Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore 5 บท โครงการขยายผลเกษตรกรต้นแบบ-ผสาน

5 บท โครงการขยายผลเกษตรกรต้นแบบ-ผสาน

Description: 5 บท โครงการขยายผลเกษตรกรต้นแบบ-ผสาน

Search

Read the Text Version

ศนู ยก์ ารศกึ ษานอกระบบและการศกึ ษาตามอัธยาศยั อาเภอเกาะจันทร์ จงั หวัดชลบรุ ี

คำนำ รายงานสรุปผลการดาเนินการจัดโครงการการศึกษาต่อเน่ือง โครงการขยายผลเกษตรกรต้นแบบ Master Trainer วันท่ี 11-12 กรกฎาคม 2563 ณ บ้านหนองงูเหลือม หมู่ 7 ตาบลท่าบุญมี อาเภอเกาะจันทร์ จังหวัดชลบุรี เพ่ือนาผลท่ีได้จากการรายงานไปใช้เป็นข้อมูลในการวางแผนพัฒนา การดาเนินงานต่อไป ให้มี ประสิทธิภาพและประสิทธิผล และเผยแพร่ประชาสัมพันธ์การจัดกิจกรรมของศูนย์การศึกษานอกระบบและ การศึกษาตามอัธยาศัยอาเภอเกาะจนั ทร์ ในโอกาสนี้ คณะผู้จัดทาโครงการ ขอขอบคุณบุคลากรที่เก่ียวข้องกับการดาเนินโครงการทุกด้าน ที่ให้ความร่วมมือในการดาเนินงานตามโครงการ และรายงานผลการดาเนินโครงการ ทาให้การดาเนินงานบรรลุผล ตามเปา้ หมายที่กาหนดเปน็ อยา่ งดี ศนู ยก์ ารศกึ ษานอกระบบและการศกึ ษาตามอธั ยาศยั อาเภอเกาะจันทร์หวงั เป็นอย่างยิ่งว่า เอกสาร เล่มน้ี คงจะเป็นประโยชน์สาหรับผู้ท่ีต้องการศึกษาหาข้อมูล เพื่อใช้เป็นแนวทางในการจัดโครงการ และหากมีส่ิง หนึง่ ส่ิงใดผิดพลาด คณะผจู้ ดั ทาต้องขออภยั มา ณ โอกาสน้ีดว้ ย กศน.ตาบลท่าบุญมี ศนู ยก์ ารศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัยอาเภอเกาะจันทร์ กรกฎาคม 2563 ศนู ย์การศกึ ษานอกระบบและการศกึ ษาตามอธั ยาศัยอาเภอเกาะจันทร์ จังหวดั ชลบรุ ี

สำรบัญ หน้ำ คำนำ 1 สำรบญั 1 บทท่ี 1 บทนา 1 1 - หลกั การและเหตผุ ล - วัตถุประสงค์ 1 - เป้าหมาย 2 2 - เชงิ ปริมาณ 2 - เชิงคุณภาพ 2 - วธิ ีดาเนินการ - ระยะเวลาดาเนินการ 2 - งบประมาณ - ผู้รับผิดชอบโครงการ 2 - ผลผลติ /ผลลัพธ์ 2 - ผลผลติ 4 - ผลลพั ธ์ 8 - ตวั ชีว้ ัด 8 - ตัวชวี้ ัดผลผลติ 8 - ตัวชี้วดั ผลลพั ธ์ 8 - ผลประเมนิ 8 - ประโยชนท์ ่คี าดว่าจะได้รบั 8 บทท่ี 2 เอกสารการศกึ ษาและรายงานท่ีเก่ียวข้อง 8 บทท่ี 3 วธิ ดี าเนนิ งาน 8 - สารวจความตอ้ งการของกล่มุ เป้าหมาย - กาหนดแผนและปฏทิ นิ การดาเนินงาน - เสนอโครงการ - ประสานผู้เกย่ี วข้อง - ดาเนนิ การจัดกิจกรรม - เคร่อื งมือในการเกบ็ ข้อมูล - วิเคราะหข์ อ้ มูล/สถติ ทิ ่ใี ช้ในการวเิ คราะห์ ศนู ยก์ ารศกึ ษานอกระบบและการศกึ ษาตามอธั ยาศยั อาเภอเกาะจันทร์ จังหวดั ชลบรุ ี

สำรบญั (ต่อ) หน้ำ บทที่ 4 ผลการดาเนนิ งานและการวิเคราะห์ขอ้ มูล 10 - ตอนที่ 1 ขอ้ มูลสว่ นตัวผู้ตอบแบบถาม 10 - ตอนที่ 2 ขอ้ มูลเกย่ี วกับความคดิ เห็นของผ้เู ข้ารว่ ม 11 - อภิปรายผล 14 - ข้อเสนอแนะจากแบบประเมนิ โครงการ 14 15 บทท่ี 5 สรุป อภปิ รายผล ขอ้ เสนอแนะ 17 - สรุปผลการดาเนินงาน 17 - อภิปรายผล 17 - ขอ้ เสนอแนะ 18 บรรณำนุกรม ภำคผนวก คณะผจู้ ดั ทำ ศูนยก์ ารศกึ ษานอกระบบและการศกึ ษาตามอัธยาศัยอาเภอเกาะจนั ทร์ จงั หวัดชลบรุ ี

1 โครงการการศึกษาต่อเนือ่ ง กศน.ตาบลท่าบญุ มี ประจาปีงบประมาณ พ.ศ.2563 บทท่ี 1 บทนำ โครงกำรกำรศึกษำต่อเนื่อง โครงกำรขยำยผลเกษตรกรต้นแบบ Master Trainer ประจำปี 2563 หลกั กำรและเหตผุ ล ตามท่ีพลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี มีนโยบายช่วยเหลือเกษตรกร โดยชี้นา เกษตรกรไทยต้องเป็น Smart Farmer คือ ต้องนาความรู้ หลักวิชาการ และเทคโนโลยีสมัยใหม่ เข้ามาช่วยในการ ทาการเกษตร โดยต้องทาใหน้ อ้ ยลง ไดผ้ ลผลติ มากขนึ้ ใช้พน้ื ที่ให้นอ้ ยลง ใชน้ ้าใหน้ อ้ ยลง ผลผลิตเพมิ่ ข้ึน ในปีงบประมาณ 2562 สานักงาน กศน.จังหวดั ชลบุรี ได้รับงบประมาณในการพัฒนาศักยภาพการ ผลิตภาคการเกษตร การสร้างองค์ความรู้แก่กลุ่มเป้าหมายให้มีความรู้ ความชานาญอย่างต่อเน่ืองสามารถขยายผล แก่ผู้อ่ืนได้ เป็นความจาเป็นท่ีจะต้องดาเนินการให้สอดคล้องกับยุทธศาสตร์ชาติ มุ่งเน้นการสร้างสมดุลระหว่างการ พัฒนาความม่ันคง สังคม และส่ิงแวดล้อม โดยการมีส่วนร่วมของทุกภาคส่วนในรูปแบบ “ประชารัฐ” โดย ยุทธศาสตร์ชาติด้านการสร้างความสามารถในการแข่งขัน มีเป้าหมายการพัฒนาที่มุ่งเน้นการยกระดับศักยภาพของ ประเทศในหลากหลายมิติ บนพ้ืนฐานแนวคิด 3 ประการ ได้แก่ (1) “ต่อยอดอดีต” โดยมองกลับไปท่ีรากเหง้าทาง เศรษฐกิจ อัตลักษณ์ วัฒนธรรม ประเพณี วิถีชีวิตและจุดเด่นทาทรัพยากรธรรมชาติท่ีหลากหลาย รวมท้ังความ ได้เปรียบเชิงเปรียบเทียบของประเทศในด้านอื่น ๆ นามาประยุกต์ผสมผสานกับเทคโนโลยีและนวัตกรรม เพื่อให้ สอดกบั บรบิ ทของเศรษฐกจิ และสังคมโลกสมยั ใหม่ (2) “ปรับปจั จบุ นั ” เพ่ือปูทางสู่อนาคตผ่านการพฒั นาโครงสร้าง พื้นฐานของประเทศในมิติต่าง ๆ ท้ังโครงข่ายระบบคมนาคม และการขนส่ง โครงสร้างพ้ืนฐานวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยีและดิจิทัล และปรับสภาพแวดล้อมให้เอ้ือต่อการพัฒนาอุตสาหกรรมและบริการอนาคต และ (3) “สร้าง คุณค่าใหม่ในอนาคต” ด้วยการเพ่ิมศักยภาพของผู้ประกอบการ พัฒนาคนรุ่นใหม่รวมถึงปรับรูปแบบธุรกิจเพ่ือตอบ สองความต้องการของตลาด ผสมผสานกับยุทธศาสตร์ที่รองรับอนาคต บนพ้ืนฐานของการต่อยอดอดีตและปรับ ปัจจุบัน พร้อมทั้งการส่งเสริมและสนับสนุนจากภาครัฐให้ประเทศไทยสามารถสร้างฐานรายได้และการจ้างงานใหม่ ขยายโอกาสทางการค้าและการลงทุนในเวทีโลก ควบคู่กับการยกระดับรายได้และการกินดีอยู่ดี รวมถึงการเพิ่มข้ึน ของคนชน้ั กลาง และลดความเหลอ่ื มลา้ ของคนในประเทศในคราวเดยี วกนั ในปงี บประมาณ 2561 ได้ดาเนินการจดั อบรมประชาชนในตาบล จานวน 92 แห่ง มีประชาชนท่ี ผ่านการอบรมเร่ืองเกษตรกรปราดเปรือ่ ง Smart Farmer จานวน 1,380 คน และเพอ่ื การพัฒนาต่อเน่อื งให้ เกษตรกรผผู้ ่านการอบรมสามารถไปขยายผลกบั เกษตรกรอื่น ๆ ให้สามารถประกอบอาชีพดา้ นการเกษตรได้อยา่ งมี ประสทิ ธภิ าพ สรา้ งรายได้ให้แกต่ นเองและครอบครัว มคี วามม่นั คงในอาชีพดา้ นการเกษตร มคี วามภมู ิใจในการเป็น เกษตรกร รวมทั้งเป็นแบบอย่างใหก้ บั คนรนุ่ หลัง ใหเ้ กิดความรัก หวงแหนในอาชีพด้านการเกษตร จึงไดก้ าหนดใหม้ ี โครงการ Smart ONIE เพื่อสรา้ ง Smart Farmer ปงี บประมาณ 2562 เพื่อจัดอบรมตอ่ ยอดการพัฒนาให้เปน็ เกษตรกรตน้ แบบ (Master Trainer) ปีงบประมาณ 2563 เกษตรกรต้นแบบ (Master Trainer) ท่ผี ่านการอบรมใน ปงี บประมาณ 2562 ได้ไปขยายผลการอบรมประชาชนให้เป็นเกษตรกรปราดเปรือ่ ง Smart Farmer ตอ่ ไป

2 โครงการการศกึ ษาตอ่ เนื่อง กศน.ตาบลท่าบญุ มี ประจาปงี บประมาณ พ.ศ.2563 2. วตั ถุประสงค์ 1) เพื่อพัฒนาศกั ยภาพเกษตรกรใหม้ ีองค์ความรดู้ ้านการบริหารจดั การงานเกษตรและการเกษตรเชิง ท่องเท่ยี วเพ่มิ ข้ึน 2) เพื่อใหเ้ กษตรกรตน้ แบบ (Master Trainer) ได้ไปขยายผลการอบรมประชาชนใหเ้ ปน็ เกษตรกร ปราดเปรือ่ ง Smart Farmer เป้ำหมำย 1) เชงิ ปรมิ าณ : ประชาชนตาบลท่าบญุ มี จานวน 15 คน 2) เชงิ คณุ ภาพ : ร้อยละ 80 ของประชาชนท่ไี ด้รบั การอบรมมคี วามรเู้ พิ่มมากขน้ึ และสามารถเป็นเกษตรกร ปราดเปรอ่ื ง Smart Farmer ได้ 6. ขัน้ ตอนกำรดำเนินกำร วิธกี ำรดำเนินงำน กำรดำเนนิ งำน ระยะเวลำ งบประมำณ ผ้รู ับผิดชอบ 1. สำรวจควำมตอ้ งกำรของกลุ่มเปำ้ หมำย 1-10 กรกฎาคม 2563 - - นางสาวศรัณยา 2. กำหนดแผนและปฏทิ ินกำรดำเนินงำน 1-10 กรกฎาคม 2563 - ชยั กิจ - - นางสาวจันทร์ทพิ ย์ 3. ดำเนนิ งำนและตดิ ต่อประสำนงำน 1-10 กรกฎาคม 2563 11-12 กรกฎาคม 2563 12,500.- บรรดาศักด์ิ 4. ดำเนนิ กำรจดั กิจกรรม บาท 5. รำยงำนผลกำรจัดกจิ กรรม 12-31 กรกฎาคม 2563 - ระยะเวลำกำรดำเนินกำร วนั ท่ี 11-12 กรกฎาคม 2563 ณ ศาลาประชาคมบา้ นหนองงเู หลอื ม หมทู่ ่ี 7 ตาบลท่าบุญมี อาเภอ เกาะจันทร์ จังหวัดชลบุรี งบประมำณ เงนิ งบประมาณงบประมาณประจาปี 2563 โครงการจัดการศกึ ษาเพื่อพฒั นาพ้ืนทีภ่ าคตะวันออก สานกั งาน กศน. จานวน 12,500.-บาท (-หน่ึงหมนื่ สองพนั ห้ารอ้ ยบาทถว้ น-) ผู้รับผิดชอบโครงกำร 1) นางสาวศรัณยา ชัยกิจ 2) นางสาวจันทร์ทิพย์ บรรดาศักดิ์ ผลผลติ /ผลลพั ธ์ 1) ผลผลิต ประชาชนตาบลทา่ บุญมี จานวน 23 คน 2) ผลลัพธ์ ประชาชนตาบลท่าบุญมี ที่เข้าร่วมกิจกรรมร้อยละ 80 มีความรู้ ความเข้าใจ เกี่ยวกับการบริหารจัดการ และการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม หลังฤดูเก็บเกี่ยวพืชผลทางการเกษตรและ การเพ่ิมประสิทธิภาพจากการใช้ประโยชน์ท่ีดิน และเพ่ิมผลผลิตพืชต่างๆ ด้วยการปรับปรุงบารุงดิน รอ้ ยละ 80 สามารถนาไปใชใ้ นชีวติ ประจาวันได้ ตัวชี้วดั 1) ตวั ช้วี ัดผลผลิต ผู้เข้ารว่ มโครงการ จานวน 20 คน 2) ตัวชวี้ ดั ผลลพั ธ์ ผู้เข้ารว่ มโครงการมคี วามพึงพอใจ ในกิจกรรมอย่างนอ้ ยร้อยละ 80

โครงการการศกึ ษาตอ่ เน่ือง กศน.ตาบลท่าบญุ มี ประจาปีงบประมาณ พ.ศ.2563 3 ผลประเมนิ 1) จากแบบสอบถาม 2) จากการสังเกต ประโยชนท์ ี่คำดวำ่ จะไดร้ บั 1) เพื่อพฒั นาศกั ยภาพเกษตรกรใหม้ ีองค์ความรดู้ า้ นการบริหารจัดการงานเกษตรและการเกษตรเชงิ ทอ่ งเทย่ี วเพ่มิ ขึ้น 2) เพื่อให้เกษตรกรต้นแบบ (Master Trainer) ไดไ้ ปขยายผลการอบรมประชาชนใหเ้ ป็นเกษตรกร ปราดเปรื่อง Smart Farmer

4 โครงการการศกึ ษาต่อเน่ือง กศน.ตาบลท่าบญุ มี ประจาปีงบประมาณ พ.ศ.2563 บทท่ี 2 เอกสำรและรำยงำนท่เี กี่ยวข้อง ในการจัดกิจกรรมโครงการการศึกษาต่อเน่ือง กจิ กรรมพัฒนาชมุ ชนสังคม คณะผูจ้ ดั ทาได้ศึกษาข้อมลู เอกสารและงานวจิ ัยที่เกยี่ วข้องกับการเรียนร้ตู ามหลักปรชั ญาของเศรษฐกิจพอเพียง ดังน้ี จดุ เร่มิ ต้นแนวคดิ เศรษฐกจิ พอเพยี ง ผลจากการใช้แนวทางการพัฒนาประเทศไปสคู่ วามทนั สมัย ได้ก่อใหเ้ กิดการเปลย่ี นแปลงแก่สงั คมไทยอย่าง มากในทุกด้าน ไม่ว่าจะเปน็ ด้านเศรษฐกิจ การเมอื ง วัฒนธรรม สงั คมและสง่ิ แวดลอ้ ม อีกท้งั กระบวนการของความ เปลี่ยนแปลงมีความสลับซับซ้อนจนยากท่จี ะอธบิ ายใน เชิงสาเหตแุ ละผลลพั ธ์ได้ เพราะการเปลี่ยนแปลงท้ังหมดต่าง เปน็ ปัจจัยเชอื่ มโยงซ่ึงกันและกัน สาหรบั ผลของการพฒั นาในด้านบวกน้นั ไดแ้ ก่ การเพิม่ ข้นึ ของอตั ราการเจริญเติบโตทางเศรษฐกจิ ความเจริญทาง วตั ถุ และสาธารณูปโภคตา่ งๆ ระบบสื่อสารทีท่ นั สมัย หรือการขยายปริมาณและกระจายการศึกษาอยา่ งท่ัวถึงมาก ข้ึน แต่ผลดา้ นบวกเหลา่ น้ีสว่ นใหญก่ ระจายไปถงึ คนในชนบท หรอื ผ้ดู อ้ ยโอกาสในสงั คมนอ้ ย แตว่ า่ กระบวนการ เปลย่ี นแปลงของสงั คมไดเ้ กิดผลลบตดิ ตามมาดว้ ย เช่น การขยายตัวของรฐั เข้าไปในชนบท ไดส้ ่งผลใหช้ นบทเกดิ ความอ่อนแอในหลายดา้ น ทงั้ การต้องพง่ึ พงิ ตลาดและพ่อค้าคนกลางในการสัง่ สินคา้ ทนุ ความเส่ือมโทรมของ ทรพั ยากรธรรมชาติ ระบบความสัมพันธแ์ บบเครอื ญาติ และการรวมกลุ่มกันตามประเพณีเพื่อการจัดการทรัพยากร ท่เี คยมีอยแู่ ต่เดิมแตก สลายลง ภูมิความรทู้ ่เี คยใช้แก้ปญั หาและสั่งสมปรบั เปล่ยี นกนั มาถูกลมื เลือนและเร่มิ สญู หายไป ส่งิ สาคญั ก็คือ ความพอเพียงในการดารงชีวิต ซงึ่ เป็นเงื่อนไขพืน้ ฐานที่ทาใหค้ นไทยสามารถพ่ึงตนเอง และ ดาเนินชวี ติ ไปได้อยา่ งมีศกั ด์ิศรภี ายใตอ้ านาจและความมีอสิ ระในการกาหนด ชะตาชีวิตของตนเอง ความสามารถใน การควบคุมและจดั การเพื่อให้ตนเองไดร้ บั การสนองตอบตอ่ ความตอ้ ง การตา่ งๆ รวมทัง้ ความสามารถในการจัดการ ปญั หาต่างๆ ได้ด้วยตนเอง ซ่ึงทั้งหมดนถี้ ือว่าเป็นศักยภาพพ้ืนฐานทค่ี นไทยและสงั คมไทยเคยมอี ยู่แต่ เดมิ ต้องถูก กระทบกระเทือน ซึ่งวิกฤตเศรษฐกิจจากปญั หาฟองสบแู่ ละปญั หาความอ่อนแอของชนบท รวมท้ังปญั หาอนื่ ๆ ท่ี เกิดขน้ึ ล้วนแต่เป็นข้อพสิ จู น์และยนื ยนั ปรากฏการณ์น้ีได้เปน็ อย่างดี พระรำชดำริว่ำด้วยเศรษฐกิจพอเพียง “...การพฒั นาประเทศจาเปน็ ตอ้ งทาตามลาดบั ขัน้ ตอ้ งสรา้ งพน้ื ฐานคือ ความพอมี พอกิน พอใชข้ องประชาชนส่วน ใหญ่เบ้ืองตน้ ก่อน โดยใชว้ ธิ กี ารและอปุ กรณ์ท่ปี ระหยัดแต่ถูกต้องตามหลักวชิ าการ เมอ่ื ไดพ้ ้ืนฐานความม่ันคงพรอ้ ม พอสมควร และปฏบิ ัตไิ ด้แลว้ จึงคอ่ ยสร้างค่อยเสรมิ ความเจริญ และฐานะทางเศรษฐกจิ ขั้นทสี่ ูงขึ้นโดยลาดบั ตอ่ ไป ...” (๑๘ กรกฎาคม ๒๕๑๗) “เศรษฐกจิ พอเพียง” เป็นแนวพระราชดาริในพระบาทสมเด็จพระเจา้ อยู่หัว ทีพ่ ระราชทานมานานกวา่ ๓๐ ปี เปน็ แนวคิดทตี่ งั้ อยู่บนรำกฐำนของวัฒนธรรมไทย เป็นแนวทางการพัฒนาทตี่ ง้ั บนพน้ื ฐานของทางสายกลาง และความ

5 โครงการการศกึ ษาตอ่ เนื่อง กศน.ตาบลท่าบญุ มี ประจาปีงบประมาณ พ.ศ.2563 ไม่ประมาท คานึงถึงความพอประมาณ ความมีเหตุผล การสร้างภมู คิ ุ้มกันในตัวเอง ตลอดจนใชค้ วามรู้และคุณธรรม เป็นพน้ื ฐานในการดารงชวี ติ ท่ีสาคญั จะต้องมี “สติ ปญั ญำ และควำมเพียร” ซงึ่ จะนาไปสู่ “ควำมสุข” ในการ ดาเนินชีวิตอย่างแทจ้ รงิ “...คนอืน่ จะว่าอยา่ งไรก็ชา่ งเขา จะวา่ เมืองไทยลา้ สมัย ว่าเมืองไทยเชย วา่ เมืองไทยไม่มีส่ิงทีส่ มัยใหม่ แต่เรำอยู่ พอมีพอกิน และขอให้ทุกคนมีความปรารถนาทีจ่ ะใหเ้ มืองไทย พออยู่พอกนิ มีความสงบ และทางานตั้งจิตอธษิ ฐาน ตัง้ ปณิธาน ในทางนี้ท่ีจะให้เมืองไทยอยู่แบบพออย่พู อกนิ ไมใ่ ชว่ ่าจะรุ่งเรืองอย่างยอด แต่ว่ามีความพออยู่พอกนิ มี ความสงบ เปรียบเทยี บกบั ประเทศอน่ื ๆ ถ้าเรารักษาความพออยู่พอกนิ นี้ได้ เรากจ็ ะยอดย่ิงยวดได้...” (๔ ธันวาคม ๒๕๑๗) พระบรมราโชวาทน้ี ทรงเห็นวา่ แนวทางการพฒั นาทีเ่ น้นการขยายตวั ทางเศรษฐกิจของประเทศเป็นหลักแต่ เพียง อยา่ งเดยี วอาจจะเกิดปญั หาได้ จงึ ทรงเน้นกำรมีพอกินพอใชข้ องประชำชนสว่ นใหญ่ในเบ้ืองต้นกอ่ น เม่อื มีพื้นฐาน ความมน่ั คงพร้อมพอสมควรแลว้ จึงสรา้ งความเจริญและฐานะทางเศรษฐกิจใหส้ งู ขน้ึ ซงึ่ หมายถึง แทนท่จี ะเน้นการขยายตวั ของภาคอุตสาหกรรมนาการพัฒนาประเทศ ควรท่ีจะสร้างความมนั่ คงทาง เศรษฐกจิ พื้นฐานก่อน นนั่ คือ ทำใหป้ ระชำชนในชนบทส่วนใหญ่พอมีพอกินก่อน เป็นแนวทางการพัฒนาท่เี น้น การกระจายรายได้ เพ่ือสร้างพื้นฐานและความมัน่ งคงทางเศรษฐกจิ โดยรวมของประเทศ ก่อนเน้นการพัฒนาใน ระดับสูงขึ้นไป ทรงเตือนเร่ืองพออยพู่ อกิน ต้ังแต่ปี ๒๕๑๗ คือ เมื่อ ๓๐ กวำ่ ปที ี่แล้ว แตท่ ิศทำงกำรพัฒนำมไิ ด้เปล่ียนแปลง “...เมอื่ ปี ๒๕๑๗ วนั น้ันไดพ้ ูดถึงวา่ เราควรปฏิบตั ิใหพ้ อมีพอกนิ พอมีพอกนิ นี้กแ็ ปลวา่ เศรษฐกิจพอเพียงน่นั เอง ถ้า แต่ละคนมพี อมีพอกนิ กใ็ ช้ได้ ยง่ิ ถา้ ทั้งประเทศพอมีพอกนิ ก็ยิง่ ดี และประเทศไทยเวลานั้นก็เร่ิมจะเป็นไม่พอมีพอกนิ บางคนก็มีมาก บางคนก็ไมม่ เี ลย...” (๔ ธนั วาคม ๒๕๔๑) เศรษฐกจิ พอเพียง “เศรษฐกิจพอเพยี ง” เปน็ ปรัชญาทพี่ ระบาทสมเดจ็ พระเจ้าอยหู่ ัวพระราชทานพระราชดารชิ ี้แนะแนวทาง การ ดาเนินชีวิตแก่พสกนิกรชาวไทยมาโดยตลอดนานกว่า ๒๕ ปี ตัง้ แต่ก่อนเกิดวิกฤตการณ์ทางเศรษฐกจิ และเมื่อ ภายหลังไดท้ รงเน้นยา้ แนวทางการแก้ไขเพ่ือใหร้ อดพ้น และสามารถดารงอยู่ได้อยา่ งม่ันคงและยั่งยืนภายใต้กระแส โลกาภิวัตนแ์ ละความ เปล่ยี นแปลงตา่ งๆ ปรชั ญำของเศรษฐกจิ พอเพียง เศรษฐกิจพอเพียง เปน็ ปรัชญาช้ถี ึงแนวการดารงอยู่และปฏบิ ตั ิตนของประชาชนในทุกระดบั ต้ังแตร่ ะดับครอบครัว ระดบั ชุมชน จนถึงระดับรฐั ทั้งในการพัฒนาและบริหารประเทศใหด้ าเนนิ ไปในทางสายกลาง โดยเฉพาะการพฒั นา เศรษฐกจิ เพ่ือให้ก้าวทันต่อโลกยคุ โลกาภิวตั น์ ความพอเพียง หมายถึง ความพอประมาณ ความมีเหตผุ ล รวมถงึ ความจาเป็นทจี่ ะต้องมีระบบภูมิค้มุ กนั ในตวั ที่ดีพอสมควร ตอ่ การกระทบใดๆ อันเกดิ จากการเปลย่ี นแปลงทั้งภายใน ภายนอก ท้ังนี้ จะต้องอาศัยความรอบรู้ ความรอบคอบ และความระมัดระวังอย่างยงิ่ ในการนาวชิ าการตา่ งๆ มาใช้ ในการวางแผนและการดาเนินการ ทุกขนั้ ตอน และขณะเดียวกัน จะตอ้ งเสริมสรา้ งพื้นฐานจติ ใจของคนในชาติ

6 โครงการการศกึ ษาต่อเนอื่ ง กศน.ตาบลท่าบญุ มี ประจาปงี บประมาณ พ.ศ.2563 โดยเฉพาะเจ้าหนา้ ที่ของรฐั นักทฤษฎี และนกั ธรุ กิจในทุกระดับ ใหม้ ีสานึกในคุณธรรม ความซื่อสตั ยส์ ุจรติ และให้มี ความรอบรทู้ ่เี หมาะสม ดาเนินชีวติ ด้วยความอดทน ความเพียร มีสติ ปญั ญา และความรอบคอบ เพ่ือให้สมดุลและ พรอ้ มต่อการรองรับการเปลย่ี นแปลงอยา่ งรวดเร็วและกว้างขวาง ท้งั ดา้ นวตั ถุ สงั คม สิง่ แวดล้อม และวฒั นธรรมจาก โลกภายนอกได้เป็นอยา่ งดี ควำมหมำยของเศรษฐกจิ พอเพียง จึงประกอบด้วยคุณสมบัติ ดังนี้ ๑. ความพอประมาณ หมายถึง ความพอดที ี่ไมน่ ้อยเกินไปและไม่มากเกินไป โดยไมเ่ บียดเบยี นตนเองและผู้อื่น เช่น การผลิตและการบรโิ ภคที่อยู่ในระดับพอประมาณ ๒. ความมเี หตผุ ล หมายถึง การตดั สนิ ใจเกยี่ วกบั ระดบั ความพอเพยี งน้ัน จะต้องเปน็ ไปอย่างมเี หตผุ ล โดยพิจารณา จากเหตปุ ัจจัยที่เก่ียวข้อง ตลอดจนคานึงถึงผลทีค่ าดวา่ จะเกิดข้นึ จากการกระทานน้ั ๆ อยา่ งรอบคอบ ๓. ภมู คิ ุ้มกนั หมายถงึ การเตรยี มตัวใหพ้ ร้อมรบั ผลกระทบและการเปล่ยี นแปลงด้านตา่ งๆ ท่ีจะเกิดขึ้น โดยคานงึ ถึง ความเป็นไปได้ของสถานการณ์ต่างๆ ที่คาดวา่ จะเกดิ ขน้ึ ในอนาคต โดยมี เงอื่ นไข ของการตัดสินใจและดาเนนิ กจิ กรรมต่างๆ ใหอ้ ยู่ในระดับพอเพยี ง ๒ ประการ ดงั น้ี ๑. เง่ือนไขความรู้ ประกอบด้วย ความรอบรู้เกยี่ วกบั วชิ าการต่างๆ ท่เี กี่ยวข้องรอบดา้ น ความรอบคอบทจี่ ะนา ความรู้เหลา่ นั้นมาพจิ ารณาให้เช่ือมโยงกัน เพ่ือประกอบการวางแผนและความระมดั ระวงั ในการปฏิบัติ ๒. เง่อื นไขคุณธรรม ทีจ่ ะต้องเสริมสร้าง ประกอบด้วย มคี วามตระหนักใน คุณธรรม มีความซ่ือสตั ยส์ ุจรติ และมี ความอดทน มคี วามเพียร ใช้สติปญั ญาในการดาเนนิ ชีวิต พระรำชดำรสั ท่เี กี่ยวกบั เศรษฐกิจพอเพียง “...เศรษฐศาสตร์เป็นวิชาของเศรษฐกิจ การที่ตอ้ งใช้รถไถต้องไปซือ้ เราต้องใช้ต้องหาเงินมาสาหรับซ้ือน้ามันสาหรับ รถไถ เวลารถไถเก่าเราต้องยง่ิ ซ่อมแซม แตเ่ วลาใชน้ ั้นเราก็ต้องปอ้ นน้ามันให้เปน็ อาหาร เสรจ็ แลว้ มันคายควนั ควนั เราสดู เขา้ ไปแล้วก็ปวดหวั ส่วนควายเวลาเราใช้เราก็ตอ้ งป้อนอาหาร ต้องให้หญ้าให้อาหารมันกิน แตว่ ่ามันคาย ออกมา ท่ีมนั คายออกมากเ็ ป็นปยุ๋ แล้วก็ใช้ได้สาหรับให้ท่ดี ินของเราไม่เสยี ...” พระราชดารสั เนอื่ งในพระราชพิธพี ืชมงคลจรดพระนังคลั แรกนาขวญั ณ ศาลาดสุ ดิ าลยั วันที่ ๙ พฤษภาคม ๒๕๒๙ “...เราไม่เปน็ ประเทศร่ารวย เรามพี อสมควร พออยู่ได้ แต่ไมเ่ ปน็ ประเทศที่กา้ วหนา้ อย่างมาก เราไม่อยากจะเป็น ประเทศกา้ วหนา้ อย่างมาก เพราะถา้ เราเปน็ ประเทศก้าวหนา้ อย่างมากกจ็ ะมีแตถ่ อยกลบั ประเทศเหล่านั้นทเ่ี ปน็ ประเทศอุตสาหกรรมกา้ วหนา้ จะมแี ต่ถอยหลังและถอยหลงั อยา่ งนา่ กลวั แตถ่ า้ เรามีการบริหารแบบเรยี กวา่ แบบคน จน แบบท่ีไมต่ ิดกบั ตารามากเกินไป ทาอย่างมสี ามคั คีนแ่ี หละคอื เมตตากนั จะอยไู่ ดต้ ลอดไป...” พระราชดารสั เน่อื งในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษา ณ ศาลาดสุ ดิ าลัย วันท่ี ๔ ธันวาคม ๒๕๓๔ “...ตามปกติคนเราชอบดสู ถานการณ์ในทางดี ทเี่ ขาเรียกว่าเล็งผลเลิศ กเ็ ห็นวา่ ประเทศไทย เราน่กี ้าวหน้าดี การเงนิ การอุตสาหกรรมการคา้ ดี มีกาไร อีกทางหนึง่ กต็ ้องบอกว่าเรากาลังเสอื่ มลงไปสว่ นใหญ่ ทฤษฎวี า่ ถา้ มีเงินเท่านั้นๆ มกี ารกูเ้ ท่าน้นั ๆ หมายความว่าเศรษฐกิจกา้ วหนา้ แล้วก็ประเทศก็เจริญมีหวงั ว่าจะเปน็ มหาอานาจ ขอโทษเลยต้อง

โครงการการศึกษาต่อเนือ่ ง กศน.ตาบลท่าบญุ มี ประจาปงี บประมาณ พ.ศ.2563 7 เตอื นเขาวา่ จริงตัวเลขดี แต่วา่ ถา้ เราไม่ระมัดระวังในความต้องการพื้นฐานของประชาชนนัน้ ไมม่ ีทาง...” พระราชดารสั เนอื่ งในโอกาสวนั เฉลิมพระชนมพรรษา ณ ศาลาดุสดิ าลัย วันท่ี ๔ ธันวาคม ๒๕๓๖ “...เดีย๋ วนป้ี ระเทศไทยกย็ งั อยู่ดีพอสมควร ใช้คาว่า พอสมควร เพราะเดี๋ยวมคี นเหน็ ว่ามีคนจน คนเดอื ดร้อน จานวน มากพอสมควร แต่ใชค้ าวา่ พอสมควรน้ี หมายความว่าตามอัตตภาพ...” พระราชดารัส เนือ่ งในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษา ณ ศาลาดสุ ิดาลัย วันที่ ๔ ธนั วาคม ๒๕๓๙ “...ทีเ่ ป็นหว่ งนั้น เพราะแมใ้ นเวลา ๒ ปี ทีเ่ ป็นปกี าญจนาภิเษกก็ได้เห็นส่ิงท่ีทาใหเ้ หน็ ไดว้ ่า ประชาชนยงั มคี วาม เดือดรอ้ นมาก และมีสง่ิ ท่คี วรจะแก้ไขและดาเนินการต่อไปทกุ ด้าน มภี ัยจากธรรมชาติกระหนา่ ภัยธรรมชาตนิ ี้เราคง สามารถที่จะบรรเทาได้หรอื แก้ไขได้ เพยี งแต่ว่าต้องใช้เวลาพอใช้ มีภัยท่ีมาจากจติ ใจของคน ซึ่งกแ็ ก้ไขได้เหมือนกนั แต่ว่ายากกวา่ ภัยธรรมชาติ ธรรมชาตนิ ้นั เป็นส่ิงนอกกายเรา แตน่ สิ ัยใจคอของคนเป็นสงิ่ ที่อยขู่ ้างใน อนั นี้ก็เป็นข้อ หน่งึ ทอี่ ยากให้จดั การให้มคี วามเรยี บร้อย แต่ก็ไมห่ มดหวัง...” พระราชดารัส เนือ่ งในโอกาสวันเฉลมิ พระชนมพรรษา ณ ศาลาดุสดิ าลยั วันท่ี ๔ ธนั วาคม ๒๕๓๙ “...การจะเปน็ เสือนัน้ ไมส่ าคัญ สาคัญอยู่ท่ีเรามีเศรษฐกิจแบบพอมพี อกิน แบบพอมีพอกินนน้ั หมายความวา่ อุม้ ชู ตัวเองได้ ให้มพี อเพยี งกับตนเอง ความพอเพยี งน้ีไม่ไดห้ มายความวา่ ทกุ ครอบครัวจะตอ้ งผลติ อาหารของตวั เอง จะต้องทอผา้ ใส่เอง อยา่ งน้นั มันเกินไป แต่ว่าในหมบู่ ้านหรอื ในอาเภอ จะต้องมคี วามพอเพียงพอสมควร บางสง่ิ บางอยา่ งผลิตไดม้ ากกวา่ ความตอ้ งการก็ขายได้ แตข่ ายในทไ่ี ม่หา่ งไกลเท่าไร ไมต่ ้องเสียค่าขนสง่ มากนกั ...” พระราชดารสั เนอ่ื งในโอกาสวันเฉลมิ พระชนมพรรษา ณ ศาลาดสุ ิดาลัย วันท่ี ๔ ธนั วาคม ๒๕๓๙. “...เมอ่ื ปี ๒๕๑๗ วนั นน้ั ได้พูดถงึ ว่า เราควรปฏบิ ตั ใิ ห้พอมีพอกิน พอมีพอกินน้ีกแ็ ปลวา่ เศรษฐกจิ พอเพียงนั่นเอง ถ้า แต่ละคนมีพอมีพอกิน ก็ใช้ได้ ย่งิ ถ้าท้ังประเทศพอมีพอกินก็ยิง่ ดี และประเทศไทยเวลานัน้ กเ็ ร่มิ จะเป็นไม่พอมีพอกนิ บางคนก็มีมาก บางคนก็ไมม่ ีเลย...” พระราชดารสั เนือ่ งในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษา ณ ศาลาดุสิดาลยั วนั ท่ี ๔ ธันวาคม ๒๕๔๑ “...พอเพียง มีความหมายกว้างขวางยง่ิ กว่าน้ีอกี คือคาว่าพอ กพ็ อเพยี งนี้ก็พอแค่น้นั เอง คนเราถา้ พอในความ ตอ้ งการกม็ ีความโลภนอ้ ย เมื่อมคี วามโลภน้อยกเ็ บยี ดเบียนคนอน่ื น้อย ถ้าประเทศใดมีความคดิ อนั น้ี มคี วามคดิ วา่ ทา อะไรต้องพอเพยี ง หมายความวา่ พอประมาณ ซอ่ื ตรง ไมโ่ ลภอย่างมาก คนเราก็อยูเ่ ป็นสุข พอเพยี งนี้อาจจะมี มีมาก อาจจะมีของหรหู ราก็ได้ แต่ว่าต้องไม่ไปเบยี ดเบียนคนอืน่ ...” พระราชดารัส เนอ่ื งในโอกาสวนั เฉลิมพระชนมพรรษา ณ ศาลาดุสดิ าลัย วันที่ ๔ ธนั วาคม ๒๕๔๑

8 โครงการการศกึ ษาต่อเนือ่ ง กศน.ตาบลท่าบญุ มี ประจาปีงบประมาณ พ.ศ.2563 “...ไฟดับถ้ามีความจาเปน็ หากมีเศรษฐกิจพอเพียงแบบไมเ่ ต็มที่ เรามเี ครอื่ งปนั่ ไฟก็ใชป้ นั่ ไฟ หรือถา้ ขนั้ โบราณกว่า มืดก็จดุ เทยี น คือมีทางท่จี ะแก้ปญั หาเสมอ ฉะน้นั เศรษฐกิจพอเพียงก็มเี ป็นขน้ั ๆ แตจ่ ะบอกว่าเศรษฐกิจพอเพียงนี้ ให้พอเพยี งเฉพาะตวั เองร้อยเปอรเ์ ซน็ ต์นี่เปน็ ส่ิงทาไมไ่ ด้ จะตอ้ งมีการแลกเปลย่ี น ต้องมีการชว่ ยกนั ถ้ามกี ารชว่ ยกนั แลกเปลี่ยนกัน ก็ไมใ่ ช่พอเพียงแลว้ แต่วา่ พอเพียงในทฤษฎีในหลวงนี้ คือใหส้ ามารถทจ่ี ะดาเนนิ งานได้...” พระราชดารัส เนือ่ งในโอกาสวนั เฉลมิ พระชนมพรรษา ณ ศาลาดุสดิ าลัย วันที่ ๒๓ ธนั วาคม ๒๕๔๒ “...โครงการต่างๆ หรือเศรษฐกจิ ท่ใี หญ่ ต้องมีความสอดคล้องกันดีที่ไมใ่ ชเ่ หมือนทฤษฎีใหม่ ท่ใี ชท้ ี่ดนิ เพียง ๑๕ ไร่ และสามารถที่จะปลูกขา้ วพอกิน กจิ การนี้ใหญก่ วา่ แต่กเ็ ป็นเศรษฐกิจพอเพียงเหมือนกัน คนไม่เขา้ ใจว่ากิจการ ใหญๆ่ เหมอื นสร้างเขื่อนปา่ สักก็เปน็ เศรษฐกิจพอเพียงเหมือนกัน เขานึกว่าเปน็ เศรษฐกิจสมัยใหม่ เปน็ เศรษฐกิจท่ี ห่างไกลจากเศรษฐกจิ พอเพยี ง แต่ทจ่ี รงิ แล้ว เป็นเศรษฐกิจพอเพียงเหมือนกัน...” พระราชดารัส เน่อื งในโอกาสวันเฉลมิ พระชนมพรรษา ณ ศาลาดุสิดาลยั วันที่ ๒๓ ธนั วาคม ๒๕๔๒ “...ฉนั พดู เศรษฐกิจพอเพียงความหมายคือ ทาอะไรให้เหมาะสมกบั ฐานะของตวั เอง คอื ทาจากรายได้ ๒๐๐-๓๐๐ บาท ขึน้ ไปเปน็ สองหมื่น สามหมืน่ บาท คนชอบเอาคาพูดของฉัน เศรษฐกจิ พอเพียงไปพูดกันเลอะเทอะ เศรษฐกิจ พอเพียง คือทาเป็น Self-Sufficiency มันไมใ่ ช่ความหมายไมใ่ ช่แบบทีฉ่ ันคดิ ท่ฉี นั คดิ คือเป็น Self-Sufficiency of Economy เชน่ ถา้ เขาต้องการดูทวี ี ก็ควรใหเ้ ขามดี ู ไม่ใชไ่ ปจากัดเขาไมใ่ ห้ซื้อทวี ีดู เขาต้องการดูเพือ่ ความ สนกุ สนาน ในหมบู่ า้ นไกลๆ ที่ฉนั ไป เขามที วี ีดูแต่ใชแ้ บตเตอร่ี เขาไม่มีไฟฟ้า แต่ถา้ Sufficiency นน้ั มที วี เี ขา ฟมุ่ เฟอื ย เปรยี บเสมือนคนไม่มีสตางค์ไปตัดสทู ใส่ และยังใสเ่ นคไทเวอร์ซาเช่ อันนกี้ ็เกินไป...” พระตาหนักเป่ียมสุข วังไกลกังวล ๑๗ มกราคม ๒๕๔๔ ประเทศไทยกับเศรษฐกจิ พอเพียง เศรษฐกจิ พอเพียง ม่งุ เน้นให้ผู้ผลิต หรือผบู้ ริโภค พยายามเร่ิมตน้ ผลติ หรอื บรโิ ภคภายใต้ขอบเขต ข้อจากดั ของ รายได้ หรอื ทรัพยากรที่มีอยู่ไปกอ่ น ซ่งึ กค็ ือ หลกั ในการลดการพง่ึ พา เพิม่ ขดี ความสามารถในการควบคุมการผลิตได้ ดว้ ยตนเอง และลดภาวะการเส่ยี งจากการไมส่ ามารถควบคุมระบบตลาดได้อยา่ งมีประสิทธิภาพ เศรษฐกจิ พอเพียงมิใช่หมายความถึง การกระเบียดกระเสียนจนเกินสมควร หากแต่อาจฟุ่มเฟอื ยไดเ้ ป็นครั้งคราว ตามอัตภาพ แต่คนสว่ นใหญ่ของประเทศ มักใชจ้ ่ายเกนิ ตวั เกินฐานะทห่ี ามาได้ เศรษฐกจิ พอเพยี ง สามารถนาไปสเู่ ป้าหมายของการสร้างความมนั่ คงในทางเศรษฐกจิ ได้ เช่น โดยพื้นฐานแล้ว ประเทศไทยเป็นประเทศเกษตรกรรม เศรษฐกิจของประเทศจึงควรเนน้ ทีเ่ ศรษฐกจิ การเกษตร เนน้ ความมัน่ คงทาง อาหาร เป็นการสร้างความม่นั คงให้เป็นระบบเศรษฐกิจในระดับหน่ึง จงึ เปน็ ระบบเศรษฐกิจที่ช่วยลดความเสย่ี ง หรอื ความไม่มนั่ คงทางเศรษฐกิจในระยะยาวได้ เศรษฐกิจพอเพียง สามารถประยกุ ต์ใช้ไดใ้ นทุกระดบั ทกุ สาขา ทกุ ภาคของเศรษฐกิจ ไม่จาเป็นจะต้องจากัดเฉพาะ แต่ภาคการเกษตร หรือภาคชนบท แม้แต่ภาคการเงนิ ภาคอสงั หาริมทรัพย์ และการคา้ การลงทนุ ระหวา่ งประเทศ โดยมหี ลกั การท่ีคลา้ ยคลงึ กันคือ เนน้ การเลือกปฏบิ ตั ิอยา่ งพอประมาณ มีเหตุมผี ล และสร้างภูมคิ มุ้ กันให้แก่ตนเอง

9 โครงการการศึกษาตอ่ เน่อื ง กศน.ตาบลท่าบญุ มี ประจาปงี บประมาณ พ.ศ.2563 และสังคม กำรดำเนนิ ชีวติ ตำมแนวพระรำชดำรพิ อเพยี ง พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงเขา้ ใจถึงสภาพสงั คมไทย ดังนัน้ เมื่อไดพ้ ระราชทานแนวพระราชดาริ หรือพระ บรมราโชวาทในด้านต่างๆ จะทรงคานึงถึงวิถีชวี ติ สภาพสังคมของประชาชนด้วย เพอื่ ไม่ให้เกิดความขดั แย้งทาง ความคิด ที่อาจนาไปสู่ความขัดแย้งในทางปฏบิ ตั ิได้ แนวพระราชดารใิ นการดาเนินชีวติ แบบพอเพียง ๑. ยึดความประหยัด ตัดทอนค่าใชจ้ ่ายในทุกด้าน ลดละความฟุ่มเฟือยในการใช้ชวี ิต ๒. ยดึ ถอื การประกอบอาชีพด้วยความถกู ต้อง ซื่อสัตย์สจุ รติ ๓. ละเลกิ การแกง่ แยง่ ผลประโยชนแ์ ละแขง่ ขันกันในทางการค้าแบบต่อสูก้ ันอย่างรนุ แรง ๔. ไม่หยดุ น่ิงทจี่ ะหาทางให้ชีวิตหลุดพน้ จากความทุกขย์ าก ดว้ ยการขวนขวายใฝ่หาความรู้ให้มรี ายได้เพ่ิมพนู ข้นึ จนถงึ ขัน้ พอเพียงเป็นเปา้ หมายสาคญั ๕. ปฏิบตั ติ นในแนวทางทดี่ ี ลดละสิ่งชวั่ ประพฤติตนตามหลกั ศาสนา ตัวอยำ่ งเศรษฐกิจพอเพียง ทฤษฎใี หม่ ทฤษฎีใหม่ คอื ตวั อยำ่ งที่เป็นรูปธรรมของ การประยุกต์ใชเ้ ศรษฐกจิ พอเพียงทีเ่ ดน่ ชดั ท่ีสุด ซึง่ พระบาทสมเดจ็ พระ เจา้ อยหู่ วั ได้พระราชทานพระราชดารนิ ี้ เพอื่ เปน็ การชว่ ยเหลอื เกษตรกรทม่ี ักประสบปัญหาทงั้ ภยั ธรรมชาติและ ปจั จัยภาย นอกที่มีผลกระทบต่อการทาการเกษตร ให้สามารถผา่ นพ้นชว่ งเวลาวิกฤต โดยเฉพาะการขาดแคลนนา้ ได้ โดยไมเ่ ดอื ดร้อนและยากลาบากนกั ความเส่ยี งท่เี กษตรกร มกั พบเป็นประจา ประกอบดว้ ย ๑. ความเสี่ยงดา้ นราคาสินค้าเกษตร ๒. ความเสี่ยงในราคาและการพ่ึงพาปจั จยั การผลติ สมัยใหม่จากต่างประเทศ ๓. ความเส่ยี งดา้ นนา้ ฝนท้งิ ช่วง ฝนแล้ง ๔. ภัยธรรมชาติอนื่ ๆ และโรคระบาด ๕. ความเสี่ยงดา้ นแบบแผนการผลิต - ความเสี่ยงด้านโรคและศตั รูพืช - ความเสี่ยงดา้ นการขาดแคลนแรงงาน - ความเสีย่ งดา้ นหนส้ี ินและการสญู เสยี ที่ดิน ทฤษฎใี หม่ จึงเป็นแนวทางหรือหลกั การในการบรหิ ารการจัดการทด่ี ินและนา้ เพ่ือการเกษตรในทดี่ ินขนาดเลก็ ให้ เกิดประโยชนส์ ูงสุด

10 โครงการการศึกษาต่อเนอ่ื ง กศน.ตาบลท่าบญุ มี ประจาปีงบประมาณ พ.ศ.2563 ทฤษฎใี หม่ ควำมสำคัญของทฤษฎใี หม่ ๑. มกี ารบรหิ ารและจดั แบ่งที่ดินแปลงเล็กออกเป็นสัดส่วนทชี่ ดั เจน เพอ่ื ประโยชน์สูงสุดของเกษตรกร ซ่งึ ไม่เคยมี ใครคิดมาก่อน ๒. มีการคานวณโดยใช้หลักวิชาการเก่ยี วกบั ปริมาณน้าทีจ่ ะกักเกบ็ ให้พอเพียงต่อการเพาะปลกู ได้อย่างเหมาะสม ตลอดปี ๓. มกี ารวางแผนทสี่ มบรู ณ์แบบสาหรับเกษตรกรรายย่อย โดยมถี ึง ๓ ขัน้ ตอน ทฤษฎใี หม่ข้นั ตน้ ใหแ้ บง่ พื้นท่ีออกเป็น ๔ ส่วน ตามอตั ราส่วน ๓๐:๓๐:๓๐:๑๐ ซึ่งหมายถึง พน้ื ที่สว่ นที่หน่งึ ประมาณ ๓๐% ให้ขุดสระเกบ็ กกั น้าเพื่อใช้เก็บกกั นา้ ฝนในฤดูฝน และใช้เสริมการปลกู พชื ในฤดูแลง้ ตลอดจนการเล้ยี งสตั ว์และพืชนา้ ต่างๆ พื้นท่ีสว่ นทส่ี อง ประมาณ ๓๐% ใหป้ ลูกข้าวในฤดฝู นเพ่อื ใช้เป็นอาหารประจาวันสาหรับครอบครัวให้เพียงพอตลอด ปี เพื่อตัดค่าใชจ้ า่ ยและสามารถพงึ่ ตนเองได้ พน้ื ที่สว่ นทีส่ าม ประมาณ ๓๐% ใหป้ ลูกไม้ผล ไม้ยนื ต้น พืชผกั พชื ไร่ พืชสมนุ ไพร ฯลฯ เพ่ือใช้เป็นอาหารประจาวัน หากเหลือบริโภคก็นาไปจาหน่าย พ้ืนท่สี ่วนทสี่ ี่ ประมาณ ๑๐% เป็นทอ่ี ยอู่ าศัย เลยี้ งสัตว์ ถนนหนทาง และโรงเรอื นอนื่ ๆ ทฤษฎใี หมข่ นั้ ทส่ี อง เมอ่ื เกษตรกรเขา้ ใจในหลกั การและไดป้ ฏิบตั ิในท่ีดินของตนจนได้ผลแล้ว ก็ต้องเริ่มข้ันทส่ี อง คือให้เกษตรกรรวมพลัง กันในรูป กล่มุ หรือ สหกรณ์ รว่ มแรงรว่ มใจกนั ดาเนนิ การในด้าน (๑) การผลิต (พนั ธุ์พืช เตรยี มดิน ชลประทาน ฯลฯ) - เกษตรกรจะต้องร่วมมอื ในการผลติ โดยเรมิ่ ตั้งแต่ขัน้ เตรียมดิน การหาพันธุ์พืช ปุย๋ การจดั หาน้า และอื่นๆ เพ่ือ การเพาะปลกู (๒) การตลาด (ลานตากขา้ ว ยงุ้ เครือ่ งสขี ้าว การจาหนา่ ยผลผลติ ) - เม่อื มีผลผลติ แลว้ จะตอ้ งเตรยี มการต่างๆ เพ่ือการขายผลผลติ ให้ไดป้ ระโยชนส์ ูงสดุ เช่น การเตรียมลานตากข้าว รว่ มกนั การจัดหายุง้ รวบรวมขา้ ว เตรียมหาเคร่ืองสขี า้ ว ตลอดจนการรวมกนั ขายผลผลติ ใหไ้ ด้ราคาดีและลด คา่ ใชจ้ ่ายลงดว้ ย (๓) การเปน็ อยู่ (กะปิ น้าปลา อาหาร เคร่ืองนงุ่ หม่ ฯลฯ) - ในขณะเดยี วกันเกษตรกรต้องมีความเปน็ อยู่ที่ดีพอสมควร โดยมปี จั จัยพืน้ ฐานในการดารงชวี ิต เชน่ อาหารการกนิ ตา่ งๆ กะปิ น้าปลา เสอ้ื ผา้ ท่ีพอเพียง (๔) สวสั ดิการ (สาธารณสุข เงินกู)้ - แต่ละชมุ ชนควรมีสวัสดภิ าพและบรกิ ารท่จี าเป็น เชน่ มสี ถานอี นามัยเมอ่ื ยามปว่ ยไข้ หรือมีกองทนุ ไวก้ ้ยู ืมเพ่ือ ประโยชน์ในกิจกรรมต่างๆ ของชมุ ชน (๕) การศึกษา (โรงเรยี น ทนุ การศึกษา) - ชมุ ชนควรมบี ทบาทในการส่งเสรมิ การศึกษา เช่น มีกองทุนเพือ่ การศึกษาเลา่ เรยี นใหแ้ ก่เยาวชนของชมชนเอง (๖) สงั คมและศาสนา

11 โครงการการศึกษาตอ่ เนอื่ ง กศน.ตาบลท่าบญุ มี ประจาปีงบประมาณ พ.ศ.2563 - ชุมชนควรเป็นที่รวมในการพัฒนาสังคมและจิตใจ โดยมีศาสนาเป็นทีย่ ดึ เหนีย่ ว โดยกจิ กรรมทงั้ หมดดงั กลา่ วข้างตน้ จะต้องไดร้ ับความรว่ มมอื จากทุกฝ่ายท่เี ก่ยี วข้อง ไม่ว่าส่วนราชการ องคก์ ร เอกชน ตลอดจนสมาชกิ ในชุมชนน้นั เป็นสาคญั ทฤษฎใี หมข่ ัน้ ที่สำม เมอ่ื ดาเนินการผ่านพ้นขน้ั ทสี่ องแล้ว เกษตรกร หรือกล่มุ เกษตรกรก็ควรพฒั นาก้าวหน้าไปสขู่ น้ั ทีส่ ามต่อไป คือติดต่อ ประสานงาน เพื่อจดั หาทนุ หรอื แหลง่ เงนิ เช่น ธนาคาร หรือบริษทั ห้างร้านเอกชน มาช่วยในการลงทุนและพัฒนา คณุ ภาพชวี ติ ท้งั น้ี ท้ังฝ่ายเกษตรกรและฝ่ายธนาคาร หรือบริษทั เอกชนจะได้รับประโยชน์รว่ มกัน กล่าวคอื - เกษตรกรขายข้าวไดร้ าคาสงู (ไม่ถูกกดราคา) - ธนาคารหรอื บรษิ ทั เอกชนสามารถซ้ือข้าวบริโภคในราคาตา่ (ซอื้ ขา้ วเปลือกตรงจากเกษตรกรและมาสเี อง) - เกษตรกรซื้อเคร่ืองอุปโภคบรโิ ภคไดใ้ นราคาตา่ เพราะรวมกนั ซอื้ เป็นจานวนมาก (เปน็ ร้านสหกรณร์ าคาขายสง่ ) - ธนาคารหรอื บริษัทเอกชน จะสามารถกระจายบุคลากร เพื่อไปดาเนนิ การในกจิ กรรมต่างๆ ใหเ้ กดิ ผลดยี งิ่ ขนึ้ หลักกำรและแนวทำงสำคัญ ๑. เปน็ ระบบการผลติ แบบเศรษฐกิจพอเพียงทเ่ี กษตรกรสามารถเล้ียงตวั เองได้ในระดับ ทป่ี ระหยดั ก่อน ทัง้ น้ี ชมุ ชน ต้องมีความสามัคคี รว่ มมือรว่ มใจในการช่วยเหลอื ซึ่งกนั และกันทานองเดียวกับการ “ลงแขก” แบบดงั้ เดิมเพ่ือลด ค่าใช้จ่ายในการจ้างแรงงานด้วย ๒. เน่อื งจากขา้ วเป็นปัจจยั หลักทีท่ ุกครวั เรอื นจะต้องบริโภค ดังนั้น จงึ ประมาณวา่ ครอบครวั หนึง่ ทานาประมาณ ๕ ไร่ จะทาให้มขี า้ วพอกินตลอดปี โดยไม่ตอ้ งซ้อื หาในราคาแพง เพื่อยดึ หลกั พง่ึ ตนเองไดอ้ ย่างมีอสิ รภาพ ๓. ต้องมีนา้ เพื่อการเพาะปลูกสารองไวใ้ ช้ในฤดแู ลง้ หรือระยะฝนทง้ิ ชว่ งได้อยา่ งพอเพียง ดังนั้น จึงจาเปน็ ต้องกัน ทด่ี ินสว่ นหนึ่งไว้ขดุ สระน้า โดยมหี ลักว่าต้องมนี ้าเพียงพอท่ีจะเพาะปลกู ได้ตลอดปี ทง้ั น้ี ได้พระราชทานพระราชดาริ เปน็ แนวทางวา่ ตอ้ งมีน้า ๑,๐๐๐ ลกู บาศกเ์ มตร ต่อการเพาะปลกู ๑ ไร่ โดยประมาณ ฉะน้ัน เมือ่ ทานา ๕ ไร่ ทาพชื ไร่ หรอื ไม้ผลอกี ๕ ไร่ (รวมเป็น ๑๐ ไร่) จะต้องมนี ้า ๑๐,๐๐๐ ลกู บาศกเ์ มตรตอ่ ปี ดังนนั้ หากต้ังสมมติฐานวา่ มพี ้นื ที่ ๕ ไร่ ก็จะสามารถกาหนดสตู รครา่ วๆ วา่ แต่ละแปลง ประกอบดว้ ย - นาข้าว ๕ ไร่ - พชื ไร่ พชื สวน ๕ ไร่ - สระน้า ๓ ไร่ ขดุ ลึก ๔ เมตร จุน้าได้ประมาณ ๑๙,๐๐๐ ลกู บาศก์เมตร ซึ่งเปน็ ปริมาณน้าท่เี พียงพอทจี่ ะสารองไว้ ใช้ยามฤดูแล้ง - ที่อยู่อาศัยและอนื่ ๆ ๒ ไร่ รวมทง้ั หมด ๑๕ ไร่ แตท่ ั้งนี้ ขนาดของสระเกบ็ นา้ ขึ้นอยกู่ ับสภาพภูมปิ ระเทศและสภาพแวดลอ้ ม ดังน้ี - ถา้ เป็นพน้ื ที่ทาการเกษตรอาศัยน้าฝน สระน้าควรมีลกั ษณะลึก เพอ่ื ป้องกันไมใ่ หน้ า้ ระเหยไดม้ ากเกนิ ไป ซ่ึงจะทา ให้มนี ้าใชต้ ลอดทงั้ ปี - ถา้ เปน็ พื้นท่ีทาการเกษตรในเขตชลประทาน สระนา้ อาจมีลกั ษณะลกึ หรอื ต้ืน และแคบ หรอื กว้างก็ได้ โดย พจิ ารณาตามความเหมาะสม เพราะสามารถมีน้ามาเติมอยู่เรอ่ื ยๆ การมสี ระเก็บนา้ ก็เพื่อให้เกษตรกรมีนา้ ใชอ้ ย่างสม่าเสมอทั้งปี (ทรงเรยี กว่า Regulator หมายถงึ การควบคมุ ให้ดี มี

12 โครงการการศึกษาตอ่ เนอ่ื ง กศน.ตาบลท่าบญุ มี ประจาปงี บประมาณ พ.ศ.2563 ระบบนา้ หมนุ เวียนใช้เพื่อการเกษตรไดโ้ ดยตลอดเวลาอย่างตอ่ เนือ่ ง) โดยเฉพาะอยา่ งย่ิงในหน้าแล้งและระยะฝนท้ิง ชว่ ง แตม่ ิได้หมายความวา่ เกษตรกรจะสามารถปลูกข้าวนาปรงั ได้ เพราะหากน้าในสระเกบ็ น้าไมพ่ อ ในกรณมี เี ข่ือน อยู่บรเิ วณใกลเ้ คียงก็อาจจะต้องสูบนา้ มาจากเข่ือน ซ่ึงจะทาใหน้ า้ ในเข่ือนหมดได้ แตเ่ กษตรกรควรทานาในหน้าฝน และเมื่อถงึ ฤดแู ล้ง หรอื ฝนทิ้งชว่ งให้เกษตรกรใชน้ า้ ที่เก็บตุนนั้น ให้เกิดประโยชน์ทางการเกษตรอย่างสูงสุด โดย พิจารณาปลกู พืชให้เหมาะสมกบั ฤดูกาล เพื่อจะได้มีผลผลิตอน่ื ๆ ไว้บรโิ ภคและสามารถนาไปขายไดต้ ลอดท้ังปี ๔. การจัดแบง่ แปลงทดี่ ินเพื่อให้เกิดประโยชน์สงู สุดน้ี พระบาทสมเดจ็ พระเจ้าอยหู่ ัวทรงคานวณและคานงึ จากอตั รา การถือครองทดี่ ินถวั เฉลย่ี ครัวเรอื นละ ๑๕ ไร่ อยา่ งไรกต็ าม หากเกษตรกรมีพ้นื ท่ีถอื ครองน้อยกวา่ น้ี หรอื มากกวา่ น้ี ก็สามารถใช้อัตราส่วน ๓๐:๓๐:๓๐:๑๐ เป็นเกณฑป์ รับใชไ้ ด้ กลา่ วคือ ร้อยละ ๓๐ ส่วนแรก ขดุ สระนา้ (สามารถเลย้ี งปลา ปลูกพืชน้า เชน่ ผกั บงุ้ ผักกะเฉด ฯลฯ ได้ด้วย) บนสระอาจ สร้างเล้าไก่และบนขอบสระน้าอาจปลกู ไม้ยืนตน้ ท่ไี ม่ใชน้ ้ามากโดยรอบ ได้ รอ้ ยละ ๓๐ สว่ นทสี่ อง ทานา ร้อยละ ๓๐ สว่ นที่สาม ปลกู พืชไร่ พืชสวน (ไม้ผล ไมย้ ืนต้น ไมใ้ ช้สอย ไม้เพ่ือเปน็ เชื้อฟืน ไมส้ ร้างบ้าน พชื ไร่ พชื ผกั สมนุ ไพร เปน็ ต้น) รอ้ ยละ ๑๐ สดุ ท้าย เปน็ ท่ีอยู่อาศยั และอ่นื ๆ (ทางเดนิ คันดิน กองฟาง ลานตาก กองปยุ๋ หมกั โรงเรือน โรงเพาะเห็ด คอกสัตว์ ไม้ดอกไม้ประดับ พืชสวนครัวหลังบา้ น เป็นต้น) อย่างไรกต็ าม อตั ราสว่ นดงั กล่าวเป็นสูตร หรือหลักการโดยประมาณเทา่ นั้น สามารถปรับปรุงเปลย่ี นแปลงได้ตาม ความเหมาะสม โดยข้ึนอยู่กับสภาพของพื้นท่ีดนิ ปริมาณน้าฝน และสภาพแวดล้อม เช่น ในกรณีภาคใต้ท่ีมีฝนตกชกุ หรือพ้นื ที่ท่ีมแี หล่งน้ามาเตมิ สระได้ต่อเนื่อง ก็อาจลดขนาดของบ่อ หรือสระเกบ็ นา้ ใหเ้ ล็กลง เพ่ือเก็บพนื้ ท่ีไวใ้ ช้ ประโชนอ์ ื่นตอ่ ไปได้ ๕. การดาเนินการตามทฤษฎใี หม่ มปี ัจจัยประกอบหลายประการ ข้นึ อยู่กับสภาพภูมิประเทศ สภาพแวดล้อมของแต่ ละท้องถน่ิ ดงั นั้น เกษตรกรควรขอรับคาแนะนาจากเจ้าหน้าที่ด้วย และที่สาคัญ คอื ราคาการลงทนุ ค่อนข้างสงู โดยเฉพาะอย่างยิ่งการขุดสระนา้ เกษตรกรจะต้องไดร้ บั ความช่วยเหลือจากส่วนราชการ มลู นิธิ และเอกชน ๖. ในระหวา่ งการขุดสระน้า จะมดี นิ ท่ีถูกขดุ ข้นึ มาจานวนมาก หนา้ ดินซึ่งเป็นดนิ ดี ควรนาไปกองไว้ต่างหากเพื่อ นามาใชป้ ระโยชน์ในการปลูกพชื ต่างๆ ในภายหลัง โดยนามาเกล่ียคลุมดินชัน้ ล่างทเี่ ป็นดินไมด่ ี หรอื อาจนามาถมทา ขอบสระน้า หรอื ยกร่องสาหรับปลกู ไม้ผลก็จะไดป้ ระโยชนอ์ ีกทางหนึ่ง ตัวอย่ำงพืชที่ควรปลูกและสัตว์ที่ควรเลี้ยง ไมผ้ ลและผักยนื ตน้ : มะมว่ ง มะพรา้ ว มะขาม ขนุน ละมดุ ส้ม กลว้ ย นอ้ ยหน่า มะละกอ กะท้อน แคบา้ น มะรุม สะเดา ขเี้ หลก็ กระถนิ ฯลฯ ผกั ลม้ ลกุ และดอกไม้ : มนั เทศ เผือก ถวั่ ฝักยาว มะเขือ มะลิ ดาวเรอื ง บานไม่ร้โู รย กหุ ลาบ รัก และซ่อนกล่ิน เปน็ ตน้ เห็ด : เห็ดนางฟ้า เห็ดฟาง เห็ดเป๋าฮื้อ เปน็ ต้น สมุนไพรและเคร่ืองเทศ : หมาก พลู พริกไท บุก บวั บก มะเกลอื ชมุ เหด็ หญา้ แฝก และพืชผักบางชนิด เชน่ กะเพรา โหระพา สะระแหน่ แมงลัก และตะไคร้ เปน็ ตน้ ไมใ้ ช้สอยและเช้ือเพลงิ : ไผ่ มะพรา้ ว ตาล กระถินณรงค์ มะขามเทศ สะแก ทองหลาง จามจุรี กระถนิ สะเดา ข้เี หล็ก ประดู่ ชิงชนั และยางนา เปน็ ต้น พชื ไร่ : ขา้ วโพด ถว่ั เหลอื ง ถัว่ ลสิ ง ถั่วพุ่ม ถั่วมะแฮะ อ้อย มันสาปะหลงั ละห่งุ นนุ่ เป็นต้น พืชไรห่ ลายชนิดอาจเก็บ

13 โครงการการศกึ ษาต่อเนือ่ ง กศน.ตาบลท่าบญุ มี ประจาปงี บประมาณ พ.ศ.2563 เกยี่ วเมอ่ื ผลผลติ ยงั สดอยู่ และจาหน่ายเป็นพืชประเภทผักได้ และมีราคาดีกวา่ เกบ็ เม่ือแก่ ได้แก่ ข้าวโพด ถวั เหลอื ง ถว่ั ลิสง ถ่วั พมุ่ ถว่ั มะแฮะ อ้อย และมันสาปะหลัง พืชบารงุ ดนิ และพชื คลุมดิน : ถว่ั มะแฮะ ถวั่ ฮามาตา้ โสนแอฟรกิ ัน โสนพ้ืนเมือง ปอเทือง ถ่วั พร้า ข้เี หลก็ กระถิน รวมทงั้ ถัว่ เขียวและถ่ัวพ่มุ เป็นต้น และเมื่อเกบ็ เกีย่ วแล้วไถกลบลงไปเพ่ือบารุงดินได้ หมายเหตุ : พืชหลายชนิดใชท้ าประโยชนไ์ ด้มากกวา่ หน่งึ ชนิด และการเลือกปลกู พชื ควรเน้นพืชยนื ตน้ ด้วย เพราะ การดแู ลรกั ษาในระยะหลังจะลดนอ้ ยลง มผี ลผลติ ทยอยออกตลอดปี ควรเลือกพชื ยืนตน้ ชนิดตา่ งๆ กัน ใหค้ วาม รม่ เยน็ และช่มุ ชื้นกับที่อยู่อาศัยและสิ่งแวดล้อม และควรเลือกตน้ ไม้ให้สอดคล้องกบั สภาพของพ้นื ท่ี เช่น ไมค่ วรปลกู ยคู าลิปตัสบริเวณขอบสระ ควรเป็นไม้ผลแทน เปน็ ตน้ สตั วเ์ ลีย้ งอื่นๆ ไดแ้ ก่ สตั ว์นา้ : ปลาไน ปลานิล ปลาตะเพียนขาว ปลาดุก เพ่ือเป็นอาหารเสริมประเภทโปรตนี และยังสามารถนาไป จาหนา่ ยเป็นรายไดเ้ สรมิ ได้อีกด้วย ในบางพน้ื ท่ีสามารถเลี้ยงกบได้ สกุ ร หรอื ไก่ เลี้ยงบนขอบสระนา้ ทั้งนี้ มูลสุกรและไกส่ ามารถนามาเปน็ อาหารปลา บางแหง่ อาจเลย้ี งเปด็ ได้ ประโยชนข์ องทฤษฎีใหม่ ๑. ใหป้ ระชาชนพออยู่พอกินสมควรแกอ่ ัตภาพในระดบั ท่ีประหยดั ไม่อดอยาก และเลี้ยงตนเองได้ตามหลักปรัชญา “เศรษฐกจิ พอเพียง” ๒. ในหนา้ แล้งมีน้าน้อย กส็ ามารถเอาน้าทเี่ ก็บไวใ้ นสระมาปลูกพชื ผักต่างๆ ทใ่ี ชน้ า้ น้อยได้ โดยไมต่ ้องเบยี ดเบยี น ชลประทาน ๓. ในปีทีฝ่ นตกตามฤดกู าลโดยมนี ้าดตี ลอดปี ทฤษฎีใหม่น้ีสามารถสรา้ งรายไดใ้ หแ้ กเ่ กษตรกรไดโ้ ดยไม่เดอื ดรอ้ นใน เรือ่ งค่า ใช้จา่ ยตา่ งๆ ๔. ในกรณีทีเ่ กดิ อุทกภยั เกษตรกรสามารถท่จี ะฟืน้ ตัวและชว่ ยตัวเองไดใ้ นระดับหน่ึง โดยทางราชการไมต่ ้อง ชว่ ยเหลือมากนกั ซง่ึ เปน็ การประหยัดงบประมาณด้วย ทฤษฎใี หม่ท่ีสมบูรณ์ ทฤษฎีใหม่ทดี่ าเนินการโดยอาศยั แหล่งน้า ธรรมชาติ น้าฝน จะอยใู่ นลักษณะ “หม่นิ เหม่” เพราะหากปใี ดฝนน้อย น้าอาจจะไม่เพยี งพอ ฉะนั้น การท่จี ะทาให้ทฤษฎใี หม่สมบูรณ์ได้นน้ั จาเปน็ ต้องมีสระเก็บกกั นา้ ท่ีมีประสิทธิภาพและ เตม็ ความสามารถ โดยการมีแหล่งนา้ ขนาดใหญ่ทสี่ ามารถเพิ่มเติมน้าในสระเก็บกักน้าให้เต็มอยู่ เสมอ ดงั เช่น กรณี ของการทดลองท่ีโครงการพัฒนาพน้ื ทบ่ี รเิ วณวดั มงคลชยั พัฒนาอันเน่อื งมาจาก พระราชดาริ จังหวดั สระบุรี

โครงการการศกึ ษาตอ่ เน่อื ง กศน.ตาบลท่าบญุ มี ประจาปีงบประมาณ พ.ศ.2563 14 ระบบทฤษฎีใหมท่ ีส่ มบรู ณ์ อ่างใหญ่ เติมอา่ งเล็ก อ่างเล็ก เติมสระน้า จากภาพ วงกลมเล็ก คือสระนา้ ทีเ่ กษตรกรขดุ ขน้ึ ตามทฤษฎใี หม่ เม่ือเกดิ ช่วงขาดแคลนนา้ ในฤดูแลง้ เกษตรกร สามารถสบู นา้ มาใชป้ ระโยชนไ์ ด้ และหากนา้ ในสระน้าไม่เพียงพอก็ขอรับน้าจากอา่ งหว้ ยหนิ ขาว (อา่ งเล็ก) ซ่ึงได้ทา ระบบส่งน้าเชื่อมต่อทางท่อลงมายังสระนา้ ที่ได้ขุดไวใ้ นแตล่ ะแปลง ซง่ึ จะชว่ ยใหส้ ามารถมีนา้ ใชต้ ลอดปี กรณที ีเ่ กษตรกรใช้น้ากนั มาก อ่างหว้ ยหินขาว (อ่างเล็ก) กอ็ าจมปี ริมาณนา้ ไมเ่ พยี งพอ ก็สามารถใชว้ ธิ ีการผันน้าจาก เขอ่ื นป่าสักชลสิทธิ์ (อา่ งใหญ่) ต่อลงมายังอ่างเกบ็ น้าห้วยหินขาว (อา่ งเล็ก) ก็จะช่วยใหม้ ีปริมาณนา้ มาเติมในสระ ของเกษตรกรพอตลอดทง้ั ปีโดยไม่ต้องเส่ียง ระบบการจดั การทรัพยากรน้าตามแนวพระราชดารพิ ระบาทสมเด็จพระเจ้าอย่หู วั สามารถทาให้การใชน้ า้ มี ประสิทธภิ าพอย่างสูงสดุ จากระบบสง่ ท่อเปิดผา่ นไปตามแปลงไร่นาต่างๆ ถงึ ๓-๕ เทา่ เพราะยามหน้าฝน นอกจาก จะมนี า้ ในอา่ งเก็บนา้ แล้ว ยงั มีนา้ ในสระของราษฎรเก็บไวพ้ ร้อมกันด้วย ทาให้มปี ริมาณน้าเพมิ่ อยา่ งมหาศาล นา้ ใน อ่างท่ตี ่อมาสู่สระจะทาหนา้ ท่เี ป็นแหลง่ น้าสารอง คอยเติมเท่านน้ั เอง

15 โครงการการศึกษาต่อเน่อื ง กศน.ตาบลท่าบญุ มี ประจาปงี บประมาณ พ.ศ.2563 จากพระราชดารัสพระบาทสมเด็จพระ เจ้าอยหู่ วั ในวโรกาสเสดจ็ ทอดพระเนตร โครงการศูนย์ฝกึ อบรม เยาวชนเกษตร วดั ญาณสังวราราม วรมหาวหิ าร อนั เน่ืองมาจาก พระราชดาริ อาเภอบางละมุง จังหวัด ชลบรุ ี เมือ่ วนั ที่ 28 ตุลาคม 2530 โดย ใหศ้ นู ย์ฯ แห่งนด้ี าเนนิ การแก้ไขสภาพ ดินเสือ่ มโทรม และใหค้ วามรู้ด้านการ อนุรกั ษ์ดนิ และน้าแก่ราษฎรท่ัวไป เนือ่ งจากบรเิ วณน้มี สี ภาพแห้งแล้งดนิ ขาดความอุดมสมบูรณ์ ซ่ึงในปัจจุบนั การเพาะปลกู ของประเทศไทย กป็ ระสบ ปญั หาหลายประการ ทส่ี าคญั ประการแรกคือ ดินขาดความอดุ มสมบูรณ์ กลา่ วคือพื้นที่การเกษตรของประเทศไทย ประมาณ 80% เปน็ ดินที่ขาดความอุดมสมบรู ณ์ มเี ป็นกรดสูง และท่สี าคัญเปน็ ดนิ ทข่ี าดจุลินทรยี ์ทีม่ ีประโยชนต์ อ่ ดิน และต่อพืชซึง่ เรยี กไดว้ า่ เป็นดินตาย สาเหตกุ ็มาจากการปลูกพืชชนิดเดียวกนั ซา้ กนั หลายปี ไม่มีการปลูกพชื หมนุ เวียนอกี ทง้ั มกี ารใช้ปุ๋ยเคมีเพยี งอย่างเดียวเปน็ ส่วนใหญ่ สดุ ท้ายก็ทาใหเ้ กดิ สภาพดินกรด ขาดความอุดม สมบรู ณเ์ กษตรกรปลูกพชื แลว้ ใหผ้ ลตอบแทนไดไ้ ม่เตม็ ท่ี ประการที่สองเกษตรกรประสบปญั หาแมลงศัตรพู ืช ชนดิ ต่าง ๆ รบกวนไม่ว่าจะเป็นสวนผัก สวนผลไม้ ไม้ ดอก-ไม้ประดบั พชื ไร่-นา ชนิดตา่ ง ๆ และหนทางท่ี เกษตรกรเลือกใชแ้ ก้ปญั หา ส่วนใหญก่ ็คือสารเคมีฆา่ แมลงแตจ่ ากการท่ีเกษตรกร ขาดความรู้ความเขา้ ใจใน การเลือกใชส้ ารเคมี วิธีการใช้ทเี่ หมาะสม ชว่ งเวลาใน การใช้ เกษตรกรใชส้ ารเคมหี ลายชนิดซ้าซ้อนกนั และ ในปรมิ าณที่มากเกนิ ความจาเป็น มผี ลทาให้สารพิษ ตกคา้ งในผลผลติ มีต้นทนุ การผลิตสูง เป็นอันตรายตอ่ เกษตรกรผู้ผลิตเอง และผูบ้ ริโภคเองก็ไดร้ บั อันตราย เชน่ กันมผี ู้บริโภคจานวนมาก ทตี่ อ้ งหวาดระแวงกับพิษ ภยั ของสารพิษตกคา้ งในอาหาร และท่ีสาคัญอกี ประการหนงึ่ คือมผี ลกระทบต่อสภาพแวดลอ้ มใน ภมู ิภาคนน้ั อกี ท้ังในปจั จบุ ันกระแสความต้องการ ผลผลิต ทางการเกษตรที่ปลอดภยั จากสารพษิ ของ ผู้บริโภคทงั้ ในและต่างประเทศ กาลังมีความตอ้ งการ และเป็นท่ียอมรบั มากขนึ้ เร่ือย ๆ และล่าสดุ คอื นโยบายการควบคุมผักท่ีมีสารพษิ ตกค้างเกินกาหนด มใิ หเ้ ข้ามาจาหน่ายในกรุงเทพมหานคร ซึง่ จะทาให้ ผู้บริโภคปลอดภยั มากข้ึน และเกษตรกรเองกต็ ้องปรับปรุงการเพาะปลกู ใหป้ ลอดภัย ตามความต้องการของ

16 โครงการการศึกษาตอ่ เนอื่ ง กศน.ตาบลท่าบญุ มี ประจาปีงบประมาณ พ.ศ.2563 ตลาดดว้ ย ไมว่ า่ เกษตรกรคนไหน ๆ ก็อยากปลอดภยั จากสารเคมี ไมม่ ใี ครอยากใช้สารเคมเี พราะอนั ตราย ทั้งตนเองและผู้บริโภค แตถ่ ้าไมใ่ ช้แลว้ จะใชอ้ ะไรทดแทน ปัญหาในการเพาะปลกู ทเ่ี กษตรกรพบมี 2 ประการใหญ่คือ เร่ือง ความอุดมสมบรู ณ์ของดินถ้าไมใ่ ช้ปยุ๋ เคมีแล้วจะใช้อะไรทดแทน เพื่อทจ่ี ะปลกู พชื ให้ ได้ผลผลติ สูงและมีคุณภาพดี และอีกเร่อื งหนงึ่ ก็คือการปอ้ งกนั และกาจดั ศัตรพู ืช ถา้ ไมใ่ ชส้ ารเคมแี ลว้ จะใช้ อะไรทดแทน แนวทางท่จี ะทาให้ดินเป็นดนิ ท่มี ีความอดุ มสมบูรณ์ เปน็ ดนิ ท่ีมีชีวิต สามารถเพาะปลกู พืชใหไ้ ด้ผลผลิตสงู และมคี ุณภาพดีไม่วา่ จะเป็นพืชไร่-นา ผกั ผลไม้ ดอกไม้ก็ตาม และจะเป็นแนวทางทจี่ ะสามารถผลติ ผลผลติ ที่ปลอดภยั จากสารพิษทางการเกษตร ท้งั ผู้ผลิต และผูบ้ รโิ ภคชว่ ยรักษาสง่ิ แวดล้อม สามารถทาเป็นอาชีพ ได้อยา่ งย่งั ยืน ซ่ึงแนวทางน้ันก็คอื แนวทาง เกษตรธรรมชาติ นัน่ เอง ควำมหมำยของเกษตรธรรมชำติ เกษตรธรรมชำติ หมายถงึ การทาการเกษตรท่ีไม่ใช้ปยุ๋ เคมี และสารเคมีทางการเกษตรทุกชนิด แตจ่ ะให้ ความสาคัญของดินเป็นอันดบั แรก ด้วยการปรบั ปรุงดินให้มีพลงั ในการเพาะปลูก เหมือนกบั ดนิ ในป่าที่มี ความอดุ มสมบรู ณต์ ามธรรมชาติ โดยการนาทรัพยากรธรรมชาตทิ มี่ ีอยู่อยา่ งจากดั มาใชใ้ หเ้ กดิ ประโยชน์ สูงสุด เป็นวิธีการท่ีไม่ก่อใหเ้ กิดผลเสียตอ่ สภาพแวดล้อม ไม่เปน็ อนั ตรายต่อเกษตรกรและผ้บู ริโภค สามารถ ใหผ้ ลผลิตท่ีมที งั้ ปรมิ าณและคุณภาพ เปน็ ระบบเกษตรท่มี ีความยงั่ ยืน ถาวร เป็นอาชีพท่ีม่ันคง หลักเกษตรธรรมชำติ ถ้าเราศึกษาสภาพป่าเราจะเห็นวา่ ในป่ามตี ้นไมน้ านาชนิดขึ้นปะปนกนั อยู่เตม็ ไปหมด ผิวดินถกู ปกคลมุ ไป ด้วยใบไมท้ ห่ี ลน่ ทับถมกัน สตั วป์ ่าถ่ายมลู ไว้ท่ผี ิวหน้าดินคลุกเคลา้ กับใบไมแ้ ละซากพชื มูลสตั วร์ วมทัง้ ซาก สัตว์ โดยมสี ตั ว์เล็ก ๆ เชน่ ไสเ้ ดือน กิ้งกอื จิ้งหรดี ฯลฯ กัดแทะเป็นช้ินเลก็ ๆ และมีจลุ นิ ทรียท์ อี่ ย่ใู นดนิ ชว่ ย ยอ่ ยสลายจนกลายเปน็ ฮิวมสั ซง่ึ เปน็ แหลง่ ธาตุอาหารพืชและใช้ในการเจริญเตบิ โตของตน้ ไมใ้ นป่าน่นั เอง ดงั น้นั จงึ ไมจ่ าเป็นต้องเอาปยุ๋ เคมไี ปใสใ่ นป่า ซงึ่ เกษตรกรสามารถเลียนแบบปา่ ไดโ้ ดยการใชป้ ๋ยุ อินทรยี ์ เชน่ ปุย๋ หมัก ปุ๋ยนา้ ชีวภาพ และปุ๋ยพชื สด ใช้ป๋ยุ ชีวภาพ เชน่ ไรโซเบียม ไมโครไรซา่ เป็นต้น ทดแทนการใช้ ปุ๋ยเคมี นอกจากน้ีใบไม้และเศษพืชทีป่ กคลุมผวิ ดนิ ก็เปน็ การคลุมผิวหนา้ ดนิ ไว้ ปอ้ งกนั การสญู เสียความชื้น ภายในดินทาให้หน้าดินออ่ นนุ่มสะดวกต่อการไชชอนของรากพชื ถ้าศึกษาต่อไปจะพบวา่ แมไ้ ม่มใี ครนาเอา ยาฆา่ แมลงไปฉีดพน่ ให้ต้นไมใ้ นป่า แต่ต้นไม้ในป่ากเ็ จริญเติบโตแข็งแรงต้านทานโรคและแมลงไดต้ าม ธรรมชาติ ถงึ แม้จะมีโรคและแมลงรบกวนบา้ งกไ็ ม่ถงึ ขั้นเสียหายและยงั สามารถให้ผลผลิตไดต้ ามปกติ นัน่ ก็ คอื ต้นไม้ที่ข้นึ อย่บู นดินทีม่ ีความอดุ มสมบรู ณจ์ ะสามารถตา้ นทานโรคและแมลงได้ นอกจากน้ีพชื ในปา่ ก็ มไิ ด้เปน็ พืชชนดิ เดยี วกันทั้งหมด แต่เป็นพืชหลากหลายชนิดทาให้มีความหลากหลายทางชีวภาพ มแี หล่ง อาหารทหี่ ลากหลายของแมลง และแมลงบางชนดิ ก็เปน็ แมลงศัตรูธรรมชาตขิ องแมลงศตั รูพชื ดงั นั้นจึงเกิด สมดลุ ตามธรรมชาตโิ อกาสที่แมลงศัตรูพืชจะระบาดจนเกิดความเสยี หายจงึ มนี ้อย ดังนัน้ เกษตรกรจึง สามารถจาลองสภาพป่าไวใ้ นไร่-นาโดยการปลกู พชื ให้หลากหลายชนิด

17 โครงการการศึกษาตอ่ เน่ือง กศน.ตาบลท่าบญุ มี ประจาปงี บประมาณ พ.ศ.2563 หลักเกษตรธรรมชาติกเ็ ปน็ หลกั การที่เลียนแบบมาจากปา่ ท่ีสมบูรณน์ ั่นเอง ซ่ึงจะประกอบด้วยการ ปฏบิ ตั ิการทางการเกษตรทคี่ านึงถึง ดนิ พืช และแมลง ไปอยา่ งพร้อมกันคือ 1. มกี ำรปรับปรุงดินให้มคี วำมอุดมสมบรู ณ์ ซ่ึงสำมำรถทำไดโ้ ดย 1) ปรบั ปรุงดนิ โดยใช้ปุ๋ยอินทรยี ์และปุ๋ยชีวภำพ : ปุย๋ อินทรยี ์ ได้แก่ ปุ๋ยหมักปุ๋ยน้าชวี ภาพ และปุ๋ยพืชสด สว่ นป๋ยุ ชีวภาพ ได้แก่ ไรโซเบียม ไมโคไรซา่ ปุ๋ยเหล่านจี้ ะให้ท้ังธาตหุ ลกั และธาตุอาหารรองแก่พืชอย่าง ครบถว้ น จึงใช้ทดแทนป๋ยุ เคมี ปุย๋ หมัก 2) กำรคลุมดนิ : ทาได้โดยใช้เศษพชื ตา่ ง ๆ จากไร่-นา เชน่ ฟาง หญา้ แห้ง ต้นถว่ั ใบไม้ ขยุ มะพร้าว เศษ เหลอื ทง้ิ จากไร่นา หรอื กระดาษหนงั สอื พมิ พ์ พลาสติกคลมุ ดิน หรอื การปลูกพชื คลมุ ดนิ การคลุมดินมี ประโยชนห์ ลายประการ คือ ช่วยปอ้ งกันการชะล้างของหน้าดนิ และรักษาความช่มุ ชืน้ ของดนิ เปน็ การ อนรุ ักษ์ดินและนา้ ชว่ ยทาให้หนา้ ดินออ่ นนุ่มสะดวกต่อการไชชอนของรากพืช ซ่งึ ประโยชนต์ ่าง ๆ ของการ คลุมดนิ ดงั กล่าวมานจ้ี ะชว่ ยส่งเสริมให้พชื เจริญเตบิ โตดีและให้ผลผลติ ดี 3) กำรปลกู พืชหมุนเวียน : เนอ่ื งจากพชื แตล่ ะชนิดต้องการธาตอุ าหารแตกต่างกนั ทงั้ ชนิดและปริมาณ อีก ทงั้ ระบบรากยังมีความแตกตา่ งกนั ท้ังในดา้ นการแผก่ ว้างและหยัง่ ลกึ ถ้ามีการจดั ระบบการปลกู พืชอย่าง เหมาะสมแลว้ จะทาใหก้ ารใชธ้ าตุอาหารมที ้ังท่ีถูกใช้และสะสมสลบั กันไปทาให้ดนิ ไมข่ าดธาตุอาหารธาตุใด ธาตุหน่งึ

18 โครงการการศึกษาตอ่ เนือ่ ง กศน.ตาบลท่าบญุ มี ประจาปงี บประมาณ พ.ศ.2563 ดินดีปลกู อะไร อะไรกง็ อกงาม ตา้ นทานโรคแมลงและให้ผลผลิตดี มีคณุ ภาพ 2. ปลูกพืชหลำยชนิด : การปลูกพชื หลายชนิดเป็นการจัดสภาพแวดลอ้ มในไร่-นา ซึ่งจะช่วยลดการระบาด ของโรคและแมลงศัตรูพชื ได้ เน่ืองจากการปลูกพืชหลายชนิดจะทาให้มีความหลากหลายทางชวี ภาพ มี แหลง่ อาหารทีห่ ลากหลายของแมลงจงึ มีแมลงหลากหลายชนิดมาอาศยั อยูร่ ่วมกนั ในจานวนแมลงเหลา่ นี้ จะมที ง้ั แมลงทเ่ี ปน็ ศัตรูพชื และแมลงทเี่ ปน็ ศตั รธู รรมชาติ ที่จะช่วยควบคุมแมลงศตั รูพชื ให้คล้ายคลงึ กับ ธรรมชาตใิ นป่าทอ่ี ุดมสมบรู ณ์น่นั เอง 2.1) กำรปลกู หมุนเวียน : เป็นการไมป่ ลูกพชื ชนิดเดียวกนั หรือตระกูลเดียวกนั ตดิ ต่อกันบนพ้นื ทีเ่ ดยี วกัน การปลกู พชื หมนุ เวยี นจะชว่ ยหลีกเลี่ยงการระบาดของโรคและแมลงและชว่ ยประโยชนใ์ นทางด้านการ ปรบั ปรุงดนิ 2.2) กำรปลูกพืชแซม : การเลอื กพืชมาปลูกร่วมกนั หรือแซมกนั น้ันพชื ทีเ่ ลือกมานน้ั ต้องเกื้อกลู กัน เชน่ ชว่ ยป้องกนั แมลงศัตรูพืช ชว่ ยเพ่มิ ธาตุอาหารให้อกี ชนดิ หนง่ึ ช่วยคลุมดนิ ช่วยเพ่ิมรายได้ก่อนเกบ็ เก่ยี วพืช หลัก เปน็ ต้น 3. อนุรักษ์แมลงทม่ี ีประโยชน์ : ซงึ่ สามารถทาไดโ้ ดย 3.1) การท่ีไมใ่ ชส้ ารเคมี เนื่องจากสารเคมีทาลายทั้งแมลงศัตรูพชื และแมลงศัตรูธรรมชาตทิ ม่ี ีประโยชน์ดว้ ย 3.2) ปลกู ดอกไมส้ ีสด ๆ เช่น บานช่ืน ทานตะวัน บานไมร่ ้โู รย ดาวเรือง ดาวกระจาย เป็นต้น โดยปลกู ไว้ รอบแปลง หรือปลูกแซมลงในแปลงเพาะปลกู สีของดอกไม้จะดงึ ดูดแมลงนานาชาตแิ ละในจานวนนนั้ กม็ ี แมลงศัตรธู รรมชาตดิ ว้ ย จึงเป็นการเพิ่มจานวนแมลงศตั รูธรรมชาติในแปลงเพาะปลูกซงึ่ จะชว่ ยควบคุม แมลงศัตรูพชื ใหแ้ กเ่ กษตรกร ปยุ๋ อนิ ทรีย์และปุ๋ยชีวภำพ ในการทาเกษตรธรรมชาติเนื่องจากเราไม่ใช้ปุ๋ยเคมแี ต่จะหนั มาปรับปรงุ ดินโดยใช้ปยุ๋ อนิ ทรีย์และปุ๋ยชวี ภาพ แทน ปุย๋ อนิ ทรีย์ ไดแ้ ก่ ปุย๋ หมัก ปุ๋ยน้าชีวภาพ และปยุ๋ พชื สด (สาหรับปุ๋ยคอกไม่ได้กลา่ วถงึ เนอ่ื งจากนาปุย๋ คอกหรือมูลสตั วน์ ามาใช้เป็นวัสดใุ นการทาปุ๋ยหมัก) ส่วนปุ๋ยชีวภาพ ได้แก่ ไรโซเบยี ม ไมโคไรซา่ ท้ังป๋ยุ อนิ ทรยี ์และปุ๋ยชวี ภาพเหลา่ นี้จะใหท้ ั้งธาตุอาหารหลกั และธาตุอาหารรองแก่พืชอย่างครบถ้วนและใน ปริมาณท่ีมากพอจึงใช้ทดแทนปยุ๋ เคมใี นการเพาะปลกู พชื ได้ และการใช้ป๋ยุ ชวี ภาพร่วมด้วยก็จะช่วยทาให้ ต้องใชป้ ๋ยุ หมักมาก จึงเปน็ ไปได้ท่จี ะทาเกษตรธรรมชาติในพ้ืนที่แปลงใหญม่ ิใชท่ าแปลงเล็กหรือสวนครวั หลงั บ้านเท่านน้ั

โครงการการศึกษาตอ่ เนอื่ ง กศน.ตาบลท่าบญุ มี ประจาปงี บประมาณ พ.ศ.2563 19 กำรเปรียบเทยี บผลของปยุ๋ เคมแี ละปุย๋ อนิ ทรีย์/ปุ๋ยชีวภำพทมี่ ตี ่อดิน กำรปอ้ งกนั และกำจดั ศตั รพู ืชโดยวธิ ีเกษตรธรรมชำติ การฟ้ืนฟูความสมดุลของธรรมชาติในไร่-นาที่ผ่านการใช้สารเคมีในรูปแบบต่าง ๆ มาอย่างมากและเป็น เวลานานให้กลบั คืนมาตามหลักการทัง้ 3 ข้อ เปน็ เรอ่ื งทเี่ กษตรกรสามารถทาไดโ้ ดยใช้เวลาแต่ในปีแรก ๆ จะประสบ ปัญหาโรคและแมลงรบกวนบ้าง เนื่องจากดินที่เร่มิ ถูกปรบั ปรุงยังไม่มีความอุดมสมบรู ณ์ดีพอ และมีสารปนเป้ือนอยู่ มากทาให้พืชยังไม่สามารถเติบโตและแข็งแรงได้อย่างเต็มท่ี ทาให้อ่อนแอต่อการทาลายของโรคและแมลงศัตรูพืช อีกท้ังศัตรูธรรมชาติของแมลงศัตรูพืชก็ยังน้อยอยู่ จึงทาให้เกษตรกรประสบปัญหาโรคแมลงศัตรูพืชรบกวนและ ผลผลิตต่าในระยะ 1-3 ปีแรก แต่หลังจากนั้นไปถ้ามีการจัดการดีจะทาให้ปัญหาโรค และแมลงศัตรูพืชลดลงพร้อม ท้ังผลผลิตก็จะสูงข้ึน การเพาะปลูกพืชก็ง่ายขึ้น การใช้ปุ๋ยธรรมชาติก็ลดลงรวมท้ังการป้องกันกาจัดศัตรูพืช ก็ใช้ ปจั จัยนอ้ ยลงซึ่งกห็ มายถึงต้นทนุ การผลติ ลดลง แต่ผลผลิตสูงขนึ้ ซ่งึ เป็นการทาการเกษตรทยี่ ่งั ยืน กำรป้องกันและกำจัดวัชพืช 1. ใช้วิธกี ารถอน ใชจ้ อบถาง ใชว้ ธิ กี ารไถพรวน 2. ใช้วัสดุคลุมดินซ่ึงเปน็ การปกคลุมผิวดินชว่ ยอนุรักษ์ดินและน้า และเป็นการเพิ่มอินทรีย์วัตถุให้กับดินอีก ด้วย โดยส่วนใหญม่ ักใช้วัสดุตามธรรมชาติ ได้แก่ เศษซากพืชหรือวัสดเุ หลือใช้ในการเกษตร เช่น ฟางข้าว ตอซังพืช หญ้าแห้ง ใบไม้แห้ง ต้นถ่ัว ขุยมะพร้าว กากอ้อย แกลบ เป็นต้น นอกจากนี้ยังมีพลาสติกท่ีผลิตข้ึน สาหรับการคลุม ดนิ โดยเฉพาะซ่ึงสามารถนามาใช้ไดเ้ ชน่ กนั 3. ปลกุ พืชคลุมดนิ เชน่ การปลูกพืชตระกูลถว่ั คลมุ ดินในสวนไม้ผล การปลูกพชื ต่าง ๆ เชน่ ผัก ไมด้ อก สมุนไพร แซมในสวนไม้ผล เป็นตน้ กำรปอ้ งกันและกำจดั โรคและแมลงศตั รูพชื 1. การป้องกันและกาจัดโดยวธิ กี ล (mechanical control) เชน่ การใช้มอื จบั แมลงมาทาลาย การใชม้ ้งุ ตา ข่าย การใช้กับดักแสงไฟ การใช้กับดกั กาวเหนยี ว เปน็ ต้น 2. การปอ้ งกนั และกาจัดโดยวธิ ีเขตกรรม (cultural control) เชน่ 1) การดูแลรกั ษาแปลงให้สะอาด 2) การหาระยะเวลาทีเ่ หมาะสมในการปลกู พืช 3) การเกบ็ เก่ียวพชื เพ่ือหลีกเลยี่ งการทาลายของโรคและแมลง 4) การใชร้ ะบบการปลูกพืช เชน่ การปลกู พชื หมนุ เวยี น การปลกู พืชแซม 5) การจัดการให้น้า 6) การใส่ปุ๋ยใหเ้ หมาะสมกับความต้องการของพชื เพ่ือลดการทาลายของโรคและแมลง 3. การปอ้ งกนั และกาจดั ศตั รูพืชโดยชวี วิธิ (biological control) คอื การใชป้ ระโยชน์จากแมลงศัตรู ธรรมชาติ คอื

20 โครงการการศึกษาต่อเนือ่ ง กศน.ตาบลท่าบญุ มี ประจาปีงบประมาณ พ.ศ.2563 1) ตวั เบียน (parasite) สว่ นใหญห่ มายถึง แมลงเบยี น (parasitic insects) ท่ีอาศยั แมลงศัตรพู ชื เพอ่ื การ ดารงชีวติ และการสบื พันธ์ุซงึ่ ทาใหแ้ มลงศัตรูพืชตายในระหว่างการเจรญิ เตบิ โต 2) ตวั หา้ ไดแ้ ก่ สิ่งมีชวี ิตที่ดารงชีวติ โดยการกินแมลงศตั รูพืชเปน็ อาหารเพอื่ การเจริญเติบโตจนครบวงจร ชวี ิต ตัวหา้ พวกนไ้ี ด้แก่ สัตวท์ ่ีมกี ระดกู สันหลงั ได้แก่ สตั วป์ กี เช่น นก สัตวเ์ ลอ้ื ยคลาย เชน่ งู กิ้งก่าสัตว์ คร่ึงบกครง่ึ น้า เช่น กบ ตวั หา้ สว่ นใหญท่ ี่มีความสาคัญในการควบคุมแมลงและไรศัตรูพืชได้แกส่ ัตว์ไมม่ กี ระดูกสันหลัง เช่น แมง มุม ไรตวั หา้ และตวั หา้ ส่วนใหญไ่ ดแ้ กแ่ มลงหา้ (predatory insects) ซ่งึ มีมากชนดิ และมีการขยายพนั ธ์ุไดร้ วดเร็ว 3) เชอ้ื โรค สว่ นใหญห่ มายถึงจลุ นิ ทรยี ์ท่ีทาให้แมลงศัตรูพชื เปน็ โรคตาย เช่น เชื้อไวรสั แบททีเรยี รา โปรโต ซัว ไสเ้ ดือนฝอยทาลายแมลงศัตรูพืช 4. การปอ้ งกนั โดยใช้พนั ธ์ุพชื ต้านทาน (host plant resistance) 5. การปอ้ งกนั และกาจัดศัตรูพชื โดยใช้สมนุ ไพรต่าง ๆ โดย อาจารยท์ ิพวรรณ สิทธิรังสรรค์

โครงการการศึกษาต่อเนอ่ื ง กศน.ตาบลท่าบญุ มี ประจาปงี บประมาณ พ.ศ.2563 21 บทท่ี 3 วิธดี ำเนินกำร กศน.ตาบลทา่ บุญมี โครงการขยายผลเกษตรกรตน้ แบบ Master Trainer วนั ท่ี 11-12 กรกฎาคม 2563 ณ ศาลาประชาคมบ้านหนองงูเหลือม หม่ทู ี่ 7 ตาบลท่าบุญมี อาเภอเกาะจนั ทร์ จงั หวัดชลบรุ ี มีขน้ั ตอนในการ ดาเนินการ ในการจัดทารายงานครัง้ นี้ วิธดี าเนนิ การ มีข้นั ตอนดงั น้ี 1. สารวจความตอ้ งการของกลุ่มเป้าหมาย 2. กาหนดวางแผน และประสานงานสว่ นที่เก่ียวขอ้ ง 3. เสนอโครงการ 4. ประสานผเู้ ก่ียวขอ้ ง 5. ดาเนินการจดั กจิ กรรม 6. เครื่องมือในการเก็บข้อมูล ประเมินผลการจัดกิจกรรม และประเมินผลด้านผู้เรียน 7. วเิ คราะหข์ ้อมลู /สถิตทิ ใ่ี ชใ้ นการวเิ คราะห์ 1. สำรวจควำมตอ้ งกำรกลุ่มเป้ำหมำย กศน.ตาบลท่าบุญมี ศูนย์การศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัยอาเภอเกาะจันทร์ โดยคณะครู สารวจความต้องการของผู้เรียน โดยเลือกกลุ่มเป้าหมายและประชาสัมพันธ์ คือ ประชาชนตาบลท่าบุญมีที่มีความ สนใจเก่ียวกบั ด้านเกษตรธรรมชาติ ในรูปแบบโมเดล 30 ตารางวา ส้วู ิกฤติ Covid-19 ตามหลกั ปรัชญาของเศรษฐกิจ พอเพยี ง เพ่อื สอบถามความต้องการเกยี่ วกับหัวข้อทส่ี นใจและสามารถนามาปรบั ใช้ได้จริง 2. กำหนดแผนและปฏิทินกำรดำเนนิ งำน ครู กศน.ตาบล และครู ศรช. ดาเนนิ การวางแผนการจดั กิจกรรมการศึกษาตอ่ เนื่อง โครงการขยายผล เกษตรกรตน้ แบบ Master Trainer วันท่ี 11-12 กรกฎาคม 2563 3. เสนอโครงกำร โดยดาเนนิ การขออนุมัติการจัดการศึกษาโครงการ 4. ประสำนงำนผู้เกีย่ วขอ้ ง ดาเนินงานแจ้งสานักงาน กศน.จังหวัดชลบุรี ภาคีเครือข่าย วิทยากร และผู้เรียนให้ทราบถึงวัน เวลา และ สถานท่ี ดาเนนิ การจดั กิจกรรม 5. ดำเนินกำรจดั กจิ กรรม โครงการการศึกษาต่อเน่ือง โครงการขยายผลเกษตรกรต้นแบบ Master Trainer ดาเนินการในวันที่ 11-12 กรกฎาคม 2563 ณ ศาลาประชาคมบา้ นหนองงูเหลอื ม หมทู่ ี่ 7 ตาบลทา่ บุญมี อาเภอเกาะจนั ทร์ จงั หวัดชลบุรี 6. เครอื่ งมือในกำรเก็บรวบรวมขอ้ มูล จากการสังเกตและแบบประเมนิ ความพงึ พอใจในการจัดกิจกรรมโดยวธิ ีการเลือกกลุ่มเป้าหมายแบบเจาะจง จานวน 20คน เพือ่ ตอบแบบสอบถามความพึงพอใจโครงการ 7. กำรวิเครำะห์ขอ้ มูล/สถิตทิ ใี่ ชใ้ นกำรวิเครำะห์ การวิเคราะห์ข้อมูล ใช้ค่าสถิติร้อยละ ในการประมวลผลข้อมูลส่วนตวั และตวั ชว้ี ดั ความสาเร็จของโครงการ ตามแบบสอบถามความคิดเหน็ รายข้อ แล้วนาไปแปรความหมายตามค่าระดบั เกณฑ์

22 โครงการการศึกษาต่อเนือ่ ง กศน.ตาบลท่าบญุ มี ประจาปีงบประมาณ พ.ศ.2563 เกณฑก์ ารประเมิน - ค่าสถติ ิน้อยกว่ารอ้ ยละ 50 ปรบั ปรุง - ค่าสถิติร้อยละ 50-74 พอใช้ - ค่าสถิตริ อ้ ยละ 75-84 ดี - ค่าสถติ ริ อ้ ยละ 85 ขนึ้ ไป ดมี าก การวิเคราะห์ข้อมูล ใช้ค่าสถิติร้อยละ ในการประมวลผลข้อมูลส่วนตัวและตัวช้วี ัดความสาเร็จของโครงการ ตามแบบสอบถามความคิดเห็นรายข้อ แล้วนาไปแปรความหมายตามค่าระดับเกณฑ์กาหนดค่าลาดับความสาคัญ ของการประเมนิ ผลออกเป็น 5 ระดบั ดงั น้ี - มากท่ีสุด ใหค้ ะแนน 5 - มาก ให้คะแนน 4 - ปานกลาง ให้คะแนน 3 - น้อย ใหค้ ะแนน 2 - นอ้ ยท่ีสุด ใหค้ ะแนน 1 ในการแปลผล ผู้จัดทาได้ใช้เกณฑ์การพิจารณาจากคะแนนเฉลี่ยตามแนวคิดของ บุญชม ศรีสะอาด และ บุญส่ง นิลแกว้ (2835, หนา้ 22-28) - 4.51-5.00 หมายความวา่ ดีมาก - 3.51-4.50 หมายความวา่ ดี - 2.51-3.50 หมายความว่า ปานกลาง - 1.51-2.50 หมายความว่า น้อย - 1.00-1.50 หมายความว่า ต้องปรับปรงุ ผู้เข้าร่วมโครงการจะต้องกรอกข้อมูลตามแบบสอบถาม เพ่ือนาไปใช้ในการประเมินผลของการจัดกิจกรรม ดงั กล่าว และจะได้นาไปเป็นขอ้ มูล ปรับปรุง และพัฒนา ตลอดจนใชใ้ นการจดั ทาแผนการดาเนินการในปีต่อไป

โครงการการศึกษาตอ่ เน่อื ง กศน.ตาบลท่าบญุ มี ประจาปงี บประมาณ พ.ศ.2563 23 บทที่ 4 ผลกำรดำเนินงำนและกำรวิเครำะห์ขอ้ มลู ในการจัดโครงการการศึกษาต่อเน่ือง โครงการขยายผลเกษตรกรต้นแบบ Master Trainer ดาเนนิ การในวนั ท่ี 11-12 กรกฎาคม พ.ศ.2563 ณ ศาลาประชาคมบา้ นหนองงเู หลือม หมทู่ ่ี 7 ตาบลทา่ บุญมี อาเภอ เกาะจันทร์ จังหวัดชลบุรี กาหนดการดาเนินงาน ได้มีการสรุปผลการดาเนินโครงการจากแบบสอบถามและนาเสนอ การวิเคราะหข์ อ้ มลู จากผ้ใู ห้ข้อมลู จานวน 20 ชดุ ดงั นี้ ผลกำรดำเนินงำน ดังน้ี 1) ผูเ้ ขา้ รว่ มโครงการ จานวน 20 คน คดิ เป็นร้อยละ 100 2) ระยะเวลาทใี่ ชใ้ นการจดั กจิ กรรม วันที่ 11-12 กรกฎาคม พ.ศ.2563 ณ ศาลาประชาคมบ้านหนองงู เหลอื ม หม่ทู ี่ 7 ตาบลทา่ บญุ มี อาเภอเกาะจนั ทร์ จังหวัดชลบุรี 3) งบประมาณ จากเงินงบประมาณ ปี 2563 โครงการจดั การศึกษาเพ่อื พฒั นาพน้ื ท่ีภาค ตะวนั ออก สานกั งาน กศน. จานวน 12,500.-บาท (-หน่ึงหมืน่ สองพัน ห้ารอ้ ยบาทถ้วน-) 4) ผลทไี่ ดร้ ับจากการจดั กจิ กรรม 1) เพ่ือพฒั นาศักยภาพเกษตรกรให้มีองค์ความรู้ด้านการบรหิ ารจดั การงานเกษตรและการเกษตร เชงิ ทอ่ งเท่ียวเพิ่มข้นึ 2) เพื่อใหเ้ กษตรกรตน้ แบบ (Master Trainer) ได้ไปขยายผลการอบรมประชาชนให้เป็นเกษตรกร ปราดเปร่ือง Smart Farmer สรุปรำยงำนจำกแบบสอบถำมควำมคดิ เห็น ข้อมูลท่ีไดส้ ำมำรถวเิ ครำะห์และแสดงค่ำสถติ ิ ดงั นี้ ตอนท่ี 1 ข้อมูลส่วนตัวผตู้ อบแบบถำมของผ้เู ขำ้ ร่วม โครงการการศึกษาต่อเน่ือง โครงการขยายผลเกษตรกรต้นแบบ Master Trainer ดาเนินการในวันท่ี 11-12 กรกฎาคม พ.ศ.2563 ณ ศาลาประชาคมบ้านหนองงูเหลือม หมู่ที่ 7 ตาบลท่าบุญมี อาเภอเกาะจนั ทร์ จังหวัด ชลบุรี มีผู้ท่ีตอบแบบถามจานวน 20 คน ท่ีตอบแบบสอบถามได้นามาจาแนกตามเพศ อายุ การศึกษา และอาชีพ ผู้จดั ทาได้นาเสนอจาแนกตามขอ้ มลู ดังกล่าว ดงั ปรากฏตามตารางที่ 1 ดงั ตอ่ ไปนี้ ตำรำงท่ี 1 แสดงค่ำรอ้ ยละของผู้ตอบแบบสอบถำม โดยจำแนกตำมเพศ เพศ ชาย หญิง ความคดิ เห็น จำนวน ร้อยละ จำนวน รอ้ ยละ ผู้เขำ้ ร่วมโครงกำรกิจกรรม 9 45.00 11 55.00 จากตารางที่ 1 แสดงว่า ผ้ตู อบแบบสอบถามของผเู้ ข้าร่วมโครงการ มีผทู้ ่ีตอบแบบถาม จานวน 20 คน เป็นชาย จานวน 9 คน คดิ เปน็ รอ้ ยละ 45.00 เพศหญิง จานวน 11 คน คดิ เปน็ ร้อยละ 55.00 ตำรำงที่ 2 แสดงคำ่ ร้อยละของผู้ตอบแบบสอบถำม โดยจำแนกตำมอำยุ

24 โครงการการศึกษาตอ่ เน่ือง กศน.ตาบลท่าบญุ มี ประจาปงี บประมาณ พ.ศ.2563 อายุ 15-29 ปี 30-39 ปี 40-49 ปี 50- 59 ปี 60 ปี ขึน้ ไป ความคิดเห็น จานวน รอ้ ยละ จานวน ร้อยละ จานวน ร้อยละ จานวน ร้อยละ จานว รอ้ ยละ น ผเู้ ข้ำร่วม 2 10.00 7 35.00 9 45.00 2 10.00 โครงกำร จากตารางที่ 2 แสดงวา่ ผตู้ อบแบบสอบถามของผู้เข้าร่วมโครงการ เม่ือจาแนกตามอายุปรากฏวา่ ชว่ งอายุ 30-39 ปี จานวน 2 คน คดิ เป็นรอ้ ยละ 10.00 ช่วงอายุ 40-49 ปี จานวน 7 คน คดิ เป็นรอ้ ยละ 35.00 ชว่ งอายุ 50-59ปี จานวน 9 คน คดิ เปน็ ร้อยละ 45.00 และอายุ 60 ปีขึน้ ไป จานวน 2 คน คดิ เปน็ ร้อยละ 10.00 ตำรำงที่ 3 แสดงคำ่ รอ้ ยละของผตู้ อบแบบสอบถำม โดยจำแนกตำมกำรศึกษำ การศึกษา ประถมศึกษา ม.ตน้ ม.ปลาย ปรญิ ญาตรี ความคิดเหน็ จำนวน ร้อยละ จำนวน ร้อยละ จำนวน ร้อยละ จำนวน ร้อยละ ผู้เขำ้ รว่ มโครงกำร 5 25.00 7 35.00 8 40.00 จากตารางท่ี 3 แสดงว่า ผู้ตอบแบบสอบถามของผู้เข้าร่วมโครงการ เมื่อจาแนกตามการศึกษาปรากฏว่า ระดับประถมศึกษา จานวน 5 คน คิดเป็นร้อยละ 25.00 ระดับมัธยมศึกษาตอนต้น จานวน 7 คน คิดเป็นร้อยละ 40.00 ระดบั มัธยมศกึ ษาตอนปลาย จานวน 8 คน คิดเป็นรอ้ ยละ 40.00 ตามลาดับ ตำรำงที่ 4 แสดงคำ่ ร้อยละของผูต้ อบแบบสอบถำม โดยจำแนกตำมอำชีพ อำชีพ รับจำ้ ง ค้ำขำย เกษตร ไมไ่ ดป้ ระกอบ อนื่ ๆ อำชีพ ควำมคดิ เห็น จานวน รอ้ ยละ จานวน รอ้ ยละ จานวน รอ้ ยละ จานวน ร้อยละ จานวน รอ้ ยละ ผู้เขำ้ รว่ มโครงกำร 20 100 จากตารางท่ี 4 แสดงว่า ว่า ผู้ตอบแบบสอบถามของผู้เข้าร่วมโครงการ เม่ือจาแนกตามอาชีพปรากฏว่า ผ้เู ขา้ รว่ มโครงการประกอบอาชพี เกษตรกร จานวน 20 คน คิดเป็นรอ้ ยละ 100 ตอนที่ 2 ขอ้ มลู เก่ยี วกบั ควำมคิดเหน็ ของผูเ้ ข้ำรว่ ม ความคิดเห็นของผู้ท่ีตอบแบบถามจานวน 20คน จากแบบสอบถามทั้งหมดท่ีมีต่อกิจกรรม ดังปรากฏใน ตารางที่ 5 ตำรำงที่ 5 ผลกำรประเมนิ กิจกรรม

25 โครงการการศกึ ษาต่อเนอ่ื ง กศน.ตาบลท่าบญุ มี ประจาปงี บประมาณ พ.ศ.2563 เน้ือหำ N = 20 ตอนที่ 1 ควำมพึงพอใจดำ้ นเนือ้ หำ x S.D. อันดับท่ี ระดบั กำร 1.เนื้อหาตรงตามความต้องการ ประเมิน 2.เนือ้ หาเพียงพอต่อความต้องการ 3.เนอ้ื หาเปน็ ปจั จบุ นั และทันสมยั 4.07 0.27 15 ดี 4.เนื้อหามีประโยชน์ตอ่ การนาไปใช้ในการพัฒนาคุณภาพชีวิต 4.14 0.36 14 ดี ตอนท่ี 2 ควำมพึงพอใจดำ้ นกระบวนกำรจดั กิจกรรม 4.21 0.43 13 ดี 5.การเตรียมความพร้อมก่อนจดั กจิ กรรม 4.71 0.47 2 ดีมาก 6.การออกแบบกจิ กรรมเหมาะสมกบั วัตถุประสงค์ 7.การจัดกิจกรรมเหมาะสมกับเวลา 4.79 0.43 1 ดมี าก 8.การจดั กิจกรรมเหมาะสมกับกลมุ่ เป้าหมาย 4.64 0.50 3 ดีมาก 9.วธิ กี ารวดั ผล/ประเมนิ ผลเหมาะสมกับวตั ถปุ ระสงค์ 4.50 0.52 5 ดี ตอนที่ 3 ควำมพึงพอใจตอ่ วิทยำกร 4.57 0.51 4 ดี 10.วิทยากรมีความร้คู วามสามารถในเร่ืองที่ถ่ายทอด 4.43 0.51 9 ดี 11.วิทยากรมีเทคนิคการถา่ ยทอดใชส้ ่ือเหมาะสม 12.วิทยากรเปิดโอกาสใหม้ ีสว่ นร่วมและซักถาม 4.36 0.50 11 ดี ตอนที่ 4 ควำมพึงพอใจด้ำนกำรอำนวยควำมสะดวก 4.43 0.51 10 ดี 13.สถานที่ วสั ดุ อุปกรณ์และสง่ิ อานวยความสะดวก 4.50 0.52 6 ดี 14.การสอ่ื สาร การสรา้ งบรรยากาศเพือ่ ใหเ้ กดิ การเรยี นรู้ 15.การบรกิ าร การชว่ ยเหลอื และการแกป้ ญั หา 4.36 0.50 12 ดี 4.44 0.46 8 ดี 4.47 0.48 7 ดี จากตาราง 5 พบว่า โดยเฉล่ียแล้วผู้เข้าร่วมกิจกรรมโครงการ อยู่ในระดับ ดีมาก เม่ือวิเคราะห์เป็นรายข้อ พบว่า การเตรียมความพร้อมก่อนจัดกิจกรรม (������̄= 4.79) เป็นอันดับที่ 1, เน้ือหามีประโยชน์ต่อการนาไปใช้ในการ พัฒนาคุณภาพชีวิต (������̄= 4.71) เป็นอันดับที่ 2, การออกแบบกิจกรรมเหมาะสมกับวัตถุประสงค์ (������̄= 4.64) เป็น อันดับท่ี 3, การจัดกิจกรรมเหมาะสมกับกลุ่มเป้าหมาย (������̄= 4.57) เป็นอันดับที่ 4, การจัดกิจกรรมเหมาะสมกับ เวลา (������̄= 4.50) เปน็ อันดับที่ 5 ตำรำงท่ี 6 แสดงคา่ รอ้ ยละของระดบั ความพึงพอใจท่ีได้รับต่อการรว่ มกจิ กรรม

26 โครงการการศกึ ษาตอ่ เนือ่ ง กศน.ตาบลท่าบญุ มี ประจาปีงบประมาณ พ.ศ.2563 งบพฒั นำสังคมชุมชน 22 กพ.2562 ประเดน็ ทป่ี ระเมิน ระดบั กำรประเมิน ข้อ ดมี ำก ดี พอใช้ ควรปรับปรุง ตอ้ งปรับปรุง จำนวน ร้อยละ จำนวน ร้อยละ จำนวน ร้อยละ จำนวน ร้อยละ จำนวน ร้อยละ 0 0.00 1 เนอื้ หาตรงตามความตอ้ งการ 19 82.61 4 17.39 0 0.00 0 0.00 0 0.00 0 0.00 2 เนอ้ื หาเพยี งพอตอ่ ความตอ้ งการ 19 82.61 4 17.39 0 0.00 0 0.00 0 0.00 0 0.00 3 เนอ้ื หาเป็นปัจจุบันและทันสมยั 20 86.96 3 13.04 0 0.00 0 0.00 0 0.00 0 0.00 4 เนื้อหามปี ระโยชน์ตอ่ การนาไปใชใ้ นการพฒั นาคณุ ภาพชวี ติ 19 82.61 4 17.39 0 0.00 0 0.00 0 0.00 0 0.00 5 การเตรียมความพร้อมกอ่ นจัดกิจกรรม 16 69.57 7 30.43 0 0.00 0 0.00 0 0.00 0 0.00 6 การออกแบบกิจกรรมเหมาะสมกับวตั ถุประสงค์ 16 69.57 7 30.43 0 0.00 0 0.00 0 0.00 0 0.00 7 การจัดกิจกรรมเหมาะสมกับเวลา 19 82.61 4 17.39 0 0.00 0 0.00 0 0.00 0 0.00 8 การจัดกจิ กรรมเหมาะสมกับกลุม่ เป้าหมาย 19 82.61 4 17.39 0 0.00 0 0.00 0 0 9 วิธกี ารวัดผล/ประเมนิ ผลเหมาะสมกับวตั ถุประสงค์ 19 82.61 4 17.39 0 0.00 0 0.00 10 วทิ ยากรมคี วามรู้ความสามารถในเร่ืองทถี่ ่ายทอด 23 100.00 0 0.00 0 0.00 0 0.00 11 วิทยากรมเี ทคนิคการถ่ายทอดใชส้ ื่อเหมาะสม 23 100.00 0 0.00 0 0.00 0 0.00 12 วิทยากรเปิดโอกาสให้มสี ว่ นร่วมและซักถาม 23 100.00 0 0.00 0 0.00 0 0.00 13 สถานที่ วัสดุ อปุ กรณแ์ ละสงิ่ อานวยความสะดวก 19 82.61 4 17.39 0 0.00 0 0.00 14 การส่ือสาร การสร้างบรรยากาศเพอ่ื ให้เกิดการเรียนรู้ 19 82.61 4 17.39 0 0.00 0 0.00 15 การบริการ การช่วยเหลอื และการแกป้ ัญหา 20 86.96 3 13.04 0 0.00 0 0.00 (1) รวม 293 52 0 0 (2) = (1) Xคะแนนเตม็ ของแตล่ ะชอ่ ง 1465 208 0 0 (3) = ผลรวมของความพงึ พอใจ 1673 (4) = (3) ¸ จานวนคน 72.74 (5) = (4) X 18 ¸ 96.99 จานวนข้อXคะแนนเตม็ สงู สดุ สรุป บรรลุ จำกตำรำงท่ี 6 แสดงว่าผู้ตอบแบบสอบถามของผู้เข้าร่วมกิจกรรมมีระดับความพึงพอใจกับประเด็นที่ประเมิน ดังตอ่ ไปน้ี ประเด็นท่ี 1 “เนื้อหาตรงตามความต้องการ” ผู้ตอบแบบสอบถาม ร้อยละ 82.61 มีระดับของความพึง พอใจในระดับ “ดมี าก” รอ้ ยละ 17.39 มรี ะดับความพึงพอใจในระดบั “ดี” ประเด็นที่ 2 “เนื้อหาเพียงพอต่อความต้องการ” ผู้ตอบร้อยละ 82.61 มีระดับของความพึงพอใจในระดับ “ดีมาก” รอ้ ยละ 17.39 มีระดบั ความพึงพอใจในระดบั “ด”ี ประเด็นท่ี 3 “เนื้อหาเป็นปัจจุบันและทันสมัย” ผู้ตอบแบบสอบถาม ร้อยละ 86.96 มีระดับของความพึง พอใจในระดับ “ดีมาก” ร้อยละ 13.04 มีระดับความพงึ พอใจในระดับ “ดี” ประเด็นท่ี 4 “สื่อ/อุปกรณ์ฝึก สามารถนามาใช้ประกอบการเรียนเพียงใด” ผู้ตอบแบบสอบถาม ร้อยละ 82.61 มรี ะดับของความพึงพอใจในระดับ “ดีมาก” ร้อยละ 17.39 มีระดบั ความพึงพอใจในระดับ “ด”ี ประเด็นที่ 5 “การเตรียมความพร้อมก่อนจัดกิจกรรม” ผู้ตอบแบบสอบถาม ร้อยละ 69.57 มีระดับของ ความพึงพอใจในระดับ “ดมี าก” รอ้ ยละ 30.43 มรี ะดบั ความพึงพอใจในระดับ “ด”ี ประเด็นที่ 6 “การออกแบบกิจกรรมเหมาะสมกับวัตถุประสงค์” ผู้ตอบแบบสอบถาม ร้อยละ 69.57 มี ระดบั ของความพึงพอใจในระดับ “ดีมาก” รอ้ ยละ 30.43 มีระดับความพงึ พอใจในระดับ “ด”ี

27 โครงการการศกึ ษาตอ่ เน่อื ง กศน.ตาบลท่าบญุ มี ประจาปีงบประมาณ พ.ศ.2563 ประเดน็ ที่ 7 “การจัดกิจกรรมเหมาะสมกับเวลา” ผู้ตอบแบบสอบถาม ร้อยละ 82.61 มีระดบั ของความพึง พอใจในระดบั “ดีมาก” รอ้ ยละ 17.39 มรี ะดบั ความพงึ พอใจในระดับ “ดี” ประเด็นที่ 8 “การจัดกิจกรรมเหมาะสมกับกลุ่มเป้าหมาย” ผู้ตอบแบบสอบถาม ร้อยละ 82.61 มีระดับ ของความพึงพอใจในระดบั “ดมี าก” ร้อยละ 17.39 มรี ะดับความพงึ พอใจในระดับ “ด”ี ประเด็นที่ 9 “วิธีการวัดผล/ประเมินผลเหมาะสมกับวัตถุประสงค์” ผู้ตอบแบบสอบถาม ร้อยละ 82.61 มี ระดับของความพึงพอใจในระดบั “ดีมาก” ร้อยละ 17.39 มีระดับความพึงพอใจในระดับ “ด”ี ประเด็นที่ 10 “วิทยากรมีความรู้ความสามารถในเร่ืองท่ีถ่ายทอด” ผู้ตอบแบบสอบถาม แบบสอบถาม รอ้ ยละ 100 มรี ะดับของความพึงพอใจในระดับ “ดีมาก” ประเดน็ ท่ี 11 “วิทยากรมเี ทคนคิ การถ่ายทอดใช้สอ่ื เหมาะสม” ผตู้ อบแบบสอบถาม แบบสอบถาม ร้อยละ 100 มีระดับของความพึงพอใจในระดับ “ดีมาก” ประเด็นท่ี 12 “วิทยากรเปิดโอกาสให้มีส่วนร่วมและซักถาม” ผู้ตอบแบบสอบถาม แบบสอบถาม ร้อยละ 100 มรี ะดับของความพึงพอใจในระดบั “ดีมาก” ประเด็นที่ 13 “สถานที่ วัสดุ อุปกรณ์และส่ิงอานวยความสะดวก” ผู้ตอบแบบสอบถาม แบบสอบถาม 82.61 มรี ะดบั ของความพึงพอใจในระดบั “ดมี าก” รอ้ ยละ 17.39 มรี ะดบั ความพงึ พอใจในระดับ “ด”ี ประเดน็ ที่ 14 “การสอ่ื สาร การสร้างบรรยากาศเพื่อให้เกดิ การเรยี นรู้” ผู้ตอบแบบสอบถาม รอ้ ยละ 82.61 มรี ะดบั ของความพงึ พอใจในระดับ “ดีมาก” ร้อยละ 17.39 มีระดบั ความพงึ พอใจในระดบั “ด”ี ประเด็นที่ 15 “การบริการ การช่วยเหลือและการแก้ปัญหา” ผู้ตอบแบบสอบถาม ร้อยละ ละ 86.96 มี ระดับของความพึงพอใจในระดบั “ดีมาก” รอ้ ยละ 13.04 มรี ะดบั ความพงึ พอใจในระดบั “ดี” อภปิ รำยผล จากการจดั กจิ กรรม 1. ผู้ตอบแบบสอบถามของผู้เขา้ รว่ มโครงการจานวน จานวน 20 คน เป็นชาย จานวน 9 คน คิดเปน็ รอ้ ย ละ 45.00 เพศหญิง จานวน 11 คน คิดเปน็ ร้อยละ 55.00 2. ผู้ตอบแบบสอบถามของผู้เขา้ รว่ มผเู้ ข้าร่วมโครงการ เมื่อจาแนกตามอายุปรากฏวา่ ช่วงอายุ 30-39 ปี จานวน 2 คน คิดเป็นรอ้ ยละ 10.00 ช่วงอายุ 40-49 ปี จานวน 7 คน คิดเปน็ ร้อยละ 35.00 ช่วงอายุ 50-59ปี จานวน 9 คน คิดเป็นรอ้ ยละ 45.00 และอายุ 60 ปีข้ึนไป จานวน 2 คน คิดเปน็ ร้อยละ 10.00 3. ผู้ตอบแบบสอบถามของผู้เข้าร่วมโครงการ เม่ือจาแนกตามการศึกษาปรากฏว่า ระดับประถมศึกษา จานวน 5 คน คิดเป็นร้อยละ 25.00 ระดับมัธยมศึกษาตอนต้น จานวน 7 คน คิดเป็นร้อยละ 40.00 ระดับ มัธยมศกึ ษาตอนปลาย จานวน 8 คน คดิ เปน็ ร้อยละ 40.00 ตามลาดับ 4. ผู้ตอบแบบสอบถามของผู้เข้าร่วมผู้เข้าร่วมโครงการ เม่ือจาแนกตามอาชีพปรากฏผู้เข้าร่วมโครงการมี อาชพี เกษตรกร จานวน 20 คน คิดเปน็ รอ้ ยละ 100 5. โดยเฉลี่ยแล้วผู้เข้าร่วมกิจกรรมโครงการ อยู่ในระดับ ดีมำก เม่ือวิเคราะห์เป็นรายข้อพบว่า การเตรียม ความพรอ้ มก่อนจดั กจิ กรรม (������̄= 4.79) เปน็ อันดบั ที่ 1, เน้อื หามปี ระโยชนต์ ่อการนาไปใชใ้ นการพฒั นาคุณภาพชีวิต (������̄= 4.71) เป็นอันดับท่ี 2, การออกแบบกิจกรรมเหมาะสมกับวัตถุประสงค์ (������̄= 4.64) เป็นอันดับที่ 3, การจัด

28 โครงการการศึกษาตอ่ เนื่อง กศน.ตาบลท่าบญุ มี ประจาปีงบประมาณ พ.ศ.2563 กิจกรรมเหมาะสมกับกลุ่มเป้าหมาย (������̄= 4.57) เป็นอันดับท่ี 4, การจัดกิจกรรมเหมาะสมกับเวลา (������̄= 4.50) เป็น อันดบั ที่ 5  สรปุ คา่ เปอรเ์ ซน็ ต์ ทั้ง 15 ข้อมคี วามพึงพอใจอยทู่ ่ีรอ้ ยละ 96.99  ความพงึ พอใจโดยรวมของผู้เขา้ รว่ มกจิ กรรมอยใู่ น ระดับดมี าก ขอ้ เสนอแนะจำกแบบประเมนิ โครงกำร 1. ผู้เข้าร่วมกจิ กรรมมีความพึงพอใจในกระบวนการจัดกิจกรรมซึ่งสอดคลอ้ งกบั การดาเนินในชวี ิตประจาวนั 2. ผเู้ ขา้ ร่วมกจิ กรรมมีความต้องการสามารถศึกษาเรยี นรูจ้ ากสถานท่จี ริง และแหลง่ เรยี นรู้อืน่ ๆ เพื่อนามา เปน็ แนวทางในการพฒั นาตนเองได้ บทท่ี 5 สรุป อภิปรำยผล ข้อเสนอแนะ

29 โครงการการศึกษาตอ่ เนอ่ื ง กศน.ตาบลท่าบญุ มี ประจาปงี บประมาณ พ.ศ.2563 โครงการการศึกษาต่อเนื่อง โครงการขยายผลเกษตรกรต้นแบบ Master Trainer คณะผู้จัดทาได้สรุป อภิปรายผล และข้อเสนอเเนะ ดังตอ่ ไปน้ี วตั ถุประสงค์ 1) เพื่อพฒั นาศักยภาพเกษตรกรใหม้ ีองค์ความรูด้ ้านการบรหิ ารจดั การงานเกษตรและการเกษตรเชงิ ท่องเท่ียวเพ่ิมข้ึน 2) เพ่ือให้เกษตรกรต้นแบบ (Master Trainer) ได้ไปขยายผลการอบรมประชาชนใหเ้ ป็นเกษตรกร ปราดเปรอื่ ง Smart Farmer วธิ กี ำรดำเนนิ กำร กลุ่มงานการศึกษาต่อเนื่อง มอบให้ครู กศน.ตาบล สารวจความต้องการของกลุ่มเป้าหมาย ประสานงานกับภาคีเครือข่าย และประชาสัมพันธ์ให้ทราบถึงกาหนดการจัดการศึกษาต่อเนื่อง โครงการขยายผล เกษตรกรต้นแบบ Master Trainer วันท่ี 11-12 กรกฎาคม พ.ศ.2563 ณ ศาลาประชาคมบา้ นหนองงเู หลือม หมู่ 7 ตาบลท่าบญุ มี อาเภอเกาะจันทร์ จงั หวดั ชลบรุ ี งบประมาณดาเนนิ การโดย กศน.อาเภอเกาะจนั ทร์ จานวน 12,500.- บาท มีผูเ้ ขา้ รว่ มโครงการ จานวน 20 คน สรปุ ผลกำรดำเนนิ งำน สรุปได้วา่ ประชาชนที่สนใจในพ้ืนที่ตาบลท่าบญุ มี อาเภอเกาะจนั ทร์ เขา้ ร่วมการจดั กจิ กรรม โครงการขยายผลเกษตรกรต้นแบบ Master Trainer วนั ที่ 11-12 กรกฎาคม พ.ศ.2563 ณ ศาลาประชาคมบ้าน หนองงเู หลือม หมูท่ ี่ 7 ตาบลท่าบญุ มี อาเภอเกาะจนั ทร์ จังหวัดชลบุรี โดยเป็นการจัดอบรมให้ความรู้เรื่องการบริหาร จดั การงานเกษตรและการเกษตรเชิงท่องเทีย่ วตามหลกั เกษตรธรรมชาติ และเกษตรกรตน้ แบบ (Master Trainer) ไดไ้ ปขยายผลการอบรมประชาชนใหเ้ ปน็ เกษตรกรปราดเปรอ่ื ง Smart Farmer รปู แบบการเรยี นการสอนบรรยาย และการปฏิบัตติ จิ รงิ งบประมาณดาเนินการโดย กศน.ตาบลทา่ บุญมี สงั กดั กศน.อาเภอเกาะจันทร์ มีผู้เขา้ รว่ ม โครงการ จานวน 20 คน (ร้อยละ 100 ของเปา้ หมายโครงการ) ผูเ้ ขา้ รว่ มมรี ะดบั ความคิดเหน็ / ความพึงพอใจตอ่ โครงการ อยูใ่ นระดบั “ดีมำก” และบรรลุความสาเร็จตามเปา้ หมายตัวชี้วดั ผลลัพธท์ ่ตี ้ังไว้ คา่ เฉลีย่ รอ้ ยละภาพรวม ของกิจกรรม 96.99 อภิปรำยผล จากการจัดกิจกรรมการศึกษาต่อเน่ือง โครงการขยายผลเกษตรกรต้นแบบ Master Trainer สรุป ได้ว่าโครงการนี้บรรลุความสาเร็จตามวัตถุประสงค์ ประชาชนตาบลท่าบุญมีได้รับความรู้เก่ียวกับการบริหารจัดการ งานเกษตรและการเกษตรเชิงท่องเท่ียวตามหลักเกษตรธรรมชาติ และเกษตรกรต้นแบบ (Master Trainer) ได้ไป ขยายผลการอบรมประชาชนให้เป็นเกษตรกรปราดเปร่ือง Smart Farmer อยู่ในระดับดีมาก มีความพึงพอใจต่อ โครงการนีส้ อดคล้องกบั ความต้องการของกลุ่มเปา้ หมาย ขอ้ เสนอแนะ 1. ผู้เขา้ ร่วมกจิ กรรมมีความพึงพอใจในกระบวนการจดั กจิ กรรมซ่งึ สอดคลอ้ งกับการดาเนินในชวี ติ ประจาวัน 2. ผเู้ ข้าร่วมกจิ กรรมมีความต้องการสามารถศึกษาเรยี นรจู้ ากสถานทจี่ ริง และแหล่งเรียนรอู้ ่ืนๆ เพื่อนามา เปน็ แนวทางในการพัฒนาตนเองได้ ภำพกิจกรรม

30 โครงการการศกึ ษาตอ่ เน่อื ง กศน.ตาบลท่าบญุ มี ประจาปงี บประมาณ พ.ศ.2563 แหล่งท่ีมำของข้อมลู

31 โครงการการศึกษาตอ่ เนื่อง กศน.ตาบลท่าบญุ มี ประจาปงี บประมาณ พ.ศ.2563 https://sites.google.com/site/site57008/khunthrrm-criythrrm-khxng-kar-ptibati-tn-pen- phlmeuxng-di

32 โครงการการศกึ ษาต่อเนือ่ ง กศน.ตาบลท่าบญุ มี ประจาปงี บประมาณ พ.ศ.2563 ภำคผนวก

33 โครงการการศกึ ษาต่อเน่อื ง กศน.ตาบลท่าบญุ มี ประจาปงี บประมาณ พ.ศ.2563