepbooks, เมษายน 2556 ราคา 115 บาท คณะที่ปรกึ ษา มฮู �ำ มัดอายบุ ปาทาน ศรีสมภพ จิตรภ์ ิรมย์ศรี บุษบง ชยั เจรญิ วัฒนะ บรรณาธิการ รอมฎอน ปันจอร์ กองบรรณาธกิ าร มฮู ําหมดั ดือราแม, สะรอนี ดือเระ ฟารีดา ขจดั มาร, อารีด้า สาเม๊าะ ฮัสซัน โตะดง, นรู ยา เกบ็ บุญเกดิ พิสูจนอ์ ักษร ตติกานต์ เดชชพงศ บรรณาธิการศิลปกรรม ปิยศกั ด์ิ อู่ทรพั ย์ รูปเลม่ และแบบปก DSDC จดั พิมพ์โดย โครงการจดั พมิ พ์ดีพบคุ๊ ส์ (deepbooks) ศูนยเ์ ฝ้าระวงั สถานการณภ์ าคใต้ มหาวทิ ยาลยั สงขลานครินทร์ วทิ ยาเขตปตั ตานี จงั หวัดปตั ตานี เว็บไซต์ http://deepsouthwatch.org โทรศพั ท์ 073-312-302 พิมพ์ท่ี หจก. ภาพพมิ พ์ โทรศพั ท์ 02-433-0026-7 จดั จ�ำ หนา่ ยโดย สายส่งศกึ ษิต บ.เคล็ดไทย จำ�กัด โทรศัพท์ 02-225-9536-40

ข้อมลู ทางบรรณานุกรมของหอสมุดแหง่ ชาติ รงุ่ รวี เฉลิมศรภี ญิ โญรชั . ถอดความคิด ขบวนการเอกราชปาตาน.ี -- พิมพ์คร้ังที่ 2.-- ปตั ตานี : โครงการจดั พมิ พ์ดพี บุ๊คส์ (deepbooks) ศนู ย์เฝา้ ระวังสถานการณ์ภาคใต,้ 2556. 112 หนา้ . 1. ความขัดแย้งทางการเมือง--ไทย (ภาคใต)้ . 2. ไทย (ภาคใต)้ --การเมือง และการปกครอง. 3. ไทย (ภาคใต้)--ปญั หาและขอ้ พพิ าท. 4. มุสลมิ --ไทย (ภาคใต้). 5. ปัตตานี--การเมืองและการปกครอง. I. ชือ่ เรอ่ื ง. 303.69 ISBN 978-616-91677-0-9 จดั พมิ พภ์ ายใตโ้ ครงการการท�ำ ขา่ วสบื สวนสอบสวนเรอ่ื ง “อา่ นความคดิ ของขบวน การตอ่ ตา้ นรฐั ในชายแดนใต”้ ซง่ึ ไดร้ บั การสนบั สนนุ จากโครงการเสรมิ สรา้ งความ เข้มแข็งและการมสี ่วนร่วมในภาคใต้ของประเทศไทย หรือ STEP Project และ สถาบันสนั ตศิ ึกษา มหาวิทยาลัยสงขลานครนิ ทร์ สำ�หรับสถาบันการศึกษา หน่วยงาน หรือองค์กร ที่ต้องการสั่งซื้อหนังสือจำ�นวนมาก ในราคาพเิ ศษ โปรดตดิ ตอ่ 086-529-4334 หรอื อเี มล์ [email protected]

คำ�นำ� โครงการจดั พิมพ์ดีพบคุ๊ ส์ ศนู ยเ์ ฝา้ ระวงั สถานการณภ์ าคใต้ ลักษณะอันโดดเด่นประการหนึ่งของความขัดแย้งท่ีมีการ ใช้ความรุนแรงในชายแดนใต้ในรอบเกือบหน่ึงทศวรรษที่ ผ่านมาคือการที่สังคมไทยไม่ใคร่จะรู้จักตัวตนของขบวน- การตอ่ สเู้ พอ่ื ปลดปลอ่ ยปาตานอี ยา่ งทเ่ี ปน็ อยจู่ รงิ เราแทบจะ มคี วามรนู้ อ้ ยมากเกย่ี วกบั ‘ตวั แสดง’ ในความขดั แยง้ ดงั กลา่ ว วิธีท่ีเราจะรู้จักพวกเขาโดยส่วนใหญ่เป็นเพียงข้อความท่ี ส่ือสารผ่านปฏิบัติการใช้ความรุนแรงหลากหลายรูปแบบ หรอื ไมก่ เ็ ปน็ ขอ้ มลู จากฐานขา่ วเกา่ ๆ ของทางการทเ่ี ผยแพร่ ในสอ่ื มวลชนอยู่เป็นระยะ วา่ กนั จริงๆ แลว้ ทางการเองก็มี วิธที ีจ่ ะระบุตัวตนของ ‘ศตั รู’ ตนเองอย่างหลากหลาย ระยะ หลงั ๆ เรามกั ได้ยนิ การให้ความหมายไปในทำ�นองว่าเป็น ผทู้ ่มี ีความคดิ เห็นแตกตา่ งจากรัฐ กอ่ นหนา้ นน้ั เราเคยชิน กบั ‘ผู้ก่อความไม่สงบ’ หรือ ‘ผู้ใช้ความรุนแรง’ ในบางครั้ง ทางการก็พยายามจะหลีกเลี่ยงไม่ใช้คำ�ว่า ‘ผู้ก่อการร้าย’ อย่างตง้ั ใจเพอื่ หลบหลีกให้ความขดั แยง้ ที่ควรอยู่ ‘ภายใน ประเทศ’ ไปเชอ่ื มโยงกบั ขบวนการเคลอ่ื นไหวในระดบั สากล

การปรากฎตวั ของตวั แทนขบวนการบอี ารเ์ อน็ ในการ ลงนามในเอกสารท่ีจะให้มีการริเริ่มพูดคุยเพ่ือสันติภาพ เมอ่ื ปลายเดอื นกมุ ภาพนั ธ์ 2556 จงึ ประหนง่ึ เปน็ การเผยตวั ให้เห็นในทางการเมืองอย่างเป็นทางการของขบวนการ เคล่อื นไหวท่มี ุ่งหมายจะปลดปล่อยปาตานี แมว้ ่าก่อนหนา้ นั้นเราอาจจะเห็นพวกเขาอยู่บ้างผ่านปฏิบัติการทางการ ทหารที่หลายครั้งกเ็ ผยให้เห็นตวั ตนของนกั รบเหลา่ น้ี ทวา่ จริงๆ แลว้ เราก็ยงั คงรจู้ กั ‘พวกเขา’ อยูน่ อ้ ย มาก รายงานพเิ ศษ ‘ถอดความคดิ ขบวนการเอกราชปาตาน’ี ที่ปรับแปลงมาเป็นหนังสือเล่มท่ีท่านกำ�ลังอ่านอยู่ในขณะ น้ี จัดท�ำ ข้ึนโดย ร่งุ รวี เฉลมิ ศรภี ญิ โญรัช และเพือ่ นนกั ขา่ ว ในกองบรรณาธิการโรงเรียนนักขา่ วชายแดนใต้ (DSJ) เปน็ ความพยายามจะต่อเติมความเข้าใจต่อความคิดและแรง ขับเคล่ือนท่ีนำ�พาให้พวกเขาจำ�เป็นต้องใช้กำ�ลังอาวุธเข้า ต่อสู้กับรัฐไทย เหตุผลที่พวกเขาใช้รองรับวิธีที่พวกเขาใช้ ความรนุ แรงหรือแมแ้ ตภ่ าพอนาคตทพ่ี วกเขาวาดหวงั ใน ตอนทา้ ย เธอและเพอ่ื นยังไดม้ ขี อ้ เสนอแนะที่นา่ สนใจตอ่ ทุกฝา่ ยในความขัดแย้งอีกด้วย การเขา้ ใจความคิดและแรงขบั เคลื่อนของ ‘ตวั แสดง’ ดังกล่าวเป็นสิ่งสำ�คัญพ้ืนฐานต่อการวิเคราะห์ความขัดแย้ง เนอ่ื งจากการเขา้ ใจในเร่อื งราวเหลา่ นจ้ี ะทำ�ให้เราพอจะมอง ภาพของความขดั แยง้ ทด่ี �ำ รงอยอู่ ยา่ งยดื เยอ้ื เรอ้ื รงั นไ้ี ดอ้ ยา่ ง

แจม่ ชดั ขน้ึ ความเขา้ ใจตอ่ สภาพปญั หาทเ่ี ปน็ จรงิ จะสามารถ จัดวางความสำ�คัญกับทางออกจากความขัดแย้งได้อย่างที่ ควรจะเปน็ ซ่งึ จะมีสว่ นหนุนเสริมกระบวนการสนั ตภิ าพที่ กำ�ลังดำ�เนนิ อยใู่ นขณะนใ้ี หม้ น่ั คงและยัง่ ยืนได้ รอมฎอน ปนั จอร์ บรรณาธิการ 1 เมษายน 2556

สารบัญ สารบัญ 7 ค�ำ นิยม 8 เกรนิ่ นำ� 22 1 สายธารแห่งประวัตศิ าสตร์ 24 2 กระบวนการเข้าสูก่ ารต่อสเู้ พ่ือ Merdeka 38 3 โครงสรา้ งขบวนการตอ่ สเู้ พอ่ื เอกราชปาตานี 50 4 สนทนากบั หวั หนา้ กอมปีและมือระเบดิ 58 5 แผ่นดนิ ปาตานีเป็นดารลุ ฮัรบ.ี ..หรือไม่ ? 72 6 ภาคประชาสงั คมกบั ขบวนการเอกราชปาตาน:ี จดุ รว่ มและจดุ ตา่ ง 86 7 ปัจฉิมบท: สันติภาพทปี่ ลายอุโมงคจ์ ะเกดิ ข้นึ ไดอ้ ย่างไร ? 96 เบือ้ งหลังการถ่ายท�ำ : รายงานพเิ ศษฯ 104

คำ�นิยม บริบทของการถอดความคิด ขบวนการเอกราชปาตานีเพื่อสันติภาพ ศรีสมภพ จิตรภ์ ิรมยศ์ รี “ถอดความคดิ ขบวนการเอกราชปาตาน”ี เปน็ สว่ นหนง่ึ ของ แนวคิดเรื่องกระบวนการสันติภาพท่ีกำ�ลังดำ�เนินการอยู่ใน ขณะน้ีโดยรัฐบาลไทยและขบวนการต่อสู้เพื่อเอกราชซึ่ง เรยี กตนเองวา่ BRN โจทยท์ สี่ �ำ คัญก็คอื เรารจู้ กั ขบวนการนี้ อย่างไร? หรอื ถา้ จะกลา่ วใหช้ ัดไปอีกกค็ อื คนไทยเรารู้จัก ขบวนการแยกดนิ แดนทเ่ี รยี กตนเองวา่ BRN อยา่ งไร? เรอ่ื งน้ี เปน็ ค�ำ ถามที่ท้าทายสงั คมไทยปัจจุบันมาก โดยเฉพาะต่อ นกั วชิ าการ ผเู้ ชย่ี วชาญ ผสู้ งั เกตการณท์ ค่ี ลกุ คลกี บั ปญั หา ภาคใต้ การหาค�ำ ตอบเชน่ นจ้ี ะตอ้ งอาศยั ความรู้ ความเขา้ ใจ และขอ้ มลู ทน่ี า่ เช่อื ถือมากพอสมควร น่เี ปน็ สาเหตทุ ีท่ �ำ ให้ เราตอ้ งพดู ถงึ พน้ื ฐานของการศกึ ษา การวจิ ยั และองคค์ วาม ร้เู รือ่ งขบวนการแยกดินแดนทเ่ี รียกว่า BRN ในสถานการณ์ ปจั จบุ ัน องคค์ วามร้เู หล่านี้จะเปน็ บรบิ ทของความเข้าใจท่ีมี ตอ่ การถอดรหัส “ถอดความคดิ ขบวนการเอกราชปาตาน”ี ในหนงั สือเล่มนี้ เปน็ ทท่ี ราบกนั ดวี า่ ขบวนการแนวรว่ มปฏวิ ตั แิ หง่ ชาติ มลายปู าตานี มชี อ่ื ยอ่ วา่ BRN ซง่ึ มาจากภาษามลายวู า่ Barisan Revolusi Nasional Melayu Patani หรือ Patani

Melayu National Revolutionary Front กอ่ ต้ังเมื่อ 13 มีนาคม พ.ศ.2503 โดยครสู อนศาสนาหรืออุสตาซทีช่ อ่ื วา่ อบั ดลุ การมิ ฮัสซนั หลังจากนน้ั เรื่องราวของ BRN กถ็ ูก กล่าวถึงต่างๆ นานา ในเอกสารข้อมูลที่มักจะเปน็ รายงาน ของทางราชการ ซึ่งระบุวา่ ขบวนการดังกล่าวแตกออกเปน็ สามกลมุ่ ในปี พ.ศ.2520 เพราะความแตกแยกในหมแู่ กนน�ำ BRN จนกระทงั่ มีการตัง้ BRN Coordinate ตอ่ มาในปี พ.ศ. 2526 มกี ารประชมุ สมชั ชาเลอื กผนู้ �ำ ใหม่ คอื เปาะนซู า ยาลลิ และต้งั ช่ือขบวนการใหมว่ า่ BRN Congress สว่ นอุสตาซ อบั ดลุ การมิ ฮสั ซนั ผนู้ �ำ เดมิ หมดอ�ำ นาจลง จงึ รวบรวมก�ำ ลงั ไปตง้ั องคก์ รใหมเ่ รยี กวา่ BRN Ulama นเ่ี ปน็ เรอ่ื งราวสน้ั ๆ ท่ี มกั มกี ารกลา่ วถงึ ขบวนการ BRN อยา่ งเลอื นลางกอ่ นหนา้ น้ี แต่หลังจากการขยายตัวของความรุนแรงในจังหวัด ชายแดนภาคใต้ นบั ต้ังแตว่ นั ที่ 4 มกราคม พ.ศ.2547 โดย เฉพาะการโจมตีเจ้าหน้าที่ตำ�รวจและทหารที่มัสยิดกรือเซะ และทอี่ นื่ ๆ รวมแล้วประมาณ 12 จุด ทำ�ให้กลุ่มผ้กู อ่ เหตุ เสยี ชีวิตถงึ 107 คน และมเี จา้ หน้าทีเ่ สียชวี ิต 5 คน รวม ทั้งคนบาดเจ็บอกี ประมาณ 20 กว่าคน ค�ำ ถามทที่ ำ�ใหผ้ ้คู น สงสยั กนั มากกค็ อื วา่ ใครเปน็ ผบู้ งการการกอ่ เหตดุ งั กลา่ วและ เหตกุ ารณท์ ง้ั หมดทเ่ี กดิ ขน้ึ จนกระทง่ั ถงึ ปจั จบุ นั เหตกุ ารณ์ ต่อมาย่ิงทำ�ให้สังคมไทยเกิดอาการช็อกอย่างรุนแรงก็คือ กรณตี ากใบ อนั เปน็ เหตกุ ารณท์ เ่ี กดิ ขน้ึ เมอ่ื วนั ท่ี 25 ตลุ าคม พ.ศ.2547 ในอ�ำ เภอตากใบ จงั หวดั นราธวิ าส ท�ำ ใหม้ ผี เู้ สยี

ชวี ติ 85 คน ค�ำ ถามตอ่ ตวั ผกู้ อ่ เหตแุ ละองคก์ รทอ่ี ยเู่ บอ้ื งหลงั ยง่ิ ทา้ ทายความรบั รู้ และความเขา้ ใจของสงั คมไทยมากยง่ิ ขน้ึ ในรายงานของคณะกรรมการอิสระเพื่อความสมาน ฉนั ท์ (กอส.) ทต่ี ง้ั ขน้ึ มาในปี พ.ศ.2548 นน้ั กอส. ไดว้ เิ คราะห์ ความรนุ แรงในแบบวนิ จิ ฉัยโรคโดยใช้แนวคิด “ชัน้ ความรนุ แรง” เพอ่ื วเิ คราะห์ แยกแยะปัจจยั ของความรนุ แรงทงั้ ใน ระดบั บคุ คล ระดบั โครงสรา้ ง และระดบั วฒั นธรรม โดยท่ี กอส. เน้นวิเคราะห์ปัจจัยชั้นโครงสร้างและชั้นวัฒนธรรมเป็น สำ�คัญและทำ�การพยากรณโ์ รค ตลอดจนเสนอมาตรการ แก้ไข โดยแบ่งตามระดับชั้นความรุนแรง มที างออกทงั้ การ เสนอสนั ตวิ ิธี ในระดบั บคุ คล สันตวิ ิธีระดับโครงสรา้ ง และ สนั ติวิธรี ะดับวัฒนธรรม แตใ่ นแง่การวิเคราะห์ ปัจจยั ‘ตวั การ’ ของความ รนุ แรง กอส.วเิ คราะหว์ ่า ปัจจยั ระดบั โครงสรา้ งเปน็ ‘ทม่ี า’ ของความรนุ แรงในสามจงั หวดั ภาคใต้ โดยเสนอวา่ มอี ยดู่ ว้ ย กนั 5 ประการ ไดแ้ ก่ (1) การบงั คบั ใชก้ ฎหมาย ซง่ึ เปน็ ปจั จยั สำ�คญั ที่สุด (2) เศรษฐกิจทอ้ งถน่ิ (3) การศึกษา (4) ประชากร และ (5) ภูมิศาสตร์ชายแดน เปน็ ที่น่าสังเกตว่า ในรายงานดงั กล่าวไม่ไดใ้ ห้ความ สำ�คัญต่อตัวการของความรุนแรงท่ีเป็นผู้แสดงบทบาทหลัก (agents) ของความรนุ แรงเทา่ ทค่ี วร ในรายงานดงั กลา่ วมกี าร วิจัยท่ีวิเคราะห์โครงสร้างและระบบของการก่อความรุนแรง ในพืน้ ทต่ี ่างๆ ว่ามี ‘ขบวนการ’ ทม่ี ีอดุ มการณ์อย่างชดั เจน

รวมท้ังมีข้อมูลเชิงประจักษ์ยืนยันการก่อเหตุโดยขบวนการ ทม่ี อี ดุ มการณม์ ีอย่ถู งึ ประมาณรอ้ ยละ 80 ของเหตกุ ารณ์ ทั้งหมดทเี่ กิดในขณะนัน้ ความขดั แย้งน้จี ึงมใิ ชอ่ าชญากรรม ยาเสพตดิ หรอื เรอ่ื งขดั แยง้ สว่ นตวั หรอื แมแ้ ตไ่ มใ่ ชก่ ารสรา้ ง สถานการณ์ของเจ้าหน้าที่เพื่อเอางบประมาณอย่างท่ีมีการ พดู กนั อยา่ งกวา้ งขวางในขณะนน้ั เพอ่ื หลกี เลย่ี งการกลา่ วถงึ ประเดน็ ดังกล่าวโดยตรง มีเพียงแค่การอ้างถงึ ผลงานวิจัยน้ี อยใู่ นเชิงอรรถของรายงานสรุปเท่านั้น รายงานปฏบิ ตั กิ ารและโครงสรา้ งของขบวนการ ‘แยก ดินแดน’ จรงิ ๆ จงึ ปรากฏอยใู่ นเอกสาร ‘ลบั ’ ของฝา่ ยขา่ ว ทหาร ในรายงานการสบื สวนและการซกั ถามของต�ำ รวจต่อ ผตู้ อ้ งหาหรอื ผทู้ ม่ี อบตวั ตอ่ ทางการเปน็ สว่ นใหญ่ และตอ่ มา ก็ปรากฏในรายงานการวิเคราะห์และวิจัยส่วนตัวของเจ้า หน้าท่ีทหารท่ีทำ�งานด้านการข่าวหรือทำ�หน้าท่ีอยู่ในศูนย์ สันติสขุ ซง่ึ เปน็ ฝา่ ยงานการเมอื งกองทพั หรอื ท่รี ู้จักกนั ใน ชือ่ เล่นว่า ‘บา้ นกรงนก’ ซงึ่ อยใู่ นฐานปฏบิ ตั ิการของทหาร กองทพั ภาคที่ 4 เท่านนั้ นักวิชาการและนักวิเคราะห์ท่ีศึกษาเรื่องขบวนการ แยกดินแดน BRN และเผยแพร่ข้อมูลดังกล่าว จึงกลายเป็น นกั วชิ าการและนกั สงั เกตการณแ์ บบ ‘ชายขอบ’ ทอ่ี ยใู่ นพน้ื ท่ี จงั หวัดชายแดนภาคใต้ มคี วามพยายามระบุวา่ ขบวนการ BRN หรือ BRN-Coordinate เปน็ ตวั การส�ำ คญั ท่ีก่อเหตุ ส่วนมากในจงั หวัดชายแดนภาคใต้ แตก่ ็ไมไ่ ดร้ บั ความสนใจ

มากนกั จากสงั คมกระแสหลกั เมอ่ื สถานการณล์ กุ ลามไปจน ถึงความยืดเย้ือเรื้อรังและเปล่ียนเป็นความรุนแรงแบบใหม่ ท่ีมคี ณุ ภาพเพิ่มขน้ึ ทำ�ใหค้ นตายมากถึงกว่า 5,000 คน ในปี พ.ศ.2555 เรือ่ งจงึ เร่ิมชใ้ี หเ้ หน็ ความซับซอ้ นและความหนัก หนว่ งของปญั หาภาคใตม้ ากย่ิงขน้ึ รูปแบบความรุนแรงไมใ่ ชส่ ะเปะสะปะ ไม่ใช่ความรนุ แรงสุม่ ๆ แบบความขัดแยง้ สว่ นตัว เร่ืองอาชญากรรม และ การเมอื งท้องถน่ิ มนั เป็นความรุนแรงทม่ี โี ครงสรา้ งและมี แบบแผนอยา่ งค่อนขา้ งเปน็ ระบบ ใครคือผกู้ ระทำ�ความ รุนแรงกันแน่? แต่ในอีกดา้ นหนง่ึ นโยบายภายในของฝา่ ย ความม่ันคงไทยกด็ เู หมือนจะชดั เจนมากยิ่งขนึ้ กลา่ วคือ จะ ต้องไม่มีการระบุถึงช่ือองค์กรแยกดินแดนในท่ีสาธารณะไม่ ว่า BRN หรือ PULO หรอื อะไรก็ตาม ท่จี ะท�ำ ใหย้ กระดับ การตอ่ สใู้ ห้เป็นระดบั สากล หรอื เปน็ ประเด็นทท่ี ำ�ให้ดึงดดู ความสนใจขององค์กรระหว่างประเทศ มีเร่อื งเลา่ ภายในว่า นายทหารในพ้ืนท่ีบางคนท่ีพยายามจะสรุปวิเคราะห์โครง สรา้ งเครอื ขา่ ยของ BRN ตามหลักฐานการศกึ ษาของตนให้ ผ้บู งั คบั บัญชาระดบั สูงสดุ ฟัง แต่กลับถูกตวาดในที่ประชุม ว่า“อาเยาะห์ ...(X)... อะไรของมึงวะ?” ชว่ งเวลาดงั กลา่ ว นา่ แปลกทก่ี ารวจิ ยั ของนกั วชิ าการ ตา่ งประเทศกลบั เปน็ งานทช่ี ว่ ยเปดิ เผยลกั ษณะทม่ี าอยา่ งเปน็ ระบบของขบวนการแยกดินแดนหรือขบวนการต่อสู้เพื่อ เอกราชในพ้ืนทจี่ ังหวัดชายแดนภาคใต้ ดันแคน แมคคาร์โก

นักรัฐศาสตร์ชาวอังกฤษซ่ึงมาใช้เวลาทำ�วิจัยภาคสนามอยู่ ทง้ั ปี ในชว่ งปี พ.ศ.2549 - 2550 ตง้ั ขอ้ สงั เกตจากการลงพน้ื ทศ่ี กึ ษาความรนุ แรง ซึ่งเขาพบว่าขบวนการ BRN มีลกั ษณะ ปฏบิ ตั กิ ารทเ่ี รยี กวา่ เปน็ ‘โครงขา่ ยในระยะเปลย่ี นผา่ น’ หรอื Liminal Lattice เขาสรปุ ว่าความขัดแย้งในดินแดนปาตานี คอื รปู แบบหนง่ึ ของสงครามเครอื ขา่ ยทม่ี แี บบแผน อนั ไมส่ ม�ำ่ เสมอ ไรค้ วามแนน่ อน นกั รบในขบวนการนเ้ี ปน็ เสมอื น ‘ตาขา่ ย ทไ่ี รแ้ กนกลาง’ ในค�ำ อธบิ ายนน้ั ดนั แคนไดอ้ า้ งถงึ การวเิ คราะห์ ของ ชยั วัฒน์ สถาอานนั ท์ ซง่ึ ดันแคนเองชอบการวิเคราะห์ ในสว่ นนม้ี ากถงึ กบั อยากจะเอาค�ำ นม้ี าตง้ั ชอ่ื หนงั สอื แตภ่ าย หลังไดเ้ ปลีย่ นไปเปน็ Tearing Apart the Land: Islam and Legitimacy in Southern Thailand ซ่ึงในปัจจุบนั ได้รับการ แปลเปน็ ภาษาไทยแลว้ ในชอ่ื “ฉกี แผน่ ดนิ : อสิ ลามและปญั หา ความชอบธรรมในภาคใต้ ประเทศไทย” งานวจิ ยั ท่ีกลา่ วถึง BRN-Coordinate อยา่ งละเอียด อีกช้นิ หนึง่ ของนกั วิชาการชาวเยอรมันชื่อ ซาชา่ โฮลบาร์ท ซงึ่ เป็นงานวิทยานิพนธ์ปรญิ ญาเอก ทม่ี กี ารเผยแพรใ่ นปี พ.ศ.2554 การวิจัยดงั กลา่ วอาจจะถือได้ว่าเป็นการศกึ ษา วจิ ยั ทางวชิ าการในเรอ่ื งอดุ มการณ์ โครงสรา้ งและการบม่ เพาะ สมาชกิ ของ BRN-Coordinate อยา่ งเป็นระบบคร้ังแรก โดย อาศัยข้อมูลที่ปิดลับจากเอกสารของฝ่ายทหารและหน่วย ข่าวกรองของทางการ และเพิ่มเติมด้วยการสมั ภาษณส์ ่วน ตวั กับคนท่เี ปน็ อดีตนักรบ RKK หรือสมาชิกของ BRN-Co-

ordinate งานวจิ ัยของเขามีลกั ษณะพเิ ศษท่ชี ้เี น้นใหเ้ หน็ การ จัดต้ังท่ีมีโครงสร้างอำ�นาจในระดับสูงและมีสายการบังคับ บญั ชาชั้นตา่ งๆ ของขบวนการ BRN-Coordinate จุดท่ีส�ำ คัญคือ โครงสร้างองคก์ รน�ำ ที่เรียกวา่ DPP (Dewan Pimpinan Parti) ประกอบด้วยสภาผ้นู ำ� 30 คน ใน สภานย้ี งั ประกอบดว้ ย 7 ฝา่ ย คอื ฝา่ ยการทหาร ฝา่ ยเศรษฐ กจิ ฝา่ ยโฆษณาชวนเชอ่ื ฝ่ายต่างประเทศ ฝ่ายเยาวชน ฝ่ายศาสนา และฝ่ายบริหารการเมือง จดุ ทีน่ ่าสนใจของ ขอ้ มลู ก็คือ ภายใตโ้ ครงสร้างน้ไี มม่ กี ารเชอื่ มตรงไปข้างลา่ ง ท้ังน้ีเพ่ือตัดตอนชั้นความลับจากระดับสภาองค์กรนำ�ไปยัง องคก์ รระดับลา่ ง แตม่ ีการตดั แบ่งแยกองค์กรในระดับลา่ ง อยา่ งชัดเจนของ ‘ปีกการเมือง’ และ ‘ปีกการทหาร’ ซึง่ เป็น ตวั กรองอกี ชน้ั นอ่ี าจจะเปน็ ตวั อธบิ ายทม่ี าของความลกึ ลบั และลกั ษณะท่ีคลา้ ย ‘เครอื ข่ายท่ไี ม่มแี กนกลาง’ ขององค์กร BRN-Coordinate นอกจากนี้ ในรายงานวิจัยดังกล่าว ประเด็นทนี่ ่า สนใจกค็ อื จ�ำ นวนของคนในขบวนการ ในปี พ.ศ.2547 มกี าร ประมาณการตัวเลขว่าสมาชิกของขบวนการมีประมาณ รอ้ ยละ 2 ของประชากรทั้งหมดในจงั หวัดชายแดนภาคใต้ ซ่งึ มอี ยู่ประมาณ 1,800,000 คน ซงึ่ ถา้ เปน็ ไปตามน้กี จ็ ะมี จ�ำ นวนถงึ 35,000 คน แต่ในปี พ.ศ.2551 เจา้ หน้าทีท่ หาร ระดับสูงในภาคใต้ประมาณว่ากองกำ�ลังอาวุธที่ปฏิบัติการ จรงิ มอี ยปู่ ระมาณ 300 คน และมผี ้ทู ีถ่ กู อบรมบ่มเพาะให้

สามารถใชอ้ าวธุ ได้อีกประมาณ 3,000 คน และมกี ำ�ลังสนับ สนนุ อกี ประมาณ 30,000 คน ซง่ึ เปน็ ฝา่ ยทไ่ี มใ่ ชน่ กั รบ บวกกบั อกี 40 คนทเี่ ปน็ สภาผู้น�ำ ในปี พ.ศ.2552 ตวั เลขประมาณ การของตำ�รวจจากหมายจับผู้ก่อความไม่สงบทั้งหมดทำ�ให้ ได้ตวั เลขว่ามีผู้สนบั สนุนขบวนการประมาณ 10,000 คน โดยมกี องกำ�ลงั อาวธุ จริงๆ อยู่ประมาณ 2,000 คน ขอ้ มลู ดังกล่าวสอดคล้องกับการประมาณการของศูนย์เฝ้าระวัง สถานการณภ์ าคใต้ ในปี 2555 ทว่ี ่าขบวนการ BRN-Coor- dinate มกี ำ�ลงั ประมาณ 9,616 คน ซง่ึ ข้อมลู นมี้ าจากการ ประมาณการลา่ สดุ ของเจา้ หน้าที่ฝ่ายทหาร ขอ้ มลู การประมาณการนอ้ี าจจะมเี หตผุ ลบนฐานของ การวิเคราะห์โครงสร้างและเครือข่ายท่ีมีอยู่ของขบวนการ เพราะถา้ เราเชอ่ื วา่ BRN มโี ครงสรา้ งในปกี การเมอื งในระดบั ล่าง โดยมกี ารแบ่งพน้ื ทอี่ อกเป็น 3 กัส คือ กัสปตั ตานี กัส ยะลา และกสั นราธวิ าส โดยกสั ปัตตานนี น้ั จะรวมเอาพ้ืนที่ ในอำ�เภอจะนะ, เทพา, นาทวี และสะบา้ ยอ้ ย ในจงั หวัด สงขลาไวด้ ว้ ย ในโครงสรา้ งกสั เดมิ จะมรี ะดบั ‘วลิ ายะห’์ กอ่ น ไปถงึ ‘สะกอม’ (ปจั จุบนั ช้นั นย้ี บุ ไป) โดยกสั ต่อตรงถึงระดับ สะกอมเลย ซึ่งแต่ละสะกอมจะครอบคลมุ พน้ื ที่ประมาณ 2–3 อ�ำ เภอ แตล่ ะสะกอมมกี ารแบง่ พน้ื ทย่ี อ่ ยเปน็ ‘คอมมสิ ’ ซ่งึ มีขนาดประมาณ 1 อ�ำ เภอหรอื เล็กกวา่ ในแต่ละคอมมิส กจ็ ะมหี นว่ ยระดบั ลา่ งสดุ ปฏบิ ตั กิ ารในระดบั หมบู่ า้ น ซง่ึ เรยี ก วา่ ‘อาเจาะ’ (AJAK) ซง่ึ เปน็ ‘คณะกรรมการหมบู่ า้ น’ ในหนง่ึ

อาเจาะประกอบด้วย 6 ฝา่ ย คือ ฝา่ ยเปอมดู อ ปกครอง เยาวชน เศรษฐกิจ สตรี และฝา่ ยสนับสนนุ (ตุรงแง) และ ข้อมลู ระบุว่ามีทีมทำ�งานไมต่ �ำ่ กวา่ 12 คน ขอ้ มูลทางการ ระบวุ า่ ในชว่ งทป่ี ฏบิ ตั กิ ารมกี ระแสความนยิ มสงู ในพน้ื ทต่ี า่ งๆ น้นั ขบวนการสามารถจัดตั้งอาเจาะไดม้ ากถึง 700 - 800 หน่วย การประมาณการของทหารทว่ี ่าขบวนการมกี ำ�ลังถึง 9,600 คนก็อาจจะมาจากขอ้ สมมุติฐานตัวเลขดังกลา่ วนี้ มีคำ�ถามตามมาท่ีน่าคิดก็คือการตัดตอนฝ่ายปีก การเมืองและฝ่ายปีกการทหารในระดับล่างเพื่อความ ปลอดภยั และการปดิ ลบั นน้ั ท�ำ ใหเ้ กดิ ขอ้ สงสยั วา่ ถา้ โครงสรา้ ง เปน็ เช่นนจ้ี รงิ จุดเชื่อมต่อระหวา่ งปกี การเมอื งและปีกการ ทหารกับสภาองค์กรน�ำ ในระดบั สงู หรือ DPP อาจจะมชี อ่ ง วา่ ง หรอื ถา้ ชว่ งนข้ี าดตอนหรอื แตกตวั ออกไป ความสมั พนั ธ์ ระหวา่ งองค์กรน�ำ กบั ระดับล่างจะขาด และนอี่ าจจะทำ�ให้ สภาพเครอื ขา่ ยทไี่ ร้แกนเกดิ เปน็ จริงข้ึน ปญั หาอกี ประการทต่ี ามมากค็ อื การแยกปกี การเมอื ง ออกจากปีกการทหารในโครงสร้างระดับล่างทำ�ให้เกิด ปัญหา เพราะสภาพการเมืองน�ำ การทหารอาจจะไมเ่ กิดขึน้ ในโครงสร้างแบบพรรคคอมมิวนิสต์และกองกำ�ลังติดอาวุธ น้นั ปัญหานี้ถูกป้องกันด้วยการให้มผี ู้บงั คับบัญชาหนว่ ย ทหารทกุ หนว่ ยขน้ึ ตรงกบั ฝา่ ยการเมอื งหรอื เลขาธกิ ารหนว่ ย พรรคในทุกระดบั ต้ังแตก่ องพลจนไปถงึ ระดบั หมู่ ผู้ชี้น�ำ การเมืองจึงมีความสำ�คัญชี้ขาดมากกว่าผู้บังคับหน่วย

ทหารในการปฏบิ ตั ิการรบทกุ ครงั้ นี่อาจจะเป็นปัญหาของ BRN-Coordinate ในระยะหลงั ทก่ี ารทหารน�ำ การเมอื งจนเกดิ การปฏบิ ตั กิ ารทเ่ี ลยธงหรอื ใชค้ วามรนุ แรงมาก จนกระทง่ั ตอ้ ง เสยี การเมอื งของฝา่ ยตวั เอง เหตเุ พราะไมส่ ามารถยบั ยง้ั ได้ ปญั หาประการสดุ ท้ายกค็ อื การท่ี DPP เป็นองค์กร น�ำ รวมหมแู่ ละปดิ ลบั แตก่ ารตดั สนิ ใจจะท�ำ โดยเอกฉนั ท์ ท�ำ ให้ ยากแกก่ ารหาข้อสรปุ ร่วมกนั ในระยะเวลาจ�ำ กัด โดยเฉพาะ ในช่วงวิกฤตที่ต้องอาศัยการตัดสินใจร่วมกันท่ีเป็นเอกฉันท์ การตดั สินใจจึงต้องอาศัย ‘ชว่ งเวลา’ การติดตอ่ ภายในแบบ ปดิ ลับและตดั ตอน อนั เป็นลกั ษณะพเิ ศษขององค์กรแบบนี้ น่ีอาจจะเป็นปัญหาใหญ่ที่ขบวนการจะต้องพบเมื่อต้องมี การตัดสินใจเร่อื งยากๆ เช่น ‘การพูดคุยเจรจา’ ซงึ่ ก�ำ ลังเกดิ ขน้ึ ในขณะนี้ ดังน้ัน ภาพดา้ นลกึ ของขบวนการเอกราชปาตานจี ึง เปน็ เรอ่ื งทต่ี อ้ งอาศยั องคค์ วามรใู้ นการถอดรหสั กนั อกี หลาย ขั้น แต่เป็นที่น่ายินดีที่มีการศึกษาในเรื่องแบบนี้มากขึ้น รายงานข่าวเชิงสืบสวนสอบสวนท่ีรวบรวมมาเป็นหนังสือ เลม่ น้ีเป็นความพยายามไถ่ถามเร่ืองราวจาก ‘คนใน’ จรงิ ๆ มาประกอบกับภาพของขอ้ มูลท่ีไดจ้ ากทางการ ซึ่งเปน็ สิ่งที่ เราจะได้เห็นตอ่ ไป สิง่ ท่นี า่ สนใจก็คอื งานชน้ิ นี้เปน็ รายงาน ท่ีใหท้ ง้ั ภาพกว้างและภาพลกึ ของขบวนการเคลอื่ นไหว เรา ควรจะต้องรับรู้ตัวตนของพวกเขาให้มากที่สุดเพ่ือเป็นฐาน ความรู้ในการหาทางออกในกระบวนการสนั ติภาพตอ่ ไป



(ภาพ: ปิยศกั ดิ์ อ่ทู รัพย)์



(ภาพ: ปิยศกั ดิ์ อ่ทู รัพย)์

เกรน่ิ น�ำ ท่ามกลางเสียงระเบิดและควันปืนท่ไี ม่เคยหยุดในส่จี ังหวัด ชายแดนภาคใตเ้ กอื บทศวรรษ แมว้ า่ ในหว้ งเวลาไมน่ านมาน้ี จะมีสัญญาณเชิงบวกในการพยายามคล่ีคลายความขัดแย้ง ดว้ ยวธิ กี ารทางการเมอื ง โดยเฉพาะอยา่ งยง่ิ การพยายามรเิ รม่ิ พูดคุยเพ่ือสันติภาพระหว่างทางการไทยกับขบวนการต่อสู้ เพอ่ื ปลดปลอ่ ยปาตานี แตก่ ระนน้ั กอ็ าจเรยี กไดว้ า่ สงั คมไทย ยังคงไม่ตกผลึกทางความคิดว่าส่งิ ท่รี ัฐไทยกำ�ลังต่อส้อู ย่นู ้นั คอื อะไร? โรงเรยี นนกั ขา่ วชายแดนใต้ Deep South Journalism School (DSJ) พยายามทจ่ี ะถอดความคดิ ของคนทจ่ี บั อาวธุ ลกุ ขน้ึ สกู้ บั รฐั ผา่ นปากค�ำ ของพวกเขาเอง รายงานพิเศษชดุ “ถอดความคดิ ขบวนการเอกราช ปาตาน”ี ถกู จดั ท�ำ ขน้ึ เพอ่ื สรา้ งความเขา้ ใจตอ่ ตวั แสดงส�ำ คญั ในความขดั แยง้ ดงั กลา่ ว ภายใตโ้ ครงการการท�ำ ขา่ วสบื สวน สอบสวนเรอ่ื ง “อา่ นความคดิ ขบวนการตอ่ ตา้ นรฐั ในชายแดน ใต้” โดยไดร้ ับการสนบั สนุนจากโครงการเสริมสร้างความ เข้มแขง็ และการมสี ว่ นร่วมในภาคใต้ของประเทศไทย หรือ STEP Project และสถาบันสันติศึกษา มหาวิทยาลยั สงขลา นครนิ ทร์ วิทยาเขตหาดใหญ่

รายงานพเิ ศษนม้ี ที ง้ั สน้ิ 7 ตอน ซง่ึ ไดเ้ ผยแพรใ่ นเวบ็ ไซตข์ อง DSJ อยา่ งตอ่ เนอ่ื งในชว่ งปลายปี 2555 เราหวงั วา่ การสะท้อนเสียงเหล่าน้ีจะทำ�ให้สังคมเข้าใจถึงวิธีคิดของ พวกเขา และน�ำ ไปใชใ้ นการแกป้ ญั หาความรนุ แรงดว้ ยปญั ญา อยา่ งมที ศิ ทางมากขน้ึ เชอ่ื วา่ ทกุ ฝา่ ยทเ่ี ฝา้ ตดิ ตามและท�ำ งาน ในภาคใตต้ า่ งตอ้ งการทจ่ี ะเหน็ สนั ตภิ าพเกดิ ขน้ึ ในเรว็ วนั

1 สายธารแห่งประวัติศาสตร์

ถอดความคิดขบวนการเอกราชปาตานี 25 หลักฐานทางประวัติศาสตร์บ่งชี้ว่าดินแดนที่รู้จักกันว่า เป็นจังหวัดชายแดนภาคใต้ของไทยในปัจจุบันน้ันเดิมมี ฐานทางวัฒนธรรมจากอิทธิพลของศาสนาฮินดูและพุทธ กอ่ นท่ีศาสนาอิสลามจะเขา้ มาในชว่ งศตวรรษท่ี 9 ในขณะที่ อิทธิพลของท้ังสองศาสนาแผ่ขยายอย่างกว้างขวางในแถบ เอเชยี ตะวนั ออกเฉยี งใตข้ ้ามกลุ่มและชาติพันธ์ุ การเขา้ มา ของศาสนาอิสลามกลับจำ�กัดอยู่เฉพาะคนชาติพันธ์ุมลายู ในชว่ งหลายศตวรรษ อาณาจกั รสยามกบั อาณาจกั รปาตานี มคี วามสมั พนั ธก์ นั อยา่ งหลวมๆ เจา้ เมอื งของปาตานสี ง่ เครอ่ื ง ราชบรรณาการให้กับสยามเพ่ือแสดงความจงรกั ภักดี แต่ สยามก็ใหอ้ ิสระเจา้ เมืองเหล่านั้นในการปกครอง ตราบจนกระทง่ั ในชว่ งปลายศตวรรษท่ี 18 ทส่ี ยาม เผชญิ กบั ภยั คกุ คามจากเจา้ อาณานคิ มตะวนั ตก ในกระบวน การสรา้ งชาติไทยและท�ำ ประเทศให้ทันสมัย รัชกาลที่ 5 ได้ ทรงปฏริ ูปการบริหารราชการแผน่ ดิน ซง่ึ ส่งผลให้อาณาจกั ร ปาตานขี ้ึนกบั การปกครองของกรุงเทพฯ โดยตรงนบั ตัง้ แต่

26 พ.ศ.2445 ตอ่ มาอีกเจ็ดปี สยามไดล้ งนามใน The Anglo- Siamese Treaty กบั องั กฤษซง่ึ เปน็ เจา้ อาณานคิ มของดนิ แดน ในคาบสมุทรมาลายาในขณะนั้น ใน พ.ศ.2452 สนธิสญั ญา ฉบบั นน้ั สง่ ผลใหพ้ น้ื ทใ่ี นรฐั เคดาห,์ กลนั ตนั , ตรงั กานู และ เปลสิ ตกเป็นของอังกฤษ สว่ นดินแดนในอาณาจกั รปาตานี รวมถึงสตูล ตกอยภู่ ายใต้การปกครองของสยาม คนมลายูมุสลิมในดินแดนแถบน้ันไม่ได้มีส่วนในการ ตัดสินใจชะตากรรมของตนเองว่าต้องการจะเป็นสมาชิก ของชาตสิ ยามหรอื ไม่ การตอ่ ตา้ นการถกู ผนวกรวมและการ ถูกทำ�ให้กลายเป็นไทยได้ปะทุข้ึนและดำ�เนินต่อมาตลอด ช่วงเวลากวา่ หนึ่งศตวรรษ แม้วา่ อาจจะเบาบางไปบา้ งใน บางยุคสมัย แตค่ วามคิดตอ่ ต้านยังไม่เคยยุติลง การตอ่ สซู้ ่ึง เริ่มต้นขึ้นในหมู่ชนชั้นนำ�มลายูมุสลิมได้ขยายตัวไปสู่ระดับ สามัญชนมากขนึ้ เรอ่ื ยๆ หมดุ หมายส�ำ คญั ทางประวัตศิ าสตร์อนั หน่งึ คอื ขอ้ เรยี กรอ้ งของ หะยสี หุ ลง อบั ดลุ กอเดร์ ใน พ.ศ.2490 ซง่ึ ขณะ นั้นเขาเป็นประธานคณะกรรมการอิสลามประจำ�จังหวัด ปตั ตานี หะยสี หุ ลงไดย้ น่ื ขอ้ เสนอ 7 ขอ้ ใหก้ บั ตวั แทนของ รัฐบาลไทย ซงึ่ ประกอบด้วย 1) ให้มผี ปู้ กครองใน 4 จงั หวดั ปัตตานี สตลู ยะลา และนราธิวาส เป็นคนมสุ ลิมในพ้นื ท่ี และไดร้ บั เลอื กจากคนในพน้ื ท่ี โดยใหม้ อี �ำ นาจในการศาสนา อิสลามและแตง่ ตั้งขา้ ราชการ 2) ใหข้ ้าราชการในส่ีจงั หวดั รอ้ ยละ 80 เปน็ คนมลายใู นพน้ื ท่ี 3) ใหใ้ ชภ้ าษามลายเู ปน็

ถอดความคดิ ขบวนการเอกราชปาตานี 27 ภาษาราชการควบคไู่ ปกบั ภาษาไทย 4) ใหม้ กี ารใชภ้ าษามลายู เปน็ สอ่ื ในการเรยี นการสอนระดบั ประถม 5) ใหม้ ศี าลพจิ ารณา คดีตามกฎหมายอิสลามท่ีแยกขาดจากศาลยุติธรรมของ ทางราชการ โดยใหด้ าโต๊ะยุติธรรมมเี สรใี นการพพิ ากษาชี้ ขาดความ 6) ภาษแี ละรายไดท้ จ่ี ดั เกบ็ ใหใ้ ชใ้ นพน้ื ท่ี 4 จงั หวดั เท่านัน้ 7) ใหค้ ณะกรรมการอิสลามประจ�ำ จงั หวัดมีอ�ำ นาจ ออกกฎระเบยี บเกี่ยวกบั การปฏบิ ตั ทิ างศาสนา โดยได้รับ ความเห็นชอบจากผู้มอี �ำ นาจตามข้อ 1 หลงั จากไดม้ กี ารยน่ื ขอ้ เรยี กรอ้ งไมน่ าน หะยสี หุ ลงและ ผนู้ �ำ ศาสนาอกี หลายคนกถ็ กู จบั กมุ ขอ้ หากบฏ และถกู คมุ ขงั เปน็ เวลา 4 ปี 8 เดอื น ตอ่ มาเขาไดร้ บั การปลอ่ ยตวั กอ่ นครบ ก�ำ หนด แตส่ องปตี อ่ มาเขากลบั หายตวั ไปอยา่ งลกึ ลบั พรอ้ ม ลกู ชายคนโต หลงั ถกู ต�ำ รวจสนั ตบิ าลทส่ี งขลาเรยี กไปรายงาน ตวั ซง่ึ ทางครอบครวั ของหะยสี หุ ลงเชอ่ื วา่ เขาถกู สงั หาร กอ่ น น�ำ ศพไปถว่ งนำ้� เรอ่ื งราวของหะยสี หุ ลงยังคงเปน็ หนึ่งใน ‘ประวัติ- ศาสตรบ์ าดแผล’ ทย่ี งั คงถกู เลา่ ตอ่ ๆ กนั ในหมชู่ าวมลายมู สุ ลมิ แมเ้ วลาผา่ นไปกวา่ ครง่ึ ศตวรรษ และนา่ ประหลาดใจวา่ ขอ้ เสนอหลายๆ ขอ้ ทม่ี กี ารพดู กนั ในปจั จบุ นั มคี วามคลา้ ยคลงึ กบั ขอ้ เรยี กรอ้ งของหะยสี หุ ลงยง่ิ นกั ในชว่ งหลัง พ.ศ.2500 เป็นยคุ เริม่ ตน้ ของการตอ่ สู้ ดว้ ยอาวุธ โดยกล่มุ เคล่ือนไหวทสี่ �ำ คัญ ได้แก่ 1) BNPP (Barisan Nasional Pembebasan Patani - Patani National

28 Liberation Front) ซึ่งกอ่ ต้ังข้ึนใน พ.ศ.2502 โดยมกี ลุม่ ชนช้นั น�ำ ของปาตานเี ปน็ ผมู้ บี ทบาทส�ำ คญั BNPP นับเปน็ กลมุ่ ขบวนการติดอาวุธท่ีต่อส้เู พอ่ื เอกราชกลุ่มแรก ตอ่ มา ใน พ.ศ.2529 ได้เปลีย่ นชอ่ื กลุ่มเปน็ BIPP (Barisan Islam Pembebasan Patani – Patani Islamic Liberation Front) ปัจจบุ นั เชื่อว่ากลุ่มนี้ไม่มบี ทบาทในการเคล่ือนไหวแลว้ 2) PULO (Patani United Liberation Organization) ก่อตง้ั ใน พ.ศ.2511 ที่ประเทศซาอุดอิ าระเบยี โดยนาย ตนกูบรี อ กอตอนีลอ เขาเสียชีวติ ใน พ.ศ.2548 ท่ปี ระเทศ ซเี รยี ใน พ.ศ.2550 นายนอร์ อบั ดุลเราะหม์ าน ได้รบั การ เลอื กตง้ั ใหเ้ ปน็ ประธานแทน ตอ่ มาไดเ้ กดิ ความขดั แยง้ ภายใน นายกัสตรู ี มะกอตา ซ่งึ เป็นรองประธานและหัวหนา้ ฝ่าย ต่างประเทศได้แยกตวั ออกมา ทงั้ สองกลุ่มต่างอ้างว่าตน เปน็ ประธานของกลุม่ พโู ล ปจั จบุ ันพูโลยงั คงเคล่ือนไหวอยู่ นอกประเทศและทำ�งานการเมืองในเวทีระหว่างประเทศ เปน็ หลัก 3) BRN (Barisan Revolusi Nasional – National Liberation Front) กลมุ่ BRN จดั ตง้ั ขน้ึ ใน พ.ศ.2503 โดยมี สมาชกิ รนุ่ กอ่ ตง้ั คอื นายอบั ดลุ การมิ ฮสั ซนั ซง่ึ เปน็ ผกู้ อ่ ตง้ั โรงเรยี นนะหฎ์ อตลุ สบู าน ใน อ.รอื เสาะ จ.นราธวิ าส รวมถงึ โต๊ะครูปอเนาะที่ไม่เห็นด้วยกับนโยบายปฏิรูปการศึกษา ของรัฐ ข้อมลู จากหน่วยงานความมัน่ คงและนกั วเิ คราะห์ อิสระบางทา่ นระบุว่า นายอามนี โต๊ะมีนา ลกู ชายของหะยี

ถอดความคดิ ขบวนการเอกราชปาตานี 29 สหุ ลง และ นายฮารนู สุหลง ประธานของโรงเรยี นธรรม วทิ ยามลู นธิ ิเป็นสมาชิกรุ่นแรกๆ ดว้ ย ในช่วงตน้ การตอ่ สู้ ของ BRN ใชแ้ นวทางแบบชาตนิ ยิ ม-สงั คมนยิ ม-อสิ ลาม ใน การเคลอ่ื นไหว โดยเนน้ การสรา้ งฐานจากโรงเรยี นปอเนาะ ตอ่ มาในชว่ งทศวรรษ 2520 มคี วามขดั แยง้ กนั ในเรอ่ื งแนวทาง การต่อสู้ โดยมกี ารถกเถยี งกนั ว่าการต่อสโู้ ดยใช้ประเด็น เร่ืองชาตนิ ยิ ม-สังคมนยิ มน้ันไมถ่ กู ตอ้ งและเปน็ อุปสรรคตอ่ การสรา้ งแนวร่วมในประเทศมุสลิมอื่นๆ และได้มกี ารเสนอ ให้น�ำ เอาประเดน็ ศาสนามาใชใ้ นการต่อสูแ้ ทน ความเหน็ ทข่ี ดั แยง้ กนั ท�ำ ให้ BRN แยกกนั เปน็ 3 กลมุ่ คอื BRN-Coordinate, BRN-Ulama และ BRN-Congress อบั ดลุ การมิ แยกตวั ไปเปน็ กลมุ่ BRN-Ulama ซง่ึ ไมไ่ ดม้ คี วาม เคลอ่ื นไหวมากนกั หลงั จากนน้ั เขาใชช้ วี ติ อยใู่ นมาเลเซยี และ หันไปสนใจความคิดอิสลามในนิกายชีอะห์ในช่วงบ้ันปลาย ของชีวติ เขาเสียชวี ติ ใน พ.ศ.2539 ขณะที่ BRN-Congress เป็นกลุ่มทีม่ าจากปกี การทหารเดมิ ของ BRN นำ�โดย นาย รอสะ บูราซอ หรือ เจะ๊ กูเปง็ โดยกลุ่มนเ้ี น้นการเคลอื่ นไหว ดา้ นการทหาร ปจั จบุ นั เจะ๊ กเู ปง็ เสยี ชวี ติ ไปแลว้ สว่ น BRN– Coordinate เปน็ กลมุ่ ทห่ี นว่ ยงานความมน่ั คงและหลายฝา่ ย เชื่อว่ามีบทบาทมากท่ีสุดในการเคล่ือนไหวในปัจจุบัน ขอ้ มลู บางแหลง่ ระบวุ า่ นายอามนี โตะ๊ มนี า บตุ รชายของหะยี สหุ ลงเป็นแกนนำ�ของกลมุ่ BRN–Coordinate นายอามีน เสยี ชวี ติ ใน พ.ศ.2544 การเคลอ่ื นไหวของ BRN–Coordinate

30 มลี กั ษณะปดิ ลบั ไมป่ รากฏชดั เจนวา่ ใครเปน็ ผถู้ อื ธงน�ำ ในการ ตอ่ สู้ แมว้ า่ ทางฝา่ ยความมน่ั คงจะระบชุ อ่ื บคุ คลจ�ำ นวนหนง่ึ วา่ เปน็ แกนน�ำ ส�ำ คญั เชน่ นายสะแปองิ บาซอ อดตี ครใู หญ่ โรงเรียนธรรมวิทยามูลนิธิซ่ึงหลบหนีออกนอกประเทศไป ใน พ.ศ.2547 4) GMIP (Gerakan Mujahidin Islam Patani – Patani Islamic Holy Warriors Movement) ตง้ั ขน้ึ โดย นายนาซอรี แซะเซ็ง ใน พ.ศ.2538 กลมุ่ นี้พัฒนามาจากกลุ่ม GMP (Gerakan Mujahidin Patani) ซึ่งตง้ั ขนึ้ ใน พ.ศ. 2529 และ ยตุ ิบทบาทใน พ.ศ.2536 นาซอรีเคยไปฝึกการทหารที่ลเิ บีย และไปรว่ มรบอฟั กานสิ ถาน เชอ่ื วา่ กลมุ่ นม้ี คี วามใกลช้ ดิ ในเชงิ อดุ มการณก์ บั กลมุ่ ญฮิ าดสากลมากกวา่ กลมุ่ อน่ื ในปจั จบุ นั ไมป่ รากฏการเคลอื่ นไหวท่ชี ัดเจน 5) กลมุ่ Bersatu ซง่ึ เป็นองคก์ รร่ม (umbrella organi- zation) ของ PULO, BIPP และ BRN ซึ่งจัดต้งั ขนึ้ ใน พ.ศ. 2532 โดยมี ดร.วนั กาเดร์ เจะ๊ มาน เปน็ ประธาน ปจั จบุ นั ไมม่ ี การเคลื่อนไหวในฐานะของกลมุ่ นี้แลว้ การก่อตวั ของคลืน่ กระแสการตอ่ สยู้ คุ ปัจจุบนั ในขณะทร่ี ฐั ไทยตายใจและคดิ วา่ ‘ขบวนการแบง่ แยก ดนิ แดน’ ในภาคใตก้ �ำ ลงั จะสลายตวั ไปแลว้ ปรากฏการณก์ าร ปลน้ ปนื ทค่ี า่ ยกรมหลวงนราธวิ าสราชนครนิ ทร์ (คา่ ยปเิ หลง็ ) ใน อ.เจาะไอรอ้ ง จ.นราธวิ าส ในวนั ท่ี 4 มกราคม พ.ศ.

ถอดความคิดขบวนการเอกราชปาตานี 31 2547 เปน็ ส่งิ ทชี่ อ็ กรฐั บาลทกั ษิณ ชนิ วัตรในขณะน้ัน ฝา่ ย รัฐใช้เวลาอยู่นานในการจัดทัพเพ่ือรับมือกับการต่อสู้ด้วย อาวธุ ท่ปี ะทุขึน้ อย่างฉบั พลนั จนรฐั ตัง้ ตวั ไมต่ ดิ รัฐยังคดิ ว่า พวกเขาเปน็ ‘โจรกระจอก’ บา้ งวา่ เปน็ พวกเดก็ ตดิ ยาเสพตดิ ไม่มีใครออกมาแสดงความรับผิดชอบต่อการก่อเหตุรุนแรง ทเ่ี กดิ ขน้ึ ในหลายปที ผ่ี า่ นมา จนมกี ารกลา่ วกนั วา่ รฐั ไทยก�ำ ลงั รบอยู่กับ ‘ผี’ ทีม่ องไมเ่ ห็น เนอ่ื งจากวา่ การเคลอ่ื นไหวในชว่ งเกอื บสามทศวรรษ ทผ่ี ่านมาเป็นการเคล่อื นไหวใต้ดินปิดลบั ข้อมลู ว่าใครเปน็ ผู้ที่มีบทบาทสำ�คัญในการสร้างขบวนการเคล่ือนไหวใต้ดิน ท่ีปรากฏรูปอยู่ในทุกวันนี้ยังเป็นปริศนาที่หลายคนกำ�ลัง พยายามไข ขอ้ มลู จากฝา่ ยความมน่ั คงและปากค�ำ ของคนท่ี เคยอยใู่ นขบวนการระบตุ รงกนั ว่า กล่มุ ทม่ี ีบทบาทส�ำ คญั ใน การเคลอ่ื นไหวในพน้ื ทอ่ี ยใู่ นปจั จบุ นั คอื BRN–Coordinate สมาชิกระดับกลางที่เข้าสู่ขบวนการในช่วงทศวรรษ 2530 คนหนง่ึ เลา่ ยอ้ นถงึ สถานการณใ์ นชว่ งตน้ ทศวรรษ 2520 วา่ BRN–Coordinate ไดเ้ ปลย่ี นแนวทางการเคลอ่ื นไหวโดย การลงมาจากป่าเขาและเข้าไปหามวลชนในหมบู่ ้าน ซึง่ ต่าง จากแนวทางของ BRN-Congress ทเ่ี นน้ การท�ำ งานกองก�ำ ลงั อยา่ งเดยี ว ไมเ่ นน้ งานดา้ นมวลชน ในชว่ งนน้ั นายอบั ดลุ การมิ ซ่ึงล้ีภัยไปอยู่ในประเทศมาเลเซียแทบจะไม่ได้มีบทบาทใดๆ ในการเคลื่อนไหวแลว้ “ฐานแห่งการปฏวิ ตั ิ คอื ศาสนา แนวทางการต่อสู้

32 คอื จบั อาวธุ และเปา้ หมายของการปฏบิ ตั กิ าร คอื Merdeka (เอกราช)” สมาชิกฝ่ายการเมืองระดบั กลางผู้น้ีกลา่ วอย่าง ชัดเจน เขาอธบิ ายวา่ การท�ำ งานของ BRN–Coordinate นั้น จะไมเ่ นน้ การพง่ึ ตวั บคุ คล แตจ่ ะบรหิ ารงานแบบคณะกรรมการ ร่วม ในชว่ งสบิ ปแี รกระหวา่ ง พ.ศ.2527 - 2537 เป็นชว่ ง ของการทำ�งานความคิดและจัดตั้งมวลชนให้มีสำ�นึกความ เปน็ มลายู โดยเฉพาะในมัสยิด ตาดีกา และปอเนาะ เหตกุ ารณ์การเผาโรงเรยี น 36 แหง่ ในปัตตานี ยะลา นราธิวาส และสงขลา ในคนื วันท่ี 1 สงิ หาคม พ.ศ.2536 เป็นหมุดทางประวัติศาสตร์ที่สำ�คัญเหตุการณ์หน่ึงที่แสดง ถึงการประกาศลุกข้ึนสู้ด้วยการเผาสถานท่ีซึ่งพวกเขามอง ว่าเป็นแหล่งทำ�ลายอัตลักษณ์ความเป็นมลายูและกลืนลูก หลานของพวกเขาให้กลายเป็นไทย สมาชกิ ขบวนการผนู้ ้ี ซง่ึ ปจั จบุ นั ไดย้ ตุ กิ ารเคลอ่ื นไหว แล้วระบวุ า่ ในช่วง พ.ศ.2537–2542 เปน็ การวางโครงสร้าง การทำ�งานขององค์กร โดยแบ่งหลกั ๆ เป็น 2 ปีก คือ ปีก การเมืองท่ีเรียกว่า MASA และปีกการทหารท่เี รยี กว่า MAY (คาดว่าเป็นการกรอ่ นเสียงคำ�ว่า militer ในภาษามาเลย์ซง่ึ แปลวา่ กองทัพ) ตั้งแต่ชว่ ง พ.ศ.2538 เป็นต้นมา เรมิ่ มกี าร ฝึกกองกำ�ลังทางทหาร ในช่วงน้นั ใชเ้ วลา 2 ปีในการฝกึ แตล่ ะรนุ่ พอถึง พ.ศ.2546 ขบวนการสร้างกองก�ำ ลังได้ตาม เปา้ หมายประมาณ 3,000 คน ชว่ ง พ.ศ.2545–2546 เปน็

ถอดความคดิ ขบวนการเอกราชปาตานี 33 เอกสารทก่ี องทพั เรียกว่า ‘บันไดเจ็ดข้นั ’ ทีย่ ดึ ไดจ้ ากโต๊ะทำ�งานของ นายมะแซ อุเซง็ ใน พ.ศ.2546

34 ชว่ งอนุ่ เครือ่ งกอ่ นการเปดิ ฉากการตอ่ สู้อยา่ งเต็มรปู แบบ ในหนงั สอื “สงครามประชาชนใน 3 จงั หวดั ชายแดน ภาคใต”้ ทเ่ี ขียนโดยนายทหารในภาคใตท้ ่ศี ึกษาเกีย่ วกบั ขบวนการมากวา่ 8 ปี ระบวุ า่ BRN–Coordinate เปดิ ฉากดว้ ย การปลน้ ปนื ทป่ี อ้ มต�ำ รวจทบ่ี า้ นรานอ อ.บนั นงั สตา จ.ยะลา เมอ่ื เดอื นพฤษภาคม พ.ศ.2545 หลงั จากนน้ั มกี ารโจมตฐี าน ปฏิบัติการของเจ้าหน้าที่หลายแห่งและขบวนการได้ปืนไป เกือบ 100 กระบอก นอกจากน้ี หนังสอื เล่มดงั กล่าวยังระบุวา่ ขบวนการ ไดต้ ระเตรยี มความพรอ้ มในทกุ ๆ ดา้ น ทง้ั ฝา่ ย MASA, MAY, ฐานทางเศรษฐกิจที่จะทำ�ให้ขบวนการพ่ึงพาตนเองได้ด้วย การเกบ็ เงนิ จากสมาชกิ วนั ละ 1 บาท, การเตรยี มขา้ วปลาเสบยี ง อาหารและเงนิ บรจิ าคจากแหลง่ อน่ื รวมทง้ั ฝา่ ยพยาบาลทต่ี อ้ ง พรอ้ มรกั ษาคนเจบ็ จากการสรู้ บ ทหารได้ยึดเอกสารฉบับหน่ึงจากโต๊ะทำ�งานของ นายมะแซ อเุ ซง็ ใน พ.ศ.2546 นายมะแซเปน็ อสุ ตาซโรงเรยี น สมั พนั ธ์วิทยา ใน อ.เจาะไอร้อง จ.นราธวิ าส ผู้ซึ่งฝา่ ยความ มน่ั คงเช่อื วา่ เปน็ สมาชิกระดบั น�ำ คนหนง่ึ ของ BRN-Coor- dinate ในเอกสารฉบบั นี้ไดพ้ ดู ถึง ‘แผนบันได 7 ขนั้ ’ ซง่ึ ได้ ถูกนำ�มาอ้างอิงอยู่บ่อยครั้งว่าเป็นแผนการการปฏิวัติของ BRN–Coordinate ในหนงั สือ “องคก์ รปฏิวัติปัตตาน”ี ทเี่ ขยี นโดยอดีต สมาชกิ ทีค่ ุมงานมวลชนของขบวนการ และจดั พิมพโ์ ดย

ถอดความคิดขบวนการเอกราชปาตานี 35 นายทหารที่ท�ำ งานในภาคใต้ ได้อ้างถึงแผนบันได 7 ข้นั นี้ โดยอธบิ ายเพิ่มเตมิ วา่ ในช่วง พ.ศ.2527 – 2537 เปน็ สิบปี แรกทขี่ บวนการท�ำ งานในขั้นที่ 1 และ 2 คือ สรา้ งสำ�นกึ มวลชนและจดั ตั้งมวลชน ในช่วง พ.ศ.2538 – 2546 เปน็ ชว่ งของการดำ�เนนิ งานในขั้นที่ 3 – 6 โดยพัฒนาการท่ี ส�ำ คัญคอื การวางโครงสร้างการปฏิบัติงานในปีกมวลชน และการทหาร เม่ือถึง พ.ศ.2547 กเ็ ป็นจุดเรมิ่ ตน้ ของการ ‘จุดดอกไมไ้ ฟแหง่ การปฏวิ ัติ’ หรือเปน็ ขั้นท่ี 7 โดยมีการ ปล้นปืนในวันท่ี 4 มกราคม พ.ศ.2547 เปน็ หมุดหมาย สำ�คัญของการเริ่มตน้ การปฏิวตั ิ ค�ำ แปลเอกสาร ‘บันได 7 ขั้น’ (เอกสารของ กอ.รมน.)

36 ความพยายามต่อจ๊ิกซอว์เพ่ือเข้าใจพัฒนาการของ ขบวนการใตด้ ินน้อี าจจะไมถ่ กู ต้องทงั้ หมด เพราะความจริง ท่ีครบถ้วนสมบูรณ์น้ันเป็นส่ิงที่เข้าถึงได้ยากในสถานการณ์ เชน่ นี้ บางทัศนะไมเ่ ชื่อวา่ แผนบันได 7 ขน้ั ท่ที หารอ้างอิง อยู่บ่อยคร้ังน้ีจะเป็นแผนการปฏิวัติของฝ่ายขบวนการจริง แต่นี่ก็เป็นข้อมูลชุดหนึ่งสำ�หรับการพิจารณาเพ่ือเข้าใจ ปรากฏการณ์การต่อสู้ด้วยอาวุธท่ีปะทุขึ้นอย่างรวดเร็วนับ ตงั้ แต่ พ.ศ.2547 เป็นตน้ มา หมายเหตุ : รายงานชิน้ นี้เผยแพรค่ รั้งแรกที่ www.deepsouthwatch.org/dsj/3676 เมอ่ื วันที่ 5 พฤศจกิ ายน 2555



2 กระบวนการเข้าสู่การต่อสู้เพื่อ Merdeka

ถอดความคิดขบวนการเอกราชปาตานี 39 บนพ้ืนฐานบริบททางประวัติศาสตร์ของพ้นื ท่ซี ่งึ เคยเป็น อาณาจกั รปาตานแี หง่ น้ี ชาวมลายมู สุ ลมิ เรอื นพนั เรอื นหมน่ื ได้เดินเข้าสู่กระบวนการต่อสู้เพื่อเอกราชของดินแดนท่ี พวกเขามองวา่ ถูกสยามยึดครองไป ในตอนนี้ DSJ จะเลา่ ถงึ ประสบการณส์ ว่ นตวั ของเดก็ หนมุ่ 2 คนท่ถี กู ชกั ชวนเขา้ สขู่ บวนการและอธบิ ายถงึ ขน้ั ตอนการสรา้ ง ‘นกั ปฏวิ ตั ’ิ ผา่ น การสัมภาษณ์บุคคลท่ีเกี่ยวข้องและเอกสารท่ีเขียนโดยคน ท่ีเคยอย่ใู นขบวนการ ชารฟี : จาก ‘เดก็ ตดิ ยา’ สู่ ‘RKK’ ชารีฟ (นามสมมุติ) เรยี นจบสามัญชนั้ มัธยมศกึ ษาปี ท่ี 2 จากโรงเรยี นเอกชนสอนศาสนาอิสลามแหง่ หนงึ่ แต่ ในทางศาสนา เขาเรยี นจบช้นั 10 ซึง่ เปน็ ขัน้ สงู สดุ ของการ เรยี นในสายศาสนาแบบทว่ั ไป เดก็ มสุ ลมิ สว่ นใหญใ่ นจงั หวดั ชายแดนภาคใต้จะเรียนวิชาสามัญควบคู่ไปกับการเรียน วชิ าดา้ นศาสนา หลังเรยี นจบแล้ว เขาเร่ิมทำ�อาชพี กรีดยาง

40 ซึ่งเป็นวิถีการหาเล้ียงชีพหลักของคนในจังหวัดชายแดน ภาคใต้ เด็กหนมุ่ ผวิ เข้มรา่ งกายก�ำ ยำ�คนน้ียอมรบั วา่ เขาเคย ติดกัญชาและเท่ยี วผ้หู ญงิ ก่อนท่เี ขาจะตัดสินใจเขา้ ร่วมจับ อาวธุ ในชว่ ง พ.ศ.2547 ชารฟี ถกู ชกั ชวนโดยเพอ่ื นในหมบู่ า้ น คนหนง่ึ ซง่ึ บอกกบั เขาวา่ “เราตอ้ งบรสิ ทุ ธจ์ิ รงิ จงึ จะเขา้ ขบวน- การได้ ตอ้ งเลกิ สิ่งที่ไม่ดี” ชารฟี เลกิ อบายมขุ เหลา่ นน้ั และไดผ้ า่ นการ ‘ซมุ เปาะ’ หรอื การสาบานตนเขา้ รว่ มขบวนการตอ่ หนา้ ค�ำ ภรี ์ อลั -กรุ อา่ น คนทม่ี าเปน็ ผอู้ บรมชารฟี เปน็ คนทม่ี คี วามรทู้ าง ศาสนาซง่ึ เขาใหค้ วามเคารพและเชอ่ื ถอื เขาไปฟงั การบรรยาย ทป่ี อเนาะทกุ ๆ สปั ดาห์ ในกลมุ่ มปี ระมาณ 6 – 7 คน ชารฟี เลา่ วา่ คนทม่ี าอบรมบอกกบั เขาวา่ การ ‘ญฮิ าด’ กบั รฐั สยาม นเ้ี ปน็ ‘ฟรั ดอู นี ’ (Fardu Ain - ขอ้ ก�ำ หนดทค่ี นมสุ ลมิ ทกุ คน ตอ้ งปฏบิ ตั )ิ ถา้ หากวา่ เขาไมป่ ฏบิ ตั กิ จ็ ะบาป ชารฟี เขา้ รบั การ ฝกึ ในขน้ั ตน้ ทเ่ี รยี กวา่ ระดบั ‘เปอมดู อ’ (Pemuda - เยาวชน) อยปู่ ระมาณครง่ึ ปี กอ่ นหนา้ ทจ่ี ะไดเ้ ขา้ ไปฝกึ ตอ่ ดา้ นการ ทหาร “ในช่วงแรกๆ เขา (ครูฝกึ ) ให้ไปขโมยของในร้านของ คนไทยพุทธเพอ่ื เปน็ การทดสอบจติ ใจ” ชารีฟเล่ายอ้ นความหลงั เขากับเพือ่ นไปหยิบสินค้า ในร้านขายของชำ�เพื่อเอามาแสดงให้กับครูฝึกดูเพื่อพิสูจน์ ความกลา้ บททดสอบเช่นนี้ก็เพื่อทำ�ให้คนท่ีอยู่ในขบวนการ

ถอดความคดิ ขบวนการเอกราชปาตานี 41 สรา้ งกำ�แพงแห่งความรู้สึกระหว่าง ‘พวกเรา’ และ ‘พวก เขา’ ใหม้ ากขน้ึ ครูฝกึ บอกว่าคนไทยพุทธเปน็ ผูอ้ พยพมา อย่ใู นดินแดนของคนมลายมู ุสลิม และพวกเขาเป็น ‘เครอ่ื ง มอื ของรฐั สยาม’ ชารีฟบอกว่าช่วงท่เี คลอ่ื นไหวอยู่น้ัน เขา ไมเ่ คยมเี พอื่ นเปน็ คนพทุ ธเลย เมื่อฝกึ เสร็จ ชารีฟกเ็ ริม่ ปฏิบตั ิการในฝา่ ยกองกำ�ลงั ในระดบั RKK เคลอ่ื นไหวในพ้นื ทปี่ ตั ตานี มะแอ: “แผ่นดินนเ้ี ป็นดารลุ ฮัรบ”ี มะแอ (นามสมมตุ )ิ เรยี นหนงั สอื อยทู่ โ่ี รงเรยี นเอกชน สอนศาสนาอสิ ลามแหง่ หนง่ึ ใน อ.เมอื ง จ.ยะลา ซง่ึ มนี กั เรยี น หลายพนั คน ในชว่ งท่เี ขาเรยี นอยูช่ นั้ มัธยมศกึ ษาปีท่ี 5 มี อุสตาซมาเล่าเร่ืองประวัติศาสตร์ให้ฟังหลายคร้ังว่าดินแดน แถบน้ีเดมิ เป็นของคนมลายมู ุสลิม แตว่ า่ ถูกรฐั สยามเข้ามา ยึดครอง “อสุ ตาซสอนว่าเปน็ วาญิบ (Wajib – ข้อบังคบั ) ทีจ่ ะ ต้องตอ่ สู้ เพราะแผน่ ดนิ นเี้ ป็นดารลุ ฮัรบี” มะแอกลา่ ว ตามหลกั การของศาสนาอิสลาม คำ�ว่า ดารุลฮรั บี (Dar-ul-Harb) หมายถึง ‘ดินแดนแหง่ สงคราม’ (Abode of War) ซ่ึงเป็นพืน้ ท่ีท่ีไม่ได้ปกครองโดยคนมสุ ลมิ และไมไ่ ด้ใช้ ชารอี ะหเ์ ปน็ กฎหมายหลกั ในการปกครอง ค�ำ ถามทว่ี า่ ดนิ แดน ปาตานนี เ้ี ป็น ‘ดารลุ ฮรั บ’ี หรือไม่น้นั ยังเป็นประเดน็ ที่ผูร้ ู้ ทางศาสนาในพน้ื ทม่ี ีความเห็นที่ไมต่ รงกนั

42 สิ่งท่ีมะแอได้รับการบอกเล่าคล้ายคลึงกับประสบ การณข์ องอกี หลายๆ คนท่ีเขา้ ไปสู่ขบวนการ เร่อื งเล่านเ้ี รม่ิ ต้นจากวา่ แผ่นดนิ ปาตานนี เ้ี คยเป็นอาณาจกั รอสิ ลาม หรอื เปน็ ‘ดารลุ อิสลาม’ (Dar-ul-Islam) ต่อมาถกู สยามยึดครอง จึงไดก้ ลายเป็น ‘ดารลุ ฮัรบี’ ฉะนัน้ การญฮิ าดเพอ่ื กอบกู้ เอกราชจึงเปน็ ฟัรดอู ีนส�ำ หรับคนมุสลมิ ทกุ คน วา่ กันว่าอลู ามะอ์ (ผู้รู้ทางศาสนา) ของขบวนการได้ ประกาศฟัตวา (Fatwa - คำ�ตัดสนิ ในทางหลักการศาสนา อิสลาม) ใหม้ ีการญฮิ าดเพอ่ื เอกราชของปาตานี แตไ่ มเ่ ป็น ทท่ี ราบแนช่ ดั วา่ ใครมบี ทบาทในการออกฟตั วาน้ี คนทอ่ี ยใู่ น ระดบั ปฏบิ ตั กิ ารรแู้ ตเ่ พยี งวา่ เปน็ ‘ออแฆตวู อ’ (หรอื เขยี นแบบ มลายกู ลางวา่ orang tua) ซง่ึ หมายถงึ ผอู้ าวโุ สของขบวนการ มะแอเลา่ ว่าในตอนแรกๆ กย็ งั ไมท่ ราบวา่ ขบวนการ ที่ตนเองตัดสนิ ใจเขา้ ไปร่วมนีช้ อ่ื อะไร เขารแู้ ตว่ า่ เพอื่ นร่วม อุดมการณ์ของเขาคอื ‘นกั รบฟาตอน’ี เม่อื เขาจบการฝกึ เปอมูดอแล้วก็ได้รับการบอกว่าขบวนการท่ีเขาเข้าร่วมน้ีคือ BRN–Coordinate เขาเรม่ิ ฝกึ ความกลา้ ในการปฏบิ ตั กิ ารดว้ ย การโปรยตะปเู รอื ใบ ปา้ ยสบี นปา้ ยถนน กอ่ นเขา้ ฝกึ เพอ่ื เปน็ RKK หลกั สูตร ‘เปอมดู อ’ กระบวนการที่ชารีฟและมะแอได้ผ่านก็คล้ายกับ หลายๆ คน เพราะขบวนการวางแผนการฝึกเยาวชนอยา่ ง

ถอดความคิดขบวนการเอกราชปาตานี 43 เปน็ ระบบ ในหนงั สอื “อารเ์ คเคเปน็ ใคร ท�ำ ไมตอ้ งเปน็ RKK” ซ่ึงเขียนโดยผู้ท่ีเคยมีบทบาทในการฝึกเยาวชนของขบวน- การและเผยแพร่โดยกลุ่มนายทหารที่ทำ�งานในภาคใต้ได้ อธบิ ายวา่ ขบวนการมคี นทท่ี �ำ งาน ‘ฝา่ ยเปอมดู อ’ ซง่ึ ท�ำ หนา้ ท่ี ในการหาสมาชกิ ใหม่โดยเฉพาะ โดยจะท�ำ งานสองสว่ น หลกั ๆ คอื กลมุ่ เยาวชนในโรงเรยี นและกลมุ่ สมาชกิ ในหมบู่ า้ น เม่ือผ่านการซุมเปาะแล้วก็จะเข้ารับการฝึกตามลำ�ดับข้ันที่ เรียกเป็นภาษามลายูถิน่ ว่า ตือกัซ, ตือปอ, ตารัฟ, ตาแย และ วาฏอน ในชน้ั ‘ตือกัซ’ ซึ่งมคี วามหมายว่า ‘ยนื ใหม้ ่นั คง’ ผู้ สอนจะเนน้ ในเรอ่ื งประวตั ศิ าสตร์ ‘บาดแผล’ โดยการเลา่ ถงึ ความรุ่งเรืองของอาณาจักรปาตานีในอดีตซึ่งเคยเป็นศูนย์ กลางของศาสนาอิสลามในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และเปน็ เมอื งทา่ ทม่ี ที รพั ยากรทอ่ี ดุ มสมบรู ณ์ และพดู ถงึ สถาน- การณ์ทีเ่ ลวรา้ ยลงหลงั จากถกู สยามยดึ ครอง และรัฐสยาม ได้ดำ�เนนิ นโยบายในการ ‘กลืนวฒั นธรรม’ ดว้ ยเหตุผลทาง ประวตั ศิ าสตรเ์ ชน่ น้ี จงึ มคี วามจ�ำ เปน็ ทค่ี นมลายมู สุ ลมิ จะตอ้ ง ตอ่ สเู้ พื่อนำ�อสิ รภาพและเอกราชกลบั คนื มา มีการนำ�เอา กรอบคิดทางศาสนาเร่ืองดารุลฮัรบีมาสนับสนุนการต่อสู้ โดยย้ำ�ว่าเป็นวาญิบท่ีคนมุสลิมจะต้องญิฮาดกับผู้รุกราน ในบางกรณีมีการใชค้ ำ�ว่าฟรั ดอู นี แทน ในขน้ั นจ้ี ะใชเ้ วลา ประมาณ 4 เดอื น ในชน้ั ‘ตอื ปอ’ ซง่ึ แปลวา่ ‘สรา้ ง’ เปน็ ชว่ งของการสรา้ ง

44 ‘นักปฏวิ ตั ’ิ ทมี่ ีจติ ใจตอ่ ส้แู ละเสียสละความสขุ ส่วนตวั เพอ่ื ประโยชนส์ ว่ นรวม โดยมกี ารเชอ่ื มโยงกบั การท�ำ ความดตี าม หลกั ของศาสนาอสิ ลาม โดยจะมกี ารสอนเรอ่ื งกฎบญั ญตั ิ 10 ประการ คอื 1) ประกอบศาสนกจิ (อบี าดะห)์ แดอ่ งคอ์ ลั เลาะห์ และละเวน้ อบายมขุ ทง้ั ปวง 2) ไมเ่ ปดิ เผยความลบั ใหก้ บั ขา้ ศกึ ศตั รถู งึ แมจ้ ะถกู ขม่ ขคู่ กุ คาม 3) จงรกั ภกั ดตี อ่ อดุ มการณป์ ฏวิ ตั ิ และเชอ่ื ฟงั ผนู้ �ำ ของขบวนการ 4) เหน็ แกป่ ระโยชนใ์ นการตอ่ สู้ ของสว่ นรวมมากกวา่ สว่ นตวั 5) ตอ้ งมอบทรพั ยส์ นิ และรา่ งกาย ใหก้ บั งานตอ่ สเู้ มอ่ื ตอ้ งการ 6) ปฏบิ ตั งิ านตามความสามารถ ของแตล่ ะคนดว้ ยความซอ่ื สตั ยแ์ ละบรสิ ทุ ธใ์ิ จ 7) ใหก้ ารตกั เตอื น และนอ้ มรบั การตกั เตอื นดว้ ยความยนิ ดแี ละจรงิ ใจ 8) ตอ้ งเขา้ รบั การอบรมและพบปะประชมุ เมอ่ื ถกู เรยี กเชญิ 9) ยดึ มน่ั ใน ค�ำ พดู และค�ำ สญั ญา 10) ไมส่ รา้ งความเสอ่ื มเสยี ใหก้ บั ขบวนการ ตอ่ สู้ จากหลักฐานเอกสารที่เจ้าหน้าท่ีความม่ันคงค้นพบ ‘กฎบญั ญตั ิ 10 ประการ’ อาจมกี ารใช้คำ�พูดทแ่ี ตกต่างหรอื เรยี งล�ำ ดบั ขอ้ ไมเ่ หมอื นกนั แตเ่ นอ้ื หาใจความโดยรวมตรงกนั เอกสารด้านล่างน้ีเป็นตัวอย่างหน่ึงท่ีเจ้าหน้าท่ีทหารยึดได้ จากเหตุการณ์ทหารพรานปะทะกับขบวนการท่ีค่ายฝึกบน เทอื กเขาตะเว บา้ นกตู ง ม.3 ต.บองอ อ.ระแงะ จ.นราธวิ าส เมอื่ วนั ที่ 2 มนี าคม พ.ศ.2550 การปะทะกันท�ำ ให้ฝา่ ย ขบวนการเสยี ชีวิต 5 ศพ

ถอดความคิดขบวนการเอกราชปาตานี 45 (เอกสาร กอ.รมน.) ค�ำ แปล วนิ ัย 10 ประการ (ดิสปลนิ ซอื ปโู ละห์) 1. ประกอบศาสนากจิ (อบี าดะห)์ เพอ่ื อลั เลาะห์ และละเวน้ อบายมขุ ทง้ั ปวง 2. จงรักภักดีและเชือ่ ฟงั ผู้นำ�ขององคก์ ร 3. ผลประโยชนข์ องสว่ นรวมยอ่ มเหนอื กวา่ ผลประโยชนส์ ว่ นตัว 4. ยึดมน่ั ในค�ำ พูดและคำ�มั่นสัญญา 5. ไมเ่ ปดิ เผยความลบั ใหก้ บั ศตั รแู มว้ า่ จะถกู ขม่ ขคู่ กุ คาม 6. ไมส่ รา้ งความเส่ือมเสียต่อการขบวนการตอ่ สู้ 7. ปฏบิ ตั งิ านตามความสามารถ/ศกั ยภาพของแตล่ ะคน 8. เขา้ รว่ มพบปะประชุมหรอื อบรมทีจ่ ัดให้มีขึน้ 9. ใหค้ �ำ ตกั เตอื น/วจิ ารณ์ และนอ้ มรบั การตกั เตอื น/วจิ ารณด์ ว้ ยความเตม็ ใจและบรสิ ทุ ธใ์ิ จ 10. ยอมอทุ ศิ รา่ งกายและทรพั ยส์ นิ ใหก้ บั การตอ่ สเู้ มอ่ื ถงึ วาระจ�ำ เปน็

46 ตอ่ จากนน้ั ในชน้ั ตอื ปอจะมกี ารฝกึ ความแขง็ แรงของ รา่ งกาย เชน่ การวง่ิ วดิ พน้ื ซทิ อพั กระโดดตบ ปน่ั จกั รยาน ขม่ี า้ ฯลฯ โดยการฝกึ มกั จะท�ำ ในเวลากลางคนื และจะมกี าร ย�ำ้ ในเรอ่ื งการญฮิ าดเพอ่ื เอกราช ในขน้ั นจ้ี ะใชเ้ วลาประมาณ 4 เดอื น ขน้ั ตอ่ ไป คอื ‘ตารฟั ’ ซง่ึ แปลวา่ ‘ขน้ึ ชน้ั ’ จะมกี ารเนน้ ในเรอ่ื งอตั ลกั ษณม์ ลายู เชน่ การแตง่ กายดว้ ยเสอ้ื บงาลอ (เสอ้ื คอกลม แขนยาว เปน็ เครอ่ื งแตง่ กายส�ำ หรบั ผชู้ าย) ผา้ โสรง่ สกอ๊ ตด�ำ การสอนในเรอ่ื งนเ้ี พอ่ื ตอ้ งการสรา้ งความรสู้ กึ ภาค ภมู ใิ จในความเปน็ มลายู ส�ำ หรับขั้น ‘ตาแย’ (แหลมคม) จะเปน็ การทดสอบ ความแข็งแรงของร่างกาย โดยจะมกี ารออกก�ำ ลงั กายในทา่ ที่ไดส้ อนไปแลว้ แตจ่ ะมีระยะเวลาท่ีนานขนึ้ มกี ารทดสอบ ความกล้าหาญดว้ ยการใหไ้ ปพน่ สที ่ีป้ายถนน ท�ำ ลายหลกั กิโลเมตร หรอื โปรยใบปลิว สดุ ทา้ ยคอื ขน้ั ‘วาฏอน’ มคี วามหมายวา่ ‘แผน่ ดนิ ของเรา’ จะเปน็ การจบั คฝู่ กึ โดยเนน้ ใหส้ มาชกิ ใหมเ่ กดิ ความ มงุ่ มน่ั มวี นิ ยั และความรบั ผดิ ชอบ โดยจะมกี ารฝกึ ออกก�ำ ลงั กายเปน็ คู่ ฝกึ ศลิ ปะการปอ้ งกนั ตวั การปฐมพยาบาล เชน่ การฉดี ยา ใหน้ �ำ้ เกลอื หา้ มเลอื ด และดหู นงั สงครามและการ ตอ่ สใู้ นประเทศอน่ื ๆ ข้ันตอนในการฝึกเปอมูดอทั้งหมดใช้เวลาประมาณ 2 ปี หลงั จากนั้นก็จะมคี ณะกรรมการคดั เลือกเปอมูดอ โดย

ถอดความคิดขบวนการเอกราชปาตานี 47 จะใหเ้ ลอื ก 3 สาย คอื ฝา่ ยทหาร (MAY) ฝา่ ยมวลชน (MASA) และ ฝา่ ยเปอมดู อ ซง่ึ ท�ำ หนา้ ทใ่ี นการหาและฝกึ สมาชกิ ใหม่ การฝึก RKK หลังจากจบหลกั สตู รเปอมดู อแล้ว คนทเี่ ลอื กฝ่าย MAY จะต้องเข้ารบั การฝกึ เพิ่มเติมอีก 2 ข้ันทีเ่ รียกเป็นรหัส วา่ ‘ตาดีกา’ และ ‘ปอเนาะ’ โดยการฝึกจะเน้นเร่อื งการรบ แบบกองโจรและการใช้อาวธุ หนว่ ยปฏบิ ตั กิ ารทส่ี �ำ คญั ของ MAY คอื ชดุ ปฏบิ ตั กิ าร ในระดบั หมบู่ า้ นทเ่ี รยี กวา่ RKK ซง่ึ เปน็ ตวั ยอ่ ของค�ำ ภาษา อนิ โดนเี ซยี วา่ Runda Kumpulan Kecil แปลวา่ ‘ชดุ ลาด ตระเวนขนาดเลก็ ’ RKK หนง่ึ ชดุ ประกอบดว้ ยสมาชกิ 6 คน คอื หวั หนา้ ชดุ -รองหวั หนา้ ชดุ -คนน�ำ ทาง-ประสานงานและ สอ่ื สาร-รกั ษาพยาบาล-ยทุ ธวธิ ี หนงั สือ “อารเ์ คเคเป็นใคร ทำ�ไมตอ้ งเปน็ RKK” ได้ อธบิ ายวา่ การฝกึ ในขัน้ ‘ตาดีกา’ จะเน้นในเร่ืองของการวาง หน่วยและป้องกันตัว การหลบหนีและการใชอ้ าวธุ ในการ ตอ่ สู้ ในขนั้ ‘ปอเนาะ’ จะสอนเรือ่ งการรบแบบกองโจร ซึง่ ขบวนการซึ่งมีกำ�ลังน้อยกว่ากองทัพของรัฐจำ�เป็นต้อง เลอื กใช้ยทุ ธวธิ กี ารต่อสู้แบบน้ี RKK อาศยั มวลชนเป็นฐาน สนับสนุนและเคล่ือนไหวในภูมิประเทศที่ตนเองมีความคุ้น เคย ในการตอ่ สู้จะแบ่งเปน็ หนว่ ยขนาดเลก็ เพ่ือให้ง่ายตอ่ การพรางตวั และปฏิบัตกิ ารไดอ้ ยา่ งรวดเร็ว การรบจะไมร่ บ

48 แบบแตกหกั หากคตู่ อ่ สเู้ ขม้ แขง็ ตอ้ งถอยและเลอื กเขา้ โจมตี ขณะค่ตู อ่ สอู้ อ่ นแอ ตอ้ งเกบ็ ความลบั ให้ดีท่ีสดุ และการรบ ต้องสรา้ งความได้เปรียบคูต่ อ่ สู้ควบคไู่ ปดว้ ย เช่น พรางตัว ดว้ ยการใสช่ ดุ ทหารในการปฏิบตั ิการ ในการฝึกขัน้ ตาดีกาน้นั จะใช้เวลา 1 ปี ซงึ่ ไม่ได้เป็น การฝกึ แบบเขม้ ขน้ ทุกวัน แต่ว่าการฝกึ ในข้นั ปอเนาะนน้ั จะ เป็นหลักสูตรเขม้ ข้นระยะเวลา 1 เดือน การจบหลกั สตู ร RKK นัน้ จะตอ้ งมีการปฏิบัติการจรงิ 1 ครง้ั RKK ท่ีมีฝมี อื จะได้รบั การคัดเลอื กใหไ้ ปฝึกขน้ั สูงต่อไป โดยจะแบ่งเปน็ สองส่วน หนง่ึ ‘ฮารเี มา’ (Harimau) เปน็ ค�ำ ในภาษามลายแู ปล วา่ ‘เสอื ’ ขบวนการใชใ้ นการเรยี ก ‘หนว่ ยจโู่ จม’ ซง่ึ เปน็ กอง กำ�ลังท่ีมีฝีมือทางการทหารระดับสูงและมีความชำ�นาญใน พน้ื ทป่ี า่ เขา และ สอง ‘เลตปุ นั ’ (Letupan) ซง่ึ แปลวา่ ‘ระเบดิ ’ ในภาษามลายู เปน็ ค�ำ ทใ่ี ชเ้ รยี กฝา่ ยทท่ี �ำ หนา้ ทผ่ี ลติ ระเบดิ สมาชิกท่ีผ่านการฝึกแล้วก็จะได้ถูกมอบหมายให้เร่ิม ปฏบิ ตั กิ ารในพน้ื ทต่ี า่ งๆ ทม่ี กี ารวางโครงสรา้ งในสองปกี หลกั ๆ คอื MAY และ MASA ในตอนต่อไปจะได้เล่าถึงการปฏิบัติการของเหล่า นกั รบอิสลามที่เรียกตวั เองวา่ ‘ญแู ว’ (Juwae) หมายเหตุ: รายงานช้นิ นเี้ ผยแพร่ครงั้ แรกท่ี www.deepsouthwatch.org/dsj/3690 เมื่อวนั ท่ี 12 พฤศจกิ ายน 2555



3 โครงสร้างขบวนการต่อสู้เพื่อเอกราชปาตานี