148 ตัวอย่างของสานวนท่ีเป็ นนัย เช่นคาว่า “แท้ จริงฉัน ปรารถนาผู้ท่ีมีลักษณะเหมือนเธอ” และอนุญาตให้สตรีที่อยู่ใน อิดดะฮฺซ่ึงไม่มีสิทธ์ิคืนดีตอบรับการส่ขู อที่เป็ นนยั ด้วยสานวนที่เป็ น นยั และไม่อนุญาตให้เธอตอบรับการขอท่ีชดั เจน และสตรีท่ีอย่ใู น อิดดะฮฺซึ่งคืนดีได้นัน้ ไม่อนุญาตให้ตอบรับการสู่ขอ ไม่ว่าจะเป็ น สานวนที่ชดั เจนหรือสานวนท่ีเป็นนยั ก็ตามที 2. ไม่อนุญำตแต่งงำนสตรีท่ีอยู่ในอิดดะฮฺให้แก่ชำย อ่ืนท่ไี ม่ใช่สำมีคนเดมิ อลั ลอฮฺตรัสวา่ ]٢٣٥ :﴿ َو َل َت أعزِ ُموا ُع أق َدةَ ٱل ّنََِك ِح َحّ ىت َي أبلُ َغ ٱ أل ِك َتى ُب أَ َج َل ُهۥ﴾ [اْلقرة ความว่า “และพวกเจ้าอย่าได้ตดั สินใจจดั การแต่งงาน จนกว่าจะ บรรลเุ วลาที่ถกู กาหนดไว้ (คือหมดเวลาของอิดดะฮฺ)” (อลั -บะเกาะ เราะฮฺ : 235) อิบนุ กะษีรฺ เราะหิมะฮุลลอฮฺ กล่าวในตัฟซีรฺ (1/509) ว่า “หมายถึงพวกเจ้าอย่าได้จัดการแต่งงาน จนกว่าอิดดะฮฺจะหมด เสียก่อน แท้จริงปวงปราชญ์มีมติเป็ นเอกฉันท์ว่าการแต่งงานใน ชว่ งเวลาของอดิ ดะฮฺนนั้ ใช้ไมไ่ ด้” เกร็ดควำมรู้ 2 ประกำร
149 หน่ึง สตรีท่ีถูกหย่าก่อนที่จะมีเพศสมั พนั ธ์จะไม่มีอิดดะฮฺ ใดๆ สาหรับเธอ َ อลั ลอฮฺตรัสวา่ َ َٰٓي َأ ي َها أن َق أب ِل ِمن َطل أق ُت ُمو ُهن ُثم ٱ أل ُم أؤ ِم َنى ِت َن َك أح ُت ُم ِإ َذا َءا َم ُن ٓوا ٱ َ ِّلي َن ﴿ ]٤٩ : َت َمسو ُهن َف َما َل ُك أم َع َل أي ِهن ِم أن ِعدة َت أع َتدو َن َها ﴾ [الأحزاب ความว่า “โอ้บรรดาผู้ศรัทธาทัง้ หลาย เมื่อพวกเจ้าได้ สมรสกับ บรรดาหญิงผู้ศรัทธา ต่อมาพวกเจ้าได้หย่าพวกเธอก่อนท่ีจะมี เพศสมั พนั ธ์กบั พวกเธอ ดงั นนั้ จะไม่มีสิทธ์ิสาหรับพวกเจ้าที่จะนับ อิดดะฮฺใดๆ ตอ่ พวกเธอ” (อลั -อะห์ซาบ : 49) อิบนุ กะษีรฺ เราะหิมะฮุลลอฮฺ กล่าวในตฟั ซีรฺ (5/479) ว่า “น่ีเป็ นส่ิงที่ปวงปราชญ์มีความเห็นพ้องกนั ว่า แท้จริงสตรีท่ีถกู หย่า ก่อนท่ีจะมีเพศสัมพันธ์นัน้ ก็ไม่มีอิดดะฮฺใดๆ ต่อเธอ เธอจะไป แตง่ งานได้ทนั ทีกบั ใครก็ได้ตามที่เธอประสงค์\" สอง สตรีท่ีถูกหย่าก่อนท่ีจะมีเพศสัมพันธ์ แต่ได้มีการ กาหนดสินสมรสหรือมะฮรั ฺแก่เธอแล้วเธอมีสิทธ์ิได้รับคร่ึงหนึ่ง และ สตรีใดที่ไม่ได้มีการกาหนดสินสมรสให้แก่เธอ เธอมีสิทธิ์ได้รับของ ปลอบใจ ด้วยส่ิงท่ีสามีหาได้อย่างสะดวก เช่น เคร่ืองนุ่งห่มและ อื่นๆ และสตรีที่ถูกหย่าหลังจากมีเพศสัมพันธ์แล้ว เธอมีสิทธิ์ ได้รับสนิ สมรสทงั้ หมด อลั ลอฮฺตรัสวา่
150 ﴿ ل ُج َنا َح َع َل أي ُك أم إِن َطل أق ُت ُم ٱل ّنِ َسآ َء َما لَ أم َت َمسو ُهن َأ أو َت أف ِر ُضوا لَ ُهن َف ِري َضة ِف َح ًّقا ََ َع َق َد ُر ُهۥ َم َتى َعا بِٱلأ َم أع ُر و ِٱإَلأو ُمنو ِسَ ِطعل أَقق ُت َد ُم ُرو ُهُهۥن َو ِمَ ََنع َقٱ أبلأ ُِمل أق َأُ ِّتِن َ ََع َو َم ّتِ ُعو ُهن لَ ُهن َفرِي َضة َت َمسو ُهن َو َق أد َف َر أض ُت أم ٢٣٦ ٱلأ ُم أح ِسنِ َي ]٢٣٧-٢٣٦ :َفنِ أص ُف َما فَ َر أض ُت أم﴾ [اْلقرة ความว่า “ไม่มีบาปอนั ใดสาหรับพวกเจ้า หากพวกเจ้าได้หย่าสตรี ตราบใดท่ียังไม่มีเพศสัมพันธ์กับพวกเธอ หรือยังมิได้ กาหนด สินสมรสให้แก่พวกเธอ และพวกเจ้าจงมอบสิ่งปลอบใจให้แก่พวก เธอ ใครท่ีมั่งมีก็ให้ตามความสามารถของเขา และผู้ยากจนก็ให้ ตามความสามารถของเขา เป็ นการมอบให้โดยชอบธรรม เป็ น หน้าที่ของคนมีคณุ ธรรมทงั้ หลาย และหากพวกเจ้าได้หยา่ ก่อนท่ีจะ มีเพศสมั พนั ธ์กับพวกเธอ ในขณะที่พวกเจ้าได้กาหนดสินสมรสแก่ พวกเธอแล้ว ดังนัน้ จงจ่ายคร่ึงหนึ่งของสิ่งที่พวกเจ้าได้กาหนด” (อลั -บะเกาะเราะฮฺ : 236-237) หมายความว่าไม่มีบาป อันใดสาหรับพวกเจ้ าในการหย่า ภรรยาก่อนที่จะมีเพศสมั พนั ธ์ และก่อนกาหนดสินสมรส ถึงแม้ใน การกระทาดงั กล่าวเป็นการสร้างความเจบ็ ปวดแก่เธอก็ตาม แท้จริง แล้วควรจะทดแทนด้วยส่ิงปลอบใจ และน่ันก็คือตามสภาพของ สามี ขดั สนหรือมงั่ มี ก็ให้ปฏิบตั ิกันตามจารีต หลงั จากนนั้ อลั ลอฮฺ ได้ กล่าวถึงภรรยาท่ีมีการกาหนดสินสมรสแก่เธอแล้ ว โดยท่ี พระองคท์ รงสง่ั ใช้ให้สามีมอบคร่ึงหนง่ึ ของสินสมรสให้แก่เธอ
151 อิบนุ กะษีรฺ เราะหิมะฮุลลอฮฺ กล่าวในตฟั ซีรฺ (1/512 ) ว่า “การแบง่ สินสมรสออกเป็ นสองส่วน -ในกรณีเชน่ นี-้ เป็ นเรื่องที่ปวง ปราชญ์เห็นพ้องกนั โดยไมม่ ีการขดั แย้งอนั ใด” 3. ห้ำส่ิงต้องห้ำมสำหรับสตรีซ่ึงอยู่ในอิดดะฮฺจำกกำร ตำยของสำมีซ่งึ เรียกว่ำ “อัล-หดิ ำด” (กำรไว้ทกุ ข์) หน่ึง เคร่ืองหอมทุกชนิด (สาหรับการแตง่ ตวั ไมใ่ ชเ่ ครื่อง หอมเพ่ือทาความสะอาด) ดังนัน้ เธอจะไม่ใช้เคร่ืองหอมตาม ร่างกาย เสือ้ ผ้า และเธอจะไม่ใช้ส่ิงท่ีถูกทาให้หอม เน่ืองจากท่าน เราะสลู ศอ็ ลลลั ลอฮอุ ะลยั ฮิวะสลั ลมั กลา่ ววา่ »« َو َل َت َم ُس ِطي ًبا ความว่า “และเธอจะไม่แตะต้องนา้ หอม” (บนั ทึกโดยอบู ดาวูด : 2299) สอง กำรประดับประดำตำมเรือนร่ำงของเธอ ดงั นัน้ ห้ามมิให้เธอย้อมด้วยใบเทียน และการตกแตง่ ทกุ ประเภท เชน่ การ ทาขอบตา การย้อมสีของผิวหนัง นอกจากภาวะความจาเป็ นที่ จะต้องทาขอบตาเพ่ือการรักษาเยียวยาเท่านนั้ มิใช่เพ่ือการตกแตง่ เธอสามารถท่ีจะทา ขอบตาได้ ในเวลาค่าคืนและลบออกในเวลา กลางวนั และไม่เป็ นไรท่ีเธอจะรักษาตาของเธอด้วยสิ่งอื่น ซ่ึงไมใ่ ช่ ยาทาขอบตาจากส่งิ ที่ไมใ่ ชเ่ คร่ืองประดบั สำม กำรประดับประดำด้วยเสือ้ ผ้ำชนิดต่ำงๆ จากสิ่ง ที่ถกู ทาขึน้ มาเพื่อการตกแตง่ และเธอจะใสเ่ สือ้ ผ้าตามท่ีสวมใสก่ ัน
152 ตามปกติ ไม่มีการตกแต่งใดๆ และไม่การเจาะจงสีใดเป็ นการ เฉพาะ ส่ี กำรสวมใส่เคร่ืองประดับทกุ ชนิด แม้กระทงั่ แหวน ห้ำ อำศัยบ้ำนหลังอ่ืนจำกบ้ำนท่ีเธออำศัยอยู่ขณะ สำมีเสียชีวิต และเธอจะไม่ย้ายไปอยู่ที่อ่ืน นอกจากจะมีข้อผ่อน ปรนตามศาสนบญั ญัติเท่านนั้ ไม่ออกไปเยี่ยมคนป่ วย เยี่ยมเยียน เพื่อน หรือญาติใกล้ชิด และอนุญาตให้เธอออกไปในเวลากลางวนั เพื่อทาธุระตา่ งๆ ท่ีจาเป็ นได้ และสิ่งอ่ืนๆ ท่ีศาสนาอนมุ ตั ิก็สามารถ ทาได้ อิบนุลก็อยยิม เราะหิมะฮุลลอฮฺ กล่าวว่า “เธอจะไม่ถูก ห้ามจากการตดั เล็บ ขจดั ขนรักแร้ โกนขนท่ีศาสนาส่งเสริมให้โกน และไมถ่ กู ห้ามจากการอาบนา้ ด้วยนา้ ใบพทุ ราและหวีผมด้วยนา้ ใบ พทุ รา\" (อลั -ฮดั ย์ อนั -นะบะวีย์ : 5/507) ชยั คุลอิสลาม อิบนุ ตัยมียะฮฺ เราะหิมะฮุลลอฮฺ กล่าวว่า “และอนญุ าตให้เธอรับประทานทกุ สิ่งทกุ อย่างที่อลั ลอฮฺอนุมตั ิ เช่น ผลไม้ เนือ้ และเชน่ เดียวกนั อนุญาตให้ด่ืมทกุ ส่ิงที่อนมุ ตั ิ... และไม่ เป็ นที่ต้องห้ามแก่เธอในการกระทางานหน่ึงงานใดจากการงานที่ อนุมัติ เช่น การปักถักร้อย การตดั เย็บ การทอ และอ่ืนๆ จากงาน ทั่วไปของสตรี และอนุญาตให้เธอกระทาส่ิงอ่ืนๆ ท่ีอนุมัติแก่เธอ ในช่วงที่ไม่มีอิดดะฮฺ เช่น การพูดกับผู้ชายที่เธอมีความจาเป็ น จะต้องพูดกับเขา โดยเธออยู่ในสภาพที่ปกปิ ดมิดชิด และการ
153 กระทาอื่นๆ และส่ิงท่ีฉันได้กล่าวถึงนี ้คือแนวทางของท่านเราะสูล ศ็อลลลั ลอฮอุ ะลยั ฮิวะสลั ลมั ซง่ึ เหลา่ ภริยาของบรรดาเศาะหาบะฮฺ ได้ปฏิบัติกันเมื่อเหล่าสามีของพวกเธอได้เสียชีวิต” (มัจญ์มูอฺ ฟะตาวา : 34/27-28) สว่ นสิ่งท่ีชาวบ้านทว่ั ๆ ไปกล่าววา่ แท้จริงเธอจะต้องปกปิ ด ใบหน้าไมใ่ ห้ดวงจนั ทร์ได้เห็น โดยการไมข่ นึ ้ ไปบนดาดฟ้ า ไม่ให้พดู กบั ผู้ชาย ปิ ดหน้าไม่ให้มะห์ร็อมของเธอได้เห็น และอ่ืนๆ ทงั้ หมด นนั้ ไมม่ ีหลกั ฐานรับรองแตป่ ระการใด วลั ลอฮอุ ะอฺลมั
154 บทท่ี 10 ว่ำด้วยกำรรักษำเกยี รตแิ ละควำม บริสุทธ์ิของสตรี 1. สตรีต้องลดสำยตำและรักษำอวัยวะเพศเช่นเดยี วกับผู้ชำย อลั ลอฮฺ ตรัสวา่ ِم َأنو ُقَأ أبل َ ِّلصى أل ِر ُم ِه أؤأم ِم َوَنىَي أِحت َف َ ُيظ أغوا ُضُف ُأرضو َنَج ُِهم أم أن َذىَألِ أب َكَصَأى أِرز َِه ىكنلَ ُهَوأم َيإِ أحن َفٱأّظل ََلن٣٠ّلِِب أل َم ُما أؤَي ِم أنِص َنَيُع َوي َُغنضوا ﴿ ُقل َخبِّ ُي ]٣١-٣٠ : فُ ُرو َج ُهن﴾ [النور ความว่า “จงกล่าวแก่บรรดาผู้ศรัทธาชายเถิด ให้ลดสายตาของ พวกเขาและรักษาอวยั วะเพศของพวกเขา นน่ั เป็ นความบริสทุ ธิ์ยิ่ง สาหรับพวกเขา แท้จริงอลั ลอฮฺทรงรอบรู้ในสิ่งท่ีพวกเขากระทา และ จงกล่าวแก่บรรดาผ้ศู รัทธาหญิงเถิด ให้พวกเธอลดสายตาของพวก เธอ และรักษาอวยั วะเพศของพวกเธอ” (อนั -นรู ฺ : 30-31) ชัยค์มุหัมมัด อัล-อะมีน อัช-ชนั กีฏีย์ ได้กล่าวไว้ในตฟั ซีรฺ ของท่าน (อัฎวาอ์ อัล-บะยาน : 6/186-187) ว่า “อัลลอฮฺได้สั่งใช้ บรรดาผ้ศู รัทธาทงั้ ชายและหญิง ให้ลดสายตาและรักษาอวยั วะเพศ สง่ิ ท่ีจดั อยใู่ นการรักษาอวยั วะเพศด้วยก็คือการรักษาให้พ้นจากการ
155 ผิดประเวณี การมีเพศสมั พนั ธ์ระหวา่ งผ้ชู ายกบั ผ้ชู ายด้วยกนั หรือ ผ้หู ญิงกบั ผ้หู ญิง และรักษาให้พ้นจากการนามาแสดงและเปิ ดเผย แก่ผู้คน...และอัลลอฮฺได้สญั ญาแก่ผู้ชายและผู้หญิงที่ปฏิบตั ิตาม บญั ชาของพระองค์ในโองการนี ้ว่าจะได้รับการอภยั โทษ และการ ตอบแทนรางวัลอันใหญ่หลวง เม่ือเขาได้ลดสายตาและรักษา อวยั วะเพศพร้อมกบั กระทาสิง่ ตา่ งๆ ท่ีได้กลา่ วไว้ในโองการนี ้ ﴿ ِإ ن ٱ أل ُم أسلِ ِم َي َوٱ أل ُم أسلِ َمى ِت َوٱ أل ُم أؤ ِمنِ َي َوٱ أل ُم أؤ ِم َنى ِت َوٱ أل َقىنِتِ َي َوٱ أل َقىنِ َتى ِت َوٱ لصى ِد ِق َي َوٱ لصى ِد َ ىق ِت َوٱ لصىِِبِ ي َن َوٱ لصىبِ َرى ِت َوٱ أل َخى ِشعِ َي َوٱ أل َخى ِش َعى ِت ََووٱٱأل أل َُمحىَت ِف َ َصظى ِّد ِِتق َ َويٱل َذىوٱ ِأكل ُِرميَت َ َنصٱِّدّ َل ىَقل َِكتثِ َّويٱال َوٱلَٰٓصئِذى ِم ِك ََرىي َِتوٱأَل َعدَٰٓصئٱِ َّمىل ُل ِتلَ ُهَومٱ ألم أغَحىِف َفِرة ِظ َوأََي أجُفًر ُار و َج ُه أم َع ِظيما ]٣٥ : ﴾ [الأحزاب٣٥ ความว่า “แท้ จริง บรรดาชายและหญิงมุสลิมที่สวามิภักดิ์ต่อ อลั ลอฮฺ บรรดามอุ ์มินผ้ศู รัทธาชายและหญิง บรรดาผ้เู ช่ือฟังอลั ลอฮฺ ชายและหญิง บรรดาผ้สู จั จะชายและหญิง บรรดาผ้อู ดทนชายและ หญิง บรรดาผ้ยู าเกรงทงั้ ชายและหญิง บรรดาผ้ทู าทานทงั้ ชายและ หญิง บรรดาผ้ถู ือศีลอดชายและหญิง บรรดาชายและหญิงท่ีรักษา อวัยวะเพศของพวกเขา และบรรดาชายและหญิงที่ราลึกถึงอัล ลอฮฺอยา่ งมากมาย อลั ลอฮฺนนั้ ได้ทรงจดั เตรียมไว้ให้แก่พวกเขา ซึ่ง การอภยั โทษ และผลตอบแทนอนั ยิง่ ใหญ่” (อลั -อะห์ซาบ : 35) คากล่าวของชยั ค์ที่ว่า “ผู้หญิงกบั ผ้หู ญิง” หมายถึง การมี เพศสัมพันธ์ของผู้หญิงกับผู้หญิงด้วยการถูไถ และนั่นเป็ นการ
156 กระทาที่เป็ นบาปใหญ่ สมควรที่ผู้กระทาทัง้ สองต้องได้รับการ ลงโทษเพื่อเป็นการอบรมสง่ั สอน อิบนุ กุดามะฮฺ เราะหิมะฮลุ ลอฮฺ กล่าววา่ “เม่ือผ้หู ญิงสอง คนทาการถูไถกัน เธอทัง้ สองก็ผิดประเวณี ซ่ึงจะถูกสาปแช่ง เน่ืองจากมีการรายงานจากท่านเราะสูล ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิ วะสลั ลมั กลา่ ววา่ » َفه َما َزانِيَتَا ِن، «إ َذا أَتَ ْت الْ َم ْرأَة الْ َم ْرأَ َة ความว่า “เม่ือผู้หญิงสมสู่กบั ผู้หญิงด้วยกนั เธอทงั้ สองก็เป็ นผู้ผิด ประเวณี” ทัง้ สองจะต้องถูกตะอฺซีรฺ(โทษตามการพิจารณาของผู้ พิพากษา) เนื่องจากเป็ นการผิดประเวณีที่ไม่มีโทษถูกกาหนดไว้ เป็นการเฉพาะ” (อิบนุ กดุ ามะฮฺ : 8/198) จงหลีกเลี่ยงการกระทาท่ีน่ารังเกียจเช่นนีเ้ ถิด โอ้ สตรีผู้ ศรัทธา โดยเฉพาะอยา่ งยง่ิ บรรดาหญิงสาว ส่วนการลดสายตานัน้ อิบนุล ก็อยยิม เราะหิมะฮุลลอฮฺ กลา่ ววา่ “การจ้องมองนนั้ จะเป็ นปัจจยั นาไปสคู่ วามใคร่ การยบั ยงั้ สายตาจากการมองเป็ นแก่นของการรักษาอวยั วะเพศ ดงั นนั้ ผ้ใู ด ปล่อยสายตาของเขา เขายอ่ มนาตวั ของเขาเองสคู่ วามหายนะ และ แท้จริง ท่านเราะสูล ศ็อลลลั ลอฮุอะลัยฮิวะสลั ลมั ได้กล่าวว่า “โอ้ อะลีย์ เอ๋ย ท่านอย่าได้มองซา้ เพราะแท้จริงแล้ว สิทธิของท่านคือ การมองครัง้ ที่หนงึ่ เท่านนั้ ” ซงึ่ หมายถึง การมองอยา่ งกะทนั หนั โดย ไม่ตงั้ ใจ และในอลั -มุสนัดของอะห์มัด ท่านเราะสูล ศ็อลลัลลอฮุ
157 อะลัยฮิวะสัลลัมกล่าวว่า “การมองเป็ นลูกศรหนึ่งซ่ึงอาบยาพิษ จากบรรดาลกู ศรของอิบลีส...” และการมองนนั้ เป็ นที่มาของความ วิบัติต่างๆ ท่ีประสบกับผู้คน เพราะการมองจะทาให้ เกิดการ จินตนาการ การจินตนาการจะทาให้เกิดความคิด จากนนั้ ความคดิ ทาให้เกิดความใคร่ ความใคร่จะทาให้เกิดความต้องการ หลงั จาก นนั้ มนั จะกลายเป็ นความตงั้ ใจท่ีมงุ่ มนั่ แล้วจะเกิดการกระทาอยา่ ง แน่นอน ตราบใดท่ีไม่มีส่ิงหกั ห้าม และด้วยเหตนุ ี ้จึงมีสุภาษิตว่า การอดทนในการลดสายตานนั้ ง่ายกวา่ การอดทนในความเจ็บปวด ของส่งิ ที่จะตามมา” (อลั -ญะวาบ อลั -กาฟี ย์ : 129-130) ดงั นนั้ โอ้สตรีผ้ศู รัทธาเอย๋ จาเป็ นที่เธอจะต้องลดสายตาไม่ ไปมองผู้ชาย ไม่มองรูปภาพต่างๆ ที่นาพาสู่ความวิบตั ิซึ่งมีอยู่ใน วารสารบางฉบบั ตามจอโทรทศั น์ หรือวีดีโอ -แล้วเธอจะปลอดภัย จากบัน้ ปลายที่ชั่วช้า มากต่อมากแล้วท่ีการมองได้นาพาความ โศกเศร้ามาให้ผ้มู อง และไฟกองใหญ่นนั้ มกั เร่ิมมาจากสะเก็ดไฟ 2. กำรออกห่ำงจำกกำรฟังเพลงและดนตรี อิบนุลก็อยยิม เราะหิมะฮุลลอฮฺ กล่าวว่า “และส่วนหน่ึง จากเล่ห์กลของชยั ฏอนมารร้ายที่นามาหลอกผ้ทู ี่มีความรู้น้อย คน เบาปัญญา และผู้ไม่เคร่งครัดศาสนา และที่นามาใช้จบั หวั ใจของ พวกผ้ทู ี่โงเ่ ขลา และผ้กู ่อความเสื่อมเสีย คือการฟังเสียงโหร่ ้อง การ ตบมือ การร้องเพลงท่ีประกอบด้วยอปุ กรณ์ตา่ งๆ ที่ต้องห้าม ซงึ่ กีด
158 กนั้ เป็ นอปุ สรรคไม่ให้อลั กรุ อานทะลเุ ข้าไปในหวั ใจ และทาให้หวั ใจ จมปลกั อย่กู บั การฝ่ าฝื น และอบายมขุ ตา่ งๆ ดนตรีเป็ นบทสวดของ ชยั ฏอนมารร้าย เป็ นกาแพงกนั้ ระหว่างมนุษย์กับอลั ลอฮฺ เป็ นเวท มนต์กล่อมเป่ านาไปสู่การมีเพศสมั พันธ์ระหว่างชายกับชายและ การผิดประเวณีกบั ตา่ งเพศ ด้วยเสียงเพลงนี ้ผ้มู ีความใคร่อนั ชว่ั ช้า จะได้สมหวงั กบั คนท่ีเขาหลงใหล ... สว่ นการฟังเพลงจากสตรีหรือ ชายหนุ่มรูปหล่อนนั้ เป็ นบาปท่ีใหญ่ย่ิง และทาให้เกิดความเสื่อม เสียในศาสนาเป็ นอย่างมาก... และไม่มีข้อกงั ขาเลยว่า แท้จริง ทกุ คนที่มีความหึงหวงนนั้ เขาจะให้ครอบครัวของเขาหา่ งไกลจากการ ฟังเพลงเหมือนกบั ที่ต้องการให้พวกเธอออกหา่ งสาเหตตุ า่ งๆ ที่น่า ระแวง ... และเป็ นท่ีทราบกนั ดีว่า แท้จริงเมื่อผ้ชู ายเข้าหาสตรีด้วย ความยากลาบาก เขาก็จะพยายามให้เธอได้รับฟังเสียงเพลง เพ่ือ ว่าเธอนัน้ จะได้ใจอ่อน ทงั้ นีเ้ นื่องจากสตรีจะมีความรู้สึกต่อเสียง ต่างๆ อย่างรวดเร็ว ดงั นัน้ เม่ือเสียงนนั้ เป็ นเสียงเพลง ความรู้สึก ของเธอก็จะเกิดขนึ ้ ด้วยสองทางด้วยกนั กลา่ วคอื ทางด้านเสียงและ ด้านความหมายของมนั ... เมื่อเสียงเพลงถูกประกอบด้วยกลอง ความเป็ นสาว และการเต้นราอย่างอ่อนช้อย แล้วหากสตรีนัน้ ได้ ตงั้ ครรภ์เพราะเพลง แน่นอน เธอยอ่ มตงั้ ครรภ์ด้วยเสียงเพลงเชน่ นี ้ ขอสาบานต่ออลั ลอฮฺ มากตอ่ มากแล้วที่สตรีต้องเป็ นโสเภณีเพราะ เสียงเพลง”
159 โอ้สตรีผู้ศรัทธาเอ๋ย จงยาเกรงต่ออลั ลอฮฺเถิดและจงระวัง โรคร้ายเยี่ยงนี ้นน่ั คือการฟังเพลงต่างๆ ซ่ึงเป็ นที่นิยมในกล่มุ ของ บรรดามุสลิมด้วยความหลากหลายของส่ือและรูปแบบ ซึ่งทาให้ หญิงสาวจานวนมากที่รู้ไม่เท่าทนั ได้สงั่ ซือ้ จากแหล่งผลิตและส่ง มอบให้เป็นของขวญั ในกลมุ่ พวกเธอซงึ่ กนั และกนั 3. กำรไม่อนุญำตให้เดนิ ทำงโดยไม่มีมะห์ร็อม ช่องทางหนึ่งที่จะรักษาอวัยวะเพศ คือห้ ามมิให้ สตรี เดนิ ทางโดยไมม่ ีมะห์ร็อม ซึง่ คอยปกป้ องค้มุ กนั เธอจากพวกเกะกะ เกเรและคนชั่วทัง้ หลาย ดังมีหะดีษท่ีเชื่อถือได้รายงานว่า ไม่ อนุญาตให้สตรีเดินทางโดยปราศจากมะห์ร็อม เช่น รายงานจาก ทา่ นอิบนุ อมุ รั ฺ เราะฎิยลั ลอฮอุ นั ฮุ ท่านเราะสลู ศอ็ ลลลั ลอฮอุ ะลยั ฮิ วะสลั ลมั กลา่ ววา่ َّ ثَ َلاثًا الْ َم ْرأَة « َل إِل »َُمْ َرم ذو َو َم َع َها ت َسافِر ความวา่ “สตรีจะไมเ่ ดนิ ทางเป็นเวลาสามวนั นอกจากจะต้องพร้อม กับมะห์ร็อมเท่านัน้ ” (บันทึกโดยอัล-บุคอรีย์ : 1862 และมุสลิม : 1338) จากอบู สะอีด อลั -คดุ รีย์ เราะฎิยลั ลอฮอุ นั ฮุ “ท่านเราะสลู ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลมั ห้ามมิให้สตรีเดินทางในระยะเวลา สองวนั ....” (บนั ทกึ โดยอลั -บคุ อรีย์ : 1864 และมสุ ลมิ : 3249)
160 จากอบู ฮุร็อยเราะฮฺ เราะฎิยัลลอฮุอันฮุ ท่านเราะสูล ศอ็ ลลลั ลอฮอุ ะลยั ฮิวะสลั ลมั กลา่ ววา่ َّ َولَيْلَة أَ ْن ْ َوالْيَ ْو ِم بِاَََّّل ِل ِل ْم َرأَة « َل َو َم َع َها إل يَ ْوم َم ِسي َر َة ت َسافِ َر اْل ِخ ِر ت ْؤ ِمن يَ ِح ُل »ح ْر َمة ความว่า “ไม่อนุญาตให้สตรีท่ีศรัทธาต่ออัลลอฮฺและวันปรโลก เดินทางในระยะทางวนั กับคืน นอกจากต้องพร้อมกบั มะห์ร็อมของ เธอเทา่ นนั้ ” (บนั ทกึ โดยอลั -บคุ อรีย์ : 1088 และมสุ ลมิ : 3249) การกาหนดระยะเวลาในหะดีษตา่ งๆ สามวนั สองวนั และ หน่ึงวันกับหนึ่งคืนนัน้ เป้ าหมายคือ ตามสภาพของพาหนะการ เดินทางในสมัยนัน้ เดินทางด้วยเท้าและยานพาหนะต่างๆ และ ความแตกต่างของหะดีษในการกาหนดเวลา สามวนั สองวนั หรือ วนั กบั คืน หรือท่ีน้อยกวา่ นนั้ -บรรดาผ้รู ู้ได้ตอบชีแ้ จงวา่ สานวนของ หะดีษไม่ใช่เป้ าหมาย แต่เป้ าหมายคือทุกสภาพที่ถูกเรียกว่าเป็ น การเดนิ ทาง ดงั นนั้ สตรีจงึ ถกู ห้ามเดนิ ทางโดยปราศจากมะห์ร็อม อิมาม อัน-นะวะวีย์ เราะหิมะฮุลลอฮฺ ได้กล่าวไว้ในการ อธิบายหะดีษของอิมามมุสลิมว่า “บทสรุป คือทุกส่ิงที่ถูกเรียกว่า การเดินทางนัน้ สตรีถูกห้ามไม่ให้เดินทางโดยไม่มีสามี หรือไม่มี มะห์ร็อมเดนิ ทางไปด้วย ไมว่ ่าการเดินทางสามวนั สองวนั หน่ึงวนั สิบสองไมล์ หรืออื่นๆ เนื่องจากในรายงานของอิบนุ อบั บาส ไม่ได้ กาหนดเวลา ซึ่งเป็ นรายงานสุดท้ายของอิมามมุสลิม (สตรีจะไม่
161 เดนิ ทางโดยไม่มีมะห์ร็อม) และรายงานนีค้ รอบคลมุ ทกุ ส่ิงท่ีเรียกว่า เดนิ ทาง” วลั ลอฮอุ ะอฺลมั (ชรั ห์ เศาะฮีหฺ มสุ ลมิ : 9/103) สว่ นผ้ทู ่ีชีข้ าดวา่ อนญุ าตให้สตรีเดนิ ทางไปกบั หมคู่ ณะของ สตรี เพ่ือประกอบพิธีหัจญ์ภาคบงั คับนัน้ ขัดแย้งกับคาสอนของ ทา่ นเราะสลู ศ็อลลลั ลอฮอุ ะลยั ฮิวะสลั ลมั อิมามอลั -คอ็ ฏฏอบียฺ ได้ กล่าวไว้ในหนังสือ (มะอาลิมุสสุนัน : 2/276-277) คู่กับตะฮฺซีบ ของอิบนุลก็อยยิมว่า “แท้จริงท่านเราะสูล ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิ วะสัลลัม ได้ห้ามเธอไม่ให้เดินทางนอกจากจะต้องมีผู้ชายท่ีเป็ น มะห์ร็อมพร้ อมกับเธอด้วย ดังนัน้ การอนุญาตให้เธอเดินทางไป ประกอบพิธีหัจญ์โดยไม่มีเง่ือนไขตามที่ท่านเราะสูล ศ็อลลัลลอ ฮุอะลัยฮิวะสลั ลัม วางไว้นนั้ เป็ นส่ิงที่ค้านกับแบบอย่างของท่าน ต่อมาเม่ือการออกไปของเธอโดยท่ีไม่มีมะห์ร็อมเป็ นการฝ่ าฝื น ก็ ยอ่ มไมอ่ นญุ าตให้บงั คบั เธอเพื่อการทาหจั ญ์ นน่ั คือการเชื่อฟังภกั ดี ซง่ึ นาไปสกู่ ารฝ่ าฝื น” ฉัน(ผู้เขียน)ขอกล่าวว่า พวกเขาเหล่านัน้ ไม่ได้ชีข้ าดว่า อนญุ าตให้สตรีเดินทางโดยไม่มีมะห์ร็อมในทกุ กรณีไม่ และแท้จริง แล้วพวกเขาอนุญาตให้เธอกระทาเช่นนนั้ ได้เฉพาะกรณีประกอบ พิธีหจั ญ์ภาคบงั คบั เทา่ นนั้ อมิ าม อนั -นะวะวีย์ เราะหิมะฮลุ ลอฮฺ กลา่ ววา่ “ไม่อนญุ าต ให้เธอเดินทางไปประกอบพิธีหจั ญ์ภาคสมคั รใจ ไปทาการค้า การ
162 เยี่ยมเยียน และอื่นๆ นอกจากจะต้องมีมะห์ร็อมเท่านัน้ ” (อัล- มจั ญ์มอู ฺ : 8/249) ดังนัน้ ผู้ที่ปล่อยให้ สตรีในสมัยนีเ้ ดินทางโดยที่ไม่มี มะห์ร็อมเดินทางไปด้วยนนั้ ไม่มีผู้รู้คนใดที่ได้รับการยอมรับและ เชื่อถือ มีความเห็นสอดคล้องกบั คนเหลา่ นนั้ สว่ นคาพดู ของพวกเขาท่ีวา่ “แท้จริงมะห์ร็อมของเธอจะให้ เธอโดยสารเครื่องบินไป หลงั จากนนั้ จะมีมะห์ร็อมอีกคนมาต้อนรับ เม่ือถึงปลายทาง เพราะว่าเคร่ืองบินนนั้ มีความปลอดภยั ตามการ อ้างของพวกเขาอนั เน่ืองจากมีผ้โู ดยสารชายและหญิงเป็ นจานวน มาก” เราก็จะตอบแก่พวกเขาว่า “มิได้เป็ นเช่นนัน้ เคร่ืองบินนัน้ อนั ตรายท่ีสดุ เพราะว่าผ้โู ดยสารจะปะปนกนั เธออาจจะนง่ั อยู่ใกล้ กบั ผ้ชู าย และบางทีอาจจะมีเหตกุ ารณ์ทาให้เครื่องบินต้องเปลี่ยน ทิศทางบินไปทางสนามบินอื่น ดงั นนั้ ก็จะไม่มีคนท่ีมาต้อนรับเธอ ท้ายสดุ เธอก็จะต้องตกอยใู่ นภาวะอนั ตราย และจะเป็ นอยา่ งไร เม่ือ สตรีอยใู่ นประเทศที่เธอไมร่ ู้จกั และไมม่ ีมะห์ร็อม” 4. ห้ำมชำยหญงิ อย่กู ันตำมลำพงั และแนวทางหนงึ่ ท่ีจะรักษาอวยั วะเพศคือห้ามมิให้สตรีอยู่ ตามลาพงั กบั ชายที่ไมใ่ ช่มะห์ร็อมของเธอ ทา่ นเราะสลู ศอ็ ลลลั ลอฮุ อะลยั ฮิวะสลั ลมั ได้กลา่ วไว้วา่ « َم ْن َ َك َن ي ْؤ ِمن بِاََّّل ِل َوالْ َي ْو ِم اْل ِخ ِر فَلا ََيْلو َّن بِا ْم َرأَة لَيْ َس َم َع َها ذو َُمْ َرم ِمنْ َها َفإِ َّن »ثَا ِلثْه َما ال َّشيْ َطان
163 “ผ้ใู ดท่ีศรัทธาตอ่ อลั ลอฮฺและวนั ปรโลก เขาก็อยา่ ได้อยกู่ บั สตรีโดยท่ี ไม่มีมะห์ร็อมของเธออยดู่ ้วย เพราะคนที่สามก็คือชยั ฏอน” (บนั ทึก โดยอะห์มดั : 3/339) มีรายงานจากอามิรฺ อิบนุ เราะบีอะฮฺ เราะฎิยลั ลอฮุอันฮุ ท่านเราะสลู ศ็อลลลั ลอฮุอะลยั ฮิวะสลั ลมั กล่าวว่า “จงรู้ไว้เถิดว่า ชายคนหนึ่งจะไม่อยู่ตามลาพังกับหญิงที่ไม่เป็ นที่อนุมัติแก่เขา เพราะตนท่ีสามคือ ชยั ฏอน นอกจากจะมีมะห์ร็อมอย่ดู ้วยเท่านนั้ ” (บนั ทกึ โดยอะห์มดั : 1/18) อัล-มัจญดุดดีน (ป่ ูของอิบนุ ตัยมียะฮฺ) ได้กล่าวไว้ ใน หนังสือมุนตะกอ อัล-อัคบารฺ ว่า “ทัง้ สองหะดีษนีบ้ ันทึกโดย อิมามอะห์มัด และความหมายดังหะดีษท่ีกล่าวมาปรากฏใน รายงานของอิบนอุ บั บาสซึง่ เป็ นหะดีษที่บนั ทกึ โดยอลั -บคุ อรีย์ และ มสุ ลมิ อิมาม อัช-เชากานีย์ เราะหิมะฮุลลอฮฺ ได้ กล่าวไว้ ใน หนังสือนัยลุลเอาฏอรฺ (6/120) “และการอยู่ตามลาพังกับสตรีที่ แตง่ งานได้นนั้ เป็ นสิ่งต้องห้าม โดยมติเอกฉันท์ของปวงปราชญ์ ดงั ท่ีอบิ นุ หะญรั ฺ ได้กลา่ วไว้ในฟัตหลุ บารี และสาเหตขุ องการห้ามตาม หะดีษคือการที่มีชยั ฏอนมาเป็ นตนท่ีสามและมาอย่ดู ้วยนนั้ จะทา ให้ทงั้ สองกระทาในสิ่งท่ีฝ่ าฝื น สว่ นการอยู่กบั สตรีที่แตง่ งานได้โดย
164 มีมะห์ร็อมอยดู่ ้วยก็เป็ นสิ่งที่อนุญาต เน่ืองจากจะไมเ่ กิดการฝ่ าฝื น ขณะท่ีมะห์ร็อมอย”ู่ สตรีบางคนและผู้ปกครองของเธออาจจะไม่สนใจ ปล่อย ปะละเลยในเร่ืองการอยู่ด้วยกันตามลาพังในหลากหลายรูปแบบ อาทิ หน่ึง สตรีอยู่ตามลาพงั กับญาติใกล้ชิดของสามี และเปิ ด ใบหน้า และน่ีเป็ นการอยู่ตามลาพังท่ีอันตรายที่สุด ท่านเราะสูล ศอ็ ลลลั ลอฮอุ ะลยั ฮิวะสลั ลมั กลา่ ววา่ أَف َرأَيْ َت، يَا َرسو َل اََّّل ِل: َف َقا َل َرجل ِم ْن ا ْل َأنْ َصا ِر. »«إيَّاك ْم َوال ُدخو َل لَََع النِّ َسا ِء .» «ال ْحَ ْمو الْ َم ْوت:ال ْحَ ْم َو ؟ قَا َل ความว่า “ทา่ นทงั้ หลายจงระวงั การเข้าไปหาบรรดาสตรี” แล้วชาย คนหนึ่งจากชาวอนั ศอรฺได้กล่าวว่า โอ้ท่านเราะสูลุลลอฮฺ แล้วท่าน เห็นอย่างไรกบั น้องชายของสามี? ท่านตอบวา่ “นนั่ คือความตาย” (บนั ทกึ โดยอลั -บคุ อรีย์ : 5232 และอตั -ตริ มีซีย์ : 1171) อิบนุ หะญัรฺ เราะหิมะฮลุ ลอฮฺ ได้กล่าวไว้ในฟัตหลุ บารีว่า “อิมามอัน-นะวะวีย์กล่าวว่า นักวิชาการด้ านภาษาศาสตร์มี ความเห็นเป็ นเอกฉันท์ว่า “อัล-หัมวุ” ในสานวนหะดีษ คือ ญาติ ใกล้ชิดของสามี เช่น พอ่ ลงุ พี่น้อง หลาน ลกู พ่ีลกู น้องของเขา และ คนอื่นๆ....จดุ ประสงค์ของหะดีษคือบรรดาญาตใิ กล้ชิดของสามี แต่ ไมร่ วมถึงพอ่ และลกู ๆ ของสามี เนื่องจากพวกเขาเป็ นมะห์ร็อมของ
165 เธอ อนุญาตให้อย่กู ับตามลาพงั กับเธอได้ และพวกเขาไม่ถกู ระบุ ลกั ษณะวา่ เป็ นความตาย... การปฏิบตั ิโดยทว่ั ไปมกั จะมีการปลอ่ ย ปะละเลย โดยท่ีน้ องชายจะอยู่ตามลาพังกับภรรยาของพี่ชาย ดงั นนั้ เขาจึงถกู เปรียบเหมือนกบั ความตาย ซ่ึงสมควรเป็ นอย่างย่ิง ที่จะต้องมีการห้าม” (ฟัตหลุ บารี : 9/331) และอิมามอัช-เชากานีย์ ได้ กล่าวไว้ ในหนังสือนัยลุล เอาฏอรฺ (6/122) “คาว่าญาติของสามีคือความตาย หมายความว่า ญาติของสามีน่ากลวั ย่ิงกว่าคนอื่น ดงั ที่ความตายเป็ นสิ่งท่ีน่ากลวั มากกวา่ ส่งิ อื่นๆ” โอ้ สตรีผู้ศรัทธาเอ๋ย เธอจงยากรงต่ออัลลอฮฺเถิด และ อย่าได้ปล่อยปะละเลยในเร่ืองนี ้ เพราะว่าบรรทัดฐานนัน้ อยู่ที่ บญั ญตั ขิ องศาสนา ไมใ่ ชว่ ถิ ีปฏิบตั ขิ องมนษุ ย์ทว่ั ไป สอง สตรีบางคนและผ้ปู กครองของเธอ ปล่อยปะละเลย ในเร่ืองการโดยสารรถยนต์ไปกบั คนขบั ตามลาพงั ซึ่งคนขบั รถนนั้ ไม่ใช่มะห์ร็อมของเธอ ทัง้ ที่แท้จริงแล้วการกระทาเช่นนัน้ เป็ นท่ี ต้องห้าม ชยั ค์มุหัมมัด บิน อิบรอฮีม อาล อชั -ชยั ค์ ผู้ชีข้ าดปัญหา ศาสนาของประเทศซาอุดิอาระเบีย กล่าวไว้ใน มัจญ์มูอฺฟะตาวา เล่มที่ 10 หน้าที่ 52 ว่า “ในปัจจุบนั นีไ้ ม่มีความสงสยั อันใดเลยว่า การโดยสารของสตรีซ่ึงไปกบั คนขบั หรือเจ้าของรถตามลาพงั โดย ไม่มีมะห์ร็อมติดตามเธอไปด้วยนัน้ เป็ นสิ่งที่ชัว่ ร้ าย และมีผลเสีย
166 มากมาย ไม่อาจมองข้ามได้ ไม่ว่าสตรีนนั้ จะเป็ นเด็กที่สงบเสงี่ยม หรือเด็กเรียบร้ อยท่ีพูดคุยกับผู้ชายก็ตาม ผู้ชายที่พอใจกับการ กระทาเช่นนี ้เขาเป็ นผ้ทู ่ีไมเ่ คร่งครัด ขาดความเป็ นบรุ ุษ มีความหึง หวงน้อย” ท่านเราะสลู ศอ็ ลลลั ลอฮอุ ะลยั ฮิวะสลั ลมั กลา่ ววา่ “ไม่มี ชายคนใดที่อยู่ตามลาพังกับผู้หญิงนอกจากชัยฏอนจะเป็ นตนที่ สาม” (หะดีษบทนีไ้ ด้อ้างองิ กอ่ นนีแ้ ล้ว) และการอย่ตู ามลาพงั ในรถกบั คนขบั นนั้ ยิ่งกว่าการอย่กู บั เธอภายในบ้านและที่อื่นๆ เพราะเขาสามารถที่จะพาเธอไปไหนก็ได้ ตามท่ีเขาประสงค์ ในประเทศ นอกประเทศ ด้วยความสมคั รใจหรือ บงั คบั และจะมีผลเสียที่ร้ายแรงติดตามมา ซง่ึ มากกว่าผลเสียจาก การอย่ตู ามลาพงั ทว่ั ๆ ไป และจาเป็ นท่ีมะห์ร็อมจะต้องเป็ นผ้ใู หญ่ จงึ ไมเ่ พียงพอหากมะห์ร็อมนนั้ เป็ นเด็ก และสตรีบางคนเข้าใจผิดว่า เม่ือเธอได้พาเด็กมากบั เธอด้วยนน่ั หมายความวา่ ไม่อย่ใู นข่ายการ อยู่ด้วยกันโดยลาพังกับผู้ชายแล้ว นี่เป็ นความเข้าใจท่ีผิดพลาด มาก อิมาม อนั -นะวะวีย์ เราะหิมะฮุลลอฮฺ กล่าวว่า “เมื่อชาย และหญิงที่แต่งงานกนั ได้อยู่ตามลาพงั โดยไมม่ ีคนท่ีสามอยู่ด้วยก็ เป็ นสิ่งต้องห้ามโดยมติเอกฉันท์ และเช่นเดียวกันหากมีเด็กเล็กอยู่ พร้อมกับเขาทงั้ สอง การอยู่ด้วยกันโดยลาพังที่ต้องห้ามก็ยังคงมี อย”ู่ (อลั -มจั ญ์มอู ฺ : 9/109)
167 สำม สตรีบางคนและผ้ปู กครองของเธอปลอ่ ยปะละเลยให้ สตรีเข้าไปหาหมอ โดยอ้างวา่ มีความจาเป็นที่เธอจะต้องรักษา และ น่ีเป็นสิ่งที่ชวั่ ร้ายมาก อนั ตรายย่งิ และไม่อนญุ าตให้ยอมรับและน่ิง เฉยตอ่ ข้ออ้างเชน่ นี ้ ชัยค์มุหัมมัด บิน อิบรอฮีม กล่าวไว้ในมัจญ์มูอฺฟะตาวา (10/13) ว่า “และอยา่ งไรก็ตาม การอย่ตู ามลาพงั กบั สตรีที่แตง่ งาน กันได้ เป็ นสิ่งต้องห้ามตามบทบญั ญัติ แม้กระท่งั หมอท่ีจะมาทา การเยียวยาเธอก็ตาม เนื่องจากหะดีษที่ว่า “ไมม่ ีชายคนใดที่จะอยู่ กบั สตรีโดยลาพงั นอกจากชยั ฏอนจะเป็ นตนท่ีสาม” ดงั นนั้ จาเป็ นที่ จะต้องมีคนหนึ่งคนใดอย่กู บั เธอด้วย จะเป็ นสามีหรือมะห์ร็อมคน อื่นๆ ถ้าหากมะห์ร็อมไมพ่ ร้อมก็ให้มีญาติของเธอที่เป็ นผ้หู ญิง แล้ว หากไมม่ ีคนหนง่ึ คนใดจากที่กลา่ วมาแล้ว ในขณะความเจ็บป่ วยถึง ขนั้ อนั ตรายไม่สามารถรอช้าได้ อยา่ งน้อยก็ต้องให้พยาบาลหรือคน อื่นอยู่ด้ วย ทัง้ นีก้ ็เพื่อให้ รอดพ้ นจากการอยู่กันตามลาพังท่ี ต้องห้าม” และเชน่ เดยี วกนั ไมอ่ นญุ าตให้หมออยกู่ บั สตรีโดยลาพงั ไม่ วา่ เธอจะเป็นหมอ เป็ นเพื่อน หรือเป็นพยาบาลก็ตาม ไม่อนญุ าตให้ ครูชายซ่ึงตาบอดหรืออ่ืนๆ อยู่ตามลาพงั กับนกั เรียนหญิง และไม่ อนญุ าตให้พนกั งานต้อนรับบนเคร่ืองบินไปอยตู่ ามลาพงั กบั ผ้ชู าย สาหรับเร่ืองนี ้ ผู้คนทัง้ หลายได้ปล่อยปะละเลย โดยอ้าง ความทันสมัย เลียนแบบต่างศาสนิกอย่างเงยหัวไม่ขึน้ และไม่
168 สนใจใยดีตอ่ บทบญั ญัตศิ าสนา ดงั นนั้ ไมม่ ีอานาจและไม่มีพลงั อนั ใดนอกจากต้ องพ่ึงพาอัลลอฮฺ ผู้ทรงสูงส่งและทรงไพศาล – ลาเหาละ วะลา กวู ์วะตะ อิลลา บลิ ลาฮลิ อะลียิลอะซีม และไม่อนุญาตให้ ผู้ชายอยู่ตามลาพังกับคนใช้หญิงที่ บริการอยใู่ นบ้านของเขา และไมอ่ นญุ าตให้สตรีเจ้าของบ้านอยกู่ บั คนใช้ผ้ชู ายโดยลาพงั สาหรับปัญหาคนรับใช้นนั้ เป็ นปัญหาท่ีร้ายแรง ซึ่งผ้คู นใน สมัยนีป้ ระสบกันมาก เพราะผู้หญิงยุ่งอยู่กับการศึกษาและการ ทางานนอกบ้าน และน่ันเป็ นส่ิงที่ผู้ศรัทธาจาเป็ นต้องระวังเป็ น อยา่ งย่ิงและหลีกเล่ียงให้มาก และอยา่ ยอมท่ีจะแลกกบั ประเพณีท่ี ไมด่ ีทงั้ หลายแหล่ เพ่มิ เตมิ : ห้ำมสตรีจับมือกับผู้ชำยท่ไี ม่ใช่มะห์ร็อม ชัยค์อับดุลอะซีซ บิน บาซ ประธานองค์การค้นคว้าด้าน วิชาการ การชีข้ าดปัญหาศาสนา และการเรียกร้องเชิญชวน กล่าว ไว้ในอลั -ฟะตาวา ซ่ึงสถาบนั การเผยแพร่และการเรียกร้องเชญิ ชวน จัดพิมพ์ (1/85) ว่า “ไม่อนุญาตให้ สตรีจับมือผู้ชายที่ไม่ใช่ได้ มะห์ร็อมในทกุ กรณี ไมว่ า่ พวกเธอจะเป็ นสาวหรือชราก็ตาม ไม่ว่า ผู้ชายท่ีจบั มือนัน้ จะเป็ นเด็กหนุ่มหรือคนแก่ก็ตาม เน่ืองจากการ กระทาเชน่ นนั้ เป็ นอนั ตรายแก่ทกุ คน มีรายงานท่ีเชื่อถือได้จากท่าน เราะสลู ศอ็ ลลลั ลอฮอุ ะลยั ฮิวะสลั ลมั กลา่ ววา่
169 »« ِإِ ِّّن َل أ َصا ِفح النِّ َسا َء ความว่า “แท้จริง ฉันจะไม่จบั มือกับบรรดาสตรี” (บนั ทึกโดยอัน- นะสาอีย์ : 4181) และทา่ นหญิงอาอชิ ะฮฺ เราะฎิยลั ลอฮอุ นั ฮา กลา่ ววา่ َأنَّه ا ْم َرأَة َو َس َلّ َم ي َبايِعه َّن َغ ْي َر َق ُط يَ َد َعلَيْ ِه اََّّلل َصََّل اََّّل ِل َرسو ِل يَد َم َّس ْت َواََّّل ِل َما .بِالْلَََك ِم ความว่า “ขอสาบานต่ออลั ลอฮฺ มือของท่านเราะสูล ศ็อลลัลลอฮุ อะลยั ฮิวะสัลลมั ไม่เคยสัมผสั กับมือของหญิงคนใดเลย เพียงแต่ ทา่ นทาสตั ยาบนั กบั พวกเธอด้วยคาพดู เท่านนั้ ” (บนั ทึกโดยมสุ ลิม : 1866) และไมม่ ีความแตกตา่ งกนั ระหวา่ งการจบั มือโดยมีสิ่งขวาง กนั้ หรือไมม่ ีส่ิงขวางกนั้ ก็ตาม เน่ืองจากหลกั ฐานตา่ งๆ ที่ครอบคลมุ และเพื่อปิดชอ่ งทางท่ีจะนาไปสคู่ วามวนุ่ วาย ชัยค์มุหัมมัด อัล-อะมีน อัช-ชันกีฏีย์ กล่าวไว้ในตัฟซีรฺ อัฎวาอ์ อัล-บะยาน (6/602-603) ว่า “พึงทราบเถิดว่า ไม่เป็ นท่ี อนญุ าตสาหรับผ้ชู ายและผ้หู ญิงท่ีแต่งงานกันได้จะจบั มือกนั และ ไม่อนุญาตให้สัมผัสร่างกายกับร่างกาย และหลักฐานในเรื่องราว ดงั กลา่ วนนั้ มีมากมาย หน่ึง ท่านเราะสูล ศ็อลลลั ลอฮุอะลยั ฮิวะสลั ลัม กล่าวว่า “แท้จริงฉนั จะไมจ่ บั มือกบั บรรดาสตรี...” และอลั ลอฮฺตรัสวา่
170 ﴿ ل َق أد ََك َن َل ُك أم ِف َر ُسو ِل ٱّل ِل أُ أس َوة َح َس َنة لِّ َمن ََك َن َي أر ُجوا ٱّل َل َوٱ أّ َل أو َم ٱٓأۡل ِخ َر ]٢١ : ﴾ [الأحزاب٢١ َو َذ َك َر ٱّل َل َكثِّيا ความว่า “โดยแน่นอนในเราะสลู ของอลั ลอฮฺมีแบบอย่างอนั ดีงาม สาหรับพวกเจ้าแล้ว” (อลั -อะห์ซาบ : 21) ดงั นนั้ เราจะต้องไม่จบั มือกับสตรี เพ่ือเป็ นการดาเนินตาม ทา่ นเราะสลู ศอ็ ลลลั ลอฮอุ ะลยั ฮวิ ะสลั ลมั และหะดีษดงั กลา่ วเราได้ นาเสนอมาแล้วในการอธิบายอลั กรุ อาน ซูเราะฮฺ อลั -หจั ญ์ในเรื่อง ที่ว่าด้วยการห้ามไม่ให้ผ้ชู ายสวมใส่เสือ้ ผ้าที่ย้อมสีเหลือง ทกุ กรณี ในพิธีกรรมหัจญ์ หรืออุมเราะฮฺ และอ่ืนๆ และในซูเราะฮฺ อัล- อะห์ซาบเก่ียวกบั เรื่องหิญาบ และการที่ทา่ นเราะสลู ศอ็ ลลลั ลอฮอุ ะลยั ฮวิ ะสลั ลมั ไมจ่ บั มือกบั บรรดาสตรีในขณะที่ทาสตั ยาบนั นนั้ เป็ นหลกั ฐานท่ีชดั แจ้ง ว่าผู้ชายนัน้ จะไม่จับมือกับผู้หญิง และร่างกายของเขาจะไม่ไป สมั ผสั กับร่างกายของเธอ เพราะว่าการจบั มือเป็ นการสมั ผสั ที่เบา ที่สุดจากประเภทของการสัมผัส ดงั นนั้ เม่ือท่านนบี ศ็อลลัลลอฮุ อะลยั ฮิวะสลั ลมั ไม่จบั มือในเวลาท่ีมีความจาเป็ น นนั่ ก็คอื เวลาการ ทาสตั ยาบนั ก็บ่งบอกการจบั มือไม่เป็ นท่ีอนญุ าต และไม่อนญุ าต ให้คนหน่ึงคนใดขัดแย้งกับท่าน เพราะท่านเป็ นผู้วางบทบญั ญัติ ให้แก่ประชาชาติของท่าน โดยคาพูด การกระทาต่างๆ และการ ยอมรับของทา่ น
171 สอง เราเคยนาเสนอแล้วว่า บรรดาสตรีเป็ นเอาเราะฮฺ (สิ่ง พึงสงวน) ดังนัน้ เธอต้องสวมใส่หิญาบ และการที่มีคาสั่งให้ลด สายตาเนื่องจากเกรงว่าจะเกิดอนั ตราย และไม่เป็ นที่สงสยั เลยว่า การสัมผัสร่างกายกับร่างกายนัน้ เป็ นส่ิงท่ีทาให้เกิดและชักนา ความรู้สึกได้ ดีที่สุดมากกว่ามองด้ วยสายตา และบุคคลที่มี หลกั ธรรมยอ่ มรู้วา่ น่ีคอื ความจริง สำม การจับมือจะเป็ นตวั นาสู่การเสพสุขกับสตรีที่ไม่ใช่ ภรรยา เน่ืองจากสมยั นีค้ วามยาเกรงลดน้อยลง ขาดความซ่ือสตั ย์ และไม่มีการออกห่างจากส่ิงท่ีทาให้เกิดความระแวง ซึ่งเราก็ได้ บอกหลายต่อหลายครัง้ แล้วว่า สามีบางคนจูบพ่ีน้องสาวของ ภรรยา ด้วยการจูบปากต่อปาก และเรียกการจูบดงั กล่าวว่า -ซึ่ง เป็ นท่ีต้องห้ามโดยมติเอกฉันท์- ว่าเป็ นการทกั ทายให้เกียรติ พวก เขาจะกล่าวกันว่า ท่านจงทกั ทายแก่เธอ พวกเขาหมายถึงว่าท่าน จงจูบเธอ ดงั นนั้ ความจริงที่ไม่ต้องสงสยั ใดๆ คือการออกห่างจาก ฟิ ตนะฮฺและสาเหตทุ ี่ทาให้เกิดความระแวง และท่ีใหญ่หลวงท่ีสุด คือการสัมผสั เรือนร่างของสตรีท่ีแต่งงานกันได้ และทุกช่องทางที่ นาสสู่ ิง่ ต้องห้ามนนั้ จาเป็นจะต้องปิดให้สนิท บทส่งท้ำย โอ้บรรดาผู้ศรัทธาทงั้ หลาย ฉันขอเตือนพวกท่านให้ราลึก ถงึ คาสงั่ ของอลั ลอฮฺ ในคาตรัสของพระองคท์ ี่วา่
172 ِِهوَّأِيَ]ِألهبأَنَأيبنجتِنَنَُهََأانِٓهصىأأئمَِولَرَِِهنَ أىمَِهَذىعمَنلوِاَينُتأَ َُأ أَجوظوكَموُُيبَهَلَيََأأٓووُأاربأبأزَِكحَن َإوِِهآَفا َىأكِءأتنلظ َلَُبََََأَٱُهونىُأعيَّعأمَوفُللمىَلِلُإِرُنَتُِعي ُوهِهأنأَبو ََِججِنٱندىر ُيّيه َأأَلًعَِأَنتلوونا٣رٱئِنأورَِِز١ناأَُُٓمأ- َنُِبِسملُف٣ِِِهونأنفِاِم٠َ أَُضَّتيوظِِنط:َرِأنىَه ََامِهَءجَ ِااخ﴾أتمَبََوَماِوٓىأ[الَّيَتاِِءَول ألأَغَُِيهُنُبأأِۡيوُأوُنعحضِفِضٱرَوفَأأبلأَل٣ِعصىأنأَّولَر١ىمۡأأَضَِلِنلأأوورَُتواِهأ َرأُقُمفجََءبانِالمِللِِةبَ ََأأِاهُٓنّلحِظأئِِومألَوهنَِهأ ََُمأبََبرننِّنأ ُِؤلَٱِٓأمَِملأن٣كإِٱنبَِأأو٠َٱٱِإأَزِوَيللخي﴿َأّنَِبهِنَختلى ُّقََتَٱبِوسىُلُيأُيهانِِعٓلُأبمبِِهِءنّألَِِؤَدميألإَنيِاِمو َُُنمََأيَلنَ أوأغلؤوأِأَِِّمِزصَينُليَِبنَينِ ُعألََۡنُِأُعوَتََٓعنيوِضَولُهلأتبَِِإَِني ِهَنلنأُغ ُخ ความวา่ “จงกล่าวแก่บรรดาผ้ศู รัทธาชายเถิด ให้พวกเขาลดสายตา ของพวกเขา และรักษาอวยั วะเพศของพวกเขา แท้จริงอลั ลอฮฺเป็นผู้ รอบรู้ในสิ่งที่พวกเขากระทา และจงกล่าวแก่บรรดาผ้ศู รัทธาหญิง เถิด ให้พวกเธอลดสายตาของพวกเธอ และรักษาอวยั วะเพศของ พวกเธอ ไมน่ าเอาเครื่องประดบั ของพวกเธอมาแสดง นอกจากสิ่งที่ อยู่ภายนอกเท่านนั้ และพวกเธอจงเอาผ้าคลุมศีรษะของพวกเธอ มาคลมุ คอเสือ้ ของพวกเธอ และไม่นาเคร่ืองประดบั ของพวกเธอมา แสดง นอกจากแก่สามีของพวกเธอ พ่อของพวกเธอ พ่อของสามี ของพวกเธอ ลูกของพวกเธอ ลูกของสามีของพวกเธอ พี่น้องชาย ของพวกเธอ ลกู ของพี่น้องชายของพวกเธอ ลกู ชายของพี่น้องหญิง ของพวกเธอ พวกผู้หญิงของพวกเธอ พวกทาสของพวกเธอ พวก ติดตามท่ีไม่มีความต้องการทางเพศจากพวกผ้ชู าย หรือเดก็ ท่ีพวก เขาไม่รู้จกั สิ่งท่ีพึงสงวนตา่ งๆ ของสตรี และพวกเธออย่าได้เอาเท้า ของพวกเธอกระแทกพืน้ เพื่อให้ รู้ถึงส่ิงท่ีพวกเธอซ่อนไว้ จาก
173 เคร่ืองประดบั ของพวกเธอ และพวกเจ้าจงกลับเนือ้ กลับตวั ต่ออัล ลอฮฺอย่างพร้ อมเพรียงกัน โอ้บรรดาผู้ศรัทธา หวังว่าพวกเจ้าจะ ประสบความสาเร็จ” (อนั -นรู ฺ : 30-31) มวลการสรรเสริญนัน้ เป็ นสิทธ์ิของอัลลอฮฺ ความจาเริญ และสนั ติจงมีแดท่ า่ นเราะสลู ศ็อลลลั ลอฮอุ ะลยั ฮิวะสลั ลมั วงศ์วาน ของทา่ น และบรรดาสาวกทงั้ มวล .وصَل الله لَع ُممد وآَل وصحبه وسلم
174 หนังสือท่ีประมวลบทบัญญัตติ ่ำงๆ ในอิสลำมท่ีเก่ียวข้องกับ สตรีเป็ นกำรเฉพำะ รวบรวมประเด็นต่ ำงๆ โดยสังเขป ประกอบด้วยบทบัญญัติท่ัวไป บัญญัติเก่ียวกับกำรตกแต่ง เรือนร่ำงของสตรี บัญญัติเก่ียวกับเลือดประจำเดือน เลือด เสีย และเลือดหลังคลอด เสือ้ ผ้ำและหิญำบ กำรละหมำด กำรจัดกำรศพ กำรถือศีลอด กำรประกอบพิธีหัจญ์ และ อุมเรำะฮฺ กำรเป็ นสำมีภรรยำและกำรสิน้ สุดระหว่ำงกัน บัญญัติต่ำงๆ ท่ีจะปกป้ องรักษำเกียรติ ศักด์ิศรี และควำม บริสุทธ์ิของสตรี
175
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105
- 106
- 107
- 108
- 109
- 110
- 111
- 112
- 113
- 114
- 115
- 116
- 117
- 118
- 119
- 120
- 121
- 122
- 123
- 124
- 125
- 126
- 127
- 128
- 129
- 130
- 131
- 132
- 133
- 134
- 135
- 136
- 137
- 138
- 139
- 140
- 141
- 142
- 143
- 144
- 145
- 146
- 147
- 148
- 149
- 150
- 151
- 152
- 153
- 154
- 155
- 156
- 157
- 158
- 159
- 160
- 161
- 162
- 163
- 164
- 165
- 166
- 167
- 168
- 169
- 170
- 171
- 172
- 173
- 174
- 175
- 176
- 177
- 178