Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore สามัคคีเภทคำฉันท์ 8,11,29,37,39

สามัคคีเภทคำฉันท์ 8,11,29,37,39

Published by pawako.pawanrat, 2021-06-24 13:56:55

Description: สามัคคีเภทคำฉันท์ 8,11,29,37,39

Search

Read the Text Version

สามคั คีเภทคําฉันท์ คณะผู้จัดทํา นายมงคล กระถินทอง เลขที ๘ นายวัลลภ เกิดธนัชพร เลขที ๑๑ นางสาวพัชรภา พ่อค้า เลขที ๒๙ นางสาวสิริยากร มาขุนทศ เลขที ๓๗ นางสาวณัฐวดี หล่อเลอพงศ์ เลขที ๓๙ ชันมัธยมศึกษาปที ๖.๓ เสนอ ครูณัฐยา อาจมังกร รายงานนีเปนส่วนหนึงของรายวิชาภาษาไทย รหัสวิชา ท๓๓๑๐๑ ภาคเรียนที ๑ ปการศึกษา ๒๕๖๔ โรงเรียนมัธยมวัดหนองแขม

สามคั คีเภทคําฉันท์ คณะผู้จัดทํา นายมงคล กระถินทอง เลขที ๘ นายวัลลภ เกิดธนัชพร เลขที ๑๑ นางสาวพัชรภา พ่อค้า เลขที ๒๙ นางสาวสิริยากร มาขุนทศ เลขที ๓๗ นางสาวณัฐวดี หล่อเลอพงศ์ เลขที ๓๙ ชันมัธยมศึกษาปที ๖.๓ เสนอ ครูณัฐยา อาจมังกร รายงานนีเปนส่วนหนึงของรายวิชาภาษาไทย รหัสวิชา ท๓๓๑๐๑ ภาคเรียนที ๑ ปการศึกษา ๒๕๖๔ โรงเรียนมัธยมวัดหนองแขม

ก คํานํา รายงาน เรือง สามคั คีเภทคําฉันท์เลม่ นีจัดทําขึนเพือรายงานผลการ ศึกษาค้นคว้าประกอบการเรียนรู้รายวิชาภาษาไทย รหัสวิชา ท๓๓๑๐๑ ภาคเรียนที ๑ ปการศึกษา ๒๕๖๔ ชันมธั ยมศึกษาปที๖ ซึงประกอบด้วย เนือหาเกยี วกบั วรรณคดไี ทย เรือง สามคั คีเภทคําฉันท์ ทังด้านการ พิจารณาเนือหากลวิธใี นการแต่ง การใช้ภาษา ลกั ษณะคําประพันธ์ การอธบิ ายคําศัพท์ ตลอดจนประโยชน์หรือคุณค่าในวรรณคดี คณะผู้จัดทําหวังเปนอย่างยิงว่ารายงาน เรือง สามคั คีเภทคําฉันท์ เลม่ นีจะเปนประโยชน์ต่อผู้ทีสนใจศึกษา เรือง สามคั คีเภทคําฉันท์ ไมม่ าก ก็น้อย หากมขี ้อผิดพลาดประการใด คณะผู้จัดทํา ขออภยั มา ณ ทีนีด้วย คณะผู้จัดทําขอขอบคุณครูผู้สอนทีให้คําปรึกษาในการจัดทํา รายงานเลม่ นี ตลอดผู้ทีมสี ่วนเกยี วข้องทุกท่านทีทําให้รายงานเลม่ นี ประสบผลสํ าเร็จทุกประการ คณะผู้จัดทํา

ข ก ข สารบัญ ๑ ๒ คํานํา ๓-๕ สารบัญ ๖-๗ ผู้แต่ง ๘-๑๑ ทีมาของเนือเรือง ๑๒-๔๔ ลกั ษณะคําประพันธ์ ๔๕-๔๙ ลกั ษณะบังคับ ๕๐-๕๑ เนือเรือง ๕๒ ถอดคําประพันธ์ อธบิ ายศัพท์ยาก คุณค่าของวรรณคดี บรรณานุกรม

๑ ผู้แต่ง นายชิต บุรทัต กวีในรัชกาลที ๖ ในขณะที บรรพชาเปนสามเณร อายเุ พียง ๑๘ ป ได้เข้าร่วม แต่งฉันท์สมโภชพระมหาเศวตฉัตรในงานราชพิธี ฉัตรมงคล รัชกาลที ๖เมืออายุ ๒๒ ป ได้ส่งกาพย์ ปลุกใจลงในหนังสือพิมพ์ สมุทรสาร นายชิต มีนามสกลุ เดิมว่า ชวางกรู ได้รับพระราชทานนามสกลุ “บุรทัต” จากพระบาทสมเด็จ พระมงกฎุ เกล้าฯ ในป ๒๔๕๐ เมืออายะ ๒๓ ป ใช้ นามปากกาว่า เจ้าเงาะ เอกชน และแมวคราว

๒ จดุ ประสงค์ในการแต่ง นายชิต บรุ ทัตอาศัยเค้าคําแปลของเรืองสามคั คี เภทมาแต่งเปนคําฉันท์ เพือแสดงความสามารถในเชิงกวี ให้เปนทีปรากฏ และเปนพิทยาภรณ์ประดบั บ้านเมอื ง ทีมาของเรือง ในสมยั รัชกาลที ๖ เกดิ วิกฤตการณ์ทังภายในและ ภายนอกประเทศ เช่น เกดิ สงครามโลกครังที ๑ เกดิ กบฏ ร.ศ. ๑๓๐ ซึงส่งผลกระทบต่อความมนั คงของบ้านเมอื ง นายชิต บรุ ทัต จึงได้แต่งเรืองสามคั คีเภทคําฉันท์ขึน ในป พ.ศ. ๒๔๕๗ เพือมงุ่ ชีความสําคัญของการรวมกนั เปนหมู่ คณะ เรืองสามคั คีเภท เปนนิทานสุภาษิต ในมหาปรินิพพาน สูตร และอรรถกถาสุมงั คลวิลาสินี ทีฆนิกายมหาวรรค ลง พิมพ์ในหนังสือธรรมจักษุ ของมหามกฎุ ราชวิทยาลยั โดย เรียบเรียงเปาษาบาลี

๓ ลกั ษณะคําประพันธ์ แต่งเปนบทร้อยกรอง โดยนําฉันท์ชนิดต่าง ๆ มาใช้ สลบั กนั อย่างเหมาะสมกบั เนือหาแต่ละตอน ประกอบด้วย ฉันท์ ๑๙ ชนิด กาพย์ ๑ ชนิด คือ กาพย์ฉบัง ๑. สัททุลวิกกี ิตฉันท์ ๑๙ เปนฉันท์ทีมลี ลี าการอ่านสง่างาม เคร่งขรึม มอี ํานาจดุจเสือผยอง ใช้แต่งสําหรับบทไหว้ครู บท สดุดี ยอพระเกยี รติ ๒. วสันตดลิ กฉันท์ ๑๔ เปนฉันท์ทีมลี ลี าไพเราะ งดงาม เยือก เย็นดุจเม็ดฝน ใช้สําหรับบรรยายหรือพรรณนาชืนชมสิงที สวยงาม ๓. อุปชาติฉันท์ ๑๑ นิยมแต่งสําหรับบทเจรจาหรือบรรยาย ความเรียบ ๔. อีทิสังฉันท์ ๒๑ เปนฉันท์ทีมจี ังหวะกระแทกกระทัน เกรียว กราด โกรธแค้น และอารมณ์รุนแรง เช่น รักมาก โกรธมาก ตืนเต้น คึกคะนอง หรือพรรณนาความสับสน ๕. อินทรวิเชียรฉันท์ ๑๑ เปนฉันท์ทีมลี ลี าสวยงามดุจสายฟา พระอินทร์ มลี ลี าอ่อนหวาน ใช้บรรยายความหรือพรรณนา เพือโน้มน้าวใจให้อ่อนโยน เมตตาสงสาร เอ็นดู ให้อารมณ์ เหงาและเศร้า ๖. วิชชุมมาลาฉันท์ ๘ หมายถงึ ระเบียบแห่งสายฟา เปน ฉันท์ทีใช้ในการบรรยายความ

๔ ๗. อินทรวงศ์ฉันท์ ๑๒ เปนฉันท์ทีมลี ลี าตอนท้ายไมร่ าบเรียบ คล้ายกลบทสะบัดสะบิง ใช้ในการบรรยายความหรือพรรณนา ความ ๘. วังสัฏฐฉันท์ ๑๒ เปนฉันท์ทีมสี ําเนียงอันไพเราะเหมอื นเสียง ป ๙. มาลนิ ีฉันท์ ๑๕ เปนฉันท์ทีใช้ในการแต่งกลบทหรือบรรยาย ความทีเคร่งขรึม เปนสง่า ๑๐. ภชุ งคประยาตฉันท์ ๑๒ เปนฉันท์ทีมลี ลี างามสง่าดุจงู เลอื ย นิยมใช้แต่งบททีดาํ เนินเรืองอย่างรวดเร็วและคึกคัก ๑๑. มาณวกฉันท์ ๘ เปนฉันท์ทีมลี ลี าผาดโผน สนุกสนาน ร่าเริง และตืนเต้นดุจชายหนุ่ม ๑๒. อุเปนทรวิเชียรฉันท์ ๑๑ เปนฉันท์ทีมคี วามไพเราะใช้ในการ บรรยายบทเรียบๆ ๑๓. สัทธราฉันท์ ๒๑มคี วามหมายว่า ฉันท์ยังความเลอื มใสให้ เกดิ แกผ่ ู้ฟง จึงเหมาะเปนฉันท์ทีใช้สําหรับแต่งคํานมสั การ อธษิ ฐาน ยอพระเกยี รติ หรืออัญเชิญเทวดา ใช้แต่งบทสันๆ ๑๔. สาลนิ ีฉันท์ ๑๑ เปนบททีมคี ําครุมาก ใช้บรรยายบททีเปน เนือหาสาระเรียบๆ ๑๕. อุปฏฐติ าฉันท์ ๑๑ เปนฉันท์ทีเหมาะสําหรับใช้บรรยายบท เรียบๆ แต่ไมใ่ คร่มคี นนิยมแต่งมากนัก

๕ ๑๖. โตฏกฉันท์ ๑๒ เปนฉันท์ทีมลี ลี าสะบัดสะบิงเหมอื น ประตักแทงโค ใช้แต่งกบั บททีแสดงความโกรธเคือง ร้อนรน หรือสนุกสนาน คึกคะนอง ตืนเต้น และเร้าใจ ๑๗. กมลฉันท์ ๑๒ หมายถงึ ฉันทีมคี วามไพเราะเหมอื นดงั ดอกบัว ใช้กบั บททีมคี วามตืนเต้นเล็กน้อยและใช้บรรยายเรือง ๑๘. จิตรปทาฉันท์ ๘ เปนฉันท์ทีเหมาะสําหรับบททีน่ากลวั เอะอะ เกรียวกราด ตืนเต้นตกใจและกลวั ๑๙. สุรางคนางค์ฉันท์ ๒๘ มลี กั ษณะการแต่งคล้ายกาพย์ สุรางคนางค์ ๒๘ แต่ต่างกนั ทีมขี ้อบังคับ ครุ ลหุ เพิมขึนมา ทําให้เกดิ ความไพเราะมากยิงขึน เหมาะสําหรับข้อความที คึกคักสนุกสนาน โลดโผน ตืนเต้น ๒๐. กาพย์ฉบัง ๑๖เปนกาพย์ทีมลี ลี าสง่างาม ใช้สําหรับ บรรยายความงามหรือดาํ เนินเรืองอย่างรวดเร็ว

๖ ลกั ษณะบังคับทีบังคับของฉันท์ อินทรวิเชียรฉันท์๑๑ จํานวน ๑ บท มี ๒ บาท ๑ บาท มี ๒ วรรค ได้แก่ วรรคหน้าหรือวรรคต้นมี ๕ คํา (พยางค์) ส่วนวรรคหลงั หรือวรรคท้ายมี ๖ คํา (พยางค์) อินทรวิเชียรฉันท์ ๑ บาท มจี ํานวนคํา (พยางค์) ๑๑ คํา (พยางค์) ดงั นัน จึงกาํ หนดเลข ๑๑ ไว้ท้ายชือฉันท์ โดย ยึดตามบาทของฉันท์นีเองครับ สัมผัสระหว่างบท ให้สังเกตสัมผัสบังคับ (สัมผัสนอก) และบังคับครุ-ลหุตามผังภาพ คําครุ สัญลกั ษณ์แทนด้วยั คําลหุ สัญลกั ษณ์แทนด้วย ุ แผนผังและฉันทลกั ษณ์

๗ ลกั ษณะบังคับทีบังคับของฉันท์ วิชชุมมาลาฉันท์๘ จํานวน ๑ มี ๔ บาท ๑ บาท ม๒ี วรรค วรรคละ ๔ คํา ๑ บาท นับจํานวนคําได้ ๘ คํา/พยางค์ดงั นัน จึงเขียนเลข ๘ หลงั ชือ วิชชุมมาลาฉันท์นีเอง ทังบทมจี ํานวนคําทังสิน ๓๒ คํา สั มผัสระหว่างบท คําสุดท้ายของบท ส่งสัมผัสกบั คําสุดท้ายของวรรค วรรคที ๔ ในบทต่อไป คําครุ ลหุ วิชชุมมาลาฉันท์๑ บท มคี ําครุทังหมด๓๒ คํา ปราศจากการใช้คําลหุให้สังเกตสัมผัสบังคับ (สัมผัส นอก)และบังคับครุ-ลหุ ตามผังภาพ แผนผังและฉันทลกั ษณ์

๘ เนือเรืองย่อสามคั คีเภทคําฉันท์ ในกาลโบราณมกี ษัตริย์องค์หนึงทรงพระนามว่า พระเจ้า อชาตศัตรู ทรงครอบครองแคว้นมคธ มรี าชคฤห์เปนเมอื ง หลวง พระองค์ทรงมอี ํามาตย์ทีสนิทคนหนึงชือว่า วัสสการพ ราหมณ์เปนผู้ฉลาดและรอบรู ้ศิ ลปศาสตร์และเปนทีปรึกษา ราชการทัวไป พระเจ้าอชาตศัตรูมพี ระราชประสงค์จะปราบ แคว้นวัชชีอันมพี วกกษัตริย์ลจิ ฉวีปกครอง แต่พระองค์ยัง ลงั เลพระทัยเมอื ได้ทรงทราบว่ากษัตริย์ลจิ ฉวีทุกๆ พระองค์ ล้วนแต่ทรงตังมนั อย่ใู นธรรมทีเรียกว่า “อปริหานิยธรรม ๗” คือธรรมอันเปนไปเพือเหตุแห่งความเจริญฝายเดยี ว มี ทังหมด ๗ ประการ ดงั นันพระองค์จึงปรึกษาโดยเฉพาะกบั วัสสการพรา หมณ์ว่าควรจะกระทําอย่างไรจึงจะหาอุบายทําลายเหตุแห่ง ความพร้อมเพรียงของพวกกษัตริย์ลจิ ฉวีได้ เมอื ได้ตกลง นัดแนะกบั วัสสการพราหมณ์เปนทีเรียบร้อยแล้ว วันหนึง พระเจ้าอชาตศัตรูเสด็จออกว่าราชการ จึงดาํ รัสเปนเชิงหารือ กบั พวกอํามาตย์ในเรืองจะยกทัพไปรบกบั แคว้นวัชชี

๙ มวี ัสสการพราหมณ์เพียงผู้เดยี วทีกราบทูลเปนเชิงทักท้วง และขอให้พระองค์ทรงยับยังรอไว้กอ่ นเพือเห็นแกม่ ติ รภาพ และความสงบ ทังทํานายว่าถ้ารบก็จะพ่ายแพ้ด้วย พระเจ้า อชาตศัตรูได้ทรงฟง วัสสการพราหมณ์กราบทูลเปนถ้อยคํา หมนิ พระบรมเดชานุภาพเช่นนันก็ทรงแสร้งแสดงพระอาการ พิโรธและมพี ระราชโองการสังเจ้าหน้าทีผู้ใหญฝ่ ายนครบาล พร้อมด้วยราชบรุ ุษ ให้นําตัววัสสการพราหมณ์ไปลงโทษ ตามคําพิพากษาในบทพระอัยการ คือ เฆียน โกนผม ประจาน แล้วขับไลไ่ ปเสียไมใ่ ห้อย่ใู นพระราชอาณาเขต วัสสการพราหมณ์ยอมทนรับราชอาญาด้วย ทุกขเวทนาแสนสาหัสถงึ แกส่ ลบเมอื ถกู เนรเทศออกจาก แคว้นมคธก็เดนิ ทางมงุ่ ตรงไปเมอื งเวสาลอี ันเปนเมอื งหลวง ของแคว้นวัชชีและเทียวผูกไมตรีกบั บรรดาชาวเมอื ง จนข่าว นีทราบไปถงึ กษัตริย์ลจิ ฉวี จึงได้ตีกลองสําคัญขึนเปน สัญญาณ เชิญกษัตริย์ทังปวงมาชุมนุมปรึกษาราชการเมอื กษัตริย์ลจิ ฉวีประชุมกนั แล้วก็ได้ตกลงกนั ว่าควรให้ พราหมณ์ผู้นันเข้ามาเพือจะได้เห็นท่าทางและฟงความดู กอ่ นว่าจะจริงเท็จอย่างไร

๑๐ อย่างไร ภายหลงั ทีวัสสการพราหมณ์ได้เข้าเฝากษัตริย์ลจิ ฉวี และกราบทูลข้อความต่าง ๆ ด้วยความฉลาดลกึ ซึงประกอบกบั มรี อยถกู โบยฟกชาให้เห็นกษัตริย์ลจิ ฉวีทุกพระองค์ต่างก็ทรง หมดความฉงนสนเท่ห์ว่าจะเปนกลอุบายจึงทรงตังให้เปนครู สอนศิลปวิทยาแกบ่ รรดาราชกมุ ารและกระทําราชการใน ตําแหน่งอํามาตย์ผู้พิจารณาพิพากษาอรรถคดอี ีกตําแหน่ง หนึงด้วย วัสสการพราหมณ์ได้ปฏบิ ัติหน้าทีด้วยความเต็มใจและ เอาใจใส่ จนเปนทีไว้ใจในหมกู่ ษัตริย์ลจิ ฉวีเมอื วัสสการพรา หมณ์คาดคะเนว่าพวกกษัตริย์ลจิ ฉวีวางใจตนจนหมดความ สงสัยวัสสการพราหมณ์จึงได้ดาํ เนินอุบายเพือทําลายความ พร้อมเพรียงเปนอันเดยี วกนั ของกษัตริย์ลจิ ฉวี โดยการแต่ง อุบายลบั ชวนให้ฉงนสนเท่ห์ต่าง ๆ ขึนเปนเครืองยัวยรุ าช กมุ ารทังหลายผู้เปนศิษย์ให้แตกร้าวกนั และวัสสการพรา หมณ์คอยส่งเสริมเหตุแห่งการทะเลาะวิวาทให้บังเกดิ ขึนใน หมรู่ าชกมุ ารอย่เู นืองนิตย์ จนกระทังทีสุดราชกมุ ารทุก พระองค์ก็แตกความสามคั คีกนั เปนเหตุให้วิวาทกนั ขึนครัน แล้วต่างองค์ก็นําความนันขึนกราบทูลชนกของตนตามเรืองที เปนมาเมอื เปนเช่นนันความแตกร้าวก็ลามไปถงึ บรรดาชนกผู้ ซึงเชือถ้อยคําโอรสของตนโดยปราศจากการไตร่ตรอง

๑๑ จนกระทังเวลาลว่ งไปสามป สามคั คีธรรมในระหว่างพวก กษัตริย์ลจิ ฉวีก็ถกู ทําลายสินวัสสการพราหมณ์เห็นว่ากษัตริย์ ลจิ ฉวีทุกองค์แตกสามคั คีกนั แล้ว ก็ให้คนลอบนําความไป กราบทูลพระเจ้าอชาตศัตรู พระเจ้าอชาตศัตรูก็กรีธาทัพสู่เมอื ง เวสาลพี วกชาวเมอื งเวสาลตี กใจกลวั ภยั อันเกดิ แต่ข้าศึก มขุ มนตรีจึงได้ตีกลองสําคัญขึนเปนอาณัติสัญญาณให้ยกทัพ มาต่อสู้แต่เหลา่ กษัตริย์ลจิ ฉวีก็หาไปเข้าร่วมประชุมไมต่ ่างองค์ ทรงเพิกเฉยเสียแม้แต่ประตูเมอื งทุกทิศก็ไมม่ ใี ครสังให้ปด พระ เจ้าอชาตศัตรูจึงได้แคว้นวัชชีโดยง่าย ไมต่ ้องเปลอื งแรงรีพล เพราะการรบเลย เมอื จัดการบ้านเมอื งราบคาบแล้ว พระเจ้าอชาตศัตรูก็ยกกองทัพเสด็จกลบั กรุงราชคฤห์ดงั เดมิ

๑๒ ภชุ งคประยาตฉันท์ ๑๒ บทประพันธ์ ทิชงค์ชาติฉลาดยล คะเนกลคะนึงการ กษัตริย์ลจิ ฉวีวาร ระวังเหือดระแวงหาย เหมาะแกก่ ารณ์จะเสกสรร ปวัตน์วัญจโนบาย มล้างเหตุพิเฉทสาย สมคั รสนธสิ โมสร ถอดความได้ว่า พราหมณ์ผู้ฉลาดคาดคะเนว่ากษัตริย์ลจิ ฉวีวางใจคลายความ หวาดระแวง เปนโอกาสเหมาะทีจะเริมดาํ เนินการตามกลอุบาย ทําลายความสามคั คี ณวันหนึงลุถงึ กา ลศึ กษาพิชากร กมุ ารลจิ ฉวีวร เสด็จพร้อมประชุมกนั สถานราชเรียนพลนั ตระบัดวัสสการมา สนิทหนึงพระองค์ไป ธแกล้งเชิญกมุ ารฉัน ถอดความได้ว่า วันหนึงเมอื ถงึ โอกาสทีจะสอนวิชา กมุ ารลจิ ฉวีก็เสด็จมาโดย พร้อมเพรียงกนั ทันใดวัสสการพราหมณ์ก็มาถงึ และแกล้ง เชิญพระกมุ ารพระองค์ทีสนิทสนมเข้าไปพบ

๑๓ ลุห้องหับรโหฐาน ก็ถามการณ์ ณ ทันใ มลิ ลี บั อะไรใน กถาเช่นธปุจฉา มนุษย์ผู้กระทํานา จะถกู ผิดกระไรอยู่ ประเทียบไถมใิ ช่หรือ และคู่โคก็จงู มา ถอดความได้ว่า เมอื เข้าไปในห้องส่วนตัวแล้วก็ทูลถามเรืองทีไมใ่ ช่ความลบั แต่ ประการใด ดงั เช่นถามว่า ชาวนาจงู โคมาคู่หนึงเพือเทียมไถใช่ หรือไม่ กมุ ารลจิ ฉวีขัตติย์ ก็รับอรรถอออือ กสิ กเขากระทําคือ ประดุจคําพระอาจารย์ นิวัตในมชิ ้านาน ก็เท่านันธเชิญให้ รสมยั เลกิ ลุเวลา ประสิทธศิ ิลปประศาสน์สา ถอดความได้ว่า พระกมุ ารลจิ ฉวีก็รับสังเห็นด้วยว่าชาวนาก็คงจะกระทําดงั คํา ของพระอาจารย์ ถามเพียงเท่านันพราหมณ์ก็เชิญให้เสด็จ กลบั ออกไป ครันถงึ เวลาเลกิ เรียน

๑๔ อุรสลจิ ฉวีสรร พชวนกนั เสด็จมา และต่างซักกมุ ารรา ชองค์นันจะเอาความ ณข้างในธไต่ถาม พระอาจารย์สิ เรียกไป วจีสั ตย์กะสาเรา อะไรเธอเสนอตาม ถอดความได้ว่า เหลา่ โอรสลจิ ฉวีก็พากนั มาซักไซ้พระกมุ ารว่าพระอาจารย์เรียก เข้าไปข้างใน ได้ไต่ถามอะไรบ้าง ขอให้บอกมาตามความจริง กมุ ารนันสนองสา รวากย์วาทตามเลา เฉลยพจน์กะครูเสา วภาพโดยคดมี า มเิ ชือในพระวาจา กมุ ารอืนก็สงสัย และต่างองค์ก็พาที สหายราชธพรรณนา ถอดความได้ว่า พระกมุ ารพระองค์นันก็เลา่ เรืองราวทีพระอาจารย์เรียกไปถาม แต่เหลา่ กมุ ารสงสัยไมเ่ ชือคําพูดของพระสหาย ต่างองค์ก็ วิจารณ์

๑๕ ไฉนเลยพระครูเรา จะพูดเปลา่ ประโยชน์มี เลอะเหลวนักละล้วนนี รผลเห็นบเปนไป ธพูดแท้ก็ทําไม เถอะถงึ ถ้าจะจริงแม้ จะถามนอกบยากเย็น แนะชวนเข้าณข้างใน ถอดความได้ว่า วิจารณ์ว่าพระอาจารย์จะพูดเรืองเหลวไหลไร้สาระเช่นนีเปนไป ไมไ่ ด้ และหากว่าจะพูดจริงเหตุใดจะต้องเรียกเข้าไปถามข้างใน ห้อง ถามข้างนอกห้องก็ได้ ชะรอยว่าทิชาจารย์ ธคิดอ่านกะท่านเปน รหัสเหตุประเภทเห็น ละแน่ชัดถนัดความ มกิ ล้าอาจจะบอกตา และท่านมามสุ าวาท ไถลแสร้งแถลงสาร พจีจริงพยายาม ถอดความได้ว่า สงสัยว่าท่านอาจารย์กบั พระกมุ ารต้องมคี วามลบั อย่างแน่นอน แล้วก็มาพูดโกหก ไมก่ ล้าบอกตามความเปนจริง แกล้งพูดไป ต่าง ๆ นานา

๑๖ กมุ ารราชมติ รผอง ก็สอดคล้องและแคลงดาล พิโรธกาจวิวาทการณ์ อุบัติขึนเพราะขุ่นเคือง พิพิธพันธไมตรี ประดามนี ิรันดร์เนือง กะองค์นันก็พลนั เปลอื ง มลายปลาตพินาศปลง ถอดความได้ว่า กมุ ารลจิ ฉวีทังหลายเห็นสอดคล้องกนั ก็เกดิ ความโกรธเคือง การทะเลาะวิวาทก็เกดิ ขึนเพราะความขุ่นเคืองใจ ความ สัมพันธอ์ ันดที ีเคยมมี าตลอดก็ถกู ทําลายย่อยยับลง มาณวกฉันท์ ๘ บทประพันธ์ ลว่ งลุประมาณ กาลอนุกรม หนึงณนิยม ท่านทวิชงค์ เมอื จะประสิทธิ วิทยะยง เชิญวรองค์ เอกกมุ าร ถอดความได้ว่า เวลาผ่านไปตามลาํ ดบั เมอื ถงึ คราวทีจะสอนวิชาก็จะเชิญพระ กมุ ารพระองค์หนึง

๑๗ เธอจรตาม พราหมณไป โดยเฉพาะใน ห้องรหุฐาน ความพิสดา จึงพฤฒถิ าม โทษะและไข ขอธประทาน ถอดความได้ว่า พระกมุ ารก็ตามพราหมณ์เข้าไปในห้องเฉพาะ พราหมณ์จึงถามเนือความแปลก ๆ ว่า ขออภยั ช่วยตอบด้วย อย่าติและหลู่ ครูจะเฉลย เธอน่ะเสวย ภตั กะอะไร ดฤี ไฉน ในทินนี ยิงละกระมงั พอหฤทัย ถอดความได้ว่า อย่าหาว่าตําหนิหรือลบหลู่ ครูขอถามว่าวันนีพระกมุ ารเสวย พระกระยาหารอะไร รสชาติดหี รือไม่ พอพระทัยมากหรือไม่

๑๘ ราชธก็เลา่ เค้าณประโยค ตนบริโภค แล้วขณะหลงั เรืองสิ ประทัง วาทะประเทือง สิ กขสภา อาคมยัง ถอดความได้ว่า พระกมุ ารก็เลา่ เรืองเกยี วกบั พระกระยาหาร ทีเสวย หลงั จากนันก็สนทนาเรืองทัวไป แล้วก็เสด็จกลบั ออกมายังห้องเรียน เสร็จอนุศาสน์ ราชอุรส ลจิ ฉวิหมด ต่างธก็มา ท่านพฤฒอิ า ถามนยมาน รภกระไร จารยปรา ถอดความได้ว่า แล้วก็เสด็จกลบั ออกมายังห้องเรียนเมอื เสร็จสินการสอนราชกุ มารลจิ ฉวีทังหมดก็มาถามเรืองราวทีมมี าว่าท่านอาจารย์ได้พูด เรืองอะไรบ้าง

๑๙ เธอก็แถลง แจ้งระบมุ วล ความเฉพาะล้วน จริงหฤทัย เมอื ตริไฉน ต่างบมเิ ชือ เหตุบมสิ ม จึงผลใน ถอดความได้ว่า พระกมุ ารก็ตอบตามความจริง แต่เหลา่ กมุ ารต่าง ไมเ่ ชือ เพราะคิดแล้วไมส่ มเหตุสมผล ขุ่นมนเคือง เรืองนฤสาร เช่นกะกมุ าร กอ่ นก็ระ แตกคณะกล เลกิ สละแยก คบดุจเดมิ เกลยี วบนิยม ถอดความได้ว่า ต่างขุ่นเคืองใจด้วยเรืองไร้สาระเช่นเดยี วกบั พระกมุ ารพระองค์กอ่ นและเกดิ ความ แตกแยกไมค่ บกนั อย่างกลมเกลยี วเหมอื น เดมิ

๒๐ อุเปนทรวิเชียรฉันท์ ๑๑ บทประพันธ์ ทิชงค์เจาะจงเจตน์ กลห์เหตุยยุ งเสริม กระหนาและซาเติม นฤพัทธกอ่ การณ์ ละครังระหว่างครา ทินวารนานนาน เหมาะท่าทิชาจารย์ ธก็เชิญเสด็จไป ถอดความได้ว่า พราหมณ์เจตนาหาเหตุยแุ หย่ซาเติมอย่เู สมอ ๆ แต่ละครัง แต่ละวัน นานนานครัง เห็นโอกาสเหมาะก็จะเชิญ พระกมุ ารเสด็จไป บห่อนจะมสี า รฤหาประโยชน์ไร กระนันเสมอนัย เสาะแสดงธแสร้งถาม น่ะแน่ะข้าสดบั ตาม และบ้างก็พูดว่า พจแจ้งกระจายมา ยบุ ลระบิลความ ถอดความได้ว่า ไมม่ สี ารประโยชน์อันใด แล้วก็แกล้งทูลถาม บางครังก็พูดว่า นี แน่ะข้าพระองค์ได้ยินข่าวเลา่ ลอื กนั ทัวไป

๒๑ ละเมดิ ติเตียนท่าน ก็เพราะท่านสิ แสนสา รพัดทลทิ ภา วและสุดจะขัดสน พิเคราะห์เชือเพราะยากยล จะแน่มแิ น่เหลอื ธก็ควรขยายความ ณทีบมคี น ถอดความได้ว่า เขานินทาพระกมุ ารว่าพระองค์แสนจะยากจนและขัดสน จะเปนเช่นนันแน่หรือ พิเคราะห์แล้วไมน่ ่าเชือ ณ ทีนีไมม่ ผี ู้ใด ขอให้ทรงเลา่ มาเถดิ และบ้างก็กลา่ วว่า น่ะแน่ะข้าจะขอถาม เพราะทราบคดตี าม วจลอื ระบือมา ก็เพราะท่านสิ แสนสา ติฉินเยาะหมนิ ท่าน ยพิลกึ ประหลาดเปน รพันพิกลกา ถอดความได้ว่า บางครังก็พูดว่าข้าพระองค์ขอทูลถามพระกมุ าร เพราะ ได้ยินเขาเลา่ ลอื กนั ทัวไปเยาะเย้ยดูหมนิ ท่าน ว่าท่านนีมี ร่างกายผิดประหลาดต่าง ๆ นานาจะเปนจริงหรือไม่

๒๒ จะจริงมจิ ริงเหลอื มนเชือเพราะไปเห็น ผิข้อบลาํ เค็ญ ธก็ควรขยายความ วนเค้าคดตี าม กมุ ารองค์เสา นยสุดจะสงสั ย กระทู้พระครูถาม ถอดความได้ว่า ใจไมอ่ ยากเชือเลยเพราะไมเ่ ห็น ถ้าหากมสี ิงใดทีลาํ บากยาก แค้นก็ตรัสมาเถดิ พระกมุ ารได้ทรงฟงเรืองทีพระอาจารย์ถามก็ ตรัสถามกลบั ว่า สงสัยเหลอื เกนิ ก็คํามคิ วรการณ์ คุรุท่านจะถามไย ธซั กเสาะสื บใคร ระบแุ จ้งกะอาจารย์ พระกมุ ารโน้นขาน ทวิชแถลงว่า เฉพาะอย่กู ะกนั สอง ยบุ ลกะตูกาล ถอดความได้ว่า เรืองไมส่ มควรเช่นนีท่านอาจารย์จะถามทําไม แล้วก็ซักไซ้ว่า ใครเปนผู้มาบอกกบั อาจารย์ พราหมณ์ก็ตอบว่าพระกมุ าร พระองค์โน้นตรัสบอกเมอื อย่กู นั เพียงสองต่อสอง

๒๓ กมุ ารพระองค์นัน ธมทิ ันจะไตร่ตรอง ก็เชือณคําของ พฤฒคิ รูและวู่วาม เหมาะเจาะจงพยายาม พิโรธกมุ ารองค์ บมดิ ปี ระเดตน ยคุ รูเพราะเอาความ ถอดความได้ว่า กมุ ารพระองค์นันไมท่ ันได้ไตร่ตรอง ก็ทรงเชือในคําพูดของ อาจารย์ ด้วยความวู่วามก็กริวพระกมุ ารทียพุ ระอาจารย์ใส่ ความตน ก็พ้อและต่อพิษ ทุรทิฐมิ านจน ลุโทสะสื บสน ธพิ ิพาทเสมอมา ทิชครูมเิ รียกหา และฝายกมุ ารผู้ ชกมุ ารทิชงค์เชิญ ก็แหนงประดารา ถอดความได้ว่า จึงตัดพ้อต่อว่ากนั ขึน เกดิ ความโกรธเคืองทะเลาะวิวาทกนั อยู่ เสมอฝายพระกมุ ารทีพราหมณ์ไมเ่ คยเรียกเข้าไปหาก็ไมพ่ อ พระทัยพระกมุ ารทีพราหมณ์เชิญไปพบ

๒๔ พระราชบตุ รลจิ ฉวิมติ รจิตเมนิ ณกนั และกนั เหิน คณะห่างก็ต่างถอื พลล้นเถลงิ ลอื ทะนงชนกตน มนฮึ กบนึกขาม ก็หาญกระเหิมฮื อ ถอดความได้ว่า พระกมุ ารลจิ ฉวีหมางใจและเหินห่างกนั ต่างองค์ทะนงว่าพระ บิดาของตนมอี ํานาจล้นเหลอื จึงมใี จกาํ เริบไมเ่ กรงกลวั กนั

๒๕ ถอดคําประพันธต์ อน กษัตริย์ลจิ ฉวีแตกสามคั คีวัสสกา พราหมณ์ลอบส่ งข่าวทูลพระเจ้า อชาตศั ตรู ธก็ยศุ ิษยตาม บทประพันธ์ ริณวิรุ ธก็สํ า สัทธรา ฉันท์ 21 มลิ ะปยะสหฉันท์ พระชนกอดศิ ูร ลาํ ดบั นันวัสสการพราหมณ์ ลุวรบิดรลาม แต่งอุบายงามฉงนงํา นฤวิเคราะหเสาะสน กษณะตริเหมาะไฉน ปวงโอรสลจิ ฉวีดาํ พจนยปุ ริยาย คัญประดุจคําธเสกสรร สหกรณประดา มติ รภทิ นะกระจาย ไปเหลอื เลยสักพระองค์อัน พระราชหฤทยวิสั ย ขาดสมคั รพันธก์ ็อาดูร ต่างองค์นําความมงิ ามทูล แห่งธโดยมลู ปวัตติความ แตกร้าวก้าวร้ายก็ปายปาม ทีละน้อยตามณเหตุผล ฟนเฝอเชือนัยดนัยตน สื บจะหมองมลเพราะหมายใด แท้ท่านวัสสการใน เสริมเสมอไปสะดวกดาย หลายอย่างต่างกลธขวนขวาย วัญจโนบายบเว้นครา ครันลว่ งสามปประมาณมา ลจิ ฉวีราชทังหลาย สามคั คีธรรมทําลาย สรรพเสื อมหายน์ก็เปนไป ต่างองค์ทรงแคลงระแวงใน ผู้พิโรธใจระวังกนั ฯ

๒๖ แปลความสัทธราฉันท์ 21 ในขณะนันวัสสการพราหมณ์ก็คอยยลุ ูกศิษย์ แต่งกลอุบายให้เกดิ ความแคลงใจพระโอรสกษัตริย์ลจิ ฉวีทังหลายไตร่ตรองในอาการน่าสงสัยก็ เข้าใจว่าเปนจริงดงั ถ้อยคําทีอาจารย์ปนเรืองขึน ไมม่ เี หลอื เลยสักพระองค์ เดยี วทีจะมคี วามรักใคร่กลมเกลยี ว ต่างขาดความสัมพันธ์ เกดิ ความเดอื ด ร้อนใจ แต่ละองค์นําเรืองไมด่ ที ีเกดิ ขึนไปทูลพระบิดาของตน ความแตกแยก ก็ค่อย ๆ ลุกลามไปสู่พระบิดา เนืองจากความหลงเชือโอรสของตน ปราศจากการใคร่ครวญเกดิ ความผิดพ้องหมองใจกนั ขึนฝายวัสสการพรา หมณ์ครันเห็นโอกาสเหมาะสมก็คอยยแุ หย่อย่างง่ายดาย ทํากลอุบายต่าง ๆ พูดยยุ งตามกลอุบายตลอดเวลา เวลาผ่านไปประมาณ ๓ ปความร่วมมอื กนั ระหว่างกษัตริย์ลจิ ฉวีทังหลายและความสามคั คีถกู ทําลายลงสิน ความเปน มติ รแตกแยก ความเสือม ความหายนะก็บังเกดิ ขึน กษัตริย์ต่างองฉันท์ ค์ ระแวงแคลงใจ มคี วามขุ่นเคืองใจซึงกนั และกนั

สาลนิ ีฉันท์ 11 ๒๗ พราหมณ์ครู รู้สั งเกต ตระหนักเหตุถนัดครัน ราชาวัชชีสรร พจักสู่พินาศสม ยินดบี ัดนีกจิ จะสัมฤทธมิ นารมณ์ และอุตสาหแห่งตน เริมมาด้วยปรากรม ประชุมขัตติย์มณฑล ให้ลองตีกลองนัด กษั ตริย์ส่ ูสภาคาร สดบั กลองกระหึมขาน เชิญซึงสาสากล ณกจิ เพือเสด็จไป วัชชีภมู ผี อง จะเรียกหาประชุมไย ก็ขลาดกลวั บกล้าหาญ ทุกไท้ไปเอาภาร และกล้าใครมเิ ปรียบปาน ต่างทรงรับสั งว่า ประชุมชอบก็เชิญเขา ไฉนนันก็ทําเนา เราใช่เปนใหญใ่ จ บแลเห็นประโยชน์เลย ท่านใดทีเปนใหญ่ และทุกองค์ธเพิกเฉย สมคั รเข้าสมาคมฯ พอใจใคร่ในการ ปรึกษาหารือกนั จักเรียกประชุมเรา รับสังผลกั ไสส่ง ไปได้ไปดงั เคย

๒๘ ถอดความ สาลนิ ี ฉันท์ฯ พราหมณ์ผู้เปนครูสังเกตเห็นดงั นันก็รู้ว่าเหลา่ กษัตริย์ลจิ ฉวีกาํ ลงั จะประสบ ความพินาศ จึงยินดมี ากทีภารกจิ ประสบผลสําเร็จสมดงั ใจหลงั จากเริมต้น ด้วยความบากบันและความอดทนของตน จึงให้ลองตีกลองนัดประชุม กษัตริย์ฉวี เชิญทุกพระองค์เสด็จมายังทีประชุมฝายกษัตริย์วัชชีทังหลาย ทรงสดบั เสียงกลองดงั กกึ ก้อง ทุกพระองค์ไมท่ รงเปนธรุ ะในการเสด็จไป ต่างองค์รับสังว่าจะเรียกประชุมด้วยเหตุใด เราไมไ่ ด้เปนใหญ่ ใจก็ขลาด ไม่ กล้าหาญ ผู้ใดเปนใหญ่ มคี วามกล้าหาญไมม่ ผี ู้ใดเปรียบได้ พอใจจะเสด็จไป ร่วมประชุมก็เชิญเขาเถดิ จะปรึกษาหารือกนั ประการใดก็ช่างเถดิ จะเรียกเรา ไปประชุมมองไมเ่ ห็นประโยชน์ประการใดเลย รับสังให้พ้นตัวไปและทุก พระองค์ก็ทรงเพิกเฉยไมเ่ สด็จไปเข้าร่วมการประชุมเหมอื นเคย

๒๙ อุปฎฐติ า ฉันท์ 11 ชนะคลอ่ งประสบสม เห็นเชิงพิเคราะห์ช่อง ธก็ลอบแถลงการณ์ คมดลประเทศฐาน พราหมณ์เวทอุดม ภเิ ผ้ามคธไกร ให้วัลลภชน สนว่ากษั ตริย์ใน วลหล้าตลอดกนั กราบทูลนฤบาล คณะแผกและแยกพรรค์ แจ้งลกั ษณสา ทเสมอื นเสมอมา ขณะไหนประหนึงครา วัชชีบรุ ไกร ก็ บได้สะดวกดี บัดนีสิ ก็แตก พยหุ ์ยาตรเสด็จกรี ริยยทุ ธโดยไวฯ ไปเปนสหฉัน โอกาสเหมาะสมยั นีหากผิจะหา ขอเชิญวรบาท ธาทัพพลพี ถอดความ อุปฏฐติ า ฉันท์ 11 เมอื พิจารณาเห็นช่องทางทีจะได้ชัยชนะอย่างง่ายดาย พราหมณ์ผู้รอบรู้พระเวท ก็ลอบส่งข่าว ให้คนสนิทเดนิ ทางกลบั ไปยังบ้านเมอื ง กราบทูลกษัตริย์แห่งแคว้น มคธอันยิงใหญใ่ นสาสน์แจ้งว่ากษัตริย์วัชชีทุกพระองค์ขณะนีเกดิ ความแตกแยก แบ่งพรรคแบ่งพวก ไมส่ ามคั คีกนั เหมอื นแต่เดมิ จะหาโอกาสอันเหมาะสมครังใด เหมอื นดงั ครังนีคงจะไมม่ อี ีกแล้ว ขอทูลเชิญพระองค์ยกกองทัพอันยิงใหญม่ าทํา สงครามโดยเร็วเถดิ ความต่อจากอุปฎฐติ าฉันท์ อ่านในถอดความสามคั คีเภทคําฉันท์ตอนที ๖ ไร้รัก สามคั คี วัชชีเสียเมอื ง

๓๐ ทราบถงึ บัดดล ชาวเวสาลี ข่าวเศิ กเอิกอึง ชนบทบรู ี ในหมผู่ ู้คน หวาดกลวั ทัวไป แทบทุกถนิ หมด หมดเลอื ดสันกาย อกสั นขวัญหนี วุ่นหวันพรันใจ ซ่อนตัวแตกภยั ตืนตาหน้าเผือด ทิงย่านบ้านตน หลบลหี นีตาย ชาวคามลา่ ลาด ซุกครอกซอกครัว ขุนดา่ นตําบล เข้าดงพงไพร คิดผันผ่อนปรน เหลอื จักห้ามปราม มาคธข้ามมา พันหัวหน้าราษฎร์ หารือแกก่ นั ปาวร้องทันที จักไมใ่ ห้พล รุกเบียนบีฑา วัชชีอาณา จึงให้ตีกลอง ปองกนั ฉันใด แจ้งข่าวไพรี ไปมสี ักองค์ เพือหมภู่ มู ี เพือจักเสด็จไป ชุมนุมบัญชา เรียกนัดทําไม กล้าหาญเห็นดี ราชาลจิ ฉวี อันนึกจํานง ต่างองค์ดาํ รัส ใครเปนใหญใ่ คร

๓๑ เชิญเทอญท่านต้อง ขัดข้องข้อไหน ปรึกษาปราศรัย ตามเรืองตามที ส่วนเราเลา่ ใช่ เปนใหญย่ ังมี ใจอย่างผู้ภี รุกปราศอาจหาญ ความแขงอํานาจ ต่างทรงสํ าแดง แกง่ แย่งโดยมาน สามคั คีขาด วัชชีรัฐบาล ภมู ศิ ลจิ ฉวี แม้แต่สั กองค์ฯ บ่ชุมนุมสมาน ถอดความ วิชชุมมาลา ฉันท์ฯ ข่าวศึ กแพร่ไปจนรู ้ถึงชาวเมืองเวสาลีแทบทุกคนในเมืองต่างตกใจและ หวาดกลัวกันไปทัว หน้าตาตืน หน้าซีดไม่มีสีเลือด ตัวสัน พากันหนีตายวุ่นวาย พากันอพยพครอบครัวหนีภัย ทิงบ้านเรือนไปซุ่มซ่อนตัวเสียในปาไม่สามารถ ห้ามปรามชาวบ้านได้ หัวหน้าราษฎรและนายด่านตําบลต่าง ๆ ปรึกษากันคิดจะ ยับยังไม่ให้กองทัพมคธข้ามมาได้จึงตีกลองปาวร้องแจ้งข่าวข้าศึ กเข้ารุ กราน เพือให้เหล่ากษั ตริย์แห่งวัชชี เสด็จมาประชุมหาหนทางปองกันประการใดไม่มี กษัตริย์ลิจฉวีแม้แต่พระองค์เดียวคิดจะเสด็จไป แต่ละพระองค์ทรงดํารัสว่าจะ เรียกประชุมด้วยเหตุใด ผู้ใดเปนใหญ่ ผู้ใดกล้าหาญ เห็นดีประการใดก็เชิญเถิด จะปรึกษาหารืออย่างไรก็ตามแต่ใจ ตัวของเรานันไม่ได้มีอํานาจยิงใหญ่ จิตใจก็ ขีขลาด ไม่องอาจกล้าหาญ แต่ละพระองค์ต่างแสดงอาการเพิกเฉย ปราศจาก ความสามัคคีปรองดองในจิตใจ กษัตริย์ลิจฉวีแห่งวัชชีไม่เสด็จมาประชุมกัน แม้แต่พระองค์เดียว

๓๒ อินทรวิเชียร ฉันท์ฯ ปนเขตมคธขัต ติยรัชธาํ รง ยังทัพประทับตรง นคเรศวิสาลี ภธู รธสังเกต พิเคราะห์เหตุณธานี แห่งราชวัชชี ขณะเศิ กประชิ ดแดน เฉยดูบรู้สึ ก และมนิ ึกจะเกรงแกลน ฤๅคิดจะตอบแทน รณทัพระงับภยั นิงเงียบสงบงํา บมทิ ําประการใด ปรากฏประหนึงใน บรุ ว่างและร้างคน แน่โดยมพิ ักสง สยคงกระทบกล ท่านวัสสการ จนลุกระนีถนัดตา ภนิ ท์พัทธสามคั คิยพรรคพระราชา ชาวลจิ ฉวีวา รจะพ้องอนัตถภ์ ยั ลูกข่างประดาทา รกกาลขว้างไป หมนุ เลน่ สนุกไฉน ดุจกนั ฉะนันหนอ ครูวัสสการแส่ กลแหย่ยดุ พี อ ปนปวนบเหลอื หลอ จะมริ ้าวมริ านกนั ครันทรงพระปรารภ ธรุ ะจบธจึงบัญ ชานายนิกายสรร พทแกล้วทหารหาญ เร่งทําอุฬุมปเว ฬุคะเนกะเกณฑก์ าร เพือข้ามนทีธาร จรเข้านครบร เขารับพระบัณฑรู อดศิ ูรบดศี ร ภาโรปกรณ์ตอน ทิวรุ่งสฤษฎพ์ ลนั

๓๓ พยหุ าธทิ ัพขันธ์ พลข้ามณคงคา จอมนาถพระยาตรา พิศเนืองขนัดคลา โดยแพและพ่วงปน ลบิ เุ รศสะดวกดายฯ จนหมดพหลเนือง ขึนฝงลุเวสา ถอดความ อินทรวิเชียร ฉันท์ฯ จอมกษัตริย์แห่งแคว้นมคธหยดุ ทัพตรงหน้าเมอื งเวสาลพี ระองค์ทรงสังเกต วิเคราะห์เหตุการณ์ทางเมอื งวัชชีในขณะทีข้าศึกมาประชิดเมอื ง ดูนิงเฉยไมร่ ู้สึก เกรงกลวั หรือคิดจะทําสิงใดโต้ตอบระงับเหตุร้าย กลบั อย่อู ย่างสงบเงียบไม่ ทําการสิงใด มองดูราวกบั เปนเมอื งร้างปราศจากผู้คน แน่นอนไมต่ ้องสงสัยเลย ว่าคงจะถกู กลอุบายของวัสสการพราหมณ์จนเปนเช่นนีความสามคั คีผูกพัน แห่งกษัตริย์ลจิ ฉวีถกู ทําลายลงและจะประสบกบั ภยั พิบัติ ลูกข่างทีเด็กขว้างเลน่ ได้สนุกฉันใดวัสสการพราหมณ์ก็สามารถยแุ หย่ให้เหลา่ กษัตริย์ลจิ ฉวีแตกความ สามคั คีได้ตามใจชอบและคิดทีจะสนุกฉันนันครันทรงคิดได้ดงั นันจึงมพี ระราช บัญชาแกเ่ หลา่ ทหารหาญให้รีบสร้างแพไม้ไผ่เพือข้ามแมน่ าจะเข้าเมอื งของฝาย ศัตรู พวกทหารรับราชโองการแล้วก็ปฏบิ ัติภารกจิ ทีได้รับ ในตอนเช้างานนันก็ เสร็จทันทีจอมกษัตริย์เคลอื นกองทัพอันมกี าํ ลงั พลมากมายลงในแพทีติดกนั นํากาํ ลงั ข้ามแมน่ าจนกองทัพหมดสิน มองดูแน่นขนัดขึนฝงเมอื งเวสาลอี ย่าง สะดวกสบาย

๓๔ จิตรปทาฉันท์ ๘ นิวิสาลี บทประพันธ์ พลมากมาย ก็ลุพ้นหมาย นาครธา พระนครตน เห็นริปุมี ข้ามติรชล มงุ่ จะทลาย ถอดความได้ว่า ฝายเมอื งเวสาลมี องเห็นข้าศึกจํานวนมากข้ามแมน่ ามาเพือจะทําลายล้างบ้าน เมอื งของตน บทประพันธ์ มนอกเต้น ต่างก็ตระหนก ตะละผู้คน มจลาจล ตืน บ มเิ ว้น อลเวงไป ทัวบรุ คา เสี ยงอลวน ถอดความได้ว่า ต่างก็ตระหนกตกใจกนั ถ้วนหน้า ในเมอื งเกดิ จลาจล วุ่นวายไปทัวเมอื ง

๓๕ บทประพันธ์ มขุ มนตรี สรรพสกล รุกเภทภยั ทรปราศรัย ตรอมมนภี ขณะนีหนอ บางคณะอา ยังมกิ ระไร ถอดความได้ว่า ข้าราชการชันผู้ใหญต่ ่างหวาดกลวั ภยั บางพวกก็พูดว่าขณะนียังไมเ่ ปนไรหรอก บทประพันธ์ พระทวารมนั ควรบริบาล อริกอ่ นพอ ชสภารอ ต้านปะทะกนั วรโองการ ขัดติยรา ดาํ ริจะขอ ถอดความได้ว่า ควรจะปองกนั ประตูเมอื งเอาไว้ให้มนั คงต้านทานข้าศึกเอาไว้กอ่ นรอให้ที ประชุมเหลา่ กษัตริย์มคี วามเห็นว่าจะทรงทําประการใด

๓๖ บทประพันธ์ ก็จะทําได้ ทรงตริไฉน รัสภบู าล ก็เคาะกลองขวาน โดยนยดาํ ดุจกลองพัง เสวกผอง อาณัติปาน ถอดความได้ว่า ก็จะได้ดําเนินการตามพระบัญชาของพระองค์เหล่าข้าราชการทังหลายก็ตีกลอง สั ญญาณขึนราวกับกล้องจะพัง บทประพันธ์ ประลุโสตท้าว ศั พทอุโฆษ ขณะทรงฟง และละเลยดงั ลจิ ฉวิด้าว ธรุ ะกบั ใคร ต่าง ธ ก็เฉย ไท้มอิ ินัง ถอดความได้ว่า เสียงดงั กกึ ก้องไปถงึ พระกรรณกษัตริย์ลจิ ฉวี ต่างองค์ทรงเพิกเฉยราวกบั ไมเ่ อาใจใส่ในเรืองราวของผู้ใด

๓๗ บทประพันธ์ ณ สภาคาร ต่างก็ บ คลา บรุ ทัวไป และทวารใด แม้พระทวาร สิจะปดมี ฯ รอบทิศด้าน เห็นนรไหน ถอดความได้ว่า ต่างองค์ไมเ่ สด็จไปทีประชุม แม้แต่ประตูเมอื งรอบทิศทุกบานก็ไมม่ ผี ู้ใดปด สัททุลวิกกี ิตฉันท์ ๑๙ บทประพันธ์ จองทัพมาคธราษฎร์ ธ ยาตรพยหุ กรี ธาสู่วิสาลี นคร โดยทางอันพระทวารเปดนรนิกร ฤารอจะต่อรอน อะไร ถอดความได้ว่า จอมทัพแห่งแคว้นมคธกรีธาทัพ เข้าเมอื งเวสาลที างประตูเมอื งทีเปดอย่โู ดย ไมม่ ผี ู้คนหรือทหารต่อสู้ประการใด

๓๘ บทประพันธ์ เบืองนันท่านคุรุวัสสการทิชก็ไป นําทัพชเนนทร์ไท มคธ เข้าปราบลจิ ฉวิขัตติย์รัฐชนบท สู่เงือมพระหัตถห์ มด และโดย ถอดความได้ว่า ขณะนันวัสสการพราหมณ์ผู้เปนอาจารย์ก็ไปนําทัพของกษั ตริย์แห่งมคธ เข้ามาปราบกษัตริย์ลจิ ฉวีอาณาจักรทังหมดก็ตกอย่ใู นเหงือมอื พระหัตถ์ บทประพันธ์ ไปพักต้องจะกะเกณฑน์ ิกายพหลโรย แรงเปลอื งระดมโปรย ประยทุ ธ์ ราบคาบเสร็จธเสด็จลุราช คฤหอุต คมเขตบเุ รศดุจ ณเดมิ ถอดความได้ว่า โดยทีกองทัพไมต่ ้องเปลอื งแรงในการต่อสู้ปราบราบคาบแล้วเสด็จยัง ราชคฤห์ เมอื งยิงใหญด่ งั เดมิ

๓๙ บทประพันธ์ เรืองต้นยกุ ติก็แต่จะต่อพจนเติม ภาษิตลขิ ิตเสริม ประสงค์ ปรุงโสตเปนคติสุนทราภรณจง จับข้อประโยชน์ตรง ตริดู ถอดความได้ว่า เนือเรืองแต่เดมิ จบลงเพียงนีแต่ประสงค์จะแต่งสุภาษิตเพิมเติมให้ได้รับฟงเพือเปน คดอี ันทรงคุณค่านําไปคิดไตร่ตรอง อินทรวิเชียรฉันท์ ๑๑ บทประพันธ์ อันภบู ดรี า ชอชาตศัตรู ได้ลจิ ฉวีภู วประเทศสะดวกดี แลสรรพบรรดา วรราชวัชชี ถงึ ซึงพิบัติบี ฑอนัตถพ์ ินาศหนา ถอดความได้ว่า พระเจ้าอชาตศัตรูได้แผ่นดนิ วัชชีอย่างสะดวก และกษัตริย์ลจิ ฉวีทังหลายก็ถงึ ซึง ความพินาศลม่ จม

๔๐ บทประพันธ์ คณะแตกและต่างมา เหียมนันเพราะผันแผก หสโทษพิโรธจอง ทนสิน บ ปรองดอง ถอื ทิฐมิ านสา ตริมลกั ประจักษ์เจือ แยกพรรคสมรรคภนิ ขาดญาณพิจารณ์ตรอง ถอดความได้ว่า เหตุเพราะความแตกแยกกนั ต่างก็มคี วามยึดมนั ในความคิดของตน ผูกโกรธซึงกนั และกนั ต่างแยกพรรคแตกสามคั คีกนั ไมป่ รองดองกนั ขาดปญญาทีจะพิจารณา ไตร่ตรอง บทประพันธ์ รสเลา่ ก็ง่ายเหลอื เชืออรรถยบุ ลเอา คติโมหเปนมลู ยนภาวอาดูร เหตุหาก ธ มากเมอื ยศศักดเิ สือมนาม จึงดาลประการหา เสี ยแดนไผทสูญ ถอดความได้ว่า เชือถ้อยความของบรรดาพระโอรสอย่างง่ายดายเหตุทีเปนเช่นนันเพราะ กษัตริย์แต่ละพระองค์ทรงมากไปด้วยความหลง จึงทําให้ถงึ ซึงความ ฉิบหาย มภี าวะความเปนอย่อู ันทุกข์ระทม เสียทังแผ่นดนิ เกยี รติยศ และชือเสียงทีเคยมอี ยู่

๔๑ บทประพันธ์ คุรุวัสสการพราหมณ์ ควรชมนิยมจัด กลงํากระทํามา พิเคราะห์คิดพินิจปรา เปนเอกอุบายงาม ธสุ มคั รภาพผล พุทธาทิบัณฑติ รภสรรเสริญสา ถอดความได้ว่า ส่ วนวัสสการพราหมณ์นันน่าชื นชมอย่างยิงเพราะเปนเลิศในการกระทํา กลอุบายผู้รู้ทังหลายมีพระพุทธเจ้าเปนต้น ได้ใคร่ครวญพิจารณากล่าว สรรเเสพริญ่มิ วข่าอชอคบวแาลม้วใในนเรืสองว ผนลแเนห่ง้ือคหวาามเพลร็ก้อนมเอพยรียงกัน บทประพันธ์ สุกภาวมาดล ว่าอาจจะอวยผา บ นิราศนิรันดร คยพรรคสโมสร ดสี ู่ ณ หมตู่ น คุณไร้ไฉนดล หมใู่ ดผิสามคั ไปปราศนิราศรอน ถอดความได้ว่า ความสามคั คีอาจอํานวยให้ถงึ ซึงสภาพแห่งความผาสุก ณ หมขู่ องตนไมเ่ สือม คลายตลอดไป หากหมใู่ ดมคี วามสามคั คีร่วมชุมนุมกนั ไมห่ ่างเหินกนั สิงทีไร้ ประโยชน์จะมาสู่ได้อย่างไร

๔๒ บทประพันธ์ เพราะฉะนันแหละบคุ คล พร้อมเพรียงประเสริฐครัน ธรุ ะเกยี วกะหมเู่ ขา มขุ เปนประธานเอา ผู้หวังเจริญตน บ มเิ ห็น ณ ฝายเดยี ว พึงหมายสมคั รเปน ธรู ทัว ณ ตัวเรา ถอดความได้ว่า ความพร้อมเพรียงนันประเสริฐยิงนักเพราะฉะนันบุคคลใดหวังทีจะได้รับความ เจริญแห่งตนและมีกิจธุระอันเปนส่ วนรวมก็พึงตังใจเปนหัวหน้าเอาเปนธุระด้วย ตัวของเราเองโดยมิเห็นประโยชน์ตนแต่ฝายเดียว บทประพันธ์ นรอืนก็แลเหลยี ว ควรยกประโยชน์ยืน มติ รภาพผดุงครอง ทมผ่อนผจงจอง ดูบ้างและกลมเกลยี ว มนเมอื จะทําใด ยังทิฐมิ านหย่อน อารีมมิ หี มอง ถอดความได้ว่า ควรยกประโยชน์ให้บคุ คลอืนบ้าง นึกถงึ ผู้อืนบ้าง ต้องกลมเกลยี ว มคี วามเปน มติ รกนั ไว้ ต้องลดทิฐมิ านะ รู้จักข่มใจจะทําสิงใดก็เอือเฟอกนั ไมม่ คี วามบาดหมาง ใจ

๔๓ บทประพันธ์ ลุก็ปนก็แบ่งไป ลาภผลสกลบรร สุจริตนิยมธรรม์ สุประพฤติสงวนพรรค์ ตามน้อยและมากใจ อุปเฉทไมตรี พึงมรรยาทยึด รือริษยาอัน ถอดความได้ว่า ผลประโยชน์ทังหลายทีเกดิ ขึนก็แบ่งปนกนั ไป มากบ้างน้อยบ้างอย่างเปนธรรม ควรยึดมนั ในมารยาทและความประพฤติทีดงี ามรักษาหมคู่ ณะโดยไมม่ คี วาม ริษยากนั อันจะตัดรอนไมตรี บทประพันธ์ ผิ บ ไร้สมคั รมี ดงั นัน ณ หมใู่ ด รวิวาทระแวงกนั สยคงประสบพลนั พร้อมเพรียงนิพัทธน์ ี หิตะกอบทวิการ หวังเทอญมติ ้องสง ซึ งสุขเกษมสั นต์ ถอดความได้ว่า ดงั นันถ้าหมคู่ ณะใดไมข่ าดซึงความสามคั คี มคี วามพร้อมเพรียงกนั อย่เู สมอ ไมม่ กี ารวิวาท และระแวงกนั ก็หวังได้โดยไมต่ ้องสงสัยว่า คงจะพบซึงความ สุข ความสงบ และประกอบด้วยประโยชน์มากมาย

๔๔ บทประพันธ์ มนอาจระรานหาญ ใครเลา่ จะสามารถ ก็เพราะพร้อมเพราะเพรียงกนั นรสูงประเสริฐครัน หักล้าง บ แหลกลาญ เฉพาะมชี ีวีครอง ปวยกลา่ วอะไรฝงู ฤๅสรรพสั ตว์อัน ถอดความได้ว่า ใครเลา่ จะมใี จกล้าคิดทําสงครามด้วย หวังจะทําลายล้างก็ไมไ่ ด้ ทังนี เพราะความพร้อมเพรียงกนั นันเองกลา่ วไปไยกบั มนุษย์ผู้ประเสริฐหรือสรรพสัตว์ ทีมชี ีวิต บทประพันธ์ ผิวใครจะใคร่ลอ แม้มากผิกงิ ไม้ พลหักก็เต็มทน มดั กาํ กระนันปอง สละลี ณ หมตู่ น เหลา่ ไหนผิไมตรี บ มพิ ร้อมมเิ พรียงกนั กจิ ใดจะขวายขวน ถอดความได้ว่า แม้แต่กงิ ไม้หากใครจะใคร่ลองเอามามดั เปนกาํ ตังใจใช้กาํ ลงั หักก็ยากเต็มทน หากหมใู่ ดไมม่ คี วามสามคั คีในหมคู่ ณะของตนและกจิ การอันใดทีจะต้อง ขวนขวายทําก็มพิ ร้อมเพรียงกนั

๔๕ บทประพันธ์ สุขทังเจริญอัน อย่าปรารถนาหวัง ลุไฉน บ ได้มี พภยันตรายกลี มวลมาอุบัติบรร ติประสงค์ก็คงสม ปวงทุกข์พิบัติสรร แม้ปราศนิยมปรี ถอดความได้ว่า ก็อย่าได้หวังเลยความสุขความเจริญจะเกดิ ขึนได้อย่างไร ความทุกข์พิบัติอันตราย และความชัวร้าย ทังปวง ถงึ แม้จะไมต่ ้องการก็จะต้องได้รับเปนแน่แท้ บทประพันธ์ คณะเปนสมาคม ควรชนประชุมเช่น ภนิพัทธรําพึง ผิวมกี ็คํานึง สามคั คิปรารม จะประสบสุขาลยั ฯ ไปมกี ็ให้มี เนืองเพือภยิ โยจึง ถอดความได้ว่า ผู้ทีอย่รู วมกนั เปนหมคู่ ณะหรือสมาคม ควรคํานึงถงึ ความสามคั คีอย่เู ปนนิจ ถ้ายังไมม่ กี ็ควรจะมขี ึนถ้ามอี ย่แู ล้วก็ ควรให้เจริญรุ่งเรืองยิงขึนไปจึงจะถงึ ซึงความสุขความสบาย

๔๖ อธบิ ายศัพท์ยาก กฤๅ ถ้อยคํา กลห์เหตุ เหตุแห่งการทะเลาะ กสิก ชาวนา ไกวล ทัวไป ขันติย์ พระเจ้าแผ่นดนิ คดี เรือง คม ไป ชเนนทร์ ผู้เปนใหญใ่ นชุมชน ทม ความข่มใจ ทลทิ ภาร ยากจน ทัวบรุ คาม ทัวบ้านทัวเมอื ง ทิช บางทีก็ใช้ว่า ทวิช ทิชงค์ ทิชาจารย์ ทวิชงค์ หมายถงึ ผู้เกดิ สองครัง คือ พารหมณ์ กลา่ วคือ เกดิ เปนคน โดยทัวไปครังหนึง และเกดิ เปนพารหมณ์โดยตําแหน่งอีกครัง หนึง ทิน วัน นครบร เมอื งของข้าศึก นย,นัย เค้าความ ความหมาย นยมาน ใจความสําคัญ (มาน=ใจ) นรนิกร ฝงู ชน


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook