Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore หนังสือภูมิปัญญาท้องถิ่นบางขุนเทียน

หนังสือภูมิปัญญาท้องถิ่นบางขุนเทียน

Description: หนังสือภูมิปัญญาท้องถิ่นบางขุนเทียน

Search

Read the Text Version

FREE COPY บางขุนเทียน BANGKHUNTIEN THE BEST THING OF LOCAL WISDOM IN BANGKHUNTIEN ISSUE 02



คำ�นำ� บางขุนเทียนเป็นพ้นื ท่สี ำ�คัญอีกพ้นื ท่หี น่งึ ของมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี เนื่องจากเป็นพื้นที่ของวิทยาเขตบางขุนเทียน ซึ่งวิทยาเขตแห่งนี้ถูกจัดให้เป็นสวนการศึกษา และสวนอุตสาหกรรม โดยจะเน้นการทำ�วิจัยและพัฒนาให้เป็นเลิศ การพัฒนาและถ่ายทอด เทคโนโลยีและสนับสนุนศักยภาพอุตสาหกรรมของประเทศ ซึ่งมหาวิทยาลัยได้เข้าไปเป็น ส่วนหนึ่งของชุมชนแห่งนี้ตั้งแต่ปี พ.ศ.2532 บางขุนเทียนเป็นพื้นที่ที่ติดทะเล จนคนทั่วไปเมื่อนึกถึงทะเลกรุงเทพ ก็จะนึกถึง บางขุนเทียน พื้นที่บางขุนเทียนจึงเป็นพื้นที่ที่มีลักษณะพิเศษ มีทั้งพื้นที่ที่เป็นน้ำ�เค็มหรอื ป่าชายเลนไลข่ ้นึ มาเปน็ พ้ืนที่นำ้ �กรอ่ ยและพน้ื ที่ทเ่ี ป็นน้ำ�จืดหรอื สวนผลไม้ ไม่เพียงแต่ความหลากหลายของพื้นที่ทางด้านเกษตรกรรม พื้นที่ทางวัฒนธรรม ของบางขนุ เทยี นกม็ ีความหลากหลาย บางขนุ เทยี นมีพืน้ ทีท่ างวัฒนธรรมของชาวมอญทช่ี ุมชน บางกระดี่ที่มีความโดดเด่นในการอนุรักษ์วัฒนธรรมมอญ มีพพิ ธิ ภณั ฑ์ มปี ระเพณสี งกรานต์ เป็นศนู ย์รวมจิตใจของคนในชุมชนให้มีความรัก สามัคคี สืบทอดวัฒนธรรมประเพณีมาอยา่ ง ยาวนาน บางขุนเทียนจึงเป็นพ้ืนท่ีที่มีภูมิปัญญาที่หลากหลายที่ควรมีการศึกษารวบรวม ภมู ิปัญญาเหล่านไ้ี วใ้ ห้คนรุ่นหลังได้ศึกษาเรียนรู้ และร่วมสืบทอดภูมิปัญญาต่างๆ เหล่านใ้ี ห้ ยง่ั ยนื ตลอดไป สายวิชาสงั คมศาสตรแ์ ละมนุษยศาสตร์ คณะศลิ ปศาสตร์ มหาวทิ ยาลัยเทคโนโลยี พระจอมเกล้าธนบุรี จึงได้ทำ�การรวบรวมองคค์ วามรู้เกี่ยวกบั ภมู ิปัญญาในเขตบางขุนเทียน โดยจัดทำ�ในรูปของหนังสือเชิงสารคดี ดังที่ปรากฎ ขอขอบคุณคณะทำ�งานหน่วยจัดการ ข้อมูลชุมชนที่ใช้ความวิริยะอุตสาหะ ทำ�ใหหนงั สอื รวบรวมภมู ปิ ัญญาบางขนุ เทยี นสำ�เรจ็ ลง ไดด้ ว้ ยดี ขอขอบคณุ คณะศลิ ปศาสตรท์ ใี่ ห้ทนุ สนบั สนุนการจัดทำ�หนังสือภูมิปัญญาเขตบาง บางขุนเทียน ขอขอบคุณภมู ิปญั ญาท้องถิ่น ทุกๆท่านที่สละเวลาในการถ่ายทอดเรื่องราวที่ เป็นภูมิปัญญาให้ได้มีการบันทึกรวบรวมและถา่ ยทอดใหค้ นร่นุ หลังได้เรยี นรู้ หวังวา่ หนงั สอื “THE BEST THING OF LOCAL WISDOM IN BANGKHUNTIEN” เล่ม น้ีจะช่วยอนุรักษ์ภูมิปัญญาของชาวบางขุนเทียนและช่วยถ่ายทอดภูมิปัญญาท้องถิ่นให้อยู่คู่กับ เยาวชนบางขนุ เทียนสบื ตอ่ ไป ผศ.ดร.สุรพงษ์ ชูเดช ประธานสายวิชาสังคมศาสตร์และมนุษยศาสตร์

รปู ภาพจาก : https://pantip.com/topic/33231553

TEAM จัดทำ�โดย หน่วยจัดการข้อมลู ชมุ ชน (Community Data Management Unit : CDMU) สายวิชาสังคมศาสตร์และมนุษยศาสตร์ คณะศิลปศาสตร์ มหาวิทยาลยั เทคโนโลยีพระจอมเกลา้ ธนบรุ ี คณะผู้จัดทำ� ผศ.ดร.สรุ พงษ์ ชูเดช นางสาวอารยิ า ทรัพยศ์ ริ ิ นางสาวลักษณ์มาส เพช็ รเสนา นายรกั เกียรติ สมนยิ าม นายณพวทิ ย์ พานิชปฐม นางสาวพิชชาภา วฒุ ยิ าสาร ร่วมกับ อาจารย์อรญั ญา ฤกษง์ าม อาจารยเ์ กรยี งศกั ด์ิ ฤกษง์ าม ชุมชนบางขุนเทยี น ชมุ ชนบางกระด่ี



คำ�นยิ ม เรารู้จัก “บางขุนเทียน” มากแค่ไหน เวลาคุยกับใคร สิ่งที่คนส่วนใหญ่พดู ตรงกัน คอื ชายทะเลกรุงเทพฯ และมาบางขุนเทยี นเพอ่ื กินอาหารทะเล ในความเป็นจรงิ แล้วบางขนุ เทียนมีอะไรดๆี อีกมากมาย ทง้ั ในมติ เิ รอ่ื งระบบนเิ วศปา่ ชายเลน วิถีชีวิตความ เป็นอยู่ของชาวบ้าน ความหลากหลายเชิงสังคมและวัฒนธรรม ภูมิปัญญาท้องถ่ิน ตลอดจนเป็นพ้นื ท่จี ัดการศกึ ษาของมหาวทิ ยาลยั เทคโนโลยพี ระจอมเกล้าธนบรุ ี (มจธ.) มจธ. ไดท้ ำ�งานรว่ มกบั ชมุ ชนในพน้ื ทม่ี าอยา่ งตอ่ เนอ่ื ง เพอ่ื พฒั นาและยกระดับ คุณภาพชีวิตของประชาชนในพ้นื ทโ่ี ดยประยุกตใ์ ช้องค์ความรู้ และความเช่ียวชาญของ มหาวทิ ยาลยั ไปตอบโจทย์ความตอ้ งการของพื้นที่ หนังสือ “ภูมิปัญญาท้องถิ่นเขตบางขุนเทียน” ถือเป็นผลผลิตของการ ลงทำ�งานในพ้นื ที่ร่วมกับชุมชนของนักศึกษา คณาจารย์ และเจ้าหน้าที่ของสายวิชา สังคมศาสตร์และมนุษยศาสตร์ คณะศิลปศาสตร์ มจธ. ที่ได้สืบค้น รวบรวมขอ้ มลู เอกสาร และเรียบเรียงออกมาเป็นหนังสือเล่มนี้ ซึ่งทรงคุณค่ายิ่งต่อการเรียนร ู้ สง่ ต่อ และสืบสานภมู ิปญั ญาทอ้ งถน่ิ ทีด่ ีงามให้สาธารณชนทั่วไป และเชอ่ื มนั่ วา่ เมือ่ ได้ อ่านหนังสอื เลม่ นแ้ี ลว้ เราจะร้จู ัก “บางขุนเทยี น” อย่างแทจ้ ริง ผศ.ดร.ศศิธร สวุ รรณเทพ คณบดคี ณะศิลปศาสตร์

สารบัญ : 1 3 บางขุนเทียนถิ่นทะเลกรุงเทพมหานคร 7 นานาประโยชน์จากป่าชายเลน 13 เชื้อเพลิงและผ้ามัดย้อมจากตะบูน 17 สุขภาพแข็งแรงด้วยสมุนไพรจากชะคราม 21 โกงกางหน้ากุ้งชุบแป้งทอด 25 แกงคั่วผักเบี้ยทะเลกับกุ้ง 29 ชาใบขลู่ 33 ไข่เค็มชายคลอง 37 การปรับปรุงดินเค็มเพื่อการเพาะปลูกพื้นที่ชายเลน 41 ชุมชนแสนตอและการเลี้ยงสัตว์น้ำ�กร่อย ลิ้นจี่บางขุนเทียน

สสาารรบบญั ญั :: 4454 4498 พพะะอองง 5532 ตตะะขขาาบบ 5598 ชชุมุมชชนนบบาางงกกรระะดดี่วี่วิถิถีเีเรรียียนนรรู้วู้วัฒัฒนนธธรรรรมมมมออญญ 6632 กกาารรแแตต่ง่งกกาายยชชาาววมมออญญ 6676 กกาารรเเกกลล้า้ามมววยยผผมม 7710 กกาารรลละะเเลล่น่นททะะแแยยมมออญญ 7754 ปปรระะเเพพณณีสีสงงกกรราานนตต์ช์ชุมุมชชนนบบาางงกกรระะดดี่ ี่ 7798 กกาารรททำำ��ตตับับจจาากก 8832 กกาารรททำำ��แแสส้ป้ปัดัด ขขนนมมเเมม็ด็ดขขนนุนุนยยักักษษ์ ์

THE BEST THING OF LOCAL WISDOM IN BANGKHUNTIEN

บางขุนเทยี น ถ่ินทะเลกรงุ เทพมหานคร “บางขุนเทียน” เป็นหนึ่งใน 50 เขตของกรุงเทพมหานครทอี่ ยู่ในกลมุ่ เขตกรุงธน ใต้ มปี ระชากรราว 182,235 คน สภาพพ้ืนทีท่ างด้านตะวันออกเฉยี งเหนือของเขตเป็นแหลง่ การค้า ที่อยู่อาศยั และอตุ สาหกรรม ในขณะทพี่ นื้ ที่สว่ นมากเปน็ เขตของการทำ�เกษตรกรรม อีกทง้ั ยังมีแหล่งท่องเที่ยวเชิงนิเวศ เนื่องจากเป็นเขตเดยี วของกรงุ เทพมหานครทมี่ ีพ้ืนที่ตดิ กับอา่ วไทย (เปน็ ระยะทางประมาณ 4.9 กิโลเมตร) และยงั มปี ่าชายเลนท่สี วยงามหลงเหลอื อยู่ ทำ�ใหผ้ ู้คนที่อย่อู าศัยมวี ถิ ชี ีวติ ท่ผี ูกพนั กับป่าชายเลน รวมถึงภมู ปิ ญั ญาทไ่ี ดน้ ำ�เอาความ อดุ มสมบรู ณ์ของพืน้ ที่มาใชอ้ ยา่ งหลากหลาย จากการเล่าขานในสมัยก่อนน้ันการเดินทางบนทางบกจะต้องใช้เกวียนเป็นหลัก ซึ่งพื้นทีแ่ ถบบางขนุ เทียนจะเปน็ พืน้ ท่ที ี่ใชห้ ยุดพักกองเกวียนเปน็ ประจำ� ซึ่งแต่ละกองเกวียน จะต้องมี “ขุน” เปน็ ผดู้ ูแลเกวียน ทรัพย์สิน และรักษาความปลอดภัยในการเดินทางขนส่ง สนิ ค้า ซงึ่ เป็นท่ีมาใหช้ าวบา้ นพากันเรียกว่า “บางขุนเกวยี น” แตใ่ นความเป็นจรงิ ชาวบ้าน ออกเสียงว่า “บางขนุ เกียน” เม่ือกาลเวลาผา่ นไปการเรยี กชอื่ พืน้ ท่แี ถบนเ้ี กิดการเพย้ี นของ เสียงจนกลายเป็นคำ�ว่า “บางขุนเทยี น” เหมือนในปัจจุบนั อำ�เภอบางขุนเทียนเดิมเคยเป็นท่ีอยู่อาศัยของชาวมอญท่ีอพยพมาจากจังหวัด สมุทรสงครามในชว่ งปลายรัชกาลที่ 4 และสันนิษฐานว่าก่อตั้งในปี พ.ศ. 2410 เดิม บางขนุ เทยี นเป็นพ้นื ทีใ่ นการกำ�กับดแู ลของจังหวัดธนบรุ ี ตอ่ มาไดม้ ีการรวมจงั หวัดพระนคร เป็นนครหลวงกรุงเทพธนบุรีและเปล่ียนเป็นกรุงเทพมหานครในท่ีสุดและได้แบ่งพ้ืนท่ีการ ปกครองออกเปน็ เขตแทนอำ�เภอ แขวงแทนตำ�บล ซึ่งปัจจบุ นั เขตบางขุนเทียนมีแขวงในการ ปกครองอยู่ 2 แขวง ได้แก่ แขวงแสมดำ�และแขวงท่าขา้ ม ซงึ่ ถนนทางบกทีเ่ ปน็ ถนนสายหลัก ที่ใช้ในการคมนาคมนัน้ จะมอี ยู่ 4 เส้นทางดว้ ยกนั คือถนนบางขุนเทียน ถนนพระรามที่ 2 ถนนบางขุนเทียนชายทะเลและถนนกาญจนาภิเษก 1

ณ ปจั จุบัน “บางขนุ เทียน” ถอื เปน็ แหลง่ ท่อง เท่ยี วเชงิ อนุรกั ษ์ทะเลกรุงเทพฯทมี่ ีเสน่ห์ จน อาจเรยี กได้วา่ มากทีส่ ดุ ในยา่ นฝัง่ ธนบุรี ไม่ว่าจะ เป็นการปั่นจักรยานชมป่าชายเลนทยี่ ังคงความอุดม สมบรู ณท์ างธรรมชาติอยมู่ าก ทั้งเป็นแหลง่ ทผ่ี คู้ นจะตอ้ ง นึกถงึ อาหารทะเล ไมว่ า่ จะเปน็ ร้านอาหารทะเลรสชาติอรอ่ ย จนต้องบอกต่อ หรือแม้แตอ่ าหารทะเลสดๆท่มี ีจำ�หน่ายอยู่ มากมายในบางขนุ เทียน หรือจะเป็นความน่ารกั ของลิงแสม ในพน้ื ท่ี ทั้งยงั เปน็ แหล่งรวบรวมภูมปิ ัญญาชมุ ชน ท้งั ชมุ ชนไทยและชุมชนมอญ สิง่ เหลา่ น้จี ึงเปน็ เสน่หท์ ำ�ให้ ผคู้ นไม่ว่าจะใกลไ้ กลเดินทางเข้ามาในบางขนุ เทียน รูปภาพจาก : https://m5c10n39.wordpress.com/ 2

จากนปาน่าาปชระาโยชยน์เลน รากจากต้นโกงกาง

ใบต้นโกงกาง เรียบ เรียว อวบ รปู ภาพจาก : https://dmcrth.dmcr.go.th/ms25/detail/493/ 4

จนากานปา่าปชระาโยยชเลน์ น ป่าชายเลนหรือป่าโกงกางนั้นเป็นพื้นที่ป่าของสังคมพืชที่ข้ึนอยู่ในพื้นท่ีเขตนำ้ � ทะเล ลักษณะของดินจะเป็นเลนตม ซึ่งจะพบมากในบริเวณปากแมน่ ้ำ�ในเขตบางขนุ เทยี น ป่าชายเลนจะข้ึนกระจัดกระจายตามแนวชายฝ่ังทะเลและตลอดแนวชายคลองในพ้ืนที่และมี ต้นไมห้ ลากหลายสายพนั ธ์ใุ นบริเวณพ้นื ท่แี ถบนี้ เช่น ตน้ แสมและโกงกางจะเป็นต้นไม้หลัก ทข่ี ้ึนในบริเวณปา่ ชายเลน รองลงมาจะเป็นต้นไมป้ ระเภท ไมพ้ ุม่ ไดแ้ ก่ ชะคราม ขลู่ ผัก เบี้ยทะเล หนามพุงดอและปรงทะเล ไม้พุ่มเหลา่ นี้มักจะพบและเจรญิ เตบิ โตได้ดีในดนิ เลนแข็ง ส่วนต้นไม้สายพันธุ์อน่ื ๆ ท่พี บไดน้ ้อยในพน้ื ท่ปี ่าชายเลนบางขุนเทยี นจะมตี ะบูนดำ� ตะบูน ขาว ลำ�แพน ซึ่งในส่วนของลำ�พใู นปัจจุบนั ไม่พบแล้ว พันธุ์ไม้ป่าชายเลนนี้จะทนต่อความแล้งเนื่องจากเป็นสายพันธุ์ที่เจริญเติบโต ในพ้ืนทีน่ ้ำ�เคม็ ได้รับลมแรงและแสงแดดจัดอยู่เป็นประจำ� อีกทั้งยังมีการคายน้ำ�สูงจึง ทำ�ใหพ้ นั ธุ์ไมป้ า่ ชายเลนทนตอ่ ความแลง้ ได้เป็นอยา่ งดี พันธุ์ไม้ป่าชายเลนจะมีรากที่ แตกตา่ งจากพนั ธไ์ุ ม้บก พนั ธุ์ไมป้ ่าชายเลนจะมีรากอากาศและรากค้ำ�ยันเพื่อช่วยในการ แลกเปลี่ยนออกซเิ จน ซ่งึ มรี ะบบราก 4 ลักษณะดว้ ยกัน คอื 1) รากแบบขวากหนาม เชน่ แสม ลำ�แพน ลำ�พู 2) รากแบบคำ้ �จนุ เช่น โกงกาง 3) รากแบบพพู อน เช่น ตะบูน หงอน ไก่ และ 4) รากแบบหวั เข่า เช่น พงั กาหวั สมุ การอนุรักษ์ป่าชายเลนให้คงอยู่น้ันเปรียบเสมือนการอนุรักษ์ระบบนิเวศและ ส่งิ แวดลอ้ มของไทย เนื่องจากเป็นแหล่งอาหารของสัตว์น้ำ�นานาชนิด เป็นแหล่งอนุบาล สัตว์น้ำ�และยังเป็นแหล่งอาหารตามธรรมชาติของผู้คนที่อาศัยในบริเวณนี้ นอกจากนัน้ ไมป้ ่าชายเลนยงั สามารถนำ�มาใชป้ ระโยชนใ์ นด้านอนื่ ๆไดอ้ กี ไม่วา่ จะเป็นฟนื และถ่านจากไม้ โกงกาง ไม้เสาเขม็ และไมค้ ำ้ �ยันจากตน้ ตาต่มุ และโกงกาง หมึกหรือสหี รือกาวสำ�หรบั การ ยอ้ มอวนและฟอกหนงั จากเปลอื กไมโ้ กงกางและตะบูน อีกท้งั ไมจ้ ากตน้ ตะบูนสามารถนำ�มา ทำ�เปน็ เฟอรน์ ิเจอรป์ ระดบั บ้านเรือน ป่าชายเลนยังเป็นแนวปราการป้องกันคลื่นน้ำ�ทะเล ท่ีจะมาทำ�ลายชายฝ่ังและเป็นแหล่งท่องเท่ียวเชิงอนุรักษ์ท่ีสร้างรายได้ให้กับคนในชุมชน ป่าชายเลนนอกจากเป็นแหล่งทรัพยากรที่สำ�คัญของชุมชนแล้วยังเป็นจุดเริ่มต้นของ การเกิดภมู ิปญั ญาหลายอยา่ งของบางขุนเทียนอีกดว้ ย ดังเรื่องราวของภูมิปัญญาเขต บางขุนเทยี นทจ่ี ะกล่าวดงั ต่อไปน้ี 5

6

จากตะบูนเช้อื เพลงิ และผา้ มดั ยอ้ ม

รูปภาพจาก : https://th.wikipedia.org/wiki/ 8

เชื้อเพจลงิ าแกลตะะผบ้ามนู ดั ยอ้ ม หากนึกถึงพันธุ์ไม้ที่ช่วยรักษาระบบนิเวศให้กับป่าชายเลนหน่ึงในนั้นก็คือ ต้นตะบูนหรือตะบนู ขาว ต้นตะบูนมีการเรียกตามท้องถิ่นต่างๆอย่างมากมาย ดังเช่น ชาวภาคกลางจะเรียกว่า “กระบูนหรือกระบูนขาว” ชาวภาคใต้จะเรียกว่า “หยี่เหร่” เป็นต้น ต้นตะบูนสามารถพบได้ตามชายฝั่งทะเลในเขตภูมิอากาศร้อนชื้น เช่น เอเชีย ออสเตรเลียและแอฟริกา สามารถเจริญเติบโตได้ดีในน้ำ�ที่มีสภาวะเป็นน้ำ�กร่อย โดยมี ลักษณะพิเศษที่เห็นแล้วต้องจำ�ได้คือ เป็นพันธ์ไุ ม้ยนื ตน้ ที่มีลกั ษณะโคนตน้ มรี ากแผ่ออก เป็นพพู อนขนาดใหญ่ ส่วนผลตะบูนมีขนาดและรูปร่างคล้ายมะตูม เมื่อผลแห้งจะแตก ออกมเี มลด็ ขนาดใหญ่อยภู่ ายใน มใี บเรียวเลก็ จำ�นวนมาก คุณจรัญ อว่ มสะอาด (ลงุ สอน) ประธานชมุ ชนแสนตอ เล่าว่า ต้นตะบูนมี ความสัมพนั ธก์ ับชุมชนมายาวนาน โดยชาวบ้านในบริเวณท่มี ีต้นตะบนู ขึ้นจะนำ�ตน้ ตะบนู มาใชป้ ระโยชน์ ตามความรู้ที่เคยมีสะสมกันมาตั้งแต่ครั้งอดีต เป็นภูมิปัญญาชาวบ้าน ที่ถ่ายทอดกันมา ชาวบ้านจะนำ�ต้นตะบูนที่แก่ได้ขนาดแล้วนำ�มาเผาทำ�เป็นถ่าน จะได้ ถ่านท่มี ีคณุ ภาพดี มปี ริมาณขี้เถ้าตำ่ � สามารถใช้เป็นเชื้อเพลิงในการหุงต้มอาหารและ เพื่อจำ�หนา่ ยซ่งึ จะไดร้ าคาท่ีดีรวมท้ังเปน็ ท่ีนิยมในทอ้ งตลาด เน่อื งจากความรอ้ นท่ไี ด้จาก ถ่านไม้ตะบูนให้ความร้อนที่ดีและแรงมากกว่าไม้อื่นๆ ส่วนผลของต้นตะบูนนั้นเมื่อแก่จัด ชาวบ้านจะนำ�ไปทำ�เป็นสีย้อมอวน โดยจะใหส้ ีน้ำ�ตาลเปลือกไมส้ อี อ่ นหรือเข้มแล้วแต่ ความแก่ของผลตะบูน แถมยังพ่วงคุณประโยชน์เป็นเฉกเช่นพืชสมุนไพร ซึ่งเปลอื กและ ผลสามารถใชร้ กั ษาโรคอหิวาต์ เปลอื กและเมลด็ ช่วยรักษาอาการท้องร่วง บดิ รกั ษา อาการไอ หากนำ�มาตม้ ก็สามารถนำ�นำ้ �ท่ตี ้มมาชะล้างแผลไดเ้ ปน็ อยา่ งดี ตะบูนจงึ เป็น พชื พันธ์ไมท้ ี่ชาวบ้านแถบน้ีรู้จกั และคุ้นเคยเปน็ อยา่ งดี 9

รูปภาพจาก : www.dmcrth.dmcr.go.th ผา้ มดั ยอ้ มจากเปลือกผลตะบนู 10

ส่วนคุณประโยชน์ในด้านอ่ืนๆนั้นก็จะมีการนำ�ตะบูนมาทำ� เฟอร์นิเจอร์และของตกแต่งบา้ นได้ เพราะมีเน้ือไม้สขี าวสวยงาม นอกจาก นี้การย้อมผ้าด้วยสีจากตะบูนจึงถือเป็นทางเลือกใหม่ที่ดีต่อสุขภาพและเป็น มติ รต่อโลกนี้ เปลือกผลตะบูนท่ไี ด้มาจากต้นตะบูนบริเวณหาดชายเลนจงึ เป็นหนง่ึ ในทางเลือกที่น่าสนใจ โดย คณุ ครเู กรียงศักด์ิ ฤกษง์ าม ได้เล่าถึง กรรมวธิ กี ารทำ�ผา้ มัดยอ้ มจากผลตะบนู ดังต่อไปนี้ ************************************************** การเตรียมวสั ดแุ ละอปุ กรณ์ 1. เตรียมผ้าใยธรรมชาติ 100% เช่น ผ้าฝ้าย ผา้ ไหม ผ้าลนิ นิ ขนาด 30x30 ซม. จำ�นวน 10 ผืน 2. เปลือกผลตะบูนทห่ี ั่นแลว้ 1,000 กรัม 3. นำ้ �เปลา่ 5 ลติ ร วธิ ีการทำ�ผ้ามัดยอ้ มจากเปลอื กผลตะบูน 1. นำ�ผลตะบนู สดมาห่ันตามตอ้ งการแล้วนำ�ไปตม้ กบั นำ้ �ในหม้อดนิ จน เปน็ สนี ้ำ�ตาล 2. นำ�ผา้ ฝ้ายทีต่ ดั ไว้ มามดั ตามแบบทอ่ี อกแบบไว้ ต้มในน้ำ�ตะบนู ประมาณ 30-60 นาที หรือนานเทา่ ทต่ี ้องการ 3. นำ�ผ้าที่ย้อมได้มาตากแหง้ และนำ�ไปตดั เชอื กออก 4. นำ�ผ้าไปซักให้สะอาด รีดใหเ้ รยี บและนำ�ไปใช้ตามต้องการ ************************************************** สีย้อมจากธรรมชาติและพรรณไม้ท้องถ่ินแถบหาดชายเลน สามารถสร้างประโยชน์ต่อมนุษย์และสิ่งแวดล้อม เพื่อให้เยาวชนรุ่นหลัง สามารถใช้ศึกษาต่อไปได้ในอนาคต อย่างไรก็ตามจะเป็นการดีมากกว่า หากจะนำ�ส่วนประกอบของต้นตะบูนมาใช้ประโยชน์ในด้านต่างๆแทนการตัด เพ่ือนำ�เน้ือไม้มาทำ�เฟอร์นิเจอร์เพราะจะช่วยในการอนุรักษ์ระบบนิเวศและ ส่ิงแวดล้อมให้อยู่ในสภาพที่สวยงามและมีสภาวะท่ีเหมาะสมต่อการอภิบาล สตั วน์ ำ้ �ตอ่ ไปใหล้ กู หลานศึกษาดูในอนาคต 11

รูปภาพจาก : http://lookforest.com/00_newlook/module/spdict/article/article_spdict.php 12

จากชะครามสขุ ภาพแข็งแรงดว้ ยสมนุ ไพร

ชะคราม ชักคราม หรือล่าครามนั้น หลายๆคนคงจะเคยได้พบเห็นชะครามถูกนำ�มาเป็น วัตถุดิบของการประกอบอาหารต่างๆ แต่อาจจะไม่ เคยเห็นถิ่นกำ�เนิดที่ชะครามเจริญงอกงามออกมาให้ ได้รับประทานกัน ชะครามนั้นจัดว่าเป็นพืชล้มลุกและ มักจะพบได้ในพื้นที่ที่ติดกับทะเล หากใครมีบ้านหรือ อาศัยแถบภาคใต้หรือภาคตะวันออก ที่ติดชายทะเล ของไทยก็คงจะพบชะครามหรือได้รับประทานอาหาร ที่มีชะครามเป็นวัตถุดิบได้ไม่ยากนัก แต่ถ้าเป็นคน กรุงเทพฯล่ะ จะทำ�อย่างไรเพื่อที่จะได้เห็นหรือลิ้มรส อาหารจากชะคราม ปัญหานี้แก้ไขได้ไม่ยากเพราะ พื้นที่ส่วนหนึ่งของกรุงเทพฯติดชายทะเลที่เรียก วา่ “ชายทะเลบางขุนเทียน” ซ่ึงเปน็ พน้ื ทีท่ ี่เป็นทั้งป่า โกงกางและถ่ินที่ชะครามเจริญงอกงามอย่างอุดม สมบูรณ์ จะพบได้ตามพื้นที่โล่งที่เป็นดินเค็มที่อยู่ถัด จากแนวป่าโกงกางหรืออยถู่ ัดจากทะเล ************************************ คณุ จรัญ อว่ มสะอาด (ลงุ สอน) ประธาน ชมุ ชนแสนตอ เล่าว่า ชะครามสามารถนำ�ไปเป็น วัตถดุ ิบเพื่อใชใ้ นการประกอบอาหารได้ โดยนำ�ใบออ่ น และยอดอ่อนเป็นสารชูรสเพิ่มความเค็มให้กับแกงส้ม แกงหอยแครง แกงปู มัสมั่น และพะแนงต่างๆได้ หรือจะนำ�มารับประทานเป็นผักสดคู่กับน้ำ�พริกท่ีมี ตามทอ้ งถน่ิ กร็ สชาติดีใชย่ ่อย แต่จะต้องนำ�มาต้มใน นำ้ �สะอาดหรือลวกเสียก่อนเพื่อลดความเค็มของใบ ชะคราม ไม่อยา่ งนนั้ ก็จะมีรสชาติท่เี ค็มเกินไป แต่ไม่ ต้องห่วงว่าต้มสุกแล้วเอาใบมาขยำ�จะเละ เพราะกลีบ ใบชะครามไม่เละง่ายแม้จะผ่านการขยำ�ๆ ล้างหลาย นำ้ �ก็ตาม ใบจะยังมีความเหนียวและหนบึ คงรสชาติ ความมันไว้ได้อย่างเหนียวแน่นใบชะครามมีรสมันและ เค็มปะแล่ม อรอ่ ยแบบนึกไมถ่ งึ เลยทีเดียว รับรองวา่ ใครได้ รับประทานครง้ั แรกเป็นอนั ตดิ ใจกันทุกคน 14

อี ก ทั้ ง ช ะ คร าม ยั ง มี ส ร ร พ คุ ณ ทางการรักษาและการบำ�รุงร่างกายได้หลาย อย่าง จะเรยี กเปน็ พืชสมุนไพรเลยกว็ า่ ได้ หาก นำ�ใบสดมาลวกแล้วนำ�ไปรับประทานก็จะช่วย แกอ้ าการ ตาพรา่ มวั บำ�รงุ สายตา ช่วยขับ ปัสสาวะ รักษาโรคคอพอก หากจะนำ�น้ำ�ทใ่ี ช้ ต้มใบชะครามก็สามารถนำ�มารักษาอาการ ภายนอกได้เชน่ กนั เช่น ลดอาการปวดจาก แมลงกดั ต่อย แก้อาการผืน่ คนั รักษากลาก เกล้ือน แก้อาการจากการสัมผัสยางของ ต้นตาตุ่มหรือสัมผัสพิษจากยางต้นไม้ท่ีมีพิษ ต่างๆโดยนำ�ใบชะครามมาค้ันสดผสมกับน้ำ� มะพร้าวแล้วนำ�มาทาบริเวณผิวหนังท่ีสัมผัส พษิ เหลา่ นั้นได้ ******************************** ใบชะครามนั้นยังสามารถนำ�มาใช้ เป็นยาแก้ท้องผูกได้และมีสารต้านอนุมูลอิสระ ปอ้ งกนั มะเรง็ ตอนน้ีเร่ิมมผี ู้สนใจทำ�การวจิ ยั สารจากใบชะครามที่สามารถนำ�มาแปรรูป เพื่อใ ช ้ เ ป ็ น ย า ส ม ุ น ไ พ ร ร ั ก ษ า โ ร ค ม ะ เ ร ็ ง ซ่ึงสามารถกล่าวได้ว่าชะครามเป็นพืชล้มลุก ท่ไี ม่ควรมองข้าม เนื่องจากพบได้ง่าย ทั่วไป ตามปา่ ชายเลน ริมทะเล ชะครามขยายพนั ธ์ุ ไวและมีปริมาณมาก ทง้ั ใหค้ ณุ ประโยชน์ในการ รกั ษาท่ีช่วยให้ผคู้ นสามารถปร ะ ห ยั ด ค ่ า ใช ้ จ่ า ย ใ น ก า ร จั ด ซื้ อ ย า แ ล ะ ยั ง สามารถ นำ�มาเป็นปัจจัยด้านอาหารท่ีสามารถหาได้ ตามถ่ินกำ�เนิดของชะครามซ่ึงควรค่าแก่การ ศกึ ษาเรียนรเู้ ปน็ อย่างยงิ่ 15

รูปภาพจาก : https://program.thaipbs.or.th/watch/0qsS0y ขนมชั้นชะคราม 16

ชบุ โกแงกปางหง้ นทา้ กอ้งุ ด รปู ภาพจาก : www.matichon.co.th

ครูเกรยี งศักด์ิ ฤกษ์งาม ภมู ิปญั ญา โกงกางหน้ากุ้งชบุ แปง้ ทอด,แกงคัว่ ผกั เบี้ยทะเลกบั ก้งุ 18

โกงกางหนา้ กงุ้ ชบุ แป้งทอด ใครวา่ โกงกางมดี ีแคใ่ ชก้ อ่ สรา้ ง เผาถา่ น? นอ้ ยคนนักจะร้วู า่ “ใบโกงกาง” สามารถนำ�มาทำ�อาหารได้ อาจารยเ์ กรยี งศกั ดิ์ ฤกษง์ าม เลา่ วา่ โกงกางบรเิ วณชายทะเลบางขนุ เทยี นมี อยู่ 2 สายพนั ธ์ุ คือ “โกงกางใบใหญ”่ และ “โกงกางใบเลก็ ” โดย “โกงกางใบใหญ่” มี ลา้ ต้นสงู ประมาณ 30-40 เมตร มีรากเสรมิ ออกมาเหนือโคนตน้ 2-7 ม. “โกงกางใบ ใหญ”่ มสี ะโพกใบใหญ่ ปลายใบเรยี วแหลม ออกดอกเป็นชอ่ ทีง่ า่ มใบตั้งแต่เดอื นกันยายน ถึงตลุ าคม ชาวบ้านที่อาศัยรอบๆบริเวณนั้นนิยมนำ�ใบของโกงกางใบใหญ่มาทำ�อาหาร โดยใช้ชื่อเมนูว่า “โกงกางหนา้ กุ้งชบุ แป้งทอด” สว่ นประกอบในการทำ�อาหารไดแ้ ก่ 1. ใบโกงกางใบใหญ่ โดยเลอื กจากใบปลายยอดหูคู่แรกหรอื คู่ท่สี องเท่านั้น 2. ก้งุ สด 3. แป้งทอดกรอบ 4. ผงปรงุ รส 5. น้ำ�เยน็ 6. น้ำ�มันพชื 7. น้ำ�จิ้มไก่ ขัน้ ตอนการทำ�อาหาร 1. นำ�ใบโกงกางใบใหญม่ าล้างทำ�ความสะอาดแลว้ วางพักใหส้ ะเด็ดน้ำ�จนแหง้ 2. นำ�แป้งทอดกรอบ ผงปรุงรสและนำ้ �เยน็ ผสมแล้วคนให้เข้ากัน 3. ตง้ั กระทะใส่นำ้ �มันพอท่วม 4. นำ�กุง้ สดกับใบโกงกางใบใหญล่ งชบุ กับแป้งทอดกรอบที่เตรยี มไว้แลว้ นำ�ลงทอดให ้ เหลืองกรอบ 5. เมอื่ สุกแล้วจึงตกั ข้ึนพัก จัดจานแล้วรบั ประทานกับนำ้ �จ้มิ ไก่ ทกุ ส่วนของ “โกงกางใบใหญ่” ล้วนแล้วแต่ดีเลิศด้านสรรพคุณทางยา เช่น เปลือกต้นนำ�ไปต้มกับน้ำ�ดื่มจะช่วยบรรเทาอาการคลื่นเหียนอาเจียนหรืออาเจียนเป็น เลอื ด รากนำ�ไปทำ�เปน็ ยารกั ษาโรคเบาหวาน ใบนำ�มาทำ�เป็นอาหารจะชว่ ยบรรเทาหรอื รกั ษาแผลในกระเพาะอาหารได้ 19

รปู ภาพจาก : www.matichon.co.th 20

ผกั เบยี้ แทกงะคเว่ัลกบั กุ้ง รูปภาพจาก : www.c1.staticflickr.com

รปู ภาพจาก : www.postsod.com 22

แกงคว่ั ผกั เบ้ียทะเลกับกุ้ง หลายๆคนอาจจะไม่คุ้นชินหรือได้ยินชอ่ื ผักแปลกๆอย่าง “ผักเบี้ยทะเล” แต่ทาง ภาคใต้ของบา้ นเรานั้นค้นุ เคยกันเป็นอยา่ งมาก โดยทางชาวจงั หวัดชุมพรนั้นจะเรยี กผักเบี้ย ทะเลว่า “แพงพวยทะเล” แต่ถ้าเป็นชาวปัตตานีจะเรียกว่า “สเปะ” หรือจะเรียก “ผักเป๊ะ” กไ็ ด้ ซ่ึงใครที่มีความสนใจเก่ียวกับผักเบีย้ ทะเลแตไ่ ม่อยากเดินทางไกลๆ ให้เสยี เวลาและไม่ต้อง ไปถงึ จงั หวดั ชมุ พรหรอื ปตั ตานี เพราะท่ีนช่ี ุมชนแสนตอ (บางขุนเทียน) ชุมชนแหง่ น้ีมผี กั เบี้ย ทะเลทเ่ี จริญเติบโตและงอกงามอยมู่ ากมายให้ได้ศึกษา รบั ชม หรือแมก้ ระท่ังซ้ือเพอ่ื นำ�เอาไป ประกอบอาหารได้อีกดว้ ย อาจารย์เกรียงศกั ด์ิ ฤกษง์ าม เล่าว่าชาวบ้านในชมุ ชนแสนตอ (บางขุนเทียน) มกั จะนำ�ผกั เบยี้ ทะเลมาประกอบอาหาร โดยการนำ�มาลวกสุกใส่ในแกงส้ม แกงใบผักเบี้ยหรือจะ นำ�มายำ�ก็อร่อยเด็ด ซง่ึ เมนูเดด็ ของชาวบ้านแสนตอก็จะเปน็ ขนมจีนน้ำ�ยาที่มีผกั เบีย้ ทะเลเป็น ผักรับประทานเคียงกันผักเบ้ียทะเลน้ันนิยมนำ�ไปประกอบเป็นอาหารพื้นบ้านที่ใครเห็นแล้วต้อง น้ำ�ลายสอในเมนทู ้องถนิ่ แสนอร่อยที่เรยี กวา่ “แกงคัว่ ผกั เบ้ียทะเลกับกุ้ง” ซึ่งวัตถุดบิ หลกั ทจ่ี ะ ตอ้ งมีคอื 1. น้ำ�พริกแกงควั่ สำ�เร็จรปู 1 ขดี 2. กงุ้ แชบว๊ ย 5 ขดี 3. ผักเบ้ียสดเด็ดเฉพาะใบ 7 ขีด 4. กะทิกลอ่ งขนาด 250 กรัม 1 กล่อง 5. น้ำ�ปลา 3 ช้อนโต๊ะ 6. นำ้ �ตาลปี๊บ 2 ช้อนชา ในส่วนของขั้นตอนการทำ�นั้นเริ่มจากต้องล้างผักเบี้ยให้สะอาดเสียก่อน จากนั้น เติมนำ้ �ลงไปในหม้อตม้ ที่ใส่ผักเบี้ยลงไปใหพ้ อท่วม ใช้ไฟในระดบั กลางเพ่อื เคย่ี วผักเบยี้ ประมาณ 15–30 นาที จากนน้ั เทน้ำ�ในหม้อทิง้ แลว้ จึงค่อยเตมิ นำ้ �เย็นลงไป นำ�ผักเบี้ยเทใส่กระชอนแล้ว บีบนำ้ �ออก จะทำ�ให้ได้ผกั เบยี้ ที่ผ่านการนำ�ความเค็มออกแลว้ ประมาณ 2 ถ้วย ในสว่ นของ กุ้งนั้นนำ�กุง้ ไปลา้ งให้สะอาดแลว้ นำ�มาหักหวั ปอกเปลอื ก และผา่ หลงั แลว้ จึงไปต้ังพักเอาไว้ นำ� กะทคิ รึ่งกล่องเทและเคี่ยวในกระทะจนส่งกลิ่นหอม แล้วนำ�พริกแกงคั่วลงผัดกับกะทิจนหอม และแตกมัน นำ�กงุ้ ลงไปผดั กบั พริกแกงจนสุกตามด้วยผักเบ้ยี แลว้ ผัดใหเ้ ขา้ กัน จากน้ันเตมิ น้ำ� 250 กรัม ตามดว้ ยการปรงุ รสจากนำ้ �ปลาและนำ้ �ตาล ตามแตช่ อบ รอจนเดอื ดแล้วจงึ ยก หม้อลง เพียงเทา่ น้ีกไ็ ดแกงค่ัวผกั เบ้ียทะเลกบั กงุ้ อาหารทอ้ งถ่นิ ทม่ี รี สชาติอร่อยถูกปากใคร หลายๆคนแลว้ 23

ดา้ นคุณประโยชนอ์ ื่นๆ เชน่ การนำ�ผักเบ้ียทะเลมาเลีย้ ง สุกรหรือหากนำ�มาเล้ียงสัตว์ปีกก็จะทำ�ให้ไข่แดงของสัตว์ปีก แดงเข้มยิ่งข้ึนและยังมีความสามารถในการบำ�บัดดินเค็มซึ่ง ส่งผลให้ปริมาณของโซเดียมในดินลดลงโดยผักเบ้ียทะเลจะดูด ซึมโซเดียมท่ีมีอยู่ในดินมากักเก็บเอาไว้ในเนื้อเย่ือซึ่งไม่ส่งผลต่อ คารโ์ บไฮเดรตโปรตีนและไขมนั ทม่ี ีอยใู่ นผักเบ้ียทะเลมากนัก ซง่ึ สามารถนำ�มารับประทานไดต้ ามปกติ ***************************************** ท่ีสำ�คัญผักเบ้ียทะเลสามารถหาได้ง่ายและไม่ต้องเสียเวลาใน การดูแลเหมาะสำ�หรับการบริโภคในยุคที่เศรษฐกิจฝืดเคือง เรียกได้ว่าสามารถประหยัดทั้งเงินและประหยัดทั้งเวลาเลยที เดียวและการนำ�ผักเบี้ยทะเลมาประกอบอาหารก็ถือว่าเป็นอีก หน่งึ ภมู ปิ ญั ญาของชาวบา้ นชมุ ชนแสนตอ บางขนุ เทยี น 24

ชาใบขลู่ รูปภาพจาก : www.3.bp.blogspot.com

รปู ภาพจาก : www.i.ytimg.com 26

ชาใบขลู่ เพียงความบังเอิญท่ีใบชาได้หล่นลงในถ้วยนำ้ �ร้อนของกษัตริย์ก๊กหนึ่งทางใต้ ของจีน ได้ก่อเกิดเป็นวัฒนธรรมการดื่มชาที่แพร่หลายไปทั่วโลกไม่ว่าจะ ญี่ปุ่น อินเดีย อังกฤษหรือแม้แต่ไทย ที่ปัจจุบันกระแสการดื่มชาได้รับความนิยมและสนใจเป็นอย่างมาก ไม่น่าเชื่อว่าบริเวณกรุงเทพมหานคร เขตบางขุนเทียนของเรานี้ ก็มีพืชท้องถิ่นขนาดเล็ก ที่สามารถนำ�มาดัดแปลงเป็นผงชาที่ใช้สำ�หรับดื่มเพื่อดูแลรักษาสุขภาพได้ โดยอาจารย์ เกรียงศักดิ์ ฤกษ์งาม เล่าว่า “ต้นขลู่” เป็นไม้พุ่มขนาดเล็ก ขึ้นเป็นกอ แตกกิ่งก้านได้มาก ลำ�ต้นสูงประมาณ 2 เมตร ใบมีขนาดเท่าใบกะเพรา (ใบใหญ่) ขอบหยักเหมือนรอยคลื่น “ต้นขลู่” เป็นพรรณไม้ที่ชอบดินเค็ม มักขึ้นตามหาดทราย หลังป่าชายเลนและหนองน้ำ� ชื้นแฉะ การนำ�ใบขลู่จากต้นขลู่มาทำ�เป็นชาก็เป็นกรรมวิธีท่ีเรียบง่ายไม่ว่าใครก็ สามารถทำ�ตามได้ไม่ยาก เร่มิ จากคดั ใบขลทู่ ่ีเป็นใบเพสลาด (กลางออ่ นกลางแก)่ มาแยก ใบออกจากกง่ิ แลว้ ล้างด้วยนำ้ �สะอาดและนำ�มาสะเด็ดน้ำ�ไว้ในถาดรองผ้าขาวบาง จากน้ัน นำ�ไปนึง่ ในลงั ถงึ ประมาณ 10 นาที และนำ�ไปผึ่งให้แหง้ ในแดดจดั ท้งั พลิกใบกลบั ไปกลับมา ให้แนใ่ จวา่ แห้งสนิทหรือจะนำ�มาคัว่ ใหแ้ หง้ ดว้ ยกระทะกับไฟปานกลางก็ได้ วิธกี ารชงชาใบขลู่ เพียงนำ�ใบชาที่ผ่านกรรมวิธีขั้นต้นมาใสในถ้วยชาที่กลั้วน้ำ� ร้อนสัก 5-6 ใบ แล้วจึงเทน้ำ�ร้อนตาม แล้วรอจนได้กลิ่นหอมอ่อนๆ จึงสามารถรนิ ใส่ ถว้ ยชาพรอ้ มด่ืมได้ ชาใบขลู่จะมสี เี หลืองคลา้ ยชาดอกเกก๊ ฮวย เม่อื ดมื่ จะทำ�ให้รู้สึกสดชนื่ ผ่อนคลาย ทงั้ ยงั ช่วยรกั ษาโรคเบาหวานและบำ�รงุ ประสาทได้เปน็ อย่างดี ************************************************************* “ต้นขลู่” ไม่ได้มีประโยชน์เพียงนำ�ใบมาทำ�ชาเท่านั้น แต่ใบขลู่ยังช่วยรักษา ริดสีดวงทวารและกระษยั ขับนิ่วได้ ดอกขลู่ช่วยในการขับเหงื่อ รากที่มีรสขมอมฝาดเมา เค็มกส็ ามารถช่วยขับปัสสาวะได้ ทั้งหมดคือสุดยอดสรรพคุณจากไมพ้ ุม่ ขนาดเล็กทีห่ าได้ ตามหาดทราย ชายเลน ในแถบบางขุนเทยี น 27

รูปภาพจาก : http://travel.trueid.net/detail/W7gOpvN28EW 28

ไขเ่ ค็มชายคลอง รปู ภาพจาก : www.sentangsedtee.com

ฝุน่ ดิน ผสมน้ำ�เค็ม ไขพ่ อกดิน หมักลงโอ่ง 30

ไข่เคม็ ชายคลอง นอกจากไข่เป็ด ไขไ่ ก่ท่เี ปน็ วตั ถดุ บิ ประจ้าบา้ นที่ทุกครวั ตอ้ งมี “ไข่เค็ม” ก็ถอื เป็น หนึ่งในส่วนประกอบของอาหารท่ีขาดไม่ได้เลยทีเดียวเพราะหากให้นึกถึงสิ่งที่ต้องทานคู่ กบั ขา้ วตม้ รอ้ นๆสักชาม ไขเ่ ค็มต้องติดหน่ึงในสิบของผลสำ�รวจความนยิ มอยา่ งแน่นอน เพราะไมว่ ่าในเรื่องใด ยอ่ มจะมีสง่ิ ท่เี ปน็ สุดยอดของเรือ่ งนน้ั ๆเสมอ ไมเ่ ว้นแมแ้ ต่เรอื่ งของ ไข่เค็ม และที่สุดของไข่เค็มนั้นคงหนีไม่พ้น “ไข่เค็มไชยา” แต่ก็น่าเสียดายที่ปัจจุบันหาซื้อ รับประทานได้อยากยิ่งนัก ดังนั้นชุมชนรอบพื้นทีช่ ายทะเลบางขุนเทยี นจงึ เหน็ โอกาสนำ� ของดใี กลต้ วั มาสร้างเอกลักษณแ์ ละเพิม่ มูลคา่ ใหก้ บั สินคา้ จนเกิดเป็น “ไขเ่ คม็ ชายคลอง” ขนึ้ มา อาจารย์เกรียงศักด์ิ ฤกษ์งาม เล่าวา่ “ไข่เค็มชายคลอง” เกิดขนึ้ จากการนำ� ฝุ่นดินของคันวงั กุ้งหรอื ฝนุ่ ดนิ จากหาดเลนและนำ้ �เค็มจากคลองมาหมกั โดยตอ้ งเตรยี ม วัตถดุ บิ ดงั น้ี 1. ฝ่นุ ดนิ จากคันวงั กุ้ง 2. น้ำ�เคม็ 3. ไขเ่ ป็ดสด 10 ฟอง 4. ไห โอง่ หรอื ภาชนะสำ�หรับหมกั ไข่ วิธกี ารทำ�เรมิ่ จากนำ�ไขเ่ ปด็ มาล้างทำ�ความสะอาดแล้วนำ�มาตง้ั พัก จากน้นั นำ� ดนิ ทคี่ ัดเหลอื เพยี งฝุน่ ดินเท่านัน้ มาผสมกับน้ำ� เค็มในอัตราส่วน 1 : 1 แล้วคลุกให้เป็น เน้อื เดยี วกัน จงึ นำ�ไปพอกไขใ่ ห้มีความหนาประมาณ 1 ซม. และหมักไวใ้ นภาชนะทม่ี ีฝาปิด ประมาณ 15-20 วนั เมอื่ ถึงกำ�หนดจึงนำ�มาล้างด้วยน้ำ�เคม็ 1 ครั้ง และน้ำ�ธรรมดาอีก 1 ครั้ง จากนัน้ นำ�ไปตม้ สกุ จงึ สามารถนำ�มารบั ประทานได้ ************************************************************* ดว้ ยวิธีการถนอมอาหารอย่างง่ายที่ใช้เพยี งวตั ถุดบิ หาง่ายรอบตัว กส็ ามารถ สร้างจดุ เดน่ เน้นมลู คา่ ให้ของธรรมดา ไมธ่ รรมดาได้ ทัง้ มกี นิ และมใี ช้ ไม่มีอะไรต้องเสีย แถมยงั ได้ไข่เค็มชายคลองท่ีมีรสชาติถูกปาก ไข่ขาวได้รสชาตเิ ค็มพอดีๆตัดกับไขแ่ ดงทม่ี ี รสชาตมิ ันๆ รวมกนั ได้ความอร่อยกลมกลอ่ มถูกใจ! 31

รปู ภาพจาก : http://old.scbfoundation.com/projects/ ไข่เคม็ ชายคลอง 32

การปรับปรุงดินเค็มเพอ่ื การ เพาะปลูกในพื้นที่ชายเลน รปู ภาพ : www.welcomewildlife.com/wp-content/uploads/2015/ 05/Earthworm-and-shovel-Sm.jpg

รูปภาพ : https://th.wikipedia.org/wiki/ แกลบสด รูปภาพ : http://www.sr1-lopburi.com/product/4/ มูลวัว 34 33

การปรับปรงุ ดินเคม็ เพ่อื การเพาะปลูกในพน้ื ทีช่ ายเลน ดนิ ร่วนน้นั เป็นดินท่มี ีสภาพซยุ ไม่แห้งเหมือนทราย ไมเ่ ปียกเกนิ ไปเหมอื นโคลน ทำ�ใหด้ นิ รว่ นมีความเหมาะสมต่อการเพาะปลูกมากที่สุด ่อาจารย์เกรียงศักดิ์ ฤกษ์งาม กล่าวว่า พื้นที่รอบๆหาดเลนในเขตบางขุนเทียน ทั้งดินและน้ำ�มีสภาพหรืออยู่ในลักษณะ ดินเค็มและน้ำ�เค็ม เนื่องมาจากเป็นพื้นที่ติดทะเล ซึ่งทำ�ให้ไม่สามารถนำ�มาใช้ในการเพาะ ปลูกได้ แต่ด้วยภูมิปัญญาในการปรับปรุงดินของคนในพื้นที่หาดชายเลนบางขนุ เทียนท่ี สืบทอดกนั มารุน่ ตอ่ รุ่น ทำ�ให้สามารถแก้ไขปัญหาดนิ เค็มน้ีได้โดย เรม่ิ ต้นจากการเริ่มมองหาพื้นที่ที่มีผักขมทะเลขึ้น นั่นหมายความว่าสภาพ ดินเค็มท่อี ยู่บริเวณนั้น กำ�ลังเริ่มแปรสภาพเป็นดินจืดแล้ว จากนั้นเตรียมแกลบสดมา 4 สว่ น เนื่องจากแกลบสดนน้ั มีคุณสมบตั ิของความเป็นกรดอ่อน ทำ�ให้ช่วยลดความเปน็ ด่างของดนิ ไดด้ ี เตรียมมลู วัวอีก 3 สว่ น และดนิ 2 สว่ น จากนนั้ นำ�วัตถดุ บิ ทั้งหมดมา ผสมเขา้ ดว้ ยกัน และเตรียมไสเ้ ดอื น 1 กระปอ๋ งนม เทไสเ้ ดอื นลงไปในแปลงดนิ เพือ่ ช่วยใน เรอ่ื งของการพรวนดนิ จากนนั้ นำ�นำ้ �หมกั ทผี่ สมน้ำ�นำ�มารดแปลงดินตลอดทกุ ๆ 3 วัน จะช่วยใหด้ ินได้รับสารอาหารครบทกุ ประเภท ผา่ นไปจากน้นั เพยี ง 40 วัน ก็จะเหน็ ไดว้ ่า จากดนิ ท่ีเคม็ ไม่เหมาะตอ่ การเพาะปลูก กจ็ ะสามารถกลับมาเรมิ่ เพาะปลกู ได้แลว้ 35

รูปภาพ : https://farmerspace.co/ 36

ชุมชนแสนตอและ การเลี้ยงสัตว์น้ำ�กร่อย 32

คุณจรัญ อ่วมสะอาด ภูมิปญั ญา ชมุ ชนแสนตอและการเลีย้ งสตั วน์ ้ำ�กรอ่ ย 38

ชมุ ชนแสนตอ และการเล้ียงสตั ว์น้ำ�กร่อย “แสนตอ” เดิมทีเป็นคลองส่งน้ำ�ธรรมชาติเล็กๆที่มีตอไม้มากซึ่งเชื่อมกับ คลองพิทยาลงกรณ์และคลองพิทยาลงกรณ์จะเช่ือมกับคลองขุนราชพินิจใจซึ่งเป็นเส้น ทางนำ้ �ที่ออกสู่ทะเลคลองแสนตอจะมีน้ำ�เค็มอยู่ตลอดท้ังปีซ่ึงเหมาะแก่การทำ�นาเกลือ และในปัจจุบนั มคี รอบครัวประมาณ 51 หลังคาเรอื นทป่ี ระกอบอาชพี ในการทำ�นากงุ้ เลี้ยงหอยแครงและเลี้ยงปลา และเปดิ ใหบ้ ริการทพ่ี กั แบบ Home Stay และมกี จิ กรรม ทน่ี า่ สนใจ เชน่ การพายเรือคายัค การงมหอยแครง เปน็ ต้น อกี ทั้งยงั มอี าหารทะเล คอยบรกิ ารครบท้ัง 3 มื้อ ในราคา 700 บาท โดยมีคุณจรญั อ่วมสะอาด (ลงุ สอน) ประธานชุมชนแสนตอเป็นผ้ดู แู ล ในส่วนของวิธีการเลี้ยงกุ้งและการเล้ียงหอยของคนในชุมชนแสนตอจะเร่ิม จากการเตรียมพ้นื ท่ใี นการเลย้ี งโดยการขดุ บ่อทมี่ ีความลึกถึง 1.30 เมตร โดยจะขดุ เป็นร่องรอบๆพื้นที่ จากนั้นจะต้องทำ�เขตกั้นระหว่างคันกลางแลว้ จงึ ค่อยทำ�ประตนู ้ำ� ซึง่ การเปดิ น้ำ�เขา้ -นำ้ �ออกนน้ั จะขน้ึ อยกู่ ับเวลาทีน่ ำ้ �เกิด โดยสว่ นใหญจ่ ะเปน็ เวลาในตอน เช้า พอตกกลางคนื จึงจะปลอ่ ยนำ้ �ออก ในบางวนั ท่เี กิดนำ้ �ตาย (น้ำ�ข้ึนน้อย) จะงดเปิด นำ้ �เข้า 2 วนั ระยะเวลาในการเล้ยี งกุ้งนน้ั จะใชเ้ วลานานประมาณ 3 เดือน และการ เลยี้ งหอยใชเ้ วลาประมาณ 1 ปเี ปน็ ตน้ ไป ซ่ึงอาหารของหอยแครงคือซากแพลงตอน ถา้ ไม่มแี พลงตอน สามารถแกไ้ ขโดยใช้วิธกี ารบำ�บัดนำ้ � โดยใส่ข้ีไก่ แลว้ ค่อย ๆ เอา ซากแพลงตอนเลย้ี งอีกที สำ�หรับวิธีการจับกุ้งของชาวบ้านในชุมชนแสนตอสมัยก่อนจะใช้ลอบดักกุ้ง จากนัน้ เปิดใหน้ ้ำ�ระบายออกกุ้งก็จะวา่ ยเข้าลอบ แต่ในปัจจุบันชาวบ้านจะใช้อวนมาดัก กุ้งแทนโดยการเปิดน้ำ�ในบ่อให้ระบายออกเพียงจุดเดียวเท่านั้น ซึ่งจะทำ�ใหจ้ ับกงุ้ ไดง้ า่ ย และสะดวกมากกว่าวิธีในสมัยก่อน ส่วนการจับหอยนั้นจะใช้ตะแกรงหรือเหลก็ คราด หอยโดยใช้เรอื เปน็ พาหนะลากในขณะทที่ ำ�การขูด แซะ ส่วนทีเ่ ป็นโคลนดนิ ทราย รวม ทง้ั เปลอื กหอย ซึง่ จะทำ�ให้หอยท่ตี อ้ งการจบั จะอยู่ภายในคราด จากนนั้ จะทำ�การลาก หรือรอ่ นเอาโคลนทรายออกจากตะแกรง การใชค้ ราดหอยส่วนใหญจ่ ะทำ�การลากใน ชว่ งระยะเวลาสน้ั ๆเทา่ น้นั โดยจะต้องคาดคะเนว่าไดโ้ คลนหรือทรายเตม็ ตะแกรงแล้วจึง กู้คราดขน้ึ มาได้ 39

วิถีชีวิตของชาวบ้านชุมชนแสนตอน้ันมีวิถีการ ใช้ชีวติ รว่ มกบั ธรรมชาติ อีกทั้งชาวบา้ นยงั ไดร้ ับประโยชน์ จากการอนุรักษ์ธรรมชาติท่ีมีอยู่ตามท้องถิ่นจนสามารถ ปรับมาเป็นการท่องเที่ยวเชิงเกษตรหรือการท่องเท่ียว เชิงธรรมชาติได้ ซง่ึ เป็นเอกลกั ษณ์ทด่ี ึงดูดนกั ท่องเท่ยี วท่ี ตอ้ งการความสงบห่างไกลจากสังคมเมอื ง 40