ระเบยี บวิธกี ารแกป ญ หาทางสถติ ิ 2 Statistical problem-solving methodology โดยทัว่ ไปข้นั ตอนการแกปญหา โดยใชว ธิ ีการทางสถิติ มี 5 ขั้นตอน คือ (1) การระบุ ปญ หา (Problem Identification) (2) การเกบ็ รวบรวมขอ มลู (Collection of the Data) (3) การนําเสนอขอ มูล (Presentation of the Data) (4) การวิเคราะหข อมลู (Analysis of the Data) และ (5) การแปลความหมายของขอมูล (Interpretation of the Data) (Sanders and Smidt, 2000: 9-17) ขนั้ ตอนที่ 1 การระบุปญหา นักวิจัยหรือผูศึกษาปญหา ตองระบุปญหาท่ีตองการศึกษา และวัตถุประสงคของ การศึกษาใหชัดเจน ตัวอยางเชน นักวิจัยทางดานการตลาดตองการประมาณสัดสวนของ ลูกคาที่มีความพึงพอใจตอผลิตภัณฑของบริษัท หรือวิศวกรผูควบคุมการผลิตตองการ ตรวจสอบวาเคร่อื งจักรทบ่ี รรจุเครอื่ งดมื่ ลงขวดทํางานเปนปกติหรอื ไม ข้ันตอนท่ี 2 การเก็บรวบรวมขอ มลู เมื่อผูศึกษาระบุปญหาและวัถตุประสงคไดแลว ขั้นตอนตอไปจําเปนตองเก็บรวบรวม ขอมูลเพ่อื นาํ มาตอบปญ หาตามที่ระบไุ วในข้ันตอนที่ 1 ข้ันตอนที่ 3 การนําเสนอขอมูล ขอมูลทีเ่ ก็บรวบรวมมาไดโ ดยท่ัวไปจะประกอบไปดว ยคาขอ มลู อยูเปน จํานวนมากและ เรียกวาขอมูลดิบ ซ่ึงยากที่จะเขาใจลักษณะของขอมูล ดังน้ันเราจําเปนตองจัดการกับขอมูล ดิบน้ีใหอยูในรูปแบบท่ีทําใหเราหรือผูอ่ืนเขาใจลักษณะของขอมูลงายขึ้น โดยใชเคร่ืองมือ ทางสถติ ิเชน กราฟ ตาราง หรือแผนภมู ติ า ง ๆ มาชวยในการนําเสนอขอมูล ขั้นตอนท่ี 4 การวเิ คราะหข อมูล การวเิ คราะหขอมลู จะเกี่ยวของกับการแยกแยะขอมูลดิบที่ประกอบดวยคาขอมูลจํานวน มาก ออกเปนสวนตาง ๆ ที่มีความหมายโดยอาศัยเครื่องมือทางสถิติ ตัวอยางของเคร่ืองมือ ทางสถิติท่ีใชในการวิเคราะหขอมูลไดแก การวัดแนวโนมเขาสูสวนกลางประกอบดวย สถิตทิ วั่ ไป 7
คาเฉล่ีย มัธยฐาน และฐานนิยมเปนตน การวัดการกระจายไดแก พิสัย สวนเบ่ียงเบนเฉล่ีย และสวนเบย่ี งเบนมาตรฐาน ขน้ั ตอนที่ 5 การแปลความหมายของขอมลู ในข้ันตอนนี้จะนําผลที่ไดจากข้ันตอนที่ 3 และ 4 มาแปลความหมายหรืออธิบาย ความหมายของขอมูล ทําใหเราไดสารสนเทศที่จะใชเปนประโยชนในการแกปญหา การ ตดั สนิ ใจ หรอื การวางแผนตอไป ในหัวขอตอไปจะอธิบายรายละเอียดเพ่ิมเติมของขั้นตอนที่ (2) การเก็บรวบรวมขอมูล และข้ันตอนท่ี (3) การนําเสนอขอมูล สวนข้ันตอนที่ (4) การวิเคราะหขอมูลจะอยูในบทที่ 3 เปนตน ไป 2.1 การเก็บรวบรวมขอ มลู ขอมูลที่เราตองการอาจจะไดมาจากเอกสารของหนวยงาน สื่อส่ิงพิมพตาง ๆ หรือจาก อินเทอรเน็ต ขอมูลท่ีไดจากแหลงดังกลาวจะเรียกวาขอมูลทุติยภูมิ แตถาขอมูลท่ีเรา ตองการไมมีการบันทึกไวในเอกสาร หรือส่ือสิ่งพิมพตาง ๆ ผูศึกษาหรือผูวิจัยจําเปนตอง เก็บรวบรวมขอมูลเอง ซึ่งขอมูลอาจจะไดจากการสํารวจ (survey) จากการทดลอง (designed experiment) หรือจากการสังเกต (observational study) ขอมูลจากการสํารวจเปนขอมูลท่ีผูศึกษาไปสอบถาม หรือสัมภาษณจากแหลงที่ให ขอมูล และทําการบันทึกคําตอบที่ได สวนดุสิตโพล และเอแบคโพล เปนตัวอยางของการ เก็บรวบรวมขอมูลจากการสํารวจ การเก็บรวบรวมขอมูลจากการสํารวจแบงเปน 2 ลักษณะคือ (1) สํารวจจากทุกหนวยในประชากร (complete survey or census) เชน การสํา มะโนประชากร การสํามะโนธุรกิจ การสํามะโนเกษตร ที่ดําเนินการโดยสํานักงานสถิติ แหงชาติ (2) สํารวจบางหนวยในประชากร (sample survey) หรือการสํารวจตัวอยาง เปน การเก็บรวบรวมขอมูลจากหนวยตัวอยางท่ีถูกเลือกเปนตัวแทนของประชากรโดยอาศัย แผนแบบการเลอื กตัวอยา ง (sampling design) อยา งมีหลักการและเหมาะสม สําหรับขอมูลท่ีไดจากการทดลอง ผูศึกษาตองควบคุมหนวยทดลองและใสสิ่งทดลอง ใหก ับหนวยทดลอง หลังจากน้ันเก็บขอ มูลจากแตละหนวยทดลอง ตัวอยางเชนนักชีววิทยา ศกึ ษาผลของจังหวะรอบวันตออัตราการตายของหนู สวนขอมลู ทไี่ ดจากการสังเกต ผศู กึ ษา จะสังเกตและบันทึกคาขอมูลของตัวแปรท่ีสนใจ โดยไมมีการควบคุมหนวยทดลองและ 8 สถิตทิ ั่วไป
การใชส่ิงทดลองกับหนวยทดลอง ตัวอยางเชน นักจิตวิทยาเก็บขอมูลโดยการสังเกต พฤติกรรมของวยั รนุ ในขณะอยูในหางสรรพสนิ คา 2.2 การนาํ เสนอขอ มูลเชิงคุณภาพ ขอมลู ทเ่ี ราเกบ็ รวบรวมมาไมวา จะเปนขอมูลเชิงปรมิ าณหรอื ขอ มลู เชงิ คุณภาพ ตอ งถกู นํามาจัดระเบียบเพื่อใหเราเขาใจลักษณะหรือเห็นภาพของขอมูลไดชัดขึ้น ณ เวลาน้ีเราจะ นําเครื่องมือพื้นฐานท่ีงาย ๆ เชน ตาราง กราฟ มาชวยในการจัดระเบียบขอมูลเชิงคุณภาพ กอ น ตัวอยา งที่ 2.1 ขอมูลหมูเลอื ดของนักศึกษาคณะบรหิ ารธุรกจิ 15 คน เปนดังน้ี นักศกึ ษาคนท่ี : 1 2 3 4 5 6 7 8 9 10 11 12 13 14 15 หมูเลอื ด : O O A B O O O O B B AB B B B B จากขอ มูลดิบขางตน นํามาจดั ระเบียบใหมโ ดยใชต ารางและกราฟไดดังนี้ ตารางแสดงหมเู ลือดของนกั ศกึ ษาคณะบรหิ ารธรุ กจิ จํานวน 15 คน หมเู ลอื ด จํานวนนกั ศกึ ษา สดั สว น ความถี่ ความถส่ี ัมพทั ธ A 1 1/15 = 0.07 B 7 7/15 = 0.46 O 6 6/15 = 0.40 AB 1 1/15 = 0.07 รวม 15 1.00 สถติ ิทัว่ ไป 9
แผนภูมแิ ทงแสดงหมเู ลือดของนกั ศกึ ษาคณะบรหิ ารธุรกจิ จํานวน 15 คน ความถ่ี 8 6 4 2 0 A B O AB หมเู ลอื ด แผนภูมิวงกลมแสดงหมเู ลือดของนักศึกษาคณะบริหารธุรกิจจาํ นวน 15 คน AB A 7% 7% O B 40% 46% เราไดสารสนเทศอะไรจากขอ มูลชดุ นบี้ าง เราลองมาแปลความหมายของขอมลู ถา เราดู ที่ตาราง แผนภูมแิ ทง หรอื แผนภมู ิวงกลม เราจะเห็นวา นกั ศึกษาสว นใหญม ีหมเู ลือด B และ O คิดเปน 46 % และ 40 % ตามลําดบั สว นนักศกึ ษาท่ีมหี มูเ ลอื ด A และ AB มจี าํ นวนนอย คิดเปนรอ ยละ 7 % เทากนั นกั ศกึ ษาคดิ วาการนาํ เสนอขอ มลู ขางตนชวยใหเ ราเหน็ ภาพ ขอ มลู ชดั ขึ้นมากกวาทเ่ี ปน ขอ มูลดบิ หรอื ไม? 10 สถติ ทิ ัว่ ไป
2.3 การนาํ เสนอขอ มูลเชิงปรมิ าณ ในหัวขอที่แลว เราไดเรียนรูการนําเสนอขอมูลเชิงคุณภาพโดยใชเคร่ืองมือพื้นฐานทาง สถิติที่งาย ๆ เชน ตาราง และกราฟ สําหรับขอมูลเชิงปริมาณเราสามารถใชเคร่ืองมือเหลาน้ี ไดเชนกัน การนําเสนอขอมูลเชิงปริมาณอาจจะแสดงในรูปของตารางแจกแจงความถ่ี ตารางแจกแจงความถ่ีสัมพัทธ ตารางแจกแจงความถี่สะสม ตารางแจกแจงความถ่ีสะสม สัมพัทธ ฮิสโตแกรม รูปหลายเหล่ียมแหงความถ่ี เสนโคงความถ่ี และแผนภาพลําตนและ ใบ เปน ตน จะกลา วถึงรายละเอยี ดของแตละวิธีดังตอ ไปน้ี 2.3.1 การแจกแจงความถี่ (Frequency Distribution) ตารางแจกแจงความถเ่ี ปนตารางที่แสดงชั้นของคา ขอมูลพรอมดวยความถ่ี (หรือจํานวน ของคาสังเกต หรือจํานวนของคาขอมูล) ที่ตกอยูในแตละช้ันน้ัน เราสามารถสรางตาราง แจกแจงความถ่เี ปน แบบไมจ ัดกลมุ ขอมลู หรอื แบบจัดกลุม ขอมลู เขาดวยกนั 2.3.1.1 ตารางแจกแจงความถแี่ บบไมจ ดั กลุม (Ungrouped Frequency Table) ตารางแจกแจงความถ่ีแบบไมจ ดั กลุมคาขอมลู เขา ดว ยกันเปน ตารางที่เหมาะในกรณีที่คา ต่ําสุด และคาสูงสุดของขอมูลมีคาไมตางกันมากนัก ในแตละชั้นของคาขอมูล ประกอบดวยคาขอมูลคา เดียว ข้นั ตอนของการสรา งตารางมีดังน้ี (1) หาคา ตาํ่ สุด และคา สงู สุดของขอมูล (2) ในหลกั แรกของตารางคือหลกั ของคาขอ มลู ใหเขยี นเรียงคาขอ มลู จากคา ต่ําสดุ ถึง คาสูงสดุ หรือจะเริ่มทค่ี าสูงสดุ จนถงึ คา ตาํ่ สดุ กไ็ ด (3) นําคา สงั เกตแตละคา จากขอ มูลดบิ มาขีดรอยขีดใหต รงกับชน้ั ของคาแตล ะคา นัน้ ดาํ เนนิ การเชน น้ไี ปเรือ่ ย ๆ จนหมดขอมลู (4) นับจาํ นวนรอยขีดเพอื่ สรุปเปนตัวเลขความถล่ี งในหลกั ของความถ่ี ตัวอยา งที่ 2.2 จงสรางตารางแจกแจงความถี่แบบไมจัดกลุม โดยใชขอมูลสวนสูง(หนวย : ซม.) ของ นกั ศึกษาชาย 30 คน ตอ ไปน้ี 172 163 168 172 165 161 174 160 171 173 165 160 168 169 172 169 161 171 170 162 173 166 170 173 167 170 170 168 160 174 สถิติทัว่ ไป 11
วธิ ที ํา จากขอมูลดิบขางตน คาตํ่าสุด = 160 และคาสูงสุด = 174 คาสูงสุดและคาต่ําสุดตางกัน ไมม าก ดังน้นั การใชตารางแจกแจงความถแี่ บบไมจ ดั กลุม จงึ มีความเหมาะสม ที่หลักแรกของตารางจะใสคาขอมูลท่ีตางกันทั้งหมดต้ังแตคาต่ําสุดคือ 160 ถึงคาสูงสุด คือ 174 (หรืออาจจะใชคาสูงสุดคือ 174 เปนคาเร่ิมตนก็ได) แตละช้ันของคาขอมูลจะมีคา ขอมูลอยูเพียงคาเดียว เมื่อสรางหลักแรกของตารางไดแลว ตอไปก็นําคาสังเกตแตละคามา ขีดรอยขีด คา แรกคอื 172 ใหขีดรอยขีดตรงชนั้ ท่เี ราเขยี นคา 172 คาถัดไปคอื 163 ก็ขีดรอย ขดี ตรงชนั้ ของคา 163 กระทาํ ลักษณะนี้จนหมดขอมูล จะไดต ารางทสี่ มบูรณดงั ตอ ไปนี้ ตารางแจกแจงความถี่แบบไมจดั กลมุ (Ungrouped Data) ความสงู รอยขีด ความถี่ 160 //// 4 161 // 2 162 / 1 163 / 1 164 - 165 // 2 166 / 1 167 / 1 168 /// 3 169 // 2 170 /// 3 171 // 2 172 /// 3 173 /// 3 174 // 2 30 รวม 12 สถิตทิ ว่ั ไป
โดยทั่วไปชองรอยขีดจะไมนิยมแสดง จะสรุปชองรอยขีดเปนชองความถ่ีแทนซ่ึงนิยม มากกวา เราจะไดตารางแจกแจงความถี่แบบไมจัดกลุมใหมดังนี้ ความสูง ความถ่ี 160 4 161 2 162 1 163 1 164 - 165 2 166 1 167 1 168 3 169 2 170 3 171 2 172 3 173 3 174 2 30 รวม 2.3.1.2 ตารางแจกแจงความถีแ่ บบจัดกลมุ (Grouped Frequency Table) ถาพิสัย (คาสูงสุด-คาตํ่าสุด) ของขอมูลมีคามาก ตารางแจกแจงความถ่ีแบบไมจัดกลุม จะไมเหมาะสม จากตัวอยางท่ี 2.2 ถาคาสูงสุดคือ 185 ก็จะทําใหตารางยาว จึงจําเปนท่ี จะตอ งทาํ ใหตารางส้ันลงโดยการจัดกลุมคาขอมูลเขาดวยกันเปนชวง ๆ เราจะจัดขอมูลเขา ดวยกันทีละก่ีคาในแตละช้ันน้ันขึ้นกับความเหมาะสม ไมมีกฎเกณฑตายตัว โดยท่ัวไป จํานวนชนั้ ท่นี ิยมใชก นั จะอยรู ะหวา ง 5 ถงึ 15 ชั้น ขนั้ ตอนของการสรางตาราง มีดงั นี้ สถติ ิท่ัวไป 13
(1) หาคาตํา่ สดุ และคาสูงสดุ ของขอมูล (2) กําหนดคาเร่ิมตนของช้ันแรก และความกวางของชั้น (class width) หรืออันตรภาค ชั้นซ่ึงแทนดวยสัญลักษณ i เราอาจจะใชคาต่ําสุดหรือคาสูงสุดของขอมูลเปนคาเริ่มตนก็ ได หรือจะเปน คา อนื่ ที่คดิ วาเหมาะสม (3) เมื่อกําหนดคาเริ่มตนท่ีช้ันแรกเปนคาต่ําสุดของขอมูล (หรือจะใชคาท่ีต่ํากวาคา ตํ่าสุดของขอมูลก็ได) หลังจากน้ันคํานวณคาสุดทายในชั้นแรก (หรือคาจบของช้ันแรก) โดยนําคาเริ่มตน + i – หนึ่งหนวยของหลักสุดทายของคาขอมูล สวนการคํานวณช้ันขอมูล ชั้นท่ี 2ใหนําคาอันตรภาคชั้น (i) บวกคาขอมูลท่ีชั้นแรก และการคํานวณชั้นขอมูลช้ันท่ี 3 ใหนําคาอันตรภาคช้ันบวกคาขอมูลในชั้นที่ 2 และช้ันตอ ๆ ไปก็คํานวณในลักษณะ เดียวกันน้ี ถาคาเริ่มตนของชั้นแรกเปนคาสูงสุดของขอมูล (หรือจะใชคาท่ีสูงกวาคาสูงสุดของ ขอมูลก็ได) ขนั้ ตอนการคํานวณจะทําลกั ษณะตรงขามกบั ขางตน กลา วคือ ถาคาเริ่มตนเปน คาสูงสุด คาจบในชั้นแรกคํานวณโดย คาสูงสุด – i + หนึ่งหนวยของหลักสุดทายของคา ขอมูล ชั้นถดั ไปสรางโดยนําคา i ลบชั้นกอนไปเรื่อย ๆ เม่อื ขนั้ ตอนที่ 3 เสร็จส้ินลงเราจะ ไดช ้นั ขอ มูลแตละชัน้ ข้นึ มา ใหตรวจสอบวาช้ันแรกและช้ันสุดทายคลุมคาสูงสุดหรือตํ่าสุด ของขอ มูล ถา ไมค ลุมก็ตองเพ่มิ ช้ันขน้ึ มา (4) นําคาสังเกตแตละคาจากขอมูลดิบมาขีดรอยขีดใหตรงกับช้ันของคาน้ัน ๆ กระทํา จนหมดขอมลู (5) นบั จาํ นวนรอยขดี เพ่ือสรปุ เปน ตัวเลขความถลี่ งในชอ งความถ่ี ตัวอยางท่ี 2.3 จงใชขอมูลสวนสูงจากตัวอยางที่ 2.2 มาสรางตารางแจกแจงความถี่แบบจัดกลุม โดย กาํ หนดคาเรม่ิ ตนคือ 160 และอันตรภาคชนั้ (i) เทา กับ 3 วิธีทาํ ทีช่ ้ันแรก เร่ิมตน ดวยคา 160 คาจบลงในช้นั แรกคาํ นวณโดยคาเร่มิ ตน + i -1 = 160 + 3 - 1 = 162 ดงั น้นั ชนั้ ท่ี 1 คือ 160-162 ชน้ั ทีส่ อง สรางโดยนาํ คา i = 3 บวกคา เร่มิ และคา จบของช้ันแรก ดังน้ี 160 + 3 = 163 และ 162 + 3 = 165 ดงั นั้นชนั้ ท่ี 2 คือ 163-165 14 สถติ ทิ ว่ั ไป
ชนั้ ถัด ๆ ไป กน็ ําคา i บวกชนั้ กอนหนา ไปเร่ือย ๆ จนไดช น้ั สุดทายทค่ี ลุมคาสงู สุดของ ขอ มลู เม่อื สรางช้ันขอมูลไวเ รียบรอ ยแลว ตอ ไปก็นําคา สงั เกตแตล ะคา จากขอมลู ดบิ มาขีดรอย ขดี จนหมดขอ มูล จะไดตารางทีส่ มบรู ณ ดังนี้ ตารางแจกแจงความถีแ่ บบจดั กลมุ (Grouped Data) ความสงู ความถ่ี 160-162 7 + i 163-165 + i 3 166-168 5 169-171 7 172-174 8 30 รวม ตัวอยางขา งตน โจทยกาํ หนดคา i แตถา โจทยกาํ หนดจาํ นวนชนั้ เราตอ งคาํ นวณคา i จากสตู รตอไปน้ี i = คา สงู สุด – คา ต่ําสุด จํานวนช้นั คาi ท่ีคาํ นวณไดถา เปนทศนยิ มจะปดขน้ึ เปน จํานวนเตม็ หลังจากนนั้ ขน้ั ตอนตอไป ก็ ดาํ เนินการ เชน เดียวกบั ตวั อยา งขางตน ตวั อยา งที่ 2.4 จงใชขอ มลู จากตัวอยางท่ี 2.2 สรา งตารางแจกแจงความถีแ่ บบจดั กลมุ โดยใหมชี ้นั ขอ มูลทั้งหมด 3 ชน้ั และคา เริ่มตน ทชี่ น้ั แรกใหใ ชค า 160 วธิ ีทํา คาํ นวณอันตรภาคช้นั (i) ดังนี้ i = คาสงู สุด – คาตาํ่ สดุ จาํ นวนชนั้ สถิติทั่วไป 15
= 174 −160 3 = 4.67 ≈ 5 ชน้ั ท่ี 1 เรมิ่ ที่คา 160 จบลงดวยคา 160 + i – 1 = 160 + 5 – 1 = 164 สวนช้ันท่ี 2 นําคา i บวกคาเริ่มและคาจบในช้ันท่ี 1 ดังน้ี คาเร่ิมตนของชั้นท่ี 2 = 160 + 5 = 165 และคาจบของช้ันท่ี 2 = 164 + 5 = 169 สว นชัน้ ที่ 3 นาํ คา i บวกคา เริ่มและคา จบในช้นั ท่ี 2 ดังนี้ คาเริ่มของชั้นที่ 3 = 165 + 5 = 170 และคา จบของช้ันที่ 3 = 169 + 5 = 174 จะไดตารางดังนี้ ตารางแจกแจงความถ่แี บบจดั กลมุ ความสงู ความถ่ี 160-164 8 165-169 9 170-174 13 30 รวม คําศพั ทตางๆในตารางแจกแจงความถี่ ศพั ทท เ่ี ก่ียวของในตารางแจกแจงความถี่มคี าํ วา คาขดี จาํ กดั (class limit) คา ขอบเขต (class boundary) และคา จดุ กลาง (midpoint) ชัน้ ขอมูลตา ง ๆ ทถี่ กู สรางขนึ้ มาในตารางแจกแจงความถี่ ในแตล ะชั้นจะมีคา ขีดจํากัด ซึ่งประกอบดว ยขดี จาํ กัดลา ง (lower class limit) และขีดจาํ กดั บน (upper class limit) คา ตํ่าสดุ ของแตละช้ันขอ มูลเรียกคาขดี จํากดั ลา ง คา สูงสดุ ของแตล ะชั้นขอ มลู เรียกคาขีดจาํ กดั บน จากตารางแจกแจงความถีแ่ บบจดั กลุม ของตวั อยา งที่ 2.4 คา 160 , 165 และ 170 คือคา ขดี จํากัดลา ง สว นคา 164, 169 และ 174 เปน คาขดี จํากดั บน คาขอบเขตประกอบดว ย ขอบเขตลา ง และขอบเขตบน คา ขอบเขตเปน คา ก่งึ กลาง ระหวางคา ขดี จํากัดสองคาทม่ี คี า ตอเน่อื งกนั แตอยกู ันคนละช้ันท่ตี ดิ กนั คา ขอบเขตเปน คาท่ี ถูกคํานวณจากคาขีดจํากดั จากตัวอยา งที่ 2.4 คา ขอบเขตลา งของชัน้ แรก = 159 +160 = 159.5 2 16 สถติ ทิ ่ัวไป
คา ขอบเขตบนของชัน้ แรก = 164 +165 = 164.5 2 คาขอบเขตของชน้ั ถัดไปอาจจะหาไดจ ากการนําคา อนั ตรภาคชัน้ (i) บวกเขาไปเรอ่ื ย ๆ คา ขอบเขตที่มีคา ตาํ่ กวาในแตล ะชั้นจะเรยี กวาขอบเขตลา งและคา ทีส่ ูงกวาจะเรยี กขอบเขต บน การหาคาขอบเขตอกี วธิ หี นงึ่ หาไดโดยนาํ ตวั เลขทศนยิ มทีล่ งทา ยดว ย 5 มาบวกลบคา ขีดจํากดั ดังแสดงในตารางขางลา งนี้ ขอ มลู ท่รี วบรวมมา ขอบเขตลางเทา กับ ขอบเขตบนเทา กับ เปนจาํ นวนเตม็ ขดี จาํ กัดลา ง – 0.5 ขีดจาํ กดั บน + 0.5 (เชน 72 - 75) (72 – 0.5 = 71.5) (75 + 0.5 = 75.5) เปนทศนยิ ม 1 ตาํ แหนง ขดี จาํ กัดลา ง – 0.05 ขีดจํากดั บน + 0.05 (1.4 +0.05 = 1.45) (เชน 1.2 - 1.4) (1.2 – 0.05 = 1.15) เปนทศนยิ ม 2 ตําแหนง ขีดจาํ กัดลา ง – 0.005 ขีดจาํ กัดบน + 0.005 (เชน 1.25 – 1.45) (1.25 – 0.005 = 1.245) (1.45 + 0.005 = 1.455) . . . . . . คาจุดกลางเปน คา เฉลย่ี ของคา ขีดจํากดั บน และขีดจํากดั ลา งหรอื เปน คา เฉลี่ยของคา ขอบเขตบน และขอบเขตลา ง สรุปเปน สูตรไดด ังน้ี คา จดุ กลาง = ขดี จํากัดลาง + ขีดจํากดั บน 2 หรือ คาจดุ กลาง = ขอบเขตลาง + ขอบเขตบน 2 จากตัวอยา งที่ 2.4 คาจดุ กลางของช้ันแรกคํานวณจาก สถติ ทิ ว่ั ไป 17
คาจุดกลาง = 160 +164 = 162 (ใชค า ขดี จาํ กัดคาํ นวณ) (ใชคา ขอบเขตคาํ นวณ) 2 หรือ คาจดุ กลาง = 159.5 +164.5 = 162 2 สรุปคา ขีดจาํ กัด คา ขอบเขต และคาจุดกลาง ของตารางในตวั อยา งท่ี 2.4 ไดดงั นี้ ขีดจํากัด ขอบเขต คา จดุ กลาง 160-164 159.5-164.5 162 165-169 164.5-169.5 167 170-174 169.5-174.5 172 ขอ สังเกต (1) เมอ่ื เราคํานวณขอบเขตหรือคา จดุ กลางของชน้ั แรกไดแ ลว การคํานวณชนั้ ถัดไป เพยี งแตน าํ คา อนั ตรภาคชน้ั (i) บวกเขาไปเรื่อย ๆ (2) เมื่อกําหนดคา ขีดจาํ กดั คาขอบเขต หรือคา จุดกลาง เราสามารถคํานวณอนั ตรภาค ช้นั ไดจาก (ก) ใชข ีดจาํ กดั บนของชนั้ ติดกนั ลบกัน หรอื ใชขดี จํากดั ลา งของชัน้ ตดิ กนั ลบกนั (ข) ใชขอบเขตบนของช้ันตดิ กนั ลบกนั หรือใชข อบเขตลา งของชัน้ ตดิ กนั ลบกนั (ค) ใชคา จดุ กลางของชน้ั ตดิ กนั ลบกัน (3) โดยทั่วไปขีดจาํ กดั บนกบั ขดี จํากดั ลา งของชัน้ ถัดมาจะหางกันหน่ึงหนว ยของหลัก สดุ ทายของคาขอมูล แตข อบเขตบนกบั ขอบเขตลา งของชนั้ ถดั มาจะมคี า เทา กัน 2.3.2 การแจกแจงความถ่สี มั พทั ธ (Relative Frequency Distribution) ความถี่สมั พทั ธ (หรอื สดั สว น) เปน อัตราสว นของความถกี่ บั ความถ่ที ง้ั หมด ความถี่ สัมพทั ธอ าจจะถกู แสดงในรปู ทศนยิ มหรือรอยละกไ็ ด ตัวอยา งท่ี 2.5 จากตารางในตวั อยางท่ี 2.3 เราคาํ นวณความถส่ี มั พทั ธไ ดดังน้ี 18 สถติ ิทัว่ ไป
ตารางแจกแจงความถส่ี มั พทั ธ ความสงู ความถี่สมั พัทธ 160-162 สัดสว น รอยละ 163-165 166-168 0.23 23 169-171 172-174 0.10 10 รวม 0.17 17 0.23 23 0.27 27 1 100 ความถ่ีสัมพัทธของช้นั ที่ 1 คาํ นวณโดย ความถ่ีของชัน้ ที1่ = 7 = 0.23 = 23% ความถี่ทั้งหมด 30 และช้ันอน่ื ๆ ก็คํานวณในลักษณะเดียวกนั ผลรวมของความถ่สี มั พทั ธท้ังหมดควรจะ เทากบั 1 หรอื 100 % เม่ือคดิ เปน รอยละ 2.3.3 การแจกแจงความถีส่ ะสม (Cumulative Frequency Distribution) ความถี่สะสม ณ ชนั้ ขอ มูลใด คํานวณโดยรวมความถี่ของช้นั นั้นกบั ช้นั อื่นๆกอ นหนา ทัง้ หมด ความถสี่ ะสมสามารถสะสมได 2 ลกั ษณะ คอื สะสมแบบต่าํ กวา และสะสม แบบสงู กวา ความถ่ีสะสมแบบตา่ํ กวา เร่ิมคาํ นวณความถ่ีสะสมจากช้ันขอมูลคาตํา่ ไป ช้ันขอมูลคาสูง สวนความถ่ีสะสมแบบสูงกวาเริ่มคํานวณความถ่ีสะสมจากช้ันขอมูลคา สูงไปช้ันขอมูลคาตาํ่ ชั้นสุดทายจะมีคาเทา กับจํานวนคา ขอมลู ทง้ั หมด สวนการคํานวณความถ่ีสะสมสมั พัทธหาไดจาก การนาํ ความถ่ีสะสมในแตละชน้ั หาร ดวยจํานวนคา ขอมูลทัง้ หมด ตวั อยา งที่ 2.6 จากตารางแจกแจงความถีใ่ นตวั อยางท่ี 2.3 จงสรางตารางแจกแจงความถี่สะสมและ ความถส่ี ะสมสมั พทั ธ สถิตทิ ว่ั ไป 19
วิธีทาํ ตารางแจกแจงความถ่สี ะสมและความถ่ีสะสมสมั พทั ธ สวนสูง ความถี่สะสม ความถี่สะสมสัมพัทธ 160-162 แบบตํ่ากวา แบบสูงกวา แบบต่ํากวา แบบสงู กวา 163-165 7 30 7/30 30/30 166-168 10 23 10/30 23/30 169-171 15 20 15/30 20/30 172-174 22 15 22/30 15/30 30 8 30/30 8/30 ความถสี่ ะสมแบบตา่ํ กวา ที่ช้นั แรกคาํ นวณโดย ความถ่ีช้ันแรก + ความถ่ีของชัน้ กอนชัน้ แรก = 7+ 0 ความถี่สะสมทชี่ ้นั ทสี่ องคํานวณโดย ความถชี่ ัน้ ท่สี อง + ความถชี่ ้ันกอ นชนั้ ทส่ี อง = 7 + 3 = 10 ที่ช้นั อื่น ๆ กค็ ํานวณในลกั ษณะเดยี วกนั ความถ่ีสะสมที่ชั้นสุดทายตองมีคาเทากับความถ่ีทั้งหมดหรือจํานวนคาสังเกตท้ังหมด ของขอ มูล การนาํ เสนอขอ มูลนอกจากจะใชต ารางแลว เรายงั สามารถนํากราฟมาชวยในการ นาํ เสนอขอ มูลไดด ว ย กราฟท่ชี วยในการนาํ เสนอขอมลู ไดแก ฮสิ โตแกรม รปู หลายเหล่ยี ม แหงความถี่ เสน โคงความถ่ี และแผนภาพลาํ ตน และใบ เปนตน 2.3.4 ฮสิ โตแกรม (Histogram) ฮิสโตแกรมเปนกราฟท่ีนิยมใชมากอันหนึ่ง ฮิสโตแกรมประกอบดวย แกนนอน(แกน X) จะแทนคาขอบเขต แกนตั้ง(แกน Y) จะแทนความถ่หี รือความถ่ีสมั พัทธก็ได และใชแทง ส่เี หลี่ยมผนื ผา แตล ะแทงแทนช้ันขอมูลแตละชั้นในตารางแจกแจงความถ่ี โดยความสูงของ แทงจะเทากับความถข่ี องชั้นขอ มูล 20 สถิตทิ ว่ั ไป
ตัวอยา งท่ี 2.7 จงสรา งฮิสโตแกรมจากตารางแจกแจงความถใี่ นตัวอยา งท่ี 2.3 วธิ ีทาํ (1) ใหหาคาขอบเขตทั้งหมดของตารางซ่ึงไดแกคา 159.5 , 162.5 , 168.5 , 171.5 และ 174.5 แลวนําคาท้ังหมดน้ีไปเขียนบนแกนนอน สวนแกนตั้งแทนความถ่ี แบงสเกลให เหมาะสมกับความถีใ่ นตาราง ในท่นี แ้ี บงสเกลเปน 2 , 4 , 6 , 8 และ 10 (1) ชน้ั ขอ มลู ที่ 1 แทนดวยแทง ท่ี 1 ความสูงของแทงเทา กบั 7 ช้นั ขอมูลที่ 2 แทนดว ยแทงที่ 2 ความสงู ของแทงเทา กบั 3 ช้นั ขอ มลู ท่ี 3 แทนดว ยแทง ที่ 3 ความสงู ของแทงเทา กบั 5 ชน้ั ขอ มูลท่ี 4 แทนดวยแทงท่ี 4 ความสูงของแทงเทากับ 7 ช้นั ขอ มูลท่ี 5 แทนดวยแทง ท่ี 5 ความสูงของแทง เทา กับ 8 จะไดก ราฟดังขา งลาง ความถ่ี 10 8 6 4 2 สวนสูง 159.5 162.5 165.5 168.5 171.5 174.5 แกนนอนอาจจะเขยี นคา จุดกลางแทนกไ็ ด โดยท่คี าจดุ กลางจะอยกู ง่ึ กลางของแตละแทง 2.3.5 รปู หลายเหลยี่ มแหงความถ่ี (Frequency Polygon) รปู หลายเหลี่ยมแหงความถเี่ กดิ จากการโยงจดุ กึ่งกลางดานบนของแทงแตล ะแทง ของ ฮิสโตแกรมตอกัน ตัวอยา งที่ 2.8 จงใชฮิสโตแกรมจากตวั อยา งที่ 2.7 สรางรูปหลายเหลี่ยมแหง ความถี่ สถิติท่วั ไป 21
วิธีทํา (1) เขียนจุดบนกึง่ กลางดา นบนของแทง แตล ะแทง (2) เพ่ิมแทง 2 แทงตรงกอนแทง แรกและหลังแทงสุดทา ย และเขียนจุดตรงก่ึงกลางของ แทง 2 แทง ทเ่ี พ่มิ มาน้ี แทง 2 แทงนค้ี วามถ่ีจะเปน ศนู ย (3) เชื่อมจุดตา ง ๆ ทเี่ ขียนไวในขอ (1) และ (2) ดวยเสน ตรง จะไดกราฟดงั น้ี ความถ่ี 10 8 6 4 2 159.5 162.5 165.5 168.5 171.5 174.5 สวนสงู ถาปรับรูปหลายเหล่ียมแหงความถี่ใหเรียบข้ึน จะไดเสนโคงความถี่ (frequency curve) ดังรูปขา งลา ง ความถ่ี สวนสงู 22 สถิตทิ ั่วไป
2.3.6 แผนภาพลําตน และใบ (Stem and Leaf Display) แผนภาพลําตนและใบเปนเทคนิคการนําเสนอขอมูลอันหน่ึง ท่ีมีประโยชนในการจัด ระเบยี บใหก ับขอมูล แผนภาพลําตนและใบจะแสดงรายละเอียดขอมูลทุกคาและมีลักษณะ คลา ยแผนภูมแิ ทง ไปในตัว ขัน้ ตอนการสรา ง (1) เลขหลักสุดทายของคาสังเกตจะถูกกําหนดใหเปนลีฟ (leaf) และหลักถัดมาจะเปน เสตม (stem) (2) ในตารางเตรยี มหลักของเสตมเปน หลกั แรกและหลกั ทสี่ องเปนลีฟ (3) หาคาตาํ่ สุดและสงู สุดของขอ มูลดิบ แลว เขยี นคา สเตมจากคาต่ําสุดจนถึงคาสูงสุดใน ชองของเสตม (4) นําคาสงั เกตแตละคา จากขอ มูลดิบ มาลงทห่ี ลกั ของเสตมและหลักของลฟี ตัวอยางที่ 2.9 ขอมูลคาใชจายตอวัน (หนวย : บาท) ของพนักงานบริษัทแหงหนึ่งจํานวน 40 คน เปน ดงั น้ี 173 183 154 191 198 159 180 180 192 151 162 172 163 170 191 179 173 156 167 174 190 187 179 185 165 174 169 186 192 168 168 165 187 174 148 177 176 187 186 186 จงนําเสนอขอ มูลโดยแผนภาพลาํ ตนและใบ วิธีทาํ จากขอมูลจะเห็นวาคาสังเกตเปนตัวเลขสามหลัก คาตํ่าสุดคือ 148 และคาสูงสุดคือ 198 หลักสุดทายคือหลักหนวยจะใหเปนลีฟ หลักท่ีเหลือถัดมาคือหลักสิบและหลักรอยใหเปน เสตม คา ของเสตมตาํ่ สุดคอื 14 คาสูงสดุ คือ 19 ที่หลักของเสตมเขียนคาเสตมจากคาต่ําสุด ถงึ คา สงู สุดดังน้ี สถติ ิทว่ั ไป 23
Stem Leaf 14 15 16 17 18 19 จากนั้นไปที่ขอมูลดิบเพ่ือนําคาสังเกตแตละคามาลงที่หลักของเสตมและหลักของลีฟ คาสังเกตคาแรกคือ 173 ซึ่งมีคาเสตมเปน 17 และลีฟเปน 3 ไปท่ีช้ันคาเสตมเปน 17 และ เขียนคาลีฟคือ 3 ในชองลีฟ ถาอานคาสังเกตคาถัดไปตามแนวตั้ง คาท่ีสองคือ 162 ซ่ึงมีคา เสตมเปน 16 และลีฟเปน 2 ไปที่ชั้นคาเสตมเปน 16 และเขียนคาลีฟคือ 2 ในชองลีฟ ดําเนนิ การลกั ษณะเชน นีจ้ นกระท่ังหมดขอ มลู จะไดแ ผนภาพลาํ ตน และใบ ดังตอ ไปน้ี Stem Leaf 14 8 15 1 4 6 9 16 2 3 5 5 7 8 8 9 17 0 2 3 3 4 4 4 6 7 9 9 18 0 0 3 5 6 6 6 7 7 7 19 0 1 1 2 2 8 ลีฟ : หลักหนวย 2.4 การนําเสนอขอมูลในรูปแบบอืน่ ๆ ขอมูลท่ีเราเก็บรวบรวมมาได อาจจะถูกนําเสนอในรูปแบบตาง ๆ ตามที่ผูนําเสนอคิด วาเหมาะสม เปนศิลปะในการนําไปใช ไมไดมีกฎเกณฑตายตัว หัวขอตอไปนี้จะแสดง รายละเอยี ด การนาํ เสนอขอ มลู รปู แบบอืน่ ๆ เพ่ิมเตมิ จากท่กี ลาวมา 24 สถิตทิ ัว่ ไป
2.4.1 การนาํ เสนอในรูปบทความ การนําเสนอแบบน้จี ะเปน คาํ บรรยายสัน้ ๆ เกย่ี วกับ ตวั เลขที่ตอ งการเสนอ เหมาะสาํ หรบั กรณที ขี่ อ มูลมีจาํ นวนนอ ย ตัวอยา งเชน ตัวอยางท่ี 2.10 ในปการศึกษา 2549 คณะศิลปศาสตร มีบุคลากรฝายวิชาการ 41 คน ฝายธุรการ 11 คน และฝา ยบริการ 2 คน 2.4.2 การนาํ เสนอในรูปบทความกึ่งตาราง เปนการนาํ เสนอขอมูลโดยแยกตวั เลข ออกจากขอความใหเหน็ ชัดเจนข้ึน ตวั อยางเชน ตวั อยา งที่ 2.11 จาํ นวนบุคลากรของคณะศิลปศาสตรใ นปการศกึ ษา 2549 แยกตามฝายตาง ๆ ดงั น้ี ฝา ยวชิ าการ 41 คน ฝายธรุ การ 11 คน ฝายบริการ 2 คน 2.4.3 การนาํ เสนอในรูปตาราง เหมาะสําหรบั กรณที ขี่ อมูลมจี าํ นวนมาก โดยจัดขอมลู ใหอยใู นรปู ของแถว และสดมภ ตวั อยางเชน ตวั อยางท่ี 2.12 จาํ นวนนักศึกษาปรญิ ญาโทของคณะครุศาสตร ตงั้ แตป พ.ศ. 2518-2522 จาํ แนกตามภมู ลิ าํ เนา ป จํานวนนักศกึ ษารวม จาํ นวนนกั ศกึ ษา ภาคเหนือ ภาคกลาง ภาคอีสาน 2518 115 81 32 2 2519 135 85 46 4 2520 161 90 62 9 2521 150 77 59 14 2522 215 97 90 28 แหลงท่มี า : สถิตทิ วั่ ไป 25
ถาตารางมีมากกวาหนึ่งตาราง ควรระบุลาํ ดับที่ของตารางท่ีเหนือตาราง เขียน คาํ อธิบายตารางโดยระบุถงึ สถติ ิในตารางเปนสถติ ิเกย่ี วกบั อะไร ทไ่ี หน เม่อื ไร และจําแนก อยา งไร ถา หนวยของขอ มลู ไมใ ชหนว ยปกตทิ ั่วไป เชน หนวยเปนพันคน หนว ยเปน ลา น บาท ควรระบหุ นว ยไวดว ย ถา ขอ มูลในตารางเปนการคัดลอกมาควรระบแุ หลง ทม่ี าของ ขอมูล 2.4.4 การนําเสนอในรปู แผนภมู ิ (1) แผนภมู ิแทง (Bar Chart) จะใชแทงรูปส่ีเหลี่ยมผืนผาซึ่งมีความกวางของแทงแตละแทงเทากัน ความสูงของ แทงแทนขนาด หรือปริมาณของขอมูล ระยะหางระหวางแทงควรจะเทากันหรือเขียน ติดกันก็ได แผนภูมแิ ทงมหี ลายชนดิ เชน แผนภูมแิ ทงเชิงเดียว แผนภูมแิ ทงเชิงซอ น และ แผนภมู ิแทงเชงิ ประกอบเปนตน ตวั อยางเชน (1.1) แผนภมู แิ ทงเชงิ เดยี ว ใชแสดงลกั ษณะของขอ มลู เพียงชดุ เดยี ว ตวั อยางท่ี 2.13 จากขอ มูลในตารางของตัวอยา งที่ 2.12 สามารถนําเสนอจํานวนนกั ศกึ ษารวมของแตล ะ ปโดยใชแ ผนภูมิแทงเชงิ เดียวไดด งั น้ี จํานวนนักศึกษาปรญิ ญาโทของคณะครุศาสตร ตงั้ แตป พ .ศ. 2518-2522 จาํ นวน 4ึ 00 300 200 100 0 2519 2520 2521 2522 พ.ศ. 2518 26 สถติ ิท่ัวไป
(1.2) แผนภมู ิแทง เชงิ ซอ น ใชแ สดงการเปรียบเทียบใหเห็นลกั ษณะของขอมูลต้ังแต 2 ชุดขึ้นไป ตวั อยางท่ี 2.14 จากขอ มลู ในตารางของตัวอยางที่ 2.12 สามารถนําเสนอจาํ นวนนกั ศกึ ษารวมของแตล ะ ภาคโดยใชแผนภมู ิแทงเชิงซอนไดด ังนี้ จาํ นวนนกั ศกึ ษาปริญญาโทของคณะครุศาสตร ตงั้ แตป พ .ศ. 2518-2522 จํานวนนกั ศึกษา 120 100 80 60 40 20 0 2518 2519 2520 2521 2522 พ.ศ ภาคอสี าน ภาคกลาง ภาคเหนือ (1.3) แผนภูมแิ ทง เชงิ ประกอบ ใชแสดงการเปรียบเทียบใหเห็นลักษณะของขอมลู ต้ังแต 2 ชุดข้ึนไป พรอมกบั แสดงยอดรวมและองคป ระกอบยอยของขอ มูล ตัวอยา งที่ 2.15 จากขอมลู ในตารางของตัวอยา งที่ 2.12 สามารถนาํ เสนอจาํ นวนนักศกึ ษารวม และ ขอ มูลยอยของจาํ นวนนักศกึ ษาในแตละภาคโดยใชแผนภมู แิ ทง เชิงประกอบไดดังน้ี สถิตทิ วั่ ไป 27
จาํ นวนนกั ศกึ ษาปรญิ ญาโทของคณะครุศาสตร ตง้ั แตป พ .ศ. 2518-2522 จํานวนนักศกึ ษา 250 200 150 100 50 พ.ศ. 2518 2519 2520 2521 2522 ภาคอสี าน ภาคกลาง ภาคเหนอื (2) แผนภมู ิวงกลม (Pie Chart) จะใชวงกลมชวยในการนาํ เสนอขอมูล ขอมูลท่ี แสดงในวงกลมนิยมแสดงในรปู ของรอยละ พนื้ ท่ีวงกลมแบงเปนองศาตามสดั สว นของ ขนาดขอ มลู ตวั อยางที่ 2.16 จากขอมูลในตารางของตัวอยางท่ี 2.12 สามารถนําเสนอขอมูล จาํ นวนนักศึกษาในป 2521 จาํ แนกตามภาคโดยใชแผนภูมวิ งกลมไดด ังน้ี จํานวนนักศกึ ษาปริญญาโทของคณะครุศาสตร ในป 2521 จาํ แนกตามภมู ิลาํ เนา ภาคเหนอื 51% ภาคอสี าน 39% 10% ภาคกลาง 28 สถติ ทิ ่วั ไป
ขอมูลท่ีนําเสนอในวงกลมมักนิยมคิดเปนเปอรเซ็นต ตารางตอไปนี้แสดงการคํานวณ สดั สวนและองศาของคาขอ มูลแตล ะคา ทน่ี าํ ไปใชใ นการสรางแผนภมู วิ งกลมขา งตน จํานวนนักศึกษารวมป 150 คดิ เปนสดั สว น คิดเปน % คิดเปนองศา 2521 (X100) (150 = 360o) จาํ นวนนักศึกษาภาคเหนือ 77 77 = 0.51 51 77 x360D = 184D 150 150 จาํ นวนนักศึกษาภาคกลาง 59 59 59 150 = 0.39 39 150 x360D = 142D จํานวนนักศึกษาภาคอสี าน 14 14 = 0.09 10 14 x360D = 34D 150 150 (3) แผนภูมิรปู ภาพ (Pictograph) จะใชรูปภาพแทนคาของขอมูล เชน ตองการ นาํ เสนอขอมูลจาํ นวนรถยนต กใ็ ชร ปู รถยนตในการนําเสนอ รปู แตละรูปจะมีขนาดเทา กนั และตองมีคีย (key) เพ่อื บอกวา รูปแตล ะรูปแทนปริมาณเทา ใด ตวั อยา งที่ 2.17 ยอดจาํ หนายเครอื่ งคอมพิวเตอรของบรษิ ทั แหง หน่ึง ในป 2539 และ 2540 พ.ศ. 2540 2539 ยอดจําหนาย : 10,000 เคร่อื ง 2.4.5 การนําเสนอในรปู กราฟเสน (Line Graph) กราฟเสน นิยมใชกับขอ มลู อนุกรมเวลา (ขอมูลอนุกรมเวลา(Time Series Data) คือ ขอ มลู ทีเ่ กบ็ มาตามลาํ ดับเวลาในชว งเวลาหนงึ่ ๆ โดยตอ เนื่อง) โดยแกนนอนจะแทนเวลา เวลาอาจจะเปน นาที ชั่วโมง วัน เดือน หรอื ปก ไ็ ด จะใชกราฟเสน นําเสนอขอมลู ชุดเดยี ว หรอื เปรียบเทยี บขอมูลหลาย ๆ ชดุ ก็ได สถติ ทิ ัว่ ไป 29
ตัวอยา งท่ี 2.18 จากขอมูลในตารางของตัวอยางที่ 2.12 สามารถนาํ เสนอขอมูลจํานวนนักศึกษาในแต ละภาคของแตละปโ ดยใชกราฟเสน ไดด ังนี้ จาํ นวนนักศกึ ษาปริญญาโทของคณะครศุ าสตร ตงั้ แตปพ .ศ. 2518-2522 จําแนกตามภมู ิลาํ เนา จํานวนนักศกึ ษา พ.ศ. 100 ภาคเหนือ 80 60 ภาคกลาง 40 20 ภาคอสี าน 2518 2519 2520 2521 2522 30 สถิติทวั่ ไป
Search
Read the Text Version
- 1 - 24
Pages: