Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore MIND_วิจัยในชั้นเรียน_2-65

MIND_วิจัยในชั้นเรียน_2-65

Published by julasak.mind, 2023-04-12 09:27:50

Description: MIND-2-65

Search

Read the Text Version

44 3. นากระดาษคาตอบที่นกั เรียนตอบมาแลว้ ตรวจให้คะแนน โดยขอ้ ท่ีถูกให้ 1 คะแนน ขอ้ ท่ีผิด ให้ 0 คะแนน เม่ือตรวจสอบคะแนนเรียบร้อยแลว้ หาค่าความยากง่าย (p) และค่าอานาจ จาแนก (r) ของ แบบทดสอบวดั ผลสัมฤทธ์ิทางการเรียนวิชาวิทยาศาสตร์ 2 เร่ือง การคานวณปริมาณความร้อนกบั การ เปลี่ยนแปลงของสาร เป็นรายขอ้ โดยใช้ เทคนิค 50% คานวณจากสูตร (พชิ ิต ฤทธ์ิจรูญ. 2545: 141) ������ = ������������+ ������������ 2������ ������ = ������������− ������������ ������ เม่ือ ������ แทน คา่ ความยากงา่ ย ������ แทน ค่าอานาจจาแนก ������������ แทน จานวนนกั เรียนที่ตอบถูกในกลุ่มสูง ������������ แทน จานวนนกั เรียนที่ตอบถกู ในกลุ่มต่า ������ แทน จานวนนกั เรียนที่ตอบถูกในกลมุ่ สูงหรือกกลุ่มต่า จากน้นั คดั เลือกขอ้ สอบที่มีค่าความยากง่ายอยู่ระหว่าง 0.23 - 0.77 และมีค่าอานาจ จาแนกต้งั แต่ 0.27 ข้ึนไปไวจ้ านวน 20 ขอ้ 4. นาแบบทดสอบวดั ผลสัมฤทธ์ิทางการเรียนวิชาวิทยาศาสตร์ 2 เรื่อง การคานวณปริมาณความ ร้อนกบั การเปลี่ยนแปลงของสาร มาวิเคราะห์หา ค่าความเช่ือมน่ั (rtt) ของแบบทดสอบท้งั ฉบบั โดยค คานวณจากสูตร KR-20 ของคเู ดอร์-ริชาร์ดสนั (พวงรัตน์ ทวีรัตน์. 2543: 123) ������������������ = ������ [1 − ∑������������2������������] ������−1 เมื่อ ������������������ แทน คา่ ความเช่ือมน่ั ของแบบทดสอบ ������ แทน จานวนขอ้ ของแบบทดสอบ ������ แทน สดั ส่วนของผตู้ อบถกู ในแต่ละขอ้ = ������ ������ แทน ������ สดั ส่วนของผตู้ อบผดิ ในแตล่ ะขอ้ = 1 − ������ ���������2��� แทน คา่ ความแปรปรวนของคะแนนท้งั ฉบบั จากการวิเคราะห์พบว่า แบบทดสอบวดั ผลสัมฤทธ์ิทางการเรียน วิชาวิทยาศาสตร์ 2 เรื่อง การ คานวณปริมาณความร้อนกบั การเปล่ียนแปลงของสาร มีคา่ ความเชื่อมนั่ เทา่ กบั 0.82

45 3. ข้ันตอนในกำรสร้ำงแบบวัดทักษะกระบวนกำรแก้โจทย์ปัญหำกำรคำนวณปริมำณควำมร้อน กบั กำรเปลยี่ นแปลงของสำร ในการสร้างแบบวดั ทกั ษะกระบวนการแก้โจทยป์ ัญหาการคานวณปริมาณความร้อนกับการ เปล่ียนแปลงของสาร เป็นขอ้ สอบอตั นยั จานวน 5 ขอ้ ดาเนินการสร้างดงั น้ี 1. ศึกษาเอกสารและงานวิจัยท่ีเก่ียวข้องกับการวดั กระบวนการแก้โจทย์ปัญหา เพ่ือใช้เป็ น แนวทางในการสร้างแบบวดั ทกั ษะกระบวนการแกโ้ จทยป์ ัญหา 2. สร้างแบบวดั ทกั ษะกระบวนการแกโ้ จทยป์ ัญหาแบบอตั นยั ที่มีลกั ษณะให้นกั เรียน นาความรู้ ไปประยกุ ตใ์ ชใ้ นการแกป้ ัญหาในสถานการณ์ต่างๆ จานวน 8 ขอ้ วิธีกำรหำคุณภำพของแบบวัดทักษะกระบวนกำรแก้ โจทย์ ปัญหำกำรคำนวณปริมำณควำมร้ อน กบั กำรเปลย่ี นแปลงของสำร การหาคุณภาพของแบบวดั ทกั ษะกระบวนการแก้โจทยป์ ัญหาวิชา วิทยาศาสตร์ 2 เร่ือง การ คานวณปริมาณความร้อนกบั การเปล่ียนแปลงของสาร ดาเนินการตามข้นั ตอนต่อไปน้ี 1. ประเมินความเที่ยงตรงของแบบวดั ทกั ษะกระบวนการแกโ้ จทยป์ ัญหาการคานวณปริมาณ ความร้อนกบั การเปล่ียนแปลงของสาร ประเมินโดยผเู้ ช่ียวชาญ 3 ท่าน เครื่องมือท่ีใชใ้ นการประเมิน คือ แบบประเมินแบบวัดทักษะกระบวนการแก้โจทย์ปัญหาการคานวณปริ มาณความร้อนกับการ เปล่ียนแปลงของสาร ท่ีมีลกั ษณะเป็นมาตรประมาณค่า 3 ระดบั คือ เที่ยงตรง ไม่แน่ใจ และไม่เที่ยงตรง เพ่ือปรับปรุงแบบวดั ทกั ษะกระบวนการแกโ้ จทยป์ ัญหาเคมี และน าผลการประเมินของผูเ้ ชี่ยวชาญมา แปลงเป็นคะแนน ดงั น้ี ให้ +1 คะแนน หมายถึง มีความเห็นวา่ เที่ยงตรง ให้ 0 คะแนน หมายถึง มีความเห็นวา่ ไมแ่ น่ใจวา่ เที่ยงตรง ให้ -1 คะแนน หมายถึง มีความเห็นวา่ ไม่มีความเท่ียงตรง ผูว้ ิจัยพบว่าผลการประเมินเท่ียงตรงของแบบวัดทักษะกระบวนการแก้โจทย์ปัญหา วิชา วิทยาศาสตร์ 2 เรื่อง การคานวณปริมาณความร้อนกบั การเปล่ียนแปลงของสาร ที่ประเมินโดยผเู้ ชี่ยวชาญ ท้งั 3 ทา่ น มีค่าดชั นีความสอดคลอ้ ง (IOC) มีค่า 1.00 2. นาแบบวัดทักษะกระบวนการแก้โจทย์ปัญหาการคานวณปริ มาณความร้อนกับการ เปล่ียนแปลงของสารมาปรับปรุงแกไ้ ขตามคาแนะนาของผเู้ ช่ียวชาญ

46 3. นาแบบวัดทักษะกระบวนการแก้โจทย์ปัญหาการคานวณปริ มาณความร้อนกับการ เปลี่ยนแปลงของสารท่ีปรับปรุงแกไ้ ขแลว้ ไปทดลองใชก้ บั นกั เรียนที่เรียนเน้ือหาน้ีมาแลว้ ท่ีไม่ใช่กลุ่ม ตวั อยา่ ง ซ่ึงเป็นนกั เรียนช้นั มธั ยมศึกษาปี ท่ี 1 โรงเรียนวงั จนั ทร์วทิ ยา จานวน 30 คน 4. นากระดาษคาตอบที่นกั เรียนตอบแลว้ มาตรวจใหค้ ะแนน โดยมีเกณฑก์ ารใหค้ ะแนน ดงั น้ี เกณฑ์ กำรตรวจให้ คะแนนทักษะ กระบวนกำรแก้ โจทย์ ปัญหำ กำรคำนวณปริมำณควำมร้ อนกับ กำรเปลย่ี นแปลงของสำร ผวู้ ิจยั ไดก้ าหนดวิธีการใหค้ ะแนนโดยดดั แปลงมาจากเกณฑก์ ารให้คะแนนความสามารถในการ แกโ้ จทยป์ ัญหา ของ (กรมวชิ าการ. 2544; อา้ งอิงจาก Polya, 1975) โดยมีวธิ ีใหค้ ะแนนทกั ษะกระบวนการ แกโ้ จทยป์ ัญหาการคานวณปริมาณความร้อนกบั การเปล่ียนแปลงของสาร ดงั ตาราง 7 ตาราง 7 เกณฑก์ ารใหค้ ะแนนทกั ษะกระบวนการแกโ้ จทยป์ ัญหา เกณฑ์กำรให้คะแนน คะแนน 2 1. ทำควำมเข้ำใจปัญหำ 2 - เขยี นสิ่งที่โจทยกาหนดให้ และสิ่งท่ีโจทยถ์ ามไดถ้ ูกตอ้ งครบถว้ น 1 - เขยี นส่ิงท่ีโจทยกาหนดให้ และส่ิงที่โจทยถ์ ามไดถ้ กู ตอ้ งไดบ้ างส่วน 0 - เขียนส่ิงที่โจทยก์ าหนดใหแ้ ละสิ่งท่ีโจทยถ์ ามไม่ถกู ตอ้ ง หรือไมเ่ ขียน 2 2. วำงแผนกำรแก้ปัญหำ 2 - เขยี นวิธีแกป้ ัญหาไดถ้ ูกตอ้ ง 1 - เขียนวธิ ีแกป้ ัญหา ซ่ึงอาจจะนาไปสู่คาตอบท่ีถกู ตอ้ ง แตย่ งั มีบางส่วนผดิ 0 - เขียนวธิ ีแกป้ ัญหาไมถ่ กู ตอ้ ง หรือไม่เขียน 4 4 3. ดำเนินกำรตำมแผน 3 - เขยี นแสดงการคานวณไดถ้ กู ตอ้ งชดั เจนและหาคาตอบไดถ้ กู ตอ้ งครบถว้ น - เขยี นแสดงการคานวณไดถ้ กู ตอ้ งชดั เจนและหาคาตอบไดถ้ กู ตอ้ งบางส่วน 2 - เขียนแสดงการคานวณไดถ้ กู ตอ้ งบางส่วนและหาคาตอบไดถ้ กู ตอ้ งครบถว้ น 1 - เขียนแสดงการคานวณไดถ้ ูกตอ้ งบางส่วนและหาคาตอบไดถ้ กู ตอ้ งบางส่วน - เขยี นแสดงการคานวณไดถ้ ูกตอ้ งบางส่วนและหาคาตอบไม่ถูกตอ้ งหรือ ไมเ่ ขียน - เขยี นแสดงการคานวณไม่ถกู ตอ้ งหรือไมเ่ ขียนและหาคาตอบไดถ้ กู ตอ้ ง บางส่วน

47 เกณฑ์กำรให้คะแนน คะแนน - เขยี นแสดงการคานวณไม่ถูกตอ้ งและหาคาตอบไมถ่ ูกตอ้ งหรือไม่เขียน 0 2 4. ตรวจสอบผลลพั ธ์ 2 - เขยี นแสดงการตรวจคาตอบของปัญหาไดถ้ ูกตอ้ ง 1 - เขียนแสดงการตรวจคาตอบของปัญหาไดถ้ กู ตอ้ งบางส่วน 0 - เขียนแสดงการตรวจคาตอบของปัญหาไมถ่ กู ตอ้ ง - ไมเ่ ขยี นแสดงการตรวจคาตอบของปัญหา จากน้ันรวมคะแนนทกั ษะกระบวนการแกโ้ จทยป์ ัญหาการคานวณปริมาณความร้อนกับการ เปล่ียนแปลงของสาร 80 คะแนน หากนกั เรียนไดค้ ะแนนทกั ษะกระบวนการแกโ้ จทยป์ ัญหาการคานวณ ปริมาณความร้อนกบั การเปล่ียนแปลงของสาร ร้อยละ 70 ข้ึนไป แสดงวา่ ผา่ นเกณฑ์ 5. นาแบบวัดทักษะกระบวนการแก้โจทย์ปัญหาการคานวณปริ มาณความร้อนกับการ เปล่ียนแปลงของสาร มาวิเคราะหห์ าความยากง่าย (p) และคา่ อานาจจาแนก (r) เป็นรายขอ้ โดยใชเ้ ทคนิค 50% คานวณจากสูตรของวิทนียแ์ ละซาเบอร์ ������ = ������������+ ������������−(2������������������������������) 2������(������������������������+������������������������) ������ = ������������−������������ ������(������������������������−���������2���������������) เมื่อ ������������ แทน ผลรวมของคะแนนในกลุ่มสูง ������������ แทน ผลรวมของคะแนนในกลุม่ ต่า ������ แทน จานวนผสู้ อบในกลุม่ เก่งหรือกลมุ่ ออ่ น ������������������������ แทน คะแนนสูงสุดในขอ้ น้นั ������������������������ แทน คะแนนต่าสุดในขอ้ น้นั แลว้ คดั เลือกขอ้ สอบที่มีความยากง่ายอยูร่ ะหวา่ ง 0.48 – 0.73 และมีอานาจจาแนกต้งั แต่ 0.31 ข้ึน ไป จานวน 5 ขอ้

48 2.4 กำรเกบ็ รวบรวมข้อมูล ในการศึกษาคร้ังน้ีมีการทดสอบก่อนและหลังการทดลอง (One Group Pretest – Posttest Design) ซ่ึงรูปแบบการศึกษาชนิดน้ีเขียนเป็นแบบแผนการทดลอง ไดด้ งั ตารางที่ 8 ตาราง 8 แบบแผนการศึกษา กลุ่ม Pre-test Treatment Post-test ทดลอง T1 X T2 ความหมายสญั ลกั ษณ์ T1 หมายถึง ทดสอบก่อนเรียน (Pre-test) T2 หมายถึง ทดสอบก่อนเรียน (Post-test) X หมายถึง การสอนโดยการใชแ้ ผนการจดั การเรียนรู้ แบบหอ้ งเรียนกลบั ดา้ น ในการวจิ ยั คร้ังน้ี ไดด้ าเนินการเก็บรวบรวมขอ้ มูลตามลาดบั ดงั น้ี 4.1 การศึกษาคุณภาพของแผนการจดั การเรียนรู้แบบห้องเรียนกลบั ดา้ น วิชาวทิ ยาศาสตร์ 2 เร่ือง การคานวณปริมาณความร้อนกบั การเปล่ียนแปลงของสาร ประเมินโดยผเู้ ช่ียวชาญจานวน 3 ทา่ น 4.1.1 ประเมินความสอดคลอ้ งของแผนการจดั การเรียนรู้ 4.1.2 ประเมินความเหมาะสมของแผนการจดั การเรียนรู้ ปรับปรุงตามคาแนะนาของผเู้ ชี่ยวชาญ 4.2 การศึกษาพฒั นาการของนกั เรียนหลงั การเรียนรู้แบบห้องเรียนกลบั ดา้ น วิชาวิทยาศาสตร์ 2 เร่ือง การคานวณปริมาณความร้อนกบั การเปล่ียนแปลงของ ประกอบดว้ ย 2 ดา้ น ไดแ้ ก่ พฒั นาการดา้ น ผลสัมฤทธ์ิทางการเรียน และพฒั นาการทกั ษะการแกป้ ัญหาโจทยก์ ารคานวณปริมาณความร้อนกบั การ เปล่ียนแปลงของสาร 4.2.1 กลุ่มตวั อยา่ งที่ใชใ้ นการทดลอง เพ่ือหาพฒั นาการของนกั เรียนหลงั การจดั การเรียนรู้แบบ ห้องเรียนกลบั ดา้ น วิชาวิทยาศาสตร์ 2 เรื่อง การคานวณปริมาณความร้อนกบั การเปล่ียนแปลงของสาร เป็ นนักเรียนระดบั ช้ันมธั ยมศึกษาปี ที่ 1 ห้อง 1และ 3 โรงเรียนวงั จนั ทร์วิทยา อาเภอวงั จนั ทร์ จงั หวดั ระยอง ภาคเรียนที่ 2 ปี การศึกษา 2565 ไดม้ าจากการเลือกแบบเจาะจง (purposive sampling) จานวน 62 คน

49 4.2.2 ทดสอบก่อนเรี ยน โดยใช้แบบทดสอบวัดผลสัมฤทธ์ิทางการเรี ยน วิชา วิทยาศาสตร์ 3 เรื่อง การคานวณปริมาณความร้อนกับการเปล่ียนแปลงของสาร และแบบวดั ทักษะ กระบวนการแกโ้ จทยป์ ัญหาเรื่องการคานวณปริมาณความร้อนกบั การเปลี่ยนปลงของสาร 4.2.3 ดาเนินการสอนตามข้นั ตอนของแผนการจดั การเรียนรู้แบบห้องเรียนกลบั ดา้ น วิชาวิทยาศาสตร 2 เรื่อง การคานวณปริมาณความร้อนกบั การเปล่ียนปลงของสาร ระยะเวลาในการสอน จานวน 10 คาบ คาบเรียนละ 50 นาที 4.2.4 เมื่อสิ้นสุดตามกาหนดแล้ว จึงทาการทดสอบหลังเรี ยนด้วยแบบทดสอบ วดั ผลสัมฤทธ์ิทางการเรียน วิชาวิทยาศาสตร์ 2 เร่ือง การคานวณปริมาณความร้อนกบั การเปลี่ยนแปลง ของสาร และแบบวัดทักษะกระบวนการแก้โจทย์ปัญหาการคานวณปริ มาณความร้อนกับการ เปลี่ยนแปลงของสาร และประเมินความพงึ พอใจของนกั เรียน 4.2.5 วเิ คราะห์พฒั นาการของนกั เรียนหลงั การจดั การเรียนรู้แบบหอ้ งเรียนกลบั ดา้ นวิชา วิทยาศาสตร์ เรื่อง การคานวณปริมาณความร้อนกบั การเปลี่ยนแปลงของสาร โดยนาผลคะแนนจากการ ตรวจแบบทดสอบวดั ผลสัมฤทธ์ิทางการเรียน วิชาวิทยาศาสตร์ 2 เรื่อง การคานวณปริมาณความร้อนกบั การเปลี่ยนแปลงของสาร และแบบวดั ทกั ษะกระบวนการแกโ้ จทย์ปัญหาการคานวณปริมาณความร้อน กบั การเปลี่ยนแปลงของสาร มาวเิ คราะห์โดยวธิ ีทางสถิติเพอื่ ทดสอบสมมติฐานตอ่ ไป 2.5 กำรวิเครำะห์ข้อมูลและสถติ ทิ ี่ใช้ในกำรวิเครำะห์ข้อมูล การวิเคราะหข์ อ้ มลู และสถิติที่ใชใ้ นการวเิ คราะหข์ อ้ มูล ไดด้ าเนินการดงั น้ี 2.5.1 หาค่าเฉลี่ย คานวณจากสูตร (ชูศรี วงศร์ ัตนะ และองอาจ นยั พฒั น.์ 2553: 33) ������̅ = ∑ ������ ������ เม่ือ ������ แทน คะแนนเฉลี่ย ∑ ������ แทน ผลรวมของคะแนนท้งั หมด ������ แทน จานวนนกั เรียนในกลุ่มตวั อยา่ ง

50 2.5.2 หาคา่ ความเบ่ียงเบนมาตรฐานของคะแนน คานวณจากสูตร (ชูศรี วงศร์ ัตนะ และองอาจ นยั พฒั น.์ 2553: 60) ������ = √������ ∑ ������2−(∑ ������)2 ������(������−1) เม่ือ ������ แทน ค่าความเบ่ียงเบนมาตรฐาน ������ แทน จานวนนกั เรียนในกลุม่ ตวั อยา่ ง ∑ ������ แทน ผลรวมของคะแนนท้งั หมด ∑ ������2 แทน ผลรวมของคะแนนแต่ละตวั ยกกาลงั สอง 2.6 กำรทดสอบสมมตฐิ ำน การวิเคราะห์คะแนนพฒั นาการของนกั เรียนหลงั การจดั การเรียนรู้แบบห้องเรียนกลบั ดา้ น วชิ าวิทยาศาสตร์ 2 เร่ือง การคานวณปริมาณความร้อนกบั การเปล่ียนแปลงของสาร โดยเปรียบเทียบ ผลสัมฤทธ์ิทางการเรียนและกระบวนการแก้โจทย์ปัญหาการคานวณปริ มาณความร้อนกับการ เปลี่ยนแปลงของสารระหว่างก่อนเรียนและหลงั เรียน คานวณจากสูตรคะแนนพฒั นาการสัมพทั ธ์ (ศิริชยั กาญจนวาสี, 2552 : 266 – 267) ดงั น้ี คะแนนพฒั นาการสมั พทั ธ์ = คะแนนหลงั เรียน−คะแนนกอ่ นเรียน X 100 คะแนนเตม็ −คะแนนกอ่ นเรียน จากน้นั แปลความหมายคะแนนตามเกณฑร์ ะดบั พฒั นาการ ดงั น้ี คะแนนพฒั นำกำรสัมพทั ธ์ ระดับพฒั นำกำร 76 – 100 พฒั นาการระดบั สูงมาก 51 – 75 พฒั นาการระดบั สูง 26 – 50 พฒั นาการระดบั กลาง 0 - 25 พฒั นาการระดบั ตน้

51 บทที่ 4 ผลการวเิ คราะห์ข้อมูล การนาเสนอผลการวเิ คราะห์ขอ้ มูล ผวู้ ิจยั นาเสนอสมมติฐาน ดงั น้ี นกั เรียนช้นั มธั ยมศึกษาปี ท่ี 1 ที่ไดร้ ับการจดั การเรียนรู้แบบหอ้ งเรียนกลบั ดา้ น วชิ าวิทยาศาสตร์ 2 เรื่อง การคานวณปริมาณความร้อนกบั การเปลี่ยนแปลงของสาร มีพฒั นาการเร่ือง การคานวณปริมาณ ความร้อนกบั การเปลี่ยนแปลงของสาร อยใู่ นระดบั สูง ผลการวเิ คราะห์ข้อมูล ผลการประเมินพฒั นาการดา้ นผลสัมฤทธ์ิทางการเรียน วชิ าวิทยาศาสตร์ 2 เร่ือง การคานวณปริมาณความร้อนกบั การเปล่ียนแปลงของสาร ตาราง 9 แสดงผลการประเมินพฒั นาการดา้ นผลสมั ฤทธ์ิทางการเรียน เรื่อง การคานวณปริมาณความร้อน กบั การเปล่ียนแปลงของสาร วิชาวิทยาศาสตร์ 2 ลาดบั คะแนน คะแนน คะแนน ระดบั ลาดับ คะแนน คะแนน คะแนน ระดับ พฒั นาการ ก่อน หลังเรียน พฒั นา พฒั นาการ ที่ ก่อน หลงั พฒั นา เรียน การ เรียน เรียน การ (20) (20) สัมพทั ธ์ (20) (20) สัมพทั ธ์ 1 11 19 88.89 สูงมาก 13 11 18 77.78 สูงมาก 2 12 18 75.00 สูง 14 13 19 85.71 สูงมาก 3 13 19 85.71 สูงมาก 15 12 18 75.00 สูง 4 12 18 75.00 สูง 16 10 17 70.00 สูง 5 12 18 75.00 สูง 17 11 17 66.67 สูง 6 13 19 85.71 สูงมาก 18 10 18 80.00 สูงมาก 7 11 18 87.50 สูงมาก 19 12 18 75.00 สูง 8 13 19 85.71 สูงมาก 20 10 17 70.00 สูง 9 12 19 87.50 สูงมาก 21 11 18 87.50 สูงมาก 10 10 17 70.00 สูง 22 10 19 90.00 สูงมาก 11 11 18 77.78 สูงมาก 23 10 17 70.00 สูง 12 10 17 70.00 สูง 24 12 18 75.00 สูง

52 ตาราง 9 (ตอ่ ) ลาดับ คะแนน คะแนน คะแนน ระดับ ลาดบั คะแนน คะแนน คะแนน ระดับ พฒั นาการ ก่อน หลงั เรียน พฒั นา พฒั นาการ ที่ ก่อน หลงั พฒั นา เรียน การ เรียน เรียน การ (20) (20) สัมพทั ธ์ (20) (20) สัมพทั ธ์ 25 12 18 75.00 สูง 44 10 19 90.00 สูงมาก 26 9 17 72.73 สูง 45 12 19 87.50 สูงมาก 27 11 18 77.78 สูงมาก 46 10 18 80.00 สูงมาก 28 10 18 80.00 สูงมาก 47 9 17 72.73 สูง 29 12 19 87.50 สูงมาก 48 10 17 70.00 สูง 30 10 18 80.00 สูงมาก 49 10 17 70.00 สูง 31 10 19 90.00 สูงมาก 50 11 18 77.78 สูงมาก 32 10 18 80.00 สูงมาก 51 10 17 70.00 สูง 33 11 18 77.78 สูงมาก 52 11 18 77.78 สูงมาก 34 12 18 75.00 สูง 53 10 18 80.00 สูงมาก 35 11 18 77.78 สูงมาก 54 10 17 70.00 สูง 36 11 19 88.89 สูงมาก 55 11 18 77.78 สูงมาก 37 10 18 80.00 สูงมาก 56 10 18 80.00 สูงมาก 38 11 18 77.78 สูงมาก 57 11 20 90.00 สูงมาก 39 11 19 88.89 สูงมาก 58 8 17 75.00 สูง 40 10 17 70.00 สูง 59 10 18 80.00 สูงมาก 41 10 18 80.00 สูงมาก 60 11 17 66.67 สูง 42 8 17 75.00 สูง 61 10 18 80.00 สูงมาก 43 12 18 75.00 สูง 62 10 17 70.00 สูง เฉลย่ี 17.97 78.40 สูงมาก

53 Chart Title 140 120 100 80 60 40 20 0 1 2 3 4 5 6 7 8 9 10 11 12 13 14 15 16 17 18 19 20 21 22 23 24 25 26 27 28 29 30 31 คะแนนก่อนเรียน คะแนนหลงั เรียน คะแนนพฒั นาการสมั พทั ธ์ Chart Title 140 120 100 80 60 40 20 0 132 323 334 345 356 367 378 389 490 4110 4121 4132 4143 4154 4165 4176 4187 4198 5109 2501 2512 2532 2543 2554 2565 2576 2578 5298 6209 6310 6321 63 64 65 คะแนนกอ่ นเรียน คะแนนหลงั เรียน คะแนนพฒั นาการสมั พทั ธ์ ภาพประกอบ 5 กราฟแสดงคะแนนก่อนเรียน คะแนนหลงั เรียน และคะแนนพฒั นาการสมั พนั ธ์ ของผลสมั ฤทธ์ิทางการเรียน เร่ือง การคานวณปริมาณความร้อนกบั การเปลี่ยนแปลงของสารของนกั เรียน จากตาราง 9 และภาพประกอบ 5 ผลการประเมินพฒั นาการดา้ นผลสมั ฤทธ์ิทางการเรียน เรื่อง การคานวณปริมาณความร้อนกบั การเปลี่ยนแปลงของสาร วิชาวิทยาศาสตร์ 2 ของนกั เรียนช้นั มธั ยมศึกษาปี ที่ 1 จานวน 62 คน ดว้ ยคะแนนพฒั นาการสัมพนั ธ์พบวา่ นกั เรียนมีพฒั นาการโดยรวมเฉลี่ย อยใู่ นระดบั สูงมาก (มีคา่ เฉล่ียของคะแนนพฒั นาการสมั พทั ธ์ เท่ากบั 78.40) และเม่ือพิจารณาเป็น รายบคุ คลจากคะแนนพฒั นาการสมั พทั ธ์พบวา่ นกั เรียนส่วนใหญม่ ีคะแนนพฒั นาการอยใู่ นระดบั สูงมาก 36 คน คดิ เป็นร้อยละ 58 และมีคะแนนพฒั นาการอยใู่ นระดบั สูง 26 คน คดิ เป็นร้อยละ 42 ตามลาดบั

54 ผลการประเมินพฒั นาการทกั ษะการแกป้ ัญหาโจทยก์ ารคานวณปริมาณความร้อนกบั การ เปล่ียนแปลงของสาร ตาราง 10 แสดงผลการประเมินพฒั นาการทกั ษะการแกป้ ัญหาโจทยก์ ารคานวณปริมาณความร้อนกบั การเปลี่ยนแปลงของสาร ลาดับ คะแนน คะแนน คะแนน ระดับ ลาดบั คะแนน คะแนน คะแนน ระดับ พฒั นาการ ก่อน หลงั เรียน พฒั นา พฒั นาการ ที่ ก่อน หลัง พฒั นา เรียน การ เรียน เรียน การ (50) (50) สัมพทั ธ์ (50) (50) สัมพทั ธ์ 1 23 44 77.78 สูงมาก 21 28 44 72.73 สูง 2 26 45 79.17 สูงมาก 22 29 44 71.43 สูง 3 25 42 68.00 สูง 23 27 46 82.61 สูงมาก 4 24 44 76.92 สูงมาก 24 26 46 83.33 สูงมาก 5 26 46 83.33 สูงมาก 25 27 47 86.96 สูงมาก 6 26 44 75.00 สูง 26 28 46 81.82 สูงมาก 7 28 44 72.73 สูง 27 27 44 73.91 สูง 8 28 45 77.27 สูงมาก 28 28 46 81.82 สูงมาก 9 29 44 71.43 สูง 29 27 46 82.61 สูงมาก 10 29 42 61.90 สูง 30 26 44 75.00 สูง 11 28 46 81.82 สูงมาก 31 25 44 76.00 สูงมาก 12 28 46 81.82 สูงมาก 32 27 46 82.61 สูงมาก 13 25 44 76.00 สูงมาก 33 28 46 81.82 สูงมาก 14 24 42 69.23 สูง 34 26 46 83.33 สูงมาก 15 25 46 84.00 สูงมาก 35 26 44 75.00 สูง 16 28 44 72.73 สูง 36 26 43 70.83 สูง 17 27 45 78.26 สูงมาก 37 27 44 73.91 สูง 18 26 44 75.00 สูง 38 25 45 80.00 สูงมาก 19 23 44 68.00 สูง 39 26 43 70.83 สูง 20 26 45 82.61 สูงมาก 40 25 44 76.00 สูงมาก

55 ตาราง 10 (ต่อ) ลาดบั คะแนน คะแนน คะแนน ระดบั ลาดบั คะแนน คะแนน คะแนน ระดบั พฒั นาการ ก่อน หลงั เรียน พฒั นา พฒั นาการ ที่ ก่อน หลงั พฒั นา เรียน การ เรียน เรียน การ (50) (50) สัมพทั ธ์ (50) (50) สัมพทั ธ์ 41 27 43 69.57 สูง 52 23 42 70.37 สูง 42 25 43 72.00 สูง 53 25 45 80.00 สูงมาก 43 26 44 75.00 สูง 54 26 43 70.83 สูง 44 25 43 72.00 สูง 55 26 42 66.67 สูง 45 27 44 73.91 สูง 56 26 44 75.00 สูง 46 23 42 70.37 สูง 57 27 44 73.91 สูง 47 25 43 72.00 สูง 58 25 43 72.00 สูง 48 26 42 66.67 สูง 59 26 46 83.33 สูงมาก 49 25 41 64.00 สูง 60 24 45 80.77 สูงมาก 50 26 45 79.17 สูงมาก 61 25 43 72.00 สูง 51 27 44 73.91 สูง 62 20 46 86.67 สูงมาก เฉล่ีย 44.09 75.74 สูง

56 Chart Title 180 160 140 120 100 80 60 40 20 0 1 2 3 4 5 6 7 8 9 10 11 12 13 14 15 16 17 18 19 20 21 22 23 24 25 26 27 28 29 30 31 คะแนนกอ่ นเรียน คะแนนหลงั เรียน คะแนนพฒั นาการสมั พทั ธ์ Chart Title 180 160 140 120 100 80 60 40 20 0 312 33 234 35336 347 38 539 40641 472 43 844 459 46 1470 481149 510251 1532 531454 515556 1567 581759 610861 1692 63 64 65 คะแนนก่อนเรียน คะแนนหลงั เรียน คะแนนพฒั นาการสมั พทั ธ์ ภาพประกอบ 6 กราฟแสดงคะแนนก่อนเรียน คะแนนหลงั เรียน และคะแนนพฒั นาการสัมพนั ธ์ ของทกั ษะการแกป้ ัญหาโจทยก์ ารคานวณปริมาณความร้อนกบั การเปล่ียนแปลงของสารของนกั เรียน จากตาราง 10 และภาพประกอบ 6 ผลการประเมินพฒั นาการพฒั นาการทกั ษะการแกป้ ัญหา โจทยก์ ารคานวณปริมาณความร้อนกบั การเปลี่ยนแปลงของสารของนกั เรียน ของนกั เรียนช้นั มธั ยมศึกษา ปี ท่ี 1 จานวน 62 คน ดว้ ยคะแนนพฒั นาการสมั พนั ธพ์ บวา่ นกั เรียนมีพฒั นาการโดยรวมเฉลี่ยอยใู่ น ระดบั สูง (มีค่าเฉล่ียของคะแนนพฒั นาการสมั พทั ธ์ เท่ากบั 75.74) และเมื่อพจิ ารณาเป็นรายบคุ คล

57 จากคะแนนพฒั นาการสมั พทั ธ์พบวา่ นกั เรียนส่วนใหญม่ ีคะแนนพฒั นาการอยใู่ นระดบั สูง 34 คน คิดเป็น ร้อยละ 54.8 และมีคะแนนพฒั นาการอยใู่ นระดบั สูงมาก 28 คน คดิ เป็นร้อยละ 45.2 ตามลาดบั

58 บทท่ี 5 สรุป อภิปรายผลและข้อเสนอแนะ สรุปผล การพฒั นาการจดั การเรียนรู้แบบห้องเรียนกลบั ดา้ น เร่ือง การคานวณปริมาณความร้อนกบั การ เปล่ียนแปลงของสาร วิชาวิทยาศาสตร์ 2 สาหรับนักเรียนช้นั มธั ยมศึกษาปี ท่ี 1 โรงเรียนวงั จนั ทร์วิทยา สามารถสรุปผลได้ ดงั น้ี 1. นกั เรียนมีพฒั นาการดา้ นผลสัมฤทธ์ิทางการเรียนโดยรวมเฉลี่ยอยใู่ นระดบั สูงมาก (มีค่าเฉลี่ย ของคะแนนพฒั นาการสมั พทั ธ์ เท่ากบั 78.40) และเม่ือพิจารณาเป็นรายบุคคลจากคะแนนพฒั นาการ สมั พทั ธ์พบวา่ นกั เรียนส่วนใหญ่มีคะแนนพฒั นาการอยใู่ นระดบั สูงมาก 36 คน คดิ เป็นร้อยละ 58 และมี คะแนนพฒั นาการอยใู่ นระดบั สูง 26 คน คดิ เป็นร้อยละ 42 ตามลาดบั 2. นักเรี ยนมีพัฒนาการทักษะการแก้ปัญหาโจทย์การคานวณปริ มาณความร้อนกับการ เปลี่ยนแปลงของสารโดยรวมเฉล่ียอยู่ในระดบั สูง (มีค่าเฉล่ียของคะแนนพฒั นาการสัมพทั ธ์ เท่ากบั 75.74) และเมื่อพิจารณาเป็นรายบุคคล จากคะแนนพฒั นาการสัมพทั ธพ์ บว่า นกั เรียนส่วนใหญ่มีคะแนน พฒั นาการอยใู่ นระดบั สูง 34 คน คิดเป็นร้อยละ 54.8 และมีคะแนนพฒั นาการอยูใ่ นระดบั สูงมาก 28 คน คิดเป็นร้อยละ 45.2 ตามลาดบั อภปิ รายผล อภิปรายผลการศึกษาพฒั นาการด้านผลสัมฤทธ์ิทางการเรียน เรื่อง การคานวณปริมาณความ ร้อนกบั การเปลย่ี นแปลงของสาร ของนกั เรียนช้ันมธั ยมศึกษาปี ท่ี 1 ผลสัมฤทธ์ิทางการเรียน วิชาวิทยาศาสตร์ 2 เร่ือง การคานวณปริมาณความร้อนกบั การเปล่ียนแปลงของสาร ของนกั เรียนช้นั มธั ยมศึกษาปี ที่ 1 ที่ไดร้ ับการจดั การเรียนรู้แบบหอ้ งเรียน กลบั ดา้ น วิชาวิทยาศาสตร์ 2 เร่ืองการคานวณปริมาณความร้อนกับการเปลี่ยนแปลงของสาร สาหรับ นักเรียนช้ันมัธยมศึกษาปี ท่ี 1 มีคะแนนผลสัมฤทธ์ิทางการเรียนหลังเรียนสูงกว่าก่อนเรียนอย่างมี นยั สาคญั ทางสถิติท่ีระดบั .05 ซ่ึงเป็นไปตามสมมติฐานขอ้ ท่ี 1 ท้งั น้ีอาจเน่ืองมาจากเหตผุ ลดงั ตอ่ ไปน้ี การจดั การเรียนรู้แบบหอ้ งเรียนกลบั ดา้ น วิชาวิทยาศาสตร์ 2 เร่ืองการคานวณปริมาณความร้อน กับการเปลี่ยนแปลงของสาร สาหรับนักเรียนช้ันมธั ยมศึกษาปี ที่ 1 มีการดาเนินการสร้างเป็ นลาดับ ข้นั ตอนท่ีเหมาะสม โดยมีผูเ้ ช่ียวชาญประเมินความเหมาะสม ความสอดคลอ้ งขององค์ประกอบของ

59 แผนการจดั การเรียนรู้และตรวจทาน และผูว้ ิจยั ได้ปรับแก้ตามคาแนะนาของผูเ้ ช่ียวชาญ ซ่ึงแผนการ จดั การเรียนรู้ท่ี สร้างข้นึ ครอบคลมุ ขอบเขตของเน้ือหาท่ีกาหนด และมีการลาดบั เน้ือหาที่เหมาะสม จึงส่งผลให้นักเรียนที่ได้รับการจดั การเรียนรู้แบบห้องเรียนกลบั ด้าน วิชาวิทยาศาสตร์ 2 เร่ือง การ คานวณปริมาณความร้อนกบั การเปล่ียนแปลงของสาร มีผลสัมฤทธ์ิทางการเรียนหลงั เรียนสูงกว่าก่อน เรียน ซ่ึงสอดคลอ้ งกบั งานวิจยั ของ พชั ฎา บุตรยะถาวร (2558) นวพฒั น์ เก็มกาแมน (2558) และนิชาภา บุรีกาญจน์ (2556) ท่ีไดพ้ ฒั นาการจดั การเรียนรู้แบบห้องเรียนกลบั ดา้ น และพบว่าผลสัมฤทธ์ิทางการ เรียนหลงั เรียนสูงกวา่ ก่อนเรียน อยา่ งมีนยั สาคญั ทางสถิติที่ระดบั .05 การจดั การเรียนรู้แบบห้องเรียนกลบั ดา้ น วชิ าวทิ ยาศาสตร์ 2 เรื่อง การคานวณปริมาณความร้อน กบั การเปลี่ยนแปลงของสาร สาหรับนกั เรียนช้นั มธั ยมศึกษาปี ที่ 1 ท่ีไดร้ ับการจดั การเรียนรู้แบบหอ้ งเรียน กลบั ดา้ น วิชาวิทยาศาสตร์ 2 เรื่อง การคานวณปริมาณความร้อนกบั การเปล่ียนแปลงของสาร สาหรับ นักเรียนช้ันมธั ยมศึกษาปี ที่ 1 ท่ีผูว้ ิจัยได้พฒั นาข้ึนเป็ นการจัดการเรียนรู้ท่ีมีลกั ษณะเป็ นการเรียนรู้ จากแหล่งเรียนรู้นอกช้นั เรียนที่เป็นการเรียนผ่านคอมพิวเตอร์และอินเทอร์เน็ต ซ่ึงทาใหผ้ เู้ รียนสามารถที่ จะเรียนรู้ไดท้ ุกท่ีและทุกเวลาก่อนเขา้ ช้นั เรียน ซ่ึงการเรียนแบบหอ้ งเรียนกลบั ดา้ นน้นั จะเป็นการกระตนุ้ ให้นกั เรียนเกิดการเรียนรู้ดว้ ยตวั นกั เรียนเองและเน้นผเู้ รียนเป็ นสาคญั อีกท้งั นกั เรียนยงั ไดม้ ีเวลาในการ ลงมือปฏิบัติทาการทดลองหรือทาแบบฝึ กหัดและงานที่ได้รับมอบหมายต่าง ๆ ท่ีครูมอบหมายให้ นกั เรียนทาในชว่ั โมงโดยมีครูเป็นผคู้ อยช้ีแนะแนวทางในการหาคาตอบจากการทากิจกรรมอยา่ งใกลช้ ิด ส่งผลให้นักเรียนมีเวลาว่างเพิ่มมากข้ึน และสามารถท่ีจะเตรียมความพร้อมก่อนเขา้ ช้ันเรียนได้อีก ซ่ึง สอดคลอ้ งกบั งานวิจยั ของ ศิริพร ยุชยั (2556) ท่ีไดท้ าการศึกษาผลการจดั การเรียนรู้แบบห้องเรียนกลบั ด้านด้วยพอดสคาสต์โดยใช้กลวิธี กากับตนเองที่มีต่อผลสมฤั ทธ์ิทางการเรียน เร่ือง โครงสร้างการ โปรแกรมและการกากบั ตนเองของนกั เรียนห้องเรียนพิเศษวิทยาศาสตร์ พบว่า ผลสัมฤทธ์ิทางการเรียน ของนกั เรียนท่ีไดร้ ับการจดั การเรียนรู้แบบห้องเรียนกลบั ดา้ นหลงั เรียนสูงกว่าก่อนเรียนอยา่ งมีนยั สาคญั ทางสถิติท่ีระดบั .05 และยงั สอดคลอ้ งกบั งานวิจยั ของ นิชาภา บุรีกาญจน์ (2557) ที่ไดท้ าการศึกษาผลการ จดั การเรียนรู้วิชา สุขศึกษาโดยใช้แนวคิดแบบห้องเรียนกลบั ด้านท่ีมีต่อผลสัมฤทธ์ิทางการเรียนของ นักเรียนช้ันมัธยมศึกษาตอนต้น พบว่า นักเรียนท่ีได้รับการจัดการเรียนรู้แบบห้องเรียนกลับด้าน มีผลสมั ฤทธ์ิทางการเรียนหลงั เรียนสูงกวา่ ก่อนเรียนอยา่ งมีนยั สาคญั ทางสถิติที่ระดบั .05 จากขอ้ มูลที่กล่าวมาขา้ งตน้ มีความสอดคลอ้ งกบั งานวิจยั ใรคร้ังน้ี คือ ผลสัมฤทธ์ิทางการเรียน วิชาวิทยาศาสตร์ 2 เรื่องการคานวณปริมาณความร้อนกับการเปลี่ยนแปลงของสาร ของนักเรียนช้ัน มธั ยมศึกษาปี ที่ 1 ท่ีไดร้ ับการจดั การเรียนรู้แบบห้องเรียนกลบั ดา้ น วิชาวิทยาศาสตร์ 2 เร่ือง การคานวณ

60 ปริมาณความร้อนกบั การเปล่ียนแปลงของสาร มีคะแนนหลงั เรียนสูงกว่าก่อนเรียน อย่างมีนยั สาคญั ทาง สถิติที่ระดบั .05 การอภิปรายผลการศึกษาพัฒนาการทักษะการแก้ปัญหาโจทย์การคานวณปริมาณความร้ อนกับ การเปลยี่ นแปลงของสารของนักเรียนที่ได้รับการจดั การเรียนรู้แบบห้องเรียนกลบั ด้าน วิชาวิทยาศาสตร์ 2 เร่ือง การคานวณปริมาณความร้อนกบั การเปลย่ี นแปลงของสาร ทักษะการแก้โจทย์ปัญหาของนักเรียนช้ันมัธยมศึกษาปี ที่ 1 ได้รับการจัดการเรียนรู้แบบ ห้องเรียนกลบั ดา้ น วิชาวิทยาศาสตร์ 2 เรื่อง การคานวณปริมาณความร้อนกบั การเปล่ียนแปลงของสาร สาหรับนักเรียนช้ันมธั ยมศึกษาปี ที่ 1 มีคะแนนหลงั เรียนสูงกว่าก่อนเรียนอย่างมีนัยสาคญั ทางสถิติท่ี ระดบั .05 ซ่ึงเป็นไปตามสมมติฐานขอ้ ท่ี 2 ท้งั น้ีอาจเนื่องมาจากเหตผุ ลดงั ตอ่ ไปน้ี การจดั การเรียนรู้แบบห้องเรียนกลบั ดา้ น วิชาวิทยาศาสตร์ 2 เร่ือง การคานวณปริมาณคามร้อน กับการเปลี่ยนแปลงของสาร สาหรับนักเรียนช้ันมัธยมศึกษาปี ท่ี 1 เป็ นการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ท่ี นักเรียนจะใช้เวลาเรียนนอกห้องเรียนโดยศึกษาคน้ ควา้ เน้ือหาด้วยการเรียนผ่านโดยใช้ระบบช้นั เรียน ออนไลน์ Google Classroom และ Facebook Groupโดยนกั เรียนจะตอ้ งศึกษาคน้ ควา้ หาความรู้ดว้ ยตนเอง มาก่อนล่วงหน้าซ่ึงเป็ นกิจกรรมนอกห้องเรียน จากน้ันกิจกรรมในช้ันเรียน นักเรียนจะได้ฝึ กทกั ษะ กระบวนการแกโ้ จทยป์ ัญหาโดยใชก้ ระบวนการ ของ Polya โดยมีครูเป็นผใู้ หค้ วามช่วยเหลือและแนะนา อย่างใกลช้ ิด ซ่ึงสอดคล้องกับงานวิจยั ของ เพ็ญจันทร์ สินธุเขต (2547) ที่ได้ศึกกาการพฒั นาทกั ษะ กระบวนการแกโ้ จทยป์ ัญหาโดยใชก้ ิจกรรมโครงงานวิทยาศาสตร์ ช้นั ประถมศึกษาปี ที่ 6 โรงเรียนบา้ น สีสุก อาเภอแกง้ สนามนาง จงั หวดั นครราชสีมา โดยแบบวดั ทกั ษะกระบวนการแกโ้ จทยป์ ัญหา พบว่า นกั เรียนมีทกั ษะกระบวนการแกโ้ จทยป์ ัญหาหลงั เรียนสูงกว่าก่อนเรียน อย่างมีนยั สาคญั ทางสถิติท่ีระดบั .05 และสอดคลอ้ งกบั งานวิจยั ของ Wright (2015) ท่ีไดศ้ ึกษาผลการจดั การเรียนรู้แบบหอ้ งเรียนกลบั ดา้ น วิชาชีววิทยาที่มีต่อผลสัมฤทธ์ิทางการเรียนและทกั ษะกระบวนการแกป้ ัญหาของนักเรียนเกรด 9 ดว้ ย แบบทดสอบ พบว่า นักเรียนท่ีได้รับการจดั การเรียนรู้แบบห้องเรียนกลบั ดา้ นมีผลสัมฤทธ์ิและทกั ษะ กระบวนการแกป้ ัญหาหลงั เรียนสูงกวา่ ก่อนเรียน อยา่ งมีนยั สาคญั ทางสถิติท่ีระดบั .05 การจดั การเรียนรู้แบบหอ้ งเรียนกลบั ดา้ น วิชาวิทยาศาสตร์ 2 เร่ือง การคานวณปริมาณความร้อน กบั การเปลี่ยนแปลงของสาร สาหรับนกั เรียนช้นั มธั ยมศึกษาปี ท่ี 1 นอกจากจะมีเวลาเพียงพอให้นกั เรียน ไดฝ้ ึ ดปฏิบตั ิดว้ ยตนเองแลว้ ยงั ไดน้ ากระบวนการแกป้ ัญหาของ Polya มาใช้ ขณะท่ีดาเนินการจดั การ เรียนรู้ในการทาแบบฝึกหดั แกโ้ จทยป์ ัญหาการคานวณปริมาณความร้อนกบั การเปล่ียนแปลงของสาร ซ่ึง มีท้งั หมด 4 ข้นั ตอน ไดแ้ ก่ ข้นั ที่ 1 ทาความเขา้ ใจโจทยป์ ัญหา ในข้นั น้ีผวู้ ิจยั ไดม้ ุง่ เนน้ นกั เรียนใหท้ าความ เขา้ ใจโจทยป์ ัญหา เปิ ดโอกาสให้นักเรียนไดฝ้ ึ กคิด ฝึ กวิเคราะห์ว่าส่ิงท่ีโจทยก์ าหนดมาและสิ่งท่ีโจทย์

61 ตอ้ งการทราบน้นั คืออะไร มีขอ้ มูลเพียงพอต่อการแกโ้ จทยป์ ัญหาของนกั เรียนหรือไม่ โดยให้นกั เรียน เขียงลงในใบงานท่ีผูว้ ิจยั จดั เตรียมไวใ้ ห้ เพ่ือความชดั เจนและเขา้ ใจมากข้ึน ข้นั ที่ 2 วางแผนการโจทย์ ปัญหา ในข้นั น้ี ผวู้ ิจยั พยายามส่งเสริมใหน้ กั เรียนสามารถเชื่อมโยงขอ้ มูลกบั ส่ิงท่ีไม่รู้พยายามใหน้ กั เรียน สังเกตว่าเคยพบกบั ปัญหาเหล่าน้ีมาก่อนหรือไม่ ข้นั ท่ี 3 ปฏิบตั ิตามแผนท่ีวางไวโ้ ดยนักเรียนจะต้อง ดาเนินการตามแผนที่วางไวใ้ น ข้นั ที่ 2 และข้นั สุดทา้ ย ข้นั ท่ี 4 ตรวจสอบผลลพั ธ์ ในข้นั น้ีนกั เรียนจะได้ ร่วมกนั คิดและมองยอ้ นกลับไปที่ข้นั ตอนต่าง ๆ ท่ีผ่านมาเพ่ือพิจารณาถึงความถูกตอ้ งของคาตอบและ วิธีการแกโ้ จทยป์ ัญหา รวมถึงปรับปรุงแกไ้ ขวิธีการแกโ้ จทยป์ ัญหาใหเ้ หมาะสมกวา่ เดิมดว้ ย ซ่ึงจากที่ได้ กล่าวมา กระบวนการแกป้ ัญหาของ Polya ช่วยให้นักเรียนสามารถแก้โจทยป์ ัญหาได้อย่างเป็ นลาดับ ข้นั ตอน มีการปรับขยายแนวคิดในการแก้ปัญหา และมีการตรวจสอบผลที่ได้ทาให้นักเรียนสามารถ มองเห็นความสัมพนั ธ์ระหว่างปัญหาและคาตอบท่ีไดร้ ับ และสามารถพฒั นาความคิดของนกั เรียนอย่าง เป็ นกระบวนการ ซ่ึงสอดคล้องกับงานวิจัยของปานจิต วัชระรังษี ( 2547) ได้ศึกษาการพัฒนา ความสามารถในการแก้โจทยป์ ัญหาของนักเรียนช้ันประถมศึกษาปี ท่ี 6 ท่ีจดั การเรียนรู้แบบร่วมมือ ร่วมกับเทคนิคการแบ่งกลุ่มผลสัมฤทธ์ิร่วมกบั กระบวนการแกป้ ัญหาของ Polya ด้วยแบบทดสอบวดั ความสามารถในการแกโ้ จทยป์ ัญหาคณิตศาสตร์ พบวา่ ความสามารถในการแกโ้ จทยป์ ัญหาของนกั เรียน ช้นั ประถมศึกษาปี ท่ี 6 หลงั จากท่ีได้รับการจดั การเรียนรู้สูงกว่าก่อนเรียน อย่างมีนัยสาคญั ทางสถิติท่ี ระดบั .05 และสอดคลอ้ งกบั งานวจิ ยั ของ จกั รพนั ธ์ พริ ักษา (2553) ที่ไดเ้ ปรียบเทียบกระบวนการแกโ้ จทย์ ปัญหาและผลสัมฤทธ์ิทางการเรียน เร่ือง แรงและกฎการเคลื่อนที่ ของนักเรียนช้นั มธั ยมศึกษาปี ท่ี 4 ระหว่างกลุ่มที่ไดร้ ับการสอนแบบใชว้ ฏั จกั รการเรียนรู้ 7 ข้นั ร่วมกบั เทคนิคการ แกป้ ัญหาของ Polya กบั กลุ่มที่ได้รับการสอนแบบใช้วฏั จกั รการเรียนรู้ 5 ข้นั ด้วยแบบวดั กระบวนการแก้โจทยป์ ัญหา พบว่า กระบวนการแกโ้ จทยป์ ัญหาของนกั เรียนที่ไดร้ ับการสอนแบบใชว้ ฏั จกั รการเรียนรู้ 7 ข้นั ร่วมกบั เทคนิค การแก้ปัญหาของ Polya สูงกว่านักเรียนได้รับการสอน แบบวฏั จักรการเรียนรู้ 5 ข้ัน สอดคลอ้ งกับ Wright (2016) ท่ีไดศ้ ึกษาผลของห้องเรียนกลบั ดา้ นต่อความสามารถในการแกป้ ัญหาวิชาชีววิทยา พบวา่ นกั เรียนมีความสามารถในการแกป้ ัญหาหลงั เรียนสูงกวา่ ก่อนเรียน อยา่ งมีนยั สาคญั ทางสถิติ และมีความ พึงพอใจอยใู่ นระดบั มากตอ่ รูปแบบการเรียนแบบหอ้ งเรียนกลบั ดา้ น จากขอ้ มูลที่กล่าวมาขา้ งตน้ มีความสอดคลอ้ งกบั งานวิจยั ในคร้ังน้ี คือ ทกั ษะการแกโ้ จทยป์ ัญหา การคานวณปริมาณความร้อนกบั การเปลี่ยนแปลงของสาร ของนกั เรียนช้นั มธั ยมศึกษาปี ที่ 1 ที่ไดร้ ับการ จดั การเรียนรู้แบบห้องเรียนกลบั ด้าน วิชาวิทยาศาสตร์ 2 เรื่อง การคานวณปริมาณความร้อนกับการ เปล่ียนแปลงของสาร มีคะแนนหลงั เรียนสูงกวา่ ก่อนเรียน อยา่ งมีนยั สาคญั ทางสถิติที่ระดบั .05

62 ข้อเสนอแนะ จากการศึกษาคน้ ควา้ และดาเนินการวิจยั ในคร้ังน้ี ผวู้ ิจยั มีขอ้ เสนอแนะซ่ึงอาจจะเป็ นประโยชน์ ต่อการจดั การเรียนรู้และศึกษาวจิ ยั ตอ่ ไป ดงั น้ี 1. ข้อเสนอแนะทวั่ ไป การจดั การเรียนรู้แบบห้องเรียนกลบั ดา้ นผา่ นระบบช้นั เรียนออนไลน์น้นั เหมาะสาหรับ นักเรียนที่มีความพร้อมด้านเทคโนโลยี เช่น มีคอมพิวเตอร์ หรือโทรศัพท์มือถือท่ีสามารถใช้งาน อินเตอร์เน็ตได้ เพ่ือการใชง้ านไดอ้ ยา่ งมีประสิทธิภาพ 2. ข้อเสนอแนะเพ่ือการวจิ ยั คร้ังต่อไป 2.1 รูปแบบการจดั การเรียนรู้แบบห้องเรียนกลบั ดา้ น มีขอ้ ดี ไดแ้ ก่ 1. ช่วยให้นกั เรียนมี เวลามากพอในการทาแบบฝึ กหัดหรือกิจกรรมต่าง ๆ และมีครูคอยให้คาแนะนาช่วยเหลืออย่างใกลช้ ิด 2. นกั เรียนสามารถเรียนไดท้ ุกที่ทุกเวลารวมถึงสามารถเรียนซ้าในเน้ือหาน้นั ไดต้ ลอด 3.ช่วยให้ครูและ นักเรียนมีปฏิสัมพนั ธ์มากข้ึนระหว่างการทากิจกรรม และ 4. มุ่งเน้นให้นักเรียนสร้างองค์ความรู้ด้วย ตนเอง ดงั น้นั จึงควรนารูปแบบการจดั การเรียนรู้แบบห้องเรียนกลบั ดา้ นไปใชใ้ นหวั ขอ้ อ่ืน วิชาอ่ืน หรือ ระดบั ช้นั อ่ืน ตามความเหมาะสม 2.2 กิจกรรมการเรียนรู้แบบห้องเรียนกลบั ดา้ นควรเป็ นกิจกรรมที่มีความแปลกใหม่ และเขา้ กบั วิถีชีวิตของผเู้ รียนในปัจจุบนั และอนาคต เพ่ือกระตนุ้ ใหน้ กั เรียนมีความสนใจ 2.3 ควรมีการวิจยั เปรียบเทียบผลสัมฤทธ์ิทางการเรียนและทักษะอ่ืนๆ ท่ีจาเป็ นใน ศตวรรษที่ 21 ระหวา่ งรูปแบบการจดั การเรียนรู้แบบหอ้ งเรียนกลบั ดา้ นกบั รูปแบบการสอนอื่น ๆ

63 บรรณานุกรม

64 บรรณานุกรม กรมวชิ าการ, กระทรวงศึกษาธิการ. (2545). ค่มู ือการจัดการเรียนรู้กล่มุ สาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ ตามหลักสูตรการศึกษาข้ันพืน้ ฐาน พุทธศกั ราช 2544. กรุงเทพฯ: องคก์ ารรับส่งสินคา้ และ พสั ดุภณั ฑ์ (ร.ส.พ.). กรมวิชาการ. (2544). การแก้ปัญหาคณิตศาสตร์ . กรุงเทพฯ: กรมวชิ าการ กวนิ ธร รัฐอาจ. (2558). การพัฒนารูปแบบการเรียนการสอนแบบห้องเรียนกลับด้านด้วยคลัง รายวิชาออนไลน์แบบเปิ ด. วิทยานิพนธ์ กศ.ม. มหาสารคาม: บณั ฑิตวทิ ยาลยั มหาวทิ ยาลยั มหาสารคาม. ถา่ ยเอกสาร ขนุ ทอง คลา้ ยทอง. (2554). การศึกษาผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนในวิชาเคมี 1 และความสามารถในการคิด แก้ปัญหาทางวิทยาศาสตร์ของนกั เรียนชั้นมธั ยมศึกษาปี ท่ี 4 ท่ีได้รับการจัดการเรียนรู้แบบร่ วมมือ โดยใช้เทคนิคการแข่งขันระหว่างกล่มุ และแบบวฏั จักรการเรียนรู้ 7 ขั้น. ปริญญานิพนธ์ กศ.ม. (การมธั ยมศึกษา). กรุงเทพฯ: บณั ฑิตวิทยาลยั มหาวิทยาลยั ศรีนครินทรวิโรฒ. ถ่ายเอกสาร. จิตตมาส สุขแสวง. (2549). การศึกษาแนวคิดของนักเรียนและพฤติกรรมการสอนของครู เร่ือง กรดเบส ในระดบั ช้ันมัธยมศึกษาปี ที่ 5 ของโรงเรียนแห่งหน่ึงในเขตจตจุ ักร กรุงเทพมหานคร. วิทยานิพนธ์ ศษ.ม. (การสอนวิทยาศาสตร์). กรุงเทพฯ: บณั ฑิตวทิ ยาลยั มหาวทิ ยาลยั เกษตรศาสตร์. ถา่ ยเอกสาร. จกั รพนั ธ์ พริ ักษา. (2553). การเปรียบเทียบกระบวนการแก้โจทย์ปัญหาและผลสัมฤทธ์ิทางการเรียน เรื่องแรงและกฎการเคลื่อนที่ของนกั เรียนชั้นมธั ยมศึกษาปี ที่ 4 ระหว่างกล่มุ ท่ีได้รับการสอนแบบ ใช้วฏั จักรการเรียนรู้ 7 ขั้น ร่วมกับเทคนิคการแก้ปัญหาของ POLYA กบั กล่มุ ที่ได้รับการสอนแบบ ใช้วฏั จักรการเรียนรู้ 5 ขั้น. วิทยานิพนธ์ ศษ.ม. (วิทยาศาสตร์ศึกษา). ขอนแก่น: บณั ฑิตวทิ ยาลยั มหาวทิ ยาลยั ขอนแก่น. ถา่ ยเอกสาร. จนั ทิมา ปัทมธรรมกุล. (2555). Getting to know Flipped Classroom. สืบคน้ เมื่อ 2 ตุลาคม 2559, จาก http://www2.li.kmutt.ac.th/thai/article/gettingtoknow.html. ชูศรี วงศร์ ัตนะ; และองอาจ นยั พฒั น.์ (2553). แบบแผนการวิจัยเชิงทดลองและสถิติวิเคราะห์ แนวคิดพืน้ ฐานและวิธีการ. กรุงเทพฯ : คณะศึกษาศาสตร์ มหาวิทยาลยั ศรีนครินทรวิโรฒ. ปราณี กองจินดา. (2549). การเปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนคณิตศาสตร์และทักษะการคิดเลข ในใจของนักเรียนท่ีได้รับการสอนตามรูปแบบซิปปาโดยใช้แบบฝึ กหัดที่เน้นทักษะการคิดเลขในใจ กบั นักเรียนท่ีได้รับการสอนโดยใช้ค่มู ือครู. วิทยานิพนธ์ ค.ม. (หลกั สูตรและ การสอน). พระนครศรีอยธุ ยา : บณั ฑิตวิทยาลยั มหาวิทยาลยั ราชภฏั พระนครศรีอยธุ ยา. ถ่ายเอกสาร.

65 นิพทั ธา ชยั กิจ. (2551). การศึกษาผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนวิทยาศาสตร์และแรงจูงใจในการเรียน วิทยาศาสตร์ของนักเรียนช้ันมัธยมศึกษาปี ที่ 1 โรงเรียนสาธิตมหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ ประสานมิตร (ฝ่ ายมธั ยม) ที่ได้รับการจัดการเรียนรู้แบบสรรค์สร้างความรู้และการจัดการเรียนรู้ แบบสืบเสาะหาความรู้. ปริญญานิพนธ์ กศ.ม. (การมธั ยมศึกษา). กรุงเทพฯ: บณั ฑิตวทิ ยาลยั มหาวทิ ยาลยั ศรีนคริทรวโิ รฒ. ถ่ายเอกสาร. เนตรนภา เกียรติสมกิจ. (2552). การเปรียบเทียบผลการจัดการเรียนรู้วิชาเคมี เรื่อง พันธะเคมี และ ความสามารถทางทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ข้นั บรู ณาการของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปี ที่ 4 ท่ีเรียนแบบร่วมมือโดยใช้เทคนิค STAD และเรียนด้วยวิธีปกติ. วทิ ยานิพนธ์ ค.ม. ลพบุรี: บณั ฑิตวทิ ยาลยั มหาวทิ ยาลยั ราชภฏั เทพสตรี. ถา่ ยเอกสาร. พชั ฎา บุตรยะถาวร. (2558). ผลการสอนของวิธีการสอนแบบห้องเรียนกลบั ด้านด้วยการเรียนออนไลน์ กับวิธีการสอนแบบสืบเสาะ เรื่อง ระบบไหลเวยี นโลหิต. วทิ ยานิพนธ์ วท.ม. (ชีววทิ ยาศึกษา). มหาสารคาม: บณั ฑิตวิทยาลยั มหาวทิ ยาลยั มหาสารคาม. ถา่ ย เอกสาร. พิชิต ฤทธ์ิจรูญ. (2547). การวิจัยเพื่อพัฒนาการเรียนรู้ปฏิบัติการวิจัยในช้ันเรียน. พมิ พค์ ร้ังท่ี 4. กรุงเทพฯ: คณะครุศาสตร์ สถาบนั ราชภฏั พระนคร. พวงรัตน์ ทวีรัตน์. (2543). การสร้างและพฒั นาแบบทดสอบวดั ผลสัมฤทธ์ิ. กรุงเทพฯ: สานกั ทดสอบทางการศึกษาและจิตวทิ ยา มหาวทิ ยาลยั ศรีนครินทรวิโรฒ เพชรศิรินทร์ ตนุ่ คา. (2559). การพัฒนาชุดกิจกรรมสะเตม็ ศึกษาวิชาเคมี เร่ือง สารชีวโมเลกลุ : โปรตีน และลิพิดเพื่อส่งเสริมทักษะในศตวรรษท่ี 21 ระดบั มัธยมศึกษาตอนปลาย. ปริญญา นิพนธ์ กศ.ม. (เคมี). กรุงเทพฯ: บณั ฑิตวทิ ยาลยั มหาวทิ ยาลยั ศรีนครินทรวโิ รฒ. ถ่าย เอกสาร. รัตนา รัตนเมธานนั ท.์ (2557). การพฒั นาชุดฝึ กเสริมทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ เร่ือง กรดเบส สาหรับนกั เรียนชั้นมธั ยมศึกษาปี ที่ 5. วิทยานิพนธ์ วท.ม. (วทิ ยาศาสตร์ศึกษา). อบุ ลราชธานี: บณั ฑิต วทิ ยาลยั มหาวทิ ยาลยั ราชภฏั อุบลราชธานี. ถ่ายเอกสาร. ลทั ธพล ด่านสกลุ . (2558). ผลของการจัดการเรียนรู้แบบห้องเรียนกลับด้านด้วยพอดคาสต์โดยใช้กลวิธี การกากับตนเองท่ีมีต่อผลสัมฤทธ์ิทางการเรียน เร่ือง โครงสร้างการโปรแกรมและการกากบั ตนเอง ของนกั เรียนห้องเรียนพิเศษวิทยาศาสตร์ . วทิ ยานิพนธ์ วท.ม. (คอมพวิ เตอร์ศึกษา). กรุงเทพฯ: บณั ฑิตวิทยาลยั สถาบนั เทคโนโลยพี ระจอมเกลา้ เจา้ คุณทหารลาดกระบงั . ถ่ายเอกสาร ลลั นล์ ลิต เอ่ียมอานวยสุข. (2556). การสร้างส่ือบนอปุ กรณ์คอมพิวเตอร์พกพา เร่ืองการเคลื่อนไหว ในระบบดิจิตอลเบือ้ งต้นท่ีใช้วิธีการสอนแบบห้องเรียนกลับด้าน. วิทยานิพนธ์ วท.ม. (คอมพวิ เตอร์เพือ่ การส่ือสาร). กรุงเทพฯ: บณั ฑิตวิทยาลยั มหาวทิ ยาลยั เทคโนโลยพี ระจอมเกลา้ ธนบุรี. ถา่ ยเอกสาร ลว้ น สายยศ. (2539). เทคนิคการวดั ผลการเรียนรู้. กรุงเทพฯ: โรงพิมพส์ ุริยาสาสน์

66 วราลกั ษณ์ อินต๊ะวงศ.์ (2539). ผลการเรียนการแก้โจทย์ปัญหาคณิตศาสตร์ของนักเรียนช้ันประถมศึกษา ปี ท่ี 5 ที่เรียนตามวิธีของนุชุม. วิทยานิพนธ์ ศษ.บ. (ประถมศึกษา). เชียงใหม:่ บณั ฑิตวิทยาลยั มหาวทิ ยาลยั เชียงใหม่. ถ่ายเอกสาร. วฒั นาพร ระงบั ทกุ ข.์ (2542). แผนการสอนที่เน้นผ้เู รียนเป็นศูนย์กลาง. พมิ พค์ ร้ังที่ 2. กรุงเทพฯ: แอล ที เพรส. วิจารณ์ พาณิช. (2556). ครูเพ่ือศิษย์สร้างห้องเรียนกลับทาง. กรุงเทพฯ: เอส.อาร์.พริ้นติง้ แมส โปรดกั ส์. สุรศกั ด์ิ ปาเฮ. (2556). หอ้ งเรียนกลบั ทาง : ห้องเรียนมิติใหม่ในศตวรรษที่ 21. เอกสารประกอบการประชุมผบู้ ริหารโรงเรียน. แพร่: สานกั งานเขตพ้ืนที่การศึกษาประถมศึกษาแพร่ เขต 2 สุพตั รา อตุ มงั . (2558). แนวคิดห้องเรียนกลับด้าน: ภาพฝันท่ีเป็นจริงในวิชาภาษาไทย. วารสารวิชาการศึกษา คณะศึกษาศาสตร์ มหาวทิ ยาลยั ศรีนครินทรวโิ รฒ, 51-58 สมพร เช้ือพนั ธ์. (2547). การเปรียบเทียบผลสัมฤทธ์ิทางการเรียนคณิตศาสตร์ของนกั เรียน ชั้นมธั ยมศึกษาปี ท่ี3 โดยใช้วิธีการจัดการเรียนการสอนแบบสร้างองค์ความรู้ด้วยตนเองกับ การจัดการเรียนการสอนตามปกติ. วิทยานิพนธ์ ค.ม. (หลกั สูตรและการสอน). พระนครศรีอยธุ ยา:บณั ฑิตวทิ ยาลยั สถาบนั ราชภฎั พระนครศรีอยธุ ยา. ถ่ายเอกสา อภิศกั ด์ิ บุญพศิ . (2555). การพัฒนาบทเรียนคอมพิวเตอร์ช่วยสอน เร่ือง กรด-เบส สาหรับนกั เรียน ชั้นมธั ยมศึกษาปี ท่ี 5. วิทยานิพนธ์ วท.ม. (วทิ ยาศาสตร์ศึกษา). นครศรีธรรมราช: บณั ฑิตวทิ ยาลยั มหาวิทยาลยั วลยั ลกั ษณ์. ถ่ายเอกสาร. Bidwel, A (2014). Flipped classroom may help weaker STEM students. U.S. News and World Report. Retrieved January 29, 2016, from http://www.usnews.com/news/stem- solutions/articles/2014/08/05/taking-a-page-from-humanities-college-engineering-gets- flippd. Jonathan, B.; & Aaron, S. (2012). Flip Yours Classroom Reach Every Student in Every Class Every Day. Intl Society for Technology in educ. Johnson, G.B. (2013). Student perceptions of the flipped classroom. M.A. Thesis, The University of British Columbia. Moeller, P. (2014). Using a flipped learning approach to strengthen pottery skills & comprehension. Master of Science in Education – Fine Arts. USA: University of Wisconsin-River Falls. p. 225-234.

67 Trogden, B.G. (2015). The view from a flipped classroom: Improved student success and subject mastery in organic chemistry, in Scheg A.G. (ed.). Implementation and critical assessment of the flipped classroom experience. Hershey. PA: Information Science Reference. Wright, L.A. (2016). The impact of the flipped classroom on learning and problem solving of ninth grade biology students. (unpublished master’s thesis), Montana State University, Montana.

ภาคผนวก

ภาคผนวก ก รายนามผ้เู ช่ียวชาญตรวจเครื่องมือในการวจิ ยั

70 รายนามผู้เช่ียวชาญตรวจเครื่องมือในการวิจัย 1. นางสาวจริ กาญจน์ แผนกลุ ครู วิทยฐานะ ครูชำนาญการ 2. นางสาวธรี ์วรา ชน่ื ธรี พงศ์ กลมุ่ สาระการเรียนรู้วทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี 3. นางสาวอนุสรา พ่มุ พิกุล โรงเรียนบา้ นท่งุ นา จงั หวัดกาญจนบุรี ครู วทิ ยฐานะ ครูชำนาญการ กลมุ่ สาระการเรยี นรู้วทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี โรงเรยี นโยธนิ บูรณะ จังหวดั กรุงเทพมหานคร ครู วิทยฐานะ ครูชำนาญการ กล่มุ สาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี โรงเรียนไทยรฐั วิทยา 2 (วดั ชา้ งใหญ่) จังหวดั พระนครศรอี ยธุ ยา

ภาคผนวก ข เคร่ืองมือท่ีใช้ในการวจิ ัย - ตวั อยา่ งแผนการจดั การเรียนรู้แบบห้องเรียนกลบั ดา้ น วิชา วทิ ยาศาสตร์ 2 เรื่อง การคานวณปริมาณความร้อนกบั การเปล่ียนแปลงของสาร สาหรับนกั เรียนช้นั มธั ยมศึกษาปี ท่ี 1 - แบบวดั ผลสมั ฤทธ์ิทางการเรียน วชิ าวทิ ยาศาสตร์ 2 เร่ือง การคานวณปริมาณความร้อนกบั การเปลี่ยนแปลงของสาร - แบบวดั ทกั ษะกระบวนการการแกโ้ จทยก์ ารคานวณปริมาณความร้อน กบั การเปล่ียนแปลงของสาร - แบบสอบถามความพึงพอใจของนกั เรียนที่เรียนโดยใชก้ ารจดั การเรียนรู้ แบบหอ้ งเรียนกลบั ดา้ น วิชาวทิ ยาศาสตร์ 2 เร่ือง การคานวณปริมาณความร้อนกบั การเปล่ียนแปลงของสาร

72 แผนการจดั การเรียนรู้ที่ 2 กล่มุ สาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี รหสั วิชา ว21102 ช้ันมัธยมศึกษาปี ที่ 1 เวลา 3 คาบเรียน ภาคเรียนท่ี 2 ปี การศึกษา 2565 หน่วยการเรียนรู้ท่ี 5 พลงั งานความร้อน เร่ือง การคานวณปริมาณความร้อนกบั การเปลย่ี นอุณหภูมิของสาร 1. มาตรฐานการเรียนรู้/ตัวชีว้ ัด มาตรฐานการเรียนรู้ มาตรฐาน ว 2.3 เขา้ ใจความหมายของพลงั งาน การเปล่ียนแปลงและการถ่ายโอนพลงั งาน ปฏิสัมพนั ธ์ระหว่างสสารและพลงั งาน พลงั งานในชีวิตประจาํ วนั ธรรมชาติของคล่ืนปรากฏการณ์ที่ เก่ียวขอ้ งกบั เสียง แสง และคลื่นแมเ่ หลก็ ไฟฟ้ารวมท้งั นาํ ความรู้ไปใชป้ ระโยชน์ ตัวชีว้ ัด ตวั ช้ีวดั ม.1/1 วเิ คราะห์ แปลความหมายขอ้ มลู และคาํ นวณปริมาณความร้อนที่ทาํ ใหส้ สาร เปล่ียนอุณหภูมิ และเปลี่ยนสถานะ โดยใชส้ มการ Q = mc∆t และ Q = mL 2. สาระสาคญั /ความคิดรวบยอด สาระสาคัญ เม่ือสสารไดร้ ับหรือสูญเสียความร้อนอาจทาํ ใหส้ สารเปล่ียนอุณหภมู ิ เปล่ียนสถานะ หรือเปล่ียน รูปร่างปริมาณความร้อนที่ทาํ ใหส้ สารเปลี่ยนอุณหภมู ิข้ึนกบั มวล ความร้อนจาํ เพาะ และอณุ หภมู ิท่ี เปล่ียนไป 3. จดุ ประสงค์การเรียนรู้ ด้านพทุ ธพิ สิ ัย (Cognitive domain) นกั เรียนสามารถอธิบายความรู้เกี่ยวกบั การคาํ นวณปริมาณความร้อนกบั การเปล่ียนแปลง อุณหภูมิ โดยใชส้ มการ Q = mc∆t ได้ ด้านทักษะพสิ ัย (Psychomotor domain) นกั เรียนสามารถคาํ นวณปริมาณความร้อนกบั การเปลี่ยนแปลงอณุ หภมู ิได้ ด้านจติ พสิ ัย (Affective domain) นกั เรียนมีส่วนร่วมในกิจกรรมการเรียนรู้อยใู่ นระดบั ดี

73 4. คณุ ลกั ษณะผู้เรียน 4.1 คณุ ลกั ษณะท่พี งึ ประสงค์  รักชาติ ศาสน์ กษตั ริย์  อยอู่ ยา่ งพอเพยี ง  ซ่ือสตั ยส์ ุจริต  มงุ่ มน่ั ในการทาํ งาน  มีวนิ ยั  รักความเป็นไทย  ใฝ่เรียนรู้  มีจิตสาธารณะ 5. ด้านสมรรถนะสาคัญของผ้เู รียน  ความสามารถในการคิด : นกั เรียนสามารถอธิบายความรู้เก่ียวกบั การคาํ นวณปริมาณความร้อนกบั การเปล่ียนแปลงอุณหภมู ิ โดยใชส้ มการ Q = mc∆t ได้  ความสามารถในการใชเ้ ทคโนโลยี : นกั เรียนสามารถใชเ้ ทคโนโลยใี นการเรียนรู้ได้ 6. สาระการเรียนรู้ การเปล่ียนสถานะของสารอาจเป็ นการเปลี่ยนแปลงประเภทดูดพลงั งานหรือคายพลงั งาน ตวั อย่าง การเปล่ียนแปลงสถานะของสารท่ีพบในชีวิตประจาํ วนั ไดแ้ ก่ น้าํ แข็งหลอมเหลวกลายเป็ นน้าํ และน้าํ ได้รับ ความร้อนกลายเป็นไอเป็นการเปล่ียนแปลงประเภทดูดความร้อน ในทางตรงกนั ขา้ มเมื่อไอน้าํ เปล่ียนสถานะ กลบั มาเป็นน้าํ และน้าํ แขง็ เป็นการเปลี่ยนแปลงประเภทคายความร้อน การคาํ นวณปริมาณความร้อนกบั การเปล่ียนแปลงของสาร สามารถแยกพจิ ารณาได้ 2 กรณี ดงั น้ี กรณีที่ 1 การคาํ นวณปริมาณความร้อนกบั การเปลี่ยนแปลงอณุ หภมู ิ คาํ นวณไดจ้ าก สมการ Q = mc∆t เม่ือ Q คือ ปริมาณความร้อนที่สารไดร้ ับ มีหน่วยเป็นแคลอรี M คือ มวลของสาร มีหน่วยเป็ นกรัม c คือ ความร้อนจาํ เพาะของสาร มีหน่วยเป็น แคลอรีต่อกรัม×องศาเซลเซียส ∆t คือ อณุ หภมู ิของน้าํ ท่ีเปล่ียนไป มีหน่วยเป็นองศาเซลเซียส กรณีท่ี 2 การคาํ นวณปริมาณความร้อนท่ีกบั การเปล่ียนสถานะ คาํ นวณไดจ้ าก สมการ Q = mL เมื่อ Q คือ ปริมาณความร้อน มีหน่วยเป็ นแคลอรี M คือ มวลของสาร มีหน่วยเป็ นกรัม L คือ ความร้อนแฝงจาํ เพาะของสาร มีหน่วยเป็นแคลอรีตอ่ กรัม น้าํ มีค่าความร้อนแฝงจาํ เพาะของการหลอมเหลว 80 แคลอรีต่อกรัม หมายความวา่ ในการทาํ น้าํ แขง็ 1 กรัม ใหห้ ลอมเหลวเป็นน้าํ ตอ้ งใชพ้ ลงั งานความร้อน 80 แคลอรี น้าํ มีค่าความร้อนแฝงจาํ เพาะของการกลายเป็นไอ 540 แคลอรีต่อกรัม หมายความวา่ ในการทาํ น้าํ 1 กรัม อุณหภมู ิ 100 องศาเซลเซียส ใหเ้ ปลี่ยนเป็นไอน้าํ 1 กรัม อุณหภมู ิ 100 องศาเซลเซียส ตอ้ งใชพ้ ลงั งาน ความร้อน 540 แคลอรี

74 7. กจิ กรรมการเรียนรู้ กจิ กรรมการเรียนรู้แบบห้องเรียนกลบั ด้าน (Flipped Classroom) 7.1 ข้นั กาหนดยุทธวิธีเพมิ่ พูนประสบการณ์ (Experiential Engagement) (ในช้ันเรียน) นกั เรียนทบทวนความรู้เดิมเก่ียวกบั ผลของความร้อนกบั การเปลี่ยนแปลงอณุ หภมู ิของสาร ผา่ นประเดน็ คาํ ถามท่ีครูต้งั ข้ึนจากสถานการณ์จาํ ลอง “บะหมี่ก่ึงสาํ เร็จรูปถว้ ยร้อน” ดงั น้ี - นกั เรียนคดิ วา่ เกิดส่ิงใดข้ึนกบั น้าํ จากสถานการณ์น้ีบา้ ง เพราะเหตใุ ด (แนวคาํ ตอบ น้าํ ร้อนข้ึน จากการไดร้ ับความร้อนจากแหลง่ สร้างความร้อน และทาํ ใหบ้ ะหม่ีก่ึง สาํ เร็จรูปสุก) - น้าํ ร้อนข้ึนเป็นการเปลี่ยนแปลงประเภทใด เพราะเหตุใด (แนวคาํ ตอบ เป็นการเปลี่ยนแปลงประเภทดูดความร้อน เนื่องจากน้าํ ร้อนข้นึ หากต้งั ให้ ความร้อนเพม่ิ ข้ึนอีกน้าํ จะมีโอกาสระเหยกลายเป็นไอน้าํ ) - นอกจากสถานการณ์จาํ ลองน้ี นกั เรียนเคยพบเห็น หรือมีประสบการณ์เก่ียวขอ้ งกบั การพลงั งาน ความร้อนกบั การเปล่ียนแปลงอณุ หภมู ิของสารอยา่ งไรบา้ ง (พิจารณาจากความเหมาะสมของคาํ ตอบ) 7.2 ข้นั สืบค้นเพื่อให้เกดิ มโนทศั น์รวบยอด (Concept Exploration) (ศึกษานอกเวลาเรียน) นกั เรียนสืบคน้ และศึกษาวิดีโอ 2 : การคาํ นวณปริมาณความร้อนกบั การเปล่ียนแปลงอุณหภมู ิ ของสาร เพ่ือตอบคาํ ถามในตวั อยา่ งท่ี 1 และ 2 เรื่องการคาํ นวณปริมาณความร้อนกบั การเปล่ียนแปลง อณุ หภูมิของสาร ดงั น้ี - สมการการคาํ นวณปริมาณความร้อนกบั การเปลี่ยนแปลงอณุ หภมู ิของสาร Q = mc∆t เมื่อ Q คือ ปริมาณความร้อนท่ีสารไดร้ ับ มีหน่วยเป็นแคลอรี M คือ มวลของสาร มีหน่วยเป็ นกรัม c คือ ความร้อนจาํ เพาะของสาร มีหน่วยเป็น แคลอรีต่อกรัม×องศาเซลเซียส ∆t คอื อุณหภมู ิของน้าํ ที่เปล่ียนไป มีหน่วยเป็นองศาเซลเซียส - ข้นั ตอนการแกโ้ จทยป์ ัญหาการคาํ นวณปริมาณความร้อนกบั การเปล่ียนแปลงของสาร ตามแนวคิดของ Polya (1957) 4 ข้นั ตอน ไดแ้ ก่

75 1. ทาํ ความเขา้ ใจปัญหา 2. วางแผนการแกป้ ัญหา 3. ดาํ เนินการตามแผน 4. ตรวจสอบผลลพั ธ์ โดยใหน้ กั เรียนศึกษาจากแหลง่ สืบคน้ ขอ้ มูลท่ีครูไดจ้ ดั เตรียมไวใ้ ห้ ดงั ตอ่ ไปน้ี Google Classroom : https://classroom.google.com/c/MzY4NDU4NDgwMTE1/p/NDQyOTM2MTg3ODQw/details Google sites : https://sites.google.com/wangchan.ac.th/mind-science Facebook Group : https://www.facebook.com/Mind.Julasak.MJ/videos/1002816196965630 นกั เรียนสรุปความคดิ สาํ คญั เรื่อง การคาํ นวณปริมาณความร้อนกบั การเปล่ียนแปลงอุณหภูมิ ของสาร ลงในสมดุ 7.3 ข้ันสร้างองค์ความรู้อย่างมีความหมาย (Meaning Making) (ศึกษานอกเวลาเรียน) นกั เรียนสร้างองคค์ วามรู้ เรื่อง การคาํ นวณปริมาณความร้อนกบั การเปล่ียนแปลงอณุ หภูมิของ สาร ลงในสมุด และใหน้ กั เรียนร่วมกนั อภิปรายคาํ ตอบของตวั อยา่ งท่ี 1 และ 2 ผา่ นโพสตใ์ น Facebook Group จากโจทยก์ ารคาํ นวณ ตวั อยา่ งท่ี 1 ตอ้ งใหป้ ริมาณความร้อนแก่น้าํ กี่แคลอรี เพื่อทาํ ใหน้ ้าํ ท่ีมีมวล 100 กรัม มีอุณหภูมิ เพ่มิ ข้นึ จาก 20 องศาเซลเซียสเป็น 50 องศาเซลเซียส ตวั อยา่ งที่ 2 ตอ้ งใหค้ วามร้อนแก่ทองกี่แคลอรี เพ่ือทาํ ให้ทองท่ีมีมวล 100 กรัม มีอุณหภูมิเพ่ิมข้ึน จาก 20 องศาเซลเซียส เป็น 50 องศาเซลเซียส (ความร้อนจาํ เพาะของทอง เทา่ กบั 0.03 แคลอรี/กรัม องศา เซลเซียส) นกั เรียนศึกษาและลงขอ้ สรุปจากส่ิงที่นกั เรียนศึกษา ใหไ้ ดถ้ ึงข้นั ตอนการคาํ นวณปริมาณความ ร้อนกบั การเปล่ียนแปลงอุณหภมู ิของสาร การคาํ นวณ การหาคาํ ตอบ และการตรวจคาํ ตอบ 7.4 ข้ันสาธิตและประยุกต์ใช้ (Demonstration & Application) (ในช้ันเรียน)

76 ครูสาธิตการแกโ้ จทยป์ ัญหาการคาํ นวณปริมาณความร้อนกบั การเปล่ียนแปลงอุณหภมู ิของสาร โดยกระบวนการแกโ้ จทยป์ ัญหาโดยใชก้ ระบวนการของ Polya โดยเริ่มจากการอธิบายกระบวนการการ แกโ้ จทยป์ ัญหาตามแนวคิดของ Polya วา่ ประกอบไปดว้ ย 4 ข้นั ตอน ไดแ้ ก่ ข้นั ท่ี 1 ทาํ ความเขา้ ใจโจทย์ ปัญหา ข้นั ท่ี 2 วางแผนแกโ้ จทยป์ ัญหา ข้นั ท่ี 3 ปฏิบตั ิตามแผน ข้นั ที่ 4 ตรวจสอบผลลพั ธ์ พร้อมท้งั อธิบายรายละเอียดในแต่ละข้นั ตอน ดงั น้ี ตวั อยา่ งที่ 3 เคร่ืองทาํ น้าํ อุ่นใหค้ วามร้อนวินาทีละ 1,000 แคลอรี เม่ือส่งน้าํ มวล 2,000 กรัม อุณภูมิ 25 องศาเซลเซียส เขา้ ไปในเครื่องทาํ น้าํ อุ่นเป็นเวลา 20 วินาที น้าํ ที่ออกจากเครื่องทาํ น้าํ อุ่นจะมี อุณหภูมิเป็ นกี่องศา ข้นั ที่ 1 ทาความเข้าใจโจทย์ปัญหา นกั เรียนและครูร่วมกนั วเิ คราะหท์ าํ ความเขา้ ใจโจทย์ โดยให้ นกั เรียนร่วมบอกรายละเอียดวา่ โจทยป์ ัญหาวา่ เป็นเร่ืองราวเก่ียวกบั อะไร บอกสิ่งท่ีโจทยก์ าํ หนดให้ บอก ส่ิงที่โจทยถ์ าม ผา่ นการต้งั คาํ ถาม ดงั น้ี - โจทยป์ ัญหาขอ้ น้ีเป็นเร่ืองราวเก่ียวกบั อะไร - โจทยก์ าํ หนดอะไรใหบ้ า้ ง - เคร่ืองทาํ น้าํ อุ่นใหค้ วามร้อนวินาทีละเทา่ ไร - ใชเ้ คร่ืองทาํ น้าํ อุน่ เป็นเวลาเท่าไร - โจทยถ์ ามอะไร โดยใหน้ กั เรียนเขยี นสิ่งท่ีโจทยก์ าํ หนดใหพ้ ร้อมหน่วย ดา้ นบทโจทยป์ ัญหา ข้นั ท่ี 2 วางแผนแก้ปัญหา นกั เรียนร่วมกนั แกโ้ จทยป์ ัญหาโดยใหน้ กั เรียนบอกข้นั ตอน วธิ ีการ หาคาํ ตอบวา่ ตอ้ งทาํ อยา่ งไร - เคร่ืองทาํ น้าํ อนุ่ ใหค้ วามร้อนวินาทีละ 1,000 แคลอรี เมื่อส่งน้าํ มวล 2,000 กรัม อุณภูมิ 25 องศาเซลเซียส เขา้ ไปในเคร่ืองทาํ น้าํ อุ่นเป็นเวลา 20 วินาที ดงั น้นั จะตอ้ งหาปริมาณความร้อน ก่อน โดยดาํ เนินการ นาํ 1,000 x 20 = 20,000 แคลอรี ซ่ึงคือ คา่ Q ในสมการ - นาํ ค่าที่โจทยก์ าํ หนดใหแ้ ทนลงในสมการ Q = mc∆t เพอ่ื หาคาํ ตอบของโจทยป์ ัญหาขอ้ น้ี

77 ข้นั ที่ 3 ปฏบิ ตั ิตามแผน นกั เรียนและครูลงมือปฏิบตั ิตามแผน โดยคดิ คาํ นวณหาคาํ ตอบและ แสดงวธิ ีทาํ เพ่อื คาํ ตอบของโจทยป์ ัญหา ดงั น้ี จากสมการ Q = mc∆t แทนคา่ = 2,000 ������ 1 ������ (������สูง – 25) 20,000 20,000 = 1 ������ (������สูง − 25) 2,000 10 = 1 ������ (������สูง − 25) 10 = (������สูง − 25) 10 + 25 = ������สูง ������สูง = 35 องศาเซลเซียส ดงั น้นั น้าํ ท่ีออกจากเครื่องทาํ น้าํ อนุ่ จะมีอณุ หภูมิเป็น 35 องศาเซลเซียส ข้นั ที่ 4 ตรวจสอบผลลพั ธ์ นกั เรียนและครูร่วมกนั พิจารณาความสมเหตุสมผลของคาํ ตอบที่ได้ รวมถึงพิจารณาวธิ ีการแกป้ ัญหาอื่น ๆ อีกหรือไม่ ผา่ นการต้งั คาํ ถาม ดงั น้ี - จะมีวธิ ีการใดในการแกโ้ จทยป์ ัญหาอื่น ๆ อีกหรือไม่ อยา่ งไร - นกั เรียนมีวธิ ีการตรวจสอบผลลพั ธข์ องตนเองวา่ คาํ ตอบถูกตอ้ งหรือไม่ อยา่ งไร นกั เรียนและครูทาํ แบบฝึกหดั เร่ือง ความร้อนกบั การเปล่ียนแปลงอณุ หภมู ิของสาร หนา้ ท่ี 2-3 ครูถามนกั เรียนเป็นระยะเพอื่ กระตนุ้ และตรวจสอบความเขา้ ใจ แนะนาํ ช่วยเหลือนกั เรียน และตรวจสอบ นกั เรียนและใหน้ กั เรียนส่งแบบฝึกหดั เพื่อนาํ มาตรวจสอบการทาํ งานของนกั เรียนอีกคร้ังหน่ึง 8. ชิ้นงาน / ภาระงาน - แบบฝึดหดั เรื่อง การคาํ นวณปริมาณความร้อนกบั การเปล่ียนแปลงอณุ หภมู ิของสาร 9. ส่ือการเรียนรู้ / แหล่งเรียนรู้ Google Classroom : https://classroom.google.com/c/MzY4NDU4NDgwMTE1/p/NDQyOTM2MTg3ODQw/details Google sites : https://sites.google.com/wangchan.ac.th/mind-science

78 Facebook Group : https://www.facebook.com/Mind.Julasak.MJ/videos/1002816196965630 10. การวัดและประเมินผลการเรียนรู้ จุดประสงค์ วิธกี ารวดั เคร่ืองมือ เกณฑ์การประเมิน 1. ด้านพทุ ธพิ สิ ัย (Cognitive domain) นกั เรียนสามารถอธิบาย การตอบคาํ ถาม ขอ้ คาํ ถาม ตอบคาํ ถามไดถ้ ูกตอ้ งร้อยละ 70 ความรู้เก่ียวกบั การ ในช้นั เรียน คาํ นวณปริมาณความ ร้อนกบั การ เปลี่ยนแปลงอณุ หภูมิ โดยใชส้ มการ Q = mc∆t ได้ 2. ด้านทกั ษะพสิ ัย (Psychomotor domain) นกั เรียนสามารถคาํ นวณ การทาํ แบบฝึกหดั แบบฝึ กหดั ผา่ นเกณฑก์ ารประเมินทกั ษะ ปริมาณความร้อนกบั การคาํ นวณปริมาณความร้อนกบั การเปล่ียนแปลง การเปลี่ยนแปลงของสาร อุณหภมู ิได้ ร้อยละ 70 3. ด้านจิตพสิ ัย (Affective domain) นกั เรียนมีส่วนร่วม สังเกตพฤติกรรม แบบสงั เกตพฤติกรรม มีส่วนร่วมในกิจกรรมการเรียนรู้ ในกิจกรรมการเรียนรู้ อยใู่ นระดบั ดี การเรียน การเรียน ผา่ นเกณฑร์ ้อยละ 70

79 แบบวิเคราะห์การประเมินผลการเรียนรู้ (Assessment blueprint) แบบวิเคราะหก์ ารประเมินผลการเรียนรู้ (Assessment blueprint) ประกอบดว้ ย วตั ถุประสงคก์ ารเรียนรู้ท่ี ตอ้ งการวดั และความสอดคลอ้ งดา้ นพุทธิพสิ ัย ทกั ษะพิสัย และจิตพิสยั วตั ถุประสงค์ พฤตกิ รรมการประเมิน เทคนิค ระดบั พฤตกิ รรม (%) การ พุทธพิ สิ ัย จิตพสิ ัย ประเมิน ทักษะพสิ ัย 1 2 3 4 5 6 รวม 1 2 3 4 5 6 7 รวม 1 2 3 4 5 รวม นกั เรียนสามารถ แบบประเมิน อธิบายความรู้ การตอบคาํ ถาม เกี่ยวกบั การ คาํ นวณปริมาณ 20 40 20 20 100 ความร้อนกบั การ เปลี่ยนแปลง อณุ หภูมิ โดยใช้ สมการ Q = mc∆t 2. นกั เรียน 20 20 20 40 100 แบบประเมิน สามารถคาํ นวณ ทกั ษะการ ปริมาณความร้อน แกป้ ัญหาโจทย์ กบั การ การคาํ นวณ เปลยี่ นแปลง ปริมาณความ อณุ หภูมไิ ด้ ร้อนกบั การ เปลย่ี นแปลง 3. นกั เรียนมี ของสาร ส่วนร่วมใน กิจกรรมการ 20 40 20 แบบสงั เกต เรียนรู้ พฤตกิ รรม อยใู่ นระดบั ดี 20 100 การเรียน รวม 20 40 20 100 20 20 20 40 100 20 40 20 20 100

80 **หมายเหตุ : ความหมายของตารางวิเคราะห์การประเมิน พุทธิพสิ ัย ทักษะพสิ ัย จติ พสิ ัย 1 = ความจาํ 1 = การรับรู้ 1 = การรับรู้สิ่งเร้า 2 = เขา้ ใจ 3 = นาํ ไปใช้ 2 = การตระเตรียม 2 = การตอบสนอง 4 = วิเคราะห์ 5 = ประเมินคา่ 3 = การตอบสนองตามคาํ ช้ีแนะ 3 = การสร้างคุณคา่ 6 = สร้างสรรค์ 4 = การสร้างกลไก 4 = การจดั ระบบคุณคา่ 5 = การตอบสนองท่ีซบั ซอ้ นข้ึน 5 = การสร้างลกั ษณะนิสยั 6 = การดดั แปลงใหเ้ หมาะสม 7 = การริเริ่มใหม่

81 คาอธิบายประกอบการประเมิน ด้านพทุ ธพิ สิ ัย (Cognitive domain) แบบประเมนิ การตอบคาถาม คาชีแ้ จง : ใหผ้ ปู้ ระเมินทาํ การตอบคาํ ถามของนกั เรียน ตามเกณฑก์ ารประเมินการตอบคาํ ถาม (ความถูกตอ้ ง) ลาดับ ระดับคะแนน สรุปการประเมิน ช่ือ - สกุล ท่ี 5 4 3 2 1 0 ผ่าน ไม่ผ่าน 1 2 3 4 5 6 ลงช่ือ.....................................................ผปู้ ระเมิน (นางสาวธนั ยาภรณ์ จุลศกั ด์ิ) วนั ที่.............เดือน.....................พ.ศ............ เกณฑ์การประเมินการตอบคาถาม เกณฑ์การให้คะแนน : พิจารณาดงั ตารางต่อไปน้ี ประเดน็ ที่ 5 4 ระดบั คะแนน 10 ประเมนิ คาํ ตอบ คาํ ตอบถูกตอ้ ง คาํ ตอบ 32 คาํ ตอบ คาตอบ ถกู ตอ้ ง 5 ขอ้ ถกู ตอ้ ง ถูกตอ้ ง ไม่ถูกต้อง 4 ขอ้ คาํ ตอบ คาํ ตอบ 1 ขอ้ ถกู ตอ้ ง ถูกตอ้ ง 3 ขอ้ 2 ขอ้ เกณฑ์การผ่านการประเมนิ : นกั เรียนมีระดบั คะแนน 3 ข้ึนไป

82 คาอธิบายประกอบการประเมิน ด้านทกั ษะพสิ ัย (Psychomotor domain) แบบประเมินทกั ษะการแก้ปัญหาโจทย์การคานวณปริมาณความร้อนกบั การเปลย่ี นแปลงของสาร คาชี้แจง : ใหผ้ ปู้ ระเมินทาํ การประเมินแบบประเมินทกั ษะการแกป้ ัญหาโจทยก์ ารคาํ นวณ ลาดับ ระดับคะแนน สรุปการประเมิน ท่ี ชื่อ - สกุล 9- 7-8 5-6 3-4 1-2 0 ผ่าน ไม่ผ่าน 10 1 2 3 4 5 6 ลงช่ือ.....................................................ผปู้ ระเมิน (นางสาวธนั ยาภรณ์ จุลศกั ด์ิ) วนั ท่ี.............เดือน.....................พ.ศ

เกณฑ์การประเมนิ ทักษะการแก้ปัญหาโจทย์การคานวณ 83 เกณฑ์การให้คะแนน : พจิ ารณาดงั ตารางต่อไปน้ี คะแนน 2 เกณฑ์การให้คะแนน 2 1. ทาความเข้าใจปัญหา 1 - เขยี นสิ่งที่โจทยกาํ หนดให้ และสิ่งท่ีโจทยถ์ ามไดถ้ ูกตอ้ งครบถว้ น 0 - เขียนส่ิงที่โจทยกาํ หนดให้ และส่ิงท่ีโจทยถ์ ามไดถ้ ูกตอ้ งไดบ้ างส่วน 2 - เขยี นส่ิงท่ีโจทยก์ าํ หนดใหแ้ ละสิ่งท่ีโจทยถ์ ามไม่ถกู ตอ้ ง หรือไม่เขยี น 2 2. วางแผนการแก้ปัญหา 1 - เขียนวิธีแกป้ ัญหาไดถ้ ูกตอ้ ง 0 - เขียนวธิ ีแกป้ ัญหา ซ่ึงอาจจะนาํ ไปสู่คาํ ตอบท่ีถกู ตอ้ ง แตย่ งั มีบางส่วนผดิ 4 - เขียนวิธีแกป้ ัญหาไม่ถูกตอ้ ง หรือไมเ่ ขียน 4 3. ดาเนินการตามแผน 3 - เขียนแสดงการคาํ นวณไดถ้ กู ตอ้ งชดั เจนและหาคาํ ตอบไดถ้ กู ตอ้ งครบถว้ น - เขยี นแสดงการคาํ นวณไดถ้ ูกตอ้ งชดั เจนและหาคาํ ตอบไดถ้ กู ตอ้ งบางส่วน 2 - เขียนแสดงการคาํ นวณไดถ้ กู ตอ้ งบางส่วนและหาคาํ ตอบไดถ้ ูกตอ้ งครบถว้ น 1 - เขยี นแสดงการคาํ นวณไดถ้ ูกตอ้ งบางส่วนและหาคาํ ตอบไดถ้ กู ตอ้ งบางส่วน - เขยี นแสดงการคาํ นวณไดถ้ ูกตอ้ งบางส่วนและหาคาํ ตอบไมถ่ กู ตอ้ งหรือ 0 2 ไม่เขียน 2 - เขียนแสดงการคาํ นวณไมถ่ ูกตอ้ งหรือไมเ่ ขียนและหาคาํ ตอบไดถ้ กู ตอ้ ง 1 0 บางส่วน - เขียนแสดงการคาํ นวณไม่ถูกตอ้ งและหาคาํ ตอบไม่ถกู ตอ้ งหรือไม่เขียน 4. ตรวจสอบผลลพั ธ์ - เขียนแสดงการตรวจคาํ ตอบของปัญหาไดถ้ กู ตอ้ ง - เขียนแสดงการตรวจคาํ ตอบของปัญหาไดถ้ กู ตอ้ งบางส่วน - เขียนแสดงการตรวจคาํ ตอบของปัญหาไม่ถกู ตอ้ ง - ไม่เขยี นแสดงการตรวจคาํ ตอบของปัญหา เกณฑ์การผ่านการประเมิน : นกั เรียนมี8คะแนนคิดเป็นร้อยละ 70 ข้นึ ไป

84 บนั ทกึ หลงั การสอน หน่วยการเรียนรู้ท่ี 5 พลงั งานความร้อน...... ... ... แผนการจดั การเรียนรู้ท่ี 2 การคาํ นวณปริมาณความร้อนกบั การเปล่ียนแปลงอุณหภูมิของสาร 1. สรุปผลการเรียนการสอน 1. นกั เรียนจาํ นวน............คน ผา่ นจุดประสงคก์ ารเรียนรู้...........คน คดิ เป็นร้อยละ.................... ไมผ่ า่ นจุดประสงค.์ ......................คน คดิ เป็นร้อยละ.................... ไดแ้ ก่....................................................................................................... .................................................................................................................................................................... .................................................................................................................................................................... 2. สรุปผลตามรายจุดประสงค์การเรียนรู้ 2.1 ดา้ นพุทธิพสิ ยั (Cognitive domain) .................................................................................................................................................................... .................................................................................................................................................................... 2.2 ดา้ นทกั ษะพิสยั (Psychomotor domain) .................................................................................................................................................................... .................................................................................................................................................................... 2.3 ดา้ นจิตพิสัย (Affective domain) .................................................................................................................................................................... .................................................................................................................................................................... 3. ข้อเสนอแนะหลงั การจดั การเรียนการสอน .................................................................................................................................................................... .................................................................................................................................................................... .................................................................................................................................................................... .................................................................................................................................................................... ลงช่ือ........................................................ (นางสาวธนั ยาภรณ์ จุลศกั ด์ิ) ครูผสู้ อน

85 ความคดิ เหน็ และข้อเสนอแนะของหวั หน้ากลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ไดต้ รวจแผนการจดั การเรียนรู้หน่วยการเรียนรู้ท่ี 5 เรื่อง พลงั งานความร้อน ในแผนการจดั การ เรียนรู้ที่ 2 เร่ือง การคาํ นวณปริมาณความร้อนกบั การเปล่ียนแปลงอณุ หภมู ิของสาร เรียบร้อยแลว้ โดยมี ความคิดเห็น ดงั น้ี 1. คุณภาพของแผนการจดั การเรียนรู้  ดีมาก  ดี  พอใช้  ควรปรับปรุง 2. ความสอดคลอ้ งของมาตรฐานการเรียนรู้และตวั ช้ีวดั  สอดคลอ้ ง  ไมส่ อดคลอ้ ง 3. การจดั กิจกรรมการเรียนรู้  ไดน้ าํ กระบวนการเรียนรู้ท่ีเนน้ ผเู้ รียนเป็นสาํ คญั มาใชไ้ ดอ้ ยา่ งเหมาะสม  ไมไ่ ดน้ าํ กระบวนการเรียนรู้ที่เนน้ ผเู้ รียนเป็นสาํ คญั มาใช้ 4. การใชส้ ื่อการเรียนรู้  มีความเหมาะสมและส่งเสริมการเรียนรู้ของผเู้ รียน  ไม่ส่งเสริมการเรียนรู้ของผเู้ รียน 5. การวดั และการประเมินผล  สอดคลอ้ งกบั จุดประสงคก์ ารเรียนรู้  ไมส่ อดคลอ้ งกบั จุดประสงคก์ ารเรียนรู้ 6. การนาํ แผนการจดั การเรียนรู้ไปใช้  นาํ ไปใชไ้ ดจ้ ริง  ควรปรับปรุงก่อนนาํ ไปใช้ ข้อเสนอแนะอ่ืน ๆ ..................................................................................................................................................................... ..................................................................................................................................................................... ..................................................................................................................................................................... ..................................................................................................................................................................... ลงช่ือ ..................................................... (นางรัชนี หนูนอ้ ย) ตาํ แหน่ง หวั หนา้ กล่มุ สาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี วนั ท่ี ............ เดือน ........................... พ.ศ. ..............

86 ความคดิ เหน็ และข้อเสนอแนะของผ้บู ริหาร ไดต้ รวจแผนการจดั การเรียนรู้หน่วยการเรียนรู้ท่ี 5 เรื่อง พลงั งานความร้อน ในแผนการจดั การ เรียนรู้ที่ 2 เร่ือง การคาํ นวณปริมาณความร้อนกบั การเปล่ียนแปลงอุณหภูมิของสาร เรียบร้อยแลว้ โดยมี ความคดิ เห็น ดงั น้ี 1. คณุ ภาพของแผนการจดั การเรียนรู้  ดีมาก  ดี  พอใช้  ควรปรับปรุง 2. ความสอดคลอ้ งของมาตรฐานการเรียนรู้และตวั ช้ีวดั  สอดคลอ้ ง  ไม่สอดคลอ้ ง 3. การจดั กิจกรรมการเรียนรู้  ไดน้ าํ กระบวนการเรียนรู้ท่ีเนน้ ผเู้ รียนเป็นสาํ คญั มาใชไ้ ดอ้ ยา่ งเหมาะสม  ไมไ่ ดน้ าํ กระบวนการเรียนรู้ท่ีเนน้ ผเู้ รียนเป็นสาํ คญั มาใช้ 4. การใชส้ ่ือการเรียนรู้  มีความเหมาะสมและส่งเสริมการเรียนรู้ของผเู้ รียน  ไมส่ ่งเสริมการเรียนรู้ของผเู้ รียน 5. การวดั และการประเมินผล  สอดคลอ้ งกบั จุดประสงคก์ ารเรียนรู้  ไมส่ อดคลอ้ งกบั จุดประสงคก์ ารเรียนรู้ 6. การนาํ แผนการจดั การเรียนรู้ไปใช้  นาํ ไปใชไ้ ดจ้ ริง  ควรปรับปรุงก่อนนาํ ไปใช้ ข้อเสนอแนะอ่ืน ๆ ..................................................................................................................................................................... ..................................................................................................................................................................... ..................................................................................................................................................................... ..................................................................................................................................................................... ลงชื่อ ..................................................... (นางสมชั ญา ผดุ ผอ่ ง) ตาํ แหน่ง รองผอู้ าํ นวยการโรงเรียนวงั จนั ทร์วิทยา กลมุ่ บริหารงานวิชาการ วนั ท่ี ............ เดือน ........................... พ.ศ. ..............

ส่ือการเรียนรู้แผนการจัดการเรียนรู้ท่ี 2 : 87 สื่อวีดทิ ัศน์

ส่ือการเรียนรู้แผนการจดั การเรียนรู้ที่ 2 : 88 เอกสารประกอบการจัดการเรียนรู้

ส่ือการเรียนรู้แผนการจัดการเรียนรู้ที่ 2 : 89 เอกสารประกอบการจัดการเรียนรู้ (ต่อ)

สื่อการเรียนรู้แผนการจดั การเรียนรู้ที่ 2 : 90 แบบฝึ กหัด

ส่ือการเรียนรู้แผนการจัดการเรียนรู้ท่ี 2 : 91 แบบฝึ กหดั (ต่อ)

92 แบบทดสอบวดั ผลสัมฤทธ์ิทางการเรียน เร่ือง การคานวณปริมาณความร้อนกบั การเปลยี่ นแปลงของสาร หน่วยการเรียนรู้ที่ 5 พลงั งานความร้อน เร่ือง การคานวณปริมาณความร้อนกบั การเปลี่ยนแปลงของสาร ภาคเรียนที่ 2 ปี การศึกษา 2565 ช้นั มธั ยมศึกษาปี ที่ 1 จานวน 20 ขอ้ 20 คะแนน __________________________________________________________________________________ คาสั่ง ใหน้ กั เรียนเลือกคาตอบท่ีถูกตอ้ งที่สุดเพยี งขอ้ เดียว 1. เหตกุ ารณ์ในขอ้ ใดที่อณุ หภูมิลดลง ก. น้าแขง็ ละลายกลายเป็นน้า ข. ไอน้าระเหยไปในอากาศ ค. น้าจบั ตวั กลายเป็นน้าแขง็ ง. ลกู เหมน็ ระเหิดกลายเป็นไอ 2. คา่ ต่อไปน้ีคือคา่ ของขอ้ ใด 1 แคลอรี/กรัม องศาเซลเซียส ก. คา่ ความร้อนแฝงจาเพาะของน้า ข. ค่าความร้อนแฝงของการหลอมเหลวของน้า ค. คา่ ความร้อนจาเพาะของน้า ง. ค่าความร้อนแฝงของการกลายเป็นไอของน้า 3. ถา้ เราตม้ นาดว้ ยตะเกียงแอลกอฮอลโ์ ดยใชน้ ้า 100 กรัม อุณหภมู ิเดิม 25 น้าร้อนข้นึ จนมีอุณหภมู ิ 75 ก็หยดุ ตม้ น้ารับความร้อนมาท้งั หมดเทา่ ใด ก. 5 แคลลอรี ข. 50 แคลลอรี ค. 500 แคลลอรี ง. 5,000 แคลลอรี

93 4. ถา้ ตอ้ งการทาใหแ้ ท่งแกว้ มวล 0.5 กิโลกรัม มีอณุ หภูมิสูงข้นึ จาก 25 องศาเซลเซียส เป็น 200 องศา เซลเซียส ตอ้ งใหค้ วามร้อนแก่แทง่ แกว้ น้ีกี่แคลอรี (ความร้อนจาเพาะของแทง่ แกว้ มีคา่ 0.2 แคลอรี/กรัม องศาเซลเซียส) ก. 17.5 แคลอรี ข. 175 แคลอรี ค. 1,750 แคลอรี ง. 7,500 แคลอรี 5. ความร้อนท่ีทองสูญเสียมีค่ากี่แคลอรี เมื่อทองมวล 100 กรัม มีอณุ หภมู ิลดลงจาก 50 องศาเซลเซียส เป็น 20 องศาเซลเซียส (ความร้อนจาเพาะของทองมีค่า 0.03 แคลอรี/กรัมองศาเซลเซียส) ก. 0.9 แคลอรี ข. 9 แคลอรี ค. 90 แคลอรี ง. 900 แคลอรี 6. ขอ้ ใดเป็นการประยกุ ตใ์ ชห้ ลกั การขยายตวั ของวตั ถุเม่ือไดร้ ับความร้อนไดถ้ ูกตอ้ ง ก. การขงึ สายไฟใหต้ ึงพอดี ข. การเวน้ ช่องวา่ งบริเวณรอยตอ่ ของสะพาน ค. การวางรอยต่อของรางรถไฟใหช้ ิดกนั พอดี ง. การใชโ้ ลหะที่ขยายตวั เท่ากนั ประกบกนั เพอ่ื เป็นตวั ควบคมุ อุณหภมู ิเคร่ืองใชไ้ ฟฟ้า 7.ขอ้ ใดกลา่ วถกู ตอ้ ง ก. ความร้อนแฝงจาเพาะจะเก่ียวกบั การเปล่ียนสถานะของสารโดยอุณหภมู ิของสารคงที่ ข. ความจุความร้อนจาเพาะจะเก่ียวกบั การเปลี่ยนสถานะของสารโดยอุณหภูมิของสารคงท่ี ค. ความจุความร้อนจาเพาะจะเก่ียวกบั การเปล่ียนอณุ หภมู ิของสารโดยสถานะเปล่ียนแปลง ง. ความร้อนแฝงจาเพาะจะเกี่ยวกบั การเปล่ียนอุณหภมู ิของสารโดยสถานะไม่เปล่ียนแปลง


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook