เลขท่รี บั /2564 วันที่ 29 ส.ค. 2564
แบบรายงานสรุปผลการอบรมโครงการโรงเรยี นปลอดภัยในประเทศไทย หลกั สูตรการลดความเสี่ยงภัยพิบตั ธิ รรมชาตแิ ละการปรับตวั รบั การเปล่ียนแปลงสภาพภมู ิอากาศ รหัสหลกั สตู ร 62037 โดยมีชวั่ โมงการเรยี นรู้ จำนวน 20 ชัว่ โมง วันที่ 28 - ๒๙ สิงหาคม ๒๕๖๔ เรยี น ผู้อำนวยการโรงเรียนบา้ นเขวาทงุ่ ด้วย ข้าพเจา้ นางสวุ รรณา เทพนนทก์ ลาง ตำแหน่ง ครู คศ.1 โรงเรียนบ้านเขวาท่งุ ไดเ้ ข้า รับการอบรมโครงการโรงเรียนปลอดภัยในประเทศไทย หลกั สตู รการลดความเส่ยี งภยั พิบัติธรรมชาติและ การปรบั ตวั รบั การเปลย่ี นแปลงสภาพภูมิอากาศ รหัสหลักสูตร 62037 โดยมชี ว่ั โมงการเรยี นรู้ จำนวน 20 ชัว่ โมง ผ่านระบบหอ้ งเรยี นออนไลน์ บนเว็บไซต์ http://THAISAFESCHOOLS.COM ในระหวา่ งวันที่ 28 – 29 สิงหาคม 2564 นน้ั บัดน้ี ข้าพเจา้ ได้ดำเนนิ การกจิ กรรมดงั กล่าวเรยี บร้อยแลว้ จงึ ขอรายงานสรุปผลการอบรมให้ทราบดังนี้ 1. ความร้คู วามสามารถ ประสบการณ์ ทกั ษะ หรืออน่ื ๆ ที่ได้รับในการอบรมนำมาเพอ่ื พัฒนา งานของหนว่ ยงาน ดังน้ี 1) ความเสยี่ งภัยธรรมชาตแิ ละการประเมินความเส่ียง 2) อาคารสถานท่ีปลอดภยั 3) การจดั การภยั พิบตั ิในสถานศึกษา 4) การจดั การเรียนการสอน 2. รปู แบบการอบรม 1) อบรมผา่ นระบบหอ้ งเรยี นออนไลน์ บนเวบ็ ไซต์ http://THAISAFESCHOOLS.COM โดยมีเอกสารการอบรมทีเ่ หมาะสมและสอดคลอ้ งกบั สถานการณ์ 2) มีการทดสอบก่อนเรียน – หลงั เรยี น ในแตล่ ะเนือ้ หา 3) ผอู้ บรมสามารถทบทวนความรไู้ ด้ตามศกั ยภาพ จากเอกสารการอบรมทเี่ หมาะสมและ สอดคลอ้ งกบั สถานการณ์ ตลอดจนสามารถเช่ือมโยงสูก่ ารจัดการเรยี นการสอนแบบบรู ณาการไดอ้ ย่างลงตัว 3. การเผยแพรค่ วามรู้ ประสบการณ์ ทกั ษะ และอืน่ ๆ แกผ่ ทู้ เี่ กยี่ วขอ้ ง คือ 3.1. การจดั การเรียนการสอน ดา้ นความเส่ียงภัยธรรมชาติและการประเมนิ ความเส่ยี ง อาคาร สถานท่ีปลอดภยั การจดั การภัยพบิ ัตใิ นสถานศกึ ษา เช่ือมโยงสกู่ ารจัดการเรียนการสอนแบบบูรณาการใน สาระการเรียนรู้สุขศกึ ษา สงั คมศึกษาและวฒั นธรรม และวทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี ไดอ้ ย่างเหมาะสม 3.2. นำผลการอบรม มาปรับในการจดั การเรียนการสอนเพอื่ ยกระดบั การจัดการเรียนรู้ใน ห้องเรียนรปู แบบออนไลน์ออนไลน์ เพอ่ื พัฒนาผูเ้ รียนดา้ นความปลอดภยั ในโรงเรยี นใหม้ ีความรู้ ความเขา้ ใจ และมีทักษะในการการจัดการภยั พบิ ตั ิในสถานศึกษาตอ่ ไป จงึ เรียนมาเพ่ือโปรดทราบ และพิจารณา (นางสุวรรณา เทพนนทก์ ลาง)
ภาคผนวก
เกยี รตบิ ตั ร
เอกสาร ประกอบการอบรม
เอกสารประกอบการอบรมออนไลน์
เอกสารประกอบการอบรมออนไลน์
เอกสารประกอบการอบรมออนไลน์
บทที่ 1 ความเสยี่ งภัยธรรมชาติและการประเมินความเสี่ยง วตั ถปุ ระสงค์ • เพื่อใหต้ ระหนักรู้ถึงผลกระทบของภัยธรรมขาตมิ ีต่อชีวติ มนุษย์และภาคการศึกษา • เพ่อื ใหเ้ ขา้ ใจหลักการลดความเสี่ยงภัยพบิ ัตใิ นสถานศึกษา • เพื่อให้รจู้ ักวธิ ีประเมนิ ความเสี่ยงภยั ธรรมชาติ หัวข้อการเรียนรู้ 1. การสรา้ งความตระหนักในการลดความเสี่ยงภัยพบิ ัตทิ างธรรมชาติ 2. บทบาทหนา้ ท่ขี องภาคการศกึ ษาในการจัดการภัย 3. แนวคิดสำคญั 3.1 การลดความเส่ียงภยั พบิ ัติ (ภยั ภยั พบิ ตั ิ ความเสย่ี ง ความเปราะบาง ความสามารถในการรับมือ) 3.2 การจัดการภยั พิบตั ิ 4. กรอบการทำงานสถานศึกษาปลอดภัยรอบด้าน 5. การประเมนิ ความเสี่ยง (วิธปี ระเมินความเส่ยี ง และเครื่องมือตา่ งๆ และวิธีใช้เคร่ืองมือ) 6. การประเมินก่อนเรยี นและหลงั เรียน 1. การสร้างความตระหนกั ในการลดความเส่ียงภยั พิบัติทางธรรมชาติ เปา้ หมายของการลดความเส่ียงภัยพิบัติในสถานศึกษา คือ การท่บี คุ ลากรทางการศึกษา ครแู ละ นกั เรยี นมคี วามสามารถในการเรียนรู้ความเสยี่ งภัยของตนโดยเฉพาะภยั ในพ้นื ที่ สามารถวางมาตรการและ วิธีการปฏบิ ัติ ตลอดจนสามารถดแู ลรกั ษาโครงสร้างและกลไกพื้นฐานใหป้ ลอดภยั เพ่ือลดผลกระทบจากภยั ธรรมชาตนิ ัน้ ๆ และหากประสบภัยพิบัติจากธรรมชาติก็สามารถฟืน้ ตัวไดด้ ้วยแนวทางและทรพั ยากรทมี่ ใี น ระยะเวลาทเ่ี หมาะสม การรจู้ ักความเสย่ี งภัยของตนเองอย่างแทจ้ ริงจึงเป็นจุดเร่ิมต้นในการวางแผนลดความ เสี่ยงภัยพบิ ตั ิ 2. บทบาทหน้าทข่ี องภาคการศกึ ษาในการจดั การภัย ปัจจุบนั ประเทศไทยขบั เคล่ือนยทุ ธศาสตร์ \"การจัดการความเส่ยี งจากสาธารณภัย\" ตามแผนการป้องกนั และบรรเทาสาธารณภยั แห่งชาติ พ.ศ.2558 ภายใต้ กรอบการทำงานลดความเสยี่ งภัยพิบัติ พ.ศ. 2558 - 2573 (Sendai Framework for. Disaster Risk Reduction 2015 – 2030 หรือ SFDRR) หรอื ท่ีเรยี กกนั สั้นๆว่า \"กรอบเซนได\" ซงึ่ เปน็ กรอบการทำงานตามมาตรฐานสากลกินระยะเวลา 15 ปี ระหว่าง พ.ศ. 2558 ถึง พ.ศ. 2573 แผนการปอ้ งกนั และบรรเทาสาธารณภัยแห่งชาติ พ.ศ. 2558 ไดก้ ำหนดบทบาทหนา้ ท่ีใหห้ นว่ ยงานของ รฐั มีสว่ นรว่ มในการลดความเส่ยี งภยั พิบตั ิ โดยกระทรวงศกึ ษาธิการได้รับมอบหมายหนา้ ที่ต่อไปน้ี 1. พฒั นาหลกั สูตรการเรียนการสอนเกีย่ วกับการป้องกันและบรรเทาสาธารณภยั ทกุ ระดับชน้ั ต้งั แต่ การศึกษาข้ันพืน้ ฐานจนถงึ ระดบั อุดมศกึ ษา 2. ส่งเสริมหน่วยงานการศึกษาใหม้ ีบทบาทในการชว่ ยเหลือสนับสนุนการปอ้ งกันและบรรเทาสาธารณภัย
3. สง่ เสรมิ ให้ความรู้และสรา้ งจิตสำนึกแก่นักเรยี น นักศึกษา ประชาชนให้มสี ว่ นรว่ มในการป้องกันและ บรรเทาสาธารณภยั 4. สนับสนุนบุคลากรทางการศึกษา เชน่ ลูกเสอื เนตรนารี เปน็ ตน้ เพือ่ สนบั สนุนการปฏิบตั งิ านของ กองบัญชาการป้องกนั และบรรเทาสาธารณภัยแหง่ ชาติ และกองอำนวยการป้องกนั และบรรเทาสาธารณ ภัยในพนื้ ท่ี 5. สำรวจและจดั ทำฐานข้อมูลสถานศึกษาเพอื่ ใช้เป็นศนู ย์พักพงิ ชั่วคราว 3. แนวคดิ สำคัญ 3.1 การลดความเสย่ี งภัยพบิ ตั ิ (ภยั ภยั พิบตั ิ ความเส่ียง ความเปราะบาง ความสามารถในการรบั มอื ) การลดความเส่ยี งภัยพิบัติ (Disaster Risk Reduction) คอื แนวคดิ และวิธีปฏิบตั ใิ นการป้องกนั และลดผลกระทบจากภัยด้วยการวิเคราะหป์ ัจจยั ทีเ่ สย่ี งท่ีจะทำให้เกดิ ภัยพบิ ัติ ไดแ้ ก่ ความรนุ แรงของภัย ความล่อแหลม ความเปราะบางของอาคารบ้านเรือนและคนในสังคม และศกั ยภาพในการรบั มอื ภยั พิบตั ิ ความเสย่ี งจากภยั พิบตั ิมีองค์ประกอบสำคัญ 4 ประการ ไดแ้ ก่ ภัย (Hazard) ความลอ่ แหลม (Exposure) ความเปราะบาง (Vulnerability) และความสามารถในการรับมอื (Coping capacity) ภัย (hazard) คือสภาวะอันตรายท่เี กิดจาก ธรรมชาติหรือเกิดจากนำ้ มือมนษุ ย์ ภยั ธรรมชาติ เชน่ ฝนตก พายแุ ผน่ ดนิ ไหว ภูเขาไฟระเบิด คลื่นกดั เซาะชายฝ่งั ภยั ธรรมชาติแบง่ ไดต้ ามลักษณะการเกิดคอื ภัยที่เกดิ ฉบั พลันและ ภัยท่ีเกดิ ขนึ้ ชา้ ๆ และต้องดผู ลกระทบจากความรุนแรงของ ภยั ตัวอยา่ งเชน่ พายุฤดูร้อนทีเ่ กดิ ข้นึ ในหลายพน้ื ท่ีมีความ รุนแรงจนสรา้ งความเสียหายใหแ้ กโ่ ครงสร้างอาคารเรยี น
ภัยธรรมชาติท่ีเกดิ ขน้ึ ในประเทศไทยมีหลายรปู แบบ ทส่ี ำคัญและเสียหายไดเ้ ปน็ อย่างมาก คอื วาตภยั อทุ กภัย อัคคีภยั และแผ่นดนิ ไหวผู้เรยี น สามารถอา่ นรายละเอียดเพิ่มเติมเก่ยี วกับลกั ษณะของภัยธรรมชาตทิ เี่ กิดขึ้นใน ประเทศไทยได้จาก เอกสารเร่ือง ภัยธรรมชาติในประเทศไทย โดยกรมอตุ นุ ิยมวทิ ยา ภยั พบิ ัติ (disaster) หมายถึง “การทีร่ ะบบตา่ งๆในสงั คมหนึง่ ต้องหยุดชะงักอันเป็นผลมาจากภยั ไม่ วา่ จะเป็นภยั ทางธรรมชาติหรือเกิดจากมนุษย์ และภยั น้ันซึ่งส่งผลกระทบรุนแรงต่อชวี ติ ทรัพยส์ ิน เศรษฐกจิ สังคมและสง่ิ แวดล้อมอย่างกว้างขวาง เกนิ กว่าความสามารถของชมุ ชนจะรบั มือไดโ้ ดยใช้ทรัพยากรทม่ี ี อยู่” จะเหน็ ไดว้ ่านิยามนี้กำหนดใหภ้ ัยพบิ ัตจิ ะเกดิ ข้นึ เมือ่ ภยั ธรรมชาติส่งผลกระทบตอ่ สงั คมมนุษย์ หากภยั ธรรมชาติไมส่ ่งผลรา้ ยแรงต่อสงั คมมนุษย์จะไมเ่ รียกว่าภยั พิบัติตามนิยามนี้ ตัวอยา่ งภัยพบิ ัติท่ีเกิดขึ้นในประเทศไทย ได้แก่ • พายโุ ซนร้อนที่ถลม่ แหลมตะลุมพกุ เมื่อพ.ศ. 2505 (อ่านเพิ่มเติม) • พายเุ กย์ (อ่านเพ่ิมเติม)
• แผ่นดินไหวทีเ่ ชยี งราย พ.ศ. 2557 (อ่านเพม่ิ เติม) ประเทศไทย ใช้คำวา่ สาธารณภัย แทนคำวา่ ภัยพบิ ตั ิ เพ่อื ใหเ้ ป็นไปตามพระราชบัญญัติปอ้ งกันและบรรเทาสา ธารณภัย 2550 โดยระบวุ า่ “สาธารณภัย” หมายถงึ “อัคคภี ัย วาตภัย อทุ กภัย ภัยแลง้ โรคระบาดในมนุษย์ โรคระบาดสตั ว์ โรคระบาดสัตว์น้ำ การระบาดของศัตรูพืช ตลอดจนภยั อื่น ๆ อันมผี ลกระทบต่อสาธารณชน ไมว่ า่ เกดิ จากธรรมชาติ มผี ทู้ ำใหเ้ กดิ ขนึ้ อบุ ัติเหตุหรือเหตุอ่ืนใด ซง่ึ ก่อให้เกิดอันตรายแก่ชวี ติ รา่ งกายของ ประชาชนหรือความเสยี หายแกท่ รัพย์สินของประชาชน หรือของรฐั และให้หมายความรวมถึงภยั ทางอากาศ และการก่อวินาศกรรมด้วย”
ความลอ่ แหลม (Exposure) หมายถึงการทผี่ ้คู น อาคารบ้านเรือน ทรพั ยส์ ิน ระบบตา่ ง ๆ หรือองคป์ ระกอบ ใด ๆ มีที่ตัง้ อยู่ในพน้ื ท่ีเสยี่ งภัย เป็นการมองทางกายภาพของพืน้ ทตี่ ัง้ เปน็ หลัก ตัวอย่างเช่น โรงเรียนท่ตี ้ังอยู่ริม แมน่ ำ้ มโี อกาสเผชิญภัยจากแผ่นดินทรดุ ตัว • ฝนตกหนักโรงเรยี นริมนำ้ ทา่ จีน ดนิ ทรดุ ลึกเกือบ 2 ม. (อ่านเพมิ่ เติม) ความเปราะบาง (Vulnerability) หมายถึงปัจจัยหรอื สภาวะใดๆก็ตามท่ีทำให้ผคู้ นไม่สามารถรบั มือ กบั ภยั ธรรมชาติ ตลอดจนไมส่ ามารถฟื้นฟชู วี ติ ความเปน็ อยไู่ ด้หลังจากเกดิ ภัยพบิ ัติ ในกรณขี องสถานศึกษา ความเปราะบางแบง่ เป็นความเปราะบางด้านโครงสรา้ ง (Structural Vulnerability) คือส่ิงก่อสรา้ งท่มี องเหน็ และความเปราะบางทไ่ี มใ่ ชโ่ ครงสรา้ ง (non-structural vulnerability) เช่น ความเปราะบางทางสงั คม เศรษฐกิจ เพศ วัย ความรู้ ยกตวั อยา่ งของความเปราะบาง เชน่ อาคารสถานที่เรยี นท่ไี ม่ปลอดภัย ระบบ สาธารณูปโภคในโรงเรยี นทรุดโทรม ถอื เปน็ ความเปราะบางด้านโครงสรา้ ง ถ้าบุคลากรในสถานศกึ ษาไม่มี ความรทู้ างบริหารจัดการภัยพิบัติ นักเรยี นท่ขี าดทักษะในการเอาตวั รอดจากอันตราย โรงเรียนมีนักเรียนพิการ ท่ชี ว่ ยเหลอื ตัวเองระหว่างเกิดเหตไุ ม่ได้ ตลอดจนการขาดความสามัคคีของบคุ ลากร ก็ถือเปน็ ความเปราะบางท่ี ไม่ใชโ่ ครงสร้าง เป็นต้น
3.2 การจัดการภัยพิบตั ิ ความสามารถหรอื ศกั ยภาพ (Capacity) หมายถงึ ความสามารถในการรบั มือกับภยั พบิ ัติ คอื การใช้ คน ความร้ทู ักษะและทรัพยากรท่ีมีอยชู่ องสถานศึกษามาจัดการภัยพิบตั ิ และนำมาพฒั นาเพื่อเพ่ิมขีด ความสามารถในการรับมือให้สูงขึ้น แบง่ เป็น 1) ความสามารถเชงิ กายภาพ (Structural Capacity) ได้แก่ อาคารสถานที่ สาธารณปู โภค 2) ความสามารถที่ไมใ่ ช่กายภาพ (Structural Capacity) ได้แก่ ความสามารถ ของบุลากร เชน่ การดำเนินมาตรการลดผลกระทบ การมีแผนเผชญิ เหตุ การมีเครื่องมืออปุ กรณ์ชว่ ยชวี ิตที่ จำเป็น การฝกึ อบรมทักษะให้นกั เรยี นในการปกป้องชวี ิตและทรัพย์สนิ จากเหตุการณ์ภยั ธรรมชาตหิ รือ สถานการณ์ฉุกเฉิน ความสามารถทางเศรษฐกจิ และสังคม (Socioeconomic capacity) ไดแ้ ก่ นโยบาย งบประมาณ และกลไกทส่ี ่งเสริมการจดั การภยั พบิ ัติในสถานศึกษา เป็นตน้ • สพฐ. จับมอื ญ่ีปนุ่ ขนนกั เรยี น ครู ซอ้ มรับมือแผน่ ดนิ ไหว-ภยั พิบัติ (อ่านเพิ่มเตมิ ) การจดั การภัยพบิ ัติ สามารถแบง่ เปน็ 3 ระยะ คือ ระยะก่อนเกิดภัย ระหวา่ งเกิดภัยและหลังเกิดภัย โดยในแต่ละระยะมีแนวทางปฏิบัตกิ ว้างๆ ได้แก่ ก่อนเกดิ ภัยเปน็ เวลานานจะเป็นการดำเนนิ มาตรการป้องกัน ไม่ใหเ้ กิดภยั พิบัติ หรือหากป้องกนั ไมไ่ ด้ ก็ต้องหาทางบรรเทาหรือลดผลกระทบ เรียกวา่ (Prevention and Mitigation) แต่ถา้ ยังมโี อกาสเกดิ ภัยแนน่ อนก็จะต้องเตรียมความพร้อมเพื่อเผชญิ เหตุ (Preparedness) และ ในระหว่างเกดิ ภยั จะตอ้ งใช้มาตรการการจัดการภาวะวกิ ฤติ (Crisis Management) หรอื การโต้ตอบ สถานการณ์ฉุกเฉิน (Emergency Response) เพื่อไม่ให้เกิดความเสยี หายลกุ ลามจนทำใหภ้ ัยกลายเป็นภยั พบิ ัติ และเม่อื เหตุการณเ์ ลวร้ายนนั้ ไดผ้ ่านไปแล้ว จะตอ้ งดำเนนิ การฟ้ืนฟูเยียวยา และการบรู ณะซ่อมแซม (Rehabilitation and Reconstruction) สงิ่ ท่ีเสียหายให้ปลอดภัยกว่าเดิม
4. กรอบการทำงานสถานศึกษาปลอดภัยรอบดา้ น องคป์ ระกอบทั้งสามเสาภายใต้กรอบการทำงานเพื่อความปลอดภยั รอบดา้ นในสถานศึกษา ได้แก่ เสาท่ี 1 อาคารและส่งิ อำนวยความสะดวกในสถานศกึ ษาทปี่ ลอดภยั (Safe Learning Facilities) เป็นเร่ืองเกีย่ วกับการพจิ ารณาสถานทสี่ รา้ งสถานศึกษา การก่อสร้างที่ถูกต้องตามหลักกฎหมาย และการกำกบั ดูแลความปลอดภัยของสถานท่ี เสาที่ 2 การจดั การภัยพิบัตใิ นสถานศึกษา (School Disaster Management) เปน็ เรือ่ งเกี่ยวกบั การจดั สรรและบริหารทรัพยากรต่างๆเพ่อื การป้องกนั การสูญเสียและความเสยี หาย ตลอดจนการฝกึ อบรม เพ่มิ พนู ทกั ษะใหบ้ คุ ลากรและนักเรยี นสามารถช่วยเหลอื ตนเองให้ปลอดภัย เสาท่ี 3 การใหค้ วามรู้ดา้ นการลดความเสีย่ งและการรูร้ บั ปรบั ตัว (Risk Reduction and Resilience Education) เป็นการจัดการเรียนการสอนอย่างต่อเนื่องทั้งในเรื่องความรู้และทกั ษะการลด ความเสี่ยงและการปรบั ตัวให้พรอ้ มรับภยั ธรรมชาติ
5. การประเมินความเส่ียง (วิธปี ระเมินความเสี่ยง และเครอ่ื งมือตา่ งๆ และวธิ ใี ช้เครอื่ งมือ) ส่วนบนของฟอรม์ สถานศึกษาสามารถใชป้ ฏิทินฤดูกาลเป็นเครอ่ื งมือแสดงใหเ้ หน็ ความสอดคลอ้ งของ ช่วงระยะเวลา ฤดกู าล ชว่ งเวลาท่เี กิดภัย และช่วงเวลาจัดกิจกรรมตา่ งๆของสถานศึกษา ทำใหเ้ หน็ ความเสี่ยง ภยั ธรรมชาตใิ นแตช่ ว่ งเวลา ปฏิทนิ ของแตล่ ะสถานศึกษาอาจจะไมเ่ หมอื นกนั ขึน้ อยกู่ บั บริบททางสังคมและ สภาพอากาศ เชน่ เดือนแห่งการเริ่มฤดูมรสุมของภาคเหนือยอ่ มแตกต่างจากภาคใต้ ภยั จากแผน่ ดนิ ไหวมี โอกาสเกิดในจงั หวดั ที่มีรอยเลื่อนมากกว่าจงั หวดั ท่ีไมม่ รี อยเลือ่ น ภยั สนึ ามิจะเกดิ ในพ้นื ที่ชายฝั่งทะเลด้านอา่ ว ไทยและอนั ดามัน แต่ไม่มภี ัยสนึ ามใิ นภาคเหนอื ภาคกลาง และภาคตะวันออกเฉียงเหนือ โอกาสท่ีเด็กจะเปน็ อันตรายหากเกิดภยั พบิ ัติในชว่ งเปดิ เทอมย่อมสงู กวา่ โอกาสทจี่ ะเกิดในช่วงปดิ เทอม แต่โอกาสทเี่ ดก็ จะจมนำ้ ตายในชว่ งปิดเทอมก็มีมากกว่าในชว่ งเปิดเทอม เปน็ ต้น ตัวอยา่ งปฎิทินฤดูกาลทแ่ี สดงภัยและสถานทเ่ี สยี่ งภัยในรอบปี • เครอื่ งมอื ในการทำปฏิทนิ (ดาวนโ์ หลดเอกสาร) การจดั ทำแผนที่เสี่ยงภัยนนั้ มีวัตถปุ ระสงค์เพ่อื ให้ทุกคนได้เขา้ ใจตรงกนั ถงึ พน้ื ทเี่ สี่ยงภัย จุดเปราะบาง จดุ ล่อแหลมและทรพั ยากรต่างๆท่มี ีในพน้ื ท่ี และใช้เป็นเครือ่ งมือชว่ ยในการวางแผน ในการทำแผนที่เส่ยี งภัย จะ ทำเปน็ แผนทีเ่ ฉพาะแสดงพ้นื ทภ่ี ายในสถานศึกษา หรอื จะทำเป็นแผนทท่ี ่ีแสดงพนื้ ทใี่ กล้เคียง เช่น ชุมชนรอบ รว้ั สถานศกึ ษา หรือพน้ื ที่อ่ืนๆก็ได้ ข้นึ อยกู่ ับวัตถุประสงคท์ ี่ต้องการ ข้อแนะนำในการทำแผนที่เส่ียงภัยพบิ ัตธิ รรมชาติ • แผนท่ีเส่ียงภยั แสดงแผนผังของสถานศกึ ษา อาคารเรยี น อาคารประกอบ แตจ่ ะมีการใส่ข้อมูลความ เสยี่ งภัยหรือขอ้ มูลภยั ทีเ่ คยเกิดภยั มาแลว้ ในอดตี ควรมีการระบุความเปราะบาง เชน่ หอ้ งเรียน หรือ อาคารทมี่ กี ลมุ่ เปราะบาง เช่น เด็กเล็ก เด็กพกิ าร หรือกลุ่มท่ตี ้องได้รับความชว่ ยเหลือเป็นพิเศษ • การทำแผนที่ความเสยี่ งภยั พิบัตธิ รรมชาติ อาจจะใช้แผนท่ีเหมือนกับแผนผงั หนไี ฟของสถานศกึ ษาก็ ได้แตต่ ้องพจิ ารณาผลกระทบของภัยและลกั ษณะของภยั หากเปน็ ภยั ที่เกดิ ขึ้นอย่างฉบั พลันทันที และ สามารถใชเ้ ส้นทางหนภี ัยและจดุ ปลอดภยั ทีอ่ ยู่ในแผนป้องกันอคั คภี ัยได้ กส็ ามารถใช้แผนทร่ี ว่ มกันได้ • แผนทเี่ สย่ี งภัยอาจจะใชเ้ ป็นแผนที่แสดงเสน้ ทางหนีภัยด้วยคือต้องระบพุ ื้นทป่ี ลอดภัย เสน้ ทาง อพยพ • แผนท่เี สี่ยงภยั สถานศึกษาอาจจะขยายไปถงึ การแสดงอาณาเขตรอบสถานศึกษา หรือสภาพกายภาพ ของชุมชนแวดลอ้ ม เชน่ วัด โรงพยาบาล สถานีอนามัย ท่ีทำการองคก์ ารบริหารสว่ นตำบล สถานี ตำรวจ • ในการทำแผนท่ีเสยี่ งภัย ควรมีการเดนิ สำรวจสถานท่ีและควรให้นักเรยี นไดเ้ ข้ามามีสว่ นร่วมกบั ครู เพื่อใหเ้ กดิ การเรยี นรู้ร่วมกนั หากเปน็ การทำแผนท่ที ี่ครอบคลมุ ชมุ ชนรอบนอก กจ็ ะตอ้ งมกี ารเดิน
สำรวจชุมชนและสัมภาษณค์ นในชมุ ชนถงึ ประวตั กิ ารเกิดภัย เสน้ ทางปลอดภยั และปจั จัยแวดลอ้ ม อ่ืนๆด้วย • หากสถานศึกษามนี ักเรียนพกิ าร ควรใหน้ กั เรียนพิการไดเ้ ข้ารว่ มกระบวนการหาขอ้ มลู เพื่อสืบหาการ รบั รคู้ วามเสีย่ งของนักเรียนพิการ เพ่ือจัดทำมาตรการและวางแผนทเี่ หมาะสมกับนักเรียนพิการต่อไป • โครงการลดความเส่ียงภยั พบิ ัติในสถานศึกษา JICA (อ่านเพ่ิมเติม) • ตวั อยา่ งแผนที่เสยี่ งภยั ของสถานศกึ ษา วิธกี ารนี้สามารถใช้กบั การระดมความคิดเพ่ือวิเคราะหห์ าความสัมพนั ธ์ของผูท้ เ่ี กีย่ วข้อง (stake holder mapping) เชน่ การระบุหน่วยงานหรอื องค์กรในพน้ื ทท่ี ่ีสามารถให้ความชว่ ยเหลือในการบริหาร จดั การภยั พบิ ัติได้ โดยวางตำแหนง่ หน่วยงานท่ีมีความสัมพันธ์ใกลช้ ิดและสามารถขอความชว่ ยเหลอื ไดร้ วดเร็ว ไวใ้ กลต้ ำแหน่งของสถานศึกษา เป็นตน้ วธิ ีนีจ้ ะทำใหม้ องเหน็ ท้งั ความเปราะบางและศักยภาพของสถานศึกษา ผ่านเครือข่าย
• Venh Diagram form (ดาวน์โหลดเอกสาร) ในการจดั ทำแผนบริหารจัดการภัยพบิ ตั ธิ รรมชาตินัน้ ควรประเมนิ ความเสี่ยงภยั ธรรมชาติเพอ่ื ระบุความเสี่ยงท่ี ยอมรับไดแ้ ละความเสีย่ งที่ยอมรับไม่ได้ สถานศึกษาสามารถใชต้ ารางกำหนดความเสีย่ งและตารางอ้างอิง ความถีแ่ ละตารางอา้ งองิ คะแนนความเส่ียงในการประเมินความเสี่ยงภยั
บทที่ 2 อาคารสถานทปี่ ลอดภัย วัตถปุ ระสงค์ • เพื่อให้เขา้ ใจการประเมินความเส่ยี งของอาคารสถานที่ ส่วนประกอบอาคาร • เพ่อื ใหเ้ ขา้ ใจหลักการจัดพืน้ ที่ใช้สอยในอาคารและสภาพแวดลอ้ ม • เพ่อื ให้สามารถจดั สภาพแวดลอ้ มการใชพ้ ื้นที่ให้ปลอดภยั หวั ข้อการเรียนรู้ 1.การประเมนิ ความปลอดภัยของอาคารสถานท่ี • การเลอื กท่ีต้ังสถานศึกษาให้ปลอดภยั • ความเสย่ี งต่อภัยพบิ ตั ิของอาคารเรียน อาคารประกอบ วัสดุ ครุภณั ฑ์ที่อยใู่ นอาคาร • ความเสี่ยงของสภาพแวดล้อมภายนอกอาคารและระบบสาธารณปู โภค 2. การจัดสภาพแวดล้อมใหป้ ลอดภยั • การจดั สภาพแวดล้อมโดยคำนงึ ถงึ การลดความเสย่ี งภยั พิบัติ • การจัดเสน้ ทางปลอดภยั และจดุ รวมพลเพื่อการหนภี ยั ภายในโรงเรยี น • การจดั ส่ิงอำนวยความสะดวกเพื่อคนพิการ • ตวั อย่างการปรับปรุงอาคารสถานที่ 3. แบบประเมนิ เรอื่ งอาคารสถานที่ (ศึกษาแบบประเมิน) • สถานทต่ี ง้ั • สภาพอาคารเรียน อาคารประกอบ (structural and non-structural) วัสดุ ครุภัณฑ์ (ตอ้ ง link กฎหมายควบคุมอาคาร) • สภาพแวดล้อมภายนอกอาคาร (environment) • ระบบสาธารณูปโภค infrastructure นำ้ ไฟ ระบบระบายน้ำ ถนน ระบบสื่อสาร เสาไฟฟา้ • การประเมนิ การเข้าถึงหรือการจดั สงิ่ อำนวยความสะดวกคนพิการ
1.การประเมนิ ความปลอดภัยของอาคารสถานที่ สถานศึกษาถือเปน็ อาคารสาธารณะที่มผี ู้คนเป็นจำนวนมากเข้าไปใช้ในแต่ละวัน ไม่ว่าจะเป็นนกั เรียน ครู ผู้ปกครอง ดงั นน้ั จงึ มีการบัญญัติการควบคุมการก่อสร้างและการใช้อาคารเรยี นไว้ในกฏหมายควบคุม อาคาร โดยกฎหมายควบคุมอาคารนนั้ มีผลใชก้ บั “โรงเรียนและสถานศึกษา ซึ่งเปน็ สถานทอี่ บรมใหก้ ารศึกษา แกเ่ ยาวชนของ ประเทศเป็นบคุ ลากรท่มี ีคณุ ภาพจนสามารถเป็นฐานการพฒั นาประเทศ ดงั นน้ั อาคารของ โรงเรยี น และสถานศึกษาตา่ งๆ จงึ จะตอ้ งมกี ารกอ่ สรา้ งให้ถูกต้องและเป็นไปตามหลกั การวชิ าการและตาม กฎหมายควบคุมอาคารกาํ หนดตง้ั แต่อนุบาลจนถึงระดับปริญญา”ผ้บู ริหารสถานศึกษาควรปรึกษาผเู้ ช่ียวชาญ ดา้ นกฏหมายควบคุมอาคาร และควรศึกษาระเบียบกระทรวงศึกษาธิการทเ่ี ก่ียวข้อง เพื่อการวางแผนการ ออกแบบ การก่อสร้าง และการจัดทำงบประมาณเพ่ือการปรับปรุงแก้ไขอาคารเรียน สถานศกึ ษาจะต้องตั้งอยใู่ นพื้นปลอดภัยและต้องเลอื กพ้นื ที่ปลอดภยั ในการก่อสรา้ งอาคารเรียน อาคารประกอบ หรือสถานท่ีสำหรบั กจิ กรรม แมว้ า่ สถานศึกษาส่วนใหญ่จะสรา้ งไว้นานแล้ว ควรจะมีการ ตรวจสอบความปลอดภัยของสถานที่และพน้ื ทีโ่ ดยรอบอย่ตู ลอดเวลา เพราะความเส่ียงภัยพิบัติยอ่ มเปลี่ยนไป ตามการเปลี่ยนแปลงสภาพแวดลอ้ ม ตวั อย่างเช่น กรณี สถานศกึ ษาตง้ั อยู่ตดิ กับทางลาดไหล่เขา เมื่อเกิดฝนตก หนักตอ่ เนื่อง สภาพดนิ ไม่สามารถอุ้มน้ำต่อไปได้ ทำให้เกดิ ดินสไลด์ ดังตัวอยา่ งต่อไปนี้ ตวั อยา่ งข้อพิจารณาในการเลือกพนื้ ท่ีสร้างสถานศึกษาและอาคาร ไดแ้ ก่ • พ้นื ท่ีสรา้ งอาคารควรทจ่ี ะเป็นท่สี ูง นำ้ ทว่ มไม่ถึง โครงสรา้ งชัน้ ดินแข็งแรง ไมม่ ที างนำ้ ไหลผ่านใต้ดิน • ท่ีต้ังของสถานศึกษาควรหา่ งจากแหลง่ มลพษิ เชน่ โรงงาน นคิ มอุตสาหกรรม สนามบนิ บอ่ ขยะ • สถานทต่ี ้ังของสถานศกึ ษาควรอย่ตู ิดหรือไม่ไกลจากเสน้ ทางจราจรหลักเพื่อใหค้ วบคุมดแู ลนักเรยี น และรกั ษาความปลอดภยั แต่ควรมปี ระตสู ำรองสำหรบั ใชเ้ มอ่ื เกิดเหตุฉกุ เฉนิ ตวั อย่างลักษณะความเส่ียงของพื้นท่ีภายในอาคารเรียน • ทางเดนิ หรือบนั ไดทางขน้ึ อาคารทีแ่ คบ ไมม่ รี าวจับ เมื่อจำเป็นต้องอพยพฉุกเฉิน ผู้คนต้องรีบเดินขึ้น หรือลงอย่างรวดเรว็ อาจมกี ารลน่ื พลัดตกหกล้ม และในกรณีทมี่ ืด มองไม่เห็นทาง หรอื กรณผี พู้ กิ าร ทางสายตา การมีราวจบั ตามบันไดจะช่วยนำทางและช่วยการทรงตัว • ชอ่ งลมหรอื ชอ่ งทางเดนิ ท่ีมีการถา่ ยเทอากาศไม่ดี เมอ่ื เกิดไฟไหม้ ควันไฟจะลอยไปตามทางเดนิ ชอ่ ง ลม และห้องต่างๆ อย่างรวดเรว็ และไม่ระบายออก • สายไฟ อุปกรณ์ไฟฟา้ ท่ไี ม่ได้มาตรฐาน ไมไ่ ดร้ ับการดแู ล ติดต้ังผิดแบบ หรอื มีการใชง้ านไม่เหมาะสม จะทำให้เกิดไฟไหม้ได้ง่าย • ตูห้ รือชน้ั วางหนังสือสูงท่ีไมม่ ีการยึดติดกบั ฝาผนงั อาจจะล้มลงมาทับครูหรือนักเรียน ส่ิงของทว่ี างไว้ท่ี สงู และอาจจะตกหลน่ ลงมาโดนศีรษะ โดยเฉพาะเวลาเกิดเหตุแผน่ ดนิ ไหว หรอื เกิดพายุรุนแรง • ประตหู รอื หนา้ ต่างทมี่ ีบานเปิดเขา้ ขา้ งในจะให้การหนีภยั ฉุกเฉินไม่สะดวกควรติดตงั้ บานประตูท่ผี ลกั ออก และเป็นการป้องกนั น้ำ แบบเดียวกับธรณปี ระตูคือ เม่ือเปน็ แบบเปิดออก จะทำใหด้ ้านนอกต่ำ กวา่ ด้านใน หากมฝี นตกสาด นำ้ กจ็ ะไหลออกไปข้างนอก • หนา้ ตา่ งหรอื ประตทู ี่เป็นบานกระจก มโี อกาสแตกเพราะแรงลม ไมว่ ่าจะเป็นพายุฤดูร้อน พายหุ มุน เขตรอ้ น ลกู เห็บ หรือเศษกง่ิ ไม้วัสดสุ ง่ิ ของที่ลมพดั มากระแทกบานกระจก ทำให้คนท่ีอยู่ใกลป้ ระตู หนา้ ต่างได้รับอันตรายจากเศษกระจกแตก • ผนงั อาคารและเสาที่ไม่ได้มาตรฐาน หรอื มีอายุการใช้งานมานาน อาจจะมีร่องรอยปลวกกิน มีนำ้ รั่วซมึ ทำใหช้ ้ืนและข้นึ รา ใกล้หมดสภาพการใช้งานอาจจะพังถล่มเมอ่ื ถกู ลมพายุ หรือเม่ือแช่นำ้ เปน็ เวลานาน หรือเมือ่ ได้รบั แรงส่ันสะเทือน ดังตัวอย่างต่อไปนี้ • สถานศึกษาอยูร่ ิมน้ำแต่ไม่มีรั้วกนั้ เม่ือเกิดฝนตกน้ำทว่ มทำให้กระแสน้ำไหลทะลักเข้าพ้นื ที่
• ถนนหนทางก่อนถึงสถานศึกษาไม่มีทางเดินเท้าทปี่ ลอดภัย นักเรยี นต้องเส่ียงอันตรายในการเดนิ ทาง ไปและกลับ • ประตทู างเขา้ สถานศกึ ษามีชอ่ งทางเดยี วและไม่กว้างพอสำหรบั ยานหานะขนาดใหญ่ เช่น รถ บัส รถบรรทกุ ทใ่ี ชใ้ นการอพยพรถดบั เพลิง และไม่มพี ื้นท่ีจอดรถสำหรับสถานการณฉ์ ุกเฉิน เช่น รถพยาบาล • มีต้นไม้ใหญ่ เสาไฟฟ้า ปา้ ยโฆษณารอบบริเวณสถานศึกษาอาจจะโคน่ ลม้ เมือ่ เกิดพายุ ควรพจิ ารณา หาทางแก้ไข เชน่ ตัดเลม็ ก่ิงไม้ทผ่ี ุ แจง้ หน่วยงานทด่ี แู ลเสาไฟฟ้า ปา้ ยโฆษณาใหแ้ ก้ไข ควรมีการตดิ ปา้ ยเตือนนกั เรียนให้ระวัง • บอ่ น้ำท่ีไม่มสี ง่ิ กีดขวาง ไมม่ ปี ้ายเตือน ทำให้เกิดอนั ตรายจากการตกนำ้ จมน้ำ หรอื ทำให้มองไม่เหน็ วา่ เป็นบอ่ นำ้ เวลาเกิดนำ้ ทว่ มสูงจนเปน็ ระดับเดียวกนั • ทอ่ ระบายนำ้ ท่เี ล็กเกนิ ไป ไม่มตี ะแกรงกนั เศษขยะ เศษดินโคลนทำให้อดุ ตนั เวลาเกิดฝนตกนำ้ ไม่ สามารถระบายได้ดี ทำให้เกดิ น้ำทว่ มขงั ในพ้ืนที่และอาคารเรยี น • เตาเผาขยะ หรือพื้นที่กักเก็บขยะ ปฏกิ ลู อยู่ใกล้อาคาร มโี อกาสท่ีจะเกิดการปนเปื้อนในอาหาร นำ้ ดมื่ น้ำใช้ หรอื เกดิ มลพิษทางอากาศได้ง่าย 2. การจดั สภาพแวดล้อมให้ปลอดภัย อาคารเรียนหรืออาคารประกอบเป็นส่ิงก่อสรา้ งถาวร และย่อมเกิดการชำรดุ ทรดุ โทรมไปตามเวลา จงึ ตอ้ งรบั การบำรงุ รักษาอยเู่ สมอและดูแลให้สามารถรบั น้ำหนักของนักเรยี นและสิง่ ของตา่ งๆในอาคาร เพ่ือไมใ่ ห้ เกดิ อบุ ตั ิเหตใุ นขณะใชง้ านปกตแิ ละสถานการณ์เก่ยี วกับภยั ธรรมชาติ สถานศึกษาจะต้องดำเนินการตรวจสอบ โครงสร้างและสว่ นประกอบอาคาร ตลอดจนอปุ กรณต์ า่ งๆท่ีติดตงั้ ไว้อยา่ งสม่ำเสมอ หากพบความผิดปกติ ต้อง ส่ังปิดอาคารและประกาศเปน็ เขตหวงห้าม หรือเขตอันตราย ห้ามเข้าใชเ้ ดก็ ขาด จนกว่าจะมกี ารซ่อมแซม หรือ อาจจะจำเป็นตอ้ งร้ือถอนอาคาร หากซ่อมแซมไม่ได้ • ถนนทางเขา้ ออกในโรงเรียน ควรจัดใหเ้ อ้ืออำนวยต่อการอพยพและการเขา้ ออกของรถพยาบาล รถดบั เพลิง ควรมจี ดุ จอดรถท่ีสำรองไว้สำหรับรถฉุกเฉนิ โดยเฉพาะ • ทางเขา้ ออกทุกทางควรสรา้ งทางลาดไว้ดว้ ยเพ่ือความสะดวกในการใชร้ ถเข็นน่ัง รถพยาบาล เตียง พยาบาลในกรณีที่มผี บู้ าดเจ็บทตี่ อ้ งเคลอื่ นย้ายด้วย • ในกรณีฉุกเฉินท่ีตอ้ งรักษาความปลอดภัยอย่างเข้มงวด ควรจดั พ้ืนที่หนา้ โรงเรียนสำหรับผ้ปู กครองมา รอรับบตุ รหลาน ไม่ควรให้ผู้ปกครองเขา้ มาในบรเิ วณสถานศึกษาหรือข้นึ ไปรบั บุตรหลานในอาคารถ้า ไมจ่ ำเปน็ • จุดรวมพลของสถานศึกษาส่วนใหญจ่ ะเป็นพน้ื ทีสนามหญ้าหน้าอาคาร ต้องคำนงึ ถงึ การเข้าถึงของ นกั เรยี นและเจ้าหนา้ ท่ีกู้ภยั ซึ่งอาจจะมีท้งั พ้นื ทีป่ ฐมพยาบาล พืน้ ทีอ่ ำนวยการ พน้ื ที่กภู้ ยั พืน้ ที่ที่เปน็ จุดรวมพลและเส้นทางไปยงั จุดรวมพลตอ้ งไม่มสี ิง่ กีดขวาง เช่น ไม่มีเครื่องเล่น ไม่มรี ้ัว ไม่มีการปลกู ต้นไมข้ วางทางเข้าออกจุดรวมพล • การใชพ้ นื้ ที่อาคารเพ่ือการเรียนและการจัดกจิ กรรมตา่ งๆ ควรมกี ารจัดการใช้พน้ื ที่ให้เป็นระเบียบ เชน่ จดั การใชพ้ นื้ ที่ให้มกี ารสัญจรไปในทิศทางเดียวกนั ดว้ ยการกำหนดการเดินชดิ ขวาหรือชิด ซา้ ย ทางเดนิ กว้างเพียงพอ มีไฟฉุกเฉินตลอดทางเดิน ในจุดท่เี ปน็ อันตรายต้องมปี า้ ยสญั ลกั ษณ์ ปา้ ย เตือน เช่น ป้ายทางหนีไฟ ควรมี แผนผังอาคารเรยี นพร้อมเส้นทางอพยพและจดุ รวมพลติดตงั้ ไวท้ กุ ช้ัน เป็นตน้
• บางพืน้ ท่ีในอาคารเรียนอาจจะมีวตั ถุอนั ตราย เชน่ เคร่อื งมอื ทเี่ ปน็ ของมคี ม สารเคมีใน หอ้ งปฏิบัตกิ ารวิทยาศาสตร์ ในหอ้ งเรยี นคหกรรม อาจจะมีแก๊ส ตอู้ บ นำ้ มัน ควรมีการเก็บของให้ มิดชดิ เรียบร้อยและมีปา้ ยติดเพื่อแนะนำการใชง้ านและเตือนอนั ตราย ควรมีเครื่องดบั เพลิงติดไว้ใน หอ้ งปฏบิ ตั ิการวิทยาศาสตรแ์ ละห้องคหกรรม มกี ารอบรมใหใ้ ช้อุปกรณเ์ คร่ืองใช้ไฟฟา้ ทถ่ี ูกวธิ ี โดยเฉพาะปล๊ักไฟ เต้าเสียบ สายไฟ และตอ้ งมีการตดิ ต้ังระบบตดั ไฟ หรอื ระบบป้องกันฟ้าผ่า • ในกรณีท่ีมีเครื่องมือการเกษตรและเครื่องมือช่าง เช่น มีด จอบ พลั่ว ชะแลง สว่าน เลอ่ื ย ต้องมีการ ตรวจสอบเคร่ืองมือและอปุ กรณอ์ ย่างสม่ำเสมอ หากชำรดุ ใหซ้ อ่ มแซมหรอื เปลี่ยน และเก็บใหเ้ ปน็ ระเบยี บเรยี บร้อย ในกรณีเกดิ ภยั พบิ ัติ อปุ กรณก์ ารเกษตรและอุปกรณช์ า่ งเหลา่ น้ีสามารถนำมาใช้ ประโยชน์ได้ • ในกรณีที่มบี อ่ น้ำในโรงเรียน ตอ้ งมปี า้ ยเตือนอันตรายหรือจดั ให้มีรั้วรอบขอบชดิ • ในกรณีเกดิ ภยั พิบัติในสถานศึกษา โดยเฉพาะในขณะที่มนี กั เรียนเรยี นอยู่ นกั เรยี นอาจจะตกใจ เกิด ความสบั สนอลหม่านกับสถานการณท์ ่ีไม่คาดคดิ จงึ ต้องวางมาตรการป้องกนั อุบัติเหตทุ ่ีจะเกิดข้นึ อัน เปน็ ผลตามมาดว้ ย เชน่ การผลดั ตก หกลม้ โดนของมีคม ซึ่งการจดั พนื้ ท่ีการใช้งานก็จะชว่ ยใหล้ ด ความเสยี่ งท่จี ะเกิดอบุ ตั ิเหตุดังกลา่ วได้ หลักการจดั เสน้ ทางอพยพและจดุ รวมพล 1. ทางเดนิ ต้องกวา้ งและพืน้ ตอ้ งทนต่อความรอ้ น 2. โครงสร้างบริเวณเสน้ ทางหนีภัย ต้องทนไฟไดแ้ ละมคี วามแขง็ แรงเพอื่ ไมใ่ ห้คานถลม่ มา 3. บนั ไดตอ้ งออกแบบมาสำหรับการหนหี รอื อพยพคนไปยงั ทางออก และมีราวจบั เพื่อนำทางมายงั ชัน้ ล่าง 4. ไมม่ ีส่งิ ของท่เี ป็นเชือ้ เพลิงหรือมสี ่ิงของ เฟอร์นิเจอร์ วางอยใู่ นเสน้ ทางอพยพ 5. หา้ มคล้องโซ่กญุ แจที่ประตหู นีไฟชน้ั ล่างโดยเด็ดขาด หรอื หากมกี ารคล้องกุญแจ ต้องมผี ู้รับผิดชอบ เปิดประตทู ันทีที่มสี ญั ญานเตือนภัย 6. มอี ปุ กรณ์ดบั เพลิงตง้ั ตามจุดต่างๆ 7. มเี คร่อื งหมายหนีไฟ หรือเคร่ืองหมายเส้นทางอพยพตามเส้นทาง 8. มีไฟฉกุ เฉนิ ตามเส้นทางหนีไฟท่ีสว่างเพยี งพอเพราะเวลาเกิดอคั คภี ยั ควนั จะทำให้มองเห็นไมช่ ัดเจน 9. ในกรณีท่ีสถานศึกษามนี กั เรยี น ครู หรือบคุ ลากรทม่ี ีความพิการ จะต้องสอบถามถึงความช่วยเหลือที่ จำเป็นเมอื่ เกิดเหตุฉุกเฉนิ เช่น คนพกิ ารบางคนอาจไมต่ ้องการความช่วยเหลอื เปน็ พเิ ศษแต่บางคน อาจไมส่ ามารถเดินขนึ้ -ลงบนั ไดได้ บางคนอาจไมส่ ามารถมองเห็นสัญญาณความปลอดภยั จาก อคั คีภยั บางคนมปี ัญหาในการค้นหาทางออกหรอื ไม่สามารถไดย้ ินสัญญาณเตือนภัย หรืออาจจะไม่ เขา้ ใจการเตอื นภัย จงึ ต้องจัดเส้นทางอพยพท่มี ีสิ่งอำนวยความสะดวกเพ่อื ช่วยให้คนพกิ ารสามารถ อพยพได้อย่างปลอดภัย 10.พื้นท่ีรวมพลท่ปี ลอดภัย ควรเป็นพ้นื ที่กว้าง เชน่ สนามหนา้ อาคารเรยี น หากเป็นการอพยพจากภัย น้ำปา่ ไหลหลาก จดุ รวมพลจะต้องเป็นที่สงู หากเปน็ วาตภยั ก็จะต้องกำหนดพนื้ ท่ีปลอดภัยในอาคาร เรยี น 11.การกำหนดจดุ รวมพล หรอื จุดปลอดภัยท่ีพานกั เรยี นมารวมตวั กันนัน้ จะต้องมีการจดั ระเบียบพน้ื ที่ ดว้ ยโดยกำหนดให้พนื้ ที่ตามห้องเรยี น เพ่ือง่ายต่อการนับจำนวนและตรวจสอบผู้สูญหาย และควรมี พื้นท่สี ำหรับปฐมพยาบาล พ้ืนทอี่ ำนวยการ และพ้ืนทส่ี ำหรบั รองรับผปู้ กครองท่ีมารับบุตรหลานใน กรณีฉุกเฉินด้วย 12.สถานศึกษาควรตดิ ต้งั ป้ายทีแ่ สดงความปลอดภัยไว้อย่างชดั เจน เช่น ปา้ ยเกยี่ วกับอุปกรณด์ บั เพลิง
ป้ายทางหนไี ฟ กฎกระทรวงกําหนดส่ิงอํานวยความสะดวกในอาคารสําหรับผู้พิการหรือทุพพลภาพ และ คนชรา พ.ศ. 2548 ระบุว่า “ส่ิงอํานวยความสะดวกสําหรับผู้พิการหรือทุพพลภาพ และ คนชรา” หมายความว่า ส่วนของอาคารท่ีสร้างขน้ึ และอุปกรณ์อันเปน็ สว่ นประกอบของอาคารที่ติด หรือตั้งอยู่ภายในและ ภายนอกอาคารเพ่ืออํานวยความสะดวกในการใช้อาคารสําหรับผู้พิการหรือ ทพุ พลภาพ และคนชรา
ดังน้ัน ผบู้ รหิ าร ครูและเจา้ หนา้ ทจี่ ำเป็นต้องมคี วามตระหนกั รู้ถึงสิทธิการเข้าถึงของคนพกิ ารอยา่ งไมม่ ี การเลือกปฏิบัติตามท่ีกฎหมายบัญญตั ิ ตอ้ งมีการจดั สิง่ อำนวยความสะดวกเพ่ือการเข้าถงึ รวมทั้งข้อมลู และ วธิ ีการส่ือสาร ระบบการช่วยเหลอื และวสั ดุและอุปกรณ์ ท่ีจำเป็นสำหรับเด็กพิการในระหว่างสถานการณ์ ฉุกเฉิน โดยตอ้ งคำนงึ ถึงความแตกต่างในความพิการของนักเรยี นเป็นรายบคุ คล รวมทงั้ ครู บคุ ลากร และ เจา้ หน้าท่ีท่ีมีความต้องการจำป็นพิเศษ ในการจดั สง่ิ อำนวยความสะดวกด้านสถานที่น้ี จะตอ้ งคำนงึ ถึงการใช้ สถานศกึ ษาเปน็ ศนู ย์พักพิงสำหรับคนพิการดว้ ย วิดีโอต่อไปนี้อธบิ ายสทิ ธขิ องคนพกิ ารและการจดั สง่ิ อำนวย ความสะดวกเพ่อื คนพกิ าร การจดั พ้นื ทแี่ ละสงิ่ อำนวยความสะดวกทางกายภาพที่จำเปน็ สำหรับคนพิการ ได้แก่ 1) พื้นที่สำหรับรถเข็นนั่งหรอื รถเข็นวีลแชร์ ประตูทางเข้าสำหรับรถเขน็ วลี แชร์ควรกวา้ งไม่ตำ่ กว่า 90 ซม.ช่องทางเดนิ ควรมีความกว้างไมต่ ่ำกว่า 90 ซม.เช่นกนั ส่วนพน้ื ที่สำหรับหมุนรถเขน็ น่งั จะต้องมคี วาม กว้างยาวอย่างน้อย 150 ซม. ดงั รูป 2) พน้ื ทีส่ ำหรับรถเขน็ น่ังหรือรถเข็นวีลแชร์ ประตูทางเข้าสำหรับรถเข็นวีลแชร์ควรกว้างไม่ต่ำกวา่ 90 ซม.ช่องทางเดนิ ควรมีความกวา้ งไม่ต่ำกวา่ 90 ซม.เชน่ กัน ส่วนพ้ืนทสี่ ำหรับหมนุ รถเขน็ นั่งจะต้องมีความ กวา้ งยาวอยา่ งน้อย 150 ซม. ดงั รูป 3) ทางลาดสำหรบั รถเข็นน่ัง ทางลาดข้ึนอาคารต้องมีสดั ส่วนความยาวอยา่ งน้อย 1:12 เมตร กลา่ วคือ หากมคี วามสงู 1 เมตร จะตอ้ งมีทางลาดยาว 12 เมตรเพ่ือให้เกิดความชันของทางลาดประมาณ 10 องศา ซ่ึงทางลาดน้ีอาจจะออกแบบให้มีจดุ พักท่กี ึ่งกลางหรือทุก 6 เมตร ทางลาดต้องมีความกว้าง 90 ซม. และมีราวจบั 2 ขา้ ง
4) ห้องนำ้ สำหรบั คนพิการ ในการออกแบบห้องน้ำเพ่ือคนพิการ ซ่งึ ประกอบด้วยหอ้ งนำ้ ท่อี าบน้ำ หอ้ ง สว้ ม และอ่างล้างมอื มีการกำหนดมาตรฐานไว้ คือ • ประตูหอ้ งน้ำท่จี ัดให้คนพิการควรเปน็ บานเลอื่ น กว้างอย่างน้อยกวา่ 90 เซนติเมตร เปิดคา้ งได้ไม่ นอ้ ยกวา่ 90 องศา ไม่มีธรณีประตู ถา้ เป็นพื้นต่างระดับต้องไมเ่ กนิ 2 เซนติเมตร • มีราวจบั จากประตูทางเข้า ไปยังทีอ่ าบน้ำ และห้องนำ้ ราวจบั สูงไมน่ อ้ ยกว่า 80 เซนติเมตร และ แขง็ แรงพอทจ่ี ะรับน้ำหนักได้ • พืน้ หอ้ งน้ำใช้วัสดกุ ันลนื่ พืน้ ทอ่ี าบนำ้ มีเส้นผา่ ศูนยก์ ลางไม่นอ้ ยกว่า 1.50 เมตร เพอ่ื ให้รถเขน็ สามารถหมุนตัวได้ • สงิ่ ของ เคร่ืองใช้ อปุ กรณ์ภายในทอ่ี าบน้ำ ใหส้ งู จากพน้ื ความสงู ระหว่าง 0.25 – 1.20 เมตร • พ้ืนทภ่ี ายในห้องส้วม กวา้ งยาวไม่นอ้ ยกว่า 1.50-1.70 เซนติเมตร • ติดอกั ษรเบรลล์ เพ่อื ให้คนตาบอดได้ทราบว่าเป็นห้องน้ำหญงิ หรือชาย ไวบ้ รเิ วณทใ่ี กลป้ ระตู • ทาสีกรอบประตูดว้ ยสีสว่าง เชน่ สเี หลืองเพอื่ ให้คนสายตาเลือนรางสังเกตได้ • ติดตง้ั สญั ญาณไฟสำหรบั เตือนภยั สำหรับผพู้ กิ ารทางหู หรือสญั ญาณสำหรับส่ือความหมายอ่ืนๆ ไว้ใน ห้องนำ้ ข้อมลู เพ่ิมเติมเกี่ยวกับสิ่งอำนวยความสะดวกสำหรับคนพกิ าร สามารถศกึ ษาไดจ้ าก • คมู่ ือรายการอปุ กรณ์ สิ่งอำนวยความสะดวก หรือบรกิ ารทส่ี อดคล้องกบั ความต้องการพเิ ศษของคน พกิ ารโดยสำนกั ส่งเสริมศกั ยภาพและสิทธิ กรมสง่ เสริมและพัฒนาคุณภาพชวี ิตคนพิการ (อา่ น เพิ่มเติม) ตัวอยา่ งที่ 1 การฟ้ืนฟูอาคารเรยี นใหส้ ามารถรับมือกับน้ำทว่ มไดใ้ นอนาคต โรงเรยี นวดั หัวหิน อ.ท่าเรอื จ.พระนครศรีอยธุ ยา ตอ้ งประสบปัญหาน้ำทว่ มซำ้ เป็นประจำแทบทุกปี ภายหลัง นำ้ ลด ไดท้ ำการสำรวจความเสยี หาย พบวา่ น้ำทีท่ ่วมขังบรเิ วณช้ันหนง่ึ ของอาคารเรียนทำให้ส่วนประกอบของ อาคารชำรุด เช่น ประตูไม้พองตวั ต้องเปลย่ี นใหม่ ผนงั ต้องซ่อมแซมและทาสใี หม่ อกี ทัง้ หอ้ งเรียนและอปุ กรณ์ การเรียนในบริเวณชน้ั หนงึ่ ได้รับความเสยี หายอย่างมาก ทางโรงเรยี นเลง็ เหน็ ถงึ ความเสี่ยงจากภัยนำ้ ท่วมใน พืน้ ทซี่ ง่ึ มีโอกาสเกิดขน้ึ ทุกปี จึงเลอื กไม่ใชว้ สั ดแุ ละวิธกี ารแบบเดมิ ในการซ่อมแซมโรงเรยี น แตท่ ำดงั นี้ • เปลี่ยนจากประตูไม้เป็นประตูโลหะโปรง่ ทำใหน้ ้ำ สามารถไหลผ่านได้ และช่วยลดแรงดนั ของน้ำ ที่จะ ทำใหเ้ กิดความเสยี หายต่อโครงสรา้ งอาคารเรยี น
• ใชก้ ารปูกระเบ้ืองแทนการทาสีผนงั ใหม่ โดยปูกระเบื้องใหส้ ูงกว่าระดบั ที่นำ้ เคยทว่ มถงึ • ยา้ ยห้องเรยี นและอปุ กรณ์ท่ีมีราคาแพง เช่น หอ้ งคอมพวิ เตอร์ เครื่องดนตรีและห้องสมดุ ไปไวท้ ่ีชัน้ สอง หากเกิดน้ำท่วมข้ึนอีกกส็ ามารถลดความเสียหายและลดงบประมาณในการซ่อมแซมโรงเรยี นได้ (ทีม่ า การลดความเสีย่ งจากภัยพิบตั ิสกู่ ารพัฒนาท่ียั่งยืน) ตัวอย่างท่ี 2 การออกแบบอาคารโรงเรยี นตา้ นทานแผน่ ดินไหวครั้งแรกของไทย หลังเกดิ แผ่นดินไหวเม่ือปี 2557 อาคารเรียนของโรงเรียน ในอ.พาน จ.เชยี งราย ได้รบั ความเสยี หายหนัก สมเดจ็ พระเทพรัตนราชสดุ าฯ สยามบรมราชกมุ ารี พระองค์จงึ ได้จดั สรรเงินส่วนพระองค์มอบใหว้ ศิ วกรรม สถานแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชนิ ปู ถมั ภ์ (วสท.) เป็นจำนวน 42 ลา้ นบาทสำหรบั ฟื้นฟูอาคารเรยี นที่ โรงเรียนพานพทิ ยาคม โรงเรียนแม่ลาววิทยาคม โรงเรยี นโปง่ แพร่ และโรงเรยี นรอ่ งธารดว้ ย ซึง่ เร่ิมดำเนนิ การ ตัง้ แตช่ ่วงวนั ที่ 2 กมุ ภาพนั ธ์ 2558 ท่ีผา่ นมา และคาดว่าจะแลว้ เสร็จในเดือนตลุ าคม 2559 โดยโครงสร้าง เสริมกำลงั ตา้ นแผ่นดนิ ไหว ที่ทางวศิ วกรรมสถานเลอื กมาใช้กับอาคารนี้แบ่งเป็น 3 สว่ นดว้ ยกัน คือ 1. การใช้ฝ้ายปิ ซมั่ บอร์ดทมี่ ีน้ำหนกั เบาแทนกำแพงอิฐกอ่ ซง่ึ มีน้ำหนกั มาก เพ่ือลดนำ้ หนักบรรทุกที่ กระทำบนอาคารซงึ่ จะเหนี่ยวนำแรงแผ่นดินไหวไดส้ งู ทำให้เกดิ ความเสียหายมาก 2. การใช้กำแพงชนดิ พเิ ศษ ที่เรียกวา่ กำแพงรบั แรงเฉอื น (Shear Wall) ซึง่ จะชว่ ยต้านทานแรงทาง ด้านข้าง ซึ่งเปน็ แรงแผ่นดินไหวท่ีทำให้อาคารบ้านเรือนเสียหาย ภายในตัวกำแพงรบั แรงเฉอื นจะ ประกอบดว้ ยคอนกรตี เสริมเหลก็ และเหล็กเสน้ ซง่ึ ใชว้ ิธที ำไมต่ า่ งจากการขน้ึ กำแพงท่ัวไปท่ีแรงงาน หรอื ผูร้ บั เหมาสามารถทำได้ และมคี ่าใชจ้ า่ ยเพิ่มจากเดิมแคป่ ระมาณ 10 - 15% ในขณะที่ไดค้ ่า ความปลอดภัยสูงกว่ามาก 3. เสาของอาคารมกี ารออกแบบใหเ้ ปน็ เสากลม เนื่องจากมคี วามแขง็ แรงในทุกทิศทาง ต่างจากเสา เหลย่ี มซ่ึงมีความแข็งแรงบางด้านและอ่อนแอบางดา้ น เสาแตล่ ะต้นมีการเสริมเหลก็ ทเ่ี ป็นเกลียว ต่อเนอ่ื งขึน้ ไปตลอดท้งั เสา และมีการพนั เกลียวถี่พิเศษทง้ั บรเิ วณโคนด้านล่างและด้านบนและห้มุ ดว้ ย เหล็กปลอกทีม่ ีความหนาเป็นพเิ ศษอีกชัน้ ทำให้ค่อนขา้ งม่ันใจวา่ อาคารหลังนีจ้ ะรับแรงแผน่ ดนิ ไหวได้ ถึงระดบั 8 จากองคป์ ระกอบทงั้ สามด้าน ทำใหอ้ าคารน้ีเปน็ อาคารเรยี นแห่งแรกของประเทศไทยที่มีการ ออกแบบสำหรบั ต้านทานแผ่นดินไหวอยา่ งครบถ้วน ตวั อยา่ งที่ 3 การดีดอาคารเรยี นท้ังหลัง
บทที่ 3 การจดั การภยั พบิ ัติในสถานศึกษา วตั ถปุ ระสงค์ • เพอ่ื ใหเ้ ขา้ ใจแนวคดิ ทเ่ี กย่ี วขอ้ งกบั การจัดการภยั พบิ ตั ิในสถานศกึ ษา • เพือ่ ให้เพ่ือใหเ้ ข้าใจหลักการและสามารถทำแผนบรหิ ารจดั การภัยพิบตั ิในสถานศึกษาได้อยา่ งถูกต้อง • เพอ่ื ให้เขา้ ใจวิธีการจัดซ้อมอพยพและสามารถนำไปประยุกตใ์ ช้ในสถานศึกษา • เพอ่ื ใหเ้ ขา้ ใจทักษะในการตดั สินใจและสามารถเผชิญเหตฉุ ุกเฉนิ ไดเ้ บ้ืองต้น • เพือ่ ให้เขา้ ใจหลักการจัดที่พักพงิ ชวั่ คราวในสถานศึกษา • เพ่อื ใหเ้ ข้าใจความจำเปน็ ในการให้การคุ้มครองเด็กในสถาณการณ์ภัยพิบตั ิ • เพ่ือใหเ้ ข้าใจความจำเป็นในการจัดการเรยี นการสอนใหต้ ่อเน่ืองในสถานการณภ์ ยั พิบตั ิ หวั ข้อการเรยี นรู้ 1. กลไกในการจัดการภยั พิบัติในสถานศึกษา 1.1 แนวทางการประเมนิ ความเปราะบางและศักยภาพ 1.2 แนวทางการตัดสนิ ใจสำหรบั ผูบ้ รหิ ารสถานศึกษา 1.3 หน่วยงานทเี่ กย่ี วข้องกับการปอ้ งกนั และบรรเทาสาธารณภยั 2. การดำเนนิ การตามแผน 2.1 มาตรการลดความเสีย่ งภัยพบิ ัตใิ นสถานศกึ ษา 2.2 แผนการแจง้ เตือนภยั และอพยพ 2.2.1 องคป์ ระกอบของแผน 2.2.2 ระบบเตือนภัยท่มี ีเดก็ เปน็ ศนู ยก์ ลาง 2.2.3 วธิ ีการปฏบิ ัตินการอพยพ 2.2.4 การจัดกระเป๋าฉุกเฉนิ ประจำห้องเรยี น 2.3 การซอ้ มแผนเตือนภัยและอพยพ (วิดโี อจาก save the children) 2.3.1 กระบวนการซอ้ มแผนอพยพ 2.3.2 การประเมนิ ผลการซ้อม 2.4 การใช้สถานศึกษาเป็นศูนย์พักพงิ ชัว่ คราวสำหรับผ้ปู ระสบภัย 2.5 การจัดการเรียนการสอนใหต้ อ่ เนื่องในสถานการณภ์ ัยพบิ ตั ิ 2.6 การคุ้มครองเดก็ ในสถานการณภ์ ัยพิบตั ิ 2.7 การปฐมพยาบาล 2.8 การประเมินผลตามแผนบรหิ ารจัดการภยั พบิ ตั ิ 2.9 มาตรฐานการปฏิบัตเิ ม่ือเกิดภัย
1. กลไกในการจัดการภยั พิบตั ิในสถานศึกษา ควรมกี ารจดั ต้งั คณะกรรมการจดั การภยั พบิ ตั ิในสถานศึกษามบี ทบาทเปน็ แกนนำในการวางแผน เฝ้า ระวงั เตรียมพร้อม และดำเนินกิจกรรมดา้ นความปลอดภยั รอบด้านในสถานศกึ ษา รวมถึงจดั การก่อน ระหว่าง และหลงั เกิดภยั พิบัตหิ รอื เหตุฉุกเฉินในโรงเรียน รวมทง้ั ติดตามและประเมินผล ข้อควรคำนึงในการจดั ต้งั คณะกรรมการความปลอดภัยรอบดา้ น มีดังนี้ • ให้นกั เรียนมีสว่ นรว่ ม (โดยเฉพาะนักเรียนระดับชั้นประถมศกึ ษาปีท่ี 6 หรืออายุ 13 ปีข้นึ ไป) พร้อม กับผู้ทเี่ กี่ยวข้องอน่ื ๆ o ผ้บู ริหารสถานศึกษา ครู และบุคลากรทางการศึกษา o ผแู้ ทนนักเรียน o คณะกรรมการสถานศึกษา o ผแู้ ทนองค์กรปกครองส่วนท้องถนิ่ ผู้นำชมุ ชน ปราชญ์ชาวบา้ น o หนว่ ยงาน/องค์กรทเ่ี กยี่ วข้องอ่ืน ๆ ในพื้นที่ เชน่ หนว่ ยงานด้านอนามยั องค์กรพัฒนาเอกชน • จดั ตั้งเกณฑ์ในการคดั เลือก/เลอื กตงั้ ผู้ท่จี ะมาเป็นคณะกรรมการฯ • คัดเลือก/เลอื กตงั้ คณะกรรมการฯโดยความยินยอมของผู้ได้รับการเสนอชื่อ • คณะกรรมการแต่ละฝา่ ยควรมีสมาชิกท้ังเพศหญิงและชาย • มีโครงการเสรมิ สร้างศกั ยภาพให้แกค่ ณะกรรมการแต่ละฝ่าย เชน่ โดยการจดั อบรมในโรงเรียน การส่ง ผูแ้ ทนเขา้ ร่วมโครงการอบรมนอกสถานท่ี องคป์ ระกอบของคณะกรรมการ คณะกรรมการฯอาจแบง่ หน้าทก่ี ันไดห้ ลายฝ่าย แตก่ ารดำเนินการจะต้องทำเป็นทีมและมกี ารประชมุ หารอื กัน อย่างสม่ำเสมอ โดยแตล่ ะฝา่ ยทำการบ้านในส่วนงานของตนมาล่วงหน้า ฝ่ายหรอื คณะย่อย อาจแบ่งตามหนา้ ที่ และความรับผิดชอบดงั น้ี หน้าท่แี ละความรับผดิ ชอบของคณะกรรมการ (สามารถปรบั ได้ตามความเหมาะสม) ลำดับ ตำแหน่ง หนา้ ท่คี วามรับผิดชอบ 1 ฝา่ ยอำนวยการ • ประสานงานกบั สมาชิกในทีม • มอบหมายงานใหส้ มาชิก • ตรวจสอบและยนื ยันขา่ วสารเก่ยี วกบั ภยั พิบัติทไ่ี ดร้ บั • แจง้ เตอื นฝ่ายเฝา้ ระวงั และแจ้งเตือนภยั 2 ฝ่ายประชาสัมพันธ์ • หาความรู้เกย่ี วกบั ภยั และการป้องกนั ภัยมาเผยแพรผ่ ่าน การกระจายเสียง หรอื เอกสารเช่น โปสเตอร์ หนังสือ หรอื ส่อื ต่าง ๆ 3 ฝ่ายเฝ้าระวงั และแจ้งเตือนภยั • จดั เวรยามเฝา้ ระวงั สถานการณภ์ ยั เชน่ บนั ทึกปริมาณ น้ำฝนเมอ่ื ฝนตกหนัก • แจง้ เตือนภัยเม่ือมีแนวโนม้ วา่ จะเกดิ ภยั 4 ฝ่ายอพยพ • ระบุพ้ืนทีป่ ลอดภัยสำหรบั รวมพล • กำกับดูแลการอพยพใหเ้ ป็นไปอยา่ งรวดเรว็ ปลอดภัย และเปน็ ระเบียบ • นับจำนวนคนและรายงานนักเรยี นท่ีสญู หาย • ติดต้งั แผนทเ่ี สน้ ทางอพยพในแต่ละห้องเรยี น หรือ ในที่ที่ นกั เรียนสามารถเหน็ ได้ทุกคน
5 ฝ่ายสถานที่ • ปรบั ปรุงพ้นื ทใ่ี นโรงเรยี นใหม้ ีความปลอดภัย 6 ฝ่ายเสบยี งและอปุ กรณ์ • จดั เตรยี มสถานท่ีอพยพให้พร้อมใชง้ านและมรี ะบบ 7 ฝา่ ยปฐมพยาบาล สาธารณปู โภคและสงิ่ อำนวยความสะดวกตามความ จำเป็น 8 ฝา่ ยประสานงาน 9 ฝ่ายงบประมาณ • เตรยี มเสบียงอาหาร เช่น ขา้ วสาร อาหารแหง้ นำ้ ดม่ื ใน 10 ฝา่ ยตดิ ตามประเมินผล กรณีฉุกเฉนิ หรอื มีการอพยพ • จดั เตรียมสัญญาณเตือนภัยแต่ละจดุ (กร่งิ ,โทรโข่ง ฯลฯ) • รจู้ ักวิธีใชเ้ ครอ่ื งมือตา่ งๆ ที่ใช้ในยามฉุกเฉิน เชน่ ถงั ดบั เพลงิ • ให้การปฐมพยาบาลเบ้อื งต้นแก่ผู้ไดร้ บั บาดเจ็บก่อนส่ง ตอ่ ไปโรงพยาบาล • เตรยี มวัสดุอปุ กรณ์ทใี่ ช้ให้พร้อมใชง้ าน • ฝ่ายปฐมพยาบาลควรมีความรเู้ บื้องตน้ ดา้ นการปฐม พยาบาล เชน่ เปน็ ครูประจำห้องพยาบาล หรือไดร้ ับการ ฝึกอบรมมาก่อน • แจง้ เหตภุ ัยของชมุ ชนให้หน่วยงานท่ีเกี่ยวข้องทราบเพ่ือ ขอรับการชว่ ยเหลอื ดา้ นตา่ ง ๆ • จดั สรรงบประมาณ • สรุปรายรบั รายจา่ ย • ประเมนิ ผลการจัดกจิ กรรม • สรปุ ผล/รายงาน • เสนอแนะแนวทางแก้ไข ในการประเมินความเส่ียงภัยธรรมชาติ สามารถหาไดจ้ ากเครือ่ งมือประเมนิ ความเสย่ี งทใ่ี ห้ไว้ใน Module 0 เพื่อระบุภยั ธรรมชาติท่ตี อ้ งจดั การทำแผน และต้องประเมนิ ความเสี่ยงของอาคารสถานท่ีท่ีใหไ้ ว้ ใน Module 1 นอกจากน้ี ยงั ต้องมีการประเมนิ ความเปราะบางและศักยภาพของสถานศึกษาทงั้ สามดา้ นเพ่ือ การวางแผนบรหิ ารจัดการทเ่ี หมาะสมกับบรบิ ท ข้อพิจารณาในการประเมนิ ความเปราะบาง มดี งั นี้ ขอบเขตการประเมิน ประเด็นพิจารณา จำนวนครูตอ่ จำนวน • จำนวนนกั เรียน ชาย หญงิ นักเรยี น และ • จำนวนนักเรยี นพกิ าร ความสามารถในการดูแล • ระดบั ชั้นเรียนและอายุของนักเรียน • จำนวนนักเรยี นท่ีสามารถชว่ ยเหลอื ตัวเองได้เม่ือเกดิ เหตกุ ารณภ์ ยั ธรรมชาติ และจำนวนนกั เรียนทีต่ ้องการความช่วยเหลือ • จำนวนครู ผ้ดู แู ล และบคุ ลากร ตอ่ จำนวนนักเรียน • จำนวนครทู ่สี ามารถดูแลนักเรียนได้เมื่อเกิดเหตภุ ัยพิบัตฉิ ุกเฉนิ • จำนวนผปู้ กครอง และคนในชุมชนใกล้เคียงที่สามารถระดมความช่วยเหลอื ไดท้ ันทีที่เกิดเหตุ
เสาหลกั ที่ 1 อาคาร • อาคารเรียนสามารถรองรบั นักเรียนเม่ือเกิดเหตุ สถานทีแ่ ละสาธารณูปโภค • อปุ สรรคเร่อื งการเข้าถึง เช่น ถนนไม่ดี สะพานไม่แขง็ แรง ประตูทางเข้า แคบ ทำให้ความช่วยเหลือจากภายนอกเขา้ ไมถ่ ึงนักเรียน • อนั ตรายจากสงิ่ ทไี่ มใ่ ช่โครงสร้างอาคาร เช่น ประตู หน้าต่าง บันได ผนัง กั้นห้อง ท่อน้ำท้ิง เฟอร์นเิ จอร์ อปุ กรณ์ตา่ งๆ ที่อาจจะหลน่ มาทบั นกั เรียน ขณะเกิดเหตุ หรือขณะอพยพ หรอื ในขณะหลบภยั • น้ำดม่ื นำ้ ใช้เพยี งพอและปลอดภยั จากการปนเปื้อน • ไฟฟ้า แสงสวา่ ง เพียงพอ • อปุ กรณส์ ่ือสารมีอะไรบา้ งและมีอปุ สรรคของระบบสอ่ื สารอะไรบ้าง เสาหลักที่ 2 การบริหาร • ทกุ คนในสถานศึกษามคี วามรู้และทักษะตอ่ ไปนหี้ รือไม่ จัดการภยั พบิ ัติใน o การเอาตัวรอดเม่ือเกิดเหตภุ ัยพิบตั ธิ รรมชาตทิ ่สี ถานศึกษาระบุไว้ สถานศึกษา ว่าเปน็ ความเสี่ยง เช่น หากเกิดเหตุแผน่ ดนิ ไหว ต้องรู้จักหลบใต้ โตะ๊ คมุ ศีรษะและยึดเกาะให้แน่น หรือรจู้ ักสามเหล่ยี มชว่ ยชวี ติ หรอื รวู้ า่ เม่ือออกจากอาคารแล้วตอ้ งไมว่ ิ่งกลับเขา้ ไป เปน็ ต้น o วิธอี อกจากอาคารเมื่อเกดิ อัคคีภัยและทางเดินมคี วัน o รจู้ ักเสน้ ทางหนภี ัย ประตูหนีภัยและจดุ ปลอดภยั ท้งั ในและนอก สถานศกึ ษา o ทกั ษะในการเผชญิ เหตุ ค้นหา กภู้ ยั o ทักษะในการปฐมพยาบาล • สถานศึกษามีอปุ กรณช์ ว่ ยชวี ติ ท่ีจำเปน็ เชน่ เชือก ชชู พี ไฟฉาย ชุดปฐม พยาบาล • มกี ารเตรยี มหมายเลขโทรศัพท์ติดต่อของหนว่ ยงานและผ้ปู กครอง • มวี ธิ กี ารปฏบิ ัติปน็ มาตรฐานสำหรับรบั มือภยั ประเภทต่างๆหรอื ไม่ • ระบบเตือนภยั ครอบคลมุ และทวั่ ถึงหรอื ไม่ • ความชว่ ยเหลือจากภายนอกสามารถมาถงึ ไดภ้ ายในเวลาเท่าใด • สถานศึกษาสามารถจดั หาอาหารและน้ำดื่มน้ำใชส้ ำรองเมื่อเกิดเหตุฉกุ เฉิน ได้หรือไม่ • สถานศึกษาสามารถเปล่ียนเป็นทพ่ี ักพิงช่วั คราวไดห้ รือไม่ • ผู้บริหารสถานศึกษาและบุคลากรมีความรู้ในการบริหารจดั การพนื้ ที่ศนู ย์ พกั พงิ ชั่วคราวหรอื ไม่ ประเด็นความเปราะบาง • การฟืน้ ฟอู าคารสถานที่และการใชพ้ น้ื ที่หลงั เกิดเหตุ อืน่ ๆ • การจัดการเรยี นการสอนระหวา่ งเกิดภยั พบิ ัตแิ ละต้องหยุดเรียน • การดูแลสวสั ดิภาพของนักเรียนพิการ นอกจากการพิจารณาความเปราะบางตามประเด็นตา่ งๆ ข้างต้น สถานศึกษาสามารถใชค้ ู่มือบริหาร จัดการความเสีย่ งภยั ในโรงเรียน เป็นเคร่ืองมือในการประเมิน ซง่ึ คูม่ ือนี้เป็นการนำเสนอขั้นตอนและกจิ กรรม ต่างๆ
ภายใตเ้ สาหลักท่สี องของกรอบความปลอดภัยรอบด้านอย่างละเอยี ด (1) การหลกี เลีย่ งความเสี่ยง (Risk Avoidance): ในกรณีที่ความเส่ยี งอยูใ่ นระดบั สงู มากถึงขน้ั รา้ ยแรง อาจตอ้ งหลกี เล่ียงความเส่ียงอยา่ งสิ้นเชิง เช่น การย้ายท่ีตงั้ อาคารสถานท่อี อกนอกพื้นที่ทม่ี ีภัย การแบ่งเขต จดั ทำาโซนน่ิง อยา่ งไรก็ดี การหลีกเลี่ยงความเสย่ี งอย่างสน้ิ เชงิ นั้นอาจทำาไดไ้ มง่ า่ ยนัก เนอ่ื งจาก ขอ้ จำากัด ด้านพื้นท่ี (2) การป้องกันและลดผลกระทบจากความเสย่ี ง (Risk Prevention and Mitigation): อาจทำาได้ 2 แนวทาง คอื การปอ้ งกัน (prevention) คือ การป้องกันไม่ให้ภัยน้ันเกดิ ข้นึ เชน่ การสรา้ งเขอ่ื นขนาดใหญ่ เพอื่ เกบ็ กักนำ้ ไว้ ไมใ่ ห้ไหลลงมาสพู่ ้ืนท่ปี ลายนำ้ เพื่อป้องกันอุทกภยั และอีกแนวทางหนึง่ คือ การลด ผลกระทบ (mitigation) เพ่ือลดความล่อแหลมและความเปราะบางให้เหลือน้อยที่สดุ เท่าท่จี ะทำาได้ ซ่งึ การ ป้องกันและลดผลกระทบจากความเสีย่ ง สามารถทำาได้โดยใชม้ าตรการท่ีใชโ้ ครงสร้าง (structural measure) และไมใ่ ชโ้ ครงสร้าง (non-structural measures) มาตรการท่ีใช้โครงสรา้ ง (structural measure) หมายถึงการใชส้ ่งิ ก่อสร้างหรือโครงสร้างทาง กายภาพเพ่ือลดหรือหลีกเล่ียงผลกระทบของภัยที่อาจเกิดข้ึน หมายรวมถงึ ระบบหรือโครงสรา้ งเชิงวศิ วกรรมที่ ประยกุ ต์ใช้เทคนิคต่าง ๆ เช่น การทำาพนังหรอื คันกัน้ น้ำ ประตูนำ้ ระบบระบายนำ้ การเสริมความแข็งแรง ของโครงสรา้ งอาคาร เพื่อใหส้ ามารถต้านทานแรงส่ันสะเทอื นของแผ่นดินไหวหรอื ลม พายุ การปรับความลาด ชนั ของพื้นท่เี พ่ือลดการพังทลายของดนิ การสรา้ งอา่ งเกบ็ น้ำ หรอื ขดุ สระนำ้ เพอ่ื การกักเกบ็ น้ำไว้ใช้ในชว่ งเกิด ภยั แลง้ มาตรการที่ไม่ใช้โครงสรา้ ง (non-structural measure) คอื การใช้นโยบาย กฎระเบียบ การวางแผน งานและกจิ กรรมตา่ ง ๆ เพื่อลดความเสยี่ ง เช่น การออกกฎระเบยี บข้อบงั คับ การกำหนดการใช้ประโยชน์ทีด่ ิน การแบง่ เขต และการวางแผนพฒั นาพนื้ ท่ี กำหนดการทำกิจกรรมต่าง ๆ ในพน้ื ที่ การวางแผนการเพาะปลูก เพื่อลดผลกระทบจากภยั แลง้ หรอื อทุ กภยั การฝึกอบรม การสร้างจติ สำนกึ หรอื ให้ความรใู้ นด้านต่างๆ เพ่อื สนบั สนุนการปอ้ งกนั และลดผลกระทบจากความเสีย่ ง (3) การถา่ ยโอนความเสี่ยง (Risk Transfer): เป็นการถา่ ยโอนความเส่ยี งไปท่ีบุคคลอ่นื ที่พรอ้ มจะรบั ผลกระทบจากภยั นนั้ แทน ทำใหผ้ ้ทู ีเ่ ผชญิ กับความเสี่ยงไม่ต้องได้รบั ผลท่ีอาจเกดิ ข้ึนหรือได้รับการแบง่ เบา ภาระท่ตี ้องแบกรบั อันเนื่องมาจาก ความเส่ียงน้นั โดยมากให้ความสำคญั กบั การถา่ ยโอนภาระทางการเงินอัน เปน็ ผลกระทบจากการเกิดภยั พิบัติ เชน่ การใชร้ ะบบประกันความเสย่ี ง การทำาประกันภยั การให้สินเชื่อ ฉกุ เฉนิ หรือการให้ความชว่ ยเหลอื ทางการเงนิ ภายในชุมชนหรือครอบครัว (4) การยอมรับความเส่ยี ง (Risk retention/ Risk Acceptance): ในกรณีทีน่ ำแนวทางการลดความ เส่ียงท้ัง 3 ประการข้างตน้ มาใช้แต่ยงั ไมส่ ามารถจดั การกับ ความเสี่ยงให้หมดไปได้ และยังคงมีความเสีย่ ง บางส่วนหลงเหลืออยู่ สงิ่ ทท่ี ำได้คือ การเตรยี มความพร้อม (preparedness) เพื่อรับมือกบั ความเส่ยี งที่ยังคง เหลือ (residual risk) รวมถึงการปรับตัว (adaptation) และปรบั วถิ กี ารดำารงชีวิตให้สามารถอยรู่ ่วมกบั ภยั และความเสีย่ งนนั้ ๆ ได้อย่างปลอดภัย เมื่อเกิดสถานการณ์ฉุกเฉิน ไม่วา่ จะมีสาเหตุจากภัยธรรมชาตหิ รือภัยอ่ืนๆท่ีมโี อกาสเกิดอันตรายอยา่ งรุนแรง ผบู้ รหิ ารสถานศกึ ษาต้องพิจารณาทางเลือกในการปฏิบตั เิ พื่อให้เกดิ ความปลอดภัยตอ่ ชวี ติ ทกุ คนในสถานศึกษา ทางเลือกในการปฏิบัติมไี ด้หลายแนวทางตามบรบิ ทของภยั และสถานการณแ์ วดล้อม และในการทำแผนเผชญิ เหตุสำหรับภยั แตล่ ะประเภทจงึ ต้องมีการพฒั นาข้ันตอนการปฏิบตั ทิ ี่เป็นมาตรฐาน (Standard of Practice หรอื SOP) รองรับแต่ละแนวทางด้วย ซ่ึงรายละเอยี ดของข้ันตอนปฏิบัติขึ้นอยกู่ บั บรบิ ทของสถานศึกษา สงั คม วฒั นธรรม และสภาพความเส่ียงภยั ของสภาพแวดล้อม แนวทางในการรับมือกับภัยธรรมชาตหิ รือเหตฉุ ุกเฉนิ ตา่ งๆ สามารถดำเนนิ การได้ดังน้ี
1. การอพยพจากอาคาร (Building evacuation) เปน็ การอพยพออกจากตวั อาคารที่มีอันตรายไปยังจุดรวมพลท่ีอยู่นอกอาคาร (Assembly Point) การอพยพจะเร่ิมดำเนินการเมอ่ื มสี ัญญานเตอื นภยั หรือคำสัง่ อพยพและมขี น้ั ตอนการปฏบิ ตั ทิ ที่ กุ คนตอ้ งรับรู้ และทำตามได้ เชน่ ในกรณีอัคคีภยั ทเ่ี พ่ิงเร่มิ เกดิ ขึ้น ทุกคนต้องหยิบของที่จำเป็นและอพยพลงจากอาคารอยา่ ง รวดเรว็ โดยใช้บันได ไมใ่ ช้ลฟิ ท์ และมารายงานตัวท่จี ดุ รวมพลดา้ นหนา้ อาคารเพอ่ื การตรวจสอบว่ามีผ้ใู ดสูญ หาย เป็นตน้ 2. การอพยพไปยังจดุ ปลอดภัย (Evacuate to safe haven) ในที่น้ีจุดปลอดภยั (Safe Haven) หมายถึง บริเวณพ้ืนท่ีที่กำหนดให้เป็นทปี่ ลอดภัยจากภยั คุกคาม และสามารถรองรับผูป้ ระสบภยั ได้ อาจจะเป็นพนื้ ท่ีท่อี ยภู่ ายในสถานศึกษาหรือเปน็ สถานทอ่ี น่ื นอก สถานศึกษาก็ได้ แต่ต้องมีการแจ้งให้เจ้าหนา้ ท่ีกู้ภยั ได้รบั รู้เพื่อใหส้ ามารถดำเนนิ กาชว่ ยเหลอื ได้อยา่ งรวดเรว็ ยกตัวอยา่ งเช่น หากสถานศึกษามพี ้ืนทีป่ ลอดภยั ในอาคารก็อาจจะกำหนดให้ ชานพักบันได ชอ่ งทางหนีไฟ เปน็ จุดปลอดภัยสำหรบั นกั เรียนชัน้ เด็กเลก็ หรอื เด็กพิการ เพอื่ ให้ครูพาไปรอการช่วยเหลอื เมือ่ เจ้าหนา้ ที่กภู้ ยั มาถึงกส็ ามารถเขา้ ไปช่วยเหลอื นกั เรยี นทจ่ี ดุ ปลอดภัยนั้นได้กอ่ น แต่ถ้าสถานศึกษาอยากจะเลือกพืน้ ที่ ภายนอกสถานศกึ ษาใหเ้ ปน็ ท่ีปลอดภัยสำหรบั การอพยพนักเรยี นก็ย่อมทำได้ แต่กต็ ้องพิจารณาตามบริบทของ ภยั และความสามารถในการเคลือ่ นย้ายนกั เรยี น ตลอดจนเวลาในการเคลือ่ นยา้ ย หากมีการกำหนดพนื้ ท่ี ปลอดภยั ไว้นอกสถานศึกษาน้ันก็ตอ้ งมีการวางแผนเตรียมพื้นทดี่ ้วย เช่น มกี ารเตรยี มสิ่งของฉุกเฉินสำรองไว้ เปน็ ท่ีเรยี บร้อย มีการแจง้ ให้ผู้ปกครองทราบอย่างชัดเจนและมยี านพาหนะท่ใี ชใ้ นการเคลื่อนย้ายไว้รองรบั การอพยพลักษณะน้จี ะใช้ในกรณภี ยั ขนาดใหญ่ท่ีทำให้หลบภัยในสถานศึกษาไมไ่ ด้ ต้องออกไปนอกพืน้ ที่ เช่น ในกรณนี ้ำท่วมฉบั พลัน นำ้ ป่าไหลหลาก ดินโคลนสไลด์ สึนามิ สารเคมีรวั่ ไหล ไฟป่า เป็นตน้ 3. การหลบภยั และพักพิงในอาคารเรียน (Shelter-in-place) ในกรณที ่ีมีอันตรายอยู่ภายนอกอาคารเรยี น และไม่สามารถปล่อยนักเรียนกลับบ้านได้ เช่นในกรณีอากาศ รุนแรง นำ้ ท่วมเสน้ ทางขาด หรือภัยอนั ตรายอนื่ ๆที่อยู่ภายนอก หรือในกรณีท่ไี มม่ ีเวลาอพยพไปยงั ทีป่ ลอดภัย หรอื ในกรณที อี่ าคารเรียนมีความปลอดภัยและสามารถใช้เป็นท่ีอพยพหลบภยั ได้ ผู้บรหิ ารสถานศึกษาสามารถ ตดั สินใจประกาศให้นักเรียนและครพู ักอยู่ในอาคารเรยี นจนกวา่ เหตกุ ารณจ์ ะคลี่คลายก็ได้ 4. การปดิ การเข้าออกเพื่อป้องกันเหตุร้าย (Lockdown) เป็นวธิ กี ารป้องกันไม่ให้เหตุรุนแรงจากภายนอกหรอื บุคคลทมี่ นี ตรายเขา้ มาคุกคามสวัสดิภาพของนกั เรยี นและ บุคลากร โดยผบู้ รหิ ารสถานศึกษาจะตอ้ งพิจารณาแลว้ ว่าการปิดการเขา้ ออกนี้เปน็ ทางเลือกท่ีปลอดภยั กว่าการ อพยพและการอยูภ่ ายในอาคารจะไมน่ ำไปสเู่ หตุการณ์อันตรายทบ่ี านปลาย แนวทางน้ีจะต้องมกี ารควบคมุ การเข้าออกและความปลอดภยั ในอาคารอยา่ งเข้มงวด อนุญาตใิ ห้มกี ารเขา้ หรือออกเฉพาะบุคคลเท่านั้น ไมม่ ี การอนุญาตใิ ห้นกั ขา่ ว อาสาสมัคร เจ้าหน้าทีเ่ ข้าไปในพ้ืนที่จนกว่าจะไดร้ ับการยนื ยนั จากเจา้ หน้าทที่ ีเ่ กยี่ วข้อง แลว้ ว่าสถานการณ์ปลอดภัย และไม่มีการปล่อยให้นักเรยี นกลบั บ้านเอง ต้องแจ้งหรอื นัดแนะผู้ปกครองให้ ทราบเกย่ี วกบั ระเบียบการมารบั ตัวนักเรยี นท่สี ถานศึกษาด้วย 5. การสง่ นกั เรียนคืนสู่ครอบครวั อย่างปลอดภยั (Safe family reunification) เมือ่ เหตุการณฉ์ ุกเฉินคล่คี ลาย ผบู้ รหิ ารสถานศึกษาจะแจ้งให้ครูและบคุ ลากรทเ่ี กยี่ วข้องทราบวา่ สถานการณ์ คลีค่ ลายและอนุญาตใหส้ ่งนกั เรียนคนื ให้ผปู้ กครองไดโ้ ดยมีกระบวนการส่งกลบั ท่ปี ลอดภัยสำหรับทกุ ฝา่ ย โดยเฉพาะการตรวจสอบรายช่ือผู้ปกครองและการทำหลักฐานในการสง่ เด็กถงึ มือผูป้ กครอง เพราะใน สถานการณ์ไม่ปกติ จำเป็นต้องมกี ารปกปอ้ งคุม้ ครองเดก็ อย่างเขม้ งวด ในบางกรณี ต้องกำหนดดว้ ยวา่ นักเรยี น ชั้นเดก็ เลก็ จะต้องไม่กลับบ้านโดยลำพังโดยไม่มีผ้ปู กครองมารับ บางกรณี อาจจะกำหนดใหน้ กั เรียนอายุเกิน 15 ปสี ามารถเดนิ ทางกลบั บา้ นได้ แตต่ ้องกลับเป็นกลุ่ม ไมใ่ หก้ ลับโดยลำพัง เป็นตน้
ตวั อย่างกระบวนการปฏบิ ตั ิงานและการตัดสนิ ใจในสภาวะฉุกเฉิน ขน้ั ตอน เงอ่ื นไข วธิ กี ารปฏบิ ัติ ความชว่ ยเหลอื ท่ตี ้องการ 0 ไดร้ บั คำเตือนให้เฝ้า ติดตามข้อมูลและสถานการณ์อย่างใกลช้ ิด ตรวจสอบความพร้อมทมี หรอื ระวังสถานการณ์ คณะทำงาน 1 ได้รับการเตือนภัย ผบู้ รหิ ารสถานศึกษาตรวจสอบเพือ่ ยนื ยนั ตรวจสอบกบั สำนักงานเขต ข้อมลู พน้ื ที่ นายอำเภอ นายกอบต. 2 ในกรณีท่ีมีนักเรยี นอยู่ ผูบ้ รหิ ารฯเรียกประชุมคณะทำงานบริหาร ในสถานศกึ ษา ภัยพบิ ตั ิดว่ นเพ่ือพิจารณาว่าจะดำเนินการ อพยพนักเรยี นหรือไม่อพยพแตใ่ ห้อยใู่ น อาคารและดูแลความปลอดภัย หากอพยพ ไปยังขั้นตอนท่ี 3 หากไม่อพยพ ไปยงั ขน้ั ตอนที่ 4 ในกรณที ี่มนี กั เรียน ผู้บริหารฯเรยี กประชมุ ผ้ปู ระสานงานฝา่ ย กำลังเดินทาง เตอื นภยั เพ่ือพิจารณาว่าจะประกาศปดิ สถานศกึ ษาหรือไม่ หากปดิ สถานศึกษา ไปยงั ข้นั ตอนท่ี 5 หากไมป่ ิดสถานศึกษา ไปยังขั้นตอนท่ี 6 3 การตัดสนิ ใจอพยพ ผู้บรหิ ารสถานศึกษาสัง่ การให้คณะทำงาน แจ้งใหต้ ำรวจในพ้ืนที่ทราบเพ่ือ ฝา่ ยเตือนภยั และอพยพใหเ้ ตรียมพรอ้ ม อำนวยความปลอดภยั เช่น ปฏบิ ตั ติ ามแผน จัดการจราจร ความสะดวกใน คณะทำงานฝา่ ยเตือนภัยและอพยพ การอพยพ เป็นตน้ กระจายข่าวไปตามห้องเรียนให้ครูเตรยี ม แจ้งฝา่ ยประชาสมั พนั ธ์ พานักเรยี นอพยพไปยงั จุดปลอดภัยทีต่ กลง สถานศกึ ษาให้เตรียมตอบ ไว้ลว่ งหน้าในแผนแล้ว พรอ้ มแจง้ คำถามผูป้ กครอง คณะทำงานฝา่ ยจติ วทิ ยาให้เตรียมการ สนับสนนุ เร่ิมกระบวนการอพยพตามแผนที่วางไว้ เตรียมกระบวนการสง่ นักเรยี นกลบั บา้ น เชน่ ใชร้ ถโรงเรียนไปส่ง หรือแจ้งผ้ปู กครอง ให้มารับ 4 การตดั สนิ ใจอยู่ใน คณะทำงานฝ่ายเตือนภยั และอพยพ สงั่ การให้เจา้ หน้าทร่ี ักษาความ สถานศกึ ษา ไม่อพยพ กระจายข่าวไปตามหอ้ งเรยี นพร้อมแจง้ ปลอดภยั ลอ็ คประตูรวั้ ใหแ้ นน่ ปิดการเขา้ ออกเพอ่ื คณะทำงานฝา่ ยจติ วิทยาใหเ้ ตรียมการ หนา ห้ามไมใ่ ห้ผู้ทไี่ ม่เกยี่ วข้อง ปอ้ งกนั เหตรุ ้าย สนับสนุน เขา้ มาในพ้นื ท่ี และห้ามไม่ให้มี การออกนอกพ้นื ที่ แจ้งสำนกั งานเขตพ้ืนที่ การศกึ ษา และแจ้งให้ตำรวจใน พ้นื ทท่ี ราบถงึ การตัดสินใจและ
สถานการณ์ในโรงเรยี น แจง้ ฝ่ายประชาสัมพันธใ์ ห้ เตรียมตอบคำถามผปู้ กครอง 5 การตดั สินใจปิด ผบู้ ริหารฯประกาศปิดโรงเรยี นชวั่ คราว แจง้ สำนักงานเขตพน้ื ท่ี โรงเรยี น การศกึ ษา และแจง้ ให้ตำรวจใน พ้นื ทท่ี ราบถึงการตดั สินใจ จัดการส่งนกั เรียนที่มาถึงแลว้ ให้กลบั บ้าน 6 การตัดสนิ ใจไม่ปิด คณะทำงานฝา่ ยเตือนภัยและอพยพ ส่ังการใหเ้ จา้ หนา้ ที่รักษาความ สถานศกึ ษา กระจายข่าวไปตามห้องเรียนพร้อมแจง้ ปลอดภัยดูแลการเขา้ ออกอย่าง คณะทำงานฝ่ายจติ วิทยาให้เตรยี มการ เขม้ งวด สนบั สนนุ แจง้ ฝ่ายประชาสมั พันธใ์ ห้ เตรยี มตอบคำถามผปู้ กครอง แจง้ ใหส้ ำนักงานเขตพ้นื ท่ี การศึกษาและตำรวจทราบ สถานการณ์ เม่ือเกิดเหตกุ ารณ์คับขนั จากภัยธรรมชาติ สถานศกึ ษาในพื้นที่จะต้องประสานงานกับองค์กรปกครองสว่ น ท้องถิ่นเพื่อใหข้ ้อมูลความเดือดรอ้ นเสยี หาย และขอรบั ความช่วยเหลอื แต่ก็ยังมีหนว่ ยงานอื่นๆท่ีได้รับ มอบหมายใหส้ นบั สนนุ การดำเนนิ การด้านการจัดการภัยพบิ ัตอิ กี ด้วย หน่วยงานสำคัญๆที่สถานศกึ ษาสามารถ ประสานงานเพ่ือขอรบั การสนับสนนุ ในด้านต่างๆตาม พรบ.ปอ้ งกันและบรรเทาสาธารณภัยแหง่ ชาติ ได้แก่ • กรมป้องกนั และบรรเทาสาธารณภยั (http://www.disaster.go.th/th/index.php) เปน็ หน่วยงาน หลักในการจัดทำแผนปอ้ งกนั และบรรเทาสาธารณภัย แนะนำ ให้คำปรกึ ษา อบรม สนับสนุนและ ชว่ ยเหลือประชาชนในยามเกิดภยั ผ่านหน่วยงาน ปภ.ในพนื้ ที่ เชน่ ปภ. เขต ปภ. จังหวดั • กระทรวงการพฒั นาสังคมและความมัน่ คงของมนษุ ย์ (https://www.m- society.go.th/main.php?filename=index) มหี น้าที่เก่ียวขอ้ งกบั การดแู ล สงเคราะห์ช่วยเหลอื ผปู้ ระสบภยั เดก็ กำพรา้ คนพิการ ผู้สูงอายุในพนื้ ที่ประสบภยั • กระทรวงสาธารณสุข (https://www.moph.go.th/) มหี น้าทจ่ี ดั เตรยี มความพร้อมในการรับมือกับ สาธารณภัยผ่านศูนย์ปฏบิ ัติการดา้ นการแพทยแ์ ละสาธารณสขุ ในระดบั ต่างๆ การจัดให้มกี าร รักษาพยาบาลฉกุ เฉนิ ทมี ปฎิบัตกิ ารฉุกเฉินทางการแพทยร์ ะดับต่างๆ • สำนกั งานบรรเทาทุกข์และประชานามยั พิทกั ษ์ สภากาชาดไทย (http://www.rtrc.in.th/main.php?filename=index)ทำหน้าท่ฝี กึ อบรมเจา้ หน้าที่ สมาชกิ สภากาชาดไทย อาสาสมัครและประชาชนท่วั ไปเพอ่ื เตรียมความพร้อม และดำเนินการด้านบรรเทา ทุกข์ รกั ษาพยาบาลผู้ประสบภยั เมอื่ เกิดเหตุและหลงั เกิดเหตุ ผ่านกาชาดจงั หวดั ต่างๆ • มลู นธิ ิราชประชานเุ คราะห์ในพระบรมราชูปถมั ภ์ (http://www.rajk.org/demo/index.php) ทำ หน้าทสี่ งเคราะห์ผู้ประสบภยั สงเคราะหด์ ้านการศึกษา ทุนการศึกษาและเดก็ กำพร้าท่ีครอบครวั ประสบภยั • องค์กรการกุศล มลู นิธิ ภาคเอกชน ทำหนา้ ที่สนับสนนุ การป้องกนั และบรรเทาสาธารณภยั ในพ้นื ท่ี ตามทไ่ี ดร้ บั มอบหมายจากผอู้ ำนวยการกองปอ้ งกันและบรรเทาสาธารณภยั เช่น มูลนธิ เิ พื่อนพ่งึ ภา ยามยาก (http://www.friendsofpa.or.th/TH/home)
นอกจากหนว่ ยงานหลกั ตาม พรบ.ป้องกันและบรรเทาสาธารณภยั แล้ว สถานศกึ ษาควรพิจารณาหนว่ ยงาน หรอื องค์กรอน่ื ๆทส่ี ามารถให้ความช่วยเหลอื ในการดำเนินกิจกรรมลดความเสี่ยงภัยพิบัตใิ นระยะตา่ งๆ เช่น ภาคธุรกจิ ในพน้ื ท่ี องค์กรพัฒนาเอกชนในพื้นที่ สำนกั งานเขตการศึกษาท่มี สี ถานศกึ ษาต้นแบบในการจดั การ ภัยพบิ ตั ธิ รรมชาตทิ ม่ี ีบรบิ ทใกล้เคียงกัน คณะกรรมการฯ ควรเริม่ สรา้ งความสมั พนั ธเ์ พ่ือการประสานงานใน อนาคต 2. การดำเนินการตามแผน ในการบรหิ ารจัดการภัยพิบตั ิธรรมชาติของสถานศกึ ษานั้น อาจจะจดั ทำมาตรการลดความเส่ียงเป็น มาตรการระยะสน้ั ระยะกลางหรือระยะยาวทสี่ ามารถดำเนินการไปไดเ้ ร่อื ยๆตลอดเวลาทั้งเป็นมาตรการที่ เกี่ยวกับโครงสรา้ งอาคารสถานท่แี ละไมเ่ กี่ยวกับโครงสร้าง หลักสำคัญอีกประการหน่ึงคือแผนของสถานศึกษา จะตอ้ งสอดคล้องกับแผนภัยพิบัตขิ องชุมชน ในการบรหิ ารจดั การความเสี่ยงภัยพบิ ัติ การจดั ทำมาตรการลดความเสย่ี งจะชว่ ยบรรเทาความตงึ เครียดใน การเผชิญเหตฉุ ุกเฉนิ ลดน้อยลง หรือช่วยป้องกนั ไม่ให้เกดิ เหตุฉกุ เฉินทไ่ี ม่พงึ ประสงค์ มาตรการลดความเส่ยี ง ภัยพบิ ตั สิ ามารถผนวกเขา้ กบั นโยบายสรา้ งความปลอดภัยให้สถานศึกษา เปน็ กจิ กรรมท่ีสามารถทำได้อยา่ ง ตอ่ เนอื่ งตลอดปี สามารถประยุกต์ใช้หลายแนวทางประกอบกนั ทง้ั ท่เี ปน็ มาตรการดา้ นโครงสรา้ งอาคาร (Structural Mitigation Measures) และมาตรการท่ีไมใ่ ช่โครงสร้าง (Non-structural Mitigation Measures) และบางมาตรการสามารถใหน้ กั เรียนเข้ามามสี ่วนรว่ มในการดำเนนิ เพ่ือเปน็ การสร้างความ ตระหนักในเรื่องการจดั การความเสีย่ งภัยพบิ ัติ เช่น • การสรา้ งอาคารเรยี นใหม่ทมี่ ีการออกแบบก่อสร้างเพื่อตา้ นทานภยั ธรรมชาติ และการใช้เทคนคิ ทาง วิศวกรรมกอ่ สรา้ งเสริมความแข็งแรงและการรบั น้ำหนักของอาคาร
โรงเรยี นต้านแผ่นดินไหวบา้ นหนองบัว 1-4 โรงเรียนบ้านหนองบวั โรงเรียนประถมท้องถิ่นของอำเภอพาน จังหวัดเชยี งราย กเ็ ป็นอีกหน่ึงใน โรงเรยี นเกา้ แหง่ ท่ีไดร้ บั ผลกระทบจากเหตกุ ารณภ์ ยั พบิ ัติแผน่ ดนิ ไหวและได้รบั การสรา้ งอาคารเรยี นทดแทน ขน้ึ มา โดยอาคารเรียนแหง่ ใหม่น้ปี ระกอบด้วยหอ้ งเรียน 4 หอ้ ง บนพนื้ ทใี่ ชส้ อย 48 ตารางเมตร และยงั มี พน้ื ทีส่ ว่ นกลางสำหรับให้เด็กๆ ประกอบกจิ กรรมต่างๆ โครงสรา้ งวสั ดขุ องอาคารได้รบั บริจาคมาน้ันถูก ประกอบเขา้ ด้วยกันดว้ ยระบบการก่อสร้างแบบสำเรจ็ รูป เพ่ือให้มีวัสดเุ หลือใชใ้ นการก่อสร้างนอ้ ยทสี่ ดุ โครงสรา้ งสว่ นใหญข่ องอาคารสว่ นใหญท่ ำจากเหล็ก ซึง่ โดยหลักการแลว้ ถือเปน็ โครงสร้างท่ีมคี วามยดื หยนุ่ สงู จนสามารถดดู ซบั แรงสน่ั สะเทือนของแผน่ ดินไหวได้ นอกจากน้นั โครงสร้างเหลก็ ยังสามารถกอ่ สรา้ งได้อย่าง งา่ ยดายและสะดวกในพ้ืนทีช่ นบท กำแพงของอาคารเรยี นประกอบขนึ้ จากแผ่นไม้อดั ซเี มนต์อเนกประสงค์ (Wood Cement Board) ซง่ึ เป็นวสั ดุท่หี าไดง้ ่ายและใช้งานสะดวก ซ่งึ นอกจากจะใชท้ ำกำแพงแล้วยังใชท้ ำชน้ั วางของไดอ้ ีกด้วย อาคารแห่งนีพ้ ฒั นาขนึ้ สำหรบั ผ้ใู ช้งานทเี่ ป็นนกั เรียนและครู สามารถปรบั เปลี่ยนรปู แบบการใชส้ อยได้ ตามความต้องการ หอ้ งเรยี นแต่ละหอ้ งสามารถเปิดถงึ กนั ได้ด้วยการเอาฉากกั้นออก ร้ัวดา้ นนอกของอาคารทำ จากวัสดทุ ้องถนิ่ อย่างไมไ้ ผ่ ซง่ึ เป็นวสั ดุที่หาไดง้ า่ ยและราคาถกู อีกทั้งยังมีความยืดหยุน่ สูง และเหมาะกับการ รบั กับสภาวะของแผน่ ดนิ ไหว ตวั อาคารถูกออกแบบให้รับกับสภาพอากาศของภาคเหนอื โดยยกใตถ้ นุ สงู พอเหมาะเพ่ือลดความชน้ื และหลกี หนีนำ้ ทว่ ม รวมถึงมีทีว่ างรองเท้าใหเ้ ข้ากับวัฒนธรรมไทยท่ีต้องถอดรองเท้า กอ่ นขึน้ ชานเรือน ตัวอาคารมีระเบียงซ่ึงเป็นพื้นที่ก่ึงกลางระหวา่ งในรม่ กบั กลางแจง้ ซง่ึ เหมาะกับวิถชี ีวติ ใน สภาพอากาศ ในขณะท่ีชายคาทีย่ ื่นออกมาชว่ ยเปน็ ตวั ปอ้ งกันอากาศหนาว แต่หลงั คาสงู ลาดเอียง โล่งโปร่ง
เปิดให้อากาศธรรมชาติไหลเวียนเข้ามาในอาคาร รวมถงึ เปิดใหม้ แี สงธรรมชาติส่องถึงในตอนกลางวนั เพอื่ ประหยัดการใช้ไฟฟ้า อาคารเรยี นแห่งนี้เปน็ งานสถาปตั ยกรรมทสี่ ร้างขึ้นจากการสนบั สนุนของสมาคมวศิ วกรรมสถานแห่ง ประเทศไทย, สมาคมวศิ วกรที่ปรึกษาแห่งประเทศไทย, สมาคมอตุ สาหกรรมก่อสรา้ งไทย ในพระบรม ราชูปถัมภ์ และ สมาคมสถาปนิกสยาม ในการจดั หาทนุ และวสั ดใุ นการก่อสร้าง รวมถึงหยาดเหง่ือแรงงานที่ เกิดจากความรว่ มมรื ว่ มใจของชาวบ้านและคนในท้องถน่ิ จึงนับวา่ เป็นอาคารที่เกดิ จากแรงใจของท้องถิน่ อยา่ ง แท้จรงิ อน่งึ หนง่ึ ในอาคารเรียนทัง้ หมดของโรงเรียนบ้านหนองบัวหลังนี้ เปน็ ผลงานการออกแบบของ Junsekino Architecture & Design และได้รบั รางวัลในสาขา Institutional-Primary & High Schools จาก Architizer A+ Awards ครง้ั ที่ 5 ในนครนวิ ยอร์ก ซง่ึ ถือเปน็ ความภมู ิใจของคนไทยท่ีสถาปนิกไทยได้กา้ ว ไปสู่เวทีระดบั โลก
• การปรับปรุงสภาพแวดล้อมของสถานศกึ ษาให้งา่ ยต่อการเคล่อื นยา้ ยอพยพครูและนักเรียนใน สถานการณ์ฉกุ เฉิน • การออกแบบการใช้พื้นท่ี เช่นการปลูกไผแ่ ทนรวั้ เพื่อความสวยงามและกันแรงปะทะของลมและ ฝน การออกแบบช่องลมและชอ่ งแสงเพ่ือให้อากาศถ่ายเทเข้ามาในอาคาร • การยึดอปุ กรณ์ เฟอร์นเิ จอร์กับผนงั ให้แน่นหนาเพ่ือป้องกันการลม้ หล่นทับ • การเตรียมความพร้อมด้านต่างๆ เชน่ การเตรยี มกักเก็บนำ้ สะอาดใส่แทงก์น้ำหรือถงั การปดิ วาล์วน้ำ เพอื่ ป้องกันการปนเปื้อน จนกว่าจะไดร้ ับประกาศหรอื รบั รองจากหน่วยงานทเี่ ก่ยี วขอ้ ง การเก็บรกั ษา เคร่ืองใช้ อุปกรณ์การเรียนการสอน ในท่ีสูงทนี่ ำ้ ท่วมไม่ถึง หรอื การห่อหุ้มของใชบ้ างประเภททอี่ าจ เสียหายจากความช้ืนด้วยถงุ หรอื ลงั พลาสตกิ • การสร้างความตระหนักรใู้ ห้กับนกั เรียนและบุคลากรถึงสงิ่ แวดลอ้ ม ภยั ธรรมชาติและวธิ กี ารป้องกนั ตวั ให้พ้นภัย ในการวางแผนแจ้งเตอื นภยั น้ันจะต้องมกี ารออกแบบสัญญาณเตอื นภัยทีเ่ หมาะสมกับผูร้ ับสัญญาน การทำ ความเขา้ ใจในสัญญาณเตอื นภยั และการปฏบิ ตั ิตามขนั้ ตอนทีไ่ ด้จัดเตรยี มไว้ลว่ งหน้า การแจง้ เตือนภัยนี้ อาจจะตามด้วยการอพยพหรือไม่ตอ้ งอพยพกไ็ ด้ ขึ้นอยู่กบั ความจำเปน็ และความรนุ แรงของภัย การแจง้ เตือนภยั ในสถานศึกษา อาจแบ่งเปน็ 2 ระยะ คือ 1) ขัน้ การแจ้งเตอื นภยั เพ่ือการเฝ้าระวังหรือ เตรียมพร้อม สำหรบั การอพยพหนภี ัยหากมีความจำเปน็ 2) ข้ันการแจ้งเพ่อื อพยพหนีภัย หรือคำสั่งอพยพ สำหรบั การอพยพหลบภัยของเดก็ พิการ ครูและผู้ดแู ลจะต้องเข้าใจวิธเี คล่ือนไหวของเดก็ พิการและสามารถ เคล่ือนย้ายเด็กพิการโดยไม่ก่อให้เกิดอนั ตราย หากจำเปน็ ต้องมีการใช้ยานพาหนะ ต้องใชย้ านพาหนะที่ เหมาะสม สถานศกึ ษาท่มี ีเดก็ พิการควรบรรจแุ ผนการใหค้ วามรแู้ กเ่ จ้าหนา้ ที่กูภ้ ยั และคนในชุมชนรจู้ กั วิธกี าร ช่วยเหลอื เดก็ พกิ ารด้วย เชน่ สอนวิธีการนำทางคนตาบอดท่ีถกู วธิ ีเพื่อชว่ ยในการอพยพ สอนภาษามือเบื้องตน้ แกเ่ จ้าหน้าที่กภู้ ัยเพื่อส่ือสารกับเด็กหูหนวกในการอพยพ ฝึกซอ้ มเจา้ หน้าที่กภู้ ยั ให้มีความรใู้ นการเคล่ือนย้าย เดก็ พิการ เปน็ ตน้ ในการวางแผนเตือนภัยและอพยพมปี ระเดน็ ท่ีตอ้ งพิจารณา ดงั นี้ ลำดับ ประเดน็ หมายเหตุ 1 ภัยธรรมชาตทิ จี่ ำเป็นตอ้ งมีการแจ้งเตือนภยั มีอะไรบ้าง ขน้ึ อยู่กับภยั และความรนุ แรง 2 ขอ้ มลู ประกอบการตัดสนิ ใจแจง้ เตือนภยั ได้มาจากแหล่งใด เช่อื ถือไดห้ รอื ไม่ เปน็ ปจั จบุ นั หรือไม่ 3 วธิ กี ารตรวจสอบข้อมลู ก่อนการแจง้ เตอื นภายในสถานศึกษา ได้รบั ข้อมลู มาอยา่ งไร 4 กระบวนการตัดสนิ ใจแจง้ เตือนภัยของผ้บู ริหารสถานศึกษา เปน็ มติจากการหารอื กบั คณะทำงาน ทเ่ี กีย่ วข้องหรอื เปน็ การตดั สินใจโดย ลำพัง 5 นกั เรียนและบุคลากรในสถานศึกษามกี ปี่ ระเภท (เด็กเล็ก เด็ก เพอ่ื กำหนดวิธเี ตอื นภยั และบทบาท โต เด็กพกิ าร ครูพิการ เปน็ ต้น) หนา้ ทใ่ี นการดูแล 6 ระดับในการแจง้ เตือนเปน็ อย่างไร จะประกาศแจง้ เตือนภยั ภยั บางประเภทสามารถรอดู ล่วงหน้าเม่ือใด ต้องใชเ้ วลาเตรียมนักเรยี นมากน้อยเพยี งใด สถานการณ์ได้ 7 วธิ กี ารแจ้งเตอื นภัยมีอะไรบา้ ง วิธหี ลักและแผนสำรอง ควรมกี ารกำหนดสญั ญาณและสอน ใหน้ ักเรียนรู้จักสัญญาณ 8 อปุ กรณ์ที่นำมาใช้ในการเตือนภัยไดม้ ีอะไรบ้าง พร้อมใชง้ านและครอบคลุมหรอื ไม่
9 ขอ้ ความทใ่ี ช้ในการประกาศเตือนภยั ขอ้ ความต้องสนั้ กระชบั รบั ร้แู ละ เขา้ ใจงา่ ย ไมท่ ำให้หวาดกลวั 10 สงิ่ ที่ต้องการให้นักเรียนและบุคลากรปฏบิ ตั เิ มื่อไดร้ ับการเตือน ให้กำหนดข้ันตอนปฏบิ ัติเปน็ ภยั คืออะไร จะส่ือสารอย่างไร มาตรฐานสำหรบั ทุกคน 11 ขน้ั ตอนการพิจารณาออกคำส่ังอพยพเปน็ อยา่ งไร การรวบรวมขอ้ มลู และตดั สินใจ 12 หากไมส่ ามารถอพยพได้ทนั ท่วงที จะต้องทำอย่างไรบ้าง พิจารณาแนวทางทเี่ ป็นไปไดแ้ ละ ปลอดภัยท่สี ดุ 13 การประกาศยตุ ิการอพยพต้องทำอย่างไรบา้ ง ตดิ ตามสถานการณแ์ ละการ ประสานงานกับหน่วยงานภายนอก อย่างไร 14 วิธกี ารแจ้งสถานการณ์ให้หนว่ ยงานภายนอกและผปู้ กครอง วิธกี ารและผทู้ ำหน้าท่ีแจ้ง แผนเผชญิ เหตสุ ว่ นใหญป่ ระกอบด้วยวิธปี ฏิบตั ใิ นการแจง้ เตือนภัยและการอพยพ ประกอบด้วยข้อมลู หลกั ๆ ดงั น้ี • แผนผงั สถานศกึ ษา • ขอ้ มลู พ้ืนท่เี ส่ยี งภยั ธรรมชาติ เช่น นำ้ ท่วม ดินโคลนถลม่ วาตภยั สนึ ามิ แผน่ ดนิ ไหว ฯลฯ ตอ้ งมีการ ประชมุ นักเรยี นและผปู้ กครองเพื่อรบั รู้พน้ื ท่ีเสีย่ งภยั รว่ มกัน • ข้อมูลพ้ืนท่ีปลอดภัย จดุ ปลอดภัยทง้ั ภายในและภายนอกสถานศกึ ษาตามบรบิ ทของภัย • เส้นทางอพยพและจุดปลอดภยั ในแผนควรระบุถนนหรือทางเดินเท้าทีส่ ามารถไปยังจดุ ปลอดภัยได้ • สญั ญาณเตือนภัย ระบุสัญญาณเตือนภัยตามระดับความรุนแรงของภยั ในกรณีทมี่ ีนกั เรยี นคนพิการ ประเภททแี่ ตกต่างกัน ตอ้ งมีการกำหนดรปู แบบและวิธีการเตือนภยั ที่เหมาะสมกับประเภทความ พกิ าร • ข้นั ตอนและวธิ ีการอพยพ โดยมีการระบวุ ิธีการการอพยพสำหรบั ครแู ละนักเรียนที่พกิ ารดว้ ย • วธิ กี ารรายงานตัว ณ จุดปลอดภัย • ขนั้ ตอนการส่งนักเรียนให้ผปู้ กครอง ซง่ี จะต้องมกี ารแจ้งวิธีการให้ผูป้ กครองทราบ • รายชอื่ คณะทำงานเผชญิ เหตุพรอ้ มบทบาทหน้าท่ที ่ีต้องรบั ผดิ ชอบ เช่น คณะกรรมการฝ่ายป้องกนั และเตรยี มความพร้อม คณะกรรมการนอพยพ คณะกรรมการฝา่ ยสขุ ภาพอนามัย คณะกรรมการ ฝา่ ยประสานงาน หรอื คณะกรรมการอื่นๆตามที่จำเป็น • รายช่อื และหมายเลขโทรศัพท์ของหนว่ ยงานท่ีติดต่อได้ อยา่ งไรก็ตาม สถานศึกษาควรพิจารณาเพ่มิ เติมข้อมูลจำเป็นอน่ื ๆใหค้ รบถ้วนลงในแผนและส่งแผนเผชญิ เหตุ ฉุกเฉนิ นี้ให้สำนักงานพืน้ ทเี่ ขตการศกึ ษาและองคก์ รปกครองส่วนทอ้ งถ่ินเพ่ือขอความช่วยเหลือหากเกิด สถานการณ์ฉกุ เฉิน • ตัวอย่างแผนเผชิญเหตุ หรือแผนปฏบิ ตั ิการเม่อื เกิดเหตุฉุกเฉิน (ดาวนโ์ หลดเอกสาร)
การแจง้ เตือนภยั เปน็ การบอกใหน้ กั เรยี นและบคุ ลากรรับรู้ได้อย่างทว่ั ถงึ ในเวลาทสี่ น้ั ท่ีสุด เพ่อื เตรยี ม ตัวใหพ้ ร้อมและหนภี ยั ได้ทนั การแจง้ เตือนภัยมีหลายระดบั ขนึ้ อยกู่ ับภยั ธรรมชาติทเี่ ผชิญ เช่น การเตอื นเพ่ือ เฝ้าระวงั การเตือนเพื่อการเตรยี มพร้อม และการแจ้งเตือนให้อพยพ แตก่ ระนนั้ กต็ าม ภัยธรรมชาติบางอย่างก็ ไมส่ ามารถเตือนภัยลว่ งหนา้ ได้ เชน่ แผน่ ดนิ ไหว หลุมยุบ พายุงวงช้าง พายุฤดูรอ้ น เปน็ ตน้ ในกรณี เปน็ พน้ื ทเ่ี ส่ยี งอุทกภัยแบบน้ำล้นตลิง่ น้ำปา่ ไหลหลาก สถานศึกษาตดิ ตามข่าวสารการพยากรณ์อากาศอย่าง สมำ่ เสมอโดยเฉพาะในชว่ งฤดูฝนและหนา้ มรสมุ และนำข้อมูลเตือนภัยดงั กล่าวมาใชใ้ นระบบเตือนภัยเฉพาะ ทางในสถานศกึ ษา การแจง้ เตือนภัยสามารถทำได้หลายรูปแบบขึ้นอยู่กบั บริบทของภยั และเวลาในการเตรยี มตวั เชน่ การใชไ้ ซเรนมอื หมุนสำหรับภัยทีเ่ กดิ ข้ึนปจั จบุ นั ทันด่วน เช่น นำ้ ป่าไหลหลาก ดินโคลนถล่ม การใชส้ ีเป็น สญั ลกั ษณ์ การใชส้ ัญญาณธง การใชเ้ สียงสำหรับนักเรียนตาบอด การใช้สอื่ ทางสายตา เชน่ ไฟกระพริบหรือ สญั ญานส่ันสำหรับนักเรียนหูหนวก เป็นตน้ ตัวอย่างอุปกรณเ์ ตือนภัย มดี ังน้ี • อปุ กรณ์เตอื นอคั คีภัย
• อุปกรณ์ไซเรนมือหมนุ • การใชธ้ งเตอื นภัย ในการช่วยเหลอื นกั เรียนที่มีความพิการ ไม่วา่ จะเป็นความพกิ ารทางการไดย้ ิน หรอื ทางการเหน็ หรอื นักเรียนหหู นวกตาบอด (Deafblindness) หรือนักเรียนทีม่ ีปัญหาในการพดู และภาษา การสือ่ สารใน สถานการณ์ฉุกเฉนิ เป็นเรื่องสำคัญมาก ดงั นัน้ การเตรียมความพร้อมดา้ นการสอื่ สารทางเลือกจงึ มีความจำเป็น โดยสามารถเตรียมการไดด้ ังนี้ 1. เตรยี มอุปกรณ์สำหรบั การเขียนแนวปฏิบตั เิ มอื่ เกดิ เหตุฉุกเฉนิ ด้วยรปู แบบทหี่ ลากหลายใหพ้ ร้อม เช่น อักษรเบรลล์ เอกสารทีเ่ ปน็ อักษรขยาย อุปกรณ์ทีส่ ัมผสั แล้วแสดงผลเป็นเสียงและข้อความ และเตรยี ม เครื่องช่วยฟงั ให้ พร้อมสำหรับนกั เรียนพิการทางการได้ยนิ (หูตงึ ) 2. จดั ให้มีอุปกรณ์/เคร่ืองช่วยทีส่ อดคล้องกับความต้องการของนักเรียน ครู และบุคลากร ทีจ่ ำเปน็ ต้อง ไดร้ บั การช่วยเหลอื พิเศษ เชน่ วัตถทุ ่ีลดความเครยี ดของเด็ก ลา่ มภาษามือ รถวลี แชร์สำรอง (ไม่ใช้ไฟฟ้า) 3. จัดให้มสี ญั ญาณเตือนภยั ท่ีสามารถแจง้ เตือนได้ทง้ั นักเรียนท่ีมคี วามพิการทางการไดย้ นิ และนักเรียนที่ มีความพิการทางการเหน็ สำหรบั นักเรียนท่มี ีความพิการทางการไดย้ ินจำเป็นต้องใชส้ ญั ญาณเตือนภยั แบบ สัญญาณไฟวาบ/ไฟกระพรบิ (Flashing light alarms) หรอื สญั ญาณเตือนภยั ที่มรี ะบบพ่นนำ้ หรอื ส่ันที่หมอน สำหรับบุคคลที่มีความพิการทางการไดย้ ินที่กำลังนอนหลบั และระบบแจ้งเตือนภัยผา่ นทางโทรศัพท์มือถือ (Mobile Alert Software) หรือ ระบบ TTRS 4. ใหใ้ ชค้ ำสงั่ ท่สี นั้ กระชบั และชดั เจน เชน่ “ไฟไหม้” “ไปทท่ี างออก” 5. ใชก้ ารสื่อสารขอ้ มลู สำคัญผ่านทางการพดู ประกอบกับภาษามือ หรือภาษาทา่ ทาง 6. ใชส้ ญั ญาณเสียงหรอื การพูดบอกทิศทาง พรอ้ มกบั การนำทางสำหรับนกั เรียนตาบอด และนักเรียนท่ีมี สายตาเลือนราง • เมอ่ื ได้รบั คำสงั่ ให้เตรยี มตวั อพยพ ครตู ้องเตือนให้ต้ังสติ อยา่ ตกใจ ให้เด็กทกุ คนเกบ็ ของมีค่าและ เอกสารสำคัญไวก้ ับตวั เช่น บัตรประชาชน กระเป๋าสตางค์ ยาประจำตัว • หากมีการถอดรองเท้าไวน้ อกหอ้ งเรยี น ให้เดก็ รีบใสร่ องเท้าเพื่อเตรยี มตัวก่อน ในกรณที ่ีเป็นเดก็ นกั เรียนตาบอด จำเปน็ ต้องมีการฝึกวินยั เรอื่ งการถอดรองเท้าให้เปน็ ระเบยี บและฝึกใสร่ องเท้าอยา่ ง รวดเร็วเพอ่ื รบั มือกบั การอพยพฉุกเฉิน • ครคู วรมีเอกสารใบรายช่ือนักเรยี นในหอ้ งเพื่อความสะดวกในการสำรวจนักเรียนระหว่างการอพยพ • ครูประจำชน้ั ต้องจดั ระเบียบนักเรยี นเพ่ือการอพยพ อาจจะใหเ้ ขา้ แถวเรยี งกนั หรือใหจ้ ับคู่ดแู ลกัน หรือจบั เปน็ กลมุ่ ให้แตล่ ะกล่มุ มผี ูน้ ำและออกจากห้องเรียนไปพรอ้ มกนั ควรจัดให้หัวหนา้ หอ้ งและรอง หัวหนา้ ห้องเป็นผู้ช่วยครูในการดแู ลการอพยพ • ครคู วรเนน้ ขั้นตอนการปฏิบตั ิ บอกเสน้ ทางอพยพ จุดรวมพล และกติกาในการอพยพ ได้แก่ ไมว่ ่ิง ไม่ พูดคุย ไม่ผลักดนั ไมย่ ือ้ แยง่ และให้ตัง้ ใจฟังคำสัง่ อย่างเคร่งครัด (ควรมีการซ้อมขั้นตอนการอพยพ และสอนกติกานล้ี ่วงหนา้ ) • หากมนี ักเรยี นพิการในห้องเรียน ให้จดั ระบบเพ่ือนช่วยเพ่ือน (Buddy System) คือมอบหมายให้ เพอื่ นเปน็ ผูช้ ่วยเหลอื ดแู ลนักเรยี นพกิ ารในระหว่างการอพยพ • ในกรณีอคั คภี ยั มีควนั ไฟเกิดข้นึ ให้ครบู อกวิธอี พยพให้ชดั เจน คือให้เอาผา้ ปิดปากปิดจมูก กม้ ตำ่ หรือ คลานออกไปตามทางเดิน เพราะบริเวณใกล้พ้ืน จะเปน็ บริเวณทม่ี อี ากาศพอจะหายใจได้ในระยะหนึ่ง • เมือ่ ไดร้ ับคำสัง่ ให้อพยพ ให้แนใ่ จวา่ เส้นทางอพยพปลอดภัย แลว้ จึงให้นกั เรียนออกจากหอ้ งเรยี นอยา่ ง เปน็ ระเบยี บ
• หลังจากนกั เรยี นคนสุดทา้ ยออกไปแลว้ ให้ครูสำรวจความปลอดภยั ปิดน้ำ หรอื ปดิ ไฟฟ้าและกวาดตา สำรวจห้องอย่างรวดเร็ววา่ มีใครตกค้างหรือไม่ หรือมใี ครบาดเจ็บเปน็ ลมอยู่ท่พี ื้น • เมือ่ ออกจากห้องแลว้ ให้สังเกตหอ้ งเรียนขา้ งๆว่าตอ้ งการความชว่ ยเหลอื อะไรบา้ งหรอื ไม่ • นำนกั เรยี นอพยพไปตามเส้นทางทตี่ กลงกนั ไวใ้ นแผนอพยพไปยังที่ปลอดภยั • เมือ่ หลบหนจี ากจดุ ท่ีเกดิ เหตไุ ปถึงท่ปี ลอดภัยแล้ว ให้ตรวจสอบว่ามีนักเรียนสญู หาย หรือไดร้ บั บาดเจ็บหรือไม่ พร้อมแจง้ ยอดและสถานการณ์ไปยังผู้บรหิ ารสถานศกึ ษาหรือหัวหนา้ ทีมอพยพ หากมี ผบู้ าดเจ็บใหส้ ง่ ไปยังจดุ รักษาพยาบาล • หากมีนกั เรียนสญู หาย ให้ตดิ ตามตรวจสอบก่อน หากยังไม่พบตวั ให้ประสานทีมงานตดิ ตามผู้ตกค้าง ที่อาจพลัดหลงระหว่างการอพยพ • ในกรณที ี่สถานศึกษาอยูใ่ นพ้นื ทเี่ สีย่ งภยั อาจจะจดั ให้มีกระเปา๋ ฉุกเฉินประจำห้องเรียน เป็นกระเปา๋ เป้ ใสช่ ุดปฐมพยาบาล ยาหม่อง ยาดม ไฟฉาย ถ่านไฟฉาย ถุงพลาสติค เชอื ก มีด ผา้ ขนหนู ลกู อม คู่มือ ปฏบิ ตั ิในสถานการณฉ์ ุกเฉิน รายช่อื นักเรียน หมายเลขโทรศัพทผ์ ปู้ กครองและหมายเลขโทรศพั ท์ สำคญั เป็นตน้ แตล่ ะชั้นเรยี น ควรมกี ระเปา๋ ฉกุ เฉินไว้เพื่อให้ครูประจำช้นั สามารถใหค้ วามช่วยเหลอื และมีสว่ นร่วมในการ บริหารจัดการภัยพิบัตใิ นระดับชน้ั ทคี่ รรู บั ผดิ ชอบอยู่ โดยเฉพาะเรื่องที่เกย่ี วข้องกบั การนับจำนวนนกั เรยี น การ ดูแลนกั เรยี นท่ีบาดเจบ็ และการติดต่อผู้ปกครอง ตวั อยา่ งการจัดกระเป๋าฉุกเฉนิ ได้แก่ ลำดบั รายการ มี จำนวน หมายเหตุ (ขนาด การใช้งาน) 1 ยาสำหรับการปฐมพยาบาลเบ้ืองตน้ 2 ไฟฉาย 3 วิทยุ 4 แบตเตอรี่ 5 นกหวีด 6 ผา้ หม่ ฉกุ เฉนิ 7 เส้ือกนั ฝน 8 กระดาษทิชชู่ 9 พลาสเตอรย์ า 10 ผ้าพนั แผล ผา้ กอ๊ ซ ลำสี 11 ผา้ สามเหลย่ี ม 12 ผ้าอนามัย 13 ปากกา 14 สมดุ จด 15 แบบฟอรม์ รายงานสถานการณ์ 16 ปา้ ยช้ันเรียน 17 รายชอ่ื นกั เรียนในชั้น 18 แผน่ ปา้ ยสแี ดง (หมายถึง มีคนบาดเจบ็ หรอื มีอันตราย) 19 แผน่ ปา้ ยสีเขยี ว 20 สงิ่ ของอ่นื ๆ (ระบ)ุ
การซ้อมแผนเตือนภยั และอพยพมคี วามจำเปน็ อยา่ งมาก เนอ่ื งจาก • เปน็ การเตรียมความพร้อมด้านบุคลากร ทรัพยากร และระบบการปฏิบตั กิ ารตามบทบาทหน้าท่ี ทไ่ี ด้ กำหนดไวใ้ นแผนการจัดการสาธารณภัยในโรงเรียน • เปน็ กิจกรรมสรา้ งความเข้าใจในบทบาทและความรบั ผดิ ชอบสำหรบั ทกุ คนในสถานศึกษา • เพม่ิ ความร่วมมือระหว่างผู้บริหารสถานศกึ ษา ครู บุคลากรดา้ นการศึกษา นักเรยี นแกนนำ และชมุ ชม • เป็นชอ่ งทางในการสรา้ งการมีสว่ นร่วมของชมุ ชนในการจดั การสาธารณภัยในสถานศึกษา ในการจัดซ้อมแผนจะตอ้ งมกี ารแตง่ ต้งั คณะทำงานออกแบบการฝกึ ซ้อมให้มีหนา้ ทค่ี วามรบั ผดิ ชอบการ ฝกึ ซอ้ มทัง้ กระบวนการ ต้ังแต่การออกแบบพัฒนาการฝึกซ้อม งานธรุ การและงานสนบั สนุน หากการฝึกซ้อม เกย่ี วขอ้ งกับหลายหนว่ ยงาน หวั หนา้ คณะทำงานจะตอ้ งตัง้ ผชู้ ่วยหรอื ผปู้ ระสานงานเพื่อช่วยงาน ตัวอย่างการ ซ้อมแผน่ ดนิ ไหวในโรงเรียน ประเทศญปี่ ุ่น 1. การวางแผนการฝึกซอ้ ม โดยการพิจารณาบริบทปจั จบุ ันของสถานศึกษาได้แก่ 1. ลักษณะของภยั และแผนท่จี ะนำมาฝึกซ้อม 2. หน้าท/ี่ ภารกจิ ของคณะกรรมการหรอื คณะทำงานชุดตา่ งๆท่ตี ้องการฝึกซ้อม 3. บทบาทของบุคลากร เจา้ หน้าทแ่ี ละนักเรยี นท่ีจะรว่ มฝึกซ้อม 4. วตั ถปุ ระสงคแ์ ละศักยภาพของการฝึกซ้อม 2. ประเมินขีดความสามารถของบคุ ลากร โดยการตรวจสอบตามประเดน็ ต่อไปน้ี • บุคลากรปัจจุบันมปี ระสบการณ์ในการฝกึ ซ้อมหรือไม่ • มีระยะเวลาในการเตรียมการฝกึ ซ้อมเท่าใด • ส่งิ อำนวยความสะดวกทางกายภาพใดทต่ี ้องใช้ในการปฏิบัตกิ ารฉกุ เฉินจรงิ และมพี ร้อมสำหรบั การ ฝึกซ้อมหรือไม่ • สิ่งอำนวยความสะดวกดา้ นการส่ือสารและระบบใดทตี่ ้องใชแ้ ละมีสำหรบั การฝึกซ้อม 3. ประเมนิ ความต้องการหรือความจำเปน็ ในการฝึกอบรมเพ่ิมเตมิ เพื่อเตรียมสำหรับการซ้อมแผน เช่น ครู บุคลากรและนกั เรยี นมีเวลาในการทำความเขา้ ใจกบั แผนและฝกึ ฝนทักษะที่จำเปน็ เท่าใด บุคลากรทีท่ ำหน้าที่จัดซ้อมแผนจำเป็นต้องเรยี นรู้เพม่ิ เติมมากน้อยเพยี งใด 4. กำหนดขอบเขตการฝึกซ้อม หมายถึงการกำหนดขอบเขต เชน่ เปน็ การฝกึ ซอ้ มแผนเฉพาะภายใน สถานศกึ ษา หรือฝึกซอ้ มรว่ มกบั หน่วยงานอื่น หรอื ฝึกซ้อมรว่ มกบั ชุมชน กำหนดขอบเขตการฝึกซ้อม เชิงภารกจิ หน้าท่ี (Function) เปน็ ต้น 5. กำหนดรปู แบบการฝึกซ้อม ในการซอ้ มแผนแบบปฏบิ ัติการจริง สถานศึกษาสามารถทำได้ 2 รปู แบบ คอื 1. การซอ้ มแบบแจ้งใหท้ ราบลว่ งหน้า มีการกำหนดวัน เวลา ในการซอ้ ม วตั ถปุ ระสงคข์ องการ ซ้อมแบบนีค้ ือ เพื่อใหแ้ น่ใจวา่ ทกุ คนไดอ้ ่านและทำความเขา้ ใจกับขั้นตอนการ ปฏิบัติ ทดสอบทักษะและความสามารถในการตอบสนองเหตกุ ารณ์ รวมถึงทดสอบปฏิกริยา ตอบสนองกบั สถานการณ์ท่ไี ม่คาดคดิ (เชน่ จัดให้มอี ปุ สรรคกีดขวางเสน้ ทางหนภี ัย) 2. การซ้อมแบบไม่แจ้งให้ทราบล่วงหน้า เป็นการทดสอบปฏิกริยาตอบสนองตอ่ สถานการณ์ ในทนั ที การซ้อมแบบน้ีสามารถทำได้หากครู นักเรียน บคุ ลากรทกุ คนมีความเข้าใจใน ข้ันตอนปฏบิ ัติและมีพฒั นาการด้านทักษะในการเผชิญเหตุแล้วในระดบั หนง่ึ การซ้อมแบบน้ี จะช่วยทดสอบระบบเตอื นภัย ว่าครอบคลมุ ทุกพื้นที่และทุกคนหรอื ไม่ ชว่ ยระบุชอ่ งว่างใน การประสานงาน และช่วยให้ประเมนิ ระยะเวลาทใ่ี ชใ้ นการอพยพได้ใกล้เคียงกับความเป็น จรงิ ชว่ ยให้เห็นประสทิ ธิภาพของการเคลื่อนยา้ ยอพยพ เป็นตน้ อย่างไรก็ตาม การซ้อมเช่นน้ี
มขี อ้ ควรระวังบางประการ เช่น เรือ่ งของอบุ ัตเิ หตุ หรอื อาจจะมนี กั เรียนที่เป็นเด็กเล็กไม่ สามารถแยกแยะสถานการณ์และตนื่ ตระหนก จึงตอ้ งมีแผนบรหิ ารจดั การส่ิงไม่คาดคิดที่ อาจจะเกิดขึ้นด้วย 6. การออกแบบการฝกึ ซอ้ ม โดยคณะทำงานจะต้องดำเนินการต่อไปนี้ • กำหนดวตั ถุประสงค์ของการฝึกซอ้ ม • จัดทำสถานการณส์ มมติท่สี มจรงิ และตอ่ เนื่อง โดยพัฒนาลำดับเหตกุ ารณ์และความเช่อื มโยงของ สถานการณ์สมมติ และอาจจะมีการผูกปมปญั หาไวใ้ หม้ ีการแก้ปญั หา • จัดทำและแจกจ่ายเอกสาร วัสดอุปุกรณ์ท่ีจำเปน็ ก่อนการฝกึ ซ้อม • จัดการฝึกอบรมทักษะท่ีจำเป็นให้แกค่ รู บุคลากรและนักเรียนก่อนการฝึกซ้อม • ซกั ซอ้ มบทบาทหนา้ ท่ีของคณะทำงานท่จี ดั การฝึกซ้อม • ใหค้ รูประจำชนั้ อธิบายแผนและขัน้ ตอนการฝึกซอ้ มให้นกั เรียนทกุ คนเข้าใจ ออกแบบการมีสว่ นร่วมของผู้ปกครองและชมุ ชนหรือบคุ คลอื่น เชน่ ใหเ้ ป็นผู้สังเกตการณ์ ผู้ประเมิน หรือ ผรู้ ว่ มปฎิบัตกิ าร หลงั จากซอ้ มแผนแล้ว ควรมกี ารสรปุ ผลและประเมนิ การฝึกซอ้ ม เช่น ประเมินว่าการซ้อมน้ันบรรลุ วัตถปุ ระสงค์มากน้อยเพยี งใด นักเรยี นมพี ฤตกิ รรมท่ีพึงประสงคห์ รือไม่ มปี ระเดน็ ใดบ้างท่ตี อ้ งนำมาใชใ้ นการ ปรบั ปรุงแผน และ/หรอื ระบบการบริหารจัดการฉุกเฉินทีม่ ีอยู่ ควรมีการฝึกอบรมบุคลากรเพม่ิ เตมิ หรือควรมี การเปลย่ี นแปลงบคุ ลากรและอุปกรณ์การทำงานหรอื ไม่ เป็นตน้ การประเมนิ ผลการฝึกซอ้ มจะชว่ ยกำหนด จุดออ่ น จุดแข็ง เพ่อื สร้างประสทิ ธภิ าพในการฝกึ ซ้อมคร้งั ต่อไป เมอื่ เกิดภัยพิบตั ิ มักมีการกำหนดใหใ้ ชส้ ถานศกึ ษาเป็นจดุ ปลอดภัยหรือศูนย์อพยพ เพราะสว่ นใหญ่ สถานศึกษาเป็นอาคารที่แขง็ แรงทีส่ ดุ ในชุมชน มีขนาดใหญ่กว่าสิง่ กอ่ สร้างอนื่ ๆ และเปน็ สถานท่ที ่คี นในชมุ ชน คุน้ เคย โดยไม่คำนงึ ว่าสถานศึกษาน้ันอาจต้ังอยู่ในพนื้ ทเี่ ส่ียงจากภัยพิบัตหิ รือมีโครงสร้างท่ีปลอดภยั ในการ รองรับผู้คนจำนวนมากหรอื ไม่ เพราะแต่ละพื้นท่ีย่อมมีความเสีย่ งต่อภยั ทแี่ ตกตา่ งกัน สถานศึกษาท่อี ยู่บนพืน้ ที่ สูงอาจปลอดภัยจากภัยนำ้ ท่วมและคลนื่ สนึ ามิ แต่อาจมคี วามเส่ยี งมากจากภัยแผน่ ดินไหว นำ้ ป่าไหลหลาก หรอื ดนิ โคลนถล่ม ดังนนั้ จึงต้องทำการประเมินความเสยี่ งสำหรับสถานศึกษา เพ่ือให้มีความเข้าใจถึงความ เส่ยี งในพ้นื ทีเ่ ป็นอยา่ งดกี ่อนการตดั สนิ ใจสรา้ งสถานศึกษาและใช้เปน็ ศนู ยอ์ พยพ อยา่ งไรกต็ าม หากเปน็ ไปได้ ควรหลีกเลี่ยงการกำหนดใหใ้ ช้โรงเรียนเป็นศูนย์พกั พงิ ชว่ั คราวแตจ่ ดั ทำแผนจัดการความเสี่ยงภยั พิบัตใิ นชมุ ชน และโรงเรยี นแทน หากจำเปน็ ตอ้ งใชส้ ถานศึกษาเปน็ ศนู ย์พักพิงช่ัวคราว ควรออกการใชพ้ ้นื ที่แบบตามมาตรฐานสากล จัดหาวัสดุอปุ กรณ์ทีจ่ ำเปน็ ให้เหมาะสมกับการเป็นศูนยพ์ ักพิงโดยไม่เบยี ดบังงบประมาณสำหรบั การศึกษาเด็ก และต้องวางแผนการใชพ้ ้นื ท่สี ำหรบั การเรียนการสอนไปพร้อมกัน สถานศกึ ษาทม่ี ีอาคารสถานทพ่ี ร้อมสำหรบั การปรับเปน็ ศนู ย์พักพงิ ชั่วคราวควรปรบั ปรงุ อาคารสถานที่ตามมาตรฐานการออกแบบเพื่อมวลชน (Universal design) เพ่ือเออ้ื ให้คนพิการ คนชรา ใชป้ ระโยชนจ์ ากสถานท่ไี ด้โดยปลอดภยั ควรมอี ุปกรณ์ช่วยเหลือคน พกิ ารไว้สำรอง เช่น อุปกรณ์ช่วยการเคลื่อนไหว รถเข็นนง่ั แว่นตา แวน่ ขยาย และจดั ทำป้ายบอกทางใหเ้ ขา้ ถงึ สำหรบั เด็กพิการทุกประเภท ข้อควรพิจารณาเบื้องตน้ ในการใช้สถานศกึ ษาเปน็ ศูนย์พกั พิงช่ัวคราว • อาคารสถานท่ปี ลอดภัยสำหรับประชาชนในชุมชน • การคมนาคมสะดวก • มีความพร้อมด้านสาธารณูปโภค เช่น ไฟฟา้ และนำ้ ประปา • มีขนาดพื้นทีท่ ี่เหมาะสมกับจำนวนประชากรทจี่ ะตอ้ งอพยพมาพักพิง
• มีแหล่งทรัพยากรสำหรับการยงั ชพี เบอ้ื งต้นในชว่ งระยะเวลาหนง่ึ • มสี ภาพแวดล้อมทีเ่ อื้อต่อสขุ ภาพอนามยั ท้ังทางรา่ งกายและจติ ใจ การบริหารจดั การศนู ย์พักพงิ ชว่ั คราวจึงจำเปน็ ต้องมีการตงั้ คณะกรรมการรับผดิ ชอบและประสานงาน ประกอบดว้ ยผจู้ ัดการศนู ย์ฯ และคณะกรรมการฝ่ายต่างๆ มหี น้าทตี่ ัดสนิ ใจดำเนนิ การ ประสานงาน บุคลากร ในสถานศึกษาร่วมกับอาสาสมคั รประชาชนหรอื ผ้ปู ระสบภัยควรมสี ว่ นรว่ มในการเปน็ กรรมการดูแลสถานท่ี และผปู้ ระสบภยั ในการแตง่ ต้ังคณะกรรมการบรหิ ารจดั การศนู ยพ์ ักพิงชัว่ คราวและคณะทำงานฝ่ายต่างๆ ไม่ จำเป็นตอ้ งเปน็ บุคลากรในสถานศกึ ษาท้งั หมด ควรใชห้ ลักการมีสว่ นรว่ ม เช่น เชญิ ผู้ปกครอง คณะกรรมการ ชุมชน ศิษย์เกา่ อาสาสมคั รในชุมชน ผปู้ ระสบภยั และเด็กเขา้ มามบี ทบาทหน้าท่คี วามรับผิดชอบเพ่ือให้มีการ ดแู ล และเรยี นรูก้ ารอย่รู ว่ มกันในสถานการณ์ภยั พบิ ตั ิ อย่างไรกต็ าม ผบู้ ริหารสถานศึกษาหรือบคุ ลากรทาง การศึกษาจะต้องมบี ทบาทในฐานะเจา้ ของพนื้ ที่และเป็นผู้กำหนดการใช้พนื้ ทีใ่ ห้แก่ผูป้ ระสบภัย สำหรับจำนวน คณะทำงานหรือผ้รู บั ผดิ ชอบควรมอี ตั รส่วนตามความจำเป็น ยกตวั อย่าง เชน่ หากมีกล่มุ เปราะบางเปน็ จำนวน มากก็จำเป็นตอ้ งมคี นดูแลเพิ่มข้นึ หากมหี ญิงตั้งครรภแ์ ละเด็กอ่อนเป็นจำนวนมากก็ต้องเพ่มิ จำนวน คณะกรรมการฝ่ายพยาบาลและสาธารณสขุ เป็นต้น นอกจากนี้ ยงั ตอ้ งมกี ารอบรมให้ความรคู้ ณะกรรมการใน เรือ่ งสำคญั ต่างๆ เชน่ การคุ้มครองเด็ก คนพิการ คนชรา วิธกี ารช่วยเหลือ ยก เคลอ่ื นยา้ ยคนพกิ าร กฎระเบียบการต่างๆ องคป์ ระกอบของคณะกรรมการจดั การศูนย์พักพิงชว่ั คราว ไดแ้ ก่ คณะกรรมการฝา่ ย บทบาทหน้าท่ี หวั หนา้ ศูนยพ์ กั พงิ ชั่วคราว • ควบคมุ กำกับดูแลการทำงานงานของฝ่ายต่างๆ • ประสานงานการดำเนนิ งานทุกเร่อื งท้งั ภายในและภายนอก • รับเร่อื งราวร้องทุกข์ ตรวจสอบและตัดสินใจแกไ้ ขปญั หา ต่างๆ ฝ่ายอำนวยการและส่อื สาร • การลงทะเบียน เก็บข้อมูล จัดทำขอ้ มูลผปู้ ระสบภยั • จัดระบบและวธิ กี ารส่ือสารท้ังภายในและภายนอก • จดั ทำบัญชรี ายการคา่ ใช้จ่าย • รบั รายงานและทำรายงานการปฏบิ ตั งิ าน ฝ่ายการประกอบอาหาร • ประเมนิ สถานการณ์ด้านอาหารและน้ำดืม่ • จดั หาภาชนะ อปุ กรณแ์ ละวตั ถุดิบในการประกอบการ • ประกอบอาหารตามหลกั โภชนาการ • กำหนดตารางเวลาการแจกจ่ายอาหารประจำวัน • กำหนดจุดรบั อาหารในแตล่ ะวนั ฝา่ ยประสานงานผู้ประสบภยั • ประสานงาน ส่อื สารกับผูป้ ระสบภัยใหท้ ราบถงึ ความต้องการ ความช่วยเหลอื และแลกเปลี่ยนขอ้ มูลขา่ วสารทจี่ ำเปน็ • ประสานงานด้านการรับและส่งกลับผ้ปู ระสบภยั ฝา่ ยบรรเทาทุกข์ • ดูแลจัดหาส่งิ ของบรรเทาทุกข์โดยเฉพาะปจั จยั ส่ี • การรบั บริจาค และจัดทำบัญชีสง่ิ ของบริจาค ฝา่ ยรักษาพยาบาลและสุขอนามัย • ดแู ลปอ้ งกันการเจ็บปว่ ยเบ้ืองตน้ ก่อนพจิ ารณาส่งตอ่ ให้ หนว่ ยงานทางการแพทย์ท่มี คี วามพร้อม • ดแู ลดา้ นจติ วิทยา สุขอนามัย ฝ่ายดูแลสถานทแ่ี ละรกั ษาความ • วางผงั จดั สรรพื้นท่ี ดูแลซ่อมแซมท้งั ในช่วงเตรยี มการจัดตั้ง
ปลอดภยั ศนู ย์ฯ ระหวา่ งใชพ้ ้ืนท่ีและหลงั จากการใช้พ้ืนที่ ฝา่ ยขนส่ง • ออกระเบียบความปลอดภยั เชน่ ระเบยี บการใชพ้ น้ื ท่ี ฝา่ ยนนั ทนาการ • การลำเลียงส่ิงของ บุคลากรและการใชย้ านพาหนะเพ่ือการ อพยพ ส่งต่อ และส่งกลบั • จัดพนื้ ท่ีและกจิ กรรมเพื่อสรา้ งบรรยากาศร่ืนเริง คลายความ ตึงเครยี ด เช่น การจดั สนั ทนาการให้เด็ก การจดั ฝึกอาชพี ให้ ครอบครัว จดั กจิ กรรมสำหรับผู้สงู อายุ • จัดมาตรการในการเฝา้ ระวงั และคุ้มครองเด็กปกติ เดก็ พกิ าร ในศูนย์พักพิงชว่ั คราว การจัดพ้ืนทีใ่ ชส้ อยในศนู ยพ์ ักพิงชวั่ คราว ความต้องการพืน้ ทใี่ ช้สอยของแต่ละศนู ย์พักพิงแตกตา่ งกันตามลักษณะของสังคมและระยะเวลาทพ่ี ักพิง อย่ใู นศนู ย์นนั้ ๆ การจัดพ้นื ที่ควรคำนึงถึงการใช้งาน หลักการคุ้ทครองเดก็ หลกั การมีส่วนร่วม และความเปน็ ส่วนตัว หากพจิ ารณาจากมาตรฐานข้นั ต่ำ กล่าวคืออย่างน้อยที่สดุ ศนู ย์พักพิงต้องมีพืน้ ท่ีตอ่ ไปน้ี • พ้นื ที่สำหรับการทำงานคณะกรรมการศูนย์ฯซึ่งเปน็ พ้นื ที่ทต่ี ้องจดั ใหเ้ ป็นสดั ส่วน มอี ปุ กรณก์ ารทำงาน และตอ้ งมรี ะบบความปลอดภยั เพ่อื เกบ็ รักษาข้อมูลโดยเฉพาะข้อมลู เกย่ี วกบั เด็ก • พนื้ ท่สี ว่ นตัวเพ่ือการนอนพักผ่อน และในกรณีท่ีผปู้ ระสบภัยไม่ได้มาเป็นครอบครัว ควรแยกพ้นื ท่ี ส่วนตวั ระหว่างชายและหญิง หากมแี นวโนม้ วา่ จะต้องใชศ้ ูนย์พักพิงเกนิ กวา่ 3 วนั ตอ้ งพิจารณาพื้นที่ สำหรบั ซักล้าง ตากผา้ หุงหาอาหาร ทง้ิ สงิ่ ปฏกิ ลู ของเสยี ด้วย • พน้ื ทีส่ ำหรับปฐมพยาบาลจะตอ้ งมีการก้ันห้องหรือมีฉากก้ัน มีการแยกพื้นที่นอนพักระหวา่ งเดก็ และ ผู้ใหญ่ ผู้ชายและผูห้ ญงิ • พน้ื ท่ที ่ีเป็นสดั ส่วนสำหรับการดแู ลผปู้ ระสบภยั ท่ีมคี วามตอ้ งการเปน็ พเิ ศษ เชน่ คนชราหรือคนพกิ าร ติดเตียง หญิงพิการท่ีต้องการความช่วยเหลือในการผลดั เปลย่ี นเสอ้ื ผา้ และการดแู ลสขุ อนามยั พนื้ ท่ี สำหรบั แม่ใหน้ มบุตร พนื้ ทีด่ ูแลเด็กอ่อน เปน็ ต้น มาตรฐานการจัดพื้นท่สี ำหรับผ้ปู ระสบภัย ประเภทของพนื้ ทใี่ ช้สอย ปรมิ าณ/คน พน้ื ท่ใี ช้อาศยั พื้นทีส่ ว่ นตวั /ทน่ี อน 3.5 ตารางเมตรตอ่ คน พื้นทีร่ ะหว่างเต็นทน์ อน เว้น 2 เมตร เพอื่ เปน็ แนวกันไฟ พืน้ ทใ่ี ช้สอย ห้องสว้ ม (ห่างจากพน้ื ท่ีอาศยั 6 เมตร 1 หอ้ ง ต่อ ผู้หญงิ 20 คน และจากแหล่งน้ำอย่างน้อย 30 เมตร) 1 หอ้ งพร้อมโถปัสสาวะต่อผู้ชาย 35 คน จดุ ให้บริการน้ำใช้ 1 จุดน้ำประปาต่อผปู้ ระสบภัยอยา่ งน้อย 80 คน ข้นึ อยกู่ ับการไหลของน้ำ ทซ่ี กั ล้าง ซักผ้า ตากผ้า 1 จุด ตอ่ ผ้ปู ระสบภยั อยา่ งน้อย 100 คน ที่ทิง้ ขยะ (หา่ ง 100 เมตรจากท่ีพัก) 2 จดุ ต่อผูป้ ระสบภยั 80 คน โรงครัว 1 จดุ ตามกำลงั การผลิตและจำนวนคน พน้ื ทป่ี ฐมพยาบาล ตามความเหมาะสม อยา่ งน้อย 1 จดุ พ้นื ทีป่ ระกอบกจิ กรรมทางศาสนา 1 จดุ ตามความเหมาะสม การปดิ ศนู ย์พกั พิงชั่วคราว
สถานศึกษาควรใช้เปน็ ศนู ย์พักพงิ ชวั่ คราวในเวลาสนั้ ๆ เท่านั้น เพอื่ ให้สามารถกลบั ไปทำหนา้ ทีใ่ นการให้ การศกึ ษาโดยเร็วทีส่ ดุ การปิดการดำเนินการของศนู ย์พักพิงช่วั คราว จะต้องคำนงึ ถงึ ความปลอดภยั ของกลุ่ม เปราะบาง การคุ้ทครองเดก็ และการดูแลคนพิการดว้ ย ในการปิดศูนย์พักพงิ ช่วั คราว คณะกรรมการรี ควร ดำเนินการดังต่อไปน้ี • บันทกึ ข้อมลู ของผูป้ ระสบภัยว่าจะเดนิ ทางต่อไปไหน หรือสง่ กลับบา้ นอย่างไร หากเป็นเด็กต้องมกี าร บันทกึ ชอื่ ที่อยู่ หมายเลขตดิ ต่อของผปู้ กครองท่พี าเดก็ ไปด้วย • ประสานงานกับหน่วยงานทเ่ี ก่ียวข้อง เชน่ องค์กรปกครองสว่ นทอ้ งถน่ิ เพ่อื จัดหาพาหนะสำหรบั สง่ ผู้ประสบภยั กลับบา้ น โดยเฉพาะกลุม่ เปราะบาง หญิงมีครรภ์ คนพกิ าร คนชรา • ระดมอาสาสมคั รจากชุมชนและนักเรยี นในการทำความสะอาด • ทำการสำรวจอาคารสถานท่ีและวัสดุอุปกรณ์เพื่อตรวจสอบว่ายงั อยใู่ นสภาพดหี รือครบถ้วนหรอื ไม่ • จดั ทำรายการอาคารสถานที่และวัสดอุ ุปกรณ์ทต่ี ้องซ่อมแซมหรอื จดั หาใหม่เพื่อเตรยี มพร้อมสำหรบั การเปิดเรยี น จดั ทำงบประมาณในการซ่อมแซมอาคาร ในบางกรณีอาจจะขอบริจาคอุปกรณ์การเรียนการสอน เด็กมสี ทิ ธิทจ่ี ะได้รับการศึกษาในสถานทท่ี ี่ปลอดภยั มกี ารจัดกจิ กรรมการเรยี นการสอนท่ีเหมาะสมกับเด็ก เพ่ือ ช่วยฟืน้ ฟสู ภาพจติ ใจเด็กให้กลบั ส่ภู าวะปกติ และจดั ให้มรี ะบบการศึกษาท่ีตอ่ เน่ืองสำหรับเดก็ ใหเ้ ร็วทสี่ ุดการ ชว่ ยเหลอื ให้เดก็ สามารถกลบั มาใชช้ ีวติ ให้เหมอื นเดิมให้เร็วทส่ี ุด จะช่วยรักษาภาวะความเครยี ดของเด็กได้ดี ท่ีสุด สามารถทำได้ดงั น้ี • จดั ให้มสี ถานที่ทปี่ ลอดภยั สำหรบั การเรียนรแู้ ละการเล่นของเดก็ เพื่อใหใ้ ช้ชีวิตคล้ายกับชวี ิตปกติ • จดั กิจกรรมการเรียนรู้ การอ่านเขยี นตามวัย • จดั การเรียนรู้เรอ่ื งการดูแลสุขอนามัย ภยั ที่เกิดข้ึน ความเสี่ยง การป้องกนั และการดูแลตัวเองให้ ปลอดภัย • จดั กจิ กรรมการเล่นสนุกสนานใหเ้ ด็ก นอกเหนอื จากเวลาเรยี น เพือ่ ฟ้ืนฟูสภาพจิตใจเด็ก ทง้ั กีฬา ดนตรี ศิลปะ ของเลน่ หนุ่ มอื และการเล่นรูปแบบอน่ื ๆ สามารถใชศ้ ลิ ปะกับเด็กเลก็ เพื่อใหเ้ ขาแสดง ความรูส้ กึ ต่างๆออกมาได้ และปรบั ตัวใหเ้ ขา้ กบั สถานการณ์ทเี่ กิดข้นึ ในชว่ งเกิดเหตภุ ัยพิบัตจิ นทำใหก้ ารเรียนการสอนหยุดชะงัก ผูบ้ รหิ ารสถานศึกษาและครูจะตอ้ งวางแผน ทางเลือกในการจัดการเรียนการสอน เช่น การเปลี่ยนเวลาเรยี น เปลี่ยนวิธีการเรยี น หรอื เปลยี่ นสถานทเี่ รยี น เพื่อให้เดก็ สามารถเรียนได้ทนั ตามที่หลักสูตรกำหนด อาจทำไดด้ ังน้ี • จดั การเรียนการสอนในวนั หยุดราชการชดเชย • ใชว้ ิธีการเรียนการสอนอืน่ แทนการเขา้ ชัน้ เรยี น เช่น o การเรียนทีบ่ ้าน (home-schooling) o การเรยี นดว้ ยตนเอง และทำการบ้านทดแทน o เพ่อื นสอนเพื่อน หรอื กลมุ่ การเรยี นการสอนทจ่ี ดั รว่ มกนั โดยผู้ปกครอง ครูและชมุ ชน o เรง่ ระยะเวลาการเรียน o การเรยี นผ่านส่อื วทิ ยุ สอื่ อินเทอรเ์ น็ต หรอื สื่ออน่ื ๆ วธิ ีการเหล่านี้ต้องมีการตดิ ตามวิจัยและประเมินผลอย่างระมดั ระวัง เพ่ือดูวา่ เกิดผลกระทบต่อนกั เรยี น อยา่ งไร เด็กทัง้ ชายและหญงิ จำเปน็ ต้องไดร้ บั การค้มุ ครองเมื่อเกดิ ภัยพบิ ตั หิ รอื สถานการณ์ฉกุ เฉนิ เน่ืองจาก ภาวะฉกุ เฉนิ ทำใหม้ ีคนจำนวนมากมาอยู่รวมกัน เกิดความตึงเครยี ด สับสน ประกอบกบั ระบบความปลอดภยั ในศูนย์พักพิงชวั่ คราวอาจมีความหละหลวมและทำใหอ้ าจจะเกดิ ความรุนแรงได้ เช่น การทำรา้ ยรา่ งกาย การ
บาดเจ็บเนือ่ งจากต้องแยง่ ทรัพยากรที่จำกัด การละเมิดทางเพศ การลักพาตวั เปน็ ต้น กลไกคุ้มครองเด็กที่ สำคญั คอื ครอบครวั และชุมชน โดยอาจดำเนินมาตรการดังน้ี • คน้ หาเดก็ ที่มคี วามเสีย่ งสงู ได้แก่ เด็กทมี่ ีความเครยี ดสงู เด็กทม่ี ีการสูญเสียผ้ปู กครอง เด็กพิการออทิ สตคิ หรอื เดก็ ที่ต้องการความชว่ ยเหลือเพ่ือฟ้ืนฟูจิตใจ • วเิ คราะห์ความสัมพันธ์ของเด็กกบั ครอบครัว ชว่ ยเหลอื และแก้ไขปัญหาของผ้ปู กครองเพอื่ ลดความ เสย่ี งต่อการเล้ียงดทู ไี่ มเ่ หมาะสม เม่ือผปู้ กครองประสบปัญหาในการใชช้ ีวิต • สนับสนุนให้เดก็ และเยาวชนมีสว่ นรว่ มในการจดั การศนู ย์พักพงิ ชว่ั คราว ท้ังการวเิ คราะห์ปญั หาและ การแสดงความเหน็ ในการแก้ไขปญั หา เพ่ือสร้างความรู้สึกท่ีดีตอ่ การแก้ไขปัญหา ไมท่ ้อถอยต่อปัญหา ทเี่ กดิ ขึ้น รวมทั้งความภูมิใจในบทบาทของตน ครูที่ทำงานกับเด็กที่ประสบภยั ควรไดร้ บั การสนบั สนนุ และอบรมใหเ้ ขา้ ใจและสามารถตอบสนองต่อ ประสบการณ์ การสูญเสีย และความรู้สึกต่างๆของเด็กและของตนเองได้ ครคู วรทราบวธิ ที ่จี ะให้การสนับสนุน ดา้ นจิตใจใหแ้ ก่เดก็ และสอนใหค้ รอบครัวทำดว้ ย ตัวอยา่ งกรณีศึกษา 1 พนื้ ที่สรา้ งสรรคส์ ำหรบั เดก็ ในภาวะนำ้ ท่วม (อ่านเพิ่มเติม) • ในชว่ งท่ีประเทศไทยถูกนำ้ ท่วมขังในหลายพ้นื ที่ มลู นิธิเพื่อการพฒั นาเด็ก (มพด.) Save the children (UK) หรอื องคก์ รช่วยเหลือเดก็ และ สำนกั งานกองทนุ สนับสนนุ การสร้างเสรมิ สุขภาพ (สสส.) จึงร่วมกันทำโมเดลการคุ้มครองเด็กในภาวะน้ำท่วม ผา่ นรูปแบบพนื้ ท่สี รา้ งสรรค์สำหรบั เด็ก ภายใตโ้ มเดล “พน้ื ท่ีปลอดภยั สุข สนุก เรียนร”ู้ โดยจดั ทำกิจกรรมทศี่ ูนย์พักพงิ มหาวิทยาลยั ธรรมศาสตร์ ศนู ยพ์ กั พิง จ.พระนครศรีอยุธยา และศูนย์พกั พงิ วัดไร่ขิง จ.นครปฐม • ทมี งานจะทำการสำรวจขอ้ มูลเก่ียวกับเด็ก จัดทำระบบโครงสรา้ งตา่ งๆ เพ่ือใหม้ ีความปลอดภัยสำหรบั เด็ก เชน่ หอ้ งนำ้ เด็กอ่อน ห้องอาบน้ำแยกหญงิ -ชาย และเปิดรบั สมัครอาสาสมัครในพืน้ ท่ี ซง่ึ อาจเปน็ ผูป้ กครองหรือนักศึกษาเขา้ รว่ มอบรมการคุ้มครองเดก็ ผา่ นพน้ื ท่สี รา้ งสรรค์ในสภาวะภยั พิบตั ิ (น้ำทว่ ม) • มูลนธิ ิเพือ่ การพัฒนาเด็กพบว่า กิจกรรมพื้นที่สร้างสรรค์สำหรับเด็ก ช่วยผ่อนคลายความเครียดให้ ผู้ปกครอง และเด็กๆ ท่ีไดร้ ่วมทำกจิ กรรมจดจำความรู้ทไ่ี ดน้ ำไปใชด้ ้วย • อาสาสมัครผูม้ าเขา้ ร่วมกิจกรรม กล่าวว่า หลงั จากได้อพยพครอบครวั มาอยทู่ ่ศี ูนย์พักพิง สภาพจิตใจ เกดิ ความเครยี ดมาก เนื่องจากห่วงบ้านและทรัพยส์ นิ เม่ือได้มาเป็นอาสาสมคั รดแู ลการอาบน้ำให้ เดก็ ๆ ทำตนมีความสุขข้ึน และกิจกรรมแบบน้ีชว่ ยใหเ้ ดก็ ได้ไมต่ ้องไปเล่นซุกซนหรือไปเล่นน้ำซง่ึ จะ เปน็ อนั ตรายมาก การปฐมพยาบาล หมายถึง การให้ความชว่ ยเหลือขนั้ ตน้ ท่ีกระทำในทันทีทันใดในสถานทีเ่ กิดเหตุ โดยใช้ เครื่องมือเท่าท่ีหาได้เพ่ือลดอันตรายและป้องกนั ความพิการของผบู้ าดเจบ็ กอ่ นจะส่งต่อไปยงั สถานพยาบาลเพ่ือ รับการรักษาตอ่ ไป ชดุ ปฐมพยาบาล (first aid kit) คืออุปกรณ์เบื้องต้นสำหรับชว่ ยเหลอื ผบู้ าดเจบ็ ควรเกบ็ ไว้ในกล่องพลาสติกท่ี มีฝาปิดหรืออปุ กรณ์ท่กี ันนำ้ ติดหมายเลขโทรศัพท์ฉุกเฉินของหนว่ ยงานตา่ ง ๆ ไว้ ตวั อยา่ ง ชดุ ปฐมพยาบาลเบ้ืองตน้ ชุดปฐมพยาบาล(First aid kit) ควรประกอบดว้ ย ชุดอุปกรณ์ทำแผล และยารกั ษาโรคเบื้องต้น เช่น • ถุงมือ- สำหรบั ผู้ช่วยเหลือ เพอื่ ปอ้ งกันมิใหผ้ ู้ช่วยเหลือสัมผัสถกู เลือด อาเจยี น สารคดั หล่ังต่างๆ • ยาล้างแผล เชน่ แอลกอฮอล์ ยาฆา่ เช้ือ • ผ้าทำแผล (ผา้ ก๊อซ) ขนาดต่างๆ โดยหากแผลมีเลือดออกมากให้ปดิ ทับหลายๆแผ่นเพอื่ หา้ มเลอื ด • พลาสเตอรเ์ ทปปิดแผลขนาดต่างๆ ใชส้ ำหรบั ปดิ แผลหลังจากล้างทำความสะอาดแลว้ • กรรไกร ใช้ตัดผ้ากอ็ ซหรอื ตัดผ้าหรอื ขากางเกงเชน่ เกดิ อุบัติเหตุบนท้องถนน
Search