Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore การนำหลักการบริหารจัดการมาประยุกต์ใช้ในสถานการณ์ต่างๆ 9

การนำหลักการบริหารจัดการมาประยุกต์ใช้ในสถานการณ์ต่างๆ 9

Published by armtonwut2540, 2017-07-03 00:53:46

Description: การนำหลักการบริหารจัดการมาประยุกต์ใช้ในสถานการณ์ต่างๆ 9

Keywords: การนำหลักการบริหารจัดการมาประยุกต์ใช้ในสถานการณ์ต่างๆ

Search

Read the Text Version

การบริหารการศึกษาอนั นาไปสู่การพฒั นาประเทศไทย โดย ดร.จรวยพร ธรณนิ ทร์ ปลดั กระทรวงศึกษาธิการ วนั ศุกร์ท่ี 27 กรกฎาคม 2550 เวลา13.30-16.00น. ณ ห้อง105 อาคารมหาจุฬาลงกรณ์ คณะอกั ษรศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวทิ ยาลยั ในโอกาสจฬุ าฯครบ90ปี

ขอบข่ายสาระ•1. ทาไมการศึกษาคอื ปัจจยั อานาจพฒั นาประเทศไทย•2. ประเมนิ พลงั อานาจของการศึกษาไทย•3. ผลประเมนิ : การศึกษาคอื จุดอ่อนของประเทศไทย•4. จุดอ่อนการศึกษาไทยอยู่ทไ่ี หน•5. อะไรทาให้โรงเรียนดี มตี วั อย่างดๆี จากประเทศทที่ าดๆี•6. การศึกษาไทยทกี่ าลงั ทาอยู่ พอจะมหี วงั หรือไม่• กรณีตวั อย่างให้ท่านช่วยเสนอแก้ปัญหาโรงเรียนขนาดเลก็ สพฐ. 2

ทาไมการศึกษาคอื อานาจ 3ลาดบั ความคาดหวงั จากการศึกษาขยบั สูงขึน้ เร่ือยมา•พออ่านออกเขยี นได้•รู้พอทามาหากนิ ได้•เอาตวั ให้รอด รู้ทนั ผู้คนในสังคม•ต้องจดั การความรู้ในองค์กร•สร้างสังคมแห่งการเรียนรู้•ต้องแข่งขนั ได้ในเวทีโลก

ประเมินสถานภาพการศึกษาไทย1.วดั จากศกั ยภาพการแขง่ ขนั ทกุ ดา้ นของประเทศ รวมการศกึ ษาโดยใชด้ ชั นIี MD2.วดั จากดชั นคี ณุ ภาพนกั เรยี นPISA (Programme for International Assessment)3.วดั จากค่าใช้จ่ายโดยWorld Bank4.วดั จากดชั นกี ารศึกษาเพอื่ ปวงชนของUNESCO5.ใช้การประเมินคณุ ภาพโดยสานกั งานประเมินและรับรอง คณุ ภาพการศึกษา (สมศ.) 4

อนั ดบั สมรรถนะด้านการศกึ ษาของไทย พ.ศ. 2545-25496050 48 46 4840 413020 21100 2545 2546 2547 2548 2549IMD: อนั ดบั สมรรถนะการศกึ ษาไทย 48จาก61ปี 2549 5

2.วัดคณุ ภาพนักเรียน&รายได้ประชาชาติ(TIMSS และ PISA)(reading, matAhveermaagtiecpalerafonrdmscainecnetific literacy) 550 LVARUS KOR NZL ESPGHFIBRKTSRAAGWEBDEFAAELIJNUIUUSPSTLNCIDRALNNCKHE NOR 500 450 CZE USA HUN POL GRC ไทยคาบเส้นBGR THA PRT ISR LUX 400 MEX ARG MKD CHL IDN ALB BRA 350 PER 300 0 5000 10000 15000 20000 25000 30000 35000 40000 45000 6 ปิ ยะบตุ ร ชลวิจารณ์ : GDP per capita (US$ converted using PPPs)

วดั คูณภาพนักเรียนจากการอ่าน (PISA 2000) คะแนนเฉลย่ี และอนั ดบั ของประเทศเอเซียประเทศ ฮ่องกง เกาหลี ญี่ป่ นุ ไทย อนิ โดนีเซียอนั ดับท่ี 6 6 9 32 39คะแนน 525 525 522 431 367 เฉลยี่หมายเหตุ : อนั ดบั ที่ 1. ฟิ นแลนด์ 2. แคนาดา 3. ออสเตรเลยี 7

คณติ ศาสตร์ (TIMSS และ PISA)(จานวSนtuปdรyะเทศ) สิงคโปร์ ญป่ี ่ ุน ลาดบั ทข่ี องประเทศ ไทย อนิ โดนีเซีย เกาหลี ฮ่องกง ไต้หวนัTIM(S4S1-)1995 1 3 2 4 ไม่ทา 20 ไม่ทาTIM(S3S8-)1999 1 5 2 4 3 27 34TIM(S4S6-)2003 1 5 2 3 4 ไม่ทา -PIS(A412)000 ไม่ทา 2 3 1 ไม่ทา 32 39PIS(A402)003 ไม่ทา 1-3 2-4 2-4 ไม่ทา 34-36 38-40

วทิ ยาศาสตร์ ลาดบั ทข่ี องประเทศในการประเมนิ ผล Study สิงคโปร์ ญปี่ ่ ุน เกาหลี ฮ่องกง ไต้หวัน ไทย อนิ โดนีเซีย(จานวนประเทศ)SISS-1985 10 2 9 17 ไม่ทา 15 ไม่ทา (26)TIMSS-1995 1 3 4 24 ไม่ทา 22 ไม่ทา (41)TIMSS-1999 2 4 5 15 1 24 32 (38)TIMSS-2003 1 634 2 ไม่ทา 36 (46)PISA 2000 ไม่ทา 2 1 3 ไม่ทา 32 37 (41)PISA 2003 ไม่ทา 2 4 3 ไม่ทา 36 38 (40)

 (ทPกั IษSAะก2า0ร0แ3ก)้ปัญหา 10 อนั ดับ Problem solving 1 เกาหลี 2 จนี -ฮ่องกง 3 ฟิ นแลนด์ 4 ญ่ีป่ ุน 5 นิวซีแลนด์ 6 จีน-มาเก๊า ไทย อนั ดบั 34 และอยู่ท่ี 25%ท้ายสุด

PISA บอกปัจจยั ทสี่ ่งผลต่อการเรียนรู้1 เวลาเรียนของนักเรียนไทยน้อยกว่าทอี่ นื่2 เศรษฐกจิ และ ทรัพยากรการเรียน - ทรัพยากรโครงสร้างพนื้ ฐานมคี วามสัมพนั ธ์ตา่ กบั คะแนนคณติ ศาสตร์ - ทรัพยากรการเรียนส่งผลต่อผลการเรียนรู้โดยตรง3 ขาดครูทส่ี ามารถสอนได้ดี4 ภูมหิ ลงั ทางเศรษฐกจิ และสังคมของครอบครัว

PISA บอกพบจดุ อ่อนการเขยี นของนักเรียนอาย1ุ 5ปี•เขยี นหนังสือผดิ และสะกดหนังสือผดิ พบมากทสี่ ุด•ใช้คาผดิ ไม่สามารถแยกแยะระหว่างภาษาพูดกบั ภาษาเขยี น•เรียงประโยคไม่เป็ น เขียนไม่เป็ นประโยค•เรียบเรียงความคดิ ลงเป็ นการเขยี นไม่ได้ วกวน หา จุดสาคญั ไม่ได้

เวลาทีใ่ ช้ในการเรียนวิชาคณิตศาสตร์ (TIMSS 1999) ประเทศ เววลชิาทาคี่ใชณ้ในิตศกาาสรเตรรีย์ น 13 ฟิ นแลนด์ ป.4 ป. 6 ม. 2 จีน-ไทเป 16% 16% 16% จีน-ฮ่องกง 12% 18% 11% อินโดนีเซีย 15% 15% 15% ญปี่ ่ ุน 14% 14% 14% เกาหลี 17% 17% 13% มาเลเซีย 14% 13% 12% ฟิ ลิปปิ นส์ 20% 20% 13% สิงคโปร์ 12% 11% 10% ไทย 22% 20% 15% 8% 8% 8%

จานวนปี การศึกษาทีไ่ ด้รับการศึกษาเฉลย่ี ของคนไทย ปี 2543-254716 14.0 15-21 ปี14 12.8 11.612 9.8 10.1 10.710 9.5 9.6 9.7 7.9 8.2 8.3 8.6 90 9.5 7.8 7.7 7.8 8 15-59 ปี64202543 14 2544 2545 2546 2547 2548 2549 2550 2551 2552

ทรัพยากรโครงสร้างพนื้ ฐาน (PISA 2003)ค่ าดัช นี เกาหลี อินโดนเี ซีย ค่าเฉล่ีย OECD 0.80 ไทย จีน-ฮ่องกง 0.60 ญ่ีป่ นุ 15 0.40 จีน-มาเก๊า 0.20 0.00 -0.20 -0.40 ไทยไม่ขาดแคลน (ดชั นีมคี ่าเท่ากบั OECD)

แหล่งเรียนรู้ (PISA 2003)ค่ าด0.ัช8น0 ี เกาหลี จีน-มาเก๊า ค่าเฉลยี่ 0.60 จีน-ฮ่องกง OECD 0.40 ญ่ีป่ นุ 0.20 0.00  -0.20 ไทย -0.40 อินโดนเี ซีย -0.60 -0.80ไทยขาดทรัพยากรการเรียน (ดชั นีตา่ กว่าค่าเฉลยี่ )

3.วัดจากลกั ษณะการกระจายงบประมาณ (World Bank)ประเทศส่วนใหญ่จะจัดสรรงบการศึกษาพนื้ ฐานมากกว่าระดบั อนื่ ๆ รูปปิ รามดิ ฐานแคบลง รูปเพชร ปิ รามดิ หวั กลบั เอเชียตะวนั ออก เอเชียตะวนั ออก (สหรัฐอเมริกา) (ประเทศส่วนใหญ่, circa 1960) 1980s) ปัจจบุ ัน…บางประเทศเน้นหลงั มัธยม อุดมศึกษา มัธยม ประถม (ไทย) Source : World bank 2003

4.ประเมินสถานภาพการศึกษาจากสภาพจริง 4.1 งบประมาณ การศึกษา 2000-2005ปี งบประมาณ 2000 2001 2002 2003 2004 2005งบการศึกษา 200,621 221,603 222,900 225,092 251,233 262,938(ล้านบาท) 24.4 21.9% งบทั้งประเทศ 25.7 24.4 21.8 23.5ปAี 2s 0%0o6f AGsD%P of 4G.5DP=3.44.13 / ปี 420.17=3.864/.0ปี 20083.9=3.323.7ยเู นสโกแนะนางบการศึกษาต่อGDPท่ีเหมาะสมต้อง8%

4.2 เปรียบเทยี บการรับนักเรียอนานชีักวศะึกคษอื าจปุดี กอาร่อศนึกษา 2548-25491000000 900000 953,980 800000 953,832700000600000 586,523 566,978500000400000 414,337 327,298300000 303,779200000 395,585 196,089100000 200,7590 ม.1 ม.4 ปวช.1 ปวส.1 มหา’ลัย ปี 1 ปปีี กกาารรศศกกึึ ษษาา 2548 2549

จานวนนิสิต/นักศึกษา ปี 2547 ปริญญาตรี500000 491181450000400000 จุดอ่อนไทย นิสิตเลอื กเรียนสังคมศาสตร์350000300000250000200000 39497 63235150000100000 64126 33626 45950 0 6801 500000 สงั คมศาสตร์ 20 มนษุ ยศาสตร์ สวศิขุ วภการพรแมละสวสั ดกิ าร วเกทิ ษยตาศรศาสาสตตรร์ ์

4.3 ขาดแคลนครู เกอื บ1แสนคน60,000 50,45650,00040,000 21,49230,000 20,10820,000 2,81410,000 สพฐ สอศ. สกอ. กศน. 0 21

4.4 การประเมนิ คุณภาพภายนอกสถานศึกษา โดยสมศ.ระดบั ข้นั พนื้ ฐาน (รอบแรก พ.ศ. 2544-2548) จานวน 30,010 แห่ง กว่า 90%เป็ นโรงเรียนประถมศึกษา 19,507 แห่ง 10,53053%แห่ง 65%560 โรงเรียนมคี ะแนนต่าสุด : ต้องรีบเร่งปรับปรุง

แสดงร้อยละของสถานศึกษาข้นั พนื้ ฐานทมี่ รี ะดบั คุณภาพดี จาแนกตามรายมาตรฐาน (มฐ.)100 83.6 95.2 80 71.2 60 6040 24.6 11.720 10.50มฐ.1 มฐ.4 มฐ.5 มฐ.6 มฐ.9 มฐ.10 มฐ.12

รายงานการติดตามภาคการศึกษาของไทยปี 2549 โดยสศช. • คนไทยอายุ15 ปี ขนึ้ ไป อ่านออกเขยี นได้95% ของประชากรในปี 2548 ดเี ชิงปริมาณ แต่คุณภาพมจี ุดอ่อน • สานักรับรองมาตรฐานและประเมนิ คุณภาพการศึกษา ปี 2544-2548 จานวน 30,010 แห่ง พบว่ามีโรงเรียนที่ผ่านเกณฑ์การประเมนิ เพยี ง 35% ของท้งั หมด • สถานศึกษาในภาคกลางได้มาตรฐานสูงสุด 51% • ภาคตะวนั ตก 44% ภาคตะวนั ออก 41% • ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ 34% ภาคเหนือ 31% • ภาคใต้ 30%

การตดิ ตามภาคการศึกษาของสศช.ปี 2549• สพฐ.ดูแลนักเรียน 8.7ล้านคน(75.8% ของท้งั ประเทศ) มี โรงเรียนทผ่ี ่านเกณฑ์ประเมนิ เพยี ง 34% ตา่ กว่าค่าเฉลยี่ ท้งั ประเทศ• โรงเรียนเอกชนทม่ี นี ักเรียนประมาณ 1.9 ล้านคน คดิ เป็ น 16.6% กผ็ ่านเกณฑ์มาตรฐานเพยี ง 49% เท่าน้ัน• สัดส่วนครูต่อนักเรียนของรร.สังกดั สพฐ.ในปี 2548 เกนิ เกณฑ์ มาตรฐานทก่ี าหนดไว้ว่าครู 1 คน ต่อนักเรียน 25 คน ถงึ 13.8%• ครูสอนหลายวชิ า รวมทางานธุรการ การเงิน รับส่งหนังสือวชิ าการ ดูแล ร้านค้าสวสั ดกิ ารของโรงเรียน ต้องสอนควบห้องอน่ื ด้วย ในกรณคี รูทร่ี ับผดิ ชอบมภี ารกจิ ราชการอนื่

การติดตามภาคการศึกษาของประเทศไทยปี 2549 สศช.• เยาวชนได้รับการศึกษาภาคบงั คบั ทว่ั ถงึ แต่คุณภาพการศึกษาไม่ดขี ึน้• จากผลสัมฤทธ์ิทางการเรียนระดบั ชาติ ปี 2549 พบว่านักเรียนสอบได้ คะแนนอยู่ในเกณฑ์ตา่ กว่าร้อยละ 50 เกอื บทกุ วชิ า• ป6 ภาษาไทยได้คะแนนร้อยละ 42.74• ภาษาองั กฤษได้คะแนนร้อยละ 34.51• คณติ ศาสตร์ได้คะแนนร้อยละ 38.87• ม 3 คณิตศาสตร์ได้คะแนนร้อยละ 31.15• ภาษาองั กฤษได้คะแนนร้อยละ 30.85 เป็ นต้น

การติดตามภาคการศึกษาของประเทศไทยปี 2549 สศช.•สรุปผลสัมฤทธ์ิทางการศึกษาทุกระดบั ของนักเรียนไทยมี ปัญหาอยู่ในระดบั วกิ ฤตต้องแก้ไขด่วน•สาเหตุของปัญหาน่าจะมาจากระบบการให้บริการทาง การศึกษาท้งั ด้านคุณภาพสถานศึกษาและครูผู้สอนยงั มี จุดอ่อนอยู่มาก•ดงั น้ัน ต้องแก้ไขภารกจิ ครูให้เหมาะสมกบั ภารกจิ หลกัคอื การสอนหนังสือ

สานักงานคณะกรรมการพฒั นาเศรษฐกจิ และสังคมแห่งชาติ แถลงภาวะสังคมไตรมาสหน่ีง (ม.ค.-มี.ค.) ปี 2550• น่าห่วงคอื เดก็ และเยาวชนกระทาผดิ เพมิ่ ขนึ้ จาก11,045คดี ในปี 2549 เพมิ่ เป็ น11,755คดใี นปี 2550หรือเพม่ิ ขนึ้ ร้อยละ6.4• สาเหตุสาคญั กระทาผดิ ยงั คงมาจากการคบเพอื่ น มสี ัดส่วน มากท่สี ุดถงึ ร้อยละ 38.5• จานวนผู้สูบบุหรี่ประจาลดลง แต่ผู้สูบบุหรี่เป็ นคร้ังคราวเพมิ่ ขึน้ จาก 0.6 ล้านคนในปี 2534 เป็ น 1.5 ล้านคน ในปี 2549 หรือมีสัดส่วนเพม่ิ ขนึ้ จากร้อยละ 1.54 ของประชากรในปี 2534 เป็ นร้อยละ 2.97 ในปี 2549• ในจานวนนีม้ ีเดก็ และเยาวชนสูบบุหร่ีค่อนข้างมาก โดยเดก็ อาชีวะสูบบุหรี่ถึง ร้อยละ23.95ของประชากร ระดับอุดมศึกษาสูบบุหร่ีร้อยละ 22.5 และระดับมัธยม ร้อยละ 10.87

“สนช”เปิ ดเวทวี ิพากษ์ วกิ ฤตการศึกษาไทย(มตชิ น14กค2550)\"ตาราชีววทิ ยามนี ้อยมากและไม่ทนั สมยั ขาดการจูงใจให้อยากอ่าน”\"ตาราฟิ สิกส์ทม่ี อี ยู่ไม่น่าภาคภูมใิ จ ท้งั ทน่ี ่าจะพฒั นาให้ดขี นึ้ ได้ ““ปัญหาหลกั คณติ ศาสตร์ ครูส่วนใหญ่ไม่จบคณติ ศาสตร์”\"การศึกษาไทยวกิ ฤตทกุ จดุ และทกุ ระดบั ต้งั แต่ข้ันพนื้ ฐานถึงระดบั อดุ มศึกษา ชัดเจนมากทสี่ ุดคอื บณั ฑติ ทจ่ี บสถาบนั อดุ มศึกษาไม่มีคุณภาพ”\"ทผ่ี ่านมาปัญหาระบบแอดมสิ ชั่นส์เกดิ จากการองิ ค่าคะแนนการเรียนตลอดหลกั สูตรม.ปลายมากเกนิ ไป ท้ังที่แต่ละโรงเรียนมีมาตรฐานต่างกนั เท่าท่ี สทศ.วเิ คราะห์พบว่า มีโรงเรียนให้เกรดเฟ้ อกว่า 47เปอร์เซ็นต์ ปัจจุบันมีนักเรียนม.6 ทไ่ี ม่รู้ว่าตัวเองต้องการจะเข้าเรียนสาขาใด”

ผลประเมินทุกฝ่ าย : การศึกษาคอื จดุ อ่อนของประเทศไทย ม.ร.ว.ปรีดยิ าธร เทวกลุ ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) สรุป งานสัมมนาประจาปี 2549 ของธปท.ในหัวข้อ “ประเทศไทยกบั การก้าวสู่เศรษฐกจิ เอเชียยุคใหม่ ” (ใช้ข้อมูลธนาคารโลก) *จุดอ่อนท่ีสุดของประเทศไทยคอื ด้านการศึกษา ส่ งผลต่อความสามารถในการแข่งขันและการปรับ โครงสร้างเศรษฐกจิ ของประเทศไทย 24

แก้จดุ อ่อนการศึกษาไทย (ข้อเสนอธปท.)•1.จุดอ่อนทเ่ี ดก็ อายุก่อน6ขวบซ่ึงเป็ นช่วงเหมาะสมทสี่ ุดใน การพฒั นา โดยธปท.มองว่าควรจะเพม่ิ ท้งั การอบรมสั่งสอน และการให้ความรู้ ซ่ึงจะดมี ากหากเพม่ิ การศึกษาภาคบงั คบั จาก12 ปี เป็ น 15 ปี•ให้เร่ิมจากประมาณ 3 ขวบ เพอื่ ให้เดก็ ไปโรงเรียนเร็วขนึ้ ซ่ึง รัฐบาลควรให้การอบบรมผ่านครูและการให้กนิ นมหรือ อาหารเสริมจากโรงเรียนได้ซ่ึงดกี ว่าการให้เงนิ พ่อแม่ 25

ทาไมการศึกษาจงึ เป็ นจดุ อ่อนทส่ี ุดของประเทศไทย•2. ต้องยกระดบั โรงเรียนของรัฐบาลและโรงเรียนใน ชนบทให้เท่าเทยี มกบั โรงเรียนเอกชน เพอื่ ลดช่องว่างคน รวยและคนจนให้ห่างกนั น้อยลง•3. ดูแลครูเพมิ่ ขนึ้ ท้งั ในด้านการเสริมความรู้ การดูแล ด้านหนีส้ ิน และปรับโครงสร้างเงินเดอื นให้สามารถใช้ ชีวติ อยู่ได้• 4. ห่วงความไม่เท่าเทยี มทางการศึกษา คนภาคอสี านได้รับการศึกษา น้อยกว่าภาคอนื่ และเดก็ ทม่ี ฐี านะดมี กี ารศึกษาทดี่ กี ว่า 26

แก้จดุ อ่อนการศึกษาไทย• 5. การลงทุนด้านงบประมาณของรัฐ• ควรเน้นลงทุนในช่วงวยั เดก็ เลก็ เพราะเป็ นช่วงทที่ าให้ เดก็ มปี ระสิทธิภาพจากการลงทุนสูงสุด แต่ปัจจุบนั ไทย ลงทุนด้านอดุ มศึกษาสูงกว่า•ไทยควรวางนโยบายการพฒั นาคนต้องกระตุ้นให้เกดิ การ แข่งขนั มากขนึ้ ท้งั โรงเรียน บริษทั และตลาดแรงงาน โดย ใช้ระบบภาษมี าจูงใจ” 29

ปัญหาการบริหารการศึกษา: ข้อเสนอจากนักวิชาการ• 1.ปัญหาเอกภาพโครงสร้างระดบั กระทรวง มี 5 องค์กรหลกั• 2. ปัญหาระดบั สานักงาน - สานักงานคณะกรรมการการอุดมศึกษา ประเดน็ มหาวทิ ยาลยั ขอออกนอกระบบ - สานักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา รอกฎหมายมากว่า 4 ปี - สานักงานคณะกรรมการการศึกษาข้ันพนื้ ฐาน โรงเรียนขนาดเลก็ 1ใน3 เผชิญวกิ ฤติ ต้องดูแลครูหลายแสนคนทว่ั ประเทศ 30

ปัญหาของการบริหารงานปฏริ ูปการศึกษาซ่ึงเริ่มต้ังแต่ปี 2542 •3.ปัญหาระดบั เขตพนื้ ที่ โครงสร้างทตี่ ้องดูแล การ ประถมศึกษา มธั ยม การศึกษาเอกชน และการศึกษานอก โรงเรียนจงั หวดั • 4.ปัญหาการบริหารงานบุคคล สพฐ.ถูกตดั อานาจการบริหารงาน บุคคล ตามมาตรา 25 แห่ง พ.ร.บ.ระเบียบข้าราชการครูและ บุคลากรทางการศึกษา ทาให้ถูกตดั เร่ืองการถ่วงดุลอานาจการ บริหารงานบุคคลจากเขตพนื้ ทฯ่ี และสถานศึกษาทุกแห่งทว่ั ประเทศ ไม่ว่าจะเป็ นเร่ืองอานาจในการโยกย้าย การบรรจุ การแต่งต้งั 31

ปัญหาของงานปฏิรูปการศึกษาซึ่งเริ่มปี 2542• 5.ปัญหาคณะกรรมการเขตพนื้ ทกี่ ารศึกษา อ.ก.ค.ศ.เขตพนื้ ทฯี่ ไม่ค่อย มผี ู้ใดให้ความสาคญั เท่าใดนัก โดยเฉพาะอย่างยงิ่ เขตพนื้ ทฯี่ บางแห่งมี การประชุมคณะกรรมการเขตพนื้ ทฯี่ เพยี งปี ละ 1-2 คร้ังเท่าน้ัน• 6.ปัญหาเร่ืองการกระจายและมอบอานาจให้การบริหารทกุ อย่างลงสู่ เขตพนื้ ทฯี่ และสถานศึกษาทว่ั ประเทศ และโรงเรียนเป็ นนิตบิ ุคคล• 7. การถ่ายโอนอานาจการจดั การศึกษาไปยงั องค์กรปกครองส่วน ท้องถ่ิน (อปท.) ซ่ึงเป็ นปัญหาคาใจของบุคลากรทสี่ ังกดั ศธ. กระทรวงมหาดไทยไปจนถึงผู้มสี ่วนเกยี่ วข้องทุกฝ่ าย 32

ข้อเรียกร้องเครือข่ายประชาชนเพอ่ื การปฏิรูปสังคมและการเมอื ง (คปสม.)1) รัฐต้องจดั ให้มกี ารศึกษาข้ันพนื้ ฐานโดยไม่เกบ็ ค่าใช้จ่ายอย่างแท้จริง2) จดั ให้เด็กทุกคนมโี อกาสเข้าถงึ การศึกษาพนื้ ฐาน เน้นโรงเรียนในชนบทเปิ ด การศึกษาภาคบังคบั ครบ9 ปี จดั สวัสดิการให้แก่เด็กยากจน เด็กด้อยโอกาสและ เด็กพกิ ารอย่างทั่วถงึ3) หลกั ประกนั คุณภาพการศึกษา ให้ชุมชนกลุ่มวัฒนธรรม มสี ิทธิในการจัด การศึกษาพนื้ ฐานในชุมชนเองได้ ให้ยดื หยุ่นในการกาหนดสัดส่วนหลกั สูตรกลาง กบั ท้องถ่นิ และพฒั นาศักยภาพบุคลากรด้านการศึกษา4) การมสี ่วนร่วมของภาคประชาชน พฒั นาศักยภาพกรรมการสถานศึกษาให้ ทาหน้าทีบ่ ริหารสถานศึกษาและจัดการให้เกดิ การมีส่วนร่วมในชุมชนได้

สรุปปัญหาใหญ่การศึกษาไทยอย่ทู ผี่ ลผลติ :การคดิ +การ1อ.่าคนดิ ผดิ :คดิ แบบเอาเปรียบ,คดิ เรียนลดั ,คดิ เกง็ กาไร2.คดิ ไม่เป็ น :ตามผู้อน่ื ,เลยี นแบบ,เช่ือเพราะผู้พูดเป็ น ผู้ใหญ่หรือผู้อาวโุ ส3.ไม่คดิ : ตดิ นิสัยพง่ึ พาผู้อนื่ ,เชื่อตวั บุคคล,เช่ือนักวชิ าการ,เชื่อหนังสือพมิ พ์โดยไม่ไตร่ตรอง4.คดิ แล้วไม่ทา : ประชุมเสร็จกเ็ ลกิ รา, ปล่อยให้คนท่ีรับผดิ ชอบไปทาคนเดยี ว, ไม่ช่วยระดมในรูปกล่มุ 33

แก้ให้ถูกจดุ ต้องสอนให้คดิ ได้ 10มติ ิ1. คดิ เชิงวพิ ากษ์ ค้นหาจุดดจี ุดอ่อน2. คดิ เชิงวเิ คราะห์ จาแนกแจกแจง, หาเหตุผล3. คดิ เชิงสังเคราะห์ นาข้อมูลไปรวมกนั เป็ นสถานการณ์ใหม่4. คดิ เชิงเปรียบเทียบ ชั่งนา้ หนัก เชื่อมโยงกบั สิ่งอนื่5. คดิ เชิงมโนทัศน์ คดิ ถงึ แก่น,หลกั การ,ปรัชญา 34

การปฏริ ูปการเรียนการสอนใหม่ ต้องสอนให้คดิ ได้ 10มติ ิ (ต่อ)6. คดิ เชิงประยุกต์ นาไปทดลองใช้ในรูปแบบอนื่7. คดิ เชิงกลยุทธ ค้นหากลอุบายทางเลอื ก หลายทางไปสู่ความสาเร็จ8. คดิ เชิงบูรณาการ คดิ แบบผสมผสาน,ใช้ความรู้รอบด้านมาตอบ9. คดิ เชิงสร้างสรรค์ คดิ สร้าง,ค้นหาส่ิงแปลกใหม่ไม่เคยมมี าก่อน10. คดิ เชิงอนาคต วาดไปในอนาคต คาดการณ์จะเกดิ อะไรขนึ้ 35

หมอประเวศ ชี้คนไทยอ่านน้อยต้นตอวกิ ฤตของบ้านเมอื ง1. ส่งเสริมให้มชี มรมรักการอ่านในทุกหมู่บ้าน2. จดั หาหนังสือนิทานดๆี ให้ทุกครอบครัวอ่านโดยเฉพาะให้ลูกอ่าน3. จัดการแจกจ่าย Book Start ให้ทุกครอบครัวทมี่ ีเดก็ เกดิ ให้มหี นังสือถงึ บ้าน เพอื่ รณรงค์รักการอ่าน4. ฟื้ นฟูการอ่านในระบบการศึกษาจากอดตี ทม่ี วี ชิ าการสอนย่อความ อ่านจบั ใจความ ในระบบการศึกษาทุกระดบัแต่ปัจจุบนั เปลยี่ นไปเป็ นข้อสอบปรนัย ทาให้เดก็ รุ่นใหม่อ่านเขยี นหนังสือไม่เป็ น

คนไทยอ่านน้อยต้นตอวกิ ฤตของบ้านเมือง• 5. จัดประกวดการอ่านท้งั แผ่นดนิ ในรูปแบบเดยี วกบั การสอบ จอหงวนของประเทศจนี ให้เกดิ วฒั นธรรมเชิดชูการอ่าน• 6. รัฐต้องจดั ทารายการอ่านทางสถานีโทรทศั น์• 7. รวบรวมศิลปิ นสร้างประตมิ ากรรมสัญลกั ษณ์ให้ทกุ วยั รัก การอ่าน ยกตวั อย่างทเี่ มอื งเปี ยงยาง ประเทศเกาหลเี หนือ มี ประตมิ ากรรมขนาดใหญ่เป็ นรูปเยาวชนวยั หนุ่มสาวถอื หนังสือ พร้อม เขียนข้อความปลุกระดมให้วยั หนุ่มสาวต้องมหี นังสือตดิ มอื ตลอดและ อ่านทุกทที่ กุ คร้ังทมี่ โี อกาส

ทักษะการอ่านเพอ่ื เรียนรู้•1.การสืบค้นสาระ อ่านเพอ่ื สืบหรือดงึ เนือ้ หาทไี่ ด้อ่านออกมา•2.การแปลหรือตีความ เข้าใจข้อความทไ่ี ด้อ่าน รู้ความหมาย•3.การประเมนิ ข้อความทีไ่ ด้อ่าน นามาคดิ เปรียบเทยี บ จาแนกหรือโต้แย้งจากมมุ มองของตนเอง•4. ความสามารถใช้ประโยชน์การอ่าน กางตาราทากบั ข้าว อ่านฉลากก่อนกนิ ยา การอ่านกรอกแบบฟอร์ม

การส่งเสริมการอ่าน: อ่านเร็ว อ่านมาก อ่านยาก อ่านทน อ่านเพราะ อ่านทานองเสนาะ•อ่านดคี อื อ่านแล้วจับใจความ ตคี วาม และประเมนิ ได้-ครูต้องปรับการสอนเน้นสื่อสารมากกว่าเน้นไวยากรณ์-เร่งงานวจิ ัยพฒั นาสร้างหลกั สูตรวธิ ีสอนใหม่ๆให้ได้ผล-ครูต้องเปิ ดโอกาสให้เดก็ เรียนรู้ด้วยตนเอง-ต้องมอี ปุ กรณ์ช่วยสอน-ใช้ภูมปิ ัญญาของพ่อแม่ช่วยสนับสนุนการเรียนรู้ของลูก 43

วธิ ีถ่ายทอดให้ผ้เู รียนเรียนรู้อ่านและคดิ ด้วยตนเอง1. ผสมผสานสรรพวชิ าเข้าด้วยกนั2. ให้รู้จักเร่ืองใกล้ตวั ก่อน แล้วจงึ ขยายวงออกไป3. รู้จักตนเองก่อน จึงรู้จกั ผู้อนื่ กลุ่มอนื่4. นาเร่ืองทเ่ี หมาะสมกบั ตนเองมาก่อน ง่ายก่อน5. ให้รู้เท่าทนั การเปลยี่ นแปลงของสังคม6. ไม่ตดิ ยดึ ตารา แหล่งเรียนรู้แหล่งเดยี ว อ่านให้มาก7. เปิ ดใจให้ผู้เรียนได้เรียนรู้ด้วยตนเอง ไปค้นหาเพม่ิ เตมิ8. ทาให้ผู้เรียนรู้ว่ามสี ่ิงทร่ี ู้แล้วแต่ยงั ไม่รู้อกี มาก ต้องใฝ่ รู้มากขนึ้9. สอนให้ฟังไปอ่านไปแล้วคดิ ตามไปด้วย 38

โจทย์ข้อใหญ่ของสพฐ.กรณตี วั อย่างแก้ปัญหาโรงเรียนขนาดเลก็ สพฐ.ปี 2549**ขนาดโร0งเรคียนน จานวน24โ8รงแเหรีย่งน1-21 คน 31621-40 คน 1,29641-60 คน 2,33861-80 คน 2,98081-100 คน 2,985101-120 คน 2,665รวม 12,828 แห่งข้อมูลจากสพฐ.16กค2550รายงานต่อผ้บู ริหารองค์กรหลกั **

สภาพปัจจบุ นั ปัญหาโรงเรียนขนาดเลก็ สพฐ.1.ผลสัมฤทธ์ิทางการเรียนของนักเรียนไม่น่าพงึ พอใจ2. ขาดแคลนครูครูผู้สอนไม่ครบช้ันเรียน3. ไม่มภี ารโรง ครูและนักเรียนต้องรับภาระทุกอย่าง4. ภาระงานของครูนอกเหนือจากการสอนมากเกนิ ไป เช่น งาน ธุรการ การเงนิ พสั ดุ โครงการอาหารกลางวนั งานอนามยั5. คนในชุมชนยากจน ไม่สามารถสนับสนุนทุนทรัพย์ และขาด การดูแลทางด้านการศึกษาของบุตรหลาน

ลกั ษณะโรงเรียนขนาดเลก็ สพฐ.1. พร้อมเป็ นแกนนา 1,410 โรง2. พร้อมแก้ปัญหาตนเอง 7,221 โรง3. ขาดแคลนแต่ยุบไม่ได้ 3,329 โรง4. ขาดแคลนควรยุบเลกิ 301 โรง5. อยู่ในพนื้ ทพี่ เิ ศษ 267 โรงรวม 12,828 โรง

รูปแบบการพฒั นาโรงเรียนขนาดเลก็ สพฐ.รูปแบบ A : ร.ร.ทต่ี ้งั เป็ นศูนย์ 701 โรงรูปแบบ B : ร.ร.รวมช่วงช้ัน 2,135 โรงรูปแบบ C : ร.ร.หลกั ทยี่ ุบรวมกนั 243 โรงรูปแบบ D : ร.ร.ทเ่ี ป็ นเอกเทศ 8,536 โรงรูปแบบ E : Mobile Teacher 225 โรงรูปแบบ F : อน่ื ๆ 988 โรง

สิ่งทส่ี พฐ.ได้ดาเนินการไปแล้ว- การรวมและเลกิ ล้มโรงเรียน- การจดั พาหนะสาหรับนักเรียน- การจดั ศูนย์โรงเรียน- การเกณฑ์เดก็ สองกลุ่มอายุ-การใช้ส่ือ RITแบบเรียนด้วยตนเอง-การพฒั นาระบบ ICT