2) นําขอมูลการเติบโตของไผท่ีเกิดจากการเพาะเมล็ดมาคัดเลือกตนพันธุและขยายพันธุไผเพื่อใชเปน ตน กลาในการปลูกเพ่ืออนรุ ักษ ฟนฟแู ละใชป ระโยชนในชุมชน 1.2 นําเสนอผลงานวิจัยในการประชุมวิชาการประจําปของมูลนิธิโครงการหลวงและสถาบันวิจัยและพัฒนา พ้ืนทส่ี ูง (องคก รมหาชน) 2. การใชป ระโยชนเ ชิงสาธารณะ 2.1 แปลงรวบรวมพันธุไ ผทีเ่ กดิ จากการเพาะเมลด็ ที่อุทยานหลวงราชพฤกษ 2.2 แปลงรวบรวมพนั ธไุ ผท ี่เกดิ จากการเพาะเมล็ดท่ีสถานีฯ ปางดะ 2.3 โปสเตอรช นิดพันธุและการใชประโยชนไผบ นพื้นท่สี ูง 15. โครงการวิจยั เพื่อเสรมิ สรา งประสิทธภิ าพการผลิตสกุ รบนพน้ื ทสี่ ูง สกุ รเปน สตั วท ม่ี คี วามสาํ คญั สาํ หรบั ชมุ ชนบนพนื้ ทสี่ งู นอกเหนอื จากการใชบ รโิ ภคในครวั เรอื นแลว ยงั ใชเ พอ่ื ประกอบ พธิ ตี ามประเพณหี รอื ความเชอ่ื ทไ่ี ดส บื ทอดตอ กนั มาซง่ึ บางชนเผา ยงั มคี วามเชอ่ื ในเรอ่ื งสขี องสกุ รและลกั ษณะทไ่ี มพ งึ ประสงค โดยเฉพาะการไมยอมรับสุกรท่ีมีสีขาว ดวยเหตุน้ีสุกรที่เลี้ยงบนพื้นที่สูงจึงมักเปนสุกรสายพันธุพื้นเมืองหรือสุกรลูกผสม พื้นเมืองท่ีมีสีดําเทาน้ัน แตสุกรเหลานี้มักมีอัตราการเจริญเติบโต และประสิทธิภาพการใชอาหารต่ํามาก อีกทั้งมีคุณภาพ ซากทไ่ี มด หี รอื ไมเปน ทตี่ องการของตลาด การศกึ ษาโดยการคดั เลอื กและปรบั ปรงุ พนั ธลุ กู ผสมพนื้ เมอื งในพนื้ ทข่ี องมลู นธิ โิ ครงการหลวงและพนั ธทุ างการคา ทว่ั ไป เชน สุกรสายพันธุพื้นเมืองแท สุกรสายพันธุเหมยซานแท สายพันธุดูรอคแท ลูกผสมระหวางพ้ืนเมืองกับเปยแตรง (RPP) ลูกผสมระหวา งพน้ื เมืองกับเหมยซาน (RPM) โดยการผสมแบบ Line breeding เพ่ือใหไดลักษณะดีเดน ของแตล ะสายพันธุ จากน้ันนํามาผสมกัน ไดเปนสุกรลูกผสมสามสายเลือด ระหวางพื้นเมือง×เปยแตรง×เหมยซาน (RPPM) และระหวาง พน้ื เมอื ง×ดรู อค×เหมยซาน ทคี่ าดวา จะเปน สายพนั ธรุ วมลกั ษณะดเี ดน ของทกุ พนั ธไุ ว ไดแ ก คณุ ลกั ษณะดา นการเจรญิ เตบิ โต สมรรถภาพการผลิต การใหลูกดก และความสามารถในการใชอาหารคุณภาพตํ่าไดดี เปนตน หลังจากน้ันนําพันธุสุกรท่ีได พฒั นาข้นึ ใหมน้ีไปทดสอบหาสูตรอาหารทีเ่ หมาะสม โดยเนนการใชวัสดุในทอ งถิ่นรวมดวยภายใตการเล้ยี งในระบบการผลิต สัตวท ่ดี ี (RPF-GAP) สําหรับสุกรบนพน้ื ท่สี งู รวมถึงการหาเครื่องหมายพนั ธกุ รรม (DNA Marker) ในการใชระบเุ อกลกั ษณ สกุ รสายพนั ธโุ ครงการหลวง เพอื่ ใชเ ปน แนวทางในการสง เสรมิ อาชพี การเลย้ี งสกุ รในพนื้ ทโี่ ครงการหลวงและพน้ื ทอ่ี นื่ ๆ ตอ ไป สรปุ ผลการดาํ เนินงาน ดังน้ี 1. การคัดเลือก ปรบั ปรงุ พนั ธสุ กุ รลกู ผสม และการทดสอบสตู รอาหารทเี่ หมาะสม ไดส ายพนั ธุ และสุกรลูกผสม รทนุ ่ไี ดFร 4บั สอาายหพารนั สธําุโเครร็จงรกปู าทรหางลกวางรสคาํ าหรรวบั มกกาับรขเลา้ียวโงพบดนหพม้นื ักทม่ีสปี งู รแิมลาะณสอตู ารหอาารหทาีก่ รินทไ่เี ดหมFาCะRสมแสลําะหรFบัCกGารทเีม่ลาีย้ กงกสวกุ ารเลมูกือ่ ผเทสมยี บโกดบัยสสุกกุ รร ท่ีไดรับอาหารสําเร็จรูปทางการคาเพียงอยางเดียว และไดทดสอบการเลี้ยงสุกรตามคูมือระบบการเล้ียงสุกรที่ดีบนพื้นท่ีสูง (RPF-GAP: สกุ ร) ณ ศูนยพ ัฒนาโครงการหลวงหนองเขยี ว และสถานีวจิ ยั โครงการหลวงแมห ลอด ซึง่ ลกู สกุ รมีนํา้ หนักเฉลี่ย เรม่ิ ตน 5.3-5.5 กโิ ลกรัม มีอตั ราการเจริญเติบโตเฉลีย่ ระหวา ง 0.33-0.52 กิโลกรมั ตอตวั ตอวัน 50 สรุปผลงานวิจยั สถาบนั วิจัยและพฒั นาพน้ื ที่สงู (องคก ารมหาชน) ประจําปงบประมาณ พ.ศ. 2561
1 แผน ่ีท สกุ รลูกผสมสามสาย แมพันธุเหมยซาน 2. คัดเลือก ปรับปรุงพันธุ สุกรสายพันธุพ้ืนเมืองแทและ สุกรพันธพุ ้ืนเมืองแท พน้ื เมอื งลูกผสมเหมยซาน 2.1 ทําการคัดเลือกสุกรสายพันธุแทพื้นเมือง ผสมพันธุแม สายพนั ธพุ ื้นเมอื ง กับพอสายพันธุพ ้นื เมอื ง ใหล ูกทัง้ หมดเฉลีย่ 10.67 ตัว น้ําหนักแรกเกิดของลูกประมาณ 0.75 กิโลกรัม และมีนํ้าหนักลูกสุกร หยานมท่ี 30 วนั เฉลยี่ 5.04 กิโลกรมั และคัดเลอื กสุกรสายพนั ธุแทผ สม พันธแุ มสายพนั ธุเหมยซาน 100% กับพอพนั ธเุ หมยซาน 100% มจี าํ นวน ของลกู ทง้ั หมดเฉล่ีย 12.00 ตัว น้าํ หนักลูกแรกคลอดเฉลี่ย 0.94 กโิ ลกรมั และน้ําหนกั หยา นมท่ี 30 วันเฉล่ียของลกู สกุ รเฉลีย่ 4.79 กโิ ลกรัม 2.2 ผสมพนั ธพุ อ แมพ นั ธเุ หมยซาน 100 เปอรเ ซน็ ต กบั พอ แม พนั ธพุ น้ื เมืองแท 100 เปอรเซน็ ต เพ่ือใหไ ดลูก 2 สาย มจี าํ นวนของลูก เฉลี่ย 10.67 ตวั น้ําหนกั ลูกแรกคลอดเฉล่ยี 0.84 กโิ ลกรมั และนาํ้ หนกั หยานมที่ 30 วนั เฉล่ียของลูกสกุ รเฉลี่ย 5.54 กิโลกรัม 2.3 ไดผ สมพนั ธแุ มพ นั ธุ 2 สาย กบั พอ พนั ธดุ รู อคเพอื่ ใหไ ดล กู 3 สาย มจี าํ นวนของลกู ทงั้ หมดเฉลย่ี 11.67 ตวั นา้ํ หนกั ลกู แรกคลอดเฉลย่ี 1.00 กิโลกรัม และนํ้าหนักหยานมท่ี 30 วันเฉล่ียของลูกสุกรเฉล่ีย 6.17 กิโลกรมั สกุ รลูกผสมสองสาย สุกรลกู ผสมสามสาย สรุปผลงานวจิ ัย สถาบันวจิ ยั และพฒั นาพ้ืนท่ีสูง (องคก ารมหาชน) 51 ประจาํ ปง บประมาณ พ.ศ. 2561
3. การศึกษาและคนหาเคร่ืองหมายทางพันธุกรรม (DNA Markers) สําหรับบงชี้เอกลักษณของสุกรสายพันธุ โครงการหลวง ไดช ดุ เครอ่ื งหมายทางพนั ธกุ รรม (DNA marker) ทม่ี คี วามสมั พนั ธก บั ลกั ษณะสดี าํ ของสกุ รสายพนั ธโุ ครงการหลวง มี 5 เคร่อื งหมาย ไดแ ก MC1R283, MC1R305, MC1R727, MC1R729 และ KIT2678 โดยอิทธิพลของเครื่องหมายโมเลกุล ทง้ั 5 เคร่อื งหมายรวมกนั มีความแมนยาํ สาํ หรับบง ชเ้ี อกลกั ษณส ุกรสายพนั ธโุ ครงการหลวง เทากับ 88.4 เปอรเซ็นต สําหรบั บง ชีเ้ อกลกั ษณส ุกรสายพันธุโครงการหลวง การเจาะเลอื ดสกุ ร เครือ่ งหมายพนั ธุกรรมของสุกร ผลผลิตท่ีสําคัญของงานวิจยั 1. สกุ รสายพนั ธลุ ูกผสมโครงการหลวง จาํ นวน 2 สายพันธุ 2. สตู รอาหารที่เหมาะสมกบั สายพันธุโครงการหลวงโดยใชว ัตถดุ ิบจากทอ งถิ่นรว มดวย จํานวน 1 สูตร 3. ระบบการเลีย้ งสุกรทด่ี บี นพ้นื ที่สงู (RPF-GAP; สกุ ร) จํานวน 1 ระบบ 4. สกุ รสายพันธุแท 2 สายพันธุ (พื้นเมือง และเหมยซาน) จํานวน 2 สายพนั ธุ แผนการนําผลงานวจิ ัยไปใชป ระโยชน 1. การใชป ระโยชนเ ชงิ วิชาการ 1.1 นาํ องคความรทู ี่ไดในป พ.ศ. 2561 ไปใชต อ ยอดงานวจิ ยั ป พ.ศ. 2562 โดยใชเปนขอ มลู ตอยอดในการศกึ ษา การเล้ียงสุกรบนพน้ื ที่สงู 1.2 นาํ เสนอผลงานการวจิ ยั นาํ เสนอการวจิ ยั ในการประชมุ วชิ าการประจาํ ปข องมลู นธิ โิ ครงการหลวง และสถาบนั วจิ ยั และพฒั นาพนื้ ทส่ี งู (องคก ารมหาชน) และตพี ิมพบ ทความ จาํ นวน 3 เรื่อง 52 สรุปผลงานวจิ ัย สถาบันวจิ ัยและพฒั นาพนื้ ท่สี งู (องคการมหาชน) ประจาํ ปง บประมาณ พ.ศ. 2561
16. โครงการวิจัยและพฒั นาการเลยี้ งแพะและแกะขนบนพื้นท่ีสูง 1 มูลนิธิโครงการหลวงไดสงเสริมการเล้ียงแกะพันธุขนในพื้นที่สถานีเกษตรหลวงอินทนนท หนวยยอยผาต้ัง และ แผน ่ีท ศนู ยพ ฒั นาโครงการหลวงแมล านอ ย บา นหว ยหอ ม บา นดง ซง่ึ สว นใหญเ ลยี้ งไวเ พอื่ ผลติ ขนแกะ และเพอ่ื การทอ งเทยี่ ว นอกจาก การเลย้ี งแกะพนั ธขุ นแลว ยงั มกี ารสง เสรมิ การเลย้ี งแพะนม สว นใหญเ ปน พนั ธลุ กู ผสมซาแนนกบั แองโกลนเู บยี นเพอื่ ผลติ นา้ํ นม เปน หลกั ซงึ่ พบวา ปญ หาหลกั ของการเลยี้ งแกะและแพะบนพน้ื ทสี่ งู คอื ประสทิ ธภิ าพทางการสบื พนั ธทุ ส่ี ง ผลตอ การใหผ ลผลติ ของแกะ เชน อัตราการเปน สดั (estrous rate) อตั ราการตกไข (ovulation rate) อัตราการผสมติด (conception rate) อัตราการต้ังทอ ง (pregnancy rate) และอัตราการใหก าํ เนิดลูกแกะ (lamping rate) เปนตน โดยเฉพาะอยางยิ่งอัตราการ ต้ังทอง และอัตราการใหกําเนิดลูกแกะ เน่ืองจากหากแมแกะมีอัตราการต้ังทองท่ีต่ํา ก็จะสงผลทําใหอัตราการใหกําเนิด ลูกแกะตอปลดลง ทําใหจํานวนลูกแกะภายในฟารมลดลงตามไปดวย รวมไปถึงการขาดแคลนอาหารหยาบคุณภาพดี โดยเฉพาะในชวงฤดูแลง ดังน้ันแนวทางในการพัฒนาการเลี้ยงแพะและแกะขนบนพ้ืนท่ีสูงเพื่อเพ่ิมประสิทธิภาพทางการ สบื พนั ธใุ นแพะและแกะใหเ พมิ่ ขนึ้ ไดต อ งอาศยั แนวทางในการจดั การการสบื พนั ธทุ มี่ ปี ระสทิ ธภิ าพ อกี ทงั้ มแี หลง อาหารหยาบ การใชวัสดุเหลือทิ้งทางการเกษตรเพื่อลดตนทุน มีโภชนะท่ีเหมาะสมกับการเจริญเติบโตและการใหผลผลิตของแพะ และแกะดวย สรุปผลการดําเนนิ งาน ดงั น้ี 1. การประยกุ ตใ ชโ ปรแกรมฮอรโ มนเพอื่ เพม่ิ อตั ราการใหก าํ เนดิ ลกู แกะของแมแ กะพนั ธขุ นภายใตส ภาพแวดลอ ม บนพ้นื ท่สี งู เปรยี บเทียบการใชโปรแกรมฮอรโ มนทใี่ ชในการเพ่ิมอตั ราการต้ังทอ ง และอัตราการใหก ําเนิดลกู แกะของแมแกะ พันธุขน พบวา โปรแกรมฮอรโมนท่ีมีประสิทธิภาพเพ่ือเหนี่ยวนําการเปนสัดและตกไขสําหรับแมแกะพันธุขนภายใต สภาพแวดลอ มบนที่สงู สามารถใชโ ปรแกรมกระตนุ 5 วัน ดว ย CIDR + GnRH + PG + eCG รวมกับการใชแ ทงฮอรโ มน CIDR แบบทผี่ านการใชมาแลวหน่งึ คร้ัง แกะพนั ธุขน การใชโ ปรแกรมการเหนี่ยวนาํ การเปน สัดในแมแ กะ สรปุ ผลงานวจิ ัย สถาบันวิจยั และพฒั นาพนื้ ทสี่ งู (องคก ารมหาชน) 53 ประจาํ ปงบประมาณ พ.ศ. 2561
2. พัฒนาสูตรอาหารจากวตั ถุดบิ บนพนื้ ท่ีสูงสําหรบั แพะและแกะขน เทคโนโลยีการถนอมพชื อาหารและเศษเหลอื จากวัสดเุ หลือท้ิงทางการเกษตรโดยการเติมตนเช้อื L. plantarum ที่คัดเลือกไดจากศูนยพันธุวิศวกรรมและเทคโนโลยีชีวภาพแหงชาติ เน่ืองจากทําใหพืชหมักมีคาความเปนกรดดาง (pH) ตา่ํ ทส่ี ดุ ในขณะทม่ี ปี รมิ าณกรดแลคตกิ สงู ทสี่ ดุ อกี ทงั้ พชื หมกั ทเ่ี สรมิ L. plantarum J39 ยงั มแี นวโนม ของปรมิ าณแอมโมเนยี ไนโตรเจน ตา่ํ กวาพชื หมกั แบบธรรมชาติ สําหรับอาหารผสมครบสวนที่ระดับโปรตีน 14% พบวามีความเหมาะสมตอสมรรถภาพการผลิตแกะขน บนพื้นที่สูงมากท่ีสุด เน่ืองจากแกะขนท่ีไดรับอาหารผสมครบสวนท่ีระดับโปรตีน 14% มีอัตราการเจริญเติบโตท่ีสูง และ อัตราการเปล่ียนอาหารเปนน้ําหนกั ตัวทตี่ ่ํา ในสวนของวิธีการขุนแพะนมเพศผู คือ การตอนและการใหอาหารผสมครบสวนที่ระดับโปรตีน 18 เปอรเซ็นต เนอ่ื งจากการตอนและการใหอ าหารผสมครบสว นทร่ี ะดบั โปรตนี 18 เปอรเ ซน็ ต สง ผลใหแ พะนมเพศผมู อี ตั ราการเจรญิ เตบิ โต ทีส่ งู และอตั ราการเปลยี่ นอาหารเปน น้ําหนักตัวทต่ี ่าํ การทดสอบอาหารในแพะ ผลผลิตทส่ี าํ คัญของงานวจิ ัย 1. แนวทางการเพม่ิ อัตราการใหกําเนดิ ลกู แกะบนพน้ื ที่สงู จํานวน 1 แนวทาง 2. สตู รอาหารทีเ่ หมาะสมสําหรบั แกะบนพืน้ ท่สี ูง จาํ นวน 1 สูตร 3. วิธกี ารขนุ แพะเพศผูที่เหมาะสมบนพ้นื ทีส่ งู 1 วธิ กี าร แผนการนําผลงานวิจยั ไปใชป ระโยชน 1. การใชประโยชนเชิงวิชาการ 1.1 นาํ องคความรทู ี่ไดใ นป พ.ศ. 2561 ไปใชต อ ยอดงานวิจยั ป พ.ศ. 2562 ดังน้ี 1) ใชเปนขอมูลตอยอดการประยุกตใชโปรแกรมฮอรโมนในการเพิ่มอัตราการใหกําเนิดของแกะพันธุขน บนพืน้ ทีส่ งู 2) ใชเปนขอ มลู ตอ ยอดการพัฒนาสูตรอาหารท่ีเหมาะสมสาํ หรับแกะบนพน้ื ที่สงู 3) ใชเปนขอ มูลตอ ยอดการขนุ แพะเพศผูบ นพนื้ ทีส่ งู 1.2 การนําเสนอผลงานวิจัยหรอื ตีพิมพในรปู แบบตางๆ นําเสนอผลงานวิจัยในการประชุมวิชาการผลงานวิจัยของมูลนิธิโครงการหลวง และสถาบันวิจัยและ พัฒนาพน้ื ท่สี งู (องคก ารมหาชน) และมบี ทความตพี มิ พ จาํ นวน 2 เรอื่ ง 54 สรุปผลงานวจิ ยั สถาบนั วิจัยและพฒั นาพ้ืนทสี่ ูง (องคก ารมหาชน) ประจําปง บประมาณ พ.ศ. 2561
17. โครงการศกึ ษาวจิ ยั การผลิตอาหารสัตวอินทรยี 1 ปจจุบันกระแสเร่ืองการดูแลและรักษาสุขภาพกําลังเปนที่นิยมท้ังในคนวัยทํางานและผูสูงอายุเปนอยางมาก แผน ่ีท ทงั้ การออกกาํ ลงั กาย การพกั ผอ น การทอ งเทยี่ วเพอื่ ลดความเครยี ดจากการทาํ งาน รวมไปถงึ การเลอื กกนิ อาหารทดี่ มี ปี ระโยชน และปลอดสารพิษหรือสารเคมีใดๆ ดังนั้นการเกษตรในปจจุบันจึงตองตอบสนองกับความตองการของผูบริโภคที่เพ่ิมขึ้น การทําเกษตรอินทรียจึงเปนทางเลือกหน่ึงในการปรับระบบการผลิตทางการเกษตรแบบองครวมที่เกื้อหนุนตอระบบนิเวศ รวมถึงความหลากหลายทางชวี ภาพโดยเนน การใชว สั ดุธรรมชาติ หลกี เลย่ี งการใชว สั ดุจากการสงั เคราะห และไมใชพ ชื สตั ว หรือจุลินทรียท ม่ี กี ารดดั แปลงทางพันธุกรรม งานพฒั นาและสง เสรมิ ปศสุ ตั ว มลู นธิ โิ ครงการหลวงไดม กี ารสง เสรมิ การเลย้ี งสตั วป ก ตามคมู อื การปฏบิ ตั กิ ารเลย้ี งสตั ว ที่ดีบนพื้นท่ีสูง (RPF-GAP) และเริ่มมีการวิจัยเพื่อผลิตไขไกอินทรียแลว สุชน และคณะ (2558) ไดทดสอบการเลี้ยงไกไข สายพันธลุ ูกผสมการคา จํานวน 100 ตัว เลย้ี งในโรงเรอื นขนาด 6×8 ตารางเมตร และมีลานปลอ ยทม่ี รี ัว้ กนั้ บริเวณโดยรอบ ขนาด 24×30 ตารางเมตร อาหารทใ่ี หไ กเ ปน อาหารหมกั ระหวา งถว่ั หรอื พชื อนื่ ๆ ทคี่ ดั ทง้ิ จากแปลงพชื ของมลู นธิ โิ ครงการหลวง กบั รําละเอียดในอตั ราสว น 4:1 หมกั เปนเวลา 21 วนั นาํ อาหารนี้ไปผสมกบั อาหารขน ในอัตรา 9:1 ตลอดระยะเวลาการเก็บ ขอมูล 4 เดือน แมไกใหผลผลิตไขเฉลี่ย 55.8 เปอรเซ็นต มีอัตราการตาย 11.0 เปอรเซ็นต และมีตนทุนการผลิต เมื่อคํานวณเฉพาะคาอาหารที่ใหเสริม มีตนทุนฟองละ 0.84 บาท อยางไรก็ตามยังไมมีการผลิตอาหารสัตวอินทรียสําหรับ ใชเอง และผลผลิตไขอินทรียไมสมํ่าเสมอ สงผลใหตนทุนการผลิตสูง จึงมีการศึกษาแนวทางในการผลิตอาหารสัตวอินทรีย และแนวทางในการนําไปใชเล้ียงสัตวเพ่ือใหเกิดความคุมคาและสามารถขยายผลไปสูผูท่ีสนใจอ่ืนๆ ตอไปได สรุปผล การดาํ เนนิ งาน ดงั น้ี การปลกู พชื อาหารสตั วอ นิ ทรยี โดยการทดสอบปลกู ถว่ั เหลอื งและถวั่ เขยี ว ในกรรมวธิ ที ่ี 1 ปลกู พชื บาํ รงุ ดนิ และไมใ สป ยุ และกรรมวิธีท่ี 2 ปลกู พืชบาํ รงุ ดินและใสปุยอนิ ทรยี ทอ่ี ายเุ ก็บเก่ยี ว 110 วัน พบวา ถวั่ เขียวมผี ลผลิตตอไรเทากับ 131.04 และ 192.16 กโิ ลกรมั และผลผลติ ถวั่ เหลอื ง เทา กบั 203.06 และ 286.07 กโิ ลกรมั ตามลาํ ดบั ขณะทกี่ ารทดลองปลกู ขา วโพด และขา วสาลี ในกรรมวธิ ที ่ี 1 ปลกู พืชบํารุงดนิ และไมใสป ยุ กรรมวธิ ที ่ี 2 ปลูกพชื บาํ รุงดนิ และใสปุย อนิ ทรีย และกรรมวธิ ที ี่ 3 การปลูกเหล่อื มดวยถ่วั เขยี ว พบวา ผลผลติ ขาวโพดทอี่ ายเุ กบ็ เกี่ยว 120 วัน มีผลผลิตตอ ไรเทา กับ 954.86, 1,182.92 และ 1,166.35 กิโลกรัม ตามลําดับ และผลผลติ ของขาวสาลี ท่ีอายุเก็บเก่ยี ว 80 วนั มผี ลผลิตตอไรเทากบั 233.77, 299.79 และ 202.87 กิโลกรมั ตามลําดบั ทดสอบการปลกู พชื อาหารสัตวอ นิ ทรยี สรุปผลงานวิจัย สถาบันวิจัยและพฒั นาพนื้ ทส่ี ูง (องคก ารมหาชน) 55 ประจําปงบประมาณ พ.ศ. 2561
การเกบ็ เก่ยี วพชื อาหารสตั วอนิ ทรีย ผลผลติ ท่สี าํ คัญของงานวิจัย ขอมูลการปลกู พชื อาหารสตั วอ นิ ทรีย จาํ นวน 2 ชนิด แผนการนําผลงานวจิ ยั ไปใชประโยชน 1. การใชป ระโยชนเ ชิงวิชาการ 1.1 นาํ องคค วามรทู ไี่ ดใ นป พ.ศ. 2561 ไปใชต อ ยอดงานวจิ ยั ป พ.ศ. 2562 โดยนาํ ไปใชเ ปน ขอ มลู ตอ ยอดงานวจิ ยั การปลกู พืชอาหารสัตวอ นิ ทรยี ป พ.ศ. 2562 1.2 การนําเสนอผลงานวจิ ัย นําเสนอผลงานการวจิ ยั ในทปี่ ระชุมวชิ าการมลู นิธโิ ครงการหลวงและมบี ทความตพี ิมพ จาํ นวน 1 เร่อื ง 2. การใชป ระโยชนเ ชงิ สาธารณะ ถายทอดความรู และแนวทางการใชประโยชนใหกับนักวิชาการ/นักสงเสริม และเกษตรกรบนพ้ืนที่สูงของ มูลนธิ ิโครงการหลวง สถาบนั วิจัยและพฒั นาพืน้ ท่สี ูง (องคการมหาชน) รวมทัง้ ผสู นใจ จาํ นวน 1 ครั้ง 18. โครงการพฒั นาระบบกาซชีวภาพเพอ่ื ใชเ ปนพลังงานในการผลิตกระแสไฟฟาและปม นา้ํ บนพน้ื ที่สงู ไบโอกา ซหรอื กา ซชวี ภาพเปน พลงั งานสะอาดทเ่ี กดิ จากการนาํ ของเสยี เชน มลู สตั ว นา้ํ เสยี จากฟารม เลย้ี งสตั ว นาํ้ เสยี จากโรงงานอุตสาหกรรมตางๆ โรงฆาสัตวและขยะจากชุมชนหรือรานคา ภัตตาคาร ของเหลือใชทางการเกษตรมาผาน กระบวนการหมกั เพอ่ื ใหเ กดิ การยอ ยสลายสารอนิ ทรยี เมอื่ สภาวะแวดลอ มเหมาะสมจะไดก า ซชวี ภาพทส่ี ามารถนาํ มาใหเ ปน พลังงานความรอนหรือกระแสไฟฟาได งานพัฒนาและสงเสริมปศุสัตวไดมีการสงเสริมใหเกษตรกรเลี้ยงสัตวเพื่อเปน อาชีพเสริมและเพ่มิ รายได เชน ไกเ บรส ไกฟา ไกก ระดกู ดาํ กระตาย สุกร ควายนม และแพะนม พบวาเกษตรกรสวนหนึง่ มกี ารเลยี้ งสตั วม ากกวา 20 ตวั ตอ ครวั เรอื น ทาํ ใหผ ลผลติ กา ซชวี ภาพเหลอื ใชจ ากการหงุ ตม ประจาํ วนั และมกี ารปลอ ยทง้ิ ไป แตเกษตรกรมตี น ทุนทางการเกษตร เชน คา เช้ือเพลิงและคา ไฟฟาท่ใี ชในการสูบนํา้ สําหรบั แปลงพชื ผล เปนตน ดงั นั้นหาก มีการนํากาชที่ปลดปลอยทิ้งนํามาใชประโยชนแกเกษตรกรในการใหแสงสวางจากไฟฟา หรือเครื่องจักรกลทางการเกษตร 56 สรปุ ผลงานวจิ ยั สถาบันวิจยั และพฒั นาพนื้ ที่สูง (องคก ารมหาชน) ประจาํ ปง บประมาณ พ.ศ. 2561
ขนาดเล็ก จะชวยลดตนทุนและเพ่ิมโอกาสในการใชสาธารณูปโภคพ้ืนฐานไดอยางทั่วถึง โดยพัฒนาระบบกาซชีวภาพมา 1 ใชเปนแหลงเชื้อเพลิงสําหรับเคร่ืองยนตขนาดเล็กผลิตเปนกระแสไฟฟา หรือใชกับปมสูบน้ําเพื่อลางคอกสัตวหรือแปลง พชื ผลได สรุปผลการดาํ เนินงาน ดงั น้ี แผน ่ีท การศึกษาขนาดของบอกาซชีวภาพ และปริมาณสัตวเลี้ยงบนพื้นท่ีสูงที่เหมาะสมสําหรับการผลิตกาซชีวภาพ เพอื่ ใชก บั เครอ่ื งยนตข นาด 5.5-7.5 แรงมา ตอ การผลติ กระแสไฟฟา และเครอื่ งสบู นาํ้ ขนาดเลก็ ทใี่ ชใ นครวั เรอื นเกษตรกร และในฟารมเล้ียงสัตว พบวา การใชไฟฟาจํานวน 100 ถึง 3,000 วัตต ตองมีขนาดของบอกาซชีวภาพ ความจุ 16.4 ถึง 26.13 ลูกบาศกเมตร ใชมูลสัตวท่ีมาจากการเลี้ยงสุกร โคกระบือ หรือสัตวปก (ประเภทไก เชน ไกพื้นเมือง ไกเบรส ไกสามสายเลือด) จํานวน 20-40, 15-30 หรือ 150–300 ตัว ตามลําดับ สําหรับเครื่องปมนํ้าในอัตรากําลังความเร็ว รอบเคร่ืองยนต 70 ถึง 100% ตองมีขนาดของบอกาซชีวภาพ ความจุ 3.235 ถึง 4.075 ลูกบาศกเมตร และใชมูลสัตว ทีม่ าจากการเลี้ยงสกุ ร โคกระบอื หรือสัตวปก (ประเภทไก เชน ไกพ ้นื เมือง ไกเ บรส ไกส ามสายเลอื ด) จํานวน 4-5, 3-4 หรือ 30-38 ตัว ตามลําดับ ซึ่งจํานวนสัตวเล้ียงดังกลาวจะผันแปรตามสายพันธุของสัตว การใหอาหาร และวิธีการจัดการ มลู สัตวดว ย ทง้ั น้เี ครอ่ื งยนตข นาด 5.5-7.5 แรงมา ท่ไี ดมีการทดสอบและใชงานไดในไมก่ีพื้นท่ี เม่อื นาํ ไปใชประโยชนใ นพนื้ ที่ ท่ีมีระดบั ความสงู แตกตางกนั อาจมีประสทิ ธภิ าพการใชงานทต่ี า งกันไป การทําบอไบโอแกส ผลผลิตท่สี าํ คญั ของงานวิจยั ขอ มลู แนวทางการนาํ พลงั งานจากไบโอกา ซมาใชป ระโยชนก บั เครอ่ื งยนตแ ละการผลติ กระแสไฟฟา อยา งนอ ย 2 แนวทาง แผนการนาํ ผลงานวจิ ยั ไปใชประโยชน 1. การใชประโยชนเ ชงิ วิชาการ 1.1 นาํ องคความรูทีไ่ ดใ นป พ.ศ. 2561 ไปใชตอยอดงานวิจัยป พ.ศ. 2562 ดงั นี้ 1) ใชเปนขอ มลู ตอยอดในการพฒั นาเครอ่ื งยนตขนาดเลก็ สําหรบั ผลิตกระแสไฟฟา 2) ใชเ ปนขอมลู ตอ ยอดในการพฒั นาเครือ่ งยนตข นาดเลก็ สําหรับการปมนา้ํ 3) ใชเ ปน ขอมูลตอ ยอดในการพัฒนาเคร่ืองยนตข นาดเล็กสาํ หรับเครือ่ งบดเมล็ดพชื อาหารสัตว 1.2 การนาํ เสนอผลงานการวิจัย นําเสนอผลงานวิจยั ในที่ประชุมวชิ าการมลู นธิ ิโครงการหลวงและมบี ทความตีพิมพ จํานวน 1 เรอื่ ง สรปุ ผลงานวจิ ัย สถาบันวจิ ัยและพัฒนาพนื้ ทีส่ ูง (องคก ารมหาชน) 57 ประจาํ ปงบประมาณ พ.ศ. 2561
19. โครงการประเมินผลสาํ เรจ็ ของงานพฒั นาและสง เสรมิ ดานปศุสตั ว ของมลู นธิ โิ ครงการหลวง งานดานปศุสัตวเปนสวนสําคัญสวนหน่ึงของงานการพัฒนาและสงเสริมการเกษตรของมูลนิธิโครงการหลวง โดยสง เสรมิ การเลยี้ งสตั วห ลายชนดิ เชน แพะ สกุ ร ไก กระตา ย โค และกระบอื นม เปน ตน ทาํ ใหม ที างเลอื กในการประกอบอาชพี ในภาคการเกษตรใหกับเกษตรกรบนพ้ืนที่สูง อยางไรก็ตามยังไมไดมีการประเมินผลการดําเนินงานอยางเปนระบบ โดยไดกําหนดวา งานสงเสริมและพัฒนาปศุสัตวจะประสบผลสําเร็จหากสามารถเปนที่มาของ แหลงอาหาร แหลงรายได พลงั งานทดแทน และปจ จยั การผลิตทดแทน (ปุย คอก) โดยเปรยี บเทยี บชว งกอ นมีการสงเสรมิ การเลย้ี งสัตว จํานวน 8 ชนดิ ไดแก ไกฟา ไกเบรส ไกกระดูกดํา กระตาย แพะนม แกะขน กระบือนม และสุกร กับชวงเร่ิมสงเสริมการเลี้ยงสัตว จนถึงปจจุบันตามประเภทของสัตว และศึกษาการสงเสริมและเผยแพรงานดานปศุสัตวของศูนยพัฒนาโครงการหลวง ที่เกี่ยวของไปยังเกษตรกรในพ้ืนท่ีรับผิดชอบ เพ่ือทําความเขาใจและประเมินแนวทางการสงเสริมไดตอไป สรุปผลการ ดําเนนิ งาน ดงั นี้ ทําการศึกษาในพน้ื ทดี่ าํ เนนิ งานวจิ ัย 5 แหง ไดแก สถานฯี ปางดะ ทงุ เรงิ แมห ลอด หนองเขียว และศนู ยแมทาเหนอื ที่มีการเลี้ยงสัตว 5 ชนิด ไดแก ไกเบรส ไกกระดูกดํา แพะนม กระบือนม และสุกร ผลการประเมินตัวชี้วัดงานพัฒนา และสงเสริมดา นปศุสตั วข องมลู นธิ โิ ครงการหลวง มรี ายละเอยี ดดังน้ี 1. ตัวชว้ี ัดดา นแหลงอาหาร (โปรตนี ) คาคะแนนเตม็ ของตวั ชี้วดั ดานแหลง อาหารเทา กับ 140 คะแนน จากเกณฑ การประเมิน 7 ประเด็น ผลการประเมินไดค ะแนนรวม 69 คะแนน (รอ ยละ 49) ซงึ่ ตาํ่ กวารอยละ 50 เนอ่ื งจากมขี อ จาํ กดั คอื นยิ มซอ้ื โปรตีนมากกวา การบรโิ ภคสตั วท ี่เล้ียงไว แหลงโปรตนี บางชนดิ ไมไดร ับความนยิ ม (นมกระบือ นมแพะ ไกเบรส ไกกระดูกดํา) และสมาชิกผูเขารวมตองจําหนายสัตวใหกับมูลนิธิโครงการหลวงเพื่อหักตนทุนการผลิต รวมถึงการขาย จะคุมทุนกวาการนํามาบริโภค และหากพิจารณาชนิดของสัตว พบวา สุกรเปนสัตวชนิดเดียวที่สูงกวาจุดคุมทุน โดยมี 17 คะแนน (รอ ยละ 61) เน่อื งจากเปน สัตวที่นยิ มนาํ มาบริโภค แตท งั้ นีไ้ มไ ดฆาชําแหละเองและไมคุมคา ท่ีตอ งฆาเพอ่ื นํามา บรโิ ภค สวนไกเ บรส ไกกระดูกดํา กระบอื นม และแพะนม ได 13 คะแนน (รอ ยละ 46) เนอื่ งจากไมไดร ับความนยิ มในการ บริโภคของวิถีชีวิตคนในทองถิ่น และไมใชอาหารที่ใชประกอบกับงานประเพณี รวมถึงการนํามาบริโภคจะทําใหกําไรหรือ รายไดลดลงดวย ดังนั้นจึงนิยมท่ีจะซื้อมาเพื่อบริโภคมากกวา ตัวช้ีวัดดานแหลงอาหารจึงมีผลการประเมินต่ํากวาเกณฑ มาตรฐานทีต่ ้ังไว หรือตํา่ กวา จดุ คมุ ทนุ 2. ตัวชีว้ ัดดา นรายได คา คะแนนเตม็ ของตัวชวี้ ดั ดา นรายไดเ ทา กับ 120 คะแนน จากเกณฑการประเมนิ 6 ประเดน็ ผลการประเมินไดค ะแนนรวม 102 คะแนน (รอยละ 85) ซงึ่ อยูใ นระดบั ที่สูงกวา จดุ คุม ทนุ มาก ท้ังน้ีเกิดจากเกณฑการวดั ผล ในประเด็นเรื่องของกระบวนการเล้ียงที่ไมยุงยาก ปจจัยการผลิต (อาหารสัตว) ที่สมาชิกผูเขารวม สามารถผลิตเองได ซ่ึงสามารถลดตนทุนไดเปนอยางดี รวมถึงปจจัยจากแหลงทุนในดานลูกพันธุสุกรท่ีสมาชิกผูเขารวม ไดรับจากศูนยฯ สวนกระบือนม และแพะนมน้ัน สมาชิกผูเขารวมไดรับสัตวไปเล้ียงในชวงอายุท่ีพรอมใหน้ํานมแลว จึงสามารถสรางรายได อยางรวดเร็วโดยท่ีมีตน ทุนทตี่ ่าํ มาก โดยเฉพาะเม่อื พิจารณาสัตวแ ตละชนดิ มีคา คะแนน ดังน้ี สุกรและกระบอื นม 22 คะแนน (รอยละ 92) และแพะนม 23 คะแนน (รอยละ 96) ซึ่งเปนสัตวทสี่ ามารถสรา งรายไดส งู เมอ่ื เทียบกบั ไกเ บรส 18 คะแนน (รอยละ 75) และไกกระดูกดํา 16 คะแนน (รอยละ 67) จากคาใชจายในดานตนทุนการผลิต ในดานลูกพันธุ โรงเรือน ซงึ่ สมาชกิ ผูเขารว มจะลงทุนในครั้งแรก และจากการที่ลูกพันธตุ ายโดยไมทราบสาเหตุ จงึ ทําใหคา การประเมินผลอยใู นระดบั ท่ตี ่ํากวาสกุ ร กระบือนม และแพะนม อยา งไรกต็ าม คา ประเมนิ ตวั ช้วี ัดดานรายไดอยใู นเกณฑทสี่ งู กวา จดุ คุม ทนุ นอกจากนี้ รายไดที่ไดจากการจําหนา ยกน็ ําไปซื้ออาหาร (โปรตนี ) ทดแทนตวั ชี้วัดดานแหลง อาหาร 3. ตัวชี้วัดดานพลังงานทดแทน (กาซ) คาคะแนนเต็มของตัวชี้วัดดานรายไดเทากับ 120 คะแนน จากเกณฑ การประเมิน 6 ประเด็น ผลการประเมินไดคะแนนรวม 41 คะแนน (รอยละ 34) ในภาพรวมการประเมินผลจะพิจารณา เพียงสัตว 2 ชนิด คอื สกุ ร และกระบอื นม เน่อื งจากนาํ มลู สตั ว 2 ชนิดมาผลติ มี 16 คะแนนเทา กนั (รอยละ 67) จากเกณฑ 58 สรปุ ผลงานวจิ ยั สถาบันวิจยั และพฒั นาพ้ืนทส่ี ูง (องคการมหาชน) ประจําปง บประมาณ พ.ศ. 2561
การประเมินผลดา นคุณภาพมูลสตั วทนี่ าํ มาผลติ กาซนั้น พบวา สุกร ใหปรมิ าณกา ชและเกดิ กาซมเี ทนที่มากกวาสารอนิ ทรีย 1 ชนิดอื่นๆ ท้ังน้ีเมื่อพิจารณาปญหา อุปสรรค พบวา หนวยงานที่ใหการสนับสนุนขาดการดําเนินงานอยางตอเนื่อง รวมถึง ดานงบประมาณ ปริมาณมูลสัตวที่นํามาผลิตกาซมีนอย ดังน้ันจะตองพิจารณาเร่ืองจํานวนสัตวท่ีเลี้ยงดวยเชนกัน ทั้งน้ี แผน ่ีท สกุ รและกระบอื มีมลู ท่มี คี ุณภาพในการผลติ กา ซควรไดรับการสงเสรมิ 4. ตวั ชี้วัดดานปจจัยการผลิตทดแทน (ปุยคอก) พิจารณาคา คะแนนตามเกณฑด า นตนทุนการทาํ ปุย และข้ันตอน การผลิตน้ันเทากัน เนื่องจากไมไดมีความแตกตางในดานกระบวนการผลิต (ไมมีคาตนทุนการผลิต) แตในเกณฑดานราคา การจําหนาย และปริมาณมูลสัตวน้ัน มูลของกระบือนมมีคาคะแนนสูงเน่ืองจากใหปริมาณมาก ในภาพรวมของตัวช้ีวัด ดา นปจ จยั การผลิตทดแทน (ปยุ คอก) จึงมคี าคะแนนสงู ถึง 102 (รอยละ 85) จากคะแนนเต็ม 120 คะแนน การประเมนิ ตวั ชวี้ ดั งานพฒั นาและสง เสรมิ ดา นปศสุ ตั วข องมลู นธิ โิ ครงการหลวง โดยรวมทง้ั 4 ดา น ซง่ึ มคี า คะแนน ทงั้ หมดรวม 360 คะแนน จากคา คะแนนเต็ม 500 คะแนน เมื่อพจิ ารณาจุดคุมทนุ แลว ตัวชว้ี ัดมคี า รอยละ 72 ซ่งึ อยูในระดับ เกินกวาจดุ คมุ ทุน ดงั นัน้ จงึ ถือวา การดําเนินงานมคี วามสําเร็จตามเปาหมายที่วางไว ผลผลิตที่สาํ คัญของงานวจิ ยั ขอ มูลการประเมินความคุมคาดา นปศสุ ัตว จาํ นวน 1 เร่ือง แผนการนาํ ผลงานวิจัยไปใชป ระโยชน การใชป ระโยชนเชงิ วิชาการ นําองคค วามรทู ไ่ี ดใ นป พ.ศ. 2561 ไปใชต อยอดงานวิจยั ป พ.ศ. 2562 ดงั นี้ 1) นาํ เปน ฐานขอ มลู สาํ หรับการวางแผนพัฒนาและสง เสรมิ การเลี้ยงปศุสตั วของมลู นธิ โิ ครงการหลวง 2) นาํ เสนอผลงานการวิจยั ในทีป่ ระชมุ วชิ าการมลู นิธโิ ครงการหลวง และมบี ทความตีพิมพ จํานวน 1 เร่อื ง 20. โครงการศกึ ษาพนั ธไุ กพนื้ เมืองบนพนื้ ท่ีสงู ไกพ้ืนเมืองเปนสัตวเล้ียงคูกับเกษตรกรไทย เพ่ือใชเปนอาหารโปรตีนในครัวเรือนเปนหลักหรือจําหนายในพื้นที่ และบางคร้ังใชสําหรับพิธีกรรมตางๆ ของแตละชนเผาบนพ้ืนท่ีสูง และปจจุบันมีความนิยมในการรับประทานไกพ้ืนเมือง มากกวา ไกเ นอื้ ตามทอ งตลอด เนอื่ งจากเนอื้ แนน รสชาตอิ รอ ย มคี วามตอ งการของตลาดสงู แมจ ะมขี อ จาํ กดั การเลยี้ งในเรอื่ ง ของการเจริญเตบิ โตที่ต่าํ ผลติ ไดป ริมาณนอ ย แตไกพ นื้ เมอื งมคี วามทนทานตอ สภาพแวดลอ มทเ่ี ปลี่ยนแปลงบนพ้ืนที่สงู ไดด ี ทนทานตอโรค และสัตวรบกวนอื่นๆ ไดดีกวาไกเน้ือ สามารถฟกไขเองได เลี้ยงลูกไดดี จนทําใหสามารถแพรพันธุไดจนถึง ปจจุบัน แตไกพ้ืนเมืองมีความหลากหลายของสายพันธุ มีการเจริญเติบโตท่ีตางกันตามสภาพของพื้นที่เลี้ยง และเกษตรกร บนพ้ืนที่สูงมีการเล้ียงกันคอนขางมาก ซึ่งแตละทองถ่ินมีไกพ้ืนเมืองประจําถ่ินของแตพื้นที่ แตเปนการเลี้ยงแบบปลอยหรือ เลยี้ งหลงั บา น รวมถงึ มกี ารนาํ ไกพ นื้ เมอื งตา งถน่ิ เขา มาเลยี้ งและใหผ สมพนั ธกุ นั เองแบบธรรมชาติ จงึ สง ผลใหส ายพนั ธดุ ง้ั เดมิ คอ ยๆ หายไป การศกึ ษาชนดิ พนั ธขุ องไกพ นื้ เมอื งจงึ เปน ประโยชนต อ การทราบถงึ สถานภาพ การกระจายตวั ตามพนื้ ทสี่ งู ภายใต มูลนิธิโครงการหลวงและโครงการพัฒนาพื้นท่ีสูงแบบโครงการหลวง ซ่ึงจะใชเปนประโยชนในดานการเล้ียงไกพ้ืนเมืองใหมี ศกั ยภาพตอ การสง เสรมิ ใหเ กษตรกรในทอ งถน่ิ ไดเ ลยี้ งเพอื่ เปน แหลง อาหารโปรตนี และเปน การอนรุ กั ษพ นั ธไุ กพ นื้ เมอื งประจาํ ถนิ่ บนพ้นื ทสี่ งู ของไทยอกี ดวย สรุปผลการดําเนนิ งาน ดังนี้ คัดเลือกและรวบรวมไกพื้นเมืองในพื้นท่ี 10 แหง ไดแก (1) สายพันธุจากบานดง จ.แมฮองสอน (2) สายพันธุ จาก อ.ล้ี จ.ลําพูน (3) สายพันธุจากบานหวยนํ้ากืน อ.เวียงปาเปา จ.เชียงราย (4) สายพันธุจาก อ.จอมทอง จ.เชียงใหม สรปุ ผลงานวจิ ยั สถาบันวิจยั และพัฒนาพน้ื ท่สี ูง (องคก ารมหาชน) 59 ประจําปง บประมาณ พ.ศ. 2561
(5) สายพนั ธจุ ากบา นหาดสม ปอย อ.สะเมงิ จ.เชยี งใหม (6) สายพนั ธจุ ากบา นปางแดงใน อ.เชยี งดาว จ.เชยี งใหม (7) สายพนั ธุ จากดอยอินทนนท จ.เชียงใหม (8) สายพันธุจากบานย้ังเมิน อ.สะเมิง จ.เชียงใหม (9) สายพันธุจาก จ.แมฮองสอน และ (10) สายพนั ธุจากบานแมส าบ อ.สะเมิง จ.เชียงใหม โดยรวบรวมไกพอ พันธุ 10 ตวั แมพันธุ 50 ตวั จากสายพนั ธุในแตละ พนื้ ท่อี ยางละ 6 ตวั อัตราสวนพอ พันธุ 1 ตัวตอ แมพ ันธุ 5 ตวั พบวา อายไุ กเม่ือเริ่มผสมพนั ธุไ ดมีอายตุ ั้งแต 5 เดอื นข้ึนไป เพศผูมนี ้าํ หนักระหวา ง 1.0-1.5 กโิ ลกรัม เพศเมียมีน้ําหนักอยูระหวา ง 0.8-1.2 กโิ ลกรัม ลกั ษณะขนมสี ีน้ําตาลแดง เหลือง ดาํ นํา้ ตาล ดํา คอมสี ีน้าํ ตาลแดง เหลอื ง ปก มสี เี หลอื ง ดาํ นํา้ ตาล และหางมสี ีดํา น้ําตาลเขยี ว ลกั ษณะหงอนแบบจักร ตุมหูสี แดงและสีขาว สีแขงมีสีเทาและสีดํา ความสูง (วัดจากพ้ืนผานดวงตาถึงปลายหงอน) เฉล่ีย ตัวผูเทากับ 35.6 เซนติเมตร ตวั เมยี เทา กับ 27.7 เซนตเิ มตร โดยมลี ักษณะภายนอกบางสวนทีค่ ลายกัน และบางสว นทีแ่ ตกตา งกนั ไปในแตละพนื้ ที่ ไกพน้ื เมอื งบนพ้นื ทีส่ ูง ผลผลติ ท่ีสําคัญของงานวิจยั สายพันธุไกพ น้ื เมืองบนพ้นื ทสี่ ูงที่มศี กั ยภาพในการนํามาสงเสริมแกเ กษตรกร จํานวน 1 สายพนั ธุ แผนการนําผลงานวิจัยไปใชป ระโยชน 1. การใชประโยชนเชงิ วิชาการ 1.1 นําองคความรูที่ไดในป พ.ศ. 2561 ไปใชตอยอดงานวิจัยป พ.ศ. 2562 โดยใชเปนขอมูลตอยอด ในการคัดเลอื กสายพนั ธุไกพ ืน้ เมอื งที่เหมาะสมสาํ หรบั การเลย้ี งบนพื้นทสี่ งู 1.2 การนําเสนอผลงานการวจิ ยั นําเสนอผลงานวจิ ัยในที่ประชมุ วิชาการมูลนธิ ิโครงการหลวงและมบี ทความตพี มิ พ 1 เร่อื ง 2. การใชประโยชนเ ชงิ สาธารณะ ถายทอดความรู และแนวทางการใชประโยชนใหกับนักวิชาการ/นักสงเสริม และเกษตรกรบนพื้นท่ีสูงของ มูลนิธิโครงการ สถาบนั วิจยั และพฒั นาพ้นื ท่สี งู (องคการมหาชน) รวมท้ังผูสนใจ จํานวน 1 ครั้ง 60 สรปุ ผลงานวิจยั สถาบันวจิ ยั และพฒั นาพนื้ ที่สูง (องคก ารมหาชน) ประจําปง บประมาณ พ.ศ. 2561
21. โครงการศึกษาวัสดรุ องพื้นคอกท่เี หมาะสมสาํ หรับการเล้ียงหมูหลุมบนพนื้ ท่ีสงู 1 งานพัฒนาและสงเสริมปศุสัตวของมูลนิธิโครงการหลวงรวมกับ สวพส. ไดมีการวิจัยและทดสอบเทคโนโลยีในการ แผน ่ีท เลย้ี งสตั วช นดิ ตา งๆ จนเกดิ องคค วามรดู า นการเลยี้ งสตั วโ ดยเฉพาะหมหู ลมุ เปน แนวคดิ การเลย้ี งสกุ รดว ยวธิ เี กษตรธรรมชาติ เปนการจัดการคอกสุกรท่ีเปนแบบอยางท่ีดีท่ีสามารถเปนแหลงศึกษาเรียนรูดานการเล้ียงสัตวแกเกษตรกรในพ้ืนท่ีและ ผทู สี่ นใจทวั่ ไป นาํ ไปปรบั ใชเ พอื่ พฒั นาการเลย้ี งสตั วเ พอื่ ใหไ ดร บั ประโยชนท งั้ ดา นการเลย้ี งเพอ่ื เปน แหลง โปรตนี และจาํ หนา ย เพื่อเปนรายไดเสริม นอกจากนี้ การเลี้ยงสุกรแบบหมูหลุมจะไมมีกล่ินเหม็น ไมมีแมลงวันรบกวน ซึ่งการเลี้ยงหมูหลุม ในปจจุบันสวนใหญใชแกลบเปนวัสดุรองพ้ืนคอก แตพบวาบนพื้นที่สูงบางแหงน้ันแกลบคอนขางหายากและราคาแพง การใชวัสดุรองพนื้ จากวัสดุชนิดตา งๆ เชน ฟางขาว เศษเหลอื จากตนขาวโพด กากกาแฟ เศษเหลือทิ้งตา งๆ ท่สี ามารถดูดซบั ความช้นื ไดด ี อาจนํามาใชส าํ หรบั การเล้ยี งหมหู ลุมได แตย งั ไมมรี ายงานท่ีชัดเจน เก่ียวกับชนิด ปริมาณ ความถ่ี และปริมาณ ธาตุอาหารในปุยที่ไดจากหมูหลุม จึงมีการศึกษารูปแบบคอกและการใชวัสดุรองพ้ืนคอกจากส่ิงเหลือท้ิงทางการเกษตรชนิด ตา งๆ สาํ หรับการเล้ียงหมูหลมุ บนพืน้ ทีส่ ูง สรุปผลการดาํ เนนิ งาน ดงั น้ี 1. การศึกษารปู แบบคอกหมู พบวา รูปแบบที่ 1 ขุดหลมุ ไมเ ทพน้ื คอก มปี ริมาณธาตอุ าหาร N, P, K เทา กับ 0.76, 1.59, 0.54 ตามลําดบั ซ่งึ สูงกวา รปู แบบท่ี 2 ขุดหลมุ เทพืน้ คอกหรือใชพ ลาสตกิ ปพู ้ืนคอก มีคา เทากบั 0.60, 1.04, 0.38 ตามลําดับ และรูปแบบที่ 3 สรางคอกเหนือพ้ืนดินไมเทพื้น เทากับ 0.46, 1.09, 0.41 ตามลําดับ โดยรูปแบบคอกแตละ รูปแบบมีคา N, P, K แตกตางกันอยางมีนัยสําคัญทางสถิติ เม่ือเปรียบเทียบคาอินทรียวัตถุ พบวาคอกแบบขุดหลุมเทพ้ืน มีคาสงู สดุ เทา กบั 73.31 รองลงมาไดแก คอกแบบขดุ หลมุ ไมเ ทพื้น และคอกเหนอื พื้นดนิ ไมเ ทพื้น มีคาเทา กับ 67.31 และ 50.13 ตามลาํ ดบั โดยรปู แบบคอกแตล ะรปู แบบมคี า อนิ ทรยี วตั ถแุ ตกตา งกนั อยา งมนี ยั สาํ คญั ทางสถติ ิ และพบวา สมรรถภาพ การผลติ ของสกุ รเมอ่ื เปรยี บเทยี บการเลี้ยงในแตล ะรูปแบบคอกไมม คี วามแตกตางกันทางสถติ ิ 2. การศกึ ษาวสั ดรุ องพนื้ คอกทเ่ี หมาะสมสาํ หรบั การเลย้ี งหมหู ลมุ บนพนื้ ทส่ี งู พบวา การใช (1) แกลบ (2) เศษเหลอื จากขาวโพด (ตน เปลือก และซงั ) (3) เปลอื กกาแฟ (กะลา) และ (4) แกลบ+เศษเหลือจากขาวโพด+เปลือกกาแฟ การใชว ัสดุ รองพน้ื มปี รมิ าณทใี่ ชเ ฉลยี่ 152, 155, 162 และ 168 กโิ ลกรมั ตามลาํ ดบั และมอี ณุ หภมู พิ น้ื คอกระหวา ง 29-31 องศาเซลเซยี ส ขณะที่ปรมิ าณธาตุอาหาร N, P, K, และคาอนิ ทรยี วัตถุ (OM – Organic Matter) ของวสั ดรุ องพนื้ คอกแตละชนดิ พบวา ปรมิ าณธาตุอาหาร N และ K ไมมีความแตกตางกันทางสถติ ิ เมื่อเปรยี บเทียบคา P พบวา เศษเหลอื จากขาวโพด (ตน เปลอื ก และซงั ) มคี า 0.90 สงู กวาเปลอื กกาแฟ (กะลา) มีคา 0.48 ซง่ึ มคี วามแตกตา งกันทางสถติ ิ แตเมอ่ื เปรยี บเทียบวสั ดรุ องพื้นที่ ใชแกลบ และแกลบ+เศษเหลือจากขาวโพด+เปลือกกาแฟ พบวาไมมีความแตกตางกัน เม่ือเปรียบเทียบคาอินทรียวัตถุ หมูหลมุ ในคอก สรุปผลงานวิจยั สถาบนั วจิ ัยและพฒั นาพ้นื ที่สูง (องคการมหาชน) 61 ประจาํ ปง บประมาณ พ.ศ. 2561
พบวา เปลอื กกาแฟ (กะลา) มคี า 83.50 สงู กวา เศษเหลอื จากขา วโพด (ตน เปลอื ก และซงั ) มคี า 29.45 ซง่ึ มคี วามแตกตา งกนั ทางสถติ ิ ขณะทแี่ กลบ และแกลบ+เศษเหลอื จากขา วโพด+เปลอื กกาแฟ ไมม คี วามแตกตา งกนั ทางสถติ ิ เชน เดยี วกบั สมรรถภาพ การเจรญิ เตบิ โตของสกุ รไมแ ตกตา งกนั ทงั้ นก้ี ารใชว สั ดรุ องพนื้ ทเ่ี หมาะสมกบั การเลยี้ งหมหู ลมุ นอกจากจะชว ยทาํ ใหเ กษตรกร หรอื ผเู ลย้ี งไดป ระโยชนจ ากปยุ คอกแลว ยงั พบวา สามารถชว ยลดมลภาวะทางกลน่ิ เพมิ่ รายไดจ ากการเลยี้ งหมู และประหยดั เวลา ในการจัดการ อีกท้ังวัสดุทใี่ ชเ ลย้ี งควรคาํ นึงถงึ การดดู ซบั ความชนื้ ทีด่ ีและหาไดง ายตามทอ งถิน่ ปยุ ท่ีไดจ ากวัสดุรองพ้นื คอกหมหู ลมุ ผลผลิตทสี่ าํ คญั ของงานวจิ ัย 1. ลักษณะคอกเล้ยี งหมูหลุมทเี่ หมาะสมบนพ้นื ที่สูง จํานวน 1 ลักษณะ 2. วิธกี ารเตรียมพืน้ คอกที่เหมาะสมกบั การเลี้ยงหมหู ลุมบนพน้ื ทส่ี ูง จาํ นวน 1 วธิ ี แผนการนําผลงานวิจยั ไปใชป ระโยชน 1. การใชป ระโยชนเ ชงิ วชิ าการ 1.1 นําองคค วามรูท ่ีไดในป พ.ศ. 2561 ไปใชตอยอดงานวจิ ัยป พ.ศ. 2562 ดังนี้ 1) ใชเ ปนขอ มลู ตอ ยอดในการศึกษาลกั ษณะคอกเลีย้ งหมหู ลมุ ทีเ่ หมาะสมบนพ้ืนท่ีสงู 2) ใชเ ปนขอมูลตอ ยอดในการศึกษาวธิ ีการเตรียมพน้ื คอกท่ีเหมาะสมกับการเลยี้ งหมูหลุมบนพ้นื ที่สงู 1.2 การนาํ เสนอผลงานวจิ ัย นาํ เสนอผลงานการวจิ ยั ในทปี่ ระชมุ วชิ าการมูลนธิ โิ ครงการหลวงและมีบทความตพี มิ พ จาํ นวน 1 เรอ่ื ง 2. การใชป ระโยชนเ ชิงสาธารณะ ถายทอดความรู และแนวทางการใชประโยชนใหกับนักวิชาการ/นักสงเสริม และเกษตรกรบนพื้นที่สูงของ มลู นธิ ิโครงการ สถาบันวิจยั และพัฒนาพน้ื ที่สูง (องคก ารมหาชน) รวมทัง้ ผูสนใจ จาํ นวน 1 ครั้ง 62 สรปุ ผลงานวจิ ยั สถาบันวจิ ยั และพัฒนาพืน้ ทสี่ งู (องคก ารมหาชน) ประจําปง บประมาณ พ.ศ. 2561
22. โครงการวิจยั และพฒั นาการเล้ยี งผ้ึงเพื่อการเพ่ิมผลผลติ พชื และคุณภาพนา้ํ ผ้งึ 1 ผึ้งถือเปนแมลงผสมเกสร (Pollinator) ทเ่ี ปน ทีย่ อมรับทัว่ โลก ประมาณ 35 เปอรเซ็นตของอาหารโลก ทผ่ี ึ้งทําหนาท่ี แผน ่ีท เพ่ิมผลผลิตไมผลและพืชพรรณธัญญาหารตางๆ (Genersch, 2010) ประเทศไทยในทางภาคเหนือตอนบน เชน เชียงใหม และลาํ พนู เปน พื้นทีเ่ ล้ยี งผ้ึงหลักและใชผ สมเกสรในลาํ ไยและล้ินจี่ อกี ทัง้ ยังผลติ ภณั ฑท ไ่ี ดจ ากผง้ึ โดยเฉพาะนาํ้ ผึง้ ทีม่ มี ลู คา ทางการตลาดสูง อุตสาหกรรมการเลี้ยงผึ้งในประเทศไทยจึงเปนธุรกิจทางการเกษตรที่นาสนใจแกเกษตรกร (ศูนยสงเสริม เทคโนโลยีการเกษตรดานแมลงเศรษฐกิจ, 2559) สําหรับมูลนิธิโครงการหลวงไดสงเสริมใหเกษตรกรบนพื้นที่สูงปลูกพืช เศรษฐกิจหลายชนิด ท่ีสําคญั อยา งยิ่งคอื การปลกู ไมผ ลรวมกบั การปลูกปา ไดแ ก พ้ีช กาแฟ อาโวคาโด มะมว ง และเสาวรส แตยังพบปญหาการติดผลไมมากนัก ซึ่งมีสาเหตุจากหลายปจจัย เชน ลักษณะพันธุ การรวงของดอก อุณหภูมิ ความช้ืน ลม เปน ตน ดงั นนั้ หากมกี ารใชช นดิ ผงึ้ หรอื และชนั โรงเพอ่ื ชว ยผสมเกสรกจ็ ะเปน การเพม่ิ โอกาสในการตดิ ผลสง ผลให เกษตรกร มรี ายไดม ากข้ึน สรปุ ผลการดาํ เนินงาน ดังนี้ 1. การศึกษาและคัดเลือกชนิดผึ้งในการชวยเพิ่มประสิทธิภาพการผสมเกสร โดยในการติดผลของพี้ช ผ้ึงพันธุ มีการเขา และออกรงั 75 และ 66 ตัวตอวนั ตามลาํ ดบั สว นผึง้ โพรงมีการเขา และออกรงั 137 และ 156 ตัวตอ วัน การติดผล พบวา ผึ้งพันธุมีชวยผสมเกสรแตกตางกับผ้ึงโพรงอยางมีนัยสําคัญทางสถิติ โดยมีเปอรเซ็นตการติดผลของพี้ชในผึ้งพันธุ ผ้ึงโพรง และชุดควบคมุ เทากบั 22.19 เปอรเ ซ็นต 50.59 เปอรเซ็นต และ 5.34 เปอรเซน็ ต ตามลาํ ดบั อาโวคาโด ผึง้ โพรง มีการเขา และออกรงั 91.82 และ 91.05 ตวั ตอ ช่ัวโมง ตามลําดับ สว นผ้งึ พันธุมกี ารเขา และออกรงั 43.03 และ 41.62 ตวั ตอ ชวั่ โมง ตามลาํ ดบั การตดิ ผลตอ ตน ของอาโวคาโดพนั ธุ Hass ผงึ้ โพรง ผงึ้ พนั ธุ และชดุ ควบคมุ 173.33, 161.00 และ 97.67 ผลตอตน ตามลาํ ดับ และพนั ธุ Buccaneer ผง้ึ โพรง ผ้ึงพนั ธุ และชดุ ควบคมุ 174.66, 121.00 และ 26.33 ผลตอ ตน ตาม ลาํ ดบั เสาวรส ผึ้งพันธุม ีการเขาและออกรัง 82 และ 76 ตวั ตอ วัน ตามลาํ ดบั สว นผึ้งโพรงมีการเขาและออกรัง 172 และ 164 ตวั ตอวัน การตดิ ผล พบวาผ้งึ พันธุมีชวยผสมเกสรแตกตางกบั ผึ้งโพรงอยางมีนยั สําคัญทางสถิติ โดยมกี ารติดผลตอตน ของผึง้ พนั ธุ ผง้ึ โพรง และชุดควบคมุ 98.00, 117.33 และ 68.00 ตามลาํ ดับ กาแฟ ผงึ้ โพรงมีการเขา และออกรัง 78.36 และ 79.72 ตวั ตอ วัน ตามลาํ ดบั สวนผ้ึงพนั ธุม กี ารเขา และออกรงั 58.75 และ 41.06 ตวั ตอวนั ตามลําดบั การตดิ ผลเลก็ ตอตน ของกาแฟ ผง้ึ โพรง ผึง้ พันธุ และชุดควบคมุ 1,696.00, 1,283.00 และ 440.00 ตามลําดบั 2. การศกึ ษาและคดั เลอื กชนดิ พนั ธชุ นั โรงในการชว ยเพมิ่ ประสทิ ธภิ าพการผสมเกสรในมะมว ง พบชนั โรงในพนื้ ที่ 2 ชนดิ คอื Tetragonula laeviceps และ Lepidotrigona doipaensis นาํ มาเพาะขยายพนั ธแุ ละเลย้ี งในลงั จากนน้ั ทดสอบ ประสิทธิภาพการผสมเกสรในมะมวง ผลการทดสอบพบวา กรรมวิธีชุดควบคุม ชันโรงชนิด T. laevicep และชนิด L. doipaensis มีการติดผลเทา กบั 45.00 และ 40.60 ผลตอ ตน ตามลําดับ อยางไรกต็ าม ชดุ ควบคุม มนี ํ้าหนักผลนอ ยกวา และขนาดของผลไมสมาํ่ เสมอ 3. การศกึ ษาลงั ทเี่ หมาะสมสาํ หรบั เลยี้ งผง้ึ พนั ธบุ นพน้ื ทสี่ งู ทดสอบเปรยี บเทยี บประสทิ ธภิ าพลงั แบบใหมป ระยกุ ต ลังแบบยุโรป และลังแบบไตหวัน (ลังแบบเดิมท่ีเกษตรกรใช) เพื่อใชเลี้ยงผ้ึงพันธุที่ศูนยพัฒนาโครงการหลวงทุงเริง พบวา ลังแบบใหมป ระยุกต มปี ระสิทธิภาพในการเลย้ี งผึ้งพันธุมากท่สี ุด โดยมจี ํานวนประชากรในลงั ผงึ้ ตวั ออ น ไข และนํ้าหวาน มากกวาลังแบบยุโรปและลังแบบไตหวัน ปริมาณนํ้าผึ้งท่ีเก็บไดเฉล่ียเทากับ 2,361.00, 830.67 และ 2,072.00 กรัม ตามลําดับ นอกจากนีค้ วามชื้นของนํา้ ผึ้งพบวาลังทง้ั 3 รูปแบบ มีความช้ืนเทา กับ 21.00, 20.73 และ 21.55 เปอรเซ็นต ซึ่งยังอยูในมาตรฐานน้ําผึ้งตามประกาศกระทรวงสาธารณสุข เรื่อง นํ้าผึ้ง (ฉบับที่ 211) พ.ศ. 2543 ท่ีกําหนดใหไมเกิน 21 เปอรเซน็ ต 4. วิธีการเลี้ยงขยายพันธุนางพญาสายพันธุดีบนพ้ืนที่สูง พบวา วิธกี ารสรางนางพญาตามธรรมชาติมีจํานวนการ สรางหลอดรวงเทา กบั 74 หลอด จากนั้นจะเรม่ิ ทําการสรา งนางพญาฉุกเฉนิ โดยมีจาํ นวนหลอดนางพญาเทา กบั 92 หลอด และวธิ ีการสรางนางพญาแบบเขี่ยหนอน โดยเพาะจาํ นวน 30 หลอดตอรงั มจี าํ นวนหลอดรวงเทา กับ 88 หลอด สรปุ ผลงานวจิ ัย สถาบันวจิ ยั และพฒั นาพื้นทีส่ ูง (องคการมหาชน) 63 ประจาํ ปง บประมาณ พ.ศ. 2561
5. การศึกษาวิธีการเลี้ยงผึ้งโพรงในธรรมชาติที่เหมาะสมรวมกับเกษตรกรบนพื้นท่ีสูง ทดสอบในพื้นที่พัฒนา การเลี้ยงผ้ึงโพรงที่โครงการพัฒนาพ้ืนท่ีสูงแบบโครงการหลวงสบเมย และโครงการพัฒนาพ้ืนที่สูงแบบโครงการหลวง ผาผ้ึง-ศรีคีรีรกั ษ พบวา การลอผง้ึ โพรงโดยการใชไขผง้ึ สามารถลอใหผงึ้ เขา ลัง 81.27 เปอรเ ซ็นต และผง้ึ โพรงสามารถอาศัยและขยายพันธุภายใน ลังแบบไตหวันประยุกตเทากับ 51.03 เปอรเซ็นต ซ่ึงมากกวาวิธีการเดิม ของเกษตรกรทไี่ มม กี ารลอ ผงึ้ โพรงและใชโ กน (ทอ นไม) ดงั นน้ั วธิ กี ารเลย้ี ง ผ้ึงโพรงในลังแบบไตหวันประยุกตสามารถนํามาตอยอดเพ่ือลดปญหา การทงิ้ รังของผง้ึ โพรง และยังงา ยตอการเกบ็ เกยี่ วนา้ํ ผงึ้ ไดอีกดว ย (ก) (ข) (ค) (ง) การทดสอบวิจยั และพฒั นาการเล้ยี งผึ้งเพ่ือเพ่มิ ผลผลิตพืชและคณุ ภาพน้าํ ผึง้ (ก.) ผลติ ผลพชี้ ทไ่ี ดจ ากการผสมเกสรจากผงึ้ ในแตล ะกรรมวธิ ี (ข.) ทดสอบลงั เลย้ี งผงึ้ พนั ธแุ บบยโุ รป ไตห วนั และแบบใหมป ระยกุ ต (ค.) การเล้ียงผึ้งโพรงบนพ้นื ท่ีสูง (ง.) การเพาะเล้ยี งนางพญาสายพันธดุ ี ผลผลิตท่สี าํ คัญของงานวจิ ัย 1. ชนิดผ้ึงท่ีเหมาะสมในการชวยเพิ่มประสิทธิภาพการผสมเกสรในพ้ีช อาโวคาโด เสาวรส และกาแฟ อยางนอย จํานวน 1 ชนิด 2. ชนิดชันโรงท่เี หมาะสมในการชว ยเพิ่มประสทิ ธภิ าพการผสมเกสรในมะมว ง อยางนอย 1 ชนิด 3. ลังท่เี หมาะสมในการเลยี้ งผึ้งพนั ธบุ นพน้ื ท่สี งู 1 ลักษณะ 4. วธิ ีการเลี้ยงและขยายพนั ธนุ างพญาผง้ึ สายพนั ธดุ ีทเ่ี หมาะสมบนพนื้ ทีส่ ูง อยา งนอย 1 วธิ ี แผนการนําผลงานวิจยั ไปใชประโยชน 1. การใชป ระโยชนเชิงวชิ าการ 1.1 นาํ องคความรูทไ่ี ดใ นป พ.ศ. 2561 ไปใชตอยอดงานวจิ ยั ป พ.ศ. 2562 ดังนี้ 1) ตอยอดองคความรูเพ่ือทดสอบชนิดผ้ึงในพื้นท่ีโครงการพัฒนาพื้นท่ีสูงแบบโครงการหลวงในแตละพ้ืนท่ี ใหเหมาะสม 2) ทดสอบและคดั เลอื กลงั รปู แบบใหมป ระยกุ ตท ใี่ ชเ ลย้ี งผงึ้ พนั ธใุ นพนื้ ทโ่ี ครงการพฒั นาพนื้ ทสี่ งู แบบโครงการ หลวงระดับแปลงรวมกับเกษตรกร 3) นาํ องคค วามรเู รอ่ื งวธิ กี ารเลยี้ งผงึ้ โพรงทเี่ หมาะสมบนพน้ื ทสี่ งู ทดสอบเพมิ่ เตมิ ในสภาพแปลงปลกู พชื ตา งๆ เชน ปาเมี่ยง สวนกาแฟ เปน ตน โดยขยายงานทดสอบเพิ่มในพ้ืนทโ่ี ครงการพัฒนาพื้นที่สูงแบบโครงการหลวง 1.2 การนาํ เสนอผลงานวจิ ัยหรือตีพมิ พในรูปแบบตางๆ นําเสนอผลงานวิจัยในการประชุมวิชาการผลงานวิจัยของมูลนิธิโครงการหลวงและสถาบันวิจัยและพัฒนา พนื้ ที่สงู (องคการมหาชน) 64 สรปุ ผลงานวจิ ัย สถาบันวิจยั และพัฒนาพ้นื ทส่ี งู (องคก ารมหาชน) ประจาํ ปงบประมาณ พ.ศ. 2561
23. โครงการวจิ ัยเพอ่ื ปรับปรงุ ประสิทธภิ าพการใหนาํ้ และปุยแกไมผ ลสําคญั บนพน้ื ทีส่ ูง 1 ไมผลเปนพืชเศรษฐกิจท่ีสําคัญของมูลนิธิโครงการหลวงที่สรางรายไดใหแกเกษตรกรบนพ้ืนท่ีสูง โดยเฉพาะ แผน ่ีท สตรอวเบอรร ี่ เคพกสู เบอรร ี่ และองนุ โดยในป พ.ศ. 2560 (ม.ค.-ส.ค. 2560) สตรอวเบอรรี่มีผลผลิต 138.41 ตนั มลู คา 18.88 ลา นบาท เคพกสู เบอรร มี่ ผี ลผลติ 152.32 ตนั มลู คา 14.44 ลา นบาท และองนุ มผี ลผลติ 22.68 ตนั มลู คา 2.93 ลา นบาท จึงเปนไมผลที่มีศักยภาพทางการผลิตและตลาดอยางมาก การปลูกพืชบนพ้ืนที่สูงตองมีการใชพ้ืนท่ีใหเกิดประโยชนสูงสุด รวมถงึ ทรพั ยากรนา้ํ ท่ีมอี ยอู ยางจํากดั ซึ่งในการใหน ํา้ สําหรับไมผ ลบนพนื้ ที่สงู โดยทั่วไปเกษตรกรจะใชส ายยางในการรดน้าํ หรือใชสปริงเกอร โดยไมทราบความตองการของพืช ซ่ึงอาจจะทําใหสิ้นเปลือง เกินความตองการของพืช หรืออาจจะ ไมเพียงพอสําหรับพืชในบางชวงเวลา สวนการใหปุยของเกษตรกรโดยทั่วไปใหปุยทางดินดวยวิธีการหวานในแปลง หรือ รอบทรงพุมของตนไมผล หรือใหปุยทางใบ โดยไมทราบปริมาณความตองการของพืชดวยเชนกัน วิธีการใหน้ําและปุย แบบประหยดั ทม่ี ปี ระสทิ ธภิ าพของไมผ ลจะเปน การใหน า้ํ และปยุ ในชว งตา งๆ ของการเจรญิ เตบิ โตของไมผ ลอยา งถกู ตอ ง และ ตรงกับนิสัยของไมผลแตละชนิดวามีจุดวิกฤติในการใหน้ําและปุยในชวงระยะเวลาใด การวิจัยน้ีเปนศึกษาวิธีการใหน้ําและ ปยุ สําหรับไมผลของมูลนิธิโครงการหลวง และศึกษา Best practice ในการใหน ํ้าและปุยของเกษตรกรท่ปี ระสบความสาํ เรจ็ ในการผลิตไมผ ลสําคญั สรปุ ผลการดาํ เนนิ งาน ดงั น้ี การศกึ ษาวจิ ยั เพอ่ื ปรบั ปรงุ ประสทิ ธภิ าพการใชน าํ้ และปยุ แกพ ชื สาํ คญั บนพน้ื ทสี่ งู ดาํ เนนิ การในพนื้ ทข่ี องเกษตรกร ทสี่ ถานเี กษตรหลวงอา งขาง สถานฯี ปางดะ และศนู ยฯ แกนอ ย เพอื่ ประเมนิ ความตอ งการธาตอุ าหารและนาํ้ ของสตรอวเ บอรร ่ี เคพกูสเบอรร่ี และองุน ผลการศึกษาพบวา สตรอวเบอรรี่ (ผลผลิตเฉล่ีย 500 กรัมตอตน) ตองการธาตุอาหารไนโตรเจน 1.45 กรมั ตอ ตน ฟอสฟอรสั 0.31 กรมั ตอ ตน และโพแทสเซยี ม 3.54 กรมั ตอ ตน เคพกสู เบอรร ี่ (ผลผลติ เฉลย่ี 3 กโิ ลกรมั ตอ ตน ) ตองการธาตุอาหารไนโตรเจน 35.86 กรัมตอตน ฟอสฟอรัส 17.5 กรัมตอตน และโพแทสเซียม 76.96 กรัมตอตน และ องุน (อายุ 7 ป ผลผลิตเฉล่ีย 5.38 กิโลกรัมตอตน) มีความตองการธาตุอาหารไนโตรเจน 75.14 กรัมตอตน ฟอสฟอรัส 7.40 กรมั ตอตน และโพแทสเซยี ม 61.04 กรมั ตอ ตน สําหรบั ความตองการนา้ํ ของไมผ ลทัง้ สามชนิดตลอดระยะเวลาการผลิต ซง่ึ ประเมนิ จากขอ มลู สภาพภมู อิ ากาศของแตล ะพนื้ ที่ พบวา สตรอวเ บอรร ม่ี คี วามตอ งการใชน าํ้ 509 มลิ ลเิ มตร เคพกสู เบอรร ี่ มีความตองการใชน ้าํ 619 มิลลเิ มตร และองนุ มีความตอ งการใชน าํ้ 588 มลิ ลเิ มตร ผลผลิตท่ีสาํ คญั ของงานวิจยั วธิ กี ารปรบั ปรงุ ประสทิ ธภิ าพการใหน ้าํ และปุยแกไมผ ล จาํ นวน 1 ชนิด แผนการนาํ ผลงานวิจยั ไปใชป ระโยชน การใชประโยชนเชงิ วชิ าการ นําองคค วามรูทไ่ี ดใ นป พ.ศ. 2561 ไปใชตอยอดงานวจิ ัยป พ.ศ. 2562 โดยในป พ.ศ. 2561 ไดขอมูลความ ตองการธาตุอาหารและนํ้าที่ประเมินไดจากการศึกษาในครั้งน้ี จะถูกนํามาใชเปนแนวทางในการกําหนดอัตราการ ใสปุยและการใหน้ําที่เหมาะสมสําหรับการผลิตไมผลบนพื้นท่ีสูงในป พ.ศ. 2562 เพื่อใหการจัดการปุยและนํ้า เปนไปอยา งมีประสทิ ธิภาพสูงสดุ สรุปผลงานวิจัย สถาบันวิจัยและพฒั นาพน้ื ท่ีสูง (องคการมหาชน) 65 ประจําปงบประมาณ พ.ศ. 2561
24. โครงการศกึ ษาเพ่ือปรบั ปรุงกระบวนการจัดการหลงั การเกบ็ เกยี่ วผักอนิ ทรีย ของโครงการหลวง กระบวนการจัดการหลังการเก็บเกี่ยวผักอินทรียของมูลนิธิโครงการหลวงยังพบปญหาดานคุณภาพและการสูญเสีย หลังการเก็บเก่ียวเกิดขึน้ เชน การช้าํ การเนาเสีย การเหยี่ ว และการเหลืองของใบ เปนตน ซง่ึ มผี ลตอ อายุการเกบ็ รักษาหรือ อายุการวางจําหนายของผักอินทรีย โดยในป พ.ศ. 2560 ดนัยและคณะไดศึกษากระบวนการจัดการหลังการเก็บเก่ียวผัก อนิ ทรยี ท ีป่ ลกู ในพื้นทีข่ องโครงการหลวง 10 แหง จากการสาํ รวจคณุ ภาพและการสูญเสยี ของผกั อินทรยี ใ นแปลงปลกู ผกั อินทรยี ของเกษตรกร และการจัดการหลงั การ เกบ็ เกี่ยวผักอินทรยี ของศนู ยพัฒนาโครงการหลวง 10 แหง ตามวธิ กี ารที่ดที ีไ่ ดเสนอแนะไว พบวา ศนู ยฯ /สถานีฯ ท่ีปลูกผกั อนิ ทรยี ม กี ารจดั การหลงั การเกบ็ เกย่ี วทเ่ี หมาะสม สง ผลใหก ารสญู เสยี หลงั การเกบ็ เกยี่ วผกั อนิ ทรยี ท เี่ กดิ ขนึ้ ระหวา งการเคลอื่ นที่ ของผกั ในโซอ ุปทานลดลง และอายกุ ารวางจาํ หนายของผกั อินทรียเ พมิ่ ขึ้น สรปุ ผลการดําเนินงาน ดังน้ี 1. สถานเี กษตรหลวงอนิ ทนนท: ผกั กาดกวางตงุ มกี ารสญู เสยี หลงั การเกบ็ เกยี่ วทแ่ี ปลงปลกู ของเกษตรกร ศนู ยพ ฒั นา โครงการหลวง ศนู ยผ ลติ ผลโครงการหลวงเชยี งใหม และรานคา มลู นิธโิ ครงการหลวง วธิ กี ารเดิม 13.09, 22.96, 15.55 และ 1.34 เปอรเ ซ็นต ตามลาํ ดับ วิธกี ารตามขอ เสนอแนะ 12.38, 14.65, 13.19 และ 1.97 เปอรเซน็ ต ตามลําดบั และมีอายุการ วางจาํ หนายจากเดมิ 6.28 เปน 9.58 วัน สว นโอกลีฟเขยี วมีการสญู เสียหลงั การเก็บเกีย่ ววธิ ีการเดมิ 6.68, 10.07, 32.68 และ 5.01 เปอรเซน็ ต ตามลําดับ วิธกี ารตามขอ เสนอแนะ 29.26, 9.42, 17.40 และ 2.75 เปอรเซ็นต ตามลาํ ดบั และมอี ายุ การวางจาํ หนายจากเดิม 5.84 เปน 7.20 วนั 2. สถานีเกษตรหลวงอางขาง: ผักกาดหอมบัตเทอรเฮดมีการสูญเสียหลังการเก็บเกี่ยวที่แปลงปลูกของเกษตรกร ศูนยพัฒนาโครงการหลวง ศูนยผลิตผลโครงการหลวงเชียงใหม และรานคามูลนิธิโครงการหลวง วิธีการเดิม 46.01, 3.35, 27.12 และ 4.42 เปอรเ ซ็นต ตามลาํ ดับ วิธกี ารตามขอเสนอแนะ 36.92, 0.37, 10.91 และ 1.09 เปอรเซ็นต ตามลาํ ดับ และ มอี ายกุ ารวางจาํ หนา ยจากเดมิ 6.29 วนั เปน 13.20 วนั สว นกะหลา่ํ ปลหี วานมกี ารสญู เสยี หลงั การเกบ็ เกยี่ ววธิ กี ารเดมิ 39.51, 9.85, 11.25 และ 3.33 เปอรเซ็นต ตามลําดับ วิธีการตามขอเสนอแนะ 30.64, 11.67, 10.99 และ 0.78 เปอรเซ็นต ตามลําดับ และมอี ายุการวางจําหนายจากเดมิ 13.53 เปน 21.45 วนั 3. ศูนยพัฒนาโครงการหลวงทุงหลวง: ผักกาดหอมโอกลีฟเขียวมีการสูญเสียหลังการเก็บเก่ียวท่ีแปลงปลูกของ เกษตรกร ศนู ยพ ฒั นาโครงการหลวง ศนู ยผ ลติ ผลโครงการหลวงเชยี งใหม และรา นคา มลู นธิ โิ ครงการหลวง วธิ กี ารเดมิ 26.13, 0.00, 19.35 และ 4.26 เปอรเ ซน็ ต ตามลาํ ดับ วิธกี ารตามขอเสนอแนะ 35.08, 0.00, 9.50 และ 0.00 เปอรเซ็นต ตามลาํ ดับ และมอี ายุการวางจําหนา ยจากเดิม 7.85 เปน 11.43 วัน สว นผักกาดหวานมีการสญู เสยี หลังการเกบ็ เก่ียววิธกี ารเดมิ 27.49, 0.00, 23.78 และ 1.61 เปอรเ ซน็ ต ตามลาํ ดบั วิธกี ารตามขอเสนอแนะ 26.81, 0.00, 9.33 และ 0.99 เปอรเ ซ็นต ตามลําดบั และมีอายกุ ารวางจําหนายจากเดมิ 5.98 เปน 11.44 วัน 4. ศูนยพัฒนาโครงการหลวงหวยโปง: ผักกาดกวางตุงมีการสูญเสียหลังการเก็บเก่ียวที่แปลงปลูกของเกษตรกร ศูนยพัฒนาโครงการหลวง ศูนยผลิตผลโครงการหลวงเชียงใหม และรานคามูลนิธิโครงการหลวง วิธีการเดิม 25.40, 3.32, 29.42 และ 2.37 เปอรเ ซ็นต ตามลําดบั วธิ กี ารตามขอ เสนอแนะ 19.64, 10.56, 4.00 และ 1.59 เปอรเซน็ ต ตามลําดับ และ มีอายกุ ารวางจําหนา ยจากเดิม 6.44 เปน 7.57 วนั สวนเบบี้ฮอ งเตมกี ารสูญเสียหลงั การเก็บเกย่ี ววิธกี ารเดมิ 40.21, 32.52, 34.78 และ 3.87 เปอรเ ซน็ ต ตามลาํ ดับ วธิ ีการตามขอ เสนอแนะ 21.13, 23.54, 9.25 และ 0.15 เปอรเ ซน็ ต ตามลาํ ดับ และมีอายกุ ารวางจําหนายจากเดิม 10.60 เปน 10.73 วนั 66 สรุปผลงานวิจัย สถาบันวิจัยและพฒั นาพน้ื ที่สงู (องคการมหาชน) ประจาํ ปง บประมาณ พ.ศ. 2561
5. ศูนยพัฒนาโครงการหลวงทุงเริง: ผักกาดกวางตุงมีการสูญเสียหลังการเก็บเก่ียวท่ีแปลงปลูกของเกษตรกร 1 ศูนยพัฒนาโครงการหลวง ศูนยผลิตผลโครงการหลวงเชียงใหม และรานคามูลนิธิโครงการหลวง วิธีการเดิม 20.93, 4.63, 31.15 และ 2.32 เปอรเซ็นต ตามลําดบั วิธีการตามขอเสนอแนะ 34.41, 3.56, 4.06 และ 2.58 เปอรเ ซน็ ต ตามลําดับ และ แผน ่ีท มีอายุการวางจําหนายจากเดมิ 7.56 เปน 9.07 วัน สว นยอดซาโยเตม กี ารสญู เสียหลงั การเก็บเกย่ี ววธิ ีการเดมิ 0.00, 13.07, 6.63 และ 0.08 เปอรเซ็นต ตามลําดับ วิธีการตามขอเสนอแนะ 0.00, 1.77, 1.26 และ 0.23 เปอรเซ็นต ตามลําดับ และมีอายกุ ารวางจาํ หนายจากเดมิ 6.75 เปน 7.50 วัน 6. ศูนยพัฒนาโครงการหลวงวัดจันทร: ผักกาดหอมหอมีการสูญเสียหลังการเก็บเก่ียวที่แปลงปลูกของเกษตรกร ศูนยพ ฒั นาโครงการหลวง ศูนยผ ลติ ผลโครงการหลวงเชียงใหม และรานคามูลนิธโิ ครงการหลวง วธิ กี ารเดมิ 23.96, 33.42, 19.11 และ 3.27 เปอรเซ็นต ตามลําดบั วธิ กี ารตามขอ เสนอแนะ 32.93, 25.26, 14.06 และ 1.91 เปอรเ ซ็นต ตามลําดบั และมอี ายุการวางจาํ หนายจากเดิม 7.40 เปน 11.48 วนั สวนผกั กาดหวานมกี ารสูญเสยี หลงั การเก็บเก่ยี ววิธกี ารเดมิ 12.90, 36.24, 28.64 และ 2.04 เปอรเซ็นต ตามลําดับ วิธีการตามขอเสนอแนะ 19.97, 39.67, 4.17 และ 1.34 เปอรเซ็นต ตามลําดับ และมอี ายกุ ารวางจําหนายจากเดิม 6.80 เปน 10.05 วนั 7. ศูนยพัฒนาโครงการหลวงแมสะปอก: ผักกาดฮองเตมีการสูญเสียหลังการเก็บเก่ียวท่ีแปลงปลูกของเกษตรกร ศูนยพัฒนาโครงการหลวง ศูนยผลิตผลโครงการหลวงเชียงใหม และรานคามูลนิธิโครงการหลวง วิธีการเดิม 7.23, 43.86, 33.05 และ 1.91 เปอรเ ซน็ ต ตามลาํ ดบั วธิ กี ารตามขอเสนอแนะ 44.50, 12.60, 25.75 และ 0.62 เปอรเซน็ ต ตามลาํ ดบั และมอี ายกุ ารวางจาํ หนา ยจากเดมิ 6.03 เปน 7.38 วนั สว นเบบฮ้ี อ งเตม กี ารสญู เสยี หลงั การเกบ็ เกย่ี ววธิ กี ารเดมิ 7.79, 46.49, 30.97 และ 3.80 เปอรเ ซน็ ต ตามลําดบั วิธกี ารตามขอ เสนอแนะ 56.19, 11.16, 22.12 และ 0.51 เปอรเ ซน็ ต ตามลําดบั และมอี ายุการวางจําหนายจากเดมิ 4.87 เปน 8.90 วนั 8. ศนู ยพ ฒั นาโครงการหลวงหว ยสม ปอ ย: กะหลา่ํ ปลหี วานมกี ารสญู เสยี หลงั การเกบ็ เกย่ี วทแี่ ปลงปลกู ของเกษตรกร ศูนยพฒั นาโครงการหลวง ศูนยผลิตผลโครงการหลวงเชยี งใหม และรานคามลู นิธิโครงการหลวง วธิ กี ารเดิม 27.47, 16.21, 27.65 และ 4.78 เปอรเซน็ ต ตามลาํ ดับ วิธีการตามขอ เสนอแนะ 26.10, 13.86, 17.78 และ 0.68 เปอรเซน็ ต ตามลาํ ดับ และมอี ายกุ ารวางจาํ หนา ยจากเดมิ 13.14 เปน 15.17 วนั สว นผกั กาดหวานมกี ารสญู เสยี หลงั การเกบ็ เกย่ี ววธิ กี ารเดมิ 37.97, 61.21, 11.71 และ 4.00 เปอรเซ็นต ตามลําดับ วิธีการตามขอเสนอแนะ 23.66, 26.40, 3.60 และ 3.90 เปอรเซ็นต ตามลําดบั และมีอายุการวางจําหนา ยจากเดิม 5.25 เปน 11.30 วัน 9. ศนู ยพ ฒั นาโครงการหลวงหว ยนา้ํ รนิ : โอค ลฟี เขยี วมกี ารสญู เสยี หลงั การเกบ็ เกยี่ วทแี่ ปลงปลกู ของเกษตรกร ศนู ย พัฒนาโครงการหลวง ศนู ยผ ลติ ผลโครงการหลวงเชียงใหม และรานคามูลนิธิโครงการหลวง วธิ ีการเดมิ 7.12, 56.49, 62.21 และ 0.00 เปอรเ ซ็นต ตามลําดบั วิธีการตามขอ เสนอแนะ 63.80, 15.41, 50.61 และ 0.65 เปอรเ ซ็นต ตามลาํ ดับ และมีอายุ การวางจาํ หนา ยจากเดิม 5.60 เปน 9.73 วนั สว นโอค ลฟี แดงมีการสูญเสียหลงั การเกบ็ เกี่ยววธิ กี ารเดมิ 21.45, 53.80, 46.19 และ 0.00 เปอรเซ็นต ตามลําดบั วิธีการตามขอเสนอแนะ 31.53, 11.12, 26.19 และ 0.82 เปอรเ ซ็นต ตามลาํ ดบั และมอี ายุ การวางจําหนา ยจากเดิม 5.08 เปน 10.40 วัน 10. ศูนยพัฒนาโครงการหลวงแกนอย: ผักกาดหอมบัตเทอรเฮดมีการสูญเสียหลังการเก็บเก่ียวท่ีแปลงปลูกของ เกษตรกร ศนู ยพ ฒั นาโครงการหลวง ศนู ยผ ลติ ผลโครงการหลวงเชยี งใหม และรา นคา มลู นธิ โิ ครงการหลวง วธิ กี ารเดมิ 18.93, 23.88, 24.95 และ 1.38 เปอรเซ็นต ตามลําดับ วิธีการตามขอเสนอแนะ 30.08, 15.96, 7.35 และ 1.04 เปอรเซ็นต ตามลาํ ดบั และมอี ายกุ ารวางจาํ หนา ยจากเดมิ 4.13 เปน 7.83 วนั สว นผกั กาดหอมหอ มกี ารสญู เสยี หลงั การเกบ็ เกย่ี ววธิ กี ารเดมิ 25.20, 25.71, 24.17 และ 2.81 เปอรเซ็นต ตามลําดับ วิธีการตามขอเสนอแนะ 28.12, 18.63, 14.62 และ 1.09 เปอรเซ็นต ตามลาํ ดบั และมีอายกุ ารวางจาํ หนา ยจากเดมิ 5.07 เปน 7.81 วนั สรปุ ผลงานวิจัย สถาบนั วิจยั และพัฒนาพน้ื ที่สูง (องคการมหาชน) 67 ประจาํ ปงบประมาณ พ.ศ. 2561
การสํารวจคณุ ภาพและการสูญเสียของผักอนิ ทรยี การตรวจสอบปริมาณและคุณภาพผกั อินทรีย ในแปลงปลกู ผักอินทรยี ของเกษตรกร การปฏิบัติตามขอเสนอแนะการจัดการหลังการเก็บเกี่ยวผักอินทรียสามารถลดการสูญเสียหลังการเก็บเกี่ยวของ ผกั ลงได และทาํ ใหผ กั มอี ายกุ ารวางจาํ หนา ยนานขนึ้ ถงึ แมว า มกี ารสญู เสยี หลงั การเกบ็ เกยี่ วทแี่ ปลงปลกู ของเกษตรกรมากกวา วิธีเดิม แตขั้นตอนในโซอุปทานหลังจากน้ันการสูญเสียหลังการเก็บเก่ียวไดลดลงเมื่อปฏิบัติตามขอเสนอแนะ อยางไรก็ตาม การสูญเสียหลังการเก็บเกี่ยวของผักอินทรียขึ้นอยูกับคุณภาพเบ้ืองตนของผักในแปลงปลูก การสูญเสียหลังการเก็บเกี่ยว ของผักอินทรียบางชนิดสูงข้ึนหลังจากปฏิบัติตามคําแนะนํา ซึ่งเกิดจากคุณภาพเบ้ืองตนของผักอินทรียในแปลงปลูกไมดี เทา กับกอนใหคําแนะนํา ผลผลติ ท่สี าํ คญั ของงานวิจยั 1. กระบวนการจัดการหลงั การเกบ็ เก่ียวทเี่ หมาะสมและมปี ระสทิ ธภิ าพในการจดั การผกั อินทรีย จาํ นวน 11 ชนดิ 2. กระบวนการจดั การหลงั การเก็บเกีย่ วผกั อินทรียข องศนู ยพ ฒั นาโครงการหลวง 10 ศนู ยฯ/สถานีฯ 3. รา งคูมอื การจดั การหลังการเก็บเก่ียวผักอินทรีย จํานวน 1 ฉบบั แผนการนาํ ผลงานวจิ ยั ไปใชป ระโยชน การใชประโยชนเชงิ สาธารณะ 1) คมู อื การจัดการหลังการเกบ็ เกีย่ วผกั อนิ ทรยี จาํ นวน 1 เรอ่ื ง 2) เกษตรกรตลอดจนบคุ ลากรของมลู นธิ โิ ครงการหลวงนาํ วธิ กี ารหรอื กระบวนการจดั การหลงั การเกบ็ เกย่ี วผกั อนิ ทรยี ที่เหมาะสม ไปประยุกตใ ชและสามารถลดการสญู เสยี ผลิตผลผักอนิ ทรียไดอ ยา งนอย 20 เปอรเ ซน็ ต 68 สรุปผลงานวจิ ัย สถาบันวจิ ยั และพฒั นาพืน้ ท่สี ูง (องคการมหาชน) ประจําปงบประมาณ พ.ศ. 2561
การวิจัยเพือ่ ฟนฟแู ละ อนุรักษทรพั ยากรธรรมชาติ และสิง่ แวดลอ ม HIGHLAND RESEARCH AND DEVELOPMENT INSTITUTE (PUBLIC ORGANIZATION)
แผนงานการวิจัยเพ่อื เพิม่ ผลผลติ และคุณภาพของผลติ ผลเกษตร การวิจัยและพัฒนาเพ่ือฟนฟูและอนุรักษทรัพยากรธรรมชาติและส่ิงแวดลอมโดยกระบวนการมีสวนรวมของชุมชน บนพนื้ ทสี่ งู ครอบคลมุ ประเดน็ ของทรพั ยากรปา ไม ความหลากหลายทางชวี ภาพ ดนิ และสง่ิ แวดลอ มชมุ ชน โดยเนน การวจิ ยั เพื่อการอนุรักษและฟนฟูพืชและเห็ดทองถ่ินและความหลากหลายทางชีวภาพเพื่อเปนแหลงอาหารของชุมชนบนพ้ืนที่สูง การศึกษาชนิดไมทองถิ่นและการใชประโยชนเพ่ือการปลูกปาชาวบานและการใชสอยของชุมชน การศึกษาชนิด/พันธุไมสน เพ่ือปลูกเปนสวนปาและการอนุรักษในพื้นที่โครงการหลวง การศึกษาการจัดการทรัพยากรปาไมเพ่ือการใชประโยชนอยาง ยงั่ ยนื โดยกระบวนการมสี ว นรว มของชมุ ชนบา นวดั จนั ทร การศกึ ษาฟน ฟคู วามอดุ มสมบรู ณข องดนิ ในระดบั ชมุ ชนบนพนื้ ทสี่ งู การศึกษาและพัฒนาระบบการจัดการของเสียจากครัวเรือนและชุมชน รวมท้ังการศึกษาการพัฒนาชุมชนโครงการหลวง เพอื่ เปน ชมุ ชนคารบอนตํา่ และย่ังยืน ประกอบดว ย 8 โครงการหลกั ดงั น้ี 1. โครงการวิจยั การอนรุ กั ษแ ละฟนฟพู ืชทองถิ่นเพ่ือการใชประโยชนของชุมชนบนพืน้ ทสี่ ูง การวิจัยการอนุรักษและฟนฟูพืชทองถ่ินเพ่ือการใชประโยชนของชุมชนบนพ้ืนที่สูง เปนงานวิจัยเชิงปฏิบัติการ เนนกระบวนการมีสวนรวมของชุมชน (Participatory Action Research) และการสรางกระบวนการเรียนรูของชุมชนไป พรอ มกนั ภายใตห ลกั การดาํ เนนิ งานของโครงการธนาคารอาหารชมุ ชนตามพระราชดาํ ริ (Food Bank) โดยมงุ เนน การรวบรวม องคความรูและภูมิปญญาทองถ่ินดานความหลากหลายทางชีวภาพ การพัฒนาระบบการถายทอดองคความรูสูคนรุนใหม ตลอดจนสนับสนุนการอนุรักษ ฟนฟูแหลงอาหาร และการพัฒนาตอยอดจากฐานความหลากหลายทางชีวภาพของชุมชน เพ่ือเสริมสรางความม่ันคงดานอาหาร การเสริมรายไดทางเศรษฐกิจ รวมท้ังการศึกษาแนวทางที่นําไปสูการคุมครองและ การบริหารจัดการทรัพยากรพืชทองถ่ินโดยกระบวนการมีสวนรวมของชุมชนและหนวยงานท่ีเก่ียวของ ตลอดจนการสราง องคกรชุมชนและการพัฒนาเครือขายความรวมมือในการอนุรักษ ฟนฟู และใชประโยชนจากความหลากหลายทางชีวภาพ ในวงกวางและเกิดความย่ังยืนตอไปสรุปผลการดาํ เนินงาน สรุปผลการดําเนนิ งาน ดงั นี้ 1. การศึกษารวบรวมองคค วามรแู ละวธิ ีการเพาะขยายพนั ธุพืชทองถ่นิ ของชมุ ชน 1.1 รวบรวมขอมลู องคความรกู ารใชประโยชนจ ากพชื ทองถนิ่ เพ่มิ เติมใน 5 พ้ืนที่ ประกอบดว ย บานหว ยโทน (โครงการพัฒนาพน้ื ทสี่ ูงฯ บอ เกลอื ) บา นหว ยขา วลบี (ศนู ยฯ แมส ะปอ ก) บา นหวยนํา้ กืน (ศนู ยฯ หว ยโปง) บานเหลา (ศนู ยฯ มอ นเงาะ) และบา นขอบดง (สถานฯี อา งขาง) โดยมอี งคค วามรดู า นการใชป ระโยชนพ ชื ทอ งถนิ่ ในแตล ะชมุ ชน จาํ นวน 95, 173, 88, 169 และ 67 ชนดิ ตามลําดบั รวมทงั้ สน้ิ 592 ชนิด ชนิดพชื ทอ งถน่ิ ท่โี ดดเดน เชน นอ ยหนา เครือ หญา อบิ แุ ค ลงิ ลาว มะขม ตีนฮงุ ดอย เลือดมงั กร กฤษณา ตะไครต น รางจืดแดง และปเู ฒา ทิ้งไมเ ทา เปนตน ปจ จบุ นั องคค วามรกู ารใชป ระโยชน พชื ทอ งถนิ่ ไดร บั การศกึ ษารวบรวมทั้งส้ิน 6,728 องคค วามรู จากพชื 1,262 ชนดิ ใน 84 ชมุ ชน 10 ชาติพันธุ 1.2 การศึกษาวิธีการเพาะขยายพันธุและการดูแลรักษาพืชทองถ่ินหายากและพืชทองถิ่นที่มีศักยภาพ เชงิ เศรษฐกจิ 5 ชนดิ ประกอบดว ย ตนี ฮงุ ดอย (Paris polyphylla Sm.) นอ ยหนา เครอื (Kadsura spp.) มะกงิ้ (Hodgsonia heteroclita (Roxb.) Hook. f. & Thomson) ลลิ ลป่ี า (Lilium primulinum Baker var. burmanicum (W. W. Sm.) Stearn) และมะเขาควาย (Dittoceras maculatum Kerr) โดยมีวิธีการศึกษา แบงออกเปน การเพาะเลี้ยงเนื้อเย่ือ การแบงหัว การเสียบยอด และการเพาะเมลด็ 70 สรปุ ผลงานวิจัย สถาบันวจิ ยั และพฒั นาพนื้ ทสี่ ูง (องคการมหาชน) ประจาํ ปงบประมาณ พ.ศ. 2561
2. การศึกษารูปแบบการขบั เคลอื่ นการอนรุ ักษ ฟน ฟู และสงเสรมิ การใชป ระโยชนพืชทอ งถ่ินของชมุ ชน 2 2.1 การศกึ ษาการจดั ตงั้ องคก รชมุ ชน ในการขบั เคลอื่ นกจิ กรรมของธนาคารอาหารชมุ ชนอยา งตอ เนอ่ื ง จาํ นวน แผน ่ีท 5 ชุมชน ไดแก ปากลว ย โปงคํา วาวี ทุงหลวง และแมสะเรียง สมาชิก รวม 152 คน โดยมเี ปาหมายคอื เพือ่ เปนองคก รชมุ ชน ทข่ี บั เคลอ่ื นเกย่ี วกบั การอนรุ กั ษ ฟน ฟู และสง เสรมิ การใชป ระโยชนจ ากพชื ทอ งถน่ิ และความหลากหลายทางชวี ภาพในชมุ ชน อยางตอเน่ือง โดยกลุมองคกรชุมชนจะตองมีการจัดตั้งคณะกรรมการ การกําหนดเปาหมาย วัตถุประสงค กฎระเบียบ ขอ ตกลง และกาํ หนดบทบาทหนาทีข่ ององคก รชุมชนรวมกัน ตลอดจนการจดั ทําแผนการดําเนนิ งาน การปฏิบตั ิ การตดิ ตาม และประเมินผลรวมกนั อยางตอเนอ่ื ง 2.2 การฟน ฟพู ชื ทองถนิ่ เพ่ือเปนแหลงอาหาร และใชป ระโยชนใ นปา ธรรมชาติ พ้นื ท่ีเกษตรกรรม และสวน หลังบาน โดยกระบวนการมีสวนรวมของชุมชน โดยในปงบประมาณ พ.ศ. 2561 ไดสนับสนุนใหชุมชนปลูกฟนฟูพืช ทองถิ่นเพ่ิมเติม 17 ชุมชน จํานวน 113 ชนิด 28,965 ตน โดยปจจุบันมีการปลูกพืชทองถิ่นเพื่อใชประโยชนในชุมชน รวมทงั้ สิน้ 89 ชมุ ชน จาํ นวน 950 ชนิด แบง เปน บริเวณสวนหลงั บาน จํานวน 5,170 ครัวเรือน และปา ธรรมชาติ จาํ นวน 2,188 ไร โดยพชื ทอ งถน่ิ หายากของชมุ ชนไดร บั การปลกู ฟน ฟู จาํ นวน 165 ชนดิ คดิ เปน 75% ของพชื ทอ งถน่ิ หายากในชมุ ชน ท้ังหมด 226 ชนดิ 2.3 การถา ยทอดองคค วามรกู ารใชป ระโยชนพ ชื ทอ งถน่ิ ในดา นอาหารเปน ยาสาํ หรบั การบรโิ ภคเพอื่ การดแู ล สขุ ภาพของชมุ ชน โดยจดั กจิ กรรมถา ยทอดองคค วามรแู ละสง เสรมิ การใชป ระโยชนพ ชื ทอ งถนิ่ สชู มุ ชน โดยผรู ทู ง้ั ภายในชมุ ชน และผรู จู ากภายนอก จํานวน 6 แหง ไดแก โรงเรยี นบา นสะวา และชมุ ชนบา นหวยโทน (บอเกลือ) บานวะโดโกร (แมสอง) บา นปา กลว ย (ปา กลว ย) บา นแมแ มะ (ปางมะโอ) บา นปา แป (แมส ะเรยี ง) รวม 230 คน มชี นดิ พชื ทท่ี าํ การถา ยทอด 208 ชนดิ 2.4 การศึกษาและพัฒนากลุมเมล็ดพันธุพืชทองถิ่นเพื่อการอนุรักษพันธุกรรมและสรางรายไดเสริมใหกับ ครวั เรอื น โครงการพฒั นาพน้ื ทสี่ งู ฯ โปง คาํ บา นปา แดด และบา นหวั นา ตาํ บลพงษ อาํ เภอสนั ตสิ ขุ จงั หวดั นา น โดยมเี ปา หมาย ของกลุมคือ การผลิตเมล็ดพันธุพืชทองถ่ินเพื่อการอนุรักษ และเปนแหลงเมล็ดพันธุในชุมชน มีสมาชิกทั้งหมด 36 ราย โดยผลท่ีเกิดข้ึนพบวา ลดการจัดซื้อเมล็ดพันธุพืชทองถิ่นจากภายนอก ซ่ึงเกิดจากการผลิตเมล็ดพันธุพืชทองถิ่นที่หายาก ไวใชเ องในกลมุ และสนบั สนนุ ใหสมาชกิ ในชุมชน รวมทัง้ มีชนดิ พืชอาหารทีม่ ีความหลากหลายเพิ่มมากขึน้ 3. ศึกษากระบวนการปกปองคุม ครองพชื ทองถ่นิ และถิ่นกําเนิดโดยกระบวนการมสี วนรว มของชมุ ชน รว มกับชุมชนบา นหวยอคี าง ศนู ยพัฒนาโครงการหลวงทงุ หลวง (ศนู ยพ ัฒนาโครงการหลวงทุงหลวง) ตําบลแมว ิน อาํ เภอแมวาง จงั หวดั เชยี งใหม มผี ลการดําเนินงานสรุปดงั นี้ (1) ศกึ ษาแนวทางและขัน้ ตอนการดาํ เนนิ งานดานการขอพ้นื ท่ี คุมครองสมุนไพรและถิ่นกําเนิดจากกรณีตัวอยางตางๆ (2) คัดเลือกพ้ืนท่ีศึกษารวมกับชุมชน (3) ประชุมรวมกับชุมชน บานหวยอีคาง หมูบานใกลเคียง และหนวยงานท่ีเก่ียวของเพื่อช้ีแจงทําความเขาใจและวิเคราะหความเปนไปไดในการ ดําเนินงานรวมกัน (4) จัดทํา check list เพ่ือประเมินความพรอมของชุมชนและผูเกี่ยวของในพื้นท่ีเบ้ืองตน (5) ทําแผน ปฏบิ ตั กิ ารรว มกบั ชมุ ชนและผเู กยี่ วขอ ง และกาํ หนดบทบาทหนา ทผี่ รู บั ผดิ ชอบ (6) วางแปลงสาํ รวจและเกบ็ ขอ มลู โครงสรา ง สงั คมพืช องคป ระกอบชนิดพนั ธุ รวมถงึ ภมู ปิ ญ ญาการใชประโยชนจ ากพรรณพืชในปารอบชมุ ชนบา นหวยอคี า ง ศึกษาการเพาะขยายพนั ธุพชื หายาก (ลิลลีป่ า ) (ดอยปยุ ) กลมุ ผูผ ลิตเมล็ดพนั ธุพืชทอ งถน่ิ (โปง คํา) สรปุ ผลงานวิจยั สถาบนั วจิ ัยและพฒั นาพ้นื ท่ีสงู (องคก ารมหาชน) 71 ประจาํ ปงบประมาณ พ.ศ. 2561
ถายทอดองคค วามรกู ารปลูกฟน ฟพู ชื ทอ งถ่ินสโู รงเรยี น ถายทอดองคค วามรกู ารใชป ระโยชนพ ชื สชู ุมชน (แมพริก) (บอ เกลือ) ผลผลิตท่ีสาํ คญั ของงานวิจัย 1. องคความรูและภูมิปญญาการใชประโยชนพืชทองถิ่นไดรับการรวบรวม 84 ชุมชน (10 ชาติพันธุ) รวม 6,728 องคความรู จากพืช 1,262 ชนิด และศึกษาวิธีการเพาะขยายพันธุพืชอาหารและสมุนไพรทองถ่ินรวม 86 ชนิด แบง เปน (พืชอาหาร 35 ชนดิ และพืชสมนุ ไพร 51 ชนดิ ) 2. มีการปลูกพืชทองถ่ินเพ่ือใชประโยชนใน 89 ชุมชน จํานวน 950 ชนิด แบงเปน บริเวณสวนหลังบาน จํานวน 5,170 ครวั เรือน และปาธรรมชาติ จาํ นวน 2,188 ไร โดยพชื ทองถ่ินหายากของชมุ ชนไดรับการปลูกฟน ฟู จํานวน 165 ชนดิ คดิ เปน 75% ของพืชทองถิน่ หายากในชมุ ชนทั้งหมด 226 ชนิด 3. สงเสริมการใชประโยชนในชุมชนโดยการถายทอดองคความรูโดยผูรูของชุมชน การแลกเปลี่ยนความรูจากผูรู ภายนอกชมุ ชน การแลกเปลยี่ นพรรณพชื ระหวา งชมุ ชน การจดั ทาํ หลกั สตู รทอ งถน่ิ การอนรุ กั ษ ฟน ฟคู วามหลากหลาย ทางชีวภาพ เพ่ือใชใ นการเรียนการสอนรวมกับโรงเรยี น การพัฒนาแหลงเรียนรู และการพัฒนาตอ ยอดเชงิ เศรษฐกจิ โดยการรวมกลุม สมาชิกผูเพาะขยายพันธุพชื ทองถิ่นจํานวน 6 กลมุ 4. มีองคกรชุมชนในการขับเคลื่อนกิจกรรมการอนุรักษ ฟนฟู และใชประโยชนความหลากหลายทางชีวภาพอยาง ตอเน่ืองยังยนื จาํ นวน 5 ชมุ ชน ไดแ ก ปากลวย โปง คาํ วาวี ทงุ หลวง และ แมส ะเรียง สมาชิก รวม 152 คน 5. คูมอื การใชป ระโยชนจากพืชทองถิน่ บานปา กลว ยพัฒนา 1 ฉบับ แผนการนาํ ผลงานวจิ ยั ไปใชประโยชน 1. การใชป ระโยชนเ ชงิ วชิ าการ 1.1 นําองคความรทู ไี่ ดใ นป พ.ศ. 2561 ไปใชต อ ยอดงานวจิ ัยป พ.ศ. 2562 ดงั นี้ 1) การเช่ือมโยงเครือขายระบบฐานขอมูลความหลากหลายทางชีวภาพบนพื้นที่สูง และฐานขอมูลผูรู รวมกับชุมชนหรอื หนวยงาน ไดแก โรงเรยี น และการพัฒนาระบบใหสนบั สนนุ การนาํ ไปใชป ระโยชนใ นโรงเรยี น 2) การศึกษาและพัฒนากลุมผูปลูกพืช/ผลิตเมล็ดพันธุพืชทองถ่ินเพ่ือการอนุรักษพันธุกรรมและสราง รายไดเสรมิ ใหกับครัวเรือน 3) การศกึ ษาและพฒั นาชมุ ชนตน แบบดา นการอนรุ กั ษ ฟน ฟู และใชป ระโยชนค วามหลากหลายทางชวี ภาพ บนพน้ื ท่ีสงู 72 สรปุ ผลงานวจิ ัย สถาบนั วจิ ัยและพัฒนาพนื้ ทีส่ ูง (องคการมหาชน) ประจาํ ปงบประมาณ พ.ศ. 2561
4) การบรรจหุ ลกั สตู รทอ งถน่ิ ดา นการอนรุ กั ษฟ น ฟพู ชื ทอ งถน่ิ และความหลากหลายทางชวี ภาพ ในการศกึ ษา 2 ขั้นพนื้ ฐานป พ.ศ. 2561 ใหก ับโรงเรียน และขยายผลหลกั สตู รทองถ่นิ สชู ุมชนบนพ้ืนทส่ี ูงอ่นื แผน ่ีท 1.2 การนําเสนอผลงานวจิ ยั หรือตีพมิ พใ นรปู แบบตา งๆ 1) นาํ เสนอผลการวจิ ยั ในงานประชมุ วชิ าการผลงานวจิ ยั ของมลู นธิ โิ ครงการหลวง และสถาบนั วจิ ยั และพฒั นา พื้นทีส่ งู (องคการมหาชน) ประจาํ ปงบประมาณ พ.ศ. 2561 2) นําเสนองานวิจัยในงานประชุมเชิงปฏิบัติการ International Workshop on TK Protection Experiences in Asian Countries ณ สาธารณรัฐประชาชนจีน วันท่ี 31 พฤษภาคม 2561 2. การใชประโยชนเ ชงิ สาธารณะ 2.1 การถายทอดองคความรูวิธีการเพาะขยายพันธุและการปลูกพืชทองถิ่นใหกับชุมชนเพื่อการใชประโยชน และเสริมรายได เชน ตีนฮงุ ดอย ลลิ ลีป่ า นอยหนา เครอื และมะเขาควาย 2.2 จัดทําสื่อถายทอดองคความรูจากงานวิจัย ไดแก คูมือการใชประโยชนจากพืชทองถิ่นบานปากลวยพัฒนา 1 ฉบับ และโปสเตอร 4 เรอ่ื ง ไดแ ก ลิงลาว ผกั เฮือด พืชทอ งถน่ิ ตาํ บลสะเนียน และพชื อาหารเปนยารักษาสุขภาพ 2.3 ตพี มิ พบ ทความเรอื่ ง พชื อาหารเปน ยา รกั ษาสขุ ภาพ ในเวบ็ ไซตข องสถาบนั วจิ ยั และพฒั นาพนื้ ทส่ี งู (องคก าร มหาชน) 2. โครงการวิจยั เชงิ ปฏบิ ตั ิการเพือ่ ฟน ฟแู ละสง เสรมิ การใชป ระโยชนเห็ดทอ งถ่นิ บนพื้นท่สี ูง มีวัตถุประสงคเพ่ือสํารวจและรวบรวมขอมูลความหลากหลายและการกระจายตัวของเห็ดทองถ่ินในแปลงทดสอบ ศกึ ษาและทดสอบวธิ กี ารเพาะเลยี้ งเหด็ ทอ งถน่ิ ทมี่ ศี กั ยภาพสาํ หรบั บรโิ ภคและสรา งรายไดเ สรมิ ใหก บั ชมุ ชน และศกึ ษาแนวทาง ในการอนุรักษและฟนฟูเห็ดทองถิ่นสําหรับการใชประโยชน และพัฒนาแหลงเรียนรูการอนุรักษและฟนฟูเห็ดทองถิ่น โดยกระบวนการมสี วนรว มของชมุ ชน ทง้ั น้ีไดคัดเลอื กเห็ดในกลมุ ทอ่ี าศัยรว มกบั สง่ิ มชี วี ติ อืน่ แบบพง่ึ พาอาศัย ไดแ ก เห็ดเผาะ เห็ดหลม และเห็ดโคน สําหรับใชศึกษาและทดสอบการเพาะขยายพันธุเพ่ือเพ่ิมปริมาณในพื้นที่ตั้งแตป พ.ศ. 2560 จนถึง ปจ จบุ นั โดยเลอื กใชเ ชอื้ เหด็ โคนทแ่ี ยกไดไ อโซเลต Termitomyces sp. HL795, HL797 และ เหด็ เผาะ Astraeus odoratus ซง่ึ เปน เหด็ ทน่ี ยิ ม และมรี าคาคอ นขางสงู และไดดําเนนิ การทดสอบวิธีการเพาะเลย้ี งและหาชนิดเห็ดท่เี หมาะสมกบั พน้ื ที่รวม กบั ชมุ ชน และจัดทาํ ฐานเรียนรูเกี่ยวกบั การเพาะเห็ดและการจัดการ เพือ่ สรางความรูความเขาใจธรรมชาตขิ องเห็ดในระดบั ชมุ ชน ตลอดจนการใชป ระโยชนแ ละการจดั การ ซงึ่ จะนาํ ไปสกู ารอนรุ กั ษแ ละฟน ฟเู หด็ ทอ งถน่ิ ในสภาพธรรมชาตใิ หม ปี รมิ าณ เพ่มิ ข้ึน เพ่ือเปน แหลง อาหารของชมุ ชนและเปนแหลงสรางรายไดเสรมิ อีกทางหนึ่ง 1. การเก็บรวบรวมขอมูลปริมาณเห็ดเผาะและเห็ดทองถ่ินอื่นๆ ที่ชุมชนสามารถรับประทานไดในเดือนมิถุนายน 2561 จาํ นวน 12 แปลง พบเหด็ ทช่ี มุ ชนสามารถรบั ประทานไดร วมทง้ั สน้ิ จาํ นวน 8 ชนดิ 5 สกลุ คดิ เปน นา้ํ หนกั รวม 1,264 กรมั โดยพบในปาธรรมชาติท่ีถูกไฟไหมทุกป จํานวน 7 ชนิด 5 สกุล ปริมาณ 443 กรัม และปาธรรมชาติที่ไมถูกไฟไหม อยางนอย 2 ป จาํ นวน 4 ชนดิ 2 สกุล ปริมาณ 821 กรมั ในการสํารวจพบเห็ดเผาะในพน้ื ทป่ี า ธรรมชาตทิ เ่ี กิดไฟไหมทกุ ป โดยคดิ เปน นา้ํ หนกั ได 140 กรมั 2. การจําแนกชนิดเห็ดทําการตรวจสอบและจําแนกชนิดเบื้องตน โดยอาศัยลักษณะทางสัณฐานวิทยา และ ใชเ ทคนิคทางชวี โมเลกุลในการตรวจสอบความถกู ตองของเห็ดโคน Termitomyces sp. HL795, และ HL797 พบวาลาํ ดบั เบส Termitomyces sp. HL795 และ HL797 ยนี ITS ซึง่ มีความสัมพันธใกลก ับ T. heimii และ Sinotermitomyces sp. สรปุ ผลงานวิจยั สถาบันวจิ ยั และพฒั นาพื้นทส่ี ูง (องคก ารมหาชน) 73 ประจําปงบประมาณ พ.ศ. 2561
3. การศึกษาลักษณะทางสรีรวิทยาของพืชอาศัยในแตละชวงการเจริญเติบโตท่ีมีผลตอการชักนําเชื้อเห็ดเขาสู รากพืช พบวา การเขาสูรากของเช้ือเห็ดเผาะและเห็ดหลมน้ัน ในกลาเหียงมีอัตราการรอดที่คอนขางต่ํา (รอยละ 20-25) สว นกลา ยางนามอี ตั ราการรอดสงู (รอ ยละ 80-90) และในการศกึ ษาปจ จยั ทมี่ ผี ลตอ การพกั ตวั และการงอกของสปอรเ หด็ เผาะ Astraeus odoratus รว มกบั เห็ดปา กลมุ Agarics ในกลา ไม พบวากลาไมท ่มี ีเชอ้ื เห็ดจะมีเสนใยสีขาวเกิดข้ึนบริเวณรอบราก โดยอายกุ ลาไมทส่ี ามารถนํามาใชไ ดจ ะข้ึนอยกู ับชนิดของตน ไม เชน กลา ยางนาอายุ 1 เดือน กลา เหยี ง อายุ 4 เดือนถึง 1 ป ท้ังน้ีเปนผลมาจากการเจริญของระบบรากของพืชของไมวงศยางแตละชนิด ในการเก็บตัวอยางเห็ดไวสําหรับทําแมเช้ือ ในปถัดไปสามารถทาํ ไดโ ดยการผ่ึงลมใหดอกเหด็ แหง 4. การศึกษาความสัมพันธระหวางเห็ดโคนและจุลินทรียในรังปลวก สามารถแยกเชื้อแบคทีเรียจากรังปลวก 6 ตวั อยา ง ได 30 ไอโซเลต โดยดนิ ในรงั ปลวกมแี บคทเี รยี ประมาณ 1.4-2.0×105 cfu/ดนิ 1 g และดนิ นอกรงั ปลวกมแี บคทเี รยี ประมาณ 3.3-4.7×105 cfu/ดิน 1 g และพบ Xylaria escharoidea เจริญอยูรวมกันภายในรัง และวิธีการเพาะเล้ียง เหด็ โคนและเห็ดเผาะในสภาพธรรมชาตอิ ยา งงาย สามารถทาํ ไดโดยการใชสปอรจ ากดอกเหด็ สดโดยตรง 5. การเก็บตัวอยางดินในรังปลวกท่ีมีดอกเห็ดโคนเจริญข้ึน No. 1, 2 และ 3 และตัวอยางดินนอกรังปลวกท่ีมี ดอกเห็ดโคนเจรญิ ขน้ึ No. 4, 5 และ 6 เพือ่ นํามาวดั คา pH โดยนาํ ตัวอยา งดิน 10 g มาเตมิ นา้ํ กล่นั 50 ml (pH 6.985) วดั ดวยเครื่อง pH meter ซึ่งพบวาดินในรังปลวกมคี า pH ประมาณ 7.37-7.74 สว นดนิ นอกรังปลวกมคี า pH ประมาณ 8.00-8.09 6. การหมุนเวียนวัสดุเพาะเห็ด พบวาสามารถนํากอนวัสดุเกาจากการเพาะเห็ดสกุลนางรมมาเพาะเห็ดฟาง เห็ดถวั่ เนา และเห็ดซางได โดยเรยี งลาํ ดับการเพาะดงั นี้ 1) เหด็ ฟาง 2) เหด็ ถวั่ เนา และ 3) เหด็ ซาง 7. การพัฒนาฐานเรียนรูและสรางเครือขาย สรางวิทยากรในชุมชนสําหรับถายทอดและแลกเปล่ียนความรูกับ ชุมชนอน่ื หรอื ผสู นใจในการเพาะเห็ด รวมทง้ั การศกึ ษาดงู านจากผทู ี่ประสบความสําเรจ็ ลักษณะการเขา สรู ากพืชของเสนใยเห็ดเผาะ ลกั ษณะดอกเห็ดโคน Termitomyces sp. HL795 (ซาย) และ HL797 (ขวา) เหด็ เผาะทีเ่ จรญิ เติบโตในแปลงทดสอบ (แมม ะลอ) ลกั ษณะของเชอ้ื ราทเ่ี จริญเตบิ โตรว มกบั เชือ้ เหด็ โคน ในรงั ปลวก 74 สรุปผลงานวิจัย สถาบนั วิจยั และพฒั นาพืน้ ทสี่ ูง (องคก ารมหาชน) ประจาํ ปงบประมาณ พ.ศ. 2561
ผลผลติ ท่สี าํ คญั ของงานวิจัย 2 1. ขอมูลความหลากหลายและการกระจายตวั ของเหด็ ในแปลงทดสอบปท ่ี 2 2. ฐานขอมลู ความหลากหลายของเหด็ ทองถิน่ บนพน้ื ที่สงู 1 ระบบ แผน ่ีท 3. ขอ มลู การเพาะเลี้ยงเสน ใยเหด็ ไมคอรไ รซาและการชักนําเขาสูร ากพชื อาศัย 2 ชนดิ 4. ขอ มลู ปจ จัยทม่ี อี ทิ ธิพลตอ การเพาะเล้ียงเสน ใยเหด็ โคน 5. แนวทางการใชวัสดุทองถ่ินทดแทนข้ีเล่ือยยางพาราและการหมุนเวียนใชกอนเชื้อเห็ดเกาในการเพาะเห็ดให เกิดประโยชนส ูงสดุ 6. ชมุ ชนสามารถจดั การเรยี นรแู ละถา ยทอดกระบวนการในการอนรุ กั ษ ฟน ฟู และใชป ระโยชนจ ากความหลากหลาย ทางชีวภาพของเหด็ ทอ งถิน่ ได 2 ชุมชน แผนการนําผลงานวจิ ัยไปใชประโยชน 1. การใชป ระโยชนเ ชงิ วชิ าการ 1.1 นําองคค วามรทู ีไ่ ดใ นป พ.ศ. 2561 ไปใชต อยอดงานวิจยั ป พ.ศ. 2562 ดงั นี้ 1) ศกึ ษาและพฒั นาวธิ กี ารเพาะเลยี้ งเหด็ ทอ งถน่ิ บนพนื้ ทส่ี งู กลมุ ซมิ ไบโอซสิ ทม่ี ศี กั ยภาพ (เหด็ เผาะ เหด็ โคน เห็ดหลม) 2) ประเมนิ ผลกระทบจากการเปลย่ี นแปลงของความหลากหลายและการกระจายตวั ของเหด็ ในแปลงทดสอบ 3) ทดสอบวิธีการเพาะเห็ดทองถิ่นกลุมท่ีมีฤทธิ์ทางยารวมกับชุมชนบนพ้ืนท่ีสูง (เห็ดหัวลิง เห็ดหลินจือ เห็ดกระถนิ พมิ าน) 4) ศึกษาและทดสอบวิธีการแปรรูปผลิตภัณฑจากเห็ดกลุมยอยสลาย (เห็ดหูหนู เห็ดสกุลนางรม) และ เหด็ กลุมปรสติ (เหด็ หวั ลิง) รวมกับชุมชนบนพ้นื ท่สี งู 5) ศึกษาการพัฒนาแหลงเรียนรูดานการอนุรักษ ฟนฟู และใชประโยชนเห็ดทองถิ่น โดยกระบวนการ มสี ว นรวมของชมุ ชน 1.2 การนาํ เสนอผลงานวจิ ยั หรอื ตีพมิ พใ นรูปแบบตางๆ นําเสนอผลการวิจัยในงานประชุมวิชาการผลงานวิจัยของมูลนิธิโครงการหลวง และสถาบันวิจัยและพัฒนา พืน้ ทสี่ ูง (องคก ารมหาชน) 2. การใชป ระโยชนเชงิ สาธารณะ 2.1 การอบรมถายทอดความรแู ละเทคโนโลยีใหก ับเจา หนาทีส่ าํ นักพฒั นา 2 เรอ่ื ง 2.2 การเพาะเลย้ี งเห็ดทอ งถ่นิ และเหด็ เศรษฐกิจ 2.3 การเพาะขยายพันธุเ หด็ และพืชอาศัยเพือ่ การฟน ฟู 2.4 การจดั ทาํ สอ่ื เผยแพรอ งคค วามรจู ากงานวจิ ยั ไดแ ก เอกสารเผยแพรแ ละบทความเกย่ี วกบั การเพาะเลย้ี งและ การจดั การเหด็ ทอ งถน่ิ และเหด็ เศรษฐกจิ สรุปผลงานวิจยั สถาบันวจิ ัยและพฒั นาพน้ื ทส่ี ูง (องคการมหาชน) 75 ประจาํ ปงบประมาณ พ.ศ. 2561
3. โครงการศึกษาชนดิ ไมทองถ่ินและการใชป ระโยชนเพือ่ การปลกู ปาชาวบาน มูลนิธิโครงการหลวง ไดดําเนินการสงเสริมใหเกษตรกรในพ้ืนที่ ศูนยพัฒนาโครงการหลวงปลูกไมโตเร็วบนพ้ืนท่ีทํากินของเกษตรกร โดยเกษตรกรเปนผูปลูก ดูแลรักษาไมที่ปลูกเอง และสามารถตัดฟนไม มาใชประโยชนไดโดยอิสระ สถาบันวิจัยและพัฒนาพ้ืนท่ีสูงไดเล็งเห็น ความสาํ คญั ดงั กลา วจงึ ไดด าํ เนนิ โครงการศกึ ษาชนดิ ไมแ ละการใชป ระโยชน เพอ่ื การปลกู ปา ชาวบานขึน้ ในป พ.ศ. 2559-ปจ จุบัน โดยมีวตั ถุประสงค เพ่ือ (1) ศกึ ษาการเตบิ โตของชนดิ ท่ปี ลกู ทดสอบในแตละระดับความสงู ของพ้ืนที่ตางกัน 3 ระดับ ในพื้นท่ีสูงคอนขางตํ่า (ศูนยฯ แมทาเหนือ) ไดแ ก แดง จําปปา มะขามปอ ม มะแขวน และเกาลัด พน้ื ท่ีสงู ปานกลาง (ศนู ยฯ ทงุ หลวง) ไดแ ก จาํ ปปา กาํ ลังเสอื โครง ลาํ พูปา มะขามปอ ม และ เกาลดั และพนื้ ทส่ี งู คอ นขา งมาก (ศนู ยฯ แมแ ฮ) ไดแ ก จาํ ปป า กาํ ลงั เสอื โครง กอเดือย มะขามปอม และเกาลัด (2) การคัดเลือกแมไมเพื่อเก็บเมล็ด ในพนื้ ทร่ี ะดบั ความสงู ตา งกนั (3) การศกึ ษาลกั ษณะเมลด็ ไมแ ละวสั ดเุ พาะ ชําตอการเติบโตของกลาไม 2 ชนิด ไดแก กอเดือยและมะแขวน และ (4) การศกึ ษาคณุ สมบตั เิ ชงิ กลและดานพลงั งานของไม และแนวทางการ ใชประโยชนไ ม 3 ชนดิ ไดแ ก ทะโล มะแขวน และกําลงั เสือโครง สรปุ ผล การดําเนนิ งาน ดงั นี้ 1. พนื้ ทสี่ งู คอ นขา งตาํ่ (400-800 MSL) ไมแ ดง และมะขามปอ ม มีอัตราการรอดตายท่ีดี ไมชนิดอื่นมีอัตราการรอดตายคอนขางตํ่ามาก โดยไมจําปปา มะขามปอมและแดง มีการเติบโตคอนขางดี พ้ืนที่สูง ปานกลาง (800-1,000 เมตร) ไมม ะขามปอ ม ลาํ พปู า และจาํ ปป า มอี ตั รา การรอดตายดี โดยลําพูปา มะขามปอ ม และกาํ ลังเสอื โครง มกี ารเตบิ โต ดีกวาไมชนิดอื่น พ้ืนที่สูงคอนขางมาก มากกวา 1,000 เมตร ไมเกือบ ทุกชนิดมีอัตราการรอดตายดี ยกเวนเกาลัดท่ีรอดตายคอนขางตํ่า โดยกําลงั เสอื โครงและมะขามปอ มมีการเติบโตดกี วา ไมชนดิ อ่ืนพ้ืนที่ 2. พน้ื ทศ่ี นู ยฯ แมท าเหนอื ทงุ หลวง และแมแ ฮ พบแมไ ม ไดแ ก จําปปา กอเดอื ย ลําพูปา มะขามปอ ม แดง และทะโล จาํ นวนหลายตน โดยแมไมท้ังหมดที่พบไดบันทึกพิกัดภูมิศาสตรเพื่อการเก็บเมล็ดไม ในระยะตอ ไป 3. เมล็ดกอเดือย และเมล็ดมะแขวน มีความช้ืน ความกวาง แผนทีแ่ สดงตําแหนง แมไม ตน จําปปา บรเิ วณศนู ยพ ฒั นาโครงการหลวงทุงหลวง ความยาว ความหนา และนาํ้ หนกั แตกตา งกันไปตามชนิดไม และมอี ตั รา การงอกเฉลย่ี ในชวงระยะเวลา 30 วนั เทากบั รอ ยละ 85.50 และ 14.75 ตามลําดบั สาํ หรบั ผลของการผลติ กลา ไม พบวา ในชวง 3 เดอื น กลา กอเดอื ย และกลามะแขวน มีการเติบโตดที สี่ ดุ เมื่อเพาะชําในวัสดุเพาะทเี่ ปนดนิ ปา ไม 4. ทะโลเหมาะแกการใชป ระโยชนหลกั ๆ สําหรับทาํ เปน โครงสรา งรับแรง เชน พนื้ ฝา รอด ตง หรอื สวนอน่ื ๆ เชน สําหรับกอสรางบานหรือสะพานไม เปนตน แตจําเปนตองผานการอัดนํ้ายาเคมีชนิดเต็มเซลลกอน การใชประโยชนไมทั้ง 3 ชนิด ทั้งทะโล มะแขวน กําลังเสือโครง สามารถใชสําหรับผลิต เคร่ืองเรือน เฟอรนิเจอร และของที่ระลึก เปนตน อยา งไรก็ตาม เศษไม ปลายไมต างๆ รวมทงั้ ข้ีเลอื่ ยสามารถนํามาใชเปนไมพ ลังงานได 76 สรุปผลงานวิจัย สถาบนั วจิ ยั และพฒั นาพื้นทส่ี งู (องคการมหาชน) ประจําปงบประมาณ พ.ศ. 2561
ผลผลติ ทสี่ าํ คญั ของงานวจิ ัย 2 1. ขอมูลเบ้ืองตนการเติบโตของชนิดไมทองถ่ินและไมท่ีมีศักยภาพในพ้ืนที่โครงการหลวงใน 3 ระดับความสูง จาํ นวน 5 ชนดิ แผน ่ีท 2. ขอมูลตําแหนงแมไ มท ่ถี กู คัดเลอื ก จาํ นวน 3 ชนดิ แตล ะระดับความสูง 3. ขอมลู คุณภาพของเมลด็ ไม และวิธีการผลติ กลา ไมทดี่ ี จาํ นวน 2 ชนดิ 4. ขอ มูลคณุ สมบัตเิ ชงิ กล วธิ กี ารรักษาเน้ือไม และการใชป ระโยชนข องไมใชสอย และขอมลู คณุ สมบตั ดิ านพลังงาน ของไมฟ น จํานวน 3 ชนิด 5. รปู แบบผลติ ภัณฑจ ากไม อยางนอย 1 รปู แบบ แผนการนาํ ผลงานวจิ ัยไปใชประโยชน 1. การใชป ระโยชนเชงิ วชิ าการ 1.1 นาํ องคความรูท ่ไี ดในป พ.ศ. 2561 ไปใชต อ ยอดงานวิจัยป พ.ศ. 2562 ดังนี้ 1) ติดตามการเติบโตของไมในแปลงทดสอบในแตละระดับความสูงของพื้นที่ เพื่อใหทราบชนิดไมท่ีเติบโต ไดด ใี นพืน้ ทท่ี ่ีมีระดบั ความสงู จากน้ําทะเลแตกตา งกนั 2) การคดั เลอื กแมไ มเ พอ่ื เปน แหลง เกบ็ เมลด็ ไม การทดสอบเมลด็ ไมข องชนดิ ไมท ปี่ ลกู ทดสอบ และการผลติ กลาไมคุณภาพดี รวมถึงการศึกษาคุณสมบัติไมและแนวทางการใชประโยชนไมเพื่อใหทราบชนิดไมที่เหมาะสม ตอการนําไปใชประโยชนตามแนวพระราชดําริเกี่ยวกับการปลูกปา 3 อยาง ประโยชน 4 อยาง เพ่ือการสงเสริม ในโครงการปาชาวบา นฯ 1.2 การนาํ เสนอผลงานวจิ ยั หรือตพี มิ พใ นรูปแบบตา งๆ นําเสนอผลการวิจัยในการประชุมวิชาการผลงานวิจัยของมูลนิธิโครงการหลวง และสถาบันวิจัยและพัฒนา พ้นื ท่สี ูง (องคการมหาชน) 2. การใชประโยชนเชิงสาธารณะ แปลงสาธติ การทดสอบชนิดไมทองถ่นิ ทเี่ หมาะสมในพื้นท่ีโครงการหลวงทีร่ ะดบั ความสงู ตา งกนั 3 แหง สรปุ ผลงานวจิ ัย สถาบนั วจิ ัยและพฒั นาพื้นทส่ี ูง (องคการมหาชน) 77 ประจาํ ปงบประมาณ พ.ศ. 2561
4. โครงการศกึ ษาชนดิ /พันธไุ มส นเพื่อปลูกเปนสวนปา และการอนรุ ักษในพืน้ ท่ี โครงการหลวงวัดจนั ทร ในป พ.ศ. 2525 ประเทศไทยมีพ้นื ทป่ี า สนธรรมชาตใิ นภาคเหนอื 2,018 ตารางกโิ ลเมตร และลดลงเหลือเพยี ง 1,620 ตารางกิโลเมตร ในป พ.ศ. 2541 ซ่ึงสาเหตุสว นหนึ่งมาจากความเสอื่ มโทรมของปาจากการตัดไม เพือ่ ใชมากเกินกาํ ลงั ผลิต การเกบ็ น้ํามนั ยาง และการเก็บไมเ กย๊ี ะท่ีไมถ ูกวธิ ีของชาวบา น การเผาปา รวมทั้งการไมไดมีการปลกู ฟนฟปู าที่เหมาะสมกับ ระบบนิเวศปาสน อยางไรก็ตามยังมีปาสนธรรมชาติท่ีอยูนอกพ้ืนท่ีปาอนุรักษบางสวน ไดแก บริเวณปาสนบานวัดจันทร อําเภอกัลยาณวิ ัฒนา จงั หวดั เชยี งใหม ซง่ึ อยูในความรบั ผิดชอบของโครงการหลวงบานวัดจันทร องคการอุตสาหกรรมปาไม (ออป.) และไดรับงบประมาณอุดหนุนจากรัฐบาล ตั้งแตป พ.ศ. 2540 ผานทางมูลนิธิโครงการหลวง เพื่อดําเนินการ ปลกู สรา งเสรมิ ปา ในขอบเขตพน้ื ทโี่ ครงการหลวงบา นวดั จนั ทร สถาบนั วจิ ยั และพฒั นาพนื้ ทส่ี งู ไดเ ลง็ เหน็ ความสาํ คญั ดงั กลา ว จึงไดดําเนินโครงการการศึกษาชนิด/สายพันธุไมสนเพ่ือปลูกเปนสวนปาและการอนุรักษขึ้น เพื่อทําการศึกษา (1) ศึกษา การเติบโตของชนิดไมสนพื้นเมืองและสนตางถ่ินที่มีถิ่นกําเนิดตางกัน (2) ศึกษาการเจริญทดแทนตามธรรมชาติของ ไมส นสองใบ (3) ศกึ ษาการเติบโตของไมส นคารเิ บียทเ่ี หลอื จากการตดั ขยายระยะ (4) พฒั นาผลิตภัณฑต น แบบจากไมแ ละ ยางสนคาริเบยี และ (5) ประเมินศกั ยภาพพื้นท่ี และทดสอบการปลกู ไมสนในพน้ื ทขี่ องเกษตรกรโดยกระบวนการมสี วนรว ม สรุปผลการดําเนินงาน ดังนี้ 1. การศึกษาการเติบโตของชนิดไมสนพ้ืนเมืองและสนตางถ่ินท่ีมีถิ่นกําเนิดตางกันเม่ืออายุ 12 เดือน พบวา สนเทคูนูมานี่จากถ่ินกําเนิด Rafael (Nicaragua) มีการเติบโตทางดานความสูงเฉลี่ยสูงที่สุด ขณะที่ไมสนสองใบจากถ่ิน กําเนิดหวยทา จังหวัดศรีสะเกษ มีการเติบโตทางดานความสูงเฉล่ียต่ําที่สุด แตมีเสนผาศูนยกลางท่ีคอรากเฉล่ียสูงที่สุด โดยสนสองใบยังอยูในระยะ grass stage จึงไมมีความเพ่ิมพูนทางความสูง เม่ือเปรียบเทียบกันระหวางไมสนตางถิ่น ดวยกันแลว สนโอคารปา และสนเทคูนูมานี่ มกี ารเตบิ โตท่ีดีกวา สนคาริเบีย 2. การติดตามการสืบพันธุตามธรรมชาติของไมสนสองใบ พบวา บริเวณพ้ืนที่ท่ีมีไมสนหนาแนนมากมีความ หนาแนนไมต นเพิ่มขน้ึ 1.34 ตน ตอไร สวนไมรนุ และกลาไมมคี วามหนาแนน ลดลง 48.58 และ 465.28 ตนตอไร ตามลาํ ดบั บรเิ วณทีม่ ีไมสนหนาแนนนอ ยมคี วามหนาแนนไมต น ไมร นุ และกลาไมมคี วามหนาแนน ลดลง 3.34, 9 และ 204.05 ตน ตอไร ตามลาํ ดบั 3. การเติบโตตอ เน่ืองของไมสนคาริเบียหลงั จากการตดั ขยายระยะท่ี 12 เดือน พบวา ขนาดเสนผาศนู ยกลางเฉล่ีย และความสูงยังไมพบความแตกตางกันในแตละระดับของการตัดขยายระยะแปลง แตโดยรวมมีคาสูงกวาแปลงที่ไมมี การตัดขยายระยะ 4. การพัฒนาผลิตภัณฑตนแบบจากไมสนคาริเบีย ไดศึกษาขอมูลพ้ืนฐาน และทําการแปรรูปไมทอนของ สนคาริเบีย ซึ่งสามารถนําไปผลิตเปนผลิตภัณฑไดอยางหลากหลาย สวนยางสนก็สามารถนํามากล่ันแยกออกเปนสองสวน คือ เทอรเพนไทนที่เปนสารใหความหอม และสวนของโรซินท่ีสามารถใชเปนสารเคลือบเพ่ือปองกันความชื้นไดอยาง มีประสทิ ธิภาพ 5. การประเมินศักยภาพพื้นท่ีและการทดสอบการปลูกไมสนในพื้นที่ของเกษตรกรโดยกระบวนการมีสวนรวม สามารถแบงสังคมพชื ในปาใชสอยของเกษตรกรออกเปน ปา สนผสมเต็งรงั ท่ีมไี มพ ลวงเปน พันธไุ มเดน และปาสนผสมเต็งรังที่ มีไมเหียงเปนพันธุไมเดน โดยสังคมพืชมีความหนาแนนและการปกคลุมเรือนยอดที่สามารถปลูกแทรกไมสนได ซ่ึงจากการ ปลูกเสริมกลา ไมส นตางถิ่น 3 ชนดิ ในพน้ื ทพี่ บวา มีอัตราการรอดตาย 100% 78 สรุปผลงานวิจยั สถาบนั วจิ ัยและพฒั นาพน้ื ทีส่ งู (องคการมหาชน) ประจําปงบประมาณ พ.ศ. 2561
ไมสนแตละชนิดภายในแปลงปลกู ทดสอบขณะมีอายุ 1 ป 2 ก คอื สนสามใบ, ข คอื สนคาริเบีย, ค คือ สนโอคารปา, ง คือ สนสองใบ และ จ คือ สนเทคูนมู าน่ี แผน ่ีท ผลผลิตที่สําคัญของงานวิจัย 1. ขอมลู การเตบิ โต และการรอดตายของไมสนพื้นเมืองและสนตางถนิ่ ท่ีมีถิ่นกาํ เนิดตางกัน จาํ นวน 5 ชนิด ในแปลง ทดสอบในปท ่ี 1 2. ขอมูลระบบวนวัฒนในการจัดการไมสนในปท่ี 2 ไดแก การเจริญทดแทนตามธรรมชาติของไมสนสองใบ และ การเติบโตของไมสนคารเิ บียท่ีเหลือจากการตดั ขยายระยะ 3. ขอมูลศักยภาพพ้ืนที่ของเกษตรกรและแปลงสาธิตการปลูกไมสนโดยกระบวนการมีสวนรวมในศูนยพัฒนา โครงการหลวงวดั จนั ทร อยา งนอย 5 แปลง 4. ผลติ ภัณฑต นแบบ จาํ นวน 2 ผลติ ภณั ฑ และรา งคมู ือ 2 เรือ่ ง 5. ผลิตภัณฑตน แบบจากไมแ ละรางคมู ือการพัฒนาผลิตภณั ฑจากไมส นคาริเบีย 6. ผลิตภณั ฑตนแบบจากยางสนและรา งคูมอื การกรีดยางสนคารเิ บีย แผนการนําผลงานวจิ ัยไปใชประโยชน 1. การใชประโยชนเชิงวชิ าการ 1.1 นําองคความรทู ่ีไดในป พ.ศ. 2561 ไปใชต อ ยอดงานวจิ ัยป พ.ศ. 2562 ดงั น้ี 1) ตดิ ตามการเตบิ โตของไมสนในแปลงทดสอบ เพอื่ ใหทราบชนดิ ไมสนทเี่ ติบโตไดดใี นพน้ื ที่ 2) ขอมูลระบบวนวัฒนในการจัดการไมสนนําไปสูการวางแผนการจัดการการตัดฟน และใชประโยชน ไมสนในดา นของการแบงแปลงกําหนดรอบตดั ฟน 3) การพฒั นาผลติ ภณั ฑจ ากไมแ ละยางสน นาํ ไปสกู ารใชป ระโยชนจ ากสว นตา งๆ ของไมส นใหเ กดิ ประโยชน สูงสดุ 1.2 การนาํ เสนอผลการวจิ ัย นําเสนอผลการวิจัยในงานประชุมวิชาการผลงานวิจัยของมูลนิธิโครงการหลวง และสถาบันวิจัยและพัฒนา พืน้ ท่ีสงู (องคการมหาชน) 2. การใชป ระโยชนเ ชงิ สาธารณะ 2.1 แปลงสาธิตการทดสอบชนดิ ไมสนพ้นื ถ่นิ และสนตางถิน่ ทีเ่ หมาะสมในพน้ื ที่โครงการหลวง 2.2 แปลงสาธติ การปลกู ไมส นตา งถนิ่ โดยกระบวนการมสี ว นรว มของเกษตรกรในพนื้ ทศ่ี นู ยพ ฒั นาโครงการหลวง วดั จันทร สรปุ ผลงานวิจยั สถาบันวิจัยและพฒั นาพน้ื ท่สี ูง (องคการมหาชน) 79 ประจําปง บประมาณ พ.ศ. 2561
5. โครงการฟน ฟแู ละใชป ระโยชนท รัพยากรปาไมอยา งยัง่ ยืนภายใตก ระบวนการมีสว นรวม ของชมุ ชนบา นวัดจนั ทร พระบาทสมเดจ็ พระปรมนิ ทรมหาภมู พิ ลอดลุ ยเดช (พระบาทสมเดจ็ พระบรมชนกาธเิ บศร มหาภมู พิ ลอดลุ ยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร) ทรงมุงเนนการอนุรักษและฟนฟูปาไมเปนแนวทางหลักในการจัดการทรัพยากรปาไม ดวยทรงตระหนัก ถึงความสําคัญของปาไม และในขณะที่ชาวบานก็มีการพ่ึงพิงทรัพยากรปาไมคอนขางมาก หากไมมีแนวทางการจัดการท่ีดี จะสงผลตอความยั่งยืนของปาอยางหลีกเลี่ยงไมได ซึ่งตองมีการสรางความเขาใจ สรางกระบวนการมีสวนรวมของชุมชน ในการจัดการปา ประกอบกับในป พ.ศ. 2559 สถาบันวิจัยและพัฒนาพ้ืนที่สูงจึงไดดําเนินโครงการศึกษาชนิด/พันธุไมสน เพ่ือปลูกเปนสวนปาและการอนุรักษในพ้ืนท่ีโครงการหลวงวัดจันทรและโครงการศึกษาชนิดไมและการใชประโยชนเพ่ือการ ปลูกปาชาวบาน จึงไดมีการดําเนินงานโครงการศึกษาฟนฟูและใชประโยชนทรัพยากรปาไมอยางย่ังยืนภายใตกระบวนการ มสี ว นรว มของชมุ ชนบา นวดั จนั ทร โดยมวี ตั ถปุ ระสงคเ พอื่ ศกึ ษาแนวทางการฟน ฟแู ละใชป ระโยชนท รพั ยากรปา ไมอ ยา งยง่ั ยนื ภายใตก ระบวนการมีสวนรว ม ในพื้นทีเ่ ปา หมาย 3 หมบู าน ในตาํ บลบา นจนั ทร อําเภอกลั ยาณิวฒั นา จังหวดั เชียงใหม ไดแก บา นวดั จนั ทร- หว ยออ บา นแจม นอ ย และบา นเดน ใชก ารวจิ ยั เชงิ ปฏบิ ตั กิ ารอยา งมสี ว นรว มเปน แนวทางหลกั รว มกบั การเกบ็ ขอมลู เชิงปรมิ าณดวยแบบสมั ภาษณ มเี ปา หมายเพ่ือสงเสรมิ การมสี ว นรว มของประชาชนในการฟนฟู และใชป ระโยชนจ าก ทรพั ยากรปา ไมบ นฐานขององคค วามรทู ไ่ี ดจ ากการวจิ ยั รว มกนั ระหวา งนกั วจิ ยั ชมุ ชน และผมู สี ว นเกย่ี วขอ ง ทงั้ นเี้ พอื่ ใหช มุ ชน สามารถใชอ งคค วามรเู หลา นใ้ี นการฟน ฟู และใชป ระโยชนท รพั ยากรปา ไมใ นพน้ื ทไ่ี ดอ ยา งยงั่ ยนื ตอ ไป โดยสรปุ ผลการดาํ เนนิ งาน ดังน้ี บานวดั จนั ทร- หว ยออ บานแจมนอ ย และบา นเดน ยงั คงมกี ารพงึ่ พงิ ทรพั ยากรปา ไมใ นสดั สวนท่สี งู ทง้ั เพ่ือเปน แหลง ไมใชสอยและเปนแหลงไมเชื้อเพลิง จากการใชประโยชนทรัพยากรปาไมมาอยางตอเนื่องสงผลใหราษฎรในพื้นท่ีประสบกับ ปญหาการลดลงของทรัพยากรปาไมประเภทของปาที่ครัวเรือนมีการเก็บหาและนํามาใชประโยชน การลดลงของไมใชสอย และไมเ ชอ้ื เพลงิ ความเสอ่ื มโทรมของพน้ื ทป่ี า ตน นา้ํ รวมถงึ ความกงั วลตอ การจดั การไฟในปา สน ทาํ ใหเ วทกี ารระดมความคดิ เหน็ รว มกนั ของแตล ะหมบู า นกอ เกดิ แนวทางในการดาํ เนนิ การเกย่ี วกบั การฟน ฟพู นื้ ทปี่ า ไมอ ยา งมสี ว นรว มในพนื้ ทห่ี ลายแนวทาง ซึ่งแนวทางที่ชุมชนคัดเลือกเพ่ือดําเนินการเปนแนวทางแรกไดแก บานวัดจันทร-หวยออ เลือกแนวทางการจัดการไฟปา ในพื้นที่ปาสนวัดจันทร กรณีบานแจมนอย เลือกแนวทางการฟนฟูปาตนนํ้า และบานเดน เลือกแนวทางการฟนฟูพ้ืนท่ี ปา ตน นํ้าอยางมีสว นรว ม พรอ มท้ังกําหนดพนื้ ท่ีเพ่ือเปน แหลง เรยี นรูของคนในพื้นที่ จํานวน 3 แปลง ซึ่งเปนของเกษตรกร ในพน้ื ทีต่ าํ บลบานจนั ทรนน่ั เอง แผนทแี่ สดงจุดดําเนินกิจกรรมในตาํ บลบา นจันทร การตดิ ปา ยช่ือตน ไมใ นพืน้ ทีแ่ หลงเรียนรู อาํ เภอกัลยาณิวัฒนา จังหวัดเชียงใหม 80 สรปุ ผลงานวจิ ัย สถาบันวจิ ัยและพฒั นาพนื้ ทสี่ ูง (องคก ารมหาชน) ประจาํ ปงบประมาณ พ.ศ. 2561
ผลผลิตทสี่ ําคัญของงานวจิ ยั 2 1. แนวทางการฟน ฟูและใชประโยชนทรพั ยากรปา ไมอ ยา งยงั่ ยืนรว มกบั ทุกภาคสวน 1 แนวทาง 2. ผลการเปล่ียนแปลงที่เกิดขึ้นจากการถายทอดความรูเก่ียวกับการฟนฟูและใชประโยชนปาไมอยางยั่งยืนตาม แผน ่ีท หลักวิชาการใหแกชมุ ชนบา นวดั จันทร- หว ยออ บา นแจม นอย และบานเดน ตําบลบานจันทร 1 เร่ือง แผนการนําผลงานวจิ ยั ไปใชประโยชน 1. การใชประโยชนเชงิ วชิ าการ 1.1 นําองคค วามรทู ่ไี ดใ นป พ.ศ. 2561 ไปใชตอ ยอดงานวิจยั ป พ.ศ. 2562 ดงั นี้ 1) นําแนวทางการฟนฟูและการใชประโยชนทรัพยากรปาไมในพื้นท่ีศึกษาที่มาจากการมีสวนรวมของ ผมู สี ว นไดส ว นเสยี ไปจดั ทาํ แผนเพอ่ื ดาํ เนนิ งานดา นการฟน ฟทู รพั ยากรปา ไมร ว มกบั ชมุ ชนและผมู สี ว นเกยี่ วขอ ง และ ตดิ ตามผลการดาํ เนินงานดงั กลา ว 2) กระบวนการมีสว นรวมของชุมชนในดานการฟน ฟแู ละการใชประโยชนท รัพยากรปาไม 1.2 การนาํ เสนอผลการวจิ ัยหรอื การตพี มิ พในรปู แบบตางๆ นําเสนอผลการวิจัยในงานประชุมวิชาการผลงานวิจัยของมูลนิธิโครงการหลวง และสถาบันวิจัยและพัฒนา พ้นื ทีส่ งู (องคก ารมหาชน) 2. การใชประโยชนเชิงสาธารณะ แหลงเรยี นรูดา นการฟน ฟูและการใชประโยชนทรัพยากรปาไมใ นพน้ื ท่ี 3 แหง 6. โครงการวจิ ัยเพอื่ ฟนฟคู วามอุดมสมบรู ณข องดนิ บนพื้นทส่ี ูง พื้นที่ทําการเกษตรรอยละ 96.48 ของพ้ืนที่สงู ใน 12 จังหวัดของภาคเหนอื เปนพื้นท่ีทม่ี คี วามลาดเทมาก ทาํ ใหเ กิด ปญหาการชะลา งพังทลายหนา ดนิ โดยเฉพาะพนื้ ทีใ่ นระบบการทาํ การเกษตรแบบตดั และเผาที่เปดหนาดินโลง รบั แรงปะทะ กบั เมด็ ฝนโดยตรง และไมม รี ะบบชะลอการไหลของนา้ํ ฝนทไ่ี หลบา ไปตามความลาดชนั หนา ดนิ ทถี่ กู ชะลา งไปทกุ ปท าํ ใหพ นื้ ท่ี เกษตรเหลือแตดินช้ันลางที่มีความอุดมสมบูรณตํ่า การใชประโยชนท่ีดินเพาะปลูกพืชโดยไมมีระบบอนุรักษดินและน้ํา รวมถึงไมมีการปรับปรุงบํารุงดินอยางถูกวิธีและตอเน่ือง ทําใหเกิดปญหาการชะลางพังทลายของดินเพ่ิมสูงขึ้นและสงผล ตอความอุดมสมบูรณของดินท้ังทางกายภาพ ทางเคมี และชีวภาพ รวมถึงผลผลิตและคุณภาพของพืชลดลง ดังนั้นควรมี มาตรการในการอนุรกั ษด นิ และนํา้ ใหเหมาะสมกับสภาพพ้ืนทแ่ี ละลกั ษณะดิน ในปง บประมาณ พ.ศ. 2560 โครงการวิจัยได รวบรวมขอ มลู สมบตั ทิ างเคมขี องดนิ และจดั กลมุ ความอดุ มสมบรู ณข องดนิ ในพน้ื ทโ่ี ครงการพฒั นาพนื้ ทสี่ งู แบบโครงการหลวง 29 แหง จาํ นวน 633 ตวั อยา ง นอกจากนย้ี งั พบวา ดนิ ทปี่ ลกู พชื ของเกษตรกรบนพนื้ ทสี่ งู มปี รมิ าณโลหะหนกั เกนิ คา มาตรฐาน ในหลายพนื้ ที่ โดยเฉพาะอาซนิ คิ ซง่ึ อาจสง ผลกระทบตอ ระบบหว งโซอ าหารของมนษุ ยแ ละสงิ่ แวดลอ ม โครงการวจิ ยั เพอื่ ฟน ฟู ความอดุ มสมบรู ณข องดนิ บนพนื้ ทสี่ งู จงึ มวี ตั ถปุ ระสงคด งั น้ี ศกึ ษาระบบการปลกู พชื และวเิ คราะหส มบตั ดิ นิ ในแปลงเกษตรกร บนพื้นทีส่ ูง (พน้ื ทีใ่ หม) ทดสอบเทคโนโลยีการฟน ฟูความอดุ มสมบรู ณของดินบนพ้นื ที่สงู และทดสอบวิธีการลดการปนเปอ น โลหะหนัก (อาซนิ ิค) ในดนิ เพาะปลกู พชื บนพื้นทีส่ ูง สรปุ ผลการดาํ เนินงาน ดงั นี้ 1. ศกึ ษาระบบการปลูกพชื และวิเคราะหส มบตั ิดนิ ในแปลงเกษตรกรบนพ้นื ทีส่ ูง จํานวน 5 พ้ืนที่ ไดแ ก โครงการ พัฒนาพ้นื ทีส่ งู ฯ พบพระ ผาผ้งึ -ศรีคีรีรักษ หวยนํา้ ขาว หว ยกา งปลา และปางหินฝน ระบบการปลกู พชื สว นใหญจะเปน พืชไร ไดแก ขาว ขา วโพดเลยี้ งสตั ว พชื ผกั สวนพืชสง เสรมิ องุน เสาวรส อาโวคาโด ผลวิเคราะหดนิ พบวา เปนกรดจดั ซ่งึ มีปญหา ในการดดู ใชธ าตอุ าหารของพชื และปรมิ าณแคลเซยี ม แมกนเี ซยี มทต่ี าํ่ เบอ้ื งตน แนะนาํ ใหจ ดั การดนิ โดยใชโ ดโลไมท เพอ่ื เพม่ิ สรุปผลงานวจิ ยั สถาบนั วจิ ัยและพัฒนาพน้ื ที่สงู (องคก ารมหาชน) 81 ประจาํ ปงบประมาณ พ.ศ. 2561
pH ใหเปนประโยชนตอการดูดใชธาตุอาหารพืช และการใชโดโลไมทยังชวยเพิ่มธาตุแคลเซียมและแมกนีเซียมในดิน แตในดินที่ใชปลูกพืชผัก มีปริมาณฟอสฟอรัสและโพแทสเซียมในดินมีปริมาณสูงมาก เนื่องจากมีการใชปุยเคมีติดตอกัน เปน ระยะเวลานานทําใหตกคา งอยูในดิน 2. การทดสอบเทคโนโลยีการฟนฟูความอุดมสมบูรณของดินบนพ้ืนท่ีสูง ตามสภาพดินท่ีมีปญหาในการปลูกพืช บนพืน้ ที่สงู 4 ลักษณะดนิ ดังนี้ (1) การทดสอบเทคโนโลยีการฟน ฟคู วามอุดมสมบูรณของดินในแปลงขาวไร ไดจ ดั ทาํ ระบบ อนุรักษดินและน้ํา (คูรับน้ําขอบเขา รวมกับปลูกหญาแฝกขวางความลาดชัน) การปลูกขาวไรรวมกับถ่ัวลอด การปลูกพืช ตระกลู ถว่ั สลบั กบั ปลกู ขา วไรเ พอ่ื ลดรอบการหมนุ เวยี นพน้ื ทปี่ ลกู ขา วไร พบวา แปลงทป่ี ลกู ขา วไรร ว มกบั ถว่ั ลอดสง ผลใหผ ลผลติ ขาวไรเพ่ิมข้ึน (2) การทดสอบเทคโนโลยีการฟนฟูความอุดมสมบูรณของดินในแปลงมันสําปะหลัง โดยปลูกถั่ว 4 ชนิด (ถว่ั เขียว ถ่วั ลิสง ถ่วั ดํา และถั่วพรา ) ระหวางแถวมันสําปะหลงั ซง่ึ พบวา การตัดตน ถ่ัวดาํ ท่ีมีอายุ 45 วันคลมุ แปลง และการ ปลูกถั่วพรามีการเจริญเติบโตดี กวากรรมวิธีอ่ืนๆ (3) การทดสอบเทคโนโลยีการฟนฟูความอุดมสมบูรณของดินในแปลง ขาวโพดเล้ียงสัตว ไดจัดทําระบบอนุรักษดินและนํ้า (คูรับนํ้าขอบเขา รวมกับปลูกหญาแฝกขวางความลาดชัน) และ ปลูกขาวโพดเหล่ือมดว ยพืชตระกลู ถ่วั และ (4) การทดสอบเทคโนโลยีการฟน ฟคู วามอุดมสมบรู ณข องดินในแปลงหอมญีป่ ุน โดยการจัดการธาตุอาหารใหเหมาะสมและการปลูกพืชตระกูลถั่วหลังปลูกหอมญ่ีปุน ซึ่งในปงบประมาณ พ.ศ. 2561 ดําเนินการทดสอบในปแ รก จะดาํ เนินงานตอ เน่อื งเพื่อเก็บขอมลู การเปลยี่ นแปลงของดนิ และผลผลิตพชื ในป 2562 ตอไป 3. การทดสอบวิธีการลดการปนเปอ นโลหะหนกั (อาซินิค) ในดินเพาะปลกู พชื บนพ้ืนท่สี ูง โดยการบาํ บดั ดินดวย รเชออ้ื งแกบน คหทลีเมุ รยีแลไะอใโชซเ เฟลอทรสั Aซrsลั .เ2ฟ9ตพรวน มหกลับงั กปาลรูกใชพปืชูนแลแวลพะบสวาารตในรงึดโินลปหละกูหมนะักเขเอืฟเอทรศร ยัสงั ซพลั บเฟอตาซ(นิ FคิeใSนOร4ูป) อโาดซยนิ ใหิคเทกั้งษหตมรดกสรงูนทาํ ่ีสไปดุ ในสวนของพืชพบอาซินิคในรูปอาซินิคทั้งหมดในสวนของรากมากที่สุด 3.19 มิลลิกรัมตอกิโลกรัม และลําตนเพียง xxxx มลิ ลกิ รัมตอ กโิ ลกรัม สว นในผลผลติ มะเขือเทศไมพบปริมาณอาซินคิ ในผลผลติ ซงึ่ จะเหน็ ไดว าพชื มกี ารดดู อาซินคิ จากดินขนึ้ ไปสูพชื แตไมม ีผลตอผลผลิต แปลงทดสอบการฟนฟคู วามอดุ มสมบูรณของดิน แปลงทดสอบการฟน ฟคู วามอดุ มสมบรู ณของดนิ ในแปลงขา วโพด ในแปลงมันสําปะหลงั 82 สรุปผลงานวจิ ัย สถาบนั วจิ ัยและพฒั นาพนื้ ท่สี งู (องคก ารมหาชน) ประจาํ ปง บประมาณ พ.ศ. 2561
2 แผน ่ีท แปลงทดสอบการฟน ฟูความอุดมสมบรู ณข องดนิ แปลงทดสอบการฟน ฟูความอุดมสมบูรณข องดิน ในแปลงหอมญ่ปี นุ ในแปลงขาวไร ผลผลิตท่ีสาํ คญั ของงานวจิ ยั 1. ขอมูลระบบการปลูกพชื และขอมลู ผลการวิเคราะหด ินทจี่ ดั กลุมความอุดมสมบูรณข องดนิ อยา งนอย 5 พ้นื ที่ 2. วธิ กี ารฟนฟูความอุดมสมบรู ณข องดนิ ท่เี หมาะสมกบั ชนดิ พชื บนพ้นื ท่สี ูง อยางนอย 3 ชนิดพืช 3. เกษตรกรไดร บั การถา ยทอดองคค วามรเู รอ่ื งการเกบ็ ตวั อยา งดนิ ทถี่ กู ตอ งและการแปลผลการวเิ คราะหต วั อยา งดนิ จาํ นวน 50 ราย 4. ขอ มลู การปนเปอ นของโลหะหนักในดินเพาะปลูกพืชบนพ้นื ทสี่ งู 1 รายงาน 5. แนวทางและวธิ กี ารลดปรมิ าณโลหะหนัก (อาซนิ ิค) ในดนิ เพาะปลูกพชื บนพืน้ ทสี่ ูง อยางนอย 1 แนวทาง/วธิ ีการ แผนการนาํ ผลงานวจิ ยั ไปใชป ระโยชน 1. การใชป ระโยชนเชงิ วิชาการ 1.1 นาํ องคค วามรทู ีไ่ ดใ นป พ.ศ. 2561 ไปใชต อ ยอดงานวิจัยป พ.ศ. 2562 ดังนี้ 1) นําผลการทดสอบเทคโนโลยีการฟนฟูความอุดมสมบูรณของดินบนพ้ืนที่สูง ตามสภาพดินท่ีมีปญหา ในการปลกู พชื บนพนื้ ทสี่ งู 4 ลกั ษณะดนิ ในป 2561 ไปใชใ นการดาํ เนนิ งานตอ เนอื่ งในปง บประมาณ 2562 2) นาํ ขอ มลู การทดสอบวธิ กี ารลดการปนเปอ นโลหะหนกั (อาซนิ คิ ) ในดนิ เพาะปลกู พชื บนพนื้ ทส่ี งู ไปวางแผน การทดสอบในพื้นท่ีท่ีพบการปนเปอ นอาซนิ คิ ในปง บประมาณ 2562 ตอไป 1.2 การนําเสนอผลงานวจิ ยั หรอื ตีพมิ พใ นรูปแบบตางๆ นําเสนอผลการวิจัยในงานประชุมวิชาการผลงานวิจัยของมูลนิธิโครงการหลวง และสถาบันวิจัยและพัฒนา พน้ื ทีส่ งู (องคการมหาชน) 2. การใชป ระโยชนเ ชงิ สาธารณะ 2.1 การอบรมถา ยทอดความรแู ละเทคโนโลยใี หก ับเกษตรกร 2 เร่อื ง 1) การอนรุ กั ษดนิ และนาํ้ ในระบบการปลกู พืชบนพ้นื ท่ีลาดชนั 2) การเกบ็ ตวั อยางดินท่ถี ูกตองเพื่อสง วิเคราะหส มบตั ขิ องดินและการแปลผลวิเคราะหต วั อยา งดิน สรปุ ผลงานวจิ ัย สถาบนั วิจยั และพัฒนาพ้นื ทสี่ งู (องคก ารมหาชน) 83 ประจําปงบประมาณ พ.ศ. 2561
7. โครงการศกึ ษาการจัดการขยะและนํ้าเสียของชุมชนบนพ้ืนที่สงู การสะสมของกองขยะมูลฝอยและการปลอยนํ้าเสียลงแหลงนํ้าเปนปญหาสําคัญในหลายชุมชนบนพื้นท่ีสูง สิ่งที่ ตามมาคอื ทัศนยี ภาพทางธรรมชาตทิ สี่ วยงามถกู ทาํ ลาย กล่ินเนาเหม็นทีไ่ มพ ึงประสงค และแหลง เพาะพนั ธุส ัตวพาหะนาํ โรค รวมทั้งการเกิดกาซเรือนกระจก เชน กาซคารบอนไดออกไซด มีเทน และไนตรัสออกไซด ซ่ึงเปนสาเหตุหน่ึงของสภาพ ภมู อิ ากาศแปรปรวน และภาวะโลกรอ น เพอื่ บรรเทาปญ หาทเี่ กดิ ขน้ึ จงึ ตอ งเรง จดั การอนามยั สง่ิ แวดลอ มของชมุ ชน โครงการ วิจัยน้ีมีวัตถุประสงคเพ่ือศึกษาระบบการจัดการขยะมูลฝอยและน้ําเสียท่ีเหมาะสมสําหรับครัวเรือนและชุมชนบนพ้ืนท่ีสูง และเพื่อศึกษาผลการบริหารจัดการปญหาขยะมูลฝอยและน้ําเสียที่มีประสิทธิภาพของชุมชนโครงการหลวง 12 แหง สรปุ ผลการดาํ เนินงาน ดังนี้ 1. การศึกษาระบบการจัดการขยะมูลฝอยและน้ําเสียท่ีเหมาะสมสําหรับครัวเรือนและชุมชนบนพ้ืนที่สูง พบวา ชุมชนท่ีเขารวมโครงการเร่ิมตระหนักถึงปญหาท่ีเกิดขึ้น โดยใหความรวมมือในการปรับปรุงวิธีการจัดการของเสียตาม คําแนะนําของนักวิจัยกิจกรรมสําคัญท่ีสงผลตอความสําเร็จ ประกอบดวย 1) การประชาสัมพันธผลกระทบและใหความรู เพอื่ บรรเทาและแกไขปญหา 2) ผลักดนั ใหชุมชนจัดตั้งกลมุ ขับเคลอ่ื นงานและกาํ หนดมาตรการทางสังคม เชน กฎระเบียบ ของหมูบาน ขอตกลง บทลงโทษ และ 3) สนับสนุนการปรบั ปรงุ วธิ ีจดั การของเสีย ไดแก การจัดการขยะมลู ฝอยตามหลกั สุขาภบิ าล ประกอบดว ย คัดแยกขยะ 4 ประเภท ท้งิ ขยะตามประเภท รวบรวม ขนเกบ็ และกําจดั ขยะ สว นการบําบดั นํ้าทิง้ เบื้องตนจากการลางจานและหองครัวทําไดโดยติดต้ังถังดักไขมันตอเชื่อมกับบอบึงประดิษฐขนาดเล็กโดยใชตนพุทธรักษา เปน พชื ดดู ซบั สารกอ นปลอ ยนา้ํ ทง้ิ ลงแหลง นา้ํ นอกจากนย้ี งั สามารถปลอ ยนาํ้ ทง้ิ ใหซ มึ ลงในบอ ดนิ หรอื แปลงปลกู ตน ไมภ ายใน กใจคขนายารขกรัวะจณปเทรัดรเ่ีะือปกับทนานร่ีบระมาพสบิตนําบบรหหวกตวราบัายับชมสขผุมิ่งหาลแชลวกวนลักดาบบีสลรุขามสอนาีปุมมภขรจสิบอิมงึําบาาสรลณดาวแมงจขลมาปยวปีระรเถรนิหมกิมอา็นําาณยไจณดสดัขวขุดขยายยะบ1ะะแ2าสไลน.ูงด2ะสเ7หกดุรลกาอ 4ารโิย1มลปล8กีปละ.ร5รอมัิม1ยกตา0กิโณอ0ลาวกขซนัสรยควมั ะาคนตแริดบอลบเาวปะอนันปน นหลคแไวอดาลยกยอะหามออรCคีกปมOาไลซซก2อึง่ดายเยรหังป(ลกCCลือําOOอจน2ย2ดั อ)1ขCย.เย3Oทบะ9ี่ส2้ือไุด5ดkงgต4ไมCเ6นนดO.ก4่ือี 21องมeจน/kปี าวgปรกนัCมิรมOับาแีเณต2รตeะาขห/เบวยผลบันะางั ลวเหิจดลัยลอื สงมเาฉามลกา่ยีทรรถสี่ อ ุดกยําล8จะ9ัด.7น012้ํามสกันงิโผแลลลกใะรหมัไป ขตลมอ อันวยันปCปรOิมล2อาลณยดโลCปงOเรฉต2ลีนเย่ี ททรา ้ังอ กหยบั มลดะ107(76ไน.9สโ2ําตหรkรเgจบั CนกO)า2รeปป/รรวิมับันาปณแรตงุอคผ อณุลกโภซดิเายจพรนวนทม้าํ ี่จขทุลอ้ิงพินงทบทกุ วรชาียุมตวชธิอนกี งมากรปีาจรราใมิ กชาผใณนลขกงายานะร ยอ ยสลายอนิ ทรยี สารทมี่ ีอยูใ นน้ํา และสารแขวนลอยออกจากน้ําลางจานไดด ี คดิ เปนคาเฉลยี่ รอยละ 70.70, 43.00, 54.40 และ 75.30 เม่ือเทียบตัวอยางน้ําทง้ิ กอนผานและหลังผา นระบบบาํ บัด การติดต้ังถงั ดกั ไขมนั อยา งงา ยเพ่ือบําบัดคณุ ภาพนา้ํ ท้งิ การสาํ รวจประเภทของขยะมูลฝอยจากครัวเรือน 84 สรุปผลงานวจิ ัย สถาบนั วจิ ยั และพัฒนาพ้นื ท่ีสงู (องคการมหาชน) ประจําปง บประมาณ พ.ศ. 2561
2. การศึกษาผลของการบริหารจัดการปญหาขยะมูลฝอยและน้ําเสียที่มีประสิทธิภาพของชุมชนบนพ้ืนที่สูง 2 พบวา ชมุ ชนทัง้ 12 แหง สว นใหญยังบริหารจัดการปญหาขยะและนํ้าเสยี ไดไ มด ีพอ ทัง้ ดา นกลมุ ผูป ฏิบตั งิ าน ความตอเน่ือง ในการดาํ เนินงาน แผนงานของชมุ ชน และแหลงงบประมาณสนบั สนุน นกั วิจยั จงึ ผลกั ดนั ใหชุมชนจัดต้ังกลมุ ขบั เคลือ่ นงาน แผน ่ีท ดานสิ่งแวดลอมเพ่ือบริหารจัดการและดําเนินงานพัฒนาทั้งการปองกันและแกไขปญหา นอกจากน้ียังจัดการศึกษาดูงาน เพ่ือแลกเปลี่ยนและเรียนรูแนวทางการบริหารจัดการขยะของชุมชนเมืองสําหรับนําไปปรับปรุงกระบวนการบริหารจัดการ ของแตละชุมชนรวมกับหนว ยงานในพนื้ ท่ี เชน องคก ารบรหิ ารสว นตาํ บล โรงพยาบาลสงเสรมิ สขุ ภาพตาํ บล อยางไรก็ตาม หลังจากดําเนินการตอเน่ืองต้ังแตปงบประมาณ พ.ศ. 2559 สามารถคัดเลือกตนแบบชุมชนโครงการหลวงที่มีการบริหาร จัดการปญ หาขยะและนํ้าเสยี ทีด่ ี จํานวน 2 ชมุ ชน ไดแ ก บา นปาเกี๊ยะนอ ย ศนู ยฯ แมแ ฮ และบา นหว ยน้ํากนื ศนู ยฯ หว ยโปง โดยชุมชนใหความสําคัญกับการปรับปรุงงานสุขาภิบาลเพื่อบรรเทาปญหาส่ิงแวดลอม และทุกครัวเรือนใหความรวมมือ เปนอยางดี แตยังตอ งพฒั นากลไกขององคกรชุมชนในการขบั เคลอื่ นงานใหม ปี ระสทิ ธิภาพมากยงิ่ ขนึ้ ประชมุ วางแผนรว มกบั ชมุ ชนและหนวยงานภายนอก ศึกษาดูงานดานการจดั การขยะ ผลผลติ ทีส่ าํ คัญของงานวิจัย 1. ระบบการจดั การนาํ้ เสียและขยะทเี่ หมาะสมกบั ชมุ ชนชนบทบนพ้นื ทส่ี ูง จํานวน 1 ระบบ 2. ผลของการบรหิ ารจัดการปญหาขยะมูลฝอยและน้าํ เสยี ทม่ี ปี ระสิทธิภาพของชมุ ชนบนพนื้ ท่ีสูง 3. ตนแบบของชมุ ชนโครงการหลวงทม่ี ีการจัดการขยะและนาํ้ เสยี ท่ีดี จาํ นวน 2 ชุมชน แผนการนาํ ผลงานวิจยั ไปใชประโยชน 1. การใชประโยชนเชิงวิชาการ 1.1 นาํ องคความรูท่ีไดในป พ.ศ. 2561 ไปใชต อ ยอดงานวจิ ยั ป พ.ศ. 2562 ดังนี้ 1) ขยายผลงานวจิ ยั ระบบการจดั การปญ หาขยะมลู ฝอยและนา้ํ เสยี จากครวั เรอื นทเ่ี หมาะสมกบั วถิ ชี วี ติ ของ ชมุ ชนบนพนื้ ทสี่ ูง ไปยังชมุ ชนโครงการหลวงแหงใหม 2) ใชผ ลการบรหิ ารจดั การปญ หาขยะมลู ฝอยและนาํ้ เสยี ของชมุ ชนทส่ี าํ รวจได เปน ขอ มลู วางแผนการศกึ ษา และพฒั นากลไกการบรหิ ารจัดการของเสยี ตามหลกั สขุ าภบิ าลทดี่ ีโดยองคกรชุมชน 2. การใชประโยชนเ ชิงสาธารณะ จดั กจิ กรรมศกึ ษาดงู านตน แบบชมุ ชนโครงการหลวงทม่ี กี ารจดั การขยะและนา้ํ เสยี ทด่ี ใี หก บั ชมุ ชนบนพน้ื ทส่ี งู อน่ื เชน ชมุ ชนโครงการหลวงพ้นื ท่ีใหม และโครงการพัฒนาพืน้ ท่ีสงู แบบโครงการหลวง สรุปผลงานวิจัย สถาบันวจิ ัยและพฒั นาพ้นื ท่สี ูง (องคก ารมหาชน) 85 ประจําปง บประมาณ พ.ศ. 2561
8. โครงการศึกษาการพฒั นาชมุ ชนโครงการหลวงเพื่อเปน ชมุ ชนคารบอนตํ่าและยง่ั ยนื ระยะท่ี 2 การปลอยกาซเรือนกระจกและมลพิษของมนุษยอยางตอเนื่อง กอใหเกิดการแปรปรวนของสภาพภูมิอากาศ ภาวะโลกรอ นและภยั พบิ ตั ธิ รรมชาตซิ งึ่ ปจ จบุ นั มคี วามรนุ แรงมากยง่ิ ขนึ้ แนวทางบรรเทาปญ หาทดี่ ปี ระการหนง่ึ คอื การดาํ รงชวี ติ แบบสังคมคารบอนต่ําซึ่งใหความสําคัญกับการรักษาทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดลอมไมใหเสื่อมโทรม สมาชิกในชุมชน รวมมือกันลดกิจกรรมที่ปลอยกาซเรือนกระจกและมลพิษ เชน การทําเกษตรที่เปนมิตรกับส่ิงแวดลอม ไมเผาปา ปรับปรุง สขุ อนามยั ครวั เรอื นและสขุ าภบิ าลชมุ ชน ควบคไู ปกบั ปลกู ปา เพอื่ เพมิ่ พน้ื ทสี่ เี ขยี วเพอื่ ชว ยเกบ็ กกั กา ซเรอื นกระจก การดาํ เนนิ งาน ปน้ีเปนงานตอเนื่อง มีวัตถุประสงคเพ่ือศึกษาผลการยกระดับและพัฒนาชุมชนโครงการหลวง 12 แหง ใหเปนตนแบบ ของชมุ ชนบนพน้ื ทีส่ งู คารบ อนตํ่าอยางยัง่ ยนื โดยเปรียบเทียบกับตัวชี้วัดการพฒั นาชมุ ชนคารบอนตํ่าอยา งยงั่ ยืน 19 เกณฑ การประเมนิ 32 ตวั ช้วี ัด ซง่ึ มคี วามสอดคลอ งกับภมู สิ ังคมของชุมชนบนพื้นท่ีสูง สรปุ ผลการดําเนนิ งาน ดังนี้ 1. การศึกษาผลการยกระดับและปรับปรุงกจิ กรรมการพัฒนาชมุ ชนโครงการหลวง พบวา สมาชกิ ในชมุ ชน และ หนว ยงานทเ่ี กย่ี วขอ งรว มกนั ทาํ กจิ กรรมพฒั นาเพอื่ ลดการปลอ ยกา ซเรอื นกระจกและเกบ็ กกั กา ซเรอื นกระจกไมใ หป ลอ ยออก สบู รรยากาศอยา งตอ เนอ่ื ง และกจิ กรรมทต่ี อ งเรง ดาํ เนนิ การ ไดแ ก สง เสรมิ เกษตรกรใหน าํ้ พชื ดว ยวธิ กี ารแบบประหยดั ปรบั ปรงุ ฟารมปศุสัตวตามมาตรฐานการเลี้ยงสัตวบนพ้ืนที่สูง ปรับปรุงกระบวนการจัดการขยะชุมชน และเพ่ิมครัวเรือนใหติดตั้ง ระบบบาํ บัดนา้ํ ทิง้ หรอื ฟารมปศสุ ัตวกอ นปลอยออกสสู ่งิ แวดลอ ม 2. การสํารวจและประเมินผลการยกระดับชุมชนหลังดําเนินการปรับปรุงและพัฒนาเทียบตัวชี้วัด (ประเมิน ตวั เอง) ต้งั แตต ลุ าคม 2560 - กนั ยายน 2561 มีคา คะแนนระดบั การพัฒนาอยูในชวง 79 ถึง 92 โดยบา นปางบง ศนู ยฯ ปา เมย่ี ง และบานปอ ก ศนู ยฯ ตีนตก ไดคะแนนสงู สุดรอยละ 92 รองลงมาคอื บานหวยน้าํ กืน ศูนยฯ หว ยโปง และบานเหลา ศูนยฯ มอนเงาะ ไดคะแนนเทา กันรอ ยละ 86 สวนบา นหนองหอยเกา ศนู ยฯ หนองหอย ไดคะแนนตา่ํ สดุ รอยละ 79 3. การเตรียมความพรอมชุมชนเพื่อการรับรองมาตรฐานชุมชนบนพื้นที่สูงคารบอนตํ่าและยั่งยืน ไดผลักดัน ใหชุมชนจัดตั้งกลุมผูนําขับเคล่ือนงานพัฒนาใน 4 มิติการพัฒนา กิจกรรมท่ีตองเรงดําเนินการ และหลักฐานประกอบการ ตรวจประเมิน นอกจากนี้ยังยื่นแบบคําขอตรวจประเมินในนามของมูลนิธิโครงการหลวง ตอศูนยวิจัย ตรวจประเมิน และใหการรับรองมาตรฐานการจัดการสิ่งแวดลอม คณะส่ิงแวดลอมและทรัพยากรศาสตร มหาวิทยาลัยมหิดล ตลอดจน ประสานกับคณะกรรมการตรวจประเมิน เพ่ือเขาตรวจผลการพัฒนาของชุมชน ประกอบดวย การตรวจประเมินเบื้องตน (Pre-audit) และการตรวจประเมนิ เพ่ือใหการรับรอง (Audit) 4. การประมวลและสรุปผลแนวทางการพัฒนาชุมชนชนบทบนพ้ืนท่ีสูงในบริบทของชุมชนคารบอนต่ําและ การพฒั นาอยา งยงั่ ยนื สรปุ ไดว า ตวั ชวี้ ดั จากงานวจิ ยั สามารถนาํ มาใชว ดั ผลการพฒั นาเปน ชมุ ชนบนพนื้ ทส่ี งู คารบ อนตา่ํ อยา ง ยัง่ ยนื ได กิจกรรมสาํ คัญประกอบดวย การสงเสรมิ ระบบการเกษตรตามมาตรฐานอาหารปลอดภยั การฟน ฟูปา ชาวบานและ อนรุ กั ษป า ตน นาํ้ ลาํ ธาร การฟน ฟแู ละใชป ระโยชนจ ากความหลากหลายทางชวี ภาพอยา งยง่ั ยนื ไดเ นอ่ื งจากสอดคลอ งกบั บรบิ ท ของชมุ ชน การจดั การและควบคมุ สงิ่ แวดลอ มในชมุ ชนอยา งเหมาะสม ไดแ ก ความสะอาด ของเสยี และการประหยดั พลงั งาน การเสรมิ สรา งองคก รชมุ ชนใหม คี วามเปน อยทู ดี่ แี ละสามารถพงึ่ พาตนเอง สาํ หรบั การขบั เคลอื่ นงานพฒั นาโดยรวมแลว ชมุ ชน มีความกระตือรือรนมากขึ้นซึ่งปจจัยสําคัญที่สงผลตอการพัฒนาทั้ง 4 ดาน ไดแก ระดับการพัฒนาเร่ิมแรก เง่ือนไขหรือ วถิ กี ารดาํ รงชวี ติ ของชมุ ชนหรอื ลกั ษณะประจาํ ของชาตพิ นั ธุ ความเขม แขง็ ของกลมุ ผนู าํ และความรว มมอื สมาชกิ ภายในชมุ ชน สอดคลองกับหลักการทรงงานของพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ผลการพจิ ารณาเบ้อื งตน ชุมชนโครงการหลวง 6 แหง ไดแ ก 1) บานปางบง ศูนยฯ ปา เมี่ยง 2) บา นเหลา /ศนู ยฯ มอ นเงาะ 3) บานหว ยนํา้ กืน ศนู ยฯ หว ยโปง 4) บา นปา เกยี๊ ะ ศนู ยฯ แมแ ฮ 5) บา นหว ยขา วลีบ ศูนยฯ แมสะปอก และ 6) บานขอบดง สถานีเกษตรหลวงอางขาง มศี กั ยภาพการพัฒนาเปน ตน แบบชุมชนบนพ้ืนทส่ี ูงคารบ อนตา่ํ และย่งั ยนื โดยพิจารณาจากความ เขมแข็งของกลุมผูนาํ ความรว มมือของสมาชิกในการพฒั นาชมุ ชน และคา คะแนนผลการพัฒนา 86 สรุปผลงานวจิ ยั สถาบันวิจยั และพฒั นาพื้นทสี่ ูง (องคการมหาชน) ประจําปง บประมาณ พ.ศ. 2561
2 แผน ่ีท สภาพแวดลอมภายในชมุ ชนบนพ้นื ทีส่ ูง การเพาะปลูกทเ่ี ปน มติ รกับสง่ิ แวดลอม ผลผลิตทสี่ ําคญั ของงานวจิ ัย 1. ผลการพฒั นาชุมชนโครงการหลวง 12 ชุมชน ใหเปน ชุมชนบนพนื้ ที่สูงคารบ อนตาํ่ อยา งย่งั ยืน 2. ตน แบบชุมชนบนพน้ื ทส่ี งู คารบอนตํา่ และยง่ั ยืน 6 ชุมชน 3. แนวทางการพฒั นาชุมชนบนพน้ื ท่สี ูงใหเ ปนชุมชนคารบ อนตา่ํ อยางยง่ั ยืน 1 แนวทาง 4. คมู ือการพฒั นาชมุ ชนบนพ้นื ท่สี ูงคารบ อนตา่ํ และยัง่ ยนื 1 คมู ือ แผนการนาํ ผลงานวจิ ยั ไปใชประโยชน 1. การใชประโยชนเ ชิงวชิ าการ 1.1 นาํ องคค วามรูทไ่ี ดในป พ.ศ. 2561 ไปใชต อ ยอดงานวิจัยป พ.ศ. 2562 ดังน้ี 1) ใชเ กณฑก ารประเมนิ และตวั ชว้ี ดั การพฒั นาชมุ ชนคารบ อนตา่ํ และยงั่ ยนื รวมทงั้ กระบวนการพฒั นาชมุ ชน คารบอนตา่ํ ไปพัฒนาชุมชนโครงการหลวงแหงใหม 2) ใชขอมูลผลการพัฒนาชุมชนโครงการหลวงที่เขารวมโครงการ 12 แหง ในการยื่นขอรับรองการ เปนชุมชนคารบอนตํ่าและยั่งยืนตอศูนยวิจัย ตรวจประเมินและใหการรับรองมาตรฐานการจัดการสิ่งแวดลอม คณะส่งิ แวดลอมและทรัพยากรศาสตร มหาวทิ ยาลยั มหดิ ล 1.2 การนาํ เสนอผลงานวจิ ยั หรือตพี มิ พในรูปแบบตา งๆ นําเสนอความกาวหนาการวิจัยและพัฒนากิจกรรมคารบอนตํ่าประจําปกับสํานักวิจัยส่ิงแวดลอมและ ทรพั ยากรดา นการเกษตร สถาบนั วจิ ยั วทิ ยาศาสตรด า นการเกษตรมณฑลกวางตงุ (GDAAS) สาธารณรฐั ประชาชนจนี 2. การใชป ระโยชนเชิงสาธารณะ 2.1 จัดกิจกรรมศึกษาดูงานตนแบบชุมชนโครงการหลวงคารบอนตํ่าและยั่งยืน ใหกับชุมชนบนพื้นที่สูงอื่น เชน ชมุ ชนโครงการหลวงพน้ื ทใ่ี หม และโครงการพัฒนาพืน้ ท่สี ูงแบบโครงการหลวง 2.2 สง มอบคมู อื การพฒั นาชมุ ชนบนพนื้ ทส่ี ูงคารบ อนตาํ่ และย่งั ยืน ใหก ับมูลนิธิโครงการหลวง สรุปผลงานวจิ ยั สถาบันวิจยั และพฒั นาพ้นื ที่สงู (องคก ารมหาชน) 87 ประจําปง บประมาณ พ.ศ. 2561
การวจิ ยั เพ่อื ตอยอดภูมิปญญาทอ งถน่ิ และพัฒนานวัตกรรมจากความหลากหลาย ทางชวี ภาพบนพื้นทสี่ ูง HIGHLAND RESEARCH AND DEVELOPMENT INSTITUTE (PUBLIC ORGANIZATION)
การวจิ ยั เพอื่ ตอ ยอดภูมปิ ญ ญาทองถ่นิ และพฒั นานวตั กรรม จากความหลากหลายทางชีวภาพบนพ้นื ท่ีสูง เนน การศกึ ษารวบรวมและพฒั นาตอ ยอดเพอ่ื สรา งนวตั กรรมจากภมู ปิ ญ ญาทอ งถน่ิ และความหลากหลายทางชวี ภาพ บนพื้นที่สูง ท้ังดานพืชสมุนไพรและยาพ้ืนบาน การพัฒนาผลิตภัณฑเวชสําอาง และการดูแลรักษาสุขภาพ รวมท้ังการวิจัย และพัฒนาชีวภัณฑเกษตรและผลิตภัณฑสําหรับการปลูกพืชเพื่อลดสารเคมีบนพ้ืนที่สูง เพื่อการใชประโยชนในระดับชุมชน และเชงิ พาณิชย ประกอบดวย 3 โครงการหลัก สรปุ ผลการดําเนนิ งาน ดงั นี้ 1. โครงการวจิ ัยและพฒั นาพืชสมุนไพรและยาพ้นื บานบนพ้นื ทส่ี งู ปง บประมาณ พ.ศ. 2561 ดาํ เนนิ การวจิ ยั เชงิ ปฏบิ ตั กิ ารรว มกบั ชมุ ชนโดยรวบรวมองคค วามรเู กยี่ วกบั ชนดิ พชื สมนุ ไพร และการใชป ระโยชนท างยาบนพน้ื ทส่ี งู ศกึ ษาการอนรุ กั ษแ ละฟน ฟกู ารปลกู พชื สมนุ ไพร ในการจาํ หนา ยใหก บั ภาคอตุ สาหกรรม หรือผูประกอบการเพ่ือลดการบุกรุกปา และศึกษาแนวทางการจัดทําเขตอนุรักษพืชสมุนไพรเพื่อเปนแหลงปลูกและ ใชป ระโยชนข องชุมชน รวมท้งั การวจิ ัยตอยอดผลติ ภัณฑก ลุมขับสารพษิ เชิงพาณชิ ยตอเนอ่ื ง โดยศกึ ษาองคป ระกอบทางเคมี จากสวนตางๆ ของตนสังหยู ศึกษาฤทธ์ิตอการเกิดออกซิเดชันและฤทธ์ิตอเซลลตับเพาะเล้ียง (in vitro) และการศึกษา ความเปน พิษระยะยาว (180 วัน) ในสตั วทดลอง สรปุ ผลการดาํ เนนิ งาน ดังนี้ 1. การวจิ ยั และพฒั นาเพอ่ื ยกระดบั ภมู ปิ ญ ญาและการใชป ระโยชนส มนุ ไพรของชมุ ชนบนพนื้ ทสี่ งู สาํ หรบั อนรุ กั ษ รักษาสขุ ภาพ และเสริมสรางอาชีพ 1) องคความรูเกี่ยวกับชนิดพืชสมุนไพรและการใชประโยชนทางยาบนพ้ืนที่สูง ดําเนินการในพ้ืนที่ ศูนยฯ หวยสมปอย (บานหวยขนุน และบานสามหลัง) ไดองคความรูเกี่ยวกับชนิดพืชสมุนไพรและการใชประโยชนทางยา บนพนื้ ทีส่ ูง จาํ นวน 250 ชนิด 2) องคความรูในการใชป ระโยชนพืชสมุนไพรและยาพืน้ บา น รวบรวมและจดั ทําในรูปแบบโปสเตอร 2 เร่อื ง องคความรูเก่ียวกับชนิดพืชสมุนไพรและการใชประโยชนทางยาบนพ้ืนท่ีสูง บานปาเก๊ียะ ตําบลทากอ อําเภอแมสรวย จงั หวัดเชียงราย จํานวน 140 ชนิด และบานกิว่ โปง อําเภอกัลยาณิวฒั นา จังหวัดเชียงใหม จาํ นวน 105 ชนิด 3) ตาํ รบั ยาพน้ื บา นไดร บั การยนื่ เพอ่ื ขอรบั การคมุ ครอง ดาํ เนนิ การในพน้ื ทบี่ า นปา เกยี๊ ะ ศนู ยฯ หว ยนาํ้ ขนุ โดย ไดยื่นคุมครองตํารับยาพ้ืนบานของชนเผาลาหู จํานวน 2 ตํารับ ไดแก ตํารับรักษาตับอักเสบ และตํารับรักษาแผล เปน หนอง 4) ชมุ ชนมพี ืชสมนุ ไพรสําหรบั ปลกู ในเชิงพาณิชย ดาํ เนินการใน 6 ชมุ ชน ไดแ ก ปา กลว ย ปางมะโอ โปงคาํ (บานโปง คําและศรีบญุ เรือง) หว ยนํา้ ขนุ และหวยสม ปอ ย รวม 16 ชนิด ไดแก รางจืดดอกแดง รางจืดดอกมวง ยอดิน สงั หยู ขม้ินขาว เจียวกูหลาน ปเู ฒา ท้ิงไมเ ทา โดไมร ูล ม ผกั เชยี งดา มะรุม ไพล ขมน้ิ สมปอย ตะไครตน เสลดพงั พอน และสม กุง 90 สรุปผลงานวิจัย สถาบนั วิจัยและพฒั นาพ้ืนท่ีสูง (องคการมหาชน) ประจําปงบประมาณ พ.ศ. 2561
5) กระบวนการจดั การผลติ ผลพชื สมนุ ไพร การรวบรวมองคค วามรูและภูมิปญญาทอ งถน่ิ ใหมีคุณภาพ ไดรวบรวมและสรุปขอมูลกระบวนการ จากพืชสมุนไพรและตํารบั ยาพน้ื บานของชมุ ชน จัดการผลิตผลพืชสมุนไพรใหมีคุณภาพจากแปลงปลูก วตั ถดุ บิ สด จดั การจนเปน วตั ถดุ บิ แหง และการเกบ็ รกั ษา 3 วตั ถดุ บิ แหง เพอ่ื รอบรรจใุ นรปู แบบผลติ ภณั ฑต า งๆ หรอื รอจาํ หนา ยตอ ไป สาํ หรบั เปน แนวการปฏบิ ตั งิ านในชมุ ชน แผนท่ี ทปี่ ลกู พชื สมนุ ไพร 5 ชนดิ ไดแ ก ผกั เชยี งดา เจยี วกหู ลาน ปเู ฒา ทง้ิ ไมเ ทา ไพล และขมน้ิ โดยปรบั ใชแ นวทางปฏบิ ตั ิ ที่ดีของโครงการหลวง จากการอบรมมาตรฐาน GAP และ GMP การศึกษาดูงาน ณ สถานีฯ อางขาง มหาวทิ ยาลยั เทคโนโลยรี าชมงคลลา นนา ลาํ ปาง จงั หวดั ลาํ ปาง และคมู ือของกระทรวงสาธารณสุข 6) การดาํ เนนิ งานของชมุ ชนในการคมุ ครอง สมุนไพรและถน่ิ กาํ เนดิ ดาํ เนินการในพืน้ ทบี่ า นปา เก๊ยี ะ ศูนยฯ หวยนํ้าขุน เพื่อการคุมครองสมุนไพรและ ถิ่นกําเนิดครอบคลุมพ้ืนท่ีปาของชุมชน 215 ไร โดย รวมกับชุมชนคัดเลือกกิจกรรมดําเนินการ 8 กิจกรรม จาก 20 กิจกรรมตามแผนจัดการคุมครองสมุนไพรฯ ซงึ่ ยงั ไมไ ดร บั การอนมุ ตั จิ ากกระทรวงสาธารณสขุ และได ดาํ เนนิ งานทง้ั 8 กจิ กรรม ไดแ ก (1) แตง ตง้ั คณะกรรมการ อนุรักษสมุนไพรและถ่ินกําเนิด และบทบาทหนาที่ (2) จัดทําระเบียบการใชสมุนไพรในพ้ืนท่ีอนุรักษ (3) การรับรองหมอพื้นบานและเครือขายการรักษา จากสาธารณสุข/ชุมชนอ่ืน โดยตํารับที่มีในชุมชน (4) กิจกรรมอบรม ทาํ สือ่ /หนงั สือ ตาํ รา (5) สนบั สนุน การสรางมูลคาเพ่ิมของพืชสมุนไพร/ภูมิปญญาดาน พืชสมุนไพรของชุมชน (6) สํารวจและศึกษาความ หลากหลายของพชื สมนุ ไพรในพ้นื ทีเ่ ขตปา อนุรักษ บา น ปาเก๊ียะ (7) จดบันทึกภูมิปญญาเปนลายลักษณอักษร การบันทึกการรักษา และการคุมครองภูมิปญญา (8) พัฒนาการนําตํารับยาสมุนไพรใหบริการในสถาน บรกิ ารสาธารณสุขของรฐั พนื้ ท่คี มุ ครองสมุนไพรและถ่นิ กาํ เนิด บา นปาเกี๊ยะ ศนู ยพ ฒั นาโครงการหลวงหวยน้ําขุน สรุปผลงานวิจยั สถาบนั วจิ ัยและพัฒนาพ้ืนที่สูง (องคก ารมหาชน) 91 ประจําปง บประมาณ พ.ศ. 2561
2. การศึกษาพฤกษเคมแี ละฤทธ์ิทางชวี ภาพของสมนุ ไพร 2.1 ศกึ ษาองคป ระกอบทางเคมีจากสว นตา งๆ ของสังหยู (ปที่ 1) พบวาสวนสกัดทใ่ี หฤ ทธ์ิที่ดีคอื สารสกดั ที่ 9 สังหยูใบเขียว (เปลือก) สารสกัดท่ี 15 สังหยูใบแดง (เปลือก) แตจากการใชในชุมชน สวนรากปมและใบเปนสวนที่มีการ นาํ ไปใช จงึ นาํ มาศึกษาเพิ่มเติม โดยทําการสกดั แยกดว ย partition technique ใชค วามแตกตางของข้วั ของตัวทําละลาย สารสกัดแตล ะสว นทไ่ี ด จึงนาํ มาตรวจสอบดวยเทคนิค Thin layer chromatography เปนการศกึ ษาขอ มูลทางเคมเี บอ้ื งตน ของสว นสกดั ทใ่ี หฤ ทธท์ิ ดี่ ี ซงึ่ การศกึ ษาเพอ่ื หาสารองคป ระกอบสาํ คญั จะทาํ การแยกสารดว ยการตดิ ตามฤทธใ์ิ นการศกึ ษาตอ ขณะนยี้ งั ไมท ราบชนดิ สาร เปน เพยี งการจดั ทาํ TLC chromatogram เพอ่ื เปรยี บเทยี บรปู แบบขององคป ระกอบทางเคมขี อง แตละสวนเทา นัน้ ในการตรวจสอบใช UV 254, 366 nm และฉีดพนดว ยนาํ้ ยาฉีดพน พบวา สว นสกดั มรี ูปแบบองคประกอบ ที่แตกตา งกันอยางชัดเจน 2.2 ศึกษาฤทธ์ิตอการเกิดออกซิเดชันและฤทธ์ิตอเซลลตับเพาะเล้ียง (in vitro) จากสวนตางๆ ของสังหยู การทดลองฤทธต์ิ านออกซิเดชนั่ การทดลอง Cell proliferation assay และ Apoptosis analysis พบวา สารสกดั ที่ 9 สังหยใู บเขยี ว (เปลือก) และสารสกัดที่ 15 สงั หยใู บแดง (เปลอื ก) ใหผลดใี นการตานออกซิเดชน่ั และการเกดิ apoptosis โดยสวนฤทธิ์ apoptosis น้ันสามารถทําใหเกิดการตายของเซลลทง้ั แบบ early และ late apoptosis ดงั น้นั สารสกดั ท่ี 9 สงั หยูใบเขยี ว (เปลือก) และสารสกดั ที่ 15 สงั หยูใบแดง (เปลอื ก) จงึ ควรจะนาํ ไปแยกหาสว นสกัดตอ เพอื่ หาสารออกฤทธิ์ ทีจ่ ะนาํ ไปศึกษาในสตั วทดลอง ศึกษาในมนษุ ย ควบคมุ คณุ ภาพสารสกัด รวมทั้งจดสิทธบิ ัตรและขึ้นทะเบยี นผลิตภัณฑ 2.3 ศึกษาความเปน พิษระยะยาว (180 วนั ) ของสงั หยใู นสัตว ทดลองโดยปอ นสารสกดั รากใหญส งั หยใู บเขยี ว 3 แบบคอื แบบท่ี 1 ขนาด 150 และ 50 มลิ ลกิ รมั ตอ กโิ ลกรมั แบบที่ 2 ขนาด 750 และ 250 มลิ ลกิ รมั ตอ กโิ ลกรมั แบบท่ี 3 ขนาด 3,750 และ 1,250 มลิ ลิกรมั ตอกิโลกรมั ตลอด 180 วัน และสังเกตอาการ ลกั ษณะภายนอกและการตรวจสุขภาพสัตว ตลอดการทดลอง รวมทั้งประเมินคาทางโลหิตวิทยา คาเคมีคลินิก และการตรวจพยาธิวิทยาของอวัยวะภายในตางๆ พบวา การไดร บั สารสกดั รากใหญส งั หยใู บเขยี ว ตดิ ตอ กนั เปน เวลานาน ไมก อ ใหเ กดิ ความเปน พษิ ระยะยาว (180 วนั ) ซง่ึ ขอ มลู ในสว นนี้เปน สวนสาํ คญั ท่ีสามารถนําไปเปน ขอ มูลพนื้ ฐานในการทดลองในมนุษย และขึ้นทะเบียนผลติ ภัณฑ สงั หยใู บเขยี ว สงั หยใู บแดง 92 สรุปผลงานวจิ ัย สถาบนั วิจยั และพัฒนาพ้ืนทีส่ ูง (องคก ารมหาชน) ประจาํ ปง บประมาณ พ.ศ. 2561
ผลผลิตทส่ี าํ คญั ของงานวจิ ยั 3 1. องคความรูเก่ียวกับชนิดพืชสมุนไพรและการใชประโยชนทางยาบนพื้นท่ีสูง บานปาเก๊ียะ ตําบลทากอ อําเภอ แมสรวย จังหวัดเชียงราย รวม 6 แผน โดยประกอบดวยขอมูลชุมชน แผนการอนุรักษสมุนไพรและถิ่นกําเนิด แผนท่ี และขอมูลพชื สมนุ ไพรพืชทอ งถนิ่ จาํ นวน 140 ชนดิ 2. องคความรูเกี่ยวกับชนิดพืชสมุนไพรและการใชประโยชนทางยาบนพื้นท่ีสูง บานกิ่วโปง อําเภอกัลยาณิวัฒนา จงั หวดั เชยี งใหม รวม 3 แผน จาํ นวน 105 ชนดิ ชมุ ชนมพี ชื สมนุ ไพรสาํ หรบั ปลกู ในเชงิ พาณชิ ย ในพนื้ ท่ี 6 ชมุ ชน ไดแ ก ปา กลว ย ปางมะโอ โปง คาํ (โปงคํา ศรบี ุญเรอื ง) หว ยนํ้าขนุ และหว ยสมปอย รวม 16 ชนิด ไดแ ก รางจืดดอกแดง รางจดื ดอกมวง ยอดนิ สงั หยู ขม้ินขาว เจยี วกูหลาน ปเู ฒา ท้งิ ไมเทา โดไมร ลู ม ผกั เชียงดา มะรุม ไพล ขม้นิ สม ปอ ย ตะไครตน เสลดพังพอน และสม กงุ 3. ผลการศึกษาพฤกษเคมแี ละฤทธ์ทิ างชวี ภาพของสมุนไพร สังหยู 4. ผลความเปนพิษระยะยาว (เรื้อรัง) พบวาการปอนสารสกัดรากใหญสังหยูใบเขียวไมกอใหเกิดความเปนพิษ ระยะยาว แผนการนําผลงานวจิ ยั ไปใชประโยชน 1. การใชประโยชนเ ชงิ วิชาการ 1.1 นําองคความรูท่ีไดใ นป พ.ศ. 2561 ไปใชต อยอดงานวจิ ยั ป พ.ศ. 2562 ดังน้ี 1) การศึกษาพฤกษเคมีและฤทธิ์ทางชีวภาพของสมุนไพร ทราบขอมูลสําคัญที่สามารถนําไปเปนขอมูล พ้ืนฐานในการทดลองในมนษุ ย และขน้ึ ทะเบยี นผลิตภัณฑเ ชงิ พาณิชยตอ ไป 2) เผยแพรอ งคค วามรแู กชมุ ชนและเยาวชน 3) ตอยอดพฒั นาผลิตภณั ฑร ะดบั ชมุ ชนหรือปลกู สรา งรายไดเ สรมิ 4) วจิ ัยตอ ยอดผลิตภัณฑเ ชงิ พาณิชย ดา นขับสารพิษ 2. การใชประโยชนเชิงสาธารณะ มกี ารคมุ ครองสมนุ ไพรพน้ื ทเ่ี ขตอนรุ กั ษส มนุ ไพรและถนิ่ กาํ เนดิ บา นปา เกยี๊ ะ ในพนื้ ทศี่ นู ยฯ หว ยนาํ้ ขนุ อาํ เภอ แมสรวย จงั หวัดเชียงราย จาํ นวน 215 ไร สรปุ ผลงานวจิ ยั สถาบนั วจิ ัยและพัฒนาพื้นทส่ี ูง (องคก ารมหาชน) 93 ประจาํ ปงบประมาณ พ.ศ. 2561
2. โครงการวิจัยและพัฒนาผลติ ภณั ฑจากภมู ิปญ ญาทอ งถิน่ และความหลากหลาย ทางชวี ภาพ จากการดําเนินการวิจัยและพัฒนาผลิตภัณฑจากความหลากหลายทางชีวภาพและภูมิปญญาทองถิ่นบนพื้นท่ีสูง มาอยางตอเนื่อง โดยการนําพืชบนพ้ืนที่สูงที่มีศักยภาพสามารถนํามาเปนสวนประกอบของผลิตภัณฑเวชสําอางตางๆ ได ซึ่งสามารถตอยอดและใชประโยชนไดท้ังในระดับชุมชนและเชิงพาณิชย กอใหเกิดการสรางรายไดและเพิ่มชนิดพืชทาง เลือกหรือพืชเสริมใหกับเกษตรกรบนพ้ืนท่ีสูงได ซ่ึงจะสงผลตอการอนุรักษและใชประโยชนพืชทองถ่ินอยางเปนรูปธรรม สรปุ ผลการดาํ เนินงาน ดงั น้ี 1. การวิจัยและพัฒนาตอยอดตนแบบผลิตภัณฑจากการวิจัยเพื่อนําไปสูการใชประโยชนระดับชุมชนและ เชิงพาณชิ ย ดําเนินการวิจัยและพัฒนาตอยอดเพื่อยกระดับตนแบบผลิตภัณฑจากการวิจัยใหสามารถนําไปสูการใชประโยชน เชิงพาณิชย โดยการคัดเลอื กและประเมนิ ศกั ยภาพผลติ ภณั ฑตน แบบจากปที่ผา นมา แลวนําไปผลิตเชิงปรมิ าณ (scale up) ในเชิงพาณชิ ย ทดสอบตลาด และการยอมรับจากผบู รโิ ภค โดยมผี ลติ ภณั ฑตน แบบท่มี ศี กั ยภาพ 12 ผลิตภัณฑ ประกอบดวย ผลติ ภัณฑขจดั รังแค 4 ผลิตภณั ฑ ผลิตภัณฑส าํ หรับผมรวงมาก 2 ผลติ ภณั ฑ ผลติ ภณั ฑน้าํ มนั เชด็ ลางเครอ่ื งสําอาง 2 สูตร และผลิตภัณฑสาํ หรบั แมแ ละเด็ก 2 สูตร ซง่ึ ไดร บั การยอมรบั จากลูกคาเปน อยา งดี และไดส ง มอบผลติ ภณั ฑตน แบบจากการ วิจัยใหมูลนิธิโครงการหลวงไปใชประโยชน 6 ผลิตภัณฑ ประกอบดวย (1) ผลิตภัณฑนํ้ามันลางเครื่องสําอางชนิดกันน้ํา (Cleansing oil) (2) สบเู หลวอาบนาํ้ และสระผมสําหรับเด็ก (Baby head to toe wash) (3) แชมพสู มนุ ไพรขจัดรงั แค (Anti dandruff shampoo) (4) ครมี นวดสมนุ ไพรขจัดรงั แค (Anti dandruff conditioner) (5) ทรตี เมนทมาสคสมุนไพร ขจดั รงั แค (Anti dandruff treatment mask) และ (6) เซรม่ั สมุนไพรขจดั รงั แค (Anti dandruff hair serum) ในสว นของผลติ ภณั ฑจ ากการวจิ ยั มกี ารตอ ยอดและนาํ ไป ใชประโยชนในระดับชุมชน ทําการคัดเลือก ประเมินศักยภาพ ผลติ ภณั ฑท เ่ี หมาะสมกบั ชมุ ชน ไดผ ลติ ภณั ฑช าชงสมนุ ไพร 2 สตู ร ที่มีรสชาติตามความตองการของเกษตรกร ไดแก (1) ชาชง หญาหวานผสมมนิ ต และ (2) ชาชงหญา หวานผสมชาเมี่ยง นอกจากน้ียังไดเพาะขยายพันธุพืชท่ีเปนวัตถุดิบสําคัญ ในการเปน สว นประกอบของผลติ ภณั ฑส าํ หรบั เสน ผม (Hair care) โดยทาํ การเพาะขยายพนั ธเุ พอ่ื เพม่ิ ปรมิ าณวตั ถดุ บิ และเปน แหลง ผลิตวัตถุดิบที่มีคุณภาพตามความตองการของโรงงานแปรรูป กระบวนการพฒั นาผลติ ภัณฑเ ชงิ พาณชิ ย ในระยะแรกไดท าํ การขยายพนั ธวุ า นนา้ํ ในพน้ื ทบ่ี า นหว ยโปง พฒั นา อาํ เภอไชยปราการ จงั หวดั เชยี งใหม และกะเมง็ ทาํ แปลงทดสอบ ในพ้ืนที่บานฟาสวย อําเภอเชยี งดาว จงั หวดั เชยี งใหม ซ่ึงมกี าร เจรญิ เตบิ โตไดเ ปน อยา งดี นาํ วตั ถดุ บิ ทเี่ พาะปลกู ในพนื้ ทด่ี งั กลา ว มาทดสอบคณุ ภาพของวตั ถดุ บิ กอนจะนาํ มาใชประโยชนตอ ไป ย่ืนจดทรัพยสินทางปญญาเพ่ือคุมครองผลงานวิจัยของ สถาบัน จาํ นวน 3 รายการ ไดแก (1) สูตรตาํ รับผลิตภัณฑบาํ รงุ ผิวรอบดวงตาจากสารสกัดคาเทชิน (2) สูตรตํารับผลิตภัณฑ นาํ้ มนั ลา งเครอ่ื งสาํ อาง และ (3) สตู รตาํ รบั ผลติ ภณั ฑย บั ยงั้ เชอื้ รา สาเหตุรังแค ตัวอยางผลิตภัณฑต น แบบเชงิ พาณิชย 94 สรปุ ผลงานวจิ ัย สถาบนั วจิ ัยและพฒั นาพ้ืนท่สี ูง (องคการมหาชน) ประจําปงบประมาณ พ.ศ. 2561
2. การวจิ ัยและพฒั นาผลติ ภณั ฑตน แบบสาํ หรับแมแ ละเดก็ การพฒั นาผลติ ภณั ฑต น แบบสาํ หรบั แมแ ละเดก็ ทม่ี สี ว นผสมจากพชื บนพน้ื ทส่ี งู เชน นาํ้ มนั อาโวคาโด นา้ํ มนั งาขมี้ อ น และนํ้ามันรําขาว ซึ่งมีคุณสมบัติพ้ืนฐานที่ดีในดานตางๆ ไดแก สี กล่ิน ความมัน ความเหนอะหนะบนผิว ประสิทธิภาพ การซึมผานลงไปในผิวหนัง ความเขากันไดในตํารับ รวมถึงปญหาการเหม็นหืนของน้ํามันที่จะสงผลตอการพัฒนาตํารับ โดยนํามาพัฒนาผลิตภัณฑสําหรับแมและเด็ก 3 ชนิด ไดแก น้ํามันบํารุงผิวสําหรับแมและเด็ก ผลิตภัณฑทาผ่ืนผาออม และผลติ ภณั ฑบ รรเทาอาการหวั นมแตกสาํ หรบั มารดาใหน มบตุ ร ซงึ่ มปี ระสทิ ธภิ าพดเี ทยี บเทา ผลติ ภณั ฑท มี่ จี าํ หนา ยในทอ งตลาด มคี วามคงตวั ดี และไดรับความพงึ พอใจโดยรวมในอาสาสมคั รอยูในเกณฑดีมาก โดยไมก อใหเกิดการแพใ นอาสาสมัคร (ก) (ข) (ค) 3 ตนแบบผลติ ภัณฑครีมทาผนื่ ผาออ มในเดก็ (ก) นํา้ มันบาํ รงุ ผวิ สาํ หรบั แมและเดก็ (ข) บาลมบรรเทาอาการหวั นมแตก (ค) แผนท่ี 3. การวจิ ัยและพฒั นาตนแบบผลิตภณั ฑเพอ่ื สขุ ภาพสาํ หรับผูสูงอายุ นาํ วตั ถดุ บิ จากชาเมยี่ งและนา้ํ มนั งาขม้ี อ นมาพฒั นาเปน ผลติ ภณั ฑเ สรมิ สขุ ภาพสาํ หรบั ผสู งู อายทุ ม่ี ปี ระสทิ ธภิ าพใน การปอ งกนั การเกดิ โรคอลั ไซเมอร โดยนาํ นาํ้ มนั งาขมี้ อ นมาสกดั เยน็ เอานาํ้ มนั ออกมา นาํ้ มนั ทไ่ี ดม ลี กั ษณะเหลอื งใส หนดื เลก็ นอ ย ไมมีกลิ่นเหม็นหืน และไมเกิดไขเม่ือต้ังไวที่อุณหภูมิหอง เม่ือทําการวิเคราะหหาปริมาณสารสําคัญ พบวา น้ํามันงาข้ีมอนมี โอเมกา -3 ในปริมาณสงู และมี โอเมกา -6 และ โอเมกา -9 เปน องคป ระกอบ เมอื่ วิเคราะหค า peroxide value ของน้าํ มนั งา ขี้มอน พบวามีคาไมเกินเกณฑมาตรฐานของกระทรวงสาธารณสุข ในสวนการศึกษาฤทธิ์ในการยับย้ังเอนไซมอะเซติลโคลีน เอสเตอเรส ฤทธติ์ า นออกซเิ ดชนั และฤทธยิ์ บั ยงั้ การเกาะกลมุ ของแอมลั ลอยด เบตา พบวา สารสกดั ชาเมยี่ งและนาํ้ มนั งาขมี้ อ น มฤี ทธใิ์ นการยบั ยง้ั เอนไซมอ ะเซตลิ โคลนี เอสเตอเรส มฤี ทธยิ์ บั ยงั้ การเกดิ ออกซเิ ดชนั ของกรดไขมนั และมฤี ทธย์ิ บั ยงั้ การเกาะกลมุ ของแอมลั ลอยด เบตา นอกจากนผี้ งชาเมยี่ งพบฤทธยิ์ บั ยง้ั เอนไซมอ ะเซตลิ โคลนี เอสเตอเรส และฤทธย์ิ บั ยง้ั การเกาะกลมุ ของ แอมัลลอยด เบตาเทาน้ัน จากน้ันนํามาตั้งตํารับได 3 ตํารับ คือ ตํารับแคปซูลผงชาเมี่ยง ตํารับแคปซูลแกรนูลผงชาเม่ียง ผสมสารสกัดชาเม่ียง และตํารับแคปซูลแกรนูลผงชาเมี่ยงผสมสาร สกดั ชาเมย่ี งและนา้ํ มนั งาขม้ี อ น พบวา ตาํ รบั ทพี่ ฒั นาขน้ึ มคี ณุ สมบตั ิ ที่ดีทง้ั ในดา นปรมิ าณความชื้น การไหล การแตกตัว ขนาดอนุภาค และการกระจายขนาดอนุภาค จากน้ันนําแคปซูลชาเมี่ยงท้ัง 3 ตํารับไปทดสอบความ คงสภาพ และหาปริมาณสารสาํ คัญฟน อลคิ เทียบเทา gallic acid และฤทธิ์ตานอนุมูลอิสระของท้ัง 3 ตํารับ พบวา ตํารับแคปซูล แกรนูลผงชาเม่ียงผสมสารสกัดชาเมี่ยงและน้ํามันงาข้ีมอนมี คุณลักษณะและความคงตัวท่ีดีเพื่อใชเปนผลิตภัณฑเสริมอาหาร ตอไป ตนแบบแคปซูลแกรนลู ผงชาเมีย่ ง ผสมสารสกดั ชาเมยี่ ง สรปุ ผลงานวิจัย สถาบันวิจัยและพฒั นาพ้นื ทสี่ ูง (องคก ารมหาชน) 95 ประจาํ ปง บประมาณ พ.ศ. 2561
4. การวจิ ยั และพฒั นาตน แบบผลิตภณั ฑเวชสําอางบาํ รุงผิวหนาสาํ หรบั กลางคนื นําสารสกัดคาเทชินจากชาเมี่ยงหมักและสารสกัดฟกขาวที่มีประสิทธิภาพในการตานอนุมูลอิสระ ABTS+ และ ยบั ย้ังเอนไซมไทโรสิเนสไดดี มาพัฒนาตํารบั ผลติ ภัณฑเวชสาํ อางในรปู แบบครมี บํารุงผิวหนาสําหรบั กลางคนื 2 ตํารบั ไดแ ก (1) ตาํ รบั คาเทชินมเี นื้อครีมเนียน กลิน่ หอม มสี เี นอ้ื ออนเกอื บขาว และ (2) ตํารบั ฟก ขา วทีม่ ลี กั ษณะเนอ้ื ครมี เนียน กลนิ่ หอม สีเหลืองออนเกือบขาว ซ่ึงผลิตภัณฑครีมบํารุงผิวหนาสําหรับกลางคืนดังกลาวมีคุณสมบัติในการฟนฟูและชะลอการเกิด ริ้วรอยบนใบหนา พรอมปรับสภาพผิวเสียหมองคลํ้าใหแลดูขาวกระจางใส นุมเนียน มีความคงสภาพท่ีดี ไมกอใหเกิด การระคายเคืองในอาสาสมัคร และผานการทดสอบความพึงพอใจในอาสาสมัครอยใู นเกณฑดมี าก 5. การศกึ ษาคณุ ลกั ษณะทางเภสชั เวช และขอ กาํ หนดมาตรฐานวตั ถดุ บิ สมนุ ไพร และสารสกดั พชื ทอ งถน่ิ บนพนื้ ทส่ี งู ทใี่ ชใ นผลิตภัณฑเ วชสําอางของมูลนธิ โิ ครงการหลวง ทําการศกึ ษาคุณลกั ษณะทางเภสชั เวท และขอ กําหนดมาตรฐานวตั ถดุ บิ และสารสกัดจากชาเมย่ี ง ท้งั สดและหมกั หญา ถอดปลอง และเย่อื หมุ เมล็ดฟก ขาว ซง่ึ มีการนาํ ไปใชเปนสว นประกอบในผลติ ภณั ฑเ วชสําอางของมูลนธิ โิ ครงการหลวง สําหรับใชในการควบคุมคุณภาพวัตถุดิบและสารสกัดท่ีใชเตรียมผลิตภัณฑพืชสมุนไพรของมูลนิธิโครงการหลวง โดยการนํา ไปวเิ คราะหเ ครื่องยาของชาเมยี่ งสด ชาเมย่ี งหมกั หญาถอดปลอ ง และเยือ่ หุมเมลด็ ฟก ขาว ตามขอ กาํ หนดของ Thai Herbal Pharmacopoeia และ WHO ประกอบดว ย การหาปรมิ าณความช้นื โดยหานาํ้ หนกั ท่หี ายไป ปริมาณเถารวม ปรมิ าณเถา ไมล ะลายในกรด ปรมิ าณนา้ํ มันระเหย และปรมิ าณสารสกัดดว ยวิธสี กดั เย็น จากการวเิ คราะหเครื่องยาในครัง้ น้ี สามารถนาํ ขอ มลู ไปจดั ทาํ ขอกําหนดมาตรฐานวตั ถดุ บิ และควบคุมคณุ ภาพของวตั ถดุ ิบสมุนไพรทัง้ 3 ชนดิ ใหมีความสมํา่ เสมอกอนท่ีจะ ใชเ ตรียมผลติ ภัณฑเคร่อื งสาํ อางของมูลนิธโิ ครงการหลวงตอ ไป 6. การวจิ ัยและพฒั นาผลติ ภณั ฑเ วชสําอางนาโนสําหรับเสนผม ทําการศึกษาขอมูลพืชทองถ่ินบนพ้ืนท่ีสูงท่ีมีการนํามาใชกับเสนผมและหนังศีรษะ ประกอบดวย หญาถอดปลอง วานน้ํา ขิง ไพล ขา ขมิน้ โรสแมรี่ ออรกิ าโน ลาเวนเดอร งาขมี้ อน มะเยาหนิ และราํ ขา ว พบวา สารสกัดหญา ถอดปลองมี ความปลอดภัยและมีฤทธิ์กระตุนการงอกของเสนผมดีที่สุด รองลงมาคือ สารสกัดวานนํ้า สารสกัดไพล และสารสกัดขิง ตามลําดับ จากน้ันนําไปพัฒนาตนแบบผลิตภัณฑกระตุนการงอกของเสนผมนั้นเลือกระบบนําสงไขมันอนุภาคนาโนพ้ืนท่ี ดีทส่ี ุด ประกอบไปดว ย GMS-2 นาํ้ มันรําขา ว Span 20 และนา้ํ กล่นั ซงึ่ มีคุณลักษณะและความคงตวั ดี จึงไดน ําไปประเมนิ ความพงึ พอใจตน แบบผลติ ภณั ฑ ในอาสาสมคั ร เปรยี บเทยี บกบั ผลติ ภณั ฑท มี่ จี าํ หนา ยในทอ งตลาด ซง่ึ พบวา ตน แบบผลติ ภณั ฑ จากการวิจัยไดรับความพึงพอใจสูงท่ีสุด ทั้งในดานลักษณะและเนื้อผลิตภัณฑ สี กลิ่น ความมันหรือการเหนอะเหนียว และความเหมาะสมกับการใชก ับเสน ผมและหนงั ศีรษะ 96 สรปุ ผลงานวิจัย สถาบันวจิ ัยและพฒั นาพืน้ ทส่ี ูง (องคก ารมหาชน) ประจําปง บประมาณ พ.ศ. 2561
ผลผลิตท่สี าํ คญั ของงานวิจยั 3 1. ผลิตภณั ฑต นแบบในระดบั หอ งปฏิบตั ิการ จํานวน 7 ผลติ ภณั ฑ 2. สงมอบผลติ ภณั ฑต น แบบจากการวจิ ยั ใหมลู นิธิโครงการหลวง จาํ นวน 6 ผลิตภณั ฑ แผนท่ี 3. ผลติ ภณั ฑจากการวิจยั มีการตอ ยอดหรือนาํ ไปใชป ระโยชนในระดับชมุ ชน จาํ นวน 2 ผลิตภณั ฑ แผนการนาํ ผลงานวิจยั ไปใชประโยชน 1. การใชประโยชนเ ชิงวิชาการ 1.1 นําองคค วามรทู ไี่ ดใ นป พ.ศ. 2561 ไปใชตอ ยอดงานวจิ ัยป พ.ศ. 2562 ดงั นี้ 1) การวิจยั และพฒั นาตอ ยอดตนแบบผลติ ภณั ฑจ ากการวจิ ยั เพ่อื นาํ ไปสกู ารใชป ระโยชนใ นเชิงพาณิชย 2) การวิจัยและพัฒนาเทคโนโลยีการสกัดสมุนไพรสําหรับใชในกระบวนการผลิตเวชสําอางของมูลนิธิ โครงการหลวง 3) จัดทํารางขอกําหนดสําหรับนําไปใชในการควบคุมคุณภาพของวัตถุดิบใหมีความสม่ําเสมอกอนที่จะใช เตรียมผลิตภณั ฑเครอ่ื งสําอางของมลู นิธิโครงการหลวง เพ่ือใหไดผลิตภัณฑท ี่มีคณุ ภาพสผู ูบรโิ ภคตอ ไป 2. การใชประโยชนเ ชงิ พาณิชย 2.1 สงมอบตน แบบผลติ ภัณฑใ หก บั มูลนธิ โิ ครงการหลวง จํานวน 6 ผลติ ภัณฑ ไดแก 1) นํ้ามนั ลา งเครอื่ งสําอาง (Cleansing oil) 2) สบเู หลวอาบนํ้าและสระผมสําหรับเดก็ (Baby head to toe wash) 3) แชมพสู มุนไพรขจดั รังแค (Herbal Anti-dandruff shampoo) 4) ครีมนวดผมสมนุ ไพรขจัดรงั แค (Anti-dandruff conditioner) 5) ทรีตเมน ทส มนุ ไพรขจดั รังแค (Anti-dandruff treatment mask) 6) เซร่มั สมนุ ไพรขจดั รงั แค (Anti-dandruff hair serum) 2.2 รา งทรพั ยสนิ ทางปญ ญาเพอ่ื คมุ ครองผลงานวิจัยของสถาบัน จํานวน 3 รายการ ไดแ ก 1) สูตรตํารบั ผลติ ภณั ฑบ าํ รงุ ผิวรอบดวงตาจากสารสกดั คาเทชิน 2) สูตรตํารบั ผลิตภัณฑน ํา้ มนั ลางเคร่อื งสาํ อาง 3) สูตรตาํ รบั ผลิตภณั ฑย บั ยัง้ เชอ้ื ราสาเหตรุ งั แค สรุปผลงานวิจัย สถาบันวจิ ยั และพัฒนาพน้ื ท่ีสงู (องคการมหาชน) 97 ประจําปงบประมาณ พ.ศ. 2561
3. โครงการวิจัยและพัฒนาผลิตภัณฑชีวภาพเกษตรจากความหลากหลายทางชีวภาพ บนพ้นื ทีส่ งู พ้นื ที่สูงเปน แหลง ตน นํ้าและทรัพยากรธรรมชาติสําคัญ มีพรรณพชื และจลุ ินทรียที่มปี ระโยชน สามารถนาํ ไปผลิตเปน ชวี ภณั ฑเ กษตรหรอื ผลติ ภณั ฑท ดแทนสารเคมที มี่ คี ณุ ภาพในหลากหลายรปู แบบ สาํ หรบั ใชเ พาะปลกู พชื เศรษฐกจิ บนพน้ื ทส่ี งู เพอ่ื ลดผลกระทบจากการใชส ารเคมที ไี่ มถ กู ตอ งและสรา งความปลอดภยั ใหก บั เกษตรกรผบู รโิ ภคและสงิ่ แวดลอ ม กจิ กรรมวจิ ยั ตลอดระยะเวลา 3 ป ประกอบดวย การคัดเลือกชนิดพืชและสายพันธุจุลินทรียตามคุณสมบัติที่ตองการ วิจัยและพัฒนา เปน ตนแบบสารชวี ภัณฑแ ละสารทดแทนสารเคมี พรอมคดั เลือกวธิ ีการใช จากนั้นนําไปทดสอบและประเมนิ ผลการใชจนได ผลติ ภัณฑท ี่ตรงกับความตอ งการของเกษตรกร สรปุ ผลการดาํ เนนิ งาน ดังนี้ 1. การวิจัยและพฒั นาชีวภัณฑป องกนั กําจดั โรคราสีเทา Botrytis cinerea ของพรกิ หวาน เปน งานวิจยั ปท ่ี 1 ไดค ัดเลือกแบคทีเรยี ปฏปิ ก ษ ไอโซเลท 28 และ 98 ที่มีประสทิ ธภิ าพยบั ยัง้ เสน ใยราสาเหตโุ รคสงู ถงึ 90 และ 80 เปอรเ ซน็ ต มาเปนสวนประกอบหลักของการผลิตเปนผงชีวภัณฑ ซ่ึงการเพ่ิมปริมาณเช้ือทั้ง 2 ชนิด ในอาหารเล้ียงเช้ือแบบเหลวสูตร แปงถว่ั เหลือง และสตู รเมลด็ ถ่วั เหลอื ง pH 6 เลย้ี งนาน 3 วัน ทําใหเชอื้ เจรญิ ดที ่ีสดุ ×1010 cfu/ml โดยมีตน ทนุ คา อาหาร 5.36 และ 3.26 บาทตอ ลติ ร ตามลาํ ดบั 2. การวจิ ยั และพฒั นาชวี ภณั ฑป อ งกนั กาํ จดั โรคแผลเนา ของอาโวคาโด เปน งานวจิ ยั ตอ เนอ่ื งปท ี่ 2 ไดค ดั เลอื กวธิ ี การใชตนแบบผงชีวภัณฑที่ผลิตจากเช้ือแบคทีเรียปฏิปกษ ไอโซเลท SDF เปรียบเทียบอัตราผสมและระยะเวลาการฉีดพน สารแขวนลอยของผงชวี ภณั ฑเ ขาตนอาโวคาโด โดยพบวา ตน แบบผงชีวภณั ฑ อัตรา 150 กรัมตอ น้าํ 20 ลติ ร พนทุก 14 วนั ใชน านตอ เนอื่ ง 3 เดอื น สามารถควบคมุ อาการแผลเนา ทโี่ คนและลาํ ตน ได 40 เปอรเ ซน็ ต มตี น ทนุ คา ชวี ภณั ฑ 3.97 บาทตอ ตน ซ่งึ มปี ระสทิ ธภิ าพเทา กบั การฉดี สารฟอสโฟนคิ แอซดิ เขา ตนอาโวคาโด ทุก 30 วัน ทม่ี ตี นทนุ คา สาร 18 บาทตอตน อาการโรคลาํ ตนเนา ของพรกิ โรคแผลเนาของอาโวคาโด ลกั ษณะเชอ้ื แบคทีเรยี ที่แยกไดจ ากตนพชื และดิน ลกั ษณะการยับยั้งเชอ้ื สาเหตุโรคแผลเนาอาโวคาโด ของตน แบบชีวภัณฑ SDF 98 สรุปผลงานวจิ ัย สถาบนั วิจัยและพฒั นาพื้นทส่ี งู (องคก ารมหาชน) ประจาํ ปงบประมาณ พ.ศ. 2561
3. การวจิ ยั และพัฒนาปุย อินทรีย เปนงานวิจยั ตอ เน่อื งปท ่ี 2 ผลการคัดเลอื กวธิ กี ารผลติ ตนแบบปยุ อนิ ทรยี ทผี่ สม จลุ นิ ทรยี ส ง เสรมิ การเจรญิ เตบิ โตพชื 2 สายพนั ธุ คอื การหมกั ผงหวั เชอื้ จลุ นิ ทรยี MN6 สตู รเพอรไ ลทก บั ปยุ โครงการผกั อนิ ทรยี (อัตรา 1:4) นาน 1 เดือน ใหความเขมขนเชื้อ 10.40 log CFU/g ไมแตกตางกับสูตรไดอะตอมไมทผสมกับปุยอินทนนท ที่ไดเชื้อ 10.32 สวนจุลินทรีย FT2 เพ่ิมปริมาณไดดีหลังนําผงหัวเชื้อสูตรเพอรไลทผสมกับปุยโครงการผักอินทรียและ ปุยแมท าเหนอื ไดเชอื้ เขมขน 9.29 และ 8.87 log CFU/g การใหป ุย อินทรยี ทผี่ ลติ จากปยุ อนิ ทนนทผสมผงหัวเช้ือ perlite และ diatomite ชว ยทาํ ใหน ํ้าหนักสดของเบบค้ี อสสงู ถงึ 185.14 และ 137.45 กรัมตอตน ซ่ึงมากกวา วิธกี ารของเกษตรกร 3 ผงหวั เชอื้ แตละสูตรวัสดุรองรบั ตนเบบ้ีคอสที่ใชป ุยอนิ ทรยี ท มี่ ีหวั เชอื้ MN6 และ FT2 แผนท่ี 4. การศึกษาและทดสอบประสิทธิภาพผลิตภัณฑ แปลงทดสอบการปอ งกนั กําจัดแมลงวนั เจาะลําตนถ่วั แขก ชวี ภาพเกษตรจากผลงานวจิ ยั แบบมสี ว นรว มของเกษตรกร ระบบ GAP พบวา (1) การใชส ารไลแ มลงสตู รครมี รว มกบั ชวี ภณั ฑเ ชอ้ื รา สาเหตุโรคแมลง อัตรา 250 กรัม ตอน้ํา 20 ลิตร กบั ดกั สารดึงดดู ดวงหมดั ผักแถบลาย มีประสิทธิภาพในการปองกันกําจัดแมลงวันเจาะลําตน ถ่ัวแขกระบบ GAP ดีกวาการฉีดพนสารเคมีของเกษตรกร สงผลใหไดน้ําหนักผลิตผล 52.93 กโิ ลกรมั ตอพืน้ ท่ี 1 งาน มีตน ทนุ คา สาร 85.89 บาท และเกษตรกรมีความพงึ พอใจ ในระดับท่ีดี แตในแปลงระบบอินทรียซึ่งฉีดพนเฉพาะ ชีวภัณฑเชื้อราสาเหตุโรคแมลงใหผลไมดี ตนถ่ัวแขกแสดง อาการเห่ียวและแหงตายสูงถึง 100 เปอรเซน็ ต (2) การใช ตนแบบกับดักแบบครอสรวมกับสารดึงดูดดวงหมัดผักใน paraffin gel และการหยดสารดงึ ดดู ในสาํ ลี สามารถดกั จบั ดว ง หมดั ผกั แถบลายในแปลงผกั กาดขาวปลไี ดส งู สดุ 26,042 ตัว และ 25,568 ตัว หลังติดตั้งนาน 28 วัน ทําใหเกษตรกร มีความพึงพอใจสูงมาก (3) ผลการใชชีวภัณฑท่ีผลิตจาก แบคทีเรียปฏิปกษ MTR13 เพ่ือปองกันกําจัดโรคเห่ียว จากเชอ้ื แบคทเี รยี Ralstonia solanacearum ของปทมุ มา ตอ งทดสอบยนื ยันผลในปต อ ไปอีกครั้ง (4) การรองกน หลมุ กอนปลูกตนกลาดวยผงชีวภัณฑลดปริมาณโลหะหนักในดิน ที่ผลิตจากไดอะตอมไมทและปูน อัตรา 1 ชอนชา รวมกับ การราดสารละลาย 0.1 เปอรเซ็นต ของเฟอรรัสซัลเฟต สรปุ ผลงานวิจัย สถาบนั วจิ ัยและพฒั นาพน้ื ท่สี งู (องคการมหาชน) 99 ประจําปงบประมาณ พ.ศ. 2561
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105
- 106
- 107
- 108
- 109
- 110
- 111
- 112
- 113
- 114
- 115
- 116
- 117
- 118
- 119
- 120
- 121
- 122
- 123
- 124
- 125
- 126
- 127
- 128
- 129
- 130
- 131
- 132
- 133
- 134
- 135
- 136
- 137
- 138
- 139
- 140
- 141
- 142
- 143
- 144
- 145
- 146
- 147
- 148
- 149
- 150
- 151
- 152