Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore แผนการจัดการเรียนรู้วิชาเทคโนโลยีสารสนเทศเพื่อการจัดการอาชีพ

แผนการจัดการเรียนรู้วิชาเทคโนโลยีสารสนเทศเพื่อการจัดการอาชีพ

Published by sarunyapromic, 2019-09-24 09:33:01

Description: แผนการจัดการเรียนรู้
รหัสวิชา 3001-2001 วิชาเทคโนโลยีสารสนเทศเพื่อการจัดการอาชีพ
หลักสูตรประกาศนียบัตรวิชาชีพชั้นสูง (ปวส.)พุทธศักราช 2557
ภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2562

Search

Read the Text Version

แผนการจัดการเรียนรู้ รหสั วชิ า 3001-2001 วิชาเทคโนโลยสี ารสนเทศเพอ่ื การจัดการอาชีพ หลักสตู รประกาศนยี บัตรวชิ าชีพชั้นสูง (ปวส.)พุทธศกั ราช 2557 ภาคเรียนท่ี 1 ปกี ารศกึ ษา 2562 โดย นางสาวสรัญญา ชมุ ชนะ ตาแหนง่ ครูพิเศษสอน แผนกวิชา คอมพิวเตอร์ธุรกิจ วิทยาลยั การอาชพี พรหมครี ี สานักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา กระทรวงศกึ ษาธกิ าร

รายการตรวจสอบและอนุญาตให้ใช้ แผนการจัดการเรยี นรู้ รหัสวชิ า 3001-2001 วิชาเทคโนโลยสี ารสนเทศเพ่อื การจดั การอาชพี ระดบั ชัน้ ประกาศนยี บตั รวชิ าชพี ชัน้ สงู สาขาวิชาคอมพิวเตอรธ์ ุรกิจ ภาคเรียนท่ี 1 ปีการศกึ ษา 2562 ครผู สู้ อน ครูสรัญญา ชมุ ชนะ แผนกวิชา คอมพิวเตอร์ธรุ กิจ  ควรอนุญาตให้ใชใ้ นการสอนได้  ควรปรบั ปรงุ เกย่ี วกับ ลงช่ือ............................................... (นายเกษมสนั ต์ สังขท์ อง) หวั หนา้ แผนกวิชาคอมพวิ เตอรธ์ ุรกิจ …… / ....... / 2562  เห็นควรอนุญาตใหใ้ ช้ในการสอนได้  ควรปรบั ปรุงดังเสนอ  อื่น ๆ ลงช่ือ.............................................. (นายวินัย หมนื่ รกั ษ)์ รองผอู้ านวยการฝ่ายวชิ าการ .........../................/.............  อนญุ าตใหใ้ ช้ในการสอนได้  อน่ื ๆ ลงชอ่ื .............................................. (นายอภชิ าติ พิกลุ ทอง) ผอู้ านวยการ .........../............./...........

คานา แผนการจัดการเรียนรู้ มุ่งเน้นฐานสมรรถนะ และบูรณาการค่านิยมหลักของคนไทย 12 ประการ วิชา เทคโนโลยีสารสนเทศเพอื่ การจัดการอาชีพ รหสั วิชา 3001–2001 เล่มน้ีได้จัดทาขึ้นเพื่อใช้เป็นคู่มือประกอบการ สอน หรือเป็นแนวทางการสอนในรายวิชาเพื่อพัฒนาผู้เรียนเป็นสาคัญ ตามหลักสูตรประกาศ-นียบัตรวิชาชีพชั้นสูง พทุ ธศกั ราช 2557 ประเภทวิชาบริหารธรุ กิจ สานกั งานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา กระทรวงศึกษาธิการ การจัดทาได้มีการพัฒนาเพ่ือให้เหมาะสมกับผู้เรียน โดยแบ่งเนื้อหาเป็น 9 หน่วย การจัดกิจกรรม การเรียนการสอนยดึ ผเู้ รยี นเป็นสาคญั มีการบรู ณาการปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง และค่านิยมหลักของคนไทย 12 ประการ ไว้ในหน่วยการเรียนรู้ตามความเหมาะสม สอดคล้องกับเน้ือหา มีแบบฝึกหัด แบบทดสอบหลังเรียน พร้อม เฉลย มใี บงาน และสื่อการเรยี นการสอนต่าง ๆ เพ่ือให้เกิดประสิทธิผลแกผ่ เู้ รยี นมากยง่ิ ข้นึ ผู้จัดทาหวังว่าแผนการจัดการเรียนรู้เล่มน้ีคงจะเป็นแนวทางและเป็นประโยชน์ต่อครู -อาจารย์และ นักศึกษา หากมขี ้อเสนอแนะประการใด ผจู้ ัดทายินดีน้อมรบั ไว้เพ่ือปรบั ปรงุ แกไ้ ขในคร้ังตอ่ ไป ผูเ้ รียบเรียง (นางสาวสรัญญา ชมุ ชนะ) ตาแหน่ง ครูพิเศษสอน สารบัญ หน่วย/เรื่อง หน้า คานา (1)

สารบัญ (2) ลกั ษณะรายวิชา (3) หน่วยการสอน/การเรียนรู้ (4) ตารางวเิ คราะหห์ น่วยการเรียนรู้ (5) กาหนดการสอน (6) คุณธรรม จรยิ ธรรมและคณุ ลกั ษณะพึงประสงค์ (7) แนวทางการวัดและประเมินผล (8) แผนการจัดการเรยี นรู้ หนว่ ยที่ 1 แผนการจัดการเรียนรู้ หน่วยที่ 2 แผนการจัดการเรียนรู้ หน่วยท่ี 3 แผนการจัดการเรยี นรู้ หน่วยที่ 4 แผนการจัดการเรียนรู้ หนว่ ยท่ี 5 แผนการจดั การเรยี นรู้ หน่วยท่ี 6 แผนการจัดการเรยี นรู้ หนว่ ยท่ี 7 แผนการจัดการเรียนรู้ หน่วยที่ 8 แผนการจดั การเรยี นรู้ หน่วยที่ 9

แผนการจัดการเรยี นรู้ รหสั วชิ า 3001-2001ชอ่ื วชิ า เทคโนโลยีสารสนเทศเพื่อการจดั การอาชีพ จานวน 2หน่วยกิต 4 ชม./สปั ดาห์ หลักสูตร ประกาศนยี บตั รวิชาชพี ชัน้ สูง ประเภทวชิ า บรหิ ารธุรกจิ สาขาวชิ า คอมพิวเตอรธ์ ุรกิจ จุดประสงค์รายวชิ า 1. เข้าใจเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์และอุปกรณ์โทรคมนาคม ระบบเครือข่ายคอมพิวเตอร์และสารสนเทศ การ สือบค้นและสือ่ สารข้อมลู สารสนเทศในงานอาชพี 2. สามารถสืบค้น จัดเก็บ ค้นคืน ส่งผ่าน จัดดาเนินการข้อมูลสารสนเทศ นาเสนอและสื่อสาร ข้อมูล สารสนเทศในงานอาชพี โดยใชค้ อมพิวเตอรแ์ ละอุปกรณ์โทรคมนาคม และโปรแกรม สาเร็จรปู ทีเ่ กี่ยวขอ้ ง 3. มีคณุ ธรรม จริยธรรมและความรับผิดชอบในการใชเ้ ทคโนโลยสี ารสนเทศเพื่อการจัดการอาชพี สมรรถนะรายวิชา 1. แสดงความร้เู ก่ียวกับหลักการและกระบวนการสืบค้น จดั ดาเนนิ การและส่ือสารข้อมูลสารสนเทศ ในงาน อาชีพ โดยใช้คอมพิวเตอร์ อุปกรณ์โทรคมนาคม ระบบเครือข่ายคอมพิวเตอร์และ สารสนเทศ และโปรแกรม สาเร็จรูปท่เี กยี่ วข้อง 2. ใช้คอมพิวเตอร์และอุปกรณ์โทรคมนาคมในการสืบค้นและส่ือสารข้อมูลสารสนเทศผ่านระบบ เครือข่าย คอมพิวเตอร์และสารสนเทศ 3. จัดเก็บ ค้นคืน ส่งผา่ นและจดั ดาเนนิ การข้อมลู สารสนเทศตามลักษณะงานอาชีพ 4. นาเสนอและสอื่ สารข้อมูลสารสนเทศในงานอาชีพ โดยประยุกตใ์ ช้โปรแกรมสาเรจ็ รูป คาอธบิ ายรายวชิ า ศึกษาและปฏิบัติเก่ียวกับคอมพิวเตอร์และอุปกรณ์โทรคมนาคม ระบบเครือข่ายคอมพิวเตอร์และ สารสนเทศ การสืบค้นข้อมูลสารสนเทศ การจัดเก็บ ค้นคืน ส่งผ่านและจัดดาเนินการข้อมูลสารสนเทศ การ ประยุกต์ใชโ้ ปรแกรมสาเร็จรปู ในการน าเสนอและสื่อสารขอ้ มลู สารสนเทศตามลักษณะงานอาชพี

การวเิ คราะห์หนว่ ยการเรียนรแู้ ละสมรรถนะรายวิชา รหสั วิชา 3001-2001ช่ือวชิ า เทคโนโลยสี ารสนเทศเพ่ือการจดั การอาชีพ จานวน 2หนว่ ยกติ 4 ชม./สปั ดาห์ หน่วยท่ี ชอื่ หน่วยการเรียนรู้ สมรรถนะรายวิชา 1 ความรู้เกี่ยวกับคอมพิวเตอรแ์ ละ 1. แสดงความรู้เกย่ี วกบั หลักการและกระบวนการใช้คอมพิวเตอร์ อุปกรณ์โทรคมนาคม 2. ข้อมูลระบบสารสนเทศ 3. องค์ประกอบระบบโทรคมนาคม 4. ประเภทเครือข่ายคอมพวิ เตอร์ 5. จรยิ ธรรมในการใช้คอมพวิ เตอร์ 2 ระบบเครือข่ายคอมพวิ เตอรแ์ ละ 1. ความหมายของการสืบคน้ ข้อมลู สารสนเทศ สารสนเทศ 2. ประเภทของการสบื ค้นข้อมลู สารสนเทศ 3. ประโยชนข์ อง Search Engine 4. การดาเนนิ ขอ้ มลู สารสนเทศในแบบต่าง ๆ 5. มเี จตตทิ ดี่ ีในการระบบสารสนเทศ 3 การสืบคน้ ขอ้ มลู สารสนเทศ 1. วธิ กี ารสืบคน้ ข้อมูล 2. ประเภทของการสบื คน้ ขอ้ มูล 4 การจดั เกบ็ สบื ค้น ส่งผ่านขอ้ มลู 1. การจัดเก็บขอ้ มลู สารสนเทศ สารสนเทศ 2. การสง่ ผ่านข้อมลู สารสนเทศ 3 การปฏิบตั งิ านสารสนเทศในแบบต่าง ๆ 5 โปรแกรมดา้ นเอกสารในการสอื่ สาร ขอ้ มูล1. การใช้ Google App สารสนเทศ 2. การใชโ้ ปรแกรม Google Doc 3. การใช้งานและเครือ่ งมอื ตา่ ง ๆ 4. การสร้างและจดั เก็บชน้ิ งาน 6 โปรแกรมตารางค านวณในการสอ่ื สาร 1. การใชโ้ ปรแกรม Google ตารางคานวณ ข้อมลู สารสนเทศ 2. การใช้งานและเคร่ืองมือตา่ ง ๆ 3. การสรา้ งและจัดเก็บชน้ิ งาน 7 โปรแกรมน าเสนอในการสือ่ สารขอ้ มูล 1. การใช้โปรแกรม Google นาเสนอ สารสนเทศ 2. การใชง้ านและเครอื่ งมือต่าง ๆ 3. การสรา้ งและจดั เก็บชน้ิ งาน 8 การสรา้ งฟอรม์ ในระบบสารสนเทศ 4. การใชโ้ ปรแกรม Google Form 5. การใช้งานและเครอื่ งมือตา่ ง ๆ 6. การสร้างและจดั เก็บชิ้นงาน 9 การประยกุ ต์การใชง้ านด้วยระบบ การใช้โปรแกรมต่างๆ มาสรา้ งชิน้ งานเพื่อใช้ สารสนเทศ ในระบบสารสนเทศ

ตารางวเิ คราะห์หน่วยการเรยี นรูแ้ ละเวลาทีใ่ ชใ้ นการจัดการเรียนรู้ รหัสวชิ า 3001-2001ชอ่ื วิชา เทคโนโลยีสารสนเทศเพื่อการจัดการอาชีพ จานวน 2 หน่วยกติ 4 ชม./สปั ดาห์ หนว่ ยที่ ช่ือหน่วยการเรียนรู้และรายการสอน สปั ดาหท์ ่ี ชัว่ โมงที่ 1-2 1-8 1 ความรู้เกย่ี วกับคอมพิวเตอร์และอปุ กรณโ์ ทรคมนาคม 2 ระบบเครือข่ายคอมพิวเตอร์และสารสนเทศ 3-4 9-16 3 การสบื คน้ ข้อมูลสารสนเทศ 5-6 17-24 4 การจดั เก็บ สืบคน้ สง่ ผา่ นข้อมลู สารสนเทศ 7 25-32 5 โปรแกรมดา้ นเอกสารในการสื่อสารข้อมูลสารสนเทศ 8-9 33-40 สอบกลางภาค 10 6 โปรแกรมตารางค านวณในการสอื่ สารข้อมลู สารสนเทศ 11-12 41-48 7 โปรแกรมน าเสนอในการส่ือสารขอ้ มลู สารสนเทศ 13-14 49-56 8 การสร้างฟอร์มในระบบสารสนเทศ 15-16 57-64 9 การประยุกตก์ ารใช้งานด้วยระบบสารสนเทศ 17-18 65-72 สอบปลายภาค 18 73-76 รวม 18 72

ตารางวิเคราะหห์ ลักสูตรรายวชิ า รหัสวชิ า 3001-2001ช่ือวิชา เทคโนโลยสี ารสนเทศเพ่ือการจดั การอาชีพ จานวน 2 หน่วยกิต 4 ชม./สปั ดาห์ หนว่ ย ระดับพฤติกรรมท่ีพึงประสงค์ เวลา ท่ี ช่ือหน่วยการเรยี นรู้ พทุ ธิพิสยั ทักษะ จิต (ชม.) 1 2 3 4 5 6 พิสัย พสิ ยั 1 ความรูเ้ ก่ียวกบั คอมพิวเตอรแ์ ละอปุ กรณ์ 1 1 1 - - 1 6 2 โทรคมนาคม 2 ระบบเครือข่ายคอมพวิ เตอร์และสารสนเทศ 1 1 1 - - 1 6 2 3 การสบื ค้นข้อมูลสารสนเทศ 1 1 1 --1 6 2 4 การจัดเก็บ สบื ค้น สง่ ผ่านข้อมลู สารสนเทศ 1 1 1 - - 1 4 2 5 โปรแกรมด้านเอกสารในการสื่อสารข้อมูล 1 1 1 1 1 1 5 2 สารสนเทศ 6 โปรแกรมตารางคานวณในการสอ่ื สารขอ้ มลู 1 1 1 1 1 1 5 2 สารสนเทศ 7 โปรแกรมนาเสนอในการส่ือสารขอ้ มูล 1 1 1 111 5 1 สารสนเทศ 8 การสรา้ งฟอรม์ ในระบบสารสนเทศ 1 1 1 111 4 1 9 การประยุกต์การใช้งานด้วยระบบสารสนเทศ 1 1 1 1 1 1 3 1 รวม 9 9 9 6 2 8 60 20 ความสาคัญ/สดั ส่วนคะแนน (รอ้ ยละ) 20 หมายเหตุ ระดับพุทธิพิสยั 1 = ความจา 2 = ความเขา้ ใจ 3 = การนาไปใช้ 4 = วเิ คราะห์ 5 = สงั เคราะห์ 6 = ประเมินค่า

รายการสอนรายหน่วย รหสั วชิ า 3001-2001ชอื่ วิชา เทคโนโลยีสารสนเทศเพื่อการจัดการอาชีพ จานวน 2 หน่วยกิต 4 ชม./สปั ดาห์ หน่วยท่ี ว/ด/ป รายการสอน (หวั ขอ้ สอน) เวลาเรียน (ชม.) 1 14 พ.ค. 62 ปฐมนเิ ทศการเรยี นการสอน 4 ถึง -แนะนาการเรียนการสอน 15 พ.ค. 62 -แนะนาการวัดผลประเมนิ ผล -แนะนานกั เรยี นเก่ียวกบั การเรยี นการสอนแบบบรู ณาการคณุ ธรรมจรยิ ธรรม และคุณลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์ ตามหลกั ปรัชญาเศรษฐกิจพอเพและการบูรณาการ เนื้อหาวิชาแบบสหวทิ ยาการ ทุกหนว่ ยการสอนตลอดหลักสูตร ความรู้เกย่ี วกับคอมพวิ เตอรแ์ ละอปุ กรณโ์ ทรคมนาคม - ประวัติคอมพิวเตอร์ ประเภทของคอมพวิ เตอร์ - กระบวนการทางานของคอมพวิ เตอร์ - องคป์ ระกอบของระบบคอมพิวเตอร์ - หนว่ ยความจาของคอมพวิ เตอร์ - ฮาร์ดแวร์และซอฟทแ์ วร์ - กระบวนการท างานของคอมพิวเตอร์ 1 21 พ.ค. 62 อุปกรณ์ระบบเครอื ขา่ ย 4 ถึง - อปุ กรณ์ทใ่ี ช้สาหรับระบบเครอื ข่าย 22พ.ค. 62 - ความสามารถของอุปกรณเ์ ครือขา่ ยแตล่ ะประเภท - รูปแบบการเชอ่ื มตอ่ ระบบเครือข่าย - ขอ้ ดี-ขอ้ เสยี ของการเชือ่ มตอ่ ของระบบเครอื ข่ายแต่ละแบบ - ลักษณะของอปุ กรณเ์ ก็บข้อมูล - ลกั ษณะของอปุ กรณก์ ารแสดงผลขอ้ มูล - ลกั ษณะของเครอื่ งพมิ พแ์ ต่ละชนดิ - โปรแกรมตา่ งๆ และโปรแกรมUtility ตา่ งๆ - วดั และประเมนิ ผล

หนว่ ยท่ี ว/ด/ป รายการสอน (หัวข้อสอน) เวลาเรียน (ชม.) 2 28 พ.ค. 62 ระบบเครือขา่ ยคอมพิวเตอร์และสารสนเทศ 4 ถงึ - ความหมายของระบบเครือขา่ ย 4 29 พ.ค. 62 - รปู แบบของระบบเครือขา่ ย - อปุ กรณท์ ีใ่ ช้ในระบบเครอื ข่าย 4 - การเลือกใชอ้ ุปกรณ์ระบบเครือขา่ ย 4 2 4 มิ.ย. 62 -ข้อดีของการใชเ้ ช่ือมต่อระบบเครอื ข่ายแต่ละประเภท ถึง -ข้อเสียของการใชเ้ ชอื่ มต่อระบบเครอื ขา่ ยแตล่ ะประเภท 5 มิ.ย. 62 - การเลือกใชอ้ ุปกรณ์ท่ีใชใ้ นระบบเครือข่ายในการทางาน - การกาหนดคา่ ในการตดิ ตง้ั อุปกรณร์ ะบบเครอื ขา่ ย - มาตรฐานระบบเครือข่าย - ซอฟท์แวรร์ ะบบเครอื ข่าย - เครือขา่ ยไร้สาย 3 11 ม.ิ ย. 62 การสืบคน้ ข้อมลู สง่ ผา่ นข้อมูลสารสนเทศ ถงึ - ความหมายของอนิ เทอร์เนต็ 12 ม.ิ ย. 62 - ความหมายของ ISP - ความเป็นมาของอนิ เทอรเ์ นต็ - โปรโตคอลต่าง ๆ เชน่ TCP/IP - ชื่อโดเมน - E-Mail - รปู แบบของ E-mail address 3 18 ม.ิ ย. 62 - การใช้ Serch engin ถึง - การจดั เก็บข้อมูลทไ่ี ดจ้ ากสารสนเทศ 19 ม.ิ ย. 62 - การใช้สารสนเทศทางธรุ กจิ - การใช้สารสนเทศทางเศรษฐกจิ - การใช้สารสนเทศทางสงั คม - การใช้สารสนเทศทางสงั คม

หน่วยที่ ว/ด/ป รายการสอน (หวั ขอ้ สอน) เวลาเรยี น (ชม.) 4 25 ม.ิ ย. 62 - การจดั เกบ็ /คน้ หาเอกสารข้อความจากสารสนเทศ 4 ถงึ - การคน้ หา/จัดเก็บขอ้ มลู รูปภาพ 4 26 ม.ิ ย. 62 - การคน้ หาข้อมลู ทต่ี ้องการจาก Serch engine อ่นื ๆ - การดาวนโ์ หลดไฟล์ 4 5 2 ก.ค. 62 โปรแกรมด้านเอกสารในการส่ือสารข้อมูลสารสนเทศ 4 ถึง - การเรียกใช้ Google Doc 4 3 ก.ค. 62 - การใช้เครือ่ งมอื ตา่ ง ๆ ของ Google Doc - การสรา้ งเอกสารรูปแบบต่าง ๆ 5 9 ก.ค. 62 - ปฏบิ ัติการสรา้ งเอกสารแบบฟอร์ม ถึง - ปฏบิ ตั กิ ารสร้างแผน่ พบั 10 ก.ค. 62 - ปฏบิ ตั ิการสร้างเอกสารแบบคอลัมน์ 16 ก.ค. 62 สอบกลางภาค ถงึ 17 ก.ค. 62 6 23 ก.ค. 62 โปรแกรมตารางคานวณในการส่อื สารข้อมลู สารสนเทศ ถงึ - การเรยี กใช้ Google sheets 24 ก.ค. 62 - การใชเ้ ครอ่ื งมือต่าง ๆ ของ Google sheets - การสร้างเอกสารรูปแบบต่าง ๆ 6 30 ก.ค. 62 - การสร้างแบบฟอรม์ เอกสาร ถงึ - การใช้งานดา้ นคานวณ 31 ก.ค. 62 - การใช้งานดา้ นฐานข้อมูล - ปฏิบัติใบงาน

หนว่ ยที่ ว/ด/ป เวลาเรยี น 7 6 ส.ค. 62 โปรแกรมนาเสนอในการสือ่ สารขอ้ มูลสารสนเทศ (ชม.) ถึง - การเรยี กใช้ Google slide 7 ส.ค. 62 - การใช้เครื่องมอื ต่าง ๆ ของ Google slide 4 - การสร้างสไลด์และจัดรปู แบบตา่ ง ๆ - การกาหนดรูปแบบการเคล่อื นไหวของสไลด์ 4 4 7 13 ส.ค. 62 - การสรา้ งสไลด์เน้ือหา 4 ถงึ - การจัดรูปแบบสไลด์ 14 ส.ค. 62 - การปรบั แตง่ สไลดแ์ ละแก้ไขสไลด์ 4 - ปฏิบัติใบงาน 8 20 ส.ค. 62 การสร้างฟอรม์ ในการสื่อสารขอ้ มลู สารสนเทศ ถงึ - การเรยี กใช้ Google form 21 ส.ค. 62 - การใช้เครอ่ื งมอื ต่าง ๆ ของ Google form - การออกแบบฟอรม์ และจดั รูปแบบต่าง ๆ 8 27 ส.ค. 62 - การเรยี กใช้ Google form ถึง - การสรา้ งแบบฟอรม์ อเิ ล็กทรอนกิ ส์ 28 ส.ค. 62 - การแก้ไขและออกแบบปุ่มต่างๆ บนแบบฟอรม์ - ปฏิบตั ใิ บงานสรา้ งแบบฟอรม์ ต่าง ๆ 9 3 ก.ย. 62 การประยุกต์การใชง้ านดว้ ยระบบสารสนเทศ ถงึ - การเรยี กใช้ Google drive 4 ก.ย. 62 - การupload ไฟลไ์ ปไว้ใน Google drive - การเรียกใชง้ านและการคัดลอกไฟล์ 9 3 ก.ย. 62 - การแชร์ไฟล์จาก Google drive ถงึ - การแชรไ์ ฟล์จาก Google drive ไปยัง line 4 ก.ย. 62 - การสรา้ งเอกสารอน่ื ๆ สอบปลายภาค

แผนการจัดการเรยี นรู้ท่ี 1 หนว่ ยที่ 1 ชอื่ วชิ า เทคโนโลยีสารสนเทศเพอื่ การจดั การอาชพี (3001–2001) เวลาเรยี นรวม 72 คาบ ชื่อหน่วย ความรู้เบ้ืองต้นเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์และอุปกรณ์ สอนครง้ั ท่ี 1/18 โทรคมนาคม ชอื่ เรอ่ื ง ความรู้เบือ้ งต้นเกีย่ วกับคอมพวิ เตอรแ์ ละอุปกรณโ์ ทรคมนาคม จานวน 4 คาบ 1. สาระสาคัญ การใช้คอมพิวเตอร์เบ้ืองต้น กระบวนการทางานของคอมพิวเตอร์ ความหมายของเทคโนโลยี สารสนเทศ ประเภทของคอมพวิ เตอร์ ระบบคอมพิวเตอร์ ฮารด์ แวร์ซอฟท์แวร์ ภาษาคอมพิวเตอร์ จริยธรรม ในการใช้ระบบเครอื ข่าย 2. จดุ ประสงค์การเรยี นรู้ 1. บอกความหมายของคอมพวิ เตอร์และอุปกรณ์โทรคมนาคมได้ 2. บอกหลักการทางานของคอมพวิ เตอร์และอปุ กรณโ์ ทรคมนาคมได้ 3. บอกองคป์ ระกอบพ้นื ฐานของคอมพิวเตอรไ์ ด้ 4. บอกความหมายและหน้าทีข่ องแป้นพมิ พไ์ ด้ 5. บอกความหมายและวิธกี ารใชเ้ มาส์ได้ 6. บอกวิธกี ารใช้และการบารุงรกั ษาเครื่องคอมพิวเตอร์และอุปกรณโ์ ทรคมนาคมได้ 3. สาระการเรยี นรู้ 1. ความหมายของคอมพิวเตอรแ์ ละอุปกรณ์โทรคมนาคม 2. หลักการทางานของคอมพิวเตอรแ์ ละอปุ กรณโ์ ทรคมนาคม 3. องคป์ ระกอบพื้นฐานของคอมพิวเตอร์ 4. ความหมายและหน้าทขี่ องแปน้ พมิ พ์ 5. ความหมายและวิธีการใช้เมาส์ 6. วิธกี ารใชแ้ ละการบารุงรักษาเครื่องคอมพิวเตอร์และอปุ กรณโ์ ทรคมนาคม 4. สมรรถนะประจาหนว่ ย แสดงความรู้เบือ้ งตน้ เกย่ี วกบั คอมพวิ เตอรแ์ ละอปุ กรณ์โทรคมนาคม 5. วเิ คราะหต์ ามหลักปรชั ญาเศรษฐกิจพอเพียง หลกั ความพอประมาณ - พอประมาณกบั ความตอ้ งการในการดาเนนิ ชวี ติ และการใชจ้ า่ ยในการดาเนินการ

หลักความมีเหตุผล - การจัดการบริหารงานทด่ี าเนินการใหเ้ กิดประสิทธภิ าพสูงสุด - สรา้ งลักษณะนิสยั ในการวางแผนการดาเนินงาน หลักภมู คิ มุ้ กนั - ป้องกันการเสียหายทีจ่ ะเกิดขึน้ ตอ่ การดาเนนิ งาน - พจิ ารณาวางแผนการใชจ้ า่ ยไดอ้ ย่างรอบคอบ - พร้อมรับการเปล่ียนแปลงด้านตา่ งๆในอนาคต เงื่อนไขความรู้ - รเู้ กย่ี วกบั หลกั การและวธิ ีการคิดคานวณเพอื่ แก้ไขโจทย์ปญั หา - ทกั ษะกระบวนการคิดและนาวธิ ีการแก้ปญั หาจดั การแก้ไขปัญหาในชวี ิตประจาวนั เง่อื นไขคุณธรรม - ผู้เรียนมีความรอบคอบ ระมัดระวังและมีความซ้ือสตั ย์สุจรติ - ความพอประมาณในการดาเนนิ ชวี ิต - รจู้ ักการวางแผนและพจิ ารณา คานึงถึงเหตแุ ละผลในการใชจ้ ่าย การเชื่อมโยง 4 มติ ิ สังคม - การใชช้ ีวติ ประจาวนั ยดึ หลกั เศรษฐกิจพอเพยี งทาใหเ้ กิดความสุขในการดาเนินชวี ิต - การดูแลรักษาทรัพย์สนิ ร่วมกนั เศรษฐกจิ - ลดรายจ่ายทไ่ี มจ่ าเป็น ยึดหลักความประหยดั ในการดาเนนิ ชีวติ - เมื่อบุคคลในสังคมสามารถบริหารจัดการการใช้จ่ายในการดาเนินชีวิตประจาวันได้ดีจะทาให้ เศรษฐกจิ ระดับชมุ ชนและประเทศม่นั คง วัฒนธรรม - เกิดวฒั นธรรมใหมใ่ นการดารงชวี ิตตามแนวเศรษฐกิจพอเพียง - เปน็ การปฏิบตั ิตนตามจรรยาบรรณในการประกอบอาชพี สิ่งแวดล้อม - เกิดความปลอดภยั ในชวี ิตและทรัพย์สนิ - ความพอเพยี งจะไมท่ าให้เกดิ การเบยี ดเบยี นสงิ่ ต่าง ๆ รอบตัว 6. กระบวนการจัดการเรยี นรู้ 6.1 ขัน้ นาเข้าสบู่ ทเรียน 1. เชค็ ชอื่ นักเรียน ตรวจความเรียบรอ้ ยการแตง่ กาย และอปุ กรณก์ ารเรียน 2. ครูชี้แจงวตั ถุประสงค์หนว่ ยการเรียนร้ปู ระจาหนว่ ย และเกณฑก์ ารวดั ผลประเมินผล

6.2 ขั้นสอน 3. ครูแจกแบบทดสอบก่อนเรยี น 4. ครูเฉลยแบบทดสอบก่อนเรียน 5. นาเข้าสู่บทเรียนพูดเก่ียวกับการตรวจสอบความพร้อมของเคร่ืองและอุปกรณ์ต่าง ๆ การใช้ เครื่องคอมพิวเตอร์ ปล๊ักไฟ การใช้ห้องเรียน กติกาในระหว่างการเรียน แนะนาหัวข้อการ เรียนในหน่วยท่ี 1 ความรู้เกย่ี วกบั คอมพิวเตอรแ์ ละอปุ กรณโ์ ทรคมนาคม 6. ครสู าธิตแต่ละหัวข้ออธิบายและสรปุ แตล่ ะหวั ขอ้ 7. ครใู หน้ ักเรียนฝกึ ปฏิบตั ติ ามการสาธติ หรอื ปฏิบตั ิตามข้ันตอนในแบบเรียน 6.3 ข้ันสรปุ 8. ครูใหผ้ ูเ้ รียนช่วยกนั สรุปเน้อื หาทเ่ี รียนทงั้ หมดและมีการซักถามเพ่ือเน้นความเขา้ ใจ 9. ครูแจกแบบฝึกหัดท่ี 1 ให้ผู้เรียนทุกคนตอบคาถามลงในแบบฝกึ หดั ท่ี 1 แล้วเฉลยคาตอบ 10. ผู้เรียนจัดเกบ็ อปุ กรณแ์ ละดแู ลวามเรียบรอ้ ยของหอ้ งเรยี นก่อนเลิกเรียน 7. สอื่ การเรียนรู้ 1. เคร่อื งคอมพวิ เตอร์ 2. โปรเจ็คเตอร์ 8. กระบวนการวัดผลประเมินผล 8.1 ประเมินความรกู้ ่อนเรียน : การตอบคาถาม 8.2 ประเมนิ ผลการเรียนระหวา่ งเรียน 8.2.1 แบบประเมินผลการทากิจกรรม : แบบประเมินผลการทากจิ กรรมกลุ่ม 8.2.2 แบบประเมนิ คุณธรรม จรยิ ธรรม : สังเกตพฤตกิ รรมการเรยี น 8.3 ประเมินความร้หู ลังเรยี น : แบบทดสอบหลังเรียน 9.แบบฝึกหัด/ใบงาน/ความรู้ 1.แบบประเมนิ กอ่ นเรียนหน่วยที่ 1 2.แบบประเมนิ หลังเรยี นหน่วยที่ 1 3.ใบงานท่ี 1 10. เอกสารอ้างองิ /เอกสารอา้ งองิ ออนไลน์ 3. หนังสอื , E-book, Elearning, Website ท่ีเก่ยี วข้อง

11. บนั ทกึ หลงั การสอน 11.1 ผลการใชแ้ ผนการเรยี นรู้ จดั การเรยี นรู้ (ระบดุ ้วยการทาเคร่อื งหมาย / ในช่อง ท่ไี ดป้ ฏิบัติ ) ได้ตามแผนการเรยี นรู้ ไมไ่ ดต้ ามแผนการเรียนรู้ (ระบเุ หตผุ ล)…………………………………………… 11.2 ผลการเรียนของผู้เรยี น (บรรยายผลการเรยี นในแต่ละด้านตามสภาพจรงิ ) 1) ด้านความรู้ (ประเมนิ จากแบบฝกึ หัด/แบบทดสอบก่อนเรยี น/หลังเรียน) ................................................................................................................................................................ .............. 2) ดา้ นทักษะ (ประเมนิ ผลงานจากใบงาน/ใบกจิ กรรม/ชิ้นงาน ฯลฯ) .............................................................................................................................................................................. 3) ดา้ นจิตพิสยั (ประเมินจากแบบสังเกตและการตรวจผลงาน) .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. 11.3 ผลการสอนของครู (ขอ้ 2) - 6) ระบุดว้ ยการทาเครอื่ งหมาย / ในชอ่ ง ที่ไดป้ ฏบิ ตั )ิ 1) ใชเ้ ทคนิควิธกี ารสอนท่มี งุ่ เน้นสมรรถนะอาชีพ จานวน........วธิ ี ไดแ้ ก่ (ระบุเทคนิควธิ ีการสอนแตล่ ะวิธี) (1)..................................................................................................... (2)................................................................................................... (3)..................................................................................................... 2) มีการบรู ณาการคุณธรรม จริยธรรม ค่านยิ มและคุณลักษณะอนั พงึ ประสงค์ (ระบุ).................................................................................................................................... ไมบ่ รู ณาการคุณธรรม จริยธรรม ค่านิยมและคุณลกั ษณะอนั พึงประสงค์ (ระบุเหตผุ ล) ....................................................................... 3) มีการบูรณาการปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง ทุกหน่วย/บท ที่จัดการเรียนการสอน (ระบุ)................................................................................................................................................................... ไม่บูรณาการปรชั ญาของเศรษฐกจิ พอเพยี ง (ระบเุ หตุผล)…………………………............ 4) มกี ารใช้สือ่ และเทคโนโลยที ่ีเหมาะสมในการสอน ไดแ้ ก่ (ระบสุ ่อื และเทคโนโลยที ี่เหมาะสมท่มี ี/ทีใช/้ ทผ่ี ลติ /ทีจ่ ดั หา)…………………………………… .............................................................................................................................................................................. ไม่ใช้ส่อื และเทคโนโลยที เ่ี หมาะสมในการสอน (ระบุเหตผุ ล)......................................... 5) วัดผลและประเมินผลตามแผนการเรยี นรู้ (ระบวุ ิธกี ารวัดและประเมนิ ผล/จานวนครั้ง) .............................................................................................................................................................................. วัดผลและประเมินผลไม่เป็นไปตามแผนการเรยี นร(ู้ ระบุเหตุผล)

.............................................................................................................................................................................. 6) ผู้เรยี นมีสว่ นรว่ มในการวัดผลและประเมนิ ผล ผูเ้ รยี นไมม่ ีส่วนรว่ มในการวดั ผลและประเมนิ ผล(ระบเุ หตุผล)........................................ 11.4 ปัญหา แนวทางการแก้ปัญหาและขอ้ เสนอแนะ .............................................................................................................................................................................. ( นางสาวสรัญญา ชมุ ชนะ) ครูผสู้ อน ……../………………………../………… ความเหน็ หัวหน้าแผนกวิชา ....................................................................................................................................................................... (นายเกษมสนั ต์ สังขท์ อง) ……../………………………../………… ความเห็นรองผอู้ านวยการฝา่ ยวิชาการ .................................................................................................................................................................... ( นายวินยั หมนื่ รักษ์ ) ……../………………………../………… ผลการพิจารณา .............................................................................................................................................................................. (นายอภิชาติ พกิ ุลทอง) ผ้อู านวยการวทิ ยาลัยการอาชพี พรหมครี ี ……../………………………../…………

ใบความรู้ท่ี 1 ความรเู้ บื้องต้นเกยี่ วกับคอมพิวเตอรแ์ ละอุปกรณ์โทรคมนาคม 1.1 คอมพิวเตอร์ หมายถึง คอมพิวเตอร์ คือ อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ที่ทางานตามชุดคาสั่งอย่างอัตโนมัติ โดยจะทาการคานวณ เปรียบเทียบ ทางตรรกกับข้อมูล และให้ผลลัพธ์ออกมาตามต้องการ โดยมนุษย์ไม่ต้องเข้าไปเก่ียวข้องในการ ประมวลผล 1.2 คณุ สมบตั ิของคอมพวิ เตอร์ ปัจจุบันนี้คนส่วนใหญ่นิยมนาคอมพิวเตอร์มาใช้งานต่าง ๆ มากมาย ซึ่งผู้ใช้ส่วนใหญ่มักจะคิดว่า คอมพิวเตอร์เป็นเครือ่ งมือท่ีสามารถทางานได้สารพัด แต่ผู้ท่ีมีความรู้ทางคอมพิวเตอร์จะทราบว่า งานท่ีเหมาะ กับการนาคอมพิวเตอร์มาใช้อย่างยิ่งคือการสร้าง สารสนเทศ ซ่ึงสารสนเทศเหล่านั้นสามารถนามาพิมพ์ออก ทางเคร่ืองพิมพ์ ส่งผ่านเครือข่ายคอมพิวเตอร์ หรือจัดเก็บไว้ใช้ในอนาคตก็ได้ เน่ืองจากคอมพิวเตอร์จะมี คุณสมบัติตา่ ง ๆ คอื 1.2.1 ความเป็นอัตโนมัติ (Self Acting) การทางานของคอมพิวเตอร์จะทางานแบบอัตโนมัติภายใต้ คาส่ังท่ีได้ถูกกาหนดไว้ ทางานดังกล่าวจะเร่ิมตั้งแต่การนาข้อมูลเข้าสู่ระบบ การประมวลผลและแปลงผลลัพธ์ ออกมาใหอ้ ยู่ในรปู แบบทม่ี นุษยเ์ ขา้ ใจได้ 1.2.2 ความเรว็ (Speed) คอมพวิ เตอร์ในปัจจบุ ันนสี้ ามารถทางานได้ถงึ รอ้ ยล้านคาส่งั ในหน่งึ วนิ าที 1.2.3 ความเช่ือถือ (Reliable) คอมพิวเตอร์ทุกวันน้ีจะทางานได้ท้ังกลางวันและกลางคืนอย่างไม่มี ข้อผิดพลาด และไม่รู้จกั เหน็ดเหน่ือย 1.2.4 ความถูกต้องแม่นยา (Accurate) วงจรคอมพิวเตอร์นั้นจะให้ผลของการคานวณที่ถูกต้องเสมอ หากผลของการคานวณผิดจากทีค่ วรจะเป็น มกั เกิดจากความผิดพลาดของโปรแกรมหรอื ข้อมลู ที่เข้าสู่โปรแกรม 1.2.5 เก็บข้อมูลจานวนมากๆ ได้ (Store massive amounts of information) ไมโครคอมพิวเตอร์ในปัจจุบัน จะมีที่เก็บข้อมูลสารองที่มีความสูงมากกว่าหนึ่งพันล้านตัวอักษร และสาหรับ ระบบคอมพวิ เตอร์ขนาดใหญ่จะสามารถเกบ็ ข้อมูลไดม้ ากกว่าหน่งึ ล้าน ๆ ตวั อักษร 1.2.6 ย้ายข้อมูลจากที่หนึ่งไปยังอีกทีหนึ่งได้อย่างรวดเร็ว (Move information) โดยใช้การ ตดิ ตอ่ สอื่ สารผา่ นระบบเครือข่ายคอมพิวเตอร์ซ่ึงสามารถส่งพจนานุกรมหน่ึงเล่มในรูปของข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ ไปยังเครื่องคอมพิวเตอร์ท่ีอยู่ไกลคนซีกโลกได้ในเวลาเพียงไม่ถึงหน่ึงวินาที ทาให้มีการเรียกเครือข่าย คอมพวิ เตอร์ทเี่ ชอ่ื มกนั ท่วั โลกในปัจจุบันว่า ทางด่วนสารสนเทศ (Information Superhighway)

1.2.7 ทางานซา้ ๆได้ (Repeatability) ชว่ ยลดปัญหาเร่ืองความอ่อนล้าจากการทางานของแรงงานคน นอกจากนี้ยังลดความผิดพลาดต่างๆได้ดีกว่าด้วย ข้อมูลท่ีประมวลผลแม้จะยุ่งยากหรือซับซ้อนเพียงใดก็ตาม จะสามารถคานวณและหาผลลัพธไ์ ด้อยา่ งรวดเร็ว 1.3 ส่วนประกอบของคอมพิวเตอร์ จาแนกหน้าท่ีของฮาร์ดแวร์ต่างๆ สามารถแบ่งเป็นส่วนสาคัญ 4 ประเภท คือ อุปกรณ์นาข้อมูลเข้า (Input Device) อุปกรณ์ประมวลผล (Processing Device) หน่วยเก็บข้อมูลสารอง (Secondary Storage Device) อปุ กรณแ์ สดงผล (Output Device) รปู ท่ี 1 แสดงวงจรการทางานของคอมพวิ เตอร์ 1.3.1 อุปกรณ์นาข้อมลู เข้า (Input Device) รปู ท่ี 2 อปุ กรณน์ าเข้าแบบต่างๆ ที่พบเหน็ ในปัจจุบัน เป็นอปุ กรณท์ ่เี ก่ยี วข้องกับการนาเขา้ ขอ้ มูลหรือชดุ คาส่ังเขา้ มายังระบบเพ่ือให้คอมพิวเตอร์ประมวลผล ต่อไปได้ ซ่ึงอาจจะเป็น ตัวเลข ตวั อักษร ภาพน่งิ ภาพเคล่อื นไหว เสียง เป็นตน้

1.3.2 อุปกรณ์ประมวลผล (Processing Device) อุปกรณ์ประมวลผลหลักๆ มีดังนี้ 1.3.2.1 ซีพียู (CPU-Central Processing Unit) หน่วยประมวลผลกลางหรือซีพียู เรียก อีกชอื่ หน่งึ ว่า โปรเซสเซอร์ (Processor) หรือ ชิป (Chip) นับเป็นอุปกรณ์ท่ีมีความสาคัญมากที่สุดของฮาร์ดแวร์ เพราะมี หน้าที่ในการประมวลผลข้อมูลที่ผู้ใช้ป้อนเข้ามาทางอุปกรณ์นาเข้าข้อมูลตามชุดคาส่ังหรือโปรแกรมท่ีผู้ใช้ ต้องการใช้งาน หนว่ ยประมวลผลกลาง 1.3.2.2 หน่วยความจาหลัก (Main Memory) หรือเรียกว่า หน่วยความจาภายใน (Internal Memory) สามารถแบง่ ออกเป็น 2 ประเภท ไดแ้ ก่ - รอม (Read Only Memory - ROM) เปน็ หนว่ ยความจาทมี่ ีโปรแกรมหรือข้อมูล อยู่แล้ว สามารถเรียกออกมาใช้งานได้แต่จะไม่สามารถเขียนเพิ่มเติมได้ และแม้ว่าจะไม่มีกระแสไฟฟ้าไปเล้ียง ให้แก่ระบบข้อมูลกไ็ ม่สูญหายไป - แรม (Random Access Memory) เป็นหน่วยความจาท่ีสามารถเก็บข้อมูลได้ เมอ่ื มีกระแสไฟฟา้ หล่อเลย้ี งเท่านัน้ เมื่อใดไม่มกี ระแสไฟฟ้ามาเลย้ี งข้อมูลท่ีอยู่ในหน่วยความจาชนิดนี้จะหายไป ทนั ที 1.3.2.3 เมนบอร์ด (Main board) เป็นแผงวงจรต่อเช่ือมอุปกรณ์ท่ีเกี่ยวข้องกับการทางาน ของคอมพิวเตอรท์ งั้ หมด ถอื ได้วา่ เป็นหัวใจหลักของ พีซีทุกเครื่อง เพราะจะบอกความสามารถของเครื่องว่าจะ ใชซ้ ีพยี ูอะไรไดบ้ า้ ง มีประสทิ ธิภาพเพยี งใด สามารถรองรบั กับอปุ กรณ์ใหมไ่ ด้หรือไม่ รูปที่ 3 เมนบอร์ด หรือแผงวงจรหลัก

1.3.2.4 ซิปเซต็ (Chip Set) ซิปเซต็ เปน็ ชิปจานวนหนึ่งหรือหลายตัวที่บรรจุวงจรสาคัญๆ ท่ี ช่วยการทางานของซีพียู และติดต้ังตายตัวบนเมนบอร์ดถอดเปล่ียนไม่ได้ ทาหน้าที่เป็นตัวกลางประสานงาน และควบคุมการทางานของหน่วยความจารวมถึงอุปกรณ์ต่อพ่วงต่างท้ังแบบภายในหรือภายนอกทุกชนิดตาม คาส่ังของซีพยี ู เช่น SiS, Intel, VIA, AMD เป็นต้น 1.3.3 หนว่ ยเกบ็ ขอ้ มลู สารอง (Secondary Storage Device) เน่ืองจากหน่วยความจาหลักมีพื้นท่ีไม่เพียงพอในการเก็บข้อมูลจานวนมากๆ อีกท้ังข้อมูลจะหายไป เม่ือปิดเครือ่ ง ดงั น้นั จาเป็นต้องหาอปุ กรณ์เก็บข้อมลู ที่มีขนาดใหญข่ ึ้น เช่น 1.3.3.1 ฮาร์ดดิสก์ (Hard Disk) เป็นฮาร์ดแวร์ที่ทาหน้าท่ีเก็บข้อมูลในเครื่องคอมพิวเตอร์ ทั้งโปรแกรมใช้งานต่างๆ ไฟล์เอกสาร รวมท้ังเป็นท่ีเก็บระบบปฏิบัติการท่ีเป็นโปรแกรมควบคุมการทางานของ เคร่ืองคอมพิวเตอร์ดว้ ย 1.3.3.2 ฟล็อบปีด้ สิ ก์ (Floppy Disk) เป็นอุปกรณ์บันทึกข้อมูลท่ีมีขนาด 3.5 น้ิว มีลักษณะ เป็นแผ่นกลมบางทาจากไมลาร์ (Mylar) สามารถบรรจุข้อมูลได้เพียง 1.44 เมกะไบต์ เท่าน้ัน 1.3.3.3 ซีดี (Compact Disk - CD) เปน็ อุปกรณ์บันทึกข้อมูลแบบดิจิทัล เป็นสื่อท่ีมีขนาดความจุสูง เหมาะสาหรับบันทึก ข้อมูลแบบมัลติมีเดีย ซีดีรอมทามาจากแผ่นพลาสติกกลมบางที่เคลือบด้วยสารโพลีคาร์บอเนต (Poly Carbonate) ทาให้ผิวหน้าเป็นมันสะท้อนแสง โดยมีการบันทึกข้อมูลเป็นสายเดียว (Single Track) มีขนาด เส้นผ่าศูนย์กลางประมาณ 120 มิลลิเมตร ปัจจุบันมีซีดีอยู่หลายประเภท ได้แก่ ซีดีเพลง (Audio CD) วีซีดี (Video CD - VCD) ซดี ี- อาร์ (CD Recordable - CD-R) ซีดี-อาร์ดับบลิว (CD-Rewritable - CD-RW) และ ดี วดี ี (Digital Video Disk - DVD) สือ่ เกบ็ ขอ้ มลู อนื่ ๆ 1) รีมูฟเอเบิลไดร์ฟ (Removable Drive) เป็นอุปกรณ์เก็บข้อมูลที่ไม่ต้องมีตัวขับเคล่ือน (Drive) สามารถพกพาไปไหนไดโ้ ดยต่อเข้ากับเครอ่ื งคอมพวิ เตอรด์ ว้ ย Port USB ปัจจบุ นั ความจุของรีมูฟเอเบิลไดร์ฟ มี ตั้งแต่ 8 , 16 , 32 , 64 , 128 จนถึง 1024 เมกะไบต์ ท้ังน้ียังมีไดร์ฟลักษณะเดียวกัน เรียกในช่ืออ่ืนๆ ได้แก่ Pen Drive , Thump Drive , Flash Drive 2) ซบิ ไดร์ฟ (Zip Drive) เป็นสื่อบันทึกข้อมูลที่จะมาแทนแผ่นฟล็อปปี้ดิสก์ มีขนาดความจุ 100 เม กะไบต์

ซ่ึงการใช้งานซิปไดร์ฟจะต้องใช้งานกับซิปดิสก์ (Zip Disk) ความสามารถในการเก็บข้อมูลของซิปดิสก์จะเก็บ ข้อมลู ได้มากกวา่ ฟล็อปปดี้ สิ ก์ 3) Magnetic optical Disk Drive เป็นส่ือเก็บข้อมูลขนาด 3.5 น้ิว ซึ่งมีขนาดพอๆ กับ ฟล็อบปด้ี ิสก์ แต่ขนาดความจุมากกว่า เพราะว่า MO Disk drive 1 แผ่นสามารถบันทึกข้อมูลได้ต้ังแต่ 128 เม กะไบต์ จนถงึ ระดบั 5.2 กิกะไบต์ 4) เทปแบค็ อพั (Tape Backup) เปน็ อปุ กรณ์สาหรบั การสารองขอ้ มลู ซงึ่ เหมาะกับการสารองข้อมูล ขนาดใหญม่ ากๆ ขนาดระดับ 10-100 กิกะไบต์ 5) การ์ดเมมโมรี (Memory Card) เป็นอุปกรณ์บันทึกข้อมูลที่มีขนาดเล็ก พัฒนาขึ้น เพ่ือนาไปใช้ กับอุปกรณ์เทคโนโลยีแบบต่างๆ เช่น กล้องดิจิทัล คอมพิวเตอร์มือถือ (Personal Data Assistant - PDA) โทรศัพท์มอื ถือ 1.3.4 อุปกรณแ์ สดงผล (Output Device) คืออุปกรณ์สาหรับแสดงผลลัพธ์ท่ีได้จากการประมวลผลของคอมพิวเตอร์ และเป็นอุปกรณ์ส่งออก (Output device) ทาหนา้ ที่แสดงผลลัพธ์เมอ่ื ซพี ียทู าการประมวลผล รูปท่ี 4 แสดงอปุ กรณ์แสดงผลข้อมูลแบบต่างๆ 1.3.4.1 จอภาพ (Monitor) เป็นอุปกรณ์แสดงผลลัพธ์ที่เป็นภาพ ปัจจุบันแบ่งออกเป็น 2 ชนิด คอื จอภาพแบบ CRT (Cathode Ray Tube) และ จอภาพแบบ LCD (Liquid Crystal Display) 1.3.4.2 เครอ่ื งพิมพ์ (Printer) เป็นอปุ กรณท์ ่ีทาหน้าท่ีแสดงผลลพั ธ์ในรูปของอักขระหรือรูปภาพ ที่จะไปปรากฏอยู่บนกระดาษ แบ่งออกเป็น 4 ประเภท ได้แก่ เครื่องพิมพ์ดอตเมตริกซ์ (Dot Matrix Printer)

เครื่องพิมพ์แบบพ่นหมึก (Ink-Jet Printer) เคร่ืองพิมพ์แบบเลเซอร์ (Laser Printer) และพล็อตสเตอร์ (Plotter) 1.3.4.3 ลาโพง (Speaker) เป็นอุปกรณ์แสดงผลลัพธ์ที่อยู่ในรูปของเสียง สามารถเช่ือมต่อกับ คอมพิวเตอร์ผ่านแผงวงจรเกี่ยวกับเสียง (Sound card) ซ่งึ มหี น้าที่แปลงขอ้ มูลดิจิตอลไปเป็นเสียง 1.4 ประโยชนข์ องคอมพวิ เตอร์ จากการท่ีคอมพิวเตอร์มีลักษณะเด่นหลายประการ ทาให้ถูกนามาใช้ประโยชน์ต่อการดาเนิน ชีวิตประจาวันในสังคมเป็นอย่างมาก ที่พบเห็นได้บ่อยที่สุดก็คือ การใช้ในการพิมพ์เอกสารต่างๆ เช่น พิมพ์ จดหมาย รายงาน เอกสารต่างๆ ซ่ึงเรียกว่างานประมวลผล (Word processing) นอกจากนี้ยังมีการ ประยุกต์ใช้คอมพิวเตอรใ์ นดา้ นต่างๆ อีกหลายด้าน ดังต่อไปน้ี 1.4.1 งานธุรกจิ เชน่ บริษัท รา้ นคา้ ห้างสรรพสินคา้ ตลอดจนโรงงานต่างๆ ใช้คอมพิวเตอร์ในการทา บัญชี งานประมวลคา และติดต่อกับหน่วยงานภายนอกผ่านระบบโทรคมนาคม นอกจากนี้งานอุตสาหกรรม ส่วนใหญ่ก็ใช้คอมพิวเตอร์มาช่วยในการควบคุมการผลิต และการประกอบช้ินส่วนของอุปกรณ์ต่างๆ เช่น โรงงานประกอบรถยนต์ ซ่ึงทาให้การผลิตมีคุณภาพดีขึ้นบริษัทยังสามารถรับ หรืองานธนาคาร ท่ีให้บริการ ถอนเงินผา่ นตฝู้ ากถอนเงินอัตโนมตั ิ (ATM) และใช้คอมพิวเตอร์คิดดอกเบี้ยให้กับผู้ฝากเงิน และการโอนเงินระหว่างบัญชี เช่ือมโยงกันเป็นระบบ เครอื ข่าย 1.4.2 งานวิทยาศาสตร์ การแพทย์ และงานสาธารณสุข สามารถนาคอมพิวเตอร์มาใช้ในนามาใช้ใน ส่วนของการคานวณที่ค่อนข้างซับซ้อน เช่น งานศึกษาโมเลกุลสารเคมี วิถีการโคจรของการส่งจรวดไปสู่ อวกาศ หรืองานทะเบียน การเงิน สถิติ และเป็นอุปกรณ์สาหรับการตรวจรักษาโรคได้ ซ่ึงจะให้ผลท่ีแม่นยา กวา่ การตรวจดว้ ยวธิ ีเคมีแบบเดิม และให้การรกั ษาได้รวดเรว็ ขนึ้ 1.4.3 งานคมนาคมและสื่อสาร ในส่วนที่เกย่ี วกบั การเดนิ ทาง จะใชค้ อมพวิ เตอร์ในการจองวันเวลา ท่ี นัง่ ซ่ึงมกี ารเชอ่ื มโยงไปยังทุกสถานีหรือทุกสายการบินได้ ทาให้สะดวกต่อผู้เดินทางที่ไม่ต้องเสียเวลารอ อีกท้ัง ยงั ใชใ้ นการควบคมุ ระบบการจราจร เชน่ ไฟสัญญาณจราจร และ การจราจรทางอากาศ หรือในการส่ือสารก็ใช้ ควบคุมวงโคจรของดาวเทยี มเพ่ือใหอ้ ยูใ่ นวงโคจร ซึ่งจะช่วยสง่ ผลต่อการสง่ สัญญาณให้ระบบการสื่อสารมีความ ชัดเจน 1.4.4 งานวิศวกรรมและสถาปตั ยกรรม สถาปนิกและวิศวกรสามารถใช้คอมพิวเตอร์ในการออกแบบ หรอื จาลองสภาวการณ์ ต่างๆ เช่น การรับแรงส่ันสะเทือนของอาคารเม่ือเกิดแผ่นดินไหว โดยคอมพิวเตอร์จะ

คานวณและแสดงภาพสถานการณ์ใกล้เคียงความจริง รวมทั้งการใช้ควบคุมและติดตามความก้าวหน้าของ โครงการตา่ งๆ เช่น คนงาน เครื่องมือ ผลการทางาน 1.4.5 งานราชการ เป็นหน่วยงานที่มีการใช้คอมพิวเตอร์มากท่ีสุด โดยมีการใช้หลายรูปแบบ ท้ังนี้ ข้ึนอยู่กับบทบาทและหน้าท่ีของหน่วยงานนั้นๆ เช่น กระทรวงศึกษาธิการ มีการใช้ระบบประชุมทางไกลผ่าน คอมพิวเตอร์ , กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ได้จัดระบบเครือข่ายอินเทอร์เน็ตเพื่อเช่ือมโยงไปยัง สถาบนั ตา่ งๆ, กรมสรรพากร ใช้จดั ในการจดั เก็บภาษี บนั ทึกการเสียภาษี เป็นต้น 1.4.6 การศึกษา ไดแ้ ก่ การใชค้ อมพิวเตอรท์ างดา้ นการเรียนการสอน ซึ่งมีการนาคอมพิวเตอร์มาช่วย การสอนในลักษณะบทเรียน CAI หรืองานด้านทะเบียน ซึ่งทาให้สะดวกต่อการค้นหาข้อมูลนักเรียน การเก็บ ข้อมลู ยมื และการสง่ คืนหนงั สอื ห้องสมดุ 1.5 ประเภทของคอมพวิ เตอร์ เครือ่ งคอมพิวเตอร์ แบง่ ออกเปน็ หลายประเภท ขน้ึ อยกู่ บั เกณฑ์ทีใ่ ชใ้ นการแบง่ เกณฑ์ทใี่ ช้จาแนก ประเภทคอมพิวเตอร์ ตามลักษณะการใช้งาน - แบบใช้งานทัว่ ไป (General purpose computer) - แบบใชง้ านเฉพาะ (Special purpose computer) ตามขนาดและความสามารถ - ซเู ปอรค์ อมพวิ เตอร์ (Supercomputer) - เมนเฟรมคอมพิวเตอร์ (Mainframe computer) - มินิคอมพิวเตอร์ (Minicomputer) - ไมโครคอมพิวเตอร์ (Microcomputer) - คอมพิวเตอร์มอื ถอื (Handheld computer) 1.5.1 ตามลกั ษณะการใชง้ าน 1.5.1.1 แบบใชง้ านท่ัวไป (General Purpose Computer)

หมายถงึ เครอื่ งประมวลผลขอ้ มลู ที่มีความยืดหยุ่นในการทางาน (Flexible) โดยได้รับการออกแบบให้ สามารถประยุกตใ์ ช้ในงานประเภทต่างๆ ไดโ้ ดยสะดวก โดยระบบจะทางานตามคาสั่งในโปรแกรมท่ีเขียนขึ้นมา และเมอ่ื ผใู้ ชต้ ้องการให้เคร่ืองคอมพิวเตอร์ทางานอะไร ก็เพียงแต่ออกคาส่ังเรียกโปรแกรมท่ีเหมาะสมเข้ามาใช้ งาน โดยเราสามารถเกบ็ โปรแกรมไว้หลายโปรแกรมในเครื่องเดียวกันได้ เช่น ในขณะหนึ่งเราอาจใช้เครื่องน้ีใน งานประมวลผลเกยี่ วกบั ระบบบัญชี และในขณะหนง่ึ ก็สามารถใชใ้ นการออกเช็คเงนิ เดือนได้ เปน็ ตน้ 1.5.1.2 แบบใชง้ านเฉพาะดา้ น (Special Purpose Computer) หมายถึง เครื่องประมวลผลข้อมูลทถ่ี ูกออกแบบตัวเครื่องและโปรแกรมควบคุม ให้ทางานอย่างใดอย่าง หนึ่งเป็นการเฉพาะ (Inflexible) โดยท่ัวไปมักใช้ในงานควบคุม หรืองานอุตสาหกรรมที่เน้นการประมวลผล แบบรวดเร็ว เช่นเครื่องคอมพิวเตอร์ควบคุมสัญญาณไฟจราจร คอมพิวเตอร์ควบคุมลิฟต์ หรือคอมพิวเตอร์ ควบคมุ ระบบอัตโนมัติในรถยนต์ เป็นตน้ 1.5.2 ตามขนาดและความสามารถ เปน็ การจาแนกประเภทของคอมพวิ เตอร์ท่ีพบเห็นได้มากทส่ี ดุ ในปจั จุบนั ซงึ่ สามารถแบง่ ออกได้ดงั น้ี 1.5.2.1 ซุปเปอรค์ อมพวิ เตอร์ (Super Computer) หมายถึง เครื่องประมวลผลข้อมูลที่มีความสามารถในการประมวลผลสูงที่สุด โดยท่ัวไปสร้างขึ้นเป็น การเฉพาะเพ่ืองานด้านวิทยาศาสตร์ท่ีต้องการการประมวลผลซับซ้อน และต้องการความเร็วสูง เช่น งานวิจัย ขปี นาวุธ งานโครงการอวกาศสหรัฐ (NASA) งานส่ือสารดาวเทียม หรืองานพยากรณ์อากาศ เป็นต้น 1.5.2.2 เมนเฟรมคอมพวิ เตอร์ (Mainframe computer) เมนเฟรมคอมพิวเตอร์เป็นเครื่องคอมพิวเตอร์ขนาดใหญ่ ทางานร่วมกับอุปกรณ์หลายๆ อย่างด้วย ความเรว็ สงู ใชใ้ นงานธุรกิจขนาดใหญ่ มหาวทิ ยาลยั ธนาคารและโรงพยาบาลเมนเฟรมคอมพิวเตอร์ สามารถเก็บ ข้อมูลที่มีปริมาณมาก ๆ เช่น ในการส่ังจองที่น่ังของสายการบินท่ีบริษัททัวร์รับจองในแต่ละวัน นอกจากนี้ยัง สามารถเชอ่ื มโยงใชง้ านกับเครอ่ื งเทอรม์ ินัล (Terminal) หลาย ๆ เครื่อง ในระยะทางไกลกันได้ เช่น ระบบเอที่ เอ็ม (ATM) การประมวลผลข้อมูลของระบบเมนเฟรมนี้มีผู้ใช้หลาย ๆ คนในเวลาเดียวกัน (Multi-user) สามารถประมวลผลโดยแบ่งเวลาการใช้ซีพียู (CPU) โดยผ่านเครื่องเทอร์มินัล การประมวลผลแบบแบ่งเวลาน้ี เรยี กว่า Time sharing

1.5.2.3 มินิคอมพิวเตอร์ (Mini Computer) ธุรกิจและหน่วยงานที่มีขนาดเล็กไม่จาเป็นต้องใช้คอมพิวเตอร์ขนาดเมนเฟรมซึ่งมีราคาแพง ผผู้ ลติ คอมพิวเตอร์จงึ พัฒนาคอมพิวเตอรใ์ หม้ ขี นาดเลก็ และมีราคาถูกลง เรียกว่า เครื่องมินิคอมพิวเตอร์ โดยมี ลกั ษณะพิเศษในการทางานร่วมกับอุปกรณ์ประกอบรอบข้างท่ีมีความเร็วสูงได้ มีการใช้แผ่นจานแม่เหล็กความ จุสูงชนิดแขง็ (Harddisk) ในการเก็บรักษาขอ้ มูล สามารถอ่านเขยี นข้อมูลได้อย่างรวดเร็ว หน่วยงานและบริษัท ที่ใช้คอมพิวเตอร์ขนาดนี้ ได้แก่ กรม กอง มหาวิทยาลัย ห้างสรรพสินค้า โรงแรม โรงพยาบาล และโรงงาน อตุ สาหกรรมตา่ งๆ 1.5.2.4 ไมโครคอมพวิ เตอร์ (Microcomputer) เป็นเคร่ืองคอมพิวเตอร์ที่มีขนาดเล็กที่สุด ราคาถูกท่ีสุด ใช้งานง่าย และนิยมมากที่สุดราคาของเคร่ือง ไมโครคอมพิวเตอร์จะอยู่ในช่วงประมาณหมื่นกว่า ถึง แสนกว่าบาท ในวงการธุรกิจใช้ไมโครคอมพิวเตอร์กับ งานทกุ ๆ อย่าง ไมโครคอมพวิ เตอร์มีขนาดเลก็ พอท่ีจะต้ังบนโต๊ะ (Desktop) หรอื ใส่ลงในกระเป๋าเอกสาร เช่น คอมพิวเตอร์วางบนตัก (Lap top) หรือโน้ตบุ๊ก (Note book) ไมโครคอมพิวเตอร์สามารถทางานในลักษณะ ประมวลผลได้ด้วยตนเอง โดยไม่ต้องเชื่อมโยงกับคอมพิวเตอร์เคร่ืองอื่นเรียกว่าระบบแสตนอโลน (Standalone system)มีไว้สาหรับใช้งานส่วนตัวจึงเรียกเคร่ืองไมโครคอมพิวเตอร์ได้อีกช่ือหนึ่งว่า คอมพิวเตอร์สว่ นบคุ คลหรอื เครื่องพีซี (PC:Personal Computer) และสามารถนาเคร่ืองไมโครคอมพิวเตอร์มา เช่ือมต่อกับเครื่องไมโครคอมพิวเตอร์เครื่องอื่น ๆ หรือเช่ือมต่อกับเคร่ืองเมนเฟรม เพื่อขยายประสิทธิภาพ เพมิ่ ขนึ้ ทาให้เครอื่ งไมโครคอมพิวเตอร์เป็นท่นี ิยมใชก้ นั แพร่หลายอยา่ งรวดเรว็ 1.5.2.5 คอมพวิ เตอรม์ ือถอื (Handheld Computer) เปน็ คอมพิวเตอร์ท่ีมขี นาดเลก็ ทีส่ ุดเมื่อเทียบกับคอมพิวเตอร์ประเภทอ่ืนๆ อีกท้ังสามารถพกพาไปยังท่ี ตา่ งๆ ไดง้ า่ ยกวา่ เหมาะกบั การจดั การข้อมลู ประจาวัน การสร้างปฏิทินนัดหมาย การดูหนังฟังเพลงรวมถึงการ รับส่งอีเมล์ บางรุ่นอาจมีความสามารถเทียบเคียงได้กับไมโครคอมพิวเตอร์ เช่น ปาล์ม พ็อกเก็ตพีซี เป็นต้น นอกจากนี้โทรศัพท์มือถือบางรุ่นก็มีความสามารถใกล้เคียงกับคอมพิวเตอร์มือถือในกลุ่มนี้ในแง่ของการรัน โปรแกรมจัดการกับข้อมลู ทว่ั ไปโดยใช้ระบบปฏิบัติการ Symbian หรือไม่ก็ Linux 1.6 องคป์ ระกอบของคอมพิวเตอร์ เครื่องคอมพิวเตอร์ที่เราเห็นๆ กันอยู่นี้เป็นเพียงองค์ประกอบส่วนหนึ่งของระบบคอมพิวเตอร์เท่านั้น แต่ถ้าต้องการให้เครื่องคอมพิวเตอร์แต่ละเครื่องสามารถทางานได้อย่างมีประสิทธิภาพตามที่เราต้องการนั้น จาเป็นต้องอาศัยองค์ประกอบพื้นฐาน 4 ประการมาทางานร่วมกัน ซ่ึงองค์ประกอบพื้นฐานของระบบ

คอมพิวเตอร์ประกอบไปด้วย ฮาร์ดแวร์ (Hardware) ซอฟต์แวร์ (Software) บุคลากร (People ware) ข้อมูล / สารสนเทศ (Data/Information) 1.6.1 ฮาร์ดแวร์ (Hardware) หมายถงึ อปุ กรณ์ต่างๆ ท่ีประกอบขึ้นเป็นเคร่ืองคอมพิวเตอร์ มีลักษณะเป็นโครงร่างสามารถมองเห็น ดว้ ยตาและสัมผัสได้ (รูปธรรม) เช่น จอภาพ คีย์บอร์ด เครื่องพิมพ์ เมาส์ เป็นต้น ซ่ึงสามารถแบ่งออกเป็นส่วน ตา่ งๆ ตามลักษณะการทางาน ได้ 4 หนว่ ย คือ หน่วยรับข้อมูล (Input Unit) หน่วยประมวลผลกลาง (Central Processing Unit: CPU) หน่วยแสดงผล (Output Unit) หน่วยเก็บข้อมูลสารอง (Secondary Storage) โดย อปุ กรณ์แตล่ ะหนว่ ยมหี น้าทก่ี ารทางานแตกต่างกัน 1.6.2 ซอฟตแ์ วร์ (Software) หมายถึง ส่วนท่ีมนุษย์สัมผัสไม่ได้โดยตรง (นามธรรม) เป็นโปรแกรมหรือชุดคาส่ังท่ีถูกเขียนขึ้นเพื่อส่ัง ให้เคร่ืองคอมพิวเตอร์ทางาน ซอฟต์แวร์จึงเป็นเหมือนตัวเช่ือมระหว่างผู้ใช้เครื่องคอมพิวเตอร์และเครื่อง คอมพิวเตอร์ ถ้าไม่มีซอฟต์แวร์เราก็ไม่สามารถใช้เคร่ืองคอมพิวเตอร์ทาอะไรได้เลย ซอฟต์แวร์สาหรับเคร่ือง คอมพวิ เตอร์สามารถแบง่ ได้ ดังน้ี 1.6.2.1 ซอฟต์แวร์สาหรับระบบ (System Software) คือ ชุดของคาส่ังที่เขียนไว้เป็น คาส่งั สาเร็จรูป ซึ่งจะทางานใกลช้ ิดกับคอมพวิ เตอร์มากที่สุด เพ่ือคอยควบคุมการทางานของฮาร์ดแวร์ทุกอย่าง และอานวยความสะดวกให้กับผู้ใช้ในการใช้งาน ซอฟต์แวร์หรือโปรแกรมระบบท่ีรู้จักกันดีก็คือ DOS, Windows, UNIX, Linux รวมท้ังโปรแกรมแปลคาสั่งที่เขียนในภาษาระดับสูง เช่น ภาษา Basic, FORTRAN, Pascal, COBOL, C เปน็ ต้น นอกจากนี้โปรแกรมท่ีใช้ในการตรวจสอบระบบเช่น Norton’s Utilities ก็นับเป็น โปรแกรมสาหรบั ระบบดว้ ยเชน่ กนั 1.6.2.2 ซอฟต์แวร์ประยุกต์ (Application Software) คือ ซอฟต์แวร์หรือโปรแกรมที่สั่ง คอมพิวเตอร์ทางานต่างๆ ตามที่ผู้ใช้ต้องการ ไม่ว่าจะด้านเอกสาร บัญชี การจัดเก็บข้อมูล เป็นต้น ซอฟต์แวร์ ประยกุ ต์สามารถจาแนกได้เปน็ 2 ประเภท คือ - ซอฟต์แวรส์ าหรับงานเฉพาะด้าน คอื โปรแกรมซ่งึ เขียนข้ึนเพื่อการทางานเฉพาะอย่างที่เรา ต้องการ บางที่เรียกว่า User’s Program เช่น โปรแกรมการทาบัญชีจ่ายเงินเดือน โปรแกรมระบบเช่าซื้อ โปรแกรมการทาสินค้าคงคลัง เป็นต้น ซ่ึงแต่ละโปรแกรมก็มักจะมีเงื่อนไข หรือแบบฟอร์มแตกต่างกันออกไป ตามความต้องการ หรือกฎเกณฑ์ของแต่ละหน่วยงานที่ใช้ ซึ่งสามารถดัดแปลงแก้ไขเพิ่มเติม (Modifications)

ในบางส่วนของโปรแกรมได้ เพ่ือให้ตรงกับความต้องการของผู้ใช้ และซอฟต์แวร์ประยุกต์ที่เขียนข้ึนนี้โดยส่วน ใหญม่ กั ใช้ภาษาระดบั สูงเป็นตวั พัฒนา - ซอฟต์แวร์สาหรับงานท่ัวไป เป็นโปรแกรมประยุกต์ที่มีผู้จัดทาไว้ เพื่อใช้ในการทางาน ประเภทตา่ งๆ ท่ัวไป โดยผู้ใชค้ นอื่นๆ สามารถนาโปรแกรมน้ีไปประยุกต์ใชก้ บั ข้อมลู ของตนได้ แต่จะไม่สามารถ ทาการดัดแปลง หรือแกไ้ ขโปรแกรมได้ ผู้ใช้ไม่จาเป็นต้องเขียนโปรแกรมเอง ซึ่งเป็นการประหยัดเวลา แรงงาน และค่าใช้จ่ายในการเขียนโปรแกรม นอกจากน้ี ยังไม่ต้องใช้เวลามากในการฝึกและปฏิบัติ ซึ่งโปรแกรม สาเร็จรูปน้ี มักจะมีการใช้งานในหน่วยงานท่ีขาดบุคลากรท่ีมีความชานาญเป็นพิเศษในการเขียนโปรแกรม ดังน้ัน การใช้โปรแกรมสาเร็จรูปจึงเป็นส่ิงที่อานวยความสะดวกและเป็นประโยชน์อย่างย่ิง ตัวอย่างโปรแกรม สาเร็จรูปท่ีนิยมใช้ได้แก่ MS-Office, Lotus, Adobe Photoshop, SPSS, Internet Explorer และ เกมส์ ต่างๆ เปน็ ตน้ 1.6.3 บุคลากร (People ware) หมายถึง บุคลากรในงานด้านคอมพิวเตอร์ ซ่ึงมีความรู้เก่ียวกับคอมพิวเตอร์ สามารถใช้งาน ส่ังงาน เพ่ือใหค้ อมพวิ เตอร์ทางานตามทตี่ อ้ งการ แบง่ ออกได้ 4 ระดับ ดังนี้ 1.6.3.1 ผู้จัดการระบบ (System Manager) คือ ผู้วางนโยบายการใช้คอมพิวเตอร์ให้ เป็นไปตามเปา้ หมายของหนว่ ยงาน 1.6.3.2 นักวิเคราะห์ระบบ (System Analyst) คือ ผู้ท่ีศึกษาระบบงานเดิมหรืองานใหม่ และทาการวิเคราะห์ความเหมาะสม ความเป็นไปได้ในการใช้คอมพิวเตอร์กับระบบงาน เพ่ือให้โปรแกรมเมอร์ เปน็ ผู้เขียนโปรแกรมให้กับระบบงาน 1.6.3.3 โปรแกรมเมอร์ (Programmer) คือ ผู้เขียนโปรแกรมสั่งงานเครื่องคอมพิวเตอร์ เพอื่ ใหท้ างานตามความตอ้ งการของผู้ใช้ โดยเขยี นตามแผนผังท่ีนักวิเคราะห์ระบบได้เขียนไว้ 1.6.3.4 ผู้ใช้ (User) คือ ผู้ใช้งานคอมพิวเตอร์ทั่วไป ซึ่งต้องเรียนรู้วิธีการใช้เครื่อง และ วธิ ีการใชง้ านโปรแกรม เพื่อให้โปรแกรมที่มีอยสู่ ามารถทางานได้ตามทตี่ ้องการ เนื่องจากเป็นผู้กาหนดโปรแกรมและใช้งานเครื่องคอมพิวเตอร์ มนุษย์จึงเป็นตัวแปรสาคัญในอันท่ีจะทาให้ ผลลัพธ์มีความน่าเช่ือถือ เนื่องจากคาสั่งและข้อมูลท่ีใช้ในการประมวลผลได้รับจากการกาหนดของมนุษย์ (People ware) ทั้งส้ิน

1.6.4 ข้อมลู /สารสนเทศ (Data/Information) ข้อมูล (Data) เป็นองค์ประกอบที่สาคัญอย่างหน่ึง การทางานของคอมพิวเตอร์จะเก่ียวข้องกับข้อมูล ตั้งแต่การนาขอ้ มลู เข้าจนกลายเป็นข้อมูลท่สี ามารถใช้ประโยชนต์ ่อได้หรือท่ีเรียกว่า สารสนเทศ (Information) ซึ่งขอ้ มูลเหลา่ น้ีอาจจะเปน็ ไดท้ ั้งตัวเลข ตัวอักษร และขอ้ มูลในรปู แบบอนื่ ๆ เชน่ ภาพ เสยี ง เป็นตน้ ข้อมูลท่ีจะนามาใช้กับคอมพิวเตอร์ได้นั้น โดยปกติจะต้องมีการแปลงรูปแบบหรือสถานะให้ คอมพวิ เตอรเ์ ขา้ ใจกอ่ น จงึ จะสามารถเอามาใช้งานในการประมวลผลตา่ งๆ ได้เราเรียกสถานะนี้ว่า สถานะแบบ ดจิ ิตอล ซึ่งมี 2 สถานะเท่าน้ัน คือ เปดิ (1) และ ปิด(0)

แบบประเมินผลการเรยี นร้หู นว่ ยท่ี 1 1. คอมพวิ เตอร์มีความหมายวา่ อยา่ งไร ........................................................................................................................................................... ........................................................................................................................................................... ........................................................................................................................................................... ........................................................................................................................................................... 2. “ไมโครโปรเซสเซอร์” มีความหมายวา่ อยา่ งไร ........................................................................................................................................................... ........................................................................................................................................................... ........................................................................................................................................................... ........................................................................................................................................................... 3. ประเภทของคอมพวิ เตอร์ตามความสามารถของระบบมีอะไรบ้าง ........................................................................................................................................................... ........................................................................................................................................................... ........................................................................................................................................................... ........................................................................................................................................................... 4. องคป์ ระกอบของคอมพวิ เตอร์มีอะไรบ้าง ........................................................................................................................................................... ........................................................................................................................................................... ........................................................................................................................................................... ........................................................................................................................................................... 5. คอมพวิ เตอร์มีหลกั การทางานอยา่ งไร ........................................................................................................................................................... ........................................................................................................................................................... ........................................................................................................................................................... ........................................................................................................................................................... ..........................................................................................................................................................

แบบประเมนิ ผลการเรยี นรู้หลงั เรยี นหนว่ ยที่ 1 คาสง่ั จงเลอื กคาตอบที่ถูกต้อง 1. คอมพิวเตอร์ชนดิ ใดที่เหมาะสมกบั งานวจิ ัยขีปนาวุธ งานสื่อสารดาวเทยี ม หรืองานพยากรณ์ อากาศ ก. Micro Computer ข. Mini Computer ค. Mainframe Computer ง. Super Computer 2. ข้อใดเปน็ อปุ กรณ์นาเขา้ ขอ้ มลู ก. เมาส์ (Mouse) ข. คยี ์บอร์ด (Keyboard) ค. สแกนเนอร์ (Scanner) ง. ถกู ทกุ ข้อ 3. ขอ้ ใดเป็นอุปกรณแ์ สดงผลขอ้ มูล ก. เมาส์ (Mouse) ข. เคร่ืองพิมพ์ (Printer) ค. สแกนเนอร์ (Scanner) ง. คีย์บอรด์ (Keyboard) 4. โปรแกรมทช่ี ่วยจดั เก็บข้อมูลมาก ๆ เชน่ การเกบ็ สนิ ค้าคงคลงั การเก็บประวตั พิ นักงาน การ เ ก็ บ ร า ย ชื่ อ นกั เรียนในโรงเรียน เป็นตน้ คอื โปรแกรมด้านใด ก. โปรแกรมประมวลผลคา (Word Processor) ข. โปรแกรมกระดานคานวณ (Spreedsheet) ค. โปรแกรมจัดการฐานขอ้ มลู (Database) ง. โปรแกรมกราฟกิ (Graphic) 5. ข้อใดเป็นโปรแกรมประมวลผลคา ก. Microsoft Access ข. Microsoft Excel ค. Microsoft PowerPoint ง. Microsoft Word 6. คอมพิวเตอรป์ ระเภทใดที่มผี ูน้ ิยมใช้มากทสี่ ดุ ก. Micro Computer ข. Mini Computer ค. Mainframe Computer ง. Super Computer 7. คอมพิวเตอรท์ ่ีมปี ระสิทธิภาพในการทางานสดุ คอื ขอ้ ใด ก. Micro Computer ข. Mini Computer ค. Mainframe Computer ง. Super Computer 8. ขอ้ ใด ไม่ใช่ หน่วยแสดงผล ก. LED Monitor ข.3D Printer ค. Scanner ง.Keyboard 9. Operating System หมายถึง ก. Max OS X ข. Microsoft Office ค. Photoshop ง. Sony Vegas 10. การพิมพร์ ายงานเป็นกระบวนการใดของคอมพวิ เตอร์ ก. ปอ้ นขอ้ มลู ข. ประมวลผลขอ้ มลู ค. แสดงผลขอ้ มูล ง. จัดเก็บขอ้ มลู

แผนการจัดการเรยี นรทู้ ่ี 2 หนว่ ยท่ี 2 ช่ือวชิ า เทคโนโลยีสารสนเทศเพ่อื การจดั การอาชพี (3001–2001) เวลาเรียนรวม 72 คาบ ช่อื หน่วย ระบบเครอื ขา่ ยคอมพิวเตอรแ์ ละสารสนเทศ สอนครงั้ ที่ 3-4 ชอ่ื เรอื่ ง ระบบเครอื ข่ายคอมพิวเตอรแ์ ละสารสนเทศ จานวน 8 คาบ 1. สาระสาคญั ศึกษาเกี่ยวกับระบบเครือข่ายคอมพิวเตอร์ วัตถุประสงค์ของระบบเครือข่าย ประเภทของระบบ เครือข่าย มาตรฐานของระบบเครือขา่ ย รปู แบบการเช่อื มต่อของระบบเครอื ข่าย เครือข่ายไร้สาย 2. จดุ ประสงคก์ ารเรยี นรู้ 2.1 จุดประสงค์ทวั่ ไป 1. มคี วามรเู้ ก่ียวกับระบบเครอื ข่าย และการใชง้ าน 2. มีคุณธรรม จรยิ ธรรม ในการการใช้สารสนเทศ 2. 2 จดุ ประสงคเ์ ชิงพฤตกิ รรม 3. อธบิ ายเกี่ยวกบั ระบบเครือข่าย 4. บอกองค์ประกอบของระบบเครอื ข่าย 5. เลอื กใช้อุปกรณ์ระบบเครือข่ายไดถ้ กู ต้องเหมาะสม 6. ออกแบบรูปแบบระบบเครอื ข่าย 7. มีความรู้เรือ่ งมาตรฐานระบบเครือข่าย 8. จดั ทาระบบเครือข่ายไร้สายได้ 3. สาระการเรียนรู้ 1. ความรู้เกย่ี วกับระบบเครือข่าย 2. องคป์ ระกอบของระบบเครือข่าย 3. อปุ กรณร์ ะบบเครือขา่ ย 4. รูปแบบระบบเครอื ข่าย 5. มาตรฐานระบบเครือข่าย 6. เครอื ขา่ ยไรส้ าย 4. สมรรถนะประจาหนว่ ย 1. ความรเู้ ก่ยี วกับระบบเครือขา่ ย 2. องคป์ ระกอบของระบบเครือข่าย 3. อปุ กรณ์ระบบเครอื ข่าย 4. รูปแบบระบบเครอื ขา่ ย 5. มาตรฐานระบบเครือขา่ ย 6. เครือข่ายไร้สาย

5. วิเคราะห์ตามหลักปรชั ญาเศรษฐกจิ พอเพยี ง 5.1 ความพอประมาณ  ผเู้ รยี นจัดสรรเวลาในการฝกึ ปฏิบัติไดอ้ ย่างเหมาะสม  ผู้เรียนรูจ้ กั ใช้อุปกรณ์และวสั ดุอยา่ งประหยดั และคุ้มคา่  ผู้เรียนเป็นสมาชิกท่ดี ีของกลุ่ม 5.2 ความมเี หตผุ ล  เห็นความสาคญั ของการนาไปใชง้ านให้เกิดประโยชนอ์ ย่างคมุ้ คา่  กล้ายอมรบั ความคิดเหน็ ของผอู้ ่นื  เลอื กใชว้ สั ดุใหเ้ หมาะสมกับงาน 5.3 การมีภูมคิ ุม้ กันในตัวทดี่ ี  มีทกั ษะในการจัดแสดงช้นิ งานไดอ้ ย่างเหมาะสม  สอื่ ความหมายในการใช้งานไดอ้ ยา่ งมปี ระสิทธภิ าพ  กล้าซกั ถามปญั หาหรือข้อสงสัยต่าง ๆ อยา่ งเปน็ เหตุเป็นผล 5.4 เงอื่ นไขความรู้  ผ้เู รยี นได้ใชก้ ระบวนการคดิ ในการแสดงผลงานทีไ่ ด้รบั มอบหมาย  ปฏิบัตดิ ว้ ยความละเอียดและรอบคอบ  มีความรู้เกย่ี วกับหลักปรชั ญาเศรษฐกิจพอเพยี งและนาไปปรบั ใช้ได้ดี 5.5 เง่ือนไขคุณธรรม  ปฏบิ ตั ิงานทไี่ ด้รับมอบหมายอย่างถกู ตอ้ งและซื่อสตั ย์  มคี วามเพียรพยายาม กระตอื รือรน้ ในการเรยี นและปฏบิ ัตงิ าน  ใหค้ วามร่วมมือกับผู้อืน่ ด้วยความเต็มใจและจรงิ ใจ 6. กระบวนการจดั การเรียนรู้ 6.1 ขั้นนาเข้าสู่บทเรียน 1. เชค็ ช่อื นกั เรยี น ตรวจความเรียบรอ้ ยการแตง่ กาย และอุปกรณก์ ารเรยี น 2. ครูชี้แจงวัตถุประสงคห์ น่วยการเรียนรูป้ ระจาหน่วย และเกณฑ์การวัดผลประเมนิ ผล 6.2 ขนั้ สอน 3. ทาแบบทดสอบกอ่ นเรยี น 10 นาที เพือ่ ทดสอบวา่ นกั เรยี นมีความรู้พนื้ ฐานในระดบั ใด 4. ครอู ธิบายพร้อมสาธติ เนอ้ื หาแต่ละหัวข้อ 5. ครใู หน้ กั เรยี นฝกึ ปฏิบัตติ ามการสาธิตหรอื ปฏิบตั ติ ามข้ันตอนในแบบเรียน 6. สงั เกตและช่วยนักเรยี นแก้ไขปัญหาขณะปฏบิ ัตงิ าน

7. ครูอธิบายการทางานของระบบเครอื ข่าย 8. ครูสาธิตให้นักเรียนดูเก่ียวกับรูปแบบของเครือข่ายแต่ละประเภทและข้อดี ข้อเสียของการ ใช้งานแตล่ ะแบบ และให้นกั เรยี นลองออกแบบเครือขา่ ยของงานต่างๆ 6.3 ขนั้ สรุป 9. ครสู ังเกต และชว่ ยนกั ศึกษาแก้ไขปญั หาขณะฝึกหัด 10. ครูและนกั เรยี นชว่ ยกันสรปุ ความรู้และทักษะท่ีได้รบั จากการปฏิบัติ 7. สอื่ การเรียนรู้ 1. เคร่ืองคอมพิวเตอร์ 2. โปรเจค็ เตอร์ 8. กระบวนการวัดผลประเมินผล 8.1 ประเมินความรู้ก่อนเรยี น : การตอบคาถาม 8.2 ประเมินผลการเรียนระหวา่ งเรียน 8.2.1 แบบประเมินผลการทากิจกรรม : แบบประเมินผลการทากิจกรรมกลุ่ม 8.2.2 แบบประเมินคณุ ธรรม จรยิ ธรรม : สังเกตพฤตกิ รรมการเรยี น 8.3 ประเมินความรู้หลงั เรียน : แบบทดสอบหลงั เรียน 9.แบบฝกึ หัด/ใบงาน/ความรู้ 1.แบบประเมนิ กอ่ นเรียนหนว่ ยที่ 2 2.แบบประเมนิ หลังเรยี นหน่วยท่ี 2 3.ใบงาน 10. เอกสารอา้ งองิ /เอกสารอา้ งอิงออนไลน์ 3. หนงั สอื , E-book, Elearning, Website ที่เกย่ี วข้อง

11. บันทึกหลังการสอน 11.1 ผลการใช้แผนการเรียนรู้ จดั การเรยี นรู้ (ระบดุ ้วยการทาเคร่อื งหมาย / ในชอ่ ง ท่ีไดป้ ฏิบตั ิ ) ได้ตามแผนการเรียนรู้ ไมไ่ ดต้ ามแผนการเรียนรู้ (ระบเุ หตุผล)…………………………………………… 11.2 ผลการเรยี นของผู้เรยี น (บรรยายผลการเรียนในแตล่ ะดา้ นตามสภาพจรงิ ) 1) ดา้ นความรู้ (ประเมนิ จากแบบฝกึ หดั /แบบทดสอบกอ่ นเรียน/หลังเรียน) .............................................................................................................................................................................. 2) ด้านทักษะ (ประเมินผลงานจากใบงาน/ใบกจิ กรรม/ช้นิ งาน ฯลฯ) ................................................................................................................................ .............................................. 3) ดา้ นจิตพิสัย (ประเมินจากแบบสังเกตและการตรวจผลงาน) .......................................................................................................................................................... .................... .............................................................................................................................................................................. 11.3 ผลการสอนของครู (ข้อ 2) - 6) ระบดุ ้วยการทาเคร่อื งหมาย / ในชอ่ ง ทไ่ี ด้ปฏิบัติ) 1) ใชเ้ ทคนิควธิ กี ารสอนทมี่ ุง่ เน้นสมรรถนะอาชีพ จานวน........วิธี ไดแ้ ก่ (ระบุเทคนิควิธกี ารสอนแต่ละวธิ )ี (1)..................................................................................................... (2)................................................................................................... (3)..................................................................................................... 2) มกี ารบรู ณาการคุณธรรม จริยธรรม คา่ นยิ มและคุณลกั ษณะอันพึงประสงค์ (ระบ)ุ .................................................................................................................................... ไม่บูรณาการคุณธรรม จริยธรรม ค่านยิ มและคุณลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์ (ระบุเหตผุ ล) ....................................................................... 3) มีการบูรณาการปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง ทุกหน่วย/บท ที่จัดการเรียนการสอน (ระบ)ุ ................................................................................................................................................................... ไมบ่ ูรณาการปรชั ญาของเศรษฐกิจพอเพียง (ระบุเหตุผล)…………………………............ 4) มกี ารใช้สื่อและเทคโนโลยที ่เี หมาะสมในการสอน ได้แก่ (ระบสุ อื่ และเทคโนโลยที ีเ่ หมาะสมที่ม/ี ทีใช้/ท่ีผลติ /ที่จดั หา)…………………………………… .............................................................................................................................................................................. ไมใ่ ชส้ ่ือและเทคโนโลยที ีเ่ หมาะสมในการสอน (ระบเุ หตผุ ล)......................................... 5) วดั ผลและประเมนิ ผลตามแผนการเรยี นรู้ (ระบวุ ธิ ีการวัดและประเมินผล/จานวนครั้ง) .............................................................................................................................................................................. วัดผลและประเมนิ ผลไมเ่ ป็นไปตามแผนการเรยี นร้(ู ระบุเหตุผล)

.............................................................................................................................................................................. 6) ผู้เรยี นมสี ว่ นรว่ มในการวัดผลและประเมินผล ผเู้ รียนไม่มีส่วนร่วมในการวัดผลและประเมินผล(ระบุเหตุผล)........................................ 11.4 ปญั หา แนวทางการแก้ปัญหาและข้อเสนอแนะ .............................................................................................................................................................................. ( นางสาวสรัญญา ชมุ ชนะ) ครผู สู้ อน ……../………………………../………… ความเห็นหัวหน้าแผนกวชิ า ....................................................................................................................................................................... (นายเกษมสันต์ สังข์ทอง) ……../………………………../………… ความเห็นรองผู้อานวยการฝ่ายวิชาการ .................................................................................................................................................................... ( นายวนิ ยั หมื่นรักษ์ ) ……../………………………../………… ผลการพิจารณา ......................................................................................................................................... ..................................... (นายอภิชาติ พิกุลทอง) ผู้อานวยการวิทยาลยั การอาชพี พรหมครี ี ……../………………………../…………

ใบความร้ทู ่ี 2

แบบประเมินผลการเรยี นรู้หนว่ ยที่ 2 1. การส่ือสารข้อมลู มีความหมายวา่ อยา่ งไร …………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………… 2. เหตใุ ดจงึ ต้องนาเอาระบบเครือขา่ ยคอมพิวเตอร์เข้ามาชว่ ยในการทางาน …………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………… 3. ระบบเครือขา่ ยมีข้อดี ข้อเสียอยา่ งไรบ้าง ยกตวั อยา่ งประกอบ …………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………… 4. สายเคเบลิ ที่ได้รับความนิยมอยา่ งแพร่หลายมากท่ีสดุ คือสายชนดิ ใด มีลกั ษณะโดยทวั่ ไปอยา่ งไร …………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………… 5. วิธีการทางานแบบ CSMA/CD ท่ีใช้ในระบบเครือขา่ ย สรุปมาพอเข้าใจ …………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………… 6. Server และ Client มีความหมายวา่ อยา่ งไร สรุปมาพอเข้าใจ …………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………

7. HUB คืออะไร เอามาใช้ประโยชน์ได้อยา่ งไรกบั ระบบเครือขา่ ย …………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………… 8. จงยกตวั อยา่ งมาตรฐานของ Ethernet ความเร็วสงู พร้อมทงั้ อธิบายมาพอเข้าใจ …………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………… 9. สายโคแอกเชียลมีลกั ษณะโดยทวั่ ไปอยา่ งไร …………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………… 10. หนา้ ที่หลกั ของอุปกรณ์ Route คืออะไร …………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………

แบบประเมินผลการเรียนรู้หลงั เรียนหน่วยท่ี 2 คาชแ้ี จง จงทาเคร่อื งหมายกากบาท () หนา้ ข้อทเ่ี ห็นวา่ ถูกตอ้ งท่สี ุดเพยี งขอ้ เดียว 1. เครอื ขา่ ยคอมพวิ เตอร์หมายถงึ ข้อใด ก. การนาอุปกรณท์ ี่ใช้ในการสื่อสารมาตอ่ กันมากกวา่ 2 เครอ่ื งขึน้ ไป ข. การรบั –ส่งขอ้ มูลขา่ วสารได้อยา่ งรวดเร็วของเครื่องคอมพวิ เตอร์ ค. การนาเครอ่ื งคอมพวิ เตอรต์ ัง้ แต่ 2 เครื่องข้ึนไป เชื่อมตอ่ ผา่ นส่อื ในการสอื่ สารขอ้ มูล ง. การตดิ ต่อสือ่ สาร แลกเปลยี่ นข้อมลู ระหวา่ งผใู้ ช้งานในระบบเครอื ข่าย 2. ขอ้ ใดคอื ประโยชนข์ องเครอื ข่ายคอมพิวเตอร์ ก. ชว่ ยในการประมวลผลขอ้ มลู ทแ่ี มน่ ยา ข. ลดการใชท้ รพั ยากรคอมพวิ เตอรท์ ี่สิ้นเปลอื ง ค. ใช้ในการติดตอ่ ส่อื สารระหว่างบคุ คล ง. ถูกทกุ ขอ้ 3. อปุ กรณ์ขอ้ ใดท่ีไมส่ ามารถใช้ร่วมกนั ในเครอื ขา่ ยได้ ก. เครอื่ งพิมพ์ ข.สแกนเนอร์ ค. แปน้ พมิ พ์ ง. ฮาร์ดดสิ ก์ 4. ถ้านักศกึ ษาต้องการติดต้งั เครือขา่ ยเพ่อื ใช้รว่ มกนั ภายในอาคารเดยี วกันควรเลือกใช้เครือข่ายแบบใด ก. WAN ข.VAN ค. MAN ง. LAN 5. เครื่องคอมพิวเตอรป์ ระเภทใดท่ีทาหน้าที่ขอบรกิ ารต่าง ๆ ไปยังเครอื่ งแม่ข่าย ก. เครอ่ื งไคลเอนต์ ข.เคร่ืองเซิร์ฟเวอร์ ค.เครือ่ งฮบั ง.เครอื่ งแมข่ า่ ย 6. เทคโนโลยีสารสนเทศใดกอ่ ใหเ้ กดิ ผลด้านการเสริมสร้างความเทา่ เทยี มกันในสงั คม ก. การสร้างสอ่ื คอมพวิ เตอร์ชว่ ยสอน ข. การพยากรณอ์ ากาศ ค. ควบคมุ เครือ่ งปรับอากาศ ง. ระบบการเรยี นการสอนทางไกล 7. ขอ้ ใดไม่ใช่อปุ กรณท์ ่ีช่วยงานด้านสารสนเทศ ก. เคร่ืองมนิ ิคอมพวิ เตอร์ ข.โทรทศั น์ วทิ ยุ ค.เครอ่ื งถ่ายเอกสาร ง.เครอ่ื งโทรสาร 8. ข้อใดคือการประยกุ ตใ์ ช้งานเทคโนโลยีสารสนเทศ ก. การติดต่อขอ้ มูลทางเครือข่าย ข. ระบบการโอนถา่ ยเงนิ ทางอเิ ลก็ ทรอนกิ ส์ ค. บัตรเอทเี อ็ม บัตรเครดิต ง. ถูกทกุ ขอ้ 9. เทคโนโลยีสารสนเทศหมายถึงข้อใด ก. ขอ้ มลู ตา่ ง ๆ ทีเ่ ก่ียวกับเทคโนโลยี ข. การประยุกตเ์ อาความรูม้ าทาใหเ้ กิดประโยชนต์ ่อมวลมนุษย์ ค. การนาเอาคอมพิวเตอร์มาใช้ในการจัดเก็บข้อมลู ง. การนาเทคโนโลยีดา้ นคอมพิวเตอรม์ าสร้างขอ้ มลู เพ่ิมให้กับสารสนเทศ 10. เครอ่ื งมือทีส่ าคญั ในการในการจดั การสารสนเทศในยคุ เทคโนโลยีสารสนเทศคืออะไร ก. คอมพิวเตอร์ ข.เทคโนโลยีการส่ือสาร ค.สารสนเทศ ง.ถกู ทุกข้อ

แผนการจัดการเรยี นรทู้ ่ี 3 หนว่ ยที่ 3 ช่อื วิชา เทคโนโลยีสารสนเทศเพื่อการจดั การอาชีพ (3001–2001) เวลาเรียนรวม 72 คาบ ช่ือหนว่ ย การสืบค้นข้อมลู สารสนเทศ สอนคร้งั ที่ 5-6 ชอ่ื เรอื่ ง การสืบค้นขอ้ มลู สารสนเทศ จานวน 8 คาบ 1. สาระสาคัญ ศึกษาการให้บริการค้นหาและเข้าถึงข้อมูลโดยผ่าน World Wide Web (WWW) หรือ ที่เรียกกันย่อ ๆว่า เวบ็ (Web)การบรกิ ารแลกเปลี่ยนข่าวสารข้อมูล เช่น จดหมายอิเล็กทรอนิกส์(E-mail/Electronic mail) การสนทนาทางเครอื ขา่ ย(Chat rooms)หรอื ฟอร์ม(Forum) การใช้บรกิ าร การใชค้ อมพิวเตอร์ทางไกล 2. จุดประสงค์การเรยี นรู้ 2.1 จุดประสงคท์ ัว่ ไป 1. เข้าใจเก่ียวกบั วิธกี ารสืบค้นขอ้ มูลทางระบบสารสนเทศ 2. เขา้ ใจการเปดิ ใช้ World Wide Web (WWW) 3. เขา้ ใจการใชง้ านโปรแกรมตา่ งๆ ทีม่ มี าให้ 4. มีคุณธรรม จริยธรรมในการใชง้ านระบบเครือข่ายสารสนเทศ 2. 2 จดุ ประสงค์เชิงพฤตกิ รรม 1. เรยี กใช้งานสืบค้นขอ้ มูลทางระบบสารสนเทศ 2. สามารถเปดิ ใช้ World Wide Web (WWW) 3. สามารถใช้งาน จดหมายอิเล็กทรอนิกส์ (E-mail) 4. สามารถใชง้ าน Google Drive 5. สามารถใช้งาน Line/Face 3. สาระการเรียนรู้ 1. เรียกใชง้ านสืบคน้ ข้อมูลทางระบบสารสนเทศ 2. สามารถเปิดใช้ World Wide Web (WWW) 3. สามารถใช้งาน จดหมายอเิ ลก็ ทรอนกิ ส์ (E-mail) 4. สามารถใชง้ าน Google Drive 5. สามารถใช้งานดา้ นการส่งผา่ นขอ้ มูลด้วย Google Drive 4. สมรรถนะประจาหนว่ ย 1. จรรยาบรรณวิชาชพี 2. ใช้ระบบสารสนเทศในการสืบคน้ ขอ้ มลู ได้หลายชอ่ งทาง 5. วเิ คราะห์ตามหลักปรชั ญาเศรษฐกิจพอเพยี ง 5.1 ความพอประมาณ

 ผเู้ รียนจดั สรรเวลาในการฝกึ ปฏิบตั ไิ ด้อยา่ งเหมาะสม  ผเู้ รียนรู้จักใชอ้ ปุ กรณ์และวสั ดุอยา่ งประหยัดและค้มุ คา่  ผูเ้ รียนเปน็ สมาชิกทดี่ ีของกลุ่ม 5.2 ความมีเหตุผล  เห็นความสาคัญของการนาไปใช้งานให้เกดิ ประโยชน์อยา่ งคมุ้ คา่  กลา้ ยอมรับความคิดเห็นของผอู้ ืน่  เลอื กใช้วสั ดใุ หเ้ หมาะสมกับงาน 5.3 การมีภมู คิ ุ้มกนั ในตัวที่ดี  มที ักษะในการจดั แสดงช้ินงานไดอ้ ย่างเหมาะสม  สอื่ ความหมายในการใช้งานได้อย่างมปี ระสทิ ธิภาพ  กล้าซกั ถามปญั หาหรือขอ้ สงสัยตา่ ง ๆ อยา่ งเปน็ เหตุเป็นผล 5.4 เงือ่ นไขความรู้  ผู้เรยี นไดใ้ ชก้ ระบวนการคิดในการแสดงผลงานทไ่ี ดร้ บั มอบหมาย  ปฏบิ ตั ิด้วยความละเอียดและรอบคอบ  มีความรเู้ กยี่ วกบั หลกั ปรชั ญาเศรษฐกจิ พอเพียงและนาไปปรับใช้ได้ดี 5.5 เง่อื นไขคณุ ธรรม  ปฏบิ ตั ิงานท่ไี ด้รบั มอบหมายอยา่ งถูกตอ้ งและซ่ือสัตย์  มคี วามเพียรพยายาม กระตือรือร้นในการเรียนและปฏิบัติงาน  ใหค้ วามร่วมมอื กับผูอ้ ื่นดว้ ยความเตม็ ใจและจรงิ ใจ 6. กระบวนการจัดการเรียนรู้ 6.1 ขัน้ นาเขา้ สู่บทเรียน 1. เชค็ ช่ือนักเรียน ตรวจความเรียบร้อยการแต่งกาย และอปุ กรณ์การเรียน 2. ครชู ้แี จงวตั ถปุ ระสงคห์ น่วยการเรยี นรู้ประจาหนว่ ย และเกณฑ์การวัดผลประเมินผล 6.2 ขัน้ สอน 3. ครอู ธิบายพรอ้ มสาธิตการใช้งานในรปู แบบตา่ ง ๆ พรอ้ มขัน้ ตอนการทางาน 4. ครูสังเกต และช่วยนักศึกษาแก้ไขปัญหาขณะฝึกปฏิบัติ ใช้งานแต่ละแบบ และให้นักเรียน ลองออกแบบเครอื ขา่ ยของงานตา่ งๆ 6.3 ขน้ั สรุป 5. ครสู งั เกต และชว่ ยนกั ศึกษาแกไ้ ขปญั หาขณะฝึกหัด 6. ครแู ละนักเรยี นช่วยกันสรปุ ความรู้และทักษะท่ไี ด้รบั จากการปฏิบัติ

7. ส่ือการเรียนรู้ 1. เคร่ืองคอมพิวเตอร์ 2. โปรเจค็ เตอร์ 8. กระบวนการวดั ผลประเมินผล 8.1 ประเมนิ ความรู้กอ่ นเรยี น : การตอบคาถาม 8.2 ประเมินผลการเรยี นระหวา่ งเรยี น 8.2.1 แบบประเมินผลการทากจิ กรรม : แบบประเมินผลการทากจิ กรรมกลุ่ม 8.2.2 แบบประเมินคณุ ธรรม จริยธรรม : สงั เกตพฤตกิ รรมการเรียน 8.3 ประเมินความรหู้ ลงั เรียน : แบบทดสอบหลงั เรียน 9.แบบฝกึ หดั /ใบงาน/ความรู้ 1.แบบประเมินก่อนเรยี นหนว่ ยที่ 3 2.แบบประเมนิ หลังเรยี นหน่วยที่ 3 3.ใบงาน 10. เอกสารอา้ งอิง/เอกสารอา้ งอิงออนไลน์ 3. หนงั สอื , E-book, Elearning, Website ทเี่ ก่ยี วขอ้ ง

11. บนั ทึกหลังการสอน 11.1 ผลการใชแ้ ผนการเรยี นรู้ จัดการเรียนรู้ (ระบุดว้ ยการทาเครื่องหมาย / ในช่อง ที่ได้ปฏิบัติ ) ไดต้ ามแผนการเรยี นรู้ ไมไ่ ดต้ ามแผนการเรียนรู้ (ระบุเหตุผล)…………………………………………… 11.2 ผลการเรียนของผู้เรียน (บรรยายผลการเรียนในแต่ละด้านตามสภาพจริง) 1) ดา้ นความรู้ (ประเมนิ จากแบบฝึกหดั /แบบทดสอบกอ่ นเรียน/หลังเรียน) .............................................................................................................................................................................. 2) ดา้ นทกั ษะ (ประเมินผลงานจากใบงาน/ใบกิจกรรม/ชิ้นงาน ฯลฯ) .............................................................................................................................................................................. 3) ด้านจติ พสิ ยั (ประเมินจากแบบสังเกตและการตรวจผลงาน) .............................................................................................................................................................................. ............................................................................................................................................................................ .. 11.3 ผลการสอนของครู (ขอ้ 2) - 6) ระบดุ ้วยการทาเครื่องหมาย / ในชอ่ ง ที่ได้ปฏบิ ัติ) 1) ใชเ้ ทคนิควิธกี ารสอนทมี่ ุง่ เน้นสมรรถนะอาชพี จานวน........วิธี ได้แก่ (ระบเุ ทคนิควิธีการสอนแตล่ ะวิธี) (1)..................................................................................................... (2)................................................................................................... (3)............................................................................................ ......... 2) มกี ารบรู ณาการคณุ ธรรม จรยิ ธรรม ค่านยิ มและคณุ ลักษณะอันพงึ ประสงค์ (ระบุ).................................................................................................................................... ไม่บูรณาการคณุ ธรรม จรยิ ธรรม ค่านยิ มและคณุ ลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์ (ระบุเหตผุ ล) ....................................................................... 3) มีการบูรณาการปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง ทุกหน่วย/บท ท่ีจัดการเรียนการสอน (ระบุ)................................................................................................................................................................... ไม่บูรณาการปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพยี ง (ระบเุ หตผุ ล)…………………………............ 4) มกี ารใชส้ อ่ื และเทคโนโลยที ่เี หมาะสมในการสอน ได้แก่ (ระบสุ อ่ื และเทคโนโลยีท่ีเหมาะสมทม่ี ี/ทใี ช้/ทผี่ ลติ /ท่ีจัดหา)…………………………………… .............................................................................................................................................................................. ไม่ใช้ส่อื และเทคโนโลยีทีเ่ หมาะสมในการสอน (ระบเุ หตผุ ล)......................................... 5) วดั ผลและประเมินผลตามแผนการเรยี นรู้ (ระบุวธิ กี ารวดั และประเมนิ ผล/จานวนครง้ั ) .............................................................................................................................................................................. วดั ผลและประเมินผลไม่เปน็ ไปตามแผนการเรยี นรู้(ระบุเหตุผล)

.............................................................................................................................................................................. 6) ผู้เรยี นมสี ว่ นรว่ มในการวัดผลและประเมินผล ผเู้ รียนไม่มีส่วนร่วมในการวัดผลและประเมินผล(ระบุเหตุผล)........................................ 11.4 ปญั หา แนวทางการแก้ปัญหาและข้อเสนอแนะ .............................................................................................................................................................................. ( นางสาวสรัญญา ชมุ ชนะ) ครผู สู้ อน ……../………………………../………… ความเห็นหัวหน้าแผนกวชิ า ....................................................................................................................................................................... (นายเกษมสันต์ สังข์ทอง) ……../………………………../………… ความเห็นรองผู้อานวยการฝ่ายวิชาการ .................................................................................................................................................................... ( นายวนิ ยั หมื่นรักษ์ ) ……../………………………../………… ผลการพิจารณา ......................................................................................................................................... ..................................... (นายอภิชาติ พิกุลทอง) ผู้อานวยการวิทยาลยั การอาชพี พรหมครี ี ……../………………………../…………

แผนการจัดการเรียนรทู้ ี่ 4 หน่วยท่ี 4 ชือ่ วิชา เทคโนโลยีสารสนเทศเพ่อื การจัดการอาชพี (3001–2001) เวลาเรยี นรวม 72 คาบ ชอ่ื หนว่ ย การจดั เกบ็ สืบค้น ส่งผา่ นข้อมูลสารสนเทศ สอนคร้ังที่ 7 ช่ือเรอ่ื ง การจัดเกบ็ สืบค้น สง่ ผา่ นขอ้ มูลสารสนเทศ จานวน 4 คาบ 1. สาระสาคญั ศึกษาเกี่ยวกบั การจัดเก็บข้อมูลจากการค้นหาในระบบสารสนเทศ การเตรียมการสืบค้น สารสนเทศ เทคนคิ การสบื คน้ ข้อมลู การดาเนินเกี่ยวกับไฟลข์ ้อมูล ประเภทของไฟลใ์ นระบบสารสนเทศ 2. จดุ ประสงคก์ ารเรยี นรู้ 2.1 จุดประสงค์ท่วั ไป 1. การใชร้ ะบบสารสนเทศในการสบื ค้นขอ้ มลู ได้ 2. การจัดเกบ็ ขอ้ มลู ทีไ่ ด้รบั จากการสบื คน้ 3. จรรยาบรรณในวชิ าชีพ ของการใชง้ านระบบสารสนเทศ 2.2 จดุ ประสงคเ์ ชงิ พฤตกิ รรม 1. สามารถใช้งานการจัดเกบ็ ขอ้ มลู สารสนเทศ 2. ปฏิบัตวิ ธิ กี ารเตรียมการสืบคน้ ข้อมลู สารสนเทศ 3. รู้เทคนิคการสบื คน้ ขอ้ มลู สารสนเทศ 4. สามารถดาเนนิ การเกีย่ วกับขอ้ มลู ทีไ่ ดจ้ ากการสืบคน้ 5. การแยกประเภทของไฟล์ 3. สาระการเรียนรู้ 1. การจัดเก็บข้อมลู สารสนเทศ 2. ปฏิบัตวิ ิธกี ารเตรยี มการสบื คน้ ข้อมลู สารสนเทศ 3. เทคนิคการสืบคน้ ข้อมูลสารสนเทศ 4. ดาเนนิ การเกย่ี วกับขอ้ มลู ทไ่ี ด้จากการสบื คน้ 5. แยกประเภทของไฟล์ 4. สมรรถนะประจาหน่วย 1. สามารถใชง้ านการจดั เก็บขอ้ มูลสารสนเทศ 2. ร้วู ิธกี ารเตรยี มการสืบคน้ ขอ้ มลู สารสนเทศ 3. รเู้ ทคนคิ การสืบค้นขอ้ มูลสารสนเทศ 4. สามารถดาเนนิ การเกีย่ วกบั ขอ้ มูลท่ไี ด้จากการสืบคน้ 5. รปู้ ระเภทของไฟล์

5. วิเคราะห์ตามหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพยี ง 5.1 ความพอประมาณ  ผเู้ รียนจดั สรรเวลาในการฝึกปฏิบัตไิ ด้อย่างเหมาะสม  ผเู้ รยี นร้จู ักใช้อุปกรณแ์ ละวัสดุอย่างประหยัดและคุม้ คา่  ผูเ้ รยี นเป็นสมาชิกท่ีดขี องกลุ่ม 5.2 ความมเี หตุผล  เห็นความสาคัญของการนาไปใช้งานให้เกดิ ประโยชน์อย่างคุ้มค่า  กล้ายอมรับความคิดเห็นของผู้อน่ื  เลอื กใช้วัสดุใหเ้ หมาะสมกับงาน 5.3 การมีภูมิคุม้ กันในตัวที่ดี  มีทักษะในการจัดแสดงชิน้ งานไดอ้ ยา่ งเหมาะสม  สอ่ื ความหมายในการใช้งานไดอ้ ยา่ งมปี ระสิทธิภาพ  กล้าซกั ถามปัญหาหรอื ข้อสงสัยตา่ ง ๆ อย่างเป็นเหตุเปน็ ผล 5.4 เงอื่ นไขความรู้  ผู้เรยี นไดใ้ ชก้ ระบวนการคิดในการแสดงผลงานที่ได้รบั มอบหมาย  ปฏิบตั ดิ ว้ ยความละเอยี ดและรอบคอบ  มีความรเู้ ก่ยี วกบั หลกั ปรชั ญาเศรษฐกิจพอเพยี งและนาไปปรบั ใช้ไดด้ ี 5.5 เง่อื นไขคุณธรรม  ปฏบิ ตั ิงานทไี่ ดร้ ับมอบหมายอยา่ งถกู ตอ้ งและซื่อสัตย์  มคี วามเพยี รพยายาม กระตือรอื ร้นในการเรียนและปฏบิ ตั ิงาน  ใหค้ วามร่วมมอื กบั ผ้อู ืน่ ด้วยความเต็มใจและจริงใจ 6. กระบวนการจดั การเรยี นรู้ 6.1 ข้ันนาเขา้ สูบ่ ทเรยี น 1. เช็คชอ่ื นักเรียน ตรวจความเรียบร้อยการแตง่ กาย และอุปกรณก์ ารเรียน 2. ครชู ีแ้ จงวัตถุประสงคห์ น่วยการเรยี นรูป้ ระจาหน่วย และเกณฑ์การวัดผลประเมินผล 6.2 ขั้นสอน 1. ครทู บทวนบทเรียนท่ผี ่านมาเรอื่ งการสบื คน้ ข้อมลู และอธิบายเน้ือหาต่อจากคร้ังท่ีผ่านมา มี การซักถาม พดู คุยเกยี่ วกบั เน้อื หาการจดั เก็บข้อมูลสารสนเทศทไ่ี ด้จากการสบื ค้น 2. ครอู ธบิ ายขัน้ ตอนการสบื คน้ ขอ้ มูลสารสนเทศ 3. ครูสาธติ ใหน้ กั เรยี นดูเก่ียวกบั แตล่ ะหวั ขอ้ ของ การจดั เก็บขอ้ มลู ที่สบื ค้น 4. ครูสงั เกต และช่วยนกั ศกึ ษาแก้ไขปัญหาขณะฝึกปฏบิ ัติ

5. ครใู หน้ กั เรียนฝึกปฏิบตั ติ ามการสาธติ หรอื ปฏิบัติตามขนั้ ตอนในแบบเรยี น 6.3 ขั้นสรุป 6. สังเกตและช่วยนักเรียนแกไ้ ขปัญหาขณะปฏบิ ัตงิ าน 7. ครูกบั นกั เรียนสรปุ ด้วยกัน และแนะนานกั เรยี นเพมิ่ เติม 8. สังเกตจากการทาแบบฝึกหัดในหอ้ งเรียน 7. ส่ือการเรียนรู้ 1. เครือ่ งคอมพิวเตอร์ 2. โปรเจค็ เตอร์ 8. กระบวนการวดั ผลประเมนิ ผล 8.1 ประเมินความรูก้ อ่ นเรียน : การตอบคาถาม 8.2 ประเมินผลการเรยี นระหวา่ งเรยี น 8.2.1 แบบประเมนิ ผลการทากิจกรรม : แบบประเมินผลการทากจิ กรรมกลุ่ม 8.2.2 แบบประเมนิ คณุ ธรรม จรยิ ธรรม : สงั เกตพฤติกรรมการเรียน 8.3 ประเมนิ ความร้หู ลังเรียน : แบบทดสอบหลังเรียน 9.แบบฝกึ หดั /ใบงาน/ความรู้ 1.แบบประเมินก่อนเรียนหน่วยที่ 4 2.แบบประเมินหลงั เรยี นหน่วยที่ 4 3.ใบงาน 10. เอกสารอ้างองิ /เอกสารอา้ งอิงออนไลน์ 3. หนงั สือ, E-book, Elearning, Website ท่เี ก่ียวขอ้ ง

11. บนั ทึกหลังการสอน 11.1 ผลการใชแ้ ผนการเรยี นรู้ จัดการเรยี นรู้ (ระบดุ ้วยการทาเคร่อื งหมาย / ในช่อง ทไี่ ดป้ ฏิบัติ ) ไดต้ ามแผนการเรียนรู้ ไมไ่ ดต้ ามแผนการเรียนรู้ (ระบเุ หตุผล)…………………………………………… 11.2 ผลการเรียนของผูเ้ รียน (บรรยายผลการเรียนในแต่ละดา้ นตามสภาพจริง) 1) ด้านความรู้ (ประเมนิ จากแบบฝึกหดั /แบบทดสอบกอ่ นเรยี น/หลังเรยี น) .............................................................................................................................................................................. 2) ด้านทกั ษะ (ประเมินผลงานจากใบงาน/ใบกจิ กรรม/ชิน้ งาน ฯลฯ) .............................................................................................................................................................................. 3) ด้านจติ พสิ ยั (ประเมินจากแบบสังเกตและการตรวจผลงาน) .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. 11.3 ผลการสอนของครู (ขอ้ 2) - 6) ระบุด้วยการทาเครื่องหมาย / ในชอ่ ง ที่ไดป้ ฏบิ ัต)ิ 1) ใชเ้ ทคนิควธิ ีการสอนทมี่ งุ่ เนน้ สมรรถนะอาชีพ จานวน........วิธี ได้แก่ (ระบเุ ทคนิควธิ ีการสอนแต่ละวิธ)ี (1)..................................................................................................... (2)................................................................................................... (3)..................................................................................................... 2) มกี ารบูรณาการคณุ ธรรม จริยธรรม คา่ นิยมและคุณลกั ษณะอันพึงประสงค์ (ระบุ).................................................................................................................................... ไม่บูรณาการคุณธรรม จริยธรรม คา่ นิยมและคณุ ลกั ษณะอันพึงประสงค์ (ระบุเหตผุ ล) ....................................................................... 3) มีการบูรณาการปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง ทุกหน่วย/บท ท่ีจัดการเรียนการสอน (ระบุ)................................................................................................................................................................... ไม่บูรณาการปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง (ระบเุ หตผุ ล)…………………………............ 4) มกี ารใชส้ ่อื และเทคโนโลยที ีเ่ หมาะสมในการสอน ได้แก่ (ระบสุ ือ่ และเทคโนโลยที เ่ี หมาะสมท่มี ี/ทใี ช/้ ทผี่ ลิต/ท่จี ดั หา)…………………………………… .............................................................................................................................................................................. ไม่ใช้สอ่ื และเทคโนโลยีท่ีเหมาะสมในการสอน (ระบเุ หตผุ ล)......................................... 5) วดั ผลและประเมินผลตามแผนการเรียนรู้ (ระบุวิธีการวดั และประเมินผล/จานวนครัง้ ) .............................................................................................................................................................................. วดั ผลและประเมินผลไม่เป็นไปตามแผนการเรียนร(ู้ ระบุเหตุผล)

.............................................................................................................................................................................. 6) ผู้เรยี นมีสว่ นรว่ มในการวดั ผลและประเมนิ ผล ผูเ้ รยี นไมม่ ีส่วนร่วมในการวัดผลและประเมนิ ผล(ระบเุ หตุผล)........................................ 11.4 ปัญหา แนวทางการแกป้ ัญหาและข้อเสนอแนะ .............................................................................................................................................................................. ( นางสาวสรญั ญา ชุมชนะ) ครผู ้สู อน ……../………………………../………… ความเหน็ หัวหน้าแผนกวิชา ....................................................................................................................................................................... (นายเกษมสนั ต์ สังข์ทอง) ……../………………………../………… ความเห็นรองผอู้ านวยการฝา่ ยวิชาการ .................................................................................................................................................................... ( นายวนิ ัย หม่นื รักษ์ ) ……../………………………../………… ผลการพิจารณา .............................................................................................................................................................................. (นายอภชิ าติ พิกลุ ทอง) ผูอ้ านวยการวิทยาลัยการอาชพี พรหมครี ี ……../………………………../…………